คุณบุรุษไปรษณีย์ที่รัก (จบแล้ว) ตอนพิเศษ สัญญา 16-02-2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณบุรุษไปรษณีย์ที่รัก (จบแล้ว) ตอนพิเศษ สัญญา 16-02-2561  (อ่าน 255573 ครั้ง)

ออฟไลน์ saruwatari_guy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
พี่ปุ่นคะ ....น้องกลัวเต็มจะ อาละวาดน่ะสิ เดฌกแสบนั่นน่ะะะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ghostreader

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เต็มยังไม่ตอบตกลงอะไรเลย ยังจะมีคุณย่ากับคุณลุงทหารมาป่วนเข้าไปอีก
ตามอ่านมาตั้งแต่เรื่องเธอเป็นท้องฟ้า เรื่องของผู้แต่ง ดูกลมกล่อมนุ่มนวลมากครับ

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
อัยยะ พาครอบครัวมาดูตัวถึงลำปางเลย พี่ปุ่นแมนมากอ่ะ กล้าสารภาพกับที่บ้านตรงๆ สุดยอด
ชอบเวลาที่เต็มกับตามเล่นกันอ่ะ น่ารักจริงๆพี่น้องคู่นึ้
เนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแล้ว แบบว่าไม่อยากพลาดซักตอนเลยค่าาา
มาต่ออีกนะคะ

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
พี่ปุ่นนนนนนนนนน มัดมือชกปะเนี่ย ฮาาาาาาาาาาาา
แกรู้ได้ไงว่าเต็มคิดยังไง ทำไมกล้าาาาาาาาาา
แต่พี่ปุ่นนี่ปากร้ายกว่าที่คิดไว้นะ ฮาาา พูดแต่ละอย่าง ชวนเงิบทั้งนั้นน

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

ออฟไลน์ แป้งข้าวหมาก

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
โห...พี่ปุ่นสุดยอดมากอ่ะ o13

ละน้องเต็มจะว่าไงน๊อ  :hao3:
รอๆ

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
 o13 พี่ปุ่นสุดยอด แต่ด่านที่ยากน่าจะเป็นนะนี่เจ้าตัวเขารู้หรือยังหว่า อิอิ คุณลุงทหารค่ะช่วยรบกวนเก็บลูกชายให้ดีๆอย่ามาป่วนทั้งพ่อทั้งลูกน้าาาา

เรื่องนี้เสียน้ำตามาหลายรอบแระไม่อยากเสียอีกอะ

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
พี่ปุ่นเปิดตัวอลังการเลย ว่าแต่เต็มรู้ตัวหรือยังเนี่ยว่าโดนพี่ปุ่นจีบ :m20:
น้องตามจะมีคนมาดูแลไหมอ่ะ แบบอยากให้น้องนามเป็นเคะน้อยน่ารักอย่างนี้ตลอดไปเลย อิอิ :o8:
รู้สึกว่าเหมือนใกล้จะจบเลยอ่ะค่ะ เห็นเค้าความสุขลางๆนะ  :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4
พรีม - คนดี แฟนเก่าพี่ปุ่น
ภูมิ - ไอ้หมอแฟนเก่าเต็ม และเป็นน้องชายพรีม
คุณยุทธ - นายทหาร พ่อพรีมและภูมิ ที่ไปคอนโดและเจอกับเต็มวันที่ไอ้หมอภูมิจะข่มเหงเต็ม
ท่าทางว่าปุ่นกับเต็มจะงานเข้าเพราะครอบครัวนี้แน่ๆ
พี่ปุ่น!! สุดยอดมากที่ตัดสินใจบอกคุณพ่อไป เลยกลายเป็นได้พาผู้ใหญ่มาเจอกันซะเเลย
หวังว่าคุณย่าจะไม่ทำยุ่งไปมากกว่าเดิมขึ้นไปอีกนะคะ
เพราะแค่ครอบครัวพรีมก็น่าจะมีเรื่องทำให้วุ่นวายน่าดู
เต็มกับน้องตามน่ารัก เห็นโมเมนต์พี่กับน้องแล้วมีความสุข

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
รักแท้ย่อมมีอุปสรรค

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ปุ่นระหว่างโดนเต็มแหวงนะพี่ ไม่บอกไม่กล่าวเจ้าตัว

ออฟไลน์ tulakom5644

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
พี่ปุ่นแม่งงงงงงงงงงง แน่นอนว้าาาาาาาาาา สุดยอดค่ะ  เอาใจไปเบยคนพี่ มาทาบทามกันแบบแมนๆ ไปเลยยยยยยย :m3:

ออฟไลน์ bon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
ปุ่น นายสุดยอดมาก
แอบหลงรักน้องปุ้นเพิ่มอีกคน

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
คุณย่าชอบจับคู่มาตั้งกะสมัยพ่อแม่พี่ปุ่นแล้วนี่ คราวนี้จะจับคู่หลาน แอบสงสารเล็กน้อยที่ต้องแห้วทั้งสองครั้ง
โชคดีจริง ๆ ที่พี่ปุ่นมีพ่อคอยหนุนหลัง ไม่งั้นซวยต้องมีพ่อตาอย่างอิตายุทธ
แต่ไม่นึกไม่ฝันว่าพี่ปุ่นจะเอาจริงขนาดพาพ่อและย่ามาดูตัวเต็มฟ้า นายแน่มาก...
แล้วเต็มจะเล่นด้วยไหมนี่

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
พี่ปุ่นข้ามขั้นหรือเปล่ายังไม่ได้บอกเจ้าตัวเลยไปบอกผู้ใหญ่ซะแล้ว ถ้าเต็มปฎิเสธจะทำไงเนี่ย

ออฟไลน์ yamapong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อุกรี๊ดดดดดดด >////< พี่ปุ่น เท่ที่สุด น่ารักอ่ะ มาขออนุญาติพ่อก่อนด้วย อร๊ายยยย รักเลย เชียร์ๆ ช่วงนี้เต็มก็เริ่มแล้วแหละ พี่ปุ่นรุกเลยๆ

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
คือ...พี่ปุ่น...ไม่กลัวหน้าแหกเลยนะ
พฤติกรรมไหนของเต็มที่ทำให้พี่คิดว่าน้องมันมีใจหรือเล่นด้วยน่ะ ฮ้ะ?
ถ้ามาทาบทามตามนี่ ยังพอมีหวังมั้ย แค่รอให้น้องโต
แต่กับเต็มนี่ พี่อยากโดนต่อยว่างั้นเถอะ

เดี๋ยวรอดู feedback จากเต็มฟ้านะ ปูเสื่อก่อน

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอให้พี่ปุ่นชนะใจน้องเต็ม  เร็วๆ  นะจ๊ะ
เอาใจนะพี่ปุ่น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
พี่ปุ่นรุกเร็วมาก
ชอบแบบพี่ปุ่นจริงๆ แมนๆ ไปเลย

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
ชอบนิสัยแบบพี่ปุ่นมากกกกกกกกกกก
เป็นตัวของตัวเอง ที่น่าอิจฉา เค้ายังต้องเดินตามกรอบบ้าง
แต่พี่ปุ่นไม่ได้ก้าวร้าว แต่แค่ทำตามความฝันมากกว่าความพอใจของคนอื่น
ยิ่งเรื่องเต็มก็พูดซะออกมาตรงๆกับครอครัวทั้งตัวเองและครอบครัวเต็ม
อ๊ายยย เขินอะ ไม่รู้ทำไม


หวังว่าเต็มจะมีใจให้พี่ศิธาสักนิดน่าาาา

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
พี่ปุ่นออกตัวแรงเลยอ่ะ 55555+
พาคุณพ่อมาสู่ขอน้องเต็มแล้ว กรี๊ดดดดด >//////<

โมเม้นท์น้องตามให้พี่เต็มเล่าเรื่องแม่ให้ฟัง .. ซึ้งมากค่ะ ชอบมาก ^^

ขอบคุณมาก ๆ นะคะ +1

 :กอด1:

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ตอนที่ 16 : สนธิสัญญาระยะทดลอง



พ่อเลี้ยงตรัยจดรถก่อนเดินนำเพื่อนเก่าไปยังที่ตั้งของโรงนาที่ตอนนี้ปรับปรุงต่อเติมเป็นโรงงานเซมิกขนาดย่อม ๆ ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวที่ทำมาตั้งแต่ลูกชายคนโตยังเล็ก ชายวัยกลางคนผู้ไม่ทิ้งเค้าหน้าคมในวัยหนุ่มเดินสำรวจไปรอบ ๆ ราวกับจะซึมซับเอาไออุ่นของอดีตมาเก็บไว้ในตัวให้มากที่สุด ในที่สุดร่างสูงก็มาหยุดที่ริมลำธารมองดูต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ต้นใหญ่ยังคงยืนต้นตระหง่าน ดอกสีชมพูของมันเหมือนสีของความรักที่เคยผลิบานขึ้นที่นี่ ผืนดินโล่ง ๆ ปกคลุมด้วยต้นหญ้าเขียวขจีถัดจากตำแหน่งของต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ไปไม่ไกลเคยเป็นที่ตั้งของบ้านไม้ชั้นเดียวซึ่งปลูกเป็นเรือนหอชั่วคราวก่อนที่คู่รักคู่ใหม่จะช่วยกันเก็บรวบรวมเงินที่หาได้จากน้ำพักน้ำแรงเพื่อปลูกบ้านและเริ่มต้นชีวิตครอบอย่างสมบูรณ์ในที่ดินที่ฝ่ายหญิงได้รับเป็นมรดกตกทอด แต่แล้วโทรเลขแจ้งข่าวการเสียชีวิตของผู้เป็นพ่อก็ทำให้นายไปรษณีย์หนุ่มตัดสินใจขอย้ายกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ  ที่ดินบริเวณนี้จึงถูกขายให้กับผู้หญิงที่เคยรักซึ่งเป็นเพื่อนรักกับภรรยาของเขา



"ที่นี่แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยนะ"


"ดาวเขาตั้งใจเก็บเอาไว้ให้นวลน่ะ เผื่อว่าวันหนึ่งจะนายกับนวลจะอยากกลับมาใช้ชีวิตปั้นปลายกันที่นี่" พ่อเลี้ยงตรัยกล่าวขณะเดินมายืนเคียงข้างคนที่ความสูงไล่เลี่ยกัน "เสียดายก็แต่บ้านหลังนั้นที่ถูกพายุพัดพังในวันที่ดาวคลอดเจ้าตาม ตั้งแต่วันนั้นฉันก็แทบไม่มีกระจิตกระใจทำอะไรอีกเลย งานศพก็บอกกันแต่ในหมู่ญาติ ๆ นึกถึงนวลอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่รู้จะติดต่อได้ยังไง"
"ตอนที่เจ้าปุ่นบอกพวกเราว่าดาวเสียแล้ว นวลก็ตกใจจนเป็นลมไปเลย สองคนนั้นเขารักกันมากจริง ๆ นี่ถ้าดาวยังอยู่แล้ววันนี้นวลมาด้วยกันก็คงจะกอดกันร้องไห้แล้วละ"


คนฟังพยักหน้าเห็นด้วย ไม่เคยลืมภาพของสองสาวที่มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันชนิดที่เห็นดารกาที่ไหนจะต้องเห็นนวลตาที่นั่นเลย


“คงจะคุยเรื่องความหลังกับเรื่องลูก ๆ กันไม่หยุด”


"ขอโทษด้วยนะที่เจ้าปุ่นทำให้ต้องอึดอัด" ศิลป์หันมาสบตาอีกฝ่ายที่ยังคงทอดสายตามองไปยังอีกฝั่งของลำธาร


"ขอโทษทำไมกัน ลูกชายนายมันก็ตรงไปตรงมาเหมือนนายนั่นแหละ ยอมเสี่ยงทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง"


"อืม ตอนแรกที่เจ้าปุ่นมาบอก ทั้งฉันกับนวลแล้วก็คุณแม่ ทุกคนต่างก็พากันคิดว่าเด็กสองคนนั่นคงตกลงคบหากันไปแล้ว ตอนที่คุยกับนายเมื่อกี้ถึงรู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิด ตกใจอยู่เหมือนกัน แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่นี่นะ ลูกจะเป็นยังไงสุดท้ายก็เป็นลูกอยู่ดี"


"นายทำหน้าที่ของนายได้ดีที่สุดแล้วละ" พูดจบมือหนาก็วางบนบ่าของเพื่อนก่อนจะบีบเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ ตรัยเข้าใจความรู้สึกนี้ดีเพราะเขาเองก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน


"นายไม่รังเกียจ..."


"ฉันจะรังเกียจแต่เฉพาะคนที่เจ้าเต็มรังเกียจเท่านั้นแหละ"


เมื่อได้ฟังดังนั้นดวงตาคมก็ค่อยคลายความกังวลลงไปบ้าง ศิลป์ผ่อนลมหายใจยาว นั่นเพราะยังรู้สึกข้องใจเกี่ยวกับลูกชายของตัวเอง "ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าปุ่นมันคิดยังไงถึงขอร้องให้ฉันมาที่นี่ มาพูดกับนายเรื่องนี้ทั้งที่มันเองก็ยังไม่ตอบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าลูกชายนายคิดกับเรื่องนี้แบบไหน แต่คิดว่ามันคงมีเหตุผลของมัน ฉันเชื่อว่ามันคงคิดทบทวนมาดีแล้ว”


“เจ้านี่น่ะถ้าให้เดินตามทางที่คนอื่นเขียนให้ล่ะก็ไม่ยอมเด็ดขาด หรือถ้าจะให้เดินตามก็จะต้องมีเหตุผลเพียงพอที่จะตอบมันได้ว่าทำไมมันต้องทำแบบนั้น"


คนฟังหัวเราะในลำคอนึกถึงลูกชายตัวเองที่ช่างมีบุคลิกตรงกันข้ามกับที่เพื่อนกล่าวมาเหลือเกิน


"ส่วนเจ้าเต็มน่ะ ถึงใครจะมีเหตุผลดีแค่ไหน ถ้ามันเลือกแล้วว่าจะไม่ทำตามต่อให้บังคับขู่เข็ญมันก็จะยังยืนยันแบบนั้น เจ้านี่มันเป็นประเภทไม่ชอบให้ใครมาบังคับ บอกให้ไปทางซ้ายมันก็ดื้อไปทางขวา ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าทางซ้ายน่ะเป็นทางที่ถูกต้อง ฉันก็เลยมักจะปล่อยให้มันไปเผชิญโลกด้วยตัวของมันเอง ให้มันตัดสินใจเอาเอง ถ้าเรื่องไหนที่การตัดสินใจของมันผิดมันก็จะถอยกลับมา คนเป็นพ่ออย่างเราก็มีหน้าที่นั่งข้าง ๆ ลูกเวลาที่ลูกต้องการใครสักคน ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ทำอยู่นี่มันถูกหรือเปล่า หลาย ๆ ครั้งก็นึกเหมือนกันว่าถ้าดาวยังอยู่เขาจะสอนลูกว่ายังไง"


"ฉันเชื่อว่านายเลี้ยงลูกได้ดี นายทำหน้าที่ของพ่อและแม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด"


พ่อ ๆ ต่างสบตากันอย่างเข้าใจ จากนี้ไปก็คงปล่อยให้เป็นเรื่องของเด็ก ๆ ที่จะต้องตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตกันเอาเอง ส่วนคนพ่อก็คงทำได้เพียงคอยมองและเอาใจช่วยอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น


...



แม้นาฬิกาข้อมือจะบอกเวลาเกือบหกโมงเย็นแต่บรรยากาศยามเย็นในฤดูหนาวก็ดูเหมือนใกล้ค่ำเต็มที ดวงตะวันสีส้มสดที่เคลื่อนคล้อยคลอเคลียอยู่กับแนวทิวสนดูเหมือนว่าจะไม่ได้ทำหน้าที่ให้ความอบอุ่นอีกต่อไป มือเหี่ยวย่นควานหาสิ่งที่จะช่วยให้ความอบอุ่นในกระเป๋า ในที่สุดผ้าสีสวยที่ลูกสะใภ้เตรียมมาให้ก็ถูกคลี่ออก คุณนายยุพากระชับผ้าคลุมไหล่พลางทอดสายตาชมทิวทัศน์ของไร่แสงดาวจากใต้ร่มไม้ใหญ่ที่ปลายเนิน นึกทบทวนเหตุการณ์เมื่อวันที่หลานชายเข้ามากราบขอโทษที่พูดจาไม่ไว้หน้าและไม่เห็นความหวังดีของเธอที่ต้องการให้ศิธาพัฒน์และพีรนันท์ซึ่งเป็นอดีตคนรักได้กลับมาคบหากันอีกครั้ง นั่นเป็นเพราะคุณนายยุพาค่อนข้างพอใจในตัวลูกสาวนายทหารยศพันเอกผู้นี้อยู่มาก แถมสองครอบครัวยังสนิทสนมกันมานานนม ดังนั้นการได้ดองกันก็เข้าทำนองเรือล่มในหนองทองจะไปไหน 


วันนั้นศิธาพัฒน์อธิบายทุกอย่างจนหมดเปลือก เขาพูดถึงเหตุผลที่ทำให้ไม่อาจกลับมาเป็นเหมือนเดิมกับพีรนันท์ได้อีกซึ่งก็คือเรื่องของทัศนคติในการใช้ชีวิตที่ไม่ตรงกัน แต่นั่นก็ไม่ทำให้หญิงชราวัยเจ็ดสิบกว่าปีผู้ผ่านโลกมามากรู้สึกตัวชาได้เท่ากับตอนที่ได้รู้ถึงเหตุผลข้อต่อมาที่ว่าหลานชายของเธอบอกว่าเขามีใครคนในใจอยู่แล้วและที่สำคัญก็คือคนคนนั้นเป็นลูกชายของเพื่อนพ่อที่บังเอิญได้พบกันที่ลำปาง


ความรู้สึกปวดร้าวถาโถมในอกของคนเป็นย่ายิ่งนัก นั่นเป็นเพราะศิธาพัฒน์ถือว่าเป็นหลานชายคนโตของบ้าน เป็นความหวัง และเป็นผู้ที่จะต้องสืบสกุลและสืบทอดกิจการต่าง ๆ ในวันหนึ่งที่คุณนายยุพาไม่อาจยืนอยู่ในตำแหน่งของเธอได้อีกต่อไป การไม่ขัดขวางเรื่องที่ศิธาพัฒน์ลาออกจากงานเพื่อเข้าเรียนในโรงเรียนการไปรษณีย์ถือเป็นสิ่งที่เธอยอมอ่อนข้อให้มากแล้ว แต่กับเรื่องนี้เห็นทีว่าคงจะยอมกันไม่ได้



เมื่อแรกที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของหลานชาย ยังอดคิดไม่ได้ว่าเธอจะเอาหน้าไปสู้คนอื่นในวงสังคมได้อย่างไรกัน หากใครถามจะตอบว่าอย่างไร เธอจะทนต่อเสียงซุบซิบนินทาของใครต่อใครได้หรือไม่ ลมหายใจหนัก ๆ ถูกผ่อนผ่านปลายจมูกนับแต่วินาทีนั้น หวังจะให้ความกระอักกระอ่วนอึดอัดที่สุมอยู่ในอกหลุดออกมาด้วยแต่ก็ดูว่าจะเปล่าประโยชน์  เธอแทบจะไม่ได้พูดกับศิธาพัฒน์อีกเลยหลังจากเกิดเรื่อง จนกระทั่งสองพ่อลูกตกลงกันว่าจะมาที่ลำปางเธอจึงตัดสินใจที่จะติดตามมาด้วย เพียงเพราะอยากจะเห็นหน้าคนที่กระชากเอาความหวังทั้งหมดไปจากเธอ ดวงตาสีมัวยังคงฉายแววแห่งความกังวลอย่างเห็นได้ชัดแม้ว่าจะผ่านช่วงเวลาแสนอึดอัดมานานแล้วก็ตาม ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมทั้งลูกชายและลูกสะใภ้ของตัวเองรวมถึงพ่อเลี้ยงตรัยที่เพิ่งเคยพบกันเป็นครั้งแรกจึงนิ่งเฉยกับเรื่องที่ดูไม่ค่อยจะปกตินี้ อีกทั้งพ่อเลี้ยงคนนี้ยังไม่ได้แสดงทีท่ารังเกียจหลานชายของเธอเสียด้วยซ้ำ 



"ทำไมแกถึงกล้าทำแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่แกเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเขาคิดยังไงกับแก ตอนแรกย่าหลงคิดว่าแกกับเด็กนั่นตกลงคบหากันแล้วเสียอีก" เป็นคำพูดยาวที่สุดที่ย่าพูดกับหลานชายนับตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้น


"ผมอยากให้เขามั่นใจว่าถ้าคบกับผมแล้ว เขาจะได้รับการยอมรับจากครอบครัวของผม ไม่ต้องคบกันแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ผมก็เลยเลือกที่จะบอกให้พ่อแม่รวมถึงย่าและทุก ๆ คนทราบ ถ้าหากทุกคนยอมรับไม่ได้กับสิ่งที่ผมได้พูดออกมา มันอาจต้องใช้เวลาสักพัก หรือถ้าสุดท้ายแล้วไม่มีใครยอมรับได้ผมคงเลือกที่จะไม่ดึงเขาเข้ามายุ่งเกี่ยว"


"ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แกคิดว่าแกจะทำใจได้หรือ"


"ถึงจะทำใจไม่ได้ อย่างน้อยก็มีผมคนเดียวที่เจ็บปวดไม่ใช่เหรอครับ" ศิธาพัฒน์ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ความสุขุมรอบคอบยังคงเป็นคุณสมบัติประจำตัวของอดีตนักการตลาดผู้ที่ได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมงานว่าเป็นนักคิดและนักวางแผนที่เยี่ยมยอด


นัยน์ตาสีหม่นจับจ้องที่ดวงหน้าคมคายของหลานชายก่อนจะคลี่ยิ้มน้อย ๆ ที่อีกฝ่ายไม่ทันได้สังเกตเห็น


"ย่าเลี้ยงแกมาตั้งแต่เล็กทำไมย่าจะไม่รู้ คนอย่างแกมันดื้อเงียบ ต่อให้สิ่งที่แกพูดออกมาไม่มีใครยอมรับ แกก็ไม่ละความพยายามหรอก แล้วสุดท้ายมันก็เป็นพวกหัวหงอกอย่างฉันที่ต้องยกมือยอมแพ้หลานชายตัวเอง"


"หึ ชักอยากจะเจอเด็กเต็มฟ้านั่นเสียแล้วสิ อยากรู้จริง ๆ ว่ามีดีอะนักรถึงทำให้แกเป็นได้ขนาดนี้"


"อาจจะไม่มีดีอะไรเลยก็ได้ครับ" ชายหนุ่มกล่าวพลางทอดสายตามองไปยังร่างเล็กที่กำลังวิ่งคู่กับเจ้าสุนัขขนฟูบนแนวแปลงปลูกต้นส้มที่อยู่เบื้องล่าง ภาพนั้นค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเมื่อทั้งคนทั้งหมาวิ่งขึ้นมาตามแนวลาดชันของขั้นบันได ในที่สุดรอยยิ้มที่เหือดหายไปจากใบหน้าหล่อเหลาเสียหลายวันก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง


"พี่ปุ่นจะรับแข็งแรงกลับไปเลยไหมฮะ" ตามตะวันพูดไปหอบไป


"ยังหรอกครับ พี่ฝากตามไว้ก่อนก็แล้วกันนะ" ศิธาพัฒน์กล่าวก่อนจะย่อตัวลงลูบหัวเจ้าหมาน้อยที่ไม่ได้เจอกันเสียหลายวัน


"มันชื่ออะไรจ๊ะหนุ่มน้อย" คุณนายยุพาที่พยายามปรับน้ำเสียและสีหน้าให้เป็นปกติถามขึ้น


"ชื่อแข็งแรงครับ" เด็กชายยิ้มกว้างพลางกระตุกสายจูงให้นังหนูจอมซนที่มัวแต่ทำจมูกฟุดฟิดดมโน่นดมนี่มายืนข้าง ๆ กัน


"ชื่อน่ารักเชียว หนูเป็นคนตั้งให้มันเหรอ"


"เปล่าครับ พี่เต็มเป็นคนตั้งชื่อครับ พี่ปุ่นเป็นคนเลี้ยง ส่วนตามเป็นคนพามันวิ่งเล่นฮะ" ตามตะวันอธิบายด้วยน้ำเสียงฉะฉานและดูจะภูมิใจเป็นพิเศษกับหน้าที่ของตนเอง


"แล้วนี่พี่ชายของหนูจะกลับเมื่อไรจ๊ะ"


"อืม...วันนี้น่าจะกลับค่ำ ๆ หรือไม่ก็ค้างที่บ้านน้าเดือนฮะ เพราะว่าพี่เต็มเอาตุ๊กตาเซรามิกไปส่งก็เลยอยู่ช่วยพี่ชลขายของที่ถนนคนเดิน"


"เหรอจ๊ะ"


"คุณย่าจะรอเหรอครับ" หลานชายถามขณะลุกขึ้นยืน


"รออีกหน่อยก็ไม่เสียหายนี่ ย่าก็ไม่ได้รีบร้อนไปไหน" ผู้เป็นย่ากล่าวอย่างมีเลศนัยก่อนจะเบนความสนใจไปที่หนุ่มน้อยและสุนัขอีกครั้ง


"หนูพาฉันไปเดินเล่นหน่อยได้ไหม ที่แปลงส้มข้างล่างน่ะ"


"ได้ฮะ" คนถูกขอร้องกล่าวอย่างกระตือรือร้นก่อนจูงมือหญิงชราและเจ้าแข็งแรงเดินลงไปตามขั้นบันไดดิน ในขณะที่ศิธาพัฒน์เองได้แต่มองด้วยความหวั่นใจ คาดเดาไม่ถูกเลยว่านับจากนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง


“หนูชื่อตามตะวันใช่ไหม”


“ใช่ฮะ” หนุ่มน้อยกล่าวขณะเดินจูงมือคุณย่าเดินไปตามทางเดินระหว่างแปลงปลูกต้นส้ม “คุณย่าเป็นคุณย่าของพี่ปุ่นเหรอฮะ”


“ใช่จ้ะ อืม...แล้วนี่คุณแม่ของหนูไปไหนจ๊ะ ตั้งแต่มาฉันยังไม่เห็นเลย”


“แม่เสียตั้งแต่ตอนที่ตามเกิดแล้วละฮะ” คำบอกเล่าของเด็กชายทำเอาคุณนายยุพารู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่ลำคอ นึกตำหนิตัวเองที่เป็นผู้ใหญ่แต่ดันพูดให้เด็กต้องสะเทือนใจ


“ขะ..ขอโทษนะ”


“ไม่เป็นไรครับคุณย่า พี่เต็มบอกว่าจริง ๆ แม่ก็ไม่ได้ไปไหน แต่มองเราอยู่บนฟ้า”


หญิงชราพยักหน้าก่อนจะกล่าวต่อ “แล้วพี่ชายสอนอะไรหนูอีก”


“อืม...พี่เต็ม พี่เต็มสอนไม่ให้โกรธคนที่ล้อว่าตามเป็นเด็กไม่มีแม่ เพราะพ่อเป็นทั้งพ่อและแม่ของตาม ถ้าตามไปโกรธเขาแสดงว่าพ่อทำหน้าที่ไม่ดีตามถึงรู้สึกว่าตามขาดแม่ฮะ”


“พี่ชายหนูท่าทางจะใจดีมากสินะ”


“มากครับคุณย่า พี่เต็มใจดีสุด ๆ ใจดีเหมือนพี่ปุ่นเลย แต่พี่เต็มกับพี่ปุ่นชอบเถียงกัน ตลกดี”
เจ้าของเส้นผมสีดอกเลาพยักหน้าพอใจกับข้อมูลที่เธอได้รับ ยิ่งได้ฟังเรื่องราวของคนที่ไม่เคยพบหน้ากัน ความอยากเจอ ‘เต็มฟ้า คนนี้ก็เพิ่มขึ้นอีกเป็นทวีคูณ


ศิธาพัฒน์ที่ยืนมองภาพเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ที่เดิม พักใหญ่ ๆ ตามตะวันก็จุงมือหญิงชราเดินคุยกันขึ้นมาตามขั้นบันไดซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ท้องฟ้ากำลังจะเลือนหายไปในความมืด อากาศที่เริ่มจะหนาวเย็นลงทุกขณะและน้ำค้างที่ลงจัดทำให้ศิธาพัฒน์ต้องรีบเตือนให้ทั้งสองคนกลับเข้าบ้านด้วยเกรงว่าเดี๋ยวทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะป่วยไปตาม ๆ กัน คบไฟทำจากไม้ไผ่ถูกทยอยจุดขึ้นเพื่อให้แสงสว่าง เจ้าแข็งแรงเดินหายไปหลังโรงจอดรถอย่างรู้งานเพราะแม่บ้านมักจะนำอาหารมาวางให้มันที่นั่นทุกวัน
ค่ำนี้พ่อเลี้ยงตรัยลงมือเข้าครัวทำอาหารด้วยตัวเองเพื่อต้อนรับแขกคนสำคัญ น่าเสียดายที่ศิลป์ติดธุระที่กรุงเทพฯ จึงต้องบินกลับในตอนเช้าตรู่ ไม่เช่นนั้นคงจะพากันเที่ยวรำลึกความหลังกันเสียหน่อย ดูเหมือนว่าคนที่รู้สึกเสียดายยิ่งก่าจะเป็นคุณนายยุพาที่หมายมั่นปั้นมือว่าการมาลำปางคราวนี้ยังไงก็ต้องจะต้องเจอตัวต้นเหตุให้ได้   


“เอาไว้ถ้าคุณย่ามาอีก ตามจะพาคุณย่าเที่ยวให้ทั่ไร่เลยครับ” เด็กชายยังคงจ้อไม่หยุดขณะเดินมาส่งแขกที่รถ


“อย่างนั้นเหรอจ๊ะ” ริมฝีปากแห้งฝากยิ้มเยือกเย็น ในใจคิดว่าหากได้พบกับเต็มฟ้าในคราวนี้นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอมาเหยียบที่นี่ก็ได้


“ฉันต้องกลับมาอีกแน่ ๆ”



คำพูดทิ้งท้ายของหญิงชราทำเอาสองพ่อลูกแห่งตระกูลกษิศภูมิมองตากันปริบ ๆ แม้แต่คนเป็นลูกอย่างศิลป์ก็ไม่อาจคาดเดาความคิดของผู้เป็นแม่ ได้เพียงแต่ภาวนาอย่าให้เกิดเรื่องวุ่นวายซ้ำรอยเหมือนในสมัยที่เขายังเป็นหนุ่ม ๆ เลยก็แล้วกัน



.....


เช้าวันเสาร์หลังจากส่งพ่อและย่ากลับกรุงเทพฯแล้วศิธาพัฒน์ก็ไปทำงานตามปกติ วันนี้คนค่อนข้างเยอะคงจะเป็นเพราะเป็นวันแรก ๆ ที่ที่ทำการไปรษณีย์เปิดทำการหลังจากหยุดปีใหม่ และเนื่องจากยังอยู่ในช่วงเทศกาลของการส่งความสุขทั้งพัสดุและโปสการ์ดที่รอการคัดแยกจึงมีจำนวนมากจนหลาย ๆ คนต้องช่วยกันทำงานแม้จะนอกเหนือจากหน้าที่ของตัวเอง แต่นั่นก็ไม่ทำให้พนักงานไปรษณีย์อย่างศิธาพัฒน์รู้สึกเบื่อหน่ายเลยแม้แต่น้อย การได้อ่านชื่อจังหวัดที่เขียนอยู่บนกล่องพัสดุหรือโปสการ์ดถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง บางกล่องถูกส่งไปไกลถึงใต้สุดของประเทศ ในขณะที่บางกล่องถูกส่งข้ามทวีปก็มี ชายหนุ่มยังคงทำงานด้วยรอยยิ้ม ยิ้มและภาวนาให้ของทุก ๆ ชิ้น โปสการ์ดทุกใบ จดหมายทุกฉบับถึงมือคนรับอย่างปลอดภัย


“เลิกงานแล้วยังไม่กลับอีกเหรอศิธา” วิษณุที่เตรียมตัวจะกลับบ้านเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงยังคงนั่งเท้าคางอยู่ที่หน้าเคาท์เตอร์ทั้งที่ทำการไปรษณีย์ก็ปิดให้บริการแล้ว


“อีกสักพักน่ะพี่ทำใจก่อน” ชายหนุ่มกล่าวพลางเคาะนิ้วลงกับโต๊ะ


“อะไรวะ แค่กลับบ้านเนี่ยนะ”


คนถูกถามหัวเราะแห้ง ๆ ถ้ากลับบ้านคงไม่คิดหนักขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะตั้งใจว่าหลังเลิกงานจะแวะไปที่เกสต์เฮาส์เพื่อสะสางเรื่องค้างคาใจผู้ใหญ่หลายคนให้เรียบร้อย แต่ก็ยังคิดไม่ตกว่าจะพูดกับเต็มฟ้ายังไงกัน ถ้าหากอีกฝ่ายรู้ว่าเขาทำอะไรลงไปบ้างจะเกิดอะไรขึ้น  ไม่พ้นคงได้อาละวาดบ้านแตกแน่ ๆ


“กลับบ้านหรือจะไปสารภาพรักถึงต้องทำใจก่อน” วิษณุพึมพำก่อนจะเดินออกหายเข้าไปด้านหลัง ไม่นานก็ได้ยินเสียงแต๊ก ๆ ของมอเตอร์ไซค์คันเก่าที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่แต่เจ้าของก็ไม่ตัดใจซื้อใหม่เสียที เสียงนั้นห่างออกไปในขณะที่มือหนายกขึ้นปาดเหงื่อตัวเองทั้งที่อากาศก็เย็นแถมในสำนักงานไปรษณีย์ยังเปิดแอร์ 25 องศาเซลเซียสตามนโยบาย แต่เหงื่อเม็ดโตกลับผุดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ




“สารภาพรัก? เรียกว่าอย่างนั้นจะได้หรือเปล่านะ” พูดแล้วก็ถอนใจเฮือกใหญ่



อด..เป็นห่วง....ตัวเองไม่ได้ ศิธาพัฒน์เอ๋ยศิธาพัฒน์ หรือจะเอาชีวิตไปทิ้งเสียคราวนี้....



(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2014 00:38:12 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อค่ะ)



นัยน์ตาคมจ้องมองจานข้าวผัดหมูไม่ใส่หอมใหญ่ที่ถูกวางตรงหน้าพลางกลืนน้ำลายเอื๊อก มั่นใจว่าไม่ใช่เพราะหิว แต่รู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ในคอ ศิธาพัฒน์เงยหน้าขึ้นมองคนสวมผ้ากันเปื้อนที่ยืนอยู่ตรงหน้า


“ก็รู้อยู่ว่าบ่าย ๆ ครัวก็ปิดแล้วคราวหลังก็มาให้มันทันหน่อย เต็มไม่ได้อยู่ทำให้ทุกครั้งหรอกนะ” เต็มฟ้ากล่าวก่อนจะนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม เขาเพิ่งไปรับน้องชายมาจากไร่ เพราะตกลงกันไว้ว่าวันนี้จะไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินด้วยกัน กลับมาก็พบกับพนักงานไปรษณีย์หนุ่มที่มาเอาตอนแม่ครัวเก็บล้างอุปกรณ์และปิดครัวไปเรียบร้อยแล้ว ก็เลยเดือดร้อนให้พ่อครัวจำเป็นต้องแสดงฝีมือ



ศิธาพัฒน์ไร้ข้อโต้เถียงใด ๆ ยอมรับโดยดีว่าเขาผิดเองที่มาเอาป่านนี้ กว่าจะรวบรวมความกล้าได้ก็เลยเวลามื้อเที่ยงมานานโข ไม่เข้าใจตัวเองจริง ๆ ทีกับคนในครอบครัวทำไมพูดได้ง่าย ๆ แต่พอมาเจอเจ้าตัวกลับพูดไม่ออกขึ้นมาเสียอย่างนั้น ชายหนุ่มลงมือรับประทานอาหารเงียบ ๆ


“วันนี้มาแปลกแฮะ เงียบผิดปกติ” ริมฝีปากบางที่ช่างไม่รู้อะไรเสียเลยยังคงเอื้อนเอ่ยคำที่บรรยายถึงคนตรงหน้าในตอนนี้ พูดจบเต็มฟ้าก็เดินหายกลับเข้าไปในครัวก่อนจะกลับมมอกมาพร้อมแก้วน้ำเปล่าและกระป๋องน้ำอัดลมในมือ


ร่างสูงนั่งลงที่เดิมก่อนจะเลื่อนแก้วน้ำให้ ศิธาพัฒน์สบตาคนตรงหน้าก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มหวังจะดับอความตื่นเต้นภายในใจ


“ตามเล่าให้ฟังว่าเมื่อวานพี่ศิธาพาคุณพ่อกับคุณย่าไปที่บ้านเหรอ”


คำถามของอีกฝ่ายทำให้จู่ ๆ ในลำคอก็ต่อต้านของเหลวขึ้นมาจนแทบจะกลืนไม่ลง


“อื้อ ใช่” พูดจบก็รีบตักข้าวเข้าปากเคี้ยวกลืนให้มันหมด ๆ ไป


ศิธาพัฒน์มองคนที่นั่งหันข้างให้ ดวงตาชวนมองจับจ้องไปที่ใดไม่อาจรู้ได้ นิ้วเรียวจับกระป๋องน้ำอัดลมหลวม ๆ ก่อนจะจะยกขึ้นดื่ม


“ไม่ถามเหรอว่าไปทำไม”


“ไม่ได้อยากรู้”


คำตอบที่ได้ทำแทบสะอึก ‘อยากรู้หน่อยไม่ได้เลยเหรอ’


“เมื่อวานพี่พาพ่อกับย่าไปคุยกับพ่อเต็มที่บ้าน” ชายหนุ่มกล่าวพลางรวบช้อนมองคนที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะใส่ใจในสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิด


“คุยเรื่อง....”





“เรื่อง...”





“เรื่อง....”




“วุ้ย!” เต็มฟ้าขยี้หัวตัวเองก่อนจะหันมาจ้องหน้าคนที่มัวแต่อ้ำอึ้ง “เรื่องอะไรเล่า มัวแต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่นั่นแหละ”


“เรื่อง...” ศิธาพัฒน์ถอยใจ “พูดลำบากว่ะ”


“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องพูด”


“เฮ้ย! ได้ยังไง ก็อยากพูดให้ฟัง”


“สรุปว่ามันเรื่องอะไรเนี่ย” คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ตอนแรกก็ไม่ได้อยากรู้สึกเท่าไร แต่พอเห็นท่าทางของอีกฝ่ายแล้วมันชวนให้สงสัยพิลึก


“เรื่อง....”


“เอาอย่างนี้นะ” คนขี้รำคาญถอนใจก่อนจะล้วงลงไปในกระเป๋าหน้าท้องของผ้ากันเปื้อน หยิบกระดาษโน้ตสำหรับจดรายการอาหารกับปากกาออกมาวางบนโต๊ะ “ถ้ามันพูดยากนักก็เขียน แบบที่พี่ศิธาเคยบอกไง”


“เอางั้นเหรอ” ถึงจะทำวิธีนี้แต่ศิธาพัฒน์ก็ยังคิดว่ามันยากอยู่ดี


“เฮ่อ! ถ้าอย่างนั้นเต็มไปละ” ทำท่าจะลุกขึ้นแต่ก็ถูกห้ามเอาไว้ได้ทันควัน เต็มฟ้ายกกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นดื่มระงับความอยากรู้อยากเห็นพลางมองอีกฝ่ายที่ยังคงลังเล


ศิธาพัฒน์ถอนใจเบา ๆ ก่อนจะหยิบกระดาษกับปากกามาวางตรงหน้า ในที่สุดก็ตัดสินใจเขียนบางสิ่งลงไป ก่อนจะส่งคืนให้
เต็มฟ้าหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดูขณะดื่มน้ำอัดลมไปด้วย ในนั้นไม่เห็นจะมีอะไรนอกจากรูป...



...หัวใจ...



ดวงตาสีเข้มยังคงจ้องมองกระดาษโน้ตแผ่นนั้นอย่างไม่เข้าใจ ในขณะที่หวานสีดำที่เพิ่งดื่มเข้าไปก็ยังคงถูกอมไว้จนแก้มตุ่ย


ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามสูดลมหายใจเข้าก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนออกมาเพื่อไล่ความตื่นเต้น ยังไงเขาก็คิดว่าการได้พูดด้วยปากตัวเองนั้นดีที่สุด


“พี่ขออนุญาตคุณลุงตรัย...จีบเต็ม”



พรวดดดดดดดดด!!!!!!!


ศิธาพัฒน์หลับตาปี๋ โชคดีที่อีกฝ่ายนั่งหันข้างให้ไม่เช่นนั้นคงโดนพ่นโคล่าใส่แน่ ๆ


“พะ...พี่ศิธาว่าอะไรนะ” คนที่ยังอยู่ในอารามตกใจใช้หลังมือซับน้ำหวานที่ติดปากตัวเองจ้องหน้าคนพูดอย่างไม่เชื่อหู


ที่ได้ยินเมื่อกี้ ‘ถีบ’ ใช่ไหม?


เต็มกวนประสาทมากจนพี่ศิธาขออนุญาตพ่อ ‘ถีบเต็ม’ ใช่ไหม



“พี่บอกว่า เมื่อวานที่พี่พาย่ากับพ่อไปที่บ้านเต็ม พี่ไปขออนุญาตพ่อของเต็มจีบเต็ม” ศิธาพัฒน์เน้นที่สองคำสุดท้ายเพื่อให้ได้ยินชัดเจน แต่คำพูดยืดยาวนั่นกลับทำให้คนฟังหูอื้อไปชั่วขณะ



ไม่ใช่ถีบ แต่เป็น ‘จีบ’ ต่างหาก   



ปัง! กระป๋องโลหะถูกกระแทกลงกับโต๊ะเสียงดังจนหนุ่มน้อยกับเจ้าสี่ขาขนฟูที่นั่งหยอกล้อกันอยู่ที่ท่าน้ำพากันสะดุ้งเหลียวหลังมามองเป็นตาเดียว


“ล้อกันเล่นใช่ไหม” เสียงเย็นเฉียบและหน้าขึงขังของเต็มฟ้าทำให้ศิธาพัฒน์ต้องย้ำในสิ่งที่ตนเองพูดอีกครั้ง


“พี่พูดจริง ๆ”


“รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”


“รู้สิ ตอนที่พาพ่อกับย่าไปที่ไร่ก็รู้สึกตัวตลอด”


ลมหายใจหนัก ๆ ถูกผ่อนผ่านปลายจมูกโด่งจ้องหน้าคนพูดนิ่ง “ใช่เวลาตลกไหม”


“พี่ก็ไม่ได้พูดให้เต็มขำนี่ ที่มาวันนี้ก็ตั้งใจจะมาบอกว่าพี่จะจีบเต็ม ผู้ใหญ่ก็รับรู้กันหมดแล้ว”


“ฮึ่ย!” เต็มฟ้าหน้านิ่วคิ้วขมวด


“ที่โกรธเนี่ยเพราะว่าพี่ไปพูดแบบนั้นกับคุณลุงตรัยหรือโกรธเพราะเต็มรู้เรื่องเป็นคนสุดท้าย”


“จะอะไรก็ช่างเถอะ แต่ก็ไม่น่าทำแบบนี้ พี่ศิธาน่าจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”


“เป็นไปได้สิ แล้วก็กำลังจะเป็นอยู่ ส่วนผลลัพธ์จะเป็นยังไงพี่ให้เต็มเป็นคนตัดสิน”


คนฟังหัวเราะเหยียด ๆ “พี่ต้องเสียใจแน่ ๆ ที่คิดจะจีบเต็ม”


“ถ้าอย่างนั้นก็ล้มเลิกความคิดนี้ไปเลยดีกว่า พี่ไม่อยากเสียใจ”


เต็มฟ้าวางหน้านิ่งทั้งที่ในใจดั่งลิงโลด มองคนตรงหน้าด้วยแววตาระรื่น ในสุดชัยชนะก็ตกเป็นของเขาที่สามารถพูดให้อีกฝ่ายล้มเลิกความคิดที่จะจีบตนเองได้ 


“ข้ามไปเป็นแฟนเลยก็แล้วกัน”



“เฮ้ย!” คนฟังร้องเสียงหลง ไม่คิดว่าจะโดนจู่โจมแบบนี้ ภาพของพนักงานไปรษณีย์ซื่อ ๆ ถูกปลดออกจากความคิดก็วันนี้ นอกจากจะดื้อด้านแล้วอย่างอื่นก็ยังด้านไม่แพ้กัน


“จะบ้าเหรอ”


“พี่พูดจริงนะ ระยะทดลองไง”


“หมายความว่ายังไง” คิ้วขมวดจนแทบจะผูกกันเป็นปม ระยะทดลองอะไรกัน เคยได้ยินแต่ทดลองงาน ทดลองใช้ เป็นแฟนกันนี่มันมีทดลองได้ด้วยหรือ


“ก็สินค้าเขายังมีให้ทดลองใช้งานเลย ถ้าไม่พอใจยินดีคืนเงินภายในสามสิบวัน แต่สำหรับพี่น่ะแค่เจ็ดวันก็พอ”


“เชิญพี่ศิธาทดลองของพี่ไปคนเดียวเถอะ เต็มไม่เอาด้วยหรอก ไร้สาระว่ะ” คนหน้าตูมลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินกลับเข้าไปในบ้านแต่ก็ถูกรั้งไว้ด้วยประโยคสั้น ๆ


“ไร้สาระหรือว่ากลัวหวั่นไหว”



แม้จะเป็นเพียงคำพูดลอย ๆ แต่ก็ทำให้คนถูกท้าทายหันขวับกลับมาได้ไม่ยาก ดวงตาขุ่น ๆ จับจ้องมาที่ใบหน้าคมในขณะที่ความโมโหแล่นจี๊ดขึ้นกลางอก เรื่องพูดแทงใจดำไม่มีใครเกินจริง ๆ ไม่ต้องรอให้สมองสั่งการปากก็ตอบรับคำท้าในทันที


“แล้วพี่จะต้องเสียใจ” พูดจบเต็มฟ้าก็หันหลังให้เดินกลับเข้าไปในบ้านจนกระทั่งครู่หนึ่งเสียงโครมครามแว่วมาไกล ๆ 



ศิธาพัฒน์ยังคงนั่งกอดอกอมยิ้มอารมณ์ดีอยู่ที่เดิม ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อผ่านระยะทดลองเขาจะต้องเสียใจตามคำนั้นหรือไม่ รู้เพียงแต่ตอนนี้ดีใจที่สุดที่อีกฝ่ายยอมรับคำท้า
   


เต็มฟ้าทรุดตัวลงนั่งกับพื้นกอดเข่าพิงข้างเตียง เสียงโครมครามเมื่อกี้ไม่ได้เกิดจากการโมโหจนขนาดสติถึงกับต้องขว้างปาสิ่งของ แต่เป็นเพราะทำอะไรไม่ถูกจนเดินสะเปะสะปะเตะโน่นชนนี่ไปทั่ว บอกตัวเองว่าไอ้ที่ร้อนผ่าวไปทั้งใหน้าอยู่นี่มันเป็นเพราะเขากำลังโกรธ โกรธมาก ๆ ด้วย มีอย่างที่ไหนกันอยู่ ๆ ก็เดินเข้าไปคุยกับพ่อว่าจะขอจีบ เขาคิดว่าตัวเขาเป็นดื้อด้านเอาแต่ใจตัวเองที่สุดในโลกแล้วแต่ศิธาพัฒน์กลับทำลายสถิตินี้เสียจนหมดสิ้น ทีนี้จะทำอย่างไรกันในเมื่อปากไว้รับคำท้าไปแล้ว



‘....หรือว่ากลัวหวั่นไหว’ ไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่ ๆ เขาจะไม่ยอมต้องเจ็บอีกเป็นครั้งที่สอง



....



“เต็ม ออกไปเดินเล่นกัน” เสียงตะโกนอย่างเอาแต่ใจจากด้านนอกทำเอาหางคิ้วกระตุก เต็มฟ้าที่กำลังจะเคลิ้มหลับเด้งตัวลุกขึ้นจากที่นอนพร้อมกับขยี้หัวตัวเอง


“ยังจะหน้าด้านอยู่อีก” ปากบางพึมพำก่อนจะลุกขึ้นเปิดประตูเดินออกจากห้องอย่างหัวเสีย เมื่อออกมาก็พบว่าศิธาพัฒน์กำลังยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ ข้าง ๆ กันคือน้องชายของเขาและเจ้าสุนัขจอมซนที่กระดิกหางริก ๆ พร้อมกับส่งเสียงเห่าด้วยความดีใจที่ได้เห็นหน้าเจ้าของ


“เห่าอยู่ได้น่ารำคาญจริง ได้ยินเข้าไปถึงในห้อง”


ศิธาพัฒน์โครงศีรษะอย่างอ่อนใจ รู้ดีกว่ามีความหมายอื่นแอบแฝงอยู่ในคำพูดนั้น


“หงุดหงิดแล้วยังมาพาลเอากับหมาเนอะแข็งแรงเนอะ” 


“เอ่อ...ตามว่าเราไปเดินเล่นกันดีกว่านะฮะ” ยังคงเป็นตามตะวันที่ช่วยแก้สถานการณ์ หนุ่มน้อยเดินไปเกาะแขนพี่ชายพร้อมกับกระตุกสายจูงให้เจ้าแข็งแรงเดินตาม


แสงแดดยามเย็นยังคงทอแสงอ่อน ๆ ให้ความอบอุ่นแก่นักท่องเที่ยวที่พากันออกจากที่พักมาเดินเล่นบนถนนสายยาวที่ขนาบด้วยสถาปัตย์กรรมทรงแปลกตา พ่อค้าแม่ค้าตั้งร้านเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงบ่าย ทำนองเพลงสะล้อซอซึงที่ดังแว่วมาตามสายลมแห่งฤดูกาลยิ่งทำทั้งผู้เฒ่าผู้แก่และหนุ่มสาวรู้สึกเหมือนได้ย้อนวันวานกลับไปในสมัยที่ลำปางยังไม่เจริญดังเช่นปัจจุบัน เสื้อกันหนาวและผ้าพันคอผืนเก่าถูกหยิบออกมาจากลิ้นชักเพื่อให้ความอบอุ่นหลังจากถูกพับเก็บเอาไว้นานเป็นปี และดูเหมือนว่าของเหล่านี้จะเป็นสินค้าขายดีที่มีให้เห็นทั่วไปบนถนนทั้งสายในช่วงที่ลมหนาวกำลังมาเยือน


เมื่อเดินออกจากบ้านมาได้สักพักตามตะวันก็ขออนุญาตพี่ชายแยกตัวออกไปเดินกับเพื่อน ๆ ที่บังเอิญพบกัน ทั้งหมูอ้วนและยะหยาต่างก็ตามบรรดาพ่อ ๆ แม่ ๆ ของตัวเองมาเดินหาอะไรกินกันที่ถนนคนเดินแห่งนี้กันเกือบทุกสัปดาห์ เมื่อบรรดาพ่อ ๆ แม่ ๆ พบกัน สิ่งที่มักจะทำก็คือการพูดถึงเรื่องความแสบซนและการเรียนของลูก ๆ ดังนั้นเด็ก ๆ จึงชวนกันเดินเที่ยวเล่นไปตามประสาซึ่งน่าจะดีกว่าการที่ต้องมายืนรอขาแข็งเพื่อฟังพ่อแม่คุยกัน     


“คิดว่าน่าจะกลับไปตั้งนานแล้ว” เต็มฟ้าเปรยขึ้น


“ก็อยากเดินเล่นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับ” ศิธาพัฒน์ที่เดินจกกระเป๋าทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้าง ๆ กล่าวพลางผิวปากเบา ๆ คลอตามทำนองเพลงของศิลปินชาวเหนือ ‘จรัล มโนเพ็ชร’ ที่ดังมาจากที่ใดที่หนึ่ง พอจะคุ้นหูอยู่บ้างแต่ก็ไม่รู้ชื่อเพลง


“เพลงอะไรน่ะ เพราะดี”


“คนสึ่งตึง”


ศิธาพัฒน์เลิกคิ้ว แม้จะไม่เชี่ยวชาญในภาษาท้องถิ่นภาคเหนือแต่ก็พอจะเดาได้ว่าความหมายของคำนี้น่าจะไม่ค่อยดีเท่าไรนักเพราะวิษณุมักจะใช้คำนี้เรียกบัสอยู่บ่อย ๆ เวลาที่อีกฝ่ายทำอะไรไม่ได้เรื่อง


“ก็ชื่อเพลงไง คนสึ่งตึง”


“แปลว่าอะไรเหรอ”


“ก็แปลว่าคนไม่เต็มบาท เขาว่าตั๋วอ้ายเป๋นคนสึ่งตึง มีสองสลึงป๋ายแหมซาวห้า”


“แปลด้วยสิ”


“เขาบอกว่าตัวพี่น่ะเป็นคนไม่ค่อยเต็มบาท มีสองอยู่สองสลึงกับอีกยี่สิบห้าสตางค์”


“เพิ่งจะเคยได้ยินเต็มพูดภาษาเหนือ น่ารักดีเนอะ”


เต็มฟ้ายังคงเดินต่อไปเรื่อย ๆ แม้คำพูดเมื่อสักครู่จะทำให้ร้อน ๆ ที่แก้มก็ตาม รู้สึกทำตัวไม่ถูกเพราะนับจากวินาทีที่ศิธาพัฒน์ประกาศตัวก็มีหลายอย่างที่เปลี่ยนไปทั้งคำพูดและดวงตาคู่นั้นที่มองมา


...มันเปลี่ยนไป หรือว่าที่ผ่านมาเขาเองที่ไม่ทันสังเกต? คิดแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ


นี่ถ้าอีกฝ่ายเฉลยตอนนี้ว่าทั้งหมดมันเป็นเรื่องล้อเล่นก็จะไม่โกรธเลยสักนิด


“ท่อนเมื่อกี้พี่ฟังออกนะ” ริมฝีปากอิ่มกล่าวพลางเงี่ยหูฟัง “เขาร้องว่า ฮักเต๊อะน้องจายอ้ายคนสึ่งตึง”


“หูเพี้ยนแล้ว” คนฟังส่ายหน้าหน่าย ๆ ก่อนจะแวะเข้าไปที่ร้านโปสการ์ดซึ่งเป็นต้นกำเนิดเสียงเพลง คิดว่าไว้นานแล้วว่าจะซื้อโปสการ์ดสักสองใบส่งให้เพื่อนรักแต่ก็ไม่มีโอกาสได้เข้ามาเสียที
   

“อ้าวเต็ม ได้ข่าวว่ากลับมาอยู่บ้านแล้วเหรอ” หนุ่มผมยาวเจ้าของร้านที่กำลังคิดเงินให้ลูกค้าเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นคนมาใหม่
   

“ครับ กลับมาได้เกือบครึ่งปีแล้วละพี่” พูดจบก็เดินไปเลือกโปสการ์ดที่ด้านหนึ่งของร้านโดยไม่ได้สนใจคนที่มาด้วยกัน


ศิธาพัฒน์มองตามแผ่นหลังของอีกฝ่ายก่อนจะเดินไปนั่งรอที่โต๊ะไม้ซึ่งอยู่หน้าร้านพลางหยิบกระดาษโน้ตที่วางอยู่ใกล้มือมาเขียนอะไรบางอย่าง ครู่หนึ่งเต็มฟ้าก็เดินมานั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามพร้อมกับโปสการ์ดสองใบ ชายหนุ่มลงมือเขียนมันเงียบ ๆ ก่อนจะติดแสตมป์แล้วเดินไปหย่อนในตู้ใส่จดหมายที่แชวนอยู่หน้า เดี๋ยววันพรุ่งนี้ ‘พี่คม’ ซึ่งเป็นเจ้าของร้านก็คงเอามันไปหย่อนลงตู้ไปรษณีย์ใกล้ ๆ หรือไม่ก็เอาไปส่งที่ไปรษณีย์ในวันจันทร์



“เขียนถึงใครน่ะ” คนช่างสงสัยถามขึ้น


“ต้องบอกด้วยเหรอ”


“เป็นแฟนกันก็ต้องบอกสิ ตกลงกันแล้วไงจำไม่ได้เหรอ”


เต็มฟ้าถอนใจเฮือกใหญ่เมื่อรู้สึกได้ว่าตนเองไม่น่าปากไวรับคำท้านี้เลย


“ตกลงเขียนส่งให้ใคร”


“เพื่อน”


“เพื่อนชื่อ?”


“โอ๊ย! อะไรนักหนา” มือเรียวทึ้งหัวตัวเองเป็นรอบที่สามในเวลาสองชั่วโมง


“ถ้าเต็มไม่บอก เดี๋ยวพี่รอดูเองก็ได้ จำลายมือได้” คิ้วเข้มยักขึ้นกวน ๆ ถึงจะบอกว่าจีบก็เถอะ แต่เมื่อมีโอกาสแล้วก็ขอเอาคืนไอ้เด็กแสบให้เจ็บ ๆ คัน ๆ เล่นเสียบ้าง


“แบบนี้เขาเรียกใช้อำนาจหน้าที่ในทางไม่ชอบ”


“ใครว่าไม่ชอบ ก็เพราะชอบ.....น่ะสิ ถึงได้ทำแบบนี้”


คนฟังทำหน้าเหย ยิ่งฟังยิ่งขนลุก “พูดมากว่ะ ไปเหอะ”


“เดี๋ยวสิ ลงนามใยสนธิสัญญาก่อน” ศิธาพัฒน์กล่าวพลางยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้


“สนธิสัญญาอะไร”



“ก็สนธิสัญญาว่าด้วยการปฏิบัติตัวในระยะทดลองเป็นแฟนกันไง”


“นี่จริงจังขนาดนั้น?”


“เอ้า! จริงจังสิ เดี๋ยวเต็มทำตัวออกนอกลู่นอกทาง”


“มีอะไรบ้างว่ามา”


“ข้อแรกก็คือเต็มกับพี่ เราต้องทำทุกอย่างแบบที่คนเป็นแฟนเขาทำกัน”


“ทุกอย่าง? ขอแค่บางอย่างได้ไหม”


“อืม....ก็ได้” พูดจบมือหนาก็คว้าปากกาขีดฆ่าก่อนจะแก้คำใหม่ “บางอย่างที่ทำแล้วไม่ลำบากใจด้วย พี่แถมให้”


“ข้อต่อไปล่ะ”


“ข้อเดียวก็พอแล้ว อ่ะนี่ลงนามครับ”


เต็มฟ้ามองดูประโยคสั้น ๆ ที่เขียนไว้ในกระดาษ ที่ด้านล่างมีชื่อของศิธาพัฒน์เขียนเอาไว้แล้ว ชายหนุ่มหยิบปากกาก่อนจะเขียนชื่อตัวเองลงข้าง ๆ กัน มันช่างเหมือนฉากหนึ่งในละครไม่มีผิด


“สนธิสัญญานี้จะยุติลงในเวลาเที่ยงคืนหนึ่งนาทีของวันอาทิตย์หน้า เต็มฉีกมันทิ้งได้เลย” พูดจบศิธาพัฒน์ก็พับกระดาษและยื่นให้ชายหนุ่ม เต็มฟ้ารับมันมาก่อนจะใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ


“จับมือปิดประชุมก่อน”


“พอแล้ว!” คนหน้าตูมพูดด้วยน้ำเสียงขุ่น ๆ ก่อนจะเดินออกจากร้าน


ยิ่งค่ำผู้คนก็ยิ่งมากขึ้น เต็มฟ้าเดินชะเง้อมองหาน้องชายแต่ก็ไม่พบจนกระทั่งสวนกับยะหยาและคุณอาหมอพ่อของเธอ สาวน้อยจึงจัดการรายงานเสร็จสรรพว่าตามตะวันกลับบ้านไปได้สักพักแล้วเพราะได้เวลาให้อาหารเจ้าแข็งแรง 


“หิวอะไรไหม” คนตัวสูงที่เดินข้าง ๆ กันเอ่ยขึ้นขณะเดินผ่านร้านขายลูกชิ้นลูกมหึมา


“ยังไม่หิวเลย เดี๋ยวเต็มจะแวะร้านขนมตรงโน้น จะซื้อกลับไปฝากน้อง ถ้าพี่ศิธาอยากดูอะไรก็เดินไปก่อนได้เลยนะ หรือถ้าอยากกลับก็กลับก่อนเลย” พูดจบเต็มฟ้าก็เดินข้ามฟากไปยังร้านรถเข็นขายขนมหวานจัดการสั่งขนมที่น้องชอบ เมื่อได้ขนมที่ต้องการแล้วก็หันหลังกลับและพบว่าศิธาพัฒน์ยังคงยืนรออยู่


“รอทำไม ก็บอกให้เดินไปก่อน”


“บอกแล้วไงว่าอยากมาเดินด้วยกัน ถ้าบอกว่าเดินด้วยกันแล้วอีกคนเดินตามไม่ทันหรือต้องเดินตามจนเหนื่อยมันจะเรียกว่าเดินด้วยกันได้ยังไง”


ศิธาพัฒน์กล่าวด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มของพี่ชายใจดีแบบที่เต็มฟ้าเองเคยเห็นอยู่บ่อย ๆ แต่ทำไมวันนี้กลับไม่อยากเห็น หรือเป็นเพราะ...



กลัวหวั่นไหว...





....



ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ คิดว่าตอนนี้น่าจะตอบคำถามที่หลายคนสงสัยได้

แล้วพบกันตอนหน้าค่ะ


ปล.อย่าเพิ่งเกลียดคุณย่านะคะ คุณนายยุพานี่กะว่าตัวฮาเลย ^^

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-07-2014 09:43:35 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
พี่ศิธาอบอุ่นม้ากกกก รอดูวันที่เต็มหวั่นไหว อรั๊งงงง  :-[ :-[
ว่าแต่คุณย่ากับบ้านนายพลคือตัวป่วนใช่ไหมนะ  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
คุณย่าคงวางแผนไว้ในใจ

พี่ปุ่นข้ามขั้นมาเป็นแฟนเต็มเลย(ในระยะทดลอง)

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
จ้ะ พ่อนักวางแผน เต็มฟ้าไม่ใช่ตลาดหุ้นนะจ้ะ
อย่าคิดเก็งกำไร เพราะอาจขาดทุนถึงขั้นล้มละลายเลยนะจ้ะ พ่อคุ๊ณ

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
กดไลค์ พี่ปุ่น ระรัววววว วี๊ดด บึ้มม

ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
หวั่นไหวเถอะเต็มมมมม พี่ปุ่นเยี่ยมจริงๆๆๆลุยเลยยยย :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด