คุณบุรุษไปรษณีย์ที่รัก (จบแล้ว) ตอนพิเศษ สัญญา 16-02-2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณบุรุษไปรษณีย์ที่รัก (จบแล้ว) ตอนพิเศษ สัญญา 16-02-2561  (อ่าน 256051 ครั้ง)

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
อย่ามีอะไรมาทำให้เข้าใจผิดกันนะ

อยากให้น่ารักกันแบบนี้ๆๆ

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

ขุ่นย่าาาาาา...ไม่ยอมแพ้จริงๆ  :katai5:


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
น่ารักจังเลยอะทั้งคนเขียนที่แวะเอามาให้้อ่านกันก่อนรวมทั้งพี่ปุ่นและเต็มด้วยหวานได้น่ารักดี

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
เฮ้อออ อ่านแล้วยิ้มไม่หุบเลย อบอุ่นจริงๆ
ในที่สุดก็ยอมเรียกพี่ปุ่นจนได้นะ เต็ม ถ้าไม่เนียกก็โดนทำโทษอ่ะเนอะ 55 น่ารักจริงๆเลย

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
มันอบอุ่นมาก
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ แป้งข้าวหมาก

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
หวานสุดๆ...อร๊ายยยย  :-[

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อ่านแล้วอุ่นจริงๆ
ชอบจัง

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
น่ารักกันตลอดเลย

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
อบอุ่นมากๆๆๆๆๆ
ความรักคืออการก้าวเดินไปพร้อมๆกัน และเดินเคียงข้างกันไปเพชิญทุกๆอย่างแบบพี่ปุ่นกับน้องเต็มเนี่ยแหละ
ชอบบรรยากาศเบาๆ ล่องลอยนิดๆแบบนี้ที่สุดเลยยยย

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อยู่กับพี่ปุ่นแล้วมันอุ่นจริง ๆ นะ
ปัญหาอะไร ๆ ก็ดูเหมือนจะเล็กน้อยไปหมด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yamapong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เง้อ บรรยากาศโลกสีชมพูนี้มันอะไรกัน

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
อ่านตอนนี้แล้วอุ่นตามชื่อตอนเลย ไม่หวานมากนะแต่ทำให้อมยิ้มได้ตลอด

คิดอยู่เหมือนกันว่าเต็มจะเป็นยังไงหลังคบกับพี่ปุ่น พอคบกันแล้วเลยรู้เลยว่าน่ารัก

พี่ปุ่นก็จับทางเต็มได้ทุกทางแล้วนะตอนนี้ รู้แล้วว่าการพูด ท่าทางอย่างไหนแปลว่าอะไร

ชอบจัง รอตอนต่อไปนะจ้ะ คนแต่งสู้ๆน้า :mew1:

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
หลังจากแอบย่องมาอ่านตั้งแต่เมื่อตอนสายๆ
กว่าจะได้ฤกษ์มาเม้น ก็ค่ำมืด ทำงานวันหยุดนี่มันทรมานจริงๆ
ถือว่าคุณบุรุษไปรษณีย์ฯมาช่วยเยียวยาหัวใจคนทำงาน ฮรืออออ
เพราะในชีวิตจริงรอคุณบุรุษไปรษณีย์เอาของมาส่งได้หลายเดือนแล้ว ยังไม่เจอหน้าที

พี่ศิธาได้เป็นพี่ปุ่นสมใจซะที ถึงแม้จะต้องบังคับจิตใจเต็มก็เถอะ
จะยังไงก็ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องแหละนะ พี่ปุ่นเนี่ย พ่อนักวางแผน พ่อนักการตลาด

เต็มแปลกๆนะ ตั้งแต่เป็นแฟนกันเนี้ย ดูหงอแปลกๆ อะไรยังไงน้อ มีการฝันว่าโดนจูบด้วยเอ้าะ ><

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
อุ่นไปทั้งใจสมกับชื่อตอนจริงๆ
พี่ปุ่นน้องเต็มสร้างบรรยากาศสีชมพู อบอุ่น
(พี่ปุ่นแอบเจ้าเล่ห์เหมือนกันนะ)
 :-[ :o8: :-[

ออฟไลน์ bon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-2
สงสัยปลายปีนี้ต้องไปเยือนเมืองลำปางซะแล้ว

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
หุ๋ย......หวานนิดๆ ชอบๆๆ

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
โมเม้นท์สองคนน่ารัก ๆ แบบนี้ *ยิ้มแก้มแตก*

>///////<

ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4
อุ่นสมชื่อตอนเลย
อ่านแล้วเขิน :-[

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
อบอุ่นสมกับชื่อตอนมากเลยอ่า :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
อุ่นจริงงง
เล่นกับเต็มเหมือนเล่นกับลูกแมวเลยเนอะพี่ปุ่น
น่ายักกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ Brow_Ney

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 162
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ่านเรื่องนี้แล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นในใจ
เขินนนแทนน้องเต็มเลย ถ้าพี่ปุ่นจะหยอดซะหวานขนาดนี้  ><

...เห็นแล้วอยากไปเที่ยวลำปางงงง

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
ยิ้มได้ตลอดเหมือนคนเป็นบ้าเลยอ่ะ
เขินนนนนนนนน  :o8:

ออฟไลน์ กำแพงเมืองจีน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :o8: :o8: :o8:

น่ารักจังเลย

รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
สมชื่อตอนจริง ๆ  " อุ่น " อ่านแล้วมันอบอวนไปด้วยความอบอุ่น ที่แผ่ออกมาจากคนร่างหนา  :m3:
+1 ให้เป็นกำลังใจนะครับ

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
สวัสดีค่ะ เอาตอนที่ 19 มาฝากค่ะ
ตอนนี้รีบปั่นอาจจะมีเขียนตกหรือพิมพ์ผิดบ้างต้องขอโทษด้วยนะคะ
ยังไม่มีเวลาอ่านทวนแก้คำผิดเลย
ยังไงก็จะกลับมาอ่านและแก้ไขอีกครั้งนะคะ

พูดถึงเนื้อเรื่องในตอนนี้กันหน่อย ตามชื่อก็คือ “ไม่เป็นไร”
ซึ่งอันที่จริงตามที่คิดเอาไว้เดิมคือมันต้องมีเหตุการ์อีกเหตุการณ์ต่อไปอีกหน่อยซึ่งสอดคล้องกับชื่อเรื่องเข้้าไปอีกนิดถึงจะจบตอน
แต่ว่าคิด ๆ แล้วมันน่าจะทำให้อารมณ์สะดุด เลยขอย้ายไปไว้รวมกับตอนหน้าดีกว่า
หวังว่าทุกคนจะมีความสุขกับการอ่านนะคะ ขอบคุณมาก ๆ สำหรับการติดตามค่ะ


ปล. เราแอบเห็นปกกับภาพประกอบเรื่องถ้าเธอเป็นท้องฟ้าแล้วแอบตื่นเต้นละ
มีกำลังใจต่อสู้กับการงานและการเรียนที่หนักหน่วงเพิ่มมาหน่อย ยังไงก็รออีกนิดนะคะ ^^

ปล.2 ตอบคำถามก่อน เราไม่ใช่คนลำปางนะคะ แค่เคยนั่งรถไฟไปเที่ยวเท่านั้นเอง
เขียนเรื่องนี้แล้วก็นึกอยากจะกลับไปลำปางอีกครั้งเหมือนกันค่ะ เราอาจจะได้เดินสวนกันนะคะคุณ bon


ตอนที่ 19 : ไม่เป็นไร



หูใหญ่ ๆ ที่ปกคลุมไปด้วยขนนุ่มกระดิกไปมาก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างเกียจคร้านเมื่อได้ยินเสียงเฮของเด็ก ๆ ทันทีที่ลังกระดาษถูกเปิดออก แก้วน้ำของยะหยา จานข้าวของหมูอ้วน และชามอ่างสำหรับใส่อาหารที่ตามตะวันปั้นมันให้เจ้าหมาน้อยถูกยกออกมาวางบนโต๊ะให้เจ้าของได้ชื่นชมผลงานของตนเอง


"สวยจังเลยค่ะพี่เต็ม เหมือนกันที่ขายในตลาดเลย" เด็กหญิงผมเปียยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จ้องมองผลงานของตัวเองตาไม่กะพริบ


"เดี๋ยวพี่จะห่อให้นะ ตอนพี่ศิธาไปส่งที่บ้านจะได้ไม่แตก" พูดจบชายหนุ่มก็เดินหายเข้าไปในบ้านก่อนจะกลับมาพร้อมหนังสือพิมพ์เก่า 2-3 ฉบับ


"พี่ช่วยนะ" น้ำเสียงและแววตาของคนที่จู่ ๆ ก็เดินเข้ามาประชิดตัวทำให้เต็มฟ้ารู้สึกไม่ปลอดภัยนัก


"ห่าง ๆ หน่อยก็ได้" ริมฝีปากบางกระซิบ


"ก็กลัวจะไม่สนิทน่ะสิ"


เพียงเท่านั้นก็รู้ได้ทันทีว่าตนเองคงเผลอเรียกชื่อผิด ๆ ไปแน่ ๆ ร่างเล็กขยับห่างออกมาเล็กน้อยก่อนจะจัดการห่อผลงานของเด็ก ๆ แต่ละคนด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์


"แล้วนี่ยังไงกัน ตกลงกันได้หรือยังว่ากีฬาสีปีนี้ใครจะทำอะไร"


"ได้แล้วฮะ" ตามตะวันที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะเอ่ยขึ้น "ตามจะลงวิ่งฮะ"


"บอกให้เป็นคฑากรก็ไม่เอา" เด็กชายแก้มยุ้ยบ่นอุบ


"ที่หมูอ้วนไม่อยากให้เราลงวิ่งเพราะกลัวพาสีแพ้ใช่ไหม"


เมื่อได้ฟังน้ำเสียงกึ่ง ๆ ตัดพ้อของเพื่อน หมูอ้วนก็รีบปฏิเสธทันที "ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย เรากลัวว่าตามจะไม่สบายต่างหาก ไม่ได้คิดแบบนั้นเลยจริง ๆ"


"ไม่มีเพื่อนที่ไหนเขาคิดแบบนั้นหรอกตาม" เต็มฟ้ายื่นมือวางบนศีรษะของน้องชายพลางโยกเบา ๆ ปลอบใจ


"หมูอ้วนกับยะหยาก็แค่เห็นด้วยกับเพื่อน ๆ ที่คิดว่าตามเหมาะจะเป็นคฑากร เพราะตามหน้าตาดีที่สุดในห้องน่ะ"


เมื่อเห็นสาวน้อยช่างพูดเริ่มทำหน้าที่กำลังเสริม เด็กชายตัวกลมก็รีบตอบ "ช่ายยยยยยย" ทันที

การสนทนาของเด็ก ๆ ทำเอาผู้ใหญ่ที่ร่วมวงอยู่ด้วยสบตากันยิ้ม ๆ ก่อนที่สุ้มเสียงหยอกเย้าของคนที่ยืนข้างกันทำเอาเต็มฟ้าหุบยิ้มแทบไม่ทัน


"ยิ้มทำไม เขาไม่ได้ชมตัวเองสักหน่อย"


.....


หลังอาหารเย็นศิธาพัฒน์รับอาสาไปส่งเด็ก ๆ ที่บ้านจากนั้นก็กลับเข้ามาที่เกสต์เฮาส์อีกครั้ง ตาคมกริบมองไปยังแผ่นหลังเล็กของเด็กชายที่ท่าน้ำ ร่างสูงย่อตัวลงนั่งพร้อมกับวางมือบนบ่าคนที่กำลังลูบหัวเจ้าสุนัขขนปุยนอนหลับตาพริ้มเอาคางเกยตักนุ่ม ความรู้สึกอุ่นเรียกให้เต็มฟ้าเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือหนา ถึงเขาจะยังคงนิ่งงันแต่สัมผัสนั้นกลับเหมือนกำลังจะบอกอะไรสักอย่าง นัยน์ตาดำขลับสองคู่สบกันก่อนที่คนร่างเล็กจะมองตามดวงตาแสนอ่อนโยนที่ขณะนี้ไม่ได้มองมาที่เขาอีกแล้วแต่กลับมองไปยังน้องชายของเขาแทน


ตามตะวันนั่งอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่ส่งเพื่อน ๆ กลับและยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปไหนทั้งที่เจ้าแข็งแรงเองก็นอนแผ่รอให้เล่นด้วยที่กลางสนาม เต็มฟ้าลุกไปล้างมือก่อนจะเดินมานั่งลงข้าง ๆ หนุ่มน้อย ทอดสายตามองเงาสะท้อนบนผืนน้ำซึ่งเป็นภาพของดวงอาทิตย์สีส้มกลมโตที่กำลังเคลื่อนคล้อยลับขอบฟ้านครลำปาง หากจะพูดกันตามจริงแล้วลำน้ำวังในฤดูหนาวก็ไม่ได้ชวนมองสักเท่าไรนัก เป็นเพราะปริมาณน้ำที่ลดต่ำลงจนเห็นแนวตลิ่ง สายน้ำไหลเนิบ ๆ จนดูคล้ายจะหยุดนิ่ง ไกลออกไปยังคงเห็นแนวโค้งของสะพานรัษฎาภิเษกตั้งเด่นเป็นสง่าเชื่อมสองฝากฝั่งไว้ด้วยกันท่ามกลางสายหมอกยามโพล้เพล้ที่กำลังแทรกซึมเข้าบดบังให้ทุกอย่างดูพร่ามัว แต่เมื่อทั้งหมดประกอบกันเข้าก็ให้ภาพที่สวยงามราวกับเป็นผลงานของจิตรกรเอกที่เขียนขึ้นจากความประทับใจ ณ ขณะนั้น มันเป็นภาพคุ้นตาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กเห็นทีไรก็ให้รู้สึกความสุขใจทุกครั้ง


ลมหายใจอุ่นถูกผ่อนออกจากปลายจมูกเหมือนทุกครั้งที่หวนนึกถึงเรื่องราวในอดีต แต่ความรู้สึกตอนนี้มันช่างแตกต่างกันกับที่ผ่านมานัก อคติในใจมลายหายไปตั้งแต่เมื่อไรเจ้าตัวก็ยังไม่อาจระบุได้ รู้เพียงแต่ว่าวันนี้มันช่างดีเหลือเกินที่ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปจนยากจะทลายทิฐิของตัวเอง วงแขนแกร่งโอบไหล่น้องชายเอาไว้ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ


"คิดอะไรอยู่ บอกพี่ได้ไหม"


"ตาม..." เด็กสบตาผู้เป็นพี่แต่แล้วที่สุดก็หรุบตาลงมองปลายเท้าของตัวเอง


"เรื่องเมื่อกลางวันใช่ไหม"


หนุ่มน้อยพยักหน้า ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังตั้งแต่แรก แต่ที่ไม่อยากพูดออกไปก็เพราะเกรงว่าตนเองจะถูกมองเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเองที่ต้องทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนในสายตาของพี่ชายก็เท่านั้น


"อืม..ถ้าอย่างนั้นบอกพี่หน่อยได้ไหมว่าทำไมตามถึงอยากลงแข่งกีฬา"


ตามตะวันสบตานิ่ง มือเล็ก ๆ ที่วางอยู่บนหน้าขากำแน่นนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานกีฬาสีเมื่อปีก่อน ทั้งที่ทีมวิ่งผลัดของสีกำลังจะชนะอยู่แท้ ๆ แต่เพราะเขาเองที่ล้มลงไปนอนหอบอยู่กับพื้นจึงทำให้สีต้องพลาดเหรียญรางวัลสำคัญไป หลังจากวันนั้นเรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องที่ถูกหยิบยกเอามาพูดคุยอย่างสนุกปากในหมู่เพื่อน ๆ และรุ่นพี่อยู่พักใหญ่ เขาถูกกีดกันจากการทำกิจกรรมและกีฬาทุกประเภทที่ต้องอาศัยพละกำลัง นั่นเพราะทุกคนต่างก็กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นซ้ำอีก หนุ่มน้อยจึงไม่ได้วิ่งเล่นหรือเตะฟุตบอลหลังเลิกเรียนแบบที่อยากทำเหมือนเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ดังนั้นการได้วิ่งเล่นกับแข็งแรงที่ไร่จึงเป็นสิ่งที่เขาชอบมาก ๆ


"ตามแค่อยากทำให้ทุกคนเห็นว่าตามทำได้ ตามไม่ได้อ่อนแอ ไม่ได้ขี้แพ้แบบที่ใคร ๆ พูด ตามอยากเตะฟุตบอล อยากวิ่งเล่นกับเพื่อน ๆ เหมือนที่วิ่งเล่นกับแข็งแรงในไร่ อีกหน่อยพอตามโตขึ้นตามก็จะดูแลพ่อกับพี่เต็ม"


เมื่อได้ฟังดังนั้นรอยยิ้มอ่อนโยนก็ค่อย ๆ ปรากฏชัดเจนขึ้น มืออุ่นของพี่ชายเลื่อนขึ้นไปวางบนศีรษะทุยพลางโยกเบา ๆ พร้อมกับประโยคให้กำลังใจ "ตัวแค่นี้ทำไมคิดมากจัง"


"พี่เต็มว่าเพื่อน ๆ จะโกรธตามไหมครับ"


"จะโกรธทำไม เพื่อนกันก็ต้องสนับสนุนกันสิถ้าเรื่องที่เพื่อนทำเป็นเรื่องดี" พูดมาถึงตรงนี้แล้วก็อดนึกถึงคนไกลสองคนไม่ได้ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้าง


"เลิกคิดมากได้แล้ว จะเป็นนักกีฬาก็ต้องเอาเวลามาคิดแล้วว่าทำยังไงถึงจะชนะ"


รอยยิ้มและคำพูดเป็นปริศนาของคนตรงหน้าทำให้ตามตะวันอดสงสัยไม่ได้ หนุ่มน้อยนิ่งคิดจนในที่สุดก็ต้องเป็นฝ่ายถาม "แล้วตามต้องทำยังไงครับพี่เต็ม"


"อืม...ไปบนดีไหม ศาลหลักเมืองก็ได้ หรือว่า...."


พูดยังไม่ทันจบเสียงกระแอมปรามก็ดังขึ้นจากหนุ่มหล่อที่นั่งทำไม่รู้ไม่ชี้อยู่ไม่ไกลนัก


"แอบฟังนี่หว่า" เต็มฟ้าหันไปมองตาขุ่น ๆ ก่อนจะกลับมามีสาระอีกครั้ง "แต่ถ้าตามซ้อมให้มาก ๆ ก็ไม่ต้องรบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านหรอกนะ เดี๋ยวท่านจะเหนื่อยเปล่า ๆ"


"ถ้าอย่างนั้นตามจะซ้อมทั้งเช้าทั้งเย็นเลยฮะ"


ชายหนุ่มกระชับวงแขนที่โอบไหล่เล็กเอาไว้แน่น ไม่รู้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่การได้ปล่อยให้น้องชายได้ทำอะไรตามใจบ้างก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี พี่ชายอย่างเขาก็คงทำได้ดีที่สุดคือการให้กำลังใจและคอยมองอยู่ห่าง ๆ


ศิธาพัฒน์ละสายตาจากสองพี่น้องมองดูเจ้าหมาน้อยที่ยังคงนอนหลับสบายใจก่อนจะขยี้หัวมันด้วยความมันเขี้ยว เจ้าแข็งแรงปรือตาขึ้นมองคนเลี้ยงพลางถอนใจเสียงดังอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะหลับตาลงไม่แยแสเล่นเอาชายหนุ่มเซ็งในอารมณ์ เมื่อเห็นว่าจวนค่ำเต็มทีก็ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายจากนั้นจึงเดินไปนั่งลงที่หน้าเคาท์เตอร์ซึ่งลูกสาวเจ้าของเกสต์เฮาส์กำลังง่วนอยู่กับการทำบัญชีประจำวัน


"จะกลับแล้วเหรอปุ่น" หน้าสวยเงยขึ้นรอฟังคำตอบและยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง ยังคงเป็นรอยยิ้มน่ารักไม่ต่างกับวันแรกที่ได้รู้จัก นึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าผู้หญิงสวยหวานอย่างชลธรจะโกรธใครเป็นบ้างไหม ไหนจะต้องต่อกรกับน้องชายจอมกวนไม่เว้นแต่ละวัน ไหนจะต้องดูแลกิจกรรมแทนผู้เป็นแม่แต่เธอก็ยังยิ้มได้


"ว่าจะกลับแล้วละครับพี่ชลจวนค่ำแล้ว" ศิธาพัฒน์กล่าวก่อนจะหันไปมองหญิงวัยกลางคนที่กำลังเดินออกมาจากครัวที่ถูกต่อเติมแยกออกจากพื้นที่พักอาศัย


"อยู่ทานของหวานกันก่อนสิปุ่น นี่น้านึ่งขนมปุยฝ้ายเอาไว้ใกล้เสร็จแล้วนะ" เดือนดารากล่าวพลางร้องเรียกหลานชายทั้งสองให้กลับเข้าบ้านเพราะกลัวว่าอากาศที่เริ่มเย็นลงจะทำให้สองหนุ่มพากันไม่สบาย ผู้เป็นน้ายังคงยืนอมยิ้มมองดูหลาน ๆ อย่างมีความสุขขณะมองตามสองคนที่เดินโอบไหล่กันเข้ามา เห็นแบบนี้แล้วก็อดพูดถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในบ้านไม่ได้


"ดูสิ เดี๋ยวนี้ตัวติดกันยังกับปาท่องโก๋"


“น้าเดือนอยากกินปาท่องโก๋เหรอครับ เดี๋ยวเต็มออกไปซื้อให้” 


“น้าบอกว่าเราสองคนน่ะตัวติดกันอย่างกับปาท่องโก๋ต่างหาก”


“ฮะ? อ๋อ...เอาสองตัว” หลานชายคนโตกล่าวหน้าระรื่นก่อนจะจับน้องให้นั่งลงที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ กับพี่ชายใจดีที่ตามตะวันชมนักชมหนา


“เต็ม อย่ากวนน่า” ศิธาพัฒน์ลากเสียงพร้อมกับส่งสายตาปรามหนุ่มจอมกวนที่กำลังจะทำให้น้าเดือนปวดหัว


คนถูกดุกอดอกทำไม่ใส่ใจแถมยังผิวปากอารมณ์ดีราวกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่คือคำชม ร่างสูงเดินไปอ้อมไปกอดเอวของหญิงวัยกลางคนที่มีทั้งสุ้มเสียงและหน้าตาละม้ายคล้ายกับแม่ผู้ล่วงลับเอาไว้ก่อนจะกระซิบถามอีกครั้ง “ตกลงน้าเดือนจะเอาไหมเต็มจะไปซื้อให้”


เดือนดารามุ่นคิ้ว อ่อนใจกับหลานชายคนนี้เสียเหลือเกิน มือนิ่มตีลงที่แขนด้วยความหมั่นไส้ในขณะที่คนถูกตีก็ยังไม่วายแกล้งร้องโอดโอยเรียกรอยยิ้มของผู้เป็นน้าได้อีกครา


ชลธรวางปากกาลงพลางส่ายศีรษะ จากที่คิดว่าจะทำบัญชีให้เรียบร้อยคงต้องเปลี่ยนมาเป็นจัดการกับน้องชายให้เด็ดขาดเสียแล้ว “ดูสิ กลัวกันที่ไหนล่ะปุ่น เป็นลูกชายคนโตเลยถูกตามใจจนเคยตัว” ดวงตาคู่สวยเหล่มองหนุ่มจอมกวนอย่างหมั่นไส้ ในขณะที่อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะลดละ กระนั้นยังเดินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ ก่อนจะรั้งสมุดบัญชีและเครื่องคิดเลขมาไว้กับตัวเองเสียอีก


“เอามานี่เลยไม่ให้ทำแล้ว”


“เต็ม เอาคืนมาเดี๋ยวนี้นะ” ไม่พูดเปล่า มือบางก็ตีลงที่แขนแกร่งดังเผียะ


“ไม่ให้ นี่มันเวลาพักผ่อนแล้วนะ ยังจะมานั่งทำบัญชีอีก เงินทองมันไม่หายไปไหนหรอกน่า” พูดจบก็เท้าคางรอฟังสิ่งที่พี่สาวจะบ่นต่อไป เต็มฟ้านั่งลอยหน้าลอยตาเพลิน ๆ จนไม่ได้สนใจมือใหญ่ที่เอื้อมมาจับข้อมือของตนเอง มือที่กำลังเท้าคางก็ถูกดึงออกอย่างรวดเร็วหมายจะแกล้งให้ต้องเจ็บตัวกันบ้าง และเขาหากไหวตัวไม่ทันคางคงได้กระแทกพื้นไปแล้ว คนถูกแกล้งหันขวับมองไปยังเจ้าของมือที่กำลังนั่งยักคิ้วกวน ๆ พลันหัวคิ้วหนาก็ค่อย ๆ เคลื่อนเข้าหากันอย่างขัดใจทำเอาตามตะวันหัวเราะคิก 


“ถ้าคางแตก สมองกระทบกระเทือนจะรับผิดชอบยังไงครับคุณ”


ศิธาพัฒน์หัวเราะหึในลำคอมองเด็กพูดจาเอาแต่ใจด้วยสายตาแบบที่เจ้าตัวไม่ชอบเห็นเลย 


“อืม...ถ้าคางแตกก็จะพาไปให้คุณพ่อของยะหยาเย็บให้ แต่ถ้าถึงขึ้นสมองเสื่อมพี่จะดูแลไปตลอดชีวิตเลย แค่นี้รับผิดชอบพอไหม”


สิ้นเสียงของคนตรงหน้าก็ให้รู้สึกร้อนวูบที่สองแก้มขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย พูดอะไรไม่ถูกจนสาวสวยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันอดแซวไม่ได้


“ไง โดนเอาคืนบ้างถึงกับไปไม่เป็นเลยเหรอจ๊ะหนุ่มน้อย”


เต็มฟ้าใช้ลิ้นดุนแก้มตัวเองทำกวนประสาทกลบเกลื่อนแต่แก้มขึ้นสีก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของผู้ใหญ่ในวงสนทนาได้อยู่ดี


“นี่เต็มเป็นน้องพี่ชลนะ ไม่มีหรอกจะเข้าข้างกัน นี่ก็อีกคน” พูดจบก็ยื่นมือไปบีบจมูกน้องชายเบา ๆ   

 
“ไม่เข้าข้างแถมยังสมน้ำหน้าด้วยจ้ะ เรื่องทำตัวอาร์ตนี่ไม่มีใครเกิน นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ สงสัยต้องหาใครมาคอยปราบแล้วละมั้ง” ชลธรกล่าวพลางดึงสมุดบัญชีกับเครื่องคิดเลขกลับคืนมาก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้ศิธาพัฒน์เป็นการขอบคุณที่ช่วยจัดการน้องชายให้


“ปุ่นก็ช่วยปราบอยู่นี่ไง” คำพูดของผู้เป็นแม่ทำเอาลูกสาวต้องกลั้นยิ้ม   


"เรียกว่าปราบจะได้เหรอจ๊ะแม่"


"ไม่เรียกว่าปราบแล้วจะเรียกอะไร ไหนบอกแม่ซิ"


"อืม...ชลไม่แน่ใจว่าจริง ๆ แล้วน่ะปุ่นปราบเต็มได้ หรือว่าอยู่กับเต็มมากจนซึมซับจากเต็มมากันมาเยอะ ตอนนี้ก็เลยมีพลังสูสีกัน" สาวสวยหันไปสบตาชายหนุ่มที่กำลังทำหน้างง เห็นว่าศิธาพัฒน์อาจจะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูด ชลธรจึงถามคำถามหนึ่งที่ทำให้อีกฝ่ายต้องนึกทบทวนตัวเอง


"ปุ่นน่ะรู้ตัวหรือเปล่าว่าตั้งแต่รู้จักกับเต็มตัวเองมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง นับวันจะเหมือนกันเข้าไปทุกทีแล้วนะ"


หนุ่มหล่อยิ้มก่อนจะเบนสายตาไปที่หนุ่มน้อยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม สบตากันอย่างขอความเห็น อาจจะจริงอย่างที่ชลธรพูดก็ได้ เพราะตั้งแต่ที่รู้จักกับไอ้เด็กแสบนี่เขาก็ต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะตามอีกฝ่ายให้ทันรวมถึงต้องคอยคิดหายุทธวิธีในการปราบให้อยู่หมัดจนบางทีก็ยังไม่อยากจะเชื่อในความร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ของตัวเองเหมือนกัน


....


ภายในเกสต์เฮาส์กลับเงียบเชียบลงอีกครั้งหลังจากที่บรรดานักท่องเที่ยวต่างก็ทยอยกันออกไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน อากาศยามค่ำค่อย ๆ ลดอุณภูมิลงจนหลายคนต้องหยิบเสื้อกันหนาวที่ถอดแขวนเอาไว้มาสวมใส่อีกครั้ง เต็มฟ้าถือถุงที่ข้างในมีกล่องพลาสติกใส่ขนมปุยฝ้ายร้อน ๆ ที่เพิ่งยกลงจากเตาซึ่งน้าเดือนฝากให้ศิธาพัฒน์เดินออกไปส่งชายหนุ่มที่หน้าบ้าน ร่างเล็กวางถุงขนมในตะกร้าหน้ารถก่อนจะยิ้มให้เจ้าหมาน้อยที่กระโดดขึ้นไปนั่งประจำที่กระดิกหางรออยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่หันกลับมาเจ้าของมอเตอร์ไซค์ก็เดินเข้ามาประชิดแบบไม่ทันได้ตั้งตัวจนต้องถอยหนี แต่แขนแกร่งของอีกฝ่ายก็โอบรัดเข้ากับรอบเอวจนแทบจะขยับไปไหนไม่ได้ ดวงตาแสนอ่อนโอนจ้องมองเรียวหน้าอาบแสงนวลของโคมไฟหน้าบ้านไม่วางตา ยิ่งมือบางพยายามจะดันแผงอกให้ห่างออกเท่าไร เขาก็ยิ่งเพิ่มแรงรั้งอีกฝ่ายให้ใกล้เข้ามามากขึ้นเท่านั้น


“ปล่อยสิ จะกลับแล้วไม่ใช่เหรอ” คนในอ้อมกอดกล่าวทั้งที่ไม่ได้สบตากัน


“ยังไม่กลับ จนกว่าจะได้ทำโทษเด็กทำผิด”


“เต็มทำอะไรผิด”


“ไม่รู้ตัวเลยเหรอ ตั้งแต่บ่ายมาเรียกชื่อพี่ผิดไปห้าครั้ง”


เมื่อได้ฟังดังนั้นคนฟังก็อดรนทนไม่ได้รีบเงยหน้าขึ้นประท้วงทันที “เฮ้ย! สองครั้งเท่านั้นแหละ พี่ปุ่นมั่วว่ะ”


“รู้ตัวด้วยเหรอ นึกว่าไม่รู้ตัวเสียอีก”


เต็มฟ้ามุ่นคิ้วพยายามจะไม่ใส่ใจสายตาวิบวับของคนตรงหน้าที่กำลังทำให้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะแต่ก็ทำไม่ได้เสียที


“แสดงว่าอยากโดนจูบใช่ไหม”


“ไม่ใช่แบบนั้นเลย มั่วตลอด”   

 
ศิธาพัฒน์เพียงแต่ยิ้มรับถ้อยคำต่อว่าที่ดูไม่จริงจังนั่นพลางจ้องมองลูกแมวที่กำลังขู่ฟ่อในอ้อมแขนอย่างเอ็นดู จะทำอย่างไรได้การที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพียงเพื่อจะหาเรื่องให้ได้อยู่ใกล้ ๆ กันก็เท่านั้น


....


เสียงนาฬิกาปลุกที่น้องชายตั้งเอาไว้ให้ตั้งแต่เมื่อคืนยังดังหลอนอยู่ในโสตประสาทแม้ว่าตอนนี้เต็มฟ้าจะพาร่างกึ่งหลับกึ่งตื่นเดินโซซัดเซออกมาที่สนามหน้าบ้านแล้วก็ตาม


“พี่เต็มตื่น ๆ”


“พี่ก็ตื่นแล้วนี่ไง แต่ทำไมฟ้ามันยังมืดอยู่เลย” พี่ชายกล่าวด้วยน้ำเสียงงัวเงียพลางเดินสะเปะสะปะตามแรงรั้งที่ข้อมือ ในความมืดนั้นได้ยินเสียงลากประตูเปิดดังพร้อมกับเสียงไก่ขันอยู่ไกล ๆ 


“พี่เต็มลืมตาสิฮะ ลืมตา นี่สว่างแล้วนะ”


“สว่างที่ไหนกันยังมืดอยู่เลย” ชายหนุ่มบ่นพร้อมกับพยายามปรือตาซ้ายทีขวาทีต่อสู้กับความง่วง หมอกที่ลงจัดทำให้ต้องยกนาฬิกาขึ้นดูให้แน่ใจ หกโมงเช้าแล้วแต่บรรกาศยังชวนให้หวนกลับไปล้มตัวนอนบนที่นอนอุ่น ๆ ชดเชยเมื่อวันก่อนที่ต้องตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ดวงอาทิตย์ยังคงซ่อนตัวอยู่หลังมวลเมฆสีหม่น นึกอิจฉาอีกหลายต่อหลายคนที่ยังคงซุกไออุ่นของผ้าห่มผืนนุ่มอยู่บนเตียง  เช้าวันแรกของการซ้อมวิ่งเริ่มต้นกันตั้งแต่หกโมงเช้าเลยหรือนี่ พี่ชายสะบัดหน้ารัวไล่ความเกียจคร้านเอื้อมมือดึงฮูทเสื้อกันหนาวขึ้นคลุมศีรษะน้องชายที่กำลังนั่งลงผูกเชือกรองเท้าเพื่อป้องกันน้ำค้างที่ลงจัด หลังจากอบอุ่นร่างกายอยู่ครู่หนึ่งตามตะวันก็ออกวิ่งเยาะ ๆ เต็มฟ้าคลี่ยิ้มยืนมองแผ่นหลังเล็กก็เคลื่อนห่างออกไปทุกทีก่อนจะขยับเท้าเดินตามและเริ่มวิ่งในที่สุด



(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-08-2014 15:18:53 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อค่ะ)


สายหมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณจนภาพที่เห็นตรงหน้ากลายเป็นสีเทาหม่น ๆ  แม้จะเป็นเช้าวันแรกของวันทำงานแต่ถนนตลาดเก่าทั้งสายกลับยังคงหลับใหล บ้านเรือนหลายหลังปิดเงียบไม่เหลือภาพความคึกคักของถนนคนเดินดังเช่นค่ำคืนที่ผ่านมา มีเพียงไม่กี่บ้านที่ผู้เฒ่าผู้แก่เปิดประตูออกมานั่งรอใส่บาตร สองพี่น้องเริ่งฝีเท้าขึ้นราวกับกำลังวิ่งหนีอากาศหนาวเย็นจนกระทั่งมาถึงสะพานโค้งสีขาว ดวงตาสีนิลทอดมองราวสะพานตรงหน้า จู่ ๆ ภาพความทรงจำแสนหวานก็แทรกซึมไปทุกซอกมุมของความคิด ค่อย ๆ ชะลอฝีเท้าก่อนจะหยุดนิ่งยังจุดที่เคยยืนประจัญหน้ากับใครคนหนึ่ง รอยยิ้มและแววตาแสนอ่อนโยนนั้นยังคงตราตรึงในขณะที่ไออุ่นและสุ้มเสียงของเขาก็ยังไม่สามารถที่จะหาอะไรมาลบออกไปได้ ถึงจะหากระดาษสัญญาแผ่นนั้นพบในตอนนี้เพื่อกลับคำแต่ก็คงยากหากจะกลับใจที่ให้กันไปแล้ว


ในที่สุดมือเย็นเฉียบของน้องชายซึ่งแตะลงบนข้อมือก็เรียกความคิดที่กำลังล่องลอยไปกลับคืนมาอีกครั้ง


“พี่เต็มเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ตามเห็นพี่เต็มหยุดอยู่ตรงนี้นานแล้ว”


“ปละ เปล่านี่ พี่ไม่ได้เป็นอะไร วิ่งต่อเถอะ” พูดจบร่างสูงก็ออกวิ่งอีกครั้งโดยมีหนุ่มน้อยตัวเล็กวิ่งตามไปติด ๆ


“น่าจะชวนพี่ปุ่นกับแข็งแรงมาวิ่งด้วยกันนะครับ แข็งแรงมันน่าจะชอบ”


“ป่านนี้ยังไม่ตื่นกันเลยมั้ง ทั้งคนทั้งหมา”


“เดี๋ยวถ้าวันนี้พี่ปุ่นพาแข็งแรงมาตามจะขอให้พี่ปุ่นทิ้งเจ้าแข็งแรงไว้ที่บ้านเรา ตอนเช้าจะได้พามาวิ่งด้วยกัน”


เต็มฟ้าพยักหน้าพลางปาดเหงื่อที่ซึมอยู่กับไรผม วิ่งมาครึ่งทางเพิ่งจะมีเหงื่อซึม ๆ เท่านั้น พอจะรู้สึกอุ่นขึ้นมาหน่อยหลังจากที่ต้องวิ่งไปปากสั่นไปมานาน


“พี่เต็มไม่ชวนพี่ปุ่นมาวิ่งด้วยกันเหรอฮะ”


“ตามอยากให้พี่ปุ่นมาวิ่งด้วยเหรอ”


“ฮะ พี่ปุ่นมาวิ่งด้วยน่าจะสนุก เวลาพี่เต็มกับพี่ปุ่นอยู่ด้วยกันตามว่าสนุกดี พี่เต็มยิ้มกว้างเลย”


“ขนาดนั้นเชียว”


“ครับ”


“ตามชอบพี่ปุ่นเหรอ”


“ชอบครับ พี่ปุ่นใจดี สอนการบ้านเข้าใจ ตอนพี่เต็มไม่อยู่ ตามชอบให้พี่ปุ่นสอนทำโน่นทำนี่ แล้วพี่เต็มล่ะฮะ ชอบพี่ปุ่นหรือเปล่า”


คนถูกถามชะลอฝีเท้ารู้สึกร้อนวาบไปทั้งหน้าทั้งที่อากาศก็เย็นเท่าเดิม แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตอบคำถามนั้น เสียงเห่าของสุนัขที่ไหนก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน เมื่อสองหนุ่มหันกลับไปมองภาพที่เห็นก็คือเจ้าหมาน้อยสวมเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนกำลังวิ่งลิ้นห้อยเข้ามาหา


ตามตะวันย่อตัวลงลูบหัวเจ้าหมาน้อยอย่างเบามือก่อนจะเงยหน้าขึ้นทักทายเจ้าของที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดใกล้  ๆ


“กำลังพูดถึงพี่ปุ่นกับแข็งแรงอยู่พอดีเลยฮะ”


“พูดว่าอะไร นินทาพี่หรือเปล่า” 


“เปล่าฮะ เมื่อกี้ตามบอกให้พี่เต็มชวนพี่ปุ่นมาวิ่งด้วยกัน แล้วก็กำลังถามพี่เต็มว่าพี่เต็มชอ....”


“วิ่งต่อเถอะ จะได้รีบกลับไปเตรียมตัวไปโรงเรียนกัน” เต็มฟ้าสบตาศิธาพัฒน์แวบหนึ่งก่อนจะเบนสายตาหนี กะว่าจะวิ่งยาวแบบม้วนเดียวจบเผื่อว่าเจ้าของสายตาแฝงความสงสัยจะลืม ๆ สิ่งที่น้องชายของเขาพูดเมื่อสักครู่ไปบ้าง คิดได้ดังนั้นก็ออกวิ่งอีกครั้งโดยไม่ลืมที่จะรั้งแขนเล็กให้วิ่งไปด้วยกัน


เจ้าแข็งแรงวิ่งตามสองพี่น้องไปตลอดทาง มันหยุดแวะดมโน่นดมนี่เป็นครั้งเป็นคราวเมื่อได้กลิ่นน่าสงสัยแต่ในที่สุดก็ผละออกมาวิ่งตามเจ้านายต่อจนกระทั่งถึงสะพานแขวนสีแดงที่ทอดข้ามแม่น้ำวัง สี่ขาค่อย ๆ ปีนขึ้นไปตามขั้นบันไดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พร้อมกับทำจมูกฟุดฟิดดมสำรวจที่ที่เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก


“แข็งแรงมานี่เร็ว”


เมื่อได้ยินเสียงเจ้านายตัวน้อยร้องเรียกเจ้าขนฟูก็ทำหูลู่รีบวิ่งกระดิกหางตรงเข้าไปหาทันที ตามตะวันลูบหัวมันเบา ๆ ก่อนรั้งปลอกคอเบา ๆ ให้เดินตาม แต่เจ้าหมาน้อยก็ยังดูมีทีท่าเป็นกังวลกับสะพานแคบ ๆ และระยะทางยาวนี้


“เดี๋ยวตามจะพาแข็งไปกินข้าวนะฮะพี่ปุ่น” หนุ่มน้อยกล่าวกับพี่ชายตัวสูงที่กำลังเดินขึ้นสะพานมา


ศิธาพัฒน์พยักหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ดังนั้นชายหนุ่มผู้เก็บงำความสงสัยมาหลายกิโลเมตรจึงเอ่ยขึ้น “แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ที่คุยค้างไว้น่ะ ตกลงมันเรื่องอะไรเหรอ”


ทั้งที่มีแผนการอยู่ในหัวมากมายที่จะหลบเลี่ยงสถานการณ์นี้ แต่สิ่งที่เต็มฟ้าสามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือการหายใจทางปากแล้วปล่อยให้สองคนคุยกันไปเท่านั้น 


“อืม...อ๋อ เมื่อกี้ตามถามพี่เต็มว่าพี่เต็มชอบพี่ปุ่นหรือเปล่า”


“แล้วพี่เต็มตอบว่ายังไงครับ”


“พี่เต็มยังไม่ทันได้ตอบ พี่ปุ่นกับแข็งแรงก็มาพอดีฮะ”


จบกัน....พี่ชายทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง เหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งลงข้าง ๆ กัน รอยยิ้มปริศนาของเขาช่างมีอิทธิพลพอจะทำให้คนมองเริ่มรู้สึกไม่วางใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้เสียเหลือเกิน


“พี่เต็ม ถ้าอย่างนั้นตามกลับบ้านก่อนนะฮะ”


เต็มฟ้าเงยหน้าขึ้นมองน้องชาย อยากจะตอบแต่ก็พูดไม่ออกจึงได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ และโบกมือเป็นสัญลักษณ์ว่าให้นำไปก่อนเท่านั้น


“แค่นี้ก็หอบแฮกแล้วเหรอ สู้ตามก็ไม่ได้” ศิธาพัฒน์พูดกล้าวหัวเราะมองดูแก้มเนียนที่เปลี่ยนเป็นสีเลือดฝาด


“มะ...ไม่เหนื่อย บ้าง หรือไง” ปากบางขมุบขมิบก่อนจะยกมือขึ้นซับเหงื่อ พลันความเย็นจากขวดน้ำพลาสติกที่แตะเข้ากับข้างแก้มก็ทำเอาสะดุ้ง


“ดื่มน้ำก่อน จะได้หายเหนื่อย พอหายเหนื่อยแล้วก็ค่อยพูด”


คำพูดแฝงปริศนานั่นทำเอาเต็มฟ้ากล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะรับขวดน้ำนั้นมา จนในที่สุดเจ้าของขวดน้ำก็เป็นฝ่ายเปิดฝาแล้วส่งให้


“ดื่มเร็ว ไม่ได้ใส่ยาพิษหรอกน่า รู้ว่าระดับนี้ยังไงก็ฆ่าไม่ตายอยู่แล้ว”


คนฟังยักไหล่อย่างไม่ยี่หระแต่เมื่อจะรับขวดน้ำมาดื่มอีกคนกลับชักมือกลับเสียได้


“ฮึ่ย ผู้ใหญ่ให้ของต้องทำยังไงก่อน”


“ขอบคุณคร้าบบบบบบบบบ”


ถึงจะเป็นคำขอบคุณที่ฟังยียวนกวนประสาทที่สุดแต่ศิธาพัฒน์ก็ยอมส่งขวดน้ำให้อีกครั้ง และเพราะความกลัวว่าจะโดนแกล้งอีกมือเรียวรีบจึงรีบคว้าขวดน้ำมาดื่มดับกระหายทันทีในขณะที่ดวงตาคู่สวยก็ยังคงจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่วางใจอยู่ดี


เจ้าของขวดน้ำยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะใช้ปลายนิ้วเขี่ยเส้นผมชื้นเหงื่อที่ตกลงมาปรกหน้าผากของไอ้ตัวแสบ นึกสงสารอยู่เหมือนกันที่ต้องมานั่งหอบแฮกหมดแรงอยู่อย่างนี้แต่เพราะความกวนประสาทก็ทำให้อดที่จะแกล้งไม่ได้     


“ใส่แต่ยาเสน่ห์ให้หลงรักหัวปักหัวปำต่างหาก”


ประโยคสั้น ๆ ทำเอาคนฟังเบิกตากว้างก่อนจะ....


พรวดดดดดดดดด!!!!!!


“หือ!! เต็ม!! เกือบโดนหน้าแน่ะ” ศิธาพัฒน์โวยวายมองดูชายหนุ่มที่กำลังไอโครกเพราะสำลักน้ำ   


ทันทีที่ตั้งตัวได้เต็มฟ้าก็มองอีกฝ่ายด้วยสายตาขุ่น ๆ ถ้าจะโดนเข้าจริง ๆ ก็น่าจะสมควรแล้วกับการพูดอะไรไม่เข้าท่า


“กลัวไม่ขลัง เลยจะแถมน้ำมนต์ปลุกเสกโดยหลวงพ่อเต็มให้ด้วยไง” พูดจบก็ทำท่าจะใช้หลังมือซับน้ำทั้งที่ปากและจมูก แต่แล้วก็ต้องชะงักมือถูกคนข้าง ๆ รั้งเอาไว้


“สกปรก เดี๋ยวพี่เช็ดให้” เจ้าของแววตาอ่อนโยนกล่าวพลางใช้มืออีกข้างล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อกันหนาวก่อนจะซับน้ำให้อย่างเบามือ


“ปากเก่งไม่มีใครเกินจริง ๆ เลยนะเด็กคนนี้น่ะ”


“ใครใช้ให้พูดไม่เข้าหูล่ะ”


“ถ้าอยากให้คนอื่นพูดจาให้เข้าหู ตัวเองก็ต้องพูดจาให้เข้าหูคนอื่นก่อนสิ” ชายหนุ่มลดมือลงก่อนจะเก็บผ้าเช็ดหน้าลงในกระเป๋าเสื้อ


“ก็พูดให้ได้ยินอยู่เต็มสองหูยังจะว่าเต็มพูดไม่เข้าหูอีกเหรอ”


“ใช่ ยังไม่ได้ยินเลย”


“ยังไม่ได้ยินอะไร”


“ก็ยังไม่ยินเต็มตอบคำถามที่ตามถามเมื่อกี้เลย”


“อืม..คำถามที่ตามถามเหรอ” ชายหนุ่มทวนคำทำเฉไฉลุกขึ้นยืนปิดขี้เกียจเหลือบมองคนที่ลุกตามขึ้นมายืนข้าง ๆ กัน


“ใช่”


“จำไม่ได้แล้วว่าตามถามอะไร ถ้าอย่างนั้นเต็มกลับไปถามน้องก่อนนะ” พูดจบก็รีบวิ่งจู๊ดลงสะพานไปปล่อยให้ศิธาพัฒน์ได้แต่โคลงศีระษาอย่างอ่อนใจ


“ไอ้ตัวแสบ เลี่ยงให้ได้ตลอดเถอะ”


เสียงตะโกนตามหลังเรียกรอยยิ้มเล็ก ๆ ให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มที่กำลังวิ่งห่างออกมาจากต้นเสียง ไม่รู้ว่าจะเลี่ยงได้ตลอดหรือเปล่า และถึงแม้จะป็นคำถามที่มีคำตอบอยู่ในใจแล้วก็ตามแต่วันนี้ขอข้ามไปก่อนก็แล้วกัน


ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาภาพของสองพี่น้องที่วิ่งเคียงกันไปบนถนนในทุก ๆ เช้าและทุก ๆ เย็นโดยมีเจ้าสุนัขขนปุยคอยตามอยู่ไม่ห่างก็กลายเป็นภาพคุ้นตาของคนในละแวกตลาดเก่า จนกระทั่งหลังจากนั้นอีกสองสัปดาห์งานกีฬาสีของโรงเรียนก็มาถึง


ศิธาพัฒน์จ้องมองร่างบางที่กำลังเดินนำหน้าด้วยความรีบร้อนเมื่อเสียงกลองของขบวนพาเหรดโรงเรียนประถมดังใกล้เข้ามาทุกขณะ เมื่อเห็นพอจะมีช่องว่างเต็มฟ้าก็แทรกตัวเข้าไปยืนรวมกับบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต่างก็เฝ้ารอดูลูกสาวลูกชายของตนเองอย่างใจจดใจจ่อ กล้องดิจิตัลตัวเล็กถูกดึงออกมาจากเป้สะพายหลังเมื่อเสียงฮือฮาดังขึ้นจากหัวถนน เสียงกลองและเสียงเครื่องเป่าดังใกล้ เข้ามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งร่างเล็กของคฑากรหนุ่มหล่อปรากฏขึ้น ผู้ปกครองหลายคนต่างชี้ชวนกันดูบุตรหลานของตนเองที่อยู่ในขบวน จากนั้นต่างคนต่างก็หยิบทั้งกล้องดิจิตัลและโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบันทึกภาพความประทับใจที่หนึ่งปีจะมีสักครั้งเก็บเอาไว้


“หล่อมาเชียว น้องชายใครก็ไม่รู้” ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างกันกล่าวพลางยกศอกสะกิดชายหนุ่มที่มัวแต่ยืนอมยิ้มจนลืมกดชัตเตอร์กล้องในมือเสียสนิท


“มีพี่ชายหล่อก็แบบนี้แหละ” พูดจบปลายนิ้วเรียวก็แตะลงบนชัตเตอร์เพื่อบันทึกภาพในขณะที่คฑาถูกโยนขึ้นลอยเคว้งอยู่กลางอากาศก่อนจะตกลงสู่มือของคฑากรคนเก่ง


ตามตะวันส่งยิ้มให้พี่ชายทั้งสองคนก่อนจะเดินนำขบวนผ่านไปอย่างสง่างาม จนในที่สุดขบวนก็ผ่านเข้าประตูโรงเรียนไปรวมกันอยู่ที่สนามหน้าเสาธงซึ่งพวกเด็ก ๆ ใช้ทำกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นการเข้าแถวเคารพธงชาติหรือกีฬาและการละเล่นต่าง ๆ
เมื่อเสียงเพลงบรรเลงจากวงโยธวาทิตเงียบลง ผู้อำนวยการโรงเรียนก็ขึ้นกล่าวเปิดงานก่อนจะมีการจุดไปที่กระถางคบเพลิงกีฬาสีของโรงเรียนจึงเริ่มต้นขึ้นอย่างสมบูรณ์


“พี่ถ่ายรูปให้นะ” เต็มฟ้ากล่าวกับน้องชายที่กำลังยืนรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อน ๆ รอฟังเสียงประกาศของคุณครูว่าจะต้องทำอะไรต่อไป


“ยะหยาขอถ่ายกับตามด้วยนะคะ” มีต้นเสียง เด็ก ๆ คนอื่น ๆ ก็พากันกรูเข้ามาขอถ่ายรูปกับคฑากรหนุ่มหล่อด้วย ภาพที่ได้จึงเป็นภาพที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพของเพื่อน ๆ ที่ตามตะวันคงจะต้องจดจำไปอีกนาน


“พี่เต็มฮะ ตามขอกล้องของตามหน่อยสิฮะ” หนุ่มน้อยกล่าวขึ้นเมื่อเพื่อน ๆ พากันสลายตัวไปถ่ายรูปกับคนอื่น ๆ บ้าง “ตามอยากถ่ายรูปพี่เต็มกับพี่ปุ่นบ้าง”


พี่ชายยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะหยิบกล้องโพลารอยด์ตัวเก่งออกมาจากเป้ส่งให้กับน้องชาย


“พี่ปุ่นยืนชิด ๆ พี่เต็มหน่อยฮะ”


เมื่อได้ฟังดังนั้นศิธาพัฒน์ก็ไม่รีรอที่จะขยับเข้าไปใกล้ ๆ ชายหนุ่มร่างบางที่อยู่ไม่ห่างกันนัก


“ห่างหน่อยก็ได้” เต็มฟ้ากล่าวทั้งที่ยังมองไปที่ตากล้องตัวเล็ก


“ตากล้องสั่งให้ชิดก็ต้องชิดสิ เดี๋ยวภาพไม่สวย” พูดจบแขนแกร่งก็ยกขึ้นโอบไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้


“ยิ้มนะฮะ หนึ่ง..สอง...สาม”


แชะ!


ทันทีที่เงียบเสียงชัตเตอร์ รูปที่ผ่านกระบวนการล้างอัดภาพในตัวก็ไหลออกมาจากตัวกล้อง เพียงสัมผัสกับอากาศภาพที่ถูกบันทึกได้ก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้น


“ตาม ไปเตรียมเชียร์เพื่อน ๆ ที่อัฒจันทร์ได้แล้ว คุณครูเรียกแล้ว” หมูอ้วนที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามากล่าวละล่ำละลักพร้อมกับดึงแขนเพื่อนรักให้เดินไปยังอัฒจรรย์ของสี


“พี่ปุ่น พี่เต็ม เดี๋ยวตามไปเปลี่ยนชุดก่อนนะฮะ” พูดจบหนุ่มน้อยก็รีบเดินตามเพื่อนไปพร้อมกับกล้องโพลารอยด์และภาพถ่ายในมือ


(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-08-2014 07:34:29 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อค่ะ)



เสียงประกาศให้สมาชิกของแต่ละสีไปรวมกันที่อัฒจันทร์ดังขึ้นท่ามกลางเสียงจ้อกแจ้กจอแจราวนกกระจอกแตกรัง แต่กระนั้นเด็ก ๆ ก็ยังปฏิบัติตามคำสั่งของคุณครูได้อย่างถูกต้อง สนามหน้าโรงเรียนถูกเตรียมเพื่อใช้สำหรับการแข่งขันกีฬาที่จะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า พ่อแม่ ผู้ปกครองต่างหาที่ร่มเพื่อหลบแดดรอดูลูกหลานของตนเองที่กำลังเตรียมตัวลงสนาม ศิธาพัฒน์และเต็มฟ้าพากันเดินไปยังอัฒจรรย์สีของตามตะวันก่อนจะหาที่เหมาะ ๆ เพื่อรอชมการแข่งขัน ไม่นานเสียงประกาศก็ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นการแนะนำรายการการแข่งขันชนิดกีฬาที่จะทำการแข่งขัน เช่น ชักเย่อ เก้าอี้ดนตรี กินวิบาก เหยียบลูกโป่ง แชร์บอล รวมไปถึงรายการสำคัญซึ่งก็คือการแข่งวิ่ง การแข่งขันกีฬาดำเนินไปท่ามกลางแสงแดดอ่อน ๆ และสายลมเย็นกลางฤดูหนาว วันนี้เป็นวันที่โรงเรียนมีแต่เสียงหัวเราะ รอยยิ้มมีให้เห็นเกลื่อนไปหมดไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มของเด็ก ๆ และผู้ปกครองที่ยืนเกาะขอบสนาม สำหรับพี่ป.6 ถือว่านี่คือการทิ้งทวนสร้างชื่อเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะต้องแยกย้ายกันไปเรียนต่อในชั้นมัธยมต้น ดังนั้นหลายคนจึงทุ่มเททำกิจกรรมอย่างเต็มที่ ไม่ใช่เพียงเพื่อเหรีญญรางวัลแต่หากเป็นการใช้ชีวิตแบบเด็ก ๆ ร่วมกับเพื่อน ๆ ให้คุ้มค่าที่สุด


เวลาผ่านไปจนกระทั่งบ่ายคล้อยในที่สุดรายการแข่งขันที่ทุกครอคอยก็มาถึง เป็นการแข่งขันรายการสุดท้ายก่อนที่จะมีพิธีปิดงานกีฬาสี เด็ก ๆ หลายคนพากันเปลี่ยนชุดก่อนจะไปยืนรอที่จุดนัดหมาย จากนั้นเด็ก ๆ ที่เป็นตัวแทนของสีในแต่ละกลุ่มประเภทของการวิ่งก็พากันเดินลงไปยังสนามถูกโรยด้วยปูนขาวตีเป็นเส้นแบ่งลู่ ยืนประจำที่ของตนเอง เมื่อสิ้นเสียงสัญญาณปล่อยตัว เสียงเชียร์และเสียงรัวกลองของสีต่าง ๆ ก็ดังขึ้นแข่งกันไปพร้อม ๆ กับการออกสตาร์ทของเหล่านักกีฬาตัวน้อยในสนาม การแข่งขันวิ่งยังคงดำเนินดำเนินไปจนกระถึงการวิ่ง 100 เมตร ซึ่งเป็นประเภทสุดท้ายก่อนพิธีปิด ซึ่งตามตะวันลงแข่งขันในประเภทนี้ โดยก่อนหน้านี้เขาและเพื่อน ๆ สามารถคว้าเหรีญทองจากการวิ่งผลัดมาให้สีได้ ดังนั้นในการแข่งขันครั้งสุดท้ายนี้สมาชิกในสีจึงพากันฝากความหวังเอาไว้กับหนุ่มน้อย


“พี่เชียร์อยู่นะ” เต็มฟ้ากล่าวพลางตบบ่าน้องเบา ๆ ก่อนที่ร่างเล็กจะเดินลงไปในสนาม เสียงกระกาศ ‘เข้าที่’ ดังขึ้นสะกดให้ทุกสายตาจดจ้องไปที่จุดสตาร์ท และทันทีที่เสียงสัญญาณปล่อยตัวดังขึ้น บรรดาหนุ่มน้อยนักกีฬาก็ออกวิ่งกันแบบไม่คิดชีวิต พี่ชายจ้องมองน้องชายตาเขม็งในขณะที่สองมือที่เคยกุมกันไว้หลอม ๆ กลับบีบเข้าหากันแน่นลุ้นเสียจนนั่งไม่ติด เมื่อผ่านไปได้ครึ่งทางจู่ ๆ น้องชายที่เป็นฝ่ายนำอยู่ก็ถูกคู่แข่งตีคู่ขึ้นมาก่อนจะเบียดเข้าเส้นชัยไปก่อนเพียงนิดเดียวเท่านั้น


หนุ่มน้อยผู้แบกรับเอาความคาดหวังของเพื่อน ๆ และคุณครูเอาไว้ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นก่อนจะใช้กำปั้นทุบดินอย่างไม่กลัวเจ็บหรือหากจะเจ็บก็คงจะเจ็บที่ใจมากกว่าเพราะอีกเพียงนิดเดียวเขาก็จะสามารถทำเหรียญทองเพิ่มให้สีได้อยู่แล้วแต่กลับโดนแซงเสียได้ ทันทีที่เห็นหน้าพี่ชายเดินตรงเข้ามาหาก็ยิ่งรู้สึกเสียดายเวลาที่ฝึกซ้อม คิดแล้วน้ำใส ๆ พาลจะไหลออกจากตา


“พี่เต็ม..” ตามตะวันกล่าวเสียงเครือ มองดูมืออุ่นของพี่ชายที่กำลังปัดเศษหญ้าที่ปลายกำปั้นออกให้


“ไม่เป็นไรน่า เป็นลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้นะ” เต็มฟ้ายิ้มจาง ๆ ก่อนจะดึงร่างของหนุ่มน้อยเข้ามากอดไว้พร้อมกับตบลงบนแผ่นหลังเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจเหมือนกับที่น้องชายเคยทำให้


“แค่นี้ก็เก่งมากแล้วรู้ไหม เตรียมตัวไปรับรางวัลเถอะ เพื่อน ๆ กำลังรอตามอยู่นะ” พูดจบก็เลื่อนมือขึ้นมาจับที่ไหล่เล็กพร้อมกับดึงร่างของน้องชายให้ลุกขึ้น เมื่อตามตะวันมองกลับไปยังอัฒจันทร์สีของตนเองก็พบว่าทุกคนกำลังรอเขาอยู่จริง ๆ หลายคนต่างโบกมือพร้อมกับส่งเสียงเรียก มีแต่รอยยิ้มกับรอยยิ้มเท่านั้นที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเพื่อน ๆ หนุ่มน้อยหันมาสบตาพี่ชายด้วยรอยยิ้มก่อนจะวิ่งไปหาเพื่อน ๆ ที่อัฒจรรย์


“บอกน้องไม่ให้ร้องไห้ พี่ชายก็อย่าร้องไห้เสียเองนะ” เสียงของคนที่ยืนอยู่ด้านหลังทำเอาเต็มฟ้าต้องรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุบ้าง


“ร้องไห้ที่ไหนกันเล่า ระดับนี้แล้ว” พูดจบก็หันไปยักคิ้วให้เป็นการยืนยันว่าคนอย่างเต็มฟ้าไม่มีทางเสีน้ำตาให้กับเรื่องพวกนี้


“ก็ดีแล้ว นึกว่าจะสงสารน้องจนร้องไห้เสียเองซะอีก ไปเถอะ” ศิธาพัฒน์กล่าวพลางตบบ่าคนตรงหน้าเบา ๆ ก่อนจะพากันเดินกลับไปยังอัฒจันทร์ ครู่หนึ่งเสียงประกาศให้สมาชิกของทุกสีลงมารวมตัวกันที่สนามก็ดังขึ้นเพื่อรอทำพิธีมอบรางวัลต่าง ๆ จากการแข็งขันกีฬาที่มีขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้า


เมื่อชื่อของเด็กชายตามตะวัน ตติยพัฒน์ถูกประกาศขึ้น บรรดาเพื่อน ๆ สีเดียวกันต่างก็ปรบมือโห่ร้องแสดงความยินดีกับรางวัลที่เขาได้ หนุ่มน้อยขึ้นไปยืนรับเหรียญเงินในการวิ่ง 100 เมตร จากผู้อำนวยการโรงเรียนก่อนจะตรงไปหาพี่ชายที่ยืนรอเขาอยู่ที่ท้ายแถวใกล้กับอัฒจันทร์


“ตามทำได้แค่นี้เองพี่เต็ม” เจ้าของร่างเล็กกล่าวพลางชูเหรียญรางวัลขึ้น ซึ่งดวงตาของพี่ชายนั้นไม่มีแม้แต่แววแห่งความผิดหวัง เต็มฟ้ายังคงยิ้มและเป็นยิ้มที่ออกมาจากใจ ชายหนุ่มย่อตัวลงนั่งใช้สองมือบีบบนไหล่ของคนตรงหน้าเพื่อเป็นการยืนยันในทุกสิ่งที่เข้ากำลังจะพูดออกไป


“บางครั้งการชนะคนอื่นมันก็ไม่น่าภูมิใจเท่ากับชนะที่ตรงนี้หรอกนะ” พูดจบมือข้างหนึ่งก็เลื่อนลงมาจิ้มที่กลางอกคนฟัง “วันนี้ตามอาจจะไม่ได้เข้าเส้นชัยเป็นที่หนึ่ง ไม่ได้เป็นผู้ชนะในการแข่งขัน แต่วันนี้ตามชนะใจตัวเองนะรู้ไหม ตามเอาชนะคำพูดแล้วก็ความคิดของหลาย ๆ คนที่คิดว่าตามทำไม่ได้ แต่วันนี้ตามพิสูจน์ให้ใคร ๆ เห็นแล้วว่าตามทำได้ พี่กับพ่อ...แล้วก็แม่ ภูมิใจในตัวตามมากนะ”


“พี่เต็ม...” หนุ่มน้อยโผเข้ากอดพี่ชายแน่นจนแทบหายใจไม่ออก 


“อะ..ไอ้ปีศาจเปลือกส้ม นะ..นี่แกตั้งใจจะฆ่าฉันใช่ไหม”   

   
“พี่เต็มน่ะ ตามไม่ใช่ปีศาจเปลือกส้มนะ” ตามตะวันโวยวายแกล้งกอดให้แน่นขึ้นจนพี่ชายต้องรีบผละออกทันที


“เฮ้อ...ทำซึ้งกันอยู่ไม่เท่าไรก็ไปไม่รอดเสียแล้ว” ศิธาพัฒน์ส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะหันไปมองเด็กหญิงผมเปียและเด็กชายตุ้ยนุ้ยที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหา


“ตาม ยะหยาดีใจด้วยนะ ตามเก่งมากเลย”


“ช่ายยยย หมูอ้วนลุ้นจนตัวโก่งเลยนะ แหกปากเชียร์ตามจนคอแห้งเลย เสียดายที่โดนแซงไปได้ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ได้เหรียญเงินก็เก่งสุด ๆ แล้ว หมูอ้วนยังทำไม่ได้เลย”


“ขอบใจนะ” ตามตะวันยิ้มตาหยี


“อืม...ถ้าหมูอ้วนอยากได้เหรียญคงต้องลงแข่งกลิ้งหรือแข่งกินแล้วละ ยะหยาว่าต้องได้เหรียญทองแน่ ๆ เลย” สิ้นเสียงเด็กหญิงผมเปียทุกคนก็พากันหัวเราะชอบใจแม้แต่คนที่ถูกพาดพิงเอง


“เอาละเด็ก ๆ พี่ว่าเย็นนี้เราไปฉลองเหรียญเงินให้นักวิ่งลมกลดกันดีกว่านะ เดี๋ยวพี่จะเข้าครัวทำอาหารสูตรพิเศษให้ทุกคนได้ลิ้มลอง”


เต็มฟ้าหรี่ตามองร่างสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันอย่างไม่เชื่อหู ในขณะที่เด็ก ๆ กลับพากันร้องเฮด้วยความยินดีที่จะได้ชิมอาหารฝีมือพี่ชายใจดี


“ทำเป็นเหรอ โม้หรือเปล่า”


“อ้าว อย่าดูถูกกันนะครับคุณ ผมจะถือว่านี่คือการหมิ่นประมาทนะครับ”


“ประสาทจริง ๆ”


....


เย็นวันนั้นเด็ก ๆ นัดไปรวมตัวกันที่แสงจันทร์เกสต์เฮาส์ ของสดต่าง ๆ ถูกนำมาวางเตรียมไว้เพื่อรอพ่อครัวกิตติมศักดิ์ได้สำแดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคน


“ซื้อของมาเยอะแยะขนาดนี้ ตกลงพี่ปุ่นจะทำอะไรกันแน่ บอกเต็มได้หรือยัง” เต็มฟ้าเอ่ยขึ้นขณะหยิบเนื้อหมูออกมาล้างตามคำบัญชาของ ‘ท่านผู้บัญชาการ’ ที่เขาเพิ่งตั้งให้หมาด ๆ


“พี่ว่าจะทำบาร์บีคิว เมื่อกี้บอกให้พี่ชลให้คนงานช่วยตั้งเตาที่สนามหญ้าแล้ว อืม...ส่วนผักพวกนี้ก็ว่าจะชุบแป้งแล้วก็ทอดกินกับน้ำจิ้มไก่ คิดว่าเด็ก ๆ น่าจะชอบ”


คนถามพยักหน้า เมื่อรู้รายการอาหารแบบนี้ก็ทำให้พอจะวางแผนได้ว่าควรจะทำอะไรต่อ ชายหนุ่มหันไปเปิดถุงหยิบผักสดและพริกหยวกออกมาจัดการล้างให้สะอาดก่อนจะพักไว้บนตะแกรง ในขณะที่ศิธาพัฒน์เองก็เริ่มหั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นก่อนจะหมักด้วยซอสปรุงรสและซอสมะเขือเทศในชามอ่างที่เตรียมเอาไว้


“พี่ปุ่น เต็มขอหอมหน่อย อยู่นะ...” ยังพูดไม่ทันจะจบคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาหั่นผักก็จำต้องวางมีดเมื่อรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากร่างสูงที่อยู่ ๆ ก็เข้ามายืนเบียดอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับยื่นแก้มมาใกล้ ๆ


“พี่พร้อมแล้ว”


เต็มฟ้ามองแก้มขาว ๆ ที่เป่าลมจนป่องอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะใช้ศอกดันอีกฝ่ายให้ออกห่าง “ไม่ใช่หอมแบบนี้ เต็มหมายถึงหัวหอมใหญ่ตรงนั้น หยิบให้เต็มหน่อยเต็มจะล้าง”


“โธ่...ก็พูดไม่เคลียร์เองนี่นา ไอ้เราก็คิดว่าจะหอมแบบนี้” ไม่พูดเปล่า ยังสาธิตด้วยการกดปลายจมูกลงบนแก้มใสพร้อมกับสูดลมหายใจดังฟอด ทั้งที่คนอายุน้อยกว่าพยายามเอียงคอหนีแต่ก็ไม่อาจพ้นปลายจมูกที่มีความเร็วกว่าแสงของอีกฝ่ายไปได้

 
“เดี๋ยวก็ยืมพุงเป็นที่เก็บมืดเสียหรอก” เต็มฟ้ากล่าวอย่างขัดใจ ทำท่าจะสาธิตเช่นกันแต่ศิธาพัฒน์ยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ทัน ไม่เช่นนั้นคงจะกลายเป็นที่เก็บมืดเข้าจริง ๆ


“ใจร้ายจริง” คนตัวสูงบ่นพึมพำก่อนจะเดินไปหยิบถุงใส่หอมใหญ่ให้ยังไม่วายที่จะเอื้อนเอ่ยวาจาให้คนฟังคันยุบยิบในหัวใจ “อนุญาตให้เสียบลงมาแค่ที่พุงนะ ถ้าเสียบที่ใจละก็ เต็มไม่มีที่อยู่แน่ ๆ”


“เกี่ยวอะไรกัน”


“ก็ในใจพี่มีเต็มอยู่ในนั้นไง” พูดจบก็ระเบิดหัวเราะจนหน้าหมั่นไส้ แทนที่คนฟังจะขวยเขินก็กลายเป็นชบเขี้ยวเคี้ยวฟันคิดหาทางเอาคืนแทน


เต็มฟ้าโคลงศีรษะถอนใจเบา ๆ ก่อนจะหันไปล้างหอมใหญ่ก่อนจะหั่นเป็นชิ้นเตรียมเอาไว้ จากนั้นจึงจัดการปอกสับปะรดหั่นเป็นชิ้นพอดีคำเตรียมใส่ถาด ระหว่างรอให้ซอสปรุงรสซึมเข้าไปในเนื้อหมูที่ถูกพักเอาไว้ในชามอ่าง ชายหนุ่มก็เตรียมผสมแป้งสำหรับชุบทอดก่อนจะขยับไปยืนข้าง ๆ ศิธาพัฒน์ที่กำลังยืนหั่นผักอยู่ไม่ไกลเห็นว่าผักบุ้งถูกเด็ดแยกใบและก้านออกจากกัน ส่วนข้าวโพดอ่อนและเห็ดก็ถูกหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ


“แสดงว่าตอนเด็ก ๆ ไม่ชอบกินผักละสิ ถึงต้องใช้วิธีนี้”


“ก็ไม่เชิงนะ แต่พี่ไม่ชอบกินผักชิ้นใหญ่ ๆ” ศิธาพัฒน์เลื่อนสายตาขึ้นมองแก้มเนียนของอีกฝ่ายที่ขณะนี้อยู่ใกล้กันเพียงแค่ปลายจมูกกั้น “ยิ่งทำให้มันเป็นชิ้นเล็ก ๆ ได้มากเท่าไรก็ยิ่งลืมความเป็นผักของมันไปเลย”


“เฮ้อ...อะไรของพี่ปุ่น เต็มว่ามันเป็นข้ออ้างของเด็กที่ไม่ชอบกินผักมากกว่า” หน้าเรียวส่ายน้อย ๆ เกาหัวแกรกแต่ดวงตาก็ยังคงทอดมองไปที่ปลายมีดราวกับพยายามจะเก็บรายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับอีกฝ่ายเอาไว้


ศิธาพัฒน์คลี่ยิ้มก่อนจะจะวางมีดลงหันมาพูดกับเจ้าของกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่คลอเคลียอยู่กลับปลายจมูก “ขอหอมหน่อยสิ”


“จะชุบแป้งทอ..ด..” ผู้ช่วยพ่อครัวเตรียมจะหันกลับไปหยิบถาดใส่วัตถุดิบที่วางอยู่ไม่ไกลมือ แต่รู้ตัวอีกถูกล็อกคอไปแล้ว ชั่วพริบตาลำแขนหนาของร่างสูงก็เหนี่ยวลำคอให้แก้มกับปลายจมูกสัมผัสกันอีกครั้ง


“เฮ้ย!!!!” คนตัวบางร้องเสียงหลงพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการของอีกฝ่ายแต่ก็ไร้ผล ไม่มีทางแน่ที่คนชอบแกล้งอย่างศิธาพัฒน์จะยอมปล่อยง่าย ๆ  เต็มฟ้าเบนหน้าหนีไม่อยากเห็นรอยยิ้มที่ช่างมีอิทธิพลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจและเลือดลมในร่างกายนี่เอาเสียเลย คิ้วหนามุ่นเข้าหากันเมื่อความรู้สึกวูบร้อนแล่นไปทั่วทั้งใบหน้า ลมหายใจอุ่น ๆ ยังคงไม่ห่างไปจากผิวแก้ม สัมผัสนุ่มนวลจากปลายจมูกซุกซนลากไล้ไปตามสันกรามราวกับจะแกล้งกันให้ละลายลงไปกองอยู่กับพื้นตั้งแต่วินาทีนี้


“หอมจริง ๆ ด้วย”


เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นที่ข้างหูเรียกสติกระเจิดกระเจิงกลับคืนมาอีกครั้ง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นก่อนจะคลายออกเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มชวนสะพรึงแทน มือเรียวเอื้อมหยิบหอมหัวใหญ่ที่หั่นเอาไว้มากำไว้ “นี่ต่างหากหอมจริง ๆ” พูดจบก็จัดการโปะหอมในมือใส่หน้าของอีกฝ่ายแถมยังขยี้จนศิธาพัฒน์ต้องรีบคลายวงแขนออก


“เต็ม!!! เล่นอะไรเนี่ย” ร่างสูงโวยวายพลางใช้มือลูบหน้าลูบตาตัวเอง จ้องหน้าไอ้ตัวแสบที่เล่นเอาน้ำหูน้ำตาไหลไปหมด


“ไม่ได้เล่นนะ แค่จะบอกว่าเด็กชายศิธาพัฒน์ว่าหอมจริง ๆ มันหน้าตาเป็นแบบนี้”


คนฟังส่งสายตาเคืองมองหนุ่มน้อยที่ยังคงลอยหน้าลอยตากอดอกยักคิ้วยิ้มอย่างสะใจ นึกอยากจะจับมาสอนให้รู้ว่า ‘หอม’ ในความหมายของศิธาพัฒน์มันเป็นยังไงเสียให้แก้มช้ำ แต่ก็ทำได้แค่เพียงส่งยิ้มสยองขวัญกลับไปเหมือนเป็นการประกาศกร้าวว่า ‘อย่าเผลอก็แล้วกันไม่อย่างนั้นจะโดนเอาคืนแน่ ๆ’


เย็นนี้เด็ก ๆ ต่างก็สนุกนานกับการช่วยกันปิ้งบาร์บีคิว เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากด้านหนึ่งของสนามหญ้า กลิ่นหอมของบาร์บีคิวทำเอาเจ้าแข็งแรงที่กำลังนอนหลับต้องเด้งตัวลุกนั่งกระดิกหางเกาะติดชิดขอบเตารอส่วนแบ่งกับเขาด้วย พ่อเลี้ยงตรัยที่มาถึงตั้งแต่เมื่อตอนบ่ายเพื่อให้ทันถ่ายรูปคู่กับลูกชายคนเก่งกำลังนั่งลูบ ๆ คลำ ๆ เหรียญโลหะสีเงินทรงกลมแบนอยู่ที่โต๊ะโดยไม่มีทีท่าว่าจะสนใจอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย


“อิ่มอกอิ่มใจหรือไงพ่อ” เต็มฟ้ากล่าวพลางรินน้ำใส่แก้วแจกจ่ายให้ทุกคน


“สงสัยอาหารฝีมือปุ่นกับเต็มจะเป็นหม้ายแล้วละมั้ง เห็นนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ลูบ ๆ คลำ ๆ เหรียญนี่อยู่เป็นนานสองนาน” เดือนดารากล่าวเสริมพร้อมกับวางจานบาร์บีคิวลงบนโต๊ะ คำพูดของน้องภรรยาทำเอาพ่อเลี้ยงหนุ่มใหญ่เผลอยิ้มออกมาอย่างเขิน ๆ


“แหม...ก็มันปลื้มใจนี่นา คนเป็นพ่อมันก็อย่างนี้แหละ ปลื้มใจกับเรื่องของลูกได้ทุกเรื่องถึงจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ จริงไหมปุ่น พ่อเราก็เป็นแบบลุงใช่ไหม”


“ครับคุณลุง” ศิธาพัฒน์ตอบยิ้ม ๆ ก่อนจะรับแก้วน้ำที่ลูกชายพ่อเลี้ยงส่งให้


“เสียดายจังเลยนะที่คราวก่อนเต็มไม่ได้เจอกับคุณพ่อกับคุณย่าของปุ่น เห็นตามมาเล่าให้ฟังว่าทั้งสองคนใจดีมาก ๆ เลย” 


“พ่อกับย่าก็บ่นเสียดายอยู่เหมือนกันครับพี่ชล” พูดจบก็หันไปไปสบตาคนนั่งข้างกันที่กำลังนั่งเคี้ยวบาร์บีคิวตุ้ย ๆ ไม่สนใจโลกเอาเสียเลย



....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-08-2014 15:53:54 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อ่านเรื่องนี้ทีไรมันชวนอบอุ่นในใจทุกที

ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
พี่ปุ่นอบอุ่นจัง :hao3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด