คุณบุรุษไปรษณีย์ที่รัก (จบแล้ว) ตอนพิเศษ สัญญา 16-02-2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณบุรุษไปรษณีย์ที่รัก (จบแล้ว) ตอนพิเศษ สัญญา 16-02-2561  (อ่าน 256233 ครั้ง)

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
จะว่าไป สองคนนี้ เค้าพอ ๆ กัน  :z1:จะมีแต่น้องเต็มนี่แหละ ที่จะเสียดุลอยู่บ่อย ๆ  :m20:
+1 ให้เป็นกำลังใจนะครับ  :L2:

ออฟไลน์ SiLent_GRean

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
อยากอ่านนนน  มารอค่ะ คิดถึง  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ M_M

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
หายไปนานมากแล้วน่ะครับ  เข้ามาตามคนเขียน  อยากบอกให้รู้ว่ามีคนรออยู่น่ะจ๊ะ

ออฟไลน์ mildmint0

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกก
แอบมีอาจารย์อาทิตย์ทัศน์ กับพี่ตังมาโผล่
อุส่าห์อดใจไม่อ่านรอให้ได้หลายๆ ตอน
อดใจไม่ไหว เลยมาไล่อ่านซะแล้ว
ยังชอบวิธีการแต่ง และการดำเนินเรื่อง
การเล่าเรื่อง ทุกอย่างเลยยยย ชอบมากกก
อ่านแล้วแบบมีความสุข แอบเขินแทนบ้างตามประสา
รอให้มาต่อไวๆนะค้าบบบบ

 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
สวัสดีค่ะ ตอนที่ 20 มาแล้วนะคะ ขอบคุณมาก ๆ สำหรับการติดตามค่ะ

มาคราวนี้มีข่าว เรื่อง ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า มาแจ้งด้วยค่ะ ตอนนี้เปิดจองแล้ว

สามารถติดตามรายละเอียดที่เพจ Hermit Books นะคะ


 
ตอนที่ 20 : คนในภาพถ่าย (ไม่เป็นไรจริง ๆ)


สายลมหนาวพัดพริ้วพาผิวน้ำที่เคยราบเรียบเกิดเป็นระลอกคลื่นระยิบระยับยามต้องแสงจันทร์ แสงไฟภายในเกสต์เฮาส์ทยอยกันดับลงเมื่อนาฬิกาบอกเวลาเกือบสี่ทุ่ม เหลือก็เพียงบริเวณทางเดินและหน้าบ้านที่ยังคงเปิดไว้สำหรับให้แสงสว่างกับผู้ที่ผ่านไปผ่านมารวมถึงนักท่องเที่ยวที่เพิ่งกลับจากการเดินเล่นชมเมืองยามค่ำคืน พ่อเลี้ยงตรัยกลับไร่แสงดาวไปตั้งแต่ช่วงหัวค่ำแม้เดือนดาราอยากจะเอ่ยปากทักท้วงเพราะเป็นห่วงพี่เขยที่ต้องขับรถกลับคนเดียวแต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะปล่อยให้เขาได้ทำตามความปรารถนาด้วยเข้าใจดีว่าแต่ไหนแต่ไรถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ตรัยก็ไม่เคยคิดจากไร่ไปไหนได้นานเลยสักครั้ง อดนึกดีใจแทนพี่สาวไม่ได้ หากดารกายังมีชีวิตอยู่เธอคงเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดคนหนึ่งเพราะมีทั้งสามีที่ดีและลูก ๆ ที่น่ารัก หลังจากส่งนายใหญ่แห่งไร่แสงดาวกลับสมาชิกในบ้านก็ต่างแยกย้ายไปทำกิจกรรมของตนเอง ปล่อยแขกคนสำคัญอยู่ในความดูแลของคนที่สมควรจะต้องทำหน้าที่นี้


ศิธาพัฒน์นั่งทอดอารมณ์อยู่ที่บันไดท่าน้ำโดยมีเจ้าแข็งแรงนอนมอบอยู่ไม่ห่าง นัยน์ตาคมจ้องมองรูปโพลารอยด์ในมือที่ได้มาจากตากล้องมือสมัครเล่นตั้งแต่เมื่อตอนเย็น เป็นรูปที่เขาถ่ายคู่กับเต็มฟ้าที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าหายไปไหนเสียแล้ว นิสัยแบบที่นึกอยากจะทำอะไรก็ทำของอีกฝ่ายกลายเป็นสิ่งที่ศิธาพัฒน์คุ้นชินไปเสียแล้ว หากเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็มองข้ามไปบ้าง แต่หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับคนอื่นหรือทำให้ใครไม่สบายใจก็ต้องปรามกันบ้างตามนิสัยของพี่ชายผู้คุมกฎ


ชายหนุ่มเก็บรูปใบนั้นใส่ลงในกระเป๋าสตางค์ทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา ครู่หนึ่งคนที่กำลังนึกถึงก็เดินมานั่งลงข้าง ๆ พร้อมกับยื่นซองกระดาษให้ เมื่อรับมาเปิดดูศิธาพัฒน์ก็พบว่าสิ่งที่อยู่ข้างก็คือกระดาษปอนด์แผนหนา 2-3 แผ่น แต่ละแผ่วาดด้วยลายเส้นดินสอลงทับบาง ๆ ด้วยสีน้ำเป็นรูปภาชนะหลากหลายแบบ เดาได้ว่ามันน่าจะเป็นแบบสเก็ตซ์ของชำร่วยงานแต่งงานที่เคยขอให้ชายหนุ่มผู้มีใจรักศิลปะคนนี้ออกแบบให้ไม่ผิดแน่

 
“แบบสเก็ตซ์ของชำร่วยน่ะ พี่ปุ่นลองเอาให้พี่สาวเลือกนะ”


คนฟังพยักหน้าก่อนจะสอดกระดาษลงในซองเหมือนเดิม


"แล้วก็...ขอบคุณ...”


“ขอบคุณ?” คิ้วหนาเลิกขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “ขอบคุณพี่เรื่องอะไร”


“ก็ขอบคุณที่พี่ปุ่นทำทั้งหมดในวันนี้นั่นแหละ ทั้งที่ไปโรงเรียนด้วยกันตั้งแต่เช้า ตอนเย็นก็ยังมาทำอาหารให้เด็ก ๆ กินอีก ทั้งที่วันนี้ควรจะเป็นวันที่ได้หยุดอยู่กับบ้านแท้ ๆ”


เมื่อได้ฟังดังนั้นริ่มฝีปากอิ่มก็คลี่ยิ้มน้อย ๆ  ไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่านี่จะเป็นเรื่องที่ต้องเอามาขอบคุณกัน หรือหากเป็นเช่นนั้นก็คงเป็นเขามากกว่าที่ต้องขอบคุณ “ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ขอบคุณเหมือนกันที่เต็มยอมให้พี่เป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ในวันนี้”


สายตาที่ส่งมาทำเอาคนฟังต้องรีบพยักหน้าส่ง ๆ เป็นแววตาอบอุ่น..อุ่นจนร้อนแบบนี้มองอย่างไรก็ไม่ชินเสียที


“กลับเถอะ ดึกแล้ว” เต็มฟ้าถือโอกาสเปลี่ยนเรื่อง

“เดี๋ยวสิ ยังคุยไม่จบเลย”


“ยังมีอะไรอีก”


“เมื่อกี้น่ะ เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้ไหม”


“อะไร”


ศิธาพัฒน์ไม่ตอบแต่ขยับเข้ามาใกล้ วางคางลงบนไหล่กว้างของอดีตนักว่ายน้ำพลางโคลงศีรษะไปมาโดยใช้คางเป็นจุดศูนย์ถ่วงเหมือนตัวเองเป็นตุ๊กตาล้มลุก เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่ารำคาญก็หยุดพร้อมกับเอียงแก้มพองลมให้ก่อนจะออกคำสั่ง


“เร็ว!”


“ไม่” เต็มฟ้าตอบห้วน ๆ รู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร นัยน์ตาสีเข้มเหล่มองแก้มป่อง ๆ ที่แทบจะแนบสนิทกับผิวแก้มของตัวเองอย่างหมั่นไส้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะขืนหันกลับไปปลายจมูกคงให้สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการพอดี


“ไม่ได้ให้ทำเรื่องยากสักหน่อย”


“ไม่ยาก แต่ไม่ทำน่ะ มีอะไรไหม”


“จำไว้” ศิธาพัฒน์กล่าวพลางขยับตัวออกห่าง “คนเขาอุตส่าห์เดินตากแดดตามต้อย ๆ ทั้งวัน ช่วยถือของ แถมตอนเย็นก็มา...”


“พอ ๆ หยุด ๆ บ่นเป็นคนแก่ไปได้”


“ไม่สงสารกันบ้างเลย” น้ำเสียงกับแวตาตัดพ้อทำเอาคนพูดต้องแอบถอนหายใจเบา ๆ เต็มฟ้ากอดอกมองอีกฝ่ายอย่างชั่งใจ เมื่อเห็นดังนั้นคนเจ้าแผนการก็ยังไม่วายทำเป็นถอนหายใจยืดยาว


“หลับตาก่อนสิ”


“อะไรนะ” ศิธาพัฒน์แทบไม่เชื่อหูตัวเอง


“บอกให้หลับตาไง ถ้าช้าเดี๋ยวเต็มเปลี่ยนใจนะ”


“ก็ได้ หลับตานะ” ศิธาพัฒน์ยิ้มหวานก่อนจะหลับตาลงตามคำสั่งของชายหนุ่มอายุน้อยกว่าอย่างว่าง่าย เท่านั้นบรรยากาศรอบตัวกลับเงียบเชียบลง ได้ยินเพียงเสียงของเสื้อผ้าที่เสียดสีกัน ไม่นานปลายจมูกเย็นเฉียบก็กดลงมาบนผิวแก้มอย่างแผ่วเบาตามด้วยสัมผัสอุ่นชื้นจากปลายลิ้นร้อนที่ลากไปตามแนวสันกรามชวนจั๊กจี้
 


กับเสียงครางเบา ๆ
 



เสียงครางหงิง ๆ ?
 
 



ของเต็ม?
 

‘ไม่ใช่แล้ว’ ชายหนุ่มค่อย ๆ ปรือตาขึ้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นเบิกตากว้างมองหน้าคนกับหน้าหมาสลับกัน


“เฮ้ย! พอได้แล้ว เปียกไปหมดแล้ว”


เจ้าแข็งแรงดูจะไม่ได้ใส่ใจเสียโวยวายเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย มันยังคงเมามันกับการใช้ลิ้นเลียแก้มของเจ้านายพร้อมกับส่งเสียงหงิง ๆ อย่างประจบ


“เคลิ้มเชียว เอาอีกไหมจ๊ะ” เต็มฟ้าหัวเราะร่วนพลางยกขาหน้าของเจ้าหมาน้อยขึ้นกวักในอากาศ ไม่รู้ตัวเลยว่ารอยยิ้มล้อ ๆ นั่นยิ่งยั่วให้คนถูกแกล้งยิ่งอยากจะเอาคืนให้สาสม


“ขี้โกงนี่”


“โกงอะไร ไม่เห็นจะมีกติกาเลยเนอะแข็งแรงเนอะ” ไอ้ตัวแสบทำไม่รู้ไม่ชี้พร้อมกับขยี้หัวเจ้าตัวโตที่นั่งอยู่บนตักเบา ๆ ให้รางวัลที่มันทำงานได้ดีมาก


“ถ้าไม่มีกติกา อย่างนั้นพี่จะขอให้รางวัลตัวเองบ้างก็แล้วกัน” พูดจบศิธาพัฒน์ก็กระเถิบเข้าใกล้อย่างรวดเร็วจนเจ้าแข็งแรงที่นั่งขั้นกลางต้องรีบกระโดดพรวดเพราะความอึดอัด มือหนาประคองเอวสอบของคนที่กำลังถอยหนีหวังจะตรึงเอาไว้ไม่ให้ไปไหน แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ทำอย่างนั้นเต็มฟ้าก็ไม่สามารถที่จะหนีไปไหนได้อีกแล้วเมื่อแผ่นหลังของตัวเองชนเข้ากับกรอบซุ้มประตู
เต็มฟ้าพยายามมองเงาสะท้อนของตนเองในดวงตาของคนตรงหน้า สงสัยจริง ๆ ว่าตัวเขากำลังทำหน้าแบบไหนอยู่กันแน่เวลาที่ต้องอยู่ต่อหน้าเจ้าของรอยยิ้มแบบที่ทำให้หัวใจเต้นแปลก ๆ คนนี้ ทำอย่างไรก็ไม่เข้าใกล้ความชินสักที และยิ่งสายตาเฉียบคมของศิธาพัฒน์แสดงให้รู้ว่าพร้อมที่จะเข้ามาค้นหาทุก ๆ คำตอบที่อยากรู้และทุก ๆ คำที่ตัวเขาเองไม่เคยได้พูดออกไปก็ยิ่งอยากจะหนีไปให้พ้น ๆ ความคิดถูกหยุดเอาไว้แค่นั้นเมื่อมือหนาเลื่อนขึ้นประคองสองแก้มอย่างระมัดระวังราวกับกลัวว่าจะช้ำคามือ แสงไฟสีนวลที่สาดกระทบเสี้ยวหน้าชวนมองทำให้เห็นได้ชัดว่าผิวเนื้อเนียนละเอียดกำลังเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อพลันปากอิ่มก็คลี่ยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นแววตาไหวระริกของเจ้าของใบหน้าขึ้นสี


หน้าหล่อเลื่อนเข้ามาใกล้ค่อย ๆ ประกบปากลงกลีบปากบาง เพียงเสี้ยวนาทีเนื้อปากเย็นเฉียบก็ค่อย ๆ ซึมซับความอุ่นที่เขาถ่ายทอดไปให้ แผ่วเบาราวกับสายลมที่พัดผ่านมาทักทายทุ่งดอกไม้ พาให้เกสรฟุ้งขจรขจายส่งกลิ่นหอมงละมุมยั่วยวนเหล่าแมลงให้หลงใหล เต็มฟ้ากำแขนเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่นเมื่อสัมผัสบางเบาถูกแทนที่ด้วยการขบเม้มอย่างหยอกเหย้ายาวนานและดูจะลึกซึ้งเข้าไปทุกขณะจนนึกอยากจะถามว่านี่ตั้งใจจะแกล้งกันให้ขาดอากาศหายใจลงไปต่อหน้าต่อตาเลยใช่ไหม


“พี่ปุ่น...หยะ...หยุดเถอะ” เจ้าของริมฝีปากเจือสีเลือดฝาดหาจังหวะเอ่ยขึ้นทั้งที่เนื้อปากยังไม่ห่างจากกันไปไหน


“กรรมการยังไม่ได้เป่านกหวีดหมดเวลาสักหน่อย”


เหมือนโดนฟ้าผ่าลงกลางหัวเมื่อเมื่อโดนย้อนเข้าให้บ้าง ‘ปะ..เป่า นกหวีดอะไรเล่า’ หมัดที่กำหลวม ๆ ทุบเข้าที่หน้าอกคนพูดอย่างไม่จริงจังนัก


“เต็มขะ..ขอเวลานอกก็ได้เอ้า”


มันได้ผล คนถูกร้องขอไม่ได้ใจร้ายอย่างที่คิด ศิธาพัฒน์หัวเราะในลำคอก่อนจะค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่งคลี่ยิ้มน้อย ๆ มองคนที่กำลังหอบตัวโยนอย่างเอ็นดู


“ถ้าอย่างนั้นพี่คงต้องทดเวลาบาดเจ็บนะ” พูดจบก็ใช้ปลายนิ้วเขี่ยเส้นผมที่ตกลงมาปกหน้าไอ้ตัวแสบที่เถียงไม่ออกเพราะมัวแต่นั่งหอบ


“อะไรกัน แค่นี้ก็หอบแล้วเหรอ ไม่เก่งเลย”


“ปัดโธ่โว้ย! มันใช่เรื่องที่ต้องเอามาข่มกันไหม เกิดมาเพิ่งจะเคยถูกจูบแค่สองครั้ง จะอะไรนักหนา”


คนล้อนึกดีใจอยู่ไม่น้อยที่จูบทั้งสองครั้งนั้นล้วนเกิดจากฝีมือของตัวเขาเองทั้งสิ้น “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องซ้อมบ่อย ๆ ไว้พี่จะเสียสละเป็นคู่ซ้อมให้ก็แล้วกัน”


เต็มฟ้ามุ่นคิ้ว ไม่เห็นจะมีตรงไหนที่เรียกว่าเป็นการเสียสละเห็นมีแต่ได้กับได้ชัด ๆ


“เสียสละตรงไหน”


“ก็อยากได้ตรงไหนล่ะ พี่จะสละให้”


“ทะลึ่ง!”


“เฮ้ย! ใครกันแน่ที่ทะลึ่ง เต็มนั่นแหละคิดไปไกลถึงไหน” คนเจ้าแผนการยิ้มอย่างมีชัยมองคนฟังที่กำลังยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองอย่างขัดใจ


“กลับบ้านไป้! ดึกแล้ว” เจ้าของบ้านตัดสินใจตัดบท ไม่รู้จะเอาอะไรมาเถียงเพราะไม่ว่าจะพูดอะไรออกไปก็โดนดักหมด คิดแล้วก็มีแต่เขานี่แหละที่มีแต่เสียกับเสีย ทั้งเสียหน้าแถมยังต้องเสียจูบถึงสองครั้ง


“ยังไม่อยากกลับเลย” ศิธาพัฒน์ทำเสียงอ้อนในขณะที่สองมือก็ยังประคองเอวสอบเอาไว้ไม่ห่างจนเต็มฟ้าต้องสวมบทพี่ชายคนโตบ้าง


“กลับได้แล้ว ดึกแล้วนะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอ”


เมื่อถูกถามแบบนั้นก็จำต้องพยักหน้ายอมรับ แต่ถ้าหากมีพรวิเศษละก็คงจะขอให้มีแต่คืนวันอาทิตย์แบบนี้เรื่อย ๆ ไป


“กลับก็ได้ ไปส่งหน่อยสิ” พูดจบก็ลุกขึ้นพร้อมกับดึงมืออีกฝ่ายให้ลุกตาม


“เมื่อเช้ามายังเดินเข้ามาเองได้ ตอนกลับทำไมต้องให้ไปส่งด้วย” ถึงจะบ่นแบบนั้นแต่สุดท้ายก็เดินตามต้อย ๆ ยอมให้เขาจูงมือไปจนถึงหน้าบ้านอยู่ดี


เมื่อเห็นเจ้านายเดินตรงไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน เจ้าแข็งแรงก็รีบผุดลุกขึ้นวิ่งตามออกไปก่อนจะกระโดดขึ้นไปนั่งประจำที่ของมันอย่างรู้งาน


“พรุ่งนี้กลับไร่หรือเปล่า”


“กลับสิ ไม่ได้กลับไปตั้งหลายวันแล้ว”


“ถ้าอย่างนั้นเย็น ๆ พี่แวะไปหา”


“ไปทำไมให้เหนื่อย ทำยังกับอยู่ใกล้ ๆ เลิกงานแทนที่จะพัก”


“รู้ได้ยังไงว่าเหนื่อย ถามพี่บ้างหรือเปล่า หรือว่าคิดเอาเอง”


เต็มฟ้าถอนใจเฮือกใหญ่พลันหัวคิ้วก็เคลื่อนเข้าหากันเหมือนเด็กโดนขัดใจ รู้สึกว่าพูดอะไรไปก็โดนดักโดนขัดอยู่ตลอด เมื่อหาทางออกไม่ได้ก็หันไปใช้หัวเจ้าหมาน้อยเป็นที่ระบายอารมณ์เอาดื้อ ๆ มือบางกำหูใหญ่ ๆ ทั้งสองข้างเอาไว้หลวมพลางโยกหัวมันไปมาอย่างมันเขี้ยว ปากก็อุบอิบจนแทบไม่เป็นภาษาแต่คนฟังก็ยังสามารถจับใจความได้อยู่ดี ศิธาพัฒน์เดินเข้ามาใกล้สอดแขนรับรอบเอวคอดสวมกอดคนอายุน้อยกว่าจากด้านหลัง เกยคางลงบนบ่าไม่รอให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัวก็ลากปลายจมูกไปตามแนวสันกรามก่อนจะกดลงที่ซอกคอสูดกลิ่นหอมให้ชื่นใจก่อนจะกระซิบแผ่วเบาทำเอาคนฟังแทบยืนไม่อยู่


“รู้หรอกน่าว่าเป็นห่วง แต่ถ้าไม่อยากให้พี่คิดถึงเต็มจนแทบคลั่งละก็ ให้พี่ไปหาเถอะนะ”



หม้อล้วน ๆ ไม่มีกระทะผสม....


(มี่ต่อค่ะ)

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อค่ะ)

กว่าจะไล่กันให้กลับบ้านได้ก็เล่นเอาเหนื่อย วันนี้คงเป็นวันที่หัวใจทำงานหนักอีกวันหนึ่งสำหรับเต็มฟ้า ชายหนุ่มเดินกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้ง เมื่อมองผ่านผ้าม่านสีขาวผืนบางก็พบว่าไฟในห้องนั่งเล่นถูกปิดไปแล้วแต่ยังคงมีแสงสว่างรอดออกมาจากใต้ช่องประตูของห้องที่อยู่ถัดเข้าไปแสดงว่าเจ้าของห้องยังไม่หลับจึงเลื่อนบานกระจกแหวกผ้าม่านเข้าไปอย่างเงียบเชียบก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนของน้องชาย เคาะลงกับบานประตูที่ทำจากไม้เนื้อแข็งเบา ๆ เป็นสัญญาณให้คนข้างในได้ตั้งตัวก่อนจะหมุนลูกบิดเปิดเข้าไปภายในห้อง


"ยังไม่นอนอีกเหรอ พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนนะ" พี่ชายกล่าวพลางเดินมานั่งลงที่เตียง


"อีกแป๊บตามก็จะนอนแล้วครับ" เด็กชายร่างเล็กกล่าวพร้อมกับวางเหรียญรางวัลที่ได้รับลงในกล่องกระดาษบนตัก ก่อนจะหยิบชุดกระโปรงสีฟ้าที่วางอยู่ข้างตัวมาบรรจงพับจนเรียบร้อย


"ทำไมยังเก็บไว้อีก พี่บอกพ่อให้เอาให้ลูกคนงานไปแล้วนี่"


"ตามขอพ่อเก็บไว้เองฮะ"


"ทำไมล่ะ"


"พ่อบอกว่าพี่เต็มตั้งใจเก็บเงินซื้อเป็นของขวัญให้ตาม"


เต็มฟ้าพยักหน้ายิ้ม ๆ เมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสมัยยังเด็กก็อดขำตัวเองไม่ได้ จำไม่ได้จริง ๆ ว่าอะไรกันที่ทำให้เขาฝังใจคิดว่าน้องที่เกิดใหม่จะต้องเป็นน้องสาว สู้อุตส่าห์เก็บออมเงินค่าขนมจนสามารถซื้อชุดใหม่เตรียมไว้รับขวัญน้องได้ แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นของไม่มีประโยชน์เมื่อน้องเกิดมาเป็นผู้ชาย
 

"พี่เต็มผิดหวังหรือเปล่าฮะที่ตามไม่ใช่น้องสาว"


"ไม่เลย พี่ดีใจที่สุดเลยละ ตอนที่เห็นน้องตัวเล็ก ๆ เหี่ยว ๆ ในตู้อบน่ะ ดีใจมาก ๆ ยิ่งพี่ชลนะยิ่งตื่นเต้นใหญ่ ไปเกาะกระจกมองดูตามทุกวันเลย"


“จริงเหรอฮะ”


“อื้อ...จริงสิ พอออกมาจากตู้อบก็กลายเป็นคนดังเลย” พี่ชายพูดพลางโยกศีรษะน้องอย่างเอ็นดู มองหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามของตามตะวันก่อนจะยิ้มน้อย ๆ “เป็นขวัญใจชาวหวอดเพราะว่าร้องเสียงดังมากจนพี่พยาบาลต้องคอยผลัดกันอุ้มเดินไปเดินมาถึงจะยอมเงียบ เผลอเดี๋ยวเดียวโตเป็นหนุ่มเสียแล้ว”


หนุ่มน้อยได้แต่ยิ้มก้มหน้าก้มตาเก็บชุดกระโปรงที่พับเรียบร้อยลงในกล่องปิดฝาแล้ววางมันเอาไว้ที่ข้างหมอน


“คิดหรือยังว่าขึ้นมัธยมแล้วจะเรียนที่ไหน”


“ตามจะเรียนที่ลำปางนี่แหละฮะ จะอยู่กับพ่อ พี่เต็มแล้วก็พี่ปุ่น”


เต็มฟ้าเลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่ได้ยินชื่อคนที่ไม่ได้อยู่ในครอบครัว “เกี่ยวอะไรกับพี่ปุ่น”


“ก็...พี่ปุ่นเป็นแฟนพี่เต็มไม่ใช่เหรอครับ”


“ไปเอามาจากไหน ใครเป็นคนสอน หืม?”


“ยะหยาบอกครับ ว่า....พี่เต็มกับพี่ปุ่นเป็นแฟนกัน”


“แก่แดดใหญ่แล้วนะเด็กพวกนี้”


“ไม่ใช่เหรอครับ”


พี่ชายเลือกที่จะไม่ตอบคำถามนั้นแต่ถามคำถามหนึ่งกลับ “แล้วตามคิดว่ายังไง อยากให้พี่เป็นแฟนกับพี่ปุ่นหรือเปล่า”


“อืม...ตามแล้วแต่พี่เต็มครับ แต่จริง ๆ ก็.....อยากให้เป็น”


“แก่แดดจริง น้องใครเนี่ย” พูดจบก็จี้เอวจนน้องชายหัวเราะคิกลั่นบ้าน แทนที่จะห้ามกันกลับเห็นเป็นเรื่องสนุก กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนเตียงจนต่างคนต่างตาสว่าง คืนนี้กว่าที่สองพี่น้องจะได้นอนก็คงหัวเราะกันจนกรามค้างแน่ ๆ
 

...


เสียงครืดคราดของโทรศัพท์มือถือที่กำลังสั่นไม่อาจทำให้ชายหนุ่มที่กำลังปล่อยใจเพลิน ๆ ไปกับกลิ่นดินละสายตาจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ได้ กระทั่งดินก้อนเล็ก ๆ ที่ขึ้นรูปเรียบร้อยถูกยกออกจากแท่นหมุนไปวางผึ่งบนถาด เต็มฟ้าจึงใช้หลังมือซับเหงื่อที่ซึมอยู่ที่ไรผมก่อนจะหันไปสนใจโทรศัพท์มือถือของตนเองแต่ก็ช้าไปเพราะคนที่โทร.เข้ามานั้นได้วางสายไปเสียแล้ว แทนที่จะโทร.กลับ ก็หยิบดินก้อนใหม่มาขึ้นรูป ไม่มีท่าทางร้อนอกร้อนใจใด ๆ


“โทร.มาก็ไม่รับ” 


"ฮึ่ย!" ร่างเล็กเอียงคอหนีตามสัญชาตญาณเมื่อปลายจมูกโด่งสัมผัสลงบนเนื้อแก้ม เสียงหัวเราะในลำคอของคนที่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงยังคงดังอยู่ที่ข้างหูชวนให้รู้สึกจั๊กจี้


"ยังไม่ชินอีกเหรอ"


"ชินกับผีสิ ทำอะไรไม่อายคนอื่นเลย เกิดคนงานมาเห็นเข้าจะทำยังไง" ลูกชายพ่อเลี้ยงกล่าวด้วยท่าทางขึงขัง แต่นั่นก็ไม่ทำให้ตัวต้นเหตุรู้สึกสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังหัวเราะร่าดูอารมณ์ดีเกินเหตุเสียด้วยซ้ำ


"ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ถ้าคนงานเห็นเขาก็คงซุบซิบกันแล้วก็บอกว่า.....น่าฮักแต๊ ๆ"
เต็มฟ้าเหล่มองคนช่างเจรจาที่ตอนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะย้ายหน้าหล่อให้ออกห่างจากข้างแก้มร้อนผ่าวของเขาสักที ในที่สุดก็เป็นเขาเองที่ต้องเบือนหน้าหนีแววตาขี้เล่นที่น้อยคนนักจะได้เห็น


มือหนาโยกศีรษะของคนที่ทำเป็นไม่สนใจเบา ๆ พร้อมกับคลี่ยิ้มน้อย ๆ "อีกอย่างนะ คนงานเขากลับบ้านกันหมดแล้ว เหลือแต่ลูกชายพ่อเลี้ยงนี่แหละ ทำไมไม่ยอมกลับสักที หืม?" พูดจบศิธาพัฒน์ก็นั่งลงเท้าคางมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายไล่จากกลีบปากบางซึ่งมีแต่เขาเท่านั้นที่รู้ว่ามันหวานหอมละมุนละไมเพียงใด ส่วนปลายจมูกนั่นที่ครั้งหนึ่งก็เคยใกล้ชิดจนแทบจะใช้ลมหายใจเดียวกัน กระทั่งดวงตาคู่งามที่แม้ขณะนี้จะไม่ได้มองมาที่เขาแต่เมื่อสบกันทีทีไรศิธาพัฒน์ก็จะเห็นเงาสะท้อนของตนเองอยู่ในนั้นร่ำไป


นัยน์ตาดำสนิทมองเขม็งไปยังก้อนดินเล็ก ๆ ตรงหน้า มือค่อย ๆ ขึ้นรูป ไม่นานดินธรรมดา ๆ ก็กลายเป็นทรงแบน ๆ กลม ๆ เหมือนจานขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าฝ่ามือคนปั้น และเมื่อลงน้ำหนักที่ปลายนิ้วเพียงเล็กน้อยก็ได้ขอบโค้งเป็นคลื่นเรียงต่อกัน เต็มฟ้ายิ้มอย่างพอใจก่อนจะยกผลงานขึ้นตรวจดูเพื่อเก็บรายละเอียดอีกครั้ง หลายวันมาแล้วที่เขานั่งปั้นดินแบบเดิมซ้ำไปซ้ำมา จนรู้สึกว่าตัวเองเข้าใกล้การเป็นเครื่องจักรที่ถูกโปรแกรมให้ทำงานเข้าไปทุกที แรก ๆ ก็มีขลุกขลักบ้างในเรื่องการหาขนาดและการลงน้ำหนักมือที่เหมาะสมกว่าจะได้ชิ้นงานตามที่ได้ออกแบบเอาไว้ แต่เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจานรองเทียนหอมซึ่งพี่สาวของศิธาพัฒน์เลือกเป็นของชำร่วยในงานแต่งงานก็แทบจะมีหน้าตาเหมือนกันเป๊ะราวกับออกมาจากพิมพ์เดียวกัน และที่สำคัญคือมันจะเป็นของชิ้นเดียวในโลกเพราะคนออกแบบปั้นเองกับมือทุกชิ้น


"ต้องทำเองแบบนี้จนครบจำนวนเลยเหรอ ทำไมไม่ให้คนงานช่วยทำ"


"กลัวไม่ถูกใจ ทำเองดีกว่า ไว้ตอนจะเคลือบค่อยให้คนงานทำ ตอนแรกก็ว่าจะเทลงแบบอยู่เหมือนกัน แต่เอาเอาอย่างนี้ดีกว่าคนให้จะได้ภูมิใจว่ามันมีชิ้นเดียวในโลก" ลูกชายพ่อเลี้ยงตอบโดยไม่ได้ใส่ใจคนถามสักเท่าไร ถึงแม้ใบหน้าของคนพูดจะไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ แต่ศิธาพัฒน์ก็ยังเห็นรอยยิ้มในดวงตาของเขาอยู่ดี


"เหนื่อยไหม นี่พี่ทำให้เต็มลำบากหรือเปล่า" พูดจบก็เอื้อมมือจับต้นคอก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยผิวแก้มเบา ๆ


"ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่นี้น่ะสบายมาก" เต็มฟ้าเงยหน้าขึ้นสบตาพลางยักคิ้วกวน ๆ เป็นการยืนยันในสิ่งที่พูด


"วันนี้เพื่อนน้าเดือนเขาแวะเอาตัวอย่างเทียนสปามาให้เลือกนะ" มือเปื้อนดินเอื้อมหยิบกล่องกระดาษทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีเทียนรูปดอกไม้สีสวยเรียง 4-5 อันวางเรียงเป็นแถวในบล็อกสี่เหลี่ยมก่อนจะเลื่อนมาตรงหน้าคนนั่งข้าง ๆ กัน


"พี่ปุ่นลองเลือกให้พี่สาวสิว่าจะเอาอันไหน"


"จริง ๆ อันไหนก็ได้นะ เพราะพี่ปุนเขาชอบแบบที่เต็มทำให้อยู่แล้ว ออกแบบจานรองให้แล้วยังออกแบบเทียนให้ด้วย พี่ปุนไม่กล้ามีปัญหาหรอก"


"กลิ่นมันไม่เหมือนกันนะ 4-5 อันเนี่ย เต็มลองดมแล้ว ไม่เหมือนกันเลยสักอัน พี่ปุ่นลองดมสิว่ากลิ่นไหนดี"


ศิธาพัฒน์ทำตามโดยไม่อิดออด เขาหยิบเทียนในกล่องขึ้นมาดมทีละอันจนครบ ในที่สุดหัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากันเมื่อต้องตัดสินใจเลือก คิดแล้วคิดอีก ดมซ้ำก็แล้ว แต่ก็เลือกไม่ได้ว่ากลิ่นไหนหอมกว่ากัน ลมหายใจหนัก ๆ ถูกผ่อนจากปลายจมูก เสียง 'เฮ้อ' ยืดยาวทำให้คนข้าง ๆ ต้องช้อนตามอง มือบางวางงานชิ้นสุดท้ายของวันนี้ลงบนถาดพลางปิดสวิตซ์แท่นหมุนสำหรับขึ้นรูปก่อนจะหันกลับมามองให้เต็มตา เมื่อเห็นท่าทางคิดไม่ตกแบบนั้นเต็มฟ้าก็อดอมยิ้มไม่ได้


"มันเลือกยากขนาดนั้น?"


"ก็ใช่น่ะสิ มันก็หอมเหมือน ๆ กันหมด พี่ว่าเต็มเลือกให้เลยดีกว่า ถ้าให้พี่เลือกพี่ก็คงเลือกไม่ได้เพราะกลิ่นที่พี่ชอบมันไม่ได้อยู่ในกล่องนี่ แต่มันอยู่ตรงนี้"


กว่าจะไหวตัวทันคนที่กำลังนั่งฟังเพลิน ๆ ก็โดนปลายจมูกซุกซนขโมยสูดกลิ่นหอมที่ข้างแก้มเสียงดังฟอด


“พี่ปุ่น!” ผู้เสียหายกัดกรามแน่นลูบแก้มตัวเองป้อย ๆ ในใจก็คิดหาวิธีเอาคืนไปด้วย แต่สุดท้ายก็โดนดักคอจนต้องล้มเลิกความคิด


“ไม่ต้องเลย กำลังคิดว่าจะเอาคืนพี่ยังไงใช่ไหม”


“เปล่าสักหน่อย ทำไมถึงชอบมองเต็มในแง่ร้ายนักนะ”


“แล้วร้ายจริงไหมล่ะคนนี้น่ะ” ปากอิ่มยกยิ้มน่ารักพร้อมกับใช้หลังมือถูที่แก้มเปื้อนคราบดินของอีกฝ่ายเบา ๆ “ไปล้างมือแล้วกลับบ้านกันดีกว่า” ศิธาพัฒน์กล่าวพลางรั้งข้อมือคนอายุน้อยกว่าในขณะที่อีกฝ่ายก็ยอมเป็นน้องชายที่ดีทำตามที่พี่ชายบอกอย่างว่าง่าย เต็มฟ้าจ้องมองแผ่นหลังของคนที่เดินนำหน้า เมื่อมาถึงอ่างน้ำมือหนาก็หมุนเปิดวาล์วก่อนจะละมือไปกับสายน้ำแล้วแตะหลังนิ้วลงบนผิวแก้มพลันความเย็นของน้ำเรียกสติคนที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ให้กลับคืนมาอีกครั้ง     


“ดูสิ มอมแมมไปหมดเลย ซนทั้งวันเลยใช่ไหมถึงได้มอมแมมแบบนี้”


คิ้วหนาที่มุ่นหากันหลังจากถูกจู่โจมด้วยความเย็นคลายออกนิ่งฟังคำพูดที่น่าจะใช้กับเด็ก ๆ นั่น ยอมรับว่าศิธาพัฒน์มักจะทำให้เขารู้สึกว่าตนเองเป็นน้องชายตัวเล็ก ๆ อยู่เรื่อย แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าเขาเองก็ชอบที่จะเป็นแบบนั้นอยู่เหมือนกัน ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า ระยะห่างเพียงไม่มากทำให้ได้กลิ่นน้ำหอมมียี่ห้อที่เขาใช้เป็นประจำ ตั้งแต่วันแรกที่พบกันก็กลิ่นนี้ ตอนนั้นไม่เคยรู้สึกว่ามันหอมเลยสักนิดแต่ตอนนี้กลับรู้สึกอยากจะได้กลิ่นแบบนี้ทุกวัน ก่อนที่ใจจะลอยไปไกลเต็มฟ้าก็ตัดสินใจเบี่ยงตัวหนีสัมผัสอ่อนโยนที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้พร้อมกับดึงสายตากลับมาที่สองมือซึ่งกำลังถูกันไปมา ปล่อยให้สายน้ำชะล้างสิ่งสกปรกให้หลุดออก


"พี่ปุ่นคิดไว้หรือยังว่าจะเอาเซรามิคพวกนี้กลับกรุงเทพฯ ยังไง"


"อืม...พี่กะไว้ว่าจะให้เจ้าปุ้นขับรถมาขนไปน่ะ"


"ถ้าอย่างนั้นเต็มขับไปส่งให้ไหม"


"นึกยังไงถึงรับอาสา มีแผนการอะไรไหนบอกพี่มาซิ" ศิธาพัฒน์กล่าวพลางเดินเข้ามาใกล้ถือโอกาสโอบไหล่ เต็มฟ้าที่กำลังจะปิดวาล์วน้ำต้องชะงักเพียงเพราะคำถามจับผิดของคนที่ดูจะรู้ทันไปหมดเสียทุกเรื่อง


"แผนการอะไรเล่า ก็แค่จะได้ถือโอกาสไปหาเพื่อนเท่านั้นเอง"


“แค่นั้นจริง ๆ น่ะเหรอ” ไม่พูดเปล่า ยังเอาหัวหนัก ๆ มาวางบนบ่าให้จั๊กจี้เสียอีก


“ก็ใช่น่ะสิ จะให้แค่ไหน”


“ถ้าอย่างนั้นไปช่วงวันหยุดยาวดีไหม”


“อื้อ ตามใจพี่ปุ่น”


“พี่ฟังผิดหรือเปล่าเนี่ย” ร่างสูงเอียงคอถามเสียงอ้อน ตั้งใจให้ปลายจมูกแตะแก้มคนที่วันนี้ทำตัวน่ารักจนน่าแปลกใจ “สงสัยฝนจะตกหน้าหนาว เต็มบอกตามใจพี่ปุ่น”


“ไม่ดีหรือไง”


“ก็ดีอยู่หรอกถ้าตามใจทุกเรื่อง”


แค่มองตาก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ เต็มฟ้าเงยหน้าสบตาเจ้าของร่างสูงที่กำลังยืนยิ้มหวาน อดคิดไม่ได้ว่าหากตัวเขายังยืนเฉยแบบนี้มีหวังต้องไม่รอดจากอ้อมกอดอุ่นหรือปลายจมูกเอาแต่ใจแน่ ๆ คิดได้ดังนั้นก็หมุนเปิดวาล์วให้น้ำไหลแรงขึ้นโดยที่อีกคนไม่ทันสังเกต


“ถ้าอย่างนั้นฝนก็คงตกหน้าหนาวตกจริง ๆ นั่นแหละ” พูดจบก็วักน้ำใส่เต็มหน้าศิธาพัฒน์ แม้คำห้ามปรามจากปากพี่ชายก็ไม่อาจหยุดหัวใจที่กำลังเล่นสนุกได้


“เดี๋ยวเถอะ ถ้าไม่หยุดจะโดนดีแน่ ๆ” คนถูกแกล้งปัดป้องพร้อมกับคำรามในลำคอ ถ้าจับได้จะจัดการเสียให้เข็ด


แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เต็มฟ้าหัวเราะร่วนและไม่มีท่าทีว่าจะยอมรามือง่าย ๆ “หยุดก็โดนไม่หยุดก็โดนอยู่ดี ขอเอาคืนให้สะใจหน่อยเถอะ”


ศิธาพัฒน์โคลงศีรษะไปมาพร้อมกับสบตาคนที่กำลังส่งยิ้มกวน ๆ มาให้ จนกระทั่งวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจตัวเองจริง ๆ ว่ารัก...ใช่สิ ตอนนี้ใช้คำนี้น่าจะตรงที่สุดกับความรู้สึกที่มีภายในใจ ไม่รู้ว่ารักคนแบบนี้ไปได้อย่างไร เรื่องกวนประสาทไม่มีใครเกิน แถมยังดื้อเสียจนบางครั้งก็ทำให้ต้องปวดหัวแต่เขาก็ให้นิยามของสิ่งที่เต็มฟ้าทำว่ามันเป็นสิ่งที่น่ารักทุกครั้ง ฤดูหนาวของปีนี้กำลังจะผ่านพ้นไป อีกไม่นานไออุ่นของฤดูร้อนก็จะแทรกตัวเข้ามาอย่างเงียบ ๆ จนหลายคนอาจไม่ทันได้รู้ตัวก็คงเหมือนความรักระหว่างคนสองคนที่ค่อย ๆ ก่อตัวช้า ๆ แต่เติบโตขึ้นทุกวัน
                        
...


กลางเดือนต่อมาของชำร่วยงานแต่งงานของ ‘ศิตางค์ กษิศภูมิ’ ก็เสร็จเรียบร้อยตามที่เต็มฟ้าประมาณเอาไว้ จานรองเซรามิคสีปลั่งแบบที่เรียกว่าศิลาดลแพ็ครวมกับเทียนสปากลิ่นหอมที่ถูกหล่อเป็นรูปดอกกุหลาบสีขาวจำนวนเกือบสามร้อยชิ้นถูกเรียงเอาไว้ในกล่องอย่างเรียบร้อยเพื่อรอขนย้ายในช่วงหยุดยาวที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน และเมื่อวันนั้นมาถึงนายหญิงแห่งบ้านกษิศภูมิก็แทบจะไม่เป็นอันทำอะไร ดวงตาเอาแต่ทอดมองไปนอกรั้วบ้านรอว่าเมื่อเมื่อไรลูกชายจะมาถึง กระทั่งบ่ายคล้อยนวลตาก็ผุดลุกขึ้นเดินตามสามีออกไปที่หน้าบ้านเมื่อรถเก๋งสีดำที่ไม่เคยเห็นมาก่อนขับผ่านประตูเข้ามา ทันทีที่รถจอดสนิทชายหนุ่มสองคนก็เปิดประตูลงมาจากรถ หนึ่งในนั้นคือลูกชายคนกลางของเธอ ส่วนอีกคน...คือคนที่ทำให้ความทรงจำสมัยเยาว์วัยหวนคืนมาอีกครั้ง สองหนุ่มยกมือไหว้คนที่เดินออกมารับหน้าก่อนที่ศิธาพัฒน์จะแนะนำให้เต็มฟ้าได้รู้จักพ่อและแม่ของเขา นวลตาจ้องมองหนุ่มน้อยที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่วางตาในขณะมืออันสั่นเทาเกาะแขนผู้เป็นสามีเอาไว้แน่นจนกระทั่งมือใหญ่แตะลงเบา ๆ เพื่อเรียกสติเธอจึงหันไปสบตาคู่ชีวิตเหมือนกำลังขอความเห็น


“เหมือนมากนะคะคุณ”


ศิลป์พยักหน้าก่อนจะเบนสายตาไปที่หนุ่มน้อยแปลกหน้าอีกครั้ง “เหมือนมาก”


นวลตาคลายมือจากแขนของผู้เป็นสามีก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ๆ ชายหนุ่มที่กำลังมองมาที่เธออย่างสงสัย มือเย็นเฉียบเอื้อมประคองสองแก้มเพื่อมองเขาให้ชัด เด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายเพื่อนของเธอเหลือเกิน “นี่น่ะเหรอเต็มฟ้าลูกชายของดารกา มีใครเคยบอกไหมว่าเธอเหมือนแม่มาก เป็นลูกชายยังหล่อเหลาขนาดนี้ นี่ถ้าเป็นลูกสาวก็คงจะสวยไม่แพ้แม่ตอนสาว ๆ แน่”
เต็มฟ้าได้แต่เพียงยิ้มรับ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินคนที่มีความคุ้นเคยกับแม่พูดแบบนี้ เขามักจะรู้สึกทำตัวไม่ถูกทุกครั้งด้วยรู้ดีว่าหน้าตาของตัวเองไม่ได้อยู่ในระดับที่จะต้องได้รับคำชื่นชมมากมายขนาดนี้ หากเทียบกับคนที่ยืนข้าง ๆ กันแล้วยิ่งให้รู้สึกว่าตัวเองยังห่างจากคำว่าหล่อเหลาลิบลับนัก แต่ถ้าจะชมกันว่าหน้าตาเหมือนแม่ซึ่งเป็นคนสวยแล้วละก็ สู้ยอมรับว่าหล่อแบบกล้อมแกล้มไปน่าจะดีกว่า


“เข้าบ้านก่อนเถอะ ป้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเธอเยอะแยะเลย” พูดจบนวลตาก็จับมือลูกชายของเพื่อนรักเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้สามีและลูกชายได้แต่สบตากันยิ้ม ๆ


เสียงฝีเท้าที่ฟังดูเร่งรีบทำให้ทุกคนที่กำลังเดินเข้ามาในบ้านพากันมองหาต้นเสียง ไม่นานร่างบางในชุดนางพยาบาลก็ปรากฏขึ้น เธอวิ่งลงบันไดมาโดยไม่สนใจคำห้ามปรามของทั้งพ่อและแม่ ซึ่งนี่ก็เป็นภาพชินตาของทุกคนในครอบครัวไปเสียแล้ว แม้จะเป็นผู้หญิงแต่ศิตางค์ก็กระฉับกระเฉงคล่องแคล่วและมักจะเล่นอะไรโลดโผนแบบเด็กผู้ชาย นั่นคงเป็นเพราะเธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวในบรรดาลูก ๆ ทั้งสามคน แถมยังเป็นพี่สาวคนโตอีกด้วยจึงต้องไม่เหยาะแหยะหรืออ่อนแอให้เป็นภาระของน้อง ๆ


“ปุ่นมาแล้วเหรอคะแม่”


“มาแล้วครับ” เจ้าของชื่อที่เดินรั้งท้ายรีบแสดงตัว ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรกันต่อใครคนหนึ่งก็แทรกขึ้น


“วิ่งลืมอายุเลยนะพี่ปุน” คนที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นกล่าวพลางยกมือไหว้ทุกคนยกเว้นก็แต่เต็มฟ้าที่เขาคิดว่าน่าจะอายุไล่ ๆ กัน


“อะไรยะนายปุ้น มาถึงก็พูดจาไม่น่ารักเลยนะ” คนถูกแซวทำหน้ามุ่ย


“นี่ถ้าย่าอยู่คงโดนดุไปแล้ว”


เต็มฟ้ามองสองพี่น้องที่กำลังเถียงกัน ถ้าให้เดาสาวสวยในชุดพยาบาลนั่นคงเป็น ‘พี่ปุน’ ว่าที่เจ้าสาวที่เขารับทำของชำร่วยให้ ส่วนชายหนุ่มที่เพิ่งมาถึงคงเป็นน้องชายคนเล็กที่ศิธาพัฒน์มักจะพูดถึงอยู่บ่อย ๆ เสื้อกาวน์สีขาวที่เขาสวมปักตัวอักษร ‘ภก.ศิลา กษิศภูมิ’ ยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่คาดเดาน่าจะถูกต้อง   


สาวน้อยหน้าหวานอายุรุ่นราวคราวเดียวกับชลธรพักรบกับน้องชายชั่วขณะก่อนจะหันมายิ้มให้คนที่เพิ่งเคยพบกันครั้งแรก “แล้วนี่ก็คงเป็นน้องเต็มใช่ไหมจ๊ะ”


“ครับ” ชายหนุ่มตอบยิ้ม ๆ


“ตัวจริงน่ารักกว่าในรูปอีกนะ”


“รูป?” เต็มฟ้าหันไปมองคนตัวสูงที่กำลังส่งยิ้มหวานมาให้ อยากจะต่อว่าที่ไม่บอกกันให้รู้ตัวก่อนเลย


“ปุ่นเคยส่งรูปมาให้พี่ดูน่ะจ้ะ จริง ๆ ก็ส่งมาให้ทุกคนดูนั่นแหละ รู้จักเต็มกันทั้งบ้านแล้ว เพิ่งจะได้เจอตัวจริงก็วันนี้เอง ขอบใจมากเลยนะจ๊ะที่ช่วยออกแบบของชำร่วยให้พี่ สวยถูกใจมากเลยจ้ะ”


รอยยิ้มน่ารักทำให้คนมองพลอยยิ้มตามไปด้วย “ไม่เป็นไรครับ” รู้สึกว่าวันนี้ตัวเองพูดน้อยเป็นพิเศษ


“แล้วทำไมวันนี้ลูกบ้านนี้ถึงกลับบ้านตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินกันได้ล่ะ” ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้น


“ก็ย่าน่ะสิพ่อ โทร.ไปสั่งตั้งแต่ปุ้นยังไม่เลิกงานว่าให้รีบกลับมาทานข้าวเย็นด้วยกัน ไม่รู้ว่ามีอะไร” ศิลากล่าวก่อนจะถอดเป้สะพายหลังวางบนโต๊ะเขียนหนังสือที่ได้เป็นมรดกตกทอดจากพี่ชาย


“สงสัยเห็นว่าเจ้าปุ่นกลับมาวันนี้ละมั้ง” ศิลป์เดา เรื่องทำนองนี้ดูจะเป็นเรี่องปกติ หากวันไหนที่ผู้เป็นแม่กำหนดว่าเป็นวาระพิเศษหรือวาระแห่งชาติแล้วละก็จะจัดการกำชับทุกคนให้กลับมาทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันที่บ้าน


เต็มฟ้ามองตามร่างสูงของชายวัยกลางคนที่กำลังเดินเข้าไปโอบไหล่ลูกชายคนเล็ก จำได้ที่พ่อเคยเล่าให้ฟังว่าคุณลุงศิลป์คนนี้คือหนึ่งในคนที่มาหลงรักแม่ของเขา ไม่แปลกใจเลยว่าทำพ่อจึงบอกว่ายกให้เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวหากเทียบกับหนุ่ม ๆ คนอื่น ๆ ถึงแม้รูปลักษณ์ภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาแต่ก็ยังมีเค้าความคมคายให้เห็น ทั้งกิริยาท่าทางและการพูดการจาก็ดูสง่างามน่าเกรงขามสมเป็นหัวหน้าครอบครัว หากจะวาดภาพสมัยยังหนุ่มภาพที่ได้ก็คงไม่ผิดไปจากลูกชายคนกลางที่แทบจะถอดแบบกันมา


“เอ้อ ลุงลืมถามไปเลยว่าเต็มอายุเท่าไร แต่ดูแล้วก็น่าจะพอ ๆ กับเจ้าปุ้นละมั้ง”


“ปีนี้ยี่สิบสามย่างยี่สิบสี่ครับคุณลุง”


“เท่ากันเลยนี่นา” เภสัชกรหนุ่มกล่าวก่อนจะเดินผ่านหลังพี่สาวไปนั่งที่โซฟา ระหว่างนั้นก็ไม่วายแกล้งจี้เอวให้เธอต้องบ่นเล่นอย่างที่ศิตางค์มักจะพูดบ่อย ๆ ว่าหากวันไหนศิลาไม่โดนเธอบ่นวันนั้นคงนอนไม่หลับ
เต็มฟ้าพยักหน้ายิ้ม ๆ ให้ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน แอบนึกเปรียบเทียบครอบครัวของศิธาพัฒน์ที่มีกันสมาชิกหลายคนกับครอบครัวตัวเองที่มีกันอยู่เพียงสามคนอยู่เหมือนกัน มีกันเยอะ ๆ แบบนี้เวลาที่ทุกคนมารวมตัวล้อมวงทานอาหารหรือนั่งดูทีวีด้วยกันคงจะอบอุ่นน่าดู


“นั่งก่อนสิจ๊ะเต็ม” นวลตากล่าวพลางจูงมือชายหนุ่มที่ตัวสูงกว่าเธออยู่มากไปนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับลูกชายคนเล็ก มองหน้าเขาให้ชัดอีกครั้ง และเป็นอีกครั้งที่รู้สึกว่าดารกากำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเธอ


“ขอบคุณครับ” คนถูกเชิญนั่งลงสบตาศิธาพัฒน์แวบหนึ่งพลันความรู้สึกอุ่นใจก็บังเกิดขึ้นเมื่อเห็นว่าเขายังคงอยู่ใกล้ ๆ ไม่ไปไหน


“แล้ววันนี้ค้างกับปุ่นหรือเปล่าจ๊ะ”


“เอ่อ...เดี๋ยวผมจะ...” คำพูดฟังขาด ๆ หาย ๆ จนร่างสูงต้องกระแอมปรามเมื่อรู้สึกได้ว่าวันนี้ไอ้ตัวแสบของเขาดูไม่เป็นตัวของตัวเองเอาเสียเลย เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นสบตาอย่างขอความเห็นก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอไปอย่างยากเย็นก่อนจะหันไปตอบคำถามนั้นอีกครั้ง “เต็มบอกเพื่อนเอาไว้ว่าจะไปหาแล้วก็คงจะนอนค้างที่คอนโดของเพื่อนครับ” 


“จริง ๆ ค้างด้วยกันเสียที่บ้านเราก็ได้นะ อุตส่าห์ขนของมาให้ อยู่ทานข้าวแล้วก็พักด้วยกันเสียเลยสิ เดี๋ยวพ่อเราเขาจะหาว่าลุงใจร้าย” ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวกล่าวอย่างอารมณ์ดีพลางหันไปสบตาภรรยาที่ก็คงคิดไม่ต่างกัน
คนถูกชวนไม่กล้าปฏิเสธแต่ก็ตั้งใจว่าจะไม่ตอบรับด้วยเหตุผลตามที่ได้อธิบายไปเมื่อครู่ พยายามเรียบเรียงถ้อยคำที่จะไม่ทำให้อีกฝ่ายเสียน้ำใจ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยออกไปเสียงรถที่เพิ่งแล่นเข้ามาจอดก็ทำให้ทุกคนต้องชะเง้อหาต้นเสียง ไม่นานคุณนายยุพาก็ปรากฏตัวขึ้น หญิงชราเดินคู่มากับสาวสวยระดับดาวมหาวิทยาลัยที่เต็มฟ้าจำได้ว่าเคยเห็นเธอจากภาพถ่ายในกระเป๋าสตางค์ของศิธาพัฒน์ มือถือถุงพลาสติกจากซูเปอร์มาร์เกตพะรุงพะรังส่งให้เด็กรับใช้ในบ้านก่อนจะยกมือไหว้ผู้มีอาวุโสกว่าจนครบ ดวงตาพญาเหยี่ยวของคุณนายยุพามองปราดมายังหนุ่มน้อยที่ลุกขึ้นยกมือไหว้ตนเองตามหลานชายคนกลาง เท่านั้นก็รู้ได้ทันทีว่านี่คงเป็น ‘เต็มฟ้า ตติยพัฒน์’ คนที่กำลังอยากเจอตัว


(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-09-2014 11:32:24 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อค่ะ)


“มาถึงนานแล้วเหรอเจ้าปุ่น” น้ำเสียงเย็นเยือกนั่นทำเอาบรรยากาศชักแปลก ๆ


“สักพักแล้วครับย่า เอ้อ...ย่าครับนี่ตะ....” ยังไม่ทันจะแนะนำคนมาด้วยกันให้รู้จัก ผู้ผู้เป็นย่าก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน


“ย่าบอกหนูพรีมว่าแกจะมา หนูพรีมเลยรับอาสาพาย่าไปซื้อของมาทำขอโปรดแกไว้รอ ไม่คิดว่าจะมาถึงเร็ว”


ศิธาพัฒน์สบตาพี่สาวที่ได้แต่ยืนส่งสายตาให้กำลังใจ แม้จะอยากแนะนำเต็มฟ้าให้ย่ารู้จักแต่เพราะหญิงชราไม่เปิดโอกาสสุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ต้องจำใจเปลี่ยนเรื่องตาม “จริง ๆ ย่าให้คนงานไปซื้อก็ได้นี่ครับ ไม่เห็นต้องไปเองเลย”


“คนอื่นเลือกแทนมันไม่ถูกใจเท่าเลือกเองหรอก” คุณนายยุพากล่าวพลางมองสำรวจชายหนุ่มแปลกหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะหันมาให้ความสนใจสาวน้อยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ


“หนูพรีมชวนเจ้าปุ่นไปคุยที่ศาลาท่าน้ำสิจ๊ะ เห็นว่ามีเรื่องอยากคุยเยอะแยะเลยไม่ใช่เหรอ”


“ค่ะคุณย่า” พีรนันท์ยิ้มอย่างรู้กันก่อนจะหันไปกล่าวกับอดีตคนรัก “คือพรีม...มีเรื่องอยากรบกวนปรึกษาปุ่นหน่อยน่ะ เรื่องงานในส่วนที่คุณวาทินเขาเข้ามารับช่วงต่อจากปุ่น”


ศิธาพัฒน์สบตาเต็มฟ้าก่อนจะหันกลับไปมองคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างชั่งใจในขณะที่ศิลาแอบทำหน้าเบ้พร้อมกับส่งสายตาให้พี่สาว ก็เล่นเอาเรื่องงานนำมาก่อนแบบนี้มีหรือที่คนหนักแน่นในหน้าที่อย่างศิธาพัฒน์จะหลีกเลี่ยงได้ สุดท้ายเขาก็ได้แต่มองตามพี่ชายกับอดีตว่าที่พี่สะใภ้เดินพ้นประตูบ้านออกไปด้วยกัน


“ตอนแรกว่าจะเข้าครัวเองสักหน่อย นึกขึ้นมาได้ว่านัดกับคุณสันต์เอาไว้ พอดีเขาจะขอเข้ามาดูกิ่งส้มโอที่มาขอตอนเอาไว้ตั้งแต่เมื่อต้นเดือนที่แล้ว วันนี้ฉันคงต้องฝากแม่นวลด้วยนะ ปล่อยคนงานทำกลัวจะไม่ถูกใจเจ้าปุ่นกับหนูพรีม” หญิงชราผู้มีดวงตาดุจพญาเหยี่ยวกล่าวกับลูกสะใภ้เมื่อคล้อยหลังหลานชาย


“ค่ะคุณแม่ ” นวลตากล่าวก่อนจะหันมายิ้มให้เต็มฟ้า “เต็มก็ไปด้วยกันสิลูก เห็นปุ่นคุยนักคุยหนาว่าเต็มทำกับข้าวเก่ง”


“อะ..เอ้อ..คะ...ครั...บ..” คนเก่งแทบอยากจะตบปากตัวเองที่อยู่ ๆ ก็พูดจาตะกุกตะกักขึ้นมา แต่ก็เหมือนมีบางอย่างจุกอยู่ที่คอ ร่างกายแข็งเกร็งราวกับถูกตรึงเอาไว้โซ่ตรวนที่มองไม่เห็นเพียงเพราะน้ำเสียงเย็นชาของหญิงชราที่ศิธาพัฒน์พร่ำบอกว่าใจดีที่สุด


"ไม่ต้องเข้าไปหรอก เธอเป็นแขก"


“ครับ คุณย่า”


“เอ้อ ถ้าอย่างนั้นให้ปุ้นไปสวนเป็นเพื่อนย่าสิคะ จะได้ถือโอกาสพาน้องเต็มไปเที่ยวด้วย” ศิตางค์เสนอขึ้นแล้วก็ดูเหมือนว่าทุกคนจะเห็นด้วยกับเธอยกเว้นเต็มฟ้า


“ไม่ต้องหรอก ย่าเดินของย่ามาเป็นสี่ห้าสิบปี ไปคนเดียวก็พอไม่ต้องมีเพื่อนไปหรอก อีกอย่างในสวนน่ะไม่เห็นจะมีอะไรน่าเที่ยว หญ้ารกแถมยุงก็เยอะ รออยู่ที่นี่กันเถอะ นี่ก็ได้เวลาที่นัดกับเขาแล้ว มัวช้าจะเสียผู้ใหญ่” พูดจบหญิงชราก็เดินหายไปทางหลังบ้านทิ้งให้ลูกหลานได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ให้กัน


“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเต็มไปขนของลงจากรถให้ก่อนดีกว่า” เต็มฟ้าเอ่ยขึ้นทำลายบรรยากาศแปลก ๆ ก่อนจะเดินออกไปที่หน้าบ้าน จัดการเปิดท้ายรถแล้วยกกล่องกระดาษขนาดใหญ่ออกมา


“มา เราช่วย” ชายหนุ่มที่เดินตามมาเอ่ยขึ้นก่อนจะรั้งกล่องมาอุ้มเอาไว้


“หนักนะ”


“คงหนักไม่เท่าที่นายกับพี่ปุ่นเจออยู่ตอนนี้หรอกมั้ง”


แม้ศิลาจะพูดไปหัวเราะไป แต่เต็มฟ้าก็รับรู้ได้ว่ามันไม่ใช่คำเยาะหยัน รู้สึกยินดีด้วยซ้ำที่อีกฝ่ายหยิบยื่นไมตรีมาให้ทั้งที่ตัวเขาเองตอนนี้มีสภาพไม่ต่างอะไรกับคนนอกครอบครัว

 
“นั่นนะสิ ทำเย็นชาแบบนี้สู้ต่อว่ากันเสียเลยดีกว่า แบบนี้มันอึดอัด”


“กินยาลดกรดหน่อยไหมจะได้หาย เดี๋ยวเราจัดให้”


เพียงเท่านั้นก็พอจะเรียกรอยยิ้มของคนฟังได้บ้าง


“หนักหน่อยนะ แต่ถ้าไม่ยอมแพ้ เดี๋ยวอะไร ๆ มันก็ดีขึ้น ย่าไม่ใช่คนใจร้ายหรอก” พูดจบศิลาก็อุ้มกล่องเดินอุ้ยอ้ายกลับเข้าไปในบ้าน



...


พีรนันท์เดินตามร่างสูงไปที่ศาลาท่าน้ำ อดคิดไม่ได้ว่าหากเป็นเหมือนเมื่อก่อนวันนี้คงจะเดินจับมือเคียงคู่กันไป เขาคงจะยิ้มให้และพูดคำหวาน ๆ ที่ฟังกี่ทีก็ไม่เบื่อ แต่เพราะเหตุการณ์วันนั้นที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ต้องโทษที่เขา....โทษที่เขาเลิกทำในสิ่งตรงกันข้ามกับที่เธอและพ่อต้องการ


ศิธาพัฒน์ชะลอฝีเท้าก่อนจะหยุดเดินก่อนจะหันมาสบตาคนเดินตามหลัง “อันที่จริงปุ่นก็ออกจากบริษัทมานานแล้ว งานในส่วนนั้นก็ถูกโอนไปให้คุณวาทินรับช่วงได้สองปีแล้ว อะไร ๆ มันน่าจะเปลี่ยนไปเยอะไม่รู้ว่าปุ่นจะช่วยพรีมได้หรือเปล่า”


“นี่ถ้าไม่ใช่เรื่องงานเราสองคนจะคุยกันไม่ได้เลยเหรอ”


หนุ่มหล่อเบนหน้าหนีสายตาคาดคั้นของหญิงสาวพลางถอนหายใจเบา ๆ ทอดสายตามองผืนน้ำที่ฉาบด้วยแสงอาทิตย์ยามเย็น เรือบรรทุกผลไม้ที่เพิ่งแล่นผ่านไปเมื่อสักครู่ทำให้เกิดคลื่นน้ำระลอกใหญ่ซัดเข้าหาตลิ่ง เพียงไม่นานผืนน้ำก็กลับมาราบเรียบตามเดิม


“ได้สิ พรีมอยากคุยเรื่องอะไรล่ะ ปุ่นก็คุยกับพรีมได้ทุกเรื่องเหมือนเดิมนั่นแหละ”


พีรนันท์มองเสี้ยวหน้าคนพูด รู้ดีว่าอะไร ๆ มันก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว


“พรีม...เอ้อ...เด็กนั่นน่ะชื่อเต็มฟ้าใช่ไหม”


ชายหนุ่มพยักหน้ารับไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายรู้จักชื่อนี้ คาดเอาไว้แล้วว่าย่าของเขาคงจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง


“คุณย่าบอกว่าปุ่นกับเด็กนั่น...กำลังคบกัน” ท้ายประโยคแผ่วเบาไม่มั่นใจในสิ่งที่พูด ตอนแรกที่รู้เรื่องนี้จากปากของคุณนายยุพา พีรนันท์ก็แทบไม่เชื่อหูตัวเอง ยิ่งได้เห็นหน้าเด็กนั่นเห็นสายตาที่สองคนมองกันก็ยิ่งเจ็บใจอย่างที่สุด


“ผู้หญิงไม่มีให้คบแล้วหรือไง ถึงได้ไปคว้าเด็กนั่น คนดีเพิ่งจะรู้ว่าเดี๋ยวสำหรับปุ่นน่ะ...ใครก็ได้”


ศิธาพัฒน์ยืนนิ่ง ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้หลุดจากปากของคนที่ได้ชื่อว่าเคยเป็นคนรักกัน


"ปุ่นจะรักเด็กนั่นเท่ากับที่รักพรีมได้จริง ๆ น่ะเหรอ"


ริมฝีปากอิ่มที่เม้มเข้าหากันระหว่างใช้ความคิดค่อย ๆ คลายออก ก่อนจะตอบคำถามที่อีกฝ่ายอยากรู้ "ไม่เท่าหรอก คงรักให้เท่าไม่ได้หรอก" ศิธาพัฒน์กล่าว ไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดเมื่อสักครู่จะทำให้หัวของคนที่บังเอิญผ่านมาได้ฟังตกลงไปกองอยู่แทบเท้า แต่ขณะเดียวกันมันก็ทำให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาในเวลานี้สามารถยิ้มออกมาได้


เต็มฟ้าที่ตั้งใจจะมาบอกขอตัวกลับค่อย ๆ ถอยห่างจากแนวพุ่มไม้ที่สูงเกือบท่วมหัว นัยน์ตาสีเข้ายังคงจับจ้องไปที่สองหนุ่มสาวที่กำลังยืนคุยกันอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเดินจากมาเงียบ ๆ


“ปุ่นรักเขาเท่ากับพรีมไม่ได้หรอก ไม่เท่าจริง ๆ เพราะว่าปุ่นไม่ได้รักพรีมแล้ว”


รอยยิ้มของหญิงสาวเหมือนกำลังระเหยไปในอากาศ พรีนันท์แทบไม่เชื่อหูตัวเอง นี่สาวสวยมีการศึกษาและหน้าที่การงานดีอย่างเธอกำลังถูกปฏิเสธโดยคนรักเก่าหรือนี่


“ขอโทษนะพรีม” ศิธาพัฒน์กล่าวเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมา ขายาวก้าวพรวด ๆ กะว่าจะตามคนที่เห็นหลังไว ๆ ให้ทัน จนในที่สุดคนที่เขากำลังมองหาก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า เต็มฟ้ายืนกอดอกพิงรถคิดอะไรเพลิน ๆ จนไม่ทันได้มองคนที่กำลังสาวเท้าเข้ามาหากระทั่งเสียงเรียกชื่อทำให้ความคิดที่กำลังลอยไปกลับมาอยู่กับตัวอีกครั้ง


“ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ” ศิธาพัฒน์เอ่ยขึ้น


“กำลังจะกลับน่ะ รอบอกพี่ปุ่นอยู่”


“ทำไมจะกลับ พ่อกับแม่ก็ชวนให้อยู่ทานข้าวด้วยกันนี่นา เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า หืม?” พูดจก็ใช้หลังมือแตะที่หน้าผากของอีกฝ่ายเบา ๆ


“เปล่า เต็มสบายดี” เต็มฟ้าตอบพลางเอียงหน้าหนีมือหนาด้วยเกรงว่าจะมีใครมาเห็นเข้า”


“แล้วทำไมรีบกลับ มีอะไรหรือเปล่า”


“เปล่า”


“ถ้าอย่างนั้นพี่ไปส่งนะ” ศิธาพัฒน์กล่าวก่อนจะทำท่าหันไปเปิดประตูฝั่งคนขับแต่ก็ถูกมือของอีกฝ่ายรั้วเอาไว้


“ไม่ต้องหรอกพี่ปุ่น เต็มไปเองได้ พี่ปุ่นอยู่ทานข้าวกับที่บ้านเถอะ เต็มบอกคุณลุงกับคุณป้าแล้ว แล้วก็ลาทุกคนแล้วด้วย”


ศิธาพัฒน์มุ่นคิ้ว นี่ก็เป็นอีกครั้งที่เป็นเต็มฟ้าทำอะไรไม่ปรึกษา แต่เขาก็รู้ดีว่าหากอีกฝ่ายตัดสินใจทำอะไรไปแล้ว ใครก็หยุดไม่ได้ ดังนั้นร่างสูงจึงเบี่ยงตัวหลบยอมให้เจ้าของรถเดินไปเปิดประตูรถแต่โดยดี







“เต็ม”



ร่างบางของชายหนุ่มถูกตรึงอยู่กับที่อีกครั้งด้วยมืออุ่น ๆ ของคนเดียวที่ทำให้รู้สึกอุ่นใจในช่วงเวลาแบบนี้


“มีอะไรอยากถามพี่ไหม”


หน้าชวนมองหันมาสบตาพลางส่ายหน้าปฏิเสธ


“ไม่เป็นไรแน่นะ”


“เต็มไม่เป็นไรจริง ๆ สบายมาก”


“ถ้าอย่างนั้นสัญญาได้ไหมว่าถ้ามีอะไรจะบอกพี่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็จะจับมือกันไปแบบนี้” ศิธาพัฒน์กล่าวพร้อมกับยกนิ้วขึ้นเพื่อเกี่ยวก้อยสัญญาแต่เต็มฟ้ากลับยกมือขึ้นกุมมือของเขาแทน


“เต็มไม่สัญญานะ แต่เต็มจะทำให้ดีที่สุด จะทำในแบบที่เต็มคิดว่ามันจะดีสำหรับทุกคนก็แล้วกัน พี่ปุ่นสบายใจได้”



รอยยิ้มจาง ๆ กับประโยคสุดท้ายที่ได้ฟังยังคงชัดเจนอยู่ในความรู้สึกของชายหนุ่มที่กำลังนอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียงนอน แม้จะจากกันมาหลายชั่วโมงแล้วก็ตาม คำบอกเล่าของน้องชายคนเล็กทำให้ศิธาพัฒน์รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้  แต่ก็ยังหวังใจว่าทั้งเขาและเต็มฟ้าจะสามารถผ่านมันไปได้ด้วยกัน....


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2014 17:21:03 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
เต็มฟ้า~ หนักแน่นนะลูก T^T

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อืมห์ อบอุ่นดีจังเลย ปุ่น&เต็ม
ยังไงก็ฝ่าฟันไปให้ได้นะ
สู้ ๆ สู้ ๆ
.
.
และคนเขียนอย่างทิ้งไปนานนะ
 :m23: :m23: :m23:

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
อิปุ่นเอ้ย ลีลาจริง เวลาพูดเนี่ย

ไม่พูดทีเดียวให้มันหมด และไม่ยอมอธิบายด้วย รอแต่ให้ถาม

ย่านี่ก็ ตั้งกำแพงซะ ขี้เกียจจะปีน

ใครเป็นเต็มฟ้า ก็ถอยดีกว่า ถ้ามันจะยุ่งยากกันขนาดนี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
เข้มแข็งไว้นะเต็ม

ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
ไม่ชอบพรีมกับครอบครัวเลย

เต็มสู้ๆๆนะ :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Takarajung_TK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-2
 โกรธปุ่นอ่ะ
ตัวเองก็เห็นว่าเต็มฟ้าเดินมาทางนี้
ถึงได้รีบเดินไปหา
แล้วทำไมไม่อธิบาย ไม่ถามอะไรเลย
ถ้าถูกเต็มฟ้าถอยห่างนะ จะสมน้ำหน้า
มีโอกาสแล้วไม่พูด ลีลานัก :angry2:

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
เต็มได้ฟังจนจบมั้ยว่าพี่ปุ่นไม่ได้รักยัยคนดี ยันพรีมแล้วน่ะ
อย่าคิดเองน่ะเต็ม
ความรักอยู่ที่การเข้าใจ และการปรึษากัน
หนักแน่นเข้าไว้
และผ่านมันไปให้ได้
เอาเต็มคนเดิมกลับมา อย่าตะกุกตะกัก

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
โถ ๆ น้องเต็ม ฟังไม่จบก็เอาไปคิดมากมายเลยสิ
พี่ปุ่นงานเข้าอีกแล้ว

แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นของไม่มีประโยชน์เมื่อน้องเกิดมาเป็นผู้หญิง>>>>>>>>>ผู้ชาย
เสื้อกราวน์สีขาวที่เขาสวมปักตัวอักษร ‘ภก.ศิลา กษิศภูมิ’>>>>>>>>>>เสื้อกาวน์
 

ออฟไลน์ kosmos

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
รู้สึกคันยุบยิบ ยุบยิบในใจยังไงไม่รู้ อบอุ่นมากเลย
พี่เต็มสู้ๆนะ ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ

ออฟไลน์ แก้วเจ้าจอม

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
แค่คุณย่าคนเดียวก็เกินพอละ นี่ยังจะมีพรีมอีก
โอ๊ยยยย เซ็ง ขอร้องยังไม่อยากกินมาม่า ฮือออ
พี่ปุ้นขอยาลดกรดด่วนน//เกี่ยว?

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
ถ้าพี่ปุ่นไม่มัวประดิษฐ์คำพูดให้มันวกวนนัก
เต็มก็คงไม่เข้าใจผิดหรอก แล้วนี่จะแก้ไขยังไงล่ะ เฮ้ออออ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เต็มอย่าคิดมากน่ะ

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
เต็มพี่กับพี่ปุ่นให้เข้าใจด้วยๆๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
พรีมนี่หลายทีละนะ !!!

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
อ่านช่วงแรกก็ ดีอยู่นะ แบบว่าเขินแทนน้องเต็มเลย พี่ปุ่นใส่เต็มมากจริงๆ ชอบตรง หม้อล้วนๆ ไม่มีกระทะเลย ฮาดีอ่ะ พอมาช่วงท้าย แอบรู้สึกหน่วงนิดๆลุ้นแทนทั้งสองคนอ่ะ อยากให้คุณย่ายอมรับปุ่นกับน้องเต็มจัง

ออฟไลน์ แป้งข้าวหมาก

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
หนักแน่นไว้นะเต็ม อย่าคิดอะไรไปคนเดียว
เชื่อใจพี่ปุ่นนะ :กอด1:

4life

  • บุคคลทั่วไป
คุณย่าคะ เเหกตาดูให้ดีๆ ก่อนนะคะว่าชะนีพรีมกับเต็มใครจิตใจดีกันจริงๆ !!!!
คำก็เด็กนั้นสองคำก็เด็กนั้น โถยัยชะนีหลงตัว :z6:

ส่วนพี่ปุ่น ทำไมต้องรอให้น้องมันถาม รู้ทั้งรู้เต็มมันเป็นคนคิดมาก มีอะไรก็พูดไปสิวุ้ย :m16:

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
เฮ้อ...ฉลาดทุกเรื่อง ยกเว่นตัวเองค่ะคุณย่า...

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
ชะนีนี่ยังงัยนะ เห็นๆ ว่าหมดรักแล้วขนาดนี้ จะเอาชนะรัยกันนักหนา คุณย่าอีกคน :katai1:

ออฟไลน์ SiLent_GRean

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
เต็มใจเย็นๆนะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
สู้ๆนะเต็มฟ้า มีอะไรถามพีีปุ่นนะอย่าเแาไปคิดคนเดียว  :กอด1:

ออฟไลน์ tulakom5644

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
กลัวน้องเต็มจะถอยอ่ะ  พี่ปุ่นอธิบายดิว๊าาาาาาาาาาาาาา :z3: :ling1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด