คุณบุรุษไปรษณีย์ที่รัก (จบแล้ว) ตอนพิเศษ สัญญา 16-02-2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คุณบุรุษไปรษณีย์ที่รัก (จบแล้ว) ตอนพิเศษ สัญญา 16-02-2561  (อ่าน 255596 ครั้ง)

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
แอบหวานตลอดๆนะพี่ปุ่น อยากให้เต็มเชื่อใจพี่ปุ่นอย่าเพิ่งฟังใคร
ไม่แน่นี่อาจจะเป็นแผนของคุณย่า เพื่อสำหรับลองใจของทุกๆฝ่ายก็ได้
เดาเล่นๆนะ

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
ตอนหนัาจะจบแลัวหรออ ขอตอนพิเศษเยอะๆเลยน้า ชอบๆๆๆ

ออฟไลน์ แก้วเจ้าจอม

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
"รักเท่าเต็มฟ้า"
กรี๊ดดดดดดด >////< เขินแทน

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
ตอนที่ 22 : รักแบบไม่ครอบครอง



พ่อเลี้ยงตรัยจ้องมองช่อดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ที่ลูกชายคนเล็กกำลังวางลงบนฝาบาตร ข้าง ๆ กันคือลูกชายคนโตที่ปีนี้เพิ่งจะมีโอกาสได้ใส่บาตรทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แม่ด้วยกันเป็นครั้งแรก วันนี้นอกจากจะเป็นวันครบรอบการจากไปของภรรยาสุดที่รักแล้วยังเป็นวันคล้ายวันเกิดปีที่สิบสามของตามตะวันลูกชายคนสุดท้องอีกด้วย เมื่อกลับจากวัดทุกคนในครอบครัวต่างก็มารวมตัวกันที่แสงจันทร์เกสต์เฮาส์ตามคำเชิญของเดือนดารา ครัวของเกสต์เฮาส์ถูกปิดหนึ่งวันสำหรับทำอาหารรับประทานกันเองภายในครอบครัวโดยวันนี้เจ้าของบ้านอาสาเข้าครัวโชว์ฝีมือเอง โดยมีตามตะวัน หมูอ้วนและยะหยาช่วยหยิบจับนี่นั่นอยู่ในครัว ได้ยินเสียงชลธรโวยวายเป็นระยะ ๆ เมื่อบรรดาลูกลิงเริ่มซุกซนจนครัวป่วนไปหมด ส่วนเจ้าแข็งแรงก็คอยเห่าให้กำลังใจเด็ก ๆ อยู่ไม่ห่าง   


เต็มฟ้าที่เพิ่งเดินออกมาจากในบ้านพร้อมไดอารีสีฟ้าและถุงกระดาษในมือหยุดมองเสี้ยวหน้าของผู้เป็นพ่อที่กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ที่ระเบียง อดสงสัยไม่ได้ว่าผู้ชายอย่างพ่อสามารถครองตัวเป็นโสดมาได้อย่างไรถึงสิบสามปีแต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับความสงสัยที่ว่าพ่ออยู่โดยปราศจากแม่มาจนป่านนี้ได้อย่างไร ชายหนุ่มเดินไปนั่งลงตรงหน้าพลางทอดตามองตามสายตาของผู้เป็นพ่อที่ไม่อยู่ว่าไปสิ้นสุดอยู่ตรงไหน


“พ่อคิดถึงแม่บ้างไหม” ลูกชายเอ่ยขึ้น


พ่อเลี้ยงหนุ่มใหญ่ดึงสายตากลับมามองคนตรงหน้าที่ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็ชวนให้นึกถึงภรรยาผู้ลาลับอยู่ร่ำไป ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้มเศร้า ๆ ก่อนจะกล่าว “ไม่มีสักนาทีที่ไม่คิดถึง”


คำพูดของพ่อทำเอาคนฟังน้ำตารื้น บอกไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองกำลังรู้สึกอย่างไรกันแน่ คำถามที่ผุดขึ้นในใจตอนนี้คงเป็น ‘ทำไมพ่อถึงเข้มแข็งได้ขนาดนี้’


“ถ้าเป็นเต็ม...คงทนไม่ไหว สำหรับบางคนระยะทางทำให้รักกันมากขึ้นก็จริง แต่ถ้าเต็มรักใครสักคนไปแล้วก็คงอยากเห็นหน้าเขา ถึงจะอยู่ไกลกันแค่ได้ยินเสียงก็ยังดี ขอแค่รู้ว่าเขายังอยู่ วันหนึ่งเราคงได้กลับมาพบกันอีกครั้ง แต่นี่ไม่รู้เลยว่าจะได้พบกันเมื่อไร”


“เราไม่สามารถอยู่ด้วยกันไปได้ตลอดหรอกนะเต็ม ถ้าไม่เพราะมีความจำเป็นที่ทำให้ต้องแยกจากกันก็เพราะความตาย...” ผู้เป็นพ่อยังคงยิ้มให้ “พ่อเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่กับลูกสองคนไปได้อีกนานแค่ไหน แต่พ่อเชื่อว่าเมื่อพ่อจากไปแล้วลูกก็จะคิดถึงพ่อเหมือนกับที่พ่อคิดถึงแม่ แล้วเราก็จะเหมือนไม่ได้จากกันไปไหน”


“วันหนึ่งลูกจะรู้ว่าความรักไม่ใช่การครอบครองหรือจะต้องเป็นเจ้าของ ความรักไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน ลูกเข้าใจที่พ่อพูดใช่ไหม”


ชายหนุ่มเพียงแต่พยักหน้าสบตานิ่ง นึกทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระยะเวลา 13 ปีที่ไม่มีแม่ แต่ละปี ๆ ผ่านไปไว้เหมือนที่ใคร ๆ มักจะพูดกัน แต่กว่าจะผ่านมันมาได้ก็ถือว่าเป็นเวลาที่ยาวนานเหลือเกิน


เสียงถอนใจเฮือกใหญ่ทำเอาคนที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ ต้องเหลียวมองคนที่กำลังเดินอ้อมหลังมานั่งลงข้าง ๆ ตามตะวันพาดแขนพร้อมกับเกยคางลงบนโต๊ะด้วยท่าทางเบื่อหน่ายจนพี่ชายและพ่อที่กำลังมองอยู่อดสงสัยไม่ได้


“เป็นอะไรไปไอ้ลูกชาย ถอนหายใจเสียยืดยาวยังกับคนแก่”


“ตามคิดถึงพี่ปุ่นฮะ”


“คิดถึงทำไม ไม่เห็นจะน่าคิดถึงเลย” พี่ชายกล่าวก่อนจะวางไดอารีและถุงกระดาษที่มีตราห้างสรรพสินค้าชื่อดังลงบนโต๊ะ


“ไม่ได้เจอตั้งนานแล้วก็เลยคิดถึงฮะ”


พี่ชายส่ายหน้าน้อย ๆ พลางโยกศีรษะน้องชายเบา ๆ “เลิกคิดถึงเขาได้แล้ว เขายังไม่เห็นจะคิดถึงเราเลย” พูดจบก็เลื่อนถุงกระดาษให้


“อะไรเหรอครับ” น้องชายรีบนั่งหลังตรงพลางควานหยิบของที่อยู่ในถุงออกมา มันเป็นกล่องของขวัญทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าฝ่ามือของเด็กชาย ยังไม่รู้ว่าข้างในมีอะไรแต่ตามตะวันก็ยิ้มร่าเอาไว้ก่อนนั่นเพราะของอะไรที่พี่ให้เขาก็ชอบทั้งนั้น


“เปิดดูสิว่าชอบหรือเปล่า”


พ่อเลี้ยงตรัยยิ้มน้อย ๆ มองลูกชายคนเล็กที่ง่วนอยู่กับการแกะกระดาษห่อของขวัญ ไม่นานก็เห็นยี่ห้อนาฬิกาแบบที่เด็ก ๆ นิยมใส่อยู่ที่ฝากล่อง


“โอ้โห! สวยจังเลยฮะพี่เต็ม” ตามตะวันร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นทันทีที่เปิดฝากล่องออกแล้วพบว่าข้างในคือนาฬิสีข้อมือสีดำแบบที่กำลังอยากได้


“ชอบไหม”


“ชอบที่สุดเลยครับพี่เต็ม ขอบคุณนะครับ” น้องชายละล่ำละลักพร้อมกับยกมือไหว้ก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในครัวเพื่ออวดนาฬิกาข้อมือเรือนใหม่ให้ทุกคนดู


“บ้าเห่อเหมือนแกตอนเด็ก ๆ ไม่มีผิด” ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้น


“อะไรเล่าพ่อ เต็มขี้เห่อตรงไหน จำไม่ได้เลยว่าเคยเห่ออะไรบ้าง”


ตรัยหัวเราะหึก่อนจะตอบ “เรื่องเดียวที่เห็นเห่อก็เรื่องที่จะมีน้องนั่นแหละ เห่อไม่ได้ดูเหนือดูใต้เลยว่าน้องเป็นผู้ชาย”


“โธ่...เรื่องตั้งนานมาแล้วยังจะเอามาแซวอีก”


สองพ่อลูกพากันหัวเราะ หลังจากนั้นลิ้นชักแห่งความทรงจำก็ถูกเลื่อนเปิดอีกครั้ง โดยที่ทั้งสองคนเลือกที่จะหยิบเรื่องราวที่ทำให้เกิดรอยยิ้มขึ้นมาฉายซ้ำแทนที่จะเป็นเรื่องที่รังแต่จะทำให้มีแต่คราบน้ำตายามเมื่อภาพฉายนั้นถูกเก็บลงในกล่อง


ค่ำแล้วแต่เต็มฟ้าก็ยังคงนั่งอยู่ที่บันไดท่าน้ำ ลมหายใจหนัก ๆ ถูกผ่อนออกจากปลายจมูกเมื่อภาพของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นในความคิด ถ้าวันนี้อยู่ด้วยกันคงจะได้เอนตัวพิงร่างหนาของเขา ทอดตามองสายน้ำที่ยังคงไหลเอื่อย ๆ แบบที่เคยทำเป็นปกติ แต่ที่ทำได้ตอนนี้คงเป็นนั่งพิงเจ้าแข็งแรงที่นอนขดครางหงิง ๆ อยู่ไม่ห่าง อยากจะถามมันเหลือเกินว่ามันจะรู้สึกเหงาเหมือนกันบ้างไหมยามที่ใครคนนั้นไม่อยู่เช่นนี้


“พี่เต็ม ตามเก็บของเรียบร้อยแล้วนะฮะ” ตามตะวันที่เดินสะพายเป้มาหยุดยืนอยู่ข้างหลังเอ่ยขึ้น


“อื้อ...” เต็มฟ้าหันมาพยักหน้า มือที่วางอยู่บนไดอารีบนตักทำให้นึกอะไรขึ้นมาได้ “นั่งก่อนสิตาม”


น้องชายพนักหน้าก่อนจะเดินมานั่งลงข้าง ๆ อย่างว่างง่าย


“พี่มีอีกอย่างจะให้” พูดจบก็ส่งสมุดบันทึกปกสีฟ้าให้


“ไดอารีเหรอครับ” เด็กชายตามตะวันรับมาก่อนจะเปิดออกดู “เขียนแล้วด้วยนี่ครับพี่เต็ม ของใครเหรอครับ”


“ของแม่น่ะ แม่เขียนไว้เมื่อตอนพี่ยังไม่เกิด”


“ละ..แล้วทำไม..พี่เต็มถึงให้ตามล่ะครับ”


“อ่านมันจนแทบจะจำได้ทุกตัวอักษรแล้ว ก็เลยอยากให้ตามเก็บเอาไว้ ตามเคยถามพี่ไม่ใช่เหรอว่าแม่ของเราใจดีไหม ถ้าอ่านไดอารีเล่มนี้จบตามก็จะรู้ว่าแม่ของเราใจดีแค่ไหน มันอาจจะเป็นเรื่องที่แม่เขียนไว้ตอนพี่ยังอยู่ในท้องของแม่นะ ถ้าแม่ไม่ป่วยเสียก่อนตอนที่มีตามพี่ว่าแม่ก็คงเขียนแบบนี้ให้ตามเหมือนกัน”


“ขอบคุณฮะพี่เต็ม” หนุ่มน้อยยิ้มกว้างพลางกอดไดอารีแน่น



....




ชายหนุ่มปาดเหงื่อที่ซึมอยู่ตามไรผมก่อนจะลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสายหลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งขึ้นรูปแจกันตามแบบที่ลูกค้าสั่งมาร่วมชั่วโมงแต่ก็ยังไม่ได้ตามที่พอใจ รู้สึกพักนี้จิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไร เต็มฟ้าถอนใจเฮือกก่อนจะเดินออกไปล้างมือที่ลำธารที่อีกไม่นานระดับน้ำก็คงจะเพิ่มขึ้นเพราะฝนที่เริ่มตกลงมา นึกถึงฝายน้ำล้นที่เคยติดตามพ่อกับคนงานไปสร้างเอาไว้เมื่อหลายเดือนก่อนจึงเดินขึ้นไปตามแนวลำธารเพื่อสำรวจ ไม่นานลูกชายพ่อเลี้ยงก็เดินมาถึงแนวไม้ไผ่ซึ่งมีกรวดหินที่ถูกวางขึ้นซ้อนกันขวางกลางลำธารที่เชื่อมต่อกับแอ่งน้ำขนาดใหญ่เพื่อชะลออการไหลของน้ำ ไม่ให้ทำลายหน้าดินหรือสร้างความเสียหายให้พืชผลในยามน้ำมาก ถัดจากแอ่งน้ำขึ้นไปเป็นน้ำตกชั้นเตี้ย ๆ ที่มีน้ำตลอดทั้งปี



เต็มฟ้าเดินไปบนโขดหินเหนือม่านน้ำตกก่อนจะนั่งลงจุ่มขาในน้ำเย็นเฉียบปล่อยใจคิดอะไรเพลิน ๆ พลันภาพตรงหน้าก็ดับวูบลงเพราะมือหนาของใครคนหนึ่งที่ยกขึ้นปิดตาของเขาจากด้านหลัง น้ำหอมกลิ่นที่คุ้นติดปลายจมูกทำให้ความตื่นตระหนกภายในใจคลายลงจนหายเป็นปลิดทิ้งในขณะที่เสียงกระซิบข้างหูนั้นก็ชวนให้รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งเมื่อได้ฟัง


“ทายซิว่าใคร”


คนถูกปิดตาถอนใจเบา ๆ พร้อมกับพยายามกลั้นหัวเราะ “เล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ”


“มีแฟนเด็กก็ต้องทำตัวเด็กสิ เร็ว! ทายมา”


“อืม...”


“แน่ะ! ช้าอีก”


“พี่ศิธา”


ศิธาพัฒน์ถอนหายใจเบา ๆ พร้อมกับคลายมืออกมองเจ้าของใบหน้าชวนมองที่กำลังลุกขึ้นยืน


“รู้ไหมว่าเรียกแบบนี้จะโดนอะไร” ร่างสูงกล่าวเมื่อยืนอยู่ต่อหน้ากัน


“รู้” เต็มฟ้าตอบหน้าระรื่น เขารู้อยู่เต็มอกว่าถ้าหากเรียกแบบนี้จะโดนอะไร มีแต่พี่ปุ่นเท่านั้นแหละที่ไม่รู้อะไรเอาเสียเลย


“รู้แล้วทำไมยังเรียกแบบนี้อีก หรือว่าอยากโดนจูบ” พูดจบศิธาพัฒน์ก็สาวเท้าเข้ามาประชิดตัวก่อนจะประคองเอวของหนุ่มน้อยที่ไม่เจอกันหลายวันเอาไว้ในขณะที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้แสดงอาการขัดขืนเหมือนเคย แถมยังสร้างความประหลาดใจด้วยการใช้แขนเล็กคล้องคอของเขาเอาไว้ด้วยซ้ำ ดวงตาอ่อนโยนของคนตัวโตจ้องมองไปยังดวงตาทอประกายของคนตรงหน้าก่อนจะไล่ลงมาที่ริมฝีปากสีหวานที่กำลังเหยียดยิ้มท้าทายราวกับดอกไม้ที่กางกลีบดอกออกเพื่อล่อให้แมลงที่กำลังเพลินกับรูปสวยหลงเข้าไปติดกับ หากเป็นเช่นนั้นแล้วแมลงอย่างศิธาพัฒน์ก็คงจะยอมตายเพื่อให้ได้ชิมเกสรรสหวานสักครั้งหนึ่ง


“นี่ตั้งใจจะยั่วกันใช่ไหม” พูดพลางใช้ปลายนิ้วเขี่ยที่ปลายจมูกของอีกฝ่ายอย่างหยอกเย้า


“ไม่ได้ยั่วสักหน่อย”     


“ไม่ได้ยั่วแล้วทำไมวันนี้ทำตัวน่ารักนัก” ริมฝีปากยิ้มยกยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะจะเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้จนปลายจมูกสัมผัสกัน


 “เต็มแค่อยากให้พี่ปุ่นจำเต็มไปนาน ๆ เผื่อว่าวันไหนที่เราไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ กันแบบนี้”


คนฟังชะงักก่อนจะขยับออกมามองคนพูดให้ชัด ๆ “ทำถึงพูดแบบนี้ หืม?”


เต็มฟ้าส่ายหน้า เขาเลือกที่จะไม่ได้ตอบคำถามนั้นแต่กลับกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น ปากบางยังคงสิ่งยิ้มชวนหลงใหลไปให้ในขณะที่ตาคู่สวยก็ไม่ได้มองไปทางอื่น “แล้วถ้ายั่วล่ะ ทนไหวไหม”


“ไม่ทนเด็ดขาด” พูดจบก็ฉกชิมริมฝีปากที่กำลังส่งยิ้มเชิญชวนราวกับกลัวว่าภาพที่เห็นอยู่จะระเหยไปในอากาศ


“อื้อ...” แขนเล็กที่เหนี่ยวรั้งต้นคอหนาค่อย ๆ คลายออกก่อนจะเลื่อนมาเกาะบ่ากว้างเอาไว้แน่นทันทีที่สัมผัสบางเบาของริมฝีปากร้อนเปลี่ยนเป็นขบเม้มดูดดึงประหนึ่งจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว


“พะ..พี่ปุ่น พอเถอะ ตะ..เต็มล้อเล่น”
คนฟังชะงักพลางหัวเราะในลำคอด้วยความชอบใจพร้อมกับส่งยิ้มมีเลศนัยมาให้ “ของแบบนี้เอามาล้อเล่นได้ยังไงกัน” เสียงกระซิบนั้นแทบจะจมหายไปในผิวเนื้อเนียนเมื่อปากอิ่มลากไล้จากใบหูมากดจูบที่ลำคอระหงทำเอาจั๊กจี้จนต้องเอียงคอหนี


“ไม่หยุดใช่ไหม” คนที่ตอนนี้แทบจะไม่มีแรงยืนกล่าวอย่างแผ่วเบา มือเรียวเลื่อนลงมายันแผงอกกำยำเอาไว้พลันริมฝีปากบางก็ค่อย ๆ ยกยิ้ม แววตาไหวระริกยามเมื่อถูกครอบครองด้วยปากอิ่มจู่ ๆ ก็วาวโรจน์ขึ้นอย่างไร้สาเหตุ กำลังทั้งหมดที่มีอยู่ตอนนี้ถูกดึงมารวมกันไว้ที่สองมือก่อนจะออกแรงผลักอีกฝ่ายกะว่าจะให้หงายตกลงไปในน้ำโทษฐานที่ไม่ยอมฟังกัน แต่มีหรือที่คนอย่างศิธาพัฒน์จะไม่เท่าทันเล่ห์กลของคนในอ้อมแขนคนนี้ ร่างสูงอาศัยจังหวะก่อนที่จะไถลตกลงไปในแอ่งน้ำกว้างใหญ่กอดรัดเอวสอบเอาไว้ก่อนจะพากันตกลงไปสู่สายน้ำเย็นฉ่ำเบื้องล่าง


ตูม!!!!



เต็มฟ้าที่หลุดการกอดเกี่ยวของแขนแกร่งมาได้ทะลึ่งตัวขึ้นจากน้ำพลางลูบหน้าลูบตามองหาคนที่ดึงเอาตัวเขาตกลงมาด้วยแต่ก็หาไม่พบ ผืนน้ำรอบ ๆ แทบจะราบเรียบเป็นแผ่นกระจกใส มองหาเท่าไรก็ไม่เห็น ตัดสินใจร้องเรียกชื่อของอีกฝ่ายแต่ก็ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับ ชายหนุ่มหมุนตัวอยู่กลางน้ำที่ก็ไม่ได้ลึกเสียจนเท้าแตะไม่ถึงพื้นด้านล่าง


“พี่ปุ่น ออกมาเดี๋ยวนี้เลย อย่ามาเล่นอะไรแบบนี้นะ”


เงียบ...ได้ยินเพียงเสียงจิ้งหรีดป่าที่ส่งร้องประสานเสียงเซ็งแซ่ ความเงียบงันยิ่งทำให้ใจคอไม่ดีแต่ก็ยังฝืนเก็บอาการเอาไว้


“ถ้าอย่างนั้นเต็มกลับแล้วนะ” พูดจบก็เดินงุ่นง่านแหวกสายน้ำเตรียมจะกลับเข้าฝั่งแต่แล้วร่างสูงของคนที่กำลังมองหาจู่ ๆ ก็ทะลึ่งตัวขึ้นมาขวางหน้าเอาไว้


ศิธาพัฒน์ยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาเสยผมที่ลงมาปรกหน้าก่อนจะส่งยิ้มให้เหมือนเคย   


“จะรีบไปไหนยังคุยกันไม่จบเลย”


“คุยอะไรอีก ไม่มีอะไรคุยแล้ว” เต็มฟ้าทำหัวฟัดหัวเหวี่ยงก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางแต่ก็ถูกอีกฝ่ายรวบเอวเอาไว้


“ทำงอนเป็นสาวน้อยไปได้ งอนอะไรพี่เนี่ย” กล่าวพลางจ้องมองแพขนตาของคนที่กำลังเอาแต่ก้มหน้า


“งง งอนอะไรกัน”


“อืม...ถ้าไม่งอนเรื่องที่แกล้งพี่ไม่ได้ก็งอนเรื่องที่พี่ทำให้ตกใจใช่ไหม”


“ใช่ที่ไหนกันเล่า”


“เป็นห่วงใช่ไหมล่ะ”


เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงอมพะนำ ศิธาพัฒน์จึงแกล้งยั่ว “คิดไม่ผิดที่รีบกลับมา”     


“ทำไมจะกลับวันนี้ถึงไม่โทร.บอกเต็ม เต็มจะได้ไปรับ” คนฟังถือโอกาสต่อว่า


“พี่โทร.แล้ว แต่เต็มน่ะลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้านนี่นา พี่โทร.ไป ตามรับสายบอกว่าเต็มน่าจะอยู่ที่ท้ายไร่ ถามเอากับคนงานบอกว่าเต็มมาทางนี้พี่ก็เลยตามมานี่แหละ คิดถึงจะแย่”


“ไม่ได้เจอแค่ห้าวันเนี่ยนะ” เต็มฟ้าขมวดคิ้วจ้องหน้าหล่อเหลาที่พูดว่าคิดถึงออกมาได้หน้าตาเฉย   


“ก็ใช่น่ะสิ สัมมนาเสร็จก็รีบนั่งเครื่องกลับมาเลย ก็เลยได้รู้ข้อดีของการนั่งเครื่องบินหนึ่งข้อ เป็นข้อดีที่คนชอบนั่งรถไฟอย่างเต็มต้องไม่รู้แน่ ๆ”


“ไหนว่ามาซิ” คนฟังเลิกคิ้วรอ อยากรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนกันแน่


“ก็...มันทำให้เราได้พบหน้าคนที่รักเร็วกว่าการนั่งรถไฟไง”


เจ้าของพวงแก้มขึ้นสีชมพูระเรื่อถอนหายใจพลางเสมองไปทางอื่น “ไหนบอกว่าระยะทางไม่ใช่อุปสรรคไง”


“มันก็ไม่สำคัญหรอกถ้าเต็มจะรับโทรศัพท์พี่บ้าง นี่โทร.มาทีไรก็ไม่รับสาย แถมไม่ยอมโทร.กลับอีกต่างหาก”


“ก็ไม่ได้เปิดเสียง เห็นอีกทีก็เลยเวลาที่พี่ปุ่นโทร.หาเป็นชั่วโมงแล้ว พี่ปุ่นคงไม่มีอะไรหรือไม่ก็ลืมไปแล้วมั้ง”


“โทร.หาตอนเที่ยง เปิดดูตอนไหนถึงคิดว่าพี่คงลืมไปแล้ว” พูดพลางรั้งเอวคนตรงหน้าเข้ามาใกล้ ๆ


“เช้าของอีกวัน” เต็มฟ้าตอบหน้าตาเฉย


คำตอบที่ได้รับทำเอาคนฟังต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่แทบจะทึ้งหัวตัวเอง


“ไม่เห็นใจคนคิดถึงบ้างเลย ใช่สิ! มีแต่เราที่คิดถึงเขาอยู่คนเดียวนี่”


ศิธาพัฒน์แสร้งทำงอแงเสียจนน่าหมั่นไส้ในขณะที่เต็มฟ้าเองก็ได้แต่มองคนตรงหน้าอย่างอ่อนใจ อยากจะเถียงเหลือเกินว่าไม่ได้มีแค่พี่ปุ่นคนเดียวหรอกที่คิดถึง ตัวเขาเองก็คิดถึงไม่แพ้กัน เรื่องโทรศัพท์มันก็แค่ข้ออ้าง จริง ๆ เพียงอยากจะทดสอบใจตัวเองเท่านั้นว่าจะสามารถอดทนต่อการต้องอยู่โดยปราศจากอีกคนได้หรือไม่ อดคิดไม่ได้เลยว่าจะได้เห็นท่าทางแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน 


(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อค่ะ)


คุณนายยุพาทอดตามองชายหนุ่มสองคนที่ซ้อนท้ายจักรยานขี่มาตามทางดินระหว่างแปลงผักจากบนระเบียงบ้าน หากดูเผิน ๆ พวกเขาก็เหมือนเพื่อนสนิทหรือพี่น้องกันมากกว่าจะเป็นคนรัก แต่หญิงชราก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนมันลึกซึ้งเกินกว่านั้น เธอถอนใจเบา ๆ ก่อนจะออกไปยืนรอหลานชายที่หน้าบ้าน จักรยานเริ่มไต่ระดับความชันของเนินเขาขึ้นมากระทั่งใกล้ถึงจุดหมายหนุ่มน้อยที่ซ้อนอยู่ด้านหลังก็กระโดดลงมายืนด้วยความเคยชินทั้งที่จักรยานยังไม่จอดสนิทจนโดนบ่นเสียยกใหญ่


“บ่นอยู่ได้ น่ารำคาญจริง”


“ถ้าไม่อยากให้บ่นคราวหลังก็อย่าทำแบบนี้สิ มันอันตรายรู้ไหม” ศิธาพัฒน์กล่าวพลางจอดจักรยานไว้ที่โคนต้นไม้ใหญ่


“รู้แล้ว ๆ บ่นเป็นคะ..คนแก่..ไปได้” ท้ายประโยคแผ่วเบาจนฟังไม่ถนัดนัก เต็มฟ้ายกมือไหว้พลางยิ้มแห้ง ๆ เมื่อเห็นสายตาเรียบเฉยที่กำลังมองมา แม้ศิธาพัฒน์จะบอกให้รู้ก่อนแล้วว่าย่าของเขามาลำปางในคราวนี้ด้วย แต่ทันทีที่พบกันก็อดรู้สึกหวั่น ๆ ในใจไม่ได้กระนั้นก็ยังทำใจดีสู้เสือรักษาท่าทีให้เป็นปกติที่สุด 


“ทำไมถึงเปียกเปียกม่อลอกม่อแลกแบบนี้ล่ะเจ้าปุ่น” สภาพเปียกปอนเป็นลูกหมาตกน้ำทำให้ผู้เป็นย่าอดที่จะเอ่ยปากบ่นไม่ได้


ศิธาพัฒน์ที่เดินมายืนข้าง ๆ ชายหนุ่มอายุน้อยกว่าได้แต่ยิ้ม และยิ้มแบบนี้ก็มักจะทำให้ย่าเลิกบ่นได้ทุกที


“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียไป เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี” พยายามข่มเสียงให้เป็นปกติแต่คนฟังก็ยังรู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่น้ำเสียงที่มาจากอารมณ์ปกติอยู่ดี หลังจากไล่หลายชายไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว คุณนายยุพาก็ได้แต่ถอนหายใจพลางยืนดูต้นไม้ใบหญ้าไปเรื่อยเปื่อย


“เจ้าสองคนนั่นคงพากันไปเล่นซนที่น้ำตกท้ายไร่แหละครับ” พ่อเลี้ยงตรัยที่เดินออกมาจากโรงรถกล่าวอย่างอารมณ์ดี


“นำกันทำอะไรแผลง ๆ เดี๋ยวพากันไม่สบายพอดี เจ้าปุ่นนี่โตเสียเปล่า”


เมื่อได้ฟังดังนั้นตรัยก็หลุดหัวเราะออกมา รู้ว่าเธอคงบ่นไปตามประสาคุณย่าเจ้าระเบียบ “อย่าไปว่าปุ่นเลยครับคุณป้า คนนำน่ะน่าจะเป็นเจ้าเต็มมากกว่า เจ้านี่มันชอบทำอะไรแผลง ๆ ไม่ค่อยฟังใครสักเท่าไร”


“พ่อเลี้ยงตรัยนี่ดูจะตามใจลูกชายมากนะ”


“อย่าเรียกว่าตามใจเลยครับคุณป้า ผมก็แค่ปล่อยให้เขาได้เลือกทางเดินเอง อาจเป๋ ๆ ไปบ้างแต่ก็ยังดีกว่าบังคับให้อยู่ในแต่กรอบแล้วสุดท้ายเขาก็พังกรอบที่เราสร้างขึ้น”


“ไม่กลัวเหรอว่าวันหนึ่งเขาอาจจะทำในสิ่งที่เราไม่ได้คิดอยากจะให้ทำก็ได้” หญิงชรากล่าวเมื่อรู้สึกได้ว่าทัศนคติและวิธีการเลี้ยงลูกของตรัยนั้นช่างแปลกประหลาดนัก


ตรัยยิ้มพลางส่ายหน้าน้อย ๆ “สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือการที่ลูกเป็นคนไม่ดีครับ แต่ผมคิดว่าการล้อมกรอบไม่ใช่วิธีการป้องกันที่ให้ผลดี ผมไม่ได้คิดจะเก็บเขาเอาไว้เพียงคนเดียว เราเลี้ยงเขาได้แต่ตัวเท่านั้น หัวใจมันเป็นของเขา เขาสามารถเลือกเป็นหรือเลือกที่จะทำอะไรก็ได้แต่ต้องไม่เดือดร้อนคนอื่น นั่นคือสิ่งที่ผมมักจะบอกลูกเสมอ ถึงเขาเป็นลูกของผมแต่ในขณะเดียวกันเขาก็ยังต้องเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง หรือเป็นคนรักของคนที่รักเขาด้วย เขายังมีหน้าที่อื่นต้องทำนอกจากการเป็นลูกของผม แต่ถ้ารู้ว่าไม่ได้มีแค่ผมที่รักเขามันยิ่งน่าภูมิใจนะครับสำหรับคนเป็นพ่อ มันทำให้รู้สึกว่าวิธีการเลี้ยงดูของเราเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยหล่อหลอมเขา”
 

คุณนายยุพานั่งทอดสายตามองดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าจากริมระเบียง แม้มันจะเป็นภาพที่สวยงามแต่ก็ไม่อาจเหนี่ยวรั้งให้คงอยู่เช่นนี้ตลอดไปได้ นั่นเป็นเพราะการที่โลกหมุนรอบด้วยเอง วันนี้ดวงอาทิตย์หมดหน้าที่ให้แสงสว่างกับซีกโลกนี้แต่ก็ยังต้องทำหน้าที่ให้ความอบอุ่นและแสงสว่างกับอีกซีกโลกหนึ่งต่อไป เสียงผิวปากอย่างอารมณ์ดีและเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ที่ดังมาจากในครัวชวนให้คิดว่าลูก ๆ บ้านนี้คงมีความสุขไม่น้อยที่มีพ่อที่ให้ความรักแก่ลูกโดยไม่หวังอะไรทั้งนั้น


.....



เย็นนี้พ่อเลี้ยงตรัยเชื้อเชิญคุณนายยุพาให้พักด้วยกันเสียที่ไร่ ดังนั้นเต็มฟ้าจึงถูกฝากฝังให้ดูแลคุณย่าแทนหลานชายตัวจริงที่กลับเขียนรายงานการสัมมนาเพื่อผู้บังคับบัญชาในเช้าวันถัดไป หลังจากส่งศิธาพัฒน์แล้วลูกชายพ่อเลี้ยงก็กลับเข้ามาในครัวอีกครั้ง จัดการเทนมสดลงในหม้อก่อนจะยกขึ้นตั้งไฟ จากนั้นก็ยืนคิดอะไรเพลิน ๆ จนกระทั่งเสียงของผู้เป็นพ่อดังขึ้น


“แกคุยกับน้องหรือยังว่าวันจันทร์ต้องไปกี่โมง”


“วันจันทร์ กี่โมง อะไรเหรอพ่อ” ลูกชายคนโตหันมาทำคิ้วขมวด


“ก็พาน้องไปรายงานตัวที่โรงเรียนไง ที่แกบอกจะไปแทนพ่อน่ะ”


“จริงด้วย เต็มลืมไปเลย” ชายหนุ่มหัวเราะแหะ ๆ ยกมือขึ้นเกาหัว


“ไอ้ขี้หมา ยังไม่ทันจะแก่เลย ทำไมขี้ลืม”


“โธ่พ่อ ก็คนมันลืมนี่นา วัน ๆ มีเรื่องอะไรให้ทำตั้งเยอะแยะ”


“มีเรื่องให้ทำเยอะแยะหรือมัวแต่ใจลอยคิดถึงใคร”


“แซวอีกแล้ว” เต็มฟ้าบ่นอู้อี้ก่อนจะเดินไปหยิบแก้วเปล่ามารอไว้


“อย่าลืมคุยกับน้องล่ะ”


“ครับ” ชายหนุ่มรับคำก่อนจะเอื้อมมือปิดเตา จากนั้นจึงเทนมอุ่น ๆ ลงในแก้ว ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งก็คิดว่าพ่อยังอยู่ในครัวด้วยกัน


“พ่อว่าคุณย่าจะชอบดื่มแบบหวาน ๆ มะ...ไหม เต็มจะได้สะ..ใส่ น้ำตาล” ท้ายประโยคนั้นฟังติด ๆ ขัด ๆ เมื่อหันมาเห็นว่าอีกคนที่อยู่ด้วยกันไม่ใช่พ่อของตนเองแต่กลับเป็นอีกคนที่กำลังพูดถึง


“คนแก่ทานหวานเยอะไม่ดีหรอก” หญิงชราเจ้าของใบหน้าเรียบเฉยกล่าวก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้


“ครับ คุณย่า คืนนี้อากาศเย็น ดื่มนมอุ่น ๆ น่าจะช่วยให้หลับสบายนะครับ” พูดจบก็เทนมใส่แก้วและยกมาตั้งตรงหน้าของคนที่ยังเอาแต่วางหน้านิ่ง


“ขอบใจนะ” คุณนายยุพากล่าวพลางจ้องมองของเหลวสีขาวในแก้วราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างจนในที่สุดก็เอ่ยขึ้น “เธอรีบไปไหนหรือเปล่า ถ้าไม่รีบไหนก็นั่งก่อนสิ” เจ้าของมือเหี่ยวย่นที่ประคองแก้วนมเอาไว้เงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่กำลังนั่งลงในฝั่งตรงข้ามกัน


“คุณย่ามีอะไรหรือเปล่าครับ” เต็มฟ้าถามทั้งที่พอจะเดาได้


คนถูกถามผ่อนลมหายใจ มองสำรวจใบหน้าเกลี้ยงเกลาของอีกฝ่าย ในดวงตาคู่นั้นปราศจากความแข็งกร้าวหากแต่แสดงความสงสัยและหวาดหวั่นออกมา


“เวลามันผ่านไปเร็วเหลือเกินนะ อีกไม่กี่เดือนก็จะครบสามปีแล้วที่เจ้าปุ่นมาอยู่ที่นี่”
เต็มฟ้าสบตาคนพูดเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะก้มลงมองมือตัวเองที่ประสานกันแน่นอยู่ตรงหน้า


“ตอนแรกฉันก็ไม่เห็นด้วยสักเท่าไร เพราะเป็นหลานชายคนแรกน่ะ ก็เลยคาดหวังเอาไว้เยอะ อยากให้เขาทำโน่นทำนี่ในแบบที่ฉันเห็นว่ามันดี” ริมฝีปากเหยี่ยวย่นเหยียดออกราวกับกำลังยิ้มหยันตัวเอง “ที่เลือกเรียนการตลาดก็เพราะไม่อยากขัดคนแก่เอาแต่ใจ แต่สุดท้ายก็แอบไปสมัครสอบเข้าเรียนโรงเรียนการไปรษณีย์จนได้”


“ฉันพยายามจะเลือกสิ่งที่เห็นว่าดีให้กับหลาน รวมถึงคู่ครองด้วย แล้วคนที่เหมาะสมที่สุดก็คือหนูพรีม ทั้งเรื่องฐานะหน้าตา การศึกษา แต่สุดท้ายเจ้าปุ่นก็เลือกเธอ”


คำพูดที่เพิ่งจบไปทำเอาคนฟังชาไปทั้งหน้า


“ไม่หรอกครับ ไม่ใช่หรอกครับ” ชายหนุ่มกล่าวพลางเงยหน้าขึ้นสบตาคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “ถ้าสุดท้ายแล้วจะต้องเลือก ผมก็อยากให้เขาเลือกครอบครัวแทนที่จะเป็นผม” เต็มฟ้ากล่าวอย่างหนักแน่น


คุณนายยุพาหัวเราะหึ พลันใบหน้าเรียบเฉยก็กลับระบายด้วยรอยยิ้ม “ได้ฟังเรื่องของเธอจากเจ้าปุ่น คิดว่าเธอจะเป็นเด็กมุ่งมั่นและเข้มแข็งกว่านี้เสียอีก ที่ไหนได้...พอเจออุปสรรคก็ยอมแพ้เสียแล้ว คิดแล้วไม่มีผิดว่าเธอจะต้องพูดแบบนี้”


“ผมไม่ได้ยอมแพ้นะครับคุณย่า แต่ผมไม่รู้จะสู้ไปทำไม”


“สู้ไปทำไมอย่างนั้นเหรอ เธอยังต้องเจออะไรอีกมากนะ ถึงวันนั้นอาจต้องนิยามมันว่าคือการต่อสู้ก็ได้ ทั้งสายตาที่มองมา ทั้งคำพูดที่คนอื่นพูดถึงพวกเธอ ที่เธอบอกว่าสุดท้ายแล้วอยากให้เจ้าปุ่นเลือกครอบครัวแทนที่จะเป็นเธอ เธอถามเขาหรือเปล่าว่าเขาต้องการแบบนั้นไหม” หญิงชรายิ้ม “เธอมองหลานชายฉันผิดไปนะ เพราะถ้าเจ้าปุ่นมันคิดจะเลือกละก็ มันคงไม่เจ้ากี้เจ้าการพาเธอมาพบฉันที่บ้านสวนตั้งแต่คราวก่อนหรอก เพราะไม่ต้องการเลือกก็เลยพยามทำทุกอย่างให้เธอกลายมาเป็นคนในครอบครัวให้ได้ เพราะฉะนั้นเธอห้ามทำให้ความพยายามของหลานชายฉันเสียเปล่าเด็ดขาด”



ฟังคล้ายคำสั่ง...



คนอย่าง ‘เต็มฟ้า ตติยพัฒน์’ ที่ปกติไม่เคยยอมก้มหัวทำตามทำสั่งใครง่าย ๆ  แต่วันนี้กลับอยากจะทำตามคำสั่งนี้แบบพลีกายถวายชีวิต


“คะ...คุณย่าไม่ระ..รัง..”


“ฉันรักหลานของฉันมากกว่าชื่อเสียงนะ อีกอย่างในเมื่อคุณพ่อของเธอยังยอมรับเจ้าปุ่นได้แล้วทำไมฉันถึงจะรับเธอเป็นหลานอีกคนไม่ได้ล่ะ”


คำพูดของหญิงชราทำเอาน้ำใส ๆ ไหลเอ่อรอบตัวตา แต่กระนั้นก็ยังเห็นรอยยิ้มอ่อนโยนที่ส่งมาให้ได้อย่างชัดเจน รอยยิ้มแบบที่ศิธาพัฒน์เคยเล่าให้ฟัง รอยยิ้มของคุณย่าที่หลานชายมักจะคุยนักคุยหนาว่าใจดีที่สุด



วันนี้ได้เห็นแล้ว...



“คะ...คุณย่า...ผะ..ผม..” ความรู้สึกเต็มเต้นจนพูดอะไรไม่ออกมันเป็นแบบนี้เอง



“แล้วถ้าจะกรุณาคนแก่น่ะนะ ช่วยพูดกับฉันเหมือนที่เธอพูดกับคนอื่น ๆ ทีเถอะ ฟังแล้วดูห่างเหินยังไงไม่รู้”



....



“เป็นไงบ้างย่า แบบนี้หล่อไหมครับ ดูเหมือนพ่อคนแล้วหรือยัง” ศิธาพัฒน์เอ่ยขึ้นขณะดันหลังชายหนุ่มที่วันนี้ถูกจับแต่งตัวเพื่อไปเป็นตัวแทนพ่อเลี้ยงตรัยพาน้องชายไปรายงานตัวที่โรงเรียน


คุณนายยุพาขมวดคิ้วจ้องมองชายหนุ่มร่างสูงสวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนติดกระดุมคอดูน่าอึดอัดก่อนจะหันไปกล่าวกับหลานชาย



“ย่าว่ามันดูน่าอึดอัด ปลดเม็ดบนออกดีกว่า”
ศิธาพัฒน์พยักหน้าก่อนจะเอื้อมมือปลดกระตุมคอให้เต็มฟ้า จากนั้นก็หันมาขอความเห็นจากผู้เป็นย่าอีกครั้ง


“แบบนี้เป็นไงย่า”


“อืม...ค่อยหายอึดอัดหน่อย”


“แต่เต็มว่าแบบเมื่อกี้แนวกว่านะครับ” ชายหนุ่มอารมณ์ศิลปินกล่าวพลางสำรวจตัวเองอกระจกหลังเคาน์เตอร์ก่อนจะจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย


“ย่าว่าเมื่อกี้มันเหมือนเด็กแว้นไปหน่อย”


คำพูดของหญิงชราทำเอาสองหนุ่มต้องมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะพรืด


“ขำอะไรกัน”


“คุณย่ารู้จักเด็กแว้นด้วยเหรอฮะ” ตามตะวันในชุดนักเรียนมัธยมที่กำลังนั่งเท้าคางมองผู้ใหญ่คุยกันเอ่นขึ้น


“รู้จักสิจ๊ะ” หญิงชรายิ้มก่อนจะยกมือประคองแก้มใสของเด็กชาย


เต็มฟ้ามองสองคนย่าหลานที่กำลังคุยกันกระหนุงกระหนิงพลันนึกอะไรขึ้นมาได้จึงกระซิบบอกคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน ศิธาพัฒน์โน้มตัวลงมาฟังพลันรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ตั้งท่ากระแอมเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น


“ตามกี่โมงแล้วน่ะ”


เด็กชายตามตะวันยิ้มพลางก้มมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือเรือนใหม่ที่สวมติดตัวแม้กระทั่งตอนนอน “เจ็ดโมงครึ่งครับ”
เมื่อได้ฟังคำตอบของน้องชาย สองหนุ่มก็พากันหัวเราะ


ไม่ถึงห้านาทีคราวนี้เปลี่ยนเป็นพี่ชายตัวดีถามบ้าง “กี่โมงแล้วน่ะตาม”


“เจ็ดโมงสามสิบสามนาทีฮะ”


ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีก็มีใครถามเวลาขึ้นมาอีก ตามตะวันก็ยังคงตอบอย่างไม่เบื่อถึงจะรู้ว่าพี่ ๆ แกล้งก็เถอะ อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาได้มองนาทีฬิกาที่พี่ชายซื้อให้ได้บ่อย ๆ แบบไม่ต้องกลัวถูกหาว่าบ้าเห่อ



(มีต่อค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2014 22:39:51 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +466/-3
    • ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า
(ต่อนะคะ)



ก่อนที่หน้าร้อนจะผ่านไปงานแต่งงานของหลานสาวคนโตของบ้านก็ถูกจัดขึ้น เต็มฟ้าเองถูกรบเร้าให้มาร่วมงานด้วย ซึ่งคนที่เจ้ากี้เจ้าการโทร.ทางไกลไปหว่านล้อมก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...



“แกไปนั่งข้างหน้าโน่นเจ้าปุ่น ฉันจะนั่งกับหลานชายของฉัน” คุณนายยุพากล่าวกับหลานชายคนเล็กที่กำลังยืนรอเปิดประตูรถให้ จากนั้นก็หันมาพูดกับคนกำลังประคองเธอลงบันได “เดี๋ยวเต็มมานั่งกับย่านะลูก”


คำพูดนั้นนอกจากจะเรียกเสียงหัวเราะแล้วยังเรียกเลือดในกายขึ้นมากระจุกรวมกันอยู่บนใบหน้าของ ‘หลานชายคนใหม่ของคุณย่า’ อีกด้วย เต็มฟ้าสบตาคนที่วันนี้อาสาเป็นพลขับก่อนจะยิ้มให้ เมื่อส่งคุณย่านั่งประจำที่เรียบร้อยเขาก็เดินอ้อมหลังรถจะมาเปิดประตูอีกฝั่งหนึ่ง แต่กลับถูกขวางเอาไว้ ยังไม่ทันจะโวยวายก็โดยฉกหอมเข้าให้ฟอดใหญ่


คนโดนเอาเปรียบขมวดคิ้วเขินพลางส่งสายตาขุ่น ๆ มองเจ้าของหน้าหล่อที่ยังคงทำยิ้มไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนออกหมัดตรงใส่อกแกร่งอย่างไม่เต็มแรงนัก ศิธาพัฒน์ยังคงยิ้มรับหน้าตาเฉยก่อนจะเปิดประตูให้อีกฝ่ายเข้าไปนั่งในรถ



หญิงชราทอดสายตามองหนุ่มน้อยในชุดสูทที่เธอเป็นคนเลือกผ้าเลือกแบบให้เองกับมืออย่างเอ็นดู มือเรียวที่กำลังลูบแก้มแดงระเรื่อชวนให้อดสงสัยไม่ได้



“เป็นอะไรหรือเปล่าเต็ม ทำไมหน้าแดงแบบนั้น”


“เอ้อ..ปละ เปล่าครับ สงสัยอากาศมันจะร้อน” เต็มฟ้ากล่าวพลางเงยหน้าขึ้นสบตาพลขับที่มองเขาผ่านกระจกมองหลัง แม้จะเห็นแค่เพียงดวงตาแต่ก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้ม


“แอร์ก็ออกจะเย็นยังว่าร้อนอีกเหรอ ไม่สบายหรือเปล่า ไหนมาจับตัวซิ” ศิลากล่าวก่อนจะเอี้ยวตัวหันไปด้านหลังทำท่าจะยกมือแตะหน้าฝากของคนหน้าแดงแต่ก็โดนพี่ชายสกัดดาวรุ่งเสียก่อน


ศิธาพัฒน์ตีแขนน้องชายเบา ๆ ก่อนจะกล่าว “ยุ่งอะไร นั่งเฉย ๆ เลย”


“อะไรวะ ห่วงก้างนี่หว่า” น้องชายคนเล็กหันกลับมานั่งกอดอกทำหน้ายู่


“หวงสิ น่ารักขนาดนี้ไม่หวงได้ยังไง”


คนถูกพาดพิงทำได้ดีที่สุดตอนนี้ก็คือเสมองออกไปนอกหน้าต่าง



เกลียดสายตาในกระจกนี่จริง ๆ ...



ศิธาพัฒน์ขับรถฝ่าการจราจรติดขัดเข้ามาภายในบริเวณของวัดคาทอลิกเก่าแก่ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อจอดรถในที่ที่ถูกกันเอาไว้เรียบร้อยแล้วก็พาผู้เป็นย่าตรงไปยังโบสถ์สไตล์โกธิค บนผนังเจาะช่องให้แสงเข้าประดับกระจกด้วยกระจกสี เมื่อก้าวพ้นซุ้มประตูเข้าไปภายในโบสถ์ก็พาย่าและน้องชายไปนั่งกับแม่ที่รออยู่ก่อนแล้ว จากนั้นก็พาเต็มฟ้ามานั่งยังที่นั่งซึ่งค่อนมาทางด้านหลัง นั่นเพราะไม่คุ้นเคยกับพิธีแต่งงานแบบคริสต์สักเท่าไรจึงอยากจะสังเกตการณ์เพื่อให้เห็นภาพรวมของงานทั้งหมด ทันทีที่นั่งลงก็พบว่ามีผู้คนจำนวนหนึ่งต่างก็จับจองที่นั่งกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วและยังทยอยกันมาอีกเรื่อย ๆ  จนกระทั่งไม่นานร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มในชุดสูททักซิโด้สีดำก็ก้าวออกมายืนสงบนิ่งต่อหน้าบาทหลวงที่สุดปลายทางเดิน ซึ่งว่าที่เจ้าบ่าวไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคืออาจราย์นราวิช อาจารย์ประจำภาควิชาศิลปะการถ่ายภาพที่เต็มฟ้าคุ้นหน้าคุ้นตาดี


เต็มฟ้าหรี่ตามองชายหนุ่มที่หันมาชะเง้อคอ ดูจากที่นั่งข้าง ๆ ที่ถูกเว้นเอาไว้ก็พอจะคาดเดาได้ว่าเขาคงกำลังรอใครสักคนอยู่ ในจังหวะนั้นดวงตาสองคู่ก็สบกันเแวบหนึ่ง พลันเสียงซุบซิบกันของบรรดาสาว ๆ ที่นั่งอยู่แถวหน้าก็ดังขึ้น พวกเธอกำลังพูดถึงหนุ่มหน้ามนที่กำลังชะเง้อหาใครคนหนึ่งอยู่นั่นเอง 


“จ้องเขาทำไมเนี่ย รู้จักเขาหรือไง” ศิธาพัฒน์ปรามคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน


“รู้จักสิ...อาจารย์อาทิตย์ทัศน์ อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยน่ะ”


“อืม...พี่ไม่คุ้นหน้าเลย สงสัยจะเป็นเพื่อนพี่วิช” ศิธาพัฒน์ยังคงกระซิบ “เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าสาว ๆ สมัยนี้เขายังชอบผู้ชายสไตล์เกาหลีอยู่”


“ฟินไง” พูดพลางชะเง้อมองชายหนุ่มที่นั่งถัดไปไม่ไกล ไม่ต่างอะไรกับสาว ๆ ด้านหน้า อยากรู้ว่าเขากำลังรอใครอยู่กันแน่


เจ้าของร่างสูงขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าคนนั่งข้าง ๆ กันก็เป็นไปกับเขาด้วย มือหนาเอื้อมจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะกล่าว “ให้โอกาสพูดใหม่ บอกมาซิว่าผู้ชายเกาหลีกกับผู้ชายคนนี้ใครฟินกว่ากัน”


“บอกก็กลัวสิ” เต็มฟ้าตอบห้วน ๆ พร้อมกับดึงมือออกยักคิ้วกวน ๆ ก่อนจะมองสำรวจไปรอบ ๆ สังเกตให้ดีก็พบว่าหลายคนที่มาร่วมงานต่างก็พกกล้อง DSLR เป็นอาวุธคู่กายกันทั้งนั้น ที่เป็นเช่นนี้ก็คงเป็นเพราะเพื่อนของอาจารย์นราวิชส่วนใหญ่ถ้าไม่เป็นช่างกล้องมืออาขีพก็เป็นอาจารย์สอนถ่ายภาพ กล้องแต่ละตัวจึงแสดงถึงความไม่ธรรมดาของผู้เป็นเจ้าของ


"แต่ละคนที่มานี่พกกล้องเทพกันทั้งนั้นเลยเนอะ" ศิธาพัฒน์เอ่ยขึ้น


"อืม..ก็อาจารย์นราวิชเขาเป็นช่างภาพมืออาชีพมาก่อนนี่นา มีแฟนเป็นช่างภาพนี่ดีเนอะ จะได้ถ่ายรูปฟรีตลอดปี"


"มีแฟนเป็นช่างภาพถ่ายรูปฟรีตลอดปี แต่ถ้ามีแฟนเป็นพี่ไปรษณีย์ส่งความรักให้ฟรีตลอดไปนะ" เจ้าของริมฝีปากอิ่มกระซิบ


"เสี่ยวได้ใครมาเนี่ย" คนฟังส่ายหน้ายิ้ม ๆ และเมื่อเสียงเปียโนบรรเลงเพลง   Romantic Wedding March ดังขึ้นสอดประสานกับเสียงทุ้มของระฆังบนหอสูง พิธีการต่าง ๆ ก็เริ่มขึ้น....


....



งานฉลองสมรสถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย อันที่จริงมันก็คือการรับประทานอาหารร่วมกันของคนในครอบครัวตามปกติ จะต่างไปก็ตรงที่วันนี้สมาชิกของครอบครัวมีจำนวนเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยทุกคนก็แยกไปทำภารกิจของตนเอง คุณนายยุพาเดินลงมาจากชั้นบนของบ้านพร้อมกับกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินใบหนึ่ง จากนั้นก็เดินมานั่งลงที่โซฟาซึ่งศิธาพัฒน์และเต็มฟ้ากำลังนั่งคุยกันอยู่


“มานี่สิเต็ม ย่ามีอะไรจะให้ดู”


เต็มฟ้าหันไปสบตาคนนั่งข้างกันก่อนจะเดินไปนั่งลงข้าง ๆ หญิงชราอย่างว่าง่าย
มือเหี่ยวย่นค่อย ๆ เปิดกล่องก่อนจะหยิบกำไลข้อมือวงหนึ่งออกมาแล้วส่งให้ เมื่อเต็มฟ้ารับมันมาดูก็พบว่ามันเป็นกำไลเงินที่ด้านในสลักชื่อ ‘ศิธาพัฒน์’


“หลานบ้านนี้น่ะจะมีของขวัญตั้งแต่วันแรกเกิดกันคนละหนึ่งชิ้น ยัยปุนได้สร้อยคอ เจ้าปุ้นเป็นแหวน ส่วนของเจ้าปุ่นนี่ ตอนนั้นย่าคิดว่าน่าจะได้หลานสาวอีกสักคนก็เลนซื้อกำไลเตรียมไว้ให้ แต่ปรากฏว่าออกมาเป็นหลานชาย ย่าก็เลยต้องเก็บเอาไว้เฉย ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้เพิ่งเอาไปสลักชื่อเจ้าปุ่นมาแต่ก็เงื่อนไขเยอะไม่ยอมสวม เขินบ้าง อายบ้างละ” พูดพลางหันไปค้อนหลานชาย  “เห็นปุ่นบอกว่าเต็มเรียนศิลปะย่าเลยคิดว่าสวมเครื่องประดับพวกนี้น่าจะไม่เคอะเขิน ก็เลยจะให้เต็มไว้”


“แต่ว่า....”


“ผู้ใหญ่ให้ของนะ ปฏิเสธได้ยังไง” ศิธาพัฒน์เสริม


“อืม...ย่าก็คิดว่าเต็มเป็นหลานคนหนึ่ง นี่ก็ถือว่าเป็นของขวัญจากย่าก็แล้วกัน รับไปเถอะนะ มันไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรหรอก”


เต็มฟ้าจ้องมองของที่คนให้บอกว่ามันไม่ได้มีราคาค่างวดอะไร แต่สำหรับเขาแล้วมันช่างมีค่ามหาศาลนัก


“ไม่อายใช่ไหมที่จะสวมมันไว้”


“ไม่ครับ”


“มา พี่สวมให้”


“ไม่ต้องเลย” พูดจบเต็มฟ้าก็สวมกำไลที่ข้อมือโดยไม่ต้องรอให้เจ้าของสายตาหยาดเยิ้มสวมให้ตามที่เขาเสนอ..

...



คุณนายยุพายืนมองสองหนุ่มที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ที่ศาลาท่าน้ำพลางถอนใจเบา ๆ ในที่สุดวันนี้เธอก็ได้ทำในสิ่งที่ย่าที่รักหลานควรจะทำอย่างสมบูรณ์แล้ว จากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปก็คงต้องขึ้นอยู่กับทั้งสองคน


“ขอบคุณคุณแม่มากนะคะ” นวลตาเอ่ยขึ้น


“ฉันไม่ได้แก่กะโหลกกะลานะจ๊ะแม่นวล แก่ปูนนี้แล้วไม่ยอมให้เด็ก ๆ มาว่าได้หรอกว่าไม่มีเหตุผล”


คนฟังยิ้มพลางเงยหน้าขึ้นสบตาสามีที่ยืนโอบเอวตนเองอยู่ไม่ห่าง


“ปุ้นมีเรื่องสงสัยน่ะย่า สงสัยว่าย่าทำยังไงพวกบ้านโน้นเขาถึงไม่มาบ้านเราอีกเลย”


คนถูกถามอมยิ้ม เธอไม่ได้ตอบคำถามนั้น ได้แต่เพียงพูดทิ้งท้ายสั้น ๆ “เห็นฉันเงียบ ๆ ข้อมูลฉันก็เพียบนะยะ”



หลานชายคนเล็กหรี่ตามองคุณย่าวัยเจ็ดสิบห้าปีพลางถอนใจเบา ๆ ก่อนจะหันไปพูดกับพ่อและแม่ที่กำลังยืนยิ้ม “ปุ้นรู้แล้วว่าพี่ปุ่นเจ้าแผนการติดใครมา”


...



ส่งท้าย...


“ถ้าวันไหนเต็มไม่อยากสวมมันแล้วละก็..บอกพี่นะ” ศิธาพัฒน์กล่าวพลางหมุนกำไลที่ข้อมือเล็ก


“ได้!”


น้ำเสียงสดใสทำเอาคนฟังคิ้วขมวด “อะไรกัน ไม่คิดหน่อยเหรอ”


คนถูกต่อว่าส่ายหน้ายิ้ม ๆ “ถ้าวันไหนพี่ปุ่นอยากถอดมันออกก็บอกเต็มนะ” ยังพูดไม่ทันจบประโยคดี แขนแกร่งของอีกฝ่ายก็สอดรัดเข้าที่เอวสอบ เพียงออกแรงรั้งเบา ๆ ก็แทบจะหนีไปไหนไม่ได้แล้ว มิหนำซ้ำยังเลื่อนริมฝีปากเข้ามากระซิบที่ริมหู


“กำไลน่ะไม่อยากถอดหรอก อยากถอดอย่างอื่นมากกว่า”


“ทะลึ่งจริง ๆ” เต็มฟ้าได้แต่ยิ้มก่อนจะเอนตัวพิงร่างหนาอย่างที่ชอบทำ ดวงตาทอดมองมือของอีกคนที่กุมมือตัวเองเอาไว้ สัญญากับความเงียบว่ายังไงก็จะไม่ทำให้พี่ปุ่นอยากจะถอดกำไลวงนี้ออกแน่ ๆ   


....จบ....




สวัสดีค่ะ ในที่สุดก็จบสักทีนะคะ ตั้งใจว่าจะเขียนแค่สองเรื่อง ใจหายเหมือนกันค่ะเขียนมาถึงตอนจบของเรื่องที่ 2 แล้ว
นี่ก็อีกไม่กี่เดือนก็จะครบปีที่ได้รู้จักกันผ่านทางตัวหนังสือแล้วนะคะ เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ ค่ะ
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ที่ติดตามค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ หรือเข้ามาอ่านแต่ไม่ได้คอมเมนต์ก็ขอบคุณค่ะ..เจนสัมผัสได้

เรื่องนี้คงไม่มีตอนพิเศษในเว็บนะคะ (เข็ดจากเรื่องก่อน เขียนตอนพิเศษในเว็บเยอะมาก พอตอนรวมเล่มคิดตอนพิเศษเพิ่มหัวแทบแตก) เอาไว้คิดอีกทีถ้าได้รวมเล่มก็แล้วกันนะคะ (แต่รู้สึกว่าเรื่องนี้เขียนไม่ดีเท่าไร รวมไม่รวมค่อยว่ากันอีกทีค่ะ เอาเรื่องแรกให้รอดก่อนเนอะ)
ขอโทษที่ตอนท้าย ๆ ที่พรีมโผล่มาพูดจาไม่ดีนะคะ อาจจะทำให้คนอ่านบางท่านไม่สบายใจ   
ในที่สุดก็จะได้หนีไปอ่านหนังสืออย่างสบายใจซะที ^^ ขอพักยาว ๆ เลยค่ะ
แต่ก็ยังวนเวียนอยู่ในเพจนะคะ อาจจะตัดตอนพิเศษ ถธปทฟ มาฝากกันอีกถ้ามีโอกาสนะคะ
เดือนหน้าก็จะปิดจองแล้ว ใครได้หนังสือแล้วแวะมาคุยกันได้นะคะ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ทุกคนได้รับหนังสือแล้วเราคงสอบเสร็จกลับมารักษาบาดแผลพอดี

ปล.ขอบคุณคุณ Samart Chocolateprince Scarletlead พนักงานไปรษณีย์ใจดีที่ช่วยให้ข้อมูลกับเรานะคะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2014 22:41:37 โดย ถ้าเธอเป็นท้องฟ้า »

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
มันอบอุ่นไปด้วยความรักของทุกคน ทั้งจากครอบครัวที่เข้าใจ ทั้งจากคนที่รักที่เข้าใจกัน

ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
มันดีมากกกก  และแล้วเค้าก็สมหวังงงงงงงงขอบคุณสำหรับนิยายดีๆๆๆนะคะ

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

คิดถึงพี่จ้า...อุ่ยผิดเรื่อง

น้องเต็มน่ารักกกกกก  :กอด1:

ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2
มันอบอวลไปด้วยความรัก คือดีอะ ทุกอย่างลงตัว หวานละมุนไปหมด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ แป้งข้าวหมาก

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
จบแล้ว...ขอบคุณนะคะ  :pig4:
เราแอบอยากรู้ว่าคุณย่าจัดการยังไง  o13
เห็นเงียบๆข้อมูลเพียบนะคะ 5555

ออฟไลน์ oiw08

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
>__< ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดีๆ
 ที่แฝงไปด้วยความอบอุ่น
 ปล.น้องตามน่ารักจังคะ ชอบน้องตามมากๆเลย อิอิ >__<


ออฟไลน์ tulakom5644

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆนะค้าาาาา  :pig4:สำหรับนิยายดีๆ อบอุ่นๆ อ่านแล้วละมุนละไมจนเหมือนล่องลอยอยู่ในท้องฟ้าเลยค่ะ

รู้สึกใจหายจังเลยที่จะไม่ได้อ่านพี่ปุ่นกับน้องเต็มแล้ว แต่ก็ดีใจค่ะที่ทั้งคู่สมหวังในความรัก  ขอบคุณคนเขียนอีกครั้งนะคะที่ทำให้คนอ่านมีความสุขขนาดนี้ๆๆๆๆๆๆ  :L1: :กอด1:

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ในที่สุด คุณย่าก็ยอมรับและเข้าใจ
ดีใจกับพี่ปุ่นกะเต็มด้วยนะ ดูท่าเต็มจะเป็นคนโปรดด้วย
ต้องยกความดีให้คุณพ่อตรัยของเต็มด้วย

ขอบคุณสำหรับนิยาย อ่านแล้วอบอุ่นจริงๆ
 :pig4: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ขอบคุณมากจริงๆค่ะ สำหรับเรื่องสนุกๆแบบนี้

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ขอบคุณคนเขียนจ้า เป็นอะไรที่อบอุ่นมาก ๆ
อ่านแล้ว คิดถึงบรรยากาศต่างจังหวัด
ไม่เครียดไปกับตัวละคร
น่ารักมาก ๆ จ้า
 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
อบอุ่นจังเลยค่ะ
ชอบมาก ๆ
แต่จบแล้วง่าาา กาซิกๆๆๆๆ T^T
ขอบคุณมาก ๆ นะคะ
ชอบตัวละครทุกตัวเลย^^

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
ขอบคุณ สนุกมาก หวังว่าคงจะได้อ่านเรื่องต่อๆ ไปอีกนะจ๊ะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
รักเลยเรื่องนี้
อบอุ่นมากๆ

ออฟไลน์ Sillyfoolstupid

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-0
เฮ้อ! จบซะแล้ว
อยากให้ทั้งสองคนลงเอยกันหรอกนะ แต่ยังไม่อยากให้จบเลย

อยากรู้"ข้อมูลเพียบ" ของคุณย่า มันต้องมีทีเด็ดแน่ๆ
ดีใจที่คุณย่าเป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผลและรักหลานมากพอที่จะยอมรับได้ ให้หลานมีความสุขในสิ่งที่เลือก

อาจารย์อาทิตย์ทัศน์มาเป็น cameo ให้นิดนึง แต่แย่งซีนพี่ปุ่นซะ

คงจะได้กลับมาอ่านเรื่องนี้อีกแน่ๆ กว่าจะได้ ถธปทฟ
หรือกว่าจะรวมเล่ม คงคิดถึงพี่ปุ่นและเต็มมากๆแน่ๆเลย

หวังว่าผู้แต่งจะตั้งใจอ่านหนังสือ รีบสอบได้เกรดสวยๆ แล้วมีแรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องที่สามมาฝากกันอีกนะคะ
ขอบคุณที่แต่งเรื่องอุ่นๆมาให้อ่าน ทำให้อยากไปเที่ยวลำปาง ไปเดินถนนคนเดินสักครั้ง เผื่อจะได้ไปพักที่เกสต์เฮ้าส์
จะลองไปสั่งข้าวผัดหมูไม่ใส่หอมใหญ่กินบ้าง แหม่ะ หิววว

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
เป็นนิยายที่อบอุ่นมากจริงๆค่ะ ต้องขอบคุณนักเขียนที่เขียนนิยายดีๆเรื่องนี้ด้วย
ชอบคุณย่า ที่พูดว่า เห็นฉันเงียบๆข้อมูลชั้นเพียบนะยะ น่ารักมากเลยค่ะ
จริงอย่างที่ปุ้นบอกว่าเจ้าแผนการเหมือนใคร
แต่ก็ยังอยากรู้นะคะว่าบ้านโน่น หายไปได้ยังไงไม่มายุ่งอีกเลย
รอติดตามตอนพิเศษนะคะ

ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4
จะมีโอกาสได้อ่านตอนพี่ปุ่น "ถอดอย่างอื่น" ไหมหนอ :z1:
สุดท้ายคุณย่าก็หลงรักและเอ็นดูหลานชายคนใหม่
ขอบคุณสำหรับนิยายอบอุ่นๆนะคะ :pig4:
ปล.อาจารย์จ้าโผล่มานิดนึงให้คนอ่านคิดถึง :กอด1:

ออฟไลน์ iota

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-2
ขอบคุณกับอีกหนึ่งนิยามของคำว่า “ความรัก” :L1:
ขอบคุณนักเขียนด้วยครับ :L2:

ออฟไลน์ 28016

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ในที่สุดก็จบไปอีกเรื่องแล้ว ต้องคิดถึงความกวนของเต็มแน่ๆเลย :hao5:
ชอบวิธีเลี้ยงลูกของพ่อเลี้ยงตรัยมากค่ะ ยังไงเราก็อยู่กับลูกไม่ได้ตลอดไป   
ควรให้ลูกได้เลือกชีวิตของตัวเองไม่ใช่เราที่ขีดให้ลูกต้องเป็นอย่างที่เราคิด
สุดท้ายเต็มก็กลายเป็นหลานรักคนใหม่ของคุณย่า 55
มีอ.จ้าโผล่มาด้วยนิดนึง แต่ก็ฟินนะคะ :o8:
พี่ปุ่นก็ขยันแหย่เต็มจนหยดสุดท้ายเลยจริงๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ เรื่องนี้ถ้ารวมเล่มยังไงก็จะอุดหนุนแน่นอนค่ะ :กอด1:

ปล. คำผิดตอนที่ 21
'รู้แล้วว่าควรจะเหยีบยอะไร เหยีบน่าจะดีที่สุด'
อีกฝ่ายกำลังยื่นมือไปสัมผัสกล้วยไม้กรถางข้าง ๆ
"ต้นที่เป็นโรคก็ต้องเผาทิ้งครั้ง
พร้อมกับพยายามแกะมือของอีกฝ่ายออกแต่ก็ทำได้อยากเหลือเกิน
ไปทานข้าวเถอะ ย่ารออยู่" << ตกเครื่องหมายคำพูดด้านหน้า
มือหนาจัดการปิดตลับยาก่อนจะควักเอาขี้ผึ้งสีเขียวออกมาทาให้ << น่าจะเป็นเปิดมากกว่านะคะ
ตอนที่ 22
ชายหนุ่มสองคนที่ซ้อนท้ายจักยานขี่มาตามทางดินระหว่างแปลงผัก
ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้าง ๆ หญิงชราอย่างว่างง่าย


ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ในที่สุดคุณย่าก็เห็นถึงความน่ารักของเต็มฟ้า
ชอบตอนที่คุณย่าคุยกับเต็มในครัว น้ำตารื้นเหมือนกัน
ผู้ชายอย่างพี่ปุ่นจะหาได้จากที่ไหนหนอ อบอุ่น อ่อนโยน ใจเย็น เป็นผู้ใหญ่แต่ไม่เคร่งเครียด
อยู่ด้วยแล้วมีความสุข
ปณ.แถวบ้านมีแต่รุ่นพระเจ้าเหาสร้างโลก แก่ อ้วน ดำ
ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆอีกหนึ่งเรื่องนะคะ ทำให้เราได้ของที่ระลึกหลายชิ้นเลย
ขอให้สนุกกับการเรียนค่ะ

ออฟไลน์ LEO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +366/-3
ชอบมากกๆๆๆ  ชอบนิยายเรื่องนี้ จริงๆชอลทั้ง สองเรื่องเลย ถธปทฟ ด้วยน่ะ ชอบแนวนี้ เรื่อยๆ แต่อบอุ่น ค่อยเป็นค่อยไป ดูสมจริง มีเหตุผล

อยากให้เขียนแนวนี้อีกสัก 10 เรื่อง 5555

จะติดตามผลงานอื่นๆน๊าาาาา

ออฟไลน์ Khan_htt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตามอ่านนิยายเรื่องนี้มาตลอด วันนี้ก็คงจะได้เมม้นต์เป็นครั้งแรก
ชอบนิยายที่อบอุ่มแบบนี้ตัวละครทุกตัวมีเหตุผล
หลงรักความอบอุ่นของพระเอก และความเกรียนของตัวนายเอกมากๆ
อยากให้รวมเล่มนะเราชอบ
ปล.ใจหายมากๆที่จบแล้วฮืออออออ :sad4: :sad4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด