✣✤|แมว หมา ดอกไม้ และพี่ชายข้างบ้าน|✤✣ ตอนพิเศษวันสงกรานต์ P.29
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✣✤|แมว หมา ดอกไม้ และพี่ชายข้างบ้าน|✤✣ ตอนพิเศษวันสงกรานต์ P.29  (อ่าน 269238 ครั้ง)

ออฟไลน์ max_ang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-3
กรีดร้องลั่น

พี่เอกจะรู้สึกยังไง ตกใจ ดีใจ ไม่เชื่อ งง ประหลาดใจ

รอตอนต่อไปแบบนับวันรอ  :-[

ออฟไลน์ StillLoveThem

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-10
...พึ่งได้อ่านเรื่องนี้ ชอบวสุ ที่เอ๋อๆแบบนี้จังเลย รูปก็น่ารักชอบๆๆ
...นี่เค้าเริ่มมีใจให้กันและกันแล้วสินะ ห่างกันตั้ง 20 ปีมิใช่ปัญหา
...ชอบการเขียนแบบนี้ ทุกตัวละครสื่อภาษาของตัวเองออกมา แอบฮาทั้งหมาและแมว
:laugh:

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
“แมว หมา ดอกไม้ และพี่ชายข้างบ้าน”







“นี่..ไอ้ตี๋”

เสียงในความฝันนั้นช่างแหบแห้ง

“....”

“เคยจูบไหม?”

“..พี่ล่ะ?”







บทที่ 3 กิ่งก้าน






ขาวนั่งชูคอ มารอเจ้าเด็กเป๋อแถวรั้วบ้านแต่เช้ามืด แต่จนแล้วจนรอด รอจนตะวันแยงตา เด็กวสุยังไม่ยอมโผล่หน้ามาให้เห็น ทั้งที่ปกติออกจะตื่นเข้าแท้ ๆ มีก็แต่ลูกสาวคนโตของบ้านที่เห็นเด็กนั่นเคยเรียกพี่แพรว ๆ  เดินมาโปรยยิ้มพลางกวักมือเรียก แต่มันเชิดใส่ ก่อนจะถูกเธอเชิดกลับมาบ้าง ถือว่าเสมอภาคดี นอกนั้นก็ไม่มีใครออกมาทักทายเลย

แมวดำบิดขี้เกียจ จากนั้นเอี้ยวตัวเลียแต่งขน เล่นท่ายากอยู่บนขอบกำแพง จากหางตามองเห็นดอกไม้ริมรั้วไหวตามสายลมอ่อน ครู่หนึ่งก็ได้กลิ่นสบู่จาง ๆ คุ้นจมูกลอยมาตามแรงลม

ไอ้เด็กตูดหมึกมาแล้ว พร้อมเสียงทักทายที่ฟังดูเลื่อนลอยพิกล

“ขาว..เหมียว?”

ขาวร้องเหมียวกลับ ถือว่าช่วยสงเคราะห์เด็กให้ดีใจเสียหน่อย พอดีใจแล้วของกินมักตามมา ทาสมนุษย์คนเก่าที่เคยทอดทิ้งกันไปก็แบบนี้

“หิวเปล่า?”

เด็กหนุ่มพูดเหมือนจะถามขาว แต่สายตามองเลยไปยังบ้านข้างเคียง ท่าทางลอย ๆ คล้ายยังไม่ตื่นดีจนต้องร้องเรียกอีกครั้ง

“เมี้ยววว~”

จากลักษณะนิสัยเท่าที่สังเกตมา วสุควรหันกลับมาสนใจต้นเสียง ทว่าครั้งนี้ผิดคาด เจ้าตัวกลับวางสายตานิ่งกับประตูบ้านหลังนั้นซึ่งค่อย ๆ เปิดออก ก่อนเจ้าหมาขนทองจะปรี่ออกมาอย่างเริงร่า—ก็เริงร่าเท่าที่หมาแก่ ๆ จะทำได้นั่นละ ตามด้วยเจ้าของหนุ่มในชุดลำลอง เดินออกจากบ้านด้วยท่าทางเนิบ ๆ เมื่อหันมาเห็นเข้าว่าตัวเองถูกมองอยู่ ก็โบกมือกลับมาพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ

หากเป็นคน ขาวคงกำลังยักไหล่พร้อมส่งเสียง ‘หึ!’ 

ก็ดูเด็กวสุเข้าสิ..เจ้าเด็กมนุษย์อ่อนโลก..แค่มีคนโบกมือให้หน่อย พวงแก้มก็แต้มสีชมพูระเรื่อเสียแล้ว

“...อะ...อรุณสวัสดิ์ครับ!” เด็กหนุ่มพึมพำ แม้ออกจะเป็นเวลาสายไปสักหน่อย

ขาวเงี่ยหูฟังก็แล้วยังรู้สึกว่าเบาเกินอยู่ดี คาดว่าเสียงคงไม่น่าลอยถึงผู้รับอีกฝั่งรั้วได้ มันเอียงคอมองคนที่ตัวเองเล็งจะให้เป็นทาสมนุษย์คนใหม่ แล้วก็อดข้องใจกับพฤติกรรมของเด็กนี่ไม่ได้จริง ๆ  งึมงำอย่างนั้น คนเขาจะไปได้ยินอย่างไร ขนาดอยู่ใกล้แค่นี้ยังฟังไม่ชัดเลย

แต่ชายหนุ่มข้างบ้านกลับตอบมาราวกับว่าได้ยินคำทักนั้นเสียนี่!

“อรุณสวัสดิ์”

ว่าพลางยังเดินตรงมาทางนี้อีก ตามติดด้วยหมาขนทองที่พอเจ้านายเดินมาก็เสนอหน้าแลบลิ้นแหะ ๆ เข้าหากับเขาด้วย เพียงแต่คราวนี้ไม่ยักเห่าหนวกหูเหมือนตอนฉายเดี่ยว

แมวเชิดหน้าใส่อย่างได้ใจ เยาะเย้ยด้วยท่าทางแทนคำพูดว่าป๊อดนี่หว่า จากนั้นสะบัดหาง เดินนวยนาดไปตั้งหลักอยู่ใกล้วสุ สถาปนาเจ้าเด็กหน้าง่วงเป็นองครักษ์และทาสรับใช้ส่วนตัวในวินาทีนั้น ได้เกราะกำบังเป็นเด็กหนุ่มวัยย่างสิบห้าแล้ว ก็ส่งสายตาถากถางใส่หมาดุ๊กดิ๊กที่ทำตาละห้อยอยู่ข้างล่าง แกว่งหางลงไปยั่วอีกนิดหน่อยพอให้หมางงเล่น ขณะเงี่ยหูฟังบทสนทนาระหว่างสองหนุ่มบ้านใกล้เรือนเคียง

“...คือ...” วสุเริ่มขึ้นก่อน ท่าทางยังสับสนชีวิตจนน่าขำ แต่ขาวเชื่อว่าเดี๋ยวคงไหลไปอย่างง ๆ อีกเช่นเคย

“?”

“เมื่อคืนผมคิดว่า...ฝันดีแหละ”

เอกภพเลิกคิ้ว ก่อนจะคลี่ยิ้มน้อย ๆ

“..ดีแล้ว”

“..จะว่าไปก็เนื้อหาคล้าย ๆ เดิมครับ อยู่กับใครไม่รู้ในฝัน แต่ว่า...รู้สึกสบายใจจนไม่อยากตื่นเลย วันนี้เลยตื่นสายกว่าปกติเพราะเอาแต่ซุกอยู่กับที่นอน...อ้อ...”

นั่นไง แมวขัดขึ้นในใจ วสุเจื้อยแจ้วเข้าจนได้ ขาวละอยากยักไหล่ได้อย่างคนเสียจริง อยู่ใกล้เด็กคนนี้มันคงยักจนไหล่หลุด

“..แล้วก็ดอกแก้วกับดอกโมก...ดอกโมกใช่ไหมครับ...หอมมากเลยละ”

“เหรอ”

ชายหนุ่มว่าอย่างนั้น จากแค่ยิ้มก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะแผ่วเบา สีหน้าเอ็นดูอยู่ในทีทำเอาเด็กข้างบ้านก้มหน้างุด เหมือนเพิ่งนึกได้ว่าพล่ามอะไรแปลก ๆ ออกไปอีกแล้ว กระทั่งมีคำพูดต่อมาหวังให้คนฟังสบายใจขึ้น

“วันอาทิตย์ทั้งที ตื่นสายเป็นเรื่องปกติออก...แล้วก็ใช่...นั่นดอกโมก หอมใช่ไหม โบราณเชื่อว่าเป็นต้นไม้ที่ปลูกแล้วจะมีความสุข”

วสุพยักหน้ารับ ก่อนจะตระหนักได้ ว่าการที่เอกภพตอบคำถามเช่นนี้ แสดงว่าเมื่อคืนตั้งใจหยิบดอกโมกสอดไว้ในสมุดของเขาจริง ๆ

“...แล้ว...พี่มีไหม?”

“หือ?”

“..เอ้อ...” เด็กหนุ่มอ้อมแอ้ม ก้มลงมองดอกไม้สีขาวเล็ก ๆ ที่หล่นบนพื้น “...ผมหมายถึง...ความสุข...”

“....”

“อา..ขอโทษครับ” วสุค้อมศีรษะหงึกหงัก “...ผมเห็นดอกมันร่วงเต็มไปหมดเลยเผลอพูดเรื่อยเปื่อย”

“...นี่...”

“ใคร ๆ ก็ชอบว่าเพ้อเจ้อ”

“..ความฝันของนายน่ะ..”

“พี่คงไม่ถือ”

“เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม?”

“...?”

เด็กหนุ่มทำตาปริบ ๆ  เงยขึ้นมองเขาอย่างงุนงง มัวแต่ละล่ำละลักขอโทษไปเรื่อยจึงไม่แน่ใจว่าฟังถูกแล้วหรือเปล่า

“...ว่ายังไงนะครับ?”

“ฝันดีของนายเมื่อคืนน่ะ” เอกภพยืนยัน “เล่าให้พี่ฟังหน่อยได้ไหม..ฝันร้ายก่อนหน้านี้ก็ด้วย”

วสุหลุบตาลงต่ำ ขยับตัวเก้ ๆ กัง ๆ ความลังเลถูกบอกเล่าผ่านท่าทางให้เห็น

“...พี่จะคิดว่าผมเพี้ยนเปล่า ๆ”

“ไม่เคยพูดอย่างนั้นสักคำ”

“เดี๋ยวก็จะพูดแน่ ๆ”

“ไม่พูดครับ”

เด็กหนุ่มเม้มปาก ประสบการณ์จากการเล่าความฝันให้คนอื่นฟังบอกเขาว่าอย่าไปเชื่อคำผู้ชายคนนี้ แต่จิตใจส่วนที่ตัดสินเรื่องราวโดยปราศจากเหตุผลก็เชื่อไปแล้วเรียบร้อย อาจเป็นเพราะน้ำเสียง สายตา...หรือไม่ก็ทั้งสองอย่างของเอกภพ ทั้งหมดที่อีกฝ่ายสื่อออกมาชวนให้รู้สึกอุ่นใจอย่างน่าประหลาด

“..พี่เอก..” เขาพูดเสียงเบา ราวกับกลัวจะมีใครมาได้ยิน “...เรื่องมันยาวแล้วก็ไร้สาระมากเลย...พี่อยากฟังผมจริง ๆ หรือ?”

“จริงสิ”

“ไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับผมมาก่อนเลย”

“งั้นตอนนี้ก็มีพี่ไง”

เขาจ้องมองใบหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ผู้ชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดาอย่างถึงที่สุด แต่กลับมีอะไรบางอย่างซึ่งทำให้เขาไม่สามารถเลิกนึกถึงได้ ใบหน้า บุคลิก วิธีพูด บ้านสีขาวและหมาขนทอง อะไรต่อมิอะไรของชายหนุ่มคอยจะรบกวนจิตใจเขาเสมอนับตั้งแต่ได้เห็นครั้งแรก แต่ไม่ว่าจะเริ่มนึกถึงไหนแง่ไหน สุดท้ายก็จบลงด้วยความคิดที่ว่า ถ้าได้เจอกันบ่อย ๆ คงรู้สึกดี อยากอยู่ใกล้ให้มากขึ้นอีก

“ผมไปนั่งเล่นบ้านพี่ได้ไหม?”

สุดท้ายเขาก็ถามออกไปอย่างนั้น

“...หมายถึง...ไปวาดรูป...” เด็กหนุ่มแก้ใหม่ “..แบบที่พี่ชวนเมื่อคืน”

“เอาสิ มาเลยก็ได้”

ง่ายดายอะไรอย่างนี้นะ

“จริงหรือ งั้นรอผมก่อนนะ ขอไปเอาสมุดกับบอกป้าแต๋วแป๊บนึง”

“อา” เอกภพพยักหน้า โบกมือให้เขากลับบ้าน รอยยิ้มบางวาดขึ้นบนริมฝีปาก แต่ยังไม่วายแซวเรื่องครั้งก่อน “คราวนี้เข้าทางประตูด้านหน้าล่ะ ไม่ใช่ปีนรั้ว”

เขาเกาท้ายทอยแก้เก้อ รีบหันหลังกลับ มีแมวดำเดินตามต้อย ๆ จนถึงหน้าประตูจึงหันไปย่อตัวลง ปรามเจ้าขาวว่าอย่าเพิ่งตามเข้ามา ไม่รู้ป้าจะบ่นเอาหรือเปล่าหากปล่อยแมวจรจัดเข้าบ้าน

“รอนี่ก่อน..เดี๋ยวหาอะไรให้กินด้วย”

“แมวนั่นมันติดแกอยู่นะ”

วสุเงยขึ้นตามเสียงเรียก เห็นภัทรพักตร์ยืนทำหน้างัวเงียค้ำศีรษะอยู่ ผมเผ้าเป็นกระเซิงไปหมด เขาเองว่าตื่นสายแล้ว แต่ลูกพี่ลูกน้องที่อายุเท่ากันนี้ตื่นสายยิ่งกว่าเสียอีก ท่าทางเหมือนเพิ่งลุกจากเตียงมาเมื่อไม่กี่นาทีนี้เอง

“อ่า..มันดูเชื่อง ๆ ดีน่ะ เลยเล่นด้วยบ่อย”

“เลี้ยงไว้ดิ”

“ได้เหรอ?”

ภัทรพักตร์ยักไหล่ “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ แม่ก็ชอบแมว เลี้ยง ๆ ไปเหอะ”

“อ้าว” วสุเลิกคิ้ว สรุปว่าเขาคิดมากไปเองเรื่องป้าอาจจะไม่ชอบ ในเมื่อไม่เห็นเลี้ยงสัตว์ไว้ที่นี่สักตัว

“ก่อนหน้านี้ก็เคยมี แต่ตายไปนานละ นี่ตั้งชื่อยังอะ”

“ชื่อ..” เด็กหนุ่มกำลังจะตอบว่าชื่อขาว แต่แล้วกลับชะงัก คิดได้ว่ามันตลกไม่น้อยที่จะเรียกแมวดำว่าไอ้ขาว

“เห็นเรียกไอ้ขาวปะ”

อา..โดนได้ยินเข้าเสียแล้ว

“...ก็...” เขาอ้อมแอ้ม “เรียกขาวแล้วมันดูเหมือนจะชอบ”

“เพี้ยนจริงแกนี่”

เด็กหนุ่มยิ้มแห้ง แต่ไม่ได้ปฏิเสธ “ก็นะ”

“พี่แพรวบอกโดนเมินใส่” อีกฝ่ายเอานิ้วจิ้มจมูกแมว พึมพำชื่อที่เขาตั้งออกมา “ไอ้ขาว...แกนี่ช่างกล้าเมินพี่แพรว ไม่รู้ซะแล้วว่าบ้านนี้ใครใหญ่”

ว่าจบก็หัวเราะเสียเอง หันมาบอกในระยะก้ำกึ่งระหว่างเขากับแมวว่า “รอแป๊บ” ก่อนจะวิ่งตึงตังเข้าห้องครัว ครู่เดียวก็กลับมาที่เก่าพร้อมปลาทูทอดหนึ่งตัว

“นี่ ๆ” ว่าพลางโบกมันไปมาตรงหน้าแมว ไอ้ขาวพอได้กลิ่นปลาทอดก็ทำตาลุกวาว โวยวายด้วยเสียงเหมียวอย่างเรียกร้อง โชว์ยืนสองขางาบปลาไปจากมือภัทรพักตร์ด้วยท่วงท่าสวยงาม

“เอางั้นเลยเหรอ” วสุอ้าปากหวอ ถึงตัวเองจะอยากเอาอะไรให้แมวกิน แต่ก็ไม่กล้าไปหยิบปลาเป็นตัว ๆ มาโยนให้อย่างนั้น ยังเกรงใจในฐานะที่เป็นอยู่อาศัยอยู่เหมือนกัน ต่างจากอีกฝ่ายที่เป็นลูกชายแท้ ๆ ของป้า นึกอยากทำอะไรก็ทำกันง่าย ๆ

“เอางี้แหละ” ลูกพี่ลูกน้องหัวเราะร่วน “เลี้ยง ๆ ไปเหอะ แม่ชอบ เชื่อดิ เห็นมอง ๆ ตอนมันมาร่อนแถวนี้เหมือนกัน แต่ปกติเรียกแล้วไม่ยอมเข้าหาเลย หยิ่งเอ๊ย”

“มันชอบให้เรียกว่าขาวอะ” เขาพึมพำ คิดช้าไปอยู่เรื่อยว่าคำพูดแต่ละอย่างของตัวเองช่างดูประหลาด

“จริงดิ ตลกว่ะ เฮ้ยขาว!”

แมวดำเงยจากปลาขึ้นมาร้องเหมียวใส่

“เออ..จริงว่ะ!” อีกฝ่ายยอมรับ วสุเลยถือเป็นโอกาสดีที่ตัวเองจะได้ชี้แจงเพิ่ม

“..คือก่อนหน้านี้ก็เรียกมันไอ้ดำนะ พวกเมินกันเฉยเลย พอเรียกขาวเท่านั้นแหละ เข้ามาอ้อนเชียว”

เท่านั้นเอง ภัทรพักตร์เลยยิ่งหัวเราะใหญ่ “เออ ๆ ขาวก็ขาว หรือเมื่อก่อนเคยชื่อนี้เนี่ย”

“สงสัย” เขาเออออ พลางเอามือลูบแถวคอแมว ไอ้ขาวครางฮึ่มฮั่มพร้อมกับเคี้ยวปลาไปด้วย ขณะที่วสุรู้สึกเหมือนได้ลูกพี่ลูกน้องเป็นเพื่อนร่วมขบวนการมาอีกหนึ่ง หากรู้มาก่อนว่าป้าชอบอาจกล้าขอเลี้ยงนานแล้วก็ได้

“แต่สงสัยต้องฉีดวัคซีนก่อน” อีกฝ่ายพึมพำ “เดี๋ยวเป็นพิษสุนัขบ้ายุ่งอีก”

“นั่นสิ”

“ตอนนี้แม่ทำงานยุ่งอยู่ ไว้รออารมณ์ดีค่อยไปขอเลี้ยง”

เด็กหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะนึกได้ว่าตัวเองสัญญาไว้กับชายหนุ่มข้างบ้าน ว่าจะกลับมาเอาของและบอกป้าก่อนแล้วรีบไปหาไม่ใช่หรือ

เขาเหลือบมองประตูห้องทำงานป้า แม้ทรัพย์สินที่ตกเป็นกรรมสิทธิ์หลังสามีเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุจะมากพอใช้สอยได้อย่างสบาย แต่ป้าก็ยังมีความสุขและทุ่มเทให้กับอาชีพนักแปลอิสระควบกับเป็นคอลัมนิสต์ไปด้วย แถมยังจริงจังเวลาทำงานอีกต่างหาก ไปรบกวนตอนนี้ท่าทางจะไม่ใช่ความคิดที่ดี จึงตัดสินใจฝากเรื่องไว้กับลูกชายของเธอแทน

“เอ้อ ภัทร”

“หือ?”

“เดี๋ยวฉันไปบ้านข้าง ๆ แป๊บนึง”

“บ้านข้าง ๆ?” ภัทรพักตร์เลิกคิ้ว “บ้านสีขาวฝั่งซ้าย? ผู้ชายที่ชอบเก็บเนื้อเก็บตัวนั่นน่ะเหรอ”

“อ่า” เด็กหนุ่มพยักหน้า “ที่ชื่อพี่เอกน่ะ”

“หา..พี่เอก? ท่าทางน่าจะเป็นอาหรือไม่ก็ลุงได้แล้วนะ!”

วสุเงียบไปครู่หนึ่ง คิดตามอย่างที่อีกฝ่ายบอกก็นับว่าใกล้เคียงเลยเชียว อายุสามสิบห้าปี ให้พูดกันตามจริงคงต้องเป็นน้าหรืออามากกว่าพี่ แต่เขากลับรู้สึกคุ้นเคยกับการเรียก ‘พี่เอก’ มากกว่า ขณะที่อีกฝ่ายก็แทนตัวเองว่าพี่ได้อย่างไม่ขัดหู ดูเป็นธรรมชาติกับการพูดจาในลักษณะนี้ ต่อให้อายุอานามจะปาเข้าไปวัยกลางคนแล้วก็ตาม เขาเพิ่งมารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องพิลึกดีตอนโดนทักเข้านี่เอง

“พี่ก็พอมั้ง” เด็กหนุ่มงึมงำแก้ต่างให้ “เรียกลุงเดี๋ยวเขาไม่ให้เข้าบ้านกันพอดี”

“แล้วไปสนิทกันตอนไหนวะเนี่ย”

วสุก้มหน้า “ไม่รู้สิ”

“นี่แกเพิ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่เท่าไรเองไม่ใช่เรอะ” ภัทรพักตร์ยังก้มตามลงมาถาม “แล้วไหงกับผู้ชายที่ทำตัวเงียบเชียบขนาดนั้นถึงไปสนิทสนมกันได้ล่ะ”

“หวา..” เขาร้องขัดเมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ช่างเถอะน่า..จะไปรู้ได้ไงเล่า...ก็เหมือนแค่คุยกันถูกคอไง”

“กับคนแก่เนี่ยนะ?”

“เขาเพิ่งสามสิบห้าเอง”

“สามสิบห้านี่เรียกเพิ่งเรอะ?” คนฟังพ่นเสียงหัวเราะ โคลงศีรษะแสดงอาการอ่อนใจใส่เขาแล้วหันไปสนใจแมวต่อ “แกนี่พิลึกตั้งแต่เรื่องฝันประหลาดอะไรนั่นละ..ไม่เคยหยุดทำให้แปลกใจเลย”

วสุถอนหายใจเฮือก พลางคิดว่านั่นนะสิ ใคร ๆ ก็พูดอย่างนี้ทั้งนั้น มีพี่ชายข้างบ้านนั่นละที่ดูอยากให้เขาเล่าให้ฟังเสียเหลือเกิน ถ้าบอกไปแล้วโดนขำใส่เข้าคงหมดอารมณ์คุยครั้งต่อไปแน่ ๆ

“แล้วจะกลับมากินข้าวเที่ยงปะ?” อีกฝ่ายถาม เริ่มตีซี้กับแมวด้วยการเกาหลังคอมันเบา ๆ มองไอ้ขาวนั่งเลียอุ้งเท้าเพลินใจหลังจัดการปลาจนหมด

“นี่มันก็จะเที่ยงอยู่แล้วนี่”

“เออเนอะ” ภัทรพักตร์เออออ “งั้นข้าวเย็นล่ะ”

“ต้องกลับมากินดิ” เขารีบตอบ ระแวงไปเองว่าเหมือนกำลังโดนสอบปากคำอย่างไรพิกล “ไม่ไปนานขนาดนั้นหรอก แค่บอกไว้เฉย ๆ เผื่อหาไม่เจอ”

พูดจบก็ลุกขึ้นยืน รีบสาวเท้าเข้าห้องไปหาอุปกรณ์วาดรูปที่มีอยู่ไม่กี่ชิ้นของตัวเอง ก่อนจะสวนกับลูกพี่ลูกน้องและแมวดำอีกครั้งที่เดิมตรงหน้าบ้าน

“อ้าว” เขาทัก “ยังอยู่ตรงนี้อีกหรือ”

“เล่นแมวเพลิน ๆ อะ”

“ไม่ยักรู้ว่าชอบแมวด้วย”

อีกฝ่ายยักไหล่ “ก็น่ารักดี ขนหางก็แหว่ง ตลก”

วสุเริ่มไม่ค่อยแน่ใจนิยามคำว่าน่ารักของภัทรพักตร์แล้ว

“อา..” เขาพยักหน้า สบตาเจ้าเหมียวครั้งหนึ่งเป็นการหยั่งเชิงว่าจะตามมาไหม ราวสองวินาทีผ่านไป เจ้าขาวก็ผละออกจากอีกฝ่ายแล้วเดินมาเคล้าแข้งขาเขาแทน “งั้นไปก่อน”

“เขาดูชอบแกนะ”

สมุดเขาแทบร่วงหลุดมือ แต่หัวใจหล่นไปถึงตาตุ่มก่อนแล้ว

“หา?”

“หมายถึงแมว..” อีกฝ่ายพยักพเยิดไปทางไอ้ขาว “มันดูชอบแก ขนาดฉันเป็นคนให้ปลามันแท้ ๆ เลย”

“อ้อ” เขาพยักหน้า หันหลังเดินไปได้อีกก้าวหนึ่ง ก็ต้องชะงักอีกครั้งกับเสียงคนข้างหลัง

“ดอกแก้วที่ข้างหูแกตอนนั้นน่ะ...”

“...”

วสุรู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร แต่เขาก็เลือกจะเงียบ ขณะที่หัวใจกลับเต้นเสียงดังจนเป็นกังวล

“เขาเป็นคนทัดไว้ให้เหรอ?”

“...เปล่า..”

เด็กหนุ่มตัดสินใจปฏิเสธ พร้อมกับที่ก้าวขาออกจากรั้วบ้านตัวเอง ไม่ได้หันไปมองหน้าลูกพี่ลูกน้องอีกว่าอารมณ์ไหน เอ่ยทิ้งท้ายแล้วรีบจ้ำอ้าวไปยังหน้ารั้วบ้านข้าง ๆ

“นั่นแค่ลมพัดมาติดผมน่ะ”

..ก็วันนั้นเอกภพบอกไว้อย่างที่ว่านี่นา..




มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ
v
v
v
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-04-2014 20:10:06 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
บทที่ 3 (ต่อ)




ตอนเขามาถึงหน้ารั้วบ้านอีกฝ่าย เจ้าตัวก็ไม่ได้ยืนรออยู่ตำแหน่งเดิมแล้ว

วสุไม่แปลกใจเลย ในเมื่อเขาหายไปนานขนาดนั้น ทั้งที่เป็นคนบอกเองว่าขอเวลาครู่เดียวแท้ ๆ แต่กลับมัวไปเล่นแมวแล้วยังคุยกับลูกพี่ลูกน้องจนยืดยาว

เด็กหนุ่มชะเง้อเข้าไปผ่านรั้วที่ไม่ได้คล้องกุญแจไว้ แต่ยังไม่กล้าถือวิสาสะเดินดุ่ย ๆ เข้าอาณาเขตบ้านคนอื่นแบบครั้งก่อน จึงตกลงกับตัวเองว่าจะกดออดแล้วยืนรอ ทว่ายังไม่ทันได้ทำเช่นนั้น เสียงคุ้นเคยก็ลอยมาเข้าหูเสียก่อน

“เข้ามาสิ”

“...”

“รออะไรล่ะ?”หลังนั้น ฟังแล้วคล้ายคนพูดกำลังหัวเราะไปด้วย เขายกมือตบแก้มตัวเองเบา ๆ เพื่อตั้งสติ ก่อนจะผลักประตูรั้วสำหรับคนผ่านเข้าออกนิดหน่อยพอมีที่ว่างให้เบียดตัวเข้าไป ไอ้ขาวถือโอกาสตามเข้ามาด้วย เขาทำไม่รู้ไม่ชี้รอจนมันนวยนาดเข้ามาทั้งตัว จากนั้นจึงปิดประตูไว้เรียบร้อยอย่างเดิม เหลียวมองตามต้นเสียงที่เพิ่งเชื้อเชิญเขาอยู่เมื่อครู่

เอกภพโบกมือให้จากข้างบ้าน อีกมือหนึ่งถือสายยางที่ต่อไว้กับหัวฝักบัว ข้างกันนั้น ดุ๊กดิ๊กยืนเล่นน้ำอยู่ในสระเป่าลม คาบลูกบอลยางคาปาก ขนสีทองเปียกลู่แนบไปกับเนื้อตัว ออกท่าทางเริงร่ากลางอากาศร้อนตอนใกล้เที่ยงของกลางเดือนมีนาคม

วสุเดินเข้าไปใกล้ วางสมุดและเครื่องเขียนไว้บนโต๊ะซึ่งพ้นระยะที่อาจเปียกน้ำ ส่วนไอ้ขาวผู้เห็นทั้งหมาเห็นทั้งน้ำกลับเริ่มทิ้งระยะห่าง หันไปปีนป่ายต้นไม้ในสวน เลือกเล่นอะไรที่ถูกใจตัวเองมากกว่าแทน

“ขอโทษที่หายไปนานเลยครับ อุตส่าห์บอกว่าไปเอาของแป๊บเดียว”

“ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ เริ่มละเลงแชมพูสำหรับสุนัขลงบนขนสีทอง ๆ ของดุ๊กดิ๊ก “ไม่ได้รีบไปไหน หาที่นั่งก่อนสิ พี่อาบน้ำไอ้อ้วนหน่อย”

เขาส่ายหน้า ขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น แล้วย่อตัวลงนั่งมองสัตว์เลี้ยงที่กำลังยืนให้เจ้านายนวดเพลิน ๆ

“ผมไม่เคยอาบน้ำให้หมาเลย”

“ปกติเลี้ยงพันธุ์อะไรหรือ?”

“ไม่เคยเลี้ยงครับ” วสุโคลงศีรษะอีกครั้ง วิธีพูดเขาคงทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดว่าเคยเลี้ยงแต่ไม่อาบน้ำให้ “ก่อนนี้เคยอยู่กับลุงที่กรุงเทพฯ ไม่มีที่ทางเท่าไหร่ ถึงอยากเลี้ยงก็เลี้ยงไม่ได้”

“แล้วทำไมย้ายมาอยู่นี่ล่ะ”

เขาถอนใจเฮือก “ลุงไม่ค่อยสะดวกดูแล ทำงานยุ่งทุกวัน ทีนี้เปลี่ยนงานด้วย ไกลจากที่เดิมพอสมควร ก็เลยย้ายไปบ้านเช่าอื่นแทน ผมเดินทางไปเรียนยิ่งลำบาก ลุงเลยตกลงกับป้าแต๋วที่อยู่นี่กับลูกพี่ลูกน้องสองคน ให้รับดูแลผมอีกคนได้หรือเปล่า ไหน ๆ ตอนเด็กก็เคยสนิทกับพี่แพรวแล้วก็ไอ้ภัทร...หมายถึงลูกพี่ลูกน้องสองคนที่ว่าน่ะครับ”

“อ้อ” ชายหนุ่มตอบรับเบา ๆ เกาหูเกาคางสัตว์เลี้ยงไปด้วย แต่สายตาลอบมองเด็กหนุ่มผู้เอ่ยเรื่องเหล่านั้นออกมาหน้าตาเฉย ทั้งที่อายุเพียงแค่นี้แท้ ๆ “...แล้วพ่อแม่ล่ะ”

“เลิกกันนานแล้วละครับ แม่แต่งงานใหม่แล้ว ตอนนี้คงยังอยู่ต่างประเทศ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเยอรมันมั้ง...ผมลืมไปแล้ว.. ส่วนพ่อก็...อืม...ไม่รู้เหมือนกันครับ จำหน้าไม่ได้ซะด้วยสิ..” ว่าจบก็หัวเราะเจื่อน ๆ

“เหงาเลยสิ”

“...”

“หรือไง?”

วสุเลิกคิ้ว มองเสี้ยวหน้าอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกบรรยายไม่ถูกเลย หากว่ากันตามจริงแล้ว...เขาไม่เคยรู้สึกเหงา...จนกระทั่งได้ยินเอกภพพูดคำที่ว่านี่เอง

“ไม่หรอกครับ..ฮ่า ๆ” เด็กหนุ่มหัวเราะตบท้าย หวังกลบเกลื่อนความรู้สึกโหวงเหวงในอก นึกข้องใจกับตัวเองว่าทำไมกันนะ...ทั้งที่ใช้ชีวิตเป็นปกติมาได้ตลอดแท้ ๆ พอถูกเอกภพทักเข้า จึงรู้สึกอย่างกับจะร้องไห้ออกมาตอนนี้ยังได้เลย

เขาสูดลมหายใจลึก เอื้อมมือไปเกาหูให้ดุ๊กดิ๊กบ้าง พึมพำไปด้วยโดยเลี่ยงการสบตาคู่สนทนา

“..ผมว่าพี่ดูเหงากว่าอีก”

อีกฝ่ายเงียบไปครู่ใหญ่ จนเขากังวลว่าพูดอะไรไม่ควรเข้าแล้วหรือเปล่า ก่อนจะได้รับคำตอบกลับมาแผ่วเบา

“...ดูเป็นอย่างนั้นหรือ..?”

“...แต่ผมไม่ได้หมายความในทางไม่ดีนะ” วสุรีบดักคอ กลัวว่าจะถูกเข้าใจผิดหากปล่อยค้างไว้เช่นนั้น “...ผมแค่หมายถึง...คิดว่าพี่อาจจะร่าเริงได้มากขึ้น...ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงดี..”

เด็กหนุ่มหยุดกลางคัน ยิ่งพูดก็ยิ่งเลอะเทอะอีกแล้วจึงหุบปากเสีย ก้มหน้าก้มตาแบมือให้ดุ๊กดิ๊กที่ยกขาหน้าขึ้นเป็นท่าสวัสดี เล่นกับหมาเงียบ ๆ อีกครู่ใหญ่ จนเอกภพล้างฟองสบู่ออกจากขนสีทอง หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดตัวแล้วกึ่งดึงกึ่งลากให้หมาใหญ่เดินออกจากสระเป่าลมขนาดย่อมแล้วตามเข้าไปในตัวบ้าน ไม่ลืมจะหันมาเรียกเขาที่กำลังเงอะงะให้ตามไปด้วยอีกคน คงพอเดาได้แล้วว่าหากไม่เรียกคงยืนบื้ออยู่ที่เดิมอีกเป็นแน่

“ปกติอาบน้ำหมาเอิกเกริกอย่างนี้ตลอดเลยหรือครับ”

เขาถาม นึกถึงสระเป่าลมขนาดสำหรับให้เด็กสองสามคนลงไปนั่งเล่นได้สบาย ขณะสายตาก็กวาดมองเครื่องเรือนและการตกแต่งภายในตัวบ้าน รูปวาดสีน้ำบางส่วนถูกใส่กรอบติดไว้บนผนัง ดูใกล้ ๆ จึงเห็นลายเซ็นเป็นชื่อเอกภพ อดทึ่งไม่ได้เมื่อเห็นว่าเจ้าของบ้านมีฝีมือขนาดนี้เชียว วสุตื่นเต้นนิดหน่อยด้วยเป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามา หลังจากแอบมองด้วยความชื่นชมจากข้างนอกตั้งแต่มาอยู่ใหม่

“ไม่หรอก” เอกภพตอบคำถามเมื่อครู่ของเขา ขณะที่เปลี่ยนจากผ้าขนหนูเช็ดขนไอ้ดุ๊กดิ๊กเป็นเอาไดร์เป่าแทน “พอดีว่าวันนี้อากาศร้อนน่ะ”

เด็กหนุ่มเงี่ยหูฟังอีกฝ่าย เสียงพูดสู้กับเสียงลมที่ถูกพ่นออกมาจากไดร์

“เลยตั้งใจปล่อยให้เล่นน้ำนานหน่อย”

“พี่เอกดูรักสัตว์อะ”

“อืม..อาจพิเศษกับตัวนี้ละมั้ง” ชายหนุ่มพึมพำ “เพราะเคยมีคนคนหนึ่งอยากเลี้ยง”

“ใครหรือครับ?”

วสุถามโดยไม่คิดอะไรมาก แต่ปฏิกิริยาตอบรับของอีกฝ่ายนั้นต่างจากที่เขาคาดไว้ไปไกลทีเดียว

เอกภพหันมาจ้องเขาตรง ๆ สบตานิ่ง...และนาน...จนเกิดรู้สึกขัดเขินขึ้นมา แม้เข้าใจดีว่าปกติแล้วมันไม่ควรเกิดความรู้สึกประหลาดเช่นนั้นเลย กับแค่มองตาคู่สนทนาซึ่งเป็นผู้ชายวัยกลางคนธรรมดาเท่านั้นเอง

ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามเขา แต่กลับถามเรื่องอื่นแทน

“ชอบโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ไหม”

วสุรีบพยักหน้า จากนั้นก้มค้างไว้ ตั้งใจรอให้แก้มหายร้อนก่อนค่อยเงยอีกที

“แล้วเคยคิดอยากเลี้ยงบ้างหรือเปล่า”

เด็กหนุ่มเม้มปาก เขาอาจไม่ได้คิดไปถึงขั้นอยากเลี้ยงจริงจัง เพราะรู้ดีว่าอย่างไรคงทำไม่ได้ แต่หากถามว่าถ้ามีโอกาสได้เลี้ยงจะเอาไหม ก็คงตอบว่าเอา

“...ถ้าเลี้ยงได้น่าจะดีครับ”

“เคยบอกว่าฝันถึงหมาโกลเด้นชื่อโรลล์ด้วยใช่ไหม”

“อ่า...” เขาอ้ำอึ้งไปนิดหน่อย จากนั้นพยักหน้ารับแต่โดยดี สารภาพอย่างเป็นทางการว่าในฝันเขามีหมาขนทองชื่อโรลล์ปรากฏอยู่จริง

“รู้ไหม ตอนช่วงพี่ยังเป็นเด็กประถมถึงมัธยม ก็เคยเลี้ยงโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ชื่อโรลล์ วันนั้นเลยค่อนข้างตกใจที่ได้ยินนายเรียกดุ๊กดิ๊กด้วยชื่อนั้น”

ชายหนุ่มว่าพร้อมรอยยิ้มบางเบา ทำเหมือนพูดเรื่องธรรมดาทั่วไปซึ่งเกิดขึ้นได้กับทุกคน ขณะที่วสุอ้าปากค้าง มองอีกฝ่ายถอดปลั๊กไดร์แล้ววางมันไว้บนโต๊ะ ปล่อยดุ๊กดิ๊กที่ขนแห้งแล้วเดินเตร่ ครู่หนึ่งมันก็ย่อลงนอนแผ่กลางบ้านอย่างสบายใจ เหลือแต่พวกเขาสองคนที่ยังไม่มีใครรู้ว่าบทสนทนานี้จะไปสิ้นสุดตรงไหน

“...บังเอิญจังเลยนะครับ”

แม้ปากว่าอย่างนั้น แต่ใจกลับอดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญจริงหรือ ตัวเขาที่ฝันซ้ำ ๆ มาตั้งแต่จำความได้ เป็นไปได้ไหมหากความฝันเหล่านั้นจะมีอะไรอย่างอื่นซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนี้อีก

“นั่นสิ”

เอกภพรับคำ สายตามองเลยไปยังประตูห้องด้านในสุดของตัวบ้านที่เขาใช้เก็บรูปวาดและรูปถ่ายของวสันต์ คนรักผู้จากเขาไปตลอดกาล จะสิบห้าปีมาแล้วนับจากที่ได้ยินเสียงเด็กคนนั้นครั้งสุดท้าย แต่คำเรียก ‘พี่เอก’ ซึ่งเคยฟังบ่อย ๆ กลับยังติดหูเขาอยู่เลย

“พี่เอก”

“ไอ้ตี๋..”

“!?”

วสุเบิกตากว้าง เกือบสะดุ้งออกมาแล้ว ชายหนุ่มหันมาเลิกคิ้วใส่เขาด้วยท่าทางประหลาดใจ แต่เขาเองต่างหากที่แปลกใจยิ่งกว่า

‘ไอ้ตี๋’ ที่พี่พูดคือใคร”

อีกฝ่ายชะงัก ก่อนจะโคลงศีรษะช้า ๆ

“สมุดกับดินสอล่ะ เอามาด้วยหรือเปล่า ไหนว่าจะมาวาดรูปไม่ใช่หรือ”

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเลี่ยงคำถามเขา

“ไอ้ตี๋คือใครหรือครับ” เด็กหนุ่มยังคาใจ นึกย้อนไปถึงเมื่อคืนที่เอกภพเรียกเขาด้วยชื่อคนอื่น “วสันต์ก็ด้วย..”

“...”

“...ไอ้ตี๋กับวสันต์...พี่หมายถึงคนเดียวกันหรือเปล่า”

เอกภพมองเขาอย่างชั่งใจ ครู่ใหญ่ที่เอาแต่จ้องอยู่เช่นนั้นจนรู้สึกว่าวางตัวลำบาก อีกฝ่ายก็ผ่อนลมหายใจยาวออกมาอย่างอ่อนล้า

“..ใช่”

“แล้วเขาเป็นใครหรือครับ...”

“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับเด็กหรอก” ชายหนุ่มตัดบท ใช้ความต่างของวัยเป็นข้ออ้าง และคล้ายจะบอกกลาย ๆ ว่าอย่าสอดรู้สอดเห็นนัก

“...ขอโทษครับ”

วสุยิ้มเจื่อนออกมา พลางคิดว่าตัวเองเซ้าซี้อีกฝ่ายขนาดนี้ไม่ดีเลย คนพูดอาจไม่ได้อยากเล่า และพวกเขาก็เพิ่งรู้จักกันแค่ไม่นานแท้ ๆ  แต่ความรู้สึกลึก ๆ คล้ายจะกระซิบบอกเขา ว่าผู้ชายคนนี้อาจมีคำตอบให้กับเรื่องความฝันประหลาดของตัวเองก็ได้ สิ่งที่เขาคาใจมาทั้งชีวิต...ถ้าเพียงแต่จะได้เข้าใกล้มากขึ้นสักหน่อย

“งั้นพี่เอกรอผมแป๊บเดียว เดี๋ยวผมออกไปเอาสมุดก่อน เมื่อกี้ลืมไว้ข้างบ้าน”

เขาไม่รอให้อีกฝ่ายแม้แต่จะพยักหน้ารับ รีบวิ่งออกไปแล้วคว้าสมุดที่ตัวเองวางทิ้งไว้ตั้งแต่ตอนมา มองไปไกล ๆ ยังเห็นแมวดำปีนป่ายอยู่บนพุ่มโมกก็โล่งใจเหมือนยังมีเพื่อนอยู่ แม้จะคิดไปเองทั้งนั้น

ครู่เดียวเด็กหนุ่มก็ย้อนกับมาที่เดิมอีกรอบ แต่คราวนี้มีทั้งจานสี พู่กัน แก้วน้ำ และกล่องสีอะไรสักอย่าง วางอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นที่ตอนแรกไม่เห็นมีอยู่ตรงนี้

“สี..?”

“สีน้ำน่ะ” เอกภพยิ้มน้อย ๆ “ที่บอกจะให้ยืมไง วันนี้เอาเป็นสีน้ำละกันนะ”

“อะไรก็ได้ครับ” เด็กหนุ่มหน้าบาน ย่อตัวลงบนเบาะรองนั่ง ขยับหาท่าที่สบายแล้วเริ่มสำรวจของที่เอกภพเอามาเรียง แค่เขาวิ่งออกไปข้างนอกครู่เดียวเท่านั้นเอง

“เคยเล่นสีน้ำมาก่อนไหม”

“ก็แบบ...กล่องละสามสิบกว่าบาท” วสุหัวเราะแหะ ๆ “เอามาละเลงส่งอาจารย์ ฝีมือกับเทคนิคคงที่ตั้งแต่อนุบาลอะครับ”

ชายหนุ่มหัวเราะตาม จากนั้นเปิดกล่องแล้วหยิบหลอดสีในนั้นออกมาให้เขาถือไว้ ฝาด้านในเปื้อนรอยสีเก่าเป็นดวง สภาพบางหลอดบิดเบี้ยวบ่งบอกว่าถูกใช้งานมาโชกโชนพอดู แต่กลับยิ่งทำให้รู้สึกว่ามันมีคุณค่ามากขึ้น เด็กหนุ่มมองมือใหญ่ ๆ ของเอกภพ พลางนึกไปด้วยว่าสีพวกนี้ได้กลายเป็นรูปวาดแบบไหนด้วยมือของผู้ชายตรงหน้านี้กัน นอกจากภาพวิวหรือดอกไม้ที่แขวนอยู่ตามผนังบ้าน เอกภพจะวาดรูปอะไรอีกบ้างหนอ..

เสียงอธิบายเรื่องธรรมชาติของสีน้ำลอยเข้าหูเขา น่าจะเป็นแบบเดียวกับที่อาจารย์ศิลปะเคยพร่ำ ฟังครั้งก่อน ๆ นั้นเขาไม่ได้สนรายละเอียด แต่ครั้งนี้กลับตั้งอกตั้งใจเป็นอย่างดี ไม่รู้ว่ามีรอยยิ้มค้างอยู่บนใบหน้าตั้งแต่เมื่อไร ตระหนักได้ก็ตอนถูกเอกภพทักเข้านั่นละ

“ชอบมากเลยหรือ?”

“..หะ..หา?”

“พี่หมายถึงสีน้ำน่ะ” มืออีกฝ่ายยื่นมาวางบนศีรษะเขา จับโคลงเบา ๆ อย่างเอ็นดู “...ยิ้มไม่หยุดเลย”

มือของคนที่วาดรูปสวย ๆ อย่างที่อยู่ในกรอบบนผนัง...ตอนนี้ลูบอยู่บนเส้นผมเขานี่เอง คิดแค่นั้นก็ต้องยกมือขึ้นกุมอกพร้อมกับหลับตาปี๋ ไม่รู้จะตื่นเต้นอะไรนักหนา

“อ้าว..?” เอกภพเลิกคิ้ว มองหน้าแขกต่างวัยที่ตอนนี้กลายเป็นสีชมพูระเรื่อไปแล้ว

...น่ารัก...

แวบหนึ่งที่ชายหนุ่มคิดเช่นนั้น เด็กคนนี้เหมือนกับวสันต์ตอนที่เคยเล่นสีน้ำกับเขาในชมรมศิลปะ...แต่ทำไมถึงนึกเรื่องเก่าขึ้นมาตอนนี้

เอกภพชักมือตัวเองกลับ อึดใจหนึ่งเด็กหนุ่มก็ลืมตาขึ้นมอง ร่องรอยอาลัยปรากฏขึ้นในดวงตาคู่นั้นชั่วขณะ ก่อนเจ้าตัวจะหลบตาเขา หันไปสนใจกับจานสีตรงหน้าแทน

พวกเขานั่งอยู่ตรงนั้นเป็นชั่วโมง วสุฝีมือไม่เลวทีเดียวหากเทียบกับมือใหม่ทั่วไป เด็กหนุ่มจรดปลายพู่กันลงไปอย่างใจเย็น หยดสีซับลงบนเนื้อกระดาษเชื่องช้า พวกเขาเฝ้ามองดอกไม้ค่อย ๆ แย้มกลีบแล้วเบ่งบานบนกระดาษสีขาว เมื่อเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแต่ละดอก เด็กหนุ่มก็เงยขึ้นมองหน้าเขาด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย ริมฝีปากคลี่ยิ้มละมุน...แบบที่เห็นแล้วทำเอาอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้

“สีน้ำดูอ่อนโยนดีนะครับ.."

"อา"

"..เวลามันละลาย..แล้วก็จางลงไปกับน้ำ...ซึมลงบนกระดาษช้า ๆ”

“ใช่” เขามองใบหน้าแต้มรอยยิ้มของเด็กหนุ่ม “...เป็นสีที่อ่อนโยน...และต้องรอคอย ถึงจะแห้งไว แต่ถ้าใจร้อน เราก็จะเสียภาพนั้นไปได้ง่าย ๆ”

“....เป็นสีที่เหมาะกับพี่เอก”

“ยังไงหรือ?”

“...อ่อนโยน..” วสุพึมพำ “...และรอคอย”

“....”

เด็กหนุ่มกะพริบตาปริบ ๆ ดึงตัวเองกลับมาจากภวังค์ “...คือ...ผมหมายถึง พี่ดูเหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง..หรือบางคน...ไม่รู้เหมือนกัน ผมอาจคิดมากไปเอง อา...ขอโทษครับ”

เอกภพพยักหน้า แต่ไม่ได้ว่าอะไร ขณะที่เขาตระหนักขึ้นได้ว่าตัวเองใช้คำขอโทษสิ้นเปลืองเหลือเกิน ไม่รู้อีกฝ่ายจะรำคาญหรือเปล่า

เด็กหนุ่มเหลือบมองบนโต๊ะ หาว่ามีอะไรพอเปลี่ยนทิศทางบทสนทนาได้บ้าง ก็สังเกตเห็นว่าแก้วน้ำที่ใช้ล้างพู่กันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขมุกขมัวไม่น่าใช้

“น้ำในแก้วกลายเป็นสีเน่าไปแล้ว” เขาทัก

“อา..ลืมดูเลย”

“เดี๋ยวผมเอาไปเปลี่ยนนะ”

“ที่อ่างล้างมือด้านหลังก็ได้” ชายหนุ่มพยักพเยิดไปอีกฝั่ง "เดินเลยห้องนั้นไป”

เด็กหนุ่มรับคำ ลุกขึ้นหยิบแก้วใหญ่สองใบไว้ในมือ ดุ๊กดิ๊กเห็นการเคลื่อนไหวของคนเช่นนั้นก็ลุกขึ้นด้วย เดินมาโฉบใกล้ ๆ ก่อนจะคาบเอารูปวาดที่เอกภพทำเป็นตัวอย่างให้ดูแผ่นแรกขึ้นมาไว้ในปาก

“ดุ๊กดิ๊ก อย่ากินนะ” ชายหนุ่มปรามทีเล่นทีจริง ไม่ได้แย่งกลับคืนมา ถึงแม้เมื่อสักครู่ก่อนวสุจะขอเขาไว้ว่าอยากเอาไปติดผนังห้องตัวเองที่บ้านได้หรือเปล่า พอพยักหน้ารับก็ดีใจใหญ่ แต่เอกภพคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้จริงจังนัก หากชอบจริง ๆ เอาไว้เขาจะวาดให้ใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องลำบาก

เขานั่งมองเจ้าหมาขนทองคาบกระดาษเดินตามวสุไปถึงอีกฝั่งของตัวบ้าน เมื่อหนึ่งคนกับหนึ่งตัวพ้นสายตาจึงเอนหลังพิงโซฟาจากบนพื้น หลับตาแล้วผ่อนลมหายใจยาว นึกถึงเด็กหนุ่มที่เพิ่งลุกออกไป

วสุ...วสันต์...ทั้งสองคนชื่อคล้ายกันเหลือเกิน ทว่าบรรยากาศรอบตัวกลับคล้ายกันยิ่งกว่า ทำไมนะ

ระหว่างที่นั่งวาดรูปอยู่ด้วยกัน วสุเล่าความฝันออกมาบ้าง แม้ไม่ได้ตั้งใจพูดเป็นเรื่องเป็นราวนัก ดูเหมือนหลุดปากตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อยตามประสาเจ้าตัวมากกว่า แต่ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังเล่าเรื่องของเขากับวสันต์ออกมา มันเหมือนกันไม่มีผิด ทั้งจักรยาน หมาขนทองชื่อโรลล์ ถ่านชาร์โคลที่เปรอะเปื้อนทั้งมือและใบหน้ากับกระดานวาดรูป หรือแม้กระทั่งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างสติ๊กเกอร์รูปหัวใจที่เขาเคยแปะไว้บนอกเสื้อนักเรียนของวสันต์ วสุก็เอ่ยมันออกมาราวกับเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยตาตัวเอง แต่เป็นในความฝันของเจ้าตัว...ความฝันซ้ำ ๆ ที่เด็กหนุ่มบอกว่าตัวเองใช้ชีวิตเป็นอีกคน เรื่องบังเอิญเช่นนี้มีด้วยหรือ

วสุที่อายุย่างเข้าสิบห้าปี กับวสันต์ที่จากโลกนี้ไปแล้วเมื่อราวสิบห้าปีก่อน..

ชายหนุ่มยกมือนวดบนขมับ สับสนกับความรู้สึกตัวเองที่อัดแน่นอยู่ในอก เขาไม่เคยคิดสนใจเรื่องการระลึกชาติ เกิดใหม่ หรืออะไรเทือกนั้นมาก่อนเลย บอกไม่ถูกว่าเชื่อหรือเปล่า เพียงแต่เห็นว่าเป็นเรื่องไกลตัว และไม่เคยเจอประสบการณ์ตรง แต่พอพบเรื่องแบบนี้เข้าก็อดคิดไม่ได้ ใจหนึ่งบอกว่างมงาย ทว่าอีกใจกลับเถียงว่าแล้วหากเป็นเรื่องจริงเล่า?

เสียงกุกกักจากอีกฝั่งหยุดความคิดเขาไว้ เรียกให้เอกภพเงยหน้าขึ้น เหลียวไปทางต้นเสียง

วสุก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ตรงนั้นกับดุ๊กดิ๊ก ที่หน้าประตูห้องซึ่งเขาเก็บรูปวาดและรูปถ่ายมากมายของวสันต์เอาไว้ ห้องที่เขารักและหวงแหนยิ่งกว่าส่วนอื่นในบ้าน แม้แต่ดุ๊กดิ๊กที่อยู่ด้วยกันมานานก็ยังไม่เคยให้เข้าไปสักครั้ง

เด็กหนุ่มก้มลงเอาหน้าแนบพื้น สอดสายตาผ่านใต้ประตู และเหมือนพยายามจะหยิบอะไรออกมาจากช่องเล็ก ๆ นั้น เป็นการกระทำที่เขาไม่เข้าใจ แต่ก็หวงห้องที่ว่าเกินกว่าจะคิดหาเหตุผลว่าวสุกำลังทำอะไรอยู่ คำพูดหลุดออกจากปากไปแล้ว

“อย่ายุ่งกับห้องนั้น!”

เด็กหนุ่มสะดุ้งสุดตัว ศอกชนเข้ากับแก้วที่วางไว้ใกล้ ๆ จนน้ำหกนองพื้น หันกลับมามองเอกภพอย่างตื่นตระหนกด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง

“..พี่เอก ผะ...ผมขอโทษครับ...มะ...ไม่ได้ตั้งใจจะ...”

วสุลนลานจนน่าสงสาร ละล่ำละลักเสียจับใจความแทบไม่ได้ คงตกใจที่เขาร้องเสียงดังเมื่อครู่ พอยิ่งพูดจึงยิ่งตะกุกตะกัก

“..คือ...กระดาษที่ดุ๊กดิ๊กคาบ...แล้ว....ผมขอโทษ เดี๋ยวผมจะเช็ดน้ำที่หกให้”

“..อา..” ชายหนุ่มยกมือกุมหน้าผาก ปัดมือไปมาตรงหน้าตัวเอง “...ไม่..ไม่เป็นไร อย่าใส่ใจ พี่แค่ตกใจนิดหน่อย ไม่ได้ว่าอะไร เดี๋ยวพี่เช็ดเอง”

วสุชะงัก จากนั้นก็ก้มหน้ามองน้ำซึ่งเจิ่งนองอยู่รอบเท้า รู้สึกเหมือนเพิ่งทำความผิดมหันต์ ต่อให้อีกฝ่ายจะไม่ว่าอะไร แต่จากท่าทางนั้นบอกชัดเจนว่าเขาได้ไปยุ่งกับสิ่งที่ไม่ควรแตะเสียแล้ว

“..ห้องนี้...สำคัญสินะครับ”

“....”

ชายหนุ่มมองเด็กผู้เป็นแขกของเขา ขณะที่ตัวเองก็สาวเท้าเข้าไปใกล้ แววตาอีกฝ่ายช่างให้ความรู้สึกคุ้นเคยจนนึกหวาดกลัว ทั้งที่รูปลักษณ์ไม่คล้ายกันสักหน่อย แต่เหตุใดทุกครั้งที่เห็นวสุ เขากลับนึกไปถึงวสันต์โดยไม่สามารถบอกจุดเชื่อมโยงให้ชัดเจนได้

“ผมขอโทษจริง ๆ”

“ไม่เป็นไร” เอกภพย้ำคำเดิมอีกครั้งแล้วถอนใจยาว เขาอาจแค่เหนื่อยค้างคาจากงานซึ่งขนกลับมาทำที่บ้าน เจออะไรแบบนี้เข้าเลยฟุ้งซ่าน อาจต้องให้เวลากับตัวเองมากขึ้น บ่ายนี้งีบสักหน่อยก็ดี “...นายกลับบ้านไปก่อนเถอะ”

“พี่เอก..”

“วาดรูปค้างอยู่ใช่ไหม สีน้ำนั่นพี่ให้ยืมกลับไปเล่นที่บ้านได้ เอาไปเลยก็ได้ ถือว่าพี่ให้”

“...ผมไม่—”

“กลับก่อนเถอะนะ” น้ำเสียงเขาเกือบจะเป็นอ้อนวอน ไม่รู้เลยว่าหากยังอยู่ใกล้เด็กหนุ่มตรงหน้าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขาบ้าง ทั้งยังที่วสุพยายามจะทำอะไรสักอย่างกับห้องนั้นโดยเขาไม่ได้อนุญาตอีก เขาอาจโกรธ...สับสน...ติดใจสงสัย..หวาดกลัว...หรืออะไรสักอย่าง...แต่ทั้งหมดนั้นไม่ใช่ความรู้สึกที่ควรเกิดกับเด็กซึ่งอายุต่างกันถึงยี่สิบปีแน่ ๆ 

“....”

“วสุ..”

เด็กหนุ่มเหลือบมองเขากล้า ๆ กลัว ๆ อ้าปากคล้ายอยากพูดบางสิ่ง แต่กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา อึดใจหนึ่งก็ทำคอตก เอ่ยรับเสียงแผ่วทั้งตาแดง ๆ

“...ครับ...”

ก่อนจะค้อมตัวเดินผ่านเขา ได้ยินคำขอโทษแผ่วเบาระหว่างที่สวนกัน ไม่เงยขึ้นมองหน้าอีกเลย ทำเพียงแต่กลับไปนั่งเก็บข้าวของตัวเองเงียบ ๆ จากโต๊ะญี่ปุ่นข้างโซฟา

ดุ๊กดิ๊กส่งเสียงร้องหงิงอยู่ข้างเขา มองไปทางวสุตาละห้อย จากนั้นหันกลับมายังตำแหน่งเดียวกับที่เด็กหนุ่มเพิ่งก้มลงมองเมื่อครู่ มุมกระดาษแผ่นหนึ่งโผล่ออกมาจากช่องว่างใต้ประตูนั้น

เอกภพเลิกคิ้ว ก้มตัวลงไปเอานิ้วเขี่ยมันออกมา ใช้ความพยายามอยู่ครู่หนึ่งจึงดึงติดมือหลุดมาได้ เพื่อจะพบว่ามันคือรูปวาดตัวอย่างของเขา ใบเดียวกับที่วสุขอเอาไปติดที่ผนังห้องตัวเอง และใบเดียวกับที่ดุ๊กดิ๊กคาบตามเด็กหนุ่มตอนเดินไปเปลี่ยนน้ำล้างพู่กัน

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เมื่อครู่วสุพยายามบอกอะไรสักอย่างเกี่ยวกับดุ๊กดิ๊ก...หรือกระดาษที่ดุ๊กดิ๊กคาบ...อะไรเทือกนั้น เจ้าตัวคงหมายถึงสิ่งนี้ กระดาษอาจหล่นแล้วปลิวลอดเข้าไปใต้ประตู จึงได้พยายามเอามันกลับคืนมา แต่ด้วยความที่ตอนอธิบายนั้นลิ้นพันกันไปหมดจนเขาจับใจความลำบาก กว่าจะนึกถึงเหตุผลได้ก็ตอนที่อีกฝ่ายเก็บของเสร็จแล้ว

 “ดุ๊กดิ๊ก...” ชายหนุ่มพึมพำ ก้มลงไปมองสัตว์เลี้ยงเพื่อนยากของตัวเอง “แกทำหรือ?”

เจ้าหมาแก่ร้องหงิงอีกครั้ง ทำหน้าจ๋อยใส่พื้นบ้าน ออกอาการยอมรับเหมือนตอนรู้ตัวว่าทำความผิด

เอกภพรู้สึกอยากต่อยหน้าตัวเองสักที


“...งั้นผมไปก่อน...ขอโทษที่รบกวนนะครับ”

วสุพึมพำเสียงแผ่ว ตัวเหมือนจะยิ่งหดลงเหลือนิดเดียว นึกเสียใจว่าเข้ามาเล่นในบ้านอีกฝ่ายวันแรกก็ก่อเรื่องเสียแล้ว ท่าทางคงไม่มีโอกาสได้รับเชิญอีกเป็นครั้งที่สอง รูปวาดที่ขอเอกภพไว้ก็ถูกเจ้าหมาขนทองทำร่วงผลุบหายเข้าไปใต้ประตูห้องนั้น เขาไม่กล้าเอาสีน้ำอีกฝ่ายกลับไปด้วย คงจะเหลือแค่ดอกแก้วและดอกโมกเหี่ยวเฉาที่ได้ไปเมื่อวานนี้ไว้เก็บเป็นที่ระลึก

เด็กหนุ่มถอนใจเฮือก ลุกขึ้นยืนแล้วหันหลัง เตรียมเดินออกไปทางประตูหน้าบ้าน แต่ก็ได้เพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น...

ข้อมือเขาถูกรั้งไว้ ตามด้วยแรงดึงซึ่งมากพอจะทำให้เสียการทรงตัว เซไปด้านหลัง เท้าที่เปียกน้ำเมื่อครู่ยังไม่ทันแห้งดี จึงยิ่งลื่นกว่าปกติจนล้มลงไปเกือบหมดท่า โชคดีอยู่สองอย่าง ข้อแรกคือมีเบาะรองนั่งอยู่ข้างหลังรออยู่ และอีกอย่างคือเอกภพช่วยพยุงแขนเขาไว้ทันช่วงก่อนลงพื้นนิดหน่อย จึงหย่อนตัวลงนั่งได้อย่างปลอดภัย ก่อนเจ้าตัวจะย่อเข่าตามลงมาอีกคน

“เป็นอะไรไหม?”

เขาก้มหน้างุด พึมพำเสียงสั่น

“...ผมไม่เป็นไร”

“ขอโทษด้วย" ชายหนุ่มเหลือบมองกระดาษที่ยังมีรอยฟันสัตว์เลี้ยงตัวเอง "ไม่รู้ว่าดุ๊กดิ๊กปล่อยกระดาษนั่นหลุดเข้าห้อง แล้วก็ไม่รู้ว่านายอยากได้มันขนาดนั้น”

เด็กหนุ่มช้อนตาขึ้นมองเขากล้า ๆ กลัว ๆ  ทำท่าเหมือนตั้งสติอยู่อึดใจ สุดท้ายจึงยอมพูดต่อ

“...พี่เอกอุตส่าห์ให้ผมแล้ว...เป็นรูปแรกที่เคยมีคนวาดให้..ผมเลยอยากเก็บไว้ดี ๆ”

เอกภพเม้มปาก ก็ไหนวสุบอกว่าเขาอ่อนโยน...แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกตัวเองจิตใจแข็งกระด้างเหลือเกิน มัวแต่หวงห้องนั้นเกินเหตุ น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเด็กซื่อ ๆ แบบนี้คงไม่สามารถคิดร้ายต่อใครได้

“ถ้าอยากได้ เอาไว้จะวาดให้อีก”

“จริงหรือ?” วสุสีหน้าดีขึ้นมาทันควัน “...แต่รูปแรกผมก็อยากได้อยู่ดี แล้ว...แล้วผมจะมาที่นี่ได้อีกไหม จะไม่เดินเพ่นพ่านอีกแล้ว”

“ได้สิ เดินเพ่นพ่านก็ได้”

อีกฝ่ายมีทีท่าลังเลเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“...พี่ไม่โกรธผมหรือ?”

“ไม่หรอก...โกรธตัวเองมากกว่า ขอโทษนะ”

“...”

“นี่...วสุ”

เด็กหนุ่มอ้าปาก ตั้งใจจะถามอีกฝ่ายว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า แต่มือของชายหนุ่มกลับเอื้อมมาวางทาบอยู่บนแก้มเขา..มือของผู้ใหญ่ที่ฝ่ามือไม่ได้นิ่มนัก แต่ก็เป็นมือซึ่งเปลี่ยนหลอดสีบู้บี้ให้กลายเป็นภาพสวย ๆ และอ่อนโยนเหล่านั้นขึ้นมา

สัมผัสที่ได้รับนุ่มนวลจนชวนให้ใจสั่น แม้ทุกครั้งที่สบตาจะใจเต้นแรง แต่คราวนี้เขากลับไม่อาจเบือนหน้าไปทางอื่นได้ ราวกับถูกตรึงการมองเห็นไว้แค่กับดวงตาที่ฉายแววเศร้าสร้อยต่อหน้า

ระยะห่างระหว่างปลายจมูกพวกเขาหดสั้นลง โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเคลื่อนเข้าหา...หรือเป็นเขาเองที่ขยับเข้าไป...

“..เคยจูบไหม?”

เสียงทุ้มต่ำของเอกภพลอยมาเข้าหู แค่กระซิบเท่านั้นเอง แต่ในระยะใกล้แค่นี้ก็ได้ยินชัดเจน ชัดพอกับที่รู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวของอีกฝ่ายบนริมฝีปากเขา

เด็กหนุ่มส่ายหน้าน้อย ๆ

“...พี่ล่ะ?”

คำถามตอบที่พวกเขาแลกกันนั้นช่างคุ้นเหลือเกิน เหมือนเคยได้ยินและได้พูดอย่างนี้มาก่อน...ในความทรงจำอันเลือนราง...สักครั้งหนึ่ง ณ ห้วงเวลาเนิ่นนานมาแล้ว...หรือไม่ก็ในความฝันของเขา...

...ใช่...ในความฝันของเขา...

วสุหายใจไม่ออก รู้สึกเหมือนมีผีเสื้อมากมายบินอยู่ในท้อง เสียงที่เคยได้ยินในฝันกำลังดังซ้อนกับเสียงจริง ถ้อยคำและบรรยากาศอันคล้ายคลึง...เขาจำได้ เขาเพิ่งฝันถึงมันเมื่อไม่กี่คืนก่อนเท่านั้นเอง...

‘นี่..ไอ้ตี๋’

‘…’

‘เคยจูบไหม?’


ตัวเขาในฝันส่ายหน้า ตอบกลับใครสักคนไปแบบเดียวกับที่เพิ่งเอ่ยกับเอกภพ

‘พี่ล่ะ?’

ใครกัน...เขากำลังพูดอยู่กลับใคร ตัวเองในความฝันตอนนั้นคือใคร และคนที่เอกภพกำลังพูดด้วยอยู่ตรงนี้คือใคร?

“...วสุ?”

“ไม่ใช่ผม แต่เป็นไอ้ตี๋ของพี่!”

เด็กหนุ่มโพล่งขึ้นเสียงดัง เผลอยันตัวเองถอยออกจากเอกภพจนหงายหลังลงไปกับพื้น หัวใจเต้นระรัวราวกับเสียงกลอง เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนขมับ มองเอกภพซึ่งยื่นมือเข้ามาช่วยพยุงด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง

“...พี่เอก..”

เสียงเขาแหบพร่า มันสั่นพอกับร่างกายที่กำลังไหวระริก ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่ามีหยดน้ำอุ่น ๆ ร่วงผล็อยลงมาจากขอบตาตัวเอง

“...แต่คนในฝันผมคือพี่เอกใช่ไหม?”






โปรดติดตามตอนต่อไป






ยาวเหยียดเลยค่ะตอนนี้ ความยาวเกือบจะแบ่งเป็นสองตอนได้เลย ตอนแรกก็ว่าจะแบ่ง แต่กลัวค้างค่ะ
(แต่ดูเหมือนไม่แบ่งก็ยังค้างอยู่ดีรึเปล่า Orz)

เที่ยวนี้มาต่อช้า แต่มาต่อยาว ๆ หวังว่าจะพอชดเชยกันได้นะคะ ฮรืออ ขอโทษคนอ่านด้วยค่ะ ขอบคุณที่ยังรอกันค่ะ *กอดดดด* :D

แปะรูปส่งท้ายนะคะ วสุ กับ วสันต์ ค่ะ



พบกันตอนหน้าค่า ^o^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2014 00:49:41 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ MK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
 :z13:


เริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆแล้ววววววว  ตอนหน้านี่แบบ จะรู้อะไรๆแล้ว  :katai1:

+1 เป็นกำลังใจให้วสุ  น้องคงสับสนมากอ่ะ พี่เองก็คงไม่แพ้กัน

RAINYDAY เขียนนิยายเรื่องไหนก็ติดงอมแงมเรื่องนั้น  :katai4:   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-04-2014 08:37:07 โดย MK »

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
อ่าา เริ่มแล้วเริ่มแล้ว คุยกันมากขึ้น อ่านแล้วคิดถึงวสัน คะ ตี๋คิมด้วย

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
ตอนสุดท้ายช่างลุ้น ระทึกจริงๆ

พี่เอกจะรู้แล้วใช่มั้ย

ออฟไลน์ nutjisub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
ลุ้นมาก ๆๆ เลยตอนนี้อ่านไปกลัวไป กลัวพี่เอกจะทำให้วสุ เสียใจมันยิ่งทำให้เสียเวลาไปเปล่า ๆๆ แทนที่จะรีบรักกันนะ คือชอบเรื่องนี้มาก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คนเขียนมาต่อไว ๆๆ นะคะ

ออฟไลน์ urmein

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 871
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-2
อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาซึม
รู้สึกถึงความเจ็บปวด ความเหงา และการรอคอยของทั้งคู่อ่ะ
ฮืออออออออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Shin Heeyoo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
เรื่องราวเริ่มเข้มข้นแล้ว
รู้ตัวกันทั้งสองฝ่ายเมื่อไหร่ จะเกิดอะไรขึ้นนะ
แฮ่ะ ลุ้น

ออฟไลน์ misso

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ลุ้นๆ อยากให้รู้ตัวกันเร็วๆ มันอึดอัดปนระทึกใจ

ขำเจ้าหมาอ้วน อูย นึกถึงหมาขนทองตัวกลมในสระเป่าลมแล้วก็อยากขย้ำพุง :katai1: ชอบคำบรรยายเจ้าแมวดำชื่อขาวมาก ดูหยิ่งๆ เชิดๆ เริดค่ะ!

ออฟไลน์ Oilsaoo

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-3
พี่เอกจะรู้เเล้วใช่มั้ยย น้องคงสับสนมากก สงสารน้อง
ชอบเจ้าขาวอ่า หยิ่งๆ เชิ่ดๆ

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
โอ้ยในที่สุดก็จะรู้ความจริงแล้ว นี่มันลุ้นมากๆเลยนะ กรี้ดด

ลูกพี่ลูกน้องเซนส์ดีจังเลย ไม่แน่พอรู้ความจริงพี่เอกจะมัวแต่รำลึกความหลังกับวสุ จนวสุไม่ได้กลับบ้าน 555  :hao6:

"เล่นท่ายากอยู่บนขอบกำแพง"อ่านประโยคนี้แล้วขำ หันไปมองแมวตัวเองที่กำลัง"เล่นท่ายาก"อยู่บนคีย์บอร์ด5555 :m20:

รอตอนต่อไปฮับ พลางอ่านแม่ไ่ก่ที่ได้มาไม่นานนี้ไปพลางๆ
รอหนูคิมกับพี่ภพรวมเล่มน้าา+1 :mew1:

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
ไม่อยากให้วสุคิดมากเลย
สงสารน้อง

อยากให้พูดคุยกันมากกว่านี้

เศร้าแทนวสุ

ปล. น้ำตาซึมอะ รู้สึกอึดอัดแทนเบาๆ ขอให้ทุกเรื่องผ่านไปด้วยดี :call:

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
จะรู้แล้วใช่มั้ย?
คือลุ้นมากมาย

ออฟไลน์ Dark_Noah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 841
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-3
สงสัยเสมอเลยว่าพี่เอกจะจัดการความรู้สึกที่ว่าสองคนนี้ซ้อนทับกันยังไง อยากให้เข้าใจว่าที่อยู่ตรงนี้คือวสุไม่ใช่วสันต์ สงสารน้อง  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
 :กอด1:ช่วงลุ้นระทึกพอดี

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0

ออฟไลน์ GETIIZ

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-4
โอ้ยยยยยยยยย
เริ่มบีบระทึกหัวใจแล้ว ฮรืออออออ
ช่วงเวลานี่มันช่างบีบคั้น.  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Zelsy

  • เพราะ "รัก" คำเดียวเท่านั้น
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-2

ออฟไลน์ ❥ʞαxiќɒ。

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ยาวๆดีค่ะ ชอบบ ฮิฮิ ><
แต่ค้างอย่างรุนแรงมากค่ะ!! #กรี๊ดดดดดดดด T{}T

เด็กน้อยกำลังจะรู้แล้วใช่มั้ยคะว่าคนในฝันคือลุง..เอ้ย!..พี่เอก
น้องจะเข้าใจเรื่องความฝันของตัวเองว่าไงหนอ ?

..ส่วนพี่เอก..
คงจะทำใจให้เชื่อลำบากนิดนึงนะคะ
ในเมื่อไม่มีอะไรมายืนยันได้ว่าน้องวสุคือวสันต์กลับชาติมาเกิดจริง UU
แต่เชื่อเถอะค่ะพี่เอกก!!! ไอ้ตี๋กลับมาให้พี่แล้วนะ T[]T

ทำใจลำบากจริงๆ ค่ะ.. YY
ใจหนึ่งก็อยากให้พี่เอกมองวสุที่เป็นวสุ ไม่อยากให้น้องน้อยใจ..
อีกใจนึงก็ไม่อยากให้ลืมพี่วสันต์เลยยยยย!! T__T #แอบเอนเอียงมาทางนี้มากกว่าหน่อย ;v;
เพราะชอบทั้งสองคนมาก! ..ทั้งวสุและวสันต์..
แต่ถึงยังไงทั้งสองคนก็มีวิญญาณดวงเดียวกัน..แค่อยู่คนละร่าง..
โอ๊ยย สับสนจังค่ะ  :katai1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
เป็นการอ่านนิยายที่เหมือนมีอะไรมาจุกคอหอยตลอดเวลา

ออฟไลน์ StillLoveThem

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-10
...อ่านสบายๆเนื้อเรื่องไม่เครียด แต่ก็ไม่อยากให้จบตอน55
...ชอบความน่ารักใสๆของวสุ แถมเอ๋อๆ ตรงๆอีกต่างหาก
...ดุ๊กดิ๊กเหมือนเป็นพ่อสื่อเลยนะ อยากให้พี่เอกพบความสุขซะทีละสิ
:laugh:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
พี่เอกจะเชื่อเรื่องระลึกชาติหรือไม่ก็ตาม
แต่วสุไม่ใช่วสันต์ หรือใช่แต่ก็ไม่ทั้งหมด
พี่เอกจะก้าวข้ามผ่านอดีตเพื่อเริ่มต้นใหม่ได้หรือเปล่า
อีกทั้งช่องว่างของอายุก็มิใช่น้อย แล้วน้องยังเป็นผู้เยาว์ด้วย
หวังว่าคนเขียนจะกรุณา คงความหวานน้อย ๆ แต่หวานนาน ๆ ด้วยเถอะ

ปล.ชอบน้องขาว เพราะที่บ้านก็มีแมว


ออฟไลน์ ASSASSIN

  • หรือว่า..ความรัก
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1551
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-1

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ตื่นเต้นไปกับวสุด้วย อื้อ!พี่เอก~

ออฟไลน์ princessrain

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ไม่ต้องกลัวว่าจะค้างหรอกค่ะ
เพราะค้างไปแล้ว T T

อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาหยดแหมะๆๆๆ เลยค่ะ
ทั้งๆที่ตอนก่อนหน้านี้แค่น้ำตาซึม

สงสารน้องวสุ ไม่รู้ว่าน้องชอบพี่เอกด้วยตัวเอง หรือเพราะฝัน
หรือเพราะอะไร แต่กลัวใจตาพี่เอกจะแยกไม่ออกว่าน้อง "วสุ" ไม่ใช่ "วสันต์"

เห้ออออออ อุตสาห์ได้เกิดใหม่มารักกัน ก็ขอให้มันราบรื่นนะวสุเอ้ยยย
 :heaven :heaven
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-04-2014 15:17:20 โดย princessrain »

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด