✣✤|แมว หมา ดอกไม้ และพี่ชายข้างบ้าน|✤✣ ตอนพิเศษวันสงกรานต์ P.29
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✣✤|แมว หมา ดอกไม้ และพี่ชายข้างบ้าน|✤✣ ตอนพิเศษวันสงกรานต์ P.29  (อ่าน 269699 ครั้ง)

ออฟไลน์ 045262638

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
หนุกมากค่ะ ประทับได้ตั้งแต่เริ่มต้น สนุกสุดๆๆ ไม่เคยอ่านเกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิดเลย :-[

ทั้งยิ้ม ทั้งลุ้น และทั้งเข้าใจ วสุ ด้วย เป้นกำลังใจให้กลับผู้แต่นะค่ะมาต่อไว้ๆ เรื่องรักแบบ อบอุ่นชอบมากเลยค่ะ  :o8: :o8:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2014 02:50:29 โดย 045262638 »

ออฟไลน์ ophena

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ ophena

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ดุ๊กดิ๊กกับขาวน่ารักมากเลยค่ะ

benji

  • บุคคลทั่วไป
น้องยังไม่เปลี่ยนคำนำหน้าชื่อเลยนะลุง!  :oo1: คุก..คุก..คุก (ต่อไปเสียงไอพี่เอกคงเป็นเสียงนี้) 55555

พี่เอก บอกรัก น้องสักทีเถอะ จะวสุ หรือ วสันต์  ทั้งสองคนก็รักพี่เหมือนกันนั่นแหละ อดีตรักวสันต์ ปัจจุบันก็รักวสุ เนอะลุง

ได้น้องแล้วอย่าทิ้งขว้างน้องนะ   

อ้ออออออ...อีกอย่างนะพี่เอก #มีเมียเด็ก ต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย ไม่ต้องคิดอาย เป็นลูกผู้ชายต้องกล้า~~~  :z1:


ออฟไลน์ hibatsumoe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ขอเม้นรวดเดียวนะคะ
ไม่รุ้เป็นไร พออ่านไปถึงตอนที่สองเราจะร้องไห้ T^T
จนถึงตอนหลังถึงค่อยหายใจหายคอ
รู้สึกว่าน้องวสุเองก็เป็นคนรอพี่เอกมานานเหมือนกัน
ชอบบบบบบ :-[
เอาไว้จะไปเยี่ยมพี่เอกในคุกนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
“แมว หมา ดอกไม้ และพี่ชายข้างบ้าน”




บทที่ 7 ในเงาไม้




โรงเรียนซึ่งเพิ่งย้ายมาอยู่ได้เพียงไม่นานตอนเกือบปลายภาคเรียน ยังคงชวนให้วสุนึกประหลาดใจเช่นเดียวกับหลาย ๆ สิ่งซึ่งได้พบที่ราชบุรี

เขามั่นใจว่าก่อนย้าย ตัวเองไม่เคยเหยียบย่างในอาณาบริเวณของที่นี่เลยสักครั้ง ทว่าทุกคราวเมื่อเดินผ่านประตูรั้ว มองอาคารรูปตัวยูตั้งตระหง่านล้อมลานเสาธง มองเลยไปยังตึกเก่าห้าชั้น และโรงจอดรถขนาดใหญ่ซึ่งดูเหมือนเพิ่งได้รับการบูรณะเมื่อเร็ว ๆ นี้ แห่งหนใดก็ตามในโรงเรียน กลิ่นอายซึ่งเขาเคยรู้จักจะลอยฟุ้งอยู่เต็มไปหมด

วสันต์ก็เคยเรียนที่นี่...ใช่ไหม?

แล้วเอกภพเล่า บางทีกลับไปเย็นนี้เขาน่าจะลองถามจากเจ้าตัว
 
เด็กหนุ่มผินหน้าออกนอกหน้าต่าง เปลวแดดไหวระริกเหนือถนนคอนกรีตซึ่งทอดตัวเป็นแนวไปยังพื้นหญ้าสีเขียว เมื่อเขาไล่สายตามเส้นทางสีขาวนั้นไปจนสุดตรงพื้นที่ว่างเปล่าข้างสนามฟุตบอล จึงรู้สึกว่ามีบางสิ่งหายไป

“ต้นคูณที่เคยอยู่ตรงนั้น...ไม่อยู่แล้วหรือ”

แม้เป็นเพียงถ้อยคำซึ่งถูกเอ่ยขึ้นลอย ๆ แล้วยังเบาจนแทบถูกกลืนหายไปกับเสียงจอแจของนักเรียนคนอื่นในห้อง ทว่ามันกลับไปถึงหูภัทรพักตร์ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวข้าง ๆ

“หือ?”

เสียงอุทานนั้นทำให้เด็กหนุ่มหันกลับไปมอง ลูกพี่ลูกน้องเขากำลังส่งสายตาประหลาดใจกลับมา จากนั้นถามย้ำอีกครั้ง

“ต้นคูณอะไร”

“ต้นที่..” วสุเม้มปาก เหลียวมองกลับไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง ปล่อยอีกฝ่ายขมวดคิ้วมองตามด้วยความสงสัย สุดท้ายก็ต้องพูดต่อจนได้ “..ที่เคยออกดอกสวยที่สุดในโรงเรียน อยู่ตรงข้างสนามฟุตบอลนั่น”

“...วสุ” อีกฝ่ายเอ่ยเสียงอ่อนใจ “เอามาจากฝันแกอีกแล้วหรือ?”

“ไม่รู้สิ”

“....”

“แล้วมันเคยมีต้นคูณอยู่ตรงนั้นมาก่อนไหม”

ภัทรพักตร์ส่ายหน้า

“ไม่มี”

“ไม่มีหรือ”

“ตั้งแต่ฉันเข้าเรียนที่นี่ จะสามปีแล้ว ตรงนั้นเป็นที่ว่างมาตลอด”

“งั้นหรือ”

“ช่วงนี้ฝันร้ายหนักหรือไง ดูง่วง ๆ เบลอ ๆ”

“ไม่หรอก” วสุยิ้มน้อย ๆ ให้กับพื้นที่ว่างเปล่าในสายตาคนอื่น ทว่าจากความทรงจำของเขาซึ่งนับวันยิ่งชัดเจน ภาพดอกคูณสีเหลืองเต็มต้นกลับผุดซ้อนขึ้นมาราวกับมันมีอยู่จริงตรงหน้า “..ฝันดีบ้างเหมือนกัน แต่ฉันก็เบลอ ๆ อย่างนี้มาตลอดอยู่แล้ว”

“ปกติจะเถียงนี่”

เขาเหลือบมองอีกฝ่าย ภัทรพักตร์ทำหน้ามู่ทู่แล้วยังจิ๊ปากเหมือนเป็นเด็ก

“ยอมรับแล้วก็ได้” เด็กหนุ่มถอนใจเฮือก วางคางพาดไว้กับขอบหน้าต่างทั้งตาลอย ๆ “ยังไงนายก็คิดว่าฉันเพ้อเจ้ออยู่ดี”

“รู้ได้ไงว่าคิด”

“นายพูดอยู่ทุกวัน”

“คิดกับพูดมันเป็นคนละเรื่อง”

“เอ๋?”

อีกฝ่ายเงียบไป ทำหน้าหน่ายใส่เขาอีกครั้ง จากนั้นหันไปสนใจงานของตัวเองที่ยังค้างอยู่ ไม่เซ้าซี้อะไรอีกเลย กระทั่งอาจารย์คาบถัดไปเดินเข้าห้อง ชั่วโมงเรียนเริ่มต้นอีกครั้ง ดำเนินต่อไปอย่างคร่ำเคร่งจนใกล้หมดเวลา พวกเขาวุ่นวายกับการลอกโจทย์การบ้านลงสมุดมือเป็นระวิง ไม่มีใครว่างใคร่ครวญถึงตำแหน่งของต้นคูณที่ว่าอีกแล้ว 

อาจารย์ออกจากห้องก่อนเวลาเล็กน้อย ไม่นานภัทรพักตร์ก็เดินออกจากห้องเรียนอีกคน ไม่ได้บอกไว้ว่าไปไหน เวลาล่วงเลยอีกพักใหญ่จึงกลับมานั่งที่ตัวเองอีกครั้ง ชะเง้อถามเขาว่าจดโจทย์เสร็จหรือยัง กลับบ้านจะขอลอกอีกทอด วสุจึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายสนใจเรื่องไปทำอะไรข้างนอกมากกว่าการบ้านชิ้นนี้ที่มีคะแนนเก็บเสียอีก

“เสร็จแล้ว” เขาว่าพลางเปิดให้ดูสมุดตัวเอง

“ดี ๆ เดี๋ยวกลับไปยืม”

“เมื่อกี้ไม่จดล่ะ”

ภัทรพักตร์ยักไหล่ ทำหน้าเป็นเชิงว่าไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรหรอก ก่อนจะก้มลงเก็บหนังสือและเครื่องเขียนใส่กระเป๋าลวก ๆ แล้วเหวี่ยงมันขึ้นคล้องบนไหล่ รอจนเขาเก็บเสร็จอีกคนจึงเดินนำออกจากห้อง

เพราะเป็นลูกพี่ลูกน้อง รู้จักกันมาก่อน อายุเท่ากัน อยู่บ้านเดียวกัน โรงเรียนเดียวกัน แล้วก็ยังห้องเดียวกันอีก จึงได้ไปกลับด้วยรถรับส่งเหมือนกัน ภัทรพักตร์กลายเป็นเพื่อนสนิทคนแรกของเขาที่นี่ไปโดยปริยาย แม้กังวลอยู่ไม่น้อยว่าเขาจะทำให้อีกฝ่ายรำคาญหรือเปล่า แต่ดูเหมือนเจ้าตัวไม่ได้คิดเช่นนั้น ต่อให้มักบ่นโน่นนี่บ่อย ๆ ถึงเวลาก็เข้ามาช่วยเหลือตั้งแต่ยังไม่ทันได้ขออยู่เรื่อย แล้วยังคอยดึงเขาเข้ารวมกลุ่มกับเพื่อนใหม่ได้อย่างแนบเนียนอีก

พวกเขาเดินบ่นเรื่องอาจารย์ที่สั่งงานเยอะตอนใกล้สอบไปเกือบตลอดทาง จนกระทั่งถึงรถตู้สีขาวซึ่งจอดรอรับส่งอยู่หน้าโรงเรียน ขึ้นไปนั่งที่ประจำของตัวเอง แพรวพิมพาซึ่งเป็นพี่สาวของภัทรพักตร์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือการ์ตูนอย่างทุกที  ส่วนพวกเขาหยอกล้อเล่นหัวกับเพื่อนคนอื่นเรื่อยเปื่อย ทำตัวเหมือนเป็นเด็กมัธยมทั่วไปอีกครั้ง หลังจากที่ระยะหลังมานี้ วสุรู้สึกราวกับตัวเองมีชีวิตอยู่มาเกินอายุจริงของตัวเองเป็นสิบปี จากทั้งความฝันและความรู้สึกประหลาดกับบุคคลและสถานที่ซึ่งเกิดขึ้นซ้ำ ๆ

จากเสียงโหวกเหวกค่อยเบาลงเมื่อเพื่อนร่วมโรงเรียนถึงบ้านไปทีละคนสองคน เมื่อคนน้อยก็เริ่มสงบและชวนหลับ วสุเคลิ้ัมเต็มทีแล้วตอนที่ได้ยินเสียงคนข้างกาย

“เอ้อนี่” ภัทรพักตร์เอ่ยขึ้น เมื่อเหลือนักเรียนอยู่ในรถเพียงไม่กี่คน และส่วนใหญ่ก็นั่งสัปหงกกันอยู่ทั้งนั้น “เรื่องต้นคูณ”

วสุคิดว่าพวกเขาจะจบบทสนทนาแปลก ๆ นั่นไปแล้ว แต่เพิ่งรู้ตัวว่าคิดผิดก็ตอนที่อีกฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมานี่เอง

“ทำไมหรือ?”

“มันเคยมีอยู่จริง”

วสุเลิกคิ้ว มองหน้าคนพูดตาปริบ ๆ จากที่ง่วงอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้กลายเป็นใจเต้นแรงและเร็วขึ้นจนเหมือนได้ยินมันก้องอยู่ในหู “...ทำไมล่ะ?”

“อาจารย์พงศกรบอกมา”

อาจารย์พงศกร...เด็กหนุ่มนิ่งคิด คนที่อายุเยอะจนน่าจะใกล้เกษียณอยู่แล้วคนนั้น เจ้าตัวเคยพูดเองว่าทำงานที่นี่มานานตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม ถ้าเป็นเรื่องเมื่อก่อนของโรงเรียน อย่างไรก็ต้องรู้แน่

“เมื่อไหร่” เขารีบถาม ลิ้นแทบพันกัน

“คาบสุดท้าย”

“เอ๋?”

“เอ๋เอ๋ออะไรเล่าไอ้นี่!” อีกฝ่ายทำท่าฮึดฮัดตัดรำคาญแล้วหันหน้าหนีออกนอกหน้าต่าง “พูดแค่ทีเดียวก็น่าจะรู้เรื่องไหม”

“คาบสุดท้ายที่เดินออกไป คือตามไปถามอาจารย์พงศกรมาหรือ”

“ถ้าไม่ถามแล้วอยู่ ๆ เขาจะมาเล่าเองไหมล่ะ” ภัทรพักตร์งึมงำทั้งที่ยังเบือนหน้าไปทางอื่น และตอนนี้วสุค่อนข้างแน่ใจว่าคงเป็นไปเพื่อกลบเกลื่อนอาการเก้อเขินของเจ้าตัว

“ขอบใจนะ”

“...”

“ดีใจที่นายเชื่อฉัน”

“ก็ยังคิดว่าเพ้อเจ้ออยู่ดีนั่นแหละ”

“เหรอ”

“เออสิ” ว่าจบก็หันมามองตาเขียว “ยิ้มทำไม”

“หา..ฉันยิ้มอยู่หรือ?”

“ใช่ดิ!”

“อา..ขอโทษ” วสุเปลี่ยนจากแค่ยิ้มเป็นหัวเราะเบา ๆ ซึ่งดูเหมือนจะยิ่งทำอีกฝ่ายกระฟัดกระเฟียดกว่าเก่า “ถ้านายไม่อยากเห็น งั้นจะหลับหรือแกล้งหลับก็ได้นะ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วปลุก”

“ขี้เซาอย่างแกน่ะ อย่ามาพูดดีกว่าว่าจะปลุกใคร”

เขาหัวเราะอีกครั้ง อาจจริงอย่างลูกพี่ลูกน้องว่า เพราะหลังจากคิดวุ่นวายอยู่ได้เพียงครู่หนึ่ง เขาก็ผล็อยหลับจนถึงบ้านอย่างทุกทีนั่นเอง




ภัทรพักตร์เอาศอกถองคนที่นั่งหลับหัวทิ่มอยู่ด้านข้างให้ตื่น เจ้าตัวงัวเงียขึ้นทำหน้าเหวอ จากนั้นค่อยนึกได้ว่าถึงที่หมายแล้ว ควานหากระเป๋าตัวเองแล้วต้วมเตี้ยมลงจากรถ

เขาส่ายหน้าเนือย ๆ ตามลงไปผลักคนข้างหน้าหัวทิ่มไปทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้ปนมันเขี้ยว ส่วนแพรวพิมพาโคลงศีรษะให้พวกเขาขำ ๆ ก่อนจะเดินนำเข้าไปก่อน ส่งเสียงทักทาย “แม่หวัดดีค่ะ” พร้อมเสียงฝีเท้าตึงตังลั่นบ้าน

วสุในสายตาเขาดูเหมือนเป็นเพื่อนวัยมัธยมทั่วไป แม้นิสัยออกจะเรียบร้อยกว่าเขามากนัก แต่ส่วนใหญ่ก็เฮฮาสมวัยดี มีแค่บางคราวที่อดรู้สึกไม่ได้ว่ามุมมองของเจ้าตัวราวกับคนที่ผ่านชีวิตมาเกินกว่าสิบห้าปี ระยะหลังมานี้ถึงกับเผลอคล้อยตามไปด้วยบ่อย ๆ เมื่อวสุหลุดปากพูดถึงอะไรที่ดูคล้ายว่ามันเคยเกิดขึ้นจริงในอดีตหรือไม่ก็ในฝัน บางทีอาจหมายถึงเหตุการณ์เดียวกันนั่นละ ประมาณจากคำบอกเล่าแล้วอย่างไรก็น่าจะก่อนพวกเขาลืมตาดูโลกแน่ ๆ

ระลึกชาติ? เกิดใหม่? เขานึกออกแต่เรื่องพวกนี้ ว่าแต่มันมีจริงหรือเปล่า

ก้อนขนแหว่ง ๆ สีดำซึ่งกระโจนออกมาจากหลังพุ่มไม้ทำเขาหลุดจากภวังค์ มันวิ่งหางตั้งมาพันขาวสุ จากนั้นเหลือบมองเขาด้วยนัยน์ตาลุกวาว

“ไง ไอ้ดำ” เขาทัก “มาอยู่นี่ถาวรแล้วสินะ”

แต่แมวดำเชิดใส่แบบไม่ไว้หน้า

“ชื่อขาวต่างหาก” วสุแก้ให้ ย่อตัวลงไปเกาคางไอ้แมวหยิ่งซึ่งเปลี่ยนท่าทีกะทันหัน เอียงคอหลับตาพริ้มพลางทิ้งตัวลงแทบเท้าแบบไร้กระดูก

เขาทำปากขมุบขมิบ ปรายตาใส่คนและแมวที่หงุงหงิงกันอยู่หน้าบ้าน แต่ลานสายตากลับมองเห็นไปไกลกว่านั้นถึงอีกฝั่งรั้ว ชายหนุ่มเจ้าของบ้านสีขาวหลังงามคล้ายว่ากำลังมองมาทางนี้ ทว่าเมื่อเพ่งมองดี ๆ ก็กลับเป็นแค่นั่งเล่นกับหมาหน้าบ้านเท่านั้น

“กับพี่เอกน่ะ” เขาเปรยขึ้นลอย ๆ อีกแล้ว นึกได้ขึ้นมาหลังเห็นผู้ชายคนนั้น “สนิทกันตั้งแต่ในฝันหรือ?”

“...”

“นี่ถามจริง” เขาต้องย้ำอีกรอบ เมื่อเห็นสายตาประหลาดใจเจือตระหนกของวสุที่เงยขึ้นมองกลับมา “..ตอนแรกก็คิดว่าไร้สาระ แต่ตอนนี้สงสัย”

“...ฉัน”

“สงสัยมากด้วย” กดดันอีกหน่อยอีกหน่อยอย่างนึกสนุกจนคนฟังหน้าเจื่อน ก่อนจะก้มงุดแล้วอุบอิบออกมาในที่สุด

“..ใช่..”

“นั่นไง”

“อยู่ในฝันมาตั้งนานแล้ว”

“เมื่อก่อนบอกไม่รู้ว่าคนในฝันเป็นใครนี่”

“แต่ตอนนี้รู้แล้ว”  วสุร้องขัด เงยขึ้นมองเขา ลังเลอยู่อึดใจหนึ่งจึงถามต่อเสียงอ่อน “..นายเชื่อเรื่องพวก...เกิดใหม่...หรือระลึกชาติไหม?”

“หือ?” เขาทำเป็นเลิกคิ้วสงสัย แม้ความจริงลึก ๆ แล้วก็นึกใคร่ครวญเรื่องนั้นอยู่ เพียงแต่ไม่คิดว่าวสุจะเอ่ยออกมาตรง ๆ เช่นนี้ “ทำไมล่ะ”

“..ฉันรู้สึกเหมือนมีความทรงจำของคนที่ตายไปแล้วอยู่ในหัว”

คำพูดนั้นทำเขาใจหายวาบ อดหวั่นขึ้นมาไม่ได้ ในความเห็นเขาแล้ว มันไม่ใช่เรื่องดีเลยที่จะมีเรื่องของคนใครสักคนซึ่งไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้วคอยหลอกหลอน

“..มันน่ากลัว แต่บางช่วงก็มีความสุข รู้สึกได้ถึงทุกอย่างของคนคนนั้นจนเหมือนมันเกิดขึ้นในชีวิตจริงของฉันด้วย”

วสุยกมือขึ้นกุมอกเสื้อตัวเอง พึมพำต่อช้า ๆ เมื่อเขาไม่ได้ขัดอย่างทุกที

“..ฉันเคยคิดว่าตัวเองบ้าไปแล้วหรือเปล่า มันต้องเป็นภาพหลอนหรือไม่ก็ภาวะทางจิตที่ไม่ปกติแน่ ๆ ไม่มีทางเป็นเรื่องจริงไปได้หรอก แต่ว่าพอย้ายมาอยู่ที่นี่...มันค่อย ๆ ชัดขึ้นทุกที ถึงได้เข้าใจ...”

ภัทรพักตร์ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังกลั้นหายใจอยู่ ทั้งน้ำเสียงและแววตาของวสุราวกับไม่ใช่ไอ้ลูกพี่ลูกน้องหน้าง่วงอย่างทุกที ความเศร้าโศก เจ็บปวด และอาลัยอาวรณ์อัดแน่นอยู่ในทุกพยางค์เหล่านั้นจนรู้สึกทรมานไปด้วย แค่ได้ฟังก็เหมือนว่าจะหายใจไม่ออกแล้ว

“...มันจริงทั้งหมดเลย..ที่ฉันฝันและรู้สึกมาตลอด ไม่ใช่เรื่องคิดไปเอง ที่หนักคือบางครั้งฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตัวเองเป็นใครกันแน่”

“แกก็เป็นลูกพี่ลูกน้องฉันกับพี่แพรวไง”

“...”

“หลานป้าแต๋ว” เขาพูดต่อ ตบไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ ส่ายหน้าไล่ความประหวั่นจากสิ่งที่ได้ฟังไปด้วย “ชื่อวสุ"

“แต่ว่า..”

“คิดอะไรมากเป็นคนแก่วะ”

“..อ่า” วสุอ้าปากจะเถียง แต่แล้วก็กลับไปทำหน้าจ๋อย “..นั่นสินะ”

“เฮ้ย นี่ไม่ได้ไม่เชื่อหรือจะว่านะ” เขารีบแก้ “แค่หมายถึงให้เป็นตัวเองนั่นแหละ จะเคยเป็นใครหรือมีความทรงจำของใคร แต่ตอนนี้ก็เป็นไอ้เด็กสิบห้าที่ชอบทำหน้าง่วง ๆ ไม่ใช่รึไง”

“นั่นหมายถึงฉันหรือ?”

“เออสิ” ภัทรพักตร์เอ่ยกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นหน้าเหลอหลาของอีกฝ่าย “ไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตแทนใครนี่”

“อ้อ...เนอะ” วสุตอบรับเบา ๆ สุดท้ายก็หัวเราะตามไปด้วย “..ตัวฉันก็คือตัวฉัน”

แต่แล้วเสียงกลับเจื่อนลงทีละน้อย วสุเงยหน้าขึ้นมองเขา จากนั้นถอนหายใจอย่างอมทุกข์ ลุกขึ้นแล้วเหลือบไปทางอีกฝั่งรั้วนิดหน่อย ก่อนจะเดินนำเข้าบ้านโดยที่ชายหนุ่มซึ่งนั่งเล่นกับสัตว์เลี้ยงยังไม่ได้เงยกลับขึ้นมา

“อ้าว?”

ภัทรพักตร์ยักไหล่ ย่อตัวลงเล่นกับแมวอีกครู่หนึ่งก่อนจะอุ้มมันห้อยขาหลังโตงเตงเดินเข้าบ้านตามไปอีกคน ครุ่นคิดว่าจะซื้ออาหารแมวยี่ห้ออะไร แล้วจะว่างพาไปฉีดวัคซีนสักวันไหนดีหนอ






มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ
v
v
v
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-05-2014 12:57:38 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
บทที่ 7 (ต่อ)



วสุโยนกระเป๋าหนังสือไว้บนเตียง จากนั้นก็ทิ้งตัวเองตามลงไป แหงนมองเพดานว่างเปล่าสีขาวอย่างเลื่อนลอยอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนสายตาลงมายังผนัง จับจ้องอยู่กับภาพสีน้ำซึ่งเอกภพวาดแล้วเขาขอกลับมาเมื่อวันอาทิตย์ก่อน เขาแปะมันลงบนกระดาษแข็งเพื่อทำเป็นกรอบอย่างง่าย จากนั้นติดมันไว้บนผนังห้องในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจน เฝ้ามองสีสันอ่อนโยนที่แต่งแต้มเป็นกลีบดอกและใบอยู่ครั้งละนานสองนานอยู่ได้ทุกวัน

จะทำอย่างไรดีนะ

ภัทรพักตร์พูดถูก ตัวเขาต่างหากซึ่งอยู่ตรงนี้ ทุกลมหายใจ ทุกครั้งที่หัวใจสูบฉีดเลือดในกายให้ไหลเวียนไปทั่วร่าง เขายังคงเป็นวสุ ต่อให้สงสัยว่าเมื่อก่อนอาจเคยเป็นคนอื่น อีกทั้งบางครั้งยังทำอะไรลงไปด้วยแรงผลักดันจากความฝันและภาพซ้อนซึ่งปรากฏขึ้นกระทั่งยามตื่นในระยะหลัง ทว่าเขาก็ไม่มีทางเป็นใครไปได้นอกจากวสุ

แต่หากเชื่อมั่นเช่นนั้นแล้ว คำถามต่อมาจึงยิ่งรบกวนจิตใจ หรือมีแต่เขาที่หลงรักเอกภพอยู่แค่ฝ่ายเดียว?

ในเมื่อวสุก็คือวสุ และวสันต์ก็คือวสันต์ เป็นคนละคนกัน ย่อมหมายความว่าคนที่เอกภพรักไม่ใช่เขา ที่มีอะไรกันวันนั้นเป็นเพราะเขาพูดเหมือนกับตัวเองเป็นอีกคน การมานอนใคร่ครวญเรื่องที่ว่าจึงชวนให้รู้สึกหดหู่ขึ้นมาทันที อย่างกับมีแค่ตัวเองซึ่งถูกภาพอดีตดึงรั้ง แม้แต่ความรู้สึกรักที่เกิดขึ้นและเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ก็ยังคล้ายว่าไม่ใช่ความรักอย่างอีกฝ่ายต้องการ

“..เขารักวสันต์...” เด็กหนุ่มพึมพำแผ่วเบากับตัวเอง “...ไม่ใช่วสุ”

แล้วจะทำให้รักวสุได้ไหม? วันนั้นเอกภพเพิ่งพยักหน้ากับเขาที่ขอร้องว่าช่วยเริ่มรักเขาบ้าง..สักทีละนิดก็ได้ จะถือว่านั่นแสดงถึงความหวังของเขาใช่หรือเปล่า

วสุลุกขึ้นเดินไปหยุดอยู่ริมหน้าต่าง มองผ่านแมกไม้รก ๆ ในฝั่งรั้วตัวเองไปยังบ้านอีกหลัง เอกภพไม่ได้นั่งอยู่ที่เดิมหน้าบ้านแล้ว เมื่อกวาดสายตาจนทั่วก็พบว่าเจ้าตัวย้ายมายืนพิงเสาตรงชานหลังบ้านตัวเอง ยังไม่ทันได้ทำอะไร อีกฝ่ายกลับหันมาเห็นแล้วโบกมือให้น้อย ๆ

เด็กหนุ่มยืดตัวตรงขึ้นอย่างน่าขำ ผงะไปนิดหน่อย ทำเหมือนเป็นขโมยที่ถูกจับได้ กว่าจะรู้ตัวว่าแค่โบกมือทักกลับไปไม่ใช่เรื่องแปลก ก็กินเวลาไปตั้งหลายวินาที รีบเตือนตัวเองให้วางอาการเป็นปกติหน่อย เฟอะฟะอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน

เอกภพกวักมือสองสามครั้ง จากนั้นชี้ไปที่ดุ๊กดิ๊กซึ่งนั่งแลบลิ้นอยู่ข้าง ๆ เป็นเชิงเชื้อเชิญ อ่านปากจากที่ไกล ๆ ได้คล้ายว่าเป็น ‘เล่นไหม?’

เด็กหนุ่มพยักหน้ารับแทบไม่คิด จากนั้นรีบแจ้นออกจากห้อง บอกกับแพรวพิมพาที่นั่งจ้องจอสี่เหลี่ยมว่าเขาจะไปเล่นหมาข้างบ้านครู่หนึ่งเดี๋ยวกลับ เธอเออออตามโดยไม่ได้ติดใจอะไร จากนั้นหันไปสนใจจอโทรทัศน์ต่อ

เขาสาวเท้าเงียบ ๆ มาจนถึงหน้าบ้าน จนปะเข้ากับแมวดำซึ่งเหมือนจะรออยู่ เจอหน้ากันก็ตามห้อยท้ายไปด้วยอย่างรู้งาน

ในขณะเดินผ่านระยะทางสั้น ๆ ระหว่างประตูรั้วของบ้านสองหลังนั้น วสุอดคิดไม่ได้เลยว่าตัวเองช่างใจง่ายนัก กังวลอะไรอยู่เยอะแยะ แต่แค่เห็นหน้าอีกฝ่ายเท่านั้นเองก็แทบลืมไอ้ที่คิดวุ่นวายอยู่ตอนแรกไปหมด

ไม่เป็นไร...เขาปลอบใจตัวเอง ตอนนี้ไม่ได้รัก แต่อย่างน้อยได้อยู่ใกล้กันขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว ความทรงจำเก่ายังอยู่ และความทรงจำจากนี้เขาจะสร้างมันขึ้นมาใหม่เอง ไม่เห็นเป็นไรเลย...ไม่เป็นไรจริง ๆ



ทั้งเจ้านายและดุ๊กดิ๊กเดินอ้อมมารอเขาที่หน้าบ้าน หมาขนทองกระดิกหางแล้วแจ้นมารับทันทีที่เห็นว่าใครมา เอาลำตัวแน่น ๆ มาเบียดขาทักทายเขาพอหอมปากหอมคอ จากนั้นหันไปสนใจแมวซึ่งแยกเขี้ยวขู่ฟ่อแล้วเงื้อขาหน้าเตรียมฟาดอุ้งเท้า

“ขาว” วสุปราม

แมวดำขู่แง่ง ๆ อีกครั้งก่อนจะกระโจนขึ้นพุ่มไม้ที่ประจำ ใต้ใบแน่นหนานั้นแสงส่องไปไม่ถึงสักนิด หญ้ารอบ ๆ ต้นซึ่งไม่ถูกแสงเลยจึงพากันเหลืองและตายหมด เหลือแต่ดินเปล่าเป็นหย่อม ๆ  ดุ๊กดิ๊กเดินไปนั่งแหมะตรงดินไร้หญ้านั่นพอดี เฝ้าอยู่ข้างล่างจนเจ้าของต้องเรียกกลับ

“หญ้าไม่โตเลยนะครับตรงนั้น” วสุทัก มองพื้นดินที่โผล่ให้เห็นผิดจากตรงอื่นของสวนซึ่งปกคลุมด้วยหญ้าเขียวสด

“หญ้าญี่ปุ่นน่ะ แถวโน้นไม่โดนแสงเลยตายหมด เดี๋ยวคงต้องเล็มพุ่มนั้นออกบ้าง ทึบไปแล้ว”

แมวดำเห็นหมาเดินออกห่างแล้วก็ลงมานวยนาดบนพื้นอีกเหมือนยั่ว แต่เมื่อหมาทำท่าจะพุ่งเข้าไปเล่นด้วยกลับกระโจนขึ้นที่เดิมราวจงใจก่อกวน

“ขาว!” วสุโอดครวญซ้ำ แต่เอกภพยืนขำ

“ช่างเถอะ”

“ผมเลยไม่รู้มันสนิทหรือเขม่นกันอยู่”

“หมาแมวก็อย่างนี้แหละ”

วสุผงกศีรษะเลยตามเลย หันกลับมาสนใจชายหนุ่มตรงหน้าแทน “พี่เอกเคยเลี้ยงแมวไหมครับ”

“ไม่เคย”

“แล้วหมาพันธุ์อื่นนอกจากโกลเด้นล่ะ”

“ไม่เคยเหมือนกัน” ชายหนุ่มว่า ส่งลูกบอลยางขนาดย่อมใส่มือวสุ พยักพเยิดให้ลองปาออกไปในสนามหญ้า

เขางงอยู่อึดใจหนึ่ง แต่ก็ทำตาม เริ่มจากปาเบา ๆ ก่อน

ลูกบอลกลิ้งกลุก ๆ ไปได้ไม่เท่าไร เจ้าก้อนขนสีทองก็วิ่งดุกดิกไปคาบมันกลับมาคืน

“โห”

เอกภพยิ้ม ก้มตัวลงพึมพำที่ข้างหูเขา “ทีนี้ลองอีกที ไกลกว่าเมื่อกี้หน่อย”

วสุพยักหน้า ขว้างมันออกไปไกลขึ้น ดุ๊กดิ๊กแจ้นไปคาบมันมาคืนอีกเช่นเดิม แต่คราวนี้ชายหนุ่มเป็นคนหยิบลูกบอลออกมาจากปากสัตว์เลี้ยง ยื้อแย่งกันอยู่นิดหน่อยจนหมารักยอมปล่อย ก่อนจะสะกิดเขาแล้วบอกให้ดูอะไรนี่

เขามองตามมือชายหนุ่มซึ่งเงื้อไปข้างหลัง เจ้าตัวหันมาเรียกดุ๊กดิ๊กเหมือนให้เตรียมตัว ก่อนจะปาบอลออกไปลอยโด่งอยู่ในอากาศ สีส้มสดของลูกบอลยางตัดกับสีฟ้าสดของผืนฟ้าไร้เมฆเหนือสนามหญ้า

โกลเด้นรีทรีฟเวอร์สลัดภาพหมาขนทองชอบนอนอืด กระโจนออกจากข้างกายเจ้านายแล้วทะยานออกไปสุดฝีเท้า ตาจับจ้องกับลูกกลม ๆ สีส้มที่ลอยหวือ จังหวะที่เริ่มคล้อยตัวต่ำลง ก็พอดีกับที่มันยันตัวเองกระโดดขึ้นกลางอากาศ อ้าปากลิ้นห้อย เขี้ยวขาวหมายมั่นจะกัดลงบนลูกบอลยางอย่างเท่เหมือนในโฆษณาอาหารสุนัข จากนั้นก็งับลงไปเต็มคำ

ลูกบอลหล่นตุบลงมากลิ้งช้า ๆ อยู่บนพื้น ตามด้วยร่างหมาที่งับได้แต่อากาศหล่นลงมาเหยียบพื้นด้วยอีกตัว ดูดีทุกประการหากมองข้ามเรื่องที่กระโดดรับพลาดเป้า

“โธ่!”

เอกภพครางออกมาเบา ๆ ส่วนวสุซึ่งลุ้นแทบแย่ก่อนหน้านี้ถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่

“ขายหน้าจริง ๆ เลยดุ๊กดิ๊ก”

ชายหนุ่มโคลงศีรษะ ขณะรับลูกบอลจากสัตว์เลี้ยงที่ยังอุตส่าห์คาบมันจากพื้นมาคืนให้ เกาหูเกาคอแล้วให้ขนมเป็นรางวัล จากนั้นปล่อยมันวิ่งเล่นในบริเวณบ้าน ประเดี๋ยวเดียวก็ไปนั่งเฝ้าแมวใต้พุ่มไม้อีก

“ท่าทางมันจะถูกใจขาวนะ” ชายหนุ่มว่า ล้างมือที่ก๊อกน้ำใกล้ ๆ แล้วถอยไปนั่งบนเก้าอี้หินอ่อนไม่ไกลกันนัก ดึงแขนเขาให้ลงมานั่งด้วยที่เก้าอี้อีกตัวข้างกัน มองแมวที่แกว่งหางราวกับจะยั่วใส่เจ้าหมาซึ่งนั่งร้องหงิงอยู่ข้างล่าง แล้วยังหันมาทางพวกเขาเป็นระยะเหมือนอยากฟ้อง

“อยากเล่นด้วยก็ต้องชวนเองสิ” เอกภพหัวเราะใส่หมาตัวเอง ขณะที่วสุเผลอมองรอยยิ้มนั้นของชายหนุ่มอีกทอด จ้องอยู่นานจนเจ้าตัวหันมาเห็น

“อ๊ะ!” เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง โบกมือไปมาเป็นพัลวันตั้งแต่อีกฝ่ายยังไม่ได้ออกปากอะไรสักคำ

“มีอะไรหรือเปล่า”

“..เปล่าครับ”

“จริงหรือ?”

“เอ้อ..” เขาลากเสียงอ่อย ๆ จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตายอมรับทั้งที่ยังแอบเหลือบมองอีกฝ่าย “ความจริงแล้วมีเยอะจนไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนเลย”

เอกภพยิ้มน้อย ๆ ให้กับความตรงไปตรงมานั้น “ค่อย ๆ พูดก็ได้”

“ถ้าเบื่อหรือรำคาญขึ้นมาตอนไหนละก็ บอกได้ตลอดเลยนะครับ”

“จะไปรำคาญได้ยังไง”

“ทำไมถึงจะไม่ได้ล่ะ”

ชายหนุ่มชะงักไป ถ้อยคำเรียบง่ายนั้นราวกับหมัดที่ต่อยเข้าแรง ๆ ใส่กลางหน้า เขาคิดไม่ออกเลยว่าจะรำคาญวสุได้อย่างไร แต่ยังบอกไม่ได้อีกแล้วว่าเหตุใดจึงสำคัญจนไม่สามารถคิดอย่างนั้นด้วยได้

“ไม่รู้สิ..” เขายิ้มบาง “แต่เป็นคนที่คิดว่าจะทำอะไรก็ไม่รำคาญหรอก”

“เพราะพี่เอกคิดว่าผมเป็นวสันต์หรือครับ?”

ไม่ใช่..

เขาควรตอบอย่างนั้น แต่กลับพูดไม่ออก ด้วยใจหนึ่งยังลังเลอยู่จริงเหมือนอย่างอีกฝ่ายว่า มีเพียงรอยยิ้มที่ยังวาดอยู่ตำแหน่งเดิมบนริมฝีปาก ทว่าไร้คำตอบรับหรือปฏิเสธ

เมื่อเห็นเขาไม่พูดอะไร วสุก็เปลี่ยนเรื่องเอง

“พี่เอกเชื่อพวกเรื่องระลึกชาติไหม”

“เมื่อก่อนไม่เชื่อ..” เอกภพตอบช้า ๆ ไม่ละสายตาจากใบหน้าคนถามเลยสักนิด “..แต่ตอนนี้ยอมรับว่าก็คิดบ้างเหมือนกัน”

เด็กหนุ่มพยักหน้าเลื่อนลอยแล้วถามต่อ

“วสันต์ก็เรียนโรงเรียนที่ผมอยู่ตอนนี้ใช่ไหม"

เขาเลิกคิ้ว ฟังอีกฝ่ายเจื้อยแจ้ว

"ตอนเขาเรียน ที่ข้างสนามฟุตบอลเคยมีต้นคูณต้นใหญ่ ออกดอกสวยที่สุดในโรงเรียน แต่ตอนนี้มันไม่อยู่แล้ว กลายเป็นถนนคอนกรีต”

ชายหนุ่มรู้สึกโหวงเหวงขึ้นมาในอก ต้นคูณนั้นทำไมเขาจะจำไม่ได้ ดอกสีเหลืองสดที่บานสะพรั่งงดงามในฤดูร้อน รูปถ่ายของเขากับวสันต์ใต้ต้นไม้นั้นยังถูกเก็บไว้เป็นอย่างดีด้วยซ้ำ

“ใช่..” เขาพึมพำ “พี่เองก็เรียนที่นั่นด้วย”

วสุสูดลมหายใจเข้าลึก มองเขาด้วยสายตาเหมือนว่าคิดเรื่องนั้นไว้อยู่แล้ว

“ผมคุ้นกับทุกที่ในโรงเรียนเลย แต่ยังเดินไม่ทั่วเพราะว่าเพิ่งมาอยู่ได้ไม่เท่าไร”

เอกภพพยักหน้ารับ หากวสุมีความทรงจำของวสันต์อย่างที่เจ้าตัวบอก การจะรู้สึกเช่นนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เพราะวสันต์เรียนที่นั่นมาถึงหกปี แล้วยังจบชีวิตลงที่โรงเรียนนั้นด้วยเช่นกัน ร่วงหล่นลงจากดาดฟ้าของอาคารห้าชั้นซึ่งตอนนี้เป็นตึกเก่าเกือบจะที่สุดในโรงเรียน...

เดี๋ยวสิ

“แล้วดาดฟ้าล่ะ?”

วสุเลิกคิ้วกับท่าทีกะทันหันของเขา

“ดาดฟ้าของอาคารเก่า” เขาขยายความเพิ่ม ทั้งสงสัยและกังวลว่าวสุจะจำได้หรือไม่ “ที่มีห้าชั้น ได้ไปที่นั่นหรือเปล่า”

“ตึกเก่าห้าชั้นน่ะหรือครับ” เด็กหนุ่มพึมพำ จากนั้นส่ายหน้าช้า ๆ “ผมเรียนตึกใหม่ เลยยังไม่ได้ไป ว่าแต่ดาดฟ้าที่นั่นมีอะไ—”

พูดได้เพียงเท่านั้นก็กลับชะงักไป สีหน้าซีดเผือด ริมฝีปากสั่นระริก มองกลับมาที่เขาราวกับเพิ่งนึกความเชื่อมโยงบางอย่างออก

“...ดาดฟ้า..”

“....”

“...ที่นั่นหรือครับ?”

หลังเสียงกระซิบนั้นของวสุ ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกครู่ใหญ่ กระทั่งแดดร่มลมตก แมวกระโจนลงจากพุ่มไม้แล้วตบเบา ๆ กลางจมูกหมาไปหนึ่งทีก่อนรีบเผ่นหนี ก็เป็นเขาเองที่เอ่ยออกมาในที่สุด

“..อย่าไปเลย ดาดฟ้านั่น”

“...”

“มันเจ็บไม่ใช่หรือ”

วสุกอดแขนตัวเองไว้ ผ่อนลมหายใจเข้าออกช้า ๆ เขาจำความรู้สึกตอนร่วงลงมาได้ดี มันกรีดย้ำซ้ำ ๆ ในความฝันเขาตลอดมา

“...เจ็บ...แล้วผมก็กลัวมากด้วย”

“เพราะฉะนั้นอย่าไปที่นั่นอีกเลย”

เด็กหนุ่มทิ้งช่วงไปอีกครู่ใหญ่ กว่าจะกระซิบออกมาพลางเงยขึ้นมองหน้าอีกฝ่าย

“พี่เอกรู้ไหม..ผมลองมาคิดกับตัวเองแล้ว”
 
เอกภพสบตาเขากลับ แต่ยังคงนิ่งเงียบรอให้เขาพูดต่อ

“ถึงวันนั้นผมจะเป็นคนพูดเอง ว่าพี่อยากเรียกผมเป็นวสุหรือวสันต์ก็ได้ แต่เอาเข้าจริงแล้ว ถึงจะมีความทรงจำชัดเจนยังไง แต่ผมก็เป็นเขาให้พี่ไม่ได้หรอก..."

"อา"

สีหน้าอีกฝ่ายดูเจ็บปวด แต่อะไรที่เขาทำไม่ได้ก็คงไม่ได้จริง ๆ

"...ไม่อย่างนั้นตัวผมที่ยังหายใจอยู่ตรงนี้จะไม่มีความหมายในการมีชีวิตอยู่เลย”

พอมาได้ถึงแค่นี้ ทั้งขอบตาและปลายจมูกก็ร้อนจนต้องหยุดไปครู่ใหญ่ สูดน้ำมูกเหมือนเป็นเด็กครั้งหนึ่ง จึงพูดต่อได้ทั้งที่ยังกลัวกับคำตอบอีกฝ่าย

“...ที่ผมรักพี่เป็นเรื่องจริง ไม่ว่าความรู้สึกนั้นจะมาจากไหน แต่ก็แน่ใจว่าไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้ ต่อให้เมื่อก่อนผมเป็นใคร ก็อยากให้พี่เอกเห็นว่าผมตอนนี้เป็นวสุ ถึงแม้ถ้าพี่คิดอย่างนั้นแล้ว ความรู้สึกต่อผมทั้งหมดจะเริ่มจากศูนย์ก็ไม่เป็นไร พี่ไม่ต้องรักผมตอนนี้ก็ได้..ผมรอมาทั้งชีวิต แล้วผมก็คิดว่ายังรอต่อได้อีก...”

“วสุ..”

“ได้หรือเปล่าครับ? ผมขอมากเกินไปหรือเปล่า”

เขาถามเสียงแผ่ว ร่างกายไม่ไหวติง ทั้งที่หวั่นใจจนแทบไม่สามารถนั่งนิ่งอยู่ได้ แม้หากสวมรอยว่าตัวเองเป็นวสันต์ เอกภพก็คงรักเขาได้เหมือนอย่างที่เคยเกิดความรู้สึกนั้นกับคนรักเก่า แต่จะให้มีชีวิตใต้เงาของคนที่ไม่อยู่อีกแล้วตลอดไปคงทนไม่ไหว จะต่างอะไรกับต้นหญ้าพวกนั้นที่อยู่ในเงาทึบของพุ่มไม้จนตายไปเอง

“...พี่เอก?”







สองคนนั้นเอาอีกแล้ว

ขาวทำสิ่งที่คล้ายกับเวลาคนถอนหายใจ โบกหางยั่วให้ไอ้ขนทองจ้องไว้ด้วย จะได้ไม่ว่างไปเสนอหน้ารบกวนทาสมนุษย์ของมันอีก หมาโง่ก็หลอกง่ายเสียจริง เห็นหางสีดำ ๆ แกว่งไปมาก็กลอกตาตามราวกับถูกสะกดจิต

มันเหล่หมาอย่างพึงใจ มองเลยไปถึงพื้นใต้แมกไม้หนาทึบที่ตนซุ่มอยู่ ตรงนั้นเป็นดินแห้ง ๆ ที่ไม่มีหญ้างอกนัก คงเพราะอยู่แต่ใต้พุ่มไม้ซึ่งรกครึ้มกว่าจุดอื่น ต่อให้มีร่มเงาและดูเหมือนจะปลอดภัย แต่ไม่มีแสงเลยเช่นนี้คงไม่ไหว หญ้าชอบแดดที่ไหนจะไปงอกได้กัน อย่างเจ้าเด็กนั่น—

“โฮ่ง!”

หมาเห่าขัดจังหวะความคิดปรัชญาแมว

หนวกหูน่า!

มันเขม่นจนลูกตาเหลือง ๆ แทบหลุดจากเบ้า พยักพเยิดไปทางนายที่รักของเจ้าหมากับทาสผู้ซื่อสัตย์ของตัวเอง ดุ๊กดิ๊กหันมาจ้องมันตาใสสลับกับเหลียวมองสองคนซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลนัก ถ้าเงียบ ๆ เสียบ้างคงได้ยินอยู่หรอกว่าคุยอะไรกัน ก่อนหน้านั้นก็มัวแต่วุ่นวายกับเจ้าก้อนขนตุ๊ต๊ะนี่จนไม่ทันฟัง ได้ยินอีกทีตอนวสุถามว่าได้หรือเปล่า...ขอมากเกินไปหรือเปล่า แต่ได้อะไร..ขออะไรมากไปนั้นมันก็ไม่รู้ โทษไอ้อ้วนที่แลบลิ้นแหะอยู่นี่เลย

“พี่เอกครับ?”

นั่นปะไร พอหมาเงียบหน่อยก็ได้ยินแล้ว แต่ทำไมทาสมันต้องไปอ้อนไอ้ผู้ชายคนนั้นตลอดเลยนะ น่าหมั่นไส้เหลือเกิน

“โฮ่ง”

ยังกวน! เดี๋ยวตบจมูกแหว่งเสียนี่!

คราวนี้ต้องขู่ถึงสองรอบ กว่าหมาจะยอมร้องหงิงแล้วย่อตัวลงนั่งดี ๆ ใต้หางซึ่งกวัดแกว่งไปมาของมัน รอดูท่าทีว่ามนุษย์ผู้ชายที่งี่เง่าพอกับหมาของตัวเองจะทำไอ้หนูขี้ง่วงของมันร้องไห้อีกหรือเปล่า

แต่คราวนี้เหมือนจะไม่

วสุขออะไรก็ไม่รู้ แต่เอกภพไม่ยอมตอบ กลับบอกให้หลับตา ซึ่งเจ้าเด็กหน้าง่วงหลังจากงุนงงอยู่เพียงครู่เดียวก็ทำตามอย่างว่าง่าย หัวอ่อนเสียนี่กระไร เมื่อวสุหลับตาตามที่ตัวเองขอ มือใหญ่ ๆ จึงวางแนบลงบนสองแก้มเด็กหนุ่มแผ่วเบา ดูทะนุถนอมอย่างกับเวลาประคองดอกไม้เล็ก ๆ ไม่ให้กลีบช้ำ

ขาวมองตาไม่กะพริบ ไม่ลืมจะโบกหางไปมาเพื่อเห่กล่อมหมา

มันจ้องเขม็งแทบลืมหายใจ ตั้งแต่ใบหน้าสองคนนั้นยังห่างกันในระยะพูดคุยปกติ จนกระทั่งทางฝั่งเอกภพขยับช้า ๆ เข้าไปใกล้เด็กหนุ่มซึ่งยังหลับตาอยู่


ปลายจมูกแตะกันเบา ๆ


แล้วตามด้วยริมฝีปากที่จรดลงไป เอียงใบหน้าจนกลีบปากทั้งคู่แนบกันสนิท ถอนออกแล้วกดลงไปใหม่ซ้ำ ๆ เชื่องช้าจนราวกับจะทำใครสักคนขาดใจลงให้ได้..แต่อ่อนหวานเหมือนกลิ่นดอกไม้ที่ลอยฟุ้งอยู่แถวนี้


ไอ้มนุษย์ผู้ชายนั่นร้ายนัก!

ตอบคำถามไอ้หนูของมันด้วยวิธีแบบนี้ แค่พูดว่า ‘ได้’ คำเดียวมันจะตายหรืออย่างไรมิทราบ จึงต้องมาเลียปากแทนคำตอบ

หมากำลังนั่งเอ๋อ มองนิ่งไปทางเจ้าของ ขาวถือโอกาสนั้นกระโจนลงจากพุ่มไม้เงียบเชียบ ย่องผ่านพื้นดินโหว่ ๆ ซึ่งไม่มีหญ้าขึ้น แต่เห็นเอกภพบอกจะเล็มพุ่มไม้นี้ ซึ่งเป็นความคิดที่ดีหากยังอยากให้หญ้างอก อยู่ใต้เงาครึ้มเช่นนี้พวกชอบแดดมันจะรอดได้อย่างไร

มันซอยเท้าเหยาะ ๆ ไปหาวสุ เด็กน้อยของมันโดนเลียปากไปเยอะแยะ เฝ้าไว้สักหน่อยก็ดี ประเดี๋ยวจะจบแบบครั้งก่อนอีก แต่พอหมาเห็นเข้าก็รีบเสนอหน้าตามมา เศษดินยังติดตรงก้นที่เต็มไปด้วยขนสีทองนั้นด้วยซ้ำ ไอ้หมาซกมกเอ๊ย!

ดุ๊กดิ๊กส่งสายตาเถียง ว่าก็ใต้พุ่มไม้นั่นมีแต่ดิน หญ้าไม่เหลือเลย แล้วจะไม่ให้เศษดินติดขนได้อย่างไร แต่แมวส่ายหน้าว่าฟังไม่ขึ้น ข้ออ้างนี้ใช้ได้อีกแค่ไม่เท่าไร


เพราะเมื่อออกจากเงาได้แล้ว ไม่นานหญ้าสวย ๆ คงงอกงามใหม่เป็นแน่





โปรดติดตามตอนต่อไป






ฟู่วววว

อา...เริ่มหมดความเห็นเองแล้วค่ะ (ฮา)
ขอบคุณคนอ่านงาม ๆ ที่เข้ามาเยี่ยมเยือนค่ะ ตอนที่แล้วดูเหมือนทุกคนจะเป็นหวัดกันเยอะเลย *แจกจ่ายยาแก้ไอ* แล้วไปเยี่ยมพี่เอกกันนะคะ คุก ๆ ๆ ๆ

พรากกกส์ ข้ามไปของแถมเลยดีกว่า ฮึบ! รีพลายถัดไปนะคะ lol
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-05-2014 13:02:36 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
ของแถมนิดหน่อยค่ะ ^^


วสุกับขาว









อันนี้แอบแกล้งพี่เอก (ฮา)
v
v



ปิดท้ายด้วยเด็กน้อยอันนี้



ครอปมาค่ะ รูปเต็มกดดูได้ที่นี่ แต่ระวังหลังนะคะ เปิดในที่ไม่มีคนค่ะ พรากกกส์ >> http://rainysnovel.tumblr.com/post/84813931869


พบกันตอนหน้าค่า ,,>3<,,
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-05-2014 21:58:37 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ ployyuki

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อา พี่เอกจูบปิดปากกันแบบนี้เลยเหรอคะ ฟินนนน  :-[

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
วสุคิดเยอะจัง ถ้างั้นความรักที่ให้กับพี่เอกแน่ใจได้งัยว่า ไม่ใช่รักของวสันต์

คนเพิ่งเจอกันจะรักมากมายได้งัย  ถ้าไม่ใช่เศษซากของความทรงจำเก่าๆ

เลิกคิดมากเถอะ แล้วพี่เอกกับวสุจะมีความสุขมากกว่านี้ ไม่ต้องเอาแต่ระแวงอดีต

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ GETIIZ

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-4
เพราะเมื่อออกจากเงาได้แล้ว ไม่นานหญ้าสวย ๆ คงงอกงามใหม่เป็นแน่
อีกไม่นานความทรงจำใหม่จะเกิดขึ้น  ความทรงจำที่เป็นของวสุกับพี่เอกจริงๆ
ความทรงจำที่ติดอยู่ในความรู้สึก,มาทั้งชีวิต เมื่อมันเกิดขึ้นและผ่านมานานแล้ว คงกลับไปแก้ไขหรือทำอะไรไม่ได้
สิ่งที่ทำได้ก็คือการสร้างความทรงจำครั้งใหม่ของตัวเองขึ้นมา

คำตอบของพี่เอก ช่างได้กำไรจากวสุจริงๆ
ขาวกับดุ๊กดิ๊กก็จะตะปบกันตลอด 5555555555

ออฟไลน์ misso

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
เรื่องมันเศร้าและดราม่าเล็กๆ แต่ขำเจ้าสองตัว คือ ทั้งแย่งซีน ทั้งตัวชูเรื่อง เหมือนเป็นเรื่องตัวเองเลยเจ้าแมวหมาคู่นี้ น่ารักจริงๆ ฮ่าๆ

ออฟไลน์ MK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
ขาวแอบหวงวสุนะ   :laugh: 

พี่เอกนี่เนียนนะ ตอบคำถามเฉยๆไม่ได้ เป็นต้องมีอะไรๆตลอด นี่ก็เลียปากไปเสียเยอะแยะ #ตามที่ขาวบอก 

ไม่ธรรมดา

วสุน่ารักจังเลยลูกกกกกกก ป้า +ให้เลย 

ออฟไลน์ nn~~NN

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-1
เฮีกเอกนี่ดูยังไงก็ไม่ใช่ตาแก่บ้ากามนะคะ แต่เผลอไม่ได้อ่ะ จะพรากผู้้เยาว์ตล๊อด  :ling2:
กะลังคิดว่ามันต้องมีจุดพีคดราม่าที่ดาดฟ้าแน่เลย (ทุกวันนี้ก็หม่นๆจะแย่ ฮืออออ)

ออฟไลน์ cweanz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่เอกกกกก ปากวสุอร่อยไหม~  :-[

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ขาวเป็นแมวฉลาด เริ่มสงสัยว่าพี่เอกกับวสุคือตัวประกอบหรือไม่ บทบาทขาวและดุ๊กดิ๊กดูเป็นเมนไอเดีย  :laugh:

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ท่องไว่ว่าตัวเองทาสหมา ฉันจะไม่เป็นทาสแมวววววว  :hao7:

ออฟไลน์ ceylon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เรื่องมันเศร้าขอเหล้าเข้มๆ
ทำไมเราถึงรู้สึกว่าตอนนี้มันสั้น หรืออารมณ์เราค้าง เอ๊ะ 555
รอค่า เป็นกำลังใจให้นะๆ
พี่เอกๆ หายใจเข้า คุก หายใจออก คุก...

คุกๆๆๆๆๆ

 :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เมื่อไรจะหายใจได้แบบ โล่ง สบาย อากาศช่างสดใส ปลอดโปร่งอะไรแบบนี้ ตอนนี้มันสุขน่ะ แต่มันไม่เต็มปวดอะ
ตัวเอกเรื่องนี้คงไม่พ้น ขาวกับดุกดิ๊กสิ

ออฟไลน์ viky_mama

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 504
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
รูปสวยมากกกกกกก

ปล ฉากสวีตน้อยจุงเบย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aimjjj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :ling1: ทำไมมันหน่วงๆเบาๆก็ไม่รู้ แต่มาฟินตอนพี่เอกให้คำตอบนี่หล่ะค่ะ โอ๊ยยยยย  :hao6: ขาวกับดุ๊กดิ๊กนี่ออกแนวเคะราชินีกับเมะซึนเอ๋อมึน น่ารัก~~ :hao7:

ปล. บวกเป็ดค่ะ จึกๆ :z13: o13

ออฟไลน์ loyal_mook

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แหม่พี่เอกกก นิดๆหน่อยๆขอให้ไดัเต๊าะ  :hao3:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ from_mars

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-0
ขาวบรรยายได้ ฮาร์ด...มากลูก
เลียปาก วุ้ยยยย

รออ่านต่อไป สบายใจขึ้นนิดนึง

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
ดีใจที่วสุกล้าพูดออกไป
มันถูกที่สุดแล้ว ที่พี่เอกจะต้องมองวสุตอนนี้
ชอบนะเวลาสองคนนี้มุ้งมิ้งกันในสภาวะดราม่าเบาๆแต่มันอบอวลด้วยความอบอุ่นเล็กๆ

ชอบที่ให้ขาวได้เล่าเรื่อง รู้สึกว่าขาวช่างหยิ่งเหลือเกิน
แถมมีการมาช่วยเฝ้าวสุกลัวว่าจะไม่โดนทำมากกว่าเลียปากแบบตอนในบ้านอีก
น่ารักจริงๆเลยนะขาว กลัวว่าพี่เอกจะไอ (คุก คุก คุก) ใส่วสุใช่ป่าว อิอิ :hao6:

ขอบรรยากาศมุ้งมิ้งของพี่เอกกับน้องวสุอีกนะค่ะ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ชริๆ ตาแก่กินเด็กจนเป็นอมตะเอ๊ยยยยยยยยยยย


ตอบเป็นภาษากายเลยนะยะ

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
น่าสงสารวสุ มีความทรงจำของคนที่ตายแล้ว จริง ๆ วสันต์คงไม่ได้ฆ่าตัวตายอาจมีคนผลักให้ตกลงมาหรือเปล่า ก็รักกันขนาดนั้นจะอยากตายทำไม

ออฟไลน์ hibatsumoe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
มาแล้วค่ะมาแล้ว ><
กำลังจะไปนอนพอดีเลย 555
แต่มาเชียร์น้องวสุก่อน ( อยู่ราชบุรีเหมือนกันเลย เลยแอบจิ้นว่าเป็นโรงเรียนเก่าเรารึเปล่า 555 )
ลุง เอ๊ย! พี่เอกขา สู้น้องวสุไม่ได้ เด็กออกจะจริงใจ
คิดอะไรก็พูดตรงๆ  :-[
ชอบขาวกะดุ๊กดิ๊ก รอบทพี่คิมนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ kissme

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 457
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ว้าว....ว้าว สวยงามสละสลวย อ่านแล้วปลื้มปริ่มในใจ รอวันต้นหญ้างดงาม :o8:  :กอด1:

ขอบคุณจ๊ะ :L2:

ออฟไลน์ The_Dark_lady

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
 :laugh:
จากรู้สึกหน่วง มันกลายเป็นฮาทันใด
เมื่อเปลี่ยน POV มาเป็นนังขาว (เอิ่ม...ตัวเมียใช่มะ...)
เห็นเชิ่ดๆนี่แอบหวงน้องวสุเหมือนกันสินะ...สินะ...สินะ
//โดนข่วน

รู้สึกว่าปรัชญาความรักมันจะอยู่กับลมฟ้าอากาศและสวน
แถมภาษายังสวยจนเรา อยากแยกเล่มปรัชญารักในสวน
//โดน  :beat:

PS.พี่เอกนี่กินกำไรจริง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด