✣✤|แมว หมา ดอกไม้ และพี่ชายข้างบ้าน|✤✣ ตอนพิเศษวันสงกรานต์ P.29
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✣✤|แมว หมา ดอกไม้ และพี่ชายข้างบ้าน|✤✣ ตอนพิเศษวันสงกรานต์ P.29  (อ่าน 269864 ครั้ง)

ออฟไลน์ Fish129

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 746
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-3
เรื่องนี้อ่านแล้วอินมาก   ตอนนี้ขนลุกเลย
ตอนคิม คุยกับวุสุอ่า

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
น่ารักที่สุด ถ้าป๊าม๊ารู้จะเป็นไง คงน้ำตาไหลเลยทีเดียวเชียว  :heaven

ออฟไลน์ neno.jann

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ร้องไห้อีกแล้วค่ะ :hao5: มันซึ้งเกินอ่ะ ฮืออออออ รอตอนต่อไปนะคะะะะะะะะะ  :katai4: :katai4:

april day

  • บุคคลทั่วไป
น้ำตาไหลอีกแล้วเรา   :mew4:
ถึงจะเศร้าแต่ก็อบอุ่นในหัวใจ ตี๋คิมกับน้องวสุ(วสันต์) เป็นพี่น้องที่รักกันมาก ๆ
อยากให้วสุ สุขสมหวังเร็วๆ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ  :pig4:


ออฟไลน์ Tsubamae

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ร้องไห้ตามเลยอ่ะ ฮือ  อออ. ไม่ดราม่านะ จริงๆๆ ฉีกแนวดราม่าหน่วงจิตไปเลย ทว่ามันอบอุ่น ซึ้ง เศร้า ดีใจ ลุ้น. ขนลุก หัวใจพองโต อ่านนิยาย การ์ตูน มาก็เยอะนะ. แต่ไมีเคยอ่านเรื่องไหนแล้วเจออารมณ์แบบนี้ ครั้งแรกจริงๆ เปิดเข้ามารอแทบทุกครั้งที่มีโอกาสเล่นคอมอ่ะ ชอบเรื่องนี้มากๆๆ. เจอตอนใหม่. แล้วค่อดดีใจอ่ะ ฮือออ ชอบที่คิมบอกวสุนะ ไม่ต้องเป็นตัวแทนใครหรอก เป็นวสุในตอนนี้นี่แหละ อาจจะต้องแบกรับความทรงจำของเฮียใหญ่ไว้บ้าง แต่แค่คิดว่าเป็นเหมือนความทรงจำในวัยเด็ก มันก็ถูกนะ . แล้วมันก็กึ่งๆะป็นแบบนั้น เพราะวสันต์ก็คือวสุ วสุก็คือวสันต์ เนอะ หนูคิมมาตอนเดียว เจ้หายเครียดเลย มาจุ๊บทึ อิอิ คิดถึงตอน ที่วสุจะ เจอ สา สิ. ม๊า  แล้วก็ ป๊า ตอนเจอป๊านี่ . เราเตรียมร้องรอเลย. แค่คิดถึงตอนนั้นก็แทบจะปล่อยโฮ. ไม่ว่า ป๊าจะเชื่อหรือไม่ แค่ให้วสุได้เจอ ป๊านะ. หนูกร้องแล้วอ่ะค่ะ. ฮืออ ตอนนี้ก็ร้องอยู่  ฮืออ ยิ่งตอน วสุ พูดเรื่อง ข้าวเหนียว (หมาชื่อเดียวกะหมาข้านเราเลย แต่บ้านเราพันธ์ุชิสุ) ขอโทษเรื่องสัญญา ใจเรางี้ เต้นตามคิมเลย พอคิมถามว่าใช่เฮียใหญ่มั้ย เรางี้ร้องก่อนคิมไปแล้ว. โฮ ๆๆๆ มาเจอ คิมบอก ให้มาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง แล้วอ่านบทบรรยายตอนนั้นที่ว่า ขอให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ที่คนเขียนบรรยายความรู้สึกคิม อ่ะ เราจี๊ดด ในใจมากๆ มันตรงกับความรุ้สึกเราเลยอ่ะ. แบบ ขอแค่ให้เฮียใหญ่ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง จะเป็นวสันต์เหมือนเดิมหรือวสุ หรือวสันต์วสุ ยังไงก็ไดั. ขอแค่โอกาสอีกครั้ง  แค่นั้นก็พอ ฮืออออ. พี่เอกมีความสุขแล้ว ในที่สุด ผู้ชายคนนี้ก็จะมีความสุขสักที ฮือออ โอยยย อินนน รออ่านตอนวสุ เจอ สา สิ ป๊า ม๊านะคะ ไม่สิ รออ่านตอนอะไรก็ได้ ขอให้เป็นเรื่องนี้เถอะค่ะ ฮืออ ขอบคุณคนเขียนที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้ขึ้นมานะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
คิมหันต์โผล่มาแล้ว :mc4: น่ารักเสมอต้นเสมอปลาย วสุก็ดูสฃาพจิตใจดีขึ้น ดีใจกับวสุมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
เย่ ดีใจจังที่กลับมาอัพอีกค่ะ

ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 976
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1


บรรยากาศมันอบอุ่น แล้วก็เศร้าแปลกๆ อยากร้องไห้แต่ก็ยิ้มนี่มันยังไง 555

 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ poterdow

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
สนุกมากกกกกกกกกกอ่ะ
ชอบมากๆ
มาต่อไวๆเด้อค่ะเด้อ อิอิ
อย่าดองนาน คิดถึงงง

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
คิดถึงเรื่องนี้~นำ้ตาปริ่มและอบอุ่นหัวใจสำหรับตอนนี้...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pure_ka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
อยากรู้จัง ถ้าได้เจอกับป๊า  ป๊าจะทรุดลงไปร้องไห้เหมือนเด็กๆไหม

คนเราจะรู้ว่าสิ่งนั้นมีค่า เมื่อสูญเสียมันไป  แล้วเมื่อได้กลับมาอีกครั้ง

สิ่งสิ่งนั้น  ย่อมมีค่าจนแทบประเมินออกมาเป็นราคาไม่ได้

อยากให้ป๊าได้คุยกับ วสุ  ความรู้สึกผิดในใจจะได้บรรเทาหายไป


ออฟไลน์ Littlesir

  • I adore all the things you hate about yourself.
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-0
ใช่ๆเค้าก็ไม่อยากให้ดราม่าเยอะ แต่ดราม่าแบบสมเหตุสมผลได้นะเค้าไม่ว่า
ตอนหวานๆเหรอ อยากอ่านๆ เค้าจะรอตอนต่อนะ

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
แมว หมา ดอกไม้ และพี่ชายข้างบ้าน


บทที่ 10 And then it’s spring



ดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า ชายหนุ่มทอดสายตาจากมุมหนึ่งของสวนสาธารณะ ไปหยุดอยู่กับต้นแห้ง ๆ สีน้ำตาลเข้มที่ยืนหยัดอยู่ริมถนน

สภาพมันคงผุพังในอีกไม่นาน แต่ครั้งหนึ่งกิ่งก้านนั้นก็เคยมีใบสีเขียวสด เนิ่นนานมาแล้วตั้งแต่สมัยก่อน ทุกครั้งที่มาแถวนี้จะเห็นมันยืนต้นทักทายอยู่ริมทางเสมอ ในคืนรอยต่อของปีครั้งสุดท้ายที่เขาได้อยู่กับวสันต์ก็ยังเคยเห็นมันแผ่กิ่งก้านอยู่ตรงนั้น รับฟังคำสัญญาซึ่งเขาเคยเอ่ยว่าจะรออยู่จนเช้าก็ได้ ต่อให้อีกฝ่ายจะมาผิดนัดจนเลยช่วงนับถอยหลังเข้าปีใหม่ไปหลายชั่วโมง ยังพูดติดตลกอยู่ว่าให้รอจนเจ็ดโมงเช้าก็ได้ กี่ปีก็จะรอ แต่ไม่เคยคาดคิดว่าปีนั้นจะเป็นปีสุดท้ายของวสันต์

วสุเองก็คล้ายจะมองไปยังตำแหน่งเดียวกัน สีหน้าเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วไม่นานก็เปลี่ยนเป็นหงอยลงนิดหน่อยพอให้จับสังเกตได้

“เป็นอะไรไปหรือ?”

“เอ๋?” วสุยืดตัวขึ้น มองกลับมาที่เอกภพตาแป๋ว “ผมหรือครับ”

“ใช่สิ” ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ พยักหน้ายืนยันกับเจ้าตัว คิดในใจว่าหรือเขาคิดผิดที่พามานั่งเล่นแถวนี้ “ทำหน้าจ๋อยเชียว”

เด็กหนุ่มขยับตัวหยุกหยิก ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมาแผ่วเบา “...อะไรบางอย่างแถวนี้..ทำให้ผม..คิดถึง...”

เขาไม่รู้ตัวเองรอฟังอะไรอยู่ กระนั้นก็ถามออกไปแล้ว “คิดถึงอะไรหรือ?”

“..คิดถึงหลายอย่าง...” พูดแค่นั้นแล้วเงียบไปนาน กว่าจะอ้าปากอีกรอบ “...แต่ทั้งหมดนั้น คล้ายว่าจบลงที่พี่เอกอยู่เรื่อย...”

แม้คำตอบจะอ้อมแอ้ม แต่ถ้อยคำกลับตรงไปตรงมา เอกภพถึงกับชะงักไปวูบหนึ่ง เสียงหัวใจเต้นหนัก ๆ อยู่ในอกชัดเจนจนหนวกหู

“พี่ก็นั่งอยู่นี่ไง?”

“นั่นสิครับ” วสุยิ้มแหย แก้มขาวแต้มสีชมพูจนคนมองนึกอยากกดจมูกลงไปสักที “...ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่รู้สึกอย่างกับ..”

เด็กหนุ่มเงียบไปอีก จะเอ่ยต่อก็ตะขิดตะขวงใจ เขารู้สึกราวกับตัวเองอยู่ในฤดูแล้งมาเนิ่นนาน เฝ้ารอคอยให้ฝนตก แล้วพอได้กลิ่นฝนอีกครั้ง หัวใจพลันเต้นระรัวด้วยความปีติ เมื่อฝนตกแล้วก็ยังอยากให้ตกอีก เมื่อได้อยู่ใกล้แล้วก็ยังอยากอยู่ใกล้อีก เป็นเรื่องเข้าใจยากเหลือเกิน จะอธิบายกับอีกฝ่ายอย่างไรดีไม่ให้ดูเหมือนเป็นคนบ้า

“พูดค้างไว้แล้วก็เงียบ” เอกภพเปรย โคลงศีรษะพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู “ร้ายจริง ๆ เจ้าเด็กคนนี้”

“อ๊ะ รอฟังอยู่หรอกหรือครับ?”

“ใช่สิ” ชายหนุ่มหัวเราะกับท่าทางเป๋อ ๆ ของอีกฝ่าย พึมพำต่ออย่างแฝงความหมาย “รออยู่ตลอดนั่นละ”

“พี่คิมบอกว่ารอจนแก่เลย” วสุอุบอิบ

“เอ๊ะ?”

“เปล่าครับ”

ปากปฏิเสธ แต่สีหน้าไม่เนียนเลย  จ้องตากันอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เยาว์ก็ยอมแพ้จนได้ เปลี่ยนเป็นก้มหน้างุดแล้วเหลือบตาขึ้นมอง พึมพำไปด้วย “ขอโทษครับ” จากนั้นรีบช่วยแก้ต่าง “แต่ผมก็ว่ายังไม่แก่นะครับ”

“อา..งั้นหรือ”

“เราอายุห่างกันแค่ยี่สิบปีเอง”

เอกภพยกมือขึ้นนวดขมับ ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี สุดท้ายจึงหลับหูหลับตาเออออตามเด็กจนได้ “นั่นสินะ..แค่ยี่สิบปีเท่านั้นเอง”

ยังไม่ได้ทันพูดอะไรต่อ ปลายนิ้วมือก็รู้สึกอุ่นขึ้นมา ก้มลงมองเห็นว่าเป็นมือของอีกฝ่ายที่เอื้อมมาแตะแผ่วเบาแล้วถอยออกไปเล็กน้อย ค้างอยู่เช่นนั้นอึดใจ ท่าทางเหมือนลังเลกับการกระทำของตัวเอง เหลียวไปยังใบหน้าเจ้าของมือนั้น ผิวเนียนฉาบไปด้วยสีส้มจาง ๆ ของแสงอาทิตย์เย็นย่ำ นัยน์ตาคู่ตรงหน้ามีทั้งประกายสดใสของวัยเยาว์ และแววหม่นเศร้าเกินอายุแฝงอยู่

“...ผะ...ผม...จับมือ..ได้ไหมครับ?”

จับมืออย่างนั้นหรือ?

“...แต่...ถ้าไม่..”

เขาไม่ได้ตอบ ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ไม่เห็นต้องขอเลย ไวเท่าความรู้สึก เขาเองเป็นฝ่ายคว้ามือเด็กหนุ่มมากุมเอาไว้เสียเอง

วสุนั่งนิ่งงัน สีหน้าประหลาดใจ สีแดงระเรื่อบนพวงแก้ม ไม่รู้ว่าจากแสงหรือเป็นที่สีผิวเจ้าตัว มองเขาประคองมือตัวเองไว้ด้วยสองมือตน ทะนุถนอมราวกับเป็นสิ่งล้ำค่า แนบริมฝีปากลงแผ่วเบาที่หลังมือ เคล้าเคลียด้วยปลายจมูกอย่างแสนรัก

ท้องฟ้ากลายเป็นสีส้มสด ไร้บทสนทนาใดอีก มีเพียงเสียงกิ่งไม้เสียดสี และชิงช้าที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเบา ๆ เมื่อต้องลม กลิ่นหอมของดอกไม้กลางคืนสักอย่างโชยอ่อน ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นั้น คล้ายกับพวกเขาพากันย้อนกลับสู่ความทรงจำเก่า ในยามเย็นที่กลิ่นดอกไม้ย้อมอณูอากาศให้หวานละมุนเฉกเช่นวันวาน จูบอ่อนโยนจากที่หลังมือค่อยเคลื่อนขึ้นมายังใบหน้า ซับไออุ่นจากข้างแก้มที่ประคองไว้ในมือ ดีเหลือเกินที่มีเลือดเนื้อและร่างกายซึ่งยังมีลมหายใจ..

เขาแนบริมฝีปากลงบนหน้าผากเด็กหนุ่มเนิ่นนาน รู้สึกถึงหยดน้ำอุ่น ๆ ที่ไหลลงอาบแก้มตัวเองเชื่องช้า

ในวินาทีนั้น ชายหนุ่มหมดสิ้นความคลางแคลงทั้งปวง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม สิบห้าปีซึ่งเฝ้ารอคอยอย่างสิ้นหวัง ยาวนานจนไม่เคยคิดว่าจะทนอยู่ได้ บัดนี้ทั้งหมดนั้นราวกับเป็นเพียงชั่วพริบตา เมื่อวงแขนเด็กหนุ่มคล้องรอบเอวเขา เบียดซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดเคยคุ้น ลมหายใจร้อนรินรดบนแผ่นอก กอดเกี่ยวแนบแน่นเนิ่นนาน ให้ร่างกายเอ่ยแทนคำสัตย์ว่าพวกเขาจะไม่พรากจากกันอีก

เขารู้..แบบเดียวกับที่วสุก็รู้เช่นกัน...

หัวใจที่เคยหายไป กลับคืนสู่เจ้าของแล้ว..











ทางกลับนั้นผ่านทางเข้าซอยบ้านครอบครัวของคิมหันต์ หลังเดียวกับที่วสันต์ก็เคยอยู่ เมื่อใกล้ถึงปากซอยนั้น วสุจ้องออกไปนอกกระจกรถตาไม่กระพริบ เอกภพเห็นเข้าแล้วจึงชะลอความเร็วลง

“คุ้นหรือ?”

“..คุ้นครับ” วสุพึมพำ ก่อนจะแก้คำพูดตัวเองเสียใหม่ “ไม่สิ...ไม่ใช่แค่คุ้น..แต่ผมจำได้..”

เอกภพเปิดไฟเลี้ยวแล้วพารถเข้าข้างทาง ชะลอลงอีกจนเกือบเป็นจอด “อยากไปหาไหม?”

เด็กหนุ่มเม้มปาก เหลือบมองเขา จากนั้นมองออกไปนอกกระจกรถอีกครั้งอย่างชั่งใจ ครู่หนึ่งจึงส่ายหน้าน้อย ๆ

“ทำไมล่ะ?”

“...รู้สึกเหมือน..” วสุกุมมือตัวเองไว้บนตัก ก้มหน้าก้มตาพูดกับฝ่ามือ “...ไม่มีหน้าจะไปเจอ...ยังไงก็ไม่รู้ครับ..เลยยังไม่อยาก...”

รถจอดสนิทแล้วที่ข้างทาง ชายหนุ่มจ้องมองอีกฝ่ายซึ่งก้มอยู่พักหนึ่ง ก่อนเจ้าตัวจะเบือนสายตามองลึกเข้าไปในซอยนั้น สีหน้าอาลัยอาวรณ์ขัดกับคำพูดว่าไม่อยากเจอ

“หรือจะลองขับรถวนสักรอบไหม ไม่ต้องลงไปก็ได้” เขาลองเสนอ “ไหน ๆ ก็มาถึงนี่แล้ว”

“..แต่ผม”

“กลัวหรือ?”

“...เปล่—” อ้าปากจะเถียง ทว่าสุดท้ายก็ชะงักเอง จากนั้นพยักหน้าช้า ๆ “อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ครับ”

เอกภพโคลงศีรษะ คลี่รอยยิ้มอ่อนใจ เด็กคนนี้อ่านง่ายเหลือเกิน ทั้งพูดจาตรงไปตรงมา และสีหน้าท่าทางซึ่งบอกความรู้สึกอย่างซื่อ ๆ

“อย่ากลัวเลย” เขาเอื้อมมือไปวางไว้บนศีรษะเด็กหนุ่ม ยีเบา ๆ อย่ารักใคร่ “พี่อยู่ด้วยทั้งคน เห็นสีหน้าก็รู้ว่าอยากไป ถ้ากลับทั้งอย่างนี้จะคาใจหรือเปล่า เราแค่ขับรถผ่านก็ได้ ไม่ต้องลงจอด อย่างนี้โอเคไหม?”

อีกฝ่ายดูใจชื้นขึ้นมาบ้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น ปั้นยิ้มแบ่งรับแบ่งสู้แล้วพยักหน้าหงึกหงัก

จึงกลายเป็นตามข้อตกลงดังกล่าว แค่ผ่านไปดูเฉย ๆ ไม่ต้องลงจากรถ ได้เห็นทางเข้า เห็นรั้ว เห็นตัวบ้าน หรือหากโชคดีอาจได้เห็นผู้อยู่อาศัย จะนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านหรือเปล่า ตรงโต๊ะเก้าอี้หินอ่อนด้านหน้าที่เคยวางอยู่ ตอนนี้ไม่รู้จะยังตั้งอยู่ตำแหน่งเดิมหรือไม่

เด็กหนุ่มชะเง้อมองไปข้างนอกกระจกรถ ภาพที่เห็นนั้นคุ้นตา แม้จะต่างจากที่จำได้ในความฝันอยู่บ้าง บ้านบางหลังเปลี่ยนไป ต้นไม้บางต้นไม่อยู่แล้ว และบางต้นขึ้นมาใหม่ สีสันใต้แสงไฟยามพลบค่ำ ผสานกับทิวทัศน์ในอดีตอันเป็นฉากหลัง ร้านขายของชำ บ้านเรือน ร้านก๋วยเตี๋ยว ถัดไปอีกไม่กี่หลังจะเป็นรั้วที่เคยลากเปิดปิดจนชิน ยังจำสัมผัสนั้นจากในฝันได้อยู่เลย เมื่อเข้าไปใกล้จึงได้เห็นว่ารั้วนั้นมีสีต่างออกไป แต่รูปทรงยังเหมือนกับที่เขาเคยรู้จัก

เด็กหนุ่มยกมือกุมออก บอกตัวเองให้หายใจเข้าออกช้า ๆ เพ่งสายตามองออกไปกลางแสงไฟจากบ้านเรือนและเสาไฟริมถนน หลังรั้วนั้น โต๊ะเก้าอี้ชุดเดิมยังอยู่ เก่าลงมากแต่ก็ยังอยู่ ต้นไม้ที่เขา..ที่วสันต์เป็นคนปลูก ประตู หน้าต่าง และ...

เอี๊ยด!

“มีอะไรหรือครับ!?”

“ลูกหมา”

เอกภพถอนหายใจเฮือก แม้จะขับมาไม่เร็ว แต่เบรกกะทันหันเพราะโดนลูกหมาวิ่งตัดหน้าเช่นนี้ก็ตกใจไม่น้อย เจ้าตัวต้นเหตุยืนงงอยู่กลางถนน สายจูงซึ่งคล้องกับคอลากยาวไปบนพื้น จากด้านข้างมีหญิงสูงวัยผู้หนึ่งรีบวิ่งเข้ามาอุ้มเจ้าลูกหมาขนทองขึ้นมา ท่าทางแตกตื่นเสียยิ่งกว่าหมาน้อยที่ยังไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ชายหนุ่มกำลังจะลงจากรถไปดู แต่เมื่อหญิงผู้นั้นมายืนอยู่กลางแสงไฟจากด้านหน้ารถ จึงได้เห็นใบหน้าของเธอชัดเจน

ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเดือนเพ็ญ ผู้เป็นแม่ของคิมหันต์ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือเป็นแม่ของวสันต์ด้วยนั่นเอง ไม่นึกว่าจะได้พบกันจัง ๆ ในสถานการณ์เช่นนี้

เมื่อได้รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็นใคร สายตาเขาก็เหลือบไปยังเด็กหนุ่มข้างกายโดยอัตโนมัติ

วสุอ้าปากค้าง นัยน์ตาเบิกกว้าง เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวรู้แน่นอนว่าเธอเป็นใครโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องแนะนำ ได้ยินกระทั่งเสียงกระซิบดังหวิวออกจากริมฝีปากเด็กหนุ่ม

“...มะ..ม้า...”

เดือนเพ็ญหรี่ตามองป้ายทะเบียน เห็นชัด ๆ แวบหนึ่งก็จำได้ว่ารถคันนี้เป็นของเขา จึงได้เดินอ้อมมายังฝั่งที่นั่งคนขับหลังจากเขาจอดรถไว้ริมทางเรียบร้อย พร้อมกับที่เขาเปิดประตูออกไปพอดี ก่อนลงจากรถยังหันไปกระซิบบอกกับเด็กหนุ่ม ว่าหากลำบากใจ จะนั่งรออยู่ในรถก็ได้ แต่วสุไม่ได้ตอบอะไรกลับมา

“ตาเอก..”

“สวัสดีครับคุณน้า” เอกภพยกมือไหว้

เธอยกมือรับไหว้เงอะงะด้วยยังอุ้มเจ้าลูกหมาไว้กับตัว เขามองชัด ๆ จึงแน่ใจว่าเป็นโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ อายุน่าจะราวสามสี่เดือนได้แล้ว มันตะกุยเบา ๆ อยู่สองสามครั้ง เดือนเพ็ญจึงปล่อยให้ทั้งสี่ขาของเจ้าขนทองวางลงบนพื้น กุมสายจูงไว้มั่นในมือ เห็นแล้วพอเดาเหตุการณ์ได้ว่าเมื่อครู่คงเผลอปล่อยหลุดมาจากอีกฝั่งถนน แต่ที่ไม่เห็นเคยรู้คือบ้านนี้เลี้ยงหมาด้วยหรือ? ทั้งที่เขาจำได้แม่นยำว่าสุชัยผู้เป็นเจ้าบ้านนั้นไม่ชอบให้เลี้ยง ตั้งแต่เมื่อก่อนทั้งคิมหันต์และวสันต์ก็เคยได้รับการปฏิเสธมาแล้ว

“มาทำอะไรแถวนี้น่ะลูก”

“พอดีมีธุระแถวนี้ครับ แล้วเกิดคิดถึงเลยขับรถเล่นผ่านมา”

คำว่า ‘คิดถึง’ ของเขา คล้ายว่าจะดึงแววตาเศร้าสร้อยของเธอให้ปรากฏขึ้นมาแวบหนึ่ง ในใจคงตีความไปถึงลูกชายผู้ล่วงลับไปเมื่อสิบห้าปีก่อนอย่างไม่อาจเลี่ยง

“คุณน้าเลี้ยงโกลเด้นด้วยหรือครับ” เขาเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น “ผมไม่เคยรู้เลย”

“อ้อ” เธอยิ้มอ่อนโยน “เจ้าหนูนี่เพิ่งได้มาใหม่จ้ะ จู่ ๆ ป๊าแกก็บอกว่าอยากลองเลี้ยงขึ้นมา พอโทรคุยกับเจ้าคีม รายนั้นก็รีบยุใหญ่ เพิ่งไปรับมาเมื่อวานนี้เอง”

“พันธุ์โปรดของเขาเลยนี่ครับ”

สีหน้าเธอสว่างขึ้นมาบ้างเมื่อเอ่ยถึงลูกชายคนเล็ก “นั่นสิ ตี๋เล็กยังแง้ว ๆ จะให้ชื่อดุ๊กดิ๊กที่สาม ต้องเตือนแล้วเตือนอีกว่าเดี๋ยวเรียกแล้วหมางงกันพอดีว่าตัวไหนเป็นตัวไหน กว่าจะยอมเปลี่ยน บอกงั้นตามใจป๊าแล้วกัน..พ่อลูกคู่นี้นี่น้า...พอเริ่มดีกันแล้วก็หงุงหงิงอะไรกันไม่รู้..”

เอกภพยืนพยักหน้ารับ แต่ยังไม่ทันได้ต่อบทสนทนา กลับได้ยินเสียงเธอร้องทักขึ้นก่อน พร้อมกับพยักพเยิดไปด้านหลังของเขา

“อ้าว แล้วนั่น...?”

ชายหนุ่มหันกลับไป เพื่อจะพบว่าวสุลงมายืนอยู่นอกรถแล้ว เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกเฮือกหนึ่ง จากนั้นเดินตามมายืนอยู่ข้าง ๆ กัน ขณะที่เดือนเพ็ญเอียงคอมองท่าทางเหล่านั้นด้วยสีหน้างุนงง..แต่ก็เป็นความงุนงงที่แปลกประหลาด เธออ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่แล้วกลับเงียบไป รอให้เขาเป็นฝ่ายแนะนำขึ้น หลังจากวสุยกมือไหว้เธออย่างนอบน้อม

“เด็กคนนี้ชื่อวสุครับ”

เธอจับจ้องเด็กหนุ่มไม่วางตา เหมือนจะนึกคำพูดไม่ออกไปชั่วขณะ กว่าจะตอบรับออกมาได้สั้น ๆ

“....จ้ะ..”

“เป็นน้องชายข้างบ้านที่สนิทกันน่ะครับ”

ทั้งสองคนเอาแต่ยืนมองกันเงียบ ๆ ไม่พูดไม่จาสักคำ จนเหมือนมีแต่เอกภพที่พูดอยู่คนเดียวกับดินฟ้าอากาศ แต่ถึงกระนั้น ก็ยังคงเล่าต่อด้วยเสียงนุ่มนวล ทุกพยางค์เอ่ยออกมาชัดถ้อยชัดคำ

“อายุใกล้สิบห้าปีแล้ว เป็นเด็กดี เรียบร้อย แล้วก็หัวอ่อน..”

“...งะ..งั้นหรือจ๊ะ” เธอเอียงคอ มองวสุราวกับเป็นคนที่เคยรู้จักคุ้นเคยแต่นึกไม่ออก

“..เขาเพิ่งเข้าเรียนโรงเรียนเดียวกับผมเมื่อก่อน เข้าชมรมศิลปะ ชอบโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ เจ้าดุ๊กดิ๊กที่บ้านผมก็ดูชอบเขามาก แล้วก็คุยกันถูกคอกับคีมด้วย”

“..ป้าคุ้นหน้าหนูเหลือเกิน..เราเคยเจอกันมาก่อนไหม..?”

เธอขยับเข้าไปใกล้เด็กหนุ่ม ไม่รู้ว่ายังฟังเขาอยู่หรือเปล่า แต่เอกภพก็ยังพูดต่อ

“...อยู่กับคีมแล้วอย่างกับเป็นพี่น้องแท้ ๆ...เหมือนตี๋เล็กกับตี๋ใหญ่..”

เดือนเพ็ญชะงักไป ยกมือขึ้นปิดปาก จากนั้นป้ายหลังมือตรงหางตาตัวเอง ไม่มีใครทันเห็นว่าที่ติดหลังมือของเธอนั้นใช่น้ำตาหรือเปล่า

“หนูชื่ออะไรนะลูก..วสุใช่ไหม?”

เจ้าของชื่อพยักหน้าช้า ๆ

“ชื่อเล่นล่ะ มีหรือเปล่า”

“ไม่มีครับ”

“เป็นลูกเต้าเหล่าใครกันฮึ? พ่อแม่ล่ะ อยู่แถวนี้ด้วยหรือเปล่า”

“พ่อกับแม่เลิกกันนานแล้วครับ แม่แต่งงานใหม่ ไปอยู่ต่างประเทศหลายปีแล้ว ส่วนพ่อตั้งแต่เลิกกับแม่..ก็ไม่เคยเจอหน้ากันอีกเลย...อันที่จริงผมก็จำไม่ค่อยได้แล้ว”

“แล้วตอนนี้อยู่กับใครกัน”

“ก่อนหน้านี้อยู่กับลุงที่กรุงเทพฯ แต่เพิ่งย้ายมาอยู่กับป้า แล้วก็ลูกพี่ลูกน้องอีกสองคนครับ” เด็กหนุ่มเหลือบมองไปยังเอกภพ “ที่บ้านหลังข้าง ๆ พี่เอก”

เดือนเพ็ญพยักหน้า ทำสายตาครุ่นคิด “หรือเราจะเคยเจอกัน...”

“..ผมก็...คิด...ว่า...” เด็กหนุ่มกล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงคอ บอกตัวเองว่าถึงจะถูกมองว่าเป็นคนประหลาดอย่างไร ก็ต้องพูดออกไปให้ได้ “..เราอาจเคยเจอกัน..”

“..งั้นหรือ?”

“...ที่ไหนสักแห่ง...นานมาแล้ว...อาจจะนานมากแล้ว..”

เธอเลิกคิ้ว ครุ่นคิดกับคำพูดของเด็กหนุ่ม วางสายตาไว้กับเขานิ่งงัน ขณะที่อีกฝ่ายก้มหน้ามองพื้น กระซิบถามออกมาเสียงแผ่วหวิว

“...จะยังจำได้หรือเปล่า...ถ้าเกิดว่าเขาไม่เหมือนเดิม..ถ้าผมไม่เหมือนเดิม....”

นัยน์ตาของเธอวาววับด้วยหยดน้ำ แต่คิ้วยังขมวดมุ่นด้วยไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดนัก รู้เพียงแต่มันชวนให้สะกิดใจขึ้นมา ในสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ คงต้องโทษสมองของเธอที่อาจเลอะเลือนลงตามวัย หรือไม่ก็เป็นเรื่องจริงที่ยากจะเชื่อ

“...สบายดีใช่ไหมครับ.....ม้า...”

ได้ยินเช่นนั้น เดือนเพ็ญยกมือขึ้นกุมอก เกือบจะทรุดลงไปกับพื้นหากเอกภพไม่พยุงแขนเธอไว้ก่อน ขาอ่อนแรงจนยืนไม่อยู่ไปอีกพักหนึ่ง ทำนบน้ำตาพังทลายลงเพียงแค่คำพูดประหลาดจากปากเด็กชายแปลกหน้าเพียงประโยคเดียว หยดน้ำไหลอาบแก้มอย่างไม่อาจควบคุม

“...วสันต์...”

เธอกระซิบชื่อลูกชายคนโตที่จากไปเมื่อราวสิบห้าปีก่อนออกมาด้วยน้ำเสียงปริ่มว่าจะขาดใจ ทั้งที่ยังไม่เห็นความเชื่อมโยงอันเป็นรูปธรรมใด ๆ กับเด็กผู้ชายตรงหน้าสักนิด

เด็กหนุ่มไหล่สั่นเทิ้ม เขาอยากร้องบอกวสันต์ที่อาจยังคงอยู่ในรูปของความทรงจำในตัวเขา บอกให้รู้ว่าเธอยังจำเขาได้ สายใยอันมองไม่เห็นซึ่งเชื่อมโยงพวกเขาอยู่ยังไม่ได้หมดสิ้นลงแค่เพียงความตายมาพราก

“...ผมคิดว่า...เขาอยาก..ขอโทษ”

เขาสะอื้นออกมาจนเนื้อตัวสั่นระริก ทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าเธอ จากนั้นก้มลงกราบแทบเท้า

“...ขอโทษ..ครับ...”

เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง กลับพบเจ้าบ้านมายืนอยู่ข้างกายภรรยาตนเองแล้ว นัยน์ตาแดง ๆ ก้มลงมองมาที่เขา ไม่รู้ว่ามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร หรือได้ยินพวกเขาสามคนคุยกันตั้งแต่ตอนไหน แต่จากท่าทางเท่าที่สังเกต บางทีอาจฟังอยู่ตั้งแต่แรกจากด้านหลังรั้วนั้น

ชายผู้มักทำหน้าตาเคร่งขรึมที่จำได้จากในความฝัน บัดนี้แก่ชราลงมาก แต่ก็ยังคงเค้าเดิมให้เชื่อมโยงว่าเป็นคนเดียวกันได้ง่ายดาย แล้วยิ่งเขาเคยเห็นอีกฝ่ายมาแล้วครั้งหนึ่งที่บ้านของเอกภพก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ยังนึกความฝันของตัวเองไม่ค่อยออก พบกันอีกหนจึงจำได้ทันที

หากแต่เมื่อเจอตัวจริงใกล้ชิดขนาดนี้ ทั้งร่างก็กลับยิ่งสั่นเทิ้มหนักกว่าเก่า แววตาและน้ำเสียงอย่างที่เคยเป็นบนชั้นดาดฟ้ายังสะท้อนชัดเจนในหัว แม้ตอนนี้ไม่เหลือท่าทีแข็งกร้าวเช่นนั้นอีกแล้ว แต่วสุกลับยังไม่สามารถประคับประคองตัวเองให้พูดอะไรออกมาเป็นเรื่องเป็นราว จึงได้แต่เอ่ยคำขอขมากระท่อนกระแท่น จากนั้นก้มลงกราบแทบเท้าชายแก่ที่เป็นพ่อของวสันต์อีกคน โดยไม่ได้อธิบายถึงที่มาที่ไปอย่างอื่น

วสุก้มหน้า คู้ตัวอยู่ท่าเดิมอยู่อึดใจ ก่อนจะมีมือคู่หนึ่งประคองให้ลุกขึ้นมา จากนั้นดึงทั้งร่างเขาเข้าไปกอด เป็นคนที่เขาไม่คาดคิดที่สุด จากทั้งสามคนที่ยืนอยู่กับเขาตรงนั้น

“วสุใช่ไหม....”

เด็กหนุ่มผงกศีรษะ

“ไม่ว่าจะเป็นใคร..ก็ใช้ชีวิตของตัวเองเถอะ”

สุชัยเอ่ยเสียงสั่นเครือจนแปลกหู วสุระลึกได้ตอนนั้น ว่าที่กอดเขาอยู่ไม่ใช่ชายหนุ่มวัยกลางคนผู้เกรี้ยวกราดคนเดิมอีกแล้ว แต่เป็นชายแก่ซึ่งสูญเสียลูกชายคนโตผู้เป็นที่รัก จากความผิดพลาดอันไม่อาจย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้อีก เหลือเพียงความรู้สึกผิดที่กัดกร่อนจิตใจให้ผุพังลงช้า ๆ มาตลอดระยะเวลาสิบห้าปี คนที่มีชีวิตอยู่ต้องทนทุกข์ทรมานขนาดไหน ไม่มีทางด้อยไปกว่าความทรมานของเขาจากความฝันไม่รู้จบตลอดชีวิตมานี้อย่างแน่นอน

สุดท้ายแล้ว เรื่องราวที่เกิดก็พรากเอาประกายสดใสในแววตาของผู้คนในเหตุการณ์นั้นไป เหลือเพียงร่องรอยแห้งผากในเศษซากของความทรงจำที่ตกค้าง

“...ไอ้ตี๋....ป๊าขอโทษ...ถ้าแกจะได้ยิน...”

น้ำเสียงที่ได้ยินนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ราวกับได้ปลดเปลื้องความผิดบาปในใจออกไปในคราวเดียวกัน

วสุกอดตอบชายแก่ให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาร้องไห้จนตัวเบาโหวง เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องอีกแล้ว..

“...ผมได้ยิน...เขาก็ได้ยิน...เขาไม่โกรธป๊า....เขาอยากขอโทษ...ผมขอโทษ....”

บนถนนเส้นเล็ก ๆ หน้าบ้าน ผู้คนที่มองมาเห็นเข้าอาจแปลกใจ ว่าพวกเขามายืนกอดกันกลมอะไรอยู่ตรงนี้ แต่ก็ไม่มีใครให้ความสนใจจริงจังนัก มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้ พวกเขาที่มีชีวิตกับความสูญเสียและฝันร้ายมาเนิ่นนาน

..ราวกับได้ตัดโซ่ตรวนที่เหนี่ยวรั้งให้จมจ่อมกับความโศกเศร้าและมืดมนของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ แค่เพียงได้ให้อภัยและได้รับการให้อภัย ง่ายดายเหลือเกิน แต่กลับเป็นถ้อยคำที่ต้องใช้เวลาถึงสิบห้าปี กว่าจะได้ฟังและได้เอ่ยมันออกมา..











“นั่นอะไรน่ะ”

ภัทรพักตร์ร้องทัก เมื่อเห็นเขาวิ่งตึงตังเข้าบ้านพร้อมกับของบางอย่างในมือ มันเป็นห่วงรูปวงกลม มีเชือกถักเป็นตาข่าย ประดับด้วยลูกปัดและขนนกสีน้ำตาลอ่อน

“ดรีมแคชเชอร์” วสุตอบ พลางชูของในมือให้ดู ขนนกที่ห้อยประดับไว้พลิ้วไปมาตรงหน้าพวกเขา “ตาข่ายดักฝันร้าย”

“ทำเองเรอะ”

“พี่เอกช่วย” เด็กหนุ่มพึมพำ ทำหน้าครุ่นคิดอีกนิดหน่อย “อา..แต่จริง ๆ ก็เป็นพี่เอกทำเกือบหมดเลย”

ลูกพี่ลูกน้องเขาโคลงศีรษะเหนื่อยหน่าย “ที่หายเงียบไปบ้านโน้นบ่อย ๆ นี่แกไปเข้าคอร์สศิลปะและเย็บปักถักร้อยหรือไงเนี่ย”

“ก็นะ..” วสุยิ้มแห้ง ไม่รู้จะเถียงว่าอะไรเลยปล่อยค้างไว้อย่างนั้น เดินดุ่มเข้าห้องนอนตัวเอง มองหามุมเหมาะ ๆ แขวนตาข่ายดักฝันไว้ตรงหัวเตียง จ้องมองมันอยู่นานสองนาน พร้อมรอยยิ้มวาดค้างอยู่บนใบหน้า รู้ตัวอีกทีก็ถึงกับต้องเอามือตบแก้มตัวเองแปะ ๆ หันไปรื้อค้นรูปวาดในแฟ้มที่ได้มาจากบ้านของคิมหันต์

ข้างในนั้นเป็นรูปวาดเก่า ๆ ของวสันต์ที่เอกภพเคยวาดไว้ คิมหันต์ยกของเหล่านี้ให้เขาเองกับมือเมื่อได้พบกันอีกครั้ง หลังจากเจ้าตัวรู้ว่าเขาไปเจอพ่อแม่ของตัวเองที่บ้าน

“ของในแฟ้มนี้พี่ยกให้” คิมหันต์ว่า ตอนส่งมันให้เขา

“อะไรหรือครับ”

“มันเป็นของเฮียใหญ่ รูปที่พี่เอกเคยวาดไว้ให้เฮีย” ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ มองมันครู่หนึ่งแล้วก็คลี่ยิ้มกว้างขึ้น “เฮียใหญ่เคยบอกไว้ว่าถ้าพี่โตอีกหน่อย เขาจะเล่าให้ฟังว่าของในนี้สำคัญกับเขายังไง แต่ตอนนี้พี่คิดว่ารู้แล้ว และคิดว่านายก็คงจะรู้ด้วยเหมือนกันถ้าได้เห็น..”

เขากลับมาเปิดมันในห้องนอน ข้างในมีตั้งแต่รูปวาดที่เป็นลายเส้นดินสอเปรอะเปื้อน รอยหมึกเลอะหยดน้ำเป็นดวง ๆ ภาพจากผงถ่าน สีน้ำ สีไม้ สีโปสเตอร์ และอีกสารพัดอย่างที่เอกภพเคยใช้วาดรูปวสันต์ลงไป ทั้งหมดเรียงกันแน่นอยู่ในแฟ้ม เห็นมันครั้งแรก เขาถึงกับร้องไห้ออกมาจนเปลือกตาบวม ไม่รู้จะทำอย่างไรกับภาพเหล่านี้ดี จึงได้เก็บมันกลับเข้าแฟ้ม แต่ตอนนี้ตัดสินใจว่าจะคืนมันให้เอกภพ

คืนนั้น เขาเข้านอนด้วยจิตใจสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นในรอบหลายปี

เด็กหนุ่มตื่นเต็มตาในเช้าวันรุ่งขึ้น รู้สึกว่าตัวเองฝันดี แต่จำไม่ได้แล้วว่าเป็นเรื่องอะไร เหลียวไปมองตาข่ายดักฝันที่นั่งทำกับเอกภพเมื่อวันก่อนก็เผลอยิ้มบางเบาออกมา รีบลุกไปกินข้าว อาบน้ำ ถือแฟ้มอันใหญ่ติดมือไปด้วย แวะเกาคางเจ้าแมวดำที่นอนอืดอยู่หน้าบ้านให้ตามไปด้วยกัน หลังทำหมันแล้วขาวออกจะเรื่อยเฉื่อยไปสักหน่อย แต่ยังชอบจะตามวสุต้อย ๆ อยู่เสมอ

เขาก้าวขาเข้าไปในอาณาเขตบ้านข้าง ๆ สูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอด พูดออกมาไม่ถูกเลยว่าเขารักทุกสิ่งที่นี่ขนาดไหน

ประตูรั้วและบ้านสีขาว สนามหญ้าสีเขียว มีขาตั้งวาดรูปในสวนหย่อม หมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์สีทอง แล้วตอนนี้ยังได้เพิ่มมาอีกตัว เป็นเจ้าลูกหมาตัวที่ไปเจออยู่กับเดือนเพ็ญคราวก่อนโน้น สุชัยบอกว่ายกให้เขา เห็นว่าอยากเลี้ยง แต่จะให้เลี้ยงไว้ที่บ้านซึ่งมาอาศัยป้าอยู่ก็เกรงใจเจ้าของ ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งขอเลี้ยงแมวไปตัวหนึ่งแล้ว เอกภพจึงได้รับดูแลให้อีกตัว ตั้งชื่อตามที่สุชัยตั้งมาแต่แรกว่า ‘หมูหย็อง’ กลายเป็นหมาที่ชื่อหมู ขณะที่คิมหันต์ซึ่งมักแวบมาเยี่ยมบ่อย ๆ หลังเรียนจบ แอบตั้งชื่อให้อย่างลับ ๆ ว่า ‘ดุ๊กดิ๊กที่สาม’ รายนั้นมาทีไรก็โม้เรื่องหลานแฝดของตัวเองให้ฟังอยู่เรื่อย บอกว่าจะพาไปเยี่ยมให้ได้ แต่เวลาว่างไม่ตรงกันสักทีเลยได้แต่รอไปก่อน


“ติดไว้ตรงนี้ดีไหม?”

วสุยืนเหม่อ นึกไปถึงว่าหลานแฝดของคิมหันต์ ตัวจริงจะเป็นอย่างไรกันนะ

“วสุ?”

“อ๊ะ! ครับ?”

เอกภพหัวเราะ จับไหล่เขาเขย่าเบา ๆ  เป็นเชิงกระเซ้า “เหม่ออะไรน่ะเรา ไหนบอกอยากช่วยแต่งห้องนี้ด้วย”

“อยากครับ” เด็กหนุ่มรีบรับคำ มองไปรอบ ๆ ห้องสีขาวที่เคยถูกสั่งห้ามยุ่ง ข้างในนั้นมีรูปวาดและรูปถ่ายของวสันต์แขวนอยู่เต็มไปหมด บัดนี้เขาสามารถยืนมองแต่ละรูปได้ครั้งละนาน ๆ เอื้อมมือไปสัมผัสได้เท่าที่พอใจ แล้วยังช่วยกันกับเอกภพ ติดรูปใหม่ ๆ ที่พวกเขาวาดด้วยกันเพิ่มเข้าไปอีก กลายเป็นแกลเลอรี่เล็ก ๆ ในบ้านที่มีเรื่องราว ณ ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งในนั้นด้วยเหมือนกัน มีกระทั่งรูปเขาเองด้วยซ้ำ ต่อให้จะบอกเอกภพว่าอย่าติดเลยก็เถอะ

“ตรงนี้จะติดรูปครอบครัวหมาแมวนี่ดีไหม”

วสุพยักหน้าหงึกหงัก มองภาพแมวดำกับหมาขนทองตัวเล็กหนึ่ง ตัวโตอีกหนึ่งนอนกลิ้งในสวนหย่อม

“หรือรูปดอกไม้อันนี้ก็สวยนะครับ” เด็กหนุ่มลังเล “หรืออันนั้นก็สวย...อืม...เลือกลำบากจัง พี่เอกวาดอะไรก็สวยไปหมดเลย”

“งั้นหรือ”

เอกภพหันมายิ้มอบอุ่น เอานิ้วที่มีสีน้ำซึ่งยังไม่แห้งป้ายลงบนแก้มวสุ สีแดงบนปลายนิ้วแต้มลงไป เจือกับสีระเรื่อบนใบหน้าเด็กหนุ่ม ยิ่งทำให้ทั้งน่าเอ็นดูและน่าขำด้วย จะขอหลงตัวเองสักหน่อยได้หรือเปล่า ว่าที่วสุพูดอาจจะจริงก็ได้ วาดอะไรก็สวยไปหมด แค่เอาสีน้ำป้ายลงบนแก้มเจ้าเด็กตาใสตรงหน้า ก็ยังรู้สึกว่าออกมาสวย
 
ราวกับต้องมนตร์สะกด ชายหนุ่มโน้มใบหน้าตัวเองลงไปใกล้ กลิ่นสีน้ำที่ควรมีอยู่บ้าง ถูกกลบด้วยกลิ่นสบู่จาง ๆ จากร่างเด็กหนุ่ม

“..รัก..”

เขากระซิบแผ่วเบาข้างหูอีกฝ่าย ต่อหน้ารูปวาดและผลงานทั้งหมดในห้องนี้ ที่ยืนอยู่ต่อหน้าคงเป็นชิ้นโบแดงที่สวยงามที่สุด...อีกทั้งพิเศษที่สุด เพราะเป็นความงดงามซึ่งยังมีลมหายใจ...

วสุหลับตา กระซิบตอบคำเดียวกัน ราวกับเป็นเสียงสะท้อน ทั้งจากอดีต ปัจจุบัน และจะเป็นต่อไปในอนาคต

“...รัก...”






‘วสันต์’

นั่นชื่อผม...ฤดูใบไม้ผลิ บางทีอาจได้เกิดใหม่อีกครั้งในอ้อมแขนเขา...เหมือนกับต้นไม้ที่แตกใบใหม่



- AND THEN IT’S SPRING -













มีต่อรีพลายถัดไปค่ะ

v
v
v









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-08-2014 21:26:36 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ RAINYDAY

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1247/-5
    • FB page
บทที่ 10 (ต่อ)




บทส่งท้าย




ขาวเอาแต่นอนอย่างเดียวเลย

ขนาดหมูหย็องเล่นเสียงดังกว่าจะหมดแรงหลับ ขาวยังไม่ตื่นขึ้นมาหงุดหงิดเหมือนตอนดุ๊กดิ๊กทำเสียงดังเมื่อก่อนสักนิด แม้แต่ตอนดุ๊กดิ๊กเอาจมูกไปดุนท้องแมวที่นอนอืด เจ้าแมวดำยังเพียงแต่หันมาทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ หากเป็นก่อนทำหมันละก็ อย่าว่าแต่เอาจมูกดุนเลย แค่แลบลิ้นแหะ ๆ แล้วยื่นหน้าเข้าใกล้ ป่านนี้กลางหน้าผากคงได้รอยเล็บเป็นของฝากไปแล้ว น้ำลายหมายังไม่ทันได้หยดลงพื้นสักแหมะเลยด้วยซ้ำ

หรือขาวจะเริ่มเห็นใจดุ๊กดิ๊ก ที่หลังกลับมาจากคลินิกครั้งกระโน้น เจ้าแมวนอนซมเป็นวัน ๆ มันก็ยังอุตส่าห์มานอนเฝ้า เอาหางฟาดพื้นตุบ ๆ เห่กล่อม ละทิ้งที่นอนแสนสบายของตัวเองมานอนหมอบอยู่ข้างแมว แม้แต่นายยังยืนหัวเราะอยู่ข้างวสุที่ทำแก้มแดง ชี้ชวนกันบอกว่าดูสิ ดุ๊กดิ๊กติดขาวใหญ่แล้ว ดุ๊กดิ๊กเถียงใส่ (แต่นายฟังไม่รู้เรื่อง) ว่านายต่างหากที่ติดเจ้าหนูวสุใหญ่แล้ว เดี๋ยวนี้จะทำอะไรแทบตัวติดกันตลอด แต่ไม่ใช่ว่าไม่ชอบหรอกนะ อย่างที่บอกว่านายรักวสุ มันก็รักด้วยนั่นละ แต่สงสัยจะรักสู้นายไม่ไหว อยู่ด้วยกันทีไรเดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอม ดุ๊กดิ๊กเอาเวลามาเกาะขาวดีกว่า

ว่าแล้วก็กลับมายังเจ้าแมว หางสีดำที่ตอนนี้ขนเป็นมันเงาตวัดซ้ายขวา กลอกตาตามแล้วมึนงง มันเอาขาหน้าเขี่ยเล่น นึกว่าแมวจะลุกขึ้นมาตบสักทีให้เจ็บ ๆ คัน ๆ แต่ขาวกลับหาวใส่หนึ่งครั้ง จากนั้นก็หลับปุ๋ยเป็นแมวขี้เซา พุงแมวกระเพื่อมเบา ๆ อย่างน่ามันเขี้ยว

งั่ม!

ก็อยากงับพุงเล่นอยู่หรอก แต่เดียวขาวงอน มันเลยหันมางับหมอนที่ขาวนอนทับอยู่แทน กระตุกสองสามทีจนแมวไถลลงมานอนกองอยู่บนพื้น พ่นลมเฮือกออกจมูกอย่างรำคาญใจ เดินอาด ๆ มาใกล้ดุ๊กดิ๊กที่นอนหมอบอยู่ นึกว่าจะโดนเงื้อกรงเล็บข่วนแคว่กเข้าให้เสียแล้ว แต่ขาวกลับทิ้งตัวลงทับก้อนขนฟู ๆ สีทอง ขยับร่างหยุกหยิกอยู่สองสามครั้ง แล้วเริ่มหลับอีกรอบแบบเอาเป็นเอาตาย ปล่อยหมานั่งอึ้ง..

ขาวนอนซบดุ๊กดิ๊ก...

ขาวนอนซบพุงดุ๊กดิ๊กด้วยละ!

หมาขนทองอยากกระโดดเริงร่าไปให้ทั่วบ้าน ติดที่มีแมวดำนอนซบพุงตัวเองอยู่ ตอนนี้เลยต้องพยายามหายใจเบา ๆ ไม่ให้ท้องกระเพื่อม ตั้งสติได้ยังไม่ทันเท่าไร ก็ได้ยินเสียงดังแชะเบา ๆ สูงขึ้นไป

ดุ๊กดิ๊กเงยหน้ามอง เห็นวสุยืนยิ้มแฉ่ง บนแก้มเปื้อนสีแดงดูน่าตลก ในมือถือโทรศัพท์มือถือของนาย หันเลนส์กล้องมาทางหมาแมว ส่วนนายยืนอมยิ้มอยู่ข้างหลัง ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองเหมือนจะบอกสัตว์เลี้ยงให้อยู่นิ่ง ๆ ที่น่าสงสัยคือมีสีแดงแบบเดียวกับบนแก้มวสุติดอยู่บนริมฝีปากนายด้วย ไม่รู้ทั้งสองคนเล่นอะไรกัน เอาหน้าละเลงสีเล่นกันหรือ? ช่างมนุษย์แล้วกัน

ดุ๊กดิ๊กยิ้ม (แบบหมา ๆ) ใส่กล้องอย่างรู้งาน เสียงแชะดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนเจ้าเด็กเป๋อจะถูกนายรวบเอวจากด้านหลัง แล้วยกขึ้นจนเท้าลอยจากพื้น พากันไปนั่งข้างโต๊ะญี่ปุ่นที่มีอุปกรณ์วาดรูปวางเต็มไปหมด พวกเขาหัวเราะคิกคักไปด้วยตลอดทาง ครู่หนึ่งก็ล้มลงไปนอนแผ่บนพื้น สองร่างกอดก่ายกันแนบแน่น ดุ๊กดิ๊กไม่กล้ามองต่อ นายบอกเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ถ้าขาวตื่นอยู่ละก็ คงจ้องจนตาแทบถลนจากเบ้าแน่ ๆ

ดอกไม้สีขาวจากในสวนที่ผูกเป็นช่อเล็ก ๆ กลิ้งออกมา กลีบดอกหลุดไปตามทางสองสามกลีบ แต่กลิ่นหอมชื่นใจยังลอยถึงจมูกหมา ผ้าม่านเปิดกว้าง แสงส่องเข้ามาทางหน้าต่างกระจกสูงขึ้นไป ทั้งห้องสว่างไสว ทว่ายังไม่เท่ารอยยิ้มของนายช่วงหลังมานี้เลย

ตั้งแต่วสุเข้ามาป้วนเปี้ยนในบ้าน ที่นี่ก็ดูสว่างขึ้นตั้งเยอะ

..อยากให้อยู่ตลอดไป...นายก็จะยิ้มได้ตลอดไป..

ดุ๊กดิ๊กหาวหวอด วางหัวลงบนพื้น ปรือตามองขาวที่ซบอยู่บนพุงตัวเอง ครู่หนึ่งหมูหย็องก็เดินโต๋เต๋มาจากไหนไม่รู้ ก้มลงดม ๆ แล้วล้มตัวลงนอนเบียดอีกฟากของขาว กลายเป็นหมาขนทองสองนอนขนาบแมวดำหนึ่ง

ดุ๊กดิ๊กเหลือบมองผู้มาใหม่ หมั่นไส้นิดหน่อย แต่เอาเถอะ นายบอกให้รักหมูหย็องเหมือนเป็นลูกชายตัวเอง จะยอมเป็นปะป๊าให้ก็ได้ ส่วนเรื่องหมะม้า เดี๋ยวขอปรึกษาขาวก่อนว่ายอมเป็นให้หน่อยได้ไหม นึกแล้วก็ฟาดหางกับพื้นตุบ ๆ อย่างพึงใจ คิดต่อไปว่าจะทำอย่างไรให้วสุอยู่กับนายวันละนาน ๆ ให้อยู่ตลอดไปเลยยิ่งดี แต่ดูจากที่ทั้งสองคนคลอเคลียกันอยู่ตอนนี้ ถึงไม่ทำอะไรก็คงไม่แยกจากกันอีกแล้ว

ดีเลย! วสุอยู่ตลอดไป ขาวก็จะได้อยู่ตลอดไปด้วย..

ดุ๊กดิ๊กก็น่าจะยิ้ม (แบบหมา ๆ) ได้ตลอดไปเหมือนกัน





✣✤|แมว หมา ดอกไม้ และพี่ชายข้างบ้าน|✤✣

- จบ -















อา...ในที่สุดก็ฤดูใบไม้ผลิเนอะคะ TwT
เหมือนเป็น Sequel ของ Till the spring comes
หลังผ่านไป 15 ปี >>> And then it's spring ฮรือส์


จบอีกเรื่องแล้ว ใจหายนิดนึง ขอบคุณคนอ่านที่ยังไม่ทิ้งกัน ขอบคุณมาก ๆ จริง ๆ ค่ะ เขียนไปก็ยังมีจุดบกพร่องอยากแก้อีกมากมาย คำแนะนำและติจะขอน้อมรับไว้ปรับปรุง ส่วนคำชมหรือชื่นชอบจะขอเก็บไว้เป็นกำลังใจ ขอบคุณมากจริง ๆ นะคะ รักกกกก  :mew1: :กอด1:


ช่วงนี้เรียนยุ่งงานยุ่ง (คงยุ่งไปอีกสามปี) อาจจะยังไม่ได้เข็นเรื่องเรื่องยาวเรื่องใหม่ แต่เรื่องสัั้น คิดว่าคงจะมีมาบ้าง รวมทั้งในเซ็ต "เรื่องสัั้นลูกโซ่" ที่ลงแค่ตอนเดียวไว้นานมากแล้ว ไม่รู้โดนลบไปรึยัง พรากกกกก

สำหรับรวมเล่ม *ซ่อนตาดำ* ยังไม่กล้ารับปาก แต่คิดว่า(น่าจะ)มีมั้ง...นะคะ แต่คงต้องตามลำดับ ขอจัดการกับเรื่องเล่ห์รักฤดูร้อนก่อนนะคะ เรื่องนั้นยาวมากเลย รีไรต์ไม่รู้จะใช้เวลากี่ชาติ //น้ำตา

แต่ถ้าคิดถึง ตอนนี้มีเรื่องสั้นเบาสมอง เฮฮาปาจิงโกะ ไม่ดราม่า (ถึงดราม่าก็นิดเดียวเอ้า...มาตรฐานคนไม่เหมือนกันเนอะ ฮา) ที่เดี๋ยวจะออกเป็นเล่ม ในโปรเจคต์วันเกิดของเฮอร์มิต เขียนร่วมกับคุณ West กับคุณลูกหมู ติดตามได้ในเพจนะคะ :D


รักคนอ่านมาก ๆ ๆ ๆ ๆ เลยค่ะ *กอดดดดด*

แล้ว(หวังว่าจะได้)พบกัน ในเรื่องถัด ๆ ไปนะคะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-08-2014 21:26:00 โดย RAINYDAY »

ออฟไลน์ misso

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
กรี๊ดดดด จบแล้วหรอ จบไม่ทันตั้งตัว อ๊ากกกก  :katai1: (กรีดร้องทำไม)

อ่านบทส่งท้ายแล้วเหมือนเจ้าขนฟูสีทองเป็นพระเอก ขาวเป็นนายเอก  o22

ชอบเรื่องนี้ตรงที่อ่านแล้วอุ่นอวลๆนี่แหละ (แต่ถ้ารวมพาร์ทอดีตชาติเข้ามาอาจจะไม่อวล เพราะมันเศร้าเหลือร้าย) เพราะบทบรรยายหมาๆแมวๆนี่มันน่ารักน่าชังจริงๆ ขอบคุณมากๆที่เขียนเรื่องที่ให้ความรู้สึกดีแบบนี้ออกมา :katai2-1:

:กอด1: :L2:

ออฟไลน์ nn~~NN

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1232
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +295/-1
ฟิ้ววว พุ่งเข้ามาอย่างไวว่อง
จบเร็วง่ะ นึกว่าจะเป็นเรื่องยาว แต่ถ้ายาวๆมันต้องมีปมมีดราม่่า งั้นยอมให้เค้ามีความสุขกันดึกว่าค่ะ เฮียแกรอมานานมากละนึ  :กอด1:
อ่านตอนสุดท้ายแล้วฟังเพลงกาลครั้งหนึ่งไปด้วยนี่...อื้อหือออออ อย่าให้เซดค่ะ จะตายเอา แต่สุดท้ายก็จบที่ประโยคสักวันเราคงได้พบกัน จบฟินเลย
แต่ฟินสุดคงยกให้ดุ๊กดิ๊กจอมขโมยซีน ดีใจด้วยน้า ขาวใจอ่อนละยังมีลูกกำมะลอมาอีก ฮิ้ววว
โชคดีในการเรียนค่ะ สู้ๆๆๆ

ออฟไลน์ MK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
จบแล้ววววววววว  ซึ้งอ่ะตอนเจอพ่อกับแม่  แงงงงงง  ร้องไห้ตามเลย   :hao5:

ทำไมพี่เอกทำที่พื้น  น้องจะปวดหลังนะ ถนอมหน่อยยยย   :hao7:

ออฟไลน์ Mengjie_JJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
จบแล้ว happy ending

ดุ๊กดิ๊กกับขาวน่ารักจังเลย เรื่องนี้พระนายเป็นหมากับแมวสินะ

ฮ่าๆ ปล.รอรวมเล่มเล่ห์รักฤดูร้อนอยู่นะ อิอิ

ออฟไลน์ GETIIZ

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-4
จบแล้วววววววววว
ใจหายยยยยยยยยยย ฮรือออออออออออออออ
แต่ก็ดีใจที่ทุกคนเริ่มมีความสุขกันจริงๆ
บทเรียนในอดีตเป็นสิ่งที่คอยเตือนให้เราไม่ทำมันอีก
วสุเด้กน่ารักกับพี่เอก อยู่ด้วยกันตลอดไปนะ เพราะกว่าจะหากันจนเจออีกครั้งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ช่วยมีความสุขต่อไปเยอะๆ :L2: :3123: :กอด1: :L1:

ออฟไลน์ cinpetals

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
จบแล้ว จบแล้ว จบแล้วอ่าาาาา ฮือออออ
ติดตามนิยายของคนเขียนทุกเรื่อง
สนุกทุกเรื่องเลย แต่เรื่องนี้ติดจะหน่วงๆกว่าเรื่องอื่น
อ่านแล้วอินน้ำตาคลอ รักวสุม๊ากมาก รักตั้งแต่วสันต์แล้ว
ดีใจที่สุดท้ายเอกกับวสันต์ก็กลับมาเจอกีนอีก ฮรือออ
จะติดตามเรื่องถัดๆไปอีกนะคะ :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ l2ozen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
น้ำตาไหลพรากๆ อิ่มเอมจริงๆค่ะ
ความสุขลอยฟุ้งรอบตัว ดีใจไปกับพี่เอกและวสุ
ขอบคุณมากๆสำหรับนิยายเรื่องนี้
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ชอบชื่อตอนมากเลยตั้งแต่ครั้งกระนู้นน Till the spring comes
จนถึงตอนนี้ And then it's spring ประทับใจ

คืออ่านไปน้ำตาไหลไปไม่หยุด ประทับใจจริงๆ

ออฟไลน์ Saantos

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
สมใจรอ  เสียดายจบเสียแล้ว

รอติดตามผลงานเรื่องต่อไปครับ :3123:

ออฟไลน์ ender_m

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ยังไม่อ่านนิ แต่มาให้กำลังใจคนเขียน เหอะๆ คือมันเศร้า~~~ (ไหม)

ปล.ตามมาจากตี๋คีม และแม่ไก่จ้า กุ๊กๆ

ออฟไลน์ ReiiHarem

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 886
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-3
อะไรอ่า โผล่มาก็จบแล้วววววววววววววว :ling1:
แอบอึ้งเบาๆตรงเห็นคำว่าจบแล้ว
ดีแล้วค่ะ ที่ให้น้องวสุได้เจอกับครอบครัว
ทุกคนเข้าใจกันดี จบได้อบอุ่น แฮปปี้มากค่ะ
อายุเป็นเพียงตัวเลขเนอะพี่เอก กิกิ
อยากได้ตอนพิเศษที่น้องวสุไปเจอกับน้องแฝดจังเลย หุหุ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่อ o13 :กอด1: :L2: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-08-2014 21:00:22 โดย ReiiHarem »

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อ่านไปน้ำตาหยดแหมะ ๆ ทั้งเศร้าทั้งซึ้ง
ในที่สุดพ่อลูกก็ได้ขอโทษกัน
พี่เอกกับวสุก็มีความสุข
สุขสุด ๆ คงเป็นดุ๊กดิ๊กสินะ
จบได้น่ารักมาก ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายดี ๆ เสียน้ำตาทุกครั้งที่มีบทเฮียใหญ่

ออฟไลน์ rk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
 :hao5:  :hao5: :hao5:  :hao5: ย :hao5:ยังไม่อยากให้จบเลยอ่ะ ต้องคิดถึงมากๆแน่ๆเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด