...พี่เลี้ยง..THE DAY’ I was your man [15/05/57] The End.
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...พี่เลี้ยง..THE DAY’ I was your man [15/05/57] The End.  (อ่าน 408548 ครั้ง)

ออฟไลน์ coffeeQbread

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1218/-29

บทที่12



“รีสอร์ทเหรอครับ?”


“ใช่ รีสอร์ทที่พังงา แค่รีสอร์ทเล็กๆ แต่ฉันอยากให้เธอช่วยไปดูให้ที ฉันไม่รู้ว่าจะต้องตกแต่งแบบไหนถึงจะถูกใจธารเขามากที่สุด แต่ถ้าเป็นเธอคงจะรู้ใช่ไหมว่าเขาชอบสไตล์ไหนยังไง ฉันรู้ว่าเขาไว้ใจเธอมากและพวกเธอเองก็ดูสนิทกันมากด้วย”


ทัตพลวางส้อมลงแล้วยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ เขาสร้างรีสอร์ทเล็กๆไว้ที่หนึ่งเพื่อเป็นของขวัญให้ธาราธาร ถึงเขาไม่ได้เลี้ยงดูแต่ก็ติดตามข่าวคราวของลูกชายมาโดยตลอด รู้ว่าภัครจิราคอยประคับประคองไม่ให้ลูกเดินก้าวเขวไปในทางที่ผิด แม้จะเคยเอนจนเกือบหลงทางมาบ้างแต่เมื่อวารินเข้ามาช่วยอีกแรงธาราธารก็ดูเหมือนจะโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น


ดวงตาคมทอดมองลงไปที่วิวด้านล่าง ห้องอาหารอิตาเลี่ยนของที่นี่ให้บรรยากาศโรแมนติกมาก วิวกลางคืนริมน้ำเจ้าพระยาแบบนี้มากมายไปด้วยเรือประดับไฟที่ล่องลอยอยู่กลางลำน้ำ


ทัตพลไล่สายตามองดวงหน้าของคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา วารินเองก็กำลังสนใจสีสันของลำน้ำตอนกลางคืน ดวงตากลมๆ นั่นทำไมถึงได้ออกแววใสซื่อได้ขนาดนั้นดูเหมือนตื่นเต้นเพิ่งเคยได้เห็นแบบนี้เป็นครั้งแรก ผมสีอ่อนยาวเคลียอยู่แถวต้นคอ หน้าตาก็แค่ธรรมดาแต่ทำไมถึงดูมีเสน่ห์แปลกๆเวลาได้คุยกัน ท่าทางเหมือนกับ ‘ลูกหมา’ ทำหน้าตาซื่อบื้อไปเรื่อย ทัตพลอดที่จะหัวเราะในลำคอเบาๆไม่ได้


“....พล คุณทัตพลครับ” วารินเรียกถึงสองรอบทัตพลเพิ่งจะได้ยิน เขาดูตกใจเล็กน้อย


“มีอะไรรึเปล่าครับ” วารินทำหน้าแปลกใจ ทัตพลจ้องเขานานมากแล้ว


“ป...เปล่า ฉันกำลังจะบอกว่าเพื่อนฉันที่เปิดพิพิธภัณฑ์ที่แพร่ เขาชอบภาพที่ฉันส่งไปให้มากเลย รู้สึกว่าจะติดต่อพี่ชายเธอให้วาดเพิ่มให้ด้วย ซีเขาคงดีใจนะต่อไปคงมีลูกค้าติดต่อไปเยอะแน่ ๆ ”


ทัตพลแก้ตัวอึกอักพร้อมพูดชี้ทางให้วารินได้คิด ว่าเขาเองก็มีบุญคุณกับภูวดลอยู่มาก เขาอยากขอร้องให้วารินช่วยไปดูเรื่องการตกแต่งรีสอร์ทที่เขาคิดจะมอบเป็นของขวัญให้กับธาราธารเท่านั้น เขารู้ว่าวารินก็คงลำบากใจไม่น้อย


วารินเม้มปากก้มหน้านิ่ง


“แล้วเราจะไปกันวันไหนครับ”


ทันทีที่วารินถามขึ้นทัตพลทอดสายตาออกอย่างยินดี ริมฝีปากได้รูปคลี่รอยยิ้มอบอุ่นออกมา พอใจกับคำตอบที่ได้รับมาก ในเมื่อวารินยอมตกลงแล้วนั่นเท่ากับธาราธารจะยอมรับของจากเขาแน่นอน


“วันศุกร์หน้าเป็นไง เราค้างที่นั่นสักสองคืนคงจะคุยกันจนเสร็จได้ ฉันจะนัดกับบริษัทออกแบบไว้ให้ เรื่องนี้ขอให้เป็นความลับระหว่างเราสองคนนะ หวังว่าเธอคงจะเข้าใจฉัน”


หลังทานอาหารกันเสร็จเมื่อเห็นว่าวารินดูตื่นเต้นกับท้องน้ำเจ้าพระยาตอนกลางคืนเป็นอย่างมาก ทัตพลจึงถือโอกาสชวนคนตัวเล็กออกมาเดินชมวิวเจ้าพระยาสดๆที่ระเบียงริมน้ำข้าง ๆเลาจน์เปิดของโรงแรมเพื่อเป็นการขอบคุณที่วารินอุตสาห์ตอบตกลง


ลมตอนดึกพัดผ่านเส้นผมสีอ่อนของวารินพริ้วไสว ไหล่บางห่อลงด้วยความรู้สึกหนาวเย็นแต่ก็ยังไม่อยากหันหลังกลับเพราะนานๆทีถึงจะมีโอกาสได้มาชมวิวสวยๆแบบนี้ ถึงโรงแรมของภัครจิราจะอยู่ริมน้ำเจ้าพระยาเช่นกันแต่วารินไม่ค่อยได้เข้างานช่วงดึกเพราะฉะนั้นภาพทิวทัศน์สวยๆแบบนี้ดูกี่ครั้งก็ดูจะตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ


“เอ่อ ขอบคุณครับ” วารินหันมากล่าวขอบคุณเมื่อทัตพลใช้เสื้อนอกของเขาคลุมลงที่ไหล่บางให้เพราะเห็นวารินเริ่มจามฟึดฟัด


“จะกลับเลยไหม อากาศเย็นนะเดี๋ยวได้เป็นหวัดกันพอดี”

เขาก้าวเข้ามายืนข้าง ๆ สายตาทอดมองออกไปที่ดวงไฟสีส้มจุดเล็กๆคงเป็นโรงแรมที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เรือโดยสารประดับไฟสวยงามล่องผ่านเอื่อยๆ เส้นผมสีอ่อนยังคงปลิวระใบหน้าขาวนั้นอย่างเคย วารินเหน็บเท่าไหร่ก็ยังยุ่งเขาเลยช่วยเกลี่ยเส้นผมสวยให้อีกแรง


ในเมื่อสู้แรงลมไม่ไหวร่างที่เล็กกว่าเลยต้องขอยอมแพ้ปล่อยให้ลมโกรกผมเผ้ายุ่งเหยิง ทัตพลมองเห็นหน้าตาตลกๆแบบนั้นจึงเผลอหัวเราะออกมาเบาๆ วารินเองก็หัวเราะร่าด้วยอีกคน เขาสองคนมองหน้ากันแล้วพ่นหัวเราะออกมาดัง ๆ วารินแกล้งตะโกนคำทะเล้นๆ โยนใส่ลำน้ำทัตพลอุดปากเขาแทบไม่ทันเมื่อเห็นพนักงานเดินพาแขกอีกคู่ลงมาส่งเพื่อชมวิว


“วันนี้ขอบคุณนะครับ” วารินยกมือไหว้เขาก่อนส่งเสื้อนอกคืนให้


“วันศุกร์เราเจอกันที่สนามบิน ฉันจะโทรนัดเธออีกที” เขารับเสื้อคืนจากวารินแล้วพาดมันลงที่แขนของตัวเอง เลิกคิ้วนิดๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายน่าจะมีอะไรบางอย่างที่อยากพูด


“มีอะไรเหรอ หรือว่าเธอมีเรื่องอะไรที่ไม่สะดวก”


“ป...เปล่าครับ ผมแค่สงสัยไม่ทราบว่าจะถามคุณได้รึเปล่า” ใบหน้าเล็กอึกอักก้มต่ำเล็กน้อย


“ถามมาสิ ฉันอนุญาต”


ทำไมวารินถึงได้รู้สึกว่าเสียงของเขามันนุ่มทุ้มกรีดลงไปในจิตใจได้ขนาดนั้น ไม่ใช่คำพูดหวานๆ ไม่ใช่คำพูดของผู้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยอำนาจ แต่น้ำเสียงของเขาชวนให้เคลิบเคลิ้มรัญจวนใจเสียจริง


“ค..คุณทัตพลอายุเท่าไหร่เหรอครับ คือว่าตอนนี้ธารเขาก็จะยี่สิบแล้ว แต่ดูเหมือนคุณอายุไม่น่าเยอะขนาดที่จะ...เอ่อ..จะเป็น...เอ่อ..”


วารินพูดออกไปแล้วก็รู้สึกกระดากใจ เขาถามแบบนั้นออกไปได้อย่างไร เห็นกันอยู่ชัดๆว่าหน้าตาทัตพลเหมือนธาราธารอย่างกับถอดแบบมาขนาดนั้น แล้วเขายังจะสงสัยอะไรอีก


“สามสิบเก้าแล้ว” ทัตพลตอบยิ้ม ๆ “ไม่หนุ่มแล้วนะ” เขายังย้ำลงมาอีกวารินรีบเงยหน้ามองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาอายุสามสิบเก้า แต่ดูไม่ต่างกับคนอายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดเลยด้วยซ้ำ


“คนเราดูกันแค่ภายนอกไม่ได้จริง ๆ ใช่ไหม อย่างเธอก็เป็นตัวอย่างที่ดีเหมือนกันนี่” คราวนี้เขาพูดแล้วยิ้มกว้างล้อเลียนวาริน อีกฝ่ายได้แต่หัวเราะแฮ่ๆแก้เขิน

.
.

กลางสัปดาห์ธาราธารย้ายเข้ามาอยู่ที่คอนโดใหม่แถวๆพรานนก

วารินเข้าไปช่วยเขาจัดการข้าวของอยู่สองวัน กว่าจะเสร็จได้เล่นเอาต้องปาดเหงื่อกันเลยทีเดียว


“เหนื่อยไหม”


ธาราธารยื่นน้ำอัดลมแบบกระป๋องมาแตะที่พวงแก้มสีแดงระเรื่อแล้วหย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆ หยาดเหงื่อไหลเป็นทางทั้งเขาและวาริน มือใหญ่ยื่นผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาซับแก้มสีแดงซ่าน


“เหนื่อยจนแก้มแดงไปหมดแล้ว พี่รู้ป่าวผมมองเห็นเส้นเลือดที่แก้มพี่แล้วนึกถึงอะไร”


“อะไรอ่ะ” วารินวางกระป๋องน้ำลง เอนหลังพิงที่พนักโซฟาเขาแทบอยากเลื้อยตัวนอนลงถ้าไม่ติดว่าธาราธารนั่งอยู่ข้าง ๆ


“วิธีต่อไง  นอนลงมาดีๆสิเดี๋ยวได้ปวดคอหรอก” เขาเอาหมอนมาวางบนตักแล้วจับตัววารินให้นอนลงดี ๆ


“อะไรคือวิธีต่อ?”


“วิธีต่อเส้นเลือดไง ช่วงนี้ผมมองอะไรก็เห็นเป็นเรื่องทางกายภาพไปหมดอ่ะ ผมว่าพอผมเรียนจบผมไม่กล้าหลับนอนกับใครแน่เลย ช่วงนี้ชักเริ่มแหยงๆแล้วด้วย”


เมื่อเห็นว่าวารินทำหน้างง เขาจึงได้อธิบายต่อ


“ก็อย่างแค่ตอนนี้เวลาผมมองคน ผมก็จะเห็นเป็นร่างโปร่งแสงทะลุไปถึงตับไตไส้พุงแบบหลับตาคลำได้เลยว่าอะไรวางอยู่ตำแหน่งไหนบ้าง เพราะงั้นเวลาจะลูบจะไล้ใครแต่ละทีแค่หลับตาลงจิตใจมันก็พลอยนึกไปถึงอ่ะดิ ลูบหน้าอกก็คิดว่ากำลังจับปอด ขยำนมก็คิดว่ากำลังนวดหัวใจ ลูบพุงขาว ๆ แต่ดันนึกไปว่ากำลังสำรวจลำไส้เล็ก จะจับของดีแต่ดันนึกไปถึงส่วนประกอบของระบบสืบพันธุ์ ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้นแค่นั่งมองหน้ายังคิดไปถึงรูปกะโหลกแล้วก็ระบบประสาทที่ยากโคตรๆ พี่ว่าคนที่เรียนแบบผมนี่มันน่าสมเพศไหม”


พอพูดถึงเรื่องเรียนเขาก็ร่ายยาวอย่างที่ไม่เคยเป็นทำหน้าตาเซ็งจัดเป็นของแถม


“เออ ถ้างั้นคนเป็นหมอเขาคงไม่มีเมียมีลูกกันหรอก ถ้าคิดแบบเราทุกคนน่ะนะ” วารินอดขำไม่ได้ เขาเอื้อมมือขึ้นไปตบหน้าผากคนตัวใหญ่เบา ๆ


“ไม่เคยคิดว่าจะมีลูกเลยนะเอาจริง ๆ  ส่วนเมียก็...มันต้องมีอยู่แล้วล่ะผมเป็นผู้ชายนะพี่”


วารินเจ็บจี๊ดขึ้นทันที  แกล้งหลับตาลงแล้วไม่ต่อบทสนทนาอีก ธาราธารเอื้อมมือมาเกลี่ยไรผมสีอ่อนเล่นเบา ๆ


“พี่รู้อะไรไหม ผมมีความสุขมากเลยนะแค่ผมมีพี่อยู่ข้างๆผมไม่อยากได้อะไรอีกแล้ว เราสองคนอยู่กันแบบนี้ไปเรื่อยๆไม่ต้องมีลูกก็คงไม่เป็นไรหรอกเนาะ”


“ธาร!” วารินอุทานลุกพรวดขึ้นมาจ้องหน้าธาราธารอย่างตื่น ๆ ไม่คิดว่าเขาจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา


“ผมพูดจริงแล้วก็ทำได้จริงนะ” เขาเอื้อมไปโอบบ่าเล็กมากอดไว้แต่วารินใช้แขนกันไว้ก่อน จ้องหน้าแล้วพูดจริงจังกับเขา


“ธาร พี่อายุมากกว่าเราตั้งสิบสองปีนะ ธารจะคิดจะพูดอะไรไตร่ตรองดูให้ดี ๆ ก่อน พี่ไม่อยากให้ธารต้องมาเสียใจภายหลัง จริงอยู่ตอนนี้พี่อายุสามสิบสองแต่ตอนที่ธารอายุสามสิบสองเท่าพี่ พี่ก็คงอายุสี่สิบสี่ แล้วธารจะรับได้ไหมที่ต้องเดินไปไหนมาไหนกับคนแก่ ๆ อย่างพี่ รอบตัวธารจะมีเด็กรุ่นใหม่ๆอายุน้อยที่ต้องพบเจอด้วยตลอด ถึงตอนนั้นเรายังจะพูดอย่างนั้นกับพี่ได้อยู่เหรอ”


ธาราธารดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดเต็มอ้อมแขน แล้วโยกตัวไปมาเบา ๆ  “พี่ทราย ผมน่ะรักคนที่จิตใจนะ พี่เข้าใจใช่ไหมที่ผมอธิบายเรื่องเรียนให้ฟังเมื่อตะกี้ เพราะผมอยากให้พี่รู้ว่าสังขารคนมันไม่เที่ยงหรอกพี่ สิ่งสำคัญมันอยู่ในนี้ต่างหาก” เขาจิ้มที่หน้าอกตัวเองอย่างภูมิใจ


“ได้โปรดอย่ากลัวที่จะรัก  ช่องว่างสิบสองปีผมถมยังไงก็ไม่มีทางตามพี่ได้ทันหรอก ขอเพียงแต่พี่เดินรอผมบ้างก็พอแล้ว ผมจะไม่บังคับจะให้อิสระแต่ขออย่างเดียวขอให้พี่   ‘ซื่อสัตย์’   กับผม พี่รู้ไหมคนประเภทไหนที่ผมเกลียดที่สุด”


เขาพูดแล้วหันมามองวารินเหมือนกับจะบอกเป็นนัยน์ให้รู้ว่าอย่าได้เป็นคนประเภทนี้เชียวนะเพราะเขาจะไม่มีทางอภัยให้ได้เลย


“คนไม่ซื่อสัตย์ไง คนที่ทรยศหักหลังความรักที่เราให้ไปจนแหลกไม่มีชิ้นดี”


ธาราธารทอดสายตาเศร้าสร้อย เขานึกถึงคุณแม่ของเขา ภัครจิราเป็นคนที่น่าสงสารตั้งแต่เขาจำความได้เธอก็เอาแต่ทำงานมาโดยตลอดจะเรียกว่าบ้างานเลยก็ว่าได้ เมื่อก่อนเขาก็นึกว่าภัครจิราเป็นคนแปลกชอบทำงานมากกว่าคนทั่วไปเท่านั้น จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่พอเขาโตขึ้นภัครจิราจึงเล่าเรื่องของสามีเธอหรือก็คือคุณพ่อของเขาให้เขาฟัง


ทัตพลเป็นรุ่นน้องเธอสองปี เธอคลอดลูกตั้งแต่เขายังเรียนอยู่ปีสามเลยด้วยซ้ำจดทะเบียนกันได้ไม่ถึงปี ทัตพลขอเลิกกับเธอแล้วไปแต่งงานกับผู้หญิงอีกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทของเขา ผู้หญิงคนนั้นคลอดลูกหลังจากที่ธาราธารเกิดแค่ไม่กี่เดือน นั่นแสดงว่าทัตพลนอกใจภัครจิราตั้งแต่ยังอยู่ด้วยกัน เขาขยี้ความรักของเธอทิ้งอย่างไม่มีชิ้นดี ทรยศ หักหลัง เล่นชู้ แม่เขาเสียใจอยู่พักหนึ่ง ทว่าก็กลับมาตั้งตัวได้อีกครั้งเธอจึงมุมานะทำแต่งานไม่เคยมองใครอีกเลย 


“พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อยแล้ว  ธารไม่คิดจะถามพี่หน่อยเหรอว่าคิดยังไงกับเรา พี่อาจไม่ได้คิดเหมือนที่ธารคิดกับพี่ก็ได้นี่” วารินท้วง


“โอ๊ยยยย  ไม่ต้องถามแล้วผมรู้ตั้งนานแล้ว พี่ชอบผมอ่ะไม่งั้นจะหึงจนหน้ามืดแบบนั้นทำไม”   ธาราธารทั้งยิ้มทั้งหัวเราะขำสุดๆไม่รู้วารินคิดได้อย่างไรว่าเขาจะดูไม่ออกว่าตัวเองชอบเขาแค่ไหน วารินหันรีหันขวางแก้มใสขึ้นสีแดงแป๊ดฟาดต้นแขนฟิตๆของธาราธารไปหลายทีจนอีกฝ่ายต้องคว้าจับไว้เป็นพัลวัน


เขาอาศัยจังหวะได้เปรียบกดข้อมือเล็กลงบนโซฟานุ่มแล้วตัวเขาขึ้นคร่อมไว้ด้านบนทันที วารินรีบหลบสายตาอย่างเขินอาย


“ดิ้นต่อสิ” เขามองลงมาที่แก้มขึ้นสีนั่นแล้วลากเสียงยิ้ม ๆ


“ถ้าทำได้น่ะนะ”  อย่าว่าแต่ดิ้นเลยแม้แต่ขยับสักนิดก็ยังยาก เพราะอย่างนั้นวารินจึงเริ่มเตะขาปัดป่ายไปทั่วแต่ก็โดนคนตัวใหญ่กว่ากดทาบลงมาทั้งตัว คราวนี้แม้แต่หายใจให้ถนัดก็ยังลำบาก


“หนักไหม?”


“ห๊ะ” วารินทวนคำในใจ จู่ๆธาราธารถามอะไรขึ้นมาก็เห็นอยู่แล้วว่าขนาดลำตัวต่างกันเห็น ๆ เขาจะไม่หนักได้อย่างไร


“เวลามีอะไรกันถ้าผมขึ้นทับ พี่จะไหวไหมผมตัวหนักนะ แล้วกับคนที่ผมชอบ ผมทับไม่ออมแรงด้วยบอกไว้ก่อน”


เขาพูดอย่างไม่อายปากเลยสักนิด ไม่สนใจว่าวารินจะหน้าขึ้นสีแดงแค่ไหน พอธาราธารปล่อยข้อมือเล็กให้เป็นอิสระวารินก็ทั้งผลักทั้งทุบเขาเป็นพัลวัน


“บ้า! บ้าที่สุดพูดออกมาได้ยังไง ปล่อยนะออกไปเดี๋ยวนี้เลย พี่.....”

ริมฝีปากนุ่มถูกเขาก้มลงมาปิดไว้อย่างรวดเร็ว คนอย่างธาราธารไม่ปล่อยจังหวะดีๆแบบนี้ให้หลุดหายไปต่อหน้าต่อตาแน่ เขาส่งปลายลิ้นร้อน ๆ เข้าไปตวัดต้อนเรียวลิ้นนุ่มนิ่มที่ดูเหมือนจะถอยหนีอยู่ตลอดแต่ไม่ว่าจะหลบหลีกไปทางไหนก็โดนลิ้นร้อนต้อนเกี่ยวไว้ได้ทุกมุม วารินหลับตาลงแน่นไม่รู้เมื่อไหร่ที่เผลอยกมือเกาะบ่าเขาไว้ ริมฝีปากเล็กดูดดุนปลายลิ้นเขาไว้อย่างลองดี นึกไปถึงช่วงเวลาที่เคยจูบกับเขาครั้งแรก วารินลองทำอย่างที่เขาเคยทำให้


“อืออ..” เสียงหวานครางในลำคอเมื่อเขายิ่งเร่งเร้าอารมณ์


กว่าวารินจะสำนึกว่าผิดไปแล้วไม่น่าลองดีกับคนอย่างเขาเลยปากเล็กก็โดนดูดจนเจ่อแดง ธาราธารละริมฝีปากออกมา ทั้งสองคนจ้องตากันนิ่ง


“เก่งเหมือนกันนี่” เขาพูดแดกดันยิ้ม ๆ วารินกัดริมฝีปากไว้แน่น


“ภูมิใจไหม ผมไม่ค่อยให้ใครจูบหรอกนะ”

เขาเอื้อมมือเข้ากระชากผมวารินเบา ๆ ให้หน้าเล็กแหงนขึ้นรับรสจูบของเขาได้ถนัดถนี่ คราวนี้เขาไม่ยั้งอารมณ์ไว้อีกแล้วมือแกร่งสอดไล้เข้าในสะโพกนวลแล้วบีบแรง ๆ วารินสะดุ้งเฮือกถดตัวหนี เขาไม่ปล่อยร่างเล็กต่อต้านนานนักคนตัวใหญ่ขึ้นทาบทับทันที สองมือล็อคใบหน้าสวยให้หันสบ ดวงตากลมจ้องเขาอย่างขลาดกลัว


“ชู่ว์อย่ากลัวครับ”

เขาตะล่อม วารินหน้ายู่ส่ายไปมาเบา ๆ อย่างไม่เชื่อในคำพูดเขา  เพราะยังไม่รู้รสนิยมเรื่องเซ็กส์ของเขาวารินจึงกลัว  ธาราธารแปลกไปพออยู่บนเตียงจะดูเร่าร้อนและรุนแรงคำพูดคำจากระทั่งน้ำเสียงและรอยยิ้มแบบร้าย ๆนั่น 


“อ..อื้ออ” เขาฉกจูบลงไปอีกครั้ง คราวนี้เล่นบีบปากวารินไว้ด้วย มือเล็กทั้งทุบทั้งตีแต่เขายิ่งยิ้มร้ายเหมือนกำลังสนุก


วารินที่ตัวแข็งทื่อต่อต้านเขาได้ไม่นานก็หมดแรงบัดนี้อ่อนปวกเปียกเป็นขี้ผึ้งลนไฟอยู่ในอ้อมอกอุ่น ๆ ของเขาธาราธารอ้อยอิ่งอยู่ที่ริมฝีปากสวยเนิ่นนาน  เขาจูบซ้ำๆย้ำจนปากเล็กเรียวเจ่อแดงไปหมด พอยกตัวขึ้นมองหน้าวารินดี ๆ เขาก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างอดไม่ได้ วารินทำหน้าลูกหมาอีกแล้ว เขาแพ้ใบหน้าแบนนั้นของอีกฝ่ายมากจริง ๆ


“พี่ทำหน้าแบบนั้นอยากได้อะไรอ่ะ” เขาถาม


วารินเลิกคิ้วนิดๆอย่างสงสัย แต่นั่นทำให้เขายิ่งแทบคลั่ง ดวงตากลม ๆ ของวารินใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนเด็กๆอย่างไรอย่างนั้น


“รักนะ ผมรักพี่”

เขาแตะจูบลงมาเบาๆที่ริมฝีปากเล็กอีกครั้งคราวนี้ทั้งนุ่มนวลและอ่อนโยน วารินยังตกใจกับคำที่ได้ยินไม่หายจึงเผลอจ้องเขานิ่งลืมกระพริบตา รอยรื้นที่เกิดขึ้นในดวงตาทำให้เขาต้องยกนิ้วขึ้นมาเกลี่ยออกให้


“รักธารเหมือนกัน” วารินยกมือขึ้นลูบหน้าเขา


ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนจุมพิตวาบหวามกันอีกครั้ง  คราวนี้วารินยอมปล่อยให้เขาทำอย่างเอาแต่ใจ จูบของธาราธารทั้งนุ่มนวลและดุดันจนหัวใจวารินซาบซ่านไปด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด เขาไม่ได้ร้องขอวารินมากไปกว่านี้ ธาราธารบรรจงกอดร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนโน้มลงไปจุมพิตหน้าผากเนียนสวย แสงแดดลอดพาดผ่านม่านหน้าต่างสีขาวบางเบาคนตัวเล็กซุกเข้าในอกอุ่นแล้วเผลอหลับไปทั้งๆอย่างนั้น
 

.
.


เสียงรถจอดลงที่หน้าบ้าน วิลาสินีอยากจะดีใจเมื่อเห็นว่าเป็นรถของสามีแต่เธอก็ฝืนยิ้มไม่ลง วันนี้ทัตพลกลับเร็วกว่าปกติ เธอถอนใจสอดรูปถ่ายลงในซองเอกสารแล้ววางมันไว้บนโต๊ะ กำลังจะเปิดประตูลงไปต้อนรับเขาแต่ทว่าทัตพลกลับเดินขึ้นมาถึงห้องแล้ว


“ทำอะไรอยู่ เห็นเด็กบอกว่าคุณไม่ค่อยสบาย” ทัตพลเดินเข้ามาเขาถอดเสื้อนอกแล้วแขวนเอาไว้


“ทานอะไรรึยัง”เขาถาม เดินเข้ามาหาวิลาสินีใกล้ ๆ หญิงสาวพยักหน้าเบา ๆ แล้วหันหน้าไปทางอื่น เขาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตที่แขวนไว้ออกมาสองตัวกางเกงอีกหนึ่ง


“คุณจะไปไหน” วิลาสินีลุกพรวดจากเก้าอี้ทันที


“ค้างที่คอนโด” เขาตอบเรียบๆ ทำท่าจะเดินออกไปวิลาสินีปราดเข้าไปกระชากแขนเขา


“จะไปนอนค้างกับมันรึไง อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ” เธอแหวใส่อย่างดัง ทัตพลถึงกับงง “วิ คุณพูดถึงใคร”


วิลาสินีฟาดซองสีน้ำตาลใส่หน้าเขาอย่างแรง รูปถ่ายหลายสิบใบหล่นกระจายอยู่ทั่วพื้น ทัตพลก้มลงไปหยิบทันที


“ทุเรศที่สุด เดี๋ยวนี้เอาไม่เลือกแล้วนะ ผู้ชายยังไม่เว้นคุณไม่อายลูกบ้างรึไงคะทัต!”


เธอเหยียดริมฝีปากอย่างขื่นขม แววตาตัดพ้อสามีรื้นไปด้วยคราบน้ำตา สองมือเล็กกำแน่น ทัตพลมองรูปถ่ายที่อยู่ในมือด้วยความงุนงง มันเป็นรูปของเขากับวารินวันที่ไปทานข้าวด้วยกันที่โรงแรมริมน้ำนั่น ทำไมวิลาสินีถึงมีรูปพวกนี้ได้


“คุณไม่เคยรักฉันเลยฉันไม่ว่า แต่คุณทำแบบนี้กับฉันมันเกินไปนะทัต ฉันทำอะไรผิดมากนักรึไงคุณถึงต้องทรยศความรักของฉันแบบนี้ ยี่สิบปีที่เราอยู่ด้วยกันมามันไม่ได้ทำให้คุณรักฉันขึ้นมาบ้างเลยหรือ สันดานคุณนี่มันต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดกินไม่เลือกแล้ว นั่นน่ะมันเด็กผู้ชายนะ ถึงจะดูดีแค่ไหนมันก็คือผู้ชาย ผู้ชายร่าน ๆ ที่ยอมมาเป็นเมียน้อยผัวคนอื่น สันดานมันกับคุณก็คงต่ำพอๆกันนั่นแหละ คอยดูนะฉันไม่ปล่อยให้มัน...”


“หยุดนะวิ! ไปกันใหญ่แล้วพูดอะไรให้เกียรติคนอื่นเขาบ้าง”   เขาท้วงขึ้นอย่างหัวเสียเมื่อเห็นวิลาสินีลากเอาวารินเข้ามาก่นด่าอย่างไม่มีชิ้นดีทั้งที่ไม่รู้ความจริงอะไรสักอย่าง


“ให้เกียรติอย่างนั้นเหรอ ให้เกียรติทำไมคนอย่างมันมีเกียรติด้วยรึไง พวกวิปริตผิดเพศร่านอยากเอาผัวคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ไอ้คนของเราก็โง้โง่ไม่รู้ไปหลงมัน....” วิลาสินียังคงพูดต่อไม่ยอมจบแต่ทัตพลขัดขึ้นมาเสียก่อน


“ผมบอกให้หยุด!” เขาตะโกนขึ้นอย่างเหลืออด กระชากแขนเธอบีบแน่น  “เงียบแล้วก็ฟัง! ผมกับเขาไม่มีเรื่องอะไรอย่างที่คุณคิด อย่าเอาความคิดต่ำๆของคุณมาโยนให้คนอื่น เขาเป็นคนรู้จักของผม แล้วที่สำคัญถ้าคุณลองแตะต้องเขาแม้แต่ปลายเล็บผมไม่ไว้หน้าคุณแน่”


ทัตพลจ้องหน้าหญิงสาวอย่างเอาจริง วิสาสินียิ่งเดือดดาลเธออยากจะกรีดร้องใจจะขาดแต่ยังคุมสติไว้ได้


“ปกป้องมันสินะ จะไปไหน! ฉันไม่ให้คุณไปเรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง” วิลาสินีปราดเข้ากระชากเขาอีกรอบ คราวนี้เสื้อผ้าหล่นลงมาจากมือเขากองลงที่พื้นทั้งไม้แขวน


“คุณจะไปหามันใช่ไหมจะไปค้างกับมันใช่ไหม ทำไม! มันถึงใจนักรึไง ทำให้คุณทุกท่ายอมตามใจคุณทุกอย่างหลงมันจนเป็นถึงขนาดนี้เลยรึไงห๊า!!”


เธอตะคอกเขาจนสุดเสียงไม่สนแล้วจะมีเด็กรับใช้ในบ้านได้ยินหรือไม่ เดินหน้าเข้าหาผลักหน้าอกเข้าอย่างแรง ทัตพลรวบจับข้อมือเธอไว้


“ทำไมคุณไม่ฟังผมวิ ผมบอกแล้วว่าผมกับเขาไม่ได้มีอะไร เชื่อใจผมสิ”  วิลาสินีเอาแต่ส่ายหน้าอย่างเดียวน้ำตาเธอไหลลงมาเป็นทาง


“คุณไม่เคยเป็นแบบนี้ ถึงคุณไม่เคยรักฉันแต่คุณก็ไม่เคยมีคนอื่น เด็กคนนั้นมีอะไรดี คุณถึงหลงมันซะหัวปักหัวปำแบบนี้ คุณไม่รักตาธิปแล้วเหรอธิปเป็นลูกคุณนะ สงสารเขาบ้างถ้าเขารู้เขาจะคิดยังไงพ่อไปมีเมียน้อยเป็นผู้ชาย...”


เธอพูดจาตัดพ้อกระแทกแดกดันจนทัตพลทนไม่ไหวลากเธอมาโยนโครมลงบนเตียง


“นอนซะ! คุณเพ้อเจ้อมากเกินไปแล้ว”  เขาก้มลงไปหยิบเสื้อผ้าที่ถูกวิลาสินีกระชากตกไปเมื่อตะกี้กำลังจะสาวเท้าออกไปนอกห้องเสียงของหญิงสาวก็แหวขึ้น


“ถ้าฉันรู้ว่าคุณยังติดต่อกับมันอีกฉันไม่ไว้มันแน่ ฉันรู้นะว่ามันเป็นเลขาของยัยภัครจิราเมียเก่าคุณ! คิดดูก็แล้วกันถ้าทางนั้นรู้ว่าเลขาตัวเองมาเล่นชู้กับผัวเก่า  หึหึ มันคงได้ลอยหน้าทำงานต่อหรอกนะ หึหึหึ”


เพี๊ยะ!!


ทัตพลสะบัดฝ่ามือตบลงไปที่แก้มของวิลาสินีอย่างเหลืออด เขาขบกรามแน่นยื่นมือเข้าไปบีบคางเธอไว้ “ก็ลองคุณแตะต้องเขาดูสิ ผมจะทำให้คุณรู้เลยว่านรกมันมีอยู่จริงโดยที่ไม่ต้องรอตายก่อนแล้วค่อยไปตกลงไปหรอก”


วิลาสิยิ่งช็อคเมื่อเขาผลักเธอออกห่างอย่างรังเกียจ จริงอยู่รูปถ่ายเขากับวารินดูใกล้ชิดสนิทสนมกันบ้างไม่แปลกหากเธอจะเข้าใจผิดพลาดไป แต่ในเมื่อเขาอธิบายเธอก็ควรจะฟังและไม่ควรจะก่นด่าคนที่ไม่รู้เรื่องให้เสียหายมากมายขนาดนี้


“คุณน่ะสิต้องตกนรก เล่นชู้ทั้งที่มีเมียอยู่แล้วทั้งคน ใครกันแน่ที่ต้องตกนรก คนใจร้ายคุณมันใจร้าย” เธอยังตะโกนลั่นน้ำตาไหลลงอาบสองแก้ม ยื้อแขนทัตพลไว้ไม่ยอมปล่อยมืออีกข้างทั้งทุบทั้งตีเข้าไม่หยุด


“วิ!” ทัตพลนิ่วหน้าด้วยความเจ็บพยายามดึงมือเธอออกแต่เธอยึดเสื้อเขาไว้แน่น


“อยากจะเลิกกันจริง ๆ ใช่ไหม ถ้าคุณยังไม่ปล่อยแล้วก็พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ ผมว่าเราจบกันไปเลยก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องตกนรกเพราะเล่นชู้ไง ดีไหมฮึ!”


ในที่สุดเขาก็เหลืออดผลักเธอหงายหลังลงไปกองที่เตียง วิลาสินีได้แต่นั่งอึ้ง เขาคว้าเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้องไป


“อ้อ! ไม่ต้องให้ใครคอยตามผมอีกนะ เพราะถ้าผมคิดจะทำจริง ๆ ผมไม่แคร์อยู่แล้วว่าคุณจะเห็นหรือไม่เห็นอะไร”


เขาพูดทิ้งท้ายไว้แค่ก่อนนั้น ก้าวออกไปจากห้องปิดประตูดังปัง วิลาสินีร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนที่นอน ไม่เคยคิดฝันว่าเขาจะทำอย่างนี้กับเธอได้


ทัตพลเป็นคนใจดี สุภาพและอบอุ่น เขาเป็นรุ่นพี่เธอหนึ่งปีและเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของพี่ชายเธอ วิลาสินีหลงรักเขามาตั้งแต่เธอยังเรียนอยู่มอต้นในขณะที่เขาไปแอบรักรุ่นพี่ที่อายุมากกว่าเขาถึงสองปีเธอคนนั้นชื่อ ภัครจิรา


ทัตพลคอยมาปรึกษาพี่ชายเธออยู่ตลอด เขามองเธอเป็นแค่น้องสาวขณะที่เธอไม่เคยมองเขาในฐานะพี่ชายเลยสักครั้ง สำหรับเธอเขาช่างเหมือนเทพบุตรเธออยากได้ตัวเขาไว้อยากครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างของเขา  แต่วิลาสินีต้องปิดบังความรักความต้องการของตัวเองเพื่อรักษามิตรภาพระหว่างเขากับเธอ


จนกระทั่งเขาสอบเรียนต่อเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับรุ่นพี่ที่เขาหลงรักได้ พวกเขาตกลงใจคบกันขณะที่เธอเองก็สอบตามเขาเข้ามาอีกที เธอเฝ้ามองเขาเทียวรับเทียวส่งภัครจิราอยู่ตลอดพวกเขาสองคนรักกันมากเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก


วิลาสินีเริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อภัครจิราแฟนสาวของทัตพลเรียนจบออกไปก่อนเธอรู้ข่าวมาว่าบ้านของภัครจิราทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรมและที่ดิน ซึ่งคล้ายคลึงกับธุรกิจที่บ้านของเธอซึ่งก็คืออาคารชุด(คอนโด)และหมู่บ้าน เมื่อวิลาสินีรู้ข่าวว่าทัตพลขอหมั้นภัครจิราเธอเสียใจแทบบ้าออกเที่ยวไม่เว้นแต่ละวัน นอนกับผู้ชายมากหน้าหลายตา พี่ชายจะเตือนอย่างไรเธอไม่เคยฟัง


ทันทีที่ทัตพลรู้ว่าภัครจิราตั้งท้องเขาขอเธอแต่งงานทันที  ติดที่ทัตพลยังติดเรียนอยู่เขาสองคนจึงไปจดทะเบียนสมรสกันไว้ก่อน ไม่กี่เดือนหลังจากนั้นก็คลอดลูกชายออกมาพี่เธอไปเยี่ยมแล้วมาเล่าให้เธอฟังว่าลูกชายเขาน่ารักน่าชังแค่ไหน วิลาสินีได้แต่นั่งอิจฉาขณะที่เธอเพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองตั้งท้องกับใครก็ไม่รู้ได้ห้าเดือนกว่า ๆแล้วเธอตัดสินใจเล่าให้พี่ชายเธอฟัง และขู่จะฆ่าตัวตายพร้อมลูกหากว่าพี่เธอไม่ช่วยบีบบังคับให้ทัตพลมารับเป็นพ่อเด็กให้ได้


เธอรู้พี่ชายเธอมีบุญคุณกับครอบครัวทัตพลมากครั้งหนึ่งเคยเอาชีวิตเข้าแลกช่วยหลานสาวของเขาที่เกือบจะโดนรถชน พี่ชายเธอรักษาตัวอยู่เป็นปีต้องทำกายภาพบำบัดในขณะที่เด็กสาวคนนั้นอยู่รอดปลอดภัยไม่เป็นอะไรเลย พี่ชายเธอเลยเรียนช้ากว่าคนอื่นและกลายเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับทัตพล จะด้วยวาสนาหรืออะไรก็แล้วแต่ทัตพลตกลงใจทิ้งทุกอย่างแล้วย้ายมาอยู่กับเธอ เขารับว่าลูกในท้องเธอคือลูกชายของเขา ทางบ้านเธอตำหนิและไม่ชอบลูกเขย พอเห็นว่าเขาเป็นคนดีขยันทำงานจึงไม่ได้ว่าอะไรอีก วิลาสินีเรียนไม่จบเธอต้องออกจากมหาวิทยาลัยกลางครันเพราะตั้งท้อง ตั้งแต่นั้นมาทัตพลกับเธอก็ใช้ชีวิตร่วมกันมาตลอด


“ฉันรู้ตั้งแต่วันนั้น...คุณไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว คุณเย็นชา ไม่ร่าเริง มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ คุณไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว...ฮือๆ...พี่ทัตวิรักพี่...”


เธอสะอึกสะอื้นคร่ำครวญอยู่คนเดียวกับหยาดหยดน้ำตาที่ไหลลงมาเป็นทาง ยี่สิบปีตลอดมาเขาไม่เคยทำให้เธอเสียใจเลย ถึงเขาไม่รักเธอแต่เขารักชนาธิปมาก เขาจะพูดอย่างภูมิใจทุกครั้งที่มีคนถามและพูดถึงชนาธิป เธอคิดว่าสามารถใช้ชนาธิปเหนี่ยวรั้งเขาไว้ได้


...แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อีกแล้ว....


วิลาสินีตาวาวโรจน์หยิบรูปถ่ายวารินขึ้นมาฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย โทรกำชับคนสนิทของเธอให้ติดตามดูทัตพลแบบใกล้ชิด
.
.

Tbc.  :katai1:

narrybo

  • บุคคลทั่วไป
ทรายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ รีบไปบอกคุณ ภัคร ด่วนเลย ไม่งั้นเรื่องใหญ่แน่ๆๆ งานนี้ แวว มาม่า มารำไร

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ตอนนี้มาแบบสองอารมณ์เลย

ตอนธารน่ารักหวานมากกกกกกกกกกกกกกกก  :-[

ส่วนคู่พ่อ อ้าว กรรมเวร สรุปว่า ธัตไม่ได้นอกใจเมียแต่ด้วยบุญคุณเลยต้องไปแต่งกับคนอื่น  :เฮ้อ:
แถมเรื่องแบบนี้ก็เคลียร์ไม่ได้อีก อิวินี่ก็อ้อร้อไป เขายอมแต่งด้วยก็บุญแล้วนะ
ทำตัวไม่น่าให้ความรักใครจะไปรัก คู่พ่อนี่ก็ดราม่าหนักเหมือนกันนะ
หวังว่าตอนจบ พ่อกับแม่ของธารจะกลับมารักกันนะ

ชนาธิปไม่ใช่พ่อเดียวกับธาร เวรกรรมสุดๆต้องมีช็อตที่ทำให้ทรายเข้าใจผิดแน่นอน
ธิปนี่มันโคตรเสนอตัว ตอนนี้ไม่อยากให้พี่ซีมารักธิปเลยให้ตายสิ
แต่เบื้องหลังธิปกับพี่ซีเหมือนมีอะไรๆอยู่

เพื่อเป็นการแฮปปี้เอนดิ้ง แนะนำ ธารคู่ทราย ธัตคู่พี่ซี ฮ่าฮ่าฮ่า (อยากเห็นคู่คุณลุงมั่งง่ะ)

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
กลัวคดีพลิกที่สุดอ่ะตอนนี้ :ling3:
พ่อลูกนี่ก็ชอบอะไรเหมือนกันเลยนะ :katai1:

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
เกิดเรื่องแล้วไหมหล่ะๆๆ

ธารดูแลทรายดีๆนะ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ปัญหาวุ่นวายกำลังจะมา กลัวใจธารจริงๆ

ออฟไลน์ viewier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
มาม่าแน่เลยยย สงสารวารินน
ชอบธารจัง ผมหนักมั้ยยยย :z2:
กรี๊ดดดด เปนกำลังใจให้นะ มาต่อไวไว
รออ่านอยู่ อิอิ :hao6:

ออฟไลน์ whynotme

  • ♥ 09-07-2012 ♥
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
ยังไม่ทันหวานที่คอนโดใหม่เลย ==''
เมฆหมอกก็ปกคลุมซะแล้ว... 
พี่ทราย..  จะเจออะไรบ้างเนี่ย!! แต่ละคน หึหึ
ถ้าพี่ทรายไปกับเค้านะ  นายธารอาละวาดคอนโดพังแน่ .. :ling3:

ส่งกำลังใจให้นักเขียนครับ  :L2:  :L2:  ขยันมาก ๆ   o13


ออฟไลน์ tsundere

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
เอิ่มม  แจ๊คพอตแตก งี้แหละเนอะความรักมันไม่เข้าใครออกใคร
แต่เจ๊วิชีจะร้ายต่ออีกหรอคะ ยี่สิบกว่าปีที่ร้ายมายังไม่พอหรอคะ
ถ้าเราเป็นภัครนะเราคงทำใจยกโทษให้ไม่ได้หรอกสำหรับทัตพล
สี่ห้าปีพอว่านะแต่นี่ยี่สิบปีที่ไม่บอกอะไรเลย ทิ้งไปเฉย ๆ แล้วภัครนี่ท้องด้วยนะไม่ใช่ไม่ท้อง
ทำเป็นดูอยู่ห่าง ๆ แต่คนที่ไมรู้อะไรเลยก็ยังคงไม่รู้อะไรเลย นี่ถ้าสองคนนั้นใช้ชีวิตปกติ
ไม่เกิดเหตุการณ์ระแวงทรายโดนหมายหัวเป็นชู้ของเจ๊วิต่อไป ภัครก็คงไม่รู้อะไรเลยไปจนตายค่ะ
(ยังความมันต้องแตกใช่มั้ยคะคนเขียน//ถือมีดขู่) แต่บังเอิญไม่ใช่ภัครจิรานี่สิ แหม่ :z10:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7
 :hao6: :hao6: :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ..พี่เลี้ยง..THE DAY’ I was your man[18/03/57] บทที่ 12
« ตอบ #159 เมื่อ: 19-03-2014 05:40:16 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
โหยยย~ ตอนนี้แซ่บมากกกก
สุดยอดเลยค่ะ!!

ออฟไลน์ Serioz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
วารินต้องแย่แน่ๅ

ออฟไลน์ Spelling_B

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

พี่ทรายยยยย จะเป็นไรมั๊ยเนี่ยยยยยยยยยย :hao7:

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ตัวละครสำคัญคือใยคุณวิสินะ เอิ่มมมม พูดไม่ออก ทรายเกี่ยวไรด้วยยะ ทำไมไม่สืบให้ดีๆ

โมโหหึงจริงๆนะ คู่ธารรกะทรายนี่ เหมือนคลืนใต้น้ำชอบกล หวังว่า

พ่อธารกะทรายจะไม่มีอะไรให้เข้าใจผิดกันได้หรอกนะ

ออฟไลน์ coffeeQbread

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1218/-29
บทที่13


“ตรวจดีแล้วใช่ไหม ไม่ลืมอะไรแน่นะ”
 

“หูยไปค้างแค่สองคืนเอง ทรายไม่ใช้เด็กแล้วนะครับ พี่ซีย้ำเป็นสิบรอบแล้ว” วารินนั่งกอดเสื้อนอกที่พาดเอาไว้ที่แขน ภูวดลขับรถมาส่งเขาที่สนามบิน
 

“แล้วบอกน้องเขารึยังว่าสุดสัปดาห์นี้เราไม่ได้ไปค้างด้วย ไม่ใช่ว่าจะมาอาละวาดกับพี่ซีที่บ้านนะ เด็กแบบนั้นพี่ซีจ๋ารับมือไม่ไหวแน่”
 

ภูวดลพูดถึงธาราธารเมื่อเห็นว่าพักหลังจะติดวารินมากไปหน่อย  แต่เขายังไม่รู้ว่าทั้งสองคนสารภาพรักกันแล้ว
 

“บอกแล้วดิ  ขืนไม่บอกมีหวังตามไปลากทรายกลับจากพังงาตั้งแต่วันแรกแหง”
 

วารินพูดไปก็ทำหน้าแหยง ๆ นึกถึงตอนที่บอกกับธาราธารว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนที่ใต้สักสองสามวันซักไซ้จนเขาแทบหลุดพูดเรื่องของทัตพล ธาราธารฉลาดเป็นกรดถ้าวารินโกหกเขาจะจับได้ทันทีเพราะอย่างนั้นวารินจึงคอยเลี่ยงเขาอยู่ตลอด และราวกับโชคช่วยเพราะฝ่ายนั้นดันมีกิจกรรมของคณะที่ต้องทำในวันเสาร์อาทิตย์นี้
 

“แล้วเจอกันครับ วันอาทิตย์ถึงแล้วเดี๋ยวทรายโทรหา”มือเล็กคว้ากระเป๋าเดินทางขนาดย่อมลากลงจากรถ ไหล่อีกข้างสะพายกระเป๋าส่วนตัว เขานัดเจอทัตพลที่ห้องรับรองของสายการบิน
 

“ทานอะไรไหม” ทัตพลที่นั่งรออยู่แล้วถามขึ้นอย่างสุภาพ วารินนั่งลงตรงข้ามกับเขา
 

“ขอบคุณมากครับผมเรียบร้อยมาแล้ว เราเข้าไปกันเลยดีไหมครับจวนถึงเวลาแล้ว”
 

ทัตพลในเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับสแลคดำเข้ารูปผ้าเนื้อดี กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆลอยมาแตะจมูกทำให้คนตัวเล็กอย่างวารินต้องเงยหน้าขึ้นมอง รูปร่างเขาดูจากด้านหลังเหมือนธาราธารไม่มีผิดเพี้ยน วารินที่เดินตามถึงกับก้มหน้ามองดูตัวเองอย่างรันทด ทำไมฟ้าช่างปั้นแต่งคนมาลำอียงขนาดนี้ ไหล่กว้าง ๆ ของเขาดูรับกันไปหมดกับรูปร่างที่สูงใหญ่สวยงาม  ผิวพรรณก็ดี โอ๊ยยวารินถึงกับเครียดอยากจะดูดีรูปหล่อเหมือนกับเขาบ้าง
 

ทัตพลบินชั้นหนึ่งอย่างเคย วารินเลยพลอยสบายไปด้วยปกติแล้วได้บินบ่อยซะที่ไหน ตั้งแต่มาดูแลธาราธารก็ห่าง ๆ เรื่องการเดินทางไปไหนมาไหนไกลๆกับภัครจิราไปเลย
 

เขาสองคนลงเครื่องที่สนามบินภูเก็ต  มีรถของโรงแรมขับมารับ เขาให้วารินขึ้นรถก่อนจากนั้นตัวเขาก็มุดตามเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ
 

“เหนื่อยหน่อยนะเดี๋ยวเราต้องขึ้นเขากันอีกนิด จะนอนก่อนก็ได้เดี๋ยวฉันปลุก”
 

เขาดึงเอาสายกระเป๋าสะพายที่ตกจากไหล่ขึ้นพาดคืนให้ วารินส่งยิ้มบางแล้วเอนศีรษะอย่างเอาแรง ไม่รู้นานเท่าไหร่ที่คนตัวเล็กเผลอหลับไป รู้ตัวอีกทีวารินก็นั่งซบไหล่กว้างของทัตพลแถมยังมีน้ำลายไหลย้อยลงมาอีก
 

“ข..ขอโทษครับ ผมเผลอหลับไป”
 

วารินพูดตะกุกตะกัก รีบเช็ดน้ำลายออกจากไหล่เขาแทบไม่ทันมืออีกข้างก็ยกเช็ดที่มุมปากของตัวเอง ทัตพลนั่งกอดอก กลั้นขำตั้งแต่หัวเล็กๆเริ่มตกมาพาดที่บ่าเขาแล้ว กระทั่งในที่สุดก็เปียกเยิ้ม เพราะไม่เคยมีใครปล่อยเอ๋อใส่เขาได้ขนาดนี้
 

เขาเหล่ตามามองคนข้างๆที่ตอนนี้คงอายจัดทำท่าหันไปชมวิวมืดๆตามข้างทาง แก้มกลมขึ้นสีแดงเถือก วารินเป็นคนที่มีต้นคอสวยมากดูด้านข้างแบบนี้คล้ายกับผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาธรรมดาแต่ผิวพรรณเนียนละเอียดราวสีของน้ำนม จะว่าไปเขาได้กลิ่นหอมของ ‘นม’ เมื่อตอนที่วารินนอนหลับพิงไหล่ของเขา
 

“ที่นี่เหรอครับ” เมื่อก้าวลงจากรถวารินถึงกับอ้าปากตกตะลึง
 

...ไหนเขาบอกว่ารีสอร์ทเล็กๆไง ทำไมมันใหญ่โตขนาดนี้...
 

“เหนื่อยไหม ที่พักของเราต้องเดินขึ้นเขาหน่อยนะ ฉันอยากให้เธอได้ชมวิวสวย ๆ เพราะงั้นเลยตั้งใจเปิดห้องที่วิวดีที่สุดของที่นี่ให้”
 

เขาพูดกับวารินอย่างสุภาพหลังพยักหน้าให้พนักงานที่มารับเอากระเป๋าและเสื้อนอกของเขาไปเก็บ เขาพาวารินเดินชมวิวยามค่ำคืนไปตามทางเดินแบบขั้นบันได ขึ้นไปสู่บ้านพักที่ไต่ระดับอยู่ริมเชิงเขาติดกับท้องทะเลกว้าง วารินเดินเกาะราวบันไดอย่างระมัดระวัง


ท้องทะเลสีดำยามค่ำคืนกับไฟดวงเล็กๆสีส้มมากมายคงมาจากร้านอาหารที่ล็อบบี้ด้านหน้า มีเรือประมงหาปลาลอยลำอยู่กลางทะเลมืดๆเห็นเป็นจุดไฟสีส้ม ๆ กระพริบวิบวับแต่ไกล
 

....ทะเลยามค่ำคืนทั้งงดงามและน่ากลัวมากจริงๆ....
 

“ฉันพักที่ออฟฟิศด้านหน้า เดี๋ยวอาบน้ำอาบท่าแล้วลงมาทานข้าวกัน” เมื่อไขกุญแจเข้าไปในห้องเขาก็พูดขึ้น
 

“ด...เดี๋ยวครับ” วารินรีบดึงเสื้อเขาไว้เมื่อเห็นว่าเขาทำท่าจะเดินออกไป ใบหน้าเล็กดูตื่นกลัวแปลกๆ
 

“แล้ว ท..ทำไมผมถึงต้องนอนที่นี่คนเดียว”
 

สวยน่ะสวยมากก็จริง แต่ห้องมันใหญ่โตโอ่โถงเอามากๆแล้วยังอยู่ริมเชิงเขา อีกทั้งรอบด้านเป็นกระจกใส มองไปรอบ ๆ เห็นแต่ท้องทะเลมืดๆดูน่ากลัวยังไงชอบกล
 

“อ้าวแล้วเธอหวังจะนอนกับใคร อย่าบอกนะว่าจะให้ฉันมานอนเป็นเพื่อน” เขาหัวเราะในลำคอเบา ๆ   
 

“ก..ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรคุณเป็นคุณพ่อของธารแล้วเราก็เป็น ค..คือผู้ชายทั้งคู่ ผมว่านอนด้วยกันไม่น่ามีปัญหาหรอกครับเตียงออกจะกว้างใหญ่” วารินพูดกล้า ๆ กลัว ๆ หวังให้เขาอยู่เป็นเพื่อนเต็มที่
 

“จะเอาแบบนั้นเหรอ” เขาเลิกคิ้วนิดๆทำท่าคิดอยู่สักครู่ เห็นสายตาคาดหวังจากคนตัวเล็กเต็มที่
 

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันให้เด็กเอาเตียงมาเสริมให้ก็แล้วกัน โทษทีนะมัวแต่อยากให้เธอชมวิวสวยๆแต่ดันลืมคิดไปว่าเธอมาคนเดียวอาจจะกลัวก็ได้  ถ้าอย่างนั้นก็อาบน้ำอาบท่า เสร็จแล้วลงไปเจอฉันที่ออฟฟิศด้านหน้าเสื้อผ้าของใช้ฉันอยู่ที่นั่น”
 

ทัตพลปล่อยให้วารินได้มีเวลาส่วนตัว ร่างเล็กๆเดินสำรวจไปรอบห้อง อ่างอาบน้ำที่วางอยู่ในห้องน้ำบานเลื่อนกระจกใส เตะตาวารินมากกว่าอย่างอื่นวารินเดินเข้าไปดูความทันสมัยใกล้ ๆ  ก่อนจะเลื่อนบานประตูกระจกออกไปยืนที่ระเบียงด้านนอก ลมทะเลพัดโกรกจนร่างเล็กต้องรีบแจ้นเข้ามาด้านในแทบไม่ทัน
 

“หนาวเหมือนกันนะเนี่ย ดันลืมเอาเสื้อกันหนาวมา”  วารินพึมพำกับตัวเองพร้อมสูดน้ำมูกที่เริ่มไหลออกมา เขาแพ้อากาศง่ายถ้าเจอเย็นเข้าหน่อยจะจามฟึดฟัดเลยทีเดียว
 

เขาเลือกชุดที่ใส่สบาย ๆ ลงไปรอทัตพลอยู่แถวล็อบบี้ แต่เมื่อยังไม่เห็นอีกฝ่ายจึงลงไปเดินเล่นที่หน้าหาด กดโทรศัพท์รายงานตัวกับภูวดลจนฝ่ายนั้นแซวกลับมาว่าถ้าชมว่าสวยมากนักให้อยู่ถาวรไปเลย เขาได้แต่ทำหน้าทำเสียงกระเง้ากระงอดหาว่าภูวดลไม่รักเขาแล้วจนภูวดลต้องโอ๋เอ๋กันอยู่หลายรอบกว่าน้องชายตัวดีจะกลับมาส่งเสียงสดใสเจื้อยแจ้วได้อีก
 

อันที่จริงเขาแค่แกล้งพี่ชายเล่น
 

“หิวรึยังไปทานข้าวกันเถอะ”
 

มือเล็กกำลังจะกดโทรออกหาธาราธาร แต่เสียงทุ้มๆของทัตพลดันเรียกขึ้นเสียก่อน วารินรีบเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง ร่างสูงใหญ่เดินนำอีกฝ่ายไปที่ร้านอาหารแบบเปิดโล่ง มีชานไม้ยื่นออกไปที่ริมหาด นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีแต่คนต่างชาติทั้งนั้น เขาพาวารินมาหยุดลงที่โต๊ะด้านนอกสุดมองเห็นวิวทะเลชัดสุดและไม่มีอะไรมาบดบังสายตา ดูเหมือนโต๊ะนี้ถูกเซ็ทไว้เรียบร้อยนานแล้ว เก้าอี้นวมสองตัวถูกจัดหันเข้าหากัน ที่โต๊ะตรงกลางมีดอกกุหลาบสีแดงกับเทียนไขที่ถูกจุดวางไว้
 

.....นี่มันโต๊ะดินเนอร์ชัดๆ....
 

จู่ ๆ วารินกลับเห็นใบหน้าเขาเป็นธาราธารขึ้นมา ใบหน้าเล็กรีบก้มต่ำเก็บกิริยาอย่างเขินอาย
 

“เป็นอะไร หนาวเหรอแก้มแดงเชียว”
 

เขาทักขึ้นขณะที่รับแก้วเครื่องดื่มจากพนักงานบรรจงวางไว้ให้ขึ้นมาจิบ ไวน์แดงชั้นดีนอนตะแคงอยู่ในถังน้ำแข็งเล็กๆวารินหันไปมองแล้วนึกไปถึงธาราธารอีกครั้ง
 

...พ่อลูกรสนิยมเหมือนกันไม่มีผิด กินแต่ของแพงๆ...
 

“ชนแก้วหน่อยนะ ขอบคุณที่เธอยอมเป็นธุระเรื่องธาราธารให้ ขอบคุณที่ยอมมาที่นี่ตามที่ฉันขอ แล้วก็ขอบคุณสำหรับความจริงใจที่เธอมอบให้ลูกชายของฉัน”
 

วารินยกแก้วของตนขึ้นมาตามมารยาท เขาเอียงแก้วเข้ามาแตะ ไวน์สีแดงกลิ้งตัวไปมาอยู่ในแก้ว  เขาคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ดวงตาคมทอดมองดวงหน้าของคนตัวเล็กอย่างนึกขอบคุณขณะที่ยกเครื่องดื่มขึ้นจิบ วารินเองก็ทำเหมือนอย่างเขา
 

“คุณทัตพลเป็นเจ้าของที่นี่เหรอครับ”
 

เป็นความจริงที่ไม่น่าถามอออกไปเลย เพราะตั้งแต่รถเลี้ยวเข้ามาจอด วารินแค่เห็นป้ายชื่อก็รู้อยู่แล้ว
 

“เรียกฉันว่า ‘ทัต’ เฉยๆก็ได้ไม่ต้องเต็มยศขนาดนั้นหรอกเรารู้จักกันมาขนาดนี้แล้ว”  เขายิ้มอย่างใจดีให้ แล้วยังตักอาหารใส่ในจานให้อีกด้วย
 

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เรียกผมว่า ‘ทราย’ ก็ได้ครับ เหมือนที่..เอ่อ..เหมือนธารเขาเรียก”
 

วารินส่งยิ้มกว้างอย่างจริงใจหลังพูดจบ  เป็นรอยยิ้มที่เขาดูแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างประหลาด ไม่สงสัยเลยว่าทำไมธาราธารลูกชายของเขาจึงยอมเปิดใจให้คนๆนี้
 

ทัตพลชวนวารินคุยเรื่องธาราธารอย่างออกรส เป็นอีกครั้งที่วารินรู้สึกว่าลมทะเลที่พัดโกรกมันช่างหนาวเย็นเสียจริง เขาไม่ได้สวมเสื้อนอกลงมา เพียงแต่ใส่เสื้อซ้อนสองชั้นเท่านั้น ไหล่เล็กห่อลงขณะที่วารินใช้สองมือลูบแขนไปมาแล้วกอดหน้าอกไว้
 

“หนาวเหรอ” เขาถาม
 

“ครับ นิดหน่อยไม่เป็นไรคุณพูดต่อเถอะครับ”
 

วารินตอบยิ้ม ๆหรี่ตาสู้แรงลมทะเลยามค่ำคืน กำลังคุยติดพันเรื่องชีวิตนักศึกษาของธาราธารให้เขาฟังอย่างออกรส แต่วารินดันจามออกมาเสียก่อน
 

“เข้าห้องดีกว่าไหมฉันว่าทรายหน้าแดง ๆ นะกลัวจะเป็นหวัด เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปดูรีสอร์ทที่จะให้ทรายช่วยเรื่องตกแต่งคงจะต้องเหนื่อยมากหน่อยพักเอาแรงไว้ก่อนดีกว่า”
 

เขาลุกขึ้นแล้วพาวารินเดินออกจากที่นั่น เสื้อเชิ้ตที่เขาสวมทับเสื้อยืดอีกตัวไว้ ถูกถอดออกมาคลุมให้วารินอย่างเบามือ ใบหน้าเล็กเงยขึ้นไปมองดูเขาอย่างแปลกใจ
 

“เสื้อใหม่นะ ฉันเพิ่งใส่เมื่อกี้นี้เอง”
 

เขาทำหน้าเก้อเขินเหมือนกลัววารินจะต่อว่า แต่เพราะเห็นว่าต้องเดินขึ้นบันไดริมเขาอีกกว่าจะถึงที่พัก  เลยกลัวอีกฝ่ายจะหนาวเพราะโดนลมโกรก
 

“ไม่ใช่ครับ ผมแค่เกรงใจคุณ”
 

วารินได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายจาง ๆ จากเสื้อของเขา ถึงจะไม่ใช่กลิ่นเดียวกับของธาราธารแต่ก็คล้ายกันมาก เป็นกลิ่นที่มีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล ให้ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มชวนโหยหา แม้จะสูดดมเท่าไหร่กลับไม่รู้สึกอิ่มเอมอะไรแบบนั้น
 

“ภัครเขาเป็นยังไงบ้าง ยังทำงานหนักอยู่เหมือนเดิมใช่ไหม”
 

ขณะกำลังจะก้าวขึ้นบันไดที่เชิงเขา ทัตพลก็ถามขึ้น วารินหยุดขาลงทันที นี่เป็นครั้งแรงที่เขาเอ่ยถึงเจ้านายของวาริน ซึ่งก็คือภรรยาเก่าของเขา
 

“ครับ คุณภัครทำงานหนักมากเธอไม่เคยปล่อยให้ตัวเองว่าง เป็นผู้หญิงที่อยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้เลยล่ะครับ”
 

เมื่อพูดถึงผู้มีพระคุณอย่างภัครจิราสายตาวารินทอดออกด้วยความภาคภูมิใจ ภัครจิราเป็นผู้หญิงที่เก่งมากในสายตาของวาริน ทัตพลค่อยก้าวขึ้นบันไดต่อวารินเองก็เดินตามทั้งสองคนต่างนิ่งเงียบกันไป
 

วารินไม่มีสิทธิ์ที่จะไปพูดเรื่องของเจ้านายต่อหน้าเขาเพราะทัตพลเองก็แต่งงานใหม่ไปนานมากแล้ว มีลูกจนโตพอๆกับลูกของภัครจิรา  ถึงอยากจะรู้ว่าทำไมเขาจึงทิ้งภัครจิราได้ลง แต่คงไม่มีหน้าจะถามออกไป
 

...ถึงอยากรู้ให้ตายก็ถามออกไปไม่ได้...
 

“ทรายนอนเตียงใหญ่เลยนะ เดี๋ยวฉันใช้เตียงเล็กเอง”
 

เมื่อเข้ามาในห้องอีกครั้งเตียงเสริมก็ถูกจัดวางไว้ข้างเตียงใหญ่แล้วเรียบร้อย
 

“จะเอาอะไรไหม เดี๋ยวฉันจะโทรลงไปที่ฟร้อนหน่อย”
 

เขาถาม เมื่อวารินเดินออกมาจากห้องน้ำ ใบหน้าเล็กพยักหงึกๆ บอกตัวเองอยากทานนมร้อนขอเป็นแก้วใหญ่ ๆ ทัตพลเลิกคิ้วอย่างสงสัยแต่เขาก็สั่งมาให้วารินอยู่ดี
 

ไม่นานหลังจากนั้นพนักงานก็นำนมร้อนเหยือกใหญ่ขึ้นมาส่งให้ถึงเตียง พร้อมกับกระเป๋าเอกสารที่ทัตพลคงลืมวางเอาไว้ เขาหยิบเอกสารออกมาทำโน่นทำนี่อยู่บนโต๊ะทำงานขณะที่วารินยิ้มแก้มแทบปริ เดินไปเอาแก้วมารินนมจากเหยือกแล้วออกไปนั่งกินนมชมบรรยากาศอยู่ที่หน้าระเบียง มือเล็กกดโทรออกหาธาราธารทันที
 

“พี่ยังจำผมได้ด้วยเหรอ?”
 

พอรับสายปุ๊บธาราธารก็เริ่มแดกดันใส่ น้ำเสียงแกล้งงอนกันชัดๆ วารินต้องง้ออยู่นานกว่าอีกฝ่ายจะยอมพูดดีด้วย
 

“แล้วนี่ไปกันกี่คนอ่ะ เอาจริงๆเรียกมาคุยสักคนสองคนดิ๊”  เขาว่ากันว่าคนหนุ่มมักเซ้นดี วารินคิดว่า ท่าจะจริง
 

“ก็..หลายคนแหละ ตอนนี้นอนกันหมดแล้ว แล้วเราล่ะทำอะไรอยู่อยู่ไหนเนี่ย ห้องรึเปล่า?”
 

วารินอึกอักพาอีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างรวดเร็ว
 

“ครับใช่ อ่านหนังสืออยู่ที่ห้องนี่แหละ ผมว่าพี่แปลกๆว่ะ” ท้ายประโยคธาราธารทำน้ำเสียงสงสัยเต็มที่
 

“คิดมากน่าเด็กน้อย  พี่ทรายคิดถึงนะครับ”  วารินแกล้งหยอดคำหวาน
 

“แน่ะๆๆชัวร์เลย แบบนี้ชัวร์เลย พี่เคยพูดแบบนี้ที่ไหนกัน ไหนเปิดวีดีโอคอลดิ๊ ส่องเพื่อนๆพี่ให้ผมดู”
 

วารินแทบสำลักนมในแก้ว ธาราธารจะฉลาดไปไหนครับ  คนตัวเล็กจามออกมาเพราะความหนาวแต่ก็ยังอยากนั่งชมวิวต่อ
 

“เป็นหวัดรึเปล่า ทำไมจาม” เสียงที่ปลายสายแสดงความเป็นห่วง กังวล
 

“เปล่า แค่แพ้อากาศนิดหน่อย”
 

วารินส่งเสียงอู้อี้ตอบออกไป ทัตพลเลื่อนบานประตูออกมาพร้อมกับผ้านวมผืนใหญ่ในมือ เขาคลุมมันลงที่ไหล่เล็กอย่างระมัดระวัง วารินที่นั่งกอดเข่าอยู่รีบรับเอาไว้อย่างรู้สึกขอบคุณและเกรงใจ
 

“เพื่อนเขานอนหมดแล้วทำไมพี่ยังไม่นอนอ่ะ ดึกแล้วนะรีบไปพักเถอะพรุ่งนี้เดี๋ยวไม่มีแรงเที่ยวต่อนะ” ธาราธารยังชวนเขาคุยต่อทั้งที่ไล่ให้ไปนอนแล้วแท้ ๆ พวกเขาคุยกันสักพักก็วาง วารินเดินหอบผ้านวมเข้ามาวางไว้คืนให้ทัตพล
 

“ขอบคุณนะครับ ตะกี้คุยกับธารเห็นบอกว่าพรุ่งนี้มีคุยกับรุ่นพี่เรื่องละครเวที ธารเขาได้แสดงเป็นพระเอกด้วยนะครับ”
 

วารินอยากเล่าเรื่องธาราธารให้ทัตพลฟังเพราะคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะดีใจ ซึ่งก็ใช่จริง ๆทัตพลยิ้มบางๆออกมาด้วยความภาคภูมิใจ
 

“เขาทำได้แน่อยู่แล้ว เพราะว่าเขาเป็นลูกชายฉันนี่ ต้องทั้งเก่งทั้งหล่อเหมือนพ่ออยู่แล้ว”
 

คราวนี้วารินสำลักนมในแก้วออกมาจริง ๆ คนตัวเล็กไอค่อกๆแค่กๆตบหน้าอกตัวเองไม่ยอมหยุด เดือดร้อนทัตพลต้องละจากกองเอกสารเดินเข้ามาลูบหลังให้เบา ๆ 
 

“เอ้ากินแบบไหนกันล่ะเนี่ย เลอะเทอะหมดแล้ว”
 

เขาหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้ “เข้าไปล้างหน้าไป” ไล่วารินให้เข้าไปล้างหน้าล้างตา อีกฝ่ายจึงถือโอกาสแปรงฟันให้เสร็จเรียบร้อยเลย
 

วารินซับหน้าแล้วพาดผ้าไว้กำลังจะเดินมานอนลงที่เตียง แต่นึกบางอย่างได้เขาก็ลุกไปควานหาสายชาร์ตในกระเป๋ามาชาร์ตแบตโทรศัพท์ไว้ใกล้ตัว
 

“อ้าวทราย มานอนที่ฉันทำไมล่ะเนี่ย ไปนอนเตียงใหญ่สิ” ทัตพลเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นวารินล้มตัวลงนอนที่เตียงเสริม
 

“ไม่ได้หรอกครับคุณทัตนอนเตียงใหญ่เถอะ แค่นี้ผมก็เกรงใจคุณจะแย่แล้วอย่าให้ต้องลำบากใจมากไปกว่านี้เลยนะครับ”
 

“เอาแบบนั้นเหรอ งั้นก็ได้ฉันปิดไฟแล้วนะ ทรายเปิดไฟหัวเตียงไว้สิ”
 

เขาเดินเข้ามาล้มตัวลงนอน ถึงจะพูดว่าเตียงใหญ่กับเตียงเสริมแต่มันก็ต่อติดกันอยู่ดี ทัตพลเอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียง เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายหลับตาลงแล้ว
 

เสียงคลื่นซัดกระทบชายฝั่งดังให้ได้ยินตลอดทั้งคืน ทัตพลยังคงนอนลืมตาในความมืด เขาหวนคิดถึงครั้งแรกที่ได้เจอกับภัครจิรา เธอเป็นรุ่นพี่เขาสองปี ทัตพลแอบรักเธอมาตลอดจนกระทั่งในที่สุดได้แต่งงานกัน แต่เพราะโชคชะตาในตอนนั้นเขาตัดสินใจทิ้งทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณรุ่นพี่ที่สนิทกันคนหนึ่ง ถึงแม้เขาไม่ได้รักวิลาสินีแต่เขาก็ไม่ปฏิเสธที่จะมีอะไรกับเธอ ทัตพลหลับตาลงอย่างสมเพศตัวเอง ยี่สิบปีแล้วที่เขาเดินผิดพลาดมาตลอด จะมาอยากได้คืนอะไรกันตอนนี้เขาไม่มีสิทธิ์จะเรียกตัวเองว่าพ่อเลยด้วยซ้ำ
 

ร่างสูงเลื่อนบานประตูออกมายืนรับลมอยู่ที่ระเบียงด้านนอก สายตาคมทอดมองลงไปที่ท้องทะเลเวิ้งว้างสีดำสนิท มีแสงไฟจุดเล็กๆอยู่สามสี่จุดคาดว่าคงเป็นเรือประมงออกไปตกหมึกยามค่ำคืน เขาเลื่อนสายตาไปที่ริมฝั่ง บาร์หน้าหาดปิดเงียบหมดแล้ว ทัตพลหลับตาลง ปล่อยตัวเองให้ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
 

เมื่อรู้สึกตัวอีกที มือเล็กของใครบางคนกลับเอาผ้าห่มมาคลุมลงให้เขาเสียแล้ว แต่เพราะเขาตัวสูงกว่ามากทุกอย่างเลยดูขลุกขลักไปหมดไม่โรแมนติกเหมือนที่ใครหลายคนคิด ทัตพลยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนเขาลูบศีรษะเล็ก
 

“ขอบใจนะ”
 

“คุณทัตนอนไม่หลับเหรอครับ ถ้ามีอะไรอยากจะระบาย คือว่าผม..คือ..รับฟัง...”
 

วารินอยากจะบอกเขาว่ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจสามารถเล่าให้ฟังได้ ไม่อยากให้ทัตพลคิดมากเพราะทัตพลเป็นคุณพ่อของธาราธารและเป็นคนที่ภัครจิราเจ้านายของเขาเคยรัก วารินจึงให้ความสำคัญกับเขา
 

“เปล่าหรอกทราย ฉันไม่เป็นอะไรแค่ออกมารับลมหน่อยเท่านั้น จะเข้าไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
 

แล้วเขาก็พาวารินเข้ามาด้านใน เมื่อร่างเล็กล้มตัวลงนอนเขาเข้ามาดึงผ้าห่มคลุมให้อย่างเบามือ
 
 

....เพราะวารินดูแลลูกชายคนเดียวของเขา และเพราะวารินอยู่ใกล้ชิดกับภัครจิรา ผู้หญิงที่เขารัก...
 

.

.

 
“เลวที่สุด!  ชั่ว!  เลว!  สันดานร่าน!!”
 

วิลาสินีฟาดโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงสบถคำหยาบไม่ได้ศัพท์ หลังคนสนิทของเธอโทรมารายงานว่าทัตพลพาวารินไปค้างด้วยกันที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งที่พังงา ส่งรูปที่สองคนดินเนอร์กันใต้แสงเทียนริมชายหาดมาให้เธอดู
 

วิลาสินีเอาใบหน้ากดลงบนหมอนแล้วกรีดร้องออกมาดัง ๆ  สองวันที่แล้วเธอมีปากเสียงกับเขา แล้วเขาก็หายไปเลยตั้งแต่วันนั้น วิลาสินีไม่ได้โทรไปเช่นกันเขาเองก็ไม่ได้โทรมา
 

...ถึงขนาดกล้าดีพามันไปฮันนีมูนใต้แสงเทียนแสงจันทร์บรรยากาศชั่วช้าแบบนั้น คิดจะลองดีกับฉันล่ะสินะ...
 

หญิงสาวแสยะยิ้มที่มุมปากเมื่อเธอเริ่มคิดแผนการชั่ว ๆ ออก เธอต้องการกำจัดวาริน ต้องการกำจัดทุกคนที่เข้าใกล้ทัตพล
 

...ถึงเขาไม่รักเธอแต่เธอจะไม่ยอมให้เขาไปรักใคร!...
 

...เธออยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา...
 

....และเธอจะไม่มีวันเสียเขาให้กับใคร...
 

วิลาสินีกดโทรศัพท์ออกหาคนสนิทของเธอที่ตามทัตพลไปถึงพังงา บอกแผนการที่เธอคิดไว้ทั้งหมด กำชับให้คนปลายสายทำงานให้เรียบร้อย งานนี้จะผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด เธอฟาดรางวัลลงไปเป็นตัวเลขถึงหกหลักฝ่ายนั้นยิ้มร่า แล้วรับปากจะทำงานให้สำเร็จลุล่วง ขอแค่ให้คนสองคนไหลไปตามแผน  ถึงตอนนั้นวิลาสินีจะกลายเป็นผู้ชนะอย่างสมบูรณ์แบบ วารินไม่มีวันลอยหน้าอยู่ในสังคมได้อีกแน่ ๆ หญิงสาวเหยียดยิ้มร้าย มือเรียวค่อยวางโทรศัพท์มือถือลงบนเตียง
 

...ยังไงซะคุณก็ต้องคลานกลับมาหาฉันอยู่ดีนั่นแหละค่ะที่รัก...
 

...ถึงคุณจะมีใครอื่นอีกเป็นสิบเป็นร้อย แต่ฉันคนนี้จะจัดการไล่ต้อนพวกมันไปให้หมด...
 

...หมูหมากาไก่ เปรตแร้งเก้งกวางที่จะมาอ่อยเหยื่อล่อหลอกเอาคุณไป พวกมันจะต้องเจอกับคนอย่างฉันเสียก่อน..
 

...แล้วคุณจะเห็นว่าคนอย่างฉันนี่แหละ ที่คู่ควรกับคุณ...คุณทัต!
 
.
.
Tbc.

kondee_tysut

  • บุคคลทั่วไป
โหยยลุ้นอ่ะ กลัวแทนเล้ย  :katai1:

narrybo

  • บุคคลทั่วไป
นาง ร้าย โดยแท้ๆๆๆ ไม่มีคำใด เปรียบ นาง ได้เลย เครียด แล้ว ถ้าคุณ ภัคร รุ้ ทรายจะทำไงเนี่ย

ออฟไลน์ Serioz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
อินางร้ายน่าตบมาก  :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
ร้ายๆๆๆๆๆ

ธารอย่าเข้าใจทรายผิดนะ

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
งานนี้ทรายไม่มีที่ยืนแน่
แถมจะโดนธารเกลียดอีกต่างหาก
กำๆๆๆๆๆ

  :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ whynotme

  • ♥ 09-07-2012 ♥
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
คุณพ่อคะ ... คนนั้นนะ แฟนของคุณลูกชายนะคะ .. (ไม่มีอะไร  แค่บอกเฉย ๆ)  :hao3:
พี่ทราย... รีบคุยธุระให้เสร็จ ๆ รีบกลับไปหาธารเหอะนะ .. อันตรายรอบตัว    :ling3:
ผู้หญิงคนนี้ .. น่ากลัวมาก.......   :fire:   :ling3:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :hao7: อร๊ายยยยยยย
ตอนนี้แอบจิ้น คุณทัตกับพี่ทรายเสียแล้ว
แลดูอบอุ่นมากเลยอ่ะ "คุณพ่อxคุณลุง"

อิวิจะก่อเรื่องอีกแล้วล่ะสิ สงสัยจะเอาเรื่องพี่ทรายมาประจาณรึเปล่า
ยังงี้สงสัยพี่ทรายจะได้ดราม่ากับธาร
ถ้าธารไม่เชื่อกลับมาหาคุณทัตนะพี่ทราย
เอามาให้เราจิ้นต่อ  :laugh:

ออฟไลน์ tsundere

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 118
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
นี่เรียกว่าคู่ควรแล้วสินะคะ ก็ไม่รู้สินะ
ผู้หญิงคนนี้ทำไมตูเกลียดมันได้ขนาดนี้ฟะ :z6:

ธารนี่เป็นพระเอกใช่ไหม ทำไมพักนี้บทมันน้อยจัง :hao5:
แล้วนี่ทรายจะเข้าศึกชิงสวาททัตพลที่มันไม่จบไม่สิ้นอีกรายสินะ สินะ สินะ

ออฟไลน์ EARTHYSS :)

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร เหอะสมน้ำหน้า

ออฟไลน์ w1234

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 626
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
น่าเป็นห่วงทรายแล้วสิ กลัวธารจะเกลียดไปอีก ให้คุณทัตเจอตัวไอ้คนติดตามแล้วซ้อนแผนกลับอีกที

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ตามอ่านทันแล้วววววว สนุกมากๆๆๆ ค่ะ ตอนล่าสุดนี่อยากเข้าไปกระชากหัวอินังวิแล้วตบๆๆๆๆๆ ฮึ้ยยยย อย่ามาทำอะไรพี่ทรายนะ

กลัวทุกคนจะเข้าใจพี่ทรายผิดจัง สงสารพี่ทรายล่วงหน้าได้เลยสินะคะ TT

รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Minerva

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 269
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
ไม่รักก็ไม่ยอมให้ไปรักใคร สันดานน่าตบมากค่ะ!
ไม่รู้ว่าถ้าคุณภัครจิรารู้ว่า ธารบอกรักกับพี่ทรายแล้วจะเป็นไงน๊า
คิดว่าน่าจะเป็นคำตอบแบบผู้ใหญ่ที่ดีแน่ๆ เชื่อว่างั้น!
แต่ไม่แน่ใจกับคุณพี่ซี จะอกแตกตายหรือเปล่า (สงสาร)

แต่ยังไงก็เชียร์น้องธารกับพี่ทรายค่ะ!!♥

จะติดตามตอนต่อไปนะคะ!

ออฟไลน์ daboo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 444
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ยัยขี้อิจฉาร้ายกาจมาก

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
ทำไม เราอ่านพาร์ท พ่อธารกะทรายแล้ว มันเหมือนอ่าน "ของต้องห้ามที่หอมหวน"  :hao4:

เหมือนจะมีแรงดึงดูดบางอย่างที่สองคนนี้ ถูกดูดเข้าหากันเลย

แล้ว ทรายก็เผลอใจด้วยบางที ไอที่คิดว่าเหมือนธารแล้วเขินอ่ะ

ก็แค่เหมือน ของจริงมันไม่ใช่ ถ้ายังเผลอบ่อยๆ ก็ชู้ ของจริงเลยแหละ  :เฮ้อ:

ธารจะกลายเป็นบุคคลผู้น่าสงสารที่สุดเลย ถ้าถึงตอนนั้น ส่วนใยคุณวิ

เธอยังคงเป็นผู้เห็นแก่ตัวที่มืดมนที่สุด   :z6:  :beat: เธอไม่น่าสงสัยตัวเองเลยนะ ทำไมพ่อธารไม่รัก

ส่องกระจก อย่าเอาแต่มองว่าสวยมั๊ยอย่างเดียวสิ ส่องดูอย่างอื่นด้วย ดูว่าตัวเองทำอะไรไว้บ้าง :angry2:

พ่อธารนี่คือ ไม่รู้เลยหรอว่า อธิปไม่ใช่ลูกแท้ๆ หรือว่ารู้แล้วว่าไม่ใช่ลูก แต่อยากตอบแทนบุญคุณ

ถ้ารู้ว่าไม่ใช่ลูก อยากตอบแทนบุญคุณ แล้วถามหน่อย ลูกตัวเองนี่ ไม่นึกถึงมั่งเลยหรอ? กับแม่ธารอีก

เสียสละชีวิตตัวเองก็พอเข้าใจ แต่นี่ ทำร้ายคนที่ตัวเองรักด้วย? ลืมคิดรึไง? รึมันมีเหตุผลที่ซับซ้อนกว่านี้ รึยังไง?

ปล. สุดท้ายนี้ ที่เราเม้นต์ยาวได้ประมาณนี้ เพราะอิน ขอโทษด้วยนะคะ สนุกอ่ะเรื่องนี้ เดายากดี ชอบอ่ะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ smile_aex

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด