“ลงมา!”
กว่าจะกลับมาถึงบ้านฝนก็เริ่มห่างเม็ดไปแล้ว ธาราธารแกะข้อมือวารินออกแล้วจับลากลงมา เตโชที่ยังไม่นอนรีบวิ่งเข้ามาดู
“ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของเจ้านาย” เขาตะคอกใส่หน้าคนที่เดินเข้ามาอย่างไม่แคร์ เตโชหน้าเสียขณะที่เขาลากแขนวารินตรงไปที่ห้องเก็บอุปกรณ์ทำสวนซึ่งติดกับโรงจอดรถ เตโชได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นสายตาแสดงความห่วงใยอีกคนอย่างชัดเจน
“เดี๋ยวจะทำให้มันได้รู้ไปเลยว่า ‘เรา’ สองคนเป็นอะไรกัน”
เขาพูดเสียงเย็นเฉียบชิดติดริมหู ตั้งใจเน้นคำว่า ‘เรา’ จากนั้นจึงผลักวารินเข้าไปด้านในร่างเล็กๆกระแทกเข้ากับโต๊ะกลางห้องจนของที่วางอยู่ล้มระเนระนาด เขาก้าวเข้าหา กระดุมเสื้อเชิ้ตเปียกโชกถูกปลดลง ขณะที่วารินถอยกรูจนหลังติดฝา หาหนทางเล็กๆหวังจะเล็ดลอดจากซาตานร้ายอย่างเขาให้ได้
“อย่าธาร! ไม่เอาอย่าทำนะ” เขากระชากแขนเล็กจนตัวปลิวกระเด็นมาชิดแผ่นอกกว้างของเขาแล้วกอดรัดเอาไว้ วารินตัวสั่นงกๆด้วยความกลัวและความหนาวชุดนอนสีขาวที่เปียกโชกซับให้เห็นเนื้อในขาวผ่อง
“จะถอดเองดี ๆหรือจะให้ผมฉีกออกให้เหมือนทุกครั้ง หืมม” เขากระซิบใส่เสียงเย็นวารินผลักอกเขาออกด้วยความกลัวแต่เขากลับไม่ไหวติงเลยแม้แต่น้อยกลับดันคนตัวเล็กให้นอนหงายราบลงไปบนโต๊ะใหญ่กลางห้อง
“ธารไม่! อย่า! อย่าทำพี่ขอร้อง ที่นี่ไม่ได้ ไม่ใช่ที่นี่ขอร้องล่ะ ได้โปรด….ธาร....ได้โปรด”
วารินร้องขอสะอื้นไห้เสียงสั่นในขณะที่ตัวเขาโน้มขึ้นทาบทับขาที่ลอยไม่ติดพื้นเตะปัดป่ายจนเขาต้องออกแรงกระชากคนตัวเล็กจับพลิกคว่ำหน้าลงไปแทนให้วารินอยู่ในท่ากึ่งยืนกึ่งหมอบอยู่ที่โต๊ะในขณะที่เขาโน้มตัวกดทับลงมา ใบหน้าด้านข้างของคนใต้ร่างบี้ติดผิวโต๊ะ เขากระชากคอเสื้อด้านหลังของวารินขึ้นทำเอาอีกฝ่ายไอโขลกเพราะโดนกระดุมเสื้อรั้งจากคอหอย มือใหญ่เอื้อมไปฉีกทิ้งอย่างไม่ใส่ใจเมื่อต้นคอขาวผ่องลอยอวดท้าเขาอยู่ต่อหน้าต่อตา เม็ดกระดุมร่วงกรู เสื้อแสงแยกขาดออกจากกัน
“อย่ามาแตะนะ!”
วารินแผดเสียงดังลั่นขณะที่ริมฝีปากของเขากำลังจะกดจูบลงไปที่ต้นคอขาวเนียน
“ธารจูบคนอื่นแล้วอย่ามาแตะต้องกัน”
เสียงเล็กๆสั่นพร่าน้ำตาไหลอาบทั้งที่แก้มถูกกดแนบ ธาราธารชะงักทันทีภาพวันเก่าฉายชัดเข้ามาในหัวใจเขาอีกครั้ง
‘ผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีก ผมรู้แล้วว่าพี่ไม่ชอบ’ นั่นคือคำสัญญาที่เขาเคยให้กับวาริน แต่วันนี้เขากลับจูบกับผู้หญิงคนนั้นต่อหน้าต่อตา ที่สำคัญเขา ‘ตั้งใจ’ ทำเพราะรู้ว่าวารินจะต้องเห็น มือใหญ่ยื่นเข้าหมายจะสอดเข้ากอดคนตัวเล็กอย่างปลอบประโลมและเอ่ยปากขอโทษ คำพูดของวารินเมื่อสักครู่ดังสะท้อนอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้งจนเขาเผลอละตัวขึ้น
“ธารจูบคนอื่นแล้วอย่ามาแตะต้องกัน” ใบหน้าคมขมวดคิ้วแน่นมือที่กดหลังวารินอยู่ค่อยคลายออกอย่างไม่รู้ตัว ได้โอกาสคนตัวเล็กวิ่งพรวดหลุดออกมาที่ด้านนอก วารินรีบวิ่งตะบึงตัดผ่านเข้าไปในตัวบ้าน เตโชที่ยืนนิ่งอยู่แถวประตูมองดูด้วยความเวทนา อยากเข้าไปช่วยใจจะขาดแต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์จะทำอย่างนั้นได้ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าคืนก่อนนั้นเกิดอะไรขึ้นที่ห้องข้าง ๆ เสียงวารินดังสะท้อนซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในห้วงความคิด ได้แต่กำมือแน่นเพราะสงสารคนตัวเล็กจับใจ
เสื้อนอนที่เปียกชุ่มถูกดึงจนขาดวิ่น สาบเสื้อเปิดแยกออกจากกันวารินไม่สนใจสิ่งใดแล้วตั้งหน้าตั้งตาวิ่งตรงไปที่ห้องหลังบ้าน
แต่ทว่า
ก็ไม่เร็วเท่ากับช่วงขาที่ยาวกว่ามากของใครคนนั้น มือใหญ่ของซาตานร้ายเข้ากระชากเขาเอาไว้ก่อนที่คนตัวเล็กจะวิ่งหนีพ้นไปได้หัวใจดวงเล็กๆหล่นวูบ ธาราธารกอดรัดเอาไว้แน่นวารินทั้งดิ้นทั้งทุบแถกลงไปกับพื้นด้วยแรงทั้งหมดที่มีไม่ยอมเดินตามเขาไปเด็ดขาด ธาราธารหมดความอดทนแบกร่างทั้งร่างที่ดิ้นพราดๆใส่บ่าแล้วเดินขึ้นไปบนห้องโยนโครมลงที่เตียงใหญ่หลังเดิม
วารินรีบถดตัวลงจากที่นอนหนานุ่มนั้นทันที ตัวเขาที่ยืนตระหง่านอยู่ปลายเตียงกระชากเสื้อตัวเองออกอย่างรวดเร็วเผยให้เห็นกล้ามเนื้อสวย สร้อยสีเงินสั้นๆเส้นเล็กที่แขวนจี้รูปกุญแจซอลกระเพื่อมไปตามเนินอกแข็งแกร่ง วารินรู้ว่าเขาโกรธมากแต่จะให้ยอมกันง่าย ๆ มันก็คงไม่ใช่ ร่างเล็กก้าวถอยหลังอย่างคนหาหนทางจะหนีอีกครั้ง พอตัดสินใจวิ่งด้วยแรงเฮือกสุดท้ายคนตัวเล็กก็ปลิวหวือตามแรงกระชากที่ท่อนแขน
ธาราธารจับตัวเขาโยนลงไปที่อ่างอาบน้ำเปิดน้ำใส่อย่างแรงแล้วหยิบฝักบัวลงมาราดรดศีรษะเล็กที่ผมเรียบลู่เพราะเปียกสายฝน วารินนั่งตัวสั่นชันเข่ากอดตัวเองไว้แน่น เขากดแชมพูออกมาชโลมเส้นผมให้ก่อนจะล้างออกอีกครั้งจนสะอาดแล้วค่อยถอดเสื้อนอนของอีกคนออกวารินต่อต้านเขาเล็กน้อยแต่พอคิดว่าสู้ไม่ได้แน่แล้วก็ปล่อยให้เขาทำไปอย่างที่ต้องการ ไม่นานนักร่างเล็กๆก็นั่งเปลือยเปล่าแช่อยู่ในอ่างน้ำอุ่น ๆ เขาปลดเข็มขัดออกแล้วถอดกางเกงยีนส์ลง ขายาวก้าวเข้ามานั่งซ้อนลงด้านหลัง กอดรัดวารินเอาไว้แน่นแล้วเอนตัวนอนแช่ลงที่อ่าง วารินดิ้นพราดเมื่อนึกถึงเรื่องครั้งก่อนที่เขาพาตัวเองจมลงใต้อ่าง ร่างเล็กดิ้นพล่านเพราะความกลัวเข้ามาเกาะกุม
“ชู่ว ไม่ทำหรอกไม่ต้องกลัว ผมไม่ทำแบบนั้นแล้ว” เขากระซิบเข้าที่หลังหูวารินน้ำตาไหลออกมาอีกรอบ ไม่รู้จะเชื่อคำพูดเขาได้แค่ไหนแต่จะให้ต่อต้านก็สุดเรี่ยวแรงที่จะทำได้จึงยอมให้เขากกกอดอยู่อย่างนั้น พักเดียวเขาก็พาร่างเล็กๆออกมานั่งที่เตียงพร้อมกับโยนผ้าขนหนูผืนใหญ่ส่งให้ ชุดนอนตัวโคร่งถูกเขาปลดออกจากไม้แขวนแล้วโยนใส่มือ
“ใส่ซะ แล้วกลับลงไปได้แล้ว ผมไม่มีรสนิยมบริโภคของเหลือเดนจากพวกคนสวนหรอกนะ” เขากระแทกเสียงประชดประชัน จากที่วารินเริ่มนิ่งเมื่อเห็นว่าเขาใส่ใจอาบน้ำสระผมให้กลับเจ็บปวดหัวใจดั่งถูกทิ่มแทง น้ำตาแห่งความรวดร้าวทะลักออกมาจากตาดวงน้อย ทำไมถึงดูถูกดูแคลนกันได้ขนาดนี้
“ในสายตาของธาร พี่มันร่านขนาดนั้นเลยเหรอ”
เสียงคนถามบางเบาราวกับคนไร้เรี่ยวแรง วารินก้มหน้านิ่งกลั้นสะอื้นให้ถึงที่สุด แต่เขายังคงเงียบ ยืนหันหลังให้อย่างที่วารินไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ ในที่สุดเขาหันหลังกลับมาเหยียดยิ้มแสนขมขื่นใส่ เดินเข้ามาหาใกล้ ๆ แล้วบีบคางคนตัวเล็กไว้แน่นสองมือของวารินรีบคว้าตะครุบที่ฝ่ามือใหญ่ของเขาทันที
“ร่านไม่ร่านพี่ก็ร่อนสะโพกอยู่บนตัวของพ่อผมนั่นแหละ จำไม่ได้รึไงว่าทำอะไรลงไปบ้าง หรือว่าเพลิดเพลินกับรสสวาทจนลืมไปหมดแล้ว แย่หน่อยนะเพราะคนอย่างพี่คงไม่มีวันได้ไปร่านร่อนแบบนั้นอยู่บนตัวใครได้อีกแล้ว มีแต่ผมเท่านั้นที่พี่จะทำแบบนี้ด้วยได้ จำเอาไว้ให้ดี!” เขาตะคอกดังลั่นผลักวารินหงายหลังลงที่เตียงแล้วตามขึ้นไปกดไหล่เล็กจนจมมิด
“ธารอย่า!”
วารินร้องดังลั่น เสียงเล็กสั่นเครือน้ำในตารื้นขึ้นคลอหน่วยเมื่อความเจ็บปวดที่หัวไหล่แล่นพล่าน ธาราธารตัวใหญ่เมื่อเขาขึ้นทาบทับวารินจุกจนแทบหายใจไม่ออกดิ้นรนแค่ไหนก็ไม่เล็ดลอดจากร่างกายคนด้านบนได้เลย เขาเปลี่ยนมาคว้าจับสองมือเล็กกางตรึงลงกับที่นอน
“ที่ดีดดิ้นแบบนี้เนี่ย เป็นเพราะว่าอยากมากใช่ไหมฮึ! ร่านมากอยากมากอย่างนั้นใช่ไหม!!” เขาเอ่ยน้ำเสียงเสียดแทงโดยไม่คิดเลยว่าหัวใจดวงน้อยจะชอกช้ำเจ็บปวดแสนสาหัสเพียงใด
“ไม่ใช่! ไม่ใช่แบบนั้น พี่กับคุณทัตไม่ได้เต็มใจ ธารเข้าใจผิดแล้ว” ในที่สุดวารินก็โพล่งขึ้นมา
“โฮ่ นี่ขนาดไม่เต็มใจนะ แล้วถ้าเต็มใจมันจะร้อนแรงกันขนาดไหนกัน อย่าพูดให้ขำหน่อยเลย จะแก้ตัวอะไรก็เอาให้มันฟังขึ้นกว่านี้บ้าง เห็นผมโง่เป็นเด็กสามขวบหรือไง” วารินน้ำตาไหลลงมาเป็นทาง สะอึกสะอื้นสำลักกับความเจ็บปวดที่เขาสรรหามามอบให้ไม่เว้นแต่ละคำพูดคำจา
“ไม่ใช่แบบนั้นธาร เราสองคนโดนวางยา พี่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำอะไรลงไปบ้าง พอตื่นขึ้นมา.....”
“พี่ทราย” เสียงเย็นเฉียบแทรกขึ้นทันทีก่อนวารินจะพูดจบ
“อย่าหลอกผมอีกเลย....พี่บอกผมว่าพี่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆของพี่ใช่ไหม มันผิดตั้งแต่แรกที่พี่โกหกผมแล้วล่ะ ไหนลองบอกผมมาซิ มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปอยู่ในที่แบบนั้นกับเขาสองต่อสอง มีความจำเป็นอะไรถึงขนาดต้องโกหกผมว่าเพื่อนๆพี่นอนหลับหมดแล้ว ทั้งที่ความเป็นจริงพี่ไปกับเขาแค่สองคนเท่านั้นใช่ไหม?”
แววตาและน้ำเสียงที่แสนเศร้าอัดแน่นไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ เขากดข้อมือคนตัวเล็กให้จมลึกยิ่งขึ้นไปอีก คิดได้แต่ว่าโดนคนที่ตัวเองรักหลอกลวง
“วันนั้นผมโทรหาพี่ พี่บอกว่าพี่อยู่คนเดียว ผมขอให้พี่ส่งรูปพี่กับเพื่อนๆมาให้ดู แต่พี่กลับปฏิเสธบ่ายเบี่ยงบอกว่าขอคัดรูปก่อน ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว ไม่มีหรอกไอ้รูปกับเพื่อนฝูงอะไรนั่น เพราะคนที่พี่ไปด้วยจริง ๆ ก็คือเขาคนนั้นคนเดียว! พวกพี่ไปเที่ยวกันสองคนไปเอากันไกลถึงพังงานั่น มีแต่ผมคนนี้ที่โง่ยิ่งกว่าโง่ คิดไปว่าพี่คงเที่ยวอยู่กับเพื่อนๆ”
ดวงตาแข็งแกร่งสั่นระริกเมื่อพูดถึงเรื่องเก่าที่ร้าวใจ น้ำตาหยดหนึ่งไหลตกลงมา หยดลงบนผิวแก้มสวยของคนใต้ร่าง วารินสุดปวดร้าวเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักร้องไห้ออกมาแบบนั้น
สาเหตุ...เป็นเพราะเขาคนเดียว
“...ธาร...ขอโทษ..พี่ขอโทษ...”
เสียงเล็กร่ำไห้พึมพำ รู้ทั้งรู้ความผิดตัวเองเกินที่อีกฝ่ายจะให้อภัย คนที่เคยหลอกลวงมาแล้วครั้งหนึ่งอย่างเขาต่อให้พูดความจริงอีกสักกี่ครั้งก็ยังยากที่จะทำใจให้เชื่อ วารินไม่สามารถบอกเรื่องรีสอร์ตที่ทัตพลสร้างไว้ให้กับเขาได้จริง ๆ ไม่ว่าอย่างไรจึงได้แต่เอ่ยคำว่าขอโทษ
“อย่ามาหลอกผมเลยเรื่องยาน่ะ ใครกันที่มันจะทำแบบนั้น ทำไปแล้วจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าพวกพี่สองคนไม่เต็มใจในวีดีโอมันต้องมีอะไรส่อให้เห็นบ้าง แต่นี่ไม่มีเลย พี่กับพ่อผมกระโจนหากันอย่างกับคนอดอยากมานาน พี่คิดว่าผมนั่งดูมันกี่รอบกันล่ะ ผมพยายามที่จะดูกี่รอบกัน! ผมเจ็บปวดแค่ไหน! แล้วถ้าพี่บอกว่าแบบนั้นคือพี่ไม่ได้เต็มใจล่ะก็ ทำให้ผมดูหน่อยสิว่าแบบไหนถึงจะเรียกว่าเต็มใจของพี่”
เขาเหยียดยิ้มขมขื่นให้กับตัวเองที่คิดว่าถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำอีก ภาพในวีดีโอที่ฟ้องอยู่แบบนั้นจะดูกี่ทีกี่ครั้งมันก็คือวารินกับพ่อของเขาอยู่วันยังค่ำ
“ทำตัวดีๆซะแล้วผมจะอ่อนโยนให้ อย่าหลอกผมอีก...อย่าดื้อกับผม”
สิ้นคำพูดของเขาริมฝีปากหยักสวยได้รูปกดจูบลงมาที่เรียวปากเล็กทันที สัมผัสอันลึกซึ้งที่เรียวปากมาพร้อมความต้องการในส่วนลึก วารินเฝ้านึกถึงคำพูดที่เขาพูดกับบัวชมพูเมื่อเช้า
“อย่าดื้อสิไม่ชอบคนดื้อ” เขาพูดกับคนที่เขาทะนุถนอมแบบนั้นในขณะที่พูดกับวารินแต่ละคำยิ่งกว่ามีดกรีดเฉือนลงในเนื้อหนัง น้ำตาของคนตัวเล็กทะลักออกมาเป็นทาง จนเขาต้องละริมฝีปากออกจากโพรงปากนุ่มนิ่ม
“ทำไมต้องร้องไห้ ทำไมถึงต้องต่อต้าน! ทำไมต้องเป็นกับผมด้วย! ทำไม!! ทำไมพี่ต้องนอกใจผมไปนอนกับพ่อผมแบบนั้น ทำไม!!!!”
เขาตะโกนดังลั่นยิ่งกว่าทุกครั้งที่เคยทำ ลุกขึ้นยืนแล้วเตะโครมๆเข้าที่เตียงอย่างเกรี้ยวกราด ความอดทนทุกอย่างที่มีไม่เหลืออีกแล้ว เมื่อวารินพูดเรื่องโดนวางยาแล้วเขาดันคิดไปว่าโดนหลอกอีกครั้ง คนตัวเล็กลุกลี้ลุกลนลุกขึ้นด้วยความกลัวถอยร่นลงไปยืนอยู่ที่เตียงอีกฝั่ง เขาหันหน้าเดินเข้าหาแล้วกระชากแขนเล็กให้ตามออกไปด้านนอก ลากลงบันไดพรมสีแดงโดยไม่สนใจว่าอีกคนจะล้มลุกคลุกคลานแค่ไหน วารินร้องไห้โฮอย่างหมดอาย ทั้งป้าวันทั้งดาวทั้งเตโชต่างออกมายืนดูห่าง ๆ ด้วยความตกใจ
“ใครก็ตามห้ามเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เด็ดขาด ถ้าผมรู้ว่าใครสอดมือเข้ามาผมจะไล่ออกให้หมดเลย!”
ยิ่งกว่าความโกรธเกรี้ยว ยิ่งกว่าลมกรรโชกรุนแรงโหมท้องฟ้าจนจะพังครืนลงต่อหน้า ร่างสูงใหญ่ลากวารินไปโยนกองไว้ที่พื้นบันไดหินอ่อนหน้าบ้าน ถอดเสื้อชุดนอนแขนยาวบาง ๆ ของตัวเองออกอย่างรีบร้อน วารินยิ่งกว่ากลัวถดตัวถอยร่นไปกับพื้นอย่างน่าเวทนา เขาก้มลงไปกระชากแขนคนตัวเล็กขึ้นมาแล้วเหวี่ยงไปจนติดกับเสาหินอ่อนสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่หน้าบ้านวารินเซถลาเพราะความลื่นของพื้นจากสายฝนที่ยังเทลงมาไม่หยุด เขาใช้เสื้อมัดสองแขนเล็กผูกไว้ที่ด้านหลังแล้วอ้อมไปมัดรอบเสาต้นหนึ่งไว้จนแน่น จับวารินหันหน้าสู้สายฝนที่ยังเทมาไม่หยุดถึงแม้จะไม่รุนแรงเหมือนช่วงแรกแต่ก็สาดซัดเข้ามาจนใบหน้าเล็กต้องหันหลบ
เตโชที่ยืนมองอยู่ห่างไปไม่ไกลกำลังจะก้าวเข้ามาช่วยแต่ป้าวันกับนับดาวคว้าตัวเขาเอาไว้ได้ก่อน
“อย่านะเต / พี่เตอย่า!” เสียงวันกับนับดาวเรียกขึ้นพร้อมกัน เตโชหันมองวันนาทันที
“อย่ายุ่งเรื่องของพวกท่าน คุณธารกับคุณทรายไม่เหมือนพวกเรา”
ในดวงหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยของป้าวันนาฉายแววเจ็บปวดออกมาให้เห็นแต่ในประกายตานั่นเธอยังมีความเชื่อมั่นในใจลึกๆว่าคนที่ธาราธารรักจริง ๆ นั้นคือใคร ตั้งแต่วันที่วารินก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้โดยที่ธาราธารไม่ยอมให้ขึ้นไปดูภัครจิราเลยแม้แต่ครั้งเดียว เธอก็รู้แล้วว่าคงจะมีเรื่องบาดหมางที่เกี่ยวข้องกับวารินอยู่และตัววารินอาจจะมีส่วนที่ทำให้ภัครจิราต้องตกอยู่ในสภาพนี้แต่วันนาเลือกที่จะเงียบเพราะเชื่อว่าสักวันนายน้อยของบ้านอย่างธาราธารจะแก้ปัญหาและผ่านพ้นมันไปได้ วารินไม่ใช่คนไม่ดีเธอดูแวบเดียวก็มองออกเหลือแต่ความดำมืดในใจของธาราธารเท่านั้นที่ต้องรอให้เขาปีนออกมาเห็นความสว่างภายนอกด้วยตัวของเขาเอง
“แยกย้ายกันไปนอนได้แล้วไม่มีเรื่องอะไรทำรึยังไงถึงได้คอยมายุ่งเรื่องของเจ้านาย จำเอาไว้ให้ดีระหว่างผมกับพี่ทรายห้ามใครก็ตามสอดแทรกเข้ามา ถ้าหากผมรู้ว่าใครสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องของผมเชิญออกจากบ้านผมไปได้เลย”
เขาพูดเสียงเย็นเยียบแล้วทิ้งกายนั่งลงที่โซฟารับแขกหรูหราที่หน้าบ้านขณะที่ทั้งวันนาเตโชและนับดาวต่างจำใจต้องแยกย้ายกันเข้าห้องของตน เตโชหันกลับมามองวารินอีกครั้ง ที่เสาต้นใหญ่นั่นเสียงฟ้าร้องดังคำรามฟาดลงมาเป็นระยะวารินคงกำลังร้องไห้ทั้งสายฝนที่สาดซัดเข้ามาใส่ร่างเล็กๆขณะที่คนใจร้ายอย่างธาราธารกลับนั่งอิงกายอยู่ที่เบาะหนานุ่มมองดูคนที่ถูกผูกติดอยู่กับเสาด้วยแววตาที่เขาอ่านไม่ออกเลยสักนิด
...เย็นชา..
..โหดร้าย..
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ร่างกายเล็กๆเหนื่อยจนแทบขาดใจสองขาแทบจะประคองตัวไว้ไม่ไหวถ้าไม่ติดว่าถูกมัดไว้กับเสาป่านนี้คงจะร่วงกองลงที่พื้นไปแล้ว สายฝนยังสาดซัดมากระทบใบหน้าขาวไม่หยุดน้ำตาอาบไหลแล้วไหลอีกร้องไห้จนไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ดวงตาเล็กๆสั่นไหวระริกมีแต่ความหวาดกลัวที่ทอประกายเมื่อทอดมองไปที่ความมืดมิดกับเสียงคำรามลั่นของท้องฟ้า
ดวงตาคมกริบจดจ้องบุคคลที่ถูกผูกติดไว้กับเสาไม่ยอมให้หลุดรอดไปได้แม้สักวินาที ความรวดร้าวในหัวใจดำมืดร่ำร้องประท้วงจนใจเจ็บปวดไปหมดหลายครั้งที่เขาจะก้าวออกไปพาคนตัวเล็กกลับเข้ามาแต่ก็ต้องหยุดไว้เพียงแค่นั้นเมื่อนึกถึงสภาพของแม่ตัวเองที่นอนแน่นิ่งอยู่แบบนั้น
‘มันเป็นเพราะใครกัน ใครกันที่ทำให้เป็นแบบนี้โทษความร่านของตัวเองไปเถอะ’ เขาสบถลั่นอยู่ในหัวใจนิ้วเรียวหนาบดเบียดเข้าหากันอยู่ที่ขอบประตูก่อนที่เจ้าของมือจะทุบมันลงบนผนังอย่างโกรธเกรี้ยวเพราะคำว่า ‘กบฏ’ ในหัวใจของเขามันร่ำร้องประท้วงเสียงดังลั่น เขาคว้าร่มที่เสียบอยู่ในตะกร้ามากางออกแล้วเดินไปดูใครอีกคนที่ถูกพันธนาการอยู่กลางสายฝน
ช่างเป็นภาพที่ดูแล้วเห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง
“สำนึกแล้วรึยัง” เขาถามเสียงเครียดขึง จดจ้องใบหน้าคนตัวเล็กสะกดแววตาที่เต็มไปด้วยความเวทนาต่อคนตรงหน้าให้มันลึกลงไปถึงที่สุดในหัวใจของตนเอง
...เขาจะใจอ่อนไม่ได้..เรื่องของเขากับวารินไม่มีทางที่จะเป็นความจริงได้อีกแล้ว..
...จะให้เขาทำดีกับคนที่ทำให้แม่เขาอยู่ในสภาพนั้นได้อย่างไร..
..จะให้เขาทำใจได้อย่างไรว่าคนที่เขารักคือคนที่เคยร่วมรักอยู่กับพ่อของเขาอย่างออกรส..
ทั้งที่แค้นแสนจะแค้นหมื่นแสนล้านแค้น...แต่ก็ทั้งรักแสนจะรักหนึ่งร้อยหนึ่งพันรัก
...มันก็เท่านั้น...
สุดแสนจะสมเพชหัวใจของตนเองยิ่งนักมันดื้อรั้นไม่ยอมฟังอะไรเลย
เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเขาก็โอบอุ้มร่างเล็กบอบบางเข้ามาวางไว้ด้านในเรียบร้อยแล้ว วารินแทบจะประคองสติตัวเองไม่ได้ดวงตาปรือหรี่ลงจนเกือบจะสุด เขารีบคว้าผ้าที่อยู่ใกล้ตัวเข้ามาเช็ดใบหน้าเล็กนั่น เกลี่ยปอยผมเปียกลู่ที่ละตามใบหน้าขาวออกอย่างร้อนรนเพราะสัมผัสได้ถึงความร้อนจากผิวกาย ค่อยปลดกระดุมถอดเสื้อที่เปียกโชกไปด้วยน้ำฝนออกอย่างระมัดระวัง
“...อย่า...”
เสียงเล็กๆแหบพร่าร้องขออย่างไร้เรี่ยวแรง มือเล็กยกขึ้นมาตะครุบมือของเขาไว้ ทั้งที่ไร้สติก็ยังหวาดกลัวเขาถึงเพียงนี้ ธาราธารตัดสินใจช้อนร่างวารินขึ้นไปที่ชั้นบน วางไว้บนเตียงกว้างใช้น้ำอุ่นๆ เช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ผิวเนื้อนวลขึ้นรอยแดงและเขียวช้ำหลายแห่ง ปลายนิ้วหนาสัมผัสลงที่รอยแดงช้ำนั่นราวกับกลัวว่าอีกคนจะเจ็บทั้งที่ตอนทำเขากลับไม่มีปราณีใดๆเลย
“ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้น พี่กับคุณทัตไม่ได้เต็มใจ ธารเข้าใจผิดแล้ว”
“ไม่ใช่แบบนั้นธาร เราสองคนโดนวางยา พี่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำอะไรลงไปบ้าง”
“...ธาร...ขอโทษ..พี่ขอโทษ...”
เขาหลับตาลงแน่นยกสองมือกุมขมับ เท้าศอกทั้งสองข้างลงกับเข่า เฝ้าคิดซ้ำๆ ถึงคำพูดที่วารินบอก เสียงนาฬิกาที่หัวเตียงตีเป็นเพลงบอกเวลาตีสามปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์ สอดตัวลงในผ้าห่มหนานุ่มแล้วคว้าเอาตัววารินเข้ามากอดรัดไว้จนแน่น ประทับจูบลงไปที่ขมับเล็กอย่างอ่อนโยนในแบบที่เขาไม่เคยทำนานมากแล้ว หัวใจของเขาเจ็บปวดจนเจียนจะขาดใจจากการกระทำของตัวเอง เฝ้าจูบซ้ำๆอยู่ที่ไรผมหอมนั่นราวกับกลัวว่าคนในอ้อมกอดจะแตกสลายหายไป วารินที่ไม่รู้สึกตัวเพราะพิษไข้ถึงกับเผลออมยิ้มออกมา
ในห้วงความฝันวารินฝันว่าภูวดลเข้ามาช่วยเขาออกมาจากแท่นประหารนั่นและเช็ดตัวให้ก่อนจะนอนกอดให้ความอบอุ่นแผ่ซ่านออกมาจากแผงอกกว้างปลอบประโลมหัวใจและร่างกายที่บอบช้ำ
.
.
Tbc.
*แอร๊กกก!! หมดพลังกับบทนี้ไปเยอะมาก* ยาวมากไปไหม ทุกตัวละครคนเขียนไม่ทิ้งนะเดี๋ยวค่อยทยอยมีบทมาเรื่อยๆ*
*รบกวนถามคราบ ที่นี่ถ้าเอ็นซีไม่คลุมขาวจะโดนอะไรรึเปล่า
หรือเราต้องลดบทบรรยายลงมาอีก จะได้ไม่ต้องทำคลุม*