“พี่ทรายล่ะดาว”
“พี่ทรายออกไปสวนฯกับพี่เตยังไม่กลับกันเลยค่ะ”
“ออกไปกันตั้งแต่กี่โมง”
“หลังจากคุณธารออกไปน่ะค่ะ”
ไม่รอให้นับดาวพูดจบ เขาล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาทันที เรียกอยู่สามสี่ครั้งปลายสายก็กดรับ
“จะกลับมากินไหม ข้าวที่บ้าน หรือว่าจะไปดินเนอร์กับไอ้เตมันพรุ่งนี้ถึงจะกลับได้”
“ธาร! พูดอะไรให้มันดีนะ”
“ก็แล้วยังไงล่ะ เดินซื้อต้นไม้กันถึงซอยไหนไม่ทราบ ตั้งแต่บ่ายจนมืดค่ำแบบนี้ต้นไม้ยังไม่ได้ลงที่แปลงสักต้น นี่รึเปล่าที่ไล่ให้ผมออกไปกับชนาธิปเพื่อที่พี่จะได้ออกไปกับเตมันสองคนใช่ไหม”
-ติ๊ด-
วารินกดวางสายใส่ทันที ธาราธารถึงกับเขวี้ยงโทรศัพท์ลงบนโซฟาแล้วทิ้งตัวนั่งลงไปอย่างแรง หัวเสียอย่างที่สุด รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ชอบให้ไปไหนมาไหนกับเตโชวารินก็ยังคงทำ
“คุณธารให้ตั้งโต๊ะเลยไหมคะ” นับดาวช่างไม่รู้เวล่ำเวลา เดินเข้ามาถาม
“ไม่ต้อง! ฉันกินมาแล้ว กินกับแฟน!ฉันเอง”
ปากที่ช่างประชดประชันของเขาพูดออกไปแบบนั้น แต่นับดาวดันคิดไปว่าเขาพูดเป็นจริงเป็นจัง เธอจึงมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ คุณชนาธิปเป็นแฟนคุณธาร?? แล้วพี่ทราย??
อีกฝากหนึ่งของเมือง
“คุณธารโทรมาตามเหรอครับ” เสียงเตโชถามขึ้นข้าง ๆ เรียกสติวารินกลับมาอีกครั้ง หลังกดวางสายไปเขากำลังคิดเรื่องของธาราธารกับชนาธิป
“จวนจะเสร็จรึยังล่ะนายเต ซ่อมมาตั้งแต่บ่ายแล้วนะ”
“คุณทรายเรียกแท็กซี่กลับก่อนไหมครับ เดี๋ยวผมเฝ้ารถเอง เสร็จเมื่อไหร่ผมค่อยกลับ”
“ไม่เอาหรอก มาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกันสิ ฉันไม่ทิ้งนายเตแน่นอน หิวไหม ออกไปนั่งกินอะไรแถวๆนี้กัน”
“ครับ” ที่อู่นี้รถค่อนข้างเยอะเขาสองคนต้องรอนานหน่อย เตโชเดินเข้าไปบอกพนักงานว่าเดี๋ยวจะกลับมาเอารถ ไปหาอะไรรองท้องแถวนี้ก่อน ช่างฟิตที่มนุษยสัมพันธ์ดีจึงแนะนำร้านเพิงข้าง ๆ ให้ทั้งสองคน บอกอร่อยแล้วก็สะอาด
.
.
“โอ๊ยยย โอ๊ยย โอ๊ย เจ็บๆ ซีเบา ๆ หน่อยสิ”
ทัตพลร้องโวยวายดังลั่นอย่างกับเด็ก ๆ เมื่อภูวดลแตะสำลีลงที่มุมปากเขียวอื๋อของเขา มีเลือดซิบ ๆ ออกที่มุมปากด้วย ภูวดลหมัดหนักมากจริง ๆ
“สมน้ำหน้าคุณจริง ๆ นี่ครับ โดนแค่นี้มันยังน้อยไป”
“โถ่ซีแล้วพี่ตั้งใจเหรอ ถ้าเลือกได้ใครมันจะอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นกันเล่า ซีมือหนักจริง ๆ ”
“ไม่ได้หนักแค่มือนะครับ บอกเลย”
“กลัวแล้วครับ ไม่ทำอะไรแบบนั้นอีกแล้ว ไม่ไปกับใครในที่แบบนั้นสองคนอีกแล้ว ไปกับซีได้คนเดียว”
“คุณน่ะก็พูดเล่นไปเรื่อย คุณทำให้น้องชายผมเสียหายนะ ผมนึกสงสัยตั้งแต่กลับมาจากพังงานแล้ว ทรายดูแปลกไป ยิ่งพอคุณภัครเธอมาป่วยผมยิ่งแปลกใจที่อยู่ ๆ ทรายมาบอกผมว่าจะไปอยู่ดูแลเธออยู่ที่นั่นทั้งที่เป็นแค่เจ้านายกับเลขา ทรายคงจะรู้สึกผิดแล้วก็โทษตัวเองอยู่ตลอด”
“ในขณะที่พี่กลับหนีจากจุดนั้น พี่มันขี้ขลาดมากใช่ไหม”
“ผมไม่รู้ครับ คุณเองก็คงจะมีเหตุผลของคุณอยู่ ว่าแต่ ไอ้คนที่ทำเรื่องขึ้นมาคุณไม่คิดที่จะลงโทษเขาหน่อยเพรอครับ”
“เท่าที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ก็ถือว่ากำลังรับโทษทัณฑ์ของเขาอยู่แล้วล่ะซี ส่วนพี่ก็สมควรแล้วที่สุดท้ายจะไม่เหลือใครเลย กระทั่งลูกก็ยังไม่ยอมเรียกว่าพ่อสักคำ น่าสมเพชเนอะ”
“หึ สมน้ำหน้าคุณจริง ๆ ครับ” เขาทาบพลาสเตอร์ยากดหนัก ๆ ปิดลงที่แผล
“โอ๊ยยย เจ็บๆ จริงๆ นะ เบาหน่อย”
“วันนี้คุณไม่ต้องกินข้าวนะ ผมไม่อยากจะทำอะไรให้คนอย่างคุณทานทั้งนั้นแหละ”
“เดี๋ยวพี่ทำเองก็ได้ วันนี้จะทำให้ทุกอย่างเลย พี่ไม่เหลือใครแล้วจริง ๆ อย่าไล่กันเลยนะครับ”
.
.
“พี่ทราย มาแล้วเหรอจ๊ะเห็นพี่เตโทรมาบอกว่ารถเสีย กินข้าวกันมาหรือยัง” นับดาวพอเห็นรถเข้าจอดปุ๊ปก็รีบวิ่งออกมาดูทันที
“กินกันแล้ว คุณธารกลับมาแล้วเหรอ หาอะไรให้กินรึยัง” วารินมองเห็นรถธาราธารจอดนิ่งอยู่ใกล้ ๆ จึงถามขึ้น
“คุณธารบอกกินมาแล้ว ดาวไม่ชอบเลยพี่ทรายดาวไม่ชอบไอ้คุณชนาธิปนั่น มาหาคุณธารถึงที่บ้านแล้วยังพาออกข้างนอกกว่าจะกลับมากันอีก พอดาวถามนะว่าคุณธารทานข้าวเลยไหมดาวจะได้ตั้งโต๊ะ รู้ไหมคุณธารเธอตอบดาวว่าไง ‘ไม่ต้อง! ฉันกินมาแล้ว กินกับแฟน!ฉันเอง’ ทำไม้ทำไม คุณธารถึงไปชอบคนแบบนั้นได้ก็ไม่รู้ ถึงขนาดเอ่ยปากว่าเป็นแฟนทั้งที่ไม่เคยเรียกพี่ทรายของดาวว่าแฟนเลยสักครั้ง พี่ทรายน่ารักกว่าตั้งเยอะเลย ดาวน่ะ......”
“ดาว!” เตโชร้องปราม
“พอได้แล้ว พูดมากอะไรน่ะไม่เข้าท่าเลย เอาของเข้าบ้านเร็ว” แค่นี้เขาก็สังเกตเห็นแล้วว่าสีหน้าวารินสลดลงแค่ไหนตอนที่นับดาวทำเสียงล้อเลียนคำพูดของธาราธาร นับดาวช่างปากไม่มีหูรูดจริง ๆ
ทั้งวารินเตโชและนับดาวเดินตามกันเข้ามาในบ้าน วารินยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูสองทุ่มเศษ รู้สึกวันนี้เสียเวลามากจริง ๆ กับการนั่งไร้ค่าอยู่ที่อู่ซ่อมรถ
“ไอ้เต!” เสียงทุ้มเรียกเตโชขึ้นทั้งดังทั้งห้วน ทั้งสามคนหยุดชะงักทันที ธาราธารนั่งไขว่ห้างหน้าตาเครียดขึงอยู่ที่เก้าอี้ชุดยาว
“ครับ” เตโชตอบรับ ร่างสูงใหญ่พอๆกับคนที่ถูกเรียกลุกขึ้นแล้วเดินหน้าเข้าหา
“มึงกินข้าวมาหรือยัง?”
“ทานเรียบร้อยแล้วครับ”
“แล้วมึงไปกินที่ไหน ร้านซ่อมรถมีข้าวให้มึงกินฟรี ๆ ด้วยเหรอ?”
“ธาร!” วารินเรียกขึ้นทันที รู้สึกบรรยากาศระหว่างคนถามและคนถูกถามชักแปลกๆแล้ว
“ผมทานที่ข้าง ๆ อู่น่ะครับ”
“อย่างนั้นหรือ แล้วต้องให้กูถามไหม ว่ามึงนั่งกินคนเดียวหรือนั่งกินกับใคร” เตโชมองไปที่วารินทันที เขาเริ่มรู้แล้วว่าธาราธารเป็นอะไร
“พี่กับนายเต.....”
“ผมไม่ได้ถามพี่!” เขาตะคอก สายตาเครียดขึงยังจับอยู่ที่เตโชไม่ให้หลุดไปไหนได้
“ไหนมึงลองตอบกูมาซิ มื้อเย็นวันนี้มึงกินข้าวกับใคร!”
“กับคุณทรายครับ”
“แล้วทั้งวันของวันนี้ มึงใช้เวลาอยู่กับใคร”
“กับคุณทรายครับ”
“แล้วมึงคิดว่าถ้าคืนนี้กูไม่กลับมาค้างที่บ้าน มึงจะใช้เวลาที่เหลือตอนกลางคืนทั้งหมด อยู่กับใคร!”
เพี๊ยะ!!! เสียงสะบัดฝ่ามือใส่ใบหน้าคมเข้มดังกังวานไปทั่วทั้งห้อง ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นบรรยากาศรอบตัวเงียบกริบ วารินที่เดินเข้าไปหาเขาแล้วฟาดฝ่ามือลงที่แก้มบดเบียดนิ้วจนแดงช้ำ กรามเล็กข่มแน่นกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลตกลงมา ธาราธารยังไม่หันใบหน้ากลับมา ดุนดันลิ้นรับรสเลือดฝาดจากภายใน จนในที่สุดเขาค่อย ๆ หันกลับมาจดจ้องลงที่ใบหน้าเล็ก
“ก็แล้วธารจะกลับมาทำไมกันล่ะ ถ้ารู้ว่าจะกลับมาแล้วทำลายความสุขสมหวังของพี่กับนายเตขนาดนั้น ธารจะกลับมาทำไม ทำไมไม่ค้างคืนกับคนที่ธารเรียกเขาว่าแฟนได้เต็มปากเต็มคำคนนั้นไปเลย กลับมาขัดขวางคืนวันอันแสนสุขของพี่กับนายเตทำไม!”
วารินเดือดสุดทั้งเรื่องจริงเรื่องโกหกว่าประชดออกไปไม่มีกั๊ก
“พี่ทราย!” เขาเองก็ขึ้นแล้วเหมือนกัน ทั้งเตโชทั้งนับดาวที่อยู่ตรงนั้นต่างรีบถอย
“เรียกทำไม! พี่ชื่อทรายอยู่แล้วไม่เคยเปลี่ยนเลย จะบอกอะไรดี ๆ ให้นะ ที่ยอมมาตลอดเพราะพี่ทำผิดจริงถึงจะเกิดขึ้นด้วยความไม่ตั้งใจแต่ก็ถือว่าพี่ผิดเพราะผลของมันร้ายแรงมาก แต่ถ้าเป็นเรื่องที่พี่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยเหมือนอย่างวันนี้ธารอย่าคิดว่าจะมารังแกพี่ได้”
เขาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กแล้วบีบจนแขนเล็ก ๆ สั่นเทิ้ม วารินจ้องหน้าเขานิ่งแต่ไม่มีเสียงร้องให้ได้ยินสักแอะ ดวงตาที่จ้องมองเขานั้นก็ไม่มีแววหวาดกลัวเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ในที่สุดเป็นคนทำที่ทนไม่ไหวกระชากแขนแล้วดึงอีกคนขึ้นไปข้างบนด้วยกันเปิดประตูห้องโยนโครมร่างเล็ก ๆ ลงบนเตียง
“ขี้ขลาด!” วารินตะโกนลั่น “พอไม่ได้ดั่งใจก็จะทำร้ายกันแต่แบบเดิม ๆ อยากได้นักใช่ไหม! อยากได้แค่เรื่องแบบนี้ใช่ไหม! อยากได้แค่ร่างกายกันใช่ไหม!”
“พี่เป็นของผม” เขาปลดกระดุมลงเดินหน้าเข้าหาด้วยแววตาที่ลุกโชน
อย่าคิดว่าครั้งนี้วารินจะกลัว ร่างเล็กลุกขึ้นยืนประจันหน้าเขาแล้วกระชากเสื้อตัวเองออกทันทีเหมือนกัน ผิวขาวนวลโผล่พ้นสาบเสื้อที่ขาดลุ่ย กระดุมสองสามเม็ดบาดผิวอ่อนปลิวว่อนลงที่พื้น
“ถ้าอยากได้กันแค่เรื่องแบบนี้ก็เข้ามาเอาพี่เลย จะนอนให้เอาดี ๆ แต่ขออะไรอย่างนะ เอาเสร็จแล้วปล่อยพี่ออกไป นับจากวันนี้เราสองคนจะเกี่ยวข้องกันแค่เรื่องร่างกายเท่านั้น! ธารจะไม่มีวันได้อย่างอื่นจากพี่อีกแล้ว อยากได้ก็เข้ามาเลย! เอาไปให้หมด ไม่มีส่วนไหนของพี่ที่จะรอดจากมือธารได้อยู่แล้ว มีแต่หัวใจพี่เท่านั้นที่พี่จะไม่มีวันยกให้ธาร ไม่มีวัน!”
น้ำตาไหลตกลงมาทั้งที่กลั้นไว้แล้วแท้ ๆ ร่างเล็กล้มลงนอนทอดกายรออยู่บนเตียง ขณะที่อีกคนกลับหยุดชะงักอยู่ตรงนั้นกระดุมเสื้อถูกปลดออกได้แค่สี่เม็ดเท่านั้นคำพูดวารินกระแทกกลางใจเขาอย่างจัง ใบหน้าที่นอนร้องไห้ทอดกายรอเขาอยู่ที่เตียงกว้างแค่เอื้อมมือไปก็ถึงแล้ว แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าความรู้สึกของวารินตอนนี้ช่างห่างไกลเกินจะไขว้คว้ามาได้เหลือเกิน
“ทำไมไม่ทำล่ะ ทำไมไม่เดินเข้ามา”
เสียงเบาหวิวจากบนเตียงเอ่ยขึ้น หากแต่เขายังคงยืนเฉยอยู่อย่างนั้น
“ทำอย่างที่ธารตั้งใจสิ ทำลายพี่ ทำให้พี่เสียใจ ตอกย้ำคำว่าร้ายของธารให้พี่ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดตอบสนองความโกรธของตัวเอง ทำสิ!ทำไมถึงไม่ทำ!! ยืนเฉยอยู่ทำไม!!!”
วารินลุกขึ้นนั่งแล้วกระชากเสื้อตัวเองจะถอดออกจากร่างอย่างไม่มีอีกแล้วคำว่าสติ เสื้อผ้าที่ขาดวิ่นขูดผิวขาวจนแดงช้ำแต่วารินก็ยังไม่ยอมหยุด ทั้งสะอึกสะอื้น ทั้งพยายามกระชากออกด้วยมือเล็ก ๆ แบบนั้น น้ำตาไหลอาบลงมาไม่ยอมหยุดเขาพูดจาทำร้ายหัวใจกันมากมายเหลือเกิน สุดท้ายคนที่ทนไม่ได้เมื่อเห็นการกระทำที่ทำร้ายตัวเองแบบนั้นก็ถลาเข้ามากอดคนตัวเล็กไว้หมดทั้งตัว
“พอแล้ว พอแล้วพี่ทราย พอแล้วไม่ทำนะ ไม่ทำร้ายตัวเองแบบนี้ ผมขอโทษ ผมผิด ผมมันหึงจนหน้ามืดไปหมด ไม่ทำแล้ว จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ขอโทษครับ ขอโทษนะคนดี พอแล้วไม่ดึงนะ”
เขาเอ่ยร้อนรนพรั่งพรูคำพูดจากใจจนหมดสิ้นเมื่อเห็นวารินทำกับร่างกายตัวเองแบบนั้น มือใหญ่ของเขาเข้ากันไม่ให้วารินฉีกกระชากเสื้อตัวเองได้อีก จากนั้นจึงกอดร่างเล็กไว้แน่นจนตัวเขาสั่น
“พอแล้วครับ อย่าทำแบบนี้อีก ผิวถลอกหมดแล้วเดี๋ยวต้องทายานะ”
เขากอดวารินไว้แนบอก ใบหน้าเล็กที่เปื้อนคราบน้ำตาซุกเข้าที่แผงอกแกร่งราวลูกแมวน้อย
แต่ใครเลยจะรู้ว่า มีบางคนแอบอมยิ้มร้ายเมื่อจับจุดเขาได้ถูกทาง นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนอย่างธาราธาร ถ้าเขาจะร้ายใส่เรา เราต้องร้ายใส่ตัวเองก่อนแล้วเขาจะสงบลงได้
มือแข็งแกร่งจะค่อยเลื่อนประคองไหล่เล็กออกมาเพื่อให้เขาได้มองหน้าวารินได้ชัดขึ้น ตากลมสวยเผลอสบประสานสายตากับนัยน์ตาหวานฉ่ำที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลานั้นจะค่อย ๆ โน้มลงมาใกล้ชิดพร้อมกับประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มแสนหวาน มันเริ่มต้นจากความอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นหนักหน่วงแต่ยังคงความหวานล้ำอยู่ในที
....เขาจูบเก่งเหลือเกิน....
ความโกรธเคืองทั้งหมดพลันสูญสลายหายไปสิ้นแค่ได้ลิ้มรสจุมพิตจากเขาเท่านั้น วารินสะท้านไปทั้งร่างจูบตอบไปด้วยหัวใจที่เปี่ยมล้น ปลายลิ้นนุ่มนิ่มเกี่ยวกระหวัดพัวพันกับปลายลิ้นเร่าร้อนของเขาจนแทบหลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกัน เขายกสองมือประคองใบหน้าเล็กให้รับรสจูบของเขาให้เนิ่นนานสมกับที่ทำให้เขาคิดถึงมาทั้งวัน วารินส่งเสียงครางในลำคอเบา ๆ ด้วยความหวามหวานซ่านทรวง ขณะที่เขาค่อยบรรจงถอนจูบช้า ๆ แล้วใช้ปลายนิ้วไล้โครงหน้าสวยของอีกคน
.....พี่ทราย.....
ดวงตาสองคู่ยังไม่ยอมละออกจากกัน เขาอยากใช้มันเผยความในใจบางอย่างให้กับอีกคนได้รู้ ยากนักที่จะเอ่ยคำนั้นออกมาได้อีกครั้ง หากแต่ความรู้สึกนั้นนำพาหัวใจเขาก้าวไปหลายขุมแล้ว
“พี่ถามอะไรธารอย่างหนึ่งได้ไหม” เป็นวารินที่เอ่ยขึ้น
“ทำไมธารต้องทำแบบนี้กับพี่อยู่ตลอด ตอบได้ไหมว่าทำไมถึงต้องทำ”
“...........”
เขาจ้องนัยน์ตากลมแน่นิ่ง สื่อความรู้สึกทุกๆอย่างในหัวใจลงไป
น่าเสียดายเคยมีคนบอกไว้ว่า
‘หากไม่พูดไป คงไม่มีใครรู้ได้’ แต่เขาก็ยังเลือกที่จะเงียบ
มันยังเร็วไปไหม ที่จะเอ่ยคำๆนั้นอีกสักครั้ง....เขาเฝ้าถามตัวเองมาตลอด
ลืมได้แล้วแน่หรือ...ทั้งภาพและความรู้สึกที่เลวร้ายเหล่านั้น เมื่อเราสองคนจะต้องผ่านมันไปด้วยกันจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
เขาอยากจะใช้เวลานานกว่านี้อีกสักหน่อย...เพื่อเคลียร์ความรู้สึกทุกอย่างของตัวเองให้เต็มร้อย
ก่อนที่จะเอ่ยคำๆนั้นออกมา....อีกสักครั้ง.......คำว่า
‘รัก’ “ธาร......ธารจะพิสูจน์ตัวเองได้ไหม”
นี่คือการตัดสินใจครั้งสำคัญของวาริน ถ้าหากเขาทั้งคู่อยากจะก้าวข้ามวันคืนที่เลวร้ายไปด้วยกันให้ได้ จำเป็นต้องก้าวข้ามสิ่งสำคัญสิ่งนี้ไปให้ได้เช่นกัน
‘กิเลส การรอคอย และการให้อภัย’ “นับจากวันนี้เป็นต้นไป เราจะไม่มีอะไรกันอีกจนกว่าธารจะบอกได้ว่า......พี่เป็นอะไรกันแน่สำหรับธาร?”
เขามองที่วารินทันที สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“พี่รู้พี่ทำผิดมากมายจนยากที่จะให้อภัยและคงจะทำให้ธารแคลงใจในความรู้สึกอยู่ตลอด แต่ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาพี่ไม่เจ็บปวด พี่ไม่เคยตอบโต้ไม่เคยแก้ตัว ในวันที่ธารโมโหใส่ความโกรธแค้นถาโถมลงมาที่พี่ เมื่อรู้เรื่องราวความผิดพลาดระหว่างพี่กับคุณทัตพล เพราะความผิดที่พี่ทำ ถึงแม้จะทำไปโดยไม่ตั้งใจแต่ผลของมันกระทบถึงใครหลายคนมากมายโดยเฉพาะคุณแม่ของธาร..........แต่ธารอาจจะลืมอะไรไปอย่าง แล้วความรู้สึกของพี่ล่ะ? ความรู้สึกของคนที่ต้องกอดกับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก ความรู้สึกของคนที่ต้องโดนคนที่ตัวเองรักข่มขืน ความรู้สึกของคนที่ต้องถูกคนที่ตัวเองรักปล่อยทิ้งไว้กลางทางมืด ๆ ในคืนที่ฝนตก ทั้งเหน็บหนาว โดดเดี่ยว ธารอาจกำลังคิดว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ธารลืมเรื่องเลวร้ายวันนั้นได้ แล้วเราจะกลับมาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง แต่ธารจะไม่ถามพี่สักคำหน่อยเหรอ ว่าพี่ลืมเหตุการณ์เลวร้ายต่าง ๆ ที่ธารทำกับพี่ได้บ้างหรือยัง”
“พี่ทราย!” เขาเงยหน้าขึ้นมองวารินทันทีหลังจากก้มหน้าครุ่นคิดอยู่นาน เสียงเรียกชื่อสั่นสะท้านจนวารินนึกกลัวว่าเขาจะร้องไห้ออกมา
“พี่เข้าใจดีถึงความรู้สึกของธาร มันยากแค่ไหนที่จะลืม พี่รู้ดี พี่เข้าใจ”
วารินยกสองมือประคองใบหน้าเขาไว้ สบสายตาแสดงความจริงจังและจริงในถ้อยคำที่เอ่ย
“นั่นคือความรู้สึกทั้งหมดของพี่ พี่อยากให้ธารคิดและตรึกตรองให้ดี ตอบตัวเองให้ได้ว่าจริง ๆ แล้ว สำหรับธาร.....พี่เป็นอะไร?”
สำคัญแค่ไหน...สำคัญพอที่ธารจะอภัยให้พี่ได้หรือเปล่า....
ธาราธารนิ่งเงียบไปคล้ายครุ่นคิดหนักหน่วง เบนสายตาออกไปที่บานหน้าต่างกระจกใส
.....มันแน่นอนอยู่แล้ว ว่าเขารักวาริน.....
....มันแน่นอนอยู่แล้ว วารินเป็นมากกว่า ‘พี่เลี้ยง’.....
ดวงจันทราที่ส่องอร่ามอยู่บนท้องฟ้าถูกประดับประดาด้วยแสงสีขาวระยิบระยับนับล้านดวง ม่านหน้าต่างสีขาวบางเบาพริ้วไสว
ใครกันที่เคยบอกไว้....ลูกผู้ชายไม่มีน้ำตา
ไม่จริงแม้แต่นิดเดียว
เขาดึงวารินเข้ามากอดไว้แนบอกช้า ๆ ดวงตาคู่สวยมีน้ำตาเอ่อคลอ นึกถึงคืนวันเก่าก่อน รอยยิ้มที่เคยมีให้เขาเสมอเริ่มจางหายไปตั้งแต่เขาเริ่มใส่ทิฐิความโกรธแค้นลงที่คน ๆ นี้ เขารู้ดีว่าวารินคงจะเสียใจต่อการกระทำในอดีตอันเลวร้ายของเขา นอกจากจะไม่มีอะไรน่าจดจำแล้วยังฝังลึกไปด้วยบาดแผล แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเขาไม่สามารถดึงอดีตกลับมาไขใหม่ได้แล้ว
“ผมรู้ว่าอดีตแก้ไขไม่ได้” ริมฝีปากนุ่มจูบลงที่กลุ่มผมหอม วารินกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด
“ผมอยากขอโอกาสจากพี่อีกสักครั้ง แค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
เขาดึงวารินออกจากอ้อมอก เพื่อเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ อีกครั้งดวงตาสีเข้มร้อนผ่าวจดจ้องลึกเข้ามาในดวงตากลมโตของอีกคน นัยน์ตาคู่สวยสั่นไหวต่อคำร้องขอของคนตรงหน้า จริงอยู่ที่วารินไม่เคยแสดงออกว่าเขาโกรธแค้นธาราธารที่ปฏิบัติต่อเขาเช่นนั้นเลย หากแต่บาดแผลในใจก็ยากที่จะลบเลือนออกไปได้เช่นกัน
“ขอให้ผมได้ใช้มันเพื่อดูแลพี่ นับจากนี้”
สีหน้าและน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความวิงวอน ไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไปเมื่อน้ำตาแห่งความบีบคั้นไหลกลั่นออกมา เขาเริ่มเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง เขาทำให้คนที่ตัวเองรักเจ็บช้ำมากมายขนาดไหน ใบหน้าของเขาพร่าเลือนไปด้วยหยาดหยดแห่งความเจ็บปวดรวดร้าวกับสิ่งที่เขากระทำ
เพราะวารินไม่เคยพูดเขาจึงไม่เคยรู้.....เขามันโง่ที่ไม่ฉุกใจคิดสักนิด!
ไม่แปลกใจเลย ถ้าหากวารินจะไม่ยอมยกโทษให้เขาคนนี้อีกต่อไปแล้ว ยิ่งคิดน้ำตาก็ยิ่งไหล นี่คงเป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เขาจะร้องไห้อย่างหมดอายได้แบบนี้ มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาออกให้เขาอย่างเบามือ เขารู้แล้วรักคืออะไร เขารู้แล้ว ‘การให้อภัย’ สำคัญที่สุดสำหรับเรื่องราวความรักของเขาทั้งสองคน
“.....ผมรักพี่.....”
ในที่สุดเขาก็เอ่ยคำ ๆ นี้ขึ้นมาอีกครั้ง
หากแต่คราวนี้ช่างเจ็บปวดนัก เพราะวารินส่ายหน้าปฏิเสธ เขาที่มองเห็นอย่างนั้นถึงกับใจหล่นวูบ
“ยังหรอกธาร ธารต้องพิสูจน์ตัวเองกับพี่ก่อน”
เขาหวนนึกถึงคำพูดเมื่อสักครู่นี้ทันที
“นับจากวันนี้เป็นต้นไป เราจะไม่มีอะไรกันอีก จนกว่าธารจะบอกได้ว่า.......พี่เป็นอะไรกันแน่สำหรับธาร?”“ลองก้าวข้ามมันไปด้วยกัน ลองดูว่าถ้าระหว่างเราไม่มีเรื่องแบบนั้นมาข้องเกี่ยว ธารยังจะรักพี่ได้เหมือนที่ธารพูดออกมาวันนี้หรือเปล่า พี่เองก็อยากจะเคลียร์ความรู้สึกตัวเอง อยากจะอยู่ด้วยกันโดยไม่รู้สึกต่างฝ่ายต่างกินแหนงแคลงใจกันอีก”
“ธารจะทำให้พี่ได้ไหมครับ......เด็กดี”
ตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา วันคืนที่ล่วงเลย จากคืนล่วงเป็นวัน จากวันล่วงเลยเป็นเดือน และเวลาหลายเดือนล่วงเลยเป็นปี ทุก ๆ เช้าวารินจะตื่นมาในอ้อมกอดใหญ่ของเขา ความอบอุ่นอ่อนหวานแผ่ซ่านผ่านผิวกายหอม เขาทำตามที่สัญญาได้อย่างที่รับปากไว้จริง ๆไม่เคยเกินเลยแม้สักครั้ง สัมผัสที่มอบให้แก่กันเป็นเพียงไออุ่นของผิวกายจากอ้อมกอดของเขาเท่านั้น
Tbc.
*ยังมีคนรออ่านอยู่ไหมT.T หายไปนานขอโทษนะ*
*น้องธารผู้เร่าร้อนเสมอเมื่ออยู่บนเตียง โดนพี่ทรายเอาคืนหนักเลยเนอะให้ *งด* เนี่ยฆ่ากันให้ตายเลยไหม 
* วันนี้มี Unseen-9(ทัตซี) เรื่องราวต่อจากบทนี้ ถ้าสนใจตามไปอ่านกันได้นะ อ้อก่อนหน้านั้นเราลง Unseen8(ธารทราย)ตอนคุมะเจ้าปัญหาเอาไว้ ใครยังไม่ได้อ่านลองไปหาดู
*ช่วงนี้ตัน ๆ น่ะเขียนไม่ค่อยออก บทนี้ฝืด ๆเนาะ พยายามหาแรงบันดาลใจอยู่ เราไม่ได้ไปไหนเลย แค่อยู่บ้านเย็นไปว่ายน้ำ ชีวิตมีแค่นั้น ช้าหน่อยต้องเข้าใจเค้านะ* 