ตอนที่ 1 นี่ นี่ห้องกูใช่มั๊ย “....สรุปแล้ว งานวิจัยนี้เป็นระดับ 1a recomendation เพราะมันใช้ RCT ถึงกลุ่มจะเล็ก...”
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่!!!! แกจะบ้าเหรอ อาจารย์บอกว่าระดับ 1 คือมันต้องมี Pooled Estimate แต่นี่ไม่มีเลยนะ”
“ไม่ใช่แก เค้าจดมาอย่างนี้ อาจารย์บอกว่าระดับ 1 จริงๆ”
ระหว่างที่อีดรีม กับไอ้อาท กำลังเถียงกันเสียงดังจะเป็นจะตาย ตัวผมกับเพื่อนๆ ในกลุ่มอีกสี่คนที่เหลือ ไอ้ต้น ไอ้ไวน์ หญิงเนิส และยัยน้อง ก็ได้แต่นั่งมองหน้าสองคนนี้เถียงกัน ติวสอบกันต่อไม่ได้ซะที
สวัสดีครับ ผมชื่อ “แก๊ง” นักศึกษาคณะเภสัชศาสตร์ ชั้นปีที่สอง มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งที่เปรียบได้ว่าเป็นเหมือนจังหวัดอีกจังหวัดนึงทางภาคอีสาน กำลังประสบปัญหากับเพื่อนๆในกลุ่ม เกี่ยวกับวิชาเรียนเล่มบางๆ แต่เต็มไปด้วยอักษรกรีกโบราณทางสถิติอยู่เต็มหน้ากระดาษ
ส่วนเหตุผลที่ผมต้องมานั่งกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม ฟังสองคนนี้เถียงกันเรื่องค่า Pooled Estimate กลางโรงอาหารคณะตัวเองอย่างนี้ เพราะช่วงนี้ทั้งมหาวิทยาลัยคือฤดูกาลสอบปลายภาคเทอมสองครับ ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาจนถึงกลางมีนารวมสองสัปดาห์กับอีกสี่วัน และวันนี้ก็เป็นวันที่ 14 ของฤดูกาลสอบ เข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายแล้ว บางคณะหรือบางชั้นปีตอนนี้ก็สอบเสร็จไปแล้ว จบไปแล้ว ปิดเทอมไปแล้ว ก็โชคดีกันไป
แต่พวกผม เภสัชศาสตร์ชั้นปีที่สอง ยังเหลือของวันพรุ่งนี้เป็นวิชาสุดท้าย คือวิชา Research หรือ “วิธีวิจัยทางเภสัชศาสตร์” ที่เพื่อนดรีมกะเพื่อนอาทมันเถียงกันอยู่เนี่ยล่ะครับ เถียงกันเสียงดังซะจน ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีคนมาอ่านที่คณะผมแล้วเพราะเริ่มสอบเสร็จกันไป แต่ผมคิดว่าคนทั้งโรงอาหารมองมาทางนี้หมดล่ะ แถมมานั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่หกโมงเย็น จนตอนนี้ก็สี่ทุ่ม ข้าวเย็นก็ยังไมได้กิน เหลือหัวข้อสุดท้ายคือเรื่อง Pooled Estimate แต่ก็สรุปในกลุ่มไม่ได้สักที ก็เลย
ลุกขึ้น เก็บตำรา ปากกา และโน้ตย่อยส่วนของตัวเองลงกระเป๋า
“อ้าว เฮีย! ไม่ติวต่อแล้วเหรอ?”
เสียงไอ้ไวน์มันทักพอเห็นผมเก็บของ
“เออ ว่าจะไปอ่านเองที่ห้อง พวกแกสองคนเถียงกันเริ่มไม่เข้าใจ ที่อ่านๆ มาตอนแรกเข้าใจอยู่นะ แต่พอพวกแกสองคนพ่นพิษใส่กันนี่ล่ะ กูงงเลย”
“เฮียแก๊ง! ดรีมขอโทษ ผิดที่ไอ้อาทเลย มันไม่เข้าใจสักที”
“เฮ้ย! ไม่ใช่นะเฮีย เป็นความผิดดรีมตะหาก มันไม่จดตามที่ครูบอก”
“ก็หนังสือมันเขียนอย่างเนี่ย! มึงก็มีแต่โทษจารย์’ๆ ตอนเรียนเห็นแต่หลับ ไม่ต้องมาว่าจดเลยไอ้ฟายย”
“เอ้าพอๆๆ แก๊งไม่โทษใครหรอก แก๊งแค่บอกว่างง จะไปอ่านเองที่ห้อง ก็ออนเฟสไว้ล่ะกัน เผื่ออะไรไม่เข้าใจจะได้เฟสไทม์ถาม โอเคนะ”
“เดี๋ยวเค้าออนเองเฮีย แต่อย่าดึกเกินนะ เค้าก็ว่าจะกลับตอนเกือบๆ ตีหนึ่ง”
หญิงเนิส สาวใจดีประจำกลุ่ม ผู้มีไอแพดติดตัวตลอดก็ตอบรับคำขอร้องผมด้วยเสียงหวานๆ
“ใครเค้าจะอยู่ดึกเกินนั้นครับเนิส! พรุ่งนี้สอบเช้า ตัวสุดท้ายด้วย วิชายากสี่หน่วยอีก ไม่นอนก็ตอบไม่ถูกล่ะครับ”
ไอ้ต้น หนุ่มหล่อหุ่นดีขี้กวน ชอบอ่านหนังสือไม่ให้ใครเห็นจนคนเค้าคิดว่าไม่อ่าน แต่คะแนนเกินมีนตลอด
“อย่าเถียงกัน นะ..ก็นั่นล่ะ พวกแกก็อย่าดึกเกินแบบไม่หลับไม่นอนไปสอบล่ะกัน เดี๋ยวเค้าขอกลับก่อน”
“เออๆ โชคดีเฮีย”
ผมก็โบกมือบ๊ายบายไอ้ไวน์ ยัยน้อง และคนอื่นๆ ในกลุ่มก่อนจะเดินลงไปที่ลานจอดมอไซค์
ขับกลับมาถึงหอ จอดรถไว้ตามปกติ มองขึ้นไปที่ห้องตัวเองเพราะหอผมเป็นอาคารรูปตัวทีสองชั้น และห้องของผมก็อยู่ชั้นสองด้านที่มองเห็นจากที่จอดรถด้วย พบว่า....
“อ้าว ลืมปิดไฟเหรอเนี่ย อะไรวะ”
รีบเลย.. แปลก..ปกติผมไม่สะเพร่านะ ลืมปิดไฟได้ไง รีบวิ่งขึ้นเฉลียงผ่านเคาท์เตอร์ธุรการหอ ก่อนจะไปที่ประตู
“น้องแก๊งงง!!!”
เสียงป้าอุไร ป้าเจ้าของหอผมครับ เรียกผมจากในเคาท์เตอร์ธุรการ.. เบรกตัวเองเกือบไม่ทัน
“มีอะไรครับป้า”
“ป้าจะถามว่ารีบไปไหน เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะเรา”
“แหะๆ ครับ ช่วงนี้ผมยุ่งๆ พอดีตะกี๊ผมเห็นห้องผมไม่ได้ปิดไฟก่อนออกไปอ่านหนังสือ เลยกะจะรีบขึ้นไปดูครับ”
“เอ้า ทำไมไม่ปิดไฟล่ะครับ ค่าไฟบานพอดี ระวังคุณพ่อด่านะ”
“สงสัยผมคงลืม งั้นผมขึ้นไปก่อนนะครับป้า”
“ราตรีสวัสดิ์ครับ”
ผมก็เดินเร็วๆ เข้าประตูหอ ขึ้นบันไดไปถึงห้อง รีบไขกุญแจเปิดเข้าไป อย่างแรกที่ผมรู้สึกได้ คือ แรงดันและลมเย็น
“เชรี่ย แอร์ด้วย”
หอผมเป็นหอสวัสดิการนอกรั้วมหาวิทยาลัยสำหรับนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่มีเจ้าของเป็นคนต่างชาติครับ ป้าอุไรแต่งงานกับลุงคาร์ล จำไม่ได้ว่ามาจากประเทศไหน แต่ก็ร่วมหุ้นกันทำหอพักนี้ขึ้นมา เอาไว้ให้นักศึกษาแลกเปลี่ยนหรือนักศึกษาที่เข้าตาป้าอุไรมาพักขณะเรียนอยู่ ซึ่งหอผมตั้งอยู่ในหมู่บ้านที่ติดประตูรั้วมหาลัยฝั่งตะวันตก เข้าออกมหาลัยได้ตลอดทั้งวัน มีบริการอินเตอร์เน็ต เครื่องทำน้ำอุ่น พัดลม แอร์ และเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย นำเข้าจากต่างประเทศ
กระทั่งประตูห้องครับ เป็นประตูเนื้อไม้จากต่างประเทศ ไม่มีลูกบิด หรือพูดให้ถูกคือลูกบิดแบบต่างประเทศที่มันเป็นลูกบิดผสมกลอนกุญแจ การจะไขเปิดหรือล็อกห้องจากข้างนอกต้องใช้กุญแจเท่านั้น ส่วนข้างในเป็นกลอนมือที่ได้แค่หมุนเปิดกะหมุนปิด ดังนั้นเวลาจะล็อกห้องจากข้างนอก ต้องใช้กุญแจไขอย่างเดียวครับ เป็นการป้องกันไม่ให้เวลาออกไปข้างนอกลืมกุญแจไว้ในห้องด้วย เว้นเสียแต่ว่าจะลืมไขปิดล็อกห้องเท่านั้น
และด้วยความเป็นไม้เนื้อแข็ง แรงดันเวลาเปิดประตูจะสัมผัสได้ทันทีถ้าข้างในเย็นกว่าข้างนอก เพราะประตูชนิดนี้จะเก็บเสียงและเก็บความร้อนได้ดี เมื่ออากาศข้างนอกร้อนและข้างในเย็นเพราะเปิดแอร์ จะทำให้ความดันต่างกัน เวลาเปิดเข้าไปคือเชื่อมต่อสองระบบที่ไม่เท่ากันเข้าด้วยกัน จะเกิดแรงผลักและลมหมุนขึ้นมาตีหน้าที่ประตู ผมเลยรู้ว่า
กระทั่งแอร์ ผมก็ลืมปิด
อะไรจะสะเพร่าขนาดนี้ว่ะ อยู่มาตั้งสี่ปี.. รีบผลักเข้าไปในห้อง
แต่...............
เชรี่ย............
ใครรรรรรรรรรรรรรรรรร!!!!!!!!!!!!!!!!
ใครมันนอนอยู่ในห้องผม
ที่เตียง!! กูเลย ผมเปิดเข้าไป เห็นผู้ชายนอนลงบน เตียง ผม
นี่กู! ไขผิดห้องรึปล่าวว่ะ!??? ผมมองรอบๆ ห้อง ก็! ห้องกู! หนังสือ US และ British Pharmacopoeia ทั้งสิบเล่ม อยู่บนชั้น มีหนังสือการ์ตูน เกย์ สองสามเล่มอยู่ข้างหมอน ลายปลอกหมอน ลายผ้าปูที่นอน ก็ ห้อง ห้องผมนี่
มองไปนอกห้อง ตรงข้างประตูจะมีหมายเลขกำกับ ห้องผม 214 ก็!!!..... ก็ห้องหมายเลข 214 นี่
มองมาที่บนเตียง รอบห้อง.... มองไปนอกห้องอีกทีสิ.... ก็ห้องกูหนิ.... 214
มองมาที่เตียงอีกที มองไปข้างนอกอีกที ห้องกูเลยยยยยยย!!! ห้องกูเลยยยยยยยยยยยย!!!!!! 214
แล้ว แล้วใคร ใครนอนที่ห้องผม ผู้ชาย น่าจะสูงร้อยเจ็ดสิบเกือบร้อยแปดสิบได้ หน้าตา... ตอนหลับ มองไกลๆจากประตูห้อง หน้าตาดีอ่ะ ผิวขาวๆ ผมยุ่งๆ กระเซิงๆ ตอนนอน ใส่ชุดบอลแมนยู เอโอเอ็นสีแดง น่าจะของแท้ กางเกงเจเจสีน้ำตาลอ่อน (โครตเข้ากันสุดๆ) แต่ไม่ใช่เวลาที่กูต้องพิจารณาถึงความหล่อมั๊ย!??
มึง!! เป็น!! ใคร??....
แล้วววววว เข้ามา!! ห้องกู!! ได้ยังไง??
ผมไม่ถึงกับสะเพร่าไม่ล็อกห้องนะครับ เพราะผมอยู่ที่นี่มาสี่ปีแล้ว ก่อนออกไปข้างนอกผมล็อกเสมอ
ก็ว่าอยู่ ว่า ไม่ปิดไฟ ไม่ปิดแอร์ กูสะเพร่าขนาดนั้นเลยเหรอ อยู่มาตั้งสี่ปี
แสดงว่า มึง คือ....
ไม่รอช้าครับ
“ป้าอุไรรรรรรรรรรรร!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
หน้าตาตัวเองผมไม่รู้ว่าเป็นยังไง แต่รีบวิ่งลงบันไดทีละสองชั้นชนิดกระโดดลงมา เบรกตัวเองเหมือนพุ่งมาเกือบร้อยกิโลต่อชั่วโมงแล้วหยุดกระทันหันหน้าเคาท์เตอร์ธุรการ ป๊ะหน้าป้าอุไรพร้อมกับเสียงเรียกลากยาวๆ มาตั้งแต่ชั้นสอง
“น้องแก๊ง มีอะไร ตื่นเต้นอะไร มีอะไรครับ!???”
ผมพยายามหายใจหายคอให้ทั่วท้องก่อนจะอธิบายทุกอย่างว่า.....
“น้องกร!! น้องกร!! น้องกรครับ”
ป้าอุไรที่กำลังปลุกคนบนเตียงในห้องผมให้ตื่น ตอนนี้ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิดจริง..... ลุงคาร์ลรีบวิ่งขึ้นมาพร้อมถือพวงกุญแจสำรองของทั้งหอพักมาทดสอบกลอนประตูห้องผมทันที
“เดี๋ยวลองดูนะแก๊ง” ลุงคาร์ลพูดเป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้วครับ ผมก็คุยภาษาอังกฤษกับลุง
“ลองดูสิครับลุง น่าจะเป็นอย่างที่ป้าเค้าว่า” ดอกแรกที่ไม่ใช่ของห้องผม.....ไขได้
ดอกที่สองที่ไม่ใช่ของห้องผม.....ก็ไขได้
ดอกที่สามที่ไม่ใช่ของห้องผม.....ง่ายซะยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก
“ไขได้หมดเลยใช่ไหมลุงคาร์ล” เสียงป้าอุไรถามเป็นภาษาอังกฤษ
“ไขได้หมดเลยจริงๆ ด้วย อุไร สงสัยคงต้องเปลี่ยนกลอนให้น้องแก๊งแล้วล่ะ” “โอ้ยยยย น้องแก๊ง ป้าอุไรขอโทษครับ”
เฮ้อออออ ซวยเลย
สาเหตุมาจากเมื่อวันก่อนครับ เพราะเป็นวัสดุที่ทำมาจากต่างประเทศและลุงคาร์ลก็สั่งมาเอง ทำให้ข้อเสียของกลอนแบบนี้จะไม่เหมาะกับชีวิตคนไทย คือ ตัวลูกกุญแจจะมีลักษณะค่อนข้างแบนๆ ครับ เวลาไขเข้าออกไปนานๆ หลายๆ ครั้ง มันจะเริ่มฝืดขึ้นเรื่อยๆ และฝืดง่ายมากๆ แต่ลุงคาร์ลก็สั่งผงอะไรสักอย่าง คล้ายดินปืนสีดำสนิท เอาไว้ใส่ในรูกุญแจ เหมือนเอาไปขัดภายในรูนั่นล่ะครับ มันจะช่วยให้รูกุญแจลื่นขึ้นเวลาไขเข้าไป ซึ่งผมเองก็บอกให้ป้าอุไรช่วยเอามาขัดทุกปีอยู่แล้ว
แต่เมื่อวันก่อน อุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้ขัด ป้าอุไรเกิดทำหายครับ เลยใช้ “ลวด” เอามาดัดแทนอุปกรณ์ที่ว่า
ก็คงจะขัดแรงชนิดที่เหมือนโจรพยายามไขกุญแจเข้ามานั่นล่ะครับ ซึ่งมันก็ต้องขัดอย่างนั้นอยู่แล้ว ตอนขัด ผมเห็นเลยว่าช่วงแรกๆกลอนห้องผมมันก็ไม่ลั่นง่ายๆ แต่พอขัดไปขัดมาก็ลั่นเองใหญ่เลย ซึ่งมันก็เหมือนกับใช้อุปกรณ์ขัดนั่นล่ะครับ ไม่ได้ผิดสังเกตุตั้งแต่ตอนนั้น แต่ลืมไปนะครับ ว่ามันคือลวด มันคงไปทำให้ดอกรับกุญแจภายในพังหรือ “สึก” จนเกือบหมดทั้งรู กุญแจห้องไหนๆ ที่แบนๆ และมีดอกกุญแจคล้ายกับของห้องผมอย่างนี้ เลยไขได้หมดเลย
ส่วนที่ว่า ไอ้ที่กำลังนอนห้องผม เป็นใครน่ะเหรอครับ
ชื่อพี่กร ห้อง 216 อยู่คณะแพทย์ปีสาม เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ตอนต้นเทอมที่ผ่านมา เป็นเพื่อนข้างห้องผมฝั่งเดียวกันกับผมครับ เพราะผังห้องของหอนี้คือ ห้องเลขคู่อยู่ฝั่งทิศตะวันออกรับแดดเต็มที่ ติดกับลานจอดรถ และห้องเลขคี่อยู่ฝั่งทิศตะวันออก มีวิวสวนสวยๆ ติดกับต้นไม้หลังหอ
ส่วนประเด็นที่ว่า ทำไมถึงมานอนให้ห้องผมได้
คำเดียวครับ “เมา”
ตอนเดินไปปลุกพี่เค้ากับป้าอุไร ได้กลิ่นเหล้าหึ่งเลย นอนอ้าปากพ่นกลิ่นแอลดีไฮด์ออกมาเต็มที่ ท่าทางจะกินหนักมาก สงสัยคงจะไปกินเหล้าตามร้านแถวๆ นอกมอฝั่งทิศใต้ แถวนั้นมีร้านเหล้าเยอะแยะ แถมนอกมอฝั่งทิศใต้ก็ใกล้กับหมู่บ้านนี้ที่อยู่นอกมอฝั่งทิศตะวันตก พี่แกคงจะไปสักสองสามร้าน เมาแอ๋ ขับกลับมาถึงหอไม่มีสติแล้วไขกุญแจเข้าผิดห้อง ซึ่งมันจะไขเข้ามาไม่ได้เลยถ้ารูกุญแจมันไม่สึก แต่ก็พอดีอีกนั่นล่ะที่มันสึก เลยไขเข้ามานอนในห้องผมอยู่อย่างนี้
“น้องกร!! น้องกรครับ”
“อืมมมมมมมม ครายยยยยย”
เหมือนจะไม่สร่าง ไม่รู้สึกตัว ก็นะ เล่นกินซะมีกลิ่นแอลดีไฮด์ บ่งบอกว่าร่างกายไม่ได้แข็งแรงแต่กินเยอะขนาดไหน อยู่คณะแพทย์ซะเปล่า ไม่ดูแลตัวเองเลย.... ผมก็เลยไปที่ตู้เครื่องยาข้างตู้เย็น แล้วเอาเถาบอระเพ็ดยาวๆที่เก็บเอาไว้ออกมา
ชุบน้ำกินในขวด 1.5 ลิตรแบบผ่านๆ พอให้เปียก แล้ววววว.......รูดปากพี่เค้าอย่างช้าๆ หนึ่งที
“เชรี่ยยยยยยย!!!!!! ขม!!!!!!!”
ถึงกับดีดตัวเองออกมาไม่ทัน ...นึกว่าจะหมดประสาทสัมผัสซะละ ไม่งั้นคงได้ใช้ดีหมูในตู้เย็น
“น้องกร น้องกรครับ น้องกรนอนผิดห้องนะครับ”
ป้าอุไรพยายามอธิบายคนเมาที่น่าจะสร่างนิดๆ กับบอระเพ็ด ฝ่ายพี่กรก็ถุยน้ำลายเช็ดปากตัวเองใหญ่ เพราะขมจัด แล้วค่อยมองเห็นเจ้าของหอที่กำลังพยุงตัวเองไว้อยู่
“ป้าอุไร.....”
“พี่มองไปรอบๆ ตัวเองหน่อยครับ ว่าใช่ห้องตัวเองรึปล่าว”
ผมบอกไปด้วยอารมณ์ไม่พอใจ พี่กรเลยจ้องหน้าผมนิดๆ ก่อนจะรู้ตัวว่าถูกปลุกด้วยอะไร และฝีมือใคร ค่อยๆมองไปรอบๆ ห้องและเตียงนอนที่ตัวเองนอนอยู่
“ทำไม ผมมาอยู่ห้องนี้”
“น้องกรไขเข้ามาผิดห้องนะ... พอดีกลอนห้องน้องแก๊งเค้าสึก น้องกรเลยไขเข้ามาได้”
พี่กรก็มองหน้าผม
“น้องแก๊ง ห้องนี้ของน้องแก๊งเหรอครับ”
อุต๊ะ! ห้องนี้ของพระพุทธเจ้ามั้ง ตรัสรู้ได้แล้วว่าเข้าผิดห้อง... แต่ไม่อยากด่าคนเมาเพิ่งสร่างนะ ให้ป้าเค้าพูดไปล่ะกัน
“ห้องนี้ห้อง 214 ห้องน้องแก๊งครับน้องกร แต่ห้องน้องกรห้อง 216 จำไม่ได้เหรอ”
“เอ่อ ครับ จำได้แล้ว”
“น้องกรไขผิดห้องครับ กลับไปนอนห้องตัวเองนะ เดี๋ยวน้องแก๊งจะโกรธป้าไปมากกว่านี้”
ป้าอุไรก็มองยิ้มๆ มาที่ผม แหะๆ... จะว่าโกรธมั๊ย ก็ไม่นะ แต่ไม่พอใจไอ้กรมากกว่า คือ ยังไงล่ะ ต้องเสียบอระเพ็ดเถาสวยๆ ไปเถานึงเลย ยิ่งไม่ค่อยมีตัวอย่างสมุนไพรสวยๆ แบบนี้ เอาไว้ทำพรีเซ็นต์ตอนปีสามอยู่เนี่ย
ลุงคาร์ลก็เข้ามาพยุงพี่กรกลับห้องตัวเองไป ผมก็เดินมาส่งป้าอุไรที่ประตูหน้าห้อง
“วันนี้ก็ลงสายยูล็อกห้องไปก่อนนะน้องแก๊ง เดี๋ยวพรุ่งนี้ป้าจะเปลี่ยนกลอนให้”
“ครับป้า ไม่เป็นไรครับ ตอนแรกก็นึกว่าเป็นขโมยซะอีก”
“โอ้ยยย ขมงขโมยอะไรล่ะน้องแก๊ง หอเราออกจะปลอดภัย มีทั้งลุงยาม มีทั้งป้าคอยคุม แล้วไหนจะต้องแสกนลายนิ้วมือ กล้องวงจรปิดอีก คิดมาก!!!!”
ป้าอุไรถึงกับตบตูดผมด้วยอารมณ์หมั่นไส้
“ห่ะห่ะ ครับ อย่างนี้ก็ไม่มีอะไร ราตรีสวัสดิ์นะครับป้าอุไร”
“จ้า อย่าลืมลงสายยูนะ”
“ครับป้า”
พอส่งป้า ล็อกห้อง จากที่นิสัยไม่เคยลงสายยู ก็ลงสายยูอย่างที่ป้าเค้าแนะนำ ใจจริงอยากจะหยิบเทปกาวในเก๊ะออกมาแปะติดตามซอกกับบานประตูเพิ่มด้วยซ้ำ แมร่ง ตอนนี้ อีไหนๆ ในหอก็ไขเข้าห้องกูได้หมดล่ะ
ถึงจะบอกว่าเป็นพี่ห้องข้างๆ แต่มองไปรอบๆ ห้อง มันก็.....ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี
จน...... ตรวจของในห้องตามจุดต่างๆ เรียบร้อย ไม่มีอะไรหาย ไม่มีของมีค่าอะไรสึกหรอหรือสาบสูญ ค่อยโล่งใจหน่อย ทอดกายให้หายเหนื่อยลงบนเตียง แล้วหยิบเอาไอโฟนขึ้นมาดูว่า
“ขอบคุณนะ ตีสาม!! ไม่ได้อ่านแล้ว Research กู”
คงไม่มีใครออนหรอก อ่านไปก็เท่านั้น ต้องนอนอย่างเดียวแล้วล่ะ ขืนไม่นอนนะ ตอบข้อเขียนของอาจารย์ไม่ได้แน่ๆ แถมยังไม่เข้าใจอะไรห่าเหวเกี่ยวกับพวก Pooled Estimate อะไรนั่นเลย สงสัยงานนี้มีสิทธิ์ติดเอฟว่ะ เฮ้อ..ก่อนสอบพรุ่งนี้ค่อยขอให้หญิงเนิสติวให้แบบรวบรัดล่ะกัน... หยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาพาดบ่าว่าจะไปล้างหน้ากับแปรงฟันในห้องน้ำ
อนิจจา เพราะมันไม่มีของมีค่าสำคัญอะไร เลยชะล่าใจไม่ตรวจห้องน้ำ เมื่อเปิดเข้าไป.....
“เฮ้ยยยยยย!!!!”
กางเกงยีนต์ กางเกงในรอสโซ่ เสื้อยืดคอปกสีดำลายแดง เข็มขัดด้วย รองเท้าอีก ไม่ใช่ของกูแน่นอนนนนนน
ของพี่กร!!!!!!!! แมร่งในห้องน้ำก็กลิ่นอ้วกหึ่งเลย กูรู้เลยว่า.....
เดี๋ยว!!.... เดี๋ยวนะ...... ถ้าเกิดเสื้อผ้าไอ้กรมันระเกะระกะอยู่ตรงพื้นห้องน้ำกูอย่างนี้ แล้วววววว
ไอ้เสื้อบอลแมนยูเอโอเอ็นสีแดงเหมือนของแท้ กะกางเกงเจเจนี่ อย่าบอกนะว่า
“เชรี่ยยยย!!!!!! เสื้อบอลพ่อกู กางเกงกู”
ฉิบหายล่ะ!! ยิ่งกว่าติดเอฟ!!! ของมีค่าจากสนามบอลอังกฤษ ที่กว่าจะได้มาต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อแรงงานและความสามารถขนาดไหน ขืนพ่อรู้นี่..........................................
ไอ้แก๊ง
...มึงตายแน่นอน!!!!!...
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////