Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 15 [บทพี่กร]]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Next Door : กูจะบ้าตายกะนายแพทย์ห้องข้างๆ [ตอนที่ 15 [บทพี่กร]]  (อ่าน 49632 ครั้ง)

ออฟไลน์ xeruoh

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 491
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
แอบอ่อยเหมือนนะเราอะ น้องแก๊ง
=..= แทนตัวเองว่าน้องด้วยอะ น่ารักซะไม่มี

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
พี่กรมาแบบจัดหนัก5555

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :z1: ทั้งฮา ทั้งฟิน ทั้งหื่น
พี่กรรุกเร็วถูกใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
แก๊งก็เอาๆไปเหอะ ของดีรีบคว้าไว้นะ

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
รุก ได้น่ากลัวชิบ! เหอเหอ :a5:

ออฟไลน์ Satanza321

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 671
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-3
พี่กรเค้าออกตัวแรงไปปะ :o  แก๊งออกจะกลัวๆ :laugh:

ออฟไลน์ หมูน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
นิดนุงนะ
ตามอารมณ์ตัวละครแล้วมันขัดใจ พี่กรรุกเร็ว ขอให้น้องอย่าพึ่งยอมพี่กรง่ายๆ นะ
กลัวความกะล่อนพี่แกจริงๆ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
สมน้ำหน้าพี่กร
โดนน้องโกรธเลย


 :L2: :L2:

ออฟไลน์ Firebird

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Ibuprofen กับ paracetamol จัดอยู่ในกลุ่ม NSAIDs เหมือนกัน มีฤทธิ์ต้านอักเสบเหมือนกัน กินแค่ตัวใดตัวหนึ่งก็พอ กินคู่เท่ากับคุณกำลังทำร้ายไตและตับของคุณอย่างหนัก
ส่วนการดูต่อมทอลซิลที่คอ ไม่สามารถบอกได้หรอกนะคะว่ามีหนอง เห็นแค่มันแดงใหญ่ขึ้นเท่านั้น ถ้าเห็นหนองที่ทอลซิลแสดงว่าคุณไม่แค่เป็นหวัดแน่นอน แล้วการที่ทอลซิลขยายไม่ใช่แค่ติดแบคนะคะ ติดเชื้อรา ไวรัสก็ขยายเหมือนกัน เหตุผลแค่นี้ตัดสินว่ากิน amoxy ไม่ได้นะคะ ผลของยาปฏิชีวนะแรงและนานกว่าที่คิดนะคะ
เตือนเพราะว่าการกินยาผิดวิธีส่งผลทั้งชีวิตนะคะ ถ้าเป็นโรคร้ายแรงมีสิทธิ์ที่ยาจะไม่ได้ผล ต้องใช้ยาแรงขึ้น ทำร้ายร่างกายมากขึ้น ดังนั้นสงสารร่างกายคุณเถอะค่ะ

ออฟไลน์ HalF_EighT

  • AWyZar GeRin : Arch Of Wizard GeRin
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ครับผม ตอนที่สามนี้ก็แก้ไขแล้วนะครับ

ถึงคุณ daboo นะครับ
คือ อ้างถึงเว็บไซด์นี้ประกอบนะครับ :: http://guru.sanook.com/8325/เช็ดตัวลดไข้-ใช้น้ำอุ่นหรือน้ำเย็น/
....เมื่อเป็นไข้ ตัวร้อน หลายๆ คน จะรีบหยิบยาลดไข้มารับประทาน แต่ถ้าตัวร้อนจนรู้สึกเพลียมากๆ แม้รับประทานยาไปแล้ว อาการที่เป็นดูจะยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ ก็คงต้องเพิ่มตัวช่วยอย่างการนำผ้าชุบน้ำอุณหภูมิปกติมาประคบลงบนหน้าผาก แล้วนอนพักผ่อน

ทว่ารู้สึกตัว ตื่นขึ้นมาอีก กลับพบว่าอาการไข้ยังมีอยู่ คงต้องเช็ดตัวลดไข้ช่วยอีกทางหนึ่ง แต่ดูเหมือนบางคนก็ใช้น้ำเย็น บางครั้งถึงกับเอาน้ำแข็งมาผสมใส่น้ำ ขณะที่บางคนกลับเลือกใช้น้ำอุ่น แล้วในความเป็นจริง น้ำเย็น หรือน้ำอุ่น กันแน่ ที่ใช้เช็ดตัวแล้วช่วยให้ไข้ลดได้

คำตอบของข้อข้องใจนี้ ก็คือ 'น้ำอุ่น'
เนื่องจากผ้าที่ชุบน้ำอุ่นแล้วบิดหมาดๆ นำมาเช็ดตามตัวให้ผิวหนังออกแดงๆ จะช่วยให้เหงื่อออก ถือเป็นการช่วยให้ร่างกายระบายความร้อนจากพิษไข้ออกมา ลดอุณหภูมิของร่างกายลงอย่างได้ผล

เหตุที่ไม่ควรใช้น้ำเย็นมาเช็ดตัว
เพราะน้ำเย็นจะยิ่งทำให้คนเป็นไข้ยิ่งรู้สึกหนาวสั่นกว่าเดิม แถมความเย็นจากน้ำ ยังทำให้กล้ามเนื้อและเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังหดเกร็ง ถือเป็นการเพิ่มการใช้พลังงาน ทำให้ความร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตาม เวลามีไข้ นอกจากการรับประทานยาลดไข้ ประคบผ้าชุบน้ำไว้ที่หน้าผาก เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นแล้ว ยังควรดื่มน้ำอุณหภูมิห้องให้มากๆ ก็ช่วยได้เช่นกัน....
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

และก็มีคำตอบจากรุ่นพี่สายแพทย์ด้วยนะครับ ว่าใช้น้ำอุ่นจะดีกว่า แต่พวกน้ำเย็นหรืออะไรก็ใช้ได้ แต่อย่าเย็นเกิน แค่พอให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ระบายความร้อนได้ดีขึ้น ซึ่งตัวเอกของเราก็ไข้สูงถึง 38.5 แสดงว่าระบบเผาพลาญกำลัง Overworking อย่างหนักเลย เพื่อเป็นการลดพลังงานก็อย่าให้ร่างกายได้กระตุ้นพลังงานเพิ่มอีก ผู้แต่งจึงบอกว่าเลือกให้ตัวเอกใช้น้ำอุ่นมาเช็ดตัวครับ

ส่วนคุณ Firebird นะครับ
ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำ :L1: :3123: จากใจของผู้แต่งและผมด้วยครับ
 
เพราะว่าบางครั้งคนแต่งเองก็อาจจะหลงๆ ลืมๆ หรือไม่หาข้อมูลก่อนแต่งนิยายให้ดี เพราะเรื่องแบบนี้เราต้องให้ความรู้กับคนอ่านด้วย เผื่อเค้าจะปรับและนำไปใช้

ซึ่งตอนนี้ผมก็รีเควสคนแต่งให้แก้ไขเนื้อเรื่องตอนที่สามใหม่แล้วนะครับ
และผมก็ตรวจทานเอามาลงใหม่แล้ว

เนื้อเรื่องถูกต้อง และดีขึ้นในระดับนึงแล้วนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับสำหรับคำแนะนำ  :pig4:

ส่วนตอนที่ 4 5 ตอนนี้มีปัญหาเกี่ยวกับไฟล์ตัวอักษรที่ส่งมาจากผู้แต่ง
ว่ามัน... เป็นภาษาต่างดาว ตอนนี้ผมเลยยังไม่ลงตอนที่ 4 ตอนที่ 5 ภายในคืนนี้ได้นะครับ
อยากจะลงเร็วๆ อยู่นะครับ

เป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วยนะคร้าบบบบ เพราะผมเองแค่คนที่เอามาลงเฉยๆ

ร่วมสร้างสรรค์นิยายเรื่องนี้ให้ดี และถูกต้อง ร่วมกันในสังคมชาวเล้าเป็ดด้วยกันนะครับ
ขอบคุณมากคร้าบบบบบบ  :pig4:

ออฟไลน์ HalF_EighT

  • AWyZar GeRin : Arch Of Wizard GeRin
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ตอนที่ 4 แผ่นหลังที่มองเห็น

   “เอาเป็นว่า น้องแก๊งก็นอนพักที่นี่ซะนะ เดี๋ยวพี่จะเรียกพวกเฟิน ฟ่าง เอิน อ้อย อิ๋งอิ๋ง มาอยู่เป็นเพื่อนกะเราด้วย”

   หลังจากที่ผมโทรเรียกพี่ก้อยให้ออกมารับผมที่หอ ผมก็โทรรายงานคุณพ่อว่าตัวเองป่วยและกำลังจะให้พี่สาวบ้านข้างๆ ที่เรียบจบแพทย์ไปแล้ว มารับไปตรวจที่คลีนิคของพี่เค้า

   เพราะผม... รู้สึกว่ามันหนักขึ้น มันไม่ไหวจริงๆ

   และด้วยความที่คุณพ่อไม่สามารถมาดูอาการได้ด้วยตัวเองเพราะติดประชุมบีเอ็นอยู่ ก็รีบโทรหาพี่ก้อย ใช้ความเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทชิดเชื้อขอร้องให้ตรวจผมอย่างละเอียดที่สุด และให้ผมรักษาตัวยังไงก็ได้ให้อยู่ในสายตาของพี่แก เนื่องจากผมอยู่หอนอกมหาลัยคนคนเดียว และไม่ค่อยมีคนที่น่าเชื่อใจแถวนี้ที่จะฝากผีฝากไข้ไว้ได้ ถึงจะมีป้าอุไรก็ตาม...

   เลยเป็นเหตุให้ผม ต้องขนเสื้อผ้าบางส่วนออกมารักษาตัวอยู่ที่บ้านของพี่ก้อย อันที่จริงบ้านของพี่ก้อยก็เป็นทาวน์โฮมสามชั้นสามคูหาที่ดัดแปลงชั้นล่างของทาวน์โฮมให้เชื่อมติดกันเป็นคลีนิคอยู่แล้ว ตั้งอยู่แถวๆ หน้าหมู่บ้านจัดสรรราคาหลายล้านสำหรับคนรวยๆ ใกล้รั้วมหาวิทยาลัย ก็เลยมีห้องนอนจัดเตรียมเอาไว้ให้ญาติๆ ที่มาเยี่ยมพี่ก้อยได้นอนพักกันอยู่หลายห้อง ซึ่งพี่ก้อยก็ให้ห้องนอนห้องนึง ข้างๆ ห้องพี่แกเป็นที่พักชั่วคราวของผม

   ผมจึงอยู่ในชุดนอนผ้าซาตินโทนสีน้ำตาลเหลืองลายแมวโปโยะ กลมกลืนอยู่บนเตียงขนาดหกฟุตกับชุดผ้าปูซาตินโทนสีน้ำตาลอย่างดี ในห้องนอนขนาดเกือบเท่าๆ ห้องที่หอผม บริเวณชั้นสองของบ้านพี่ก้อย ที่ตกแต่งภายในห้องด้วยชุดเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นโทนสีน้ำตาลสลับขาว มองดูหรูหราดั่งโรงแรมห้าดาว ยิ่งกว่าห้องที่หอผมซะอีก

   นี่กูต้องใช้ห้องนี้ใช่ไหม!??.....คืนนี้กูจะนอนหลับมั๊ยเนี่ย!??

   “ขอบคุณมากนะครับพี่ก้อย”

   ถึงไม่รู้ว่าจะนอนหลับมั๊ย แต่พี่ก้อยก็ใจดีเหมือนเดิม แถมตะกี๊พี่เค้าก็บอกว่าจะชวนพวกพี่ฟ่าง พี่เฟิน พี่เอิน พี่อ้อย พี่อิ๋งอิ๋ง หรือพี่ๆ พริตตี้ที่อยู่ในวงดนตรีเดียวกันที่ผมสนิทมากที่สุด และพี่ก้อยเองก็รู้จัก ให้มาอยู่เป็นเพื่อนผมด้วย รู้สึกซาบซึ้งกับความเป็นนางฟ้าของพี่ก้อยมาก

   “ไม่เป็นไรจ๊ะน้องแก๊ง ยังไงพ่อเราก็ฝากเรามาให้พี่ดูแลอยู่แล้ว..แล้ววว..บอกคุณพ่อเรื่องนี้ว่ายังไงล่ะครับน้องแก๊ง??”
   ผมมองพี่หน้าก้อย ที่ส่งสายตาของคนสนิทมา กับประโยคที่มีความหมายไม่ใช่อารมณ์ของคุณหมอที่ถามคนไข้

   เพราะยังไง มันก็โกหกไม่ขึ้น.. พี่ก้อยตรวจผมแล้ว ว่า เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา และที่ผมไอ มีเสมหะสีเขียว ก็มาจากสาเหตุอื่นๆ ที่ยังไม่ใช่เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งตรวจโดยรวมๆ แล้ว มันก็น่าจะเป็นแค่หวัดที่มีไข้อ่อนๆ แต่ทำไมผมถึงมีไข้สูงขนาดนี้ ซึ่งคนเฉลียวและฉลาดสุดๆ อย่างพี่ก้อย ที่สนิทกับผมมากว่าสิบปีเพราะเป็นพี่บ้านข้างๆ มาตั้งแต่ผมเกิด

   ผมรู้ดีว่า...โกหกยังไง... กับคนนี้... มันก็โกหกไม่ขึ้น

   “ผมบอกไปว่าเครียดกับที่สอบวิชาสุดท้ายน่ะครับ”

   แต่ผมบอกกับพี่ก้อยถึงเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้น ว่าอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงของการปวดเนื้อปวดตัว คันคอ แสบคอ ไอ และไข้สูงขนาดนี้...ซึ่งมันทำให้ผมได้ทบทวนเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้ง และค้นพบว่า

   สาเหตุมันมาจากคนคนเดียวเลย...... ไอ้กร

   “ถ้ายังไงพอพวกฟ่างเฟินมาแล้ว (หมายถึงทั้งห้าคนเลยครับ แต่เรียกย่อๆ ว่า ฟ่างเฟิน) ก็อย่าไปเล่านะ.. พวกนั้นยิ่งเข้าใจอะไรผิดง่ายๆ อยู่... ทำใจให้สบาย แล้วนอนพักซะนะ ถึงเวลากินยาแล้วเดี๋ยวพี่จะขึ้นมาปลุก”

   “ขอบคุณครับพี่ก้อย ตั้งใจทำงานนะครับ”

   พี่ก้อยก็ส่งยิ้มมาหนึ่งครั้ง ก่อนจะคว้าเสื้อกาวน์คุณหมอเดินออกไปนอกห้อง ทิ้งให้ผมพักผ่อนอยู่ในห้องตามลำพัง



   “ไอ้แก๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง” (พี่อ้อย)

   “อุ๊บสสสสสศ์!!!!!!!!!!!!!”

   เขามีแต่สำนวนที่ว่า ‘ยกภูเขาออกจากอก’... แต่นี่มัน ‘มีเอเวอร์เรสสองลูกมาทับทั้งตัวกูเลย’ ใครกันว่ะ!??

   “ไอ้พี่อ้อย!!”

   มากันแล้วเรอะ! กลุ่มสาวงามระดับพริตตี้ ดีกรีนางงามเวทีการประกวดตามรายการต่างๆ พร้อมกับความสามารถทางดนตรีที่ทำให้มารวมตัวกันกับผม เกิดเป็นวงดนตรีที่ดังที่สุดในร้านเหล้า พวกพี่ฟ่าง พี่เฟิน พี่เอิน พี่อ้อย และพี่อิ๋งอิ๋ง

   “แก๊งน้อยยยยย ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้เนี่ยยย ดูสิ!?? สภาพโทรมสุดๆ” (พี่เฟิน)

   เสียงพี่เฟินที่นั่งอยู่ปลายเตียง ผมมองกวาดสายตาขึ้นไปก็เห็นพี่ฟ่างนอนอยู่ข้างๆ พี่เอินนั่งอยู่ข้างเตียง กับพี่อิ๋งๆ ที่เดินไปจัดของอะไรสักอย่างบนโต๊ะในห้องนอน

   “โห พี่เฟิน อ่ะแค่กๆๆ ก็น้องไม่สบายอ่ะ ให้ทำไง”

   “ใช่เฟิน! คนป่วยแต่ยังดูดี กรีดตาหนา ขนตาปลอม มีที่ไหน!? นอกจากนางเอกช่องเจ็ด! (55555) อ่ะนี่จ๊ะแก๊ง พี่ก้อยบอกว่าแก๊งถึงเวลากินข้าวกินยาแล้ว รีบลุกขึ้นมากินเร็ว.. แต่แกก็หลบสิอีอ้อย!! ไปทับน้องอย่างนั้นน้องจะได้ตายห่าเพราะหนองโพมึงพอดี” (พี่อิ๋งอิ๋ง)

   พี่อิ๋งๆ เดินมาพร้อมกับอาหารเที่ยง ยา และแก้วน้ำอุ่น ส่วนพี่อ้อยก็ลุกขึ้นและค่อยๆ พยุงผมให้ขึ้นมากิน

   “พี่ใจหายหมดเลยตอนรู้ว่าไม่สบาย กะจะโทรชวนไปกินเสต๊กก่อนออกไปซ้อมที่สตูฯ ซะหน่อย...” (พี่ฟ่าง)

   “ใช่ๆ พี่ก้อยโทรมาบอกพี่ ว่าเราไม่สบาย พี่กับพี่ฟ่างแทบไม่เชื่อว่าแก๊งจะเป็นไข้ตอนหน้าร้อนอย่างนี้” (พี่เอิน)

   “เค้าว่า... แค่กๆๆ มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่เป็นไข้หน้าร้อน น้องคงจะบ้าจริงๆ”

   “ใครว่าแกบ้า แก๊ง แกน่ะไม่ได้บ้าเลย.. เวลาคนจะป่วยน่ะมันต้องมีสาเหตุไม่ใช่เหรอ ช่วยเล่าให้พวกพี่ฟังหน่อยสิว่าทำไมแกถึงป่วยได้เนี่ย.. ตะกี๊พี่ถามพี่ก้อย พี่ก้อยก็บอกว่าแกเครียดเรื่องสอบมากเกินไป มันจริงใช่มะ??” (พี่เฟิน)

   ผมก็นึกถึงคำพูดของพี่ก้อย ที่พูดทิ้งไว้....เมื่อประมาณสองสามชั่วโมงที่แล้ว

   “ก็อย่างที่พี่ก้อยพูดนั่นล่ะพี่เฟิน แค่กๆๆ น้องเครียดสอบเกินไปจริงๆ คงไปทำลายสุขภาพจนน้องป่วยอย่างนี้”

   “โธ่แก๊ง น้องของพี่... หักโหมเกินไปแบบนี้อีกแล้ว พี่อุตส่าห์เตือนว่าอย่าหักโหม ก็เอาจนได้” (พี่เฟิน)

   “นั่นสิ! เครียดอะไรของมึง? เป็นเภสัชประสาอะไรว่ะ ปล่อยให้เครียดจนหวัดแดก” (พี่อ้อย)

   “ก็ใครมันจะไป แค่กๆๆ เหมือนพี่ล่ะครับ พี่อ้อยหนองโพ แค่กๆๆ ตะกี๊นี่เล่นซะเกือบหายใจไม่ออก”

   “แหม่ๆ พูดอย่างนี้นี่ อยากโดนอีกใช่มะ! ห๊ะ??” (พี่อ้อย)

   “พอเลยพอ.. อีอ้อย! เรามานี่มาเฝ้าไข้แก๊งนะไม่ใช่มาแกล้งเหมือนทุกครั้ง ทำตัวให้มันดีดีหน่อย” (พี่อิ๋งๆ)

   “จ๋าจ๊ะ คุณแม่หมอฟัน” (พี่อ้อย)

   “ขอบคุณ แค่กๆๆ มากๆ ที่มาเฝ้าไข้น้องนะครับ พี่พี่”

   “ไม่เป็นไรเลย พวกพี่เต็มใจ แถมคุยกันแล้วนะว่าจะมาอยู่ที่นี่ มาดูแลแก๊งจนกว่าแก๊งจะหายป่วย” (พี่เฟิน)

   “พวกพี่เลยขนเสื้อผ้ามาอยู่เป็นเพื่อนด้วย นี่ไง! เห็นป่าว?” (พี่ฟ่าง)

   พี่ฟ่างก็ชี้ไปที่กองกระเป๋ากะถุงพลาสติก ที่อยู่มุมห้องตรงข้างประตู

   “เดี๋ยวคืนนี้พี่ขอเช็ดตัวให้แก๊งนะ” (พี่เอิน)

   “เดี๋ยวพี่จะออกไปซื้อของที่เซเว่น อยากกินอะไรมั๊ย พี่เลี้ยง” (พี่เฟิน)

   “พี่ก็จะขอลงไปคุยเรื่องอาการของเรากับพี่ก้อยด้วย ถึงพี่จะเป็นแค่ทันตะ แต่แค่ไข้หวัดน่ะพี่ก็น่าจะช่วยได้” (พี่อิ๋งๆ)

   “อยากกินอะไรล่ะแก๊ง เดี๋ยวกูออกไปซื้อให้เลย เอาขนมไทย หรือสเต๊กที่แกชอบมั๊ย” (พี่อ้อย)

   “อีอ้อย! คนป่วยเค้ากินของแบบนั้นได้รึไง? อีปัญญาอ่อน! มึงอ่ะออกไปกะเฟินเลยถ้าอยากจะซื้อของกินให้น้อง แมร่ง แต่ละอย่าง เอาซะกูอยากป่วยแทน” (พี่อิ๋งๆ)

   “ขอบคุณ พี่พี่ มากเลยครับ แค่กๆๆ อยากร้องไห้จัง พี่พี่น่ารักมาก ไม่คิดว่าตัวเอง จะ.... เจอเรื่องแบบนี้”

   “อะไรแก๊ง? พวกกูเต็มใจนะเว้ย! มึงง่ะก็เหมือนน้องรักของพวกกูที่ไม่มีใครแทนได้เลยนะมึง” (พี่อ้อย)

   “ใช่แก๊ง พวกเราถ้าใครคนนึงป่วย ก็ต้องไปอยู่เฝ้าไข้ให้จนกว่าจะหาย มันก็เป็นอย่างนี้มาตลอดไม่ใช่เหรอ” (พี่เอิน)

   “แกก็อย่าคิดมากอะไรกะของแค่นี้สิแก๊ง พักผ่อนเหอะแก เดี๋ยวมันจะไม่หายนะ” (พี่อิ๋งๆ)

   “ระหว่างที่พวกพี่คนอื่นๆ เค้าออกไปซื้อของ เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อน” (พี่ฟ่าง)

   “แล้วแก๊งอยากกินอะไรก็บอกพวกพี่ได้ เดี๋ยวพวกพี่จะไปซื้อมาให้” (พี่เฟิน)

   “ขอบคุณครับ”

   น้ำตาผม มันไหล ไม่อยากให้เห็นเลยมุดเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มซะเลย...ไม่ใช่เพราะพิษไข้ หรือจากอาการป่วย
   ถึงมันจะดูวุ่นวายไปบ้าง แต่มันก็เป็นการป่วยที่คุ้มค่ามาก... ถึงมันจะทรมานเพราะอาการตามร่างกายต่างๆ แต่ในใจผมกลับแข็งแรง และอบอุ่นยิ่งกว่าทุกครั้งที่เคยรู้สึก

   ทั้งมุขตลกที่พี่อิ๋งๆ แสนเย็นชา จะชอบกัดพี่อ้อยที่ขี้ปากเสีย พี่เอินที่แสนใจดี พี่เฟินที่ชอบเป็นห่วงผมเหมือนพี่สาวแท้ๆ และพี่ฟ่างทอมบอยที่มีความเป็นผู้ใหญ่ พูดคุยได้เกือบทุกเรื่อง มันทำให้ผม ค่อยๆ หายจากอาการป่วยที่ผมไม่คิดว่า มันจะหายได้แบบปลิดทิ้ง ชนิดที่กลับมาเป็นปกติทั้งหมด ไม่ไอ ไม่เจ็บ ไม่เหลือความแสบคอ ไม่เหลือเสมหะ ไม่ปวดตามเนื้อตามตัวอะไรอีกเลย ภายในเวลาเพียงแค่.... 4 วัน...



   “เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะมารับไปซ้อมนะแก๊ง สักบ่ายสาม” (พี่เฟิน)

   “ขอบคุณมากนะครับพี่เฟิน พรุ่งนี้บ่ายสามเจอกันครับ”

   “อย่าลืมเอาโน๊ตเพลงมาด้วยนะย่ะ ยิ่งขี้ลืมๆ อยู่” (พี่อ้อย)

   “ก็อย่าลืมไปลดขนาดนมบ้างนะพี่อ้อย เดี๋ยวไหล่พี่มันจะใหญ่กว่าผม เพราะรับน้ำหนักเกิน”

   “นี่แกกัดชั้นเหรอ!??” (พี่อ้อย)

   “โอเคๆ อย่ากัดกัน... นมมึงก็ใหญ่จริงอีอ้อย ห้ามเถียง... พักผ่อนให้ดีๆ นะแก๊ง คืนนี้อ่ะ” (พี่อิ๋งๆ)

   “ครับพี่อิ๋งๆ พากันขับรถกลับดีดีนะคร้าบบ... พี่ฟ่าง อย่าพาพี่พี่ไปชนเสาไฟต้นไหนนะ”

   “ขนาดนี้ล่ะไอ้น้อง ไม่ต้องห่วง”

   แล้วประตูรถโตโยต้าอัลฟาดไฮบริด คันสีหมอก (TOYOTA ALPHARD HYBRID) ก็ปิดลง ขับถอยออกไปทางประตูรั้วหอผมอย่างชำนาญ ก่อนที่จะพุ่งตรงไปทางถนนใหญ่ให้ผมสบายใจได้ว่า พี่ฟ่างจะไม่ไปขับชนจริงๆ อย่างที่พูด

   ไม่ได้กลับหอตัวเองมา.. ถ้าให้นับจริงๆ ตั้งแต่วันที่พี่ก้อยมารับ จนถึงรวมวันนี้ด้วย ก็น่าจะ 5 วันพอดี กลับมาถึงตอนบ่ายสาม (นี่กูเป็นอะไรกะเวลานี้มากมั๊ยนี่) พร้อมสะพายกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ที่หลัง สองมือถือถุงของสดที่พี่พี่พาไปแวะซื้อที่ตลาดเมื่อตะกี๊ พะรุงพะรังเดินขึ้นมาที่หน้าห้องตัวเองแบบมีความสุข ล้วงเอากุญแจ..กำลังจะไขเข้าไปในห้อง

   “ตึงๆ แกร๊ก!!!!!!..................น้อง น้องแก๊ง”

   เสียงความรีบร้อนออกมาเปิดประตูของไอ้ห้อง 216... นี่ กูลืมไปเลยนะเนี่ยว่ามึงคือเพื่อนข้างห้องกู ไอ้ต้นเหตุของเรื่องอัปรีย์จัญไรทั้งหมดที่ผมไม่อยากจะเจอหน้าอีกเลย.... ไอ้พี่กร

   “นี่.. นี่น้องแก๊งยังไมได้ กลับบ้านเหรอครับ... ไปไหนมา.. ทำไม.. ของเต็มเลย”

   พี่กรในสภาพเสื้อก้ามกางเกงบ๊อกเซอร์ หัวยุ่งๆ หน้าดูเหมือนคนไม่ค่อยได้นอน ก็เดินเข้ามาหาผม แต่...

   “หยุด!!....”

   ผมชี้นิ้ว พูดด้วยเสียงแบบ รด. คำเดียว... มันก็หยุดตามที่พูด..

   “น้อง.. น้องแก๊งยังโกรธพี่อยู่เหรอครับ”

   “ไม่ใช่ธุระที่ต้องรับรู้... จบเรื่องวุ่นวายไว้แค่นี้เหอะครับพี่กร นี่คือความอดทนสุดท้ายแล้วที่น้องมี”

   “พี่ขอโทษครับ! แก๊ง วันนั้น.. พี่ไม่ได้จะทำให้เราไม่พอใจเลย พี่ชอบ..”

   “ขืนพี่พูดคำนั้นออกมา พูดอะไรออกมามากกว่านี้.. น้องจะฟ้องป้าอุไร รวมถึงเรื่องที่พี่ทำกับน้องด้วย”

   อย่าลืมนะ ว่ากูอยู่ที่นี่มาแล้วสี่ปี สนิทกับป้าอุไรและลุงคาร์ลเหมือนพ่อแม่กูอีกคน ถ้าลูกตัวเองโดนลวนลามจนต้องเข้าโรงพยาบาล อย่างน้อยๆ ก็โดนไล่ออกจากหอนั่นล่ะ

   “งั้น... พี่.. กลับเข้าห้องนะครับ”

   “เชิญ...”

   “แต่... พี่อยากบอกกับน้องแก๊ง ว่าพี่จริงจังนะครับ สี่วันที่น้องแก๊งหายไป พี่เครียดตลอดเลยว่า... น้องแก๊ง... จะเป็นยังไง พี่เห็นผู้หญิงมารับเราไปแล้วก็หายไปเลย พี่เป็นห่วง...นะครับ”

   ผมปล่อยให้พี่แกพูดไป จนจบ... พี่แกก็ค่อยหันหลังกลับไปทางห้องตัวเอง

   ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ... ให้ผมมองแผ่นหลังของพี่กร สะท้อนออกมาเป็นภาพตอนที่พี่แก กำลังตั้งใจทำน้ำอุ่นให้ผมกิน แล้วมันก็กลับมาเป็นมุมมองที่ชวนให้รู้สึก.. สงสาร.. เหมือนที่ไอ้พี่กรหัวยุ่งๆ.. เหมือนที่ไอ้พี่กรมันมีสภาพไม่ได้นอน

   มันเป็นเพราะ.....

   “ช่วยน้องเก็บของหน่อยครับ”

   ไอ้หมอมันก็ชะงัก หันหลังกลับมามอง

   “อะไร นะ ครับ??...”

   “เสื้อผ้าในกระเป๋าที่หลังน้องหนักมากเลย ไหนจะถุงพวกนี้อีก ช่วยน้องเก็บของหน่อยได้มั๊ยครับ.....พี่กร”

   “ทำ...ทำไม”

   “ไม่อยากช่วยก็ไม่เป็นไรนะครับ ถ้าคนบางคนจะผิดคำพูด ที่เคยบอกว่าใช้พี่เท่าไหร่ก็ได้ พี่เต็มใจ”

   ก็ไม่รู้ว่าพี่แกจะเข้าใจมั๊ย ว่าเรา...... ผมก็เปิดกุญแจห้องเข้าไปว่าจะขนของเองแล้วล่ะ

   “มาเลยครับ.. เดี๋ยวพี่ช่วย”

   “เฮ้ย!!!”

   คือ ตั้งแต่ตอนไหน.. แค่หันหน้ามาไขกุญแจแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้อง พี่แกก็เข้าชาร์จมาข้างๆ แล้วถือถุงพวกของสดหมดทุกถุง ไว้ที่มือหมดแล้ว

   “เร็วไปป่ะ”

   “สำหรับน้องแก๊ง พี่ถือว่าช้าครับ”

   “ไม่ต้องมาหยอดเลยไอ้หมอหน้ามึน ไปเลย เข้าไปเก็บข้างในเลย”

   “คร้าบบ”

   น้ำเสียงดูดีขึ้นเป็นกอง ผมก็อดยิ้มไม่ได้ว่าบางทีพี่กรก็มีมุมน่ารักเหมือนเด็กแบบนี้ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เข้าห้อง

   “เดี๋ยวก่อนครับน้องแก๊ง! พี่ขอล็อคห้องพี่ก่อน”

   พี่กรแกก็พรวดพราดออกมา วิ่งไปที่ห้องตัวเอง คว้ากุญแจ แล้วปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย ก่อนจะเข้ามาชาร์จตัวผมที่ยังอยู่หน้าห้องอีกรอบเพราะความอึ้ง ดึงกระเป๋าที่ผมสะพายหลังพาดบ่าอยู่ ยกข้ามไหล่เอาไปถือเฉยเลย

   “ป่ะครับ น้องแก๊ง เข้าห้องกัน”

   “นี่ใครเค้าบอกกันว่าจะให้พี่เข้ามาในห้องด้วย แค่ช่วยถือเข้ามาในห้องเฉยๆ นะ”

   “เอ้า ให้พี่ช่วยถือ ก็ต้องให้พี่ช่วยจัดของด้วยสิครับ มันเป็นมารยาทในการใช้งานนะครับ รู้มั๊ย”

   “มารยาทบ้านพี่ไม่ได้สอนเหรอครับว่าให้รู้จักทำตามแค่ที่สั่ง”

   “แต่บ้านพี่สอนมาครับ ว่า โดนใช้ก็ต้องเอาให้คุ้ม.. ป่ะครับ! เข้าห้องกัน”

   คือ... ตีเนียน ปีนเกลียว เข้าไปในห้อง เรียบร้อยเลย..

   สรุปแล้ว ที่กู ลืมว่ามึงคือสาเหตุอันอัปรีย์แห่งชีวิตกูทั้งปวง ยกโทษ และสงสารมึงเนี่ย มันช่วยสอนหรือสร้างประสบการณ์ในหัวมึงบ้างป่ะ แต่เฮ้อออ.. ต่อให้โลกนี้ดวงอาทิตย์ขึ้นที่ทิศตะวันตก สันดานมันคงไม่เปลี่ยนจริงๆ



   “ขอบคุณนะครับ ที่ยกโทษให้พี่”

   ระหว่างที่ผมกำลังจัดแยกของสดเข้าตู้เย็น และพี่กรก็อาสารื้อเสื้อผ้าที่อยู่ในกระเป๋าออกมาออกมาพับเก็บให้ คำพูดนี้ก็โผล่ขึ้นมาทำลายความเงียบในห้อง

   “น้องไม่ได้ยกโทษให้พี่สักหน่อย”

   “อ้าว... แล้วทำไม ถึงยอมให้พี่ช่วยถือของล่ะครับ”

   “เรื่องที่ผิดยังไงมันก็ผิด แต่พี่ก็ยังมีข้อดีไง.. น้องก็แค่... ไม่อยาก... ทำให้พี่เสียใจ”

   “พี่ขอกอดน้องแก๊งตอนนี้ได้มั๊ยครับ”

   สะดุ้ง!!! หยิบแตงกวาในถุงแล้วกลับหลังหัน ตั้งท่าขู่ที่ใช้แตงกวาแทนมีด (มันคงจะได้ผลแหละแก๊ง)

   “นี่ยังไม่สำนึกใช่มั๊ย!?? ออก...”

   “เดี๋ยวๆๆ พี่ขอโทษครับ พี่ขอโทษ.. ฟังพี่ก่อนนะครับแก๊ง คือ... พี่เป็นคนแบบนี้ พี่คิดอะไร พี่อยากทำอะไรพี่ทำเลย ซึ่งตอนนี้พี่คิดว่าอยากกอดน้องแก๊งจริงๆ แต่พี่รู้ว่าถ้าพี่ทำไปเลยมันก็จะเหมือนเมื่อคราวที่แล้ว พี่เลยพูดขอไป... แต่พี่ไม่ได้คิดทะลึ่งอะไรแบบนั้นเลยนะครับ พี่แค่.. อยากกอด แบบ ขอบคุณ แบบเพื่อนน่ะครับ”

   “หา????....”

   “แล้วก็พี่อยากอธิบายน้องแก๊ง ว่าที่พี่ทำไปเมื่อตอนนั้น คือ ตอนแรกพี่กะว่าจะแค่เช็ดตัวจริงๆ นะครับ แต่น้องแก๊งน่ารักเกินไป ทั้งขาว ตาหวานๆ ปากอิ่มๆ ตัวเล็กๆ ผอมๆ นุ่มๆ นิ่มๆ ไปหมดตอนเช็ดตัว มันเลยทำให้พี่อยากเข้าไปใกล้ๆ อยากรู้ว่าตรงคอ ตรงหลัง ตรงอกจะเป็นยังไง พอเข้าไปใกล้ๆ แล้วมันก็เหมือนจะอดไม่อยู่ เลยทำแบบนั้นไป มันเหมือนมีอะไรเข้ามาในหัวพี่ให้พี่เริ่มอยากจูบ อยากจับกด อยากกัดตรงคอ อยาก....”

   “STOPPPPPP!!..... ถ้าพูดไปมากกว่านี้ น้องไล่พี่ออกจากห้องจริงๆ ด้วย”

   ถึงกับต้องหลบหน้า.. อะไรวะ!! พูดเรื่องแบบนั้น ออกมา หน้าตาโครตจริงจัง.. มึงไม่ได้สกรีนคำพูดมึงเลยใช่มั๊ย!?.. 18+ สัส!!.. อยากให้กระทรวงวัฒนธรรมมามีประโยชน์ตอนนี้มาก.. กูอยากจะบ้าตาย..... ใจเต้นไม่เป็นจังหวะแล้วกู

   “แค่ตอนนี้ น้องแก๊งยกโทษให้พี่ แล้วไม่โกรธพี่ ให้พี่ได้มีโอกาสจีบน้องแก๊ง ได้มั๊ยครับ”

   ผมเงยหน้าขึ้นมามองไอ้หมอ คือ พี่แกก็เปลี่ยนจุดเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้เข้ามาใกล้มาก ห่างกันน่าจะสักสองไม้บรรทัดได้ แต่ประเด็นมันอยู่ที่.. “สีหน้า” ..สีหน้าของพี่กรที่ดูเหมือน.. จะอ้อน

   “พี่กร”

   ผมมองตา ไอ้คุณชาย ที่ตอนนี้ นั่งห่างกันสองไม้บรรทัด........

   แต่รู้สึกเหมือน อยู่ห่างกัน.... แค่ปลายจมูก


///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2014 23:11:52 โดย thaisiri »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
ให้รางวัล หมอหน้ามึน กับ หมอสุดตื้อ  ไปเลยครัชชชชช    อิๆ  สรรพนามที่เฮียแก๊งใช้นี่น่ารักอ่ะ!!! 

ออฟไลน์ daboo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 444
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ครับผม ตอนที่สามนี้ก็แก้ไขแล้วนะครับ

ถึงคุณ daboo นะครับ
คือ อ้างถึงเว็บไซด์นี้ประกอบนะครับ :: http://guru.sanook.com/8325/เช็ดตัวลดไข้-ใช้น้ำอุ่นหรือน้ำเย็น/
....เมื่อเป็นไข้ ตัวร้อน หลายๆ คน จะรีบหยิบยาลดไข้มารับประทาน แต่ถ้าตัวร้อนจนรู้สึกเพลียมากๆ แม้รับประทานยาไปแล้ว อาการที่เป็นดูจะยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ ก็คงต้องเพิ่มตัวช่วยอย่างการนำผ้าชุบน้ำอุณหภูมิปกติมาประคบลงบนหน้าผาก แล้วนอนพักผ่อน

ทว่ารู้สึกตัว ตื่นขึ้นมาอีก กลับพบว่าอาการไข้ยังมีอยู่ คงต้องเช็ดตัวลดไข้ช่วยอีกทางหนึ่ง แต่ดูเหมือนบางคนก็ใช้น้ำเย็น บางครั้งถึงกับเอาน้ำแข็งมาผสมใส่น้ำ ขณะที่บางคนกลับเลือกใช้น้ำอุ่น แล้วในความเป็นจริง น้ำเย็น หรือน้ำอุ่น กันแน่ ที่ใช้เช็ดตัวแล้วช่วยให้ไข้ลดได้

คำตอบของข้อข้องใจนี้ ก็คือ 'น้ำอุ่น'
เนื่องจากผ้าที่ชุบน้ำอุ่นแล้วบิดหมาดๆ นำมาเช็ดตามตัวให้ผิวหนังออกแดงๆ จะช่วยให้เหงื่อออก ถือเป็นการช่วยให้ร่างกายระบายความร้อนจากพิษไข้ออกมา ลดอุณหภูมิของร่างกายลงอย่างได้ผล

เหตุที่ไม่ควรใช้น้ำเย็นมาเช็ดตัว
เพราะน้ำเย็นจะยิ่งทำให้คนเป็นไข้ยิ่งรู้สึกหนาวสั่นกว่าเดิม แถมความเย็นจากน้ำ ยังทำให้กล้ามเนื้อและเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังหดเกร็ง ถือเป็นการเพิ่มการใช้พลังงาน ทำให้ความร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตาม เวลามีไข้ นอกจากการรับประทานยาลดไข้ ประคบผ้าชุบน้ำไว้ที่หน้าผาก เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นแล้ว ยังควรดื่มน้ำอุณหภูมิห้องให้มากๆ ก็ช่วยได้เช่นกัน....
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

และก็มีคำตอบจากรุ่นพี่สายแพทย์ด้วยนะครับ ว่าใช้น้ำอุ่นจะดีกว่า แต่พวกน้ำเย็นหรืออะไรก็ใช้ได้ แต่อย่าเย็นเกิน แค่พอให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ระบายความร้อนได้ดีขึ้น ซึ่งตัวเอกของเราก็ไข้สูงถึง 38.5 แสดงว่าระบบเผาพลาญกำลัง Overworking อย่างหนักเลย เพื่อเป็นการลดพลังงานก็อย่าให้ร่างกายได้กระตุ้นพลังงานเพิ่มอีก ผู้แต่งจึงบอกว่าเลือกให้ตัวเอกใช้น้ำอุ่นมาเช็ดตัวครับ

ส่วนคุณ Firebird นะครับ
ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำ :L1: :3123: จากใจของผู้แต่งและผมด้วยครับ
 
เพราะว่าบางครั้งคนแต่งเองก็อาจจะหลงๆ ลืมๆ หรือไม่หาข้อมูลก่อนแต่งนิยายให้ดี เพราะเรื่องแบบนี้เราต้องให้ความรู้กับคนอ่านด้วย เผื่อเค้าจะปรับและนำไปใช้

ซึ่งตอนนี้ผมก็รีเควสคนแต่งให้แก้ไขเนื้อเรื่องตอนที่สามใหม่แล้วนะครับ
และผมก็ตรวจทานเอามาลงใหม่แล้ว

เนื้อเรื่องถูกต้อง และดีขึ้นในระดับนึงแล้วนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับสำหรับคำแนะนำ  :pig4:

ส่วนตอนที่ 4 5 ตอนนี้มีปัญหาเกี่ยวกับไฟล์ตัวอักษรที่ส่งมาจากผู้แต่ง
ว่ามัน... เป็นภาษาต่างดาว ตอนนี้ผมเลยยังไม่ลงตอนที่ 4 ตอนที่ 5 ภายในคืนนี้ได้นะครับ
อยากจะลงเร็วๆ อยู่นะครับ

เป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วยนะคร้าบบบบ เพราะผมเองแค่คนที่เอามาลงเฉยๆ

ร่วมสร้างสรรค์นิยายเรื่องนี้ให้ดี และถูกต้อง ร่วมกันในสังคมชาวเล้าเป็ดด้วยกันนะครับ
ขอบคุณมากคร้าบบบบบบ  :pig4:


รับทราบครับผม

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
อ่านไปนั่งบิดไป แอร๊ย!!  :hao6:

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
บ๊ะ น้องน่ารักจัง

ออฟไลน์ mapreaw

  • เคยคิดว่า "รักแท้มีอยู่จริง"
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 615
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
อย่างน่ารัก o18

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
แหมๆๆ เนียนได้โล่จริงๆพี่หมอ
ชอบอ่ะ เวลาแก๊แทนตัวเองว่าน้อง

ออฟไลน์ NY_JK

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
พี่หมอรุกเร็วมาก อ่านไปเขินไป น่ารักดี  :-[

ออฟไลน์ krit24

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
คุณหมอเนียนเกินละ  :katai2-1:

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
รอตอนต่อไปนะครัช
เรื่องนี้สนุกครับผม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
พี่กรนี่กับคนป่วยก็ไม่เว้นเลยนะ

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
อร้ายยยยยย น้องแก๊งพี่กร น่ารักอ่า ชอบเวลาน้องแก๊งแทนตัวเองว่าน้อง ><

รอตอนต่อไปค่า

ออฟไลน์ Satanza321

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 671
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-3
ว่าที่หมอกร น่ารักอะ :m3: เนียนเวอร์ :laugh:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :hao7: เชียร์พี่กร
เอาให้อยู่หมัดนะพี่

ออฟไลน์ Cockroach

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
คุณพี่กรแอ๊ใช่ม้ายยย ฮี่ๆๆ  แต่พี่เล่นพูดออกมาซะหมดนี่หว่า :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ HalF_EighT

  • AWyZar GeRin : Arch Of Wizard GeRin
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
สำหรับตอนต่อไปนี้

มันคือความทรมานของคนตรวจทานเลยครับ  :m31:  :katai1:

เพราะมีทั้งเนื้อเรื่องหลักความยาวสุดๆ หนึ่งตอน
บวกกับเนื้อเรื่องพิเศษที่เป็นกิจกรรมของตัวเอกอีก

ดังนั้น ถ้าผมจะค่อยๆ ลง คงไม่ว่าอย่างไรชิมิครับ
ขอค่อยๆ ลง นะคร้าบบบบบบ มันเยอะจริงๆ

ออฟไลน์ HalF_EighT

  • AWyZar GeRin : Arch Of Wizard GeRin
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ตอนที่ 5 เอาเป็นว่า [+ บทพิเศษ] PART 1

   “น้องแก๊ง ว่ายังไงครับ?... พี่รอฟังคำตอบอยู่นะ”

   ผม ตัดสินใจลุกขึ้น เดินไปหาพี่กร แล้วหยิบมือพี่เค้ามาหนึ่งข้าง

   “มานี่สิครับ”

   ยกพี่เค้าขึ้นมาจากที่นั่งพื้น ให้มานั่งข้างๆ ผมบนเตียง.. และยังจับมือพี่เค้าไว้อย่างนั้น

   “คือน้อง อยากให้พี่กร ตัดใจนะครับ”

   “ว่าไงนะครับ!? หรือว่า น้องแก๊งมีแฟนแล้ว? แต่น้องแก๊งบอกกับพี่คราวที่แล้วว่าไม่มี...”

   “เดี๋ยวสิครับพี่กร! น้องไม่มีแฟนหรอกครับ”

   “แล้วทำไม? บอกให้พี่ตัดใจ”

   “คือว่า.. พี่กร น้องไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีอะไรกับใคร และไม่ใครรักใครมาก่อน พอจะเข้าใจมั๊ยครับ?”

   พี่กรก็จ้องตาผมไม่กระพริบ ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมา รู้ความหมายเลยว่า ไม่เข้าใจ

   “คือ.. น้องไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง น้องกลัว น้องกลัวที่น้องจะโดนหลอก เพราะน้องเป็นเกย์ ความรักจริงมันหายาก พี่ๆ เพื่อนๆ ที่น้องรู้จักว่าเป็นเกย์หรือสาวประเภทสองต่างก็เคยมาปรึกษากับน้องตอนถูกทิ้ง และบอกน้องเสมอว่าของพวกนี้มันไม่มีจริงหรอกถ้าไม่โชคดีจริงๆ มีแต่เค้าจะมาหลอกเอาเงิน มาหลอกให้เลี้ยง มาหลอกให้อยากแล้วจากไป ไม่จริงใจ ไม่มีเราแค่คนเดียว เล่นๆ หัวๆ แค่ของน่าลองคั่นเวลา.. มันเลยทำให้น้องกลัว ไม่กล้าที่จะรักใครเลย
   ไม่ใช่น้องไม่อยากมีแฟน แต่น้องไม่อยากถูกหลอก ไม่อยากเสียใจ และไม่อยากแขวนชีวิตตัวเองไว้กับรักแท้ที่หาได้ยากในหมู่เกย์ แถมตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมา น้องก็ไม่มีใครเข้ามาจีบสักคน ไม่รู้เป็นอะไร สงสัยน้องคงไม่มีเสน่ห์ หรือว่าน้องมันคงไม่ถูกชะตาพวกเกย์ๆ น้องก็เลยตัดใจว่ายังไงน้องก็คงไม่มีแฟน ก็เลยอยากให้พี่กรตัดใจ ยังไงน้องก็คง..”

   “นี่ไม่รู้ตัวเลยเหรอ? ว่าแก๊งเป็นคนไม่เปิดโอกาสให้กับคนอื่น และกับตัวเองแบบนี้”

   ผมมองหน้าพี่กรกลับ พี่เค้ากำมือผมแน่น สีหน้าเหมือนไม่พอใจจนคิ้วจะม้วนเป็นโบว์หูกระต่าย

   “น้องแก๊งกลัวโดนหลอก แถมคิดว่าตัวเองไม่มีเสน่ห์ ก็เลยปฏิเสธพี่ บอกให้พี่ตัดใจ!? พี่บอกได้เลยว่าไอ้ที่น้องแก๊งกลัวน่ะมันไม่ใช่เลย อย่างน้อยพี่ก็รับประกันได้ว่าพี่ไม่มาหลอก.. ตอนนี้แก๊งยังไม่รู้ว่าพี่พูดจริงรึปล่าว แต่ถ้าแก๊งเปิดโอกาสให้พี่ได้เข้ามาในชีวิต เข้ามาจีบ เข้ามาดูแลเรา พี่สัญญาเลยว่าจะไม่ทำตัวแบบนั้นกับแก๊งเด็ดขาด”

   “พี่กร?”

   “และก็! ไม่รู้ตัวเลยใช่มั๊ยว่าตัวเองน่ารักแค่ไหน แต่เพราะเราน่ะจะชอบ... ช่างเหอะ!! ให้พี่เล่าคงยาวว.. แต่ทั้งหมดมันคือเหตุผลให้พี่ตัดใจงั้นเหรอ? มันไม่ใช่นะแก๊ง!..  ถึงแก๊งจะไม่ยอม ยังไงพี่ก็จะตื้ออยู่อย่างนี้แหละ พี่ไม่ฟังหรอกครับกับเหตุผลแค่นั้น ถ้าแก๊งพูดอย่างนี้.. พี่ก็จะฟังแต่ความคิดของพี่เท่านั้นว่าอยากทำอะไร จะไม่ขอแก๊งสักคำเลย พี่บอกไว้ก่อน”

   “พี่กร อันนั้นมัน เข้าข่ายขู่บังคับแล้วนะ”

   พี่เค้าก็เขยิบเข้ามาทำท่าจะกอด แต่ผม ตอนแรกก็ผงะไปด้านหลังนิดหน่อย ค่อยปล่อยให้ไอ้หมอเข้ามากอดผม

   “ก็แก๊งดื้ออ่ะ แก๊งไม่ยอมฟังพี่เลย แค่จะบอกว่าพี่รู้สึกดีขนาดไหนที่แก๊งให้พี่ยอมอยู่ข้างๆ ยังทำไม่ได้เลย”

   ไม่รู้ว่า ผมคิดไปเอง หรือเพราะอยู่ในกอดของพี่กร ผมรู้สึกว่าหน้าอกตัวเองไม่ได้มีจังหวะเต้นแค่จังหวะเดียว มันมีอีกหนึ่งจังหวะที่แรงกว่า เร็วกว่า และอบอุ่นมากๆ ส่งผ่านเข้ามา.. จนผม ยกแขนขึ้นมากอดพี่กรกลับเหมือนกัน

   “ถ้าพี่กรพูดอย่างนี้ น้องก็ ยอมครับ”

   “อะไรนะครับ!?... ตะกี๊แก๊งพูดว่า ยอม เหรอ?”

   ไอ้หมอถึงกับคลายกอดมามองหน้าผม

   “น้องพูดว่าน้องยอมให้พี่กรจีบน้องได้ แต่แค่จีบนะครับ น้องยังไม่ลืมที่พี่ทำอะไรไว้นะ ถ้าทำอีก โดน!!”

   “น้องแก๊ง................. ตอนนี้พี่อยากจูบแก๊งมากเลย”

   “ปล่อยน้องเลยถ้าคิดยังงี้! ปล่อยเลยย!!”

   “ไม่ปล่อย! และพี่ก็ไม่ทำหรอกครับ พี่แค่บอกว่าอยากจูบ พี่รู้ดีว่ายังไงแก๊งก็ไม่ยอมหรอก”

   แล้วก็เข้ามาซุกในอก ส่ายหัวตัวเองไปมาขยี้กับหน้าอกผมจนจั๊กจี๊

   “พี่กร ไม่เอา มันจั๊กจี๊”

   “จูบไม่ได้ ก็ขอทำแบบนี้ล่ะกัน”

   พอฟังพี่แกพูดไป ผมก็จับหัวพี่เค้าที่เข้ามาซุกตรงอก มองด้วยอารมณ์ที่.. คิดว่า...ไอ้หมอหน้ามึนนี่น้า...

   “พี่กร เงยหน้ามาหน่อยครับ”

   พี่เค้าก็เงยหน้าขึ้นมา.. ผมก็ก้ม.. จุ๊บที่กลางหน้าผากพี่เค้าเบาๆ หนึ่งที แล้วมองหน้า.. เหมือนจะอึ้งๆ

   “น้องจูบแล้วนะพี่กร ทีนี้ก็ปล่อยน้องได้แล้วนะครับ น้องจะได้เก็บของต่อซะที”

   “________________________________________________________________ ขี้โกง!!”

   “ขี้โกงอะไรครับ? พี่ต่างหากที่ขี้โกง น้องทำให้ขนาดนี้แล้วยังไม่ปล่อยน้องอีก”

   “ถ้าพี่เป็นแฟนเราได้เมื่อไหร่นะแก๊ง เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย พี่ไม่เอาเราไว้แน่ๆ!!”

   แล้วมันก็ปล่อยผม ลุกขึ้นไปนั่งหันหลังใส่! กลับไปพับเสื้อผ้าให้เหมือนเดิม

   คือ... งง!?? กูทำผิดอะไร มาบอกว่าไม่เอาผมไว้แน่ๆ แล้วอย่างนี้ ผมจะกล้าเหรอ พี่กรก็ขู่ซะแบบนี้ เอาเรางงเลย



   “แก๊งคร้าบบบบบ”

   ผมที่จัดห้องเสร็จแล้ว ก็กำลังแพ๊คพวกชีทเรียนกับหนังสือของเทอมนี้มารวมๆ กัน เพื่อที่จะเอาไปทิ้ง เพราะยังไงถึงจะขนของพวกนี้เอาไปให้รุ่นน้อง น้องก็ได้ของใหม่อยู่ดี สู้เอาไปชั่งโลขายแล้วได้ตังค์จะดีกว่า

   แต่ประเด็นมันอยู่ที่ ไอ้หมอจอมตื้อมันยังไม่กลับห้องของตัวเองครับ มันยังนั่งช่วยผมแพ๊คหนังสืออยู่ข้างๆ พร้อมกับส่งเสียงปัญญาอ่อนเรียกชื่อผมยาวๆ แบบเมื่อกี๊ ทำลายบรรยากาศดีดีหายไปหม๊ดเลย

   “อะไรครับพี่กร?”

   “พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันครับ พี่เลี้ยง”

   “พรุ่งนี้ไมได้ครับพี่กร น้องมีนัดแล้ว”

   “นัด!?? นัดอะไร!? กับใคร!? ที่ไหน!? ยังไง!? บอกพี่มานะครับ บอกให้หมด!!”

   “ใจเย็นๆ ก่อนครับไอ้คุณชาย นัดที่ว่าน่ะกับพี่พี่ในวงดนตรีครับ ตอนบ่ายสาม ที่สตูดิโอแถวก่อนถึงห้าง__ พอดีน้องต้องไปซ้อมร้องเพลง กะว่าคืนนี้จะพักผ่อนให้เต็มที่แล้วตื่นขึ้นมาวอร์มเสียง ปริ้นพวกโน้ตเพลง ซ้อมร้องสักหน่อย ก่อนอาบน้ำแต่งตัว จะได้ออกไปตอนบ่ายสามพอดีครับ เลยไปกับพี่ไม่ได้จริงๆ เข้าใจรึยัง?”

   “แล้ว พี่พี่ในวงที่ว่า มีผู้ชายรึปล่าวครับ”

   “ไม่มีครับ มีแต่ผู้หญิง... อะไรเนี่ยพี่กร!?? ไม่ทันจะได้เป็นแฟน แค่อยู่ในขั้นจีบ หวงน้องซะละ”

   “ไม่หวงได้ไงล่ะ ว่าที่แฟนตัวเอง... งั้นพรุ่งนี้พี่ไปด้วยนะครับแก๊ง”

   “หา!???... ไปทำไม มีแต่ผู้หญิง... น้องคนเดียวเป็นผู้ชาย พี่จะอายซะเปล่า แถมถ้าพี่ไป น้องก็ไม่กล้าร้องอีกอ่ะ”

   “พี่ไม่สนหรอกครับแค่มีแต่ผู้หญิง แล้วแก๊งไม่กล้าร้องอะไรล่ะครับ พี่ก็อยากฟังเสียงแก๊งบ้างนะ”

   “พี่กรไม่รู้หรอก ว่าน้องร้องเพลงสองเสียง”

   “หา!???... จริงเหรอครับ สองเสียง สองเสียงยังไง”

   “ก็เสียงนึงเป็นเสียงผู้ชายปกติครับ แต่อีกเสียงนึงก็ผู้หญิงๆ คีย์สูงๆ เลย”

   “เฮ้ย!! อยากฟัง”

   “ไม่เอาอ่ะ! อาย กลัวตลกน้องด้วย ใครจะกล้า ไม่ต้องไปหรอกครับพี่กร ถือซะว่าน้องขอร้อง”

   พี่กรก็ขยับเข้ามา.. กอด.. อีกล่ะ!... กูรู้เลยว่าถ้าพี่กรเข้ามากอดแบบนี้ มึงต้องอย่าใจอ่อนเด็ดขาด ไอ้แก๊ง

   “น๊า น๊า น๊า... อยากฟัง อยากไปด้วย น๊า เค๊าจาเป็นเด็กดี เค๊าจาไม่เกเร จาพาไปด้วย แก๊งพาพี่ไปหน่อยน๊า..”

   “คิดว่าแอ๊บแบ๊วแล้วน้องจะยอมเหรอ”

   “ปิ๊ง ๆ ๆ ๆ (เสียงพี่แกพูดพร้อมทำหน้ากัดปาดอ้อนวอน ตาโตๆ กระพริบๆ....)”

   “ซ้อมร้องเพลงของน้อง มันไม่ใช่ซ้อมร้องเพลงธรรมดาๆ นะ ทั้งซ้อมโหด ซ้อมหนัก และมันก็ต้องใช้เวลาตั้งแต่บ่ายสามจนเกือบจะถึงเที่ยงคืนเลยล่ะ จะทนไหวเร้อออ”

   “ถ้าอย่างนั้นก็ดีสิครับ พี่จะได้ดูแลเราด้วยไง จะออกไปซื้อข้าวเย็นให้กิน แถมไปรับไปส่งด้วย.. พี่มีรถใหญ่นะ”

   “ไอ้เรื่องรถน่ะไม่ต้องห่วงครับ เค้ามีรถตู้มารับกันไปเป็นกลุ่มอยู่แล้ว.. แถมรถใหญ่น้องเองก็มีเหอะ แค่จอดทิ้งไว้ตรงลานจอดรถข้างล่างเฉยๆ ไม่เอามาขับ”

   เพราะการสัญจรที่ดีที่สุดในมหาลัยนี้คือ ‘มอเตอร์ไซค์’ แต่พ่อผมก็ถอยรถใหญ่ออกมา เผื่อเรื่องฉุกเฉินที่ผมจะต้องออกไปนอกมหาลัยเช่นเข้าไปในเมืองหรือทำงาน ซึ่งโอกาสแบบนั้นก็มีบ่อยครั้ง แค่ช่วงหลังๆ มานี่ไม่ค่อยได้ขับเฉยๆ ครับ

   “ง่ะ! เห็นแต่แก๊งขับมอไซค์อ่า... แต่ยังไงก็ให้พี่ไปด้วยนะครับ นะ นะ นะ”

   “ก็ถ้าให้พี่ไปด้วย น้องก็ไปรถตู้กับพวกพี่พี่ในวงไม่ได้สิ”

   “ก็ให้พี่ไปส่งไง เอารถพี่ไปนะ รถแก๊งจอดไว้นี่แหละ”

   “พี่กร ไม่ต้องไปหรอกนะ น้องก็อายเป็นเหมือนกันนะครับ”

   “จะอายอะไรล่ะครับแก๊ง.. ถ้าแก๊งไม่ยอมให้พี่ไปนะ พี่จะกอดแก๊งอยู่อย่างเนี่ยล่ะ จนกว่าจะยอม”

   แล้วกูจะปฏิเสธยังไงล่ะทีนี้ แมร่ง ไม่ยอมอย่างเดียว.. ต้องใช้ไม้แข็ง.. ดึงขนแขนไอ้หมอซะเลย

   “โอ้ย! แก๊ง! ทำอะไรพี่เนี่ย?”

   ถึงกับสะดุ้ง แต่.. โอ้ยยย บ้านมึงเป็นญาติกับงูรึไงเนี่ยยยย รัดแขนแน่นกว่าเดิมอีก..

    “โอ้ยพี่กร! ยอมล่ะยอม! พี่กร ยอมแล้ว ยอมแล้วคร้าบบบ...เฮ้ออ งั้นก็เอาโทรศัพท์น้องมาให้หน่อยครับ”

   “จริงเหรอครับ ให้พี่ไปด้วยได้แล้วนะ”

   “ก็ปล่อยน้องก่อน แล้วเอาโทรศัพท์น้องมาให้หน่อยครับ น้องจะโทรไปบอกพี่เค้าว่าน้องจะไปเอง ไม่ต้องมารับ”

   พี่กรก็ปล่อยผม แค่ข้างเดียว (เจริญญญ) แขนอีกข้างยังกอดผมไว้ และเอื้อมไปเอาโทรศัพท์มาให้ผม

   “จะปล่อยดีดีน่ะได้มั๊ย?”

   “โทรศัพท์ครับที่รัก”

   หน้าตามึงนี่.. อยากจะเอาเหล็กมาเฉาะฟันขาวๆ ให้ยิ้มไม่ได้อีกตลอดชีวิต! เฮ้ออ.. ผมก็รับโทรศัพท์จากมือพี่เค้ามา

   “ฮัลโหล พี่ฟ่างเหรอครับ คือพรุ่งนี้น้อง....”



   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก...”

   ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร บ่ายสองครึ่งแบบเป๊ะๆ จะตรงเวลาไปมั๊ยว่ะ

   “แกร๊ก... ครับพี่กร?”

   “เสร็จแล้วใช่มั๊ยครับ ป่ะครับ ไปกัน”

   “เอิ่มมมม คือออออ พี่กรมีไปไหนต่อเหรอครับ?”

   ใครก็ได้ช่วยวิจารณ์ไอ้หมอในชุดเสื้อเชิ๊ตสีดำลายตัดขาวแบบโมเดิร์น ติดกระดุมไม่ครบทุกเม็ดเห็นเสื้อก้ามสีเทาเว้าคอขาวๆ กับกางเกงยีนต์กระบอกสีดำแดงกับรองเท้าผ้าใบสีน้ำตาล ในผมจัดทรงพระเอกเกาหลี คือ หุ่นมึงก็แน่นอยู่แล้วนะ พอแต่งตัวแบบนี้แล้ว คือ.. กับน้องที่ใส่แค่เสื้อยืดคอวีสีดำกะกางเกงวอร์มและรองเท้าผ้าใบสีขาวแบบนี้.. คือ..

   กูจะกล้าเดินข้างๆ มึงเหรอออ

   “ไม่ได้ไปไหนครับ พี่ก็แค่อยากหล่อให้สมกับแก๊ง มาครับกระเป๋า เดี๋ยวพี่สะพายให้”

   “ตกลงนี่จะส่งแค่น้องไปซ้อม แต่แต่งตัวแบบนี้ นี่พี่กะจะแต่งตัวไปให้สาวๆ ในวงน้องกรี๊ดรึไง...”

   ไอ้หมอมันก็ยิ้ม แล้วคว้ากระเป๋าผมไปจากมือ แถมยื่นอีกมือมาดึงผมเข้าไปกอดไหล่

   “หึงเหรอครับที่รัก? ไม่ต้องกลัวครับ พี่มีเราแค่คนเดียว ป่ะครับ ไปกัน...”

   “ไม่ได้หึง!.. แล้วก็ไม่ต้องกอดก็ได้ครับ ปล่อย!!”

   ไอ้หน้ามึนมันก็ไม่สนหรอกว่าผมจะพยายามเขี่ยมือมันออกจากไหล่แค่ไหน มันก็เดินโอบไหล่ผมอย่างนั้น



   จนมาถึงที่หมาย เป็นห้องสตูดิโอผสมครับ กว้างมาก มีผนังสองด้านติดกระจกและเครื่องดนตรี ใช้ซ้อมร้อง หรือซ้อมเต้นก็ได้..ผมเปิดเข้าไปในห้อง ก็เห็นพี่พี่กำลังตั้งเครื่องเสียง เครื่องดนตรี วอร์มเสียง ไม่ก็ยืดเส้นยืดสายกับราวบัลเล่ต์อยู่

   “สวัสดีครับพี่พี่ มากันก่อนเลย”

   “อ้าวแก๊ง! มาแล้วเหรอ วอร์มเสียงมาก่อนรึยัง? ถ้ายังก็.........ใคร????????????????” (พี่เฟิน)

   รู้เลยว่าสายตาทุกคนมองไปทางไหน เพราะพยายามบอกแล้วว่าไม่ต้องเข้ามาด้วย มันก็ยังด้านนนนนนนน

   “เอ่อ พี่พี่ทุกคนครับ นี่พี่กร... พี่ที่ข้างห้องผม เค้าบอกว่าอยากมาด้วยน่ะครับ”

   “สวัสดีครับ กรครับ ว่าที่แฟนน้องแก๊ง”

   เชรี่ยมึง!! เสนอมาก!! ผมยังไม่ทันได้ชักสีหน้าใส่กับคำพูดเมื่อตะกี๊

   “ว่าที่แฟนน!!!” (พี่อ้อย พี่อิ๋งๆ ถึงสอนคนนี้จะไม่ค่อยถูกกัน แต่เวลาแบบนี้จะประสานเสียงกันดีมาก)

   “เป็นเกย์เหรอเนี่ย หน้าตาดีมาก!” (พี่เอิน นี่พี่ถึงกับอึ้งเลยเหรอนี่)

   “เดี๋ยวๆ!! กร!! ใช่กรเดือนคณะแพทย์ปีเราใช่มั๊ยอิ๋งๆ” (พี่อ้อย)

   “เออสิ!!” (พี่อิ๋งๆ)

   ห๊ะ!?? เดือน.. เดือนคณะแพทย์ ผมหันไปมอง.. ไอ้หมอมันก็ยิ้มแฉ่งกลับมาสู้หน้าผม

   “นี่แก.. แกมีแฟนทำไมไม่บอกพวกพี่สักคำล่ะแก๊ง” (พี่ฟ่าง)

   “เดี๋ยวๆ!! ฟังก่อนครับพี่พี่ น้องแค่รู้จักพี่เค้าเมื่อสองวันก่อนที่น้องจะป่วยครับ ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน”

   “แต่แกก็ไม่เล่าให้พี่ฟังเลยนะ ว่า... กรเดือนคณะแพทย์ อยู่ข้างห้องแก” (พี่อิ๋งๆ)

   “คือ ผมแค่รู้ว่าชื่อพี่กร เรียนคณะแพทย์ ส่วนเรื่องอื่นๆ (แล้วก็มองหน้าไอ้หมอมัน)... ผมก็เพิ่งรู้”

   “แล้วทำไมตอนแก๊งป่วย แก๊งไม่เล่าเรื่องพี่กรให้พวกพี่เลยล่ะ เห็นคุยไม่หยุด แต่ไม่มีเรื่องนี้เลย” (พี่เฟิน)

   คือ... ให้ทำไงล่ะ... ตอนที่ผมป่วยอยู่ พี่ก้อยก็ห้ามผมไม่ให้บอกเรื่องพี่กรกับทุกคน ผมเลย ไม่หลุดปากเรื่องนี้ออกมาแม้แต่นิดเดียวเลยตอนพักอยู่ที่ห้องพี่ก้อย

   “น้อง น้องคิดว่า.. พวกพี่พี่คงไม่รู้จัก น้องพูดไปคงเท่านั้นน่ะครับ เลยไม่เล่า แฮะๆๆ”

   “แปลกนะแก๊ง ปกติแกเวลาอยู่กับพี่พี่ อะไรนิดหน่อยก็เล่าแท้ๆ” (พี่อิ๋งๆ)

   “อ่าครับ แหะๆ!..”

   ไปต่อไม่เป็นแล้วกู อุตส่าห์บอกแล้วว่าอย่าเข้ามา สุดท้ายก็ต้องวุ่นวายแบบนี้ล่ะ

   “เอาเหอะๆ มันสายแล้วล่ะทุกคน รีบซ้อมกันได้แล้ว เรามีงานแสดงในอีกไม่กี่วันแต่เพลงยากนะทุกคน” (พี่ฟ่าง)

   “โอเคๆ แก๊ง! มาเอาโน๊ตตรงนี้เร็ว...” (พี่เฟิน)

   “ครับผม!!”

   ผมรีบไปทิ้งกระเป๋าตรงเก้าอี้ข้างลำโพง ควานหาโน๊ตเพลงจนเจอ แล้วกะจะวิ่งไปตามที่เรียก แต่.. มือ.. พี่กร

   “พี่กรรอตรงนี้นะครับ เดี๋ยวถ้าพักแล้วน้องจะค่อยเข้ามาหานะครับ”

   “ตั้งใจซ้อมนะครับ”

   คือ..ไม่อยากมีปัญหา...ค่อยๆ ปล่อยมือพี่กร แล้วก็รีบวิ่งไปหาพี่พี่ตามเสียงเรียก

   
**_บทพิเศษที่ 1 :: My long Forgotten Cloistered Sleep & อย่าโทรมาหา_**

   “มาแล้วครับพี่พี่!”

   “อ่ะนี่โน๊ตของเธอ แก๊ง” (พี่เฟิน)

   ผมก็รับกระดาษมา แต่ในมือผมก็ถือมาเหมือนกัน คือ..อะไร?..ยังไง?.. ผมก็ก้มลงอ่านโน๊ตที่พี่เฟินส่งมาให้

   “เดี๋ยวนะครับ? ไหนเมื่อคืนพี่ฟ่างส่งเพลง Maybe Tomorrow มาให้.. แต่ทำไมมันเป็น My long Forgotten Cloistered Sleep ไปได้ล่ะครับ”

   ถึงจะเป็นของนักร้องคนเดียวกันก็เหอะ แต่ระดับการร้องมัน มันคนละอย่างกันเลยนะ

   “คือเมื่อวานตอนดึกๆ พี่ได้รับงานมาใหม่.. สัปดาห์หน้าเราจะมีงานแสดงร้องเพลงที่โรงแรม____ต้อนรับการประชุมอะไรสักอย่างนี่ล่ะ แล้วเจ้าของงานเค้าเคยเห็นคลิปที่เราร้องเพลงนี้ในงานศพคาทอลิกเมื่อปีที่แล้ว เค้าอยากได้เพลงนี้ เลยติดต่องานมาเมื่อคืน วันนี้ก็เลยจะซ้อมเพลงนี้กัน ไม่ใช่ Maybe Tomorrow แล้วล่ะครับ” (พี่ฟ่าง)

   “สรุปง่ายๆ คือเรามีงาน วันนี้ก็ต้องซ้อมร้องเพลงนี้ใช่มะ พรุ่งนี้ค่อยมาซ้อมเต้นใช่ป่ะ” (พี่อิ๋งๆ)

   “ถะ ถะ ผิดนะคร้าบบบ!!! ไม่ถึงกับไม่ได้ซ้อมเต้นหรอก วันนี้ก็ซ้อมเหมือนเดิมนั่นล่ะ” (พี่ฟ่าง)

   “เพลงนี้นี่ คนร้องนำในกลุ่มเรามีแค่ เฟิน กะแก๊ง เท่านั้นใช่มะ” (พี่เอิน)

   “อืม เพราะสองคนนี้เป็นเสียงโซปราโน่ แก๊งร้องเสียงผู้หญิงนะ ขึ้นต้นด้วย” (พี่ฟ่าง)

   “อ้าวพี่ฟ่าง ให้คนอื่นขึ้นต้นก็ได้นี่ครับ แถมไม่ต้องถึงกับโซปราโน่ก็ได้นี่ ลดโน๊ตลงมาก็ได้”

   “คือเจ้าของเค้าอยากได้เหมือนที่เราร้องในคลิปงานศพเลยน่ะแก๊ง บับว่า (แบบว่า) อิ๋งๆ เล่นอิเล็กโทน เอินสีไวโอลินตอนโซโล่ เธอกับเฟินร้องนำ ค่อยให้ที่เหลือตามทีหลัง” (พี่ฟ่าง)

   “เอิ่มม ฟายมากกกก ขอบคุณนะ ลูกค้าผู้น่ารัก งานหนักกูเลยนะนี่”

   ผมก็เอาโน๊ตไปติดกับขาตั้งที่วางโน๊ต ก้มมองดูเนื้อหา แบบว่า.. อย่างต่ำก็ Alto ล่ะว้าเพราะเป็นเพลงผู้หญิง แต่ทำไมมันมีแต่กุญแจโดเกี่ยวเส้น Mezzo-Soprano กับ Soprano ทั้งนั้นเลยว่ะ โดยเฉพาะท่อนสุดท้าย..

   “ร้องใส่ไมค์นะทุกคน หยิบไมค์ไวไฟมาใส่กันรึยัง?” (พี่ฟ่าง)

   อ้าว! ร้องใส่ไมค์เหรอ? เออ.. พี่พี่เค้าใส่กันหมดแล้วเหลือแต่กู รีบไปเอาไมค์มาใส่เลยครับ

   “พร้อมนะทุกคน!” (พี่ฟ่าง)

   “แก๊ง เล่นอะไรอยู่!??” (พี่เฟิน)

   ผมรีบเอาไมค์มาใส่ เปิดเครื่อง พูดทดสอบใส่ไมค์เลย

   “โอเคแล้วครับ” (ออกไมค์อย่างดัง)

   “โอเค... เริ่ม!!” (พี่ฟ่าง) (http://www.youtube.com/watch?v=FbGKf6RhE58)

   แล้วดนตรีก็ขึ้นต้นด้วยเสียงให้จังหวะสามครั้ง ก่อนที่จะบรรเลงไปพร้อมกับอิเล็กโทนของพี่อิ๋งๆ

..........(ดนตรี)...........
(แก๊งเสียงผู้หญิง ขึ้น “Alto”)
In my long forgotten cloistered sleep, (ในการหลับใหลอันร่มรื่นที่ยาวนานของฉัน)
You and I were resting close in peace. (เราสองคนต่างใกล้ชิดกันในความสุขนั้น)
Was it just the dreaming of my heart? (แต่มันกลับเป็นเพียงฝันในใจฉันได้อย่างไร)
Now I'm crying, don't know why (แล้วทำไม ฉันต้องร้องไห้อย่างนี้ เพราะอะไร)

(แก๊ง,เฟิน ขึ้น “Alto”, (Chorus ฟ่าง))
Where do all the tears come from? (to my eyes) (น้ำตาทุกหยดหลั่งไหลมาจากที่ใด (สู่ดวงตาของฉัน))
Could no one ever dry up this spring? (คงไม่มีใครทำให้ชีวิตฉันมีความหวังใดใด)
If you find me crying in the dark, (หากคุณเห็นฉันร้องไห้ท่ามกลางความมืดมิดที่ไร้แสงไฟ)
Please call my name from the heart. (โปรดเรียกฉัน เรียกชื่อฉันออกมาจากใจ ได้โปรด)

..(ดนตรี)..
(แก๊ง,เฟิน ขึ้น (Mezzo-Soprano) อ้อย,ฟ่าง ขึ้น (Alto), (Chorus ฟ่าง))
Sing with me a tiny autumn song, (ร่วมร้องเพลงเล็กๆ แห่งฤดูใบไม้ร่วงกันกับฉัน)
with the melodies of the days gone by. (ด้วยท่วงทำนอง แห่งคืนวันที่ล่วงเลยผ่านไป)
Dress my body all in flowers white, (แต่งเติมร่างกายของฉันทั้งหมดด้วยดอกไม้สีขาวน้อยใหญ่)
So no mortal eye can see. (จึงไม่มีดวงตาใครคนไหน มองเห็นฉันเลย)

Where have all my memories gone? (and lost) (ความทรงจำทั้งหมดของฉัน (หาย) ไปอยู่ที่ใด)
Should I roam again up yonder hill? (ฉันควรจะเดินเตร่ไปยังเนินเขาแห่งนั้นอีกครั้ง หรือไม่)
I can never rest my soul until (ฉันไม่เคยพักผ่อนจิตวิญญาณของฉันได้สักครั้ง จนกระทั่ง)
You call my name, you call my name from the heart. (คุณเรียกชื่อฉัน คุณเรียกชื่อของชั้นออกมา จากหัวใจ)

.....(ดนตรีห้องแรก (อิเล็กโทน Solo พี่อิ๋งๆ)).....

   ระหว่างที่ดนตรีกำลังบรรเลงไปเรื่อยๆ ผมก็ปิดไมค์ แล้วเหลือบไปมองพี่กร เห็นทำท่าตบมือ ยกนิ้วโป้ง ขยับปากบอกกับผมว่าเยี่ยมมาก... ผมก็สบตาไม่นานอ่ะ หันกลับมาทางเดิม

   “มองใครอยู่ค่ะน้อง?” (พี่อ้อย ปิดไมค์แล้ว)

   “ป่าววว”

   “ฮั่นแน่ๆ บอกไม่ได้เป็นแฟนกันนะ” (พี่อ้อย)

   “อย่าแกล้งน้องง!!”

   “เสียงดังไปแล้วแก๊ง เข้าไมค์พี่แล้วเนี่ย” (พี่เฟิน ปิดไมค์ก่อนแล้วค่อยว่าผม)

   “ก็พี่อ้อยแกล้งอ่ะพี่เฟิน”

   “แกก็แซวน้องจังอ้อย ไม่แซวมันจะตายมั๊ย” (พี่ฟ่าง ปิดไมค์ก่อนแล้วค่อยว่าให้พี่อ้อยเหมือนกัน)

   “ก็น้องมันมองไปที่ใครล่ะ ไม่มีสมาธิร้องเพลงดีดีรึยังไง”

..........(ดนตรีเบาเข้าห้องที่สอง (ไวโอลิน Solo พี่เอิน), (พี่อิ๋งๆ อิเล็กโทนประกอบ))..........

   “น้องไม่ได้ร้องเพลงไปด้วยแล้วมองพี่กรไปด้วยสักหน่อย”

   “ตะกี๊ก็เห็นๆ กันอยู่” (พี่อ้อย)

   “พอพอ ทั้งสองคน เตรียมตัวได้แล้ว ดนตรีไวโอลินโซโล่แล้วนะมึง” (พี่ฟ่าง)

   ผมก็เงียบ เปิดไมค์ ก้มหน้ามองโน๊ตที่อยู่ตรงขาตั้งก่อนที่พี่พี่คนอื่นๆ ก็จะทำเหมือนผม เตรียมพร้อมเข้าสู่การร้องท่อนสุดท้าย ซึ่งมันจะขนลุกมาก ถ้าให้เอาตามที่เหมือนในวิดีโองานศพนั้น... เพราะว่า

(ดนตรีหยุด)
(อิเล็กโทนขึ้นเสียงกลอง ดนตรีเริ่ม!)
(แก๊ง,เฟิน “Soprano” อ้อย,ฟ่าง “Alto” เอิน,อิ๋งๆ เล่นไปด้วยร้องไปด้วย “Mezzo-Soprano”, (Chorus ฟ่าง))
(แก๊งขึ้น) La! LaLaLa LaLaaa LaLa
(เฟินเสริม) LaLaLa LaLaLa LaLaLaaa LaLa
(แก๊ง เฟิน อ้อย ฟ่าง) La! LaLaLa LaLaaa LaLa
(ทุกคน) Laaa La! LaLaLa LaLaLaaa LaLa
La! La!! LaLaLaLaLaa La Laa
LaLaLa LaLaLa LaLaaa LaLa (LaLaLa)
La! La!! LaLaLaLaLaa La Laa
LaLaLa LaLaLa LaLaaa LaLaLa LaLaaaa
In my long forgotten cloistered sleep, (ในการหลับใหลอันร่มรื่นที่ยาวนานของฉัน)
Someone kissed me whispering words of love. (มีบางคนจุมพิตฉันและกระซิบรักจากหัวใจ)
Is it just a longing of my heart? (มันแค่ความปราถนาที่เกิดขึ้นภายในใจฉันหรือไม่)
Such a moment of such peace. (ช่างเป็นความสุขที่เกินบรรยาย)

Where do all the tears come from? (to my eyes) (น้ำตาทุกหยดหลั่งไหลมาจากที่ใด (สู่ดวงตาของฉัน))
With no memories why should I cry? (ไร้ซึ่งความทรงจำ แต่ทำไมฉันถึงร้องไห้)
I can never rest my soul until you call my name, (ฉันไม่เคยพักผ่อนจิตวิญญาณของฉันได้สักครั้ง จนกระทั่ง คุณเรียกชื่อฉัน)
You call my name, you call my name. (คุณเรียกชื่อของฉัน คุณเรียกชื่อเพียงหนึ่งเดียวของฉัน)
Call my soul from the heart...........(แก๊ง ลากเสียงยาว) (เรียกจิตวิญญาณของฉันออกมา จากหัวใจ)
(ฟ่าง เฟิน เอิน อ้อย อิ๋งๆ) Laaaa Laaaa Laaaa! Laaaaaa LaLa
La! LaLaLa LaLaLaa LaLa!
(แก๊งลากเสียงยาวจบ) (ทุกคน) Laaaa Laaaa Laaaa! Laaaaaa LaLa
La! LaLaLa LaLaLaa LaLa!

.................(ดนตรีเล่นจนจบเพลง)..............
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-03-2014 19:19:03 โดย thaisiri »

ออฟไลน์ BaZkon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
นี่แค่เปิดโอกาสให้จีบนะเนี่ย
แต่ทำไมเหมือนคบกันแล้ว คริคริ

ออฟไลน์ TrebleBass

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
พี่หมอกร สกิลมุ้งมิ้งสุดชีวิตเลยนะนั้น

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด