ตอนที่ 5 เอาเป็นว่า [+ บทพิเศษ] PART 1 “น้องแก๊ง ว่ายังไงครับ?... พี่รอฟังคำตอบอยู่นะ”
ผม ตัดสินใจลุกขึ้น เดินไปหาพี่กร แล้วหยิบมือพี่เค้ามาหนึ่งข้าง
“มานี่สิครับ”
ยกพี่เค้าขึ้นมาจากที่นั่งพื้น ให้มานั่งข้างๆ ผมบนเตียง.. และยังจับมือพี่เค้าไว้อย่างนั้น
“คือน้อง อยากให้พี่กร ตัดใจนะครับ”
“ว่าไงนะครับ!? หรือว่า น้องแก๊งมีแฟนแล้ว? แต่น้องแก๊งบอกกับพี่คราวที่แล้วว่าไม่มี...”
“เดี๋ยวสิครับพี่กร! น้องไม่มีแฟนหรอกครับ”
“แล้วทำไม? บอกให้พี่ตัดใจ”
“คือว่า.. พี่กร น้องไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีอะไรกับใคร และไม่ใครรักใครมาก่อน พอจะเข้าใจมั๊ยครับ?”
พี่กรก็จ้องตาผมไม่กระพริบ ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมา รู้ความหมายเลยว่า ไม่เข้าใจ
“คือ.. น้องไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง น้องกลัว น้องกลัวที่น้องจะโดนหลอก เพราะน้องเป็นเกย์ ความรักจริงมันหายาก พี่ๆ เพื่อนๆ ที่น้องรู้จักว่าเป็นเกย์หรือสาวประเภทสองต่างก็เคยมาปรึกษากับน้องตอนถูกทิ้ง และบอกน้องเสมอว่าของพวกนี้มันไม่มีจริงหรอกถ้าไม่โชคดีจริงๆ มีแต่เค้าจะมาหลอกเอาเงิน มาหลอกให้เลี้ยง มาหลอกให้อยากแล้วจากไป ไม่จริงใจ ไม่มีเราแค่คนเดียว เล่นๆ หัวๆ แค่ของน่าลองคั่นเวลา.. มันเลยทำให้น้องกลัว ไม่กล้าที่จะรักใครเลย
ไม่ใช่น้องไม่อยากมีแฟน แต่น้องไม่อยากถูกหลอก ไม่อยากเสียใจ และไม่อยากแขวนชีวิตตัวเองไว้กับรักแท้ที่หาได้ยากในหมู่เกย์ แถมตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมา น้องก็ไม่มีใครเข้ามาจีบสักคน ไม่รู้เป็นอะไร สงสัยน้องคงไม่มีเสน่ห์ หรือว่าน้องมันคงไม่ถูกชะตาพวกเกย์ๆ น้องก็เลยตัดใจว่ายังไงน้องก็คงไม่มีแฟน ก็เลยอยากให้พี่กรตัดใจ ยังไงน้องก็คง..”
“นี่ไม่รู้ตัวเลยเหรอ? ว่าแก๊งเป็นคนไม่เปิดโอกาสให้กับคนอื่น และกับตัวเองแบบนี้”
ผมมองหน้าพี่กรกลับ พี่เค้ากำมือผมแน่น สีหน้าเหมือนไม่พอใจจนคิ้วจะม้วนเป็นโบว์หูกระต่าย
“น้องแก๊งกลัวโดนหลอก แถมคิดว่าตัวเองไม่มีเสน่ห์ ก็เลยปฏิเสธพี่ บอกให้พี่ตัดใจ!? พี่บอกได้เลยว่าไอ้ที่น้องแก๊งกลัวน่ะมันไม่ใช่เลย อย่างน้อยพี่ก็รับประกันได้ว่าพี่ไม่มาหลอก.. ตอนนี้แก๊งยังไม่รู้ว่าพี่พูดจริงรึปล่าว แต่ถ้าแก๊งเปิดโอกาสให้พี่ได้เข้ามาในชีวิต เข้ามาจีบ เข้ามาดูแลเรา พี่สัญญาเลยว่าจะไม่ทำตัวแบบนั้นกับแก๊งเด็ดขาด”
“พี่กร?”
“และก็! ไม่รู้ตัวเลยใช่มั๊ยว่าตัวเองน่ารักแค่ไหน แต่เพราะเราน่ะจะชอบ... ช่างเหอะ!! ให้พี่เล่าคงยาวว.. แต่ทั้งหมดมันคือเหตุผลให้พี่ตัดใจงั้นเหรอ? มันไม่ใช่นะแก๊ง!.. ถึงแก๊งจะไม่ยอม ยังไงพี่ก็จะตื้ออยู่อย่างนี้แหละ พี่ไม่ฟังหรอกครับกับเหตุผลแค่นั้น ถ้าแก๊งพูดอย่างนี้.. พี่ก็จะฟังแต่ความคิดของพี่เท่านั้นว่าอยากทำอะไร จะไม่ขอแก๊งสักคำเลย พี่บอกไว้ก่อน”
“พี่กร อันนั้นมัน เข้าข่ายขู่บังคับแล้วนะ”
พี่เค้าก็เขยิบเข้ามาทำท่าจะกอด แต่ผม ตอนแรกก็ผงะไปด้านหลังนิดหน่อย ค่อยปล่อยให้ไอ้หมอเข้ามากอดผม
“ก็แก๊งดื้ออ่ะ แก๊งไม่ยอมฟังพี่เลย แค่จะบอกว่าพี่รู้สึกดีขนาดไหนที่แก๊งให้พี่ยอมอยู่ข้างๆ ยังทำไม่ได้เลย”
ไม่รู้ว่า ผมคิดไปเอง หรือเพราะอยู่ในกอดของพี่กร ผมรู้สึกว่าหน้าอกตัวเองไม่ได้มีจังหวะเต้นแค่จังหวะเดียว มันมีอีกหนึ่งจังหวะที่แรงกว่า เร็วกว่า และอบอุ่นมากๆ ส่งผ่านเข้ามา.. จนผม ยกแขนขึ้นมากอดพี่กรกลับเหมือนกัน
“ถ้าพี่กรพูดอย่างนี้ น้องก็ ยอมครับ”
“อะไรนะครับ!?... ตะกี๊แก๊งพูดว่า ยอม เหรอ?”
ไอ้หมอถึงกับคลายกอดมามองหน้าผม
“น้องพูดว่าน้องยอมให้พี่กรจีบน้องได้ แต่แค่จีบนะครับ น้องยังไม่ลืมที่พี่ทำอะไรไว้นะ ถ้าทำอีก โดน!!”
“น้องแก๊ง................. ตอนนี้พี่อยากจูบแก๊งมากเลย”
“ปล่อยน้องเลยถ้าคิดยังงี้! ปล่อยเลยย!!”
“ไม่ปล่อย! และพี่ก็ไม่ทำหรอกครับ พี่แค่บอกว่าอยากจูบ พี่รู้ดีว่ายังไงแก๊งก็ไม่ยอมหรอก”
แล้วก็เข้ามาซุกในอก ส่ายหัวตัวเองไปมาขยี้กับหน้าอกผมจนจั๊กจี๊
“พี่กร ไม่เอา มันจั๊กจี๊”
“จูบไม่ได้ ก็ขอทำแบบนี้ล่ะกัน”
พอฟังพี่แกพูดไป ผมก็จับหัวพี่เค้าที่เข้ามาซุกตรงอก มองด้วยอารมณ์ที่.. คิดว่า...ไอ้หมอหน้ามึนนี่น้า...
“พี่กร เงยหน้ามาหน่อยครับ”
พี่เค้าก็เงยหน้าขึ้นมา.. ผมก็ก้ม.. จุ๊บที่กลางหน้าผากพี่เค้าเบาๆ หนึ่งที แล้วมองหน้า.. เหมือนจะอึ้งๆ
“น้องจูบแล้วนะพี่กร ทีนี้ก็ปล่อยน้องได้แล้วนะครับ น้องจะได้เก็บของต่อซะที”
“________________________________________________________________ ขี้โกง!!”
“ขี้โกงอะไรครับ? พี่ต่างหากที่ขี้โกง น้องทำให้ขนาดนี้แล้วยังไม่ปล่อยน้องอีก”
“ถ้าพี่เป็นแฟนเราได้เมื่อไหร่นะแก๊ง เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย พี่ไม่เอาเราไว้แน่ๆ!!”
แล้วมันก็ปล่อยผม ลุกขึ้นไปนั่งหันหลังใส่! กลับไปพับเสื้อผ้าให้เหมือนเดิม
คือ... งง!?? กูทำผิดอะไร มาบอกว่าไม่เอาผมไว้แน่ๆ แล้วอย่างนี้ ผมจะกล้าเหรอ พี่กรก็ขู่ซะแบบนี้ เอาเรางงเลย
“แก๊งคร้าบบบบบ”
ผมที่จัดห้องเสร็จแล้ว ก็กำลังแพ๊คพวกชีทเรียนกับหนังสือของเทอมนี้มารวมๆ กัน เพื่อที่จะเอาไปทิ้ง เพราะยังไงถึงจะขนของพวกนี้เอาไปให้รุ่นน้อง น้องก็ได้ของใหม่อยู่ดี สู้เอาไปชั่งโลขายแล้วได้ตังค์จะดีกว่า
แต่ประเด็นมันอยู่ที่ ไอ้หมอจอมตื้อมันยังไม่กลับห้องของตัวเองครับ มันยังนั่งช่วยผมแพ๊คหนังสืออยู่ข้างๆ พร้อมกับส่งเสียงปัญญาอ่อนเรียกชื่อผมยาวๆ แบบเมื่อกี๊ ทำลายบรรยากาศดีดีหายไปหม๊ดเลย
“อะไรครับพี่กร?”
“พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันครับ พี่เลี้ยง”
“พรุ่งนี้ไมได้ครับพี่กร น้องมีนัดแล้ว”
“นัด!?? นัดอะไร!? กับใคร!? ที่ไหน!? ยังไง!? บอกพี่มานะครับ บอกให้หมด!!”
“ใจเย็นๆ ก่อนครับไอ้คุณชาย นัดที่ว่าน่ะกับพี่พี่ในวงดนตรีครับ ตอนบ่ายสาม ที่สตูดิโอแถวก่อนถึงห้าง__ พอดีน้องต้องไปซ้อมร้องเพลง กะว่าคืนนี้จะพักผ่อนให้เต็มที่แล้วตื่นขึ้นมาวอร์มเสียง ปริ้นพวกโน้ตเพลง ซ้อมร้องสักหน่อย ก่อนอาบน้ำแต่งตัว จะได้ออกไปตอนบ่ายสามพอดีครับ เลยไปกับพี่ไม่ได้จริงๆ เข้าใจรึยัง?”
“แล้ว พี่พี่ในวงที่ว่า มีผู้ชายรึปล่าวครับ”
“ไม่มีครับ มีแต่ผู้หญิง... อะไรเนี่ยพี่กร!?? ไม่ทันจะได้เป็นแฟน แค่อยู่ในขั้นจีบ หวงน้องซะละ”
“ไม่หวงได้ไงล่ะ ว่าที่แฟนตัวเอง... งั้นพรุ่งนี้พี่ไปด้วยนะครับแก๊ง”
“หา!???... ไปทำไม มีแต่ผู้หญิง... น้องคนเดียวเป็นผู้ชาย พี่จะอายซะเปล่า แถมถ้าพี่ไป น้องก็ไม่กล้าร้องอีกอ่ะ”
“พี่ไม่สนหรอกครับแค่มีแต่ผู้หญิง แล้วแก๊งไม่กล้าร้องอะไรล่ะครับ พี่ก็อยากฟังเสียงแก๊งบ้างนะ”
“พี่กรไม่รู้หรอก ว่าน้องร้องเพลงสองเสียง”
“หา!???... จริงเหรอครับ สองเสียง สองเสียงยังไง”
“ก็เสียงนึงเป็นเสียงผู้ชายปกติครับ แต่อีกเสียงนึงก็ผู้หญิงๆ คีย์สูงๆ เลย”
“เฮ้ย!! อยากฟัง”
“ไม่เอาอ่ะ! อาย กลัวตลกน้องด้วย ใครจะกล้า ไม่ต้องไปหรอกครับพี่กร ถือซะว่าน้องขอร้อง”
พี่กรก็ขยับเข้ามา.. กอด.. อีกล่ะ!... กูรู้เลยว่าถ้าพี่กรเข้ามากอดแบบนี้ มึงต้องอย่าใจอ่อนเด็ดขาด ไอ้แก๊ง
“น๊า น๊า น๊า... อยากฟัง อยากไปด้วย น๊า เค๊าจาเป็นเด็กดี เค๊าจาไม่เกเร จาพาไปด้วย แก๊งพาพี่ไปหน่อยน๊า..”
“คิดว่าแอ๊บแบ๊วแล้วน้องจะยอมเหรอ”
“ปิ๊ง ๆ ๆ ๆ (เสียงพี่แกพูดพร้อมทำหน้ากัดปาดอ้อนวอน ตาโตๆ กระพริบๆ....)”
“ซ้อมร้องเพลงของน้อง มันไม่ใช่ซ้อมร้องเพลงธรรมดาๆ นะ ทั้งซ้อมโหด ซ้อมหนัก และมันก็ต้องใช้เวลาตั้งแต่บ่ายสามจนเกือบจะถึงเที่ยงคืนเลยล่ะ จะทนไหวเร้อออ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีสิครับ พี่จะได้ดูแลเราด้วยไง จะออกไปซื้อข้าวเย็นให้กิน แถมไปรับไปส่งด้วย.. พี่มีรถใหญ่นะ”
“ไอ้เรื่องรถน่ะไม่ต้องห่วงครับ เค้ามีรถตู้มารับกันไปเป็นกลุ่มอยู่แล้ว.. แถมรถใหญ่น้องเองก็มีเหอะ แค่จอดทิ้งไว้ตรงลานจอดรถข้างล่างเฉยๆ ไม่เอามาขับ”
เพราะการสัญจรที่ดีที่สุดในมหาลัยนี้คือ ‘มอเตอร์ไซค์’ แต่พ่อผมก็ถอยรถใหญ่ออกมา เผื่อเรื่องฉุกเฉินที่ผมจะต้องออกไปนอกมหาลัยเช่นเข้าไปในเมืองหรือทำงาน ซึ่งโอกาสแบบนั้นก็มีบ่อยครั้ง แค่ช่วงหลังๆ มานี่ไม่ค่อยได้ขับเฉยๆ ครับ
“ง่ะ! เห็นแต่แก๊งขับมอไซค์อ่า... แต่ยังไงก็ให้พี่ไปด้วยนะครับ นะ นะ นะ”
“ก็ถ้าให้พี่ไปด้วย น้องก็ไปรถตู้กับพวกพี่พี่ในวงไม่ได้สิ”
“ก็ให้พี่ไปส่งไง เอารถพี่ไปนะ รถแก๊งจอดไว้นี่แหละ”
“พี่กร ไม่ต้องไปหรอกนะ น้องก็อายเป็นเหมือนกันนะครับ”
“จะอายอะไรล่ะครับแก๊ง.. ถ้าแก๊งไม่ยอมให้พี่ไปนะ พี่จะกอดแก๊งอยู่อย่างเนี่ยล่ะ จนกว่าจะยอม”
แล้วกูจะปฏิเสธยังไงล่ะทีนี้ แมร่ง ไม่ยอมอย่างเดียว.. ต้องใช้ไม้แข็ง.. ดึงขนแขนไอ้หมอซะเลย
“โอ้ย! แก๊ง! ทำอะไรพี่เนี่ย?”
ถึงกับสะดุ้ง แต่.. โอ้ยยย บ้านมึงเป็นญาติกับงูรึไงเนี่ยยยย รัดแขนแน่นกว่าเดิมอีก..
“โอ้ยพี่กร! ยอมล่ะยอม! พี่กร ยอมแล้ว ยอมแล้วคร้าบบบ...เฮ้ออ งั้นก็เอาโทรศัพท์น้องมาให้หน่อยครับ”
“จริงเหรอครับ ให้พี่ไปด้วยได้แล้วนะ”
“ก็ปล่อยน้องก่อน แล้วเอาโทรศัพท์น้องมาให้หน่อยครับ น้องจะโทรไปบอกพี่เค้าว่าน้องจะไปเอง ไม่ต้องมารับ”
พี่กรก็ปล่อยผม แค่ข้างเดียว (เจริญญญ) แขนอีกข้างยังกอดผมไว้ และเอื้อมไปเอาโทรศัพท์มาให้ผม
“จะปล่อยดีดีน่ะได้มั๊ย?”
“โทรศัพท์ครับที่รัก”
หน้าตามึงนี่.. อยากจะเอาเหล็กมาเฉาะฟันขาวๆ ให้ยิ้มไม่ได้อีกตลอดชีวิต! เฮ้ออ.. ผมก็รับโทรศัพท์จากมือพี่เค้ามา
“ฮัลโหล พี่ฟ่างเหรอครับ คือพรุ่งนี้น้อง....”
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก...”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร บ่ายสองครึ่งแบบเป๊ะๆ จะตรงเวลาไปมั๊ยว่ะ
“แกร๊ก... ครับพี่กร?”
“เสร็จแล้วใช่มั๊ยครับ ป่ะครับ ไปกัน”
“เอิ่มมมม คือออออ พี่กรมีไปไหนต่อเหรอครับ?”
ใครก็ได้ช่วยวิจารณ์ไอ้หมอในชุดเสื้อเชิ๊ตสีดำลายตัดขาวแบบโมเดิร์น ติดกระดุมไม่ครบทุกเม็ดเห็นเสื้อก้ามสีเทาเว้าคอขาวๆ กับกางเกงยีนต์กระบอกสีดำแดงกับรองเท้าผ้าใบสีน้ำตาล ในผมจัดทรงพระเอกเกาหลี คือ หุ่นมึงก็แน่นอยู่แล้วนะ พอแต่งตัวแบบนี้แล้ว คือ.. กับน้องที่ใส่แค่เสื้อยืดคอวีสีดำกะกางเกงวอร์มและรองเท้าผ้าใบสีขาวแบบนี้.. คือ..
กูจะกล้าเดินข้างๆ มึงเหรอออ
“ไม่ได้ไปไหนครับ พี่ก็แค่อยากหล่อให้สมกับแก๊ง มาครับกระเป๋า เดี๋ยวพี่สะพายให้”
“ตกลงนี่จะส่งแค่น้องไปซ้อม แต่แต่งตัวแบบนี้ นี่พี่กะจะแต่งตัวไปให้สาวๆ ในวงน้องกรี๊ดรึไง...”
ไอ้หมอมันก็ยิ้ม แล้วคว้ากระเป๋าผมไปจากมือ แถมยื่นอีกมือมาดึงผมเข้าไปกอดไหล่
“หึงเหรอครับที่รัก? ไม่ต้องกลัวครับ พี่มีเราแค่คนเดียว ป่ะครับ ไปกัน...”
“ไม่ได้หึง!.. แล้วก็ไม่ต้องกอดก็ได้ครับ ปล่อย!!”
ไอ้หน้ามึนมันก็ไม่สนหรอกว่าผมจะพยายามเขี่ยมือมันออกจากไหล่แค่ไหน มันก็เดินโอบไหล่ผมอย่างนั้น
จนมาถึงที่หมาย เป็นห้องสตูดิโอผสมครับ กว้างมาก มีผนังสองด้านติดกระจกและเครื่องดนตรี ใช้ซ้อมร้อง หรือซ้อมเต้นก็ได้..ผมเปิดเข้าไปในห้อง ก็เห็นพี่พี่กำลังตั้งเครื่องเสียง เครื่องดนตรี วอร์มเสียง ไม่ก็ยืดเส้นยืดสายกับราวบัลเล่ต์อยู่
“สวัสดีครับพี่พี่ มากันก่อนเลย”
“อ้าวแก๊ง! มาแล้วเหรอ วอร์มเสียงมาก่อนรึยัง? ถ้ายังก็.........ใคร????????????????” (พี่เฟิน)
รู้เลยว่าสายตาทุกคนมองไปทางไหน เพราะพยายามบอกแล้วว่าไม่ต้องเข้ามาด้วย มันก็ยังด้านนนนนนนน
“เอ่อ พี่พี่ทุกคนครับ นี่พี่กร... พี่ที่ข้างห้องผม เค้าบอกว่าอยากมาด้วยน่ะครับ”
“สวัสดีครับ กรครับ ว่าที่แฟนน้องแก๊ง”
เชรี่ยมึง!! เสนอมาก!! ผมยังไม่ทันได้ชักสีหน้าใส่กับคำพูดเมื่อตะกี๊
“ว่าที่แฟนน!!!” (พี่อ้อย พี่อิ๋งๆ ถึงสอนคนนี้จะไม่ค่อยถูกกัน แต่เวลาแบบนี้จะประสานเสียงกันดีมาก)
“เป็นเกย์เหรอเนี่ย หน้าตาดีมาก!” (พี่เอิน นี่พี่ถึงกับอึ้งเลยเหรอนี่)
“เดี๋ยวๆ!! กร!! ใช่กรเดือนคณะแพทย์ปีเราใช่มั๊ยอิ๋งๆ” (พี่อ้อย)
“เออสิ!!” (พี่อิ๋งๆ)
ห๊ะ!?? เดือน.. เดือนคณะแพทย์ ผมหันไปมอง.. ไอ้หมอมันก็ยิ้มแฉ่งกลับมาสู้หน้าผม
“นี่แก.. แกมีแฟนทำไมไม่บอกพวกพี่สักคำล่ะแก๊ง” (พี่ฟ่าง)
“เดี๋ยวๆ!! ฟังก่อนครับพี่พี่ น้องแค่รู้จักพี่เค้าเมื่อสองวันก่อนที่น้องจะป่วยครับ ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน”
“แต่แกก็ไม่เล่าให้พี่ฟังเลยนะ ว่า... กรเดือนคณะแพทย์ อยู่ข้างห้องแก” (พี่อิ๋งๆ)
“คือ ผมแค่รู้ว่าชื่อพี่กร เรียนคณะแพทย์ ส่วนเรื่องอื่นๆ (แล้วก็มองหน้าไอ้หมอมัน)... ผมก็เพิ่งรู้”
“แล้วทำไมตอนแก๊งป่วย แก๊งไม่เล่าเรื่องพี่กรให้พวกพี่เลยล่ะ เห็นคุยไม่หยุด แต่ไม่มีเรื่องนี้เลย” (พี่เฟิน)
คือ... ให้ทำไงล่ะ... ตอนที่ผมป่วยอยู่ พี่ก้อยก็ห้ามผมไม่ให้บอกเรื่องพี่กรกับทุกคน ผมเลย ไม่หลุดปากเรื่องนี้ออกมาแม้แต่นิดเดียวเลยตอนพักอยู่ที่ห้องพี่ก้อย
“น้อง น้องคิดว่า.. พวกพี่พี่คงไม่รู้จัก น้องพูดไปคงเท่านั้นน่ะครับ เลยไม่เล่า แฮะๆๆ”
“แปลกนะแก๊ง ปกติแกเวลาอยู่กับพี่พี่ อะไรนิดหน่อยก็เล่าแท้ๆ” (พี่อิ๋งๆ)
“อ่าครับ แหะๆ!..”
ไปต่อไม่เป็นแล้วกู อุตส่าห์บอกแล้วว่าอย่าเข้ามา สุดท้ายก็ต้องวุ่นวายแบบนี้ล่ะ
“เอาเหอะๆ มันสายแล้วล่ะทุกคน รีบซ้อมกันได้แล้ว เรามีงานแสดงในอีกไม่กี่วันแต่เพลงยากนะทุกคน” (พี่ฟ่าง)
“โอเคๆ แก๊ง! มาเอาโน๊ตตรงนี้เร็ว...” (พี่เฟิน)
“ครับผม!!”
ผมรีบไปทิ้งกระเป๋าตรงเก้าอี้ข้างลำโพง ควานหาโน๊ตเพลงจนเจอ แล้วกะจะวิ่งไปตามที่เรียก แต่.. มือ.. พี่กร
“พี่กรรอตรงนี้นะครับ เดี๋ยวถ้าพักแล้วน้องจะค่อยเข้ามาหานะครับ”
“ตั้งใจซ้อมนะครับ”
คือ..ไม่อยากมีปัญหา...ค่อยๆ ปล่อยมือพี่กร แล้วก็รีบวิ่งไปหาพี่พี่ตามเสียงเรียก
**_บทพิเศษที่ 1 :: My long Forgotten Cloistered Sleep & อย่าโทรมาหา_**
“มาแล้วครับพี่พี่!”
“อ่ะนี่โน๊ตของเธอ แก๊ง” (พี่เฟิน)
ผมก็รับกระดาษมา แต่ในมือผมก็ถือมาเหมือนกัน คือ..อะไร?..ยังไง?.. ผมก็ก้มลงอ่านโน๊ตที่พี่เฟินส่งมาให้
“เดี๋ยวนะครับ? ไหนเมื่อคืนพี่ฟ่างส่งเพลง Maybe Tomorrow มาให้.. แต่ทำไมมันเป็น My long Forgotten Cloistered Sleep ไปได้ล่ะครับ”
ถึงจะเป็นของนักร้องคนเดียวกันก็เหอะ แต่ระดับการร้องมัน มันคนละอย่างกันเลยนะ
“คือเมื่อวานตอนดึกๆ พี่ได้รับงานมาใหม่.. สัปดาห์หน้าเราจะมีงานแสดงร้องเพลงที่โรงแรม____ต้อนรับการประชุมอะไรสักอย่างนี่ล่ะ แล้วเจ้าของงานเค้าเคยเห็นคลิปที่เราร้องเพลงนี้ในงานศพคาทอลิกเมื่อปีที่แล้ว เค้าอยากได้เพลงนี้ เลยติดต่องานมาเมื่อคืน วันนี้ก็เลยจะซ้อมเพลงนี้กัน ไม่ใช่ Maybe Tomorrow แล้วล่ะครับ” (พี่ฟ่าง)
“สรุปง่ายๆ คือเรามีงาน วันนี้ก็ต้องซ้อมร้องเพลงนี้ใช่มะ พรุ่งนี้ค่อยมาซ้อมเต้นใช่ป่ะ” (พี่อิ๋งๆ)
“ถะ ถะ ผิดนะคร้าบบบ!!! ไม่ถึงกับไม่ได้ซ้อมเต้นหรอก วันนี้ก็ซ้อมเหมือนเดิมนั่นล่ะ” (พี่ฟ่าง)
“เพลงนี้นี่ คนร้องนำในกลุ่มเรามีแค่ เฟิน กะแก๊ง เท่านั้นใช่มะ” (พี่เอิน)
“อืม เพราะสองคนนี้เป็นเสียงโซปราโน่ แก๊งร้องเสียงผู้หญิงนะ ขึ้นต้นด้วย” (พี่ฟ่าง)
“อ้าวพี่ฟ่าง ให้คนอื่นขึ้นต้นก็ได้นี่ครับ แถมไม่ต้องถึงกับโซปราโน่ก็ได้นี่ ลดโน๊ตลงมาก็ได้”
“คือเจ้าของเค้าอยากได้เหมือนที่เราร้องในคลิปงานศพเลยน่ะแก๊ง บับว่า (แบบว่า) อิ๋งๆ เล่นอิเล็กโทน เอินสีไวโอลินตอนโซโล่ เธอกับเฟินร้องนำ ค่อยให้ที่เหลือตามทีหลัง” (พี่ฟ่าง)
“เอิ่มม ฟายมากกกก ขอบคุณนะ ลูกค้าผู้น่ารัก งานหนักกูเลยนะนี่”
ผมก็เอาโน๊ตไปติดกับขาตั้งที่วางโน๊ต ก้มมองดูเนื้อหา แบบว่า.. อย่างต่ำก็ Alto ล่ะว้าเพราะเป็นเพลงผู้หญิง แต่ทำไมมันมีแต่กุญแจโดเกี่ยวเส้น Mezzo-Soprano กับ Soprano ทั้งนั้นเลยว่ะ โดยเฉพาะท่อนสุดท้าย..
“ร้องใส่ไมค์นะทุกคน หยิบไมค์ไวไฟมาใส่กันรึยัง?” (พี่ฟ่าง)
อ้าว! ร้องใส่ไมค์เหรอ? เออ.. พี่พี่เค้าใส่กันหมดแล้วเหลือแต่กู รีบไปเอาไมค์มาใส่เลยครับ
“พร้อมนะทุกคน!” (พี่ฟ่าง)
“แก๊ง เล่นอะไรอยู่!??” (พี่เฟิน)
ผมรีบเอาไมค์มาใส่ เปิดเครื่อง พูดทดสอบใส่ไมค์เลย
“โอเคแล้วครับ” (ออกไมค์อย่างดัง)
“โอเค... เริ่ม!!” (พี่ฟ่าง) (
http://www.youtube.com/watch?v=FbGKf6RhE58)
แล้วดนตรีก็ขึ้นต้นด้วยเสียงให้จังหวะสามครั้ง ก่อนที่จะบรรเลงไปพร้อมกับอิเล็กโทนของพี่อิ๋งๆ
..........(ดนตรี)...........
(แก๊งเสียงผู้หญิง ขึ้น “Alto”)
In my long forgotten cloistered sleep, (ในการหลับใหลอันร่มรื่นที่ยาวนานของฉัน)
You and I were resting close in peace. (เราสองคนต่างใกล้ชิดกันในความสุขนั้น)
Was it just the dreaming of my heart? (แต่มันกลับเป็นเพียงฝันในใจฉันได้อย่างไร)
Now I'm crying, don't know why (แล้วทำไม ฉันต้องร้องไห้อย่างนี้ เพราะอะไร)
(แก๊ง,เฟิน ขึ้น “Alto”, (Chorus ฟ่าง))
Where do all the tears come from? (to my eyes) (น้ำตาทุกหยดหลั่งไหลมาจากที่ใด (สู่ดวงตาของฉัน))
Could no one ever dry up this spring? (คงไม่มีใครทำให้ชีวิตฉันมีความหวังใดใด)
If you find me crying in the dark, (หากคุณเห็นฉันร้องไห้ท่ามกลางความมืดมิดที่ไร้แสงไฟ)
Please call my name from the heart. (โปรดเรียกฉัน เรียกชื่อฉันออกมาจากใจ ได้โปรด)
..(ดนตรี)..
(แก๊ง,เฟิน ขึ้น (Mezzo-Soprano) อ้อย,ฟ่าง ขึ้น (Alto), (Chorus ฟ่าง))
Sing with me a tiny autumn song, (ร่วมร้องเพลงเล็กๆ แห่งฤดูใบไม้ร่วงกันกับฉัน)
with the melodies of the days gone by. (ด้วยท่วงทำนอง แห่งคืนวันที่ล่วงเลยผ่านไป)
Dress my body all in flowers white, (แต่งเติมร่างกายของฉันทั้งหมดด้วยดอกไม้สีขาวน้อยใหญ่)
So no mortal eye can see. (จึงไม่มีดวงตาใครคนไหน มองเห็นฉันเลย)
Where have all my memories gone? (and lost) (ความทรงจำทั้งหมดของฉัน (หาย) ไปอยู่ที่ใด)
Should I roam again up yonder hill? (ฉันควรจะเดินเตร่ไปยังเนินเขาแห่งนั้นอีกครั้ง หรือไม่)
I can never rest my soul until (ฉันไม่เคยพักผ่อนจิตวิญญาณของฉันได้สักครั้ง จนกระทั่ง)
You call my name, you call my name from the heart. (คุณเรียกชื่อฉัน คุณเรียกชื่อของชั้นออกมา จากหัวใจ)
.....(ดนตรีห้องแรก (อิเล็กโทน Solo พี่อิ๋งๆ)).....
ระหว่างที่ดนตรีกำลังบรรเลงไปเรื่อยๆ ผมก็ปิดไมค์ แล้วเหลือบไปมองพี่กร เห็นทำท่าตบมือ ยกนิ้วโป้ง ขยับปากบอกกับผมว่าเยี่ยมมาก... ผมก็สบตาไม่นานอ่ะ หันกลับมาทางเดิม
“มองใครอยู่ค่ะน้อง?” (พี่อ้อย ปิดไมค์แล้ว)
“ป่าววว”
“ฮั่นแน่ๆ บอกไม่ได้เป็นแฟนกันนะ” (พี่อ้อย)
“อย่าแกล้งน้องง!!”
“เสียงดังไปแล้วแก๊ง เข้าไมค์พี่แล้วเนี่ย” (พี่เฟิน ปิดไมค์ก่อนแล้วค่อยว่าผม)
“ก็พี่อ้อยแกล้งอ่ะพี่เฟิน”
“แกก็แซวน้องจังอ้อย ไม่แซวมันจะตายมั๊ย” (พี่ฟ่าง ปิดไมค์ก่อนแล้วค่อยว่าให้พี่อ้อยเหมือนกัน)
“ก็น้องมันมองไปที่ใครล่ะ ไม่มีสมาธิร้องเพลงดีดีรึยังไง”
..........(ดนตรีเบาเข้าห้องที่สอง (ไวโอลิน Solo พี่เอิน), (พี่อิ๋งๆ อิเล็กโทนประกอบ))..........
“น้องไม่ได้ร้องเพลงไปด้วยแล้วมองพี่กรไปด้วยสักหน่อย”
“ตะกี๊ก็เห็นๆ กันอยู่” (พี่อ้อย)
“พอพอ ทั้งสองคน เตรียมตัวได้แล้ว ดนตรีไวโอลินโซโล่แล้วนะมึง” (พี่ฟ่าง)
ผมก็เงียบ เปิดไมค์ ก้มหน้ามองโน๊ตที่อยู่ตรงขาตั้งก่อนที่พี่พี่คนอื่นๆ ก็จะทำเหมือนผม เตรียมพร้อมเข้าสู่การร้องท่อนสุดท้าย ซึ่งมันจะขนลุกมาก ถ้าให้เอาตามที่เหมือนในวิดีโองานศพนั้น... เพราะว่า
(ดนตรีหยุด)
(อิเล็กโทนขึ้นเสียงกลอง ดนตรีเริ่ม!)
(แก๊ง,เฟิน “Soprano” อ้อย,ฟ่าง “Alto” เอิน,อิ๋งๆ เล่นไปด้วยร้องไปด้วย “Mezzo-Soprano”, (Chorus ฟ่าง))
(แก๊งขึ้น) La! LaLaLa LaLaaa LaLa
(เฟินเสริม) LaLaLa LaLaLa LaLaLaaa LaLa
(แก๊ง เฟิน อ้อย ฟ่าง) La! LaLaLa LaLaaa LaLa
(ทุกคน) Laaa La! LaLaLa LaLaLaaa LaLa
La! La!! LaLaLaLaLaa La Laa
LaLaLa LaLaLa LaLaaa LaLa (LaLaLa)
La! La!! LaLaLaLaLaa La Laa
LaLaLa LaLaLa LaLaaa LaLaLa LaLaaaa
In my long forgotten cloistered sleep, (ในการหลับใหลอันร่มรื่นที่ยาวนานของฉัน)
Someone kissed me whispering words of love. (มีบางคนจุมพิตฉันและกระซิบรักจากหัวใจ)
Is it just a longing of my heart? (มันแค่ความปราถนาที่เกิดขึ้นภายในใจฉันหรือไม่)
Such a moment of such peace. (ช่างเป็นความสุขที่เกินบรรยาย)
Where do all the tears come from? (to my eyes) (น้ำตาทุกหยดหลั่งไหลมาจากที่ใด (สู่ดวงตาของฉัน))
With no memories why should I cry? (ไร้ซึ่งความทรงจำ แต่ทำไมฉันถึงร้องไห้)
I can never rest my soul until you call my name, (ฉันไม่เคยพักผ่อนจิตวิญญาณของฉันได้สักครั้ง จนกระทั่ง คุณเรียกชื่อฉัน)
You call my name, you call my name. (คุณเรียกชื่อของฉัน คุณเรียกชื่อเพียงหนึ่งเดียวของฉัน)
Call my soul from the heart...........(แก๊ง ลากเสียงยาว) (เรียกจิตวิญญาณของฉันออกมา จากหัวใจ)
(ฟ่าง เฟิน เอิน อ้อย อิ๋งๆ) Laaaa Laaaa Laaaa! Laaaaaa LaLa
La! LaLaLa LaLaLaa LaLa!
(แก๊งลากเสียงยาวจบ) (ทุกคน) Laaaa Laaaa Laaaa! Laaaaaa LaLa
La! LaLaLa LaLaLaa LaLa!
.................(ดนตรีเล่นจนจบเพลง)..............