-45-
Last Chapter
เปิดเทอมแล้วครับ
ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมาก สุดท้ายผมก็ไม่ได้ออกไปเที่ยวตามที่เคยบอกตู้กับโรลไว้ นั่นก็เพราะตอนนั้นเหลืออีกแค่อาทิตย์เดียวก็จะเปิดเทอมแล้ว ผมเลยใช้ชีวิตอยู่แต่กับการฟัดคิดอยู่ในบ้านอย่างเดียวเลยแหละครับ มีนานๆทีก็ออกไปเดินห้างเป็นเพื่อนคุณแม่บ้าง
มหาลัยผมเปิดเรียนมาได้สักพักแล้วครับ รับน้องปีหนึ่งเองก็จบไปแล้วด้วยแต่เหตุการณ์ชีวิตในตอนนี้ที่ผมกำลังเครียดๆอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องการเรียนหรือกิจกรรมอะไรหรอกครับ...เพราะต้นเหตุของมันคือ
น้องรหัสคิดครับ....
กล้าเป็นน้องปีหนึ่งที่เพิ่งผ่านการรับน้องมาสดๆใหม่ๆ และก็เพิ่งเปิดสายรหัสกันไปไม่นานมานี้นี่เองครับ จากที่ผมสังเกต...กล้าเป็นคนที่กล้าแสดงออก จริงใจทุ่มเทกับงานและก็ถือว่าเป็นคนดีมากครับ เสียแต่น้องเขาดันมาปลื้มคิดของผมนี่สิทำให้ผมญาติดีกับเขาไม่ได้เท่าไหร่
จริงๆแล้วถือเป็นเรื่องปกติที่มีคนมากมายจะมาปลื้มมาชอบคิดของผม แต่คิดเองถ้ารู้ว่าพวกเขาเข้ามาเพราะหวังอะไรบางอย่างคิดของผมก็จะปฏิเสธไปแบบอ่อนโยนไม่ก็หาทางหลีกเลี่ยงแบบไม่ให้เสียน้ำใจ แต่เพราะน้องกล้าเป็นน้องรหัสเขาทำให้คิดปฏิเสธไปไม่ค่อยได้
ผมคิดถูกใช่ไหมครับ
การที่ผมเห็นเขายิ้มหัวเราะกับน้องตอนพักระหว่างคาบ หรือตอนทำงานในสตู ผมแวะมาหาคิดบ้างในสตูของเขาแต่ต้องเจอน้องกล้าทุกครั้งไป เห็นน้องเขาหัวเราะเอิ้กอ๊ากกับคิดของผมทีแรกก็ไม่คิดอะไรมากหรอกครับ เห็นว่าสนิทกันดี แต่ตอนนี้ผมไม่คิดอย่างนั้นแล้วสิครับ
ใช่...ผมกำลังหึง หึงคิดมากๆด้วย
อะไรทำไมจะต้องสนิทกันมากขนาดนั้นด้วยล่ะ แค่ที่สตูดิโอยังไม่พอ บางทีผมเห็นไปทานข้าวด้วยกันก็มี ผมพยายามเข้าใจว่าเป็นสายรหัสกันนะ แต่ตอนกลางคืนน้องก็โทรมาหาคิดเหมือนกันแม้จะไม่นานเท่าไหร่ก็เถอะ แต่คิดเป็นของผมนะ! อย่าเข้ามายุ่งวุ่นวายนักสิครับ!
“เฮ้ยๆแรม มึงจะใส่แรงมากไปมั้ยวะ ตัดแค่บัลซ่าเอง...”
“....”
ผมสะดุ้งเล็กน้อยกับคำทักของนัน และก็พบว่าผมใส่แรงมากไปจริงๆ ไม้บัลซ่าบางมากกรีดเบาๆก็ขาด แต่นี่ผมเล่นออกแรงเสมือนจะกรีดแผ่นรองตัดให้ขาดไปด้วยยังไงยังงั้น
“ใจลอยนะมึง ถ้างานพังกูจะไปฟ้องไอ้หนุ่ยให้มาตุ๋ยมึง”
“เชิญนันโดนเองเถอะครับ ผมไม่ยุ่งหรอก”
“โหย ระดับกูมีแต่ต้องตุ๋ยชาวบ้านเถอะ”
“.....แต่ยอมเปอร์คนเดียวใช่ไหมครับ.....”
“ไอ้!!!!”
ผมไม่สนใจนันก่อนหันไปตัดงานของตัวเองต่อไป ช่วงก่อนเปิดเทอมไม่กี่วันผมได้รับข่าวคราวเรื่องของนันมาอยู่บ้าง เห็นว่าคบกับเปเปอร์แล้ว...ตอนไหนก็ไม่รู้แถมยังไปอยู่ด้วยกันบ่อยๆจนไอ้ตู้กับไอ้โรลชอบเอาไปนินทา
แต่ผมเห็นว่านันดูมีความสุขดีก็ดีแล้วล่ะครับ
ไอ้นันโวยวายสักพักบ่นหงุงหงิงว่ามันไม่ได้ยอมเปอร์สักหน่อยก่อนหันมาทำงานของตัวเองไป ตอนนี้ผมมีทั้งโปรเจคงานกลุ่มและงานเดี่ยวครับ แบ่งเวลากันมันส์เลย และเพราะงานยุ่งมากๆจนไม่ค่อยมีเวลาไปหาคิด ทำให้ไอ้น้องกล้าเข้ามาแทรกแซงคิดของผมได้
ผมนั่งทำอีกพักนึงก่อนนึกได้ว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องไปแอบดูคิดสักหน่อย ผมวางงานก่อนแอบดอดออกนอกสตูไปอย่างเงียบๆ ไอ้นันเองก็เหมือนจะสังเกตเห็นอยู่นะครับแต่มันไม่พูดอะไร ซึ่งนั่นก็ดี...
ผมเดินออกไปตามทาง ระหว่างทางมีรุ่นน้องคอยทักอยู่บ้างประปราย จนสุดท้ายผมก็มาถึงเป้าหมายของผม ไม่รอช้าผมก้าวเข้าไปยังสตูดิโอของถาปัตย์หลัก เพื่อนๆสาขานี้ก็เห็นผมจนชินแล้วมั้งครับ ไม่งั้นก็งานยุ่งกันจนไม่มีเวลาได้มาสนใจคนเข้าๆออกๆสตูหรอก ผมเดินไปยังโซนที่คิดทำงานก่อนเจอแจ็กพ็อต.....อีกแล้ว
คิดกับไอ้น้องกล้านั่นอีกแล้ว....
“อ้าวแรม มีอะไรรึเปล่า งานเสร็จแล้วหรอ” เสียงน่ารักเอ่ยถามผม อยากจะตอบกลับไปจริงๆว่าผมไม่มีอะไรแล้วมาหาไม่ได้หรือครับ...แต่ผมรู้ ผมกำลังจะเหวี่ยง
ผมกำลังหงุดหงิด ที่นั่งข้างๆคิดควรจะเป็นของผมแท้ๆ
ผมไม่ตอบเขาแต่ยกขนมถุงในมือออกมาให้แทน ซื้อมาตุนไว้นานละครับแต่ไม่กินสักทีเลยเอามาฝากเขา เสียแต่ไม่คิดว่าเขาจะนั่งอยู่กับไอ้น้องกล้านั่น
“ขนม!! พี่แรมขอผมกินด้วยคนนะ” น้องกล้าเอ่ยด้วยเสียงฟังดูจะตื่นเต้นกับขนมในมือผมมากเสียเหลือเกิน อยากจะตอบกลับไปเหมือนกันว่าไม่ให้กินครับ ของแฟนพี่....แต่ผมรู้ ผมกำลังจะเหวี่ยงอีกครั้ง
“แล้วคิดเป็นยังไงบ้างครับ”
“อื๋อ ก็เรื่อยๆอ่า คิดแบบ ตรวจแบบ แก้แบบ เป็นวงจรไปเรื่อยๆ ฮ่าๆ” ผมเลือกที่จะไม่ตอบน้องเขาแล้วหันมาถามคิดแทน คิดตอบผมเสียงเจื้อยแจ้วพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มนั้นทำให้ผมคลายอารมณ์หงุดหงิดไปมาก ผมเริ่มยิ้มตอบเขาได้หน่อยๆโดยทีก่อนหน้านี้เอาแต่ทำหน้าบึ้ง
“เฮ้ยไอ้นี่ กินมากไปละๆ ของกูเดี๊ยะเหอะ”
“โหยพี่ ของๆพี่ก็เหมือนของๆผมนั่นแหละ พี่น้องกันแบ่งกันหน่อยจะเป็นไรไป”
“นี่ไม่เรียกว่าแบ่งแล้วไอ้กล้า นี่เรียกแย่งกู สัด”
“พี่แรมดูดิ พี่คิดแม่งหวงของกินอ่ะ”
ผมไม่ตอบน้อง แต่ส่งยิ้มบางๆไป อยากจะตอกกลับเหมือนกันว่านี่ของแฟนพี่ครับ ที่น้องแย่งอ่ะผิด แต่ทำไม่ได้หรอกครับ มันดูงี่เง่า ผมยืนดูสองคนนั้นเถียงกันไปสักพักก่อนขอตัวกลับ แทนที่ผมจะได้พักงานมานั่งสบายๆกับคิด กลับเป็นว่าผมหงุดหงิดกว่าเดิมเสียอีก
ไม่ใช่ว่าไม่เคยพูดเรื่องนี้กับคิดนะครับ เพียงแต่คิดบอกว่าไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ ผมเชื่อใจคิดแต่ไม่เชื่อใจน้องเลยต้องมาเฝ้าหึงนั่งจับตาดูจนจะเป็นบ้าอยู่อย่างนี้
...
...และแล้วก็หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปไวยิ่งกว่าจรวดอีกครับ ระหว่างนั้นผมไม่ค่อยได้กลับหอ คิดก็เช่นกันเพราะเป็นช่วงใกล้ส่งงาน อาจารย์สองสาขาดันสั่งวันส่งงานตรงกันน่ะครับ ทำงานที่สตูฯถือเป็นการประหยัดเวลาไม่ต้องเทียวไปเทียวมาด้วย เพราะงั้นใครที่มีแฟนอยู่สถาปัตย์แล้วหาตัวไม่เจอ ลองไปตามหาดูในสตูของคณะดูนะครับ เผลอๆอาจจะเป็นศพอยู่แถวนั้น
ผมก็ใกล้เช่นกัน...ใกล้ตายแล้วครับ
เพราะมีทั้งงานกลุ่มและงานเดี่ยวอย่างที่ว่าไว้ อีกทั้งงานกลุ่มยังต้องส่งก่อนงานเดี่ยวสามวัน ปั่นกันไฟลุกเลยครับ อาจารย์ที่คิดวันส่งงานนี่จิตใจก็ช่างโหดร้าย เพราะงั้นแล้วอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ผมจึงแทบไม่ได้นอนเลยครับ ส่วนคอนโดผมก็กลับไปแค่อาบน้ำแล้วก็ออกมาเลย ไม่ได้อยู่นานๆรวมถึงคิดก็เหมือนกัน ตอนนี้ผมปั๊มกุญแจห้องไว้ให้คิดแล้วล่ะครับ ทำให้ไปไหนมาไหนได้สะดวกเผื่อเขามีธุระด่วนจะได้ไม่ต้องรอผม
แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิด
เพราะนอกจากจะทำให้ผมไม่ได้เจอกับเขาและไม่มีข้ออ้างใดๆในการไปเจอเขาแล้ว ยังทำให้ไอ้น้องกล้านั่นเข้ามายุ่มย่ามกับคิดของผมได้ง่ายขึ้นอีกต่างหาก
ที่ผมรู้เพราะพอผมเอางานไปส่งตอนสี่โมงเย็นเสร็จก็รีบตรงไปสตูที่คิดอยู่เพื่อพบว่า...คิดนอนพิงไหล่ไอ้น้องกล้านั่นอยู่.... ผมรู้ว่าคิดต้องส่งงานก่อนบ่ายสามเพราะงั้นแล้วเขาต้องทำงานเสร็จก่อนผม จริงๆผมก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอกนะครับ แต่ก็แอบหวังว่าถ้าคิดส่งงานแล้วจะแวะมาดูผมบ้าง แต่พอเห็นภาพตรงหน้าแล้วมันปวดใจจี๊ดๆยังไงไม่รู้
ตอนนี้กล้าที่นั่งเล่นมือถืออยู่สังเกตถึงตัวตนของผมแล้วครับ น้องเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมแล้วยิ้มๆให้ ถ้าเป็นในเวลาปกติ...ผมหมายถึงเวลาที่ผมไม่ได้ต้องอดหลับอดนอนไม่ได้เจอหน้าแฟนมาเกือบอาทิตย์แบบนี้ ผมคงส่งยิ้มให้เขาไปแล้ว แต่อารมณ์ตอนนี้ผมไม่มีกะจิตกะใจจะทำแบบนั้น
ผมไม่รู้จะทำอย่างไรกับภาพตรงหน้าดี ผมไม่เคยหึงออกอาการมากขนาดนี้มาก่อน ผมเลยไม่รู้วิธีรับมือ ผมไม่รู้ว่าควรจะตรงเข้าไปหาคิดแล้วกระชากเขาออกมาจากไหล่ของน้องนั่นหรือทำเฉยแล้วเดินจากไปดี...
สุดท้ายผมก็เลือกทำสองอย่างแบบผสมกัน...
ผมเดินตรงเข้าไปปลุกคิด คิดลืมตาแบบงัวเงีย ถึงแม้จะรู้ว่าเขาอดหลับอดนอนแต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาดูน่ารักน้อยลงเลย คิดลืมตาเห็นผมก็ส่งยิ้มหวานให้ แต่ผมไม่แสดงอาการตอบ...อย่างที่บอกผมกำลังโกรธและหึงมาก ถึงเขาจะน่ารักแต่ผมก็ลบอารมณ์ขุ่นมัวในใจตอนนี้ไม่ได้จริงๆ
“กลับกันครับ”
“หือ?”
ผมว่าเสียงเรียบก่อนหมุนตัวเดินออกสตูดิโอไป และเป็นไปดังคาด คิดวิ่งเสียงตึกๆมาตามหลังผม ก่อนมาชะลอความเร็วเป็นเดินข้างๆผมแทน
“แรมเป็นอะไรอ่ะ”
“...เปล่าครับ แค่นอนน้อย” ผมเลี่ยง
“อ้อออ คิดก็นอนน้อยเหมือนกัน นี่เราพึ่งอยู่ปีสามจริงดิ อีกตั้งสองปีกว่าจะจบต้องเป็นบ้าตายแน่ๆ...” คิดส่งเสียงเจื้อยแจ้วอยู่ข้างๆผม บ่นระงมเรื่องงานเรื่องอาจารย์ แต่เชื่อเถอะว่าเขาบ่นไปแต่คะแนนก็ออกมาดีอยู่ดี
“.....แรมเป็นอะไรอ่า”
“ครับ?”
“ไม่เห็นคุยกะคิดมั่ง”
“....”
“เนี่ย”
“ผม...”
“...”
“ผมง่วง...ครับ” ผมรีบตัดจบก่อนที่เขาจะจับได้ว่าผมหึงงี่เง่าไร้สาระ คิดไม่ได้ว่าอะไรต่อเพียงส่งเสียงครางอือออเป็นเชิงรับรู้ ผมโบกรถกลับคอนโดเพราะไม่มีแรงขับแล้วจริงๆ กลัวว่าถ้าขับรถตอนนี้คงเอารถไปเสยเสาไฟฟ้าสักต้น
ไม่นานผมก็หอบเอาร่างไร้วิญญาณของตัวเองมาถึงห้องนอนจนได้ เหนื่อยและเพลียสุดๆ นอกจากจะเหนื่อยเรื่องงานที่คณะแล้วยังเหนื่อยเรื่องคิดอีก...เหนื่อยใจตัวเองน่ะครับ รักเขามากเกินไปจนเห็นเขาอยู่กับใครนิดหน่อยก็หงุดหงิดใส่ แบบนี้มันไม่ดีเลยจริงๆ ผมล่ะกลัวว่าถ้าเขารู้เขาจะรำคาญผมเอารึเปล่านะ
ยังไม่ทันได้หยุดคิดเรื่องเขาดีก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาขัดความคิดของผม
“...คร้าบบบบ .....เออถึงแล้วปล่อยภัยไร้รอยขีดข่วน.... บ่นมาก กลับบ้านได้แล้วไป..... เออๆรู้แล้วเดี๋ยวเลี้ยง.... ไอ้บ้า!เลี้ยงแถวนี้พอดิ มากกว่านี้ไม่มีตังจ่าย... อะไร เลี้ยงกูหรอ? เออเอาดิ.....ตลก กูหลอก ไม่เอา เรื่องดิกูเลี้ยงเอง....”
ผมหันความสนใจทั้งหมดไปที่คิด ที่ตอนนี้กำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคนที่ผมพอจะเดาออก...
“อือออออ รู้แล้วววว ง่วงงงง......ไปนอนไป .....เออ ขอบใจ ขอบใจมากกกกก พอใจมั้ย”
“.... ไม่เอาว้อย!! ....อย่ามาทำเสียงแบบนั้นนะ คิดว่าน่ารักไง ไม่เอา....ไม่เอา มึงไปนอนไป.....”
จะคุยกันอีกนานมั้ยครับ...
“.....เฮ่อออ เรื่องมากว่ะมึงนี่ ...เออ ร้ากกกกกก ร๊ากกรักกกมึงเล้ยยยยย คนอะไรน่าร้ากกกก ร..อ๊ะ!!!!”
ตุบ!
/พี่คิด...?/
“อ่ะ...แรม? คือ...?จะทำ โอ้ย”
/.....เป็นอะไรอ่ะพี่/
“.....”
“....”
ถึงตอนนี้ผมเพิ่งรู้สึกตัว...ว่าโถมกายใส่เขาไปเต็มแรง ฟัดจูบกัดคอเขาไปทีถึงค่อยรู้สึกตัว...
โอ้ย! ผมมันบ้า!!
ทันทีที่ได้ยินเสียงคิดบอกรักคนอื่น บอกรัก...ไอ้น้องนั่นผมก็สติขาดผึง รู้ตัวอีกทีก็ขึ้นคร่อมเขาแล้วขบลงต้นคอ ทำรอยเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทันที รู้ตัวอีกทีก็ตอนคิดจ้องผมอย่างตื่นๆ ผมทำอะไรไม่ถูกแล้วตอนนี้... ผมรีบลุกจากคนตัวเล็กแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป
“อ้าว แรม!”
/พี่คิด เป็นอะไรอ่ะ/
“แฟนหึง..หึหึ”
/พี่---/
----ตี๊ด
....
ผมขังตัวเองในห้องน้ำ สงบสติตัวเองอยู่นานเลยทีเดียว มีเสียงเคาะประตูจากข้างนอกพร้อมกับเสียงเรียกชื่อของผมเป็นระยะ คิดเข้ามาตามผม เขาคงสงสัยว่าผมเป็นอะไร แต่ให้ตาย ผมไม่น่าทำลงไปเลยจริงๆ ตอนนั้นมันเป็นอะไรไม่รู้ มันแค่...ทนไม่ได้ คิดเป็นของผมแล้วนะ เฮ้! การที่เขาบอกรักคนอื่นต่อหน้าต่อตาผมแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน!
โอเค...ผมจะระงับสติอารมณ์ใหม่อีกครั้ง
“แรมมมมม แรมคร้าบบบบบบ”
โอ้ยยย ไอ้การที่เขามาตะโกนร้องเรียกชื่อผมอยู่หน้าห้องน้ำนี่ทำเอาสติผมกระเจิงมากกว่าเดิมเสียอีก อยากเข้าไปจับฟัดๆเอาให้เขารู้สึกตัวสักทีว่าเขาเป็นของผมนะ! คนอื่นไม่มีสิทธิ์ แต่ผมทำไม่ได้หรอก คิดไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์นะครับ ด้วยเหตุนี้ผมเลยต้องมานั่งเป็นบ้าอยู่อย่างนี้ไงล่ะ
“แรมมม เปิดประตูหน่อย คุยกันก่อน”
“...”
“แรมม ทำไมไม่ตอบอ่า”
“.....”
“แรม เป็นอะไรรึเปล่า แรมมมมม ตอบคิดหน่อย”
“ผม...ไม่เป็นไรครับ ขอโทษนะครับ ผมขออยู่คน-”
“ไม่ให้!!”
ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคเลย
“ไม่ให้อยู่คนเดียว คิดอยู่ด้วยนะ นะครับ..แรมเป็นอะไรอ่า”
“.........”
“โกรธอะไรคิดรึเปล่าครับ”
“ป..เปล่าครับ” ผมโกรธตัวเองมากกว่าต่างหาก ที่ควบคุมสติตัวเองไม่ได้
“งั้นเปิดประตูหน่อยนะ”
“....”
“แรมมม” เสียงคิดดูอ่อยๆเสียจนน่าสงสาร ผมอยากจะเปิดประตูไปเสียตอนนี้ พุ่งเข้าไปกอดเขาแน่นๆ แต่ผมรู้ว่าถ้าผมทำอย่างนั้นแล้วผมต้องควบคุมตัวเองไม่ได้อีกครั้งแน่ๆ ผมต้องจัดการเขาแน่ๆ ไม่ได้หรอก ผมไม่อยากรุนแรงกับเขานี่ รอให้ผมสงบสติอารมณ์ดีกว่า
...
แกร๊ก
เฮ้ย!!
ที่เห็นเสียงคิดเงียบๆไปนี่ตอนแรกผมนึกว่าเขาถอดใจแล้วเสียอีก แต่ที่ไหนได้ เขาไปหากุญแจสำรองมาไขเสียอย่างนั้น
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นอ่ะ”
“...ผ...ผม...”
“แรมเป็นอะไรหรอครับ อ้ะ! ห้ามหนีนะ”
โอ้ยยยยยย ที่รักครับ ได้โปรดกรุณาอย่าทำอย่างนี้เลยนะครับ พอผมทำท่าจะลุกหนีเขาก็รีบมาคว้าเอวผมไว้ไม่ให้ลุกขึ้นได้ ก่อนที่จะทิ้งตัวลงบนหน้าตักของผม หัวใจจะวายเอา อย่าเล่นอย่างนี้สิครับสติยิ่งไม่ค่อยดีอยู่ ถ้าเผลอทำอะไรลงไปจะว่ายังไง
“แรมโกรธหรอ”
“เปล่าครับ ไม่ได้โกรธ”
ผมตอบคิดไป พยายามหลุบหน้าให้ต่ำมองพื้นกระเบื้องห้องน้ำจะได้ไม่ต้องสบตาเขา จะได้ไม่เห็นหน้าเขาแล้วฟัดเขาอย่างที่ใจอยาก
“.....หึงหรอ”
เฮือก!
เหมือนโดนอะไรสักอย่างปักตรงกลางใจ ไอ้คำว่าหึงเนี่ย ผมหึงจริงๆแค่ไม่อยากให้เขารู้ ผมรู้ว่ามันไร้สาระ ก็แค่...ก็แค่พี่รหัสน้องรหัสเอง ก็แค่...น้องกล้าไปช่วยงานคิดทุกคืนเท่านั้นเอง.. ก็แค่คิดอยากเอาใจน้องเลยบอกรัก..............แค่นั้น
ทำไมยิ่งพยายามจะสงบสติตัวเองกลับกลายเป็นว่าผมดันโมโหมากกว่าเก่าล่ะ
“หึงหรอครับ”
“...เปล่าครับ”
“งั้นเป็นอะไรบอกคิดได้ไหมครับ”
“...ผม...ผมแค่ง่วงน่ะครับเลย...เอ่อ..ทำอะไรไม่ค่อยถูก”
“....ไม่จริงอ่ะ ถ้าแรมแค่ง่วงจริงๆ อย่างน้อยแรมก็ต้องคุยกับคิดไม่ให้คิดพูดคนเดียวดิ อย่างน้อยแรมก็ต้องถามคิดหน่อยว่าทานอะไรมารึยัง อย่างน้อยแรมก็น่าจะถามว่างานเป็นไงบ้าง อย่างน้อยแรมน่าจะคุยอะไรกับคิดหน่อยอ่ะ”
...ใช่ ยอมเลยครับ อย่างที่คิดพูด ต่อให้ผมง่วงเพราะพิษงานมากแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะละเลยเขาสักครั้ง แต่ครั้งนี้ผมหึงหน้ามืด หึงมากเสียจนละเลยเขา...
แย่ชะมัดเลย
“ขอโทษนะครับ...”
“คิดไม่ได้โกรธเลยสักนิด คิดแค่อยากรู้แรมเป็นอะไร บอกคิดไม่ได้หรอครับ?”
“ผม....” เอาไงดี หรือผมจะหลอกเขาว่าผมเครียดเรื่องงานดี ดูจะเป็นข้อแก้ตัวที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้แล้วล่ะมั้ง
“แรม...ถ้าโกหก คิดจะโกรธนะ คิดรู้ว่าตอนนี้แรมรู้สึกยังไง ถ้าจะหาข้ออ้างล่ะก็ คืนนี้นอนคนเดียวเลย”
เรื่องอะไรเล่า!
“ผม....ขอโทษนะครับ ผม.....หึง.....”
ไม่รู้อะไรทำให้ผมเชื่อในคำพูดคิด ทั้งเรื่องที่ว่าเขารู้ว่าผมรู้สึกยังไงและเรื่องที่เขาไปแน่ๆถ้าผมโกหกเพียงแต่อีกความรู้สึกหนึ่งผมก็ไม่อยากโกหกเขาเหมือนกัน
“ฮิๆ บอกแค่นี้ก็หมดเรื่อง”
“......ขอโทษนะครับ”
“ขอโทษทำไมครับ”
“ผม..งี่เง่า หึงไม่เข้าเรื่อง......”
“ไม่เห็นจะงี่เง่าเลย คิดก็หึงแรมออกจะบ่อยรู้ตัวไหม ตอนที่แรมไปแสดงบนเวทีนั่นน่ะ แต่ตอนนั้นแค่ยังแสดงออกไม่ได้ อีกอย่างนะถ้าหึงกัน...แสดงว่ารักกันใช่ไหมล่ะ”
“แต่...”
“งื้อออ ไม่แต่ดิ คิดไม่โกรธเลยน้า หึงคิดเยอะๆเลยก็ได้”
“....”
“ขอโทษนะครับ ที่ทำให้หงุดหงิด....”
“หา? คิดผมไม่...”
“แรมคิดว่าคิดไม่สังเกตหรอ แรมหงุดหงิดนะรู้ตัวป่าววว ตอนที่จะกลับอ่ะ ฮิๆ”
“....ก็มัน...”
“กับไอ้กล้าไม่มีอะไรจริงๆน้า เคยบอกไปแล้วไงคิดไม่คิดอะไรเลย บอกไอ้กล้ามันไปแล้วด้วยว่าเป็นแฟนแรม”
“แต่ว่ากล้าก็ยังจะ....”
“อื่อ ไอ้กล้าชอบคิดคิดรู้ แต่คิดก็บอกให้มันเลิกหวังเพราะคิดไม่มีทางไปรักมันได้หรอก คิดรักแรมคนเดียวนี่นา”
“.....ก็แล้วทำไม...”
“ครับ?”
“ทำไมถึงไปบอกรักเขาล่ะ”
คิดฉีกยิ้มกว้างเหมือนจะล้อเลียนผมแวบนึงทำให้ผมรู้สึกตัวว่ากำลังหัวเสีย
“ไอ้กล้ามันบอกว่ามันจะตัดใจแล้ว มาช่วยงานครั้งนี้ถึงได้รู้ว่าคิดไม่นอกใจแรมหรอกแต่มันขอให้คิดบอกรักมันเป็นรางวัลที่ช่วยตัดโมอ่ะ บอกหลอกๆก็ได้คิดเลยจัดให้ โหยยแรมอ่ะ ตอนคิดบอกไม่ได้ใช้น้ำเสียงจริงจังอะไรสักหน่อย อย่าเชื่อสิครับ”
“ขอโทษครับ....ก็ผม.......หึง...”
“อืออออ คิดเข้าใจนะ ถ้าแรมไปบอกรักใครคิดก็โกรธอ่ะ แรมโกรธคิดไหมครับ”
“ไม่ ไม่เลยครับไม่ได้โกรธคิด ผม...อย่างที่บอก...แค่หึง”
“งั้นไม่หึงละนะ ดีกันๆ คิดรักแรมคนเดียวนะครับ”
บอกแบบนี้ น้ำเสียงแบบนี้ หน้าตาอ้อนๆแบบนี้ แล้วผมจะไปไหนรอดครับ...
....
วันต่อมาและหลายๆวันต่อมาไอ้น้องกล้าก็ไม่เข้ายุ่งกับคิดเหมือนอย่างเคยแล้วครับทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นเยอะเลยได้มาอยู่กับคิดมากขึ้นเนี่ย ผมมีนัดกับคิดและเพื่อนๆในวันลอยกระทงในปีนี้หลังจากจบโปรเจค ซึ่งถ้าหากยังไม่จบล่ะก็ผมคงต้องลอยงานแทนกระทงล่ะมั้งครับ
ผมนัดพวกนันที่สะพานแห่งหนึ่ง ไม่ช้าพวกเราก็มากันครบทีม พูดคุยกันสักพักก่อนพากันหาตำแหน่งดีๆในการลอยกระทง และไอ้นันก็เป็นคนหาได้ครับ เห็นไอ้เปอร์ลูบหัวลูบหางอยู่พักใหญ่แต่แปลกที่ไอ้นันโวยวายแค่เล็กน้อยก่อนปล่อยให้ไอ้เปอร์ลูบหัวตัวเองต่อไปแม้จะคิ้วขมวดอยู่เล็กๆ
ตู้กับโรลเป็นฝ่ายซื้อกระทงมาให้พวกผมครับ อ้อ ยังมีเพื่อนๆของคิดที่ตามมากันอีก ตอนนี้พวกเราเลยเป็นกลุ่มวัยรุ่นข้างแม่น้ำที่ใหญ่พอสมควร เสียงผู้คนสัญจรไปมา เสียงพลุ เสียงพูดคุย เป็นบรรยากาศอีกแบบที่ทำให้ผมรู้สึกดีพอควรเลยครับ
พอถึงเวลาผมก็คุกเข่าข้างแม่น้ำอธิฐานขอพรพระแม่คงคาพร้อมกับคิด
‘ขอให้คิดมีความสุขตลอดไป’
เป็นคำขอจากใจของผมครับ พอผมลืมตาก็ผมใบหน้าใสหันมาส่งยิ้มให้ผมเหมือนทุกที ไฟสีส้มของแสงเทียนตกกระทบบนผิวหน้าใสทำให้คิดดูน่ามองมากขึ้นจากเดิมจนผมเผลอคิดว่าอยากจจะจูบเขา...เสียแต่ที่สาธารณะครับ คงไม่เหมาะ...
ผมจับกระทงใบน้อยพร้อมกับคิดปล่อยลอยลงไปตามสายน้ำ คิดส่งเสียงเอิ้กอ้ากเมื่อเห็นกระทงลอยชนนู่นชนนี่แต่ยังคงลอยไกลออกไป
“รู้ไหมแรม...คิดไม่เคยลอยกระทงกับใครเลยนะ”
เจ้าตัวว่าพลางทอดสายตายาวลงไปตามแม่น้ำ ผมไม่ตอบอะไรเพียงแต่สิ่งยิ้มจางๆให้เขาก่อนเอื้อมมือไปกุมมือเขาแล้วบีบเบาๆ คิดส่งยิ้มกลับมาอีกครั้ง
“ขอให้เราอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนานๆเนอะ”
“ครับ”
ผมก็คิดเช่นนั้น..
ผมไม่รู้หรอกว่าคู่อื่นๆเขาคบกัน รักกันอย่างไร เพียงแต่ความรักที่ผมมีให้คิดก็ไม่น้อยหน้าคู่ไหนแน่ๆ
เป็นเรื่องยากที่คนสองสอง บุคลิกต่างกัน ชีวิตต่างกันจะมาใช้ชีวิตร่วมกันได้ และกว่าที่ผมจะได้มายืนตรงนี้ก็ใช้เวลานานพอตัว แต่สิ่งสำคัญสำหรับความรักครั้งนี้คือการเรียนรู้ที่จะปรับตัว
ผมไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไป...เพราะถ้าหากเขารักเราจริงเขาย่อมยอมรับตัวตนของเราได้ ผมเชื่ออย่างนั้น
และคิดเองก็รับตัวตนของผมได้อย่างไร้ข้อกังขา
ผมแค่ปรับปรุงตัวเองในบางเรื่อง เพื่อที่จะได้อยู่กับเขาอย่างมีความสุขต่อไป
ผมไม่รู้ว่าผมกับเขาจะรักกันได้นานแค่ไหน แต่ที่ผมมั่นใจก็คือผมจะรักเขาต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เพราะผมรู้...ว่าการเลิกรักเขามันยากและเป็นไปไม่ได้แค่ไหน
ต่อให้ทางข้างหน้าจะต้องพบเจออุปสรรคมากมาย
แต่ผมรู้...ว่าสิ่งที่ผมควรนึกถึงคืออะไร
“รอยยิ้มของคิดงดงามอยู่เสมอ”
และผมคงขาดมันไม่ได้ในชีวิตนี้
.
.
.
เรื่องของผมกับเขาไม่รู้ว่าจะดำเนินไปถึงเมื่อไหร่
แต่ในเวลานี้
ผม
จะรักษาเขาให้ดีที่สุด...
...
แล้วเรื่องเราของเราจะยังคงดำเนินต่อไป
…And the story goes….
-END-
_____________________________________________
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
ไม่คิดว่าตัวเองจะมาถึงตรงนี้ได้
ขอโทษจริงๆที่มาช้าค่ะ จากนิยายรายวันกลายเป็นนิยายรายเดือนไปได้5555
ดันมาจบในช่วงลอยกระทงพอดีเลยแต่งให้เข้ากับเทศกาลซะเลย(...)
เป็นอันว่าจบไปได้ด้วยดี(รึเปล่า55)
ไหนๆก็ตอนจบแล้วเลยอยากพล่ามอะไรสักหน่อย
นิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นมาจากความว่างช่วงปิดเทอม6เดือนของเราเองค่ะ...
พอว่างมากๆวันๆก็ไม่ออกไปไหน อยู่แต่หน้าจอคอมเลยคิดว่าลองแต่นิยายเล่นๆดูสักหน่อยดีกว่า(ฆ่าเวลา)
แต่ไม่คิดว่าจะมีคนตามอ่านมากขนาดนี้

ขอบคุณคนอ่านทุกท่านนะคะ
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกของเราเลยค่ะ
เพราะงั้นหากมีบางจุดที่ตกหล่นไปหรือผิดพลาดสงสัยอย่างไรก็ขออภัยมาด้วยนะคะแงงงง
ส่วนเรื่องของคิดกับแรมเกิดขึ้นมาเพราะความคิดชั่ววูบหนึ่งของเราค่ะ
ว่าถ้าคนสองคนที่ไม่เขากันเลยมาเป็นแฟนกันจะเป็นไงนะ
อีกทั้งไม่เคยอ่านเจอเมะบื้อด้วยค่ะเลยแต่งเองซะเลย..
(ช่วงแรกแรมเลยถูกโจมตีอย่างหนัก555555)
คีย์เวิร์ดของเรื่องนี้คือ ไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่ปรับปรุงค่ะ
เป็นคำที่เราชอบมากเลย
ส่วนเรื่องเล่นของสูงมาคิดได้ทีหลังค่ะ กร๊ากกกกกกกก
จริงๆวางแผนว่าจะต้องแต่งให้จบก่อนเปิดเทอมเพราะถ้าเปิดเทอมจะต้องไม่ว่างแน่ๆ
(และก็ไม่ว่างจริงๆ ตอนนี้ก็เอาเวลางานมานั่งปั่นนิยาย ก๊ากกก)
ดังนั้นต้องขออภัยคนอ่านทุกท่านที่ต้องรอนะคะ

และที่สำคัญคือขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านมาเม้นกันนะคะ
เราเป็นนักเขียนมือใหม่ บางคนอาจไม่ชอบใจแล้วเลิกอ่านไปก็ไม่เป็นไรค่ะ

แต่ที่ทำให้เราแต่งต่อไปได้คือคอมเม้นของทุกคนจริงๆ
ขอบคุณทุกคอมเม้นมากนะคะ (บางยูสเราจำได้เลยนะอิอิ)
สุดท้ายนี้ไม่รู้จะกล่าวอะไรนอกจากขอบคุณทุกคนที่ร่วมเดินทางมาถึงตอนนี้จริงๆ
8 เดือนเหมือนจะสั้น แต่ก็นาน5555
ขอบคุณทุกคนจากใจจริงๆนะคะ กอดดดดดดด

สัญญาว่าจะมีตอนพิเศษมาแน่ๆค่ะ(แต่ตอนไหน....ก็...ค่อยว่ากันเนอะ 5555

)
ส่วนเรื่องจะแต่งเรื่องอื่นต่อไหม....จริงๆเรามีพล็อตไว้ในใจแล้วค่ะ
แต่ไม่มีเวลาแต่ง5555
แต่ถ้าหากว่ามีเวลาผลิตผลงานต่อมา ก็ฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมในทุกคนด้วยนะคะ
สุ้ดท้ายแล้วจริงๆ
ขอกระซิบดังๆว่า
ตอนสุดท้ายแล้ววว อยากเห็นความเห็นของทุกคนจังเล้ยยยย! 
ปล. สุขสันต์วันลอยกระทงค่า ^^
END- 7/11/2014.