* " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนพิเศษ [P.5*13/7/2557] [จบแล้วค่ะ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: * " ".+ * รอจนกว่า...จะรักกัน˚。 *:。".+.. ตอนพิเศษ [P.5*13/7/2557] [จบแล้วค่ะ]  (อ่าน 55085 ครั้ง)

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
เนื้อเรื่องไม่เร็วหรอก กำลังพอดี ยื้อไปไม่มีเรื่องอื่นเพิ่มเดียวจะอึนไปเปล่าๆ
++ ka

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :katai1: ไม่ชอบหลิวเลยให้ตายสิ
ชีนี่อ่อยแล้วใช้ประโยชน์จากคนนอื่นไปทั่ว

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ต้มน้ำไว้รอกินมาม่าดีก่า

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
จะดราม่าแล้วสินะ ชอบบบบบ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เลือก

เลือก บัสเตอร์น่ะ


KanomPhing

  • บุคคลทั่วไป
อ้ากกกกก    เกลียดหมิว เกลียดบรรดาชะนีร้อยเล่มเกวียนในนิยายวาย
เอ้อออ แต่ไม่ชอบจริงๆนะให้ตายสิ
วินเลือกดีดีเลยนะ เลือกหมิวใช่มะละ  เพราะจะได้รู้ว่าเวลาบัสไม่อยู่เป็นไง
จะเกลียดวินอีกคนละนะ ฮึ

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
เกลียดหลิววะ สงเรื่องละ ยังเกลียดเหมือนเดิม คงเส้นคงวา เกลียดวินด้วย ฮือออ บัสทิ้งไปเลย ใจแข็งให้นาน ๆ นะ

ออฟไลน์ candyon

  • นาฬิกาแก้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-0
Chapter 7 *

Special by บัสเตอร์

“วิน...ใครคะ” ผู้หญิงที่กำลังยืนเกาะแขนเขาอยู่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก เขากวาดตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า “นี่วินอย่าบอกนะว่าวินก็เป็นเหมือนพอร์ชกับไวท์น่ะ วินคบผู้ชายเหมือนกับพวกนั้นเหรอ”

 
เป็นเหมือนพี่พอร์ชกับพี่ไวท์...แล้วยังไงวะ?? ถ้าผมกับวินเป็นแบบนั้นแล้วยังไงเหรอ ตอนแรกผมคิดว่าเธอจะเลิกยุ่ง เลิกวุ่นวาย ยอมปล่อยมือวินไปแล้วนะ เหลือแค่วินเองเท่านั้นที่ไม่ยอมปล่อยเธอซะอีก แต่จากสายตาที่แสดงออกมา ผมว่าเธอคงเริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของผมกับวินไม่มากก็น้อย และถ้าผมเดาไม่ผิด ผู้หญิงแบบหลิวคงทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะ หรือเรียกมั่นใจของเธอกลับคืนมา
 

“เปล่า มันไม่ได้เป็นแบบที่หลิวคิดหรอก นี่น้องชายเบสน่ะ พอดีผมกับเขา...บังเอิญเจอกันเมื่อกี้นี้” ผมไม่ได้พยักหน้าตอบรับหรือเออออตามสิ่งที่วินพูดบอกผู้หญิงคนนั้น ก็ผมไม่ได้บังเอิญเจอกับวินสักหน่อย


“อ๋อ งั้นเราไปกันเลยไหมคะ” ผู้หญิงคนนั้นกระแซะเบียดกายตัวเองจนหน้าอกชนไปที่แขนของวิน

 
“หลิวไปรอที่รถนะ นี่กุญแจ เดี๋ยววินขอคุยกับน้องแป๊บนึง” วินดึงแขนตัวเองออกช้าๆแล้วยื่นกุญแจรถตัวเองส่งไปให้ผู้หญิงคนนั้นก่อนจะเดินมาที่ผม

 
นานหลายนาทีกว่าวินจะเอ่ยปากพูดอะไรออกมา ผมคิดว่าเขาคงรอให้หลิวเดินไปให้ไกลจากที่ตรงนี้เสียก่อน


“มึงกลับเองได้ไหม” เขาเดินมาจับรถเข็นที่จอดอยู่ตรงหน้าผม ตอนที่เขาถาม วินเอาแต่ก้มหน้าไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสบตาผมสักนิด


“สรุปว่าวินจะทิ้งผม”


“ไม่ได้ทิ้ง”


“แล้วที่วินกำลังทำอยู่มันคืออะไรล่ะ”
 

“ก็ให้กลับไปก่อน เดี๋ยวกูตามไป”


“.....” ความอึดอัดระหว่าเราสองคนแล่นเข้ามาในอก ผมไม่รู้ว่าตอนนี้วินกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะเขาเอาแต่ก้มหน้า พอผมช้อนคางเขาให้เงยหน้าขึ้นมามอง เขาก็เสหน้ามองไปทางอื่น
 

“วิน...ต้องการให้ผมทำยังไงเหรอ”


“ไปรอที่บ้านกูได้ไหม...”

 
“ไม่ได้...”
 

“ทำไม่มึงเอาแต่ใจแบบนี้ล่ะ”       

 
“ใครกันแน่ที่เอาแต่ใจ...ผมมากับวินนะ แล้วผู้หญิงคนนั้นเขามาทีหลังด้วย ทำไมต้องให้ผมกลับแท๊กซี่ล่ะ ทำไมไม่เป็นเธอที่กลับแท๊กซี่เอง”


“เขาไม่ได้มาทีหลังสักหน่อย” เอ้ออ เอาเข้าไปดิ พูดแบบนี้แม่งต้องการอะไรจากผมวะ “อีกอย่างเขาเป็นผู้หญิงนะบัส บางทีมึงก็ควรให้เกียรติเขามั่ง”


“อ่าวว ผู้หญิงแล้วไงอ่ะ”

 
“ก็มึงเป็นผู้ชาย มึงก็ต้องเสียสละดิ” ผมอยากรู้จริงๆว่าใครเป็นคนคิดตรรกะที่ว่าผู้ชายต้องเสียสละทุกๆอย่างให้ผู้หญิง
 

“เหอะ ผู้หญิง...ผู้หญิงแล้วไงวะ สรุปว่าผู้ชายแม่งต้องเสียสละทุกอย่างเลยรึไง แม้แต่ความรักของตัวเองผมก็ต้องยอมเสียสละใช่ไหม สรุปว่านี่คือสิ่งที่วินเลือกสินะ งั้นผมกลับก็ได้”

 
“ไม่ใช่นะ...” วินยื้อเสื้อผมไว้ไม่ยอมให้ผมเดินจากไป พอผมหันกลับมา ริมฝีปากบางนั้นก็เม้มจนเป็นขีด “ไม่ใช่แบบนั้น”


“แล้วจะเอาแบบไหน”

 
“เราอยู่กันแบบนี้ไม่ได้เหรอ...แบบนี้...แบบที่เป็นอยู่” วินขยับมาใกล้ผมมากขึ้นก่อนจะวางศีรษะลงบนอก มือที่ยื้อเสื้อผมอยู่ไม่ได้ปล่อยแต่กลับจับแน่นราวกับกลัวว่าผมจะเดินหนีไปไหน

 
“วิน...เลิกเห็นแก่ตัวสักทีเถอะ... ผมไม่ไหวหรอกนะ...ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ไม่ใช่ว่าผมรับได้ ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันแล้ววินโทรหาเขา วินคิดว่าผมโอเคงั้นดิ...แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลยนะ....ผมเจ็บ...วินเข้าใจไหมว่าผมเจ็บ” กว่าผมจะกลั่นคำพูดแต่ล่ะคำออกมาเป็นประโยคแบบนี้ได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะทุกคำที่พูดออกมามันไม่ต่างจากการที่ผมเอามีดกรีดใจตัวเองสักนิด

 
“แต่กู...เลือกไม่ได้”

 
“จริงๆแล้ววินอาจจะเลือกแล้วก็ได้ แต่คนอีกคนที่วินไม่เลือก วินแค่เสียดาย...ก็เท่านั้น จะบอกผมตอนนี้เลยก็ได้นะ ผมคิดว่าผมไหว”

 
“ขอเวลาหน่อยได้ไหม นะ...บัสกูขอเวลาหน่อยไม่ได้เหรอ” อึก...ความเจ็บปวดตรงหัวไหล่รับรู้ได้ว่าวินกำลังกัดผม กัดอยู่อย่างนั้น เหมือนเขาแค่ต้องการระบายความโกรธ ความอัดอั้นที่อยู่ในใจ

 
“แค่คืนนี้เท่านั้น”

 
“ไม่เอา” เขาเงยหน้าจากไหล่แล้วกระตุกเบาๆที่เสื้อผมอย่างไม่เห็นด้วย

 
“แค่คืนนี้ครับวิน....ผมให้เวลาได้แค่คืนนี้เท่านั้นจริงๆ” เราสองคนเงียบกันอยู่หลายนาที จนเป็นวินเองที่ขยับตัวเองออกจากผม เขายิ้มบางๆ รอยยิ้มที่ผมมองว่ามันช่างเศร้า หึ ดูก็รู้ว่าเขาเลือกแล้ว

 
และใช่...คนที่เขาเลือกคงไม่ใช่ผม

 



“แล้วนี่มึงจะไปรอกูที่ไหน”

 
“ไปกับวิน...”




 

 

ผมเข้ามานั่งในรถท่ามกลางสายตาไม่พอใจเล็กๆของผู้หญิงที่นั่งอยู่เบาะหน้า เธอหันไปเอียงคอถามวินแต่วินก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาจนขับรถออกจากห้างนั่นแหละเธอถึงเอ่ยปากพูด

 
"วินจะไปส่งน้องใช่ไหม"

 
"ใช่"


"งั้นวินไปส่งน้องเขาก่อนก็ได้นะ”


“แต่คอนโดหลิวอยู่ใกล้กว่า วินว่าจะไปส่งหลิวก่อน”

 
“แล้วถ้าเราสองคนอยู่กันนานล่ะ น้องเขาจะไม่รอวินแย่เหรอ” เวลาวินอยู่กับคนอื่น เขามักจะไม่ค่อยแสดงท่าทีเหมือนอย่างตอนที่อยู่กับผมเท่าไหร่ เขามักจะนิ่ง รับฟังและยิ้มเบาๆ ไม่อ้อน หรือเอาแต่ใจเหมือนตอนที่อยู่กับผม จริงๆผมก็แอบดีใจเล็กๆนะ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเวลาที่วินอยู่กับหลิวมันจะมีสิ่งที่พิเศษแตกต่างจากตอนที่อยู่กับผมหรือเปล่า พอคิดถึงตรงนี้ทีไรก็ต้องถอนหายใจทุกที สำหรับผมมันคงไม่มีอะไรพิเศษหรอกมั้ง

 
“ถ้ามันจะนานขนาดนั้น ก็ให้เขารอไป” วินมองผมผ่านกระจกหลังเป็นระยะๆ สายตาที่ส่งมามันบอกความหมายได้หลายอย่าง ทั้งสับสน กังวล และกระวนกระวาย วินกำลังจนมุม ผมรู้เพราะสิ่งที่ผมยื่นให้เขามันมีแค่สองทางเลือก คือผมไม่ก็หลิว

 
"บัส จะขึ้นไปหาเพื่อนหรือเปล่า" ตอนที่ขับรถมาจอดที่ใต้คอนโดหลิว เราเดินออกมาจากรถพร้อมกัน วินจำได้ว่าเพื่อนผมอยู่คอนโดเดียวกับหลิว
 

"เพื่อนกลับต่างจังหวัด"

 
"งั้น...."
 

"ผมจะรอวินอยู่ที่นี่ "

 
"จริงๆวินน่าจะบอกให้น้องเขากลับแท๊กซี่ไปก่อนก็ได้นะ เพราะอีกนานมาก กว่าวินจะลงมา อาจจะเช้าก็ได้ ใครจะไปรู้" ผมไหวไหล่เหมือนไม่ได้แคร์ในสิ่งที่หลิวพูด

 
"ไม่หรอก น้องคงรอแหละ”
 

"อืม ยังไงก็จะรอ..." ถึงเช้าผมก็จะรอ เพราะถ้าถึงตอนนั้นผมคงพร้อมจะตัดความสัมพันธ์ของเราสองคนด้วยมือของผมเอง

 
สามชั่วโมงกับการรอวินลงมาจากห้องของหลิว สิ่งที่ได้รับคือข้อความไลน์ที่ส่งมาบอกว่าให้ผมกลับก่อน ไม่งั้นก็ไปรอที่บ้านเขา แต่สิ่งที่ผมตอบกลับเขาไป คือยังรออยู่ที่เดิม ผมมาถึงหอหลิวประมาณทุ่มกว่า ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบๆห้าทุ่ม ผมนั่งรอเขาอยู่ในรถ มองลานจอดรถที่มีรถจอดอยู่ไม่กี่คัน ไม่นานก็มีมาสด้าสามสีขาวขับมาจอดข้างๆกับรถผม ผู้หญิงคนนั้นหยิบของทั้งหมดออกจากรถ ซึ่งของส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่น้อยๆ

 

“พี่ครับ เดี๋ยวผมช่วยถือ”

 
“โอ๊ะน่ารักจริงๆเลย ขอบคุณนะจ๊ะหนุ่มน้อย แล้วนี่เรารอใครอยู่เหรอ” พี่สาวคนนั้นส่งของมาให้ผมถือส่วนหนึ่ง ก่อนจะเดินนำหน้าผมไปที่ลิฟต์


“เพื่อนน่ะครับ”
 

“อื้ม จริงๆจะขึ้นไปนอนรอบนห้องพี่ก็ได้นะ มีน้ำ ขนม ของหวานเพียบเลย” แววตาหยอกล้อ ทั้งยั่วยวนและดูเซ็กซี่

 
“ฮ่า ฮ่า” แค่หัวเราะกลบเกลื่อนไม่ได้ตอบรับคำชวนของเธอหรอก ผมรู้ว่าพี่สาวคนนี้ก็ไม่ได้พูดจริงจังอะไร แต่คิดว่าถ้าได้ก็คงดี ผมส่งเธอแค่หน้าห้อง พี่ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีจะคะยั้นคะยอผมให้เข้าไปในห้องด้วย

 
“ขอบคุณมากนะจ๊ะ”

 
“ครับไม่เป็นไร”


“นะ วินอยู่กับหลิว” จูบเร่าร้อน ลึกซึ้งหน้าห้องพักที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงที่ผมอยู่ ทำเอาทั้งผมกับพี่สาวคนนั้นอดชะเง้อมองดูคนสองคนที่กำลังนัวเนียอยู่หน้าห้องไม่ได้


“น่าเกลียดจริงๆ หนุ่มสามสมัยนี้ เราก็กลับไปรอเพื่อนที่รถไป จะมายืนดูหนังสดอะไรตรงนี้ พี่ไปและ”  เสียงประตูปิดลง แต่ผมก็ยังไม่เดินหนีไปไหน มือวินที่ขยับขึ้นกอดเอวพร้อมกับสอดเข้าไปในเสื้อตัวจิ๋วของผู้หญิงคนนั้น

 
“นะ อย่าเพิ่งไปเลย อยู่กับหลิวก่อน”

 
“แต่น้องรออยู่”

 
“วิน...ไหนวินบอกว่ารักหลิวไง” จริงๆผมควรจะเดินหนีออกมาตั้งนานแล้ว แต่ผมแค่รอฟังว่าวินจะพูดอะไร
 

“รักสิ รักมาตลอด...” เท่านี้ก็ชัดเจนแล้วสินะ

 

 

ผมนั่งรอวินอยู่ในรถ ไม่ได้ขยับไปไหน นั่งอยู่ในนั้น พลางคิดถึงเรื่องราวระหว่างเราที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ที่เจอเขาครั้งแรก มีอะไรกันครั้งแรก ดูหนังด้วยกันครั้งแรก ผมกับเขามีครั้งแรกด้วยกันเยอะแยะไปหมด และนี่ก็จะเป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ผมจะตัดใจจากเขาสักที ถ้าบอกว่าไม่เสียใจเลยมันก็ดูจะเป็นเรื่องตลกสุดๆ ผมรักเขาขนาดนั้น ความเสียใจมีอยู่จนล้นแทบจะทะลักออกมาจากอก แต่อย่างที่บอกว่าผมเป็นคนไม่เหมือนคนอื่น ถ้าเลือกจะลืมแล้ว ผมจะลืมทุกอย่าง แม้แต่ความรักที่เคยให้เขาไป ผมจะไม่เกลียดเขา เพราะเขาไม่ผิดอะไร เป็นผมเองตั้งหากที่เดินเข้ามาหาเขาเอง...

 

เหนื่อยชะมัดเมื่อไหร่มันจะจบสักที

 

 


“พี่ปลุกเราหรือเปล่า”

 
“เปล่าครับ” ผมส่ายหน้าให้วินที่เปิดประตูฝั่งคนขับเข้ามา ผมยื่นกุญแจรถให้เขา แล้วยิ้มเบาๆก่อนจะหันไปรัดเข็มขัดนิรภัย วินไม่พูดอะไรออกมาอีก เขาขับรถมาเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน นาฬิกาดิจิตอลในรถบอกเวลา ตีสองสี่สิบห้า รถในกรุงเทพ ณ เวลานี้แทบจะนับจำนวนคันได้ ส่วนใหญ่เป็นแท็กซี่ที่รอรับกลุ่มคนที่เลิกจากเที่ยว บางคนมากันเป็นคู่ บางคนมาคนเดียวแต่เวลากลับก็มีคนกลับด้วย ความใคร่แบบวันไนท์แสตนด์ จริงๆมันก็ไม่ได้ต่างจากเรื่องของผมกับวินเท่าไหร่ แค่ผมกับวินเราไม่ได้เจอกันแค่คืนเดียว แต่เจอกันบ่อยกว่าคู่อื่นก็เท่านั้น ผมกับวินเราตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกว่าเราจะไม่ผูกพันกันทางใจ แต่เป็นผมเองที่เลือกเอาใจผูกกับเขา จริงๆก็ผูกกับเขามาตั้งแต่ที่เจอหน้าครั้งแรกแล้วล่ะ แต่แค่ไม่คิดว่าวันนึงมันจะกลายเป็นความรักขึ้นมาจริงๆ พอมันกลายเป็นความรัก ผมก็เรียกร้องให้เขายึดติด เรียกร้องให้เขาเลือก ทั้งๆที่ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้นด้วยซ้ำ

 
ตอนนี้คิดว่า...ผมเข้าใจแล้วล่ะ เข้าใจทุกๆอย่าง
 

“ขอบคุณครับที่มาส่ง”

 
“มึงจะไม่ถามหน่อยเหรอว่ากูเลือกใคร”
 

“ไม่ต้องถามก็รู้ ว่าวินเลือกใคร....”

 
“มึงแน่ใจได้ไงว่ามันจะเป็นอย่างที่มึงคิด...บางที....” วินพูดออกมาแค่นั้นก่อนจะ เงยหน้าพิงเบาะรถอย่างอ่อนแรง “ขอเวลาอีกหน่อยไม่ได้เหรอ”
 

“............”


“ตอนนี้วินยังปรับตัวไม่ทันเลย นะบัส...ขอเวลาให้วินอีกหน่อยได้หรือเปล่า” เกือบใจอ่อนกับคำพูดและก็สีหน้าที่วินแสดงออกมาแล้วนะ มือที่เอื้อมมาสอดประสานเข้ากับนิ้วของผม ผมเกือบจะบีบมันแน่นแล้วพูดว่า ได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันไม่ได้น่ะสิ


ผมบอกตรงๆว่าตอนนี้ ... ผมหมดใจ

 
“ไม่ว่าวินจะเลือกใคร ผมก็ไปอยู่ดี”
 

“หมายความว่าไง”

 
“จริงๆเรื่องนี้ผมคิดไว้นานแล้ว คิดไว้ตั้งแต่ก่อนที่เราจะไปเที่ยวเขาใหญ่กัน ผมวางแผนไว้ว่าการเที่ยวครั้งนั้นมันจะเป็นความทรงจำครั้งสุดท้ายระหว่างเรา และวันประกาศผลแอดมิดชั่นผมจะเดินออกมาเอง แต่เรื่องของพี่หลิวมันเกิดขึ้นก่อน ผมก็เลยคิดว่าไปตอนนี้ก็ไม่ต่างเท่าไหร่” จริงๆหลังกลับมาจากเขาใหญ่ ผมลืมไปแล้วด้วยว่าผมวางแผนอะไรไว้ ลืมไปแล้วว่าผมจะอยู่กับวินอีกแค่สามอาทิตย์แล้วหลังจากนั้นผมก็จะไม่ยุ่งกับวิน แต่ความสุขทำให้ผมลืมความจริง ต้องขอบคุณพี่หลิวจริงๆที่ทำให้ผมนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้


"บัส.."

 
“อีกอย่าง..วินน่ะไม่ได้ชอบผม...ใช่ไหมล่ะ”
 

“ไม่ใช่นะ..”

 
“พอเถอะ...รู้ทั้งรู้ว่าใจตัวเองเลือกใครก็ยังมาพูดกับผมแบบนี้ เลิกเห็นแก่ตัวสักทีวิน เลิกนิสัยแบบนี้ได้แล้ว” ผมดึงมือตัวเองออกจากมือวิน  เขานั่งนิ่ง เงียบ ไม่มีเสียงสะอื้น ไม่มีน้ำตา มีแค่แววตาที่สะท้อนกลับมาให้ผมเห็น

 
“กูแค่สับสน...ให้เวลากูหน่อยไม่ได้รึไง มึงไม่คิดเหรอว่าหลิวเขาน่าสงสาร เขา...ไม่มีใครเลยนะ”

 
“แล้วผมล่ะ...วินคิดว่าผมไม่น่าสงสารบ้างเหรอ” ไม่รู้เลยว่าเสียงตัวเองมันสั่นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ “ผม...ต้องทนดูวินรักเขา โดยที่ไม่รู้เลยว่าวินจะหันมารักผมตอนไหน ผมไม่ใช่พระเอกนะวิน ผมเจ็บเป็น ผมทนไม่ได้แล้วว่ะ ผมเหนื่อย พอเถอะ เรื่องของเราให้มันจบแค่นี้แหละ”

 
“บัส...” วินครางชื่อผมพร้อมกับรั้งชายเสื้อผมไม่ให้ขยับลงจากลงรถ “ถ้าสมมติกูเลือกมึงล่ะ”

 
รู้เลยว่าเขาจับชายเสื้อผมแน่นแค่ไหน  ถึงในนี้มันจะมืด แต่ผมก็เห็นว่ามือเขากำเสื้อผมแน่นจนเส้นเลือดปูด ผมขยับหันหน้ามามองวินอีกรอบ ดวงตา จมูก โครงหน้า โดยรวมแล้วเขาเป็นคนหล่อคนหนึ่งเลย แต่ไม่รู้ทำไมตอนที่เจอครั้งแรกผมถึงมองว่าเขาน่ารัก ริมฝีปากบางที่ผมจูบทีไรก็อดก้มลงไปลิ้มลองอีกครั้งไม่ได้ แต่ริมฝีปากยังมีรอยลิปสติกของผู้หญิงคนนั้นเลอะอยู่เลย ผมยกมือขึ้นเช็ดลิปสติกสีแดงที่เลอะตรงมุมปากให้เขา วินเม้มปากแน่น สายตาที่ส่งมา... มันเหมือนกับว่าวินกำลังเรียกร้องให้ผมจูบเขา เหอะ น่าขำ ทั้งๆที่ตัวเองเพิ่งจูบกับคนอื่นมาแท้ๆ

 

 

“บัส...”

 


 

"พอเถอะครับพี่วิน ที่ผ่านมาผมขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างนะครับ ต่อจากนี้ผมขอเป็นแค่น้องชายของเพื่อนพี่ดีกว่า แล้วเจอกันครับพี่ ขับรถดีๆนะครับ”

 

 

 

 

 >>>>>>>>>>>>>>TBC

หลิวเอาอีกแล้วT^T ทำไมทุกเรื่องจะต้องมีผู้หญิงคนนี้มาเกี่ยว แต่ลองมองอีกมุมว่าจริงๆเธออาจจะแค่ต้องการสร้างความมั่นใจให้แก่ตัวเองอย่างที่บัสพูดก็ได้

แต่ตอนนี้คนแต่งสงสารวินอ่ะ

ปล.รักคนอ่าน>< :mew1:
 

 

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
สงสารวิน??? ไม่เลย ปล่อยให้จมกองทุกข์ไปเลย
บัสไปแล้วอย่ากลับมาคืนดี มีคนใหม่ไปเลย ให้คนตัดสินใจอะไรไม่ได้กระอักเลือดในอกตายไปเลย

เบื่อพวกโลเล คิดมาก จบแบบนี้ท่าจะดีนะ

++ค่า

ออฟไลน์ Gapompom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
คนที่น่าสงสารที่สุดคือ บัส ไม่ใช่ วิน
การที่เราเห็นคนที่เรารักไปรักคนอื่น แค่นี้ก็เจ็บมากพอแล้ว
ทั้งๆที่อยู่ด้วยกัน แต่พอคนนั้นเข้ามา
เขาก็เลือกคนนั้นแล้วให้เรารอเขา และทิ้งเราไปกับคนนั้น
ถ้าเขาเลือกไม่ได้ เราก็ควรออกมา เจ็บตอนนี้ ดีกว่าเจ็บไปตลอด
เพราะงั้นบัสทำถูกที่สุดแล้วที่เดินออกมาจากวิน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ขอให้ลืมได้ในเร็ววัน ปล่อยมันไปเถอะบัส

คนโลเล เห็นแก่ตัวไม่มีค่าให้รักค่ะ
ส่วนใครน่าสงสารแค่ไหนก็ไม่มีสิทธิทำร้ายคนอื่น

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :fire: เอาจริงๆนะ ไม่สงสารวินเลยอ่ะ ตอนนี้วินมันเป็นคนเห็นแก่ตัวชัดๆ จะเรียกว่าโลเลก็ไม่ได้
เพราะ วินมันก็รู้ว่าตัวเองรักหลิว แต่กับบัสยังแค่รู้สึกดีแต่ยังไม่รู้ว่ามากขนาดไหน

 :z6: ส่วนหลิว เราหมั่นไส้นางมาก อินี่มันตัวคนเดียวที่ไหน ร่านเอากับ ผช ไปทั่วไม่ใช่เหรอ ไม่เข้าใจว่าทำไมวินรักคนแบนี้

 :hao5: ห่างๆกันก็ดีนะ ถ้าวินมันสำนึกตัวเองช้า อยากจะเชียร์ให้บัสมันเจอคนใหม่ดีๆจริงๆเลย

ออฟไลน์ candyon

  • นาฬิกาแก้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-0
Chapter 8


หนึ่งหรือสองเดือนได้แล้วมั้งที่ผมกับบัสเตอร์ไม่ได้ติดต่อหรือคุยกันเลย เขาไม่โทรมา ผมเองก็ไม่กล้าพอจะโทรหาเขา ก็...ในเมื่อเขาเอ่ยปากตัดความสัมพันธ์ขนาดนั้น ผมคงไม่กล้าโทรไปหาเขาหรอก ป่านนี้จะเป็นยังไงมั่งก็ไม่รู้ เห็นเบสบอกว่าย้ายไปอยู่คอนโดแถวๆมหาลัย บัสเตอร์ไม่ติดมหาลัยที่เชียงใหม่ แล้วก็ไม่ติดมหาลัยในเขตปริมณฑลด้วย แต่เขาติดมหาลัยเดียวกับผมแล้วก็เบส คณะศิลปกรรมอย่างที่มันบอกว่าจะเรียนนั่นแหละ แต่ถึงอยู่มหาลัยเดียวกัน...มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก



วันแรกที่มันบอกเลิกความสัมพันธ์ของเรา เบสโทรมาหาผมในเช้าวันต่อมาบอกว่ามันไม่เคยเห็นบัสเตอร์ร้องไห้เลยสักครั้ง บัสเองก็ไม่รู้ว่าไอ้เบสรู้เรื่องนี้



(มันเข้ามานอนที่ห้องกู อยู่ๆก็เปิดประตูเข้ามาแล้วก็สอดตัวเข้ามาในผ้าห่ม เสียงถอนหายใจหนักๆ ตอนแรกกูจะหันไปพูดกับมันแล้ว....แต่..)


“แต่อะไร”


(แต่มันกอดกูก่อน กอดแน่น แน่นมากอ่ะมึง สักพักกูก็รู้ว่ามันร้องไห้ เพราะความชื้นที่เสื้อ...ตอนแรกกูก็คิดว่ามันอาจจะเป็นแค่เหงื่อ...แต่มันไม่ใช่...เพราะสิ่งที่มันพึมพำออกมามันไม่ใช่...มึงคิดว่ามันพูดอะไร ให้ทาย) บางทีผมก็อยากถีบเพื่อนตัวเอง แม่งจะมาให้ผมเดาทำไม


“ไม่รู้ดิ...กูไม่ได้อยู่ตรงนั้น”


(มึงพูดเหมือนมึงไม่อยากรู้)


“ขอร้องล่ะเบส...บอกกูเถอะ ตอนนี้กูไม่ไหวจะมาเล่นลิ้นหรือเล่นเกมส์ตอบคำถามกับมึงหรอกนะ”


(มันพูดว่า ผมเลิกชอบเพื่อนเบสแล้วนะ ผมเลิกรักพี่วินแล้ว)


“...................”

 
(เชื่อไหมว่ากูได้ยินมันเรียกมึงว่าพี่แค่ไม่กี่ครั้ง และนี้ก็เป็นอีกครั้งที่มันเรียกมึงแบบนั้น)


"......"


(มึงจะเงียบทำไมเนี่ย มึงไม่ได้รักเขาไม่ใช่เหรอ)


"ไม่ใช่..."


(ไม่ใช่แล้วอะไร รักเหรอ แล้วหลิวล่ะ ไหนบอกว่ารักผู้หญิงคนนั้น ถามตัวเองดูที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เสียใจ? หรือ เสียดาย? กูแนะนำมึงนะวิน มึงกลับไปหาอินั่น...โอเคๆให้เกียรติผู้หญิง กลับไปหาหลิว ผู้หญิงที่มึงรักปานจะกลืนกินคนนั้น ทุกอย่างก็จะจบ ไม่ต้องนึกถึงว่าบัสเคยรู้สึกยังไงต่อมึง เพราะตอนนี้...ไม่มีแล้ว)


"บัสมันลืมกูได้จริงๆเหรอ..." ทำไมล่ะ ทำไมมันถึงลืมกันหรือตัดใจกันได้ง่ายดายขนาดนั้น


(บัสเตอร์เป็นคนแปลกๆ มันไม่เหมือนกับคนอื่น ถ้ารักคือรักและทุ่มเท กูพูดจริงๆว่าถ้ามันเลิกชอบ ก็คือเลิกแหละมึง...เออแค่นี้พี่
อาร์มโทรมา)



หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้ติดต่อเบสอีก จริงๆมันไลน์มาบอกผมว่าไม่ต้องโทรหา เพราะมันคงไม่อยู่ช่วงปิดเทอม ส่งสติ๊กเกอร์เข้ามาในกลุ่มแล้วบอกว่าจะไปฮันนีมูนกับพี่อาร์ม ไอ้เกมส์กับไอ้ไวท์หมั่นไส้ขั้นสุดจนถึงขนาดแอบมาถามผมนอกรอบว่ามันจะไปเปิดตัวกับที่บ้านพี่อาร์มแล้วหรือเปล่า แต่ก่อนไวท์เป็นพวกโลเทคโนโลยี แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วแฟนมันนั่นแหละที่สอน จะว่าไปช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้คุยกับไวท์เท่าไหร่ แต่ก่อนเวลาจะไปไหนมาไหนผมไม่เคยลืมเลยที่จะโทรหาไวท์


ไวท์เป็นคนแรกๆที่ผมจะห่วงเสมอ เป็นเพื่อนคนแรกๆที่ผมพร้อมจะปกป้องและก็ดูแล แต่พอเรื่องระหว่างพอร์ชกับไวท์ดูราบรื่นขึ้นผมก็ไม่ค่อยได้ติดต่อไวท์เท่าไหร่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเรื่องนั้น อีกส่วนเป็นความรู้สึกผิดลึกๆที่ผมทำกับเขาสองคน ผมเคยคิดที่จะแยกเขาสองคนออกจากกัน ผมโกหกที่จะปกป้องไวท์ จริงๆแล้วผมอยากปกป้องหลิว ผมอยากเห็นหลิวยิ้ม ไม่อยากให้เขาร้องไห้ อยากให้พอร์ชกลับมาดูแลคนที่ผมรัก แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผิดแผนไปหมด ตอนนั้นคนที่อยู่ข้างผมแล้วพูดว่าช่างมันเถอะ วินไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรหรอก ก็มีแค่บัสเตอร์เท่านั้น เขาอยู่ข้างๆผมมาตลอด จับมือ ปลอบ รู้ทั้งรู้ว่าหลังจากเกิดเรื่องนั้นเขาก็เกือบจะกลายเป็นส่วนเกิน แต่เขาก็ยังไม่ไปไหน เขาอยู่กับผม จนผมคิดว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน เราอยู่แบบนี้ก็ได้ ไม่ต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง แต่ทำไมตอนนี้บัสถึงทำแบบนั้นไม่ได้ ทำไมล่ะ



ทำไมเราถึงเป็นเหมือนตอนนั้นไม่ได้



ผมไม่เข้าใจเลยสักนิด

 


 
ผมมุดหน้าลงกับหมอนแล้วถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ในมือยังมีโทรศัพท์มือถือกับภาพของผมกับมันที่มีอยู่น้อยนิด น้อยมาก จริงๆมีแค่ไม่กี่สิบรูปด้วยซ้ำ ผมเปิดดูเฟสบุคของบัสในนั้นไม่มีอะไรอัพเดตสักอย่าง จริงๆมันแทบจะเป็นเฟสร้างไปแล้วด้วย


“ตอนนี้มึงทำอะไรอยู่วะ...” รู้ไหมว่ากู.....



แกร๊ก


“ไง...” ผมหันไปตามเสียงเรียก พร้อมกับใครสักคนที่เปิดประตูเข้ามา “มึงคิดว่าตัวเองจะนอนอยู่แบบนี้อีกนานแค่ไหนกัน”


ผมขยับตัวพิงเตียงเอียงคอถามผู้ชายที่เดินเข้ามานั่งบนเตียงผม “มาได้ไง”


“หายตัวมามั้ง มึงไม่ติดต่อหากูเลย...ปิดเทอมแบบนี้ปกติโทรหากูตลอดไม่ใช่หรือไง”


“ก็กูไม่ค่อยมีเวลา” ผมยิ้มตอบมันเบาๆ


“อยากกอดกูไหม”


“ทำไมกูต้องกอดมึงด้วยวะไวท์” ผมเบ้ปากใส่ไอ้ไวท์ เพื่อนสนิทอีกคนของผม จำไม่ได้แล้วว่านานเท่าไหร่ที่ผมกับมันไม่ได้นั่งคุยกันแบบนี้


“กูตัวหอมนะ...แต่ก่อนมึงชอบกอดกูไม่ใช่เหรอ”


“อะไร..ไม่ใช่สักหน่อย”


“ตอแหล กูรู้ว่ามึงแต๊ะอั้งกู”


“ฮ่าฮ่า” ผมหัวเราะออกมาในที่สุดก่อนจะดึงคนตัวหอมมาไว้ในอ้อมกอด ไวท์ยกมือขึ้นกอดตอบผมช้าๆ ความรู้สึกอบอุ่นแทรกเข้ามาในหัวใจ มันเต็ม และมากพอที่จะทำให้ความเครียดหลายๆอย่างบรรเทาลง


“แม่บอกว่ามึงเอาแต่อยู่ในห้อง”


“อื้อ...”


“แล้วนี่อาบน้ำยังเนี่ย”


“ทำไม ถ้ากูไม่อาบน้ำแล้วมึงจะไม่ยอมให้กอด” ผมวางศีรษะตัวเองไว้บนบ่าเล็ก เอียงหน้ามองคนตรงหน้า ไอ้ไวท์ยกมือขึ้นเขกกะโหลกผมเบาๆแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีจะผลักตัวผมออกจากบ่าตัวเอง ตัวไวท์หอมจริงๆนั่นแหละ


“ก็แนวๆนั้น”


“อาบแล้ว...ขอกอดหน่อยนะ” ผมชอบอ้อนไวท์ และเกือบทุกครั้งมันตามใจผม ยกเว้นเสียแต่ว่า...


“อะไรน่ะ” ไอ้ตัวปัญหาที่ไม่ได้รับเชิญที่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตรงประตู “ไหนบอกว่าจะพามันไปแดกเหล้าไม่ใช่เหรอไวท์  แล้วนี่อะไรวะ”


“พอร์ชกูบอกให้มึงรอข้างล่าง”


“อะไรอ่ะ” หน้าไอ้พอร์ชยู่ยี่ทำปากเบะเหมือนแมวที่กำลังขอร้องเจ้าของให้เดินตามมันไป แต่แน่นอนเจ้าของคนนั้นอยู่ในอ้อมกอดผม และผมก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยด้วย ผมหมั่นไส้ไอ้พอร์ช


“พอร์ช...ข้างล่าง”


“ไม่เอา”


“พอร์ช”


“ไวท์อ่า..” มันอ้อนอีกครั้ง แต่ก็เท่านั้นเพราะแค่ไอ้ไวท์หันไปเลิกคิ้วนิดเดียวมันก็ยอมอ่อนลงง่ายๆ ” เออๆ ก็ได้ เชี่ยวินมึงเลิกกอดไวท์ได้แล้ว แม่งเอ๊ย!!!” มันโวยวายแต่สุดท้ายก็เดินออกจากห้องไป


“ไอ้พอร์ชดูเปลี่ยนไปนะ”


“มาก”


“มึงทำไงอ่ะ”


“ก็ไม่ได้ทำอะไร แค่ทำให้มันรู้ว่ากูใหญ่สุด” ผมล่ะเชื่อกับไอ้ไวท์จริงๆ


“แล้วที่มันบอกว่าจะพากูไปกินเหล้า”


“ใช่ กูนัดสังสรรค์ วันนี้วันเกิดเกมส์ มึงคงลืมไป กูเลยมาเตือนสติ” เออว่ะ ผมลืมสนิทเลยว่าวันนี้วันเกิดเกมส์ ที่ผ่านมาผมเอาแต่นอนจมอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม แทบไม่รู้วัน รู้คืน ใดๆทั้งสิ้น “บางทีมึงควรออกไปข้างนอกบ้าง ชีวิตมันควรเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว”


“กูไม่ไหว”


“วิน...เรื่องนี้มึงเป็นคนเลือกเองไม่ใช่เหรอ มึงเลือกแล้ว”


“แต่ไวท์...กู”


“เอาน่าเดี๋ยวเรื่องนี้เราค่อยคุยกัน ไปแต่งตัวได้แล้วกูรอข้างล่างนะ” ผมพยักหน้าตอบไอ้ไวท์เสร็จก็เดินเข้าไปอาบน้ำ หลังจากนั้นมันสองคนก็ขับรถไปที่ผับประจำ ผับที่ผมพามันสองคนมาเจอกันครั้งแรก


วันนี้คนไม่เยอะ จริงๆแทบจะไม่มีหรือน้อยมาก ไอ้เกมส์นั่งอยู่ตรงชั้นสองโบกมือให้ผมกับพวกไอ้พอร์ชที่เดินเข้ามา


“ไวท์ หลังจากนี้เราไปทะเลกันไหม” ผมหมั่นไส้เชี่ยพอร์ชมากถึงมากที่สุด ตั้งแต่แม่งขึ้นรถแหละ ออเซาะไอ้ไวท์เสียจนผมแทบอยากจะถีบให้มันดิ้นตายตรงหน้า เชื่อไหมตอนขึ้นรถมามือมันแทบจะไม่ปล่อยจากมือไอ้ไวท์เลย จับแน่นทำราวกับว่าไวท์มันจะหนีหายไปไหน แต่พอมาคิดๆดูอีกที ผมคิดว่ามันคงทำเป็นประจำ เพราะไวท์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะดึงมือออก


“เราเพิ่งไปเชียงใหม่กันมา”


“แต่กูหมายถึงทะเล” ไอ้พอร์ชเข้ามานัวเนียไวท์อีกรอบ มือที่กอดรอบเอวกับหน้าที่ซุกลงบนบ่า มันดึงตัวไวท์ให้นั่งลงบนตัก ผมหันไปมองไอ้เกมส์แบบเอือมๆ มันก็ทำไรไม่ได้นอกจากส่งสายตาเอือมๆกลับมา


“เชี่ยพอร์มึงเลิกนัวกูได้แล้ว” ไอ้ไวท์พูดเสร็จก็กระทุ้งศอกไปที่พอร์ช


“อึก...ไวท์...พอร์ชเจ็บนะ” สมน้ำหน้า หน้ามันตอแหลมากอ่ะ ตอนที่มันพูดแทนด้วยชื่อตัวเอง ไวท์ขยับมานั่งข้างผมก่อนไอ้พอร์ชจะขยับมานั่งใกล้ๆ


“กูเอือมมึงจริงๆว่ะพอร์ช”


“ก็กูอยากอยู่ใกล้มึง”


“ไข่มึงอยู่ติดกูหรือไง”


“เคยติดบ่อย”


“ไอ้..เอี้ย” ผมเลิกสนใจการรวมร่างของมันสองคนแล้วหันไปมองไอ้เกมส์แทน


“มึงเป็นไงมั่งวะ”


“ก็เรื่อยๆ แต่มึงคงไม่สินะ” เหล้าสีอำพันถูกกระดกเข้าปากมันก่อนสายตาที่เบนไปตามที่ต่างๆจะหันกลับมามองที่ผม


“พวกมึงรู้เรื่องกูหมดทุกคนเลยเหรอ”


“อื้ม รู้หมด รู้ด้วยว่ามึงอยู่ฝั่งไหน คิคิ” ใครถามมึงวะพอร์ช บางทีเงียบๆไปก็ไม่มีใครเขาด่ามึงหรอก


“คิคิพ่อง” ผมปาฝาโซดาที่อยู่แถวนั้นใส่ไอ้พอร์ชอย่างแรง แม่งดูมันดิ มันกวนตีน ทำยักคิ้วหลิ่วตาล้อผมไม่พอยังหันไปพูดอะไรสักอย่างกับไวท์อีก พวกมันต้องมีอะไรบางอย่างปิดผมไว้แหงๆ


“เห็นไหมกูบอกมึงแล้ว” ไอ้ไวท์ก็อีกคน


“อะไรของพวกมึงวะ กระซิบกระซาบกันอยู่นั่น”


“เปล่า”


“เปล่าเชี่ยไรก็กูเห็น” ผมหัวเสียกับมันสองตัวมากอ่ะ ขี้เกียจจะสนใจแล้วแม่ง “พอเลย เลิกมองหน้ากูแบบนั้นได้ไหมไวท์”


“วิน” ไวท์เอื้อมมือมาลูบเบาๆที่แก้มผม “รู้ตัวหรือเปล่าว่าน่ารักขึ้น”


“.........”


“เห็นไหมเกมส์มึงดู มึงดูหน้าไอ้วินดิ หูแดงแปร๊ดเลยว่ะ ฮ่า ฮ่า” ไอ้ไวท์หัวเราะเสียงดังลั่นก่อนจะเอนหลังพิงผัวมัน ใช่เรียกแม่งอย่างงี้แหละ ผัวมันที่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่ต่างจากไอ้ไวท์ มันกอดเอว เอามือสอดเข้าไปในเสื้อ ลูบเบาๆ ไอ้ไวท์ไม่รู้ตัวเพราะมันกำลังหัวเราะ ส่วนไอ้พอร์ชหัวเราะด้วย ลวนลามแฟนมันไปด้วย เออแม่งโรคจิต ปกติเวลาที่อยู่ด้วยกันสองคนมึงใช้เวลาไม่พอหรือไง


“พอเถอะไวท์” กูอาย...แม่งเอ๊ย!!


“ฮ่า ฮ่า โอเคๆแดกเหล้าดีกว่า เชี่ยพอร์ช พอเลยมือมึงอ่ะ คิดว่ากูโง่ใช่ไหม” ผมละสายตาจากมันสองคนอีกครั้ง ก่อนจะหันไปมองผู้คนที่กำลังเข้ามาในผับ มากหน้าหลายตา มีทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน  ผู้คนเหล่านี้มาปลดปล่อยความเครียดแล้วหาความสุขเข้าใส่ตัว เสียงเพลงยังดังตึงตังในหัว มันดังมาก แต่ไม่มากพอที่จะดังกลบความรู้สึกผมที่มีต่อใครคนนึง



ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบัสเตอร์จะกลายมาเป็นคนที่มีอิทธิพลกับผมมากมายขนาดนี้  หรือจริงๆแล้วผมอาจจะรักบัสเตอร์...งั้นเหรอ


“รักดิ” เสียงไอ้พอร์ชพูดบอกไอ้ไวท์ที่กำลังยื้อไอโฟนจากมือไอ้พอร์ช


“ถ้ารักมึงก็ลบรูปในไอจีมึงเลย เชี่ยพอร์ชเอามา มึงเอารูปนั้นไปลงได้ไง”


“ก็รักแบบพอร์ชมันเป็นรักที่ต้องแสดงออกอ่ะ”


“จะลบไหม”


“ไวท์มันไม่มีไรเลยนะ แค่รูปที่มึงนอนบนเตียงตอนหลับ...แค่นั้น”


“แต่รูปนั้นกูไม่ได้ใส่เสื้อไงสัส ลบออกเดี๋ยวนี้” หึ ถึงว่าทำไมไอ้ไวท์มันถึงโกรธจัดขนาดนี้ แต่ถึงลบไปก็เท่านั้นแหละครับ แฟนคลับมันคงแคปรูปพวกนั้นไว้แล้วเรียบร้อย


“วิน” ไอ้เกมส์เรียกผมให้หันไปมอง ควันบุหรี่ถูกพ่นออกจากปาก ก่อนจะเบนหน้าลงไปชั้นล่างของผับ “มึงดูนั่นดิ ใช่บัสเตอร์หรือเปล่าวะ”


“ไหน” ไม่ต้องให้ไอ้เกมส์พูดบอกกับผมเป็นครั้งที่สอง ผมรีบหันไปมองกลุ่มคนที่กำลังเดินเข้ามาในผับ ใช่...ในนั่นมีบัสเตอร์ และก็มีคนอีก 5-6 คนที่ผมไม่รู้จัก เขากำลังหาที่นั่ง ก่อนจะนั่งลงใกล้ๆกับเวที บัสเตอร์ดูไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย เขาไม่เปลี่ยนสักอย่างทั้งรอยยิ้ม หุ่น หรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่าเขาเครียด หรือคิดมาก เขาดูสบายมากเสียจนผมอดคิดไม่ได้ว่าเขาไม่เคยเสียใจเลยรึไงที่เดินจากผมไปแบบนั้น


“ดูมันสบายดี...”


“อื้อ”


“กูว่ามันตอแหลมึงแล้วแหละเรื่องที่มันบอกว่ารักมึงมากอ่ะ ถ้ารักมากมันก็ต้องมีร่องรอยแห่งความเศร้ามั่งดิวะ ดูดิยิ้มแป้นแล้น มีความสุขจะตายห่า” นั่นดิ ผมคงเข้าใจเรื่องนี้ผิดมาตลอด


“อย่าไปมองมันเลย มึงก็อยู่ของมึงเหมือนเดิม หลิวไง อยู่กับหลิว คนที่มึงรัก”


“อื้อ..ก็คงงั้น” ผมเอนตัวพิงเบาะนั่งด้วยท่าทีสบายๆก่อนจะหลับตาลงช้าๆ รักหลิวงั้นเหรอ ผมว่าตอนนี้ผมเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าผมรักเธอหรือเปล่า


“นี่มึงยังติดต่อกับหลิวอีกเหรอวะ” ไอ้พอร์ชเสนอหน้ามาถามผม


“อื้อ ก็ยังคุยกัน กินข้าว ดูหนัง เหมือนเดิมแหละ” เหมือนเดิมทุกอย่าง มีแค่ ความรู้สึกของผมเท่านั้นที่มันเปลี่ยนไป


“กูว่ามึงควรถอยออกมา”


“พอเหอะพอร์ช...เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก”


“แต่ไวท์...ผู้หญิงคนนั้นมัน..” ผมไม่ได้อยู่ฟังมันสองคนเถียงกัน แต่ลุกออกมาจากที่นั่งก่อน พวกมันคงเดากันเอาเองว่าผมไม่ชอบที่มันพูดถึงหลิวในทางที่ไม่ดี แต่ไม่ใช่ผมแค่เหนื่อย อยากลุกออกมาล้างหน้าล้างตาก็แค่นั้น


“อ๊า อา” เสียงครางดังมาจากหนึ่งในห้องน้ำที่ถูกปิดอยู่ ห้องน้ำชายที่มีเสียงครางดังของผู้ชาย จริงๆมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่บางทีควรจะเก็บเสียงบ้าง


“อ๊ะ..อา” เขาสองคนคงคิดว่าตอนนี้คนยังไม่เยอะเท่าไหร่ จะทำอะไรก็คงต้องรีบๆทำมันซะตอนนี้ เพราะตั้งแต่เข้ามาผมยังไม่เห็นใครเดินตามเข้ามาในห้องน้ำนี้เลยสักคน


“บัส...บัสแรงอีก” เสียงเรียกชื่อจากใครสักคนที่อยู่ในห้องนั้นทำเอาผมหยุดหายใจไปชั่วขณะ ผมส่องกระจกแล้วมองผ่านเลยไปตรงประตูที่ถูกปิดอยู่เสียงตึงตั้งของคนที่ถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาพร้อมกับเสียงหอบหายใจที่ยังมีมาให้ได้ยินเรื่อยๆ


ขอให้ไม่เป็นอย่างที่ผมคิด



ผมยืนรอ ยืนมอง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมต้องมายืนรอหรือฟังเสียงเขาสองคนทำอะไรกันจนเสร็จ ผมก็แค่อยากดูให้แน่ใจว่าคนในนั้นจะไม่ใช่คนที่ผมคิด


เสียงก๊อกแก๊กดังขึ้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว คนแรกที่ออกมาเป็นผู้ชายผิวขาวตัวเล็ก ปากแดงแปร๊ด กับดวงตากลมโตที่มีแววตกใจตอนที่ผมจ้องมองเขาผ่านกระจก เขาก้มหน้าหนีผม หูที่แดงระเรื่อบ่งบอกว่าเขาอายกับสิ่งที่เกิดขึ้น


“บัสพี่ไปก่อนนะ”


“เดี๋ยวดิพี่บลู อันนี้เสื้อพี่” ภาพที่เห็นคือบัสเตอร์ส่งเสื้อยีนส์ไปให้ผู้ชายตัวเล็ก ก่อนเขาจะคว้าเสื้อตัวนั้นมาถือไว้แล้วทำท่าจะเดินออกจากห้องน้ำ แต่ก็นั่นแหละ เขาเดินไปไหนไม่ได้ เพราะบัสเตอร์ดึงตัวคนชื่อบลูไว้ก่อนจะจูบลงไปที่ริมฝีปากแดงๆนั้นอย่างหนัก “พี่บลูน่ารักมากอ่ะ”


ผมมองการกระทำเหล่านั้นผ่านกระจก บัสเตอร์ไม่เห็นผม เพราะตอนที่เขาออกมาเข้าก้มหน้า แล้วตอนนี้เขากำลังหันหลังแล้วทาบทับคนชื่อบลูไว้ บ้ามากผมไม่ควรยืนอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ


“พอเถอะบัสมีคนอยู่...”


“อ่าวเหรอ” มันพูดเสร็จก็หันมาสบตาผมในกระจก แววตาที่ถอดมองมาไม่เหมือนเดิม เขาไม่ได้แยแสผมสักนิด เพราะตอนที่เขาหันกลับไปหาคนชื่อบลูแล้วละเลงจูบอีกรอบก็พอเดาได้แล้วว่าเขาไม่สนใจผม


“บัสเตอร์พี่โกรธแล้วนะ”


“พี่บลูอ่ะ”


“ถ้าทำอีก อ๊ะ...คืนนี้ห้ามมาหาพี่”


“ใจร้ายมาก” ผมยืนกัดริมฝีปากฟังบทสนทนาเขาทั้งคู่ด้วยความรู้สึกเหมือนไม่มั่นคง


“จะร้ายมากกว่านี้อีกถ้ายังทำต่อ พี่จะออกไปแล้ว...ไปพร้อมกันไหม”


“พี่บลูออกไปก่อนนะเดี๋ยวผมล้างมือแป๊บนึง” ผมหันหน้าหนีสายตาเขาทันทีที่บัสเตอร์หันมาสบตาด้วย เราไม่มองหน้ากันนานแค่ไหนแล้วนะ ช่วงจังหวะหนึ่งผมรู้สึกเลยว่าตัวเองส่งสายตาโหยหาไปให้เขา ผมไม่ควรทำแบบนั้นด้วยซ้ำ




เรื่องของผมกับเขามันจบแล้ว เขาไม่แคร์อะไรผม ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรเลยสักนิด




“ไง” เป็นผมเองที่เอ่ยปากทักเขาก่อน เรายืนมองหน้ากันผ่านกระจก ผมไม่รู้เลยว่าสายตาที่ส่งมามันเฉยเมยจริงๆแบบที่ผมมองดูอยู่หรือเปล่า มันไม่มีความอ่อนโยน ไม่มีอีกแล้ว กระจกมันหลอกผมหรือสิ่งที่ผมเห็นเป็นเรื่องจริง


“ก็ไม่ไง พี่วินสบายดีนะครับ” ผมเผลอเม้มปากตอนที่ได้ยินคำว่าพี่จากปากบัว ไม่ชอบเลย ไม่ชอบแบบนี้เลยสักนิด


“อื้อ สบายดี คนเมื่อกี้...เขา..”


“ทำไมเหรอ...อยากรู้รึไง”


“..........”ผมก้มหน้าไม่ตอบคำถามเขา


“พี่บลูเป็นคนดี ดีกว่าคนที่ผมเคยรู้จักมาอีกหลายคน”


“บัส..” เสียงผมสั่นมาก สั่นจนกลัวว่าเขาจะจับได้ ผมกลัวว่าบัสจะรู้ว่าผมคิดถึง กลัวว่าเขาจะรู้ว่าผมโหยหา อ้อมกอด อยากจูบ อยากสัมผัส มารู้ว่าเราเลือกคนผิดก็ตอนที่มันสายไปแล้ว



“ครับ”



“เปล่า..ไม่มีอะไร”



“ถ้าไม่มีอะไรพี่วินก็ควรปล่อยเสื้อผมนะ...”



“ขอโทษ...”



“ขอโทษทำไมพี่ พี่วินไม่ผิดอะไร ผมตั้งหากที่ผิด....ผิดที่เข้าไปยุ่งกับคนอย่างพี่” บัสเตอร์กำลังฆ่าผม เขากำลังใช้มีดกรีดเข้าไปในหัวใจช้าๆ








ถ้ามันคือการแก้แค้นบอกเลยว่าเขาทำสำเร็จ




>>>>>>>>>>>>TBC


ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
บัสเตอร์ลืมวินได้จริงๆหรอ???

อ่านตอนนี้แล้วสงสารวินจังครับ,,,

ดราม่า ได้ใจ ชอบๆๆๆ

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
สมควรแล้วที่วินต้องเสียใจแบบนี้
++ ค่ะ

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :hao5: ตอนนี้เศร้าจริงๆ จะว่าสงสารวินก็ไม่เต็มปากเพราะเราสงสารบัสเตอร์มากกว่า
วินเป็นเหมือนคนเห็นแก่ตัว และรู้ตัวเองช้า
ถึงจะรู้ว่าบัสเตอร์สำคัญแต่วินก็ยังตัดหลิวไปไม่ได้
ถ้าบัสเตอร์คิดแก้แค้นก็คงจะสงสารวินนั่นแหละ
แต่ถ้าบัสเตอร์มีชีวิตใหม่ก็คงดีแล้ว
ถ้าทั้งสองคนยังรักกันก็คงผ่านเรื่องดราม่าไปได้ แต่คงอีกนาน ฮ่าฮ่าฮ่า
เพราะขนาดเรื่องที่แล้วกว่าจะผ่านดราม่ายังเกือบจบเลย

ออฟไลน์ blur

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อยากอ่านต่อๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ qq_oo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +143/-4
รอๆๆๆตอนต่อไป   

ออฟไลน์ candyon

  • นาฬิกาแก้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-0
Chapter 9

   “เป็นไร” ค่อนข้างเกินความคาดหมายทั้งคำพูด และการกระทำของคนที่ขึ้นชื่อว่ารักผม...ไม่สิ...ก็แค่เคย


   เคยรัก


   “วิน...” ผมไม่เคยคิดถึงตัวเองในอนาคตตอนที่ไม่มีบัสเตอร์เลยสักนิด เพราะตอนนั้นอนาคตสำหรับผมมันไม่มีบัสเตอร์อยู่ ผมมีแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่ผมรักมากที่สุด แน่นอนว่าพอถึงตรงนี้ ผมรู้ตัวแล้วว่ามันเป็นแค่อดีต ตอนนี้หลิวไม่ใช่คนที่ผมรักที่สุด


   “ไอ้เชี่ยวิน!!!”


   “ห้ะ??”
   

   “เป็นไรวะ หน้ามึงไม่ค่อยโอเคเลย” ไวท์มันขยับมานั่งข้างๆก่อนจะเอื้อมมือมาจับที่แก้ม มืออบอุ่นที่คิดว่าน่าจะอุ่นพอจนถึงหัวใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจผมยังคงเย็นเฉียบ ในหัวรับรู้แค่สายตา คำพูดจากคนๆหนึ่ง มันวนไปวนมาเหมือนภาพที่ฉายซ้ำไม่รู้จบ ผมรู้จักความรู้สึกนี้ดี มันเคยเกิดขึ้นเวลาที่เราเสียใจมากๆ


   “ไวท์...กูบอกแล้วว่ากูไม่ไหว... ทำไมมึงเอากูมาที่นี้ มึงลากกูมาทำไมวะ กูบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ากูไม่ไหว...กูไม่น่ามาที่นี้เลย..”


   “วิน...มึงไปเจออะไรมา...อย่าบอกนะว่า...” มันเว้นจังหวะจ้องมองผมเหมือนถามว่าสิ่งที่ผมเจอคืออะไร “วิน...มึงยังมีกูนะ”



   ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมถูกไวท์กระชากตัวเข้าไปกอด มือนุ่มนิ่มยกขึ้นลูบหัวผมเบาๆ ผมเอนศีรษะพิงที่บ่ามันก่อนจะปล่อยโฮออกมาในที่สุด


   “ฮึก...กูบอกแล้วว่ากู..ไม่ไหว” ผมไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าพวกมัน...ไม่เคยเลยสักครั้ง ทั้งๆที่ปกติผมมักจะเป็นคนที่เข้มแข็งที่สุดในกลุ่ม เป็นที่คอยปลอบเพื่อนๆ แต่ตอนนี้ผมกำลังเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด “เขาไม่ได้รักกูแล้ว...ไวท์...บัสเตอร์มันไม่ได้รักกูแล้ว...ฮึก...ฮือ”


   “วิน...”


   “เขา...ฮึก...มีคนอื่นแล้วอ่ะมึง...ฮือ...ฮือ..”


   อ้อมกอดที่ถูกกอดแน่นขึ้น ดวงตาพร่ามัวจนมองภาพตรงหน้าไม่ชัด ผมจะอยู่ยังไงดี แค่เดือนที่ผ่านมาผมก็แทบจะนอนตายอยู่บนเตียงอยู่แล้ว ตอนนั้นผมยังไม่รู้อะไรชัดเจนขนาดนี้ด้วยซ้ำ ผมยังคาดหวังว่าบัสเตอร์จะกลับมาอยู่เลย อย่างน้อยถ้ามันดีขึ้นผมคิดว่าเขาจะกลับมา



   แต่...พอเห็นแบบนี้แล้ว ผมรู้เลยว่าสุดท้ายยังไงบัสเตอร์ก็คงไม่กลับมาหาผม



   เขาคงไม่กลับมา






   



   หลังจากเหตุการณ์วันนั้นไวท์มันก็ลากผมไปนอนกับมันที่บ้านไอ้พอร์ช ตอนแรกผมก็ปฏิเสธไปแล้วกลัวไอ้พอร์ชมันจะคิดมาก แต่ก็ไม่รู้ทำไมคราวนี้พอร์ชมันถึงยอมผมง่ายๆ แถมยังปล่อยให้ไวท์มานอนห้องเดียวกับผมอีก แต่ช่วงหลังมานี้พอผมดีขึ้นไวท์มันก็ยอมปล่อยผมกลับมานอนบ้านตัวเองแล้ว แต่มันก็มาหาผมแทบจะทุกเย็น มากินข้าวด้วยตลอด เพราะมันรู้ว่าแม่ผมไม่ค่อยอยู่บ้าน ท่านต้องออกไปติดต่องานอยู่ตลอดๆ มีบ้างที่ไอ้เกมส์มันพาผมออกไปเที่ยว ไปเดินเล่น บางครั้งไอ้เบสก็มาหาซื้อขนมมาฝากด้วย ครั้งแรกที่เห็นเบสเดินเข้ามานั่งข้างๆผมแม่งร้องไห้ต่อหน้ามันเฉยเลย ปกติผมไม่ได้เป็นคนบ่อน้ำตื้นแบบนี้สักหน่อย แต่คิดว่าก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้ไม่สนแล้วศักดิ์ศรี แค่รู้สึกว่าอยากร้องก็ร้อง บางวันนั่งอยู่เฉยๆทั้งวันไม่ลุกไปไหนก็มี ผมรู้ว่าเพื่อนๆห่วงผมมาก เพราะงั้นตอนนี้มันถึงเวลาแล้วมั้งที่ผมจะกลับมาเข้มแข็งอีกไม่กี่อิทตย์ก็จะเปิดเทอมใหม่แล้วด้วย วินคนเดิมควรจะกลับมาได้แล้ว


   “หลิวไม่ติดต่อมาแล้วใช่ป่ะ”


   “อื้อไม่แล้ว เขาคงรังเกียจกูมั้ง” ผมพูดตอบไอ้เกมส์ตอนที่นั่งรอไอติมมาเสิร์ฟ ผมกับหลิวเราไม่ได้ติดต่อกันแล้ว ผมพูดบอกกับเธอตรงๆว่าผมเคยมีอะไรกับบัสเตอร์ ตอนที่หลิวรู้หน้าเธอดูอึ้งๆ ไม่นานหลังจากนั้นผมก็ถูกมือเล็กฟาดลงมาที่แก้มอย่างแรง


   ทุกอย่างจบแค่นั้น เราไม่ได้ติดต่อกันอีก ตอนแรกคิดว่าตัวเองจะเสียใจมากกว่าซะอีก แต่ไม่รู้ทำกลับรู้สึกเฉยๆหรือออกจะรู้สึกโล่งอกเสียมากกว่าที่ได้ปล่อยหลิวไปเจอคนดีๆ คนที่รักเธอจริงๆ


   เพราะที่ผ่านมาทั้งพอร์ชและผมต่างก็ทำร้ายความรู้สึกหลิวมามากเกินพอ


   “ไม่มีใครรังเกียจมึงหรอกวิน”


“มีดิ...” ผมพูดพร้อมกับนอนหมอบราบลงกับโต๊ะก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไอ้ไวท์ที่อยู่ฝั่งเดียวกับผม“กูมันน่ารังเกียจจะตายไป”


“อย่างน้อยๆก็มีกูคนนึงล่ะที่ไม่รังเกียจมึง” ไอ้เบสยกมือเป็นสัญลักษณ์ให้ผมเห็น


“กูด้วย” ไอ้เกมส์ยกมือตามไอ้เบส


“แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นมีกู” ส่วนไอ้ไวท์พูดไปด้วยลูบหัวผมไปด้วย
 

“จริงหรา”


“จริงดิ พวกกูเคยโกหกมึงหรือไง”


“คนอื่นอ่ะไม่เท่าไหร่ แต่มึงอ่ะเบสแทบทุกครั้ง” ผมยู่ปากแล้วชี้หน้าบอกไอ้เตี้ยให้มันรู้ตัว


“เฮ้ยกูไม่เคยเลยนะเว้ย ใช่ไหมวะเชี่ยเกมส์ กูไม่เคยโกหกมึงใช่ป่ะ” ไอ้เกมส์พยักหน้า “เห็นไหมกูบอกแล้วว่ากูไม่เคยโกหก”


“ที่พยักหน้ากูหมายถึงมึงไม่เคยโกหกกู...แค่ครั้งเดียว แต่โกหกทุกครั้งตั้งหาก”


“ไม่จริงงงงงงงงงง”


“จริงงงงงง” ผมมองมันสองคนเถียงกันไปมา ก่อนจะขำออกมาเบาๆ ไวท์พอเห็นแบบนั้นก็ใช้มือแนบที่แก้มก่อนจะใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเบาๆที่ริมฝีปากผม


“ยิ้มออกมาสักทีนะมึง”


“แล้วทำไมกูจะยิ้มไม่ได้ล่ะไวท์” ผมเอียงคอตามมือไวท์ ทำตัวเหมือนแมวที่อ้อนเจ้าของ


“ฮ่า ฮ่า มึงนี่กลายเป็นแบบนี้แล้วน่ารักฉิบหาย”


“ก็พวกมึงบอกให้กูอ้อนได้นี่นามาว่ากูน่ารักทำไมวะ พอแล้วดีกว่ากลับมาเป็นวินคนเดิมก็ได้วะ” ผมปัดมือไอ้วินออกจากแก้มก่อนจะลุกขึ้นนั่งตามปกติ


“เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว เพราะกูรู้สึกว่านี่มันเป็นนิสัยจริงๆของมึง ไอ้ที่ชอบเงียบทำตัวเป็นผู้ใหญ่นั่นน่ะก็แค่หน้ากากใช่ไหมล่ะ”


“ไม่!! อันนั้นน่ะนิสัยกูของแท้เลยเหอะ”


“จริงอ่ะ” ไอ้ไวท์แม่งทำหน้าตาน่าจูบอีกและ ยู่ปากแบบนี้เดี๋ยวกูก็จัดการแม่งเลย ยิ่งไอ้พอร์ชไม่อยู่ขัดหูขัดตาด้วย


“เออดิ” ผมอมลมไว้ในแก้มตอนที่ไอ้ไวท์มันทำหน้าล้อเลียน พอหันหน้าหนีก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอกับมือที่สอดเข้ามาตรงต้นคอ


“บัสเตอร์นี่มันโง่ของแท้ที่ทิ้งคนแบบมึงไป...”


“......”


“เอ่อ...กู” ผมไม่อยากให้เพื่อนต้องมาคิดมากเรื่องผม ไม่อยากให้พวกมันรู้ว่าจริงๆแล้วผมยังไม่โอเคเรื่องบัสเตอร์


“เชี่ยไวท์มึงพูดอะไรของมึงเนี่ย” ไอ้เบสมันคงได้ยินที่ไวท์พูดกับผมมันถึงหันไปซุบซิบด่าไอ้ไวท์เบาๆ


“กูลืมตัวอ่า”


“มึงนี่มัน....”


“นั่นดิ” ผมหันมายิ้มให้ไวท์ที่ทำหน้าเจื่อนอยู่ข้างๆ “น้องไอ้เบสก็คงโง่ไม่ต่างจากพี่มันหรอก”


ที่ทำได้ตอนนี้คือทำเหมือนว่าผมทำใจได้แล้ว อย่างน้อยถ้าพวกมันเห็นว่าผมทำใจได้ บางทีมันอาจจะพูดเรื่องบัสเตอร์ให้ผมได้ยินบ้างเพราะเวลานัดเจอกันทีไรเบสมันชอบลากไอ้ไวท์หรือไม่ก็ไอ้เกมส์ไปพูดไกลๆผม พอผมรู้นะว่าพวกมันพูดถึงบัสเตอร์เพราะผมเคยได้ยิน  แต่พอเดินเข้าไปใกล้จนพวกมันรู้ตัว พวกมันก็แกล้งพูดไปเรื่องอื่น


“วินมึงว่ากูเหรอ”


“เออไง ก็มึงโง่จริงๆ”


“อ๊ากกกกกก เชี่ยวินมึงด่ากู” ผมกับไอ้เบสที่เถียงกันสักพักพนักงานก็มาเสิร์ฟไอ้ติมที่พวกเราสั่ง ไอ้เบสเลิกเถียงแล้วหันไปมุ่งมั่นกับไอติม ไอ้เตี้ยนั่นยังเหมือนเดิมเห็นแก่กินเหมือนเดิม แถมหน้าด้านหยิบเชอรี่ในถ้วยผมไปด้วย


“มึงไม่กินไม่ใช่เหรอ กูจำได้ว่ามึงบอกว่ามันเหมือนยาแก้ไอ” พี่กับน้องแม่งนิสัยไม่ต่างกันเลยว่ะ ตอนนั้นบัสเตอร์ก็แบบนี้หยิบเชอรี่ในถ้วยผมไปกินแต่ดีหน่อยที่มันตักวิปครีมในถ้วยตัวเองมาใส่ในถ้วยผม แม่งคิดถึงมันอีกแล้ว


“เออวินมึงไปช่วยองค์การกับกูไหม มันจะมีรับน้องมหาลัยน่ะ”


“ไปดิกูอยู่ว่างๆอยู่แล้ว”


“งั้นก็ดีเลย คนแม่งขาดพอดีอ่ะ ไปอยู่กับคนเยอะๆมึงจะได้ไม่ต้องคิดมาก” ผมทำหน้าเหนื่อยแล้วก่อนจะตบกะโหลกมันไปที


“กูเลิกคิดมากแล้ว”


“จริงอ่ะ” ไอ้เตี้ยนี้ก็คะยั้นคะยอกูจัง


“เอออออออออ เลิกแล้ว ชีวิตต้องเดินหน้าดิวะ กูจะหาสาวองค์การน่ารักมาเป็นแฟนสักคน”


“ฟังนะวิน” ไอ้เบสมันพูดเสียงจริงจังก่อนจะเอื้อมมือมาจับหน้าผมด้วยมือทั้งสองข้าง อะไรของไอ้เตี้ยนี่วะ “คนอย่างมึงหาเมียไม่ได้หรอก”


“ทำไมอ่ะ หน้ากูมันยังไม่โอเคเหรอวะ”


“เปล่า หน้าอย่างมึง ณ ปัจจุบัน ควรมีผัวมากกว่า เชื่อกู กร๊ากกกกกกกกกกก”


“ไอ้เตี้ยยยย!!!” ผมนั่งกินไอติมกับพวกมันจนเย็น เราพูดคุยกันในเรื่องเก่าๆ นานมากแล้วที่ผมกับพวกมันไม่ได้นั่งคุยกันแบบนี้ ตั้งแต่เกิดเรื่องไอ้ไวท์มาจนถึงเรื่องของผม เราแทบจะไม่มีเวลานั่งคุยกันแบบนี้เลยด้วยซ้ำ




ความสุขกำลังกลับมา ถึงมันไม่ได้กลับมาหาผมก็ตามที



 
 ไอ้พอร์ชมารับไอ้ไวท์กลับบ้าน ส่วนไอ้เกมส์ก็เป็นขับรถมาส่งทั้งผมกับไอ้เบส โดยที่มาส่งไอ้เบสก่อนเพราะบ้านมันอยู่ใกล้กว่าบ้านผม


“เออเกมส์ พี่อาร์มฝากแผ่นซีดีงานมาให้มึงอ่ะ เรื่องรับน้องของคณะ มึงเข้ามาเอาก่อนล่ะกัน แดกน้ำแดกท่าก่อนแล้วคอยกลับก็ได้”


“แต่มึงเอามาให้กูที่รถไม่ได้เหรอ มึงก็รู้ว่า...” ไอ้เกมส์พูดกับไอ้เตี้ยเสร็จก็เงยหน้ามองผมผ่านกระจกหลัง


“บัสเตอร์ไม่กลับมาหรอก” เบสหันมามองหน้าผมนิดหนึ่งก่อนจะขยับไปกระซิบเบาๆใกล้ๆหูไอ้เกมส์ “ช่วงนี้มันติดเมียมันจะตาย”


ผมนั่งอยู่เบาะหลังแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แกล้งทำเป็นว่าหูฟังที่ใส่อยู่ในหูเปิดเสียงเพลงดังมาก แต่ใครจะไปรู้ว่าผมได้ยินมันเต็มๆสองรูหู


ช่วงนี้มันติดเมียมันจะตาย คงจะเป็นคนที่ผมเคยเจอล่ะมั้งคนที่ชื่อบลูอะไรนั่น


“มึงแน่ใจได้ไง น้องมึงแม่งเอาแน่เอานอนไม่ได้ด้วย เนี่ยจู่ๆก็มาอยู่ม.เดียวกับพวกเรา ถ้าไอ้วินเผลอไปเจอในม.มันไม่เครียดตายหรอกหรอวะ” บัสเตอร์มันสอบติดมหาลัยเดียวกับผมเหรอวะ คะแนนมันเยอะขนาดนั้น มันน่าจะติดมหาลัยที่มันเลือก 4 อันดับก่อนนี่น่า


“กูก็ไม่รู้เหมือนกันทำไมมันเลือกโควต้าศิลกรรมที่ม.เรา แต่แม่งคงไม่เจอกันหรอกมั้งคณะมันอยู่ห่างจากคณะเราจะตาย ที่สำคัญ...กูว่าไอ้วินมันคงทำใจเรื่องบัสเตอร์ได้แล้วแหละ”


“เบส...กูว่ามันยังไม่โอเค เชื่อกูดิ”


“เออๆ งั้นเดี๋ยวกูเข้าไปเอาให้ก็ได้” หลังจากประโยคนั้นผมก็ไม่อยากรับรู้อะไรอีก ผมเงยหน้าพิงเบาะแล้วหลับตาลงช้าๆ เสียงเพลงถูกเร่งให้ดังขึ้นเรื่อยๆเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองที่กำลังร่ำร้อง ผมไม่เคยทำใจเรื่องบัสเตอร์



มันยังอยู่ในหัวผมตั้งแต่ตอนที่ลืมตาตื่น และทุกคืนก่อนผมหลับ



บัสเตอร์ไม่เคยหายไปไหน



เขายังคงอยู่ตรงนี้



ตกตะกอนเป็นหินปูนเกาะในใจผมและกัดกินมันให้ลึกเข้าไปเรื่อยๆ




“วิน...วิน” ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งตอนที่ไอ้เกมส์เขย่าตัวเรียกชื่อผม


“ห้ะ...ว่าไง”


“มึงมานั่งข้างหน้าดีกว่ามะ กูไม่ใช่คนขับรถมึงนะเว้ย”


“อ่าวเหรอกูก็คิดว่าใช่”


“ตลกและ เดี๋ยวกูเข้าไปในบ้านไอ้เบสแป๊บนึงนะ เหมือนมันจะหาแผ่นงานไม่เจอ มึง...จะเข้าไปด้วยกันไหม” ผมส่ายหน้าบอกปฏิเสธมันแทนคำตอบ


“บัสเตอร์ไม่อยู่หรอกมึงจะเข้าไปก็ได้”


“เรื่องนั้นกูไม่ได้ห่วงแล้ว มันจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่เกี่ยวกับกู” ผมปีนมานั่งเบาะหน้าโดยไม่สนสายตาดุๆจากไอ้เกมส์ ก็กูขี้เกียจเดินลงไปเปิดประตูนี่หว่า ทางนี้ง่ายกว่าด้วย


“เออก็ดีแล้ว กูจะได้ไม่ห่วง เดี๋ยวกูมารอแป๊บ” ผมพยักหน้าหงึกส่งไปให้ไอ้เกมส์ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายให้มันอีกรอบ



เปล่าเลย ผมยังไม่โอเค



ไม่แม้แต่นิดเดียว



“เฮ้ออ...คิดถึงชะมัด กูอยากเจอมึงจังเลยบัส” แสงไฟจากรถอีกคันทำเอาผมรีบยกมือขึ้นบังสายตา รถที่ผมไม่คุ้นเคยจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรถผม ไฟในรถนั้นถูกเปิดขึ้นพร้อมกับหัวใจที่กระตุกวาบเบาๆ


บัส


เขาอยู่ตรงนั้น นั่งในอยู่รถคันนั้น รอยยิ้มที่ผมไม่ได้เห็นมาเนิ่นนานกำลังหัวเราะและก็ยิ้มขำกับผู้ชายอีกคนที่ทำหน้าที่คนขับ


มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นประคองท้ายทอย สายตาอ่อนโยนที่ครั้งหนึ่งเคยทอดมองผม แว่บหนึ่งเหมือนบัสเตอร์หันหน้ามามองทางนี้แต่มันก็แค่แว่บเดียว คงไม่เห็นหรอกมั้ง เพราะในนี้มันมืดจะตายไป ต่อจากนั้นผมคงไม่ต้องบรรยายหรอกใช่ไหมว่าผมเห็นอะไร แม้จะหันหน้าหนีแล้วแต่ภาพที่เห็นก่อนหน้านั้นยังคงตอกย้ำในหัวไม่ได้จางหายไปไหน



คงรักกันมากล่ะมั้ง



คงไม่มีที่ว่างให้ผมไปยืนแทรกกลางได้เลยด้วยซ้ำ




เกลียดตัวเองที่แบบนี้จริงๆว่ะ




แสงไฟที่สาดเข้ามาในรถผมอีกครั้งบ่งบอกว่ารถคันที่จอดอยู่เมื่อกี้ขับออกไปแล้ว คนที่โบกมือบ๊ายบายรถยังคงยืนอยู่ที่เดิม เขามองเลยจนรถหายไปลับตา ก่อนจะหันหน้ามาจ้องมองผมที่นั่งอยู่ในรถ สายตาเย็นชาถูกส่งมาให้ครั้งแล้วครั้งเล่า




บัสเตอร์รู้ว่าผมอยู่ตรงนี้



ถ้าสมมติว่าผมเปิดประตูออกไปแล้วพูดว่าผมอยากอยู่กับเขา เขาจะกลับมาหาผมไหมนะ บัสเตอร์จะกลับมายืนข้างๆผมหรือเปล่า...


“บัส...” ไวเท่าความคิด ผมเปิดประตูออกมาแล้วตะโกนรั้งบัสเตอร์เอาไว้ ผมอยากสู้ อยากรู้ว่ามันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม


“ไง มาทำอะไรเหรอครับ”


“มาส่งเบสน่ะ แล้วพี่อาร์มเขาฝากงานไว้ เบสมันหาไม่เจอเลยให้เกมส์ไปช่วยหา”


“อ่อครับ พี่วินจะเข้าไปนั่งรอข้างในก่อนก็ได้นะ” บัสเตอร์พูดด้วยท่าทางสบายๆ ไม่มีท่าทีอึดอัดในคำพูดหรือส่งสายตาเย็นๆมาให้ผมเหมือนอย่างก่อนหน้านี้


“ไม่อ่ะ รอนี้แหละ”


“งั้น...ถ้าไม่มีอะไรผมเข้าบ้านก่อนนะพี่”


   “...........” ทำไมเขาไม่ถามผมบ้างวะว่าผมสบายดีไหม


ทำไม...เขาไม่ถามบ้างว่าผมผอมลงหรือเปล่า ผมยาวขึ้นไหม ปกติถ้าผมยาวขนาดนี้บัสจะบอกให้ผมไปเล็มออกเพราะมันปรกหน้า เขามองหน้าผมไม่ชัด แต่ทำไมเขาถึงไม่พูด ไม่ถาม ไม่สังเกตอะไรบ้าง


“บัส...”


“ครับ”


“ได้ข่าวว่าบัสเรียนมหาลัยเดียวกับพี่”


“ใช่ สอบโควตาได้น่ะ”


“......”


“ถ้าพี่ไม่มีอะไร ผมเข้าบ้านก่อนนะ”


“บัส” ผมเอื้อมมือไปกระตุกชายเสื้อมันแรงๆทีนึง บัสเตอร์หันกลับมาแล้วก้มลงมองมือผมที่ยังจับเสื้อเขาแน่น มันไม่ได้ดึงมือผมออกแต่แค่ถอนหายใจแสดงอาการเหนื่อยหน่ายใส่ผม

แต่แค่นั้น...มันก็มากพอที่จะทำให้ผมเอามือออกเอง “ที่บัสเข้ามหาลัยเดียวกับพี่เพราะบัสยังไม่ลืมพี่ใช่ไหมล่ะ”


บัสเตอร์ดูอึ้งกับคำถามผม เขายิ้มเบาๆก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นเรื่อยๆ เรายืนห่างกันเพียงแค่ไม่กี่เซ็น ระยะห่างที่เราสามารถเอื้อมมือไปโอบกอดกันและกันได้ แต่เรากลับไม่ทำ



ผมไม่กล้าทำเพราะผมกลัวโดนผลักไส


ส่วนบัสที่ไม่ทำอาจจะเพราะ...เขารังเกียจผม



“พี่วินแม่งตลกว่ะ ถ้าผมยังไม่ลืมพี่จริงๆ ผมก็ควรจะไปอยู่มหาลัยไกลๆเพื่อลืมพี่ดิวะ ผมจะมาทนอยู่มองดูให้ตัวเองช้ำใจทำไม”


“แล้วทำไมมึงถึงเลือกมาเรียนที่นี้ล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะกูแล้วจะเป็นเพราะใครกัน”


“ผมเลือกที่นี้เพราะพี่บลู พี่บลูเขาเรียนอยู่มหาลัยที่พี่เรียนอยู่ ผมเลือกมหาลัยนี้เพราะเขา ไม่ได้เกี่ยวกับพี่เลยสักนิด” เจ็บดี...หน้าแตกยับเลย แอบได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของบัสเตอร์ด้วย ผมควรจะเชื่อที่มันพูดออกมาจากปากหรือเชื่อความรู้สึกตัวเองดีครับ



บัสเตอร์ไม่มีทางลืมผม



ลึกๆผมยังเชื่อแบบนั้น



 
   “บัส...เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม” ก้อนแข็งๆในลำคอถูกกลืนลงอย่างยากลำบาก รู้สึกว่ามันยากที่จะพูด แต่ผมก็พูดมันออกมา


   “เหอะ....พี่คิดอะไรอยู่วะ มันเป็นไปไม่ได้...ผมไม่ได้รักพี่แล้ว อีกอย่างผมคงไม่โง่ทิ้งคนดีๆอย่างพี่บลูมาหาคนอย่างพี่หรอก ต่อให้พี่ยืนร้องไห้แบบนี้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เลิกร้องได้แล้ว” ผมยืนร้องไห้ต่อหน้าบัส นี่ผมกำลังยืนร้องไห้เหรอวะ ผมรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองอย่างลวกๆ แต่ยิ่งเช็ดมันก็ยิ่งไหลออกมาเรื่อยๆ ผมไม่ได้ตั้งใจจะร้องไห้ต่อหน้าบัสสักหน่อย ผมแค่มาขอร้องให้เขากลับมาหาผม...ก็เท่านั้น


“บัส...ฮึก..ระ..เราไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้จริงๆน่ะเหรอ...” รู้ตัวอีกทีผมก็สะอื้น ร้องไห้หอบจนตัวโยนอยู่ต่อหน้าเขาแล้ว บัสไม่ได้เข้ามาโอบกอด ไม่มีการเช็ดน้ำตา ทั้งๆที่ระยะห่างมันก็แค่นี้แท้ๆ ทำไมมึงไม่กอดกูแน่นๆแล้วพูดว่าไม่เป็นไรนะวิน...ล่ะ กอดกูหน่อยไม่ได้เหรอ กูมันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยหรือไง



   “ผมบอกพี่ไปแล้ว”


   “ถ้างั้น...ให้กูอยู่ข้างๆมึงได้ไหม...ฮึก..ให้..กะ..กูเป็นอะไรก็ได้ แต่ให้ได้อยู่ข้างๆมึงได้หรือเปล่า”


   “พี่วิน!!!” เขาตะโกนใส่หน้าผม บีบแขนผมแน่นจนรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด “ผมไม่ใช่พี่หลิวนะ ที่จะยอมให้พี่ยืนอยู่ข้างๆทั้งๆที่ผมมีคนอื่น ผมไม่อยากใจร้าย ทำร้ายจิตใจพี่บลู เขาบอบบางน่าทะนุถนอม ถ้าเขารู้ว่าเรามีความสัมพันธ์กัน พี่บลูคงเสียใจมากๆ และผมคงทนไม่ได้ที่จะเห็นเขาแบบนั้น”


   บัสเตอร์จำได้ว่าผมเคยทำแบบนี้กับหลิว ผมเคยขอหลิวให้ได้อยู่ข้างๆเธอแม้ว่ามันจะไม่ได้ต่างอะไรกับการยืนถือมีดแล้วกรีดที่ใจตัวเองก็ตาม


   แต่ผมก็เลือกที่จะทำมัน


   แค่ได้อยู่ข้างๆ  ต่อให้เขาไม่หันมามองผมเหมือนเดิมผมก็พร้อมจะทำมัน


   “สัญญาว่าจะไม่ให้คนของบัสรู้...นะ...ได้โปรดเถอะ...ถ้าเขามากูจะรีบออกมาทันที...ฮึก...นะบัส”


   “รู้ตัวหรือเปล่า....”


“.........”


   “ว่าสิ่งที่พี่ทำอยู่มันโคตรน่าสมเพช”


“..........” รู้ดิ...แต่จะให้ผมทำยังไงวะ ผมก็แค่อยากอยู่ข้างๆเขา ให้เขากอดผมบ้าง จูบผมบ้าง อย่างน้อยแค่ทางร่ายกายก็ยังดี


“เลิกร้องไห้ได้แล้ว!!!!” ผมสะดุ้งเฮือก ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองไม่ให้บัสเตอร์ได้ยินเสียงสะอื้นของตัวเอง


“อยากทำอะไรก็ทำ แต่จำใส่สมองไว้ด้วยนะว่าต่อให้พี่ยืนร้องไห้ต่อหน้าผมเหมือนวันนี้ ผมก็ไม่มีวันกลับไปรักคนอย่างพี่อีก”





“อื้อ...อึก” อย่างน้อยบัสเตอร์ก็ยอมให้ผมกลับไป “รู้แล้ว”







ถึงแม้ว่าเขาจะ ‘ไม่มีวัน’  กลับมาหาผมก็ตาม







>>>>>>>>>>>>>>>TBC
ทุกอย่างกำลังจะเริ่มต้น นี่เพิ่งเริ่มเหรอแก๊ อ๊ากกกก (ก็บอกแล้วว่าประมาณ 20 ตอนง่ะ) รักคนอ่านเหมือนเดิม จุ๊บๆ

         
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-05-2014 00:07:07 โดย nuoouka »

ออฟไลน์ Gapompom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ตัดใจจากบัสเถอะวิน
ในเมื่อบัสมีคนใหม่และไม่เห็นคุณค่าของวินแล้ว
วินก็ควรตัดใจและหาคนใหม่ในเมื่อวินก็น่ารักไม่น้อย
ขอให้ตอนต่อไปมีคนนิสัยดีๆและเข้าใจเข้ามาจีบวินที

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






piing fuen

  • บุคคลทั่วไป
เอาจริงๆๆป่ะ สมน้ำหน้าวินชิบหาย

ออฟไลน์ blur

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เจ็บทุกตอนเลย ชอบบบบบบบบบ จัดหนักดราม่ามาเลยยยย

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :hao5: โอย ดราม่า
ในใจยังคงเชื่อว่าบัสรักวิน
ถ้าไม่งั้นคงจะไล่วินไปไกลๆ ไม่ทำยังงี้หรอก

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ชอบอ่ะ ถึงจะดราม่า
แต่ก็แค่ระหว่างทาง
เพราะสุดทางคือรักกัน

ออฟไลน์ AMINOKOONG

  • ฝากติดตามนิยายด้วยนะคราฟฟฟฟ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 860
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-12
เอาจริงๆๆป่ะ สมน้ำหน้าวินชิบหาย


อยากกระทืยไลค์ซักพันครั้ง ก็วินมันโง่ที่ทำร้ายตัวเอง แล้วจะมาเรียกร้องให้ใครสงสาร
นางหวังอะไรจากสังคม ทำตัวโคตรน่าสมเพชอย่างที่บัสว่าจริงๆแหละ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
เจ็บจี๊ด!!!

อยากรู้มุมมองของบัสเตอร์บ้างว่าคิดยังไง....

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
มาต่อได้แล้วค่ะ อยากอ่านมว๊าก

ออฟไลน์ candyon

  • นาฬิกาแก้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-0
Chapter 10

“มึงเป็นอะไรเนี่ย”

“เปล่า” ผมตอบไอ้เกมส์ทั้งๆที่ตายังหลับสนิท วันนี้เกมส์มันพาผมมาองค์การนิสิต มาช่วยงานรับน้องที่ใกล้จะถึงอีกไม่กี่อาทิตย์

“เปล่าเชี่ยอะไรมึงดูหน้าตัวเองในกระจกบ้างไหมวิน”

“ก็หล่อเหมือนทุกวันนะ”

“หล่อพ่อมึงดิ หน้ายังกับตูดหมา” ผมยักไหล่เบาๆก่อนจะลืมตาแล้วค่อยๆเอนศีรษะไปพิงที่คอนโซลหน้ารถ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูว่ามีใครโทรหาผมบ้างไหม แต่ก็นั่นแหละ ว่างเปล่า มีแต่เบอร์ผมที่โทรออกไป ไลน์พอเข้าดูก็เห็นว่าอ่านนะแต่ไม่ตอบ

ไหนมันบอกว่ายอมให้ผมอยู่ใกล้ๆแล้วไง แต่ทำไมโทรไปถึงไม่รับ ไลน์ไปหาก็ไม่ตอบ

“วิน มึงรู้ไหมว่าสิ่งที่มึงกำลังทำอยู่มันโคตรงี่เง่า เลิกยุ่งกับมันเถอะวะ ถ้าไอ้ไวท์กับไอ้เบสรู้มึงตายแน่ๆ”

“แล้วจะให้กูทำไง” ผมขยับศีรษะหันมามองหน้าคนขับรถ ไอ้เกมส์ยิ้มมุมปากเบาๆก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวผม

“เลิกยุ่งกับเขาซะ ไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับคนที่เขาไม่ได้เห็นความสำคัญกับมึง” มือไอ้เกมส์แม่งเย็นฉิบหาย ยิ่งตอนที่มันลูบเฉียดเบาๆที่หูยิ่งทำให้ผมรับรู้เลยว่าไข้อ่อนๆของผมเมื่อคืนไม่ได้หายไปไหน

“ไม่เอาหรอก....”

“มึงนี่มันดื้อ เทียบๆดูแล้วมึงมันดื้อยิ่งกว่าไอ้เบสเสียอีก” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปแค่หลับตาแล้วรับสัมผัสเย็นๆจากมือไอ้เกมส์ที่ยังคงลูบหัวผมอยู่อย่างนั้น “จะทำอะไรก็คิดดีๆ คนที่ตัดสินใจสุดท้ายก็คือมึง แต่อย่าลืมว่ามึงยังมีพวกกูอยู่”

“ขอบใจว่ะ”

“เลิกทำหน้ายั่วกูได้แล้ววิน ถึงองค์การแล้วครับลูกพี่”

“อะไร ไม่ได้ยั่วเว้ย” ผมลงจากรถไอ้ห่าเกมส์เสร็จก็ปิดประตูแรงๆไปที แม่งหมั่นไส้หาว่าผมยั่วมัน ผมไม่ได้ยั่วสักหน่อยกูแค่หลับตาแล้วเอียงคอตามมือเย็นของมึง กูผิดหรือไง ชิ สมน้ำหน้าไม่ต้องมาโวยวายหาว่ากูทำร้ายร่างกายลูกชายมึงเลย แค่ปิดประตูรถยังน้อยไปวันหลังกูจะเอาตะปูมาขีดรถมึงด้วยซ้ำ

“หึหึ มึงนี่มันตลก”

“สัส” ผมปัดแขนหนักๆของไอ้เกมส์ออกจากไหล่ตัวเองก่อนจะเดินเร่งฝีเท้าเข้าไปในองค์การ คนในองค์การส่วนใหญ่ที่ผมเจอวันนี้ก็เป็นพวกหน้าเดิมๆที่เคยรู้จักมาบ้าง

“เฮ้ย!!ไอ้ซีมึงว่างใช่ไหมเดินไปหยิบน้ำโค้กให้กูหน่อยดิวะ”คนที่กำลังโวยวายตั้งแต่ที่ผมก้าวเท้าเข้ามาในห้องประชุมคือพี่ซันคณะวนศาสตร์

“ แม่งเจ็บคอ โลกแม่งก็ร้อน งานแม่งก็หนัก ชีวิตพี่แม่งเศร้ามากเชื่อไหมน้องหมวย เพื่อนพี่ในแกงค์นะไม่มีใครเป็นตัวผู้สักคนที่เห็นหน้าหล่อๆบ้านรวยๆแม่งแดกกันเองหมดอ่ะ ยกตัวอย่างคนแรกเลยที่หันเหไปเอาผู้ชายคือเชี่ยพีกับเชี่ยโจ้ แดกกันตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่” ใช่ครับมันเก่ง และค่อนข้างบ้า

“จริงเหรอคะพี่ หนูน่ะชอบพี่โจ้กับพี่พีมากเลยอ่ะ”

“ชอบมัน!!!” ไอ้พี่ซันตะโกนเสียงดังก่อนจะลงไปนอนหัวเราะกับพื้น ไม่ได้โม้นะครับ เชี่ยพี่ซันมันลงไปดิ้นตายที่พื้นจริงๆ “ หมอยฟังพี่นะ”

“หมวยค่ะพี่ซัน หนูชื่อหมวย”

“เอ้ยๆพี่ขอโทษพี่พูดผิด หมวยฟังพี่นะกลุ่มพี่ตอนนี้ไม่มีชายใดเหลือให้ชะนีอย่างน้องกินแล้วนะคะ”

“อ่ะมึงน้ำโค้ก ใช้แต่กูอยู่นั่นแหละ ตีนมีหัดเดินเองมั้ง” พี่ซียื่นน้ำโค้กส่งไปให้พี่ซันเสร็จก็เดินไปนั่งเล่นกีต้าร์อยู่ตรงมุมห้อง

“เหอะ..มึงจะบ่นอะไรอีซี เดินไปเอาเองไหมก็เปล่า กูเห็นนะว่าไอ้เกียร์เป็นคนไปหยิบมาให้” พี่เกียร์คือรุ่นพี่คณะผมชื่อเกียร์แต่เรียนรัฐศาสตร์ ปีนี้มันอยู่ปีสี่ ปกติมันไม่มีทางหรอกครับที่จะมาทำกิจกรรมอะไรแบบนี้ แต่คิดว่ามันคงมีเป้าหมายเป็นหนุ่มน้อยหน้าสวยอย่างพี่ซีแหงๆ

“เห็นไหมครับน้องหมวยขนาดไอ้ซีที่พี่คิดว่ามันจะอยู่เป็นตัวผู้ได้กับสาวๆเหมือนพี่มันก็หนีไปมีผัวแล้ว โอ้ย!!!”

“ผัวพ่อมึงเหรอซัน อยากตายใช่ไหมห้ะ!!”

“เปล่าๆ กูไม่ได้พูดถึงมึงเลยซี เชี่ยแม่งชอบร้อนตัว เห็นไหมคนจะมีผัวพฤติกรรมจะขึ้นๆลงๆแบบนี้แหละ อีกไม่นานเชื่อพี่อีกไม่นาน คริ คริ” ผมเลิกสนใจคนบ้าๆบอๆอย่างไอ้พี่ซันก่อนจะเดินไปนั่งใกล้ๆกับพี่อาร์ม ยกมือไหว้มันนิดหน่อยก่อนจะหันไปไหว้พี่เกียร์กับพี่ซีที่นั่งอยู่แถวๆนั้น ส่วนใหญ่คนที่อยู่ในห้องนี้ก็มีแต่พี่ๆปีสี่

“หวัดดีครับพี่ฟิล์ม” ไอ้เกมส์เดินตามผมเข้ามาก่อนจะยกมือไหว้ผู้ชายที่ยืนอยู่แถวๆนั้นเหมือนกัน

“ว่าไงเกมส์กว่าจะมาได้นะมึง แล้วนี่...”

“เพื่อนผมพี่ชื่อวิน เออวินนี่พี่ฟิล์มปีสี่เรียนคณะบริหาร” ผมยกมือไหว้ไอ้พี่ฟิล์มก่อนจะเงยหน้าขึ้นสำรวจมันอีกรอบ ก็หล่อดีแต่น้อยกว่าผม แล้วนี่มันจะจ้องหน้าผมอีกนานไหม แล้วใครใช้ให้มึงมานั่งข้างกูว่ะ สัสแม่ง เบียดด้วย

“พี่ฟิล์มขยับไปอีกนิดนึงได้ไหมครับ พอดีมันเบียดผมอ่ะ”

“อ่าวเหรอ โทษที แค่นี้พอนะ” จริงๆมึงขยับไปสุดประตูนู่นก็ไม่มีใครเขาด่ามึงหรอกนะ ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ไอ้เกมส์ที่กำลังนั่งคุยกับพี่อาร์มมาเล่นระหว่างรอประชุม โทรศัพท์ผมก็มีเกมส์นี้นะแต่ว่ายังเวลน้อยอ่ะเล่นไม่มันส์ ปกติถ้าอยู่กับไอ้เกมส์ผมมักจะเอาของมันมาเล่นตลอด

“ชอบเล่นเกมส์นี้เหรอ พี่ก็เล่นนะเวลพี่เยอะกว่าไอ้เกมส์ด้วย”

“เหรอครับ”

“ใช่ เอาของพี่ไปเล่นไหมล่ะ สนุกกว่านะพี่มีตัวอื่นด้วย เล่นสนุกว่าตัวที่วินกำลังเล่นในเครื่องเกมส์อีก” ผมลังเลนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็ยื่นมือไปรับโทรศัพท์จากไอ้พี่ฟิล์มแทน สนุกดีแต่ติดนิดเดียวที่เจ้าของเครื่องแม่งพูดมาก

“หวัดดีครับขอโทษที่มา....ช้า” เสียงใสๆที่อยู่ๆก็ขาดช่วงไปทำเอาผมรีบเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังเดินมานั่งข้างพี่ฟิล์ม ผู้ชายที่ผมไม่คิดว่าจะเจอที่นี้

“ไงบลูเดี๋ยวนี้ช้าตลอดเลยนะ ติดแฟนงั้นเหรอ มีแฟนเด็กก็งี้”

“ยุ่ง” บลูก้มหน้าหงุดมีเหลือบตามองมาทางผมแว่บหนึ่งพอเห็นว่าผมจ้องอยู่ก็รีบแสร้งทำเป็นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น หน้าบลูแดงมากจนลามไปถึงหู ผมว่าเขาคงจำหน้าผมได้แน่ๆ

“บลูมึงแม่งทำตัวแปลกๆ หน้าแดงๆด้วย ไม่สบายป่ะเนี่ย”

“เงียบได้ไหมฟิล์ม บลูคุยกับบัสเตอร์อยู่”

“คุยไลน์ทำไมต้องให้กูเงียบด้วยวะ น่ารำคาญ!!” พี่ฟิล์มตะคอกใส่พี่บลูเสร็จก็เดินหนีไปเลย เสียงไลน์ที่ยังดังอย่างต่อเนื่องบ่งบอกว่าคนที่พี่บลูคุยด้วยเขาตอบแทบทุกครั้ง

“มึงโอเคหรือเปล่า”

“ไม่ค่อยว่ะ” ผมตอบกลับไอ้เกมส์เสียงเบาหวิวก่อนจะขยับตัวไปนั่งใกล้ๆผู้ชายที่ชื่อบลู ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องชะเง้อมองหน้าจอไลน์ของพี่เขาด้วย ผมแม่งโคตรไม่มีมารยาทเลย แต่ก็อยากรู้ว่าเขาคุยอะไรกัน ทีกับผมอ่านไปเป็นชาติยังไม่เห็นจะตอบกลับมาสักคำ

“หวัดดีครับพี่ ผมชื่อวิน ว่าแต่...เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับ” แล้วทำไมผมถึงต้องเอาตัวเองมายุ่งกับเขาด้วยนะ

“เงียบเลย พี่รู้ว่าเราจำพี่ได้ ห้ามพูดให้ใครฟังนะ”

“เรื่องอะไรอ่ะ”

“ก็เรื่องที่ผับคืนนั้นไง” หน้าของพี่บลูแดงเถือกด้วยความอาย เขาเงยหน้ามองผมก่อนจะหรี่ตาเล็กทำให้ดูดุสุดๆแต่จริงๆแล้วมันไม่ได้ดูดุอะไรเลย ออกจะน่ารักเสียมากกว่า ไม่แปลกใจเลยว่ะที่บัสเตอร์จะพูดว่าไม่มีทางทิ้งคนอย่างพี่บลูมาหาผม เพราะแค่ความน่ารักพี่บลูเขาก็กินขาดแล้ว

“ที่ผับอะไรครับ ผมจำไม่ได้หรอก ผมเพิ่งเจอพี่ที่นี้ครั้งแรก.....ไม่ใช่เหรอครับ” ถึงจะปฏิเสธไปว่าจำไม่ได้แต่จริงๆแล้วผมจำมันได้ดีแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเสียงหอบ เสียงคราง หรือเสียงกุกกักจากในห้องน้ำ จำมันได้ดีแม้กระทั่งตอนที่พี่บูลกับบัสเตอร์เดินออกมาจากในนั้น

“ใช่ๆ เราเพิ่งเจอกันพี่ชื่อบลู อยู่ปีสี่คณะบริหารเราชื่อวินใช่ไหม”

“ครับพี่”

“ดีใจที่ได้รู้จักนะน้องวิน”

“ฮ่า ฮ่า พี่บลูเรียกผมวินเฉยๆก็ได้เรียกน้องวินแล้วมันดูแปลกๆ” แม่งเป็นคนดีเกินไปแล้วนะ ไม่แปลกใจเลยที่คนแบบนี้จะเหมาะกับคำว่าน่าทะนุถนอมและไม่มีวันปล่อยไปให้หลุดมือ

“ฮ่า ฮ่า ก็ได้ เขาจะประชุมและ วินขยับมานั่งใกล้ๆพี่มา ให้ไอ้ฟิล์มมันไปหาที่นั่งอื่น แม่งรำคาญมัน”

“ครับ” ผมขยับไปนั่งข้างพี่บลูก่อนจะดึงไอ้เกมส์ให้มานั่งใกล้ๆด้วย การประชุมเริ่มต้นขึ้นโดยมีพี่ซันกับพี่อาร์มเป็นคนบอกรายละเอียดการรับน้องมหาลัยให้คนในห้องฟัง คนในองค์การที่นั่งรวมๆกันในนี้ก็ร้อยกว่าคนได้ ส่วนใหญ่เอามาจากพวกที่ทำชมรมต่างๆโดยมีพี่ซันเป็นตัวขอความร่วมมือ

“มึงคิดจะทำอะไร” จังหวะที่พี่บลูลุกไปเอาอะไรสักอย่าง เชี่ยเกมส์ก็ขยับปากมากระซิบเบาๆที่หูผม “อย่าแม้แต่จะคิดทำอะไรแบบนั้นรู้ไหมวิน ถอยออกมาเหอะ”

“..........”

“วิน”

“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย กูก็แค่...อยากรู้ความเคลื่อนไหวของเขา....ก็มันไม่ติดต่อกูมาเลยนี่หว่า...จะให้กูทำยังไงล่ะ ถามไอ้เบสมันก็ไม่บอกกูอ่ะ” ผมไม่ได้อยากทำแบบนี้สักหน่อย ไม่ได้อยากเข้าไปวุ่นวายทำให้เขาทะเลาะกันนะครับ ไม่ได้คิดจะบอกพี่บลูด้วยว่าผมกับบัสเตอร์เคยเป็นอะไรกัน แต่แค่อยากรู้ก็เท่านั้นว่าบัสเป็นไงบ้าง แอบเห็นในไลน์ที่คุยกับพี่บลูเมื่อกี้ก็ดีใจเหมือนเขาคุยกับผมแล้ว...

“ไม่เจ็บเหรอวะ”

“........” เจ็บดิ แต่จะให้ทำไงอ่ะ ก็มันไม่มีทางเลือกแล้ว บัสเตอร์ยื่นทางเลือกให้ผมเพราะผมขอ แต่สุดท้ายทางเลือกนั้นก็เหมือนกำลังจะถูกปิด เพราะเขาไม่แม้แต่จะติดต่อมา ไม่รับโทรศัพท์ ไม่ตอบไลน์ ไม่อะไรทั้งนั้น

“มึงนี้มัน...เฮ้อ” เกมส์โยกหัวผมเบาๆก่อนจะหันหน้าไปฟังประชุมต่อ ผมเอียงตัวเอาหัวซบมันแล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ

“ขอโทษนะเกมส์...กูไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ”




ประชุมรับน้องที่องค์การใช้เวลาเกือบครึ่งค่อนวัน ผมนั่งรอไอ้เกมส์ที่ยังประชุมต่อตรงม้าหินอ่อนด้านหน้าองค์การ ลมเย็นๆพัดมาประทะผิวกายไม่ได้ช่วยทำให้ใจผมสงบเลยสักนิด ข้อความไลน์ที่เด้งแทบจะตลอดการประชุมเป็นตัวบอกให้ผมรับรู้ว่าเขาคุยไลน์กันแทบจะตลอดเวลา แต่ทำไมนะ แค่เจียดเวลามาตอบผมนิดเดียวมันจะเสียเวลามากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ แค่นิดเดียวส่งสติ๊กเกอร์ไลน์หรืออะไรตอบกลับมาบ้างก็ยังดี แต่นี้ไม่มีเลย...

“อ่าววินยังไม่กลับอีกเหรอ” ผมหันกลับไปมองเสียงที่เรียกชื่อผม พี่ฟิล์มกับพี่บลูเดินออกมาพร้อมกัน

“ยังพี่ รอไอ้เกมส์น่ะ แล้วพี่สองคนอ่ะ”

“พี่กำลังจะกลับ ส่วนไอ้เตี้ยนี่รอผัวมารับ”

“ฟิล์ม!!! พูดมากว่ะ” พี่บลูหันไปตีแขนพี่ฟิล์มเบาๆ

Rrrrrrrrrrrrrrrr

“นั่นไง แฟนเด็กมึงโทรมาแล้ว” พี่บลูรับโทรศัพท์พร้อมกับส่งสัญลักษณ์เป็นนิ้วกลางตอกหน้าไอ้พี่ฟิล์มที่กำลังยืนหัวเราะคิกคักอยู่ใกล้ๆ

“....ว่าไงครับบัสเตอร์....ใช่....พี่อยู่หน้าองค์การ...บัสเตอร์ขับเข้ามาได้เลย....ใช่....ที่อยู่กันสามคนนั่นแหละ....เคๆ...เจอกันครับ...อะไร...เออคิดถึงดิ...รีบๆมาเลย...พี่หิวข้าวจะตายอยู่แล้ว” อิจฉาจังเลยว่ะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะคนที่เขาเลือกไม่ใช่ผม

“วินจะให้พี่ไปส่งไหมล่ะ ท่าทางไอ้เกมส์จะคุยนานนะ”

 “ไม่เป็นไรพี่ฟิล์ม เดี๋ยวผมนั่งรอมันตรงนี้แหละ นั่นรถบัส...เอ่อรถแฟนพี่บลูหรือเปล่า กำลังขับเข้ามานั่นน่ะ” ผมชี้นิ้วไปที่รถบีเอ็มสีดำคันที่กำลังขับเข้ามา รถคุ้นตาที่ผมเคยนั่ง กำลังจอดนิ่งๆรออยู่หน้าองค์การ

“ใช่ๆ ถ้างั้นพี่ไปแล้วนะ”

“ครับพี่บลู โชคดีครับ”

“ฟิล์มด้วย รีบกลับบ้าน อย่าไปกินเหล้าล่ะวันนี้” พี่บลูหันมาชี้หน้าเตือนพี่ฟิล์มแต่ก็นั้นแหละพี่ฟิล์มไม่ตอบแต่กลับยักไหล่อย่างไม่แยแส

“ไม่ให้พี่ไปส่งจริงๆอ่ะ”

“เออ”

“งั้นไปกินเหล้ากันไหม” มือหนาของพี่ฟิล์มวางแหมะลงบนหัวผมก่อนจะโยกเบาๆอย่างเป็นกันเอง

“ผมกินไม่เป็นหรอกพี่ ผมเด็กดีจะตาย” ปากพูดตอบพี่ฟิล์มแต่สายตาก็ยังคงมองเข้าไปในรถ ตอนนี้ชักจะไม่ชอบไอ้ฟิล์มกันแสงมืดๆที่ตัวเองเป็นคนบอกให้บัสติดเลยว่ะ เพราะมันมืดไปจนมองไม่ออกว่าเขากำลังทำอะไร มองมาทางนี้ไหม หรือไม่ได้สนใจผมที่อยู่ตรงนี้

“เหรอออออ” เสียงเยาะเย้ยของพี่ฟิล์มทำเอาผมรีบเงยหน้ามองหน้ากวนๆของเขา แม่งเราสนิทกันขนาดที่มึงจับหัวกูได้เลยหรือไง “ทำไมช่วงนี้มีแต่เรื่องน่าเบื่อ”

“ผมก็ว่างั้น” น่าเบื่อจนคิดว่าไม่อยากจะทำอะไรเลยด้วยซ้ำ

ผมนั่งคุยกับพี่ฟิล์มจนไอ้เกมส์ออกมา พี่เขาเป็นคนคุยสนุกส่วนมากแม่งชอบชวนคุยเรื่องทะลึ่งใต้สะดือ เวลาหญิงเดินผ่านหน้าองค์การไม่พูดวิจารณ์ก็วิ่งไปขอเบอร์ อยู่กับมันก็หายเบื่อไปนิดหน่อยเพราะถ้าผมนั่งรอไอ้เกมส์อยู่คนเดียวแบบตอนแรกคงนั่งเหงาจนรากงอกอ่ะ

“รอนานไหม” หลังจากล่ำลาไอ้พี่ฟิล์มเสร็จผมก็เดินตามไอ้เกมส์มาขึ้นรถ แม่งให้รอตั้งเกือบสองชั่วโมงคิดว่ารอนานป่ะล่ะ ถ้าไม่มีพี่ฟิล์มกับเกมส์ในมือถือมันผมคงหนีกลับบ้านตั้งแต่ 15 นาทีแรก

“สุดๆ”

“อย่าทำหน้างั้นดิวะ ก็กูไม่รู้ว่าพี่ซันจะเรียกพวกกูประชุมต่อ แล้วแม่งกว่าจะพูดเข้าเรื่อง ไอ้พี่ซันก็เล่าเรื่องตัวเองไปซะเกินครึ่ง แถมเรื่องที่จะพูดแม่งก็มีอยู่นิดเดียว” ผมไม่ได้ถามมันซะหน่อยว่าพี่ซันเขาคุยเรื่องอะไร มากน้อยแค่ไหน “วินเดี๋ยวนี้มึงขี้งอนไปนะ”

“อะไร” ผมปัดมือไอ้เกมส์ที่กำลังเอานิ้วจิ้มแก้มผมอยู่ออก

“ก็จริง ขี้งอนขึ้นแล้วก็น่ารักขึ้นด้วยนะ”

“ตลกมากป่ะมึง”

“แล้วนี่มึงโมโหอะไรเนี่ย เจออะไรมาหรือเปล่า”

“.....” ผมไม่ได้ตอบแต่หันหน้าไปมองไอ้เกมส์ที่กำลังขับรถแทน “วันนี้บัสเตอร์มารับพี่บลู”

“แล้วเจอกันป่ะ”

“เปล่า เห็นแค่รถน่ะ มันไม่ได้ลงมา”

“ก็ดีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน”

“ไม่เห็นจะดีตรงไหน” ถ้าได้เจอคงจะดีกว่า ผมอยากเจอเขา อยากสบตา อยากกอด แล้วก็อยากจูบด้วย

“เฮ้อออ ตัดใจไม่ได้เหรอวะ” ผมส่ายหน้าบอกไอ้เกมส์เป็นคำตอบ ถ้าบนโลกใบนี้คนเราเลิกรักกันได้ง่ายๆคงไม่มีคนอกหักเต็มโลกขนาดนี้หรอก

Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกสติผมให้หยิบขึ้นมาดู เบอร์และชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอทำเอาผมใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก

“ใครโทรมาวะ”

“......”

“วินใครโทรมา…” ผมหลับตาเอนตัวพิงเบาะรถก่อนจะค่อยๆกดรับโทรศัพท์ที่ยังดังไม่หยุด บทจะโทรมาแม่งก็ง่ายดายอย่างกับปอกกล้วย

“ว่าไงบัส”

(พี่อยู่ไหน)

“กูอยู่กับไอ้เกมส์กำลังจะกลับบ้าน”

(ว่างหรือเปล่า)

“ว่าง” ไม่ต้องไตร่ตรองหรือคิดทบทวนอะไรทั้งสิ้นผมพูดตอบมันทันทีที่มันพูดจบ เสียงถอนหายใจจากไอ้เกมส์ดังออกมาเบาๆ แต่ผมก็ไม่แคร์หรอก นี่มันเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนเลยนะที่ผมได้คุยโทรศัพท์กับบัส

(มาหาที่คอนโดเดี๋ยวนี้เลยได้ไหม)

“ได้ๆๆ ที่ไหนอ่ะ” ผมไม่เคยรู้ที่อยู่ใหม่ของบัสเตอร์ รู้คร่าวๆจากเบสว่าบัสไปอยู่คอนโดแต่มันก็ไม่เคยบอกผมว่าอยู่ที่ไหน



ตอนนี้ในหัวใจผมมันเต้นตุบตับไปหมด ตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้า ตื่นเต้นที่จะได้เจอกัน

แล้วก็ดีใจที่มันโทรมา










“มึงนี่มันโคตรโง่”

“เรื่องของกู” ผมเบ้ปากใส่ไอ้เกมส์เสร็จก็หันไปเก็บของที่วางไว้อยู่เบาะหลังยัดใส่กระเป๋าตัวเอง มันมาส่งผมที่คอนโดบัส ตั้งแต่มันรู้ว่าใครโทรมามันก็ทั้งห้ามทั้งด่า แต่เรื่องอะไรผมจะฟังล่ะ ผมไม่สนหรอกว่าตอนไปเจอบัสมันจะเกิดเหตุการณ์อะไร ผมรับได้หมดแหละ ผมบอกไปแล้วว่าให้ผมอยู่ตรงไหนก็ได้ขอแค่ให้ได้อยู่ใกล้ๆมันก็พอ

“วิน”

“อื้อ”

“มึงแน่ใจแล้วนะที่จะทำแบบนี้”

“แน่ใจ...มึงไม่ต้องห่วงกูหรอกเกมส์ กูเข้ามาเอง กูรับได้ ถ้าวันนึงมันจะเจ็บกูจะไม่โทษใครเลย เพราะกูเลือกเองทุกอย่าง แค่กูได้อยู่ข้างๆมันแค่นี้สำหรับกูก็มากพอแล้ว”

“มึงนี่มันดื้อ....”

“.........”

“ ถ้ามีอะไรก็โทรหากูนะ” ผมพยักหน้าบอกไอ้เกมส์เสร็จก็เดินลงจากรถแล้วตรงดิ่งไปที่ห้องบัสเตอร์ ความตื่นเต้นทวีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ก้าวเท้าขึ้นมาบนชั้นที่มันอยู่ จนตอนนี้ยืนอยู่หน้าห้อง หัวใจผมก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบ ผมยื่นทำใจอยู่หน้าห้องสักพักก่อนจะกดออดเรียกคนในห้องให้มาเปิด แว่บแรกที่ประตูเปิดผ่างออกมามันไม่ได้ยิ้มหรือแสดงอาการยินดีที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ บัสแค่เดินมาเปิดประตูแล้วก็เดินกลับไปนั่งเล่นโทรศัพท์ที่โซฟาต่อ



ห้องบัสเตอร์เป็นห้องขนาดพอดีอยู่กันสองคนได้ไม่อึดอัด ทางซ้ายมือมีห้องครัวขนาดเล็กเดินเลยมาอีกนิดก็เจอห้องรับแขกที่ตอนนี้เจ้าของห้องกำลังก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ในมืออยู่ ผมเดินตามบัสเตอร์เข้ามาก่อนจะขยับลงนั่งข้างๆเขา เสียงไลน์เด้งพร้อมกับเสียงหัวเราะที่มีมาไม่ขาด ผมไม่กล้าลุกขึ้นไปเปิดทีวี ได้แต่นั่งเงียบๆ ไม่กล้านั่งใกล้มันมากกว่านี้ด้วยกลัวมันจะหันหน้ามามองผมด้วยสายตาไม่ชอบใจเลยเว้นช่องว่างระหว่างเราไว้

ผมบัสเตอร์ยาวขึ้นนิดหน่อย แต่ยังคงเป็นทรงสกินเฮดเหมือนเดิม ผิวสีแทนเพราะแดดยังคงเหมือนเดิม ตรงข้อมือเหมือนไปโดนอะไรมาสักอย่างมีผ้าพันแผลปิดอยู่ ไวเท่าใจคิดผมรีบขยับมาชิดมันก่อนจะเอื้อมมือมาจับตรงข้อมือมันทันที
 
“มึงไปโดนอะไรมาอ่ะ เจ็บมากไหม” ผมถามมันด้วยความเป็นห่วงแต่สิ่งที่ตอบกลับมาให้ผมดันเป็นสายตาหงุดหงิดและมือที่ถูกกระชากออกจากมือผมอย่างแรง

มึงนี่มันขี้เสือกจังเลยนะวิน ไปเสือกเรื่องของเขาทำไมวะ มาหาเขา เรียกร้องเขา ก็นั่งอยู่เฉยๆไปดิ แค่เขาให้มึงมานั่งอยู่ใกล้ขนาดนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว

หลังจากเหตุการณ์เมื่อกี้ผมก็ได้แต่นั่งนิ่งๆมองเขาคุยไลน์ ไม่ได้ทำอะไรต่อ แค่นั่งนิ่งๆอีกเกือบชั่วโมง รู้งี้ชาร์ตแบตโทรศัพท์ในรถไอ้เกมส์ไว้สักหน่อยก็ยังดี ตอนนี้แบตหมดจนแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรด้วยซ้ำ ที่ชาร์ตก็ไม่ได้เอามา จะขอยืมเจ้าของห้องก็ไม่กล้า กลัวรบกวนเวลาของเขา

“ผมเห็นพี่ตอนที่ผมไปรับพี่บลู”

“ห้ะ” อะไรวะ จู่ๆก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ใครจะไปฟังทัน

“ตอนที่ผมไปรับพี่บลูผมเห็นพี่”

“อ๋อ..พี่บลูเขาเป็นรุ่นพี่ที่องค์การน่ะ เพิ่งรู้จักกันวันนี้แหละ”

“อย่ายุ่งกับพี่บลู ถ้าพี่คิดจะทำให้พี่บลูรู้เรื่องของเราเมื่อสมัยอดีตก็ให้เลิกความคิดนั่นซะ อย่ามาทำให้ผมกับพี่เขาเข้าใจกันผิด” ที่เรียกผมมาหาก็คงเป็นเรื่องนี้สินะ เพราะถ้าไม่มีเรื่องนี้เขาคงไม่โทรมาหาผม

แล้วเรื่องอะไรผมจะไปพูดเรื่องของผมกับมันให้แฟนมันฟังล่ะ มันก็รู้จักผมนี่นา ไม่รู้หรือไงว่าผมไม่มีทางทำแบบนั้น

“กูไม่ทำแบบนั้นหรอก”

“ใครจะไปรู้...ขนาดศักดิ์ศรีตัวเองพี่ยังยอมทิ้งแล้วมานั่งกับผมอยู่ตรงนี้เลย” แล้วจะให้กูทำยังไงวะ กูแค่อยากอยู่ใกล้ๆ....ก็เท่านั้น

“...........”

“เงียบทำไม ผมพูดความจริงแล้วไปต่อไม่ได้เลยงั้นสิ”

“เปล่า”

“เปล่าอะไรวะ!!” บัสเตอร์หันหน้ามาตะคอกจนผมสะดุ้งตัวโหยง มันเอื้อมมือมาจับแขนผมแล้วบีบอย่างแรง มั่นในว่าบีบสุดมือด้วย เพราะผมเจ็บ แต่ก็ไม่ได้พูดออกไปว่าเจ็บแค่ก้มหน้าเม้มปากระบายความรู้สึกเจ็บกับมือที่กำแน่น “พี่มันน่าหงุดหงิด”

“ขอโทษ”

“เหอะ” กว่ามันจะปล่อยแขนผมก็ทำเอาผมปวดไปหมด เมื่อกี้เกือบคิดว่าถ้ามันบีบต่ออีกนิดแขนผมอาจจะหักก็ได้ “ทำให้หน่อยสิ”

“ทำ??? ทำอะไร” ผมเงยหน้าขึ้นสบตาบัสเตอร์ มันส่งประกายตาแปลกๆก่อนจะยิ้มมุมปากแล้วใช้สายตาชี้ชวนให้ผมมองตามไปที่เป้ากางเกงของตัวเอง “พี่เป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่ายอมทุกอย่าง แค่ได้อยู่ข้างๆผม”

“อื้อ”

“แล้วจะทำให้หรือเปล่า ถ้าไม่ทำก็กลับไปซะ”

“ทำสิ” ผมขยับตัวเข้ามาใกล้มันมากขึ้นก่อนจะเอื้อมมือไปปลดกางเกางสแลกสีดำของบัสเตอร์

“ไม่ได้บอกให้ใช้มือนะ ใช้ปาก”

“เข้าใจแล้ว” ทำไมผมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยวะ ทำไมบัสเตอร์ถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้ ทั้งสายตา คำพูด การกระทำ มันไม่เหมือนกับบัสเตอร์คนเก่าที่มักจะอ่อนโยนกับผมเสมอ ผมทำอะไรผิดทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

“พอแล้ว” ก่อนที่บัสเตอร์จะถึงปลายทาง เขาผลักหน้าผมออกจากส่วนนั้น มันดึงตัวผมให้ขยับขึ้นมานอนบนโซฟา ดึงกางเกงออก แล้วใส่พรวดเข้ามาทันที ทั้งจุกทั้งแน่น ไม่มีการเล้าโลมอะไรทั้งนั้น การขยับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมหวังแค่ให้บัสเตอร์จูบผม รู้เลยว่าสายตาตัวเองอ้อนวอนและเรียกร้องให้เขาจูบผมแค่ไหน แต่ก็เปล่าเขาไม่จูบแต่กลับพลิกตัวผมให้หันหลังให้เขาแทน เดาเอาเองว่าเขาคงขยะแขยงและสมเพชที่ผมส่งสายตาแบบนั้นให้เขา



“บัส...เจ็บ”  ไม่มีการผ่อนแรง ยิ่งผมพูดว่าเจ็บมากแค่ไหนเขาก็ยิ่งทำให้มันแรงขึ้น “บัส..อ๊ะ...กูเจ็บ..อึก...”



ไม่มีคำพูดปลอบประโลม ไม่มีจูบอ่อนหวานที่ประทับลงบนหัวไหล่ ไม่มีอะไรทั้งนั้น มีแต่ความเจ็บที่ถูกกระแทกเข้ามาไม่หยุด



ผมจิกนิ้วลงบนโซฟาแน่น กัดหมอนที่อยู่ใกล้ๆไม่ให้ตัวเองพูดคำว่าเจ็บออกมาอีก ต่อให้น้ำตาไหลออกมาเป็นทางบัสเตอร์ก็คงไม่สงสาร สิ่งที่ถ่ายทอดมาผ่านร่างกายที่เชื่อมต่อกันมีแต่คำว่า น่ารังเกียจเต็มไปหมด



“ฮึก..บัส....เจ็บ...ฮึก...วินเจ็บ”





เจ็บที่กายไม่เท่าไหร่ แต่ที่ใจกำลังบอบช้ำลงไปทุกที




>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC
บัสเตอร์ใจร้าย  :hao5:โทษทีที่หายไปนาน งานเยอะมากกกกกกกกก คิดถึงคนอ่านสุดๆ ถามว่า ดราม่าอีกยาวไหม อันนี้ไม่รู้ อิอิ รักคนอ่านเหมือนเดิม จุ๊บๆ :katai2-1:




ออฟไลน์ Gapompom

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
อยากรู้ความรู้สึกของบัสว่าตอนนี้คิดอย่างไงกับวิน

แต่ตอนนี้วินน่าสงสารที่สุดที่ยังเอาตัวเองเขาไปยุ่งเกี่ยวกับบัสอีก

ออฟไลน์ PhInNoI

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-0
 :mew6:
ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลยอะ
หวังว่าจะจบแบบhappyนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด