Chapter 10“มึงเป็นอะไรเนี่ย”
“เปล่า” ผมตอบไอ้เกมส์ทั้งๆที่ตายังหลับสนิท วันนี้เกมส์มันพาผมมาองค์การนิสิต มาช่วยงานรับน้องที่ใกล้จะถึงอีกไม่กี่อาทิตย์
“เปล่าเชี่ยอะไรมึงดูหน้าตัวเองในกระจกบ้างไหมวิน”
“ก็หล่อเหมือนทุกวันนะ”
“หล่อพ่อมึงดิ หน้ายังกับตูดหมา” ผมยักไหล่เบาๆก่อนจะลืมตาแล้วค่อยๆเอนศีรษะไปพิงที่คอนโซลหน้ารถ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูว่ามีใครโทรหาผมบ้างไหม แต่ก็นั่นแหละ ว่างเปล่า มีแต่เบอร์ผมที่โทรออกไป ไลน์พอเข้าดูก็เห็นว่าอ่านนะแต่ไม่ตอบ
ไหนมันบอกว่ายอมให้ผมอยู่ใกล้ๆแล้วไง แต่ทำไมโทรไปถึงไม่รับ ไลน์ไปหาก็ไม่ตอบ
“วิน มึงรู้ไหมว่าสิ่งที่มึงกำลังทำอยู่มันโคตรงี่เง่า เลิกยุ่งกับมันเถอะวะ ถ้าไอ้ไวท์กับไอ้เบสรู้มึงตายแน่ๆ”
“แล้วจะให้กูทำไง” ผมขยับศีรษะหันมามองหน้าคนขับรถ ไอ้เกมส์ยิ้มมุมปากเบาๆก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวผม
“เลิกยุ่งกับเขาซะ ไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับคนที่เขาไม่ได้เห็นความสำคัญกับมึง” มือไอ้เกมส์แม่งเย็นฉิบหาย ยิ่งตอนที่มันลูบเฉียดเบาๆที่หูยิ่งทำให้ผมรับรู้เลยว่าไข้อ่อนๆของผมเมื่อคืนไม่ได้หายไปไหน
“ไม่เอาหรอก....”
“มึงนี่มันดื้อ เทียบๆดูแล้วมึงมันดื้อยิ่งกว่าไอ้เบสเสียอีก” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปแค่หลับตาแล้วรับสัมผัสเย็นๆจากมือไอ้เกมส์ที่ยังคงลูบหัวผมอยู่อย่างนั้น “จะทำอะไรก็คิดดีๆ คนที่ตัดสินใจสุดท้ายก็คือมึง แต่อย่าลืมว่ามึงยังมีพวกกูอยู่”
“ขอบใจว่ะ”
“เลิกทำหน้ายั่วกูได้แล้ววิน ถึงองค์การแล้วครับลูกพี่”
“อะไร ไม่ได้ยั่วเว้ย” ผมลงจากรถไอ้ห่าเกมส์เสร็จก็ปิดประตูแรงๆไปที แม่งหมั่นไส้หาว่าผมยั่วมัน ผมไม่ได้ยั่วสักหน่อยกูแค่หลับตาแล้วเอียงคอตามมือเย็นของมึง กูผิดหรือไง ชิ สมน้ำหน้าไม่ต้องมาโวยวายหาว่ากูทำร้ายร่างกายลูกชายมึงเลย แค่ปิดประตูรถยังน้อยไปวันหลังกูจะเอาตะปูมาขีดรถมึงด้วยซ้ำ
“หึหึ มึงนี่มันตลก”
“สัส” ผมปัดแขนหนักๆของไอ้เกมส์ออกจากไหล่ตัวเองก่อนจะเดินเร่งฝีเท้าเข้าไปในองค์การ คนในองค์การส่วนใหญ่ที่ผมเจอวันนี้ก็เป็นพวกหน้าเดิมๆที่เคยรู้จักมาบ้าง
“เฮ้ย!!ไอ้ซีมึงว่างใช่ไหมเดินไปหยิบน้ำโค้กให้กูหน่อยดิวะ”คนที่กำลังโวยวายตั้งแต่ที่ผมก้าวเท้าเข้ามาในห้องประชุมคือพี่ซันคณะวนศาสตร์
“ แม่งเจ็บคอ โลกแม่งก็ร้อน งานแม่งก็หนัก ชีวิตพี่แม่งเศร้ามากเชื่อไหมน้องหมวย เพื่อนพี่ในแกงค์นะไม่มีใครเป็นตัวผู้สักคนที่เห็นหน้าหล่อๆบ้านรวยๆแม่งแดกกันเองหมดอ่ะ ยกตัวอย่างคนแรกเลยที่หันเหไปเอาผู้ชายคือเชี่ยพีกับเชี่ยโจ้ แดกกันตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่” ใช่ครับมันเก่ง และค่อนข้างบ้า
“จริงเหรอคะพี่ หนูน่ะชอบพี่โจ้กับพี่พีมากเลยอ่ะ”
“ชอบมัน!!!” ไอ้พี่ซันตะโกนเสียงดังก่อนจะลงไปนอนหัวเราะกับพื้น ไม่ได้โม้นะครับ เชี่ยพี่ซันมันลงไปดิ้นตายที่พื้นจริงๆ “ หมอยฟังพี่นะ”
“หมวยค่ะพี่ซัน หนูชื่อหมวย”
“เอ้ยๆพี่ขอโทษพี่พูดผิด หมวยฟังพี่นะกลุ่มพี่ตอนนี้ไม่มีชายใดเหลือให้ชะนีอย่างน้องกินแล้วนะคะ”
“อ่ะมึงน้ำโค้ก ใช้แต่กูอยู่นั่นแหละ ตีนมีหัดเดินเองมั้ง” พี่ซียื่นน้ำโค้กส่งไปให้พี่ซันเสร็จก็เดินไปนั่งเล่นกีต้าร์อยู่ตรงมุมห้อง
“เหอะ..มึงจะบ่นอะไรอีซี เดินไปเอาเองไหมก็เปล่า กูเห็นนะว่าไอ้เกียร์เป็นคนไปหยิบมาให้” พี่เกียร์คือรุ่นพี่คณะผมชื่อเกียร์แต่เรียนรัฐศาสตร์ ปีนี้มันอยู่ปีสี่ ปกติมันไม่มีทางหรอกครับที่จะมาทำกิจกรรมอะไรแบบนี้ แต่คิดว่ามันคงมีเป้าหมายเป็นหนุ่มน้อยหน้าสวยอย่างพี่ซีแหงๆ
“เห็นไหมครับน้องหมวยขนาดไอ้ซีที่พี่คิดว่ามันจะอยู่เป็นตัวผู้ได้กับสาวๆเหมือนพี่มันก็หนีไปมีผัวแล้ว โอ้ย!!!”
“ผัวพ่อมึงเหรอซัน อยากตายใช่ไหมห้ะ!!”
“เปล่าๆ กูไม่ได้พูดถึงมึงเลยซี เชี่ยแม่งชอบร้อนตัว เห็นไหมคนจะมีผัวพฤติกรรมจะขึ้นๆลงๆแบบนี้แหละ อีกไม่นานเชื่อพี่อีกไม่นาน คริ คริ” ผมเลิกสนใจคนบ้าๆบอๆอย่างไอ้พี่ซันก่อนจะเดินไปนั่งใกล้ๆกับพี่อาร์ม ยกมือไหว้มันนิดหน่อยก่อนจะหันไปไหว้พี่เกียร์กับพี่ซีที่นั่งอยู่แถวๆนั้น ส่วนใหญ่คนที่อยู่ในห้องนี้ก็มีแต่พี่ๆปีสี่
“หวัดดีครับพี่ฟิล์ม” ไอ้เกมส์เดินตามผมเข้ามาก่อนจะยกมือไหว้ผู้ชายที่ยืนอยู่แถวๆนั้นเหมือนกัน
“ว่าไงเกมส์กว่าจะมาได้นะมึง แล้วนี่...”
“เพื่อนผมพี่ชื่อวิน เออวินนี่พี่ฟิล์มปีสี่เรียนคณะบริหาร” ผมยกมือไหว้ไอ้พี่ฟิล์มก่อนจะเงยหน้าขึ้นสำรวจมันอีกรอบ ก็หล่อดีแต่น้อยกว่าผม แล้วนี่มันจะจ้องหน้าผมอีกนานไหม แล้วใครใช้ให้มึงมานั่งข้างกูว่ะ สัสแม่ง เบียดด้วย
“พี่ฟิล์มขยับไปอีกนิดนึงได้ไหมครับ พอดีมันเบียดผมอ่ะ”
“อ่าวเหรอ โทษที แค่นี้พอนะ” จริงๆมึงขยับไปสุดประตูนู่นก็ไม่มีใครเขาด่ามึงหรอกนะ ผมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ไอ้เกมส์ที่กำลังนั่งคุยกับพี่อาร์มมาเล่นระหว่างรอประชุม โทรศัพท์ผมก็มีเกมส์นี้นะแต่ว่ายังเวลน้อยอ่ะเล่นไม่มันส์ ปกติถ้าอยู่กับไอ้เกมส์ผมมักจะเอาของมันมาเล่นตลอด
“ชอบเล่นเกมส์นี้เหรอ พี่ก็เล่นนะเวลพี่เยอะกว่าไอ้เกมส์ด้วย”
“เหรอครับ”
“ใช่ เอาของพี่ไปเล่นไหมล่ะ สนุกกว่านะพี่มีตัวอื่นด้วย เล่นสนุกว่าตัวที่วินกำลังเล่นในเครื่องเกมส์อีก” ผมลังเลนิดหน่อยแต่สุดท้ายก็ยื่นมือไปรับโทรศัพท์จากไอ้พี่ฟิล์มแทน สนุกดีแต่ติดนิดเดียวที่เจ้าของเครื่องแม่งพูดมาก
“หวัดดีครับขอโทษที่มา....ช้า” เสียงใสๆที่อยู่ๆก็ขาดช่วงไปทำเอาผมรีบเงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังเดินมานั่งข้างพี่ฟิล์ม ผู้ชายที่ผมไม่คิดว่าจะเจอที่นี้
“ไงบลูเดี๋ยวนี้ช้าตลอดเลยนะ ติดแฟนงั้นเหรอ มีแฟนเด็กก็งี้”
“ยุ่ง” บลูก้มหน้าหงุดมีเหลือบตามองมาทางผมแว่บหนึ่งพอเห็นว่าผมจ้องอยู่ก็รีบแสร้งทำเป็นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น หน้าบลูแดงมากจนลามไปถึงหู ผมว่าเขาคงจำหน้าผมได้แน่ๆ
“บลูมึงแม่งทำตัวแปลกๆ หน้าแดงๆด้วย ไม่สบายป่ะเนี่ย”
“เงียบได้ไหมฟิล์ม บลูคุยกับบัสเตอร์อยู่”
“คุยไลน์ทำไมต้องให้กูเงียบด้วยวะ น่ารำคาญ!!” พี่ฟิล์มตะคอกใส่พี่บลูเสร็จก็เดินหนีไปเลย เสียงไลน์ที่ยังดังอย่างต่อเนื่องบ่งบอกว่าคนที่พี่บลูคุยด้วยเขาตอบแทบทุกครั้ง
“มึงโอเคหรือเปล่า”
“ไม่ค่อยว่ะ” ผมตอบกลับไอ้เกมส์เสียงเบาหวิวก่อนจะขยับตัวไปนั่งใกล้ๆผู้ชายที่ชื่อบลู ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องชะเง้อมองหน้าจอไลน์ของพี่เขาด้วย ผมแม่งโคตรไม่มีมารยาทเลย แต่ก็อยากรู้ว่าเขาคุยอะไรกัน ทีกับผมอ่านไปเป็นชาติยังไม่เห็นจะตอบกลับมาสักคำ
“หวัดดีครับพี่ ผมชื่อวิน ว่าแต่...เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับ” แล้วทำไมผมถึงต้องเอาตัวเองมายุ่งกับเขาด้วยนะ
“เงียบเลย พี่รู้ว่าเราจำพี่ได้ ห้ามพูดให้ใครฟังนะ”
“เรื่องอะไรอ่ะ”
“ก็เรื่องที่ผับคืนนั้นไง” หน้าของพี่บลูแดงเถือกด้วยความอาย เขาเงยหน้ามองผมก่อนจะหรี่ตาเล็กทำให้ดูดุสุดๆแต่จริงๆแล้วมันไม่ได้ดูดุอะไรเลย ออกจะน่ารักเสียมากกว่า ไม่แปลกใจเลยว่ะที่บัสเตอร์จะพูดว่าไม่มีทางทิ้งคนอย่างพี่บลูมาหาผม เพราะแค่ความน่ารักพี่บลูเขาก็กินขาดแล้ว
“ที่ผับอะไรครับ ผมจำไม่ได้หรอก ผมเพิ่งเจอพี่ที่นี้ครั้งแรก.....ไม่ใช่เหรอครับ” ถึงจะปฏิเสธไปว่าจำไม่ได้แต่จริงๆแล้วผมจำมันได้ดีแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเสียงหอบ เสียงคราง หรือเสียงกุกกักจากในห้องน้ำ จำมันได้ดีแม้กระทั่งตอนที่พี่บูลกับบัสเตอร์เดินออกมาจากในนั้น
“ใช่ๆ เราเพิ่งเจอกันพี่ชื่อบลู อยู่ปีสี่คณะบริหารเราชื่อวินใช่ไหม”
“ครับพี่”
“ดีใจที่ได้รู้จักนะน้องวิน”
“ฮ่า ฮ่า พี่บลูเรียกผมวินเฉยๆก็ได้เรียกน้องวินแล้วมันดูแปลกๆ” แม่งเป็นคนดีเกินไปแล้วนะ ไม่แปลกใจเลยที่คนแบบนี้จะเหมาะกับคำว่าน่าทะนุถนอมและไม่มีวันปล่อยไปให้หลุดมือ
“ฮ่า ฮ่า ก็ได้ เขาจะประชุมและ วินขยับมานั่งใกล้ๆพี่มา ให้ไอ้ฟิล์มมันไปหาที่นั่งอื่น แม่งรำคาญมัน”
“ครับ” ผมขยับไปนั่งข้างพี่บลูก่อนจะดึงไอ้เกมส์ให้มานั่งใกล้ๆด้วย การประชุมเริ่มต้นขึ้นโดยมีพี่ซันกับพี่อาร์มเป็นคนบอกรายละเอียดการรับน้องมหาลัยให้คนในห้องฟัง คนในองค์การที่นั่งรวมๆกันในนี้ก็ร้อยกว่าคนได้ ส่วนใหญ่เอามาจากพวกที่ทำชมรมต่างๆโดยมีพี่ซันเป็นตัวขอความร่วมมือ
“มึงคิดจะทำอะไร” จังหวะที่พี่บลูลุกไปเอาอะไรสักอย่าง เชี่ยเกมส์ก็ขยับปากมากระซิบเบาๆที่หูผม “อย่าแม้แต่จะคิดทำอะไรแบบนั้นรู้ไหมวิน ถอยออกมาเหอะ”
“..........”
“วิน”
“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย กูก็แค่...อยากรู้ความเคลื่อนไหวของเขา....ก็มันไม่ติดต่อกูมาเลยนี่หว่า...จะให้กูทำยังไงล่ะ ถามไอ้เบสมันก็ไม่บอกกูอ่ะ” ผมไม่ได้อยากทำแบบนี้สักหน่อย ไม่ได้อยากเข้าไปวุ่นวายทำให้เขาทะเลาะกันนะครับ ไม่ได้คิดจะบอกพี่บลูด้วยว่าผมกับบัสเตอร์เคยเป็นอะไรกัน แต่แค่อยากรู้ก็เท่านั้นว่าบัสเป็นไงบ้าง แอบเห็นในไลน์ที่คุยกับพี่บลูเมื่อกี้ก็ดีใจเหมือนเขาคุยกับผมแล้ว...
“ไม่เจ็บเหรอวะ”
“........” เจ็บดิ แต่จะให้ทำไงอ่ะ ก็มันไม่มีทางเลือกแล้ว บัสเตอร์ยื่นทางเลือกให้ผมเพราะผมขอ แต่สุดท้ายทางเลือกนั้นก็เหมือนกำลังจะถูกปิด เพราะเขาไม่แม้แต่จะติดต่อมา ไม่รับโทรศัพท์ ไม่ตอบไลน์ ไม่อะไรทั้งนั้น
“มึงนี้มัน...เฮ้อ” เกมส์โยกหัวผมเบาๆก่อนจะหันหน้าไปฟังประชุมต่อ ผมเอียงตัวเอาหัวซบมันแล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ
“ขอโทษนะเกมส์...กูไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ”
ประชุมรับน้องที่องค์การใช้เวลาเกือบครึ่งค่อนวัน ผมนั่งรอไอ้เกมส์ที่ยังประชุมต่อตรงม้าหินอ่อนด้านหน้าองค์การ ลมเย็นๆพัดมาประทะผิวกายไม่ได้ช่วยทำให้ใจผมสงบเลยสักนิด ข้อความไลน์ที่เด้งแทบจะตลอดการประชุมเป็นตัวบอกให้ผมรับรู้ว่าเขาคุยไลน์กันแทบจะตลอดเวลา แต่ทำไมนะ แค่เจียดเวลามาตอบผมนิดเดียวมันจะเสียเวลามากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ แค่นิดเดียวส่งสติ๊กเกอร์ไลน์หรืออะไรตอบกลับมาบ้างก็ยังดี แต่นี้ไม่มีเลย...
“อ่าววินยังไม่กลับอีกเหรอ” ผมหันกลับไปมองเสียงที่เรียกชื่อผม พี่ฟิล์มกับพี่บลูเดินออกมาพร้อมกัน
“ยังพี่ รอไอ้เกมส์น่ะ แล้วพี่สองคนอ่ะ”
“พี่กำลังจะกลับ ส่วนไอ้เตี้ยนี่รอผัวมารับ”
“ฟิล์ม!!! พูดมากว่ะ” พี่บลูหันไปตีแขนพี่ฟิล์มเบาๆ
Rrrrrrrrrrrrrrrr
“นั่นไง แฟนเด็กมึงโทรมาแล้ว” พี่บลูรับโทรศัพท์พร้อมกับส่งสัญลักษณ์เป็นนิ้วกลางตอกหน้าไอ้พี่ฟิล์มที่กำลังยืนหัวเราะคิกคักอยู่ใกล้ๆ
“....ว่าไงครับบัสเตอร์....ใช่....พี่อยู่หน้าองค์การ...บัสเตอร์ขับเข้ามาได้เลย....ใช่....ที่อยู่กันสามคนนั่นแหละ....เคๆ...เจอกันครับ...อะไร...เออคิดถึงดิ...รีบๆมาเลย...พี่หิวข้าวจะตายอยู่แล้ว” อิจฉาจังเลยว่ะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะคนที่เขาเลือกไม่ใช่ผม
“วินจะให้พี่ไปส่งไหมล่ะ ท่าทางไอ้เกมส์จะคุยนานนะ”
“ไม่เป็นไรพี่ฟิล์ม เดี๋ยวผมนั่งรอมันตรงนี้แหละ นั่นรถบัส...เอ่อรถแฟนพี่บลูหรือเปล่า กำลังขับเข้ามานั่นน่ะ” ผมชี้นิ้วไปที่รถบีเอ็มสีดำคันที่กำลังขับเข้ามา รถคุ้นตาที่ผมเคยนั่ง กำลังจอดนิ่งๆรออยู่หน้าองค์การ
“ใช่ๆ ถ้างั้นพี่ไปแล้วนะ”
“ครับพี่บลู โชคดีครับ”
“ฟิล์มด้วย รีบกลับบ้าน อย่าไปกินเหล้าล่ะวันนี้” พี่บลูหันมาชี้หน้าเตือนพี่ฟิล์มแต่ก็นั้นแหละพี่ฟิล์มไม่ตอบแต่กลับยักไหล่อย่างไม่แยแส
“ไม่ให้พี่ไปส่งจริงๆอ่ะ”
“เออ”
“งั้นไปกินเหล้ากันไหม” มือหนาของพี่ฟิล์มวางแหมะลงบนหัวผมก่อนจะโยกเบาๆอย่างเป็นกันเอง
“ผมกินไม่เป็นหรอกพี่ ผมเด็กดีจะตาย” ปากพูดตอบพี่ฟิล์มแต่สายตาก็ยังคงมองเข้าไปในรถ ตอนนี้ชักจะไม่ชอบไอ้ฟิล์มกันแสงมืดๆที่ตัวเองเป็นคนบอกให้บัสติดเลยว่ะ เพราะมันมืดไปจนมองไม่ออกว่าเขากำลังทำอะไร มองมาทางนี้ไหม หรือไม่ได้สนใจผมที่อยู่ตรงนี้
“เหรอออออ” เสียงเยาะเย้ยของพี่ฟิล์มทำเอาผมรีบเงยหน้ามองหน้ากวนๆของเขา แม่งเราสนิทกันขนาดที่มึงจับหัวกูได้เลยหรือไง “ทำไมช่วงนี้มีแต่เรื่องน่าเบื่อ”
“ผมก็ว่างั้น” น่าเบื่อจนคิดว่าไม่อยากจะทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
ผมนั่งคุยกับพี่ฟิล์มจนไอ้เกมส์ออกมา พี่เขาเป็นคนคุยสนุกส่วนมากแม่งชอบชวนคุยเรื่องทะลึ่งใต้สะดือ เวลาหญิงเดินผ่านหน้าองค์การไม่พูดวิจารณ์ก็วิ่งไปขอเบอร์ อยู่กับมันก็หายเบื่อไปนิดหน่อยเพราะถ้าผมนั่งรอไอ้เกมส์อยู่คนเดียวแบบตอนแรกคงนั่งเหงาจนรากงอกอ่ะ
“รอนานไหม” หลังจากล่ำลาไอ้พี่ฟิล์มเสร็จผมก็เดินตามไอ้เกมส์มาขึ้นรถ แม่งให้รอตั้งเกือบสองชั่วโมงคิดว่ารอนานป่ะล่ะ ถ้าไม่มีพี่ฟิล์มกับเกมส์ในมือถือมันผมคงหนีกลับบ้านตั้งแต่ 15 นาทีแรก
“สุดๆ”
“อย่าทำหน้างั้นดิวะ ก็กูไม่รู้ว่าพี่ซันจะเรียกพวกกูประชุมต่อ แล้วแม่งกว่าจะพูดเข้าเรื่อง ไอ้พี่ซันก็เล่าเรื่องตัวเองไปซะเกินครึ่ง แถมเรื่องที่จะพูดแม่งก็มีอยู่นิดเดียว” ผมไม่ได้ถามมันซะหน่อยว่าพี่ซันเขาคุยเรื่องอะไร มากน้อยแค่ไหน “วินเดี๋ยวนี้มึงขี้งอนไปนะ”
“อะไร” ผมปัดมือไอ้เกมส์ที่กำลังเอานิ้วจิ้มแก้มผมอยู่ออก
“ก็จริง ขี้งอนขึ้นแล้วก็น่ารักขึ้นด้วยนะ”
“ตลกมากป่ะมึง”
“แล้วนี่มึงโมโหอะไรเนี่ย เจออะไรมาหรือเปล่า”
“.....” ผมไม่ได้ตอบแต่หันหน้าไปมองไอ้เกมส์ที่กำลังขับรถแทน “วันนี้บัสเตอร์มารับพี่บลู”
“แล้วเจอกันป่ะ”
“เปล่า เห็นแค่รถน่ะ มันไม่ได้ลงมา”
“ก็ดีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน”
“ไม่เห็นจะดีตรงไหน” ถ้าได้เจอคงจะดีกว่า ผมอยากเจอเขา อยากสบตา อยากกอด แล้วก็อยากจูบด้วย
“เฮ้อออ ตัดใจไม่ได้เหรอวะ” ผมส่ายหน้าบอกไอ้เกมส์เป็นคำตอบ ถ้าบนโลกใบนี้คนเราเลิกรักกันได้ง่ายๆคงไม่มีคนอกหักเต็มโลกขนาดนี้หรอก
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกสติผมให้หยิบขึ้นมาดู เบอร์และชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอทำเอาผมใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก
“ใครโทรมาวะ”
“......”
“วินใครโทรมา…” ผมหลับตาเอนตัวพิงเบาะรถก่อนจะค่อยๆกดรับโทรศัพท์ที่ยังดังไม่หยุด บทจะโทรมาแม่งก็ง่ายดายอย่างกับปอกกล้วย
“ว่าไงบัส”
(พี่อยู่ไหน)
“กูอยู่กับไอ้เกมส์กำลังจะกลับบ้าน”
(ว่างหรือเปล่า)
“ว่าง” ไม่ต้องไตร่ตรองหรือคิดทบทวนอะไรทั้งสิ้นผมพูดตอบมันทันทีที่มันพูดจบ เสียงถอนหายใจจากไอ้เกมส์ดังออกมาเบาๆ แต่ผมก็ไม่แคร์หรอก นี่มันเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนเลยนะที่ผมได้คุยโทรศัพท์กับบัส
(มาหาที่คอนโดเดี๋ยวนี้เลยได้ไหม)
“ได้ๆๆ ที่ไหนอ่ะ” ผมไม่เคยรู้ที่อยู่ใหม่ของบัสเตอร์ รู้คร่าวๆจากเบสว่าบัสไปอยู่คอนโดแต่มันก็ไม่เคยบอกผมว่าอยู่ที่ไหน
ตอนนี้ในหัวใจผมมันเต้นตุบตับไปหมด ตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้า ตื่นเต้นที่จะได้เจอกัน
แล้วก็ดีใจที่มันโทรมา“มึงนี่มันโคตรโง่”
“เรื่องของกู” ผมเบ้ปากใส่ไอ้เกมส์เสร็จก็หันไปเก็บของที่วางไว้อยู่เบาะหลังยัดใส่กระเป๋าตัวเอง มันมาส่งผมที่คอนโดบัส ตั้งแต่มันรู้ว่าใครโทรมามันก็ทั้งห้ามทั้งด่า แต่เรื่องอะไรผมจะฟังล่ะ ผมไม่สนหรอกว่าตอนไปเจอบัสมันจะเกิดเหตุการณ์อะไร ผมรับได้หมดแหละ ผมบอกไปแล้วว่าให้ผมอยู่ตรงไหนก็ได้ขอแค่ให้ได้อยู่ใกล้ๆมันก็พอ
“วิน”
“อื้อ”
“มึงแน่ใจแล้วนะที่จะทำแบบนี้”
“แน่ใจ...มึงไม่ต้องห่วงกูหรอกเกมส์ กูเข้ามาเอง กูรับได้ ถ้าวันนึงมันจะเจ็บกูจะไม่โทษใครเลย เพราะกูเลือกเองทุกอย่าง แค่กูได้อยู่ข้างๆมันแค่นี้สำหรับกูก็มากพอแล้ว”
“มึงนี่มันดื้อ....”
“.........”
“ ถ้ามีอะไรก็โทรหากูนะ” ผมพยักหน้าบอกไอ้เกมส์เสร็จก็เดินลงจากรถแล้วตรงดิ่งไปที่ห้องบัสเตอร์ ความตื่นเต้นทวีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ก้าวเท้าขึ้นมาบนชั้นที่มันอยู่ จนตอนนี้ยืนอยู่หน้าห้อง หัวใจผมก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบ ผมยื่นทำใจอยู่หน้าห้องสักพักก่อนจะกดออดเรียกคนในห้องให้มาเปิด แว่บแรกที่ประตูเปิดผ่างออกมามันไม่ได้ยิ้มหรือแสดงอาการยินดีที่ผมยืนอยู่ตรงนี้ บัสแค่เดินมาเปิดประตูแล้วก็เดินกลับไปนั่งเล่นโทรศัพท์ที่โซฟาต่อ
ห้องบัสเตอร์เป็นห้องขนาดพอดีอยู่กันสองคนได้ไม่อึดอัด ทางซ้ายมือมีห้องครัวขนาดเล็กเดินเลยมาอีกนิดก็เจอห้องรับแขกที่ตอนนี้เจ้าของห้องกำลังก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ในมืออยู่ ผมเดินตามบัสเตอร์เข้ามาก่อนจะขยับลงนั่งข้างๆเขา เสียงไลน์เด้งพร้อมกับเสียงหัวเราะที่มีมาไม่ขาด ผมไม่กล้าลุกขึ้นไปเปิดทีวี ได้แต่นั่งเงียบๆ ไม่กล้านั่งใกล้มันมากกว่านี้ด้วยกลัวมันจะหันหน้ามามองผมด้วยสายตาไม่ชอบใจเลยเว้นช่องว่างระหว่างเราไว้
ผมบัสเตอร์ยาวขึ้นนิดหน่อย แต่ยังคงเป็นทรงสกินเฮดเหมือนเดิม ผิวสีแทนเพราะแดดยังคงเหมือนเดิม ตรงข้อมือเหมือนไปโดนอะไรมาสักอย่างมีผ้าพันแผลปิดอยู่ ไวเท่าใจคิดผมรีบขยับมาชิดมันก่อนจะเอื้อมมือมาจับตรงข้อมือมันทันที
“มึงไปโดนอะไรมาอ่ะ เจ็บมากไหม” ผมถามมันด้วยความเป็นห่วงแต่สิ่งที่ตอบกลับมาให้ผมดันเป็นสายตาหงุดหงิดและมือที่ถูกกระชากออกจากมือผมอย่างแรง
มึงนี่มันขี้เสือกจังเลยนะวิน ไปเสือกเรื่องของเขาทำไมวะ มาหาเขา เรียกร้องเขา ก็นั่งอยู่เฉยๆไปดิ แค่เขาให้มึงมานั่งอยู่ใกล้ขนาดนี้ก็ดีแค่ไหนแล้วหลังจากเหตุการณ์เมื่อกี้ผมก็ได้แต่นั่งนิ่งๆมองเขาคุยไลน์ ไม่ได้ทำอะไรต่อ แค่นั่งนิ่งๆอีกเกือบชั่วโมง รู้งี้ชาร์ตแบตโทรศัพท์ในรถไอ้เกมส์ไว้สักหน่อยก็ยังดี ตอนนี้แบตหมดจนแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรด้วยซ้ำ ที่ชาร์ตก็ไม่ได้เอามา จะขอยืมเจ้าของห้องก็ไม่กล้า กลัวรบกวนเวลาของเขา
“ผมเห็นพี่ตอนที่ผมไปรับพี่บลู”
“ห้ะ” อะไรวะ จู่ๆก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ใครจะไปฟังทัน
“ตอนที่ผมไปรับพี่บลูผมเห็นพี่”
“อ๋อ..พี่บลูเขาเป็นรุ่นพี่ที่องค์การน่ะ เพิ่งรู้จักกันวันนี้แหละ”
“อย่ายุ่งกับพี่บลู ถ้าพี่คิดจะทำให้พี่บลูรู้เรื่องของเราเมื่อสมัยอดีตก็ให้เลิกความคิดนั่นซะ อย่ามาทำให้ผมกับพี่เขาเข้าใจกันผิด” ที่เรียกผมมาหาก็คงเป็นเรื่องนี้สินะ เพราะถ้าไม่มีเรื่องนี้เขาคงไม่โทรมาหาผม
แล้วเรื่องอะไรผมจะไปพูดเรื่องของผมกับมันให้แฟนมันฟังล่ะ มันก็รู้จักผมนี่นา ไม่รู้หรือไงว่าผมไม่มีทางทำแบบนั้น
“กูไม่ทำแบบนั้นหรอก”
“ใครจะไปรู้...ขนาดศักดิ์ศรีตัวเองพี่ยังยอมทิ้งแล้วมานั่งกับผมอยู่ตรงนี้เลย” แล้วจะให้กูทำยังไงวะ กูแค่อยากอยู่ใกล้ๆ....ก็เท่านั้น
“...........”
“เงียบทำไม ผมพูดความจริงแล้วไปต่อไม่ได้เลยงั้นสิ”
“เปล่า”
“เปล่าอะไรวะ!!” บัสเตอร์หันหน้ามาตะคอกจนผมสะดุ้งตัวโหยง มันเอื้อมมือมาจับแขนผมแล้วบีบอย่างแรง มั่นในว่าบีบสุดมือด้วย เพราะผมเจ็บ แต่ก็ไม่ได้พูดออกไปว่าเจ็บแค่ก้มหน้าเม้มปากระบายความรู้สึกเจ็บกับมือที่กำแน่น “พี่มันน่าหงุดหงิด”
“ขอโทษ”
“เหอะ” กว่ามันจะปล่อยแขนผมก็ทำเอาผมปวดไปหมด เมื่อกี้เกือบคิดว่าถ้ามันบีบต่ออีกนิดแขนผมอาจจะหักก็ได้ “ทำให้หน่อยสิ”
“ทำ??? ทำอะไร” ผมเงยหน้าขึ้นสบตาบัสเตอร์ มันส่งประกายตาแปลกๆก่อนจะยิ้มมุมปากแล้วใช้สายตาชี้ชวนให้ผมมองตามไปที่เป้ากางเกงของตัวเอง “พี่เป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่ายอมทุกอย่าง แค่ได้อยู่ข้างๆผม”
“อื้อ”
“แล้วจะทำให้หรือเปล่า ถ้าไม่ทำก็กลับไปซะ”
“ทำสิ” ผมขยับตัวเข้ามาใกล้มันมากขึ้นก่อนจะเอื้อมมือไปปลดกางเกางสแลกสีดำของบัสเตอร์
“ไม่ได้บอกให้ใช้มือนะ ใช้ปาก”
“เข้าใจแล้ว” ทำไมผมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยวะ ทำไมบัสเตอร์ถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้ ทั้งสายตา คำพูด การกระทำ มันไม่เหมือนกับบัสเตอร์คนเก่าที่มักจะอ่อนโยนกับผมเสมอ ผมทำอะไรผิดทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
“พอแล้ว” ก่อนที่บัสเตอร์จะถึงปลายทาง เขาผลักหน้าผมออกจากส่วนนั้น มันดึงตัวผมให้ขยับขึ้นมานอนบนโซฟา ดึงกางเกงออก แล้วใส่พรวดเข้ามาทันที ทั้งจุกทั้งแน่น ไม่มีการเล้าโลมอะไรทั้งนั้น การขยับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมหวังแค่ให้บัสเตอร์จูบผม รู้เลยว่าสายตาตัวเองอ้อนวอนและเรียกร้องให้เขาจูบผมแค่ไหน แต่ก็เปล่าเขาไม่จูบแต่กลับพลิกตัวผมให้หันหลังให้เขาแทน เดาเอาเองว่าเขาคงขยะแขยงและสมเพชที่ผมส่งสายตาแบบนั้นให้เขา
“บัส...เจ็บ” ไม่มีการผ่อนแรง ยิ่งผมพูดว่าเจ็บมากแค่ไหนเขาก็ยิ่งทำให้มันแรงขึ้น “บัส..อ๊ะ...กูเจ็บ..อึก...”
ไม่มีคำพูดปลอบประโลม ไม่มีจูบอ่อนหวานที่ประทับลงบนหัวไหล่ ไม่มีอะไรทั้งนั้น มีแต่ความเจ็บที่ถูกกระแทกเข้ามาไม่หยุด
ผมจิกนิ้วลงบนโซฟาแน่น กัดหมอนที่อยู่ใกล้ๆไม่ให้ตัวเองพูดคำว่าเจ็บออกมาอีก ต่อให้น้ำตาไหลออกมาเป็นทางบัสเตอร์ก็คงไม่สงสาร สิ่งที่ถ่ายทอดมาผ่านร่างกายที่เชื่อมต่อกันมีแต่คำว่า น่ารังเกียจเต็มไปหมด
“ฮึก..บัส....เจ็บ...ฮึก...วินเจ็บ”
เจ็บที่กายไม่เท่าไหร่ แต่ที่ใจกำลังบอบช้ำลงไปทุกที>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC
บัสเตอร์ใจร้าย :hao5:โทษทีที่หายไปนาน งานเยอะมากกกกกกกกก คิดถึงคนอ่านสุดๆ ถามว่า ดราม่าอีกยาวไหม อันนี้ไม่รู้ อิอิ รักคนอ่านเหมือนเดิม จุ๊บๆ
