ปฏิญญาที่ ๑๗หลบหลีกเลี่ยงซ้อนเร้นกายออกจากวัง
ที่คุมขังอันสวนหรูแสนกดขี่
ให้จันทรเจ้ามัวหมองด้วยราคี
ดวงสุรีย์รีบพานำกลับแดนเจ้าหญิงศรวิษฐาทรงเค้นสมองวางแผนที่จะพาอนุชาของพระนางหนีออกจากพระราชวังแห่งอุษณกรนี้ทันทีที่อาการดีขึ้น พระนางติดต่อไปยังเจ้าชายสุริเยนทร์ไทวะให้จัดเตรียมสถานที่ลับเอาไว้ซ่อนกายของผู้เป็นน้อง โดยมิให้มีผู้ใดล่วงรู้
น้อย นางกำนัลผู้ภัคดีแอบจัดเตรียมของต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับนายทั้งสามของนางอย่างเต็มใจ และเก็บในส่วนของนางเองด้วย
นายของนางอยู่ที่แห่งใด นางจะขอตามไปรับใช้หนนั้น
กัลยาเองก็พร้อมที่จะไปกับนายของนางด้วย นางจะขอตามติดไปดูแลองค์ชายน้อยให้เติบโตขึ้น ต่อให้ถ้าถูกจับได้จะต้องโทษร้ายแรงเพียงใดก็ตาม
หลอหลวงวันชัยที่ตกกระไดพลอยโจรรับรู้ทุกอย่าง ทำให้ต้องคอยช่วยเหลือ สนับสนุนแผนการนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่อีกใจเขาก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือ เพื่อชีวิตน้อย ๆ ที่จะเกิดมา
และอีกสองคนที่ทำให้หลาย ๆ อย่างในแผนการราบรื่นขึ้น คือ แม่หญิงโสภิตสาริน ที่ยินดีจะช่วยให้ผู้ที่นางเห็นเป็นน้องมาตลอดพ้นจากความทุกข์ในวังที่เอาแต่ทำร้ายเขาไม่หยุดนี้เสียที และนพคุณ ที่ต้องการจะตอบแทนบุญคุณที่วสุนธราเคยช่วยเหลือเขาในยามที่อยู่คาบเกี่ยวระหว่าความเป็นและความตายในครานั้น
การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปอย่างรัดกุม โสภิตสารินพยายามควานหาสิ่งของจำเป็นสำหรับเด็กต่าง ๆ มามากมาย เพื่อมอบให้แก่น้อย เอาไปให้องค์ชายน้อย และเด็กที่กำลังจะเกิดมาได้ใช้สอย
นพคุณคอยสังเกตการณ์ และชุดรั้งองค์รัชทายาท องค์อินทัชในบางครั้ง ที่นึกจะเสด็จไปตำหนักขององค์ชายสามโดยมิบอกล่วงหน้า ด้วยเหตุผลต่าง ๆ เท่าที่จะชักแม่น้ำออกมาได้... และนับว่าเป็นเรื่องดีที่ทั้งสองพระองค์ชมชอบการล่าสัตว์นัก จึงทำให้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างชั้นดีอยู่เสมอ
แผนการต่าง ๆ ดำเนินการไปเรื่อย ๆ จนพร้อมที่จะลงมืออย่างรวดเร็ว ควันยาสลบพร้อมที่จะใช้งาน สัมภาระบางส่วนถูกขนย้ายออกไปเรียบร้อย ด้วยความร่วมมือจากทหารที่รู้เห็น และรับสินบน
ศศินคคนานต์เองก็พร้อมที่จะออกไปแล้วเช่นกัน พระองค์แข็งแรงขึ้นแล้ว แม้จะยังไม่เท่าปกติ แต่ก็พร้อมที่จะเดินทางออกไปจากวังหลวงแห่งนี้
“เจ้าพี่ จะมิทรงเสด็จไปด้วยหรือพะยะค่ะ”ศศินเอ่ยถามทวนซ้ำอีกครั้ง เมื่อแผนการเริ่มต้นขึ้น ควันยาสลบถูกปล่อยในทุกตำหนัก ทุกหนแห่งในวังหลวง แม้แต่ในตำหนักขององค์ชายสามเองก็ตาม มีเพียงผู้ที่ร่วมมือในแผนการที่นั้นที่นำผ้ามาปิดจมูกเอาไว้ได้ มิให้สลบล้มลงไป
“ถ้าเจ้าไปก็จะมิมีตัวประกันอีก ข้าจะอยู่ที่นี่ เป็นตัวประกันแทนเจ้า เพื่อนครของเรา”ศรวิษฐาตอบกลับด้วยรอยยิ้มหวาน “ไปเถอะ ศศิน ไม่ต้องห่วงข้า และอย่าส่งข่าวมา ถ้าเจ้าอยากจะบอกอะไรกับข้า ให้บอกกับเจ้าพี่สุริเยนทร์ อย่าส่งข่าวมาที่นี่ จำไว้ น้องพี่”
“เจ้าพี่...”
สองพี่น้องกอดกันแน่น ความสัมพันธ์ที่เหมือนครั้งยังเยาว์วัยกลับคืนมาอีกครั้งอย่างสมบูรณ์ พี่สามที่รัก และเป็นห่วงน้อยชายตัวน้อยผู้อ่อนแอกลับมาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ถูกความริษยา และความโกรธเคืองบดบังมาเนิ่นนาน
“เราจะต้องได้พบกันอีก น้องพี่”
เจ้าหญิงคนงามแห่งต่างเมืองยืนส่งน้องกลับส่งแผ่นดินแม่ทั้งน้ำตา นับจากนี้ไปอนุชาของพระนางคงจะได้มีความสุขเสียที หมดสิ้นความทุกข์ที่เคยมีมา
ดารกาขอส่งดวงจันทรา
ให้ออกมานอกคุกที่คุมขัง
น้องเอยพี่ขอพรให้ด้วยความหวัง
ขอพลังแห่งดวงดาวช่วยคุ้มครอง
ให้น้องพี่มีสุขเกษมสันต์
หมดทุกข์พลันหมดน้ำตาที่เนืองนอง
ให้เจ้าอยู่กับคนรักเป็นคู่สอง
ให้ตระกองกอดค้ำตลอดไป
เกวียนลำน้อยถูกลากออกไปไกลลิบตา มุ่งหน้าสู่ป่าใหญ่โดยมิมีการหันหลังกลับไปมองยังที่ ที่จากมา พาผู้ที่อยู่ภายในมุ่งหน้าไปยังจุดหมายอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
องค์ชายน้อยสุริยมาศราวกับรู้ว่ากำลังออกเดินทาง พระองค์นั่งนิ่งเงียบไม่งอแง และไม่เดินซุกซนเหมือนปกติ อาจจะมีบ้างที่เดินไปหาบิดาที มารดาที แต่สุดท้ายก็กลับไปนั่งอยู่บนตักของแม่นมอย่างสงบ เป็นเด็กน้อยที่รู้ความจริง ๆ
“องค์ชายเพคะ เราจะไปที่ไหนกันหรือเพคะ”น้อยถามด้วยรอยยิ้มกว้าง นางยินดีนักที่ได้ออกมาจากวังหลวงที่น่าเบื่อเสียที ถึงแม้ว่าจะต้องจากลาจากบุคคลที่นางแอบชอบพออยู่ก็ตามที
“ป่าหมอกใกล้ ๆ พระราชวังแห่งวสุนธราน่ะ”องค์ศศินตอบกลับอย่างอ่อนโยน แล้วเหม่อมองไปข้างหน้า “ในป่าแห่งนั้น ถ้ามิมีผู้ที่เชี่ยวทางนำทาง ก็มิมีทางไปถึงแน่”
“ด้วยเหตุอันใดหรือเพคะ”นางถามกลับอีกรอบด้วยความอยากรู้ “เหตุใดถึงมิมีทางไปถึงหรือเพคะ”
“เพราะป่าแห่งนั้นจะถูกหมอกคลุมอยู่ตลอดทั้งปี และทางก็วกวนยิ่ง ถึงแม้ว่าภายในจะมิได้มีสัตว์ร้ายมากมาย แต่แค่เส้นทางก็ทำเอาถอดใจได้แล้วเหมือนกันนะ ถ้าพลาดก็อาจจะตกไหล่เขาลงไปในหุบเหวลึกเลยก็เป็นได้”ศศิธรอธิบายช้า ๆ เพื่อให้นางกำนัลคนสนิทเข้าใจ “แม้แต่คนในวสุนธราเองก็มีน้อยคนเท่านั้นที่จะเข้าไปแล้วมีชีวิตกลับออกมาได้”
“แล้วเช่นนี้ เราจะเข้าไปได้หรือเพคะ”
“มีเราอยู่ เหตุใดจะเข้าไปไม่ได้ล่ะ”ศศินคคนานต์หันกลับมามองจ้องตากับน้อยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “เรากับเจ้าพี่เข้าออกที่แห่งนั้นจนปรุแล้วล่ะ และยังแอบสร้างบ้านเล็ก ๆ เอาไว้ที่นั่นด้วย”
ในระหว่างที่สุริยันและจันทราพากันหลบหนี หลังจากที่ควันยาสลบสิ้นฤทธิ์ลง ผู้คนที่หลับใหลก็พากันตื่นขึ้นมา ความวุ่นวายเริ่มบังเกิดเมื่อพวกเขาได้พบว่าเชื้อพระวงศ์ได้หายตัวออกไปถึงสามองค์...
และหนึ่งในนั้นมีองค์ชายน้อยผู้ที่อู้เป็นกษัตริย์หมายมั่นจะให้ครองแผ่นดินในภายภาคหน้าอีกด้วย
ผู้คนจำนวนมากถูกจับกุมมาสอบสวน ความโกลาหลบังเกิดขึ้นภายในพระราชวังอย่างหาที่เปรียบมิได้ ผู้สมรู้ร่วมคิดทั้งสี่ก็พากันปิดปากเงียบ มิเอ่ยอันใดออกมา
และแน่นอนว่า ผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนแรกย่อมมิพ้นผู้เป็นภคินีเธออย่างเจ้าหญิงศรวิษฐาแห่งวสุนธรา แต่จะเอาความอันใดกับพระนางได้ ในเมื่อพระนางเองก็เป็นราชนิกุล
“องค์หญิง อนุชาของเจ้า โอรสข้า และนัดดาของข้า หายไปไหนเช่นนั้นหรือ”องค์อินทัชตรัสถามเรียบ ๆ โดยให้เนื้อเสียงที่กดดัน แต่ก็มิได้ทำให้เจ้าหญิงคนงามสะดุ้งสะเทือนเลยแม้เพียงน้อย
“เป็นหม่อมฉันที่ต้องทูลถามพระองค์เสียมากกว่าว่าอนุชาของหม่อมฉันหายไปไหนกัน เหตุใดเมื่อหม่อมฉันตื่นมาแล้วจิมิพบหน้า”ศรวิษฐาสวนกลับไปอย่างเย็นชา “หรือพระองค์ทรงอยากจะเล่นซ่อนหากันหรือเพคะ”
“ข้ามิได้มีเวลามาเล่นสนุกเช่นนั้นหรอก... เจ้ามิพบเห็นพวกเขาเลยหรือ”
“ตัวหม่อมฉันพำนักอยู่ในตำหนักรับรอง จะให้ได้พบใครนอกเสียจากนางกำนัลที่พระองค์ส่งมารับใช้หม่อมฉันเล่าเพคะ”ดรุณีน้อยโต้กลับเสียงแข็ง “พระองค์ต่างหาก ทรงเอาอนุชาของหม่อมฉันไปไว้หนใดกันแน่”
“พอ...”ยังไม่ทันที่หนึ่งกษัตริย์หนึ่งเจ้าหญิงจะได้ถกเถียงกันต่อ ก็มีเสียงของบุคคลอีกคนหนึ่งขัดขึ้นมาเสียก่อน “จะทะเลาะกันด้วยเหตุอันใด”
“รพีธรณิน เจ้ามิห่วงเมียเจ้าเลยหรืออย่างไร”ผู้เป็นบิดาตรัสถามด้วยแรงอารมณ์ โดยมิได้ไตร่ตรองในเนื้อความที่เอื้อนเอ่ยมา “เจ้ามิห่วงน้อง ห่วงเมียเจ้าหรืออย่างไร”
“เสด็จพ่อ ลูกจะทวนให้ฟังอีกครั้งว่าลูกคืนศศินให้กับภาสวรแล้ว ศศินเป็นของภาสวร และยังเป็นอย่างนั้นตลอดไป แม้ว่าลูกและเขาจะเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาก็ตามที”องค์รัชทายาทตอบกลับพระบิดาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “นับตั้งแต่วันที่นพคุณกลับมา ตัวลูกได้ให้สัญญากับภาสวรแล้วว่าจะไม่แตะต้องศศินในเชิงชู้สาวอีก และลูกจะรักษาสัญญานั้นไปทั้งชีวิต”
ใช่... ด้วยสัญญานั้นพระองค์ได้กรีดเลือดสาบานต่อหน้าองค์เทวาแล้ว และพระองค์ต้องรักษาไว้... ดังเช่นในวันที่เจ้าศีตภาโดนวางยา ใจนั้นอยากจะเข้าไปโอบกอดเพื่อปลอบประโลมใจ แต่ก็มิอาจจะทำได้ด้วยกลัวจะผิดคำสัตย์ที่ให้ไว้
มิใช่เฉยชา มิทรงห่วงใยในตัวของผู้ที่เคยหลับนอน... แต่จะให้ไปอยู่ตรงหน้าเป็นหนามยอกใจตลอดคงมิใช่การดีนัก... ทรงทำผิดพลาดไปแล้วจริง ๆ ในครานี้
“ฝ่าบาทพะยะค่ะ”นพคุณคุกเข่าลงตรงหน้าจ้าวผู้ครองแผ่นดิน ใบหน้ามนเงินขึ้นสบตากับผู้สูงศักดิ์ “นับตั้งแต่วันที่กระหม่อมกลับมา ก็ได้รับฟังเรื่องมากมาย เรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างที่กระหม่อมมิได้อยู่ในพระราชวัง... กระหม่อมเห็นใจองค์ชายสามและองค์ศศินนัก ทั้งสองพระองค์ต้องเจ็บปวดยิ่งเป็นแน่... ด้วยความชอบที่กระหม่อมเคยทำและสั่งสมมา ขอได้โปรด ปล่อยทั้งสองพระองค์ไปตามทางที่ทั้งสองเลือกด้วยเถอะพะยะค่ะ”
นพคุณทูลออกมาด้วยใจ เป็นคำที่กลั่นออกมาโดยมิได้ตระเตรียมไว้ล่วงหน้า เรื่องราวที่ได้รับฟังจากพระชายาโสภิตสารินนั้นช่างน่าเศร้านัก ทั้งที่องค์ศศินที่เคยได้ยินมาจากองค์สุริเยนทร์นั้น ทั้งไร้เดียงสา ขี้กลัว อีกทั้งยังอ่อนแอ กลับต้องโดนทำร้ายให้บอบช้ำครั้งแล้วครั้งเล่า...
“ไม่ได้... นครของเราจะขาดองค์ชายน้อยไม่ได้”องค์อินทัชตัดรอนด้วยสุรเสียงที่เฉียบขาด “องค์ชายน้อยจักต้องเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากรพี เราจะขาดเขาไม่ได้”
“ผู้ที่จะสืบทอดราชสมบัติต่อจากลูก ย่อมเป็นบุตรของลูกเอง”รพีธรณินสวนกลับทันที ดวงเนตรคมฉายแววแข็งกล้าสบกับผู้ทรงอำนาจตรงหน้าอย่ามิกลัวเกรง “มิใช่ทายาทของผู้ใด”
“ยังมีเรื่อง...”
“ถ้าเรื่องตัวประกัน หม่อมฉันยังอยู่ที่นี่เพคะ”เจ้าหญิงศรวิษฐาเอ่ยขึ้นก่อนที่องค์อินทัชจะหาข้อโต้แย้งออกมา บรรยากาศในห้องแห่งนี้นั้นกดดันยิ่ง “หม่อมฉันยังอยู่ที่นี่ และจะอยู่แทนอนุชาของหม่อมฉัน เท่านี้ก็หมดปัญหาแล้วใช่ไหมเพคะ”
“...”หมดคำใดจะโต้เถียง ถึงจะพูดเรื่องคำทำนายที่ทรงเชื่อนักเชื่อหนาออกมาก็คงมิเป็นผล ด้วยความโกรธาของรพีธรณินคงจะแผดเผาแผ่นดินให้เป็นจุณ
“เรื่องรัชทายาท หม่อมฉันจะมีให้เองเพคะ”แม่นางโสภิตสารินกล่าวขึ้นบ้าง “หม่อมฉันจะมีให้เอง มิต้องกังวลพระทัยไปเพคะ”
เท่านี้ก็หมดคำแย้งอย่างสิ้นเชิง จะเรื่องตัวประกันเอย เรื่องรัชทายาทเอย ทุกอย่างมีหนทางแก้ปัญหาทั้งนั้น ราวกับเป็นแผนการที่ถูกเตรียมเอาไว้...
แผนการ...
ใช่แล้ว... ถ้าสุริยภาสวรและศศินคคนานต์จะหนีออกไปได้อย่างเรียบง่าย จะต้องมีการวางแผนอย่างดี และมีผู้ที่คอยให้ความร่วมมือ...
ทั้งหมดคงเป็นแผนการของพวกเขา... สินะ
ช่างน่าโมโหนัก... แต่ก็สุดจะทำอะไรได้ในตอนนี้แล้ว
พระองค์ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก ครานี้จะยอมถอนทัพกลับไปตั้งหลักก่อนก็ได้
กว่าจะเข้ามาถึงเมื่อวสุนธราก็ใช้เวลากว่า 1 สัปดาห์แล้ว ด้วยการเดินทางที่เป็นไปอย่างเรื่อย ๆ ไม่ได้เร่งรีบอย่างที่ควรจะเป็น และเพื่อไม่ให้กระเทือนถึงครรภ์ของผู้เป็นเจ้าชายแห่งวสุนธรา
“มาถึงแล้วหรือ ศศิน น้องพี่”เจ้าชายสุริเยนทร์ไทวะที่เสด็จมารออยู่ที่ชานเมืองตั้งแต่สองวันก่อนเอ่ยกับผู้เป็นน้อง เมื่อทรงเห็นเจ้าจันทราโผล่หน้าออกมาจากเกวียน “เหนื่อยหรือเปล่าเจ้า”
“พอดูพะยะค่ะ เจ้าพี่”ศศินก้าวออกมาจากเกวียน มายืนตรงหน้าพระเชษฐา “เจ้าพี่ทรงมาประทับที่นี่ แล้วพระราชวังล่ะพะยะค่ะ”
“มิเป็นไรหรอก พี่บอกเจ้าพ่อไว้ว่าจะออกตรวจราชการภายนอกสักเดือน สองเดือนน่ะเจ้า”วงแขนแกร่งโอบกอดร่างของอนุชาไว้ด้วยความคะนึงหา “เจ้าเถอะ เป็นอย่างไรบ้าง มิเหนื่อยเกินไปใช่ไหม”
“ไม่พะยะค่ะ เจ้าพี่ น้องสบายดี”ศศินกอดพี่ชายที่รักของตนตอบ ดวงหน้ามนซุกเข้าที่อกของพี่ชายตรงหน้าอย่างออดอ้อน “เสด็จแม่ทรงเป็นอย่างไรบ้างหรือพะยะค่ะ”
“ทรงพระเกษมสำราญดี พี่บอกเสด็จแม่ว่าเจ้ากลับมา พระองค์ทรงดีพระทัยนัก หมายมั่นว่าจะออกมาหาเจ้าให้ได้ในเร็ววันนี้”องค์ชายใหญ่ตอบกลับอย่างอารมณ์ดี “เราไปยังที่พักกันเถอะ เจ้าจะได้พักผ่อน หลานพี่จะได้แข็งแรง ๆ”
สุริเยนทร์ไทวะนำทุกคนเข้าสู่ป่าสายหมอกข้างพระราชวัง ทรงนำทางไปยังที่พำนักเล็ก ๆ ของสามพี่น้องเมื่อครั้งยังเยาว์ที่พระองค์ทรงมาจัดการบูรณะใหม่ตั้งแต่ได้รับแจ้งว่าอนุชาจะกลับมา
ทั้งยังส่งข้ารับใช้ที่สนิทกับเจ้าจันทร์มาที่แห่งนี้เกือบทั้งหมดเสียด้วย... นับว่ายังมีโชคอยู่บ้างที่พระแม่เจ้าทรงเข้าข้าง เป็นผู้สั่งการด้วยองค์เอง
ฝ่ายใน ใครจะกล้าขัดพระนางกัน
“เจ้ารองเพคะ”เสียงที่ไม่ได้ยินมานานนับปีดังขึ้นเรียกนายเหนือหัวด้วยความยินดี ศศินที่ออกมาจากเกวียนหันไปมองอย่างประหลาดใจ “เจ้ารอง”
“แม่แย้ม”ร่างอวบอ้วนของผู้มีครรภ์ก้าวเข้าไปหาหญิงวัยกลางคนค่อนไปวัยทองอย่างรวดเร็ว เท่าที่ตนจะทำได้ แต่ก็ยังช้ากว่าหญิงตรงหน้าที่วิ่งเข้ามาหาพระองค์อย่างไม่สนใจในมารยาทที่เคยได้รับอบรม และไปอบรมผู้อื่นแล้ว “แม่แย้ม มาได้อย่างไรกัน แม่แย้ม แม่แย้ม”
“พระแม่เจ้าให้หม่อมฉันมารับใช้เจ้ารองเพคะ”เมือสากของคนครัวผู้เป็นที่รักยื่นมาจับมือเรียวอย่างทะนุถนอม “หม่อมฉันคิดถึงเจ้ารองเหลือเกินเพคะ ดีใจจริง ๆ ที่ได้พบเจ้ารองอีกครั้งหนึ่ง”
“เราก็คิดถึงแม่แย้มนัก มิมีใครรู้ใจเราเท่าแม่แย้มจริง ๆ”ใช่ เรื่องอาหารการกิน แต่เล็กพระองค์ได้แม่แย้มผู้นี้เป็นคนคอยดูแลมาตลอดจนเติบใหญ่ เรียกว่าติดรสมือไปเสียแล้ว
“อย่าเพิ่งรำลึกอะไรกันเลย เข้าไปข้างในก่อนเถอะ เจ้าอิน ยกของเข้าไปด้วยล่ะ”สุริเยนทร์ไทวะเอ่ยขันขึ้นก่อนที่ทั้งสองจะกอดคอกันร้องไห้อยู่ด้านนอกนี้ “ไปคุยกันข้างในดีกว่าเจ้า”
“นั่นสิ ลูกเริ่มง่วงแล้วด้วย ศศิน”สุริยภาสวรที่อุ้มองค์ชายน้อยอยู่แจ้งแต่คนรัก เมื่อลูกน้อยเริ่มสัปหงก คอพับคออ่อนเสียแล้ว
ทุกคนพากันเข้าไปด้านในด้วยสีหน้าที่แจ่มใส กว่าจะเดินทางมาถึงที่นี่ก็ใช้เวลาไม่น้อย สิบกว่าวันที่ใจระทึกว่าจะมีทหารตามล่าพวกเขาหรือไม่...
แต่ก็มาถึงที่หมายจนได้
“จริงสิ หญิงศรส่งจดหมายมาให้เจ้าด้วย น้องพี่”หัตถ์หน้าหยิบเอาผ้าพับผืนหนึ่งออกมาให้กับผู้เป็นน้อง “สิ่งที่เจ้าอยากรู้คงอยู่ในนั้นแล้วล่ะ”
มะลิน้อย วิฬาร์ของข้า คิดถึงเหลือเกินกลิ่นหอมที่เคยอยู่เคียงกาย เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ไม่เจ็บป่วยไข้ใช่หรือไม่ ตัวข้ายังสบายดี มิโดนผู้ใดรังแก... แต่ใครจะกล้ามารังแกข้ากัน คนคุ้มกันข้าเยอะเสียจริง ข้าบอกให้เจ้ามากับข้าก็มิยอมมา เอาเถอะ ปล่อยไป ให้เจ้าเหี่ยวเฉาอยู่ที่นั่น
ข้ามาที่นี่ก็นานพอดูแล้ว ใครจะคอยให้ข้าวให้น้ำเจ้ากันนะ มะลิน้อยเอ๋ย ข้าเจอบัวเหลืองที่เจ้าเกลียดแสนเกลียดด้วยล่ะ ไม่คิดเลยว่าที่นี่จะมีดอกบัวสีนี้ด้วย ถ้าเจ้าอยู่คงฟันเรียบ พังราบแน่ แต่ไม่ต้องห่วงนะเจ้าตัวน้อย ข้าฟันมันแทนเจ้าไปแล้ว ทิ้งลงกับสายน้ำนั่นแหละ
ดอกบัวที่เจ้าแพ้พิษสงของมันนี่กำจัดยากนัก ต้องใช้คุณทั้ง 9 เข้ากำจัด ยังดีที่มีสายน้ำอยู่ใกล้ เลยทำให้เอาไปทิ้งได้โดยง่าย มิเช่นนั้นข้าคงต้องปีนกำแพงวังสูง ๆ นี่ออกไปทิ้งเองกระมัง
ข้าล่ะไม่ชอบสีเหลืองเสียจริง น่าเหนื่อยใจนักกับสีที่เป็นไปด้วยราคะนี่ ทำไมต้องมีมันด้วยนะ
ที่อุษณกรนี่สุขสงบดีจริง ๆ มวลบุปผาบานสะพรั่งสวยงาม อยากให้เจ้ากับลูกแมวตัวน้อย ๆ ของเจ้าได้เห็นเหลือเกิน ตราตรึงใจยิ่งนัก
เจ้าพี่สุริเยนทร์ ระหว่างที่น้องไม่อยู่นี่ เจ้าพี่ต้องดูแลแมวน้อยของน้องให้ดี อย่าให้ป่วยให้ไข้ เอาไว้น้องได้กลับไปเมื่อไหร่หญิงจะไปดู ถ้าเจ้าแมวน้อยเป็นอะไรไป น้องจะไม่ให้อภัยเจ้าพี่เลยแน่
ฝากเจ้าพี่ดูแลเจ้าพ่อ เจ้าแม่ด้วย บอกพวกท่านด้วยว่าน้องคิดถึงพวกท่านทุกลมหายใจ
ศรวิษฐา“วิฬาร์น่าจะหมายถึงเจ้าใช่ไหม แล้วดอกบัวสีเหลืองคืออะไรหรือ ศศิน”สุริเยนทร์ตรัสถามอย่างไม่เข้าใจในเนื้อความ “ข้าไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่เลย”
“ถูกแล้วล่ะ ภาสวร ตอนเด็ก ๆ เจ้าพี่หญิงทรงเรียกเราว่าลูกแมวน้อย ส่วนดอกบัวสีเหลืองนี่...”ศศินทำท่าชั่งใจ ก่อนที่จะนึกอะไรออกมาได้ “เด็กคนนั้น...”
“เอ... ดอกบัว ๆ อืม... บงกช บงกช”ศศินและภาสวรมองหน้ากันอย่างตกตะลึง “คนที่วางยาเจ้าคือเด็กคนนั้นอย่างนั้นหรือ... ไม่จริงกระมัง”
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน...”
“บงกชใช่นางกำนัลในตำหนักต้องห้ามที่ทรงช่วยเอาไว้ครานั้นหรือเปล่าเพคะ พระชายา”น้อยเอ่ยถามขึ้น หลังจากฟังมานาน
“ใช่แล้วล่ะ น้อย เด็กคนนั้นที่เราไม่ให้ภาสวรเปิดบริสุทธิ์ของนาง...”
“พระชายาเพคะ การที่นางกำนัลในตำหนักต้องห้ามนั้น มิได้รับใช้องค์ชายที่หมายจะถวายตัวตั้งแต่คราแระนั้น เป็นการเสียหน้ายิ่งนัก และพวกนางมักจะโดนนางกำนัลที่เหลือดูแคลน และเหยียดยามยิ่งนัก ด้วยถือว่าถูกเจ้านายทิ้งตั้งแต่แรกพบ นางคงจะคิดแค้นมิน้อย อีกอย่างหม่อมฉันทราบมาว่าบงกชผู้นั้นเป็นนางกำนัลของพระสนมจินดา พระสนมขององค์ชายรัชทายาทที่ส่งไปเป็นนางห้าม หวังจะใช้ความงดงามและความใสซื่อที่หลอกลวงของนางตกถังข้าวสารได้เลื่อนขั้นมาเป็นฐานอำนาจให้กับพระสนมด้วยนะเพคะ”
“จินดา จินดา”องค์สุริเยนทร์ทวนชื่อซ้ำ ๆ แล้วทรงหันไปหานางกำนัลสนิทของผู้เป็นน้อง “จินดานี่ เป็นคนต่างเมืองใช่ไหมเจ้า”
“เพคะ เห็นว่าเป็นพระสนมจากต่างเมืองที่ส่งมาเป็นเครื่องบรรณาการเพคะ องค์ชาย”น้อยผู้รอบรู้ตอบกลับอย่างมั่นใจในข่าวคราวของนาง ถึงจะคอยรับใช้ผู้เป็นนายไม่ขาด แต่ข่าวของนางนั้นแม่นยำแน่นอน ด้วยเพื่อนสนิทของนางเป็นถึงเจ้าแม่กรมข่าวภายในวังหลังเชียวนะ
“นางอาจจะเป็นหลานของพระสนมอุสราก็ได้นะ... พี่จำได้ว่าพระนางมีพระนัดดาชื่อจินดาอยู่”เสียงทุ้มเอ่ยกลับอนุชาอย่างแผ่วเบา “น้อย เจ้ารู้ไหมว่านางมาจากเมืองไหน”
“ถ้าหม่อมฉันได้ยินมาไม่ผิด พระนางมาจากเมืองสิสิรนาเพคะ”
“เช่นนั้นก็คงมิพลาดแล้วล่ะ”องค์ชายแห่งวสุนธราตรัสอย่างเหนื่อยอ่อน “พระสนมอุสราก็มาจากสิสิรนาเช่นเดียวกัน”
จากแม่มาสู่ลูก... มิรู้ว่าเป็นกงกรรมกงเกวียนหรืออย่างไร ที่จักต้องมาพบเจอชะตากรรมอันโหดร้ายเช่นนี้...
หวังวิบากกรรมนี้จักจบลงเสียที... อย่าได้จองเวรไปสู่ลูก สู่หลานของเจ้าจันทราอีกเลย
+++++++++++++++++++++++++++++
ชะชะช่า ถ้าใครนึกชื่อบงกชไม่ออกให้กลับไปอ่านบทพิเศษนะคะ 5555 ชีอยู่ในนั้นค่ะ
เหมือนจะแอบยาวเบา ๆ กับตอนนี้นะคะ ^^
ศศินได้กลับมาอยู่ใต้ปีกของพี่ชายแล้ว เย้ คนเขียนอวยพี่น้องค้าา
หมายมั่นปั้นมือจะทำเพจ... ได้ทำจนได้ ^^
https://www.facebook.com/flymoon.midnightสามารถเข้าไปทวง ไปคุยเล่นกันได้นะคะ ^^ // อาจจะร้างก็เป็นได้ เอาล่ะต้องขยันอัพกันหน่อย 555