: destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Final Game Up 12เม.ย58 จบแล้วครับ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Final Game Up 12เม.ย58 จบแล้วครับ  (อ่าน 46054 ครั้ง)

ออฟไลน์ destiny_of_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-04-2015 08:51:41 โดย destiny_of_b »

ออฟไลน์ destiny_of_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0


เมื่อโชคชะตานำสองคนนี้มารักกัน
เมื่อโชคชะตาแยกสองคนนี้ออกจากกัน
เมื่อโชคชะตานำสองคนนี้โคจรมารักกันอีกครั้ง
รักหนสอง เค้าว่ากันว่าต้องลึกสุดใจ
มาส่งกำลังใจให้ โบ้ท บอส กันครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-03-2014 21:51:02 โดย destiny_of_b »

ออฟไลน์ destiny_of_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
@ 1 st Game – Start…

ทรี ทรู วัน...แน-กอ ฮา-จา…..แน-กา นอล ซา-รัง-แฮ โอ๊ะ
แน-กา นอล คอก-จอง-แฮ โอ๊ะ....แน-กา นอล กึท-กา-จี แช-กิม-จิล-เก
แน-กอ ฮา-จา.... นี-กา นัล อัล-จา-นา โอ๊ะ
นีกา นัล พวัท-จา-นา โอ๊ะ…. แน-กา นอล กึท-กา-จี ชี-คยอ-จุล-เก
Do you hear me…
Do you hear me Oh !!!!!

เสียงไอโฟนเครื่องสีขาวสั่นและดังไม่หยุด แต่ก็ยังไม่มีวี่แวว่าเจ้าของเครื่องจะขยับร่างกายแต่อย่างใด มีแต่คิ้วสีดำสนิทที่ขมวดเข้าหากัน ดวงตายาวรีค่อยลืมขึ้นอย่างยากเย็น ใบหน้าที่หล่อเหลาสไตล์เอเซียแต่ทว่ายุ่งเหยิง มือเพรียวๆพยายามควานหาโทรศัพท์และกดปุ๋ม snooze.....ความสงบกลับคืนมาอีกครั้ง แล้วดวงตายาวรีก็ค่อยๆปิดตัวลงอีกครั้ง

แต่แล้วก็ได้ยินเสียงที่คุ้นชิน ดังมาจากหน้าห้อง
“โบ๊ท เอ้ย...ตื่นได้แล้วลูก เดี๋ยวก็สายหรอก.. ”เด็กหนุ่มผมสั้นทรงรองทรงสูง จึงค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วก็มองดูนาฬิกา

“ชิบหายแล้ว จะ หกโมงครี่งแล้ว…..กรูสายแน่” 

พร้อมกับสปริงตัวขึ้นจากที่นอนอย่างรวดเร็ว แล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ

    รูปร่างสูงในชุดนักเรียนกางเกงขาสั้นสีดำยืนเช็คตัวเองครั้งสุดท้ายหน้ากระจก ก่อนที่มือจะคว้ากระเป๋าหนังสือ และโคฟเวอร์ไม้เทนนิสสีดำยี่ห้ออาดิดาส  ขึ้นสะพายบ่า แล้วเปิดประตูเดินลงบนใดลงมา

“โบ๊ทกินข้าวก่อนมั้ยลูก”  เสียงที่คุ้นชินดังขึ้นอีกครั้ง

ผมมองตามเสียงนั้นไปทีโต๊ะอาหาร ก็เห็น ป่าป๊า กับ ม่าม๊า แล้วก็ไอ้เบนซ์ กำลังนั่งกินข้าวกันอยู่พร้อมหน้า ผมเดินไปโต๊ะอาหาร

“ขอแค่ขนมปังแผ่นเดียวก็พอครับ...มันจะสายแล้ว”

มือหญิงสาววัยกลางคน หยิบขนมปังแล้วก็ทาแยมสตรอเบอร์รี่อย่างรวดเร็ว พร้อมกับยืนมาให้ลูกชาย

“ขอบคุณครับม่าม๊า”…… “ไอ้เบนซ์ไปกันเหอะว่ะเดี๋ยวสาย” ผมหันไปเรียกไอ้เบนซ์ก่อนจะเอาขนมปังใส่ปาก
“โบ๊ทไปเรียนก่อนนะครับ” พร้อมกับยกมือขึ้นมาสวัสดีทั้งคู่

“เออ มึงนั่นแระที่ไม่ยอมตื่น เสือกจะมาเร่งคนอื่นอีก” เด็กหนุ่มที่รูปหน้าได้รูป คิ้วหนา ดวงตายาวรี สไตล์เอเซีย ที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายผม บ่นกระป็อดกระแปด ก่อนจะคว้ากระเป๋านักเรียน และ โคฟเวอร์แซกโซโฟนสีดำของมัน เดินตามออกมา

จริงๆแล้วถึงแม้เราสองคนจะเป็นพี่น้องกัน แต่ก็เกิดปีเดียวกันครับ..ไอ้เบนซ์มันเกิดต้นปีครับ ส่วนผมนะเหรอ เกิดปลายปีครับ พ่อกับแม่ผมเก่งจริงๆ เหอะๆๆๆๆๆ ภูมิใจดีมั้ยนี่ 55555


ไอ้เบนซ์หน้าตาคล้ายๆผมครับ (คือหล่อ 5555..) แต่ไอ้เบนซ์มันขาวกว่า
..
เพราะอะไรหน่ะเหรอ???
..
    เพราะผมเป็นนักกีฬาเทนนิสของโรงเรียนครับ ส่วนไอ้เบนซ์มันก็ตีเทนนิสนะครับ แถมฝีมือก็ดีไม่แพ้ผมเท่าไร แต่มันคนพบตัวเองว่ามันชอบดนตรีมากกว่ามันก็เลยเบนเข็มไปทางนั้น มันจึงขาวกว่าผม เง้ออออ (ขนาดกรูโป่ะแล้วโป่ะอีกนะ ไอ้ Sun Blockนี่ เง้ออออออออออ...) หลังจากลงรถเมลล์สาย 75 ก็มาขึ้น BTS ที่สถานีสะพานตากสิน เพียงไม่นานก็มาถึงหน้าโรงเรียนของผมที่ตั้งอยู่บนถนนสาธร
 
“เฮ้ยยย ไอ้แบงค์” เด็กหนุ่มหน้าตาแบบตี๋หล่อ คิ้วได้รูปสวยงาม ดวงตายาวรีแบบลูกครึ่งจีน หันขวับกลับมา พร้อมกับยิ้มกว้างเดินเข้มาหาพร้อมกับแบกโคฟเวอร์ไม้เทนนิส

“ไงวะไอ้โบ๊ท” เด็กหนุ่มทักทาย พร้อมกับพยักหน้าทักทายไอ้เบนซ์

“ไอ้เบนซ์ เดี๋ยวกรูไปก่อนนะโว้ย เออ แล้วเย็นนี้มึงจะกลับพร้อมกรูป่าว” ผมถามไอ้พี่ชายตัวดี…

“อืมม” เสียงตอบสั้นๆจากไอ้พี่ชายตัวดีของผม

    “งั้นมึงมาหากรูที่คอร์ทเวลาเดิมนะ” ผมก็เดินแยกไปกับไอ้เบนซ์ ไปที่ห้องชมรมเทนนิส ส่วนไอ้เบนซ์มันคงเข้าไปห้องชมรมดนตรี

    ถึงหน้าห้องชมรมซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียวอยู่หน้าคอร์ทเทนนิส เราเอากระเป๋าโคฟเวอร์เก็บเข้าที่ล็อกเกอร์ ก่อนทีผมจะถามไอ้แบงค์

“มึงพิมพ์เอกสารขอใช้สนามเทนนิสโรงเรียนแล้วหรือยัง”
“ตายห่าล่ะ”……  เสียงตกใจจากไอ้แบงค์ ยังไม่ได้พิมพ์เลยหว่ะ
“เดี๋ยวกรูพิมพ์ให้เดี๋ยวนี้แหละ” มันวิ่งเข้าไปเปิดคอมฯ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาพิมพ์หนังสือ
“ไอ้ห่า” ผมอดหัวเสียด่ามันไม่ได้
“กรูบอกมรึงมาเป็นอาทิตย์แล้ว เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก จะต้องใช้สนามซ้อมแล้วนะโว้ยย”

“เออ  กรูขอโทษษษษ กรูลืมมัวแต่ยุ่งทำรายงานหว่ะ” มันแก้ตัวในขณะที่มือเป็นระวิงกับแป้นคีย์บอร์ด
“ยุ่งรายงานหรือว่ามัวแต่ตี ดอท วะ สาดดดดด” มันเงียบแต่ก็แอบยิ้ม
“เสือกรู้ทันกรูอีก” เสียงบ่นจากมัน

แล้วมันก็ถามกลับมาว่า “เดี๋ยวกรูพิมพ์เสร็จ มึงจะไปยื่นเองหรือจะให้กรูไป”
“เดี๋ยวกรูไปเอง”

จริงๆแล้วมันหน้าที่ของ รองหัวหน้าชมรมฯ อย่างมึงนี่ว่า แล้วกรูจะต้องไปทำไมวะผมนึกในใจ แต่ถ้าหัวหน้าชมรมไปขอเอง ไอ้พวกสภามันจะได้รีบๆทำให้  เพราะจะต้องเริ่มซ้อมเทนนิสกันอย่างจริงจังแล้ว ต้องทำหนังสือเพื่อขอใช้สนาม ขอเปิดไฟ ตอนกลางคืน ต้องซ้อมกันจนถึงสองทุ่ม กว่าเรื่องจะผ่านการชงจากสภานักเรียน และกว่าจะขึ้นไปถึงกองกิจฯ กว่าจะเซนต์อนุมัติลงมา ถ้าไม่รีบมีหวังอีกเป็นอาทิตย์แน่ๆ …..

ผมเดินถือเอกสารการใช้สนาม มาถึงหน้าห้องสภานักเรียน ก่อนจะผลักประตูเข้าไป ก็เห็นเด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลา ผมรองทรงสูง เสื้อผ้าถูกระเบียบ ยืนเกาหัวกับเอกสารกองโต

      บอส จารุวัฒน์ อรรถากร ประธานสภานักเรียน นักเรียนชั้นม.5
 
ทำไมต้องเจอมันด้วยวะ นึกในใจ...............

ไอ้ห่าอาร์ม  ไปไหนวะ  จริงๆแล้วผมสนิทกับไอ้อาร์มครับ  มันเป็นเพื่อนสนิทสมัย ม.ต้น แต่ม.ปลายมันเลือกเรียน วิทย์ ขณะผมเรื่องเรียน ศิลป์ เราก็เลยไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน ส่วนไอ้บอสก็เรียน ม.ต้นห้องเดียวกันมา

แต่มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เราไม่สนิทกันเหมือนเดิม......

ไอ้อาร์มมันเรียนห้องเดียวกับไอ้บอส ตอนเลือกตั้งประธานสภานักเรียน ไอ้อาร์มมันก็สมัครทีมเดียวกับไอ้บอส พอทีมไอ้บอสชนะเลือกตั้ง ไอ้อาร์มมันเลยได้เป็นเลขาสภาฯ ถ้าไอ้อาร์มอยู่คงง่ายและมันก็คงรีบทำให้เพราะเราสนิทกัน (แอบใช้ความสนิท 5555...)

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เด็กหนุ่มที่เกาหัวอยู่นั้นก็หันมา และถามขึ้นว่า

“ชมรมเทนนิสมาทำไรถึงนี่ครับ”

ผมสะดุ้งโหย่งหลังจากคิดอะไรเพลินๆอยู่
“อืมมม เราเอาเอกสารขอใช้สนามเทนนิสมายื่นหน่ะ”  เงียบไม่มีคำตอบจากสวรรค์
“ไอ้อาร์มไม่อยู่เหรอ” ผมถามกลับไป

“วันนี้มันลาหน่ะ เมื่อวานมันไม่ค่อยสบาย” เสียงตอบเรียบๆกลับมา ขณะที่สายตายังคงมองมาที่ผม

“ฝากช่วยเร่งให้หน่อยนะ” ผมเอ่ยปากขอให้มันช่วยทั้งที่ หน้ามันผมก็แถบจะไม่อยากมอง
 “ทำไมล่ะ ” เสียงถามกลับมา
ผมเกาหัวแคร่กๆๆๆ ก่อนจะตอบมันไปว่า
“ทีมโรงเรียนเราจะต้องแข่งเชื่อมความสัมพันธ์เดือนหน้าหงะ เลยต้องรีบซ้อมหน่ะ “

“แล้วทำไมไม่ยื่นให้เร็วกว่านี้ครับ “…….. เสียงเรียบเย็นถามกลับมา....

     เออกรูผิดเอง ที่ไม่เร่งไอ้เชี่ยแบงค์ ไอ้ห่าเดี๋ยวกลับไปจะด่ามันซะหน่อย ให้แมร่งมันทำมาเป็นอาทิตย์แระ เสือกมัวแต่เล่นเกมส์....คิดในใจ......

“ช่วยหน่อยนะ นะ” ขอร้องมันไปก่อนเหอะ
“ก็ตามคิวนะ ชมรมไม่ค่อยมีผลงานจะเรียกร้องอะไรมาก”........เสียงเดิมนั้นตอบกลับมา
“หืมมมมมมมมมม” เสียงผมลอดไรฟันออกมา ขณะขบกรามแน่น

             ไอ้เชี่ยยยยยยยย ผมด่ามันในใจ โกรธจัดจนหน้าร้อนผ่าวววววววววว แล้วผมจ้องตามันเขม็ง ก่อนจะยิ้มที่มุมปากแล้ว ก่อนจะหลุดปากไป

“ถ้าปีนี้ทีมกรูไม่ได้แชมป์กรูจะให้มรึงต่อยกรูเลย”
“หึ...หึ..” เสียงหัวเราะอยู่ในลำคอดังจนผมได้ยิน

           “ตามนั้น  แต่ผมไม่ต่อยคุณหรอก แต่ถ้าทีมโรงเรียนไม่ได้แชมป์ ผมจะหักเบี้ยเลี้ยงนักกีฬาครึ่งหนึ่งดีมั้ย” มันยิ้มที่มุมปาก และมองมาที่ผม

“เอออ” ผมตอบมันกลับไปอย่างหัวเสีย

           แล้วช่วยรีบๆทำเรื่องขอใช้สนามให้ด้วย ผมทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกจากหัองสภา ผมเดินกลับมาที่ชมรมอย่างหงุดหงิด “แมร่งกวนตีนแต่เช้า”

พอเปิดประตูชมรมกลับเข้ามา ไอ้แบงค์เห็นหน้าผมแล้วนิ่งไป

“มรึงไปกัดกับหมาที่ไหนมาวะ”

เงียบ คือคำตอบ ผมเดินไปที่ล็อกเกอร์ คว้าไม้เทนนิส กับลูก แล้วเดินเข้าไปที่สนาม ก่อนจะหวดลูกเทนนิสเข้ากับกำแพงบอร์ด แล้วก็กระหน่ำตีบอลโต้กับบอร์ด อย่างคนหัวเสีย.... ลูกบอลกระเด้งกลับมาแต่ละที ก็คิดว่า ลูกบอลเป็นหน้าไอ้บอสแล้วก็หวดไปแบบไม่ยั้ง........

ขณะที่ไอ้แบงค์ยืนดูผมอย่างงงๆ.....

15-40
Game
See u next game….

ออฟไลน์ destiny_of_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
@ 2nd Game – Engry

วันนี้ตั้งแต่เช้าผมแทบจะเรียนไม่รู้เรื่องเลย ใจมันคิดแต่เรื่องเมื่อเช้า แค่เมื่อปีที่แล้วทีมเราพลาดไปนิดเดียว ทั้งๆที่ทุกคนในทีมก็ทุ่มกันเต็มที่ ทำไมมันไม่คิดบ้างวะ ไม่มีใครอยากพลาดหรอก ทุกคนก็พยายามทำให้ดีที่สุดแล้วแท้ๆ ความคิดวนไปวนมา

“มรึงเป็นอะไรของมรึงวะ”

           ไอ้บาสเด็กหนุมหน้าตี๋สไตล์ดแบดบอย รูปร่างสูง ใบหน้าที่ได้รูป คิ้วดำสนิทเรียวยาว ดวงตาสดใส และเป็นหัวหน้าวงโยฯของโรงเรียน พ่วงตำแหน่งดัมเมเยอร์ เอ่ยถามขึ้น มันคงเห็นผมนั่งหน้านิ่วไม่ค่อยคุยกับใครมาตั้งแต่คาบแรก

“ไม่มีไรหว่ะ” กรูกำลังคิดเรื่องชมรมนิดหน่อย

           “มีไรบอกพวกกรูได้นะเว้ย เพื่อพวกกรูจะช่วยไรได้” เสียงไอ้บูม เด็กหนุ่มหน้าตาสดใส ไม่ได้หล่อมากแต่ดูดี น่ารัก และเป็นประธานเชียร์ปีนี้ เด็กหนุ่มที่เป็นที่รักของทุกคนประจำห้องผม มันเป็นเด็กที่มนุษย์สัมพันธ์ดีเยี่ยม มันมีเพื่อนอยู่ทุกห้อง คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่มันได้รับเลือกเป็นประธานเชียร์ ทั้งๆที่อยู่สายศิลป์

           “ไปแดกข้าวกัน กรูหิวแล้ว” ไอแบงค์เข้ามาขัดจังหวะการถามของไอ้บาสกับบูม มันคงรู้ว่าผมยังไม่พร้อมตอบคำถาม สมกับเป็นเพื่อนกันมานาน.......
 
......

             “มันเป็นบ้าอะไรของมันวะ” เสียงผมดังเกือบจะตะโกน ทำให้ไอ้แบงค์ที่กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าล็อกเกอร์ถึงกับสะดุ้งโหย่ง

             “เป็นอะไรวะไอ้โบ๊ท” กรูเห็นมรึงเงียบๆมาตั้งแต่เช้าแล้ว มีไรบอกกรูได้นะโว้ย มันถามผมด้วยความห่วง และยังเอื้อมมือมาตบบ่าผม

“เออ ไม่มีอะไรหรอก มรึงว่าปีนี้เราจะชนะมั้ยวะ” มันนิ่งไปสักพักก่อนจะเอามือลูบคางแล้วทำท่าครุ่นคิด

             “มึงเป็นวางหนึ่ง กรูเป็นวางสอง ส่วนประเภทคู่ก็ ไอ้บีม กับ ไอ้ไบท์ ก็ว่าสูสีหว่ะ” ไอ้แบงค์ว่างท่าอย่างกะนักวิเคราะห์การแขงขันกีฬาชื่อดัง

“คู่แข่งเรา แม่งมีพี่อั๋น คนเดียวที่จบม. 6 ไปแล้ว ที่เหลือแมร่งยังแน่นปึก”  มันยังคงวิเคราะห์ต่อ

“ยังไงพวกเราต้องชนะให้ได้ว่ะปีนี้” ผมบอกไอ้แบงค์ไป
“อืมมม” เสียงตอบจากไอ้แบงค์

           “ไปซ้อมกันเหอะหว่ะ มรึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วเข้า กรูจะเสร็จแล้วนะโว้ย จะได้ไปน็อกกัน”  ผมมองไปที่ไอ้แบงค์ ก็เห็นกำลังนั่งใส่รองเท้าเทนนิสอยู่

“เฮ้ยยยยย รองเท้าใหม่เหรอวะ”

“เออ พ่อกรูเพิ่งซื้อให้ใหม่” มันยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ
“แอร์ ซูม เวเพอร์ 9 เลยนะมรึง” ไอ้แบงค์มันยิ้มอย่างภูมิใจกับรองเท้าNike คู่ใหม่ล่าสุดของมัน

           “มรึงไปวอร์มรอก่อนเลยเดี๋ยวกรูตามไป” ผมบอกมัน เด็กหนุ่มในเสื้อกีฬา สีส้มกับกางเกงขาสั้นสีกรมท่ามีตราเครื่องหมายถูกอยู่ต้องเหนือเข่า เดินเปิดประตูเข้าในสนามไป

           ผมรีบใส่รองเท้า adidas รุ่น บาริเคต 8 วันนี้ผมใส่เสื้อสีฟ้าครับ กับกางเกงสีกรมท่ามีเส้นสีขาวสามแถบอยู่ต้องด้านข้างสองข้าง แล้วก็รีบคว้า โคฟเวอร์คู่ใจ เดินเข้าไปฝั่งตรงข้ามกับไอ้แบงค์ ก่อนจะยืดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ แล้วก็เริ่มวิ่งเหยาะ รอบสนามพอเหงือเริ่มซึมๆ

“ไอ้แบงค์” ไปน็อกกันเหอะหว่ะ

             เราตีโต้กันไปสักพัก ก็เหลือบเห็น ไอ้บีมกับไอ้ไบท์เดินเข้ามาในคอร์ท ไอ้บีมเดินถือเอกสารกับกุญแจอะไรสักอย่างเดินเข้ามาหาผม

             “กระดาษอะไรวะ” ผมถามไอ้บีมเด็กหนุ่มหน้าตาดี ดวงตายาวรี แบบลูกครึ่งคนจีน ผมสั้น ผิวขาวที่เป็นนักกีฬาประเภทชายคู่ของโรงเรียน ที่มาในเสื้อ Puma สีเขียวอ่อน กางเกงยี่ห้อเดียวกันสีดำ รองเท้า Puma วิลาส เอล 2

“หนังสืออนุญาตการใช้สนามกับกุญแจกล่องไฟ หว่ะ” มันหันมาตอบพร้อมกับยื่นเอกสารให้ผม ผมมองอย่างไม่เชื่อสายตา

“ทำไมเร็วจังวะ” คิดในใจ

             “เออ งั้นไอ้ไบร์ท กรูฝากเอากุญแจไปไขกล่องไฟก่อนเหอะแล้วมาวอร์มเริ่มซ้อมกันเหอะหว่ะ” ผมหันไปบอกให้ไอ้ไบร์ทเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักที่สุดในทีม ในชุดกีฬา reebok เสื้อสีชมพูอ่อน กางเกงสีกรมท่า รองเท้า reebok ไรซ์ ไลท์ อาร์เอส 2.0  ที่มีทั้งสาวแท้สาวเทียม รุมกรี๊ดมากที่สุดในทีมเทนนิสโรงเรียนเรา

ตรงมุมด้านไกลของคอร์ท มีสายตาคู่หนึ่งกำลังดูเราซ้อมอยู่ในมุมหนึ่งของสนามอย่างตั้งใจ

“มาดูไอ้โบ๊ทซ้อมหรือวะไอ้บอส”

เสียงทักทำเอาเจ้าของร่างสูงโปร่งสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ยังขยับหันมาช้าๆ ใบหน้าที่ได้รูปหันมองมองอย่างงงๆ

“อ้าว เบนซ์ มารอไอ้โบ๊ทเหรอ” เด็กหนุ่มตอบคำถามด้วยคำถาม...
“เออ” เพิ่งออกมาจากชมรมดุริยางค์ แล้วมรึงล่ะ

“เปล่า” สายตาเด็กหนุ่มหลุบลงมองที่พื้น
“กรูเอากุญแจกล่องไฟ กับหนังสืออนุญาตการใช้สนามมาให้พวกชมรมเทนนิสหน่ะ”

“ประธานสภามาเองเลยหรือวะ”

มันยิ้มแหย่ๆ
“เออ งั้นกรูไปก่อนนะ” เด็กหนุ่มตัดบท แล้วก็หันหลังเดินกลับไป

เบนซ์มองตามแบบ งงๆ

ก่อนจะเดินเข้ามารอน้องชายตัวเองที่ห้องชมรม

……..

             ลงบีทีเอสที่สถานีสะพานตากสิน มารอ ป.อ. 75  สองทุ่มกว่าแล้วก็ยังมีคนนั่งกันพอสมควร โชคดีที่ยังมีที่ว่างให้ผมกับไอ้เบนซ์นั่งกัน ขณะที่ผมกำลังเอาหูฟังเสียบเข้าหู

“ก่อนกรูจะเข้าชมรมมึง กรูเห็นไอ้บอสมันมายืนดูพวกมึงซ้อมอยู่ตรงด้านหลังคอร์ท” เสียงไอ้เบนซ์เอ่ยขึ้นมา

ผมชะงักไปแปปนึง

“มันมาทำไมวะ” 
“กรูจะไปรู้ได้ไงวะ” เสียงตอบจากพี่ชายผม ช่วงนาทีผีผ่าน(เงียบ) ผ่านไป

“พวกมรึงคุยกันหรือ”  ผมได้แต่สั่นหัว

“ก็ไม่เชิง เมื่อเช้ากรูเอาหนังสือขอใช้สนามไปยืนที่สภา กะว่าเจอไอ้อาร์ม แต่มันไม่มา เลยเจอไอ้บอสเลยฝากหนังสือไว้กับมัน” ผมเล่าให้เบนซ์ฟัง

“อืมมมมม”

            ผมเอาหูฟังยัดใสหู แล้วคิดวนอยู่ในหัว มันมาทำไมวะ มันจะมาดูว่าชมรมพร้อมแค่ไหน หรือมันมาเพื่ออะไร จนรถข้ามสะพานกรุงเทพฯ ผมเหม่อมองไปที่แม่น้ำและก่อนจะเลยไปที่ตึกระฟ้า ตอนกลางคืนแสงสีสันสวยงาม แต่ในใจผมกลับคิดดึงวันเวลาเก่าๆที่ผ่านมา……….

             กี่ปีแล้วนะที่เราสนิทกัน กี่ปีแล้วนะที่เราไม่เคยเอ่ยปากคุยกัน จากเพื่อนสนิทกันมากตั้งแต่ป.3 ทำไมมันเป็นแบบนี้ได้วะ ความห่างเหินคงเริ่มตั้งเมื่อไรนะ ม.3 เทอม 2 สินะ ภาพความทรงจำเก่าๆกลับคืนมาอีกครั้ง

“ฤดูกาลจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ใจฉันยังจำได้แค่ในฤดูร้อนก่อน
เสียงเพลงบนหาดทราย ได้ยินมันเตือนใจให้อาลัย อาวรณ์หา
ให้คิดถึงวันเก่าที่ผ่านไป แล้วไม่อยากให้วันใหม่ได้ผ่านมา
ฉันคิดถึงเธอมาก เธอรู้ไหม ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเหมือนเวลา..…”

           เสียงเพลงจากไอโฟนเบาๆผ่านเข้าไปที่หูของผม แต่แล้ว ก็ขาดหายไป 1 วิ ก่อนเครื่องสีขาวจะสั่นเป็นเจ้าเข้า จนผมสะดุ้ง แล้วเสียงในหูก็เปลี่ยนเป็นริงโทนที่คุ้นหู

ทรี ทรู วัน...แน-กอ ฮา-จา…..แน-กา นอล ซา-รัง-แฮ โอ๊ะ
แน-กา นอล คอก-จอง-แฮ โอ๊ะ....แน-กา นอล กึท-กา-จี แช-กิม-จิล-เก

ผมเหลือบมองไปที่โทรศัพท์ ก็เจอหน้าหวานๆ ยิ้มแก้มแทบปริ เต็มหน้าจอ
“ตายห่าแระ ลืมโทรบอกเมย์ กรูซวยแระ” ก่อนรีบกดปุ่มรับสาย

             “ขอโทษนะครับ โบ๊ทลืมโทรบอกเมย์ว่ากำลังจะกลับบ้านหน่ะ อย่าโกรธโบ๊ทนะ” อ้อนไว้ก่อนล่ะกรู เพื่อสารภาพผิดจะได้ลดโทษกึ่งหนึ่ง

แต่เสียงที่คุ้นชิ้นนั้นตอบกลับมาว่า

             “ไม่เป็นไรค่ะ เห็นโบ๊ทไม่โทรมาสักทีจะสามทุ่มแล้ว ก็เลยโทรหา เป็นห่วงหน่ะ ไงถึงบ้านแล้วโทรบอกเมย์ด้วยนะ ไว้คืนนี้ค่อยคุยกานะ ปะป๊ามาตามแล้ว…

“คราบ เดี๋ยวโบ๊ทโทรหานะ คิดถึงเหมือนกันครับ”

หันไปมองข้างๆ เห็นไอ้พี่ชายตัวดี ทำท่าโก่งคออ๊วกกกกก

“เดี๋ยวเหอะมรึง” แล้วที่ของมรึงหงะ เหอะๆๆๆๆๆๆๆ

30-40
Game
See u next game….

ออฟไลน์ destiny_of_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
@ 3rd Game – Destiny

เช้าวันนี้คอรบครัว  สุขอนันต์  นั่งทานข้าวเช้ากันพร้อมหน้าพร้อมตา

“เดี๋ยววันนี้ป๊าไปส่งนะ ชญานนท์ รัชชานนท์” ป๊าเรียกซะเต็มยศเลย เสียงนิ่งๆแต่ว่าทรงพลังที่สุดในบ้าน บอกกับเด็กหนุ่มทั้งสองคน
“เด็กๆเตรียมของเสร็จหรือยัง”  เสียง เล็กๆ ของม่าม๊าหันมาถามเด็กหนุ่ม

“เรียบร้อยแล้วครับ”  ผมหันไปตอบม่าม๊า

“อิ่มกันหรือยังลูก” ป๊าหันมาถามขณะกำลังเอาผ้าเช็ดปากซับปาก
“ครับ”  เสียงผมกับไอ้เบนซ์ตอบเกือบพร้อมกัน
“งั้นไปกันเถอะลูก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยปากชวนเด็กๆ

รถตู้ โฟล์กสวาเก้น สีน้ำเงิน จอดตรงหน้าโรงเรียน เด็กหนุ่มทั้งสองพนมมือสวัสดี

“ตั้งใจเรียนนะลูก” พ่อหันมาบอกขณะพวกเรากำลังจะลงจากรถ

ผมสะพายโคฟเวอร์เทนนิส กับเป้ใบเก่งเดินลงมาก่อน แล้วไอ้เบนซ์ตามลงมา

“คืนนี้ จะรอกรูป่าว” ผมหันไปถาม ไอ้เบนซ์
“เออ เดี๋ยวกรูไปหาที่คอร์ท”
จากนั้นเราก็แยกย้ายกันไปที่ชมรมของตัวเอง

             ผมเอาโคฟเว่อร์เก็บที่ล็อกเกอร์ก่อน เพราะยังเช้าอยู่มากจึงยังไม่มีใครมาสักคน ผมเลยเดินคิดอะไรไปเรื่อย สุดท้ายไม่รู้อะไรสั่งให้เท้าคู่นี้เดินมาหยุดที่หน้าห้องสภานักเรียน ก่อนจะผลักประตูเข้าไป สายตากวาดไปทั่ว แต่ทว่ายังไม่เห็นใครสักคน

ขณะหันหลังเดินกลับออกมา ก็มายืนเผชิญหน้ากับใครคนหนึ่ง จมูกเกือบจะชนกัน

“เฮ้ยยยยย” ผมอุทานเสียงหลง พร้อมกับถอยออกมาห่างออกมาจากคนตรงหน้าก้าวเศษๆ
“ไอ้บอส” เสียงผมหลุดออกมา ดูมันก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน สายตาของมันผลุบต่ำมองลงพื้นอย่างรวดเร็ว

“ขอโทษ” เสียงนั้นเอ่ยออกมา ไม่ได้เห็นหน้าของคนๆนี้แบบใกล้ๆมานานเท่าไรแล้วนะ  ผมใจลอยคิดไป ก่อนสติจะกลับสู่ร่างด้วยเสียงๆของมันอีกครั้ง

“มีอะไรหรือป่าวครับโบ๊ท ถึงมาถึงนี่ได้” 

“อาร์มยังไม่มาเหรอ” (คำถามก็ไม่ตอบเสือกถามเค้ากลับไปอีกกรู สติดีอยู่ป่าวนี่)

มันสั่นหัว

ทรี ทรู วัน...แน-กอ ฮา-จา…..แน-กา นอล ซา-รัง-แฮ โอ๊ะ เสียงไอโฟนดังขึ้นทำลายความเงียบ….

             รอยยิ้มฉีกกว้างเต็มใบหน้าที่ได้รูปของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผมมองอย่างงๆ “ชิบหายแล้ว”  นึกในใจก็เพราะว่าทั้งผมและไอ้บอสเป็นสาวกเคป็อปครับ แล้วเพลงนี้ก็เป็นวงโปรดของไอ้บอส มันเป็นคนแนะนำวงนี้ ให้ผมรู้จัก ผมก็เลยพลอยขอบวงนี้ไปกับมันด้วย

ผมรีบกดรับโทรศัพท์  แล้วรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนวูบ

“มรึงอยู่ไหนวะไอ้โบ๊ท”   เสียงไอ้แบงค์ดังเข้ามา
“กรูอยู่ตึก B มึงมีไร” ผมตวัดหางเสียงรู้สึกหงุดหงิดไอ้แบงค์ที่โทรเข้ามาตอนนี้
 “กรูเห็นโคฟเว่อร์มรึงวางอยู่แต่ไม่เห็นตัวมรึง กรูเลยโทรหาว่ามรึงอยู่ไหน”  เสียงมันยังคงเจื้อยแจ้วมาในโทรศัพท์
“เออแล้วมรึงแดร๊กข้าวมายัง”
“แล้วว่ะ”
“งั้นมรึงมานั่งเป็นเพื่อนกรูหน่อย เจอกันที่หน้าโรงอาหารนะ”  ผมยังไม่ทันตอบไร มันก็วางสายไป ไอ้เชี่ยนี่กรูยังไม่ทันจะตอบมรึงเลยสัส ผมด่ามันในใจ

“ยังฟัง INFINITE อยู่อีกเหรอ” ผมยังคงเห็นรอยยิ้มจากใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า กับแววตาที่เป็นประกายอย่างประหลาด

“อืมมม….งั้นเดี๋ยวกรูไปก่อนนะ อ๋อ ขอบคุณที่ช่วยเร่งเรื่องขอใช้สนามด้วยนะ”

ผมรีบเดินออกไปโดยที่ไม่รอฟังคำตอบเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ถึงความผิดปกติบนใบหน้าของผม

“ไม่เป็นไร” ยังได้ยินเสียงตะโกนตอบจากอีกคนไล่หลังมา

             ผมเดินมาถึงโรงอาหาร มองหาไอ้แบงค์ ก็เจอตี๋หน้าขาวๆ  ยืนรอหน้าโรงอาหาร ไอ้นี่ตีเทนนิสยังไงก็ไม่ดำ อิจฉาหว่ะ  ผมนึกอิจฉามันในใจเบาๆ

“มรึงกินข้าวคนเดียวไม่ได้เหรอวะ” ผมบ่นมันไป
“เออ กรูเขินหว่ะ”
“เขินเชี่ยไร แดรกข้าวนะ ไม่ใช่จีบหญิง”

           “เฮ้ยยยยไอ้แบงค์ แดกไรวะ” เสียงไอ้บาสดัมเมเยอร์พ่วงหัวหน้าวงโยฯ เรียกพวกผมดังขณะที่ไอ้แบงค์กำลังจะตักข้าวเข้าปาก

“ไอ้มารคอหอย คนกำลังจะกิน เสือกเรียกมันบาปนะโว้ย” ไอ้แบงค์บ่นมันไป
“น่ากินว่ะ เดี๋ยวกรูไปซื้อมั่งดีกว่า”
“มึงไม่เอาหัวมาเหรอ คิดเองไม่ได้นี่ ไอ้สาดดดด” ไอ้แบงค์ด่าไม่ทันจบ ไอ้บีมมันวิ่งปรูไปซื้อข้าวร้านที่ไอ้แบงค์ซื้อเมื่อกี้แถมลากไอ้บูมที่กำลังจะเดินมาที่โต๊ะไปด้วย

ไอ้บูมประธานเชียร์ปีล่าสุดที่เดินมากับไอ้บาสค่อยๆหย่อนก้นลงนั่งข้างๆไอ้แบงค์

“พวกมรึงปั่นการบ้านของ มาสเซอร์ ปฐมศก เสร็จยังวะ”
“เสร็จแล้ววะ” ผมตอบมันไป

             ไอ้บูมมันแบมือมาทางผม เป็นอันรู้กัน ผมลวงสมุดการบ้านออกมาจากเป้แล้วก็ส่งไปให้มัน แล้วไอ้บูมมันก็ก้มหน้าก้มตาลอกอย่างรวดเร็ว……..

……….

       วันนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสียงกริ่งคาบสุดท้ายดังขึ้น ทุกคนกำลังเก็บข้าวของ ไอ้บาสเตรียมไปซ้อมกับวงโย ส่วนไอ้บูมก็ต้องไปประชุมกับพวกทีมเชียร์ ส่วนผมกับไอ้แบงค์ แน่นอนวันนี้ต้องซ้อมต่อ

             หลังจากรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ลงไปประจำที่คอร์ท ตีกันไปสักพัก สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่ง ยืนมองพวกเราอยู่ข้างหลังคอร์ทไกลๆ

ไอ้บอส ความคิดต่างๆวิ่งเข้ามาเต็มสมอง

“โป๊ก” แล้วลูกบอลกลมๆสีเขียวตองอ่อน ก็หมุนติ้ว วิ่งเข้ามาตรงกลางดั้งจมูกผมทันที

วิ้งๆๆๆๆ ดาวขึ้นได้ไงวะ พระอาทิตย์ยังไม่ตกเลย ผมนึกอยู่ในใจ

เลือดกำดาวทะลักออกมา ไอ้แบงค์ วิ่งหน้าตาตื่นมาหาผม แต่มีอีกมือหนึ่งจับตัวเอวผมกึ่งลากกึ่งประคองไปพักที่เกาอี้

“เลือดยังไม่หยุดไหลเลยหว่ะ” เสียงเด็กหนุ่มบอก
“แบงค์ไปเอาน้ำแข็งมา”  ไอ้บอสตะโกนสั่งไอ้แบงค์ ไอ้แบงค์ก็วิ่งหายเข้าไปในห้องชมรม

ผมลืมตามองไปที่หน้ามัน ดูมันร้อนรน มองหน้าผมที มองไปทางที่ไอ้แบงค์ที หันมามองที่ผมที

             มือนุ่มๆช้อนมาที่คอผม แล้วประคองลงไปกี่งนั่งกึ่งนอนบนเก้าอี้  จับหน้าผมหงายขึ้น แล้วมันก็มาวุ่นวายกับการถอดรองเท้าของผม

“ไอ้แบงค์ได้หรือยังวะ” เสียงมันตระโกนถาม

             “มาแล้ว มาแล้ว” ไอ้แบงค์วิ่งมาพร้อมกับผ้าขนหนูที่ห่อน้ำแข็งเอาไว้  มันส่งมาให้กับไอ้บอส มันรีบเอามาแปะตรงดั้งจมูกผมทันที

“ไอ้โบ๊ท กรูขอโทษ กรูไม่ได้ตั้งใจ” เสียงไอ้แบงค์มันพร่ำบอกเป็นระยะ
“เออ กรูไม่เป็นไรหรอก กรูไม่ระวังเอง กรูมัวแต่…”  ผมกดริมฝีปากลง

ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว คงเพราะไอเย็นจากน้ำแข็งที่แปะอยู่ตรงจมุกผม

“จะไปโรงพยายาบาลไหม” เสียงไอ้บอสมันถาม
“ไม่หงะ เดี๋ยวก็หาย” ผมตอบมันไป
“หายยังไง ดั่งจะหักป่าวก็ไม่รู้ บวมเปล่ง เชียว เดี๋ยวดั่งเบี้ยวแล้วไม่หล่อนะโว้ย” มันสะดุดตรงเดี่ยวจะไม่หล่อนี่แหละ

ผมเอามือจับตรงจมูก แต่ไม่ทันเพาะมีมืออีกมือดึงเอาไว้ “อย่าเพิ่งจับดิ๊”

“แบงค์ เดี๋ยวผมพาโบ๊ทไปโรงพยาบาลนะ”

เฮ้ยยย มึงถามกรูยัง แต่ยังไม่ทันจะออกเสียงออกไป มันเข้ามาทำท่าจะอุ้ม เง้ออออ

“กรูเจ็บจมูกนะ ขากรูไม่เป็นไร กรูเดินได้” ผมรีบบอกมัน
“กรูเดินได้จริงๆ” ผมย้ำอีกครั้ง

ไอ้เชี่ยแบงค์ แอบหัวเราะ ไอ้ห่ากรูก็อายเป็น ตัวอย่างกะควายแถมคนที่อุ้มก็เป็นผู้ชายอีกตาหาก แล้วมันจับข้อมือผมลากไปกับมัน

“เดี๋ยวก่อน กรูโทรบอกพี่กรูก่อน เดี๋ยวมันมารอ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกรูโทรเอง” ไอ้บอสบอก..
“กรูเก็บของก่อน” ผมบอกไอ้บอสอีกรอบ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกรูเก็บให้” ไอ้เชี่ยแบงค์ งานนี้เสือกขึ้นมาเชียว
             สุดท้ายผมก็โดนมันลากโรงพยาบาล ตอนเดินออกมาไอ้บีมกับไอ้ไบร์ทที่เพิ่งจะเข้ามาที่คอร์ด ทำหน้างงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม และยิ่งงงหนักที่เห็นไอ้บอสประคองผมเดินออกไป เดี๋ยวไอ้แบงค์คงรายงานข่าว....

.......

“คุณรัชชานนท์ เชิญค่ะ” เสียงพยาบาลเรียกชื่อผม
ผมเดินตามเข้าไปที่ห้องตรวจ โดยมีแฝดคนละฝา เดินตามไปติดๆ
“ไม่เป็นไรมากนะครับ กระดูกไม่หัก แต่จะอักเสบไปสักวันสองวันนะครับ” คุณหมอหนุ่มอธิบายหลังจากดูฟีลม์เอกซ์เรย์
“เดี๋ยวรับยาแล้วไปพักผ่อนที่บ้านได้ครับ”

“เดี๋ยวผมไปส่งโบ๊ทนะ” มันบอกผมหลังจากรับยาเสร็จ
“กรูไม่เป็นไรแล้ว” แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ
“เหอะน่า เดี๋ยวผมไปส่ง อย่าดื้อ” นี่กรูเจ็บอยู่นะ ยังจะดุกรูอีก ผมบ่นมันในใจ

ทรี ทรู วัน...แน-กอ ฮา-จา…..แน-กา นอล ซา-รัง-แฮ โอ๊ะ
แน-กา นอล คอก-จอง-แฮ โอ๊ะ....แน-กา นอล กึท-กา-จี แช-กิม-จิล-เก

ผมรีบกดรับโทรศัพท์ ขณะที่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมุมปากของคนที่นั่งอยู่ข้างๆผม

“มรึงเป็นไงบ้าง แล้วตอนนี้มรึงอยู่ที่ไหน” เสียงพี่ชายผมถามมาเป็นชุด
“กรูอยู่โรงพยายาล หมอตรวจแล้วไม่เป็นไรมาก ให้ยามากิน” เสียงผมตอบพี่ชายไป
“จะให้กรูไปหามั้ย” เสียงพี่ชายผมมันถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวไอ้บอสมันไปส่งที่บ้าน”
“กรูฝากมรึงหยิบโคฟเวอร์กับกระเป๋ากรูที่ห้องชมรมกลับบ้านด้วย ไอ้แบงค์มันคงเก็บไว้ให้แล้ว” ผมฝากไอ้พี่ชายแบกของกลับบ้านให้
 
service advantage
Game
See u next game….

ออฟไลน์ destiny_of_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
@ 4th Game – Again

    กว่าจะมาถึงสุขสวัสดิ์ 25 ได้ เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว พ่อกับแม่ผมนั่งกันอยู่ที่ห้องรับแขก พอเห็นผมก็ปรี่เข้ามาถามว่าเป็นอะไรมา ผมก็อธิบายว่ามันเป็นอุบัติเหตุ นิดหน่อย ไอ้บอสลากไปโรงบาลมาแล้ว หมอเอ็กซ์เรย์แล้วไม่เป็นไรมาก ผมแว้บไปเห็นสายตากวนประสาทจากไอ้เบนซ์ ผมกำลังจะอ้าปากด่ามัน

“ขอบใจบอสมากนะลูก” เสียงป๊าขอบคุณเด็กหนุ่มตรงหน้า
“กินไรกันมาหรือยังลูก” เสียงม่าม๊าถามมัน
“ยังครับ” 
“มีกับข้าวอยู่ในครัวหน่ะ เดี๋ยวแม่ไปอุ่นให้” ม่าม๊ากำลังจะหันเหลังเดินเข้าไปในครัว
“ไม่เป็นไรครับแม่ เดี๋ยวผมอุ่นเองก็ได้ครับ” เสียงไอ้บอสบอกแม่ด้วยความเกรงใจ

แล้วมันก็กุรีกุจอเดินตามเข้าไปช่วยแม่ในครัว

หลังจากที่อิ่มกันแล้ว
“เดี๋ยวบอสล้างเองนะครับแม่” มันบอกขณะม่าม๊ากำลังเก็บจาน
“บอสนอนนี่มั้ยลูก ดึกมากแล้ว” ม่าม๊าเอ่ยปากชวน 
“เดี๋ยวให้เบนซ์โทรไปบอกที่บ้านให้นะลูก”   อ้าวม๊าถามลูกยัง?
ไอ้เบนซ์เอามือเกาหัวงง แต่ก็ควักโทรศัพท์โทรไปบอกที่บ้านไอ้บอส

“เอาเสื้อผ้าโบ๊ทใส่ก่อนนะลูก” ม่าม๊าสั่งเรียบร้อย
“ครับ” เสียงเด็กหนุ่มตอบพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
เฮ้ยยย กรูอนุญาตตอนไหนวะ ผมบ่นในใจ

“มรึงไม่ได้มาบ้านกรูนานแค่ไหนแล้ววะ”  ไอ้เบนซ์ถาม ขณะที่แอบยิ้มที่มุมปาก ไอ้เชี่ยยเบนซ์ ผมด่ามันในใจ
“ปีกว่าแล้วมั้ง”  เสียงบอสตอบไป มือก็สาระวนกับการคว่ำจาน

.
.

           หลังจากเสร็จภารกิจในห้องครัวเรียบร้อย ผมเปิดประตูห้องนอนเข้ามาขณะที่ บอสเดินตามเข้ามาต้อยๆ

“จะอาบน้ำเลยมั้ย” ผมถามมันออกไป
“อืมม” เสียงมันตอบกลับมาพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม

           ผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ส่งให้ไอ้บอสบอส แล้วก็ก้มลงมาหยิบเสื้อกับกางเกงขาสั้นให้มัน พอหั่นกลับมาก็เจอมันยืนอยู่ตรงหน้าผมพอดี มือนุ่มๆค่อยแกะผ้าก็อตตรงดั้งจมูกผม หน้ามันค่อยๆเข้ามาใกล้

“บวมเยอะหว่ะโบ้ท” เสียงมันบอก
“มึงยังไม่ได้กินยา”
“เอ๋อหว่ะ” เพิ่งนึกออกว่ายังไม่ได้กินยา

             “เดี๋ยวกรูไปเอาน้ำมาให้” มันบอกพร้อมกับมันวางผ้าเช็ดตัวลงบนเตียง แล้วก็เดินเปิดประตู เดินปรู๊ดลงไปเอาน้ำอย่างรวดเร็ว ทำอย่างกับบ้านตัวเอง ผมนึกในใจ

ผมเอามือจับจมูกตัวเอง “แมร่งบวมชิบหายเลยหว่ะ” ผมบ่นออกมา
ขณะกำลังเอามือสำรวจความเสียหายกับใบหน้าอันหล่อเหล่าอยู่หน้ากระจกอยู่นั้น

“อย่าเอามือไปจับ” เสียงดุๆดังขณะที่ประตูห้องเปิดออกกว้าง
“เอานี่น้ำ กินยาก่อน ต้องกินหลังอาหารไม่ใช่เหรอ” ดูมันเสียงเขียวใส่ผม
“เออ” ผมตอบมันก่อนจะคว้าขวดน้ำกระดก หลังจากที่เอายายัดเข้าปากไป

“มรึงไปอาบน้ำก่อนไป” ผมไล่มันไป
มันคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำแต่โดยดี

“ตรึง” เสียงไลน์ในไอโฟนดังขึ้นมา

แบงค์คุง
จมูกมรึงเป็นไงบ้างวะ   23.20                                                                         
                                                                            23.21     ไม่หักหว่ะ แต่บวมชิบหายเลย
แบงค์คุง
กรูขอโทษนะโว้ยยยย  23.23
                                                                             23.23     เออ ไม่เป็นไร มึงไม่ได้ตั้งใจ
แบงค์คุง
พรุ่งนี้มึงมาไหวป่าว  23.24
                                                                              23.25 คิดว่าไปไหวนะ

           เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกมา ผมหันไป เห็น เด็กหนุ่มตัวสูง ขาว ในกางเกงขาสั้น และเปือยท่อนบนอยู่ กล้ามเนื้อถึงจะไม่ได้เยอะมากมายแต่ก็ได้รูปสวยงาม

“มองอะไรครับ” เสียงมันทักมา พร้อมกับเอาผ้าเช็ดตัวเช็ดผมอยู่
“เปล่า”ผมตอบมันไปแต่ยังไม่ทันพูดต่อ
“ทำอย่างกะไม่เคยเห็น” ผมหลบตามันมองพื้นพร้อมกับรู้สึกหน้าตัวเองร้อนผ่าว
“โบ๊ทไปอาบน้ำได้แล้วจะได้นอนกัน” อึ๋ยยยยยยย

           ผมเดินคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำ ถอดบ็อกเซอร์ออกและเปิดฝักบัว ก่อนที่จะได้ยินเสียงกีตาร์กับ เสียงของไอ้บอส ดังเข้ามา.....

ยังเก็บรักนั้น อยู่ในหัวใจ
เธอจะรู้ไหม ฉันยังคงพร่ำเพ้อ
หลับตาทุกครั้ง ก็ยังเห็นเพียงแต่เธอ
ฉันยังคิดถึงเธอเสมอ

ยังเก็บรักนั้นอยู่ในหัวใจ
ยิ่งอ้างว้างมากเท่าไร ยิ่งพร่ำเพ้อ
หลับตาลงทุกครั้ง ก็ยังเห็นเพียงแต่เธอ
ฉันยังคิดถึงเธอเสมอ แม้นานจนป่านนี้
ฉันยังคิดถึงเธอ


             เสียงเพลงเงียบหายลงไปสักพักใหญ่แล้ว แต่ผมยังเอาหลังพิงกำแพงทรุดตัวลงอย่างคนหมดแรง สับสนกับความคิดตัวเอง ความรู้สึกนี้มันคืออะไร.....

“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้ง
“โบ๊ทครับ เป็นอะไรหรือป่าว ทำไมนานจัง”
“อืมม ไม่เป็นไร กำลังจะเสร็จแล้ว”

             ผมคว้าผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผม เช็ดหน้า แล้วก็รู้สึกได้ว่า ผ้าพันแผลที่แปะอยู่ตรงจมูกเปียก เอาแล้วซิตรู ซุ่มซ่ามชะมัด พลางบ่นตัวเองในใจ

ก่อนจะคว้าบล็อกเซอร์ตัวเก่งมาใส่แล้วเปิดประตู้ห้องน้ำออกมา

“เฮ้ยยยย” เสียงผมอุทาน เพราะเปิดประตูออกมา หน้าเกือบชนอีกคนที่ยืนรออยู่ตรงหน้าประตู
“เชี่ยยย มายืนอะไรตรงนี้ กรูเกือบจะได้ไปโรงบาลอีกรอบ” ผมบ่นออกไป

แต่อีกฝ่ายยังไม่ขยับ จ้องหน้าผมแล้วเอามือมาจับผ้าพันแผลที่จมูก แล้วบ่นออกมาว่า

“เหมือนเดิมเลยนะ ซุ่มซ่ามไม่เคยระวังตัวเหมือนเดิมเลย” พร้อมกับค่อยๆบรรจงแกะเทปที่พันออกอย่างเบามือ

ก็เพราะเสียงเพลงมรึงนั่นแหละ ก็เลยลืม ผมคิดในใจ ก่อนจะทำปากขมุมขมิบ

             “บ่นอะไรครับ” เสียงมันดุผม ก่อนจะบอกว่า “เดี๋ยวบอสไปเอาผ้าพันแผลมาพันให้ใหม่” แล้วมันก็หันหลังเปิดประตูเดินลงไปข้างล่าง....เป็นรอบที่สอง

เสียงเปิดประตูเข้ามา พร้อมกับหน้าหล่อๆของบอส และในมือก็มีผ้าพันแผล และเทปใส

“นั่งลงสิ เดี๋ยวทำแผลให้ใหม่” เสียงมันสั่ง

             ผมนั่งขัดสมาธิลง กับพื้น โดยที่มีชายหนุ่มหน้าตาคมคาย หนังขัดสมาธิอยู่ฝั่งตรงข้าม พยายาม จัดการกับการแปะจมูกผมด้วยผ้าก็อต และตัดเทปกาวมาแปะให้อย่างเบามือ...

ไม่ได้นั่งใกล้ๆกันแบบนี้นานแค่ไหนแล้วนะ
ไม่ได้สัมผัสถึงความห่วงใย ความใส่ใจแบบนี้นานแค่ไหนแล้วนะ
ผมนั่งมองเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้...

ก่อนจะสะดุ้งเพราะมือที่แสนคุ้นเคยจะจับลงที่ปลายคางผมแล้วพร้อมกับบอกว่า
“เสร็จแล้วครับ”
           สายตาของเรามองประสานกัน คำพูดทั้งหลายที่ถูกเก็บไว้ถูกส่งออกมาจากสายตาคู่นั้น หน้าของ บอส ค่อยๆเขยิบๆ เข้ามาช้าๆ ผมเหมือนถูกสะกด ปากสีแดงระเรือนั้นเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกทีๆ สัมผัสหยุ่นๆที่นุ่มละมุนริมฝีปากนั้นที่ผมโหยหามานาน ตอนนี้มันอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ตาของผมค่อยๆปิดลงเช่นเดียวกับตาของบอส

ทรี ทรู วัน...แน-กอ ฮา-จา…..แน-กา นอล ซา-รัง-แฮ โอ๊ะ
แน-กา นอล คอก-จอง-แฮ โอ๊ะ....แน-กา นอล กึท-กา-จี แช-กิม-จิล-เก

             เสียงไอโฟนดังลั่น ทำให้ผมสะดุ้ง ขณะที่คนตรงหน้าผมก็สะดุ้งเช่นกัน เราผละออกจากกัน แล้วนั่งอึ้งกันอยู่กับสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น จนเสียงริงโทนจะเข้าสู่ท่อนสุดท้าย ผมจึงรีบหันกับไปคว้าโทรศัพท์

             “อัลโหล โบ๊ท เป็นไรมากหรือป่าว  เมย์เป็นห่วงมาก นี่เพิ่งรู้จาก แบงค์ว่า โบ๊ทไปโรงพยาบาล” เสียงเมย์ระล่ำระลัก ถามมาด้วยความห่วงใย

             “อืมม ไม่เป็นไรมากแล้วครับ เมย์ ดั้งไม่หัก แต่บวมครับ ยังหล่อเหมือนเดิม อิอิ เดี๋ยวจะส่งรูปไปให้ดูนะ” เสียงผมตอบเมย์ไป

             “แล้วทำไมไม่โทรบอกเมย์เลย ไลน์มาบอกก็ได้ เมย์ตกใจหมดเลย เป็นห่วงโบ๊ทมากด้วย”  เมย์ยังคงบ่นผมต่อไป


“ก็มันเป็นอุบัติเหตุอะครับ นี่เพิ่งกลับมาถึงบ้านเหมือนกันครับ”
“อืมมม ที่หลังมีไรต้องบอกเมย์นะ” เสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยกำชับมา
“ครับ”  ผมได้แต่รับคำของเมย์
“งั้นเมย์ไม่กวนโบ๊ทแล้ว พักผ่อนนะคะ หายไวๆด้วยนะ”
“ครับ ขอบคุงครับ นอนหลับฝันดีนะ คิดถึงเมย์นะครับ”
“คิดถึงโบ๊ทเหมือนกัน ฝันดีนะคะ”
“ครับ ขอบคุณนะครับ”

           พอผมกดวางสาย ก็เห็น บอส นั่งอยู่บนเตียงสายตาดูเศร้าๆ ผมก็รู้สึกเจ็บแปลบไปที่หน้าอก นี่ตรูทำร้ายมันอีกหรือเปล่าวะนี่ ...

พอมันรู้ตัวว่าผมมองมันอยู่ มันก็รีบเก็บสีหน้าและแววตา แล้วก็บอกว่า “นอนกันเถอะโบ๊ท พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแต่เช้า”….

0 - 40
Game
See u next game….

ออฟไลน์ destiny_of_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
@ 5th Game – jumble

เช้านี้ผมมาโรงเรียนกับ ไอ้เบนซ์และไอ้บอส พร้อมกับผ้าก็อตปิดจมูกอันใหญ่ มีแต่คนมองมาตลอดทาง  พอถึงโรงเรียนก็เห็นไอ้บูมยืนรออยู่หน้าโรงเรียนอย่างกระวนกระวาย ก่อนจะเอ่ยทักพวกเราแบบงงๆว่า

“พวกมรึงมาด้วยกันได้ไงวะ”
“แล้วไอ้โบ๊ทจมูกมรึงไปโดนเชี่ยไรมา”
“แล้วไอ้บอสทำไมมรึงใส่เสื้อไอ้โบ๊ทวะ”
“แล้ว...” มันชี้นิ้วไปมาแบบงงๆ

“แล้ว เชี่ยไรอีก” ผมดักคอมัน
“มรึงรีบไม่ใช่เหรอจะเอากุญแจห้องสภาหน่ะ”
“แล้วมรึงรู้ได้ไงวะ” มันตอบกลับมาแล้วทำหน้างงหนักเข้าไปอีก
“ชิบหายแล้ว ซวยแล้วกรู” ผมกัดริมฝีปาก
“เมื่อคืนนี้พวกมรึงนอนด้วยกันเหรอ” พูดจบมันก็อ้าปากค้าง...

“ช่างพวกมันเหอะ ไอ้บูม มรึงรีบไม่ใช่เหรอ” เสียงพี่ชายตัวดีของผมช่วยชีวิตเอาไว้ ก่อนจะท่าน”บูมปุ้นจิ้น” โดนซักฟอกกกกก

“เออ หวะ ไปเร็วไอ้บอส” เสียงมันเรียกไอ้บอสที่ยืนอมยิ้มอยู่ตรงนั้น ก่อนจะหันมาชีหน้าผมแล้วบอกว่า
“เดี๋ยวเข้าห้องแล้วมรึงหนีกรูไม่รอดแน่ ไอ้โบ๊ท”
ผมแถบจะสำลักน้ำลายตัวเอง....

แล้วต่างคนต่างแยกย้าย ไอ้เบนซ์ ไปชมรมดนตรี ไอ้บอสกับไอ้บูมไปที่สภานักเรียน ส่วนผม ที่ประจำครับ ห้องชมรมเทนนิส พอเปิดประตูเข้าไป อยู่กันครบทีม ไอ้แบงค์ ไอ้บีม ไอ้ไบร์ท พอเห็นผมเปิดประตูเข้าไป เท่านั้นแหละ

“มรึงเป็นไงบ้าง เชี่ยยย แมร่งบวมสาด กรูขอโทษ...นะโว้ยยย”  ไอ้แบงค์มาหนึ่งชุด
“เออ ขอโทษกรูครั้งที่ร้อยแล้วมั้ง มรึง”

ไอ้บีมเข้ามาเอามือจับคางแล้วเชิดหน้าผมขึ้น มองพิจารณาหน้าผมแล้วมันก็บอกว่า “แมร่งยังหล่อเหมือนเดิม กรูนึกว่ามึงจะเสียโฉมเสียแล้ววววว”
“สัส กรูเป็นอมตะ” 

“แล้วมรึงจะซ้อมไหว้หรือป่าววะ” เสียงไอ้ไบร์ท เอ่ยถามขึ้นมา
“ไม่รู้หว่ะ เดี๋ยวเย็นนี้ลองดูว่าจะไหวไหมหว่ะ” ไอ้ไบร์ทมันเป็นห่วงเรื่องทีมที่ใกล้จะต้องแข่งแล้ว หรือมันห่วงเบี้ยเลี้ยงมันวะ ผมคิดในใจ

“สรุปเมื่อคืนไอ้บอสมันไปส่งมรึงใช่ไหม” เสียงไอ้แบงค์มันถาม
“อืมมมม” ผมตอบมันไป
“แล้วนอนบ้านมรึงเลยเหรอ” มันถามอีกรอบพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก
“เออ” มรึงจะยิ้มทำเชี่ยอะไร ผมด่ามันกลับไป....

ก่อนที่ผมจะจมลงในห่วงความคิดอีกครั้ง
………….
นาทีที่ไม่มีฉันมันดีหรือเปล่า
เวลาเธอกอดเขาลึกซึ้งเท่าไร
มีแต่คำถามที่คนรักเก่าไม่ควรวุ่นวาย
อยู่ห่างจากคนอย่างฉันมันดีหรือเปล่า
ตอนเธอนอนกอดเขาชื่นใจเท่าไร
มีแต่คำถามที่คนรักเก่าต้องเก็บเอาไว้ในใจ.......

เสียง Xperia Z1 เครื่องสีดำดังอย่างต่อเนื่อง อยู่บนหัวเตียง เจ้าของเครื่องลืมตาขึ้น หน้าตายุ่งเหยิง ก่อนที่จะควานหาโทรศัพท์

“อัลโหลครับ”
“บอส วันนี้มรึงจะมาเร็วหรือป่าววะ” เสียงไอ้บูม ประธานเชียร์ ถามมาอย่างร้อนรน
“มีไรหรือป่าวบูม” บอสถามกลับไป
“กรูลืมกุญแจห้องสภาอะ ตอนนี้อยู่บน BTS แล้ว มรึงรีบมาได้ป่าววะ”
“อืมม ครับ เดี๋ยวจะรีบไป”
“แล้วเจอกันบูม” ไอ้บอสกดวางสาย แล้วหันมาปลุกผม...

“โบ๊ท โบ๊ท ตื่นไหวป่าววะ” เสียงไอ้บอสปลุกผม พร้อมกับเอามือเขยาไหล่ผมเบาๆ
“อืมมม กรูรู้แล้วววว ตื่นตั้งแต่โทรศัทพ์มรึงร้องแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อนนะ” เสียงไอ้บอสบอก แต่มีความรู้สึกบางอย่างอยู่ในน้ำเสียงนั่น

มันหายเข้าไปในห้องน้ำสักพัก ก็ออกมาเริ่มแต่งตัว ก่อนจะเรียกผมอีกครั้ง
“โบ๊ท ไปอาบน้ำสิครับ” พร้อมกับส่งผ้าเช็ดตัวให้ผม
ผมลุกขึ้นจากเตียง มานั่งแบบคนอาลัยอาวรณ์ที่นอน ก่อนจะสลัดความขี้เกียจทิ้งไปลุกขึ้นเดินเกาหัวยุ่งๆเข้าห้องน้ำไป พอถึงอ่างล้างหน้ากำลังจะคว้าแปรงสีฟัน ก็เห็นแปรงสีฟันของผมมียาสีฟันบีบไว้ให้ เรียบร้อยแล้ว... หัวใจของผมเต้นถี่ด้วยความตื่นตัน บอสยังคงเป็นบอสเสมอ

หลังจากอาบน้ำเสร็จผมเปิดประตูห้องน้ำออกมา ก็เห็น บอส เตรียมผ้าก็อตพันแผล กับเทปกาว รออยู่แล้ว ก่อนที่จะเรียกผม
“มาเดี๋ยวผมเปลี่ยนผ้าพันแผลให้” ผมเดินไปหามันให้มันเปลี่ยนผ้าพันแผลให้อย่างว่าง่าย

ผมแต่งตัวชุดนักเรียนเรียบร้อย ก็เดินไปหามันอย่างว่าง่าย ยื่นนิ่งให้บอส เปลี่ยนผ้าพันแผล สารภาพตามตรงว่า ตอนที่มันเปลี่ยนผ้าพันแผล ผมเหลือบตาไปทางอื่นไม่กล้ามองหน้ามัน

“เสร็จแล้ว” เสียงบอสบอก ผมเหลือบตากลับมามองตามเสียงนั้น สายตาของเราประสานกัน ผมสังเกตุเห็นดวงตาคู่นั้น เต็มไปด้วยความเศร้าเหมือนกำลังจะสูญเสียของสำคัญไป ผมเห็นสายตาแบบนั้นใจผมเองก็แถบจะขาด

“ไปกันเถอะ” มันหันกลับไปหยิบกระเป๋าจาคอปของมัน ผมก็หันกลับไปคว้า โคฟเวอร์เทนนิส กับเป้ใบเก่งของผม ก่อนจะเดินออกจากห้อง เดินไปเคาะประตูเรียกไอ้แบงค์

..........

พอพักเที่ยงก่อนจะลงไปกินข้าว ผมก็โดน ท่านบูมปุ้นจิ้น ซักฟอกผมโดยมี ไอ้บาส ดรัมเมเยอร์พ่วงหัวหน้าวงโย เป็นท่านกงซุน นั่งฟังอย่างตั้งใจ

“สรุปอะไรยังไงมรึงว่ามา” เสียงมันเค้นถาม
“ก็ไม่มีอะไร” ผมตอบมันไปเสียงอ่อยๆ
ก็เมื่อวาน ตอนซ้อมเทนนิส กรูเผลอ ไอ้แบงค์มันเลยส่งลูกเทนนิสมาประเคนที่ดั่งกรูนี่แหละ แล้วพอดี ไอ้บอสมันอยู่แถวนั้น มันเห็นพอดี มันก็เลยลากกรูไปโรงพยาบาล แล้วมันก็เลยไปส่งกรูที่บ้าน เกือบ 5 ทุ่ม ม๊ากรูก็เลยให้มันนอนที่บ้านนั่นแหละ”

“แล้วทำไมไอ้เชี่ยแบงค์มันไม่พามรึงไปเอง” ไอ้บูมมันหันมถามไอ้บาส
“ก็ไอ้บอสมันสั่งให้กรูเก็บของ และให้รอไอ้เบนซ์น่ะซิ” เสียงไอ้แบงค์มันอธิบายไอ้บูมไป

“แล้วเมื่อคืนมรึงนอนด้วยกัน ห้องเดียวกัน เตียงเดียวกันเหรอวะ”
“เหยด คำถามนี้เล่นเอาผมไปไม่เป็น” ผมนั่งหน้าเหวอกับคำถามนี้
“มรึงน่าจะไปเปลี่ยนชื่อเป็น เจน ญาณทิพย์ นะ ญาณแมร่งดีชิบหาย” ผมเบี่ยงประเด็นเอาตัวรอด
“กรูจะไม่รู้ได้ไง ก็เมื่อเช้ากรูโทรไปบอกไอ้บอส ให้รีบมา กรูลืมกุญแจ แต่พอมาถึง มรึงเสือกพูดขึ้นมาเองว่ากรูรีบ แสดงว่าตอนที่กรูโทรไปมันอยู่ด้วยกัน ใครจะไม่รู้วะ”

“เออหว่ะ” กรูมันปากพล่อยเองนึกในใจ
“แล้วเมื่อคืนถ่านไฟเก่ามันคุป่าววะ” เสียงท่าน กงซุนบาส ถามมา ไอ้นี่ พูดน้อยต่อยหนักชิบหาย
“เชี่ยยยยยแระ คุเค๊อะเชี่ยไร กรูมีน้องเมย์อยู่นะโว้ยยยยย สาดดด”

“ไปกินข้าวกันเถอะ กรูหิวแล้ว”  ผมตัดบทก่อนจะคว้าเป้ แล้วเดินนำหน้าพวกมันไปโรงอาหาร หนีเอาตัวรอดก่อนวะกรู ในหัวก็คิดวนไปวนมา โบ๊ท รัก เมย์ , โบ๊ท รัก เมย์

ก่อนจะเข้าโรงอาหาร เสียงพี่ อ็อฟ ปองศักดิ์ดังมาจากลำโพงในโรงอาหาร

ฉันคนนี้ก็คน ไม่ได้เป็นแค่ตัวอะไร
คิดจะทิ้งก็ไป ถ้าอยากได้คืนก็มา
ฉันคนนี่ก็คน อย่ามาหวังอะไรดีกว่า
ใจฉันมันชา รักมันหมดไปนานแล้ววววว
เห็นฉันเป็นตัวอะไร................

40-15
Game
See u next game….

ออฟไลน์ destiny_of_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
@ 6th Game – Betray

หลังจากกินข้าวกันเสร็จ ผมไอ้แบงค์,ไอ้บูม,ไอ้บาส กำลังเดินออกจากโรงอาหาร ก็สวนกลุ่มของไอ้เบนซ์,ไอ้บอสแล้วก็ไอ้อาร์มที่เพิ่งหายป่วยมาเรียนวันแรก ไอ้เบนซ์พยักหน้าทักพวกผม ก่อนที่พวกมันจะเดิมเข้าไปในโรงอาหาร ส่วนไอ้บอสหน้านิ่งหลบสายตากันซะงั้นนนน

หลังคาบสุดท้ายของวัน
“การบ้าน มาสเซอร์ปฐมศก เป็นกระบุง” ไอ้แบงค์บ่นอุ๊บ ขณะพวกเรากำลังเดินไปยังชมรม เปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวเข้าสนาม และอบอุ่นร่างกายกัน

ตอนวิ่งวอร์มยังไม่เท่าไร แต่พอเริ่มน็อกบอลกับไอ้แบงค์เท่านั้น จมูกเจ้ากรรมของผม ปวดตุ๊บๆ แต่ละครั้งที่หน้าไม้กระทบลูก ผมจะปวดจี๊ดที่จมูกทุกครั้ง และเริ่มเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ

“ไอ้แบงค์ พอก่อน กรูเจ็บหว่ะ”  ผมบอกมันพร้อมกับเอามือขึ้นมาจับที่ผ้าพันแผล
“เชี่ย ปวดชิบหาย”
“ไม่ไหวก็พักก่อนมรึง” เสียงมันบอกพร้อมกับวิ่งกระโดดข้ามเน็ตมาดู พร้อมกับจับแขนผมเดินมานั่งพักที่ม้านั่ง จากนั้นผมก็กลายเป็นคนนั่งดูพวกมันซ้อมกันจนเกือบจะ สองทุ่ม

ทรี ทรู วัน...แน-กอ ฮา-จา…..แน-กา นอล ซา-รัง-แฮ โอ๊ะ
แน-กา นอล คอก-จอง-แฮ โอ๊ะ....แน-กา นอล กึท-กา-จี แช-กิม-จิล-เก

เสียงริงโทนโทรศัพท์คุ้นหูก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล โบ๊ท วันนี้ไม่ต้องรอพี่นะ เดี๋ยวจะเลยเข้าไปซื้อของทำงานพรุ่งนี้ที่ B2S ก่อน”
“อืมม แล้วโทรบอกพ่อกับแม่ด้วยล่ะจะกลับดึกหน่ะ” ผมตอบพี่ชายกลับไป
“อืม โทรไปบอกแล้ว แค่นี้ก่อนนะ จะไปแล้ว”
“อืมมม” ผมกดวางหูโทรศัทพ์

“งั้นมรึงก็ว่างแล้วล่ะซิ ไปแดกหมูกระทะกัน”  ไอ้แบงค์ชวนผม ไอ้บีมกับไอ้ไบร์ท พยัคหน้า หงึกๆ ไอ้เพียว,ไอ้วาย รุ่นน้องม.4 ในชมรมที่ปีหน้าพวกมันจะต้องขึ้นมาแทนตำแหน่งพวกผมกัน ตะโกนดีใจกันใหญ่ ลาภปากพวกมันแล้วววววว

“เออก็ดีหว่ะ หิวเหมือนกัน” ผมสะพายโคฟเวอร์ไม้เทนนิสกับเป้ขึ้นสะพายหลัง ไอ้แบงค์ที่เป็นคนปิดห้องชมรม เดินตามมาหลังสุด

ร้านที่เรากินกันประจำอยู่ถนนนราธิวาสฯ เดินมาแปปนึงก็ถึง บรรยากาศในร้านคึกคัก เห็นเด็กโรงเรียนผมเต็มไปหมด เพราะมันใกล้มาก ขณะกำลังจะไปหาที่หย่อนก้น ก็เจอ ไอ้บอส ไอ้บูม ไอ้อาร์ม กับพวกสภานักเรียน มันนั่งกันอยู่กลุ่มใหญ่เสียก่อน

“เฮ้ยยย ไอ้โบ๊ท พาชมรมเทนนิสมาเลี้ยงเหรอวะ” ไอ้บูมมันตะโกนทักเสียงดัง ไอ้พวกเดินตามหลังผมยิ้มแก้มแถบปริ คิดว่าเป็นลาภปากของพวกมัน

“เชี่ยยยไร ต่างคนต่างออกโว้ยยยยย ช่วงนี้กรูจน” ไอ้ห้าตัวทำหน้าเซง....
แล้วเราก็ได้โต๊ะ ที่ไม่ไกลจากไอ้พวกสภานักเรียนเท่าไร และปฏิบัติการแย่งชิงหมูที่เพิ่งจะเริ่มสุกอยู่บนกระทะก็เริ่มขึ้น

“อันนี้ของกรู” ไอ้แบงค์กำลังเอาตะเกียบไปคีบ แต่ไม่ทันตะเกียบไอ้บีม
“เชี่ยบีม กรูอุสาห์ตั้งใจปิ้ง”  ไอ้แบงค์ตะโกนด่าไอ้บีมไป ไอ้บีมยักหลักเล็กๆไม่สะทกสะทาน เคี้ยวตุ้ยๆด้วยความอร่อย

“พวกมรึงแดกเบียร์กันไหมม” เสียงไอ้ไบร์ทถามขึ้น
เอาๆ เสียงพวกเราตอบไปเกือบจะพร้อมกัน ที่เรื่องแดกแอลกอฮอร์นี่ สามัคคีกันชิบหายยยยย

แล้วเบียร์หนึ่ง ทาวเวอร์ ก็ถูกยกมาเสิรฟ
“ชน โว้ยยย” เสียงไอ้ไบร์ทชวนพวกเราชนแก้ว พร้อมกับยกแก้วเบียร์ชูขึ้นรอ
“ปีนี้พวกเราต้องชนะให้ได้นะโว้ยยย” ไอ้ไบร์ทพูดนำขึ้นมา
“เชียสสสสสสสสส”  พวกเราส่งเสียงไปพร้อมๆกัน

“พวกมรึง ขอกรูแก้วสิ” เสียงไอ้บูมเดินมาจากโต๊ะนั่น
“กรูด้วย”  ไอ้อาร์มรีบวิ่งมา
“เทเอาเองหวะ พวกมรึง” ไอ้ไบร์ทบอกพวกมันพร้อมกับส่งแก้วให้

“ขอเบียร์อีกหนึ่งทาวเวอร์ครับ” ไอ้บีมตะโกนสั่ง

“กินหมูกระทะ กับเบียร์ นี่แมร่งโคตรเข้ากันจริงๆเนอะ พวกมรึงว่าไหม” ผมถามพวกมัน ไอ้พวกนั้นไม่สนใจ เพราะหมูในกระทะกำลังจะสุกอีกรอบบบบ ทุกคนจ้องตากันเป็นมัน ถึงตอนนี้ ไอ้บูมกับไอ้อาร์ม ก็แถบจะย้ายมานั่งโต๊ะพวกผมแล้วครับ


แต่ทำไมรู้สึกร้อนๆวะ เหมือนมีรังสีอำมหิต ถูกส่งมาที่ผม หันไปดูโต๊ะไอ้พวกสภานักเรียน เห็นไอ้บอส มองตาเขียวปี๋ คิ้วขมวดกันเป็นปม พร้อมกับอ่านปากมันได้ว่า “อย่ากินเยอะ” ผมยักไหล่ใส่มัน
“ขอเบียร์อีกทาวเวอร์ครับ” ผมตะโกนสั่งพนักงาน


เบียร์อีกเทาเวอร์ก็ถูกเสริฟ ผมยกแก้วขึ้นดืม แล้วก็มองไปทางไอ้บอส ยักคิ้ว กวนตีนมัน แล้วก็หันมาคุยกับไอ้พวกที่โต๊ะต่อ

หลังจากอวดเก่ง ทำเป็นคอแข็ง ดื่มไปหลายแก้ว ทำไมหน้ากรูชาๆวะ หนักๆหัววุ้ย ผมนึกในใจ แต่ไอ้พวกเพื่อนตัวแสบ ก็ยังคงเฮฮา กันต่อไป พร้อมกับ เบียร์แก้วใหม่ถูกส่งมาให้ผม

“มรึงเมาแล้วหรือวะไอ้โบ๊ท อ่อนหว่ะ” เสียงไอ้แบงค์บอกผ่ามากลางวง
“กรูไม่เมา เมาเชี่ยไร” ผมตอบกลับไป แต่ดูเหมือนลิ้นจะพันๆกัน พร้อมกับยกแก้วกระดกทีเดียวหมดแก้ว
“เอามาอีกแก้วซิวะ” 
“กรูว่ามรึงพอเถอะวะ” ไอ้ไบร์ทเริ่มเห็นท่าไม่ดี
“กรูบอกว่ากรูไหวอยู่ พวกมรึงนี่เชี่ยไรวะ”

“ทำไมแมร่งโครงเครงจังวะ นี่กรูแดกเหล้าที่ร้านหรือบนเรือล่องเจ้าพระยาวะ” ขณะที่โลกเริ่มเอียงลงไปเรื่อยๆ แล้วก่อนที่ผมจะลงไปกองอยู่กับพื้น ก็อีกคนมาประคองผมไว้

“ทำไมพวกมรึงให้มันกินเยอะนักวะ” เสียงไอ้บอสต่อว่าไอ้พวกที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ
“ก็มันอยากแดกเองนี่หว่า” เสียงไอ้แบงค์ตอบกลับมา
“เดี๋ยวกรูเอามันไปส่งบ้านก่อนนะ”  เสียงไอ้บอสแว่วเข้ามาให้หูผม
“กรูยังไม่กลับ กรูจะแดกต่อ ปล่อยกู” 
“ไม่ไหวแล้วยังจะทำเก่งอีกนะ พอได้แล้ว” โดนมันดุอีกแล้ว

“ไอ้บูม มาช่วยหน่อย” เสียงไอ้บอสสั่งให้ไอ้บูมมาหิ้วปีกผมอีกข้าง..

แล้วผมก็ถูกหิ้วปีกพามาที่ถนน ไอ้บอส เรียกแท็กซี่ กึ่งลากกึ่งประคองผมเข้าไปนั่ง แล้วมันก็วิ่งไปเปิดประตูอีกขึ้นมานั่งอีกข้าง

“ขอบใจมากไอ้บูม” เสียงมันบอกไอ้บูม

“สุขสัวสัดิ์ 25 ครับ”
“ฮัลโหล เบนซ์เหรอ อยู่บ้านหรือยัง”
“เดี๋ยวเบนซ์ลงมาเปิดประตูรั้วให้หน่อยนะ ตอนนี้บอสกำลังพาโบ๊ทกลับ มันเมามากอะไม่อยากให้ป๊ากับม๊า เห็นมันในสภาพนี้”
“อืมมม ขอบใจมาก”

....

แท็กซี่หยุดลงที่หน้าประตูรั้วที่คุ้นเคย ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ออกดอกสะพรั่งอยู่หน้าบ้าน เสียงไอ้มะกรูด กับ มะนาว เห่าดังลั่น

“เงียบๆ” เสียงไอ้เบนซ์ ดุมะกรูดหมาพันธุ์ Siberian Husky ของมัน
“มะนาว พ่อกลับมาแล้วลูก” เสียงผมอ้อแอ้เรียกชื่อหมาพันธ์ Samoyed ของผม มันทำเสียงอุ้งอิ้งๆ กระดิกหางด้วยความดีใจ

“ทำไมกรูเลี้ยงหมารู้ไหม เพราะมันจะไม่มีวัน ทรยศ กรูไง” หึหึ ผมเค้นเสียงหัวเราะ แล้วผมถูกหิ้วปีกเดินเข้าบ้าน ขณะที่นุ้งมะนาวเดินตามมาอย่างไม่ห่าง

.....

ประตูห้องนอนถูกเปิดออกกว้างแล้วผมก็ถูกวางลงบนเตียง
“ทำไมมันแดกเยอะขนาดนี้วะ” ไอ้เบนซ์ถามไอ้บอส
“ก็ไม่รู้หว่ะ มันไปกินหมูกระทะกับพวกชมรมเทนนิส เห็นสั่งเบียร์มากันหน่ะ กรูอยู่อีกโต๊ะกับพวกสภาฯ เห็นอีกทีก็สภาพนี้แล้ว” มันอธิบายให้ไอ้แบงค์ฟัง

“กรูฝากมรึงดูมันด้วยนะ” เสียงไอ้แบนซ์ฝากไอ้บอสช่วยดูผม
“อ้าวไอ้พี่ เชี่ยย ทิ้งกรูเลยนะมรึง”  ไอ้เบนซ์สั่นนหัวเดินออกจากห้องไป ประตูห้องนอนถูกปิดลง

“อึมมมม” เสียงดังมาจากตัวผม พร้อมหมูกระทะที่ถูกขย้อนมาจ่ออยู่ที่คอหอย กับอาการโก่งคอ ผมเอามือปิดปากตัวเองแถบไม่ทัน

“โบ๊ทจะอ๊วกเหรอ” ยังไม่ทันจะขาดคำ ตัวผมก็ถูกยกลอยขึ้น ผ่านเข้าไปในห้องน้ำ

แล้วทุกอย่างที่กินไปในเย็นนี้ก็ถูกปลดปล่อยออกมา โดยมีมือของบอส คอยลูบหลังอยู่ตลอด สีหน้ามันกังวล และเป็นห่วง ผมหมดแรงแทบจะประคองตัวเองอยู่ไม่ไหว แล้วเสียงๆหนึ่งก็ดังมาถามกลางความเงียบ

“บอสไม่เคยทรยศโบ๊ทนะ”

40-30
Game
See u next game….

ออฟไลน์ destiny_of_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
@ 7th Game – Apologize

หลังจากปล่อยทุกสิ่งอย่างที่กินเข้าไปเมื่อเย็นออกมาจากกระเพาะเรียบร้อย ตัวผมเองถูกลากมานั่งพิงกำแพงในโซนอาบน้ำ เสียงปิดประตูห้องน้ำ สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าคือ เด็กหน้าผู้ชาย รูปร่างดี สมส่วน ที่เหลือเพียงบ็อกเซอร์ชิ้นเดียวปิดบังร่ากาย หันหลังกำลังแขวนผ้าเช็ดตัวสองผืนกับราวแขวนผ้าในห้องน้ำ แล้วเจ้าของร่างนั้นก็หันกลับมาพร้อมกับก้าวเดินเข้ามาทีตัวผม

“มรึงจะทำอารายยย” เสียงยังคงอ้อแอ้เพราะฤทธิ์แอลกอฮอร์ ผมสลัดหน้าเพื่อให้ความมึนหายไป
“ก็อาบน้ำให้โบ๊ทไง” มันตอบกลับมา
“หึ่ยยยย...กรูอาบเองได้” ผมพยายามขัดขืน แต่ทว่าไม่มีเรี่ยวแรง
“ยืนยังไม่ไหวเลย เดี๋ยวก็หัวฟาดพื้นกันพอดี” มันพูดพร้อมกับจับตัวผมให้ยืนขึ้น โดยที่หลังยังคงพงกำแพง แล้วมันก็ค่อยๆดึงกางเกงกีฬาของผมลง อีกมือค่อยจับข้อเท้าผมยกขึ้นทีละข้าง แล้วก็ถอดกางเกงผมออก จากนั้นก็บ็อกเซอร์สุดหวงของผม แล้วส่วนสุดท้ายที่ปิดบังร่างกายของผมก็ถูกถอดออกไป....

“เฮ้ยยยย” ผมร้องเสียงหลง
“อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวก็ลื่นล้มหรอก ทำอย่างผมไม่เคยเห็นนะ” แล้วร่างกายผมก็ถูกมันประคองให้นั่งลง เสียงเปิดเครื่องทำน้ำอุ่น ฝักบัวถูกเปิด ก่อนที่ มันจะค่อยเอาฝักบัวมาจ่อที่หัวผม มันจับหน้าผมหงายขึ้น ค่อยๆปล่อยน้ำผ่านผมของผมไปอย่างถะนุถนอม จากนั้นก็ค่อยๆเอาแชมพูเทลงฝ่ามือแล้วค่อยๆขยี่ผมของผมเบาๆ

หน้าที่ถูกจับหงายขึ้น สายตาผมอยู่ที่ปลายคงของมัน ผมกระพริบตาถี่ๆ เพื่อจะจับโฟกัสให้ชัดเจน

“แชมพูเข้าตาเหรอ ขอโทษ ครับ ขอโทษ” มันถามผม พร้อมกับรีบ เอามือมาปาดตรงหน้าผากผม

“ทำไมมรึงต้องดีกับกรูด้วย” มือที่ลูปหน้าผากผมอยู่ หยุดนิ่ง สายตาคู่นั่นมองมาที่ตาผม ก่อนจะหลบตาไป
“ก็บอสเคยทำไม่ดีกับโบ๊ท บอสอยากจะชดใช้ในสิ่งที่เคยทำไม่ดี” มือคู่นั้นค่อยยกฝักบัวขึ้นล้างแชมพูออกจากผมของผมจนหมด

“แค่นี้เองใช่ไหม แค่อยากจะชดใช่เท่านั้นใช่ไหม” ผมถามมันออกไป
“ไม่…ไม่ใช่แค่นั้น” เสียงมันตอบเสียงแข็งกับมา
“แล้วอะไร” ผมตะโกนถามมัน เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอ หายใจเข้าออกเริ่มยากเย็น จมูกเริ่มสั่น สายตาเริ่มพล่ามัวเพราะเริ่มมีน้ำในตาคลอ

“เพราะไม่เคยมีวันไหนที่บอสไม่คิดถึง
เพราะไม่เคยมีสักวันที่บอสไม่รักโบ๊ท”

“ทุกอย่างที่เกี่ยวกับโบ้ทบอสเก็บมันไว้ตรงนี้” มันเอามือชี้ไปที่ขมับของมัน
“แล้วก็ที่นี่” มันเอานิ้วชี้ไปที่หัวใจของมัน

“แล้วตอนนั้นมรึงทิ้งกรูไปทำไม ทำไมมรึงทำกับกรูแบบนั้น” ผมไม่สามารถจะฝืนรั้งน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป มันไหลลงมาอย่างช่วยไม่ได้ ผมรีบเอามือปาดน้ำตาออกจากหน้า เพราะไม่อยากให้มันเห็นถึงความอ่อนแอ

“โบ๊ท อย่าร้องไห้ บอสขอโทษ บอสขอโทษ” เสียงของมันพร่ำบอก พร้อมกับเอามือมาปาดน้ำตาที่แก้มผม

“บอสทำให้โบ๊ทเสียใจอีกแล้ว บอสทำให้โบ๊ทร้องไห้อีกแล้ว บอสมันไม่ดี บอสมันเลว”

น้ำตาของบอสหล่นลงมาไม่ขาด มันคว้าตัวผมไปกอดไว้ มันกอดผมทั้งน้ำตา ใจของผมก็หายเช่นกัน เมื่อเห็นน้ำตาคนที่เคยใจร้ายกับผมเหลือเกิน
จากนั้นก็ไม่มีคำพูดใดๆจากเราอีก ผมเอามือขึ้นมากอดมันเช่นกัน เรากอดกัน ปลอบกัน ทำไมเราต้องทำอีกคนเสียใจ ทั้งๆที่คนๆนั้นก็เป็นคนที่เรารัก....
เสียงเพลงจากช่อง Chanal V ดังเข้ามา.....

ความรัก..แรกรักก็สวยงาม ดั่งเพลงรัก..ที่ซึ้งในนิยาม
เวลาที่หมุ่นที่ผ่านไป ทำเธอกับฉันคิดคนละอย่าง..ไม่เหมือนเดิม
เธอแปลคำว่ารักไม่ตรงกับฉัน แค่เรามองรักด้วยสายตา..ต่างกัน
รักคำเดียวไม่พอ ให้อยู่ด้วยกัน จนถึงวันสุดท้าย
ทำไมคำว่ารักของเราถึงต่างกัน ทำไมเธอและฉัน..ไปกันไม่ได้
ฉันรู้เพียงแค่เธอ คือโลกของฉัน ขาดเธอเหมือนขาดใจ
แต่ไม่รู้ใจคนอย่างเธอ คำว่ารักเราช่างต่างกัน.....

........

ผ้าเช็ดตัวถูกนำมาคลี่เช็ดผมของผมช้า นุ่มนวล แต่นัยต์ตาของเจ้าของร่างนั้น ยังคงเหม่อลอย และแดงช้ำ ผ้าเช็ดตัวถูกเช็ดไปทั่วตัว และนำมาพันไว้รอบเอว ก่อนที่ เจ้าของมือที่ช่วยเช็ดผมเช็ดตัวให้ผม จะไปคว้าผ้าเช็ดตัวอีกผืนทำธุระให้ตัวเองอย่างรวดเร็ว มือนั้นค่อยๆประคองผมออกมาจากห้องน้ำ

เสื้อผ้าถูกสวมให้เข้าที่เข้าทาง และถูกจับนั่งบนขอบเตียง ขณะที่เจ้าของร่างก็ยังคงเหม่อลอย บอสนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าผม พร้อมมือที่สาละวนอยู่กับการเปลี่ยนผ้าพันแผลที่จมูกขอผม หลังจากนั้นผ้าก็อตถูกแปะลงที่จมูกผมเรียบร้อย

“มีทางไหนที่ทำให้โบ๊ทยกโทษให้ผม ให้อภัยกับสิ่งที่บอสทำไม่ดี ที่เคยใจร้ายกับโบ๊ท” มันถามผมด้วยทาที่ที่ไม่มั่นใจและขาดกลัว

“บอสยังมีโอกาสอยู่ไหม ให้โอกาสบอสอีกสักครั้งได้ไหม”

ผมสับสนไปหมด เหมือนในหนังที่มี เทวดากับซาตาน ที่คอยเถียงกันอยู่ในหัว

เทวดา : มันก็เสียใจกับสิ่งที่มันทำ ให้โอกาสมันอีกสักครั้งเถอะ ก็ยังรักเค้าอย่ไม่ใช่หรือ
ซาตาน : ยังจำได้ไหมว่ามันเคยทำอะไรกับเราไว้ เคยร้องไห้ทุรนทุราย ยังไม่เข็ดอีกเหรอ

ผมยกมือขึ้นมาปิดหน้า ก้มหน้าลง “ขอเวลากรูหน่อย” นั่นคือสิ่งที่ผมตอบมันออกไป

บอสพยักหน้า แต่แววตาของมันเศร้าลง

“บอสเข้าใจ ขอบคุณที่ยังไม่ปิดโอกาสของบอส บอสจะทำทุกอย่างให้โบ๊ทเชื่อใจคนอย่างบอสอีกครั้ง และบอสจะไม่ทำให้โบ๊ทเสียใจอีกบอสสัญญา”

ผมล้มตัวลงนอน แบบคนหมดแรง บอสเห็นอย่างนั้นก็ลุกขึ้นเอาผ้าห่มห่มตัวผม แล้วมันก็มุดไปนอนข้างหลังผม มือของมันค่อยกอดผมในขณะที่ผมนอนหันหลังให้มันอยู่
.
.
หมดเรี่ยวแรงต้านทาน
อ่อนแอเหมือนคนหลงทาง
สิ่งที่ไขว่คว้าเริ่มจางหายไป
เฝ้ารอเธอเยี่ยวยา อยู่ในทะเลน้ำตา
ให้ฉันได้รู้สึกว่ายังหายใจ
ทรมานเหลือเกิน ทรมานเหลือเกิน ทรมานเหลือเกิน
โอบกอดฉันไว้ และนำทางฉันไป
สู่ดินแดนแสนไกล ในคืนนี้...........

Deuce
See u next game….

ออฟไลน์ destiny_of_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
@ 8th Game – Cure

แสงสีทองเริ่มสาดเข้ามาในห้อง ผมลืมตาขึ้นช้าๆ พร้อมความรู้สึกไม่สบายตัว ที่ขมับเต็นตุ๊บๆ ปวดหัวชิบหายเลย นั่นคือสิ่งแรกที่คิด จากนั้นเริ่มสำรวจไปรอบตัว มือของบอสยังคงคล้องเอวผมอยู่ อ้อมกอดนั้นอบอุ่นเหลือเกิน เหมือนกลัวว่าคนที่เขากอดอยู่จะหลุดมือไปอีกครั้ง ความสุข ความอบอุ่น วิ่งพลุ่งพล่านในตัวผม มีความสุขจัง อยากให้เป็นแบบนี้ไปนานเท่านาน….

“ตื่นแล้วเหรอครับ”  เสียงมันยังคงงัวเงีย
“อืมม” เสียงตอบมันออกมาจากลำคอ
“ไปโรงเรียนไหวไหม” มันผงกหัวขึ้นมามองหน้าผม
“คิดว่าไหว”
“งั้นไปอาบน้ำนะครับ”

ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียงพร้อมกับขยี้หัวไปมา

“ปวดหัวชิบหายเลย”  ผมบ่นออกมา
“ก็กินไปเยอะนี่” แมร่งบ่นผมแต่เช้า สัส ผมด่ามันกลับในใจ

ผมรุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัว แต่มีอีกร่างหนึ่งรุกขึ้นเดินผ่านเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ยย เดี๋ยวกรูอาบก่อน” ผมยืนหน้าเซ็งๆ บอกมัน
“อืมม” เสียงมันตอบกลับมาแต่ไม่ได้หันหน้ามามองผม มือมันก็สาระวนกับการบรรจงบีบยาสีฟันลงแปรงของผมและของมัน ผมอมยิ้มแต่ก็ต้องรีบทำหน้านิ่งและหันไปมองทางอื่น เดี๋ยวมันจับได้
“เสร็จแล้วครับ ไม่แย่งโบ๊ทอาบก่อนหรอก” มันเอามือมาเขย่าหัวผมเบา พร้อมกับเดินแทรกตัวออกจากประตูห้องน้ำออกไป
“เชี่ยย กรูยิ่งมึนๆอยู่ เดี๋ยวอ๊วกก็พุ่งอีกรอบหรอก” ผมบ่นมันไป

“ขอบใจนะ” ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ ปิดประตู พร้อมกับยิ้มกว้าง....โดยที่ไม่กล้าหันกลับไปมองหน้ามัน

......

หลังจากแต่งตัวกันเรียบร้อย ผมกับบอสก็เดินลงมาข้างล่าง เห็นป๊ากับม๊า แล้วก็ไอ้เบนซ์ นั่งรออยู่โต๊ะกินข้าวแล้ว

“มาทานข้าวกันลูก” เสียงม่าม๊า เรียกเราทั้งคู่ ผมกับบอสนั่งลงที่โต๊ะกินข้า
“เมื่อคืนเมามาเหรอลูก” เสียงป๊า ถาม
ผมเหลือบตาไปมองที่ไอ้แบงค์ มันยักไหล่ให้ผม แปลว่ามันรายงานเรียบวุฒิ ผมไม่มีทางเลือกนอกจากตอบคำถามป๊า
“ครับ”

“ป๊าไม่ได้ห้ามไม่ให้กินนะลูก แต่กินก็ควรจะรู้ลิมิตตัวเอง รู้ว่าไม่ไหวแล้วก็ต้องหยุด นี่ถ้าไม่ได้บอส หัวปีกแกกลับมา มีหวังได้นอนข้างถนนนะโบ๊ท” ป๊าบ่นยาวเหยียด

“ครับ ผมขอโทษครับ ต่อไปจะระวังให้มากครับ” ผมไม่กล้ามองหน้าป๊าก้มหน้ารับคำป๊า ส่วนไอ้บอสนั่งยิ้มกว้างอยู่ข้างๆ
“ใช่สิมรึง งานนี้มรึงโดนชมส่วนกรูโดนบ่น เชี่ย” ผมกระซิบด่ามัน

“เดี๋ยวป๊าต้องไปพบลูกค้าแถว วงเวียนใหญ่ จะติดรถป๊าไปลง BTS วงเวียนใหญ่มั้ย”

“ครับ” เสียงเราทั้งสามคนตอบเกือบจะพร้อมกัน แน่ละสินั่ง BTS ต่อเดียว สบายกว่าต้องไปเบียดขึ้น 75 ตั้งเยอะ อิอิ

แล้วรถตู้โฟล์คสวาเกนสีน้ำเงินก็จอดตรงบันใดเลื่อนขึ้น BTS สถานีวงเวียนใหญ่
“ขอบคุณครับป๊า ผมไปล่ะนะ”  เสียงผมบอกหลังจากลงมายืนบนฟุตบาทเรียบร้อย พวกเราสามคนยกมือขึ้นไหว้ป๊า
“ตั้งใจเรียนกันล่ะ โชคดีนะลูก” ป๊าอวยพรพวกเราทั้งสามคน

หลังจากขึ้นบันใดเลื่อน พวกเราก็มายืนรอรถไฟฟ้ากัน สภาพผมเหมือนคนบ้าหอบฟางเบาๆ ตามประสานักเทนนิส ไหล่ข้างนึงสะพายโคฟเว่อร์ไม้เทนนิส ที่บรรจุไปด้วยไม้เทนนิสคู่ใจ 2 อัน เสื้อกีฬา 2 ตัว กางเกงกีฬา ถุงเท้า และรองเท้า บาริเคต 8 เสื้อผ้า ถุงเท้า รองเท้า หมวก ที่รัดข้อมือยี่ห้อ adidas ผมบ้ายี่ห้อนี้ ครับ ส่วนไหล่อีกข้างก็สะพายเป้หนังสือสมุดเรียน

ส่วนไอ้เบนซ์ ก็ไม่ต่างจากผมเท่าไร มีกล่องใส่แซกโซโฟนสะพายอยู่บ่นบ่ามันข้างหนึ่ง อีกข้างเป็นเป้หนังสือกับสมุดเรียน

ส่วนที่สบายที่สุดเห็นจะเป็นไอ้บอส มีแค่กระเป๋าหนังสือเรียน Jacob ใบเดียวเท่านั้น

ผมคว้าหนังสือการ์ตูน เรื่อง Prince of Tennis ออกมาอ่านรอระหว่างยืนรอ พอรถไฟฟ้ามา พวกเราสามคนก็ขึ้นไปยืนกันใกล้ๆประตู สักพักหนึ่งผมก็อ่านจบเล่ม ผมส่งหนังสือไปให้ไอ้บอส ที่ยืนข้างหลังผม
“เก็บใส่เป้ให้หน่อย” มันก็เอื้อมมือมาหยิบหนังสือการ์ตูน ค่อยเก็บใส่เป้อย่างเรียบร้อย แล้วมันก็ยืนมือมาคว้าสายสะพายเป้จากไหล่ผม
“เดี๋ยวผมถือให้”
“กรูถือเองได้”
ภาพที่เห็นเริ่มดูไม่งาม เด็กผู้ชายสองคนแย่งกันถือเป้บนรถไฟฟ้า
“ฮะแฮ่ม” เสียงไอ้เบนซ์กระแอม
ผมเลยปล่อยให้ไอ้บอสสะพายเป้ให้ผมอย่างช่วยไม่ได้ สีหน้ามันภูมิใจที่ได้ช่วยผมถือเป้

นี่กรูเป็นผู้ชายแถมเป็นนักกีฬาโรงเรียนนะโว้ย ทำอย่างกะกรูไม่มีเรียวแรงเป็นสาวน้อยไปได้ สัส เชี่ยแระ ทำไมเปรียบเทียบแบบนั้น ผมนึกในใจ

สถานีต่อไป กรุงธนบุรี เสียงประกาศดังออกมาจากลำโพง ผู้คนเดินออกเดินเข้ากันวุ่นวาย

ติ๊ดๆๆๆ เสียงเตือนดังขึ้น

ผมเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งหอบของพะรุงพะรังไม่แพ้ผม กระเป๋านักเรียน โคฟเว่อร์ไม้เทนนิส อีกมือหนึ่งจับข้อมือเด็กหนุ่มอีกคนในชุดนักเรียนถือกระเป๋าและแฟ้มเอกสาร ที่ตัวลอยเพราะแรงลากของอีกคนก้าวผ่านเข้ามาในตัวรถไฟฟ้าอย่างฉิวเฉียด

ไอ้แบงค์ ครับ ไอ้แบงค์ มันกำลังหอบ แฮกๆ หลังจากพาตัวเองและเด็กผู้ชายอีกคนขึ้นมาบนรถไฟฟ้าสำเร็จ ในขณะที่มือยังไม่ปล่อยจาก.........มือไอ้.........อาร์มคราบบบบ

ผม,ไอ้บอส,ไอ้เบนซ์ ยืนมองกันอ้าปากค้าง

“ปล่อยก่อน” เสียงไอ้อาร์มกระซิบบอกไอ้แบงค์ และพยายามดึงมืออกจากมือไอ้แบงค์ เมื่อมันเหลือบตาขึ้นมาเห็นหน้าพวกเรา
“อะไรอ่ะ” เสียงไอ้แบงค์ หันมาดุไอ้อาร์ม ก่อนจะรีบปล่อยมือจากมือไอ้อาร์ม อ้าปากค้าง เหมือนโดนหมัดสตั้นไป 3 วิ

“ว่าไงคราบ คุณปฏิภาณ คุณญาณโชติ” ผมยิ้มที่มุมปากก่อนจะเอ่ยปากเรียกพวกมันซะเต็มยศ

“ไอ้แบงค์ กับไอ้อาร์ม” สะดุ้งเล็กน้อย

“ดีครับ คุณเลขา” เสียงไอ้บอสมันทักไอ้อาร์ม
“ค.ค.คราบท่านประธาน” เสียงไอ้อาร์มตะกุกตะกัก

ส่วนไอ้เบนซ์ พยักหน้าทักทั้งสองคน พร้อมกับอาการกลั้นยิ้มแถบไม่อยู่

โอ๊ะโอ......

Service advantage
Game
See you Next Game……..

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Spelling_B

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 รับเรื่องใหม่คราบ :mc4: :mc4:

*ใจเย็นๆ รอคนอ่านด้วยนะ ค่อย ๆ ลงก็ได้คราบผม*

ออฟไลน์ destiny_of_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
@ 9th Game – Marvel

ที่ห้องชมรมเทนนิส

“อะไรยังไงมรึง มีไรจะเล่าให้กรูฟังป่าว”  ไอ้แบงค์ถึงกับสะดุ้งเบาๆ ตอนผมถามมัน
“ไม่มีไรมรึง เมื่อคืนไอ้อาร์มมันเมา กรูเลยลากมันไปนอนบ้านกรู” 
“หรา ก็ไม่รู้สินะ” ผมลากเสียงแซวมัน

“พร้อมเมื่อไรก็เล่าให้กรูฟังได้นะมรึง”  ผมบอกมัน เพราะรู้ว่าเมื่อไรที่มันพร้อมมันก็คงจะเล่าให้ผมฟังเอง ผมกับไอ้แบงค์ รู้จักกันมานานตั้งแต่ประถม เทนนิสก็ไปเรียนที่คอร์ทเดียวกันมา เวลามีแมตซ์แข่งเก็บสะสมคะแนนสำหรับ Ranking ก็ไปแข่งด้วยกันบ่อยๆ ป๊ากับม๊าผม ก็สนิทกับ พ่อกับแม่ไอ้แบงค์มัน เพราะเวลาไปแข่งแต่ละที ทั้งสองบ้านก็ไปให้กำลังใจลูกๆกัน

“แล้วมรึงกับไอ้บอส นี่ดีกันแล้วหรือ” เล่นเอาเกือบสำลักน้ำลายตัวเอง ตอนไอ้แบงค์มันถาม
“ดี เชี่ยยยยย ไร” ผมปัดๆไปก่อน เดี๋ยวงานเข้า
“เหรอ เมื่อคืนไอ้บอส มันเป็นห่วงมรึงมากนะ กุลีกุจอลากมรึงกลับบ้าน” เล่นเอาผมสะอึก

“แล้วเมย์ล่ะ” เจอดอกนี้ผมไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว ภาพหญิงสาวสดใสน่ารัก ที่เป็นห่วงผม ดูแลผมมาตลอด เข้ามาอยู่ในหัวเสมองผมทันที
“เอาไงก็เอานะมรึง คิดดีๆ ยังไงกรูก็อยู่กับมรึงนะโว้ยย”
“เออ ขอบใจว่ะ”

ผมตอบมันไป เข้าใจมันว่ามันเป็นห่วง ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น เราสนิทกันมานาน มีอะไรที่คนอื่นไม่กล้าบอก เวลาผมทำอะไรไม่ค่อยดี ก็มีมันนี่แหละที่คอยบอก คอยเตือน บางครั้งอาจจะแสลงใจกับคำพูดของมันบ้าง แต่โดยทั้งหมดทั้งมวลมันก็มาจากจิตใจที่หวังดีของมัน

ประตูชมรมเปิดออก ไอ้บีมเดินข้ามา เอาของเก็บที่ล็อกเกอร์ ก่อนจะทักผมกับไอ้แบงค์อย่างอารมณ์ดี

“เฮ้ยย ไอ้โบ๊ท เย็นนี้ไอ้โอมมันจะมาซ้อมด้วยนะ” 
“สงสัยมันคงคิดถึงเมียมัน” หมาในปากไอ้แบงค์ขย่ำงับหัวไอ้บีมไปแล้วครับ
“สัส แหม่ๆๆๆๆ อย่าให้กรูพูด เมื่อคืนใครกลับกับใครหว่า”  ไอ้แบงค์หน้าเหลือสองนิ้ว เมื่อโดนหมาในปากไอ้บีมงับหัวคืน
“มรึงรู้ปะไอ้โบ๊ท ตอนไอ้อาร์มมันป่วย ไอ้นี่ดอดไปเยี่ยมเค้าถึงคอนโดไอ้อาร์มทุกวัน”
หน้าผมเหวอเบาๆ เมื่อได้ยินไอ้บีมมันแฉ
“กรูแมร่งตกข่าวหว่ะ”

“แล้วไอ้โอมมันจะมากี่โมง” เสียงไอ้แบงค์ตัดบท ก่อนจะโดนพี่มดบีมแฉแต่เช้า
“ก็คงหกโมงกว่าๆมั้ง” 

พูดถึงไอ้โอม ไอ้โอมมันหัวหน้าชมรมเทนนิสโรงเรียนเด็กกางเกงสีน้ำเงิน แถวๆ หอสมุดแห่งชาติครับ เพราะพวกเราเวลาไปแข่งแมตซ์สะสมคะแนนจัดอันดับ ก็จะรู้จักและสนิทกัน ยิ่งอายุๆเท่าๆกัน ก็จะยิ่งสนิทกัน เพราะเทนนิสแมตซ์พวกนั้นเขาจัดตามอายุครับ และไม่ต้องสืบนะครับเรื่องไอ้บีมกับไอ้โอม เป็นเรื่องฮือฮาและตกตะลึงสำหรับสาวๆในวงการเทนนิสพอสมควร 

...........

พักเที่ยง ผมเดินลงมาจากตึกพร้อมไอ้แบงค์,ไอ้บูม,ไอ้บาส ก็เจอไอ้บอสนั่งรออยู่หน้าโรงอาหารแล้ว
“ไงครับท่านประธานมารอใครหรือป่าวครับ” เชี่ยแบงค์หมาหลุดออกมาจากไอ้แบงค์เป็นฝูงอีกแล้ว

คุณชายเอาแต่ยิ้ม นี่มรึงไม่เดือดร้อนเลยใช่ไหมที่โดนแซวนี่

“มารอกินข้าวกับหัวหน้าชมรมเทนนิสครับ”
“ฮิ้ววววววว” เสียงโห่ฮา จากไอ้สามตัวนั่น
“สงสัย หัวหน้าวงโย กับ ประธานเชียร์ คงต้องไปแดกกันสองคนแล้วหว่ะเรา” ไอ้บาสทำเสียงเล็กเสียงน้อยบอกไอ้บูม
“ไม่ต้องเลยมรึง ไปแดกด้วยกันหมดนี่แหละ ห้ามหนีโว้ย”  ผมบอกพวกมันในขณะหัวใจก็รู้สึกฟองโต จนไม่สามารถเก็บอาการที่ใบหน้าได้

ไม่รู้คิดถูกคิดผิดที่ให้พวกมันนั่งกินข้าวด้วย เพราะโดนแซวแบบจัดหนัก จนร่างแถบจะสลายละลายกลายเป็นน้ำระเหยจนจะกลายเป็นไออยู่แล้ว แต่อีกคนที่โดนแซวดูมันมีความสุขมาก เอาแต่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ขณะที่อีกคนแถบจะมุดแผ่นดินหนีไป

ทรี ทรู วัน...แน-กอ ฮา-จา…..แน-กา นอล ซา-รัง-แฮ โอ๊ะ
แน-กา นอล คอก-จอง-แฮ โอ๊ะ....แน-กา นอล กึท-กา-จี แช-กิม-จิล-เก

ไม่ต้องสืบครับ เพลงนี้มีผมคนเดียวทั้งโต๊ะครับ

“สวัสดีครับเมย์”
“โบ๊ทพักเที่ยงอยู่ใช่ไหม” เสียงสดใสถามมาในโทรศัทพ์
“ครับ”
“หายเงียบไปเลยนะ เมื่อคืนเมย์โทรไปก็ฝากข้อความตลอด มีอะไรหรือเปล่า”
“เมื่อคืนแบตหมดหน่ะ ขอโทษนะครับ”
“ทีหลังหาทางติดต่อเมย์ด้วยนะ เมย์เป็นห่วงน่ะ” แล้วไอ้โบ๊ทก็โดนดุ
“พรุ่งนี้โบ๊ทว่างหรือเปล่า เมย์ว่าจะชวนไปดูหนังอะ”
“กี่โมงดีครับ”
“เที่ยงดีไหมคะ”
“แล้วแต่เมย์เลยครับ”
“ตกลงเจอกันตอนเที่ยง สยามนะครับ” ผมทวนที่นัดหมายของเราอีกครั้ง
“ครับ พรุ่งนี้เจอกันนะครับ”
“สวัสดีครับ”

บรรยากาศที่ตกเงียบไปเหมือนจังหวะผีผ่าน ไอ้บอสที่นั่งข้างๆผม หันมายิ้มให้ แต่ผมรู้สึกได้ว่ารอยยิ้มนั้นมันแห้งๆ เหมือนจะกลบเกลื่อนบางสิ่ง ผมจะทำอย่างไงกับสถานการ์ณแบบนี้ดี................

“บอส” เสียงไอ้อาร์มเรียกไอ้บอสตอนที่มันมายืนอยู่หน้าโต๊ะแล้ว
“เย็นนี้มีประชุมนะมรึง มาสเซอร์ปณตส่งเด็กมาบอก”
“อืมม เตรียมเอกสารหรือยังอาร์ม”
“เรียบร้อยแล้ว ถึงลงมาช้านี่ไง จะหาตัวประธานก็ม่ายรู้หายตัวไปไหนแล้ว”
“เออ โทษที” เสียงมันตอบไอ้อาร์มดูแปลกๆไป
“อาร์มกินข้าวด้วยกันสิ” ผมเรียกไอ้อาร์มให้นั่งลงกินข้าวด้วยกัน
“เดี๋ยวไปซื้อแปป” ไอ้อาร์มหันหลังเดินไปซื้อข้าว

ส่วนไอ้เชี่ยแบงค์ นั่งอมยิ้มอยู่ ทีอย่างนี้มันเอาหมาทั้งฝูงจากปากมันไปเก็บไหนวะ

“ไอ้บูมมรึงแดกเสร็จแล้ว เขยิบให้ไอ้อาร์มมันนั่งหน่อย” ผมบอกไอ้บูมที่ทำหน้างงๆแต่ก็เขยิบตัวออกให้ไอ้อาร์มที่เพิ่งซื้อข้าวเสร็จลงมานั่งข้างๆไอ้แบงค์ แล้วพวกเขาสองคนก็ตกอยู่ในโลกส่วนตัวกันสองคน...

ไอ้บูมกับไอ้บาส ทำหน้าพยักเพยิด กระพริบตาส่งสัญญาณถามว่า ไอ้คู่นี้มันอะไรอย่างไง ผมพยักหน้ากับขยับปากให้พวกมันอ่านริมฝีปากว่า “เดี๋ยวกรูเล่าให้ฟัง”……..

“เออแล้วนี่ พี่กรูแมร่งหายไปไหนวะ ข้าวปลาไม่มากินนี่” ผมตัดบทไอ้สองตัวนั่นถามไอ้อาร์มไป
“ไม่ต้องห่วงมันหรอก เดี๋ยวนี้มันมีเชฟส่วนตัวทำให้มันแดกแล้วว่ะ ป่านนี้มันอยู่ห้องคหกรรมโน่น”  ไอ้อาร์มบรรยายซะเห็นภาพ ส่วนไอ้บอสพยักหน้า หงึกๆ

ถึงแม้ไอ้บอส จะพยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่ผมรู้ว่านั่นแหละไม่ปกติ สำหรับผมแล้วผมก็อึดอัดไม่แพ้กับมัน แต่ผมอยู่ในสถานการณ์ที่ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีเหมือนกันกับสถานการณ์กลืนไม่เข่าคลายไม่ออก นี่มันช่วงน่าอึดอัดเสียงจริงๆ

…….

เสียงอ็อดคาบสุดท้ายหมดลง ผมกับไอ้แบงค์ ก็ลงมาเตรียมพร้อมซ้อมกันที่ชมรม วันนี้คงสนุกแน่ๆ เพราะนอกจากพวกเราชมรมเทนนิสด้วยกันเองแล้ว วันนี้ ไอ้โอมจะมาซ้อมด้วย ผมเองก็ไม่ได้เดี่ยวกับมันมานานแล้ว ปกติเราจะสูสีกันครับ ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาโดยตลอด คู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับ แมทซ์ เชื่อมความสัมพันธ์ที่จะมาถึงนี้ก็คงเป็น โรงเรียนเด็กกางเกงน้ำเงิน แถวๆบางรักนี่แหละครับ หลังจากอบอุ่นร่างกายกันเสร็จ พอเริ่มน็อกบอลกัน

Baby I Love you  ได้ยินไหมคนดี
ขอให้คืนนี้ได้กอดเธอไว้
Cause baby I love you บอกเธอทั้งหัวใจ
ให้เธอรู้ไว้นะว่าฉันรักเธอ....

เสียง Samsung Galaxy S4 ของให้บีมก็ร้องลั่นคอร์ท
“อยู่หน้าโรงเรียนแล้วเหรอ เดี๋ยวออกไปรับนะ” แล้วไอ้บีมก็วิ่งปรู๊ดออก
“รีบเลยนะมรึง” ไอ้ไบร์ท กับ ไอ้แบงค์ เริ่มปล่อยฝูงหมาออกจากปาก

แล้วไอ้บีมก็เดินมากับเด็กหนุ่มหน้าตาดี สูง ขาวๆ ตี๋ ๆ  คิวหนา ดาวตายาวรี เรียกได้ว่าแบบพิมพ์นิยม ที่สาวๆทั้งวงการเทนนิสหมายปอง ยิ่งเวลามันเดินคู่กับไอ้บีม นี่ทั้งสาวแท้สาวเทียมหันหลังมองกันคอแถบเคล็ด

“ไงมรึง วันนี้กรูขอมาซ้อมด้วยนะ” มันทักผม
“ได้อยู่แล้วเพื่อน”

บรรยากาศการซ้อมเป็นไปอย่างสนุกสนาน แข่งกันหลายเซต ไอ้โอม เดี่ยวกับผมเดี่ยวกับไอ้แบงค์ แถมสุดท้ายยังลงคู่กับไอ้แบงค์ ซ้อมกับชายคู่ของโรงเรียนเราคือ ไอ้บีมกับไอ้ไบร์ท เรียกว่าได้ตีกับทีมเราทุกคน โคตรฟิตเลย..นี่ถ้าไม่หมดเวลาเสียก่อน มันคงจะขอเดี่ยวกับไอ้เพรียว ไอ้วาย รุ่นน้องในชมรม ที่เตรียมจะขึ้นมาแทนที่พวกผมในปีหน้าอีก

หลังจากซ้อมเสร็จ อาบน้ำ เก็บของ เตรียมตัวจะกลับกัน
“เฮ้ยยย ไอ้โอม มรึงรีบป่าววะไปแดกข้าวกัน” ผมกะว่าจะเลี้ยงขอบคุณที่อุตส่าห์มาซ้อมให้พวกเรา
“เออ เดี๋ยวกรูไปดูหนังกับไอ้บีมต่อหว่ะ”
“ฮิ้วววววว” เสียงโห่จากพวกคนป่ามาอีกแล้วครับ
“ดูหนังรอบมิดไนท์หรา ดูหนังอย่างเดียวหรือป่าวน้า”  หมาในปากไอ้แบงค์เริ่มทำงาน
“อิจฉาหว่ะ ปล่อยกรูแห้งเหี่ยวอยู่คนเดียว สัส” เสียงไอ้ไบร์ทสมทบไปอีกคน

“เออ  ไม่เป็นไรไว้วันหลังนะมรึง กรูติดมรึง 1 มื้อนะโวยทวงด้วยเผื่อกรูลืม” ผมตัดบทก่อนที่ไอ้โอมจะโดนฝูงหมาจากชมรมเทนนิสกัดเหวอะหว่ะเสียก่อน ขณะที่ไอ้บีมก็ยืนบิดจนจะเป็นน็อตอยู่แล้ว

“ขอบใจหว่ะ เดี๋ยวกรูจัดหนักเลยนะมรึง”  พร้อมกับหันมายิ้มให้ผม


ประตูชมรมเปิดออก พร้อมกับไอ้เบนซ์ พี่ชายตัวดีของผม หอบกล่องคัพเค้กมาเต็มไม้เต็มมือ
“ของฝากจากหัวหน้าชมรมคหกรรมหว่ะ” มันบอกพร้อมเอากล่องขนมวางบนโต๊ะแล้วเปิดออก และแล้วก็เหมือนฝูงหมาป่าขย่ำเหยื่อครับ แว็ปเดี๋ยวเท่านั้นคัพเค้กสิบกว่าชิ้นก็อันตธานหายไปในพริบตา พวกเรากำลังกินกำลังโตนี่ครับ อิอิ

“ฝากขอบคุณไอ้เบียร์มันด้วยนะ” เสียงไอ้บีมวานไอ้เบนซ์ไปขอบคุณเจ้าของขนมขณะกำลังมุ้งมิ้งกับไอ้โอม

“หายไปทั้งวันไม่เห็นหน้าเห็นตานะคุณพี่ แต่มีขนมมาฝากก็โอเคหว่ะ” ผมอดประชดพี่ตัวเองไม่ได้
“สัส” แดกแล้วยังพูดมากอีก สรุปว่าโดนมันด่าครับ T-T
“กลับกันยังวะ” ไอ้เบนซ์เอ่ยปากชวนผมกลับบ้าน
“เออ กลับกันได้แล้วพวกมรึง”

สิ่งที่มันกำลังเกิดขึ้นกับเราทั้งสองคน…
เธอเรียกมันว่าความรักหรือเปล่า....มันชอบกล
เคยคิดถึงกันบ้างไหม เคยเหงาหัวใจบ้างไหม
วันนี้เธอเป็นอย่างไร ตอบให้หายสงสัย ให้รู้ที....

เสียงไอโฟนของไอ้แบงค์ดังขึ้นเสียก่อน เล่นเอาทุกคนหันมองขวับเพราะไม่คุ้นกับเพลงนี้
“กรูไปก่อนนะโว้ยยย ฝากปิดชมรมด้วย” ฟิ้ววววววววว เสียงไอ้แบงค์หันมาบอกพวกผมก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องชมรม โดยที่ยังไม่ได้รับโทรศัพท์

“เฮ้ยยยยยยยย ทิ้งเลยนะมรึงไอ้สัสแบงค์” ผมด่ามัน เพราะสุดท้ายผมนั่นแหละที่จะต้องอยู่รอปิดประตูชมรม

“ไม่ต้องด่ามันหรอกไอ้โบ๊ท คนกำลัง In Love กรูเห็นไอ้อาร์มมันรออยู่หน้าตึก”
ไอ้เบนซ์รายงานเรียบร้อย
“มิน่า รีบหางจุกตูด”  ผมด่ามันปิดท้าย

ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี่ ผมจะมีไอ้บอสตามเหมือนเงา แต่วันนี้หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จมันเงียบหายไปเลย หรือตอนที่พวกเราซ้อมเทนนิสก็จะเห็นแว็ปไปแว็ปมาที่สนามบ่อยๆ แต่วันนี้ไม่มีแม้แต่เงา ผมอดสงสัยไม่ได้

“ไอ้เบนซ์ ไอ้บอสล่ะ” ผมถามพี่ชายหลังจากนั่งบน ป.อ 75 เรียบร้อย
“มันกลับไปตั้งแต่ประชุมสภากับมาสเซอร์เสร็จนั่นแระ”
“อืมม” เสียงในลำคอถูกเปล่งตอบไอ้เบนซ์ไป  นึกขึ้นได้ว่าวันนี้มันมีประชุ่มนี่เนอะ คงไม่มีอะไรมั้ง..................

40-30
Game
See you Next Game……..

ออฟไลน์ destiny_of_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
@ 10th Game – Raincloud

อาอียา มอนจอ กา ออกี ยา ทียอราชา ออกี ยาทียา ทวีชาชึลกอยา
ชัมชียา อัพซอโต นอล ตารา จับบือรี นัน
คือนยอรึล จิคยอรา นัล อิจจิ มซทาเก
แน นิมมี คเยชิน กซ กึทกาจี คารยอนดา   

เสียงเพลง The Chaser ของ INFINITE ดังอยู่ในกระเป๋า ไม่ต้องแปลกใจนะครับได้ฤกษ์เปลี่ยนเสียงเรียกเข้าเสียที ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย

“สวัสดีครับเมย์”
“อยู่ BTS ราชดำริแล้วครับ เดี๋ยวก็ถึงแล้วครับ”
“ครับเดี๋ยวเจอกัน”

ผมเดินออกจากรถไฟฟ้าที่วันนี้ถึงจะเป็นวันเสาร์แต่ผู้คนก็พลุกพล่านเพราะนี่มันสยามนี่ศูนย์รวมของวัยรุ่นทั่วสารทิศ ผมเดินออกจากตัวสถานีเข้าทางเชื่อมเข้าสยามเซนเตอร์ ก็เห็นหญิงสาวน่ารักแต่งตัวทันสมัยที่เหมือนจะหลุดออกมาจากแมกกาซีน ยืนรออยู่แล้ว

ผมยิ้มกว้างให้กับเมย์ ดูเธอเองก็ดีใจที่ได้เจอผม เราเป็นแฟนกันแบบที่เรียกได้ว่าแปลกๆก็ได้ครับ เพราะต่างคนก็ต่างไว้ใจ ให้เกรียติกัน มีบ้างที่เมย์จะหวงๆห่วงๆผมบ้าง แต่ถ้าไม่หวงเลยอันนี้ผมก็ว่าแปลกเกิน ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่คบกันมา นับครั้งได้เลยเรื่องทะเลาะกัน ผมกับเมย์ก็ดูจะเป็นคู่ที่มีความสุขกันไม่น้อยเลยทีเดียว

“โบ๊ท อยากดูเรื่องอะไรคะ” เสียงของเมย์ถามผม
“อะไรก็ได้ครับ แล้วแต่เมย์เลย แต่ขออย่างเดียวนะไม่เอาหนังผี” ผมเป็นคนไม่ดูหนังผีครับ ไม่ใช่เพราะกลัวหรอก แต่ไม่ชอบตอนที่มันติดตาครับ หลอนกว่าตอนดูอีก

“งั้นเราไปซื้อตั๋วกันก่อนนะ ได้ตั๋วแล้วค่อยลงมาหาอะไรทานกันนะคะ”
“ครับ” ผมมักจะตามใจเมย์ครับ ยังไงก็ได้สำหรับเมย์

แล้วเมย์ก็ควงแขนผมเดินทะลุผ่านลานน้ำพุไปพารากอน ก็เหมือนหนุ่มสาวทั่วไปเวลาเดินห้างกัน กระหนุงกระหนิง คุยเล่นหยอกเย้ากันไป ตกลงเราได้หนังรอบ 13.40 มีเวลา 1ชั่วโมงสำหรับหาอะไรทานกัน ซึ่งหวยก็มาออกที่ ฟูจิ ครับ

“โรลซูชิเซ็ท 1ที่ ค่ะ”
“โบ๊ทเอาเบนโต๊ะเซ็ทเหมือนเดิมไหมคะ” เมย์รู้ใจผมเสมอครับ จริงๆแล้วเป็นเมนูประจำที่สิ้นคิดสำหรับผมเวลามาฟูจิ สะดวก ง่าย หลากหลายและรวดเร็วครับ
“ครับ เบนโต๊ะ ครับ”
“เบนโต๊ะเซ็ทอีก 1 ทีค่ะ”
“ชาเขียวค่ะ”

เรานั่งโต๊ะติดริมหน้าร้านครับ นั่งทานกันไปคุยกันไป แล้วผมก็เหลือบเห็นหลังใครคนหนึ่งที่คุ้นตา เดินผ่านไป ผมใจหล่นวูบ แต่คงไม่ใช่มั่ง ถ้าใช่และถ้ามันเห็นผมมันคงจะทักไปแล้ว ท่าทางจะตาฝาดสงสัยจะคิดมากไปแล้วเรา

“โบ๊ทช่วยเมย์ทานหน่อยนะคะ” เสียงเมย์ทำให้ตื่นจากภวังค์ สิ่งที่เห็นคือเมย์คีบข้าวปั้นมาวางวงในถาดผมเรียบร้อย
“ครับ ไดเอ็ดเหรอ” ผมถามเมย์กลับไป
“ค่ะ นิดนึงอะ ไม่อยากให้น้ำหนักขึ้นไปกว่านี้อีก”
“เมย์ยังไม่อ้วนหรอก ยังทานได้อีกนะ อย่าให้ผอมมากนะครับ มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ” เป็นห่วงเมย์ครับ ไม่อยากให้เธอคิดมากเรื่องอ้วน

หลังจากทานเสร็จ เราก็เดินมารอเวลาหน้าโรงหนัง

“เมย์เอาน้ำอะไรครับ” ผมอาสาจะไปซื้อป็อปคอนกับน้ำให้เธอ
“ชาเขียวค่ะ” ผมเดินไปซื้อป็อปคอนขนาดกลางกับน้ำอัดลมของผมและชาเขียวของเมย์

ตอนนั้นประตูโรงหนังก็เปิดให้คนเข้าไปได้แล้ว คนข้างหน้าผมก็สั่งของยาวเหยียด ผมคอยมองไปทางเมย์อยู่บ่อยๆ เพราะไม่อยากให้เธอต้องอยู่คนเดียวนานๆ ก็เมย์ออกจะน่ารักซะขนาดนั้น ออกแนวหวงๆครับ ก็แฟนผมทั้งคนนี่ ขณะที่กำลังสั่งของกับพนักงาน ผมเห็นด้านหลังใครคนหนึ่งซึ่งก็บอกไม่ถูกครับ มันโคตรคุ้น เสื้อมีฮูดลายขวางสีขาวเขียว กำลังเดินเข้าไปในโรงหนัง

คงไม่ใช่มั้ง ผมคิดในใจ อย่าใช่เป็นดีที่สุด....

“ป็อปคอน เค็มปนหวาน ชาเขียว 1 ขวด น้ำอัดลม 1 แก้วนะคะ” เสียงพนักงานเช็คของที่ผมสั่ง ทำให้ผมหันความสนใจมาที่ของตรงหน้า พร้อมกับควักตังค์ออกมาจ่าย...

ผมหอบของเต็มสองมือ มาหาเมย์ที่เกาอี้ที่เมย์นั่งรออยู่ เมย์เอื้อมมือมาช่วยผมถือขนม เราสองคนก็เข้าไปในโรงหนังกัน ในโรงค่อนข้างมืดหนังตัวอย่างเริ่มฉายแล้ว แล้วเราก็ฝ่าหัวเข่าและรองเท้า เข้าไปถึงเกาอี้ของเรา

หนังสนุกดีครับ ผมกับเมย์ เรานั่งหัวเราะกัน ดูเมย์จะมีความสุขมากที่ได้อยู่กับผมเนื่องจากเราสองคน ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อย ส่วนมากมักจะคุยกันทางโทรศัพท์ คุยไลน์ กัน ออนสไกด์กัน ซะส่วนมาก ตอนที่เมย์เอาศรีษะมาซบที่ไหล่ผม ผมมีความสุขมากครับ เหมือนได้ดูแลเมย์ใกล้ๆ ดีใจที่เมย์ไว้ใจเชื่อใจว่าไหล่นี้คนๆนี้จะปกป้องจะปลอบโยนเมย์ได้เสมอ

ผมรู้สึกอิ่มเอมกับความสุขที่ได้ดูแลผู้หญิงคนหนึ่งที่ดีกับผมมาตลอด ผมหันไปมองผู้หญิงที่ซบไหล่ผมอีกครั้ง ก่อนที่จะ เอาริมฝีปากของผมเตะไปที่หัวเหม่งๆที่ซบอยู่บนไหล่ผม เมย์สะดุ้งเล็กน้อย พร้อมกับ เอาเล็บจิกไปที่เอวผมแล้วบิดที่เอวผม
“อู้ยยย” ผมร้องออกมาเบาๆเพราะแรงหยิกของเมย์
“เดี๋ยวเหอะ” เสียงขู่ของเมย์ จากที่เป็นลูกแมวเชื่องๆ ตอนนี้กลายเป็นแม่เสือซะแล้ว

ถึงแม้เราจะรักกัน แต่เราก็ไม่เคยทำอะไรเกินเลยกัน มากที่สุดของผมที่เมย์อนุญาติได้คือ จุ๊บเหม่งนี่แหละครับ อย่างหนี่งที่ผมรู้สึกดีมากๆกับเมย์ คือเราให้เกรียติซึ่งกันและกันครับ

แต่ถ้าผมรู้ว่ามีอีกคนนั่งอยู่ข้างหลังไปไม่ห่างมาก มองการกระทำของผมอยู่ด้วยหัวใจที่แตกสลาย ผมจะทุกทางที่มีไม่ให้เขาต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้...
.
.
.
หลังจากดูหนังเสร็จ ผมก็ชวนเมย์มาทานขนมที่ After you เราสั่ง สตรอเบอร์รี่แอนด์ครีมโทสต์ มา 1 ทีครับ แน่นอน เมย์ทานแต่ สตรอเบอร์รี่ กับไอศครีมนิดหน่อยเพราะเธอไดเอ็ด ส่วนถึกๆอย่างผม ก็ต้องจัดการขนมปังที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยเนย กับไอศกรีมที่เหลือทั้งหมด

“อิจฉาโบ๊ทจัง ทานเท่าไรก็ไม่อ้วน” เสียงเมย์บ่นอิดออด
“ก็โบ๊ทตีเทนนิสนี่ครับ ถ้าไม่ตีป่านี้ก็คงเป็นหมูตอนไปแล้ว”
“ก็นั่นแหละ เมย์ทานไรไปนิดหน่อยน้ำหนักก็ขึ้นแล้ว” เสียงเมย์พูดก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

หลังจากอิ่มกันอีกรอบสองแล้ว จ่ายตังค์ชำระค่าเสียหายกันเรียบร้อย
“เมย์ อยากเดินที่ไหนต่ออีกหรือเปล่าครับ” ผมถามเมย์เผื่อเมย์อยากจะช็อปปิ้งต่อ
“ไม่แล้วค่ะ เมย์มีเรียนพิเศษ ตอน 18.00 ที่อนุสาวรีย์ นี่เดี๋ยวก็ต้องไปแล้วล่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมไปส่งขึ้น BTS นะครับ”

ผมเดินมาส่งเมย์ขึ้น BTS เมย์หันกลับมาโบกมือ บ้ายๆ ก่อนจะทำมือท่ายกโทรศัพท์ แปลว่าเดี๋ยวถึงแล้วจะโทรมาหา พร้อมกับกวักมือไล่ผมลงไปขึ้นอีกขบวนกลับบ้าน ผมโบกมือลาเมย์ ก่อนที่ประตูรถไฟฟ้าจะปิด แล้วภาพของเมย์ก็คล่อยๆเคลื่อนออกไป

ผมเดินลงบันใดมาเพื่อจะมาขึ้นอีกขบวนเพื่อกลับไปสายสีลม

ติ๊ดๆๆๆๆๆ เสียงรถไฟฟ้า กำลังจะออก ผมรีบลงมาแต่คิดว่าคงไม่ทัน ก็เลยชะรอฝีเท้าลง รอขบวนหน้าก็ได้ไม่ได้รีบนี่หว่า ผมมาหยุดรอตรงทางขึ้น

แล้วสิ่งที่ผมไม่คาดคิด สิ่งที่ทำให้ใจผมหล่นวูบ ก็อยู่ตรงหน้าผม ขณะที่ประตูรถไฟฟ้ากำลังจะปิด ผมเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาคุ้นเคย ในชุดเสื้อฮูดลายขวางสีขาวเขียว กับกางเกงยีนต์ และเป้ใบเก่งของมัน กำลังเคลื่อนที่จากชานชาลา สายตาของเราประสานกัน ก่อนที่ “บอส” จะหลับตาลง แล้วภาพของบอส ก็ค่อยๆเคลื่อนไป….

นี่มันอะไรกัน... สายตาแบบนั้นหมายความว่าอย่างไร
ผมยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นอยู่ตรงนั้น สติหลุดไปอย่างเลื่อนลอย
ทำยังไงดี ทำยังไงดี เอาอย่างไรดี เอาอย่างไรดี ในหัวผมมีคำพวกนี้วิ่งอยู่เต็มไปหมด.......

0 - 40
Game
See you Next Game……..

ออฟไลน์ destiny_of_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
@ 11st Game –  Storm

ผมเดินลงมาจากสถานีวงเวียนใหญ่ เดินเข้ามาในซอยกรุงธนบุรี4 ลัดเลาะไปตามซอย เพียงไม่นานก็มาหยุดตรงหน้าบ้านหลังใหญ่นี้ ที่เมื่อ 2 ปีที่แล้วผมเข้าออกเหมือนกับบ้านหลังที่ 2 ของผม ไม่ได้มานานแล้วเหมือนกันนะ ผมพึมพำในใจ แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ต้นเหลืองอินเดียที่หน้าบ้านทีเมื่อถึงหน้าร้อนจะทิ้งใบจนหมดออกดอกสีเหลืองอล่ามไปทั้งต้น ก็ยังคงอยู่เช่นเดิม ขณะที่ยังเหม่อลอยยืนนิ่งอยู่หน้าบ้าน

“คุณโบ๊ทใช่ไหมคะ” ป้านิดที่เป็นพี่เลี้ยงของไอ้บอส ทักผมอย่างดีใจ ป้านิดยังคงจำผมได้
“ครับ สวัสดีครับป้านิด” ผมทักทายพร้อมกับยกมือขึ้นสวัสดี

ป้านิดเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่เป็นพี่เลี้ยงของไอ้บอสมาตั้งแต่ไอ้บอสยังเด็กๆ อยู่บ้านนี้มานานจนคนบ้านนี้ก็คิดว่าแกเหมือนคนในครอบครัว ป้านิดคอยดูแลทุกอย่างเกี่ยวกับบอส แล้วก็เพื่อนของบอสด้วย ผมมาบ้านนี้จะมีขนมอร่อยๆให้ทานเสมอ ก็ฝีมือป้านิดนี่แหละครับ

“ไม่ได้มานานเลยนะคะ คุณโบ๊ท”
“ครับ” ผมเอามือเกาหัวตอบป้าแกไป
“เข้ามาก่อนค่ะ” ป้านิด เปิดประตูรั่วให้ผม ในที่สุดผมก็มาเหยียบบ้านนี้อีกครั้ง..
“คุณบอส เพิ่งกลับมาเมื่อกี้ค่ะ” ป้านิดบอกผมตอนที่แกนำผมไปเข้าไปในตัวตึก แล้วหมาสีดำตัวใหญ่ พันธ์ Belgian Sheepdog ก็เดินแกว่งหาง ทำหูลุ่เดินเข้ามาหาผม

“นี่เจ้าลักกี้ เหรอครับ” ผมหันไปถามป้านิด ผมเห็นมันครั้งสุดท้ายมันยังเป็นลูกหมาอยู่เลย ตอนนี้ตัวโต สูงเลยหัวเข่าผมไปแล้ว ความทรงจำเก่าๆผุดขึ้นมา ตอนนั้นพ่อของบอส อนุญาตให้บอสมีสัตว์เลี้ยงได้ มันดีใจมาก รีบมาปรึกษาว่าจะเลี้ยงพันธุ์อะไรดี สุดท้ายหลังจากโดนผมกล่อม มันก็เลือก Belgian Sheepdog นี่แหละครับ แต่เป็นพันธุ์ที่ไม่มีขายในประเทศนี้ ต้องสั่งนำเข้ากันมาเลยทีเดียว

ผมเอามือลูบหัวเจ้าลักกี้ จับหน้ามันเล่นเหมือนเมื่อตอนมันยังเล็กๆอยู่
“ลักกี้ จำคุณโบ๊ทได้ใช่ไหม” เสียงป้านิดแกถามเจ้าลักกี้
“อู้ววว อู้วววว อู้ววว” ไอ้ลักกี้มันสงเสียงเล็กเสียงน้อยตอบออกมา
“เจ้าลักกี้มันจำคุณโบ๊ทได้จริงๆด้วย” ป้าน้อยหันมาบอกผม ผมยิ้มกว้างดีใจที่มันยังจำผมได้ หลังจากทักทายเจ้าลักกี้เสร็จ ป้านิดพาผมเข้ามาในตัวตึก

“ตอนนี้คุณบอสอยู่บนห้องค่ะ คุณโบ๊ทขึ้นไปได้เลยนะค่ะ”
“เดี๋ยวป้าตามเอาเอแคลร์ของโปรดคุณโบ๊ทตามขึ้นไปนะคะ” ป้านิดยังจำได้ว่าผมชอบเอแคลร์ฝีมือแกมาก ของป้าอร่อยที่สุดในสามโลกครับ อิอิ

ผมเดินขึ้นมาหยุดตรงหน้าประตูไม้สักสีขาว ในใจก็คิดวนไปวนมาจะเริ่มคุยอะไร ทักทายอย่างไร อะไรคือเหตุผลที่พาผมมาที่นี่ มันจะโกรธ จะไล่ผมไปหรือเปล่า ทุกอย่างวิ่งเข้ามาในหัวผมหมด ก่อนผมจะสลัดความคิดทุกอย่างทิ้งไป คงจะต้องคุยกันจริงๆเสียที ผมคิดได้ดั่งนั้นก็ตัดสินใจยกมือจะเคาะห้องไอ้บอส แต่ยังไม่ทันจะเคาะ ประตูบานนั้นก็ถูกเปิดออก

ไอ้บอสในเสื้อฮูดสีลายขวางสีขาวเขียว ยืนอึ้งอยู่ตรงหน้าผม ที่ก็อึ้งไม่ต่างจากมัน

“ไอ้โบ๊ท” มันเรียกชื่อผม แววตาคู่นั้นเป็นประกายแต่แล้วก็กลับสลดลง 
“เข้ามาก่อนสิ” มันเรียกให้ผมเข้าไปในห้องมัน ห้องที่ไม่เคยได้เข้ามานาน.....
ผมเดินตามเจ้าของห้องเข้ามา แล้วก็นั่งลงบนเกาอี้หน้าโต๊ะคอม

เสียงเคาะประตูดังขึ้น “ป้านิดค่ะคุณบอส”
“ครับป้า เข้ามาได้เลยครับ”  ป้านิดเปิดประตู้เข้ามาในห้องพร้อมกับถือถาดใส่จานขนมเอแคลร์และน้ำอีกสองแก้ว เข้ามาวางไว้ที่โต๊กลางหน้าโซฟา พร้อมกับหันมายิ้มให้กับผม

“ป้าขอตัวก่อนนะคะ” หญิงสูงวัยพูดก่อนจะค่อยๆเดินออกไปจากห้องและทิ้งความเงียบไว้อยู่ระหว่างเราสองคน

“วันนี้มรึงไปสยามมาเหรอ” ผมเป็นคนทำลายความเงียบที่อึมครึมด้วยคำถาม
“อืมมม”
“มรึงเห็น....” เสียงผมขาดหายไป
“อืมมม”
“เห็นอะไร” ผมก้มหน้าลงต่ำเสียงผมขาดหาย
“ก็เห็นทุกอย่างนั่นแหละครับ”
“มรึงฟังกรูนะ กรูไม่รู้ว่ามรึงอยู่...” ผมยังพูดไม่จบ ก็มีนิ้วชี้ของบอสมาแตะที่ริมฝีปากผมเสียก่อน
“โบ๊ทฟังบอสนะ ไม่ต้องคิดมาก”
“บอสเข้าใจ บอสรู้ตัวดีว่าบอสอยู่ในฐานะอะไร”   
“บอสรู้ดีว่าไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาอะไรจากโบ๊ท”
“บอสรู้ว่ามันไม่ถูกต้องที่วันนั้นบอสขอโอกาสจากโบ๊ท” เสียงบอสขาดหายไป สีหน้าพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่กำลังจะล้นทะลักออกมา

“ตั้งแต่วันที่โบ๊ทเข้ามาให้บอสช่วยทำเรื่องชมรมเทนนิส”
“โบ๊ทรู้ไหม ว่าบอสดีใจแค่ไหน”
“ทั้งๆที่ก็รู้ว่าไม่ควรจะปล่อยให้มันเกินเลย”
“แต่บอสไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้จะห้ามหัวใจตัวเองยังไง”
“บอสรู้แต่ว่าอยากอยู่ใกล้ๆ อยากดูแล อยากจะทำอะไรดีๆให้โบ๊ท”
“ทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่าโบ๊ทจะอึดอัด จะลำบากใจหรือเปล่า” 
“บอสมันเห็นแก่ตัว ทั้งๆที่บอสเคยทำให้โบ๊ทเสียใจ”
ความอดทนที่พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ของบอส ตอนนี้ได้พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง น้ำตาที่หมดแรงยึดเหนียวอีกต่อไป ไหลลงมาเป็นทาง มือถูกยกขึ้นมาปิดหน้า สะอื้นจนตัวโยน ครั้งแรกสำหรับผมที่เห็นผู้ชายคนนี้ คนที่เคยร่าเริง สุภาพ อ่อนโยน อ่อนแอและหมดแรงขนาดนี้

ความรู้สึกผิดวิ่งอยู่เต็มหัวผมไปหมด ผมรวบตัวมันเข้าสู่อ้อมแขนของผม น้ำตาของผมก็ไม่สามารถจะรั้งไว้ได้อีกต่อไป
“มรึงไม่ต้องโทษตัวเอง กรูผิดเอง”  ผมได้แต่บอกมันอย่างนั้น

เมื่อความรู้สึกได้ถูกระบายออกมาเป็นคำพูดและน้ำตาไปแล้ว เมื่อสติของเราเริ่มกลับคืนมา ผมนั่งอยู่ข้างๆกับบอสรับจับมือกันไว้ ความรู้สึก กำลังใจถูกส่งผ่านไปที่ปลายนิ้วที่ยังคงบีบให้อีกฝ่ายรับรู้ว่ายังมีอีกคนที่อยู่ข้างเสมอ

“บอสขอแค่วันนี้และพรุ่งนี้ให้เราอยู่ด้วยกัน เหมือนเมื่อก่อนได้ไหม”
“แล้วหลังจากพรุ่งนี้ บอสจะปล่อยโบ๊ทให้เป็นอิสระ”

คำพูดประโยคนี้เหมือนเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงลงไปที่หัวใจผม ผมจะทำอย่างไร ในเมื่อผมก็ยังมีอีกคนที่ผมต้องรับผิดชอบ ใจผมอยากจะบอกมันว่า กรูอยากให้เรากลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ตอนนี้ เวลานี้ และพรุ่งนี้ ขอแค่มีเราก็พอแล้ว

“ได้สิ” ผมตอบ
“ขอบใจมากโบ๊ท”  มันคว้าตัวผมเข้ากอดจนแน่น ผมค่อยๆกอดมันตอบ ความสุขวิ่งไปทั่วร่างกายของเราทั้งสองคน

.....

“เก็บของกัน” มันบอกผม ทำเอาผมหน้าเหว่อ
“ไปไหนนนน”
“มาช่วยบอสเลือกเสื้อกับกางเกงหน่อย” มันตอบผมมาด้วยคำสั่ง
“โบ๊ทจะใส่ตัวไหน” ผมยังคงอ้าปากหว้ออยู่
“มรึงจะไปไหนล่ะ” ผมเริ่มไม่มั่นใจ มรึงจะเอากรูไปฆ่าหมกป่าที่ไหน
“บอสไม่ได้จะเอาโบ๊ทไปฆ่าหรอก” นั่นเสือกรู้ทันกรูอีก
“มาเลือกเร็ว ไม่งั้นบอสเลือกให้นะ” ผมเดินไปหามันและเลือกเสื้อกับเกางเกงอย่างช่วยไม่ได้ เดี๋ยวมันเลือกเสี่ยวๆให้ผมไม่หล่อ มันจะได้เก็บผมไว้เป็นของมันคนเดียว เรื่องอะไร

“นี่ขนาดไปวันเดียวนะ” ผมบ่นขณะที่เป้ถูกแพ็กของลงไปจนเต็ม
“เอาไปเกินก็ดีกว่าขาดนะ” ดูมันพูด แล้วมันก็คว้าข้อมือผมลากผมลงบันใดลงมา

“ป้านิดครับ ฝากบอกพ่อกับแม่ด้วยว่าผมจะไปค้างบ้านโบ๊ท นะครับ” ไอ้เชี่ยนี่มันโกหกครับ ผมอยากจะบอกป้านิด มันจะลากผมไปไหนก็ไม่รู้ครับ T-T
“ค่ะ” เสียงป้านิดรับคำ

มันเดินกึ่งลากกึ่งจูงผมมาที่โรงรถ แล้วมันก็โยนของลงที่ประตูหลัง BMW X1 สีดำ
“ขึ้นรถสิโบ๊ท” ผมเดินอ้อมไปฝั่งตรงข้ามคนขับขึ้นรถอย่างว่าง่าย
แล้วรถคันหรู ก็ค่อยๆออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปดาวคะนองแล้วเลี้ยวขวาตัดออกพระราม 2
“มรึงจะพากรูไปไหน กรูจะได้โทรบอกไอ้แบงค์ถูก” ผมถามมันอีกครั้งเพราะต้องโทรบอกที่บ้าน ไม่งั้นเดี๋ยววุ่นวายกันทั้งบ้านแน่ๆ

“อัมพวา”  ผมนั่งอึ้ง 3 วิ ที่นั่นมันเป็นที่ๆที่ผมรักมาก แสงสว่างจากหิ้งห้อยนับร้อยใต้ต้นลำพู และที่สำคัญมันเคยเป็นที่ที่เป็นความหลังระหว่างเรา
“ไหนบอกว่าจะโทรบอกไอ้เบนซ์” มันทักผมก่อนที่ผมจะหลุดเข้าไปในภวังค์ผมหยิบไอโฟนขึ้นมากดเบอร์ไอ้เบนซ์

“ฮัลโหล เบนซ์ บอกป๊ากับม๊าให้หน่อยว่าคืนนี้กรูจะนอนบ้านไอ้บอสมัน”
“มรึงก็บอกเองสิ ป๊ากับม๊าอยู่ตรงนี้” ไอ้เชี่ยยย ผมด่ามันในใจ
“ว่าไงลูก” เสียงม่าม๊า ผมถอนหายใจค่อยยังชั่ว
“ม๊าครับ วันนี้ขอโบ๊ทนอนค้างที่บ้านบอสได้ไหมครับ” อ้อนไว้ก่อนล่ะตรู
“ได้สิลูก แต่ม่าม๊าขออย่ากินเหล้ากันนะ” ม่าม๊าเสนอข้อแลกเปลี่ยน
“ครับ โบ๊ทไม่ได้กินครับ”
“สัญญานะลูก” ม่าม๊าย้ำอีกรอบ
“ครับ โบ๊ทสัญญาครับ”
“จ๊ะ ลูก”
“ขอบคุณครับ ม่าม๊า รักม่าม๊าที่สุดในโลก”

หลังจากผมกดวางโทรศัพท์เสียงเพลงก็ถูกเร่งขึ้นมาและเสียงร้องคลอจากคนขับรถที่นั่งอยู่ข้างผมก็ดังออกมา

รู้ว่ามันไม่สมควร ที่ยังกวนหัวใจเธอ ฉันขอโทษที
รักและยังคอยหวังดี ทั้งที่ไม่มีสิทธิ
เพราะความจริงเธอยังมีเขาคนนั้น เป็นคนที่สำคัญกว่า

มันน่าจะผิดที่เป็นอย่างนี้ ที่มันยังรักเธอจนสุดหัวใจ
เมื่อรู้ว่าไม่มีทาง แต่ฉันก็ไม่ตัดใจ เหมือนคนไม่รู้ตัว
มันน่าจะถูกที่ใครบอกไว้ ความรักมันทำให้ตาบอด
จนมองไม่เห็นความจริง ว่าฉันเป็นใคร
ทำให้ไม่เข้าใจ ทำไมยังรักแต่เธอ

เพลงพี่ตูน นี่มันช่างเข้ากับสถานะการณ์ตอนนี้ของเราจริง ผมนั่งคิดในใจ ผมเอื้อมมือไปจับมือไอ้บอส ที่ว่างอยู่ตรงกระปุกเกียร์ มันหงายมือขึ้นแล้วสอดนิ้วประสานกับมือผม แล้วท่อนฮุกก็วนมาอีกรอบ ผมร้องท่อนนี้ไปกับมัน

มันน่าจะผิดที่เป็นอย่างนี้ ที่มันยังรักเธอจนสุดหัวใจ
เมื่อรู้ว่าไม่มีทาง แต่ฉันก็ไม่ตัดใจ เหมือนคนไม่รู้ตัว
มันน่าจะถูกที่ใครบอกไว้ ความรักมันทำให้ตาบอด
จนไม่เห็นความจริง ว่าฉันเป็นใคร
ทำให้ไม่เข้าใจ ทำไมหมดทั้งหัวใจ มันยังคงรักแต่เธอ

 40-15
Game   
Set bye Ratchanon Score 6 : 4

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :hao5: อยากรู้ความหลังมากกกกกกกกกก
รู้สึกเรื่องมันสุขปนครึมๆทั้งเรื่องเลยอ่ะ

รีบๆมาต่อนะ เป็นกำลังใจให้จ้า

ออฟไลน์ destiny_of_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
@ 12nd Game – Sunshine

กว่าเราจะมาถึงอัมพวา ก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว  รถคันหรูจอดที่รีสอร์ทที่คุ้นเคย ที่เราสองคนเคยมากันเมื่อสมัยก่อน เป็นรีสอร์ทที่ติดกับแม่น้ำแม่กลอง ผมกับไอ้บอส เดินลงไปติดต่อกับแผนกต้อนรับของรีสอร์ท ลุ้นกันว่าจะมีห้องเหลือให้เราหรือเปล่า เพราะวันนี้วันเสาร์ ซึ่งปกติถ้าไม่ได้จองล่วงหน้าก็จะเต็ม

“ยังมีห้องว่างอยู่ไหมครับ” บอสกำลังสอบถามพนักงาน
“ยังมีอยู่ค่ะ แต่เหลือเป็นห้องซูพีเรีย นะคะ”
“ตกลงครับ 1 ห้องครับ” ไอ้บอสตกลงเรียบร้อย ทำเอาผมอ้าปากค้าง เพราะราคาไม่ใช่น้อยๆเลยสำหรับห้องพิเศษแบบนั้น แล้วไอ้บอสก็หยิบบัตรเครดิต วางที่เคาเตอร์ คุณพนักงานส่งกระดาษให้มันกรอกรายละเอียดผู้เข้าพัก ก่อนจะส่งกุญแจห้องมาให้

“เรือออกไปชมหิ่งห้อยมีเที่ยวสุดท้ายกี่โมงครับ” ไอ้บอสถามพนังงาน
“สี่ทุ่มค่ะ เรือจะจอดอยู่ตรงท่าน้ำนะคะ”  คุณพนักงานแนะนำด้วยท่าทางยิ้มแย้ม

หลังจากที่ไขกุญแจห้องเข้ามาเรียบร้อย ห้องที่เราได้พักเป็นห้องใหญ่ ที่มีระเบียงระแนงไม้ยืนออกไปติดกับแม่น้ำ  ที่ระเบียงมีเก้าอีหวายแบบเดย์เบทอยู่สองตัว เหมาะกับการนั่งรับลมชมจันทร์ ในห้องตกแต่งเรียบง่าย แต่หรูหรา ผมเดินมาหยุดตรงประตูกระจกที่กั้นระหว่างตัวห้องกับระเบียง มองออกไปที่แม่น้ำ

“หิวไหม” ไอ้บอสเอ่ยถ่ามผมขณะทีมือก็คล้องมารอบเอวผมจากด้านหลัง
“นิดนึง” ผมตอบมันไปแต่ท้องเจ้ากรรมกับสงเสียงร้องออกมาเสียก่อน
“ไม่นิดแล้วมั้ง” แล้วผมกับมันก็อดจะหัวเราะไม่ได้

“มีความสุขไหมครับ” เสียงที่นุ่มนวลกระซิบถามที่ข้างหูผม
“อืมมม” ผมตอบมันไปหน้าผมกำลังร้อนผ่าว
“บอสมีความสุขมากๆที่ได้อยู่ที่นี่กับโบ๊ทนะ”
“ขอหอมให้ชื่นใจหน่อยนะ” แล้วปากหยุ่นๆสีแดงระเรื่อถูกประทับลงที่แก้มของผม จากนั้นก็เลื่อนมาที่ใบหู แล้วก็ลงมาที่ซอกคอ มือที่เคยประคองไว้ที่เอว เริ่มซุกซนอยู่ไม่สุข ผมรีบคว้ามือมันแล้วจับไว้แน่น
 “หืมมมม” เสียงดังออกมาจากลำคอของมัน แต่ปากสีแดงระเรื่อนั้นยังคงไม่หยุดพรมด้วยจูบ
“ไปกินข้าวกัน กรูหิวแล้ว” ผมรีบตัดบท
“ไหนโบ๊ทบอกว่าหิวนิดหน่อยไง” มันยังคงงองแง
“ก็ตอนนี้หิวมากแล้วไง” ผมยังไม่ยอมแพ้
“อืมมม” มันตอบก่อนจะถอนปากออกจากแก้มผมอย่างอาลัย อาวรณ์
แถมด้วยประโยคเด็ดก่อนจะปล่อยแขนออก “ยังมีเวลาอีกทั้งคืน”

ไอ้เชี่ยยยยยย นี่สรุปว่าคืนนี้กรูต้องเป็นของมรึงใช่ไหมมมมมมม นี่กรูนั่งรถมาเสียตัวถึงอัมพวาเชียวหรือ ก่อนสติผมจะเตลิดไปกับสิ่งที่คืนนี้จะเกิดขึ้นกับผม

“โบ๊ทอยากกินอะไรครับ”
“อะไรก็ได้ แล้วบอสล่ะ”
“อยากกินโบ๊ท” มันทำหน้าเจ้าเล่ห์บวกหื่นใส่ ผมอยากจะเอาหัวโขกหน้ามัน
“ไปหาอะไรกินกัน” แล้วมันก็ลากผมลอยออกจากประตูไป


หลังจากเดินเลาะบนสะพานเรียบคลองด้านข้างออกมาไม่ไกล ก็ถึงตลาดน้ำอัมพวา ตอนกลางคืน สวยงามไปด้วยร้านรวงมากมาย แสงไฟสีส้มอ่อนๆ สะท้อนจากผื่นน้ำระยิบระยับ ผู้คนมากมายเดินกันเต็มถนนเรียบคลอง เรามาหยุดตรงร้านอาหารน่ารักเล็กๆร้านหนึ่งที่ตกแต่งสวยงาม

หลังจากจัดการสเต็กเนื้อจานโตกับสปาเก็ตตี้แฮมเห็ด ปิดท้ายด้วยสลัดที่รสชาติจัดจ้าน คือเขาเอาพริกขี้หนูสดปั่นละเอียดมาผสมกับน้ำสลัด ทำให้เวลากินเข้าไปคำแรกมันอร่อยด้วยรสชาติที่จัดจ้านจนอยากจะตักเข้าปากอีก แต่พอคำที่ห้าคำที่หก พวกผมก็เริ่มซี๊ดปากด้วยความเผ็ดที่ค่อยๆสะสมขึ้นมาเรื่อย แต่ก็ไม่สามารถยุดกินได้ครับ

พอจ่ายค่าเสียหายสำหรับมือเย็นของเราสองคนเรียบร้อย แน่นอนครับมื้อนี้ผมไม่ยอมให้มันจ่ายอีกแน่ๆ ยังมีเวลาอีก 40 กว่านาที เราเดินดูโน่นดูนี่ที่ตลาดกัน จนมาถึงร้านเครื่องประดับ ผมเหลือบเห็นสายหนังรัดข้อมือสีน้ำตาลเส้นหนึ่งที่มีแท่งโลหะสีทองเหลืองสำหรับตอกชื่ออยู่ด้วย ผมยืนมองอยู่นาน
“ตอกชื่อฟรีนะคะ”
“เท่าไรครับ” ตอนนั้นไอ้บอสเดินมาอยู่ข้างหลังผมแล้ว
“280 บาทค่ะ แต่ถ้าซื้อคู่หนึ่งเดี๋ยวพี่ลดพิเศษให้ค่ะ” ผมหน้าร้อนผ่าว ส่วนไอ้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผม ยิ้มกรุ้มกริ่ม
“งั้นเอาคู่หนึ่งครับ” ผมอ้าปากเหว่อ เออ มรึงถามกรูยัง?
“จะให้ตอกชื่อว่าอะไรคะ” เจ้าของร้านถามถึงชื่อที่จะให้เธอสลักชื่อลงไป
“สลักหน้าหลังได้ใช่ไหมครับ”
“แบบที่น้องเลือกนี่ได้ค่ะ แต่ถ้าแบบแผ่นนั่นตอกได้ด้านเดียว”
“เอาแบบนี้ครับ” แล้วแผ่นกระดาษก็ถูกยืนให้กับเจ้าของร้าน


“อันนี้ RCNON อยู่ด้านหน้า และ JRWAT อยู่ด้านในครับ
ส่วนอีกอัน JRWAT อยู่ด้านหน้า และ RCNON อยู่ด้านในครับ”

“คือว่าคุณมรึงครับ นี่กรูซื้อหรือมรึงซื้อครับนี่ ไอ้สาด” ผมกระซิบด่ามัน
“ก็เหมือนกันแหละ” จะได้เป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเราก็เคยมีของแทนใจที่ทำให้กัน เพื่อวันข้างหน้า บอสจะได้มีของที่ทำให้บอสยิ้มได้ไว้ให้ดูไว้ให้คิดถึงตอนที่โบ๊ทไม่อยู่แล้วไง”  ใบหน้านั้นยังคงยิ้มอย่างมีความสุข แต่ผมถึงกับสะอึก....

หลังจากที่ได้ที่รัดข้อมือพร้อมชื่อที่สลักเรียบร้อยแล้ว เราสองคนก็เดินลัดเลาะกลับมาที่รีสอร์ต เพราะใกล้เวลาที่เรือไปชมหิ่งห้อยเที่ยวสุดท้ายจะออกแล้วเรามาถึงก็มีคู่รักอีกคู่ ที่ลงไปนั่งรอในเรือเรียบร้อยแล้ว เรือลำนั้นมีนักท่องเที่ยวแค่ 4 คน รวมลุงคนขับเรืออีกก็เป็น 5 คน

เรือออกมาได้ไม่นาน ก็มาถึงต้นลำพูต้นแรก แสงสีเขียวตองอ่อน เป็นจุดเล็กๆกระพริบอยู่เต็มต้นลำพู สวยงามมาก ภาพนั้นยังคงติดตาและติดใจผมไม่เสื่อมคลายตั้งแต่ครั้งแรกที่เคยมากับบอส และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมเคยคิดว่าจะไม่มีวันได้มาเห็นหิ่งห้อยใต้ต้นลำพูนี้กับไอ้บอสอีกครั้ง แล้วตอนนี้บอสก็อยู่ข้างๆผมแล้ว ผมดีใจ จนน้ำใสๆเริ่มคลอเต็มสองนัยต์ตาผม

“สวยจังนะครับ” มันกระซิบบอกผม
“อืมมม สวยมาก” และสวยที่สุดเมื่อมีบอสอยู่ข้าง ประโยคสุดท้ายผมสะกดมันในใจ

เรือยังคงแล่นผ่านต้นลำพูที่มีหิ่งห้อยกระพริบแสงอยู่เต็ม ไปทีละต้นอย่างช้าๆ ช่างเป็นภาพที่สวยงามและประทับใจ มันเอนหัวมาอิงที่ไหล่ผม มือของเราจับกันไว้ เป็นการดูหิ่งห้อยที่เราทั้งสองคนจะไม่มีวันลืมไปจนชั่วชีวิต

หลังจากลงจากเรือและเข้ามาที่ห้องพักของเราเรียบร้อย ผมนอนแผ่หราลงบนเตียง โดยที่มันนอนตะแคงข้างมองหน้าผมอย่างไม่วางตา

“มองไรของมรึง เดี๋ยวความหล่อกรูสึกหมด” ผมแหย่มันไป
“แหวะ หล่อตายแระ” มันเบ๊ะหน้าใส่ผม
“หล่อมั้ยหล่อ ก็มีคนมาหลงกรูอยู่นี่ไง” ผมได้ทีเสียบมันไปหนึ่งดอก
“เหอะ” มันทำเสียงขึ้นจมูกใส่ผม
“ไปอาบน้ำเถอะ หล่อแต่เหม็นก็ไม่ไหวนะ” มันทำท่าไล่ผมไปอาบน้ำ

“อาบน้ำให้กรูหน่อย” พูดเสร็จแถบจะกัดปากตัวเอง
“ห๊ะ อะไรนะ” ใบหน้าที่เห็นนั้นยิ้มจนเห็นฟันขาวที่เรียงตัวสวยงาม
“ก็นั่นแหละ” ผมเบี่ยงตัวหนีมัน
“อะไรอ่ะ” มันยังคงอ้อนต่อ
“จะให้กรูพูดอีกเหรอสัส” ผมด่ามันเพราะความเขิน
“นะ นะ อยากฟังอีกที” ดูมันออดอ้อนเข้าสิ
“เอออ มรึ่งนี่นะ บอสครับอาบน้ำให้โบ๊ทหน่อยสิครับ”
“ครับ”
แล้วผมก็ถูกลากไปห้องน้ำ
“เดี๋ยวๆ ถอดเสื้อผ้าก่อนโว้ย”

มันค่อยๆสระผมให้ผมอย่างเบามือ บีบโฟมล้างหน้าใส่มือมันแล้วก็เอามาถูที่หน้าผมอย่างอ่อนโยน จัดการถูหลังให้ผมจนสะอาดสะอ้าน เหมือนความทรงจำในวัยเด็กกลับคืนมา ที่ม่าม๊าเป็นคนอาบน้ำให้ ขณะที่เด็กชายรัชชานนท์ยืนเป็นหุ่นตัวน้อยที่ม่าม๊าทำความสะอาด

“อาบให้กรูบ้างสิ” ประโยคนี้ทำเอาผมแถบกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
“อาบเองสิ” ผมตอบมันกลับไป
“อะไรอะ ทีบอสยังอาบให้โบ๊ทเลยอ่ะ”  มันงุ้งงิ้งแบบเด็กๆ
“เออๆ” ผมค่อยๆสระผมให้มัน นานแล้วที่ไม่ได้สระผมให้มัน ค่อยๆบรรจงล้างหน้าให้มัน
“หันหลังมา” ผมสั่งให้มันหันหลังเพราะจะได้ถูสบู่ให้มัน
“ชูแขนขึ้น” ไอ้นี่ว่าง่ายเหมือนหุ่นยนต์ สั่งไรก็ทำ

“บอส ๆ ญาติมรึงโกรธอะไรกรูวะ”
“หา” มันลืมตาข้างนึงมองหน้าผม
“ก็น้องชายมรึงชี้หน้าด่ากรูอยู่นี่ไง”
มันรีบเอามือสองมือปิดจุดนั้นแทบไม่ทัน พร้อมกับหน้าที่หล่อๆเปลี่ยนสีเป็นสีแดงเหมือนลูกตำลึงสุก

40 – 0
Game
See You Next Game

--------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตัดจบก่อนจะขึ้นเรต ฉ นะครับ อิอิ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอบคอมเมนท์นะครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ Spelling_B
ขอบคุณมากๆครับ สำหรับการต้อนรับ
แฮ่ะๆ ผมใจร้อนไปหน่อย ลืมรอคอนอ่าน ขอบคุณที่เตือนครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer
ความหลังเป็นปมของเรื่่องนี้ครับ เฉลยแล้วมันจะจบเลยครับ ใจเย็นๆนะครับ อิอิ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยครับ^^


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2014 18:05:05 โดย destiny_of_b »

ออฟไลน์ Spelling_B

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
อ่านแล้วอยากไปตลาดน้ำอัมพวาขึ้นมาทันที เอาจริงๆคือยังไม่เคยไปเลยนะ

นั่งเรือชมหิ่งห้อยริมน้ำแม่กลอง.... :hao5:

ขอบคุณค่ะ บวกได้แค่เป็ดนะ เรายังบวกคะแนนให้ไม่ได้

ออฟไลน์ destiny_of_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
@ 13rd Game – Happiness

ผมใส่เสื้อคลุมอาบน้ำ ยืนอยู่ที่ริมระเบียงที่ยื่นลงไปในแม่น้ำแม่กลอง เหม่อมองออกไป เสียงถอนหายใจยาวๆของผม ดังไปเกือบทั้งคุ้งน้ำเพราะนี่มันดึกสงัดแล้ว แต่ทำไมผมยังคงนอนไม่หลับ ในหัวผมเหมือนไฟเขียวไฟแดงในห้าแยก ณ ระนอง ความคิดเหมือนรถแต่ละคันวิ่งกันขวักไขว่ไปหมด ความสุข ความอิ่มเอม ความรู้สึกผิด ความรู้สึกรับผิดชอบ ที่สำคัญความรัก เสียงถอนหายใจยาวๆดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เหมือนเจ้าของเสียงถอนหายใจนั้น อยากให้รถที่วิ่งกันขวักไขว่ที่เปรียบเสมือนเป็นความคิดในหัวตัวเองถูกโยนออกไปพร้อมลมหายใจ

เสียงบานเลื่อนถูกเลื่อนออก
“นอนไม่หลับเหรอครับ” เสียงบอสถามออกมาในขณะที่มือทั้งคู่ของมันประคองกอดที่เอวของผม ผมอยากให้อ้อมกอดนั้นอยู่กับผมตลอดไป รถอีกคันวิ่งผ่านหัวผมไปอีกแล้ว...

“หืมมมม” เสียงในลำคอมันถามย้ำคำถามเดินอีกครั้ง
“เจ็บเหรอเปล่าครับ” เสียงอ่อนโยนนั้นถามคนที่อยู่ในอ้อมแขนด้วยความห่วงใย
“ยังจะถามอีก เดี๋ยวเหอะ” ผมเอามือตีมือมัน

ใช่แล้วครับท่านผู้ชม ผมสูญเสียเอกราชไปเรียบร้อยแล้ว =_=

“บอสขอโทษ ก็โบ๊ทน่ารักขนาดนี้ บอสห้ามใจไว้ไม่ไหวจริงๆ”
“มรึงไม่เจ็บนี่หว่า มรึงก็พูดได้นี่ ช่ายยยสิ”เสียผมขึ้นสูงประชดมัน
“น่า นะ ก็ทั้งหมดมันเกิดจากความรักที่บอสมีให้โบ๊ทไง” แหม่ๆๆๆ ผู้ชายนี่มันเป็นแบบนี้ทุกคนป่าววะ ผมนึกในใจ
“แล้วนี่ยังไม่ตอบผมเลย มายืนคิดอะไรอยู่ตรงนี้”
“ก็หลายเรื่องอะ” มันจับผมหันหน้าเข้าหามัน
“ก็ขอโบ๊ทแล้วไง ว่าคืนนี้และพรุ่งนี้ ให้วางทุกอย่างเอาไว้ก่อน ขอแค่มีแค่เรา อยู่กับตรงนี้ที่เราได้อยู่ด้วยกัน ก็พอไงครับ”  อ้อมกอดถูกสวมกระชับเข้ามาอีกครั้ง คางของผมเกยอยู่บนบ่าของมัน ผมสวมกอดมันแล้วปล่อยทุกอย่างไปกับสายน้ำแม่กลอง พร้อมกับบอกตัวเองว่าช่างมันเถอะ นาทีนี้มีแค่เราก็พอ

“บอสมีความสุขจังเลยครับ มีโบ๊ทอยู่ตรงนี้ ในอ้อมกอดของบอส ท่ามกลางดาวสวยๆ บรรยากาศดีๆแบบนี้”

“โบ๊ทดูนั่นสิ” บอสชี้มือไปที่หิ่งห้อยคู่หนึ่งบินหยอกล้อกันอยู่กลางแม่น้ำ
“เหมือนคู่เราเลยเนอะ” แหม่ดูมันเปรียบเทียบ
“เคยฟังเพลง นิทานหิ่งห้อย ไหม” ผมถามมันออกไป
“ของพี่เป็ก ผลิตโชคอะนะ”
“รู้จักด้วย” ผมอดแปลกใจไม่ได้ที่มันรู้จัก
“ทำไมจะไม่รู้” มันทำเสียงสูง
“แล้วก็รู้ด้วยว่ามีคนบางคนเคยเปรียบเทียบผมเป็นแมงมุมและตัวเองเป็นหิ่งห้อย”
“เฮ้ยยยย”เสียงผมขึ้นสูง พร้อมกับดันมันออก
“มรึงแอบอ่านไดอารี่กรู” สัส มรึงก็รู้ความลับกรูหมดสิ ผมหน้าร้อนผ่าวด้วยความเขิน

“แต่ตอนนี้คงกลับกันบอสกลายเป็นหิ่งห้อย ส่วนโบ๊ทก็เป็นแมงมุม”
“ทั้งๆที่รู้ว่าปลายทางจะเป็นอย่างไรแต่บอสก็เต็มใจ...” ผมเอายกนิ้วขึ้นมาปิดปากมัน
“ไหนบอสบอกเองว่าจะไม่คุยเรื่องนี้อีกไง”
“บอสขอโทษ”

“ไหนๆ ใครจะให้แมงมุมกิน” ผมทำเสียงใหญ่น่ากลัวขู่มัน แล้วผมก็ประทับริมฝีปากอุ่นลงไปที่ต้นคอมัน
“เอ้ยยยย” มันสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ยอมทำตามใจผม จากต้นคอผมเริ่มขยับขึ้นมาที่ใบหูมัน
“โบ๊ท อย่า” เสียงนั้นขาดหายไป ตัวมันอ่อนระทวยลง ผมได้ทีดันมันจนหลังพิงประตูกระจก อีกมือผมเอื้อมไปข้างหลังตัวมันค่อยๆเลื่อนกระจกออก แล้วดันตัวมันเข้าไปในห้อง จับตัวมันกดลงบนเตียง ผมค่อยกดริมฝีปากลงไปที่ปากสีแดงระเรื่อคู่นั้น ลิ้นของผมสอดแทรกเข้าไปในปากสีแดงระเรือที่สั่นไหว เราจูบกันอยู่นาน ก่อนผมจะถอนริมฝีปากนั้นออก

“ขอนะบอส” มันหลับตานิ่ง ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก อย่างนี้ผมถือว่ายกประโยชน์ให้จำเลยนะครับ เรื่องอะไรผมจะยอมเสียเอกราชคนเดียว หุหุหุ

.....

เสียงจ็อกแจ๊ก จุ๊กจิ๊ก ดังมาจากระเบียง ผมลืมตาขึ้นมาอยากยากเย็น มือถูกยกขึ้นมาบังหน้า เพราะเริ่มมีแสงสีทองส่องเข้ามาในห้อง ผมหันไปที่ต้นเสียงจุ๊กจิ๊กนั้น ก็เห็นนกสองตัวกำลังส่งเสียงร้องหยอกล้อกันตรงระเบียง ผมอดยิ้มไม่ได้  และที่ทำให้ผมยิ้มกว้างอย่างมีความสุขยิ่งกว่าก็คือ ชายหนุ่มที่นอนตะแคงข้างอยู่ข้างๆผม ใบหนาที่ได้รูป ขนตาหนาเป็นแผงที่ปิดสนิทอยู่ จมูกที่โด่งเป็นสัน ปากที่ได้รูปสีแดงระเรื่อ มือใหญ่ๆหนาๆแต่ทว่าอบอุ่นยังคงคล้องเอวผมอยู่

ผมค่อยๆเอาริมฝีปากเข้าไปประทับลงที่แก้มของบอส สูดลมหายใจเข้ามาลึกที่สุด ดวงตายาวรีได้รูปค่อยๆลืมขึ้นอย่างช้าๆ


“ตื่นแล้วเหรอครับ กี่โมงแล้วอะ” เสียงงัวเงียเอ่ยทักผม ผมเหลือบดูนาฬืกา
“หกโมงครึ่ง ไปใส่บาตรกันไหม”
“เอาสิ” บอสปล่อยมือจากเอวผม แล้วขยับดันตัวลุกขึ้นนั่ง
“อู้ยยยย” เสียงบอสร้องออกมาเบาๆ หน้าตาเหย่เก
“เป็นอะไรอะ” ผมยิ้มๆหันไปถามมัน
“ยังจะมาถามอีก” มันเหลือบตามองมาที่ผม
“แก้แค้นเหรอเมื่อคืนอ่ะ”  ผมเอี้ยงคอยักคิ้วลิ่วตากวนตีนมันเมื่อได้ยินคำถาม
“ไปล้างหน้าแปรงฟันดีกว่า” ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปห้องน้ำแต่ยังช้ากว่าไอ้ลิงตัวใหญ่มันคว้าเอวผมแล้วดึงเข้าไปกอด
“อย่างนี้ต้องทำโทษ” แล้ว morning kiss จากมันก็ถูกประทับลงที่ริมฝีปากผม
“ไปล้างหน้าดีกว่า” มันปล่อยริมฝีปากออก แล้วหันหลังเดินไปเลย ไอ้เชี่ยยยย มันทำกรูยากแล้วก็จากไป

ผมเดินตามเข้าไปในห้องน้ำ มันกำลังจะหยิบแปรงสีฟันบีบยาสีฟัน
“บอส” มันชะงักแล้วหันมามอง
“ขอกรูทำให้มรึงมั่ง” ผมคว้าเอาแปรงสีฟันกับยาสีฟันจากมือมัน ค่อยๆบีบยาสีฟันใสแปรงมัน แล้วส่งให้มัน
“ขอบใจมาก” มันบอกผมก่อนจะส่งยิ้มให้อีกครั้ง

หลังจากเดินลัดเลาะออกจากคลองด้านข้างรีสอร์ตก็ถึงตลาดอัมพวายามเช้า ก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ เรารีบไปหาซื้อของใส่บาตรกัน เพราะตะวันเริ่มสูงขึ้นแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันพระ

หลังจากที่เราสองคนนั่งคุกเข่ารับพรพระเสร็จ เราก็เดินกลับมาที่รีสอร์ตกัน
“โบ๊ท อยากไปทะเลไหม”  ผมหันมามองหน้ามันแล้วยิ้ม
“บอสอยากไปเหรอ”
“ก็มีเวลาอีกทั้งวัน บอสอยากอยู่กับโบ๊ท” มันเอามือมาบีบจมูกผม
“ไปสิ ไปไหนดีอะ”
“ชะอำดีไหม ใกล้ๆ”
“อืมมมม” หลังจากวางแผนกันเรียบร้อย เราก็อาบน้ำกัน (แน่ะๆ คิดอะไรกันอยู่ครับ ไม่ต้องคิดๆ ก็อาบด้วยกันอย่างที่คิดนั่นแหละครับ 555+)

“ใส่ให้เราหน่อย” มันยืนที่รัดข้อมือที่สลักชื่อมาให้
ผมเอื้อมมือไปจับ แล้วค่อยๆใส่ที่ข้อมือมัน รอยยิ้มของมันช่างเป็นสุขเสียมากมาย
“ขอบอสใส่ให้โบ๊ทนะ” มันหยิบอีกอันมาค่อยๆใส่ที่ข้อมือผม แล้วอ้อมกอดของเราทั้งคู่ก็สวมเข้าหากัน

หลังเก็บของเสร็จเรียบร้อย แล้วก็มาจัดการมื้อเช้าที่รีสอร์ต ที่มันรวมอยู่ในค่าห้องแล้ว จะได้ยิงยาวไปชะอำกันเลย

แล้วรถ BMW X1 สีดำ ก็พุ่งทะยานไปบนถนนพระราม2 ก่อนจะเลี้ยวซ้ายขึ้นถนนเพชรเกษมที่ อ.ปากท่อ แล้วชีวิตจริงที่เป็นเค้าโครงร่างในอนาคต ถ้าผมยังคบมันต่อไปก็อยู่ตรงหน้า “คุณชายไฮโซกับพ่อบ้านผู้ซื่อสัตย์” ชื่อยังกะซีรีย์เกาหลี

“ขอลูกอมหน่อยครับ”
“เค้าอยากกินมันฝรั่งอะตะเอง”
“ป้อนเค้าหน่อย”
“ขอชาเขียวหน่อยจิ”

เง้อออ แล้วใครจะหยิบให้มันล่ะครับ ก็ผมนี่ล่ะซิ นี่ถ้ากรูไม่เห็นว่ากรูฝากชีวิตไว้ในมือของมรึงละก้อ หึหึ จะเอาหัวพุ่งชนซะให้เข็ด จริงๆก็รู้ล่ะครับว่ามันอยากอ้อน อยากให้ผมเอาใจมัน

“ง่วงไหม” ผมถามมันเพราะเมื่อคืนจริงๆแล้วเราก็นอนนับชั่วโมงกันได้เลย
“ไม่หงะ” มันส่ายหัว
“โบ๊ท ล่ะง่วงไหม” นิดนึง
“ง่วงก็นอนก็ได้นะครับ เดี๋ยวบอสจะขับรถให้นั่งเอง ไม่ต้องห่วง” มันเอามือทุบอกตัวเองเบาๆ และยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ
“งั้นของีบนึงนะ”
“ครับ”

แล้วนิ้วมือของบอสก็ประสานเข้ากับนิ้วมือของผม แอร์เย็นๆ กับเสียงเพลงเบาๆ กับความอบอุ่นที่ได้รับถ่ายถอดมาจากมือของคนข้างๆ ตาของผมค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร แต่รู้สึกว่ารถกำลังจะหยุดเคลื่อนที ผมค่อยลืมตาขึ้นช้าๆ ภาพที่เห็นคือ ชิงช้าสวรรค์สีสันสวยงามอันใหญ่ ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า ทะเลชะอำ มีชิงช้าสวรรค์ตั้งแต่เมื่อไรวะ แล้วนี่กรูอยู่ไหนนิ๊

“โบ๊ทครับ ตื่นได้แล้ว”
ผมกระพริบตาถี่ เพื่อไล่ความงัวเงีย แขนทั้งสองข้างยกขึ้นบิดตัวไล่ความขี้เกียจ
“ที่ไหนอะ”
“ซานโตรินี่”  มันบอกผม พร้อมกับเอี้ยวตัวมาประทับริมฝีปากที่แก้มผมอีกครั้ง
“ไปหาอะไรกินกัน”

15-40
Game
See You Next Game

ออฟไลน์ Spelling_B

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
แอร๊ะมีสลับ

เที่ยวตลอดนะรู้สึก  หวานๆ

ออฟไลน์ destiny_of_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
@ 14th Game – Serparate

เมื่อเข้ามาถึงภายในซานโตรินี่ คุณชายบอสอยากกินราเมน เราก็เลยไปร้านราเมน นั่งรอเพียงไม่นาน ราเมนชามโตก็ถูกนำมาเสริฟ
“เดี๋ยวกินกันเสร็จแล้วไปถ่ายรูปกันนะครับ” มันบอกผมพร้อมกับตักน้ำซุปราเมนเข้าปากไป
“นึกไงล่ะนี่”
“ก็ไม่นึกไง อยากมีรูปคู่กับโบ๊ทเก็บไว้อะ” มันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ที่นี่สวยดีเนอะ” ผมบอกมัน เพราะบรรยากาศร้านรวง เป็นสีขาวสไตล์เกาะ ซานโตรินี ที่กรีซ ประตู หน้าต่างสีสันสดใส แถมยังมีมุมจัดไว้ให้ถ่ายรูปอีกนับไม่ถ้วน สวยๆทั้งนั้น

หลังจากจ่ายตังค์ค่าราเมนกันเรียบร้อย เราก็ออกไปเดินย่อยกัน

“โบ๊ทครับ” ผมหันไป
“แชด” เสียงชัดเตอร์ xperia z1 ของมันดังขึ้น
“ทำไมไม่บอกดีๆ เดี๋ยวกรูไม่หล่อกันพอดี”
“แบบนี้ก็ดี ธรรมชาติดี”   มันบอกผมพร้อมกดดูรูปในโทรศัพท์
“ไหนเอามาดูหน่อย” มันหันโทรศัพท์มาให้ผมดู
“ดีนะ อะไรก็ฆ่าความหล่อกรูไม่ตาย 555” เสียงถุยน้ำลายดังไล่หลังมา
ผมก็ควักไอโฟน ออกมา
“บอสมายืนตรงนี้หน่อย” ผมเรียกมันให้มายืนตรงกำแพงที่มีตัวโน้ต กับบรรทัด 5 เส้น มันก็เดินมาตามที่ผมบอก ก่อนจะทำหน้าหล่อ (คือว่ามรึงไม่ต้องทำมันก็หล่ออยู่แล้วไอ้สาด”
“หนึ่ง สอง ซั่ม” เรียบร้อยแล้วมันกวักมือให้ผมเดินเข้าไปหามัน
“ว่าไงมรึง” มันจับผมหันหลังเข้าหามัน แล้วยกแขนเอา xperia z1 ของมันชูขึ้นไป
“เอานะ ชีสสสสส”
“แชด”
“เอาของกรูด้วย” ผมส่งไอโฟนไปให้มัน
“ชีสสสสสส” มันส่งเสียงออกมา แล้วเราทั้งคู่ก็ฉีกยิ้มมม
“แชด”

“แปป นึงนะ” มันเดินออกไปหาพี่สาวคนหนึ่งที่กำลังเดินผ่านมา
“ช่วยถ่ายรูปให้หน่อยได้ไหมครับ” มันขอให้พี่เค้าช่วยถ่ายรูปให้
“ได้ค่ะ”
“ขอสองเครื่องเลยนะครับ” มันส่งทั้ง xperia z1 กับ iphone 5 ให้พี่เขาช่วยถ่ายรูปให้เรา
“ขอบคุณนะครับ” พวกเราขอบคุณพี่สาวคนนั้นที่หันมายิ้มให้พวกเราอย่างยินดี

แล้วสงครามถ่ายรูปก็เกิดขึ้น
“มรึง ๆ ตรงนี้ก็สวย ถ่ายให้กรูหน่อย”
“ถ่ายให้บอสด้วย”
“บอสครับถ่ายตรงนี้ให้โบ๊ทด้วย”

แล้วเราก็มาปิดท้ายที่ร้านขายน้ำองุ่น จัดการน้ำองุ่นกันไปคนละแก้ว เริ่มหิวน้ำหลังจากตะเวนถ่ายรูปกันมาสักพัก

“ไปทะเลกันเถอะโบ๊ท”
“อืมมม เดี๋ยวจะไม่ถึงทะเล” ผมแขวะมัน เพราะมันลากผมไปถ่ายรูปเสียจนเกือบลืมว่าจะมาทะเล

รถคันหรูสีดำ มาจอดตรงริมหาด ชะอำ หาดยาวสุดลูกหูลูกตา ทะเลสีฟ้าสดใส แดดเจิดจ้า เพราะนี่จะบ่ายสองอยู่แล้ว

“ขอโทรศัพท์หน่อย” มันบอกผม
“ทำไมอะ”
“ก็จะเก็บไว้ในกระเป๋าอะ ไม่ต้องเอาลงไปหรอก เพื่อเล่นน้ำอีก”
ผมส่งโทรศัพท์ให้มัน มันกดปิดเครื่องครับทั้งของผมและของมัน

แล้วเราก็เก้าอี้ชายหาดคู่หนึ่ง ที่หันหน้าออกทะเล ลมทะเลโบกสะบัดทำให้ร่มที่เรียงยาวกระเพื่อมตามจังหวะลม เราสั่งส้มตำปูม้า และน้ำอัดลม นั่งชิลปล่อยอารมณ์ให้ลอยไปกับ สายลม แสงแดด และเกลียวคลื่น

“ทาซันบล็อกไหม” ผมเอ่ยถามมัน หลังจากที่ทาให้ตัวเองเรียบร้อย ไม่ได้หรอก เดี๋ยวดำ แค่เทนนิสผมก็แย่แล้ว
“ทาให้หน่อย”
“ไอ้เชี่ยยยยย นี่มันชายหาดนะโว้ย ไม่ใช่ห้องนอน” ผมด่ามัน
“นะ นะ” เจอลูกอ้อนแบบนี้ทีไร เสร็จมันทุกที
ผมค่อยๆทาซันบล็อกที่แขนมันช้าๆ จนมันซึมเข้าผิว มันนั่งยิ้มแก้มแถมปริ
“อยากเล่นน้ำไหม”
“อืมม เอาสิ” ยังไม่ทันตอบมันเสร็จดี มันก็ถอดเสื้อออก เหลือแต่กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลเข้ม รูปร่างสมส่วน ถึงแม้จะไม่ได้มีกล้ามเนื้อชัดเจน แต่ก็ได้รูปสวยงาม
“เร็วสิ” มันหันมาเร่งผม ผมถอดเสื้อออก
“วี๊ดวิ่ว” เสียงเป่าปากดังขึ้น
“จะเป่าปากเชี่ยไร” มันด่ามันกลับไป ก่อนที่มันจะเดินเขามาใกล้ๆ
“ก็เมียกรูแมร่งหุ่นดีชิบหาย”
“สัส ใครเมียมรึง” ผมด่ามันกลับไป
“ได้ข่าวว่า เมื่อคืน” ยังไม่ทันจะพูดจับดี ไอ่ลอวมันคว้าข้อมือผมแล้วลากวิ่งไปทะเลคราบ T-T

ผมถึงทะเลมันผลักผมกลิ้งคลุกๆ แล้วยังหัวเราะเยาะใส่ผมอีก คิดว่าผมจะยอมไหมครับ ไม่มีทาง ผมตั้งหลักได้ ผมกระโดนขึ้นไปขี่หลังมัน มันล้มลงหน้าทิ้มลงน้ำไปเลย 555+ หน่อยแนะนี่ที่บังอาจแกล้งกรู

เวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปรวดเร็ว หลังจากเล่นน้ำกันจนหมดแรง ก็มานอนตากลมทะเลใต้ร่มสีสันสวยงาม แล้วก็ถึงเวลาที่ต้องกลับกันเสียที ใจของผมหาย รู้สึกหน่วงที่ท้องยังไงก็ไม่รู้

บอสแวะที่รถ ก่อนจะหยิบกระเป๋าสำหรับอาบน้ำ ผ้าเช็ดตัว แล้วก็ชุดใหม่ ขณะที่ผมเดินข้ามถนนริมหาดไปที่อาคาร เพื่อติดต่อเรื่องห้องอาบน้ำ

“ตอนนี้เหลือห้องเดียวหว่ะ”
“ห้องเดียวก็ห้องเดียวสิ อาบด้วยกันก็ได้”
“ไอ้เชี่ยยย” พี่เจ้าของห้องอาบน้ำยิ้มไม่หุบ

หลังจากที่อาบน้ำห้องเดียวกับมันเสร็จ ผมยืนหันหลังให้มันอยู่ สลัดน้ำที่อยู่ตามตัว มันหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมให้ผม ผมเหมือนรู้สึกมีก้อนอะไรมาจุกที่คอ ฝ้าน้ำเริ่มขึ้นมาเกาะที่นัยต์ตา ใจผมมันสั่นๆ แล้วผมก็หันหน้าเข้าหามัน กอดมันแน่นในอ้อมแขนของผม มันกอดผมตอบ ปล่อยให้ร่างกายของเราถ่ายทอดความรู้สึกให้อีกคนรับรู้

กว่าที่รถเริ่มทะยานมุ่งหน้ากลับเข้ากรุงเทพฯ ก็เกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว มันจับมือผมไว้ ผมเอนหัวไปซบที่ไหล่มัน เป็นช่วงเวลาที่อึดอัดและมีความสุขไปพร้อมๆกัน เพราะเราต่างรู้ว่าเวลาของเราใกล้จะหมดลงแล้ว แต่อีกส่วนก็เต็มไปด้วยความสุขที่เรายังคงอยู่ด้วยกัน แล้วเราจะใช้ทุกวินาทีที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าที่สุด อยากหยุดเวลาไว้แค่นี้จริงๆ

รถคันหรูฝ่าการจราจรที่ติดขัดมาจอดลงตรงหน้าบ้านที่คุ้นเคย บอสดับไฟหน้ารถลง มือของเรายังคงจับกันไว้ ก่อนมันจะคลี่ยิ้มให้ผม

“ขอบคุณ โบ๊ทมากนะ บอสมีความสุขมากๆที่ได้อยู่กับโบ๊ท”
“บอสจะเก็บทุกวินาทีที่เราอยู่ด้วยกันไว้ให้ลึกสุดใจ”
“ก่อนที่ความรักของเราจะกลายเป็นเพียงความทรงจำ”
“ก่อนที่เรื่องของเราจะกลายเป็นความหลัง”
“ก่อนที่ทุกอย่างของจะกลายเป็นเพียงรูปภาพ”
“บอสแค่อยากให้โบ๊ทรู้ไว้เสมอนะ บอสรักโบ๊ทที่สุด ตลอดมาและตลอดไป”

ในใจผมอยากจะร้องตะโกน ไม่เอา ไม่เอาแบบนี้ แต่ผมทำได้แต่กัดริมฝีปากไว้เท่านั้น

“โบ๊ทรักบอสนะ ตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้ก็ยังคงรักบอสไม่เคยเปลี่ยน” ผมไม่สามารถฝืนกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป ผมร่ำไห้จนตัวโยน มันเอื้อมคว้าตัวผมไปกอด

ผมไม่อยากจะปล่อยมันไปเลย แต่ผมยังมีอีกคนที่ไม่เคยทำอะไรผิด ที่ไม่เคยจะไม่ดีกับผม ที่ผมยังต้องรับผิดชอบอยู่ ทำไมการจากลามันโหดร้ายอย่างนี้ เหมือนมีมีดกรีดลงไปที่ใจของผม มันเจ็บปวดแถบขาดใจ ผมคิดว่าไอ้บอสก็คงรู้สึกไม่ต่างจากผม แต่พวกเรายังต้องอยู่ใบโลกของความเป็นจริง ยังต้องรับผิดชอบต่อผลของการกระทำ ความสำนึกผิดชอบชั่วดีที่เรายังต้องรักษามันไว้ การจากลาที่ความรักยังคงอยู่ ไม่ได้มีใครคนใดหมดรัก มันเป็นการจากลาที่แสนเศร้า

ดังเหมือนใจจวนขาดลงทุกที
เมื่อรู้เวลาที่มีใกล้หมดลงไป
เหลือแค่ชั่วราตรี วันพรุ่งนี้ต้องห่างกันไกล
ร้างหางไปไม่คืนมา

อยากขอมองเธอให้นานแสนนาน
อยากซบอิงพิงกายกัน จดจำตรึงตา
ใช้ทุกๆนาที ก่อนที่สองเราจะล่ำลา
ใช้เวลาที่ยังเหลืออยู่

จะเก็บเอาวันเวลาดีๆ ที่เรามีกัน
ไว้เติมคืนและวัน ยามไม่มีเธอ
จะเก็บไอรักที่เรายังมี ต่อกันค่ำนี้
ไว้เติมใจยามเธอห่างไกล

จากนี้ไปนานผ่านเดือนพ้นปี
อีกร้อนพันคืนที่มีก็คงเดียวดาย
ขอไว้แค่คืนเดียว ที่จะฝั่งตรึงในหัวใจ
เพราะเป็นคืนสุดท้ายของเรา


เสียงประตูรถปิดลง เหมือนโลกทั้งโลก เหมือนชีวิตของเรา พังทลายลงไปชั่วพริบตา ต่อจากนี้ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว.........

40 - 15
Game
See You Next Game

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :katai1: ถ้าแกยังรักกันมากขนาดนี้ แถมยังกลับมากินกันเองอีก
ทำไมแกไม่กลับไปคยกัน โบ๊ทก็ยังรักบอสอยู่ชัดๆ
อย่ามาอ้างว่ามีแฟนแล้ว ถ้ารักแฟนจริงแกจะนอกใจแฟนเหรอฮ๊ะ
เราละเพลียกับโบ๊ทจริงๆ

อ้างถึง
“ขอบคุณ โบ๊ทมากนะ บอสมีความสุขมากๆที่ได้อยู่กับโบ๊ท”
“บอสจะเก็บทุกวินาทีที่เราอยู่ด้วยกันไว้ให้ลึกสุดใจ”
“ก่อนที่ความรักของเราจะกลายเป็นเพียงความทรงจำ”
“ก่อนที่เรื่องของเราจะกลายเป็นความหลัง”
“ก่อนที่ทุกอย่างของจะกลายเป็นเพียงรูปภาพ”
“บอสแค่อยากให้โบ๊ทรู้ไว้เสมอนะ บอสรักโบ๊ทที่สุด ตลอดมาและตลอดไป”

บอสมันเป็นพระเอกเกินไปแล้ว ถ้ามีอีกคนมาจีบโบ๊ท สงสัยจะโดนโหวตไม่ให้ไปต่อ

รักเขาก็พยายามคืนดีสิ ในเมื่อก็รู้ว่าโบ๊ทรักเหมือนกันและเล่นด้วย

ออฟไลน์ Spelling_B

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ destiny_of_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
@ 15th Game – Boss

สวัสดีครับผม บอส จารุวัฒน์ อรรถกร ประธานสภานักเรียนปีนี้ครับ วันนั้นเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมกำลังยุ่งเหยิงอยู่กับกองเอกสาร เพราะไอ้อาร์ม เลขาสภานักเรียนมันดันป่วย แล้วมาสเซอร์จะเอาเอกสารการประชุมเมื่อครั้งที่แล้ว ขณะที่ผมกำลังก้มหน้าก้มตาควานเอกสารที่โต๊ะไอ้อาร์มอยู่นั้น เสียงประตูห้องสภานักเรียนถูกเปิดออก ผมแถบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง

โบ๊ท รัชชานนท์ สุขอนันต์ คนคุ้นหน้าคุ้นตาผมดี ใบหน้าที่ผมไม่สามารถลบเค้าออกไปได้จากหัวใจ คนที่ผมเคยทำผิดกับเค้าเอาไว้ คนที่ผมเคยใจร้ายและเลือดเย็นเหลือเกิน คนที่ทำให้ผมโทษตัวเองจนถึงทุกวันนี้

มันงกๆเงิ่นๆ ที่เห็นผมอยู่คนเดียว

“ชมรมเทนนิสมาทำอะไรถึงนี่ครับ” นี่คือประโยคแรกที่ผมพูดกับมันหลังผ่านมาจะ 2ปี มันสะดุ้งโหย่ง
“เอาเอกสารขอใช้สนามเทนนิสมายื่นหน่ะ” เสียงนี้ผมไม่ได้ยินเสียงนี้มาจะ 2 ปีแล้ว โดยเฉพาะที่เจาะจงพูดกับผม
“ฝากช่วยเร่งให้หน่อยนะ” ห๊ะ ยังจะกล้าให้ช่วยเร่งอีก ทั้งที่เพิ่งจะยื่นเอกสารวันนี้นี่นะ ผมกวาดสายตาหาวันที่ที่ลงไว้ในเอกสาร จะใช้ภายในวันพุธนี้ นี่มันวันจันทร์ เห็นสภานักเรียนเป็นอะไรนี่ เสกได้หรืออย่างไง ผมใส่มันเป็นชุดในใจ
“แล้วทำไมไม่ยื่นให้เร็วกว่านี้ครับ” ขอกวนประสาทมันหน่อยเถอะ อยากให้เร่งก็ขอร้องสิ
“ช่วยเร่งให้หน่อยนะ” เอากับเค้าสิ ขอผมจริงๆด้วยอะ สงสัยงานนี้มันคงจำเป็นจริงๆ ขนาดมันซึ่งเป็นประธานชมรมออกหน้ามาเอง ปกติเคยเห็นมันที่ไหน ชมรมเทนนิส ส่งแต่ไอ้แบงค์มาประชุมแทนประจำ

“ก็ตามคิวอะนะ ชมรมที่ไม่ค่อยมีผลงานจะเรียกร้องอะไรมาก” ผมรู้แน่ว่าประโยคนี้ มันจะต้องควันออกหูแน่ๆ แล้วก็เป็นจริงอย่างคาด งานนี้สนุกแน่ๆ ผมก็ไม่รู้หัวใจตัวเองเหมือนกันว่ากวนประสาทอยากเอาชนะมัน หรือผมจะเอาหัวใจของผมกลับมากันแน่....

แล้วงานยากก็มาอยู่ที่ผม ไอ้อาร์มก็ไม่มา ผมออกหน้าไปคุยกับมาสเซอร์เอง เดินเอกสารทั้งหมดเอง ไม่งั้นก็คงไม่มีทางที่จะได้รวดเร็วขนาดนั้นหรอกครับ

“เออ บีมครับ” ผมเรียกไอ้บีมหนึ่งในทีมเทนนิสของโรงเรียนผมเห็นมันกำลังเดินมาทางนี้
“ฝากเอาเอกสาร กับกุญแจกล่องไฟให้กับประธานชมรมเทนนิสหน่อยครับ” ผมฝากมันเอาไปให้โบ๊ทครับ แล้วก็ย่องแอบไปดูหน้ามันตอนเห็นหน่อยว่าจะเป็นอย่างไงมันจะยิ้มไหม แล้วก็เป็นอย่างที่คาด หน้ามันเหว่อได้ใจผมมาก

“มาดูไอ้โบ๊ทซ้อมเหรอไอ้บอส” ประโยคนี้ทำเอาผมสะดุ้ง ไอ้เบนซ์ครับ พี่ชายไอ้โบ๊ท และมันยังเป็นเพื่อนร่วมห้องผมอีก
“กรูเอากุญแจกล่องไฟ และหนังสือขออนุญาติใช้สนามมาให้พวกมันอ่ะ” ผมไม่รู้จะเลี่ยงบาลีอย่างไรก็ตอบมันไปตามนั้น
“ประธานสภามาเองเลยเหรอวะ” ยัง มันยังไม่หยุด ดูหน้าตามันกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่น ต้องชิ่งแล้วว่ะตรู
“เออ กรูไปก่อนนะ” ตัดบทจบไปดีกว่า....

…..

เย็นนี้ผมตัดสินใจแวะไปเยี่ยมไอ้อาร์ม มันอยู่คอนโดคนเดียว ป่วยมาจะสองวันแล้ว เดี๋ยวมันเป็นอะไรไป ผมต้องหาเลขาใหม่ ขี้เกียจปวดหัว
“เออ กรูไม่เป็นไรมากหรอก วันนี้กินยาดีขึ้นมากแล้วมรึง” มันดูลุกลี้ลุกลน พิกล
“นอนพักอีกวันก็คงหาย” ไอ้เวร กรูอุสาห์มาเยี่ยม แวะซื้อโจ๊กมาให้มันอีก ทำท่าทำทางเหมือนจะไล่กรูกลับ
“อืมม งั้นก็พักผ่อนเยอะๆแล้วกันนะ” ผมสั่งมัน
“งั้นกรูกลับล่ะ”
ผมหันไปคว้ากระเป๋า เดินมาที่หน้าประตู แต่เสียงกดกริ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน ผมคว้าลูกบิดเปิดประตูออก แล้วผมก็ถึงบางอ้อว่าทำไมไอ้อาร์มถึงอยากจะให้ผมรีบกลับนัก

เด็กหนุ่มหน้าตาดี ตี๋ๆ สะพายโคฟเว่อร์เทนนิสยืนอ้าปากหวอ อยู่หน้าประตู ไอ้แบงค์ครับ...
ผมหันไปยิ้มมุมปากพร้อมพยักหน้าใส่ไอ้อาร์ม หึหึหึ
....

เช้านี้เป็นเช้าอีกวันที่ผมต้องรีบมาห้องสภา เพราะไอ้อาร์มยังไม่หายป่วย ผมดึงประตูห้องสภานักเรียน แล้วก้าวเดินเข้าไปอย่างเร่งรีบ แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อผมจะชนกับใครคนหนึ่งที่กำลังหันหลังเดินออกมา

ไอ้โบ๊ท ครับ นี่คงจะเป็นพรหมลิขิตแล้วล่ะ ผมคิดในใจ ประธานชมรมเทนนิสมาห้องนี้สองวันติด ซึ่งปกติไม่เคยจะเห็นแม้แต่เงา กระทั่งเวลาถูกเรียกประชุม

ทรี ทรู วัน...แน-กอ ฮา-จา…..แน-กา นอล ซา-รัง-แฮ โอ๊ะ

แล้วเสียงที่คุ้นชินนี่ก็ดังทำลายความเงียบ นี่มันคงจะเป็นมากกว่าพรหมลิขิตแล้วล่ะ มันยังใช้เสียงเรียกเข้าเป็นเพลงนี้อยู่ ผมยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ได้เวลาปฏิบัติการตามล่าหัวใจของผมกลับคืน จะเริ่มขึ้นแล้ว

เย็นนี้เป็นอีกวันที่หัวใจของผมสั่งให้เท้าผมเดินไปด้อมๆมองๆ อยู่ที่คอร์ทเทนนิส แล้วพระพรหมก็ทำงานของท่านครับ ผมเห็นลูกเทนนิสที่ไอ้แบงค์ประเคนใส่ดั้งไอ้โบ๊ทแบบเต็มๆ ตอนแรกผมก็ขำ อะไรของเค้าวะ เป็นนักเทนนิสแท้ๆ แต่เห็นเลือดที่ไหลทะลักออกมา ก็ขำไม่ออกแล้วครับ รีบวิ่งเข้าไปประคองตัวมันทันที ท่าจะไม่ค่อยดีแล้ว นี่ถ้ากระดูกแตกจะทำอย่างไร ด้วยความเป็นห่วงผมก็ลากมันไปโรงพยาบาลในที่สุด


แล้วผมก็เข้ามาบ้านนี้อีกครั้ง บ้านที่มีต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ต้นใหญ่อยู่หน้าบ้าน บ้านที่ผมเคยมาจนเกือบจะเป็นบ้านหลังที่สองของผม ผมยกมือขึ้นไหว้ สวัสดี คุณพ่อกับคุณแม่ และโอกาสก็เข้าข้างผมอีกครั้ง
“คืนนี้นอนนี่นะลูก มันดึกแล้ว” เสียงของคุณแม่เอ่ยปากชวนผม
“ครับ” ผมตอบท่านไปโดยที่ไม่ต้องคิด นั่นทำให้เราได้ใกล้ชิดกันอีกครั้ง

ผมอยากให้มันรู้เหรอเกินว่าใจผมไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิม แล้วเพลงนั้นก็ถูกร้องพร้อมกับกีตาร์ ที่ผมตั้งใจร้องให้ดังพอทีมันจะได้ยินตอนที่มันกำลังอาบน้ำอยู่

แต่แล้วผมก็ใจหายเมื่อไอ้โบ๊ทมันรับโทรศัพท์จากเมย์ นี่ผมกำลังเพ้อไปคนเดียวใช่ไหม เขามีแฟนแล้วทั้งคน แล้วผมยังจะหวังอะไรอีก นี่คงเป็นเวรกรรมที่ผมเคยทำกับมันไว้สนองผมเข้าให้แล้ว คืนนั้นสารภาพเลยครับว่านอนไม่เป็นสุกทั้งคืนและเพลงนี้ก้องอยู่ในหัวผมตลอดเวลา

Never mind
I'll find someone like you
I wish nothing but the best for you too
"Don't forget me," I begged
"I'll remember," you said
"Sometimes it lasts in love
But sometimes it hurts instead."
Sometimes it lasts in love
But sometimes it hurts instead,

พอมาถึงโรงเรียน ผมก็โดนไอ้บูมประธานเชียร์ปีนี้ซักฟอกขนาดใหญ่ ก็คุณชายโบ๊ทดันหลุดปากไป แต่ถ้ามันไม่หลุดปาก ความก็คงแตกเพราะเสื้อมันที่ผมใส่อยู่อยู่ดี แล้วเย็นวันนั้นพระพรหมท่านก็คงสงสารผม เพราะท่านส่งให้ผมต้องหิ้วปีกมันกลับบ้าน มันเมาต้องเรียกได้ว่า เมาอย่างกะไอ้มะนาว แถมผมยังโดนมันหลอกด่าผมอีก ว่าผมทรยศมัน สาบานนะว่ามันเมาอยู่ ผมไม่รู้นะว่ามันจะได้ยินไหม แต่ผมก็บอกมันไปแล้วว่าผมไม่เคยทรยศมัน

แล้วคำขอโทษ คำสารภาพที่ผมบอกว่า “ไม่มีวันไหนที่ผมไม่คิดถึง ไม่เคยมีวันไหนที่ผมจะไม่รักมัน” ก็ถูกพูดออกไปผมอยากให้มันอภัยกับสิ่งที่ผมเคยทำพลาดไปในอดีต ผมเพิ่งจะรู้จริงๆว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นผมได้ทำร้ายหัวใจคนๆหนึ่งยับเยิน จนเขายังจำฝั่งใจจนทุกวันนี้ ไม่เป็นไรผมเป็นคนเริ่มทำให้หัวใจเขาเป็นแผล ผมก็ต้องเป็นคนเยียวยาหัวใจดวงนั้นให้กลับมาดีเช่นเดิม

สุดท้ายความลับของคุณ ปฏิภาณกับคุณญาณโชติ ก็แตกโพละ บนรถไฟฟ้า ความลับมันไม่มีในโลกจริงๆนะครับ เหมือนกฎแห่งกรรม ที่มันหมุนเร็วเสียนี่กระไร ผมเคยทำโบ๊ทเสียใจ วันนี้ผมก็ได้รับผลของการกระทำนั้นแล้ว พรุ่งนี้ โบ๊ทกับเมย์ นัดกันไปสยาม หัวใจผมหล่นหายไปไหนก็ไม่รู้ ผมเรียนไม่รู้เรื่องเลยทั้งวัน ตอนเย็นประชุมสภากับมาสเซอร์ ก็นั่งเป็นหุ่นยนต์

หัวใจผมก็สั่งให้ผมมาสยาม ผมอยากรู้ให้แน่ว่าใจผมคิดกับมันอย่างไรกัน มันจะเป็นอย่างไรถ้าผมเห็นมันอยู่กับเมย์ อาการหน้าชา มือไม้ชา หัวใจชาๆ เหมือนมีมีดกรีดลงที่หัวใจ รู้สึกปวดใจ มันเป็นแบบนี้นี่เอง ดูโบ๊ทมันก็มีความสุขตามประสาของมันเวลาอยู่กับเมย์ แต่ที่ทำหัวใจผมสลายที่สุด ก็ตอนที่มันหอมหน้าผากเมยในโรงหนังนั่นเป็นภาพที่ทำร้ายผมมากที่สุด

เพลงพี่ปั๊ป ดังก้องอยู่ในหัวของผม

นี่แหละคือความเสียใจ
ความเสียใจมันเป็นอย่างนี้จำซะใหม่
ต้องเจ็บจนร้องไห้โดยไม่อาย
ต้องช้ำทุรนทุรายขนาดนี้.....

ผมตัดสินใจจะไปหามันที่บ้าน ผมว่าเราต้องคุยกันจริงๆเสียที แต่พอเปิดประตูห้องออกมา ก็เจอมันยืนหน้าเหวอ อยู่หน้าห้องแล้ว พอเจอหน้ามัน ผมก็แพ้ใจตัวเอง ยอมแพ้ตัวเอง ด้วยการยืนข้อเสนอเพื่อขอต่อรองเวลา ให้ผมได้อยู่กับมันอีกเพียงหนึ่งวันก็ยังดี

อัมพวา คือที่เรากำลังจะมุ่งหน้าไป เพราะมันคือที่ๆเป็นความหลังของเรา เผื่อโอกาสผมยังคงมี ทั้งที่ก็รู้ว่าริบหรี่ แต่สิ่งที่หล่อเลี้ยงคนเราอยู่ได้มันก็คือความหวังไม่ใช่หรือ

ผมลูบที่รัดข้อมือที่ผมใส่อยู่ตอนนี้ นั่นคือสิ่งเดียวที่ยึดโยงใจผมกับโบ๊ทไว้ ผมไม่ลังเลเลยสักนิดตอนสั่งทำ อัมพวายังคงสวยงาม หิ้งห้อยกับต้นลำพูยังคงงดงาม บรรยากาศทุกอย่างทำให้เราถล้ำตัวกันไปอีก และตอกย้ำว่าเราเป็นของกันและกันถึงแม้ผมจะไม่ค่อยเต็มใจจะเป็นของมันสักเท่าไรก็ตาม นั่นยิ่งทำให้ผมยิ่งตกลึกลงไปในหลุมที่เรียกว่าความรัก

“ไปทะเลกันไหม” คือสิ่งที่จะทำให้ผมไม่ต้องกลับกรุงเทพฯเร็วๆ ทำให้ผมได้ใช้เวลาอีกวัน เก็บเกี่ยวทุกวินาทีที่จะได้อยู่กับโบ๊ท ภาพที่เราถ่ายรวมกัน เวลาที่เราได้ใช้ร่วมกัน ผมจะเก็บมันเอาไว้ตลอดไป ไม่ใช่แค่ความทรงจำเพราะเราอาจจะลืมมันได้ แต่ผมจะสลักมันเอาไว้ในหัวใจของผมที่ๆผมไม่มีทางจะลืมมันไปได้

ตลอดทางขากลับ ผมเฝ้ารอปฎิหาริย์ ๆ ที่จะทำให้โบ๊ทเลือกที่จะอยู่กับผม ปฏิหาริย์ที่ผมรู้ดีว่า โบ๊ทไม่มีวันทำ เพราะผมรู้จักโบ๊ทดี เวลาที่ผมต้องรับความจริง ใกล้เข้ามาทุกที ผมคงทำได้เพียงเท่านี้

“โบ๊ทรักบอสนะ ตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้ก็ยังคงรักบอสไม่เคยเปลี่ยน” ประโยคนี้จะเป็นเหมือนน้ำที่คอยหล่อเลี้ยงหัวใจผม ให้พอยังมีแรงหายใจต่อไป
ในที่สุดวินาที โลกทั้งโลกของผมก็พังทลายลงไปชั่วพริบตา ก็มาถึง ต่อจากนี้ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว............

อย่างน้อยครั้งหนึ่งก็เคยได้ชื่อว่าเป็นคนรักกัน
อย่างน้อยก็ยังมีคืนและวันที่เคยมีความหมาย
อย่างน้อยจะยังมีเธอในใจ และแม้เวลาจะเปลี่ยนไปนานสักเท่าไร
ฉันจะจำไว้ว่าเราเคยรักกัน
........
อย่างน้อยเราเคยรักกัน อย่างน้อยเธอเคยรักใช่ไหม
อย่างน้อย อย่างน้อยๆ เราก็เคยรักกันมากมาย

Extend Game
See You Next Game

ออฟไลน์ destiny_of_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
@ 16th Game – Friends

เช้านี้ครอบครัวสุขอนันต์นั่งพร้อมกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร น่าแปลกที่ไอ้โบ๊ท ตื่นแต่เช้าโดยที่ไม่ต้องมีใครปลุก แต่ที่ทำให้ทุกคนในบ้านมองตากันปริบๆ ก็คือตาที่บวมตุ่ย กับอาการเหม่อลอยของมัน แม้ขณะตอนนี้ที่ทั้งครอบครัวนั่งอยู่ตรงนี้

“โบ๊ท ทานข้าวสิลูก ม๊าเห็นลูกเอาแต่นั่งเขี่ยข้าว ไม่เห็นทานสักคำ” เด็กหนุ่มสะดุ้งเมื่อผู้เป็นแม่เรียก
“โบ๊ทไม่ค่อยหิวอะม๊า” มันตอบม๊า
“ไม่ได้นะลูก มื้อเช้าลูกต้องทานอะไรหน่อย จะไม่ทานอะไรเลยไม่ได้”  หญิงสาววัยกลางคนลุกขึ้นยืน แล้วเดินเข้าไปในห้องครัว สักพักก็เดินออกมาพร้อมกับนมที่อุ่นๆ

“งั้นก็ต้องดื่มนมนี่ให้หมด”
ม๊ามองหน้าป๊า หนึ่งทีก่อนที่ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับ ครอบครัวเรามีกันแค่ 4 คน ป๊ากับม๊า รักพวกเรามาก ไอ้โบ๊ทเป็นเด็กร่าเริง ขี้โวยวาย ไม่ใช่คนเงียบและเหม่อลอยแบบนี้ แล้วมีหรือที่ทั้งบ้านจะไม่สังเกตเห็นอาการที่แปลกไปของมัน
“ครับม๊า” มันรับคำม๊า แล้วก็ค่อยๆยกนมอุ่นๆแก้วนั้นดื่มจนหมด
“โบ๊ทไปเตรียมตัวก่อนนะครับ” มันพูดเสร็จก็ลุกขึ้นเดินไปเตรียมข้าวของที่ห้องรับแขก

“เดี๋ยวเบนซ์ดูน้องให้นะม๊า” ม๊าพยักหน้ารับคำ
“ดูๆมันหน่อยลูก ป๊าว่ามันคงมีเรื่องที่คิดไม่ตก” ป๊าเอามือมาตบบ่าผม
“แต่เดี๋ยวทุกอย่างก็ต้องผ่านไป” เสียงผู้เป็นพ่อปิดท้ายพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบหลังภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก

ผม เบนซ์ ชญานนท์ ครับ เป็นพี่ชายไอ้ตัวแสบของไอ้คุณโบ๊ท รัชชานนท์ครับ วันนี้ขอรับหน้าที่แทนไอ้น้องชายวันหนึ่งนะครับ นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ไอ้น้องชายตัวแสบผม มีอาการเป็นหมาเบื่อโลก ครั้งสุดท้ายที่เห็นคือตอนม.3 เทอม2 เมื่อวันเสาร์เช้าก่อนมันจะไปสยามยังดีๆอยู่เลย แล้วงานหนักก็ตกอยู่ที่ผมจนได้สิ
“มรึงเป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถามมันตอนลงจาก BTS
ส่ายหัวคือคำตอบจากมัน
“ค่อยๆคิด ถ้ายังคิดไม่ออกก็ปล่อยวางมันไปก่อน เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เจอทางออกนะมรึง” ผมเอื้อมมือไปตบบ่ามันสองที
“มรึ่งอยากเล่าเมื่อไรก็เล่าให้พี่ฟังแล้วกัน” ถามตอนนี้ก็คงเปล่าประโยชน์ มันพยักหน้ารับคำ
“เดี๋ยวเย็นนี้พี่มารอที่คอร์ทแล้วกันนะ”
“อืมมม” นั่นคือเสียงเดียวที่ผมได้ยินจากมันตั้งแต่เมื่อเย็นวาน นี่น้องกรูคงไม่ได้กระทบกระเทือนทางจิตใจ จนไม่สามารถพูดได้นะ เฮ้อออออออ

“สู้ๆ โว้ย มรึงต้องผ่านมันไปได้ กรูเชื่อในตัวมรึง” ผมเอามือตบหลังไอ้ตัวแสบ ตอนนี้ผมคิดว่าคงมีแต่กำลังใจจากคนรอบข้างมันเท่านั้นที่จะทำให้มันผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ แต่ว่ามันเป็นอะไรของมันวะเดี๋ยวต้องไปถามไอ้เชี่ยบอส

หลังจากที่แยกย้ายกับไอ้โบ๊ท ผมก็เดินเข้ามาที่ห้องชมรมดุริยางค์ ผมกำลังสำรวจความเรียบร้อยแซกโซโฟน
“ไงมรึง” เสียงไอ้บาส หัวหน้าชมรมดุริยางค์ ทักผมเมื่อมันเดินเข้ามาในห้อง
“มรึงเห็นนี่หรือยัง” มันส่งเอกสารมาให้ผม ผมกวาดสายตาอ่านแบบคร่าวๆ
“ห๊ะ วงโรงเรียนเรากับวังโรงเรียนเด็กกางเกงสีน้ำตาลแถวๆถ.พระราม1”
“เออ มีกำหนดการต้องซ้อมร่วมกันด้วย”
“ที่ไหนวะ” ผมถามไอ้หน้าตี๋
“สนามศุภฯ มรึงอ่านรายละเอียดดูแล้วกัน”
วงโยโรงเรียนเรากับโรงเรียนเด็กกางเกงสีน้ำตาลถูกเลือกให้เป็นวงที่จะต้องมีการแสดงร่วมกันในงานพิธีในงานบอลประเพณีครับ ไหนจะต้องซ้อมต่อเพลง ไหนจะต้องจัดรูปขบวน ไหนจะต้องประสานงานกับอีกวง แค่คิดงานก็ตรึมแล้วล่ะครับ

“มรึงช่วยกรูเรื่องต้องต่อเพลงได้ปะวะ” มันหันมาบอกผม
“ส่วนเรื่องรูปขบวนเดี๋ยวกรูจัดการเอง” มันแบ่งงานเรียบร้อยครับผมในฐานนะรองหัวหน้าชมรมจะทำอย่างไรได้ ก็ต้องรับปากมัน
“เออ เดี๋ยวกรูดูให้”
“รับปากกรูแล้วอย่าหายตัวไปชมรมคหกรรมบ่อยๆนะมรึง” ไอ้เวรนี้ขว้างมีดมาใส่ผมแล้วครับ....

ชมรมคหกรรม ว่าแล้วก็นึกอะไรออก

“ขอบใจมากนะโว้ย” ผมหันไปขอบใจมัน
“เออมรึง กรูฝากดูไอ้โบ๊ทด้วยนะมรึง” กรูเห็นมันแปลกๆตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
“มันเป็นไรมรึง” มันหันกลับมาถามผม
“กรูก็ไม่รู้หว่ะ กรูว่าเดี๋ยวกรูจะถามไอ้บอสตอนเข้าเรียนอยู่”
“ไงก็ฝากมรึงช่วยดูๆมันหน่อย”
“เออ เดี๋ยวกรูคอยดูมันให้” ผมเอ่ยปากฝากไอ้บาสเพราะมันอยู่ห้องเดียวกันแถมเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันอีกตาหาก

“เดี๋ยวกรูมา”
“ไอ้เชี่ยนี่พึ่งรับปากกรูแว็ปอีกแล้วนะมรึง” มันด่าผมไล่หลังมาแต่ตอนนี้ผมต้องรีบ...


ผมโผล่หน้าเข้ามาในชมรมคหกรรม ชมรมนี้วุ่นวายตั้งแต่เช้า เพราะต้องเร่งมือนำขนมที่เพิ่งอบเสร็จ นำส่งสหกรณ์ นี่เป็นรายได้หลักของชมรมนี้ แล้วคนที่ผมอยากจะให้ช่วย เวลานี้คงเฝ้าอยู่หน้าเตาอบแน่ๆ

ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาคมสันต์ นัยต์ตากลมโต สวมหมวกทรงสูงที่ยืนสั่งงานเด็กๆรุ่นน้องในชมรมอยู่

“ตี๊ดดดดดดดดด”  เสียงเตาอบสูงสามชั้นดังลั่นห้อง ชายหนุ่มคนนั้นหันกลับมาคว้าถุงมือกันความร้อน แล้วเปิดเตาอบออก กลิ่นเบเกอรี่หอมอบอวล เตะจมูกชวนน้ำลายสอ ถาดใส่ขนมถูกยกออกมาวางบนโต๊ะก่อนจะถูกส่งต่อให้รุ่นน้องในชมรมนำขึ้นชั้นชั้นเพื่อคลายความร้อน

“เบียร์” ผมเอ่ยชื่อเรียกมัน มันพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปสั่งงานรุ่นน้องอีกรอบแล้วถอดถุงมือกับผ้ากันเปื้อนออก แล้วเดินออกมาหาผม

“มีไรหรือป่าว เบนซ์” ปกติผมจะไม่ค่อยมาหามันเวลานี้เพราะรู้ว่ามันยุ่งอยู่แน่ๆ
“มีไรขอให้ช่วยหน่อย” 
“อะไรอะ”
“ขอโทษที่ไม่ได้สั่งล่วงหน้านะ”
“เย็นนี้เราสั่ง ชูส์ครีม สัก 120 ชิ้นจะทันไหมอะ”
“เอาเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ” สีหน้ามันกังวลอยู่กับออเดอร์แบบปัจจุบันทันด่วนของผม
“ช่วยหน่อยได้ไหมอะ” ผมอ้อนมันอีกรอบ
“ก็ได้ แต่ตอนพักเที่ยงนายต้องมาเป็นลูกมือเรานะ” มันยื่นข้อเสนอให้
“อืมม ได้สิ” ผมรับปากมัน ผมอยากได้ชูส์ครีม เพราะผมรู้ว่าไอ้โบ๊ทมันชอบ ผมอยากทำให้มันยิ้มได้
 
หลังจากเรียนเคมีสองคาบแรกเสร็จ ผมกะว่าจะคุยกับไอ้บอส แต่ผมเห็นอาการมันตั้งแต่เริ่มเรียนแล้ว ไม่ได้แตกต่างจากไอ้โบ๊ทเลยสักนิด แต่คงต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะถ้าไปคาดคั้นจากน้องผมมันก็คงไม่ได้คำตอบอยู่ดี

“บอส ขอกรูคุยด้วยหน่อยสิ” มันหันหน้ามาช้าๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“มรึงกับไอ้โบ๊ทเป็นเชี่ยอะไรกันวะ” มันผงะเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อไอ้โบ๊ท
“ตั้งแต่มันกลับมาเมื่อวันอาทิตย์ มันแถบจะไม่คุยกับใครในบ้านเลย แถมเมื่อเช้าตาแมร่งโคตรบวม มรึงมีปัญหาอะไรกับมันหรือป่าววะ” สีหน้ามันเศร้าลงอย่างชัดเจนก่อนที่มันจบหลบตาลงมองพื้น

“คือโบ้ทกับกรูเราตกลงกันแล้วว่าเราจะหยุดคบกัน ก่อนที่เราทั้งคู่จะทำให้เรื่องมันไปไกลกว่านี้ ก่อนที่จะมีอีกคนที่จะต้องเสียใจ” ผมช็อกไป 5 วิ กับคำตอบของมัน นี่เองที่ทำให้น้องชายผมกับมันกลายเป็นซอมบี้

“พวกมรึงตัดสินใจกันดีแล้วหรือ” ผมเอามือตบบ่ามันให้กำลังใจมัน
“กรูว่าใจเย็นๆกันก่อน มันต้องมีทางออกนะสิโว้ย” ตอนนี้ผมรู้เพียงแต่ว่าต้องให้กำลังใจมันทั้งสองคน และให้เวลาค่อยๆแก้ปัญหาให้พวกมัน

.............

อ็อดคาบสุดท้ายของครึ่งเช้าดังขึ้น ผมหยิบไอโฟนเครื่องสีดำขึ้นมา กดเบอร์ที่ช่วงหลังนี้ต้องมีเรื่องให้ต้องโทรหาอยู่บ่อยๆ
“ฮัลโหล เบียร์เหรอ”
“อยู่ไหนแล้ว”
“อยู่หอ้งชมรม”
“โอเคเดี๋ยวเบนซ์ตามไป”
ผมโฉบไปโรงอาหารซื้อแซนวิสติดมือกับน้ำผลไม้อีกสองขวด คิดว่ามันคงยังไม่ได้กินอะไร

ผมโผล่หน้าเข้าไปที่ชมรมคหกรรม แล้วก็เป็นจริงอย่างที่คาด และนี่คงเป็นสาเหตุที่ให้ผมมาเป็นลูกมือ เพราะว่ารุ่นน้องในชมรมไม่อยู่กันสักคน ที่หน้าเตาแก๊ส เด็กหนุ่มหน้าตาคมสันต์ กับท่าทางทะมัดทะแมงกำลังกวนบางอย่างอยู่ บนเตามีกระทะทองเหลืองใบใหญ่ ข้างในมีส่วนผสมของคัสตาร์ดใส้ของชูส์ครีมกำลังถูกกวนให้เข้าที่

ผมแกะแซนวิสออก เปิดขวดน้ำผลไม้ แล้วเดินไปข้างๆมัน
“กินก่อน เดี๋ยวจะเป็นลมไปเสียก่อน” ผมยืนแซนวิสไปให้มัน มันหันกลับมารับแล้วรับไปถือไว้ก่อนจะกัดเข้าปากไป

“ใกล้เสร็จแล้วล่ะอีกแปปเดียวก็ได้แล้ว” มันหันกลับมาบอกขณะที่มือก็ยังสาระวนกับการดันพายไม้ไปให้ทั่วๆกระทะ
“แล้วจะอิ่มไหมอะ ซื้อมาน้อยเกินอ่ะ” ผมบ่นตัวเอง แล้วแซนวิสคำสุดท้ายก็ถูกกัดเข้าปากเบียร์ไป
“เอาของเบนซ์อีกอันไหม” มันสั่นหัว
“แค่ได้กลิ่นคัสตาร์ดนี่ก็อิ่มแล้ว” 
“แล้วจะให้เบนซ์ช่วยไร” ผมถามมันเสร็จก็กัดแซนวิสไปคำโต
“เดี๋ยวเบนซ์ช่วยชั่งส่วนผสมให้เบียร์หน่อย” มันชี้ไปที่โต๊ะ พร้อมของที่กองเตรียมไว้
“ปริมาณอยู่ในกระดาษอะ”

ผมเดินไปที่โต๊ะแล้วก็ชั่งส่วนผสมตามที่มันสั่งไว้ สักพักมันก็ปิดแก๊ส ยกคัสตาร์ดที่กวนเสร็จลงจากเตา ถ่ายใส่ชามผสมอีกใบ พักไว้ให้เย็น

“เบียร์ ผงฟูอยู่ไหนอะ เบนซ์หาไม่เจอ”
“แปปนึง จะเสร็จอยู่แล้ว” มันตอบผมขณะกำลังล้างกระทะอยู่ที่ซิงค์ พอเสร็จมันก็เอามือเช็ดผ้ากันเปื้อน และเดินมาหาผมที่โต๊ะ เหงือเม็ดใหญ่ ผุดอยู่เต็มหน้ามัน ความรู้สึกผิดที่มันต้องเหนื่อยเพราะจะช่วยผม แว็ปเข้ามา

“เดี๋ยวเบียร์ทำต่อเอง” มันพูดพร้อมกับเช็คส่วนผสมที่ยังขาดอยู่
“เหลือผงฟูอย่างเดียวใช่ไหม”
มันหันหน้ามาหาผม ขณะที่ผมกำลังยื่นผ้าเช็ดหน้าไปซับเหงือที่หน้าผากมัน ช่วงเวลานั้นแค่ไม่กี่วินาที ที่สายตาเราสบกัน ก่อนที่มันจะผงะออกนิดหน่อยแต่ก็ยังรับผ้าเช็ดหน้าผมไปเช็ดเหงือตัวเอง...

แม้ว่าเขาจะทิ้งเธอไป หัวใจเธอมีแต่เขา
รู้ว่ามันต้องใช้เวลาให้เธอลืม เรื่องเก่า
ก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร ฉันรอเธอได้เสมอ
เธอก็รู้ว่าฉันรักเธอ และรอให้เรารักกัน
   
ลืมไม่ได้จำไว้ก็ได้ ให้ใจเธอสบายก็พอ
ลืมไม่ได้ก็ไม่อยากขอ ที่จะขอก็มีเรื่องเดียว
อยากขอแค่ครึ่งใจ ให้เธอเริ่มต้นใหม่กับฉัน
เก็บเขาไว้ครึ่งใจ ครึ่งที่เป็นความจำแล้วกัน
เปิดประตูให้ฉันเข้าไป เข้าไปซ่อมไปสร้างหัวใจ
เปิดใจเธอแค่ครึ่งใจ ขอเข้าไป ขอเติมเต็มใจให้เธอ....

   เสียงเพลงพี่กัน ก้องอยู่ในหัวผม

หลังจากที่เราทำแป้งชูส์ครีมบนกระทะเสร็จ ก็ต้องเอามาใส่ถุงบีบ แล้วเตรียมบีบขึ้นรูปร่างบนถาดที่เตรียมไว้ ถึงขั้นตอนนี้ ผมได้แต่นั่งดูมันครับ เรียกได้ว่าคอยให้กำลังใจได้อย่างเดียว

“บอกได้ยังว่าจะเอาขนมไปทำอะไร”
“อืมมม อยากทำให้ไอ้โบ๊ทอะ”
“120 ชิ้นนี่นะ” มันอ้าปากค้าง หันมามองหน้าผม
“ก็เผื่อให้พวกชมรมเทนนิส อะ” มันหยักหน้าเข้าใจ เพราะมันก็รู้ว่า เดี๋ยวก็หมด
“เบนซ์ อยากทำให้น้องยิ้มได้ มันชอบชูส์ครีม” ผมเล่าให้มันฟัง ในขณะที่มือมันก็สาระวนอยู่กับการบีบขนม
“อืมม เดี๋ยวทำพิเศษให้อันหนึ่ง” มันหันมามองผมแล้วก็ยิ้ม
“ห๊ะ ให้ผมเหรอ” ยิ้มแก้มแถบปริ
“ไม่ใช่! ให้โบ๊ท อ่ะ” มันหันมาแยกเขี้ยว
“อืมมม ขอบใจมาก”
“แล้วมันก็ขึ้นรูปร่างชูส์ครีมอันพิเศษ ที่แตกต่างจากอันอื่น” ผมนึกขอบคุณที่มันช่วยทำให้ ทั้งๆที่มันก็ไม่จำเป็นจะต้องรับงานนี้ด้วยซ้ำ จากนั้น มันก็นำถาดขนมทั้งหมดเข้าอบ

“มาช่วยล้างเลย”  มันสั่งผมให้ไปช่วยล้างอุปกรณ์ ขณะที่ผมพยายามแอบดูขนมที่เพิ่งนำเข้าไปในเตาอบ
“ล้างใจคนทำด้วยได้หรือเปล่า”  แล้วผมก็โดนค้อนเขวี่ยงเข้าเต็มหน้า
“ยังจะปากดี นี่เดี๋ยวตอนเย็นต้องมาประกอบร่างอีก”
“ห๊ะ จะให้เบนซ์ประกอบใจให้เบียร์ใหม่เหรอ” หยอดไปอีกมุข แล้วก็มีบางสิ่งลอยละลิ่วมาทางผม แต่ผมไวกว่า 5555+ ผมทำหน้าทะเล้นใส่เบียร์
“ประกอบขนมตาหาก ส่วนใจคงต้องใช้เวลา” โดนศอกกลับมาเล่นเอาแถบจุก
+“ตอนเย็นเบนซ์มาไม่ได้นะ ต้องซ้อมกับวง” ผมอดเสียใจไม่ได้ที่ไม่ได้มาช่วยเบียร์มัน ไอ้บาสนะไอ้บาส  ไอ้หอกหัก ผาด่ามันในใจ
“ไม่เป็นไร ตอนเย็นเด็กๆในชมรมมาแล้วอะ” 
“แล้วจะมาเอากี่โมง”
“น่าจะเกือบทุ่มมั้ง”
“อืมมม เดี๋ยวเบียร์รอ” น่ารักที่สุดเลยหว่ะ ผมโคตรซึ้งน้ำใจมันแต่เมื่อไรมันจะเห็นใจผมบ้าง...........

หลังจากที่ซ้อมกับวงเสร็จเรียบร้อย ผมกำลังนั่งเก็บแซกโซโฟนเข้าโคฟเว่อร์
“เป็นไงบ้างวะมรึง” เสียงไอ้บาสมันถาม
“ก็ดีนะ เรียบร้อยดี ต่อเพลงไปได้เยอะแล้วเหมือนกัน”
“แล้วมรึงล่ะ ไปประชุมกับโรงเรียนโน้นมาเป็นไงบ้าง”
“ก็ดี ดูหัวหน้าชมรมปีนี้คุยง่ายดี แถมน่ารักดีอีกตาหาก 555+”
“ชื่อไรวะ”
“เหมือนจะชื่อ ปั๊ปหว่ะ” มันหันมาตอบผมหน้าตามีความสุข
“เล่น ฟลุ๊ต ป่าววะ”
“เหมือนจะใช่นะมรึง”
“กูเกลียดไอ้หน้าชวนฝันของมรึงจริงๆ” ก็มันจริงนี่ครับหน้าตาตี๋ชวนฝัน สยองงมาก

ก่อนสีหน้ามันจะเปลี่ยนไป และเดินเข้ามาใกล้ผม
“อาการไอ้โบ๊ทหนักเหมือนมรึงบอกจริงๆหว่ะ” ผมหันไปมองหน้ามัน ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“มันเป็นไงบ้างวะ” ผมซักไอ้บาส
“ก็เหม่อทั้งวัน กลางวันแถบจะไม่แดกไรเลย”
“แล้วมรึงถามไอ้บอสยังวะ”
“อืมม ถามแล้ว”
“แล้วไงวะ” มันเซ้าซี้ถาม
“มันบอกว่ามันตกลงกันว่าจะหยุดคบกัน เพราะไม่อยากให้ใครอีกคนเสียใจเพิ่มอีก”
“เมย์” ไอ้บาสหลุดเรียกชื่อออกมา
“เออ แล้วไอ้บอสมันเปงไงบ้างวะ”
“อาการเดียวกันเป๊ะหว่ะ” ผมตอบมันไป
“กรูว่าบางครั้งพวกมันก็ดีเกินไป ห่วงแต่คนอื่น แต่ไม่เคยห่วงใจตัวเองกัน” ไอ้บาสเริ่มหงุดหงิด
“เป็นกรูนะโว้ย จะว่ากรูเห็นแก่ตัวก็ได้ กรูจะทำตามหัวใจตัวกรูเอง” ผมได้แต่สะท้อนใจกับคำพูดมัน
“เดี๋ยวมรึงจะกลับเลย หรือจะแวะไปหามันที่ชมรมก่อน” ผมถามมัน
“กรูว่าเดี๋ยวกรูไปดูมันหน่อยดีกว่า”
“อืมม เดี๋ยวกรูตามไป กรูแวะไปเอาของให้มันก่อน”
“อะไรวะ”
“เดี๋ยวมรึงก็รู้” ผมยักคิ้วใส่มัน
“เออ เดี๋ยวกรูโทรตามไอ้บูม ป่านี้มันน่าจะเสร็จจากชมรมเชียร์แล้ว”

หลังจากแยกกับไอ้บาส ผมก็ตรงดิ่งมาที่ชมรมคหกรรม เบียร์นั่งรออยู่
“เบนซ์ อันนี้ของโบ๊ทนะ” มันกวักมือเรียกผมให้มาดูชูสครีมอันที่มันตั้งใจเตรียมไว้ให้โบ๊ท เป็นชูส์ครีมอันที่แต่งหน้าพิเศษ ถูกตกแต่งครีมและแยม เป็นหน้าที่กำลังยิ้ม น่ารักมาก

“น่ารักเหมือนคนทำ” ผมอดแซวไม่ได้ อิอิ ค้อนถูกเขวี่ยงมาอีกแล้วครับ แล้วเบียร์ก็ช่วยผมถือชูส์ครีมอีกกล่องเดินไปชมรมเทนนิสด้วยกัน

ผมเปิดประตูห้องชมรมเทนนิส ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ไอ้พวกห้อง 9 ไอ้โบ๊ท,ไอ้แบงค์,ไอ้บาส,ไอ้บูม ชมรมเทนนิส ไอ้บีม,ไอ้ไบร์ท,ไอ้เพียว,ไอ้วาย แล้วถ้าไอ้แบงค์อยู่ไอ้อาร์มก็ต้องอยู่ด้วยอยู่แล้ว เบียร์สีหน้าตกใจที่พวกมันอยู่กันเยอะขนาดนี้

อย่าแซวกรูนะโว้ย เดี๋ยวงานเข้า ผมภาวนาในใจ ผมใช้สายตาพิฆาต จ้องไปที่ไอ้แบงค์ ไอ้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหมาในปาก วิธีที่ดีที่สุดคือหาอะไรยัดปากมันก่อน

“ไอ้แบงค์ เอาไปแบ่งกันหว่ะ” ได้ผลครับเพราะพวกมันแตกฮือกันไปที่กล่องขนม
ไอ้โบ๊ท ยังคงอยู่ในโลกส่วนตัวของมัน
“เป็นไงบ้างวะมรึง” ผมเอามือตบบ่าไอ้น้องชายตัวแสบ
“กรูกับเบียร์ทำนี่มาให้มรึง”  เบียร์เดินมานั่งลงข้างๆ ส่งกล่องชูส์ครีมอีกอันส่งมาให้ผม
“มรึงต้องผ่านมันไปให้ได้ มรึงต้องยิ้มสู้นะโว้ย” มันเหลือบตามองมาที่กล่องขนม
“ขอบใจว่ะ” มันคลี่ยิ้มให้ น้ำตาคลอ
“ทุกคนเป็นห่วงมรึงนะโว้ย” เสียงไอ้แบงค์ตะโกนมา
“ถ้ามรึงรักพวกกรู มรึงต้องผ่านมันไปให้ได้นะโว้ย” ไอ้บาสเสริมอีกคน
“กรูไม่รู้นะว่าเกิดไรขึ้นกับมรึง แต่ยังไงมรึงก้ยังมีพวกกรูอยู่นะโว้ย” ไอ้บูมปิดท้าย
มิตรภาพของคำว่าเพื่อนฟุ้งกระจายเต็มห้อง

ผมกับไอ้โบ๊ทนั่งแท็กซี่มาส่งเบียร์ที่บ้านแถวๆ พระราม 3 ไม่อยากให้มันกลับบ้านคนเดียว พอแท็กซี่จอดลงที่หน้าบ้าน หมาพันธุ์ Golden Retriever ตัวใหญ่ก็กระดิกหางส่ายก้นรอรับเจ้านายของมันอยู่หน้าบ้าน
“เบียร์ไปล่ะ ขอบใจที่มาส่งนะ” มันหันมาโบกมือลาพวกผม
“ไม่เป็นไร ขอบใจเบียร์ด้วยที่ช่วยทำขนมให้” 
“แล้วเจอกัน” มันพยักหน้าให้ผม
แท็กซี่ข้ามสะพานภูมิพล เลี้ยวขวาก็ถึง ถ.สุขสวัสดิ์
“ไอ้บอสเล่าให้กรูฟังแล้วนะ” โบ๊ทพยักหน้ารับรู้
“ไอ้เบนซ์ มรึงว่าถ้ากรูขอให้มันรอกรู มรึงว่ากรูเป็นคนเห็นแก่ตัวหรือเปล่า”
“ไอ้โบ๊ท มรึงฟังกรูนะ การแคร์ถึงจิตใจคนอื่นมันก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้ามันทำให้เราไม่มีความสุข กรูว่ามันไม่โอเคหว่ะ”
“มรึงฟังเสียงหัวใจมรึง แล้วมรึงก็ทำตามเสียงที่มรึงได้ยินเถอะ” มันหันกลับมาพยักหน้าเข้าใจ

Game
See You Next Game
------------------------------------------------------------------
 
ตอนนี้ยาวหน่อยนะครับ นานๆพี่เบนซ์จะได้ออกโรงกะเค้าเสียที อิอิ ตอนนี้มาลุ้นกันต่อครับว่า โบ๊ทจะตัดสินใจอย่างไร และอย่าลืมช่วยกันส่งใจเชียร์พี่เบนซ์พิชิตใจนายเบียร์กันด้วยนะครับ^^

--------------------------------------------------------------------

ตอบคอมเมนท์ คุณ Spelling_B
ไรท์ดีใจนะครับที่เขียนแล้วจูงใจให้อยากไปเที่ยวได้ อิอิ ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะครับ

สองคนนี้มีสลับครับ แต่คุณรีดเดอร์คิดว่า look ใครเป็น เมะ เป็น เคะ ครับ ระหว่างโบ๊ทกับบอส

รักกันแต่ยึดกฎเกณฑ์ที่บางครั้งมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับความรักเลยครับสองคนนี้

ขอบคุณที่ติดตามอ่านด้วยนะครับ^^


ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer

ตอนเขียนไรท์ก็เพลียกับโบ๊ทเหมือนกันครับ น่าตีจริงๆด้วยครับ เนอะ มีแฟนแล้วแต่ยัง จุดจุดจุด กับบอส
ส่วนตาบอส นี่ก็พระเอกในอุดมคติครับ อิอิ
เมื่อรู้ว่ารักกันทำไมต้องตั้งแง่กันจริงๆไหมครับ

ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะครับ อ่านแล้วไรท์ยิ้มตามเลย ขอบคุณครับ


ออฟไลน์ OJSG7

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
คนเขียน  เขียนสนุกมากเลย
ติดตามๆ อ่านรวดเดียว ฟินมาก ฮ่าๆๆ
ชอบๆๆ  สู้ ๆ น๊า

ออฟไลน์ Spelling_B

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
5555555+++ ชื่อตัวบีเยอะจริงๆ

อ่านแล้วได้กลิ่นอายของเรื่อง Love Sick เหมือนกันนะ เด็กมัธยมกางเกงน้ำเงิน เดินสยามเข้าชมรม ชวนกันเที่ยวทะเล คนนึงก็มีแฟนอยู่แล้วไรแบบเนี๊ย

ติดตามอ่านต่อไป :hao5:

ออฟไลน์ destiny_of_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
@ 17th Game – Will you wait for me?

ขอบคุณระยะทางที่ทำให้เราต้องห่างไกล
ขอบใจเธอเหมือนกัน ที่เธอเลือกจากฉันไปแสนไกล
ขอบคุณเวลาที่ฉันนั้นไม่มีใคร
ขอบคุณอารมณ์อ่อนไหวที่มาทักทายใจ
ทำให้ฉันได้รู้ หากขาดเธอไปคงอยู่ไม่ไหว

เหตุเกิดจากความเหงาที่ทำให้รู้ว่ารักเธอเท่าไร
ความห่างไกลมันทำให้ฉันคิดถึงเธอ
ความอ้างว้างเดียวดายคอยตอกย้ำ อยู่เสมอ
เหตุเกิดจากความเหงาที่ทำให้รู้ว่าเธอสำคัญเพียงใด
ความห่างไกลมันทำให้ฉันคิดถึงเธอ
ยิ่งอ้างว้างเท่าไรก็ยิ่งรู้ ว่าเป็นเธอ ที่ฉันรักหมดหัวใจ....

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับเพลงนี้ที่ยังคงเล่นวนอยู่บนคอมพิวเตอร์ หลังจากหลับเป็นตายและไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่ตอนไหน ผมสลัดความง่วงทิ้งไป แล้วเดินเข้าไปที่ห้องน้ำ เหลือบเห็นแปรงสีฟันที่วางอยู่คู่กัน ผมแน่ใจแล้วว่าผมต้องทำอะไรสักอย่าง หลังจากที่เมื่อวานคิดไม่ตกทั้งวัน แต่ผมก็ยังคงกังวลกับผลที่จะตามมา แต่ผมจะไม่ลังเลใจอีกต่อไปแล้ว ตัวผมเองจะไม่ทำให้คนรอบข้างเป็นห่วงผมไม่ได้อีกแล้ว

ผมกลับมาแล้วครับ หลังจากที่หมดสภาพไปเมื่อวาน แต่ตอนนี้จะเป็น นิวโบ๊ท แล้วครับ ผมบอกกับตัวเองอย่างนั้น

ผมเดินลงมาข้างล่างพร้อมข้าวของพะรุงพะรัง เดินเข้าไปกอดเอวม่าม๊าที่กำลังจะตักข้าวให้พวกเราที่อยู่ที่โต๊ะอาหาร ดูหน้าม่าม๊าจะมีความสุข ที่เห็นผมกลับมาร่าเริงอีกครั้ง ไอ้เบนซ์พยัคหน้าให้ผม
“มากินข้าวกันลูก” ป๊าเรียกผมทานข้าว ครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นคือสิ่งที่ผมคิดได้ในตอนนี้



ผมเอากระเป๋าโคฟเว่อร์เทนนิสเก็บเข้าล็อกเกอร์ในชมรมเรียบร้อย เพราะมากันเร็วจึงยังไม่มีใครเข้ามา ผมตัดสินใจทำสิ่งที่ผมต้องทำ ไม่ว่าผลมันจะออกมาอย่างไรผมก็จะยอมรับมันให้ได้

เท้านำผมมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องที่ปกติผมไม่เคยอยากจะมา ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะผลักประตูบ้านนั้นเข้าไป ในห้องมีเพียงไอ้อาร์มกับไอ้บอสนั่งอยู่ ทั้งสองคนหันมามองเมื่อเห็นผมเดินเข้าไป

“บอส กรูขอคุยอะไรด้วยหน่อย” มันพยักหน้ารับรู้แล้วก็เดินตามผมออกมา
“โบ๊ทเป็นไงบ้างครับ” มันถามผมตอนที่เรายืนอยู่กันสองคนอยู่หน้าห้องสภา
“เมื่อวานเบนซ์บอกว่าโบ๊ทไม่ยอมพูดกับใคร บอสเป็นห่วงโบ๊ทมากเลยรู้ไหม” สีหน้ามันเคร่งเครียด
“คือ...มรึงจะว่ากรูเห็นแก่ตัวก็ได้ จะว่ากรูมันเลวก็ได้” มันเอื้อมมือมาจับมือผมไว้
“กรูอยากขอให้มรึงรอกรูหน่อยได้ไหม”
“ขอเวลากรูหน่อย กรูรู้ว่ากรูเห็นแก่ตัว กรูไม่อยากจะสูญเสียมรึงไป”  ฝ้าน้ำขาวเริ่มขึ้นมาเกาะที่ขอบตา

มันเอื้อมมือมาจับไหล่ผมก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” หัวใจผมพองโตทันทีที่ได้ยินมันพูดอย่างนั้น
“บอสรอของบอสมาตั้งนาน รออีกหน่อยจะเป็นไรไป” มันคลี่ยิ้มที่แสนอบอุ่นให้ผม
“แค่โบ๊ทยอมพูดกับบอส แค่นั้นบอสก็ดีใจมากแล้ว”
“แต่อย่าให้บอสรอนานนะ เดี๋ยวใครมาคาบไปก่อนช่วยไม่ได้เน้อ” มันทำหน้าล้อเลียนผม
ขอสักทีเถอะ ผมเตะหน้าแข้งมันไปหนึ่งที
“อูยยยย” มันร้องทำหน้าเหย่ เอามือไปลูบหน้าแข้งตัวเอง
“ใจร้ายอะ” มันหันมาโวยผม

ผมคว้าคอมันเข้ามากอด
“ขอบใจมาก”  ผมกระซิบที่ข้างหูมัน

......

ผมเดินกลับมาที่ชมรม ด้วยอารมณ์ที่ปลอดโปร่งที่สุด ต่อไปก็เหลืองานยากแล้วล่ะ
“เฮ้ยย ไอ้เชี่ยยยโบ๊ท” นั่นมันเรียกกรูหรือมันด่ากรูวะ
“ไงวะ สัสแบงค์”  มันเอามือชี้หน้าผม หน้าตาตกตะลึง
“ไอ้เชี่ยโบ๊ทตัวเดิมกลับมาแล้ว”  หน้าตามันดีใจ
“สัส กรูสรรพนามเป็นคน ไม่ใช่ตัว”
“ปากดีนะมรึง เมื่อวานนี้หง่อยเป็นหมาเหงา สัส” สุดท้ายมันก็โดนผมโบกหัวมันไป 

ตรึง..ผมควักไอโฟนขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง

BOSS :
U complete me  07.45
                                                   07.45  my life hasn’t be the same because U

ผมยิ้มกว้างทันทีที่เห็นข้อความ และรีบพิมพ์ตอบข้อความตอบกลับ

“ไอ้โบ๊ทมีคนมาหา”
ไอ้บีมตะโกนบอกผมหลังจากโผล่มาครึ่งตัวจากประตูหน้าชมรม
“ใครวะ” ผมเดินเกาหัวแกรกๆเดินออกมา ก็เจอเด็กหนุ่มรูปร่างสูง หน้ายาวๆ คิ้วหนาๆ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าหน้าตาดีคนหนึ่งเลย สะพายกล้องถ่ายรูปไว้ที่คอ

“โบ๊ท หัวหน้าชมรมเทนนิสใช่ไหม”
“อืมม” ผมทำหน้างงๆ
“เบลนะ เป็นหัวหน้าชมรมถ่ายภาพ”
“ครับ” ผมก็ยังงงๆ อยู่ดี ว่าไอ้นี่มาทำไมวะ
“คือ งานกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนเรากับเด็กกางเกงน้ำเงินหน่ะ ชมรมเราถูกรับมอบหมายให้คอยเก็บภาพบรรยากาศอะ”
“แล้ว.......”
“ก็เลยมาขอและบอกว่าไม่ต้องตกใจนะถ้าเห็นผมหรือคนอื่นๆในชมรม มาถ่ายรูป”
“อ๋อ เรื่องแค่นี้เอง ได้ไม่มีปัญหา เดี๋ยวเราบอกเพื่อนๆในชมรมให้”
“อืมม ขอบใจมาก”
“ม.5 เหมือนกันไม่ต้องพูดสุภาพขนาดนั้นก็ได้นะ เพื่อนกัน” ผมอดจะบอกมันไม่ได้
“อยากถ่ายอะไรก็บอกแล้วกันนะ”
“ขอบใจมาก” มันก็ยังเกรงใจผมอยู่ดี
“นายห้องไหนอะ” ผมถามมัน
“ห้อง 8 อะ” ผมเหลือบตาขึ้นนึกว่ามีใครบ้างวะห้องนี้
“ห้องเดียวกับไอ้เบียร์ ไอ้เบสต์” มันบอกตอนเห็นผมทำหน้านึก
“ไอ้เบียร์หัวหน้าชมรมคหกรรม ไอ้เบสต์หัวหน้าชมรม X-Game อะ” 
“อ๋อ” ผมอ๋อไปก่อนเพราะยังนึกหน้าไม่ออกอยู่ดี ไอ้เบียร์หน่ะรู้จักเมื่อวานก็เพิ่งเห็นมัน
“งั้นเราไปนะ เดี๋ยวเย็นจะมาเริ่มเก็บรูปนะ” มันยกมือขึ้นบอก ก่อนจะเดินกลับไป

ผมเข้ามาในห้องชมอีกครั้ง
“เฮ้ยย พวกมรึง เดี๋ยวจะมีชมรมถ่ายภาพ เข้าจะเริ่มมาเก็บภาพ พวกเราไปเรื่อยๆจนถึงวันแข่งโน่นเลยนะ พวกมรึงไม่ต้องแอ็กอาร์ท กันมากล่ะ เขาอยากได้ธรรมชาติๆ ไม่ใช่เก็ก” ผมตะโกนบอกพวกมัน

“ว่าแต่ไอ้แบงค์ ไอ้เบสต์ประธานชมรม X-Game นี่มันคนไหนวะ” ผมถามมันเพราะนึกหน้าไม่ออกจริงๆ
“ก็ไอ้เบสต์ ห้อง 8 ไง”
“เบสต์ไหนวะ”
โป๊กก
“ไอ้เชี่ยโอมมม เดี๋ยวกรูเยี่ยวรถที่นอน สัส” ผมเอามือรูปหัวไป ด่ามันไป
“ก็เวลาประชุม มรึงก็ส่งแต่กรูไป แล้วมรึงจะรู้จักใครบ้างวะ”
“ก็ไอ้ที่หน้ากวนตีนๆ หน่อย ที่ชอบพก สเก็ตบอร์ดติดตัวไปด้วยบ่อยๆไงมรึง”
“อ๋อ” ถึงบางอ้อแล้วกรู
“เที่ยวหน้ามรึงไปประชุมเอง บ้างนะโว้ยยย” โดนมันด่าปิดท้ายยยย กรูแค่อยากรู้เท่านั้นเอง

“สรุปแล้วไอ้เบนซ์พี่มรึงนี่คบกับไอ้เบียร์ช่ายปะวะ” ไอ้แบงค์เปิดประเด็น
“กรูก็ไม่แน่ใจเท่าไรนะ“ มรึงอยากรู้ก้ถามมันสิ เย็นนี้มันก็มา
“นี่พวกมรึงเคยได้ยินข่าวมั้ย ที่ไอ้เบียร์เคยคบกับไอ้บิวหัวหน้าชมรมดนตรีอะ ห้องเดียวกับกรูกับไอ้บีมอ่ะ” ไอ้ไบร์ทเข้ามาร่วมวง
“ไอ้มือกีตาร์หน้าหล่อๆอะนะ” ไอ้แบงค์เสริมขึ้นมา
“ตั้งแต่เมื่อไรวะ” ผมเกาหัวแกร่กๆ
“พวกมรึงไปอยู่ไหนมา เขาลือกันให้หึ่งทั้งโรงเรียนว่าไอ้บิวทิ้งไอ้เบียร์”
“ไอ้ไบร์ทมรึงน่าจะไปอยู่ชมรมวารสารนะ รู้ลึก รู้ดี ทีวีพูลมากมรึง” ไอ้แบงค์เริ่มปล่อยหมา
“ไอ้สัส มรึงจะฟังต่อไหม” แต่ก่อนที่ไอ้ไบร์ทจะพูดต่อ
“สรุปตอนนี้พี่กรูก็กำลังดามอกไอ้เบียร์อยู่ช่ายไหม”
“ตามรูปการณ์แล้วกรูก็ว่างั้นหว่ะ” ไอ้บีมที่นั่งฟังก็บข้อมูลสรุปปิดท้าย

….

ขณะมาสเซอร์ ปฐมศก กำลังสอนอยู่

ไอโฟนผมสั่นดังอยู่ใต้โต๊ะ ผมค่อยๆเหลือบไปมอง มาสเซอร์ แล้วค่อยๆเลื่อนไอโฟนออกมาดู

Boss
รอกินข้าวกลางวันนะ  10.35
                                                                    10.36 อืมม แล้วเจอกัน

ผมค่อยๆแอบพิมพ์ตอบมันไป

หลังจบคาบ ผมกำลังเตรียมเก็บของย้ายห้องเรียน ไอโฟนเครื่องเก่าสั่นอีกครั้ง

May
โบ๊ท เป็นอะไรหรือเปล่า โทรไปก็ปิดเครื่องเมย์เป็นห่วงโบ๊ทมากนะ    11.01   

เพลงพี่ชาคริต (เก่าไปหน่าย) ดังอยู่ในหัวผม

ทนอยู่ในความกังวล ไม่รู้ทางออก
บางสิ่งจะบอกตรงๆ ก็ช้ำใจ
ความผิดที่ตัวเราเองสร้างไว้ ยิ่งใหญ่
เธอคงจะลังเลใช่ไหมถ้ารู้

เธอบอกว่าฉันนั้นมีรักไม่โปร่งใส หัวใจฉันมีแค่เธอ
แต่เขาก็ยังรักฉันอยู่เสมอ ไม่อยากตัดสินใจ
ไม่รู้จะเลือกใคร จะหันไปทางไหน ก็มีแต่ความรักดีๆให้ฉัน
ถ้าเสียคนหนึ่งไป ฉันคงจะใจหายเหมือนกัน
แต่ถึงจะเลือกเธอ หรือจะเลือกเขา ก็ปวดร้าวในใจเท่ากัน
ก็ความรักที่เธอและเขามีให้ฉัน มันแสนจะดี จนวันนี้ไม่อยากจะเลือกใคร....

40-30
Game
See You Next Game   

----------------------------------------------------------------------------------------
ตอบคอมเมนท์ครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ aoddy10553

ขอบคุณมากครับ ดีใจที่รีดเดอร์ชอบนะครับ^^
ขอบคุณที่ติดตามด้วยนะครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ Spelling_B

ครับ ตัวบีเต็มเรื่องเลยครับ อิอิ
มีกลิ่นอาย love sick :: นั่นมันฟิคในตำนานเลยนะครับ  ><
มาต่อแล้วครับ^^

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
ถ้าเมเป็นคนดี ทิ้งไปก็สงสาร แต่ในเมื่อโบ๊ทไม่ได้รักเมก็ควรบอกซะ
เรื่องนี้มันวาย เธอเป็นชะนีเลยอดไปต่อ ฮ่าฮ่าฮ่า  :hao7:

เมะในเรื่องชอบ บอส แต่เคะรู้สึกชอบ เบียร์ อ่ะ
ว่าแต่เบียร์มีข่าวควงหลายคนเหรอ รึว่า 3p หึหึหึหึหึ

เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมต้องโชคชะตาตัว B  :hao3:
ตัวละครในเรื่องมันขึ้นต้นด้วยตัว B โคตรเยอะเลย

เป็นกำลังใจให้จ้า

ปอลิง: ใช้คำว่า คนเขียน คนอ่าน ดีกว่านะ เดี๋ยวกระทู้โดนอุ้ม

ออฟไลน์ destiny_of_b

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
@ 18th Game – The way you look at me

“สวัสดีครับ” ผมกดรับโทรศัทพ์
“โบ๊ทเป็นอะไรหรือเปล่าอะ ปิดเครื่องอีกแล้ว” เสียงหวานๆสอบถามอย่างร้อนรน
“ขอโทษทีนะครับเมย์ โบ๊ทยุ่งๆอะ ลืมชาร์ตแบต” แก้ตัวตามระเบียบ
“ยุ่งจนลืมเมย์เลยนะ” เสียงเมย์ตัดพ้อผม
“ขอโทษนะครับ ช่วงนี้ซ้อมหนักอีก 2 อาทิตย์ก็แข่งแล้วอะครับ”  ผมพยายามอธิบาย
“แล้วนี่กินอะไรหรือยัง”
“กำลังจะไปครับ แล้วเมย์ล่ะ” ผมอดถามเธอไม่ได้
“กำลังจะไปเหมือนกันค่ะ” ผมนึกสภาพไม่ออกจริงๆถ้าไม่ใช่เมย์ผมคงโดนฉีกเป็นชิ้นๆไปแล้วกับการหายตัวไปแบบนี้
“งั้นทานข้าวเผื่อผมด้วยนะครับ”
“ไม่เอา เดี๋ยวอ้วน” เสียงเล็กๆสดใสน่ารักตอบกลับมา
“งั้นเมย์ไปทานข้าวก่อนนะคะ”
“ครับไว้คุยกันครับ อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะครับ” ผมกดวางโทรศัพท์ และรีบเดินตามไปไอ้แบงค,ไอ้บาส,ไอ้บูมไปโรงอาหาร..

พอถึงหน้าโรงอาหาร ก็เห็นไอ้บอสนั่งรออยู่
“ทำไมมาช้าล่ะครับ” ผมเลิกลั่กนิดหน่อย
“ลืมของอะ” แก้ตัวไปก่อน เฮ้อออ วันนี้มีแต่เรื่องแก้ตัวหว่ะตรู
“ไปทานข้าวกัน” พอได้ยินอย่างนั้นผมถึงกับโล่งอก
“โบ๊ทอยากทานอะไรครับ”
หลังจากซื้อข้าวกันเสร็จ ผมกับไอ้บอสกำลังเดินไปที่โต๊ะที่พวกไอ้ตัวแสบนั่งอยู่

“บอส” เสียงเรียกดังมาจากข้างหลัง บอสกับผมหันไปดู
ก็เห็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีผิวขาวสะอาด หน้าตาได้รูป เรียกได้ว่าเป็นดาวเด่น ยืนอยู่ข้างหลังเรา
“อ้าววิน ว่าไง” ไอ้บอสทักกับไป
“นี่ไฟล์งานวารสารเดือนนี้” มันยื่นตรั้มไดรฟ์ ส่งให้ไอ้บอส
“แล้วจะให้แก้อะไรก็ มาร์คมาด้วยนะ เดี๋ยวเย็นนี้ไปเอา” มันกำชับไอ้บอส
“เออ วิน รู้จักโบ๊ทมั้ย” อ้าวไอ้เชี่ยนี่ มรึงจะแนะนำกรูทำไม ผมด่ามันในใจแต่ก็พยักหน้าให้ วิน
“มันเหลือบมามองนิดนึง” แล้วก็พยักหน้าให้นิดๆ ไอ้เชี่ยแมร่งหยิ่งโคตร
“นี่ใช่ไหมหัวหน้าชมรมเทนนิส ที่เล่มหน้าต้องไปสัมภาษณ์หน่ะ” มันพูดจบหันมามองที่ผม ผมหน้าเหว่อ ไอ้บอสมรึงปรึกษากรูยัง?
“อืมมมม” ไอ้นี่ยังคงยิ้มจนตาหยี่
“งั้นเดี๋ยวหน้าคงต้องรบกวนขอเวลาสัมภาษณ์หน่อยนะครับ” มันหันมายิ้มที่มุมปาก
“ค..คราบ” ผมยิ้มหน้าเจื่อนๆตอบมันไป

หลังจากแยกกับไอ้วิน ผมหันไปมองหน้าไอ้บอส
“ใครวะ”
“ก็ไอ้วินไง หัวหน้าชมรมวารสารไง”
“เออ กรูรู้แล้ว แล้วทำไมมันต้องมาสัมภาษณ์กรูวะ”
“ก็มันต้องทำวารสารไง แล้วเล่มหน้ามันก็ตรงกับช่วงที่ชมรมโบ๊ทต้องแข่งไง”
“สรุปว่ากรูต้องมีหน้าที่ให้ความร่วมมือ ชิมิ” น้ำเสียงแอบหงุดหงิดเบาๆ
“ก็ช่วยๆกันไง และมันก็เป็นผลงานชมรมโบ๊ทด้วยอะ” มันยกเหตุผลมาอ้าง


ก่อนที่พวกเราจะแยกย้ายกันไปเรียนช่วงบ่าย

“บอสอยากถามโบ๊ทว่า..” มันหันหน้ามาถามผม
“สิ่งที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ คือบอสก็ยังดูแล ยังห่วงใย ยังมาเจอ โบ๊ทโอเคหรือเปล่า”
“ทำไมล่ะ” ผมถามมันกลับไป
“ก็สถานะที่เราตกลงกันไว้กับสิ่งที่บอสทำอยู่ บอสกลัวว่าโบ๊ทจะอึดอัด” สีหน้ามันเศร้าลง
“ไม่อึดอัดหรอก กรูตาหากที่ต้องขอบคุณ ที่มรึงยังดีกับกรู และเข้าใจกรู”
“อืมม ขอบใจมาก”
“ตั้งใจเรียนนะครับ”  บอสมันเอามือมาเขย่าหัวผมเบาๆ
 “อืมมม” ผมยิ้มน้อยๆให้มัน

“ไอ้เชี่ยโบ๊ท ร่ำลากันเสร็จหรือยัง เดี๋ยวไปเรียนไม่ทันกันนะพวกมรึง” ไอ้เชียแบงค์ตะโกนเรียกเสียลั่น
“ไปเรียนก่อนนะ” ผมหันไปบอกไอ้บอส แล้วยกมือให้มัน ก่อนจะรีบวิ่งไปไหล่เตะให้เชี่ยแบงค์

หลังจากพักเบรกระหว่างคาบ

“งานกรูแมร่งโคตรเยอะ” ไอ้บาสเริ่มบ่นกระปอดกระแปด
“บ่นไรมรึง” ไอ้บูมถาม
“ก็วงกรูต้องแสดงร่วมกับอีกวงเด็กกางเกงน้ำตาลแถวถนนพระราม 1 พิธีเปิดงานบอลไง นี่กรูวิ่งลอกขาแถบขวิด ไหนจะประชุม ไหนจะซ้อมวง” มันบ่นยาวเหยียด
“แหม่ ของกรูก็ใช่น้อยนะมรึง ทำมาเป็นบ่น สัส” ไอ้บูมเริ่มด่าได้บาส
“ของกรูทั้งเชียร์ ทั้งแปลอักษร เยอะกว่ามรึงอีกกรูยังไม่บ่น”
“เออ ท่านประธานเชียร์ ก็ทีมงานมรึงมหาศาลอยู่นี่หว่า”
“ของกรูมันมีแค่ไม่กี่คน ถ้าคิดหารจำนวนงานต่อคน ของกรูเยอะกว่าชัวร์” ไอ้บาสไม่ยอมแพ้
“อย่าบ่นมากพวกมรึงมีไรก็ทำๆกันไป สัส” ผมตัดบทพวกมันขณะมิสกำลังกลับเข้ามาสอน

วันนี้ตอนเย็นที่คอร์ท พวกเราก็ซ้อมกันตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติ คือมีไอ้เบล กับพวกในชมรมถ่ายภาพ มายืนถ่ายรูปพวกเราตอนซ้อมกันอยู่ ขนาดมันบอกแล้วว่าจะมา ยังทำให้เกร็งๆไปเหมือนกัน

ไอ้บีมกับไอ้ไบร์ท ถึงกับเขินกันเลยทีเดียว ซ้อมไปหัวเราะไป มีแต่ไอ้แบงค์ที่ดูเริงร่าลั้นลากับการถูกถ่ายรูป
“ไอ้แบงค์แมร่งโคตรหน้าด้านเลย” ไอ้ไบร์ทเริ่มนินทา ขณะที่ไอ้แบงค์กำลังซ้อมกับไอ้วาย
“มีอะไรทำให้มันเขินได้กะเค้ามั้ยนี่” ไอ้บีมเริ่มเสริมมา
“มีหว่ะ” ไอ้สองตัวหันมามองหน้าผม
“ก็ไอ้อาร์มไง” แล้วพวกมันก็ถึงบางอ้อ
“พูดถึงเลขาสภา เลขาสภาก็มา” ไอ้ไบร์ทพยักเพยิด ให้ผมมองตามมันไป
“ไม่ใช่แค่เลขานะมรึง ประธานสภาก็มาหว่ะ” ไอ้บีมเริ่มปล่อยหมาออกจากปาก
“ชมรมเราแมร่งมีไรดีวะ แมร่งกวาดเรียบทั้งประธานทั้งเลขาสภาเลยหว่ะ” ผมโบกหัวไอ้ไบร์ทไปหนึ่งโบก ก่อนจะเดินไปหามันสองคนที่ประตูรั้ว

“ว่าไงครับท่านประธานท่านเลขา มีไรให้ผมช่วยครับ” ผมเอ่ยทักพวกมัน
“ซ้อมเหนื่อยไหมครับ” ท่านประธานถามผมกลับ เล่นเอาไปไม่เป็น กะจะกวนทีนเล่นสักหน่อย
“นิดหน่อย”  แล้วมีอะไรเย็นๆถูกเอามาทาบที่คอผม สะดุ้งกันเลยทีเดียว
“อ่ะเผื่อจะทำให้หายเหนื่อย” ไอ้บอส มันเอาขวดเกลือแร่เย็นๆ ที่มันซ่อนอยู่ข้างหลังมัน มาวางทาบที่ต้นคอผม สายตาคู่นั้นที่มองมาที่ผม เต็มไปด้วยความห่วงใย ความรู้สึกดีๆ ถูกส่งผ่านมาทางสายตาคู่นั้น

“แค่บอสมาก็หายเหนื่อยแล้ว” พูดเสร็จก็ยกขวดเกลือแร่เข้าปากแก้เขิน ส่วนท่านประธานยิ้มแก้มแทบปริ

“โบ๊ท ฝากให้แบงค์ด้วย” ไอ้อาร์มเก้ๆกังๆ ยื่นขวดเกลือแร่ให้ผม
“ไอ้เชี่ยแบงค์ มีคนเอาเกลือแร่มาฝาก” ผมตะโกนไปลั่นคอร์ท

“ฮิ้วววว” เสียงโห่ฮาจากแก๊งค์นรก
“อิจฉาโวย” เสียงไอ้ไบร์ทตะโกนกลับมา
ไอ้แบงค์ค่อยๆเดินมาหาพวกเราที่ประตูรั้ว ตอนนี้ไอ้อาร์มหน้าแดงยืนบิดไปบิดมา ส่งขวดเกลือแร่ให้ไอ้แบงค์

“ว่าแต่พวกมรึงมีธุระอะไรหรือเปล่า” ผมมัวแต่กัดกันแซวกัน จนพวกมันยังไม่ตอบ
“เปล่า เมื่อตอนบ่ายไอ้เบลมันมาบอกว่า จะเริ่มเข้ามาถ่ายรูปพวกชมรมเทนนิส นี่เลยก็คิดว่าจะโฉบมาดูหน่อย” 
ผมทำหน้ากวนตีนมัน ก่อนจะพูดไม่ออกเสียง “ข้ออ้างล่ะสิ”
มันยักคิ้วกลับมา พร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส

“มาอยู่นี่กันหมดทั้งประธานทั้งเลขา” เสียงแอบวีนเบาๆ
“อ้าว ว่าไงวิน” ไอ้บอสถามกลับไปขณะที่เด็กหนุ่มที่เรียกได้ว่าเป็นดาวเด่นในโรงเรียนกำลังเดินหน้ามุ้ยมาทางพวกเรา
“ก็จะมาเอางานที่ส่งให้ prove”
“เออ โทษทีลืมไป” ไอ้บอสควานหาของในกระเป๋า ก่อนจะหยิบตรัมไดร์ฟ ส่งคืนให้
“ที่นี่มันมีอะไรดีนะ ทั้งประธานทั้งเลขาสภาถึงมาจ๋อมกันอยู่ที่นี่” มันพูดแล้วยิ้มๆ
แต่ทำไมผมรู้สึกไม่ดีเลย แต่ด้วยมารยาทผมก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆไป
“บ่นจริงวุ้ย” ไอ้บอสโพล่งออกมา ทำให้สีหน้าไอ้วินจ๋อยไป
“เออ งั้นกรูไปก่อน” มันบอกไอ้บอส ก่อนจะไปมันเหลือบตามามองผมแว็ปหนึ่ง ปกติแทบจะไม่เคยเห็นไอ้บอสเอ่ยปากว่าใคร งานนี้ไอ้วินโดนไปเต็มๆ ก็คงไม่แปลกที่มันจะโกรธ ผมคิดอย่างนั้น

“อย่าคิดมาก มันก็นิสัยแบบนั้นแหละ” ไอ้บอสรีบตบบ่าบอกผม
“กรูไม่คิดมากหรอก กรูคิดว่าทั้งหมดเป็นปัญหาของมันไม่ใช่ของกรู” ผมตอบมันกลับไป
“แฟนใครหว่า เก่งมาก” ไอ้ห่านี่กรูเขิน

ก่อนที่ผมจะกลับไปซ้อม รถ Audi Q5 SUV คันหรูจะจอดลงตรงข้างๆสนาม เด็กหนุ่มหน้าตาดีกางเกงสีน้ำเงินใส่แว่นดำ เดินลงมาแล้วไปเปิดท้ายรถ หอบกระเป๋าโคฟเว่อร์ FILA สีดำแดงจะเดินเข้ามาที่คอร์ท ทุกคนในคอร์ทหันไปมอง แล้วมันก็ถอดแว่นดำออก (แมร่งหล่อสาด)

“ไอ้สัสเกมส์”  ผมเรียกชื่อมันเสียงดัง มันเดินมาใกล้ ก่อนจะ Hi Five กับผม เราจับมือกันแล้วเอาไหล่ชนกัน ก่อนมันจะทักไอ้แบงค์,ไอ้บีม,ไอ้ไบร์ท

ผมรู้สึกร้อนๆ ผมว่าผมกำลังถูกแผ่รังสีอำมหิตอยู่แน่ๆ แล้วก็เป็นจริงดังคาด

Game
40-15
See You Next Game

--------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer

ขอบคุณมากครับ ดีใจที่ชอบ บอสนะครับ ส่วนเคะ เท่าที่ถามๆมามีแต่คนชอบเบียร์เหมือนกัน ครับ^^

ส่วนน้องเมย์นั้น น่าสงสารครับ คนเขียนๆเองยังสงสารเบยครับ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยนะครับ

คนเขียนจะสู้ต่อไปครับ อิอิ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-03-2014 11:56:34 โดย destiny_of_b »

ออฟไลน์ Spelling_B

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

เกมส์น่าสนใจ อิอิ

ชื่อตัวบีเยอะมากมึนไปนิดหน่อยเวลาอ่าน...ต้องตั้งสมาธิมากๆอ่านผ่านๆจะหลงทันที :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด