ห้วงรักเสน่หา + เกียรติยศ กบฏหัวใจ โดย Rain-at-Rose
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ห้วงรักเสน่หา + เกียรติยศ กบฏหัวใจ โดย Rain-at-Rose  (อ่าน 292700 ครั้ง)

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #90 เมื่อ08-05-2008 11:49:38 »

ต่อค้าบบบ  เริ่มมีคู่น่าจับตามองคู่ใหม่ละนะ  อิอิ
นี่มาลงเพื่อพูห์เลยนะเนี่ย 555 ว่างใช่มะ  อ่านไปเลย   
ต้อนรับน้องใหม่ nowww กับ Dekchin  Alulugan นึกว่าหายไปแล้ว
++++++++++++++++++++++++++++++++

ห้วงรัก5 Sorrowful/ความเศร้าเสียใจ


สิ่งที่ธีรเดชได้รับรู้ สิ่งที่หนักใจ เขาอยากจะพาคุณหมอกลับไปยังกรุงเทพฯ ชายหนุ่มวางผลตรวจไว้บนโต๊ะ จริงๆแล้วคุณหมอต้นธาราจะรู้ไหมนะว่าตัวเองเป็นอะไร แต่ต้นธาราน่าจะรู้...เป็นห่วงเหลือเกินที่เห็นคุณหมอเป็นลมไป ทั้งๆที่เป็นหมอแท้ๆ ชายหนุ่มกลุ้มใจจริงๆ ใบรายงานผลทางการแพทย์กับความหวังของนายพลพิภพที่ต้องการพาบุตรชายกลับไปรักษาตัว ความดื้อดึงที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีให้แก่กันกลายเป็นปัญหา เข้าใจดีว่านายพลพิภพหัวแข็งมากเพียงไร แต่ลึกๆแล้วท่านห่วงบุตรชายที่ดูเหมือนจะหลงไปในความรู้สึกที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง ธีรเดชถอนใจ เขาถอดชุดฝึกออก คงเหลือแต่เสื้อสีเขียวเข้มหยิบเสื้อกันหนาวติดตัวไปพร้อม ชายหนุ่มลงจากบ้านพักเพื่อไปหาคุณหมอ เมื่อไปถึงยังบ้านพักของคุณหมอต้นธารา ทั่วทั้งบ้านเงียบสงบ ธีรเดชรีๆรอๆอยู่ชั่วขณะ ไม่เห็นคุณหมอจุดตะเกียง ก็คิดว่าคุณหมอคงหลับไปแล้ว แต่ด้วยความเป็นห่วงว่าคุณหมอจะป่วยหนัก ชายหนุ่มก็ตัดสินใจเคาะประตู แรกๆเขาเคาะเบาๆก่อนจะเพิ่มแรงเคาะ ก็ไม่เห็นมีใครมาเปิดประตูให้ ธีรเดชจึงยืนอยู่หน้าประตูสักพัก คิดสงสัยว่าคุณหมอหายไปไหน เขาก็มองไปทางธงของโรงพยาบาลพัดโบกไหวในความมืดมิด ในนั้นยังสว่างอยู่ ชายหนุ่มคิดว่าคุณหมออาจจะเข้าเวรก็ได้จึงตรงไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ ธีรเดชก้าวเข้าไปข้างใน มีหมอที่อยู่เวรแค่คนเดียวเท่านั้นเอง ซึ่งก็คือคุณหมอมาริสา หญิงสาวนั่งหน้าเคร่งฝังกายอยู่กับโต๊ะทำงาน ชายหนุ่มหยุดอยู่สักพัก มองเคาท์เตอร์สำหรับชงเครื่องดื่ม ชายหนุ่มจึงไปชงนมที่อยู่ในโถยื่นให้แก่คุณหมอสาวซึ่งเงยหน้าขึ้นมาตกใจเล็กน้อยยามเห็นผู้กองคนใหม่ยิ้มให้กับเธอ

"พักสักหน่อยนะครับ"

รอยยิ้มพาดอยู่บนใบหน้าของผู้กองคนใหม่ มาริสาเอื้อมมือรับแก้วนมพร้อมกับเชื้อเชิญให้นั่ง

"ไม่รู้ว่ามันจะหวานเกินไปหรือเปล่านะครับ"

เขามองดูริมฝีปากอิ่มแตะขอบแก้ว

"ขอบคุณมากค่ะ ดิฉันตกใจหมด...เออ เรื่องเครื่องดื่มแค่นี้ก็พอดีแล้วค่ะ"

มาริสาตอบธีรเดช เธอกุมถ้วยอุ่นๆ อากาศของที่นี่เย็นจัด ชายหนุ่มดูคุณหมอสาวที่ใส่เพียงเสื้อกาวน์สีขาว สวมกระโปรงพลีท ชายหนุ่มเห็นเธอสั่นนิดๆและรู้สึกว่าสุขใจยามที่ได้ดื่มอะไรร้อนๆ

"มีธุระอะไรหรือเปล่าค่ะ"มาริสาถามผู้กองหนุ่ม

"ผมมาหาคุณหมอต้นธาราครับ เห็นว่าอาจจะเข้าเวร"

ชายหนุ่มตอบ ก่อนจะถอดเสื้อกันหนาวลุกขึ้นไปห่มให้คุณหมอสาวที่นั่งอึ้งต่อความใจดีของผู้กองธีรเดช

"ข...ขอบคุณมากค่ะ"

เธอกระชับเสื้อกันหนาวที่มีกลิ่นโคโลญจ์อ่อนๆไว้แน่น หน้าแดงนิดๆ

"คุณหมอธารรู้สึกว่าวันนี้จะไม่ได้เข้าเวรน่ะค่ะ เป็นวันพรุ่งนี้...แต่เอ๋...คุณหมอธารป่วยอยู่นี่คะ"

มาริสารำพึง ชายหนุ่มนิ่ง

"ผมไปหาคุณหมอที่บ้านไม่เจอ บังเอิญว่ามีธุระสำคัญด้วย"ธีรเดชทำท่ากังวลใจ

"ฝากดิฉันไว้ไหมคะเผื่อคุณหมอธารเข้าเวรตอนตีห้า"

มาริสาเอ่ย เธอวางแก้วเครื่องดื่มที่เหลือครึ่งแก้วลง

"อ้อ ไม่เป็นไรครับแล้วคุณหมอมาริสารู้จักบ้านของผู้กองภานุไหมครับ?"

หญิงสาวเลิกคิ้ว

"บ้านของผู้กองภานุหรือค่ะ ถ้าจะไปตอนนี้ก็...."

เธอหยุดไป ธีรเดชทำหน้าแปลกใจ

"มีอะไรหรือครับ?"

ความนุ่มนวลที่แฝงทุกคำพูด มาริสาก็อธิบายให้ฟัง

"บ้านของผู้กองภานุอยู่ห่างไกลจากค่ายพอสมควรค่ะ ทางที่ไปก็เป็นทางลูกรัง มืดก็มืดอาจมีฝ่ายตรงข้ามดักทำร้ายเอาได้นะคะ"

ธีรเดชยิ้มกับคำเตือนนั้น

"ไม่เป็นไรหรอกครับ...ผมพกปืนไปอยู่ แล้วบ้านของผู้กองอยู่ตรงไหนครับ"

เขาขอคำตอบ คุณหมอสาวก็เลยต้องอธิบายให้ฟัง

"บ้านของผู้กองภานุหรือคะ อยู่ตรงชายป่าค่ะ มันจะมีทางแยกลงไปท้ายหมู่บ้านนะคะ ผู้กองเขาอาศัยอยู่ที่นั่น"

ธีรเดชกล่าวขอบคุณเธอ

"ครับ ขอบคุณมากครับ คุณหมอก็ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ อากาศแถวนี้มันเย็น"

คำพูดนั้น ส่งผลให้มาริสายิ้มหวาน

"ค่ะ...ผู้กองก็ระวังตัวด้วยนะคะ..."

ธีรเดชผงกหัว เขาออกจากโรงพยาบาล หยุดอยู่ทางเบื้องนอก แสงดาวทอประกาย ดวงจันทร์ขึ้นลับเหลี่ยมเขา หมอกยามค่ำคืนลอยจางๆ สายลมหนาว ผู้กองหนุ่มห่อไหล่ เขาทำหน้าเคร่ง...รับรู้แล้วว่าคุณหมอธารหายไปไหน...แต่เขาอาจจะคิดไปเองก็ได้ ชายหนุ่มล้วงกระเป๋า ลองไปบ้านของผู้กองภานุตามคำบอกกล่าวของคุณหมอมาริสา ชายหนุ่มเดินไปตามความมืดมืด ทั่วทั้งป่าราวกับจะหลับไหล ไม่มีเสียงของสรรพสิ่งใด ผู้กองหนุ่มเดินก้มหน้าหลบลมหนาวที่ค่อยๆพัดปะทะ เขาเงี่ยหูฟังทุกสรรพสิ่งที่ดังขึ้น ชายหนุ่มหยุดนิ่งสักระยะ ยามที่ได้ยินเสียงใบไม้หล่น ภายใต้ความมืดมิด ผู้กองคนใหม่หันหน้าไปดู ดวงตานั้นจ้องเขม็งกับที่มาของเสียง ชายหนุ่มหยิบปืนพก ค่อยๆปลดไกปืนจับกระชับมั่นไปยังจุดที่เกิดเสียง เขาเห็นเงาวูบไหว ชายหนุ่มยิ้มเหี้ยมเกรียม...เงานั้นดูท่าจะรู้ตัวเสียแล้วว่าเขารับรู้ แต่ในที่มืดๆอย่างนี้เงานั้นกลับเคลื่อนที่ได้รวดเร็วเหลือเกิน หลบหลีกดุจจะรู้เส้นทาง

ธีรเดชแปลกใจขณะที่เข้าไปในอาณาเขตป่า เงานั้นดุจจะกลืนกินไปกับความมืดมิด เขาคิดว่าอาจจะเป็นสัตว์ยามค่ำคืนหรือเปล่า...แต่เขาก็เห็นเป็นชายเสื้อรางๆ...ฝ่าการตรวจตรามาได้อย่างไรนะ ชายหนุ่มลดปืนสีดำสนิทลง คิดจะรามือแต่เขาก็ต้องหยุดนิ่งเมื่อรู้ว่าศีรษะได้รับความเย็นเฉียบ เขาขยับแต่รับรู้ได้ว่า เขากำลังถูกกดแนบกับสิ่งแข็งๆซึ่งเขารู้ดีว่ามันคือปืน.38 แถมลำคอยังรับรู้ถึงความเย็นเฉียบของสิ่งกรีดคม มันกดเนื้อผิว รับรู้ถึงความแสบร้อน...ธีรเดชนิ่ง ไม่ขยับตัว เสียงกระซิบเป็นภาษาแปลกๆ แฝงคำข่มขู่...ช่างโง่บัดซบยิ่งนักที่ตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือศัตรูง่ายๆ

"แกเป็นใคร"

ชายหนุ่มส่งเสียงถามอย่างกระชากๆ ดูท่าท่างคนที่จับเขาไว้จะตกใจมากมาย มือที่กอดรัดไว้คลายออกเล็กน้อย

"ผู้กองนาคี?"

เสียงถามอย่างสงสัยงุนงง ธีรเดชอึ้ง เหตุใดคนๆนี้ถึงว่าเขาเป็นผู้กองนาคีที่สิ้นใจไปแล้วแล้วรู้จักได้อย่างไร...งุนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะใช้โอกาสนั้นปัดทุกอย่างออกจากตัว ชายหนุ่มหันไปชกท้องจนร่างนั้นจุกไป อีกฝ่ายเมื่อรู้ว่าพลาดพยายามจะกู้สถาณการณ์คืน แต่ธีรเดชไวกว่า ชายหนุ่มบิดแขนให้ปล่อยมีดและปืน ก่อนจะเตะมันไปไกล เขาก็รีบหยิบปืนมาจ่อหน้าผาก กดร่างไว้ใต้ตัว มองดูใบหน้าที่ถูกซ่อนไว้ใต้ผ้าขาวม้าที่โพกไว้

"แกเป็นใคร?บุกเข้ามาจากไหน"

ธีรเดชสอบถาม เขาบิดแขนไขว้ไว้ ใบหน้านั้นกลับเบือนหนี...ไม่ใช่ผู้กองคนนั้น...

"ผู้กองนาคีล่ะ...เขาอยู่ไหน"

ร่างนั้นตัดสินใจถาม คำพูดที่เอ่ยภาษาไทยชัดเจน แรกๆธีรเดชก็สงสัย เพราะเขารู้ว่าคนๆนี้ต้องเป็นไส้ศึกจากทหารพม่าแน่ๆ

"แกจะเอาอะไรจากเขา?"

ชายหนุ่มกระซิบเสียงต่ำ ให้ฟังดูน่ากลัว ค่อยๆเอื้อมมือไปปลดผ้าที่พันใบหน้าออก ร่างนั้นรีบปัดป้องโดยการเบือนหน้าหนีสุดชีวิต แววตาที่หวาดหวั่นเริ่มปรากฏ

"คุณไม่ใช่ผู้กองนาคี"

เสียงกระซิบ แววตาสีดำสนิทเหลือบมองอาวุธของตน ยิ่งไม่เข้าใจว่าร่างนี้ต้องการอะไร

"นาคีตายไปแล้ว"

ธีรเดชสงสัยว่าอาจจะมีการติดต่อกันลับๆก็ได้ ความตึงเครียดเริ่มก่อเกิด นิ้วแกร่งกระชากผ้าขาวม้าให้หลุดออก ก่อนกลุ่มผมสีดำจะสยายตาม ชายหนุ่มตกใจที่ร่างที่เขากอดอยู่จะเป็นผู้หญิง !... เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ

"เธอ..."

เขาหน้าแดงฉานที่ทับอยู่บนตัว อาจเพราะหน้าอกที่ถูกซ่อน ชายหนุ่มไม่อาจรู้ได้ ใบหน้าที่ซ่อนภายใต้กลุ่มผมยาวสีดำ ดวงตาอาจจะแฝงความหวาดหวั่นไปบ้างแต่มันก็เข้มแข็งและแฝงความพยศ ร่างที่ถูกกดไว้ดูท่าจะแปลกไปยามถูกเรียกเช่นนั้น ธีรเดชรีบออกจากด้วย จับข้อแขนเรียวนั้นแทน เขาหาอะไรมาผูกข้อมือไม่ให้ขัดขืน อีกฝ่ายก็ไม่ดิ้นสักนิด

"ผู้กองนาคี..."

ริมฝีปากนั้นเอื้อนชื่ออยู่ซ้ำๆซากๆกลุ่มผมยุ่งเหยิง ธีรเดชถอนใจ

"จะเรียกหาคนที่ตายไปแล้วทำไม"

ชายหนุ่มถาม เมื่ออีกฝ่ายราวกับจะฝึกมาให้พูดแต่คำนั้น หรือว่าเป็นหญิงสาวที่หลงรักผู้กองนาคีกัน ชายหนุ่มมองดูเธอ...แต่งตัวด้วยชุดมอๆ สวมใส่เสื้อเชิ้ตลายทางไว้ ข้างนอกทับด้วยเสื้อแจ็กเกต รองเท้าเดินป่าดูหนักอึ้ง เอวที่ดูท่าจะบอบบางนั้นสะพายซองกระสุนกับซองมีดที่ใช้ขู่บังคับเขา

"เธอรักเขารึ?"



ชายหนุ่มเดา ไม่อย่างงั้นเธอคงไม่เสี่ยงแต่งตัวมาแบบนี้ ฝ่าอันตรายเข้ามา ดวงตานั้นจ้อง ใสดุจน้ำค้างกระจ่าง สงสัยกับคำพูดนั้น เขาจับผ้าขาวม้าที่ทำเป็นที่จับ ร่างนั้นส่ายหัว...คู่รักหรือ...ชายผู้นี้หมายถึงอะไร ความสงสัยเก็บงำอยู่ในใจเงียบๆ เมื่อไม่ได้รับคำตอบ ธีรเดชก็หยุดนิ่ง

"แล้วเธอจะมาเขาทำไม พูดภาษาไทยยาวๆได้ไหม เห็นฟังออกอยู่นี่"

การหยุดนิ่ง ยิ่งเพิ่มความระแวงแก่ร่างนั้น

"ถ้าเธอไม่ยอมตอบฉันก็จะฆ่าเธอเสีย"

ธีรเดชขู่ เสียงหัวเราะดังขึ้นทันที เสียงใสฟังแล้วสบายใจ ในความมืด เขาหยิบไฟแช็กขึ้นมา จุดไฟให้ติด แล้วใช้แสงอันน้อยนิดนั้นสาดส่องใบหน้าที่ออกซีดๆ ดวงตานั่นหรี่ลงเล็กน้อยราวกับแพ้แสง ดวงหน้าเรียว ดวงตาที่ดุจน้ำค้างหลับลง เขามองริมฝีปากเรียวเม้มแน่นที่เขาทำเสียมารยาท แสงไฟเล็กๆวูบดับ หลังจากที่ดูโดยคร่าวๆแล้วร่างของหญิงผู้นี้ก็สูงพอควร ชายกางเกงหลุดจากรองเท้าเดินป่า ธีรเดชก้มลงยัดคืนให้พร้อมกับผูกเชือกให้เรียบร้อย

"ตอบมาสิ"

ความอ่อนใจ ธีรเดชเริ่มรู้สึกว่าจะถูกปั่นหัวหรือเปล่า รอยยิ้มที่โผล่ออกจากความมืด ช่างเศร้าศร้อย

"ผู้กองนาคี"

ยิ่งพูดย้ำคำเดิมๆ ผู้กองหนุ่มอ่อนใจทันที

"ถ้าเธออยากจะรู้นะ ผู้กองนาคีน่ะตายไปแล้ว ตอนนี้ศพถูกเคลื่อนไปเก็บที่บ้านเกิดแล้ว อยากตามไปคงต้องไปตามเอาที่สวรรค์แล้วล่ะ"

ผู้บุกรุกผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด ก่อนการขัดขืนจะเริ่มขึ้น ชายหนุ่มออกแรงกดไว้

"อย่าดิ้นสิ"

เรี่ยวแรงมหาศาลดีชะมัด ร่างที่ถูกจับไม่ยอมเดิน จู่ๆก็ทรุดนั่ง พนมมือพึมพำด้วยภาษาพม่า ซึ่งชายหนุ่มรู้ว่านั้นเป็นบทสวดที่แผ่ให้คนตาย เขาแปลกใจ...ผู้หญิงคนนี้...พอสวดจบ ดวงตานั้นก็ลืมขึ้นและจ้องเขาด้วยสายตาน่าสงสาร

"ปล่อย..."

อีกฝ่ายวอนขอ ชายหนุ่มอึ้ง น้ำตานั้นไหลลง เขาทรุดนั่ง ถอนใจและใช้นิ้วปาดน้ำตา

"ฉันปล่อยเธอไม่ได้หรอกเพราะต้องนำไปสืบสวน"

ธีรเดชอธิบาย ร่างนั้นนั่งเป็นเสือติดจั่น หาทางออกไม่ได้ จู่ๆน้ำตานั่นก็หยุดไป ชายหนุ่มที่ได้สัมผัสความอบอุ่นของหยาดน้ำใสๆ อยากจะโอบกอดเอาไว้ ลึกๆแล้วธีรเดชหนักใจ เขาลูบกลุ่มเรือนผมยาวสีดำ มันนุ่มสลวยและมีกลิ่นสะอาด

"ได้โปรด ปล่อย..."

เสียงพูดขึ้นอย่างกระท่อนกระแท่น ผู้กองคนใหม่ออกจะหนักใจกับคำขอ ชั่ววูบหนึ่งจะแกะผ้าที่พันข้อมือออก แต่เขาก็ยั้งสติทัน เสียงนกร้องคู้ๆ ดวงตาใสกระจ่างเหลียวล่อกแล่กดูกังวล ชายหนุ่มบีบแขนเธอแน่น...รู้ว่าอาจจะมีพรรคพวกมาเสริม

"คุณเป็นคนใจดีใช่ไหม?"

ร่างนั้นถาม ธีรเดชแปลกใจ

"สัมผัสได้จากท่าทีของคุณ...อย่า..."

คำพูดหลังเหมือนกับไม่ได้เอ่ยกับเขา ชายหนุ่มหันมองรอบๆ ใบหน้านั้นค่อยโน้มเข้าหา กลิ่นรวยริน หอมอ่อนๆแทรกซึมเข้าไปในจมูก ธีรเดชกลั้นใจอัตโนมัติก่อนริมฝีปากอิ่มจะประทับลง แขงขาชาวูบ เรียวแรงราวกับจะหมดหาย...ริมฝีปากอุ่นๆประทับเนิ่นนาน ก่อนค่อยๆถอนออกยามที่ชายหนุ่มล้มลง หลับสนิท

"อย่า...พอแล้ว...ปล่อยเขาไว้ที่นี่แหละ"

เสียงคำสั่งกระซิบ คนที่โผล่มาแปลกใจ

"เหตุใดจึงไม่จัดการสังหารมันเสียนาย"

ร่างนั้นถาม คนที่ลุกขึ้นแก้มัดส่ายหัว

"อย่าได้ทำอะไรเอะอะไป แถวนี้มันเขตของทหาร"

เงาที่ก้มหน้ามองแปลกใจ

"แต่นาย..."

อยากจะถามว่าเพราะอะไรถึงบุกมาที่นี่เพียงคนเดียว ร่างนั้นหยิบข้าวของของตัวเอง นำผ้าขาวม้าห่มร่างที่นอนหลับสนิทไว้

"ฉันก็แค่มาดูลาดราว เจ้ามีเรื่องอะไร?"

อีกคนส่ายหัวกับคำพูดแข็งๆ

"กลับ"

คำสั่งเดียว ก่อนจะถอนกายไปอย่างเงียบเชียบ...ร่างนั้นแตะริมฝีปาก ไม่อยากจะใช้วิธีนี้ แต่มันจำเป็นไม่อย่างนั้น อาจจะไม่ได้กลับ...ดวงตาราวน้ำค้างยังจำแววตาอบอุ่นได้...ผู้กองนาคีกลับชาติมาเกิดหรือ...เขาเป็นใครกัน...นายทหารคนนั้น...ไม่คุ้นหน้าเลยสักนิด

------------------------------------------------


ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #91 เมื่อ08-05-2008 14:14:06 »

โอ๊ะๆๆๆ มีสองคู่เหรอครับเนี่ย!!!


ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #92 เมื่อ08-05-2008 15:38:34 »

อะมีปมใหม่มาอีกแระ

ขอบคุณหนูพิมนะคร้าบบบบบบ

ขอบคุรน้องหนูเรนนี่ด้วยนะคับ

 o13

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #93 เมื่อ08-05-2008 18:01:38 »

 :impress: :impress: :impress:

อ่าครับผม ผู้หยิงคนนั้นเป็นใครหนอ

ปานนี้คุณหมอกับผู้กองภานุไปถึงไหนกันแล้วนะ อิอิ

:impress: :impress: :impress:

rain-at-rose

  • บุคคลทั่วไป
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #94 เมื่อ08-05-2008 23:31:27 »

โอ๊ะๆๆๆ มีสองคู่เหรอครับเนี่ย!!!



555+ติดตามตอนต่อไปค้า....

อะมีปมใหม่มาอีกแระ

ขอบคุณหนูพิมนะคร้าบบบบบบ

ขอบคุรน้องหนูเรนนี่ด้วยนะคับ

 o13

พี่พิมพ์ค้า มาต่อด่วนเน้อ :m13: ขอบคุณที่เข้ามาอ่านด้วยเช่นกันค้า

:impress: :impress: :impress:

อ่าครับผม ผู้หยิงคนนั้นเป็นใครหนอ

ปานนี้คุณหมอกับผู้กองภานุไปถึงไหนกันแล้วนะ อิอิ


ไม่ใช่ "ผู้หญิงคนนั้น" เจ้าค่ะ (ผู้กองภานุกับต้นธาราพักไว้แป๊ป เดี๋ยวจะโผล่เป็นระยะๆ)


ออฟไลน์ RN

  • Global Moderator
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1650/-14
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #95 เมื่อ08-05-2008 23:36:42 »

อิอิ มีอีกคู่โผล่แล้ว

เราชอบแบบหลายๆๆคู่

แบบหมู่เลยก็ดี

 :m25: :m25: :laugh:

rain-at-rose

  • บุคคลทั่วไป
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #96 เมื่อ08-05-2008 23:40:22 »

อิอิ มีอีกคู่โผล่แล้ว

เราชอบแบบหลายๆๆคู่

แบบหมู่เลยก็ดี


 :m25: :m25: :laugh:


เอ่อ....ประโยคในเส้นใต้มันแหม่งๆนะเจ้าคะ (ทำตาใสซื่อ  :m29:)

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #97 เมื่อ09-05-2008 00:55:14 »

อิอิ มีอีกคู่โผล่แล้ว

เราชอบแบบหลายๆๆคู่

แบบหมู่เลยก็ดี

 :m25: :m25: :laugh:

เพื่อนแป๋วจะเอางั้นรึ ชอบเป็นการส่วนตัวปะไอ้หมู่ๆเนี่ย  :laugh: :laugh: เดี่ยวนี้หื่นออกมาข้างนอกหมดเลยนะ เก็บๆไว้มั่ง

nooww

  • บุคคลทั่วไป
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #98 เมื่อ09-05-2008 02:42:06 »

 :m4: สนุำกมากเ้ลยมาต่อเีร็วๆนะ  :m4:   :bye2:

ออฟไลน์ Simply Blue

  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-3
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #99 เมื่อ09-05-2008 21:14:54 »

เริ่มส่อเค้ารันทดซะแล้ว  :o12: คุณหมอเพิ่งจะได้อยู่ขอบใจผู้กองภาณุเอง (อีกนิดก็เข้าไปอยู่ในใจแล้ว 55)
เห็นใจคุณหมอจริงๆๆ เพราะตัวเองป่วยเลยต้องปล่อยให้ความสัมพันธ์เป็นแบบนี้ (เศร้า เดินคอตกออกจากกระทู้)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
« ตอบ #99 เมื่อ: 09-05-2008 21:14:54 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






rain-at-rose

  • บุคคลทั่วไป
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #100 เมื่อ09-05-2008 21:24:46 »

เริ่มส่อเค้ารันทดซะแล้ว  :o12: คุณหมอเพิ่งจะได้อยู่ขอบใจผู้กองภาณุเอง (อีกนิดก็เข้าไปอยู่ในใจแล้ว 55)
เห็นใจคุณหมอจริงๆๆ เพราะตัวเองป่วยเลยต้องปล่อยให้ความสัมพันธ์เป็นแบบนี้ (เศร้า เดินคอตกออกจากกระทู้)

กลับมาก่อนค้า...คุณหมอยังอยู่กับเราไปอีกนานนนนนค้า

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #101 เมื่อ10-05-2008 08:55:37 »

ว่าแล้วออกแนวเกาหลีจริงๆด้วย ประเภทป่วยเป็นโรคนี่  :m29: :m29:

rain-at-rose

  • บุคคลทั่วไป
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #102 เมื่อ10-05-2008 12:41:39 »

ว่าแล้วออกแนวเกาหลีจริงๆด้วย ประเภทป่วยเป็นโรคนี่  :m29: :m29:

5555+ :laugh: ช่วงนี้เกาหลีมาแรง ขอติดเทรนด์บ้าง55+

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #103 เมื่อ10-05-2008 19:12:02 »

ธีรเดชรับรู้ถึงเปลือกตาอันหนักอึ้ง เขาขยับกายแทบไม่ได้ รู้สึกหงุดหงิดและเจ็บใจที่พลาดไป ได้แต่นอนนิ่งๆ รู้สึกทุกสัดส่วนของร่างกายจะชาไป เขาถูกทำอะไรกันแน่ ชายหนุ่มพยายามลืมเปลือกตาที่ปิดสนิทขึ้น ยิ่งขัดขืน ร่างกายยิ่งไม่ฟังคำสั่ง ชายหนุ่มพยายามจะดิ้นเพื่อให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้ ผ้าข้าวม้าเลื่อนหลุด ลมหายใจหอบแรง พอแขนขยับได้ เขาก็รู้สึกดีใจ พยายามจะใช้ต้นไม้เป็นที่ยึดเหนี่ยวกาย เขาหอบอีกแล้ว ทรุดนั่ง กำผ้าขาวม้าแน่น กลิ่นของเส้นผมติดกับเนื้อผ้า ไม่ใช่กลิ่นหอมๆที่ทำให้ร่างกายชา ยาที่ทำให้ศัตรูว่าง่าย...เขามีอาชีพเป็นทหารพลาดท่ากับผู้หญิงคนเดียว มันน่าเจ็บใจนัก ต้องรอสักระยะกว่าอาการชาจะหายไป ชายหนุ่มเช็ดเหงื่อ นึกโล่งใจที่คนติดตามมาไม่ได้จัดการสังหารเขา ไม่งั้นการประจำหน้าที่ ที่นี่ครั้งแรกพลันต้องจบ...เรื่องของคุณหมออีก รอจนฤทธิ์ยาจางหายลุกขึ้นได้ คว้านหาปืนคู่กาย เขาพบมันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ชายหนุ่มหยิบมันขึ้นมาตรวจสอบโชคดีที่กระสุนมันอยู่เต็มแม็ก ฝ่ายตรงข้ามยังมีเมตตาอยู่บ้าง ธีรเดชคิดว่าตัวเองต้องกลับฐานเสีย แต่ด้วยความที่ห่วงคุณหมอธารจึงทำให้เขาต้องฝืนใจ ชายหนุ่มเดินโซซัดโซเซไปยังกระท่อมของภานุ เขานึกโล่งอกที่ในที่สุดก็ได้มาถึงบ้านของผู้กองภานุ ทั่วทั้งบ้านของผู้กองเงียบสงบ ทุกอย่างดำมืด แสงจันทร์เป็นตัวนำทาง ลมหายใจหอบๆท้ายที่สุดต้องทรุดนั่งอยู่ตรงหน้าบันไดบ้านพร้อมๆกับมีผ้าขาวม้าแนบกาย

------------------------------------------------

ยามเหน็บหนาว เขาจะนอนกอดใคร...เพียงอยากให้รู้ว่าทุกส่วนของหัวใจยังคงมีแต่คุณ...ช่วงเวลาที่ยาวนาน การจากกัน ความคิดถึงใฝ่หา ไม่เคยลืมเลือนแม้สักครั้ง ตามหาทุกๆครั้งอีกฝ่ายก็จะเป็นฝ่ายหนี ตื่นขึ้นมาเพื่อมาดูว่ายังอยู่หรือไม่ อ้อมแขนนั้นยังโอบกระชับอยู่หรือเปล่า หรือว่ามันจะหายไปตามที่ใจแสนหวาดกลัวคิด ต้นธาราตื่นขึ้นมา คอแห้งผาก เขากระแอมไอเบาๆ สีหน้าเริ่มซีดสนิท ส่วนคนข้างกายที่นอนอยู่เคียงข้างนั้นกลับหลับอย่างไม่รู้สึกรู้สา ไม่ได้ไยดีกับคนที่ใช้สายตามองอย่างอาทรเลย แม้จะไม่เหลือบแล แม้จะเกลียด แต่ก็อยากให้ฝันดี ต้นธาราจับมือร้อยเอกภานุไว้ แนบบนแก้มเย็นๆ เขาห่มผ้าให้เกรงว่าอีกฝ่ายจะป่วยไข้ ถึงจะตัวใหญ่ ร่างกายแข็งแรง หากแต่ล้มไปก็ไม่ไหว เขาจัดที่นอนให้ผู้กองภานุเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงลงจากเตียงรู้สึกวิงเวียน ปิดปากตัวเองไว้ กุมต้นแขนของตัวเอง เล็บจิกเข้าไปในเนื้อ เขามองผิวของตัวเองมันช้ำราวกับห่อเลือด ใบหน้าเรียวพลันซีดลง...ระยะเวลา...ทำไมมันเดินมาเร็วนัก คุณหมอรีบเก็บเสื้อผ้า เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย เมื่อเสร็จแล้วก็ยืนขึ้น ขาสั่นนิดๆ รู้สึกถึงความปวดเมื่อย เขาใช้ดวงตาสีอ่อนดูภานุครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกมา คุณหมอไม่ได้มองเลยว่าใครนอนขวางอยู่ตรงขั้นบันไดจนใกล้จะเหยียบ ต้นธาราจึงสะดุ้งถอนเท้าออกแทบไม่ทัน

"ผู้กองธีรเดช!"

นิ้วเรียวนำกระเป๋าออกจากบ่า ใบหน้าปรากฏความห่วงใยที่เห็นผู้กองหนุ่มนอนหลับพาดอยู่กับบันไดอย่างไม่รู้สาเหตุ พอแตะตัวให้นอนหงาย เขาเอานิ้วจ่อจมูก ยังรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่แผ่วเบา เขามองผ้าขาวม้าที่ติดมาด้วย เอามันออก มืออังหน้าผาก....ตัวก็ไม่ร้อน...เขาห่วงผู้กองธีรเดชยิ่งนัก ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองผ้าขาวม้าสีคุ้นเขม็ง ยังไม่ได้ทำอะไร เขาก็ถูกโอบกอดแน่น

"หนาว..."เสียงสั่นเครือ คุณหมอลูบศีรษะเบาๆ โอบกอดตอบ

"ผู้กอง?"

ต้นธาราเรียก ผู้กองธีรเดชจะลืมตาตื่น มองไปรอบๆตัวราวกับต้องการคำตอบ และคนตรงหน้าก็ไม่ใช่ความฝัน

"ขอโทษครับ"

คำสุภาพก่อนจะถอนตัวออก ธีรเดชเหมือนกับจะเบลอไป

"มาทำอะไรที่นี่หรือครับผู้กองธีรเดช?"

ต้นธาราเอ่ย เป็นเสาหลักให้ผู้กองพยุงกาย ปืนพกร่วงหล่นโชคดีที่มันห้ามไกไว้ก่อน เสียงของแข็งกระทบพื้น ปลุกให้ภานุตื่นขึ้น แต่ชายหนุ่มก็นิ่งเงียบฟังเสียงพูดคุยแผ่วเบา

"แล้วคุณหมอล่ะครับ มาทำอะไรดึกๆดื่นๆอยู่ที่บ้านผู้กองภานุ"

ธีรเดชตัวเอนไหว พิงร่างคุณหมอไว้

"คือ..."

ต้นธาราตอบไม่ถูก เขาเงียบไป ธีรเดชจับต้นแขนเรียวจ้องมองเห็นรอยช้ำใต้ผิวหนัง

"หน้าของคุณซีด"

ธีรเดชว่า ต้นธาราจับบ่าของธีรเดชไว้

"ผู้กองนั่นแหละ เป็นอะไร ปกติไม่เคยเป็นแบบนี้นี่น่า?"

มืออุ่นๆแตะหน้าผาก ธีรเดชส่ายหัว อาการคล้ายคนเมา

"ผมไม่เป็นอะไรจริงๆปล่อยเถอะครับ ธารนั่นแหละเป็นอะไรหรือเปล่า....ผมเป็นห่วง"

พูดจบก็ซบหน้ากับบ่าบอบบาง เขาเห็นภายใต้ร่มผ้านั้นมีบางสิ่งบางอย่างประทับไว้

"ผมไม่เป็นอะไร"ต้นธารากระซิบตอบ

ธีรเดชจ้องหน้า บุคคลที่แอบฟังเห็นกำมือแน่น...รอคอย....

"คนโกหก"

ผู้กองธีรเดชกระซิบ เจ็บปวด...เขาพยายามจะไม่นึกถึงเรื่องนี้แล้วแท้ๆ คุณหมอหน้าเสีย ก้มหน้าจำยอมรับกับคำพูดที่ตามมา

"คุณนอนกับเขา...ผมรู้ว่ามันคือความปรารถนาของคุณ...แต่ธารครับ...คุณต้องรู้ว่าการกระทำนั้นมันทำร้ายคุณมากเพียงใด"

ภานุกอดอก...คำพูดที่ดังมาถึงที่นี่...ความปรารถนางั้นหรือ

"คุณพูดอะไรอยู่"คำพูดเย็นชา รู้ว่ามันจริงทุกอย่าง

"ธาร ผมจะพูดความจริงให้คุณฟัง...รู้ไหมคุณน่ะเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว ท่านนายพลอยากให้คุณกลับไปรักษาตัว"

ทั้งคุณหมอและภานุต่างนิ่ง....มะเร็งในเม็ดเลือดขาวงั้นหรือ

"คุณน่ะอาการเพิ่งเริ่ม ขอให้ละทิ้งความรักที่ไร้ค่านั้นทิ้งเถอะ"

...คำว่ารัก...ดุจดั่งหินกระทบจิตใจคนที่นอนฟังอยู่ คุณหมอส่ายหัว

"เป็นเพราะมีเขาอยู่ที่นี่ใช่ไหมครับ?"

คำถามที่เล่นเอาภานุตะลึงไป...แล้วอีกฝ่ายจะตอบว่าอย่างไร...เขาชิงชัง...ใช่...มีอยู่แค่นั้นแหละ....ความรู้สึกฝ่ายเดียวที่ทำให้หัวใจเจ็บแปลบ

"อยู่ที่นี่คุณจะได้อะไรขึ้นมา ทรมานกับสิ่งที่เป็นอยู่ อย่างกับไร้ค่า...คนๆนั้นเขาไม่ได้รักคุณเลย"

พูดถึงจุดนี้ ต้นธาราก็น้ำตาไหล ธีรเดชกอดแน่น ไม่อยากเห็นน้ำตาที่ไหลลง

"ผมขอโทษที่พูดจาโหดร้าย...แต่ผมอยากให้คุณมีความสุขจะได้ไหม? ขอให้ลืมเขาคืนนี้เป็นค่ำคืนสุดท้าย...วิมานแห่งนี้ขอให้เก็บไว้ในความทรงจำเถอะ"

ภานุจะลงมา เขาอยากจะต่อยใบหน้าของไอ้ผู้กองคนใหม่เสียจริงที่มันบังอาจพูดมาก พอมานึกดู...แล้วเขาจะทำอย่างนั้นได้หรือ

"จะยังไง....ก็กลับไม่ได้ที่นี่จะเป็นที่ฝังกายของผมจนตราบที่เขาจะจากไป ไม่มีวันกลับไปอย่างเด็ดขาด"

กรีดเฉือนหัวใจ คำพูดนั้นเท่ากับปฏิเสธสิ่งที่เขาพูด

"แต่ธารครับ..."

ภานุหนาวเยือก...ความตาย...เขาลูบหน้า...ลงไปเสียที่สิแก

"ผู้กอง ผมรู้ว่าคุณเป็นคนดี...ขอบคุณสำหรับคำห่วงใย"

ชายหนุ่มแตะใบหน้าคุณหมอให้เงยขึ้น เห็นแววตาเศร้าอยู่ภายใต้ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน

"ผมจะชิงทั้งตัวและหัวใจของคุณไปจากเขาให้ได้"

ธีรเดชพูดด้วยความมุ่งมั่น ชายหนุ่มพยายามไล่อาการอ่อนเพลีย พอได้ยินคำพูดนั้น ชายหนุ่มที่ฟังอยู่ตั้งนาน กอดอก มองอย่างเมินเฉย

"ทำอะไรอยู่"

คำพูดไม่ใยดี ต้นธาราจะผลักร่างของผู้กองธีรเดชออก

"คือ...ไม่มีอะไร...เห็นผู้กองเขาดูท่าทางจะไม่สบาย..."

เขาพยายามจะแก้ตัว แต่ก็ถูกกอดแน่น ดวงตาของผู้กองทั้งสองจ้องกันเขม็ง

"จะแก้ตัวไปทำไมครับธาร...ก็เห็นๆกันอยู่...ผมไม่โกรธหรอกที่คุณมาหาเขา"

ธีรเดชจับไม่ให้คุณหมอดิ้น ต้นธาราหน้าเผือดเมื่อเห็นผู้กองภานุหรี่ตา

"ไม่ยักรู้ว่าคุณสองคนจะรักกันหวานชื่น ดูแลไม่ดีหรือไงถึงให้วิ่งมาหาคนอื่น...แต่ร่างกายก็ไม่เลวนะ"

พูดด้วยความดูถูก คนฟังหน้าชา ธีรเดชชี้หน้า

"แก...ทำให้ธารเจ็บปวดยังไม่พอ ทำไมต้องดูถูกเขาด้วย"

ชายหนุ่มจะขึ้นไปต่อยหน้าแต่ต้นธาราห้ามไว้

"อย่าเลย...อย่าทะเลาะกัน"

คำพูดที่ค่อยๆข่มอารมณ์ พอได้ยินก็กลั้นสะอื้น ภานุหน้าเสียไปบ้าง เขาควบคุมมันซ่อนมันไว้ในใจลึกที่สุด

"ทำไม...คุณหมอเฮงซวย เที่ยววิ่งตามหางคนอื่นน่ะหรือน่าสงสาร"

แขนเรียวตกลู่ สัมผัสเมื่อคืนมันอ่อนโยน...มาบัดนี้ มันกลับไม่เหลือแม้แต่น้อย ร่างกายหนาวยะเยือก

"อย่างคุณน่ะจะทำอะไรได้ ดูท่าอ่อนปวกเปียกป้อแป้ขนาดนั้น"

ภานุพูดจาดูถูก ธีรเดชไม่ยอมเสียเชิงหรอก เขาหยิบปืนขึ้นมา

"แกไม่รู้อะไรเลย...เห็นไหม คุณอยากจะตามไอ้เลวนี้อีกหรือเปล่า เขาดูถูกคุณ ดูถูกความรักของคุณ คุณยังอยากไล่ตามมันอีกหรือ อยากให้ตกเป็นเหยื่อความโง่ของมันอย่างงั้นหรือ สิ่งที่คุณคิดจะฝังกายอยู่ที่นี่ มันเทียบกันไม่ได้ด้วยซ้ำกับชายไร้ค่าคนนี้"

ลำกล้องปืนชี้ไปทางผู้กองภานุที่ยืนกอดอก สีหน้าหน่ายๆ

"พูดคำว่ารักเรอะ น่าขยะแขยง"

ยิ่งฟังมากเท่าไร ต้นธารายิ่งเกาะแขนตัวเองแน่น หนาวสั่น...เขาลืม...ลืมว่าเคยกอดอย่างอ่อนโยนขนาดไหน ร่างบอบบางพิงผู้กองธีรเดช...ธีรเดชพูดถูก...เขาเจ็บแล้วไม่จำเอง

"ยิงสิถ้าแกแค้นแทนคุณหมอเฮงซวยนี้"

มือที่กดไกปืน จะง้าง...แต่แล้วต้นธาราก็กางแขนส่ายหน้า อาการสิ้นหวัง หยาดหยดน้ำตาเอ่อท่วม

"อย่าเลยครับผู้กองธี...มันจบตามที่คุณว่าจริงๆ"

ธีรเดชลดปืนลง เตะปืนอย่างหัวเสีย...ทำไมยังไปปกป้องมันอีก เขายอมติดคุกเพื่อได้ฆ่าไอ้เฮงซวยคนนี้ ภานุไม่คาดฝัน เขารู้ว่าธีรเดชยิงแน่...แต่ทั้งๆที่พูดถึงขนาดนี้แล้ว เพราะอะไรอีกฝ่ายถึงออกมาปกป้อง ต้นธาราปิดปาก

"ผมอยากออกไปจากที่นี่ช่วยทีได้ไหม"

ธีรเดชค่อยโอบกอด เขาพาคุณหมอกลับไปด้วยเรี่ยวแรงที่มี ภานุมองอีกคนดูเหมือนจะโดนยาอะไรสักอย่าง...กับคุณหมอที่บอบช้ำไปหมดทั้งตัวและหัวใจ...เขาจะหันหลังหนี...นี่มันดีแล้ว...เกลียดผมจนอยากกลับไปเสีย ผมน่ะไม่มีค่าพอสำหรับคุณหรอก....

------------------------------------------------

ธีรเดชประคองคุณหมอ พร้อมกับทรุดล้มไปพร้อมๆกัน ชายหนุ่มโอบกอดร่างบางไว้แน่น ใช้ผ้าขาวม้าห่อกายที่สั่นระริก ใบหน้าซบอยู่กับบ่า

"เพราะอะไร...เพราะอะไร"

คำพูดราวกับอัดอั้นตันใจ ผู้กองหนุ่มลูบเรือนผมสีอ่อน

"เขาเกลียดคุณหรือ"

ธีรเดชถาม อ่อนแรงไปเหมือนกัน...เขาเจ็บใจที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย ต้นธาราผงกหัว

"ผม...ฆ่าผู้กองนาคี เขาก็เลยเกลียดผม" ต้นธาราตอบ ก่อนจะสะอื้น

"ไร้เหตุผล"ชายหนุ่มด่า

"แต่มันก็ดีแล้ว...ผมคิดอยู่เสมอ ให้เขาพูดว่าเกลียดผมทุกลมหายใจ...ยังดีกว่าที่เขาคนนั้นลืมผม "

ธีรเดชใช้ผ้าขาวม้าเช็ดทำนบน้ำตา

"คิดอะไรโง่ๆ คนที่เกลียดน่ะเขาจะไม่นึกถึงหรอก"

ตัวที่ถูกโยกคลอน กลิ่นของผ้าขาวม้ากรุ่น ต้นธาราจับมันมาดู

"ผ้านี้...เหมือนกับ...คนที่ชื่อว่ากิ่งไผ่เลย"

อีกฝ่ายหยุดร้องไห้ ธีรเดชชะงัก

"อะไรนะ คนที่ชื่อกิ่งไผ่น่ะหรือ"

คุณหมอเล่าให้ฟัง กอดเข่า หน้าหมอง

"ผมไม่รู้จักเขา แต่ผมเคยช่วยไว้จากถูกยิง ผู้กองนาคีพยายามห้ามผมและจะฆ่าเขา แต่ผมขอร้องไว้ ผู้กองนาคีเลยไว้ชีวิต ผลสุดท้ายผู้กองนาคีก็ถูกยิงตาย แต่นั้นไม่ใช่ความผิดของคนๆนั้นๆเลย เขาพยายามจะห้าม...แต่มันสายไปและคนๆนั้นเข้าก็มาหาผมนำเงินมาให้ มันสร้างความเข้าใจผิดให้แก่ผู้กองภานุ"

เสียงกระซิบเบาๆ ชายหนุ่มเกลี่ยใบหน้า ยิ้มอย่างอ่อนโยน ปลอบให้หัวใจหายเจ็บช้ำ

"แล้วเคยเห็นหน้าคนที่ชื่อกิ่งไผ่ไหม...เขาเป็นผู้หญิงนี่น่า"

ต้นธาราส่ายหัว เขาเช็ดน้ำตา

"ไม่รู้ครับ...ว่าเขาเป็นใคร...แต่มัน..."

ร่างบางพยายามจะอธิบาย แต่ชายหนุ่มก็ดึงศีรษะมาจูบปลอบ

"อย่าคิดมากเลยนะคนดี"

ต้นธาราเบือนหน้าออก

"ขอบคุณที่เป็นห่วง ผมไม่อยากทำให้หัวใจของคุณเจ็บ"

รอยยิ้มที่อ่อนโยนหายไป ธีรเดชมีรอยช้ำอยู่ในดวงตา

"ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอถึงแม้คุณจะไม่ต้องการ"

ต้นธารารู้ว่าหัวใจทั้งหมดต่างเจ็บ...เขา...ไม่อยากจะลืม...น่าจะรักธีรเดชเสีย....แต่หัวใจมันกลับดื้อด้านนึกถึงคนไร้ใจ

"ขออยู่ที่นี่สักพักได้ไหม...ถ้าผมเหนื่อยหัวใจเมื่อไร รับรองว่าผมจะกลับไป บอกท่านนายพลด้วย"

ต้นธาราบอกเบาๆจนธีรเดชยอมแพ้ ต้องยอมให้คุณหมออยู่ที่นี่

"ครับ...ผมรู้ว่าคุณต้องเอ่ยอย่างนี้ ไม่ต้องห่วงหรอกคนดี ผมจะคอยปกป้องคุณจากคนเลวนั้นเอง"

ชายหนุ่มพาคุณหมออกเดิน

"แต่สัญญาได้ไหม...ขออย่าให้คุณออกไปไหนกับเขา อย่าให้เขาล่อลวงคุณได้ ผมรู้ไม่อาจเหนี่ยวรั้งคุณไว้...มีเพียงข้อนี้เท่านั้นที่ผมจะขอ ก่อนที่ผมจะตัดสินใจบางอย่างกับท่านพิภพ"

คุณหมอผงกหัว...มันหมดไปแล้วล่ะกับคืนวันอันอ่อนโยน เขาไม่อาจเรียกร้องได้ ความรู้สึกลวงตาค่อยๆมลาย...รัก...แค่คำพูดที่อีกฝ่ายไม่ชอบใจ...เป็นยิ่งกว่าสุนัขจรจัดข้างทางตามที่ปรามาส ทั้งๆที่รู้ว่าเขาหมดค่าความเป็นมนุษย์...ยังอยากจะอยู่ภายใต้วงแขนที่ผลักไส ธีรเดชส่งคุณหมอกลับบ้าน เขาอยู่เป็นเพื่อน เฝ้ากุมมือเย็นเฉียบและเห็นแววตาที่เหม่อไปทางสมุดบันทึก

"สิ่งที่คุณมองเขาก็แค่เปลือกนอกเท่านั้น"

ธีรเดชบอก อีกฝ่ายคราง

"อือ...ผมรู้ แต่คุณกลับไปเถอะ วันพรุ่งนี้ยังต้องรับภารกิจอีกไม่ใช่หรือ? วันพรุ่งนี้น่ะ ผมก็แข็งแรงดีแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องน่ากังวลหรอก"

เขาว่า แต่ธีรเดชไม่ยอม

"ไม่เอา ผมรู้นิสัยคุณดีนะธาร"

ชายหนุ่มกล่าวอย่างเข้มงวด ต้นธารายิ้ม

"เหมือนเดิมเลยนะคุณธี..เรื่องมากเสมอ...แต่ก็ขอบคุณที่คอยอยู่เป็นเพื่อน ผมในตอนนี้เข้มแข็งนะ"

คำพูดนั้นเจือหยอกเย้า ธีรเดชโล่งอกที่ไม่เห็นอีกฝ่ายมีรอยเศร้า

"แต่ผมยังห่วงคุณอยู่นะกับเรื่องมะเร็ง"

ต้นธาราตบหลังมือ ยิ้มให้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายกังวลได้

"ผมเป็นหมอนะรู้อยู่หรอกว่าต้องไหนจะถึงขีดอันตราย"

เขาตอบ แต่ธีรเดชส่ายหัวไม่ยอมเชื่อ

"แต่ก็ไม่รู้ใช่ว่าเป็น"เขาตอบพร้อมถอนใจ

"ก็รู้อยู่หรอกน่า"

คุณหมอเอาผ้าห่มคลุมมิด หันหลังหนี พอทำเช่นนั้น เขาจะได้ทำหน้าโศกได้โดยไม่ต้องห่วงว่าธีรเดชจะห่วงตัวเองไหม

"ผมยังจำได้นะวันแรกที่ไปรับใช้ท่านนายพลคุณเป็นคนหัวดื้อ ทะเลาะกับท่านนายพลบ่อยๆ ผมก็หนักใจเหมือนกันที่เห็นคุณโกรธท่านนายพลพิภพ รู้ไหนตอนที่ท่านนายพลใช้ผมไปง้อคุณน่ะ ผมขำนะ ท่านนายพลที่ถือว่าเฉียบขาดกับลูกชายหัวดื้อ..."

ต้นธาราหันมา"ถ้าคิดจะพูดถึงตาแก่นั้นล่ะก็พอเถอะ"

ชายหนุ่มวางแขนบนเตียง

"แต่ท่านนายพลก็ห่วงคุณนะ นับตั้งแต่คุณหญิงประภาได้สิ้นไป ท่านนายพลห่วงคุณอยากกับไข่ในหิน ท่านเข้มงวดก็เพราะรักคุณจริงๆ"

ต้นธารารู้...แต่เขาอยากจะดื้อ เพราะความรักที่ก่อเกิดขึ้น...มันทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่ากลัว

"ท่านกลัวว่าคุณจะถูกหลอก...ตอนนี้ก็สายไปในเมื่อหัวใจนี้ถูกชิงไปทั้งดวงเสียแล้ว"

อีกฝ่ายนิ่ง...พ่อ...ที่เป็นห่วงเขา...เขามันโง่เอง...

ธีรเดชยิ้มอ่อนโยน"แต่ท่านก็ไม่ถือโกรธคุณ กลับไปหาท่านบ้างก็ดีนะ"

ดวงตาสีอ่อนหลับลง...คำปลอบโยน...หวนถึงใครบ้างคน...ผู้กองนาคี

------------------------------------------------

ภายในเพิงไม้ คบไฟที่จุดรอบๆประทุ ร่างที่ถือปืนอ้ากาเดินขวักไขว่เฝ้า คนสีดำผมยาวทำหน้าเจื่อนยามที่ถูกตำหนิ

"เอาอีกแล้วนะกิ่งไผ่ เจ้าเล่นหายไปแบบนี้รู้ไหมว่าใครจะเป็นห่วงเจ้าบ้าง ครั้งก่อนยังไม่จดจำอีกหรือ"

คนที่ถูกด่ายืนทำหูทวนลม

"พูดกับเจ้าข้าสู้ไปพูดกับไอ้พวกที่อยู่ข้างนอกดีกว่า"

ร่างนั้นแลบลิ้นเมื่อถูกไล่ออกมา เขาทรุดนั่งมองรองเท้าที่คนใจดีนั้นผูกให้ แล้วก็ยิ้ม...คนใจดี...ยิ้มนุ่มนวล ร่างนั้นก่อนเข่า แกะผมที่มัดออก มันยาวคลุมหลัง

"พ่อรู้ว่าเจ้าเบื่อ...แต่...พ่อก็เสียใจที่เจ้าต้องมาสู้รบแบบนี้"

ผู้เป็นพ่อมาทรุดนั่ง ก่อนจะถาม

"เจ้ายิ้มอะไร ในแววตาเจ้ามีใครอยู่?"

นายพลอินคานออกมาตามบุตรชายคนเดียว อีกฝ่ายไม่ตอบกับกอดเข่าแน่น

"ไม่มีอะไร...ผมอยากอยู่คนเดียว"

ท่านนายพลถอนใจ ก่อนจะลุกขึ้น เฝ้ามองดูใบหน้าที่มีความสุข...เจออะไรมา หากนั้นมันเป็นความสุขของบุตร ตอนนี้เขาก็ไม่ขัด นายพลอินคานนึกโล่งใจที่ลูกชายรอดตายจากการถูกยิง...ได้ข่าวว่าถูกช่วยจากหมอฝ่ายตรงข้าม...คนที่เป็นศัตรู...แต่นั้นไม่ใช่เหตุผลที่จะไว้ชีวิต รอยยิ้มยังไม่คลายจากใบหน้าอ่อนเยาว์ ดวงตากระจ่างเหม่อมองดาวเกลื่อน...อยู่บนเขา มันช่างเหน็บหนาวยิ่งนัก เขาเติบโตขึ้นมาก็ได้พบเห็นแต่ความตาย ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเลย การกระทำเพื่อความอยู่รอด...โชคชะตา...ที่ทำให้เขาพบกับคนใจดี...ผู้กองนาคี เขาเสียใจที่ชายหนุ่มสิ้นใจ เขาเห็นภาพที่ผู้กองคุ้มครองคุณหมอ นึกเสียใจที่ไม่อาจห้ามได้....เราทั้งสองต่างเป็นศัตรูกัน เพียงแค่นี้ก็ดีแล้ว กับหนึ่งความทรงจำที่ได้รับ...แต่ละฝ่ายต่างมีเหตุผล...ช่วงเวลาของหัวใจที่ต้องตามหา สุดท้ายช่วงเวลานั้นจะกลายเป็นเวลาแห่งการจากลา

-------------------------------------------

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #104 เมื่อ10-05-2008 20:23:15 »

 :o12:

ออฟไลน์ Simply Blue

  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-3
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #105 เมื่อ10-05-2008 23:34:25 »

 :o12: เศร้าอย่างต่อเนื่อง  :m15:

ผู้กองภาณุนี่ก็แปลกจริง ขนาดรู้ว่าคุณหมอป่วยยังไม่รู้สึกอะไรอีก ต้องให้คุณหมอไปจริงๆ ถึงจะรู้สึกหรืองั้ยเนี่ย  :m16:

 :m16: :m16: :m16:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #106 เมื่อ12-05-2008 13:47:52 »

อืมมม

เครียดดดดดดด

 :serius2:

ออฟไลน์ RN

  • Global Moderator
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1650/-14
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #107 เมื่อ12-05-2008 13:50:44 »

อิอิ มีอีกคู่โผล่แล้ว

เราชอบแบบหลายๆๆคู่

แบบหมู่เลยก็ดี

 :m25: :m25: :laugh:

เพื่อนแป๋วจะเอางั้นรึ ชอบเป็นการส่วนตัวปะไอ้หมู่ๆเนี่ย  :laugh: :laugh: เดี่ยวนี้หื่นออกมาข้างนอกหมดเลยนะ เก็บๆไว้มั่ง

ติดมาจากเพือนหนึ่งแหละ
อิอิ

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #108 เมื่อ14-05-2008 02:13:34 »

:impress: :impress: :impress:

กลับมาแล้วครับผม ตอนแรกก็นึกว่ากิ่งไผ่เป็นผู้หญิง

แต่เป็นผู้ชายหรอกเหรอ อิอิ

สงสารคุณหมอจังครับ ผู้กองธีด้วย อิอิ

 :impress: :impress: :impress:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #109 เมื่อ14-05-2008 12:56:19 »

 :a5: ยังเศร้าไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง  o7 o7


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
« ตอบ #109 เมื่อ: 14-05-2008 12:56:19 »





ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #110 เมื่อ14-05-2008 14:29:28 »

 :o12: บีบหัวใจจิงๆ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #111 เมื่อ14-05-2008 17:44:44 »

หนูพิมหายยยย

 :m14:

YO DEA

  • บุคคลทั่วไป
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #112 เมื่อ14-05-2008 21:07:18 »

 :เฮ้อ:

อึดอัด



ขัดใจ


ไปดีกว่า


อิอิ


 :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #113 เมื่อ16-05-2008 12:23:56 »

กลับมาแล้วววววว  ขอโทษที  หายไปโดยไม่ได้บอกกล่าว  แงแง  ขอโทษอีกครั้งน้า 
ต่อกันเลย
++++++++++++++++++++++++++++++++

ห้วงรัก: 6 charades/ปริศนาแห่งความรู้สึก


มันช่างยากเย็นยิ่งนักสำหรับการลืมบางสิ่งบางอย่าง ตกอยู่ในความเหงา เลือกไม่ได้สักทางเลย เป็นความปวดร้าวที่อยู่ในใจลึกๆ...

สายตาที่มองดูแผลของตัวเอง เป็นรอยน่าเกลียดประทับอยู่บนแขนขาวสะอาด แผล...ที่เกิดขึ้นล้วนมาจากการสู้รบทั้งนั้น ดวงตาที่ปิดลงอย่างเหนื่อยอ่อนพิงผนังที่สร้างจากสังกะสี คืนนี้เขาก็ยังคงนั่งมองดูรอยแผลนี้ คิดถึงกับคนที่คิดจะสังหารเขาให้ดับดิ้น

"พี่ไผ่นั่งทำอะไรครับ?"

ใบหน้าของเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดโผล่มา กิ่งไผ่ถอนใจ เพราะโผล่มาอย่างกระทันหัน ชายหนุ่มลุกขึ้นใช้ผ้าขาวม้าขาดๆปิดร่างกายไว้

"แล้วเอ็งมีอะไรล่ะไอ้ขิ่น"

เด็กหนุ่มนามว่าขิ่นขึ้นเรือนมานั่งขัดสมาธิ ทำสีหน้าจริงจัง

"ฉันอยากให้พี่ไผ่สอนฉันยิงปืนหน่อย"

เด็กหนุ่มขอ ร่างบางส่ายหัวปฏิเสธ หยิบเสื้อเชิ้ตเก่าๆสวมใส่

"ไม่ ฉันไม่สอนหรอกขิ่น"

กิ่งไผ่ปฏิเสธ เด็กหนุ่มที่ขึ้นมาคอตก

"ทำไมล่ะพี่ไผ่ ผมอยากออกไปสู้รบบ้าง ผมอยากให้ท่านนายพลอินคาพอใจ ผมอยากสู้เคียงข้างทุกๆคน"

ร่างนั่นหันมามอง ใบหน้าสงบราบเรียบ

"คิดว่ามันสนุกหรือไงที่ได้ออกไปสู้รบ คิดอยากออกไปตายหรือ สงครามมีแต่ความสูญเสีย เอ็งอยากได้อะไรจากมัน ความตายงั้นรึ?"

กิ่งไผ่ย้อน คนที่ถูกพูดอย่างนั้นด้วยหน้าเสียแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้

"จะยังไงผมก็อยากเข้าร่วมรบกับกองพลอยู่ดี"

เมื่อพูดไม่เข้าใจ กิ่งไผ่ได้แต่ส่ายหัว สายตามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นขุนเขาไกลลิบๆ

"ขิ่น...เอ็งน่ะไม่รู้หรอกว่าสงครามมันโหดร้าย สร้างความสูญเสียได้มากเพียงไร ทำให้คนดีๆต้องตายไปมากมาย ฉันก็ไม่ชอบใจหรอกนะ ที่เข้ามาร่วมรบแต่มันจำเป็นเพื่อบ้านเมือง เพื่ออาณาจักรของเรา เอ็งยังเด็กนักพ่อข้าทำถูกแล้วที่ยังไม่ให้เอ็งเข้าร่วมรบ...เพราะ...มันน่ากลัวยิ่งนักกับความตาย"

พูดจบกิ่งไผ่ก็กอดอก หนาวเหน็บเมื่อนึกถึงตอนที่ตัวเองถูกยิง...หากไม่ได้พบกับคุณหมอผู้ใจดีกับผู้กองนาคีแล้วละก็ ชีวิตของเขาคงไม่มีทางได้มองเห็นวันพรุ่งนี้แน่ เจ้าขิ่นไม่เข้าใจนักแต่มันเป็นคนดื้อด้าน กิ่งไผ่รู้ดีว่าสักวันมันต้องเข้าสู่วังวนกลิ่นคาวเลือด

"แต่ผมก็เกิดมาเพื่อชาติ บ้านเมืองเหมือนกัน ผมไม่กลัวอย่างที่พี่ไผ่กลัวหรอก"

เจ้าขิ่นว่าก่อนจะลุกขึ้นวิ่งลงจากเรือนอย่างฉุนๆเมื่อได้ยืนประโยคขี้ขลาด กิ่งไผ่หลับตาที่กระจ่างใสแน่น มีความเจ็บปวดเอ่อล้น...จะทำอย่างไรที่จะให้เด็กคนนั้นเข้าใจ เขา...ไม่ชอบเลยกับการสูญเสีย จะทำออย่างไรดีกับสงครามที่ต้องเข้าร่วม ไม่อาจหลีกหนี ยิ่งคิดก็ยิ่งบีบแขนที่มีแผลเป็นน่าเกลียดน่ากลัว กิ่งไผ่คิดถึงมารดาที่ตายไป

"ปะกอกู" (แย่ชะมัด)

ชายหนุ่มบ่นพึมเป็นภาษาบ้านเกิดของตน ลุกขึ้น เจ้าขิ่นกลับไปรวมกับพรรคพวกแล้ว ชายหนุ่มนั่งยังขั้นบันได...เด็กพวกนี้ต้องโตมาเพื่ออุดมการณ์ ความสุขของพวกเขาจะหาได้จากที่ไหนกัน มือที่สัมผัสเลือดครั้งหนึ่งคงไม่มีทางลบออก ต้องเข้าไปในการฆ่าฟันเรื่อยๆจนกว่าตัวเองจะตาย...เหมือนกับเขา หลงอยู่ท่ามกลางกลิ่นอายสงคราม ต้องเข้มแข็ง ต้องฆ่าผู้อื่นเพื่อความอยู่รอดยิ่งทำความเป็นตัวเองราวกับจะจางหาย คล้ายกับหุ่นยนต์ เรือนผมยาวสลวยปลิวตามสายลม...และแล้วความรู้สึกก็ถูกนำกลับคืน เมื่อเห็นความสูญเสียและความเศร้าเสียใจ

"เจ้าเป็นอะไรหรือ?"

นายพลอินคาน เข้ามาดูลูกยังที่พัก เห็นบุตรชายทำหน้าสับสน มองไปไกล ดูไม่สนใจใครต่อใครเลย ท่านกอดอกมองดูบุตรชายจากข้างล่าง

"พ่อจะให้เด็กพวกนั้นเข้ารบด้วยหรือครับ?"

เขาเอ่ยถาม ผู้เป็นบิดาถอนใจ

"เจ้าเป็นอะไรอีกล่ะคราวนี้"

ท่านนายพลขึ้นมานั่งด้วยกับบุตรชาย กิ่งไผ่เท้าคาง คิดบอกเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเองตามตรง

"ผมไม่อยากให้เด็กพวกนั้นต้องมาเป็นเหมือนกับผมเลย"

ท่านนายพลนั่งฟังเงียบๆ

"อยู่แต่กับพวกกับระเบิด กลิ่นควันปืน การฆ่าฟัน มันน่าสงสารนะครับ"

นายพลอินคานบีบมือแน่น

"มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วล่ะไผ่ เรายังต้องการคนมาแทนที่กับคนที่เราสูญเสีย ใช่ว่าพ่ออยากจะทำนัก 'แต่'
หากเราไม่ทำอาณาจักรเราก็ไม่ได้กลับคืน เจ้าอย่าได้เอ่ยสิ่งที่แสดงความอ่อนแออีกเข้าใจไหม"

ท่านนายพลลุกขึ้น กิ่งไผ่ถอนใจ...นั่นสินะ อาณาจักร...เขาก็ต้องทำเพื่อส่วนรวม ทุกคนก็ทำเพื่อส่วนรวม หากมันสำเร็จเมื่อไรทุกคนก็จะมีความสุข ความคิดหลากหลายหลั่งไหลเข้ามา...แล้วเมื่อไรจะถึงวันนั้น เขาต้องดับสูญไปก่อนหรือ ความอ่อนแอ เจ้าจงฆ่าความรู้สึกนั้นทิ้ง อย่าให้หลงเหลือคำว่าสงสาร กิ่งไผ่ หากลูกไม่สู้ คนอื่นก็จะช่วงชิงชีวิตลูกไป หากเป็นเช่นนั้นพ่อก็คงเสียใจ คำพูดของบิดาระหว่างที่สอนให้เขารู้จักกับการต่อสู้ก้องเข้ามาในหัว...หากเขาไม่ทำ เขาก็คงถูกช่วงชิงชีวิตไป อย่างไหนก็มีแต่ความสูญเสีย กับสิ่งที่เรียกว่าความสุข มันคือส่วนรวม ชายหนุ่มลุกขึ้น ปิดประตู...ความสุขและความอบอุ่นของหัวใจอยู่ที่ไหนกัน

------------------------------------------------

ธีรเดชหลังจากดูแลคุณหมอจนกระทั่งหลับสนิทจึงไว้วางใจ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้น หยิบผ้าขาวม้าที่ได้จากหญิงพม่าขึ้นมา คิดว่าวันพรุ่งนี้ต้องไปรายงานเรื่องนี้กับผู้พันมีทรัพย์ แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องเปลี่ยนใจ เขาก็ไม่รู้เหตุผลที่ทำ แต่เรื่องนี้ชายหนุ่มขอเก็บไว้ให้แน่ใจสักพัก คิดถึงความสัมพันธ์ของเธอและผู้กองนาคี มันจะมีอะไรที่ซับซ้อนหรือเปล่านะ ผู้กองธีรเดชครุ่นคิด เดินไปถึงบ้านพักของตัวเอง รู้สึกหนาวสั่น ความง่วงเข้าสู่โจม ชายหนุ่มมองนาฬิกา ตีสองแล้ว ธีรเดชวางผ้าขาวม้าลงบนเตียง ร่างกายที่อ่อนล้าอยู่แล้วทรุดฮวบ ล้าไปทั้งร่างกายและจิตใจ ชายหนุ่มมองเพดาน...เขาจะพาคุณหมอไปก่อนจะถึงฤดูฝนไหมนะ ธีเดชเป็นห่วงกับสวัสดิภาพชีวิตของต้นธารา เขานึกแค้นเคืองที่ไม่อาจช่วยอะไรคุณหมอได้เลย เจ็บปวดเพราะเป็นสิ่งที่ต้นธาราเลือก เขาได้แค่มองดูอยู่ห่างๆ เจ็บใจอยู่ลึกๆว่าทำไมถึงเลือกชายไร้ใจ ถึงจะรู้ว่าความรักมันขึ้นอยู่กับการเลือกของคนๆนั้น แต่เขาก็ไม่อาจทนเห็นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงตาคู่นั่นได้อีกแล้ว...จะคอยปกป้องอยู่ห่างๆ เขาสัญญากับตัวเอง สายตาแกร่งปิดลง แต่กลิ่นหอมๆของเนื้อผ้าลอยอวล ยิ่งนึกถึงกลิ่นเอื้องแซะ...กลิ่นชาวป่าโดยแท้จริง ชายหนุ่มเผลอหยิบมาสูดดม คิดถึงกลีบปากบางที่ประทับลงอย่างไม่ช่ำชอง ธีรเดชหลับตา คาดหวังอยากจะเจอกับเธออีกสักครั้ง เขานึกถึงเรื่องที่คุณหมอเล่ายิ่งไม่เข้าใจ เธอช่างน่าสงสารจริงๆเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆแท้ๆกลับต้องมาสู้รบปรบมือ เข้าร่วมสงครามที่แสนน่ากลัว...เมื่อไรจะได้เจออีกนะ ชายหนุ่มพับผ้าขาวม้าไว้อย่างเรียบร้อย ยังติดใจอยู่ไม่หายกับเหตุผลเข้าร่วมสู้รบของเธอ นายทหารหนุ่มหลับตาลง วันพรุ่งนี้เขายังมีอะไรอีกหลายๆอย่างที่ต้องทำ

------------------------------------------------

คุณหมอตื่นขึ้นมาในตอนเช้า แต่งตัวอย่างเชื่องช้า ก่อนจะหยิบกระเป๋าอุปกรณ์ปฐมพยายาบาลเดินลงบ้านอย่างเซื่องซึม ตรงไปยังโรงพยาบาลเล็กๆเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณหมอมาริสาอ้าปากหาว ลุกขึ้นมาต้อนรับคุณหมอธาร

"เมื่อคืน ผู้กองธีรเดชถามหาคุณหมอค่ะ"

คุณหมอมาริสาบอก บิดตัวไล่ความเมื่อยขบ ต้นธาราพยักหน้าเงียบๆ วางของลงบนโต๊ะ

"คุณหมอธารดูไม่สดใสเลย เป็นอะไรคะ จะดื่มกาแฟไหม เดี๋ยวฉันชงให้ก่อนจะออกจากเวร"

หญิงสาวถาม เมื่อเห็นคุณหมอหนุ่มติดใจลอย

"หา...อ้อ ขอบคุณครับ"

ต้นธาราเอ่ยขอบคุณ มาริสาหยิบแก้วมาชงกาแฟให้

"แล้ว...เมื่อคืนได้เจอกับผู้กองไหมคะ เพราะเห็นถามถึงทางไปบ้านของผู้กองภานุ"

คุณหมอหนุ่มรีบพยักหน้า นั่งลงอย่างเนือยๆ

"เจอกันแล้วครับ แล้วคุณหมอมาริสาจะออกเวรตอนไหนครับ"

ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง มาริสาถือกาแฟควันกรุ่นมาตั้งโต๊ะ

"ก็คงสักพักแหละค่ะ เอ๊ะ...แขนของคุณหมอเป็นอะไรหรือคะ ทำไมมีรอยช้ำ รอยห้อเลือด?"

หญิงสาวถามอย่างเป็นห่วง ต้นธารายิ้มเจื่อนๆให้เธอ

"ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่ผมซุ่มซ่ามทำ เอ่อ...ชั้นหนังสือหล่นใส่ตัวนะครับ"

คุณหมอสาวทำหน้าเหมือนกับไม่เชื่อ แต่ชายหนุ่มก็ยิ้มให้กับเธอราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นพร้อมกับดึงแขนเสื้อกาวน์สีขาวให้ปิดท่อนแขนเรียว

"งั้นหรือคะ ทีหลังคุณหมอก็ระวังตัวด้วยนะคะ"

หญิงสาวหยิบเสื้อ เก็บของที่จำเป็นใส่กระเป๋าประจำตัว

"ผู้ป่วยท้องร่วงจะมาหาคุณหมอตอนบ่ายๆ คุณหมอช่วยดูด้วยนะคะ"

เธอเก็บกระเป๋า บอกก่อนที่จะออกจากห้อง มาริสาถือเสื้อกันหนาวของพวกทหารไว้ ต้นธารามองด้วยความสงสัยว่าเป็นของใคร เขาก็ไม่กล้าออกปากถาม ได้แต่รับคำที่เธอบอกเท่านั้น แล้วนั่งเอนหลังดื่มกาแฟเงียบๆ ภายในโรงพยาบาลเงียบเหงา ธงที่โบกสะบัดไปมาเป็นสิ่งเดียวที่ดูเหมือนจะมีชีวิต นิ้วเรียววางแก้วลง ก่อนที่ธีรเดชจะตรงมาทางเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

"เป็นอย่างไรบ้างครับธาร?"

ชายหนุ่มนั่งลงอย่างถือวิสาสะตรงที่นั่งตรวจโรค ต้นธารายิ้มตอบ

"ผมสบายดีครับแล้วผู้กองละครับ สีหน้าอิดโรยคล้ายกับนอนไม่พอเลย"

คุณหมอหนุ่มลุกขึ้น ไปชงเครื่องดื่มมาให้ธีรเดช

"สบายๆครับธาร แต่ผมเป็นห่วงคุณอย่างเดียว"

ธีรเดชเอ่ย ร่างบางวางแก้วเครื่องดื่มให้ นิ่งขรึม

"ไม่ต้องห่วงผมหรอก แม้จะเจอกับเหตุการณ์ร้ายแรงขนาดไหนผมก็ยังรู้สึกสบายใจ"

ผู้กองหนุ่มเลื่อนมือมาเกาะกุมผิวที่เย็นเฉียบ

"ทำไมว่าอย่างนั้นละครับ เก็บความทุกข์ใจไว้ทำไมกันครับ?"

ต้นธาราแกะมือออก

"ขอบคุณที่ผู้กองเป็นห่วง แต่สำหรับผมไม่จำเป็นจะได้รับคำปลอบใจหรอกแล้วก็กรุณาอย่าทำเช่นนี้อีก"

เสียงที่กล่าวออกมา ฟังดูแข็งกระด้าง แต่ธีรเดชก็ไม่ถือ

"ผมขอโทษ แค่อยากเห็นหน้าคุณเท่านั้นเอง"

ชายหนุ่มยังกล่าวด้วยรอยยิ้ม ต้นธาราพยายามที่จะนิ่งเฉย เขาเข้าใจในความหวังดีของธีรเดชดี แต่ถ้าเขาอ่อนแอ...คอยให้ชายผู้นี้ปกป้อง เขาก็จะเจ็บปวดอยู่เรื่อยๆ อยากจะยืนอยู่ด้วยขาของตัวเอง ความหวังดีนั่นผู้กองหนุ่มควรมอบให้แก่คนอื่น ไม่ใช่ยึดติดอยู่ที่เขาที่ไม่มีหัวใจให้เลย

แม้จะยิ้ม แต่ภายในอกของผู้กองหนุ่มรู้สึกเจ็บยอก พยายามที่จะดื่มเครื่องดื่มที่คุณหมอธารชงให้หมด แต่รู้สึกว่าตัวเองกลืนไม่ลงเลย

"มีงานอะไรไหมครับ อีกสักหน่อยผมก็คงยุ่ง"

คุณหมอกล่าวเป็นทำนองไล่ ผู้กองแสนดีลุกขึ้น

"ขอบคุณครับสำหรับเครื่องดื่มที่ชงให้"

ชายหนุ่มเอ่ยขอบคุณ เดินออกจากโรงพยาบาลที่เงียบเหงา คุณหมอถอนใจ...จริงๆแล้วก็ไม่อยากจะทำแบบนี้หรอก แต่ถ้าไม่ทำ ผู้กองธีรเดชก็เป็นคนที่น่าสงสาร คุณหมอหนุ่มพยายามไม่คิดมากในเรื่องนี้ แต่ผลสุดท้าย เขาก็ต้องเกาะกุมแขนตัวเองไว้ ยอมรับว่าถ้าไม่ได้ผู้กองธีรเดชช่วย เขาก็จมอยู่กับความเสียใจ เรื่องระหว่างผู้กองภานุกับเขา เขาควรจะจัดการเอง คุณหมอเคาะโต๊ะ เงยหน้าขึ้นมาตะโกนบอกบางอย่างกับผู้กองธีรเดช

"ขอบคุณนะครับ สำหรับเรื่องเมื่อคืน"

ผู้กองธีรเดชชะงักก่อนจะโค้งตัวให้ มันช่วยให้หัวใจของต้นธารารู้สึกดีขึ้นจริงๆ

------------------------------------------------


ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #114 เมื่อ16-05-2008 12:26:12 »


ยามถึงรุ่งสาง กิ่งไผ่ก็แต่งตัวด้วยชุดรัดกุม เก็บเส้นผมให้เรียบร้อย ลงไปข้างล่าง เห็นเหล่าพลทหารในค่ายกำลังซ้อมยิงปืน เขาก็หยิบปืนประจำกายขึ้นมา ตรวจดูลูกกระสุน เสร็จแล้วก็เดินตรงไปยังที่ฝึกยิงปืน

"เป็นอย่างไรบ้าง?"

ชายหนุ่มถามลูกน้องที่โค้งกายให้

"ฝีมือของแต่ละคนเรียกได้ว่าแม่นยำไม่เปลี่ยนครับ นายจะลองดูไหมครับ"

กิ่งไผ่ผงกหัว ก่อนที่อีกคนจะตั้งกระบอกไม้ไผ่ไว้บนตอไม้ เรียงไว้สี่อัน แล้วยกมือเป็นทำนองว่าเสร็จเรียบร้อย

"ให้เจ้าขิ่นลองยิงดูก่อนไป"

กิ่งไผ่เอ่ย เมื่อเห็นเด็กหนุ่มนามว่าขิ่น กอดอกมองดูเขาที่เดินเข้ามาอย่างโกรธๆ แต่พอได้ยินว่าจะไดยิงปืนจึงดูตื่นเต้นลืมโกรธไปชั่วคราว

"แต่นายครับจะให้เจ้าขิ่นมัน..."

คนสนิทของท่านนายพลอินคานกล่าวค้าน แต่ถูกมือบางยกห้ามไม่ให้พูดต่อ เรียกเจ้าขิ่นให้เข้ามาใกล้

"มานี่สิขิ่นฉันจะสอนแกยิงปืน"

เจ้าขิ่นไม่เชื่อว่า กิ่งไผ่จะยอมใจดีสอน ทั้งๆที่เมื่อคืนพูดห้ามไว้เสียยืดยาว มันจึงเดินเข้ามาหาอย่างดีอกดีใจ

"พี่ไผ่จะสอนยิงปืนจริงๆหรือ"

เด็กหนุ่มถามเพื่อให้แน่ใจ กิ่งไผ่ยิ้มเป็นการยืนยัน ผู้เป็นนายสั่งให้คนนำปืนมาให้แก่เจ้าขิ่น มันเห็นปืนกระบอกโตแล้วกลืนน้ำลาย มันเป็นปืน ปลย.11ซึ่งปกติแล้วจะใช้ในกองทัพบก ทางกองพันโจรคงไปปล้นมาได้และตอนนี้เขาจะได้ใช้มัน เจ้าขิ่นตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง กิ่งไผ่ถอดปลอกกระสุนออกมา นำลูกกระสุนบรรจุเข้าไปจนเต็ม เจ้าขิ่นมองทุกอิริยาบท เพราะเจ้านายเชี่ยวชาญมากในเรื่องอาวุธ เมื่อเสร็จก็ยื่นให้แก่เจ้าขิ่น เด็กหนุ่มรับปืนแทบทรุด และแปลกใจว่าทำไมเจ้านายถึงถือมันได้สบายๆ

"อันดับแรกที่เอ็งต้องเรียนลักษณะของปืน การบรรจุลูกกระสุน การถอดและใส่ซองกระสุนยังไม่ให้ยิงตอนนี้"

กิ่งไผ่ยึดปืนไป เจ้าขิ่นทำหน้าเสียดาย รอยยิ้มประดับบนใบหน้านั่น ทำให้ดวงหน้าละมุนขึ้น

"เอ็งไม่ต้องตีสีหน้าอย่างนั้นหรอกน่า การที่จะทำอะไรสักอย่างก็ต้องเรียนรู้หลักพื้นฐานไว้ก่อน"

นิ้วเรียวสางผม โอบบ่าเด็กหนุ่มให้มานั่งยังตอไม้

"ปืนเล็กยาวหรือว่าปลย.11เป็นอาวุธประจำกายที่ใช้ในกองทัพบกมีอำนาจในการยิงทั้งการรบในแบบและนอกแบบ"

ชายหนุ่มเริ่มอธิบาย แรกๆเจ้าขิ่นทำหน้าเบื่อหน่ายแต่พอได้ฟังก็หันกลับมาตั้งใจ กิ่งไผ่ยิ้มให้เมื่อเห็นเด็กหนุ่มสนใจ

"ลักษณะโดยทั่วไปของปืนเล็กยาว11มีขนาด5.56x45,มม. ออกแบบและสร้างโดยบริษัทเฮกเลอร์และโคช ประเทศเยอรมัน ระบายอากาศด้วยความร้อน มีความกว้างปากลำกล้อง5.56มม.ทำงานด้วยการถอยหลังของส่วนเคลื่อนที่ เป็นการยิงจากลักษณะหน้าลูกเลื่อนปิดท้ายรังเพลง ซองกระสุนมีสองชนิดคือชนิดยี่สิบนัดกับชนิดสี่สิบนัด สามารถติดตั้งกล้องเล็งและกล้องอินฟราเรดได้ ทำการยิงลูกระเบิดยิงจากปืนเล็กได้ ทำการยิงกระสุนซ้อมรบก็ได้ เมื่อสวมปลอกทวีความถอยแทนปลอกลดแสงที่ปากลำกล้อง"

กิ่งไผ่หยุดไปชั่วครู่ เพื่อให้เจ้าขิ่นได้ทำความเข้าใจกับคำพูดของเขา แล้วอธิบายต่อ

"ปืนปลย.11มีสามแบบคือ ปลย.11 , ปลย.11 เอ 1, ปลย11 เค น้ำหนักของปืนเล็กยาว11ถ้าไม่มีซองกระสุนจะหนัก7.38ปอนด์หรือ3.35กิโลกรัม กระสุนมีอยู่สี่ชนิดคือกระสุนแบบธรรมดา ส่องวิถี กระสุนฝึกหัดและซ้อมรบซึ่งกระสุนส่องวิถีจะมีปลายสีส้ม และกระสุนซ้อมรบมีปลายสีม่วง"

พอพูดถึงช่วงนี้ เจ้าขิ่นก็ขัดขึ้น

"กระสุนส่องวิถีเอาไว้ทำอะไรครับ"

"ก็เอาไว้ส่องนำวิถีน่ะ สงสัยอะไรอีกหรือเปล่าล่ะ?"

เจ้าขิ่นเริ่มงุนงง ไม่กล้าถามต่อ เขาทึ่งที่เจ้านายรอบรู้จริงๆ

"เอาล่ะเรามาอธิบายกันต่อนะ"

เด็กหนุ่มลูบปืนสีดำมะเมื่อมซึ่งชายหนุ่มถอดซองกระสุนออกเป็นที่เรียบร้อย กิ่งไผ่จับปืนขึ้นมาถอดและประกอบเข้ากันจนเจ้าขิ่นอึ้งไปอีกครั้ง

"สุดยอดเลยครับพี่ไผ่"

เด็กหนุ่มตาวาวเมื่อเห็นกิ่งไผ่ประกอบปืนได้อย่างรวดเร็ว

"ทำได้ไงครับเนี่ย?"

กิ่งไผ่ไม่ตอบคำถามนั่น เแต่ยิ้มเพียงอย่างเดียว

"เอ็งลองไปเป็นลูกนายพลอินคานสิว่ะ แล้วไปเรียนที่โรงเรียนทหารสิว่ะไอ้ขิ่น รับรองเอ็งเก่ง"

ชายวัยกลางคนที่นั่งมองดูใต้ร่มไม้ว่า

"แต่น้ำหน้าอย่างเอ็งน่ะไม่ได้ครึ่งของนายกิ่งไผ่หรอก"

ชายวัยกลางคนว่า กรอกเหล้าที่อยู่ในกระติกอลูมิเนียมเข้าปาก เด็กหนุ่มชักสีหน้า

"โธ่! ลุง มาว่ากันแบบนี้ดูถูกกันชัดๆ"

เด็กหนุ่มโวย กิ่งไผ่หัวเราะ

"เอาน่าๆเงียบเถอะขิ่น ถ้าเอ็งฟังคำอธิบายจากฉันละก็รับรองเอ็งเก่ง"

กิ่งไผ่ปราม เจ้าขิ่นหันมาสนใจทันที

"จริงหรือครับ งั้นพี่ไผ่อธิบายมาเลย"

พอได้ยินแบบนี้ คนที่อธิบายก็เริ่มสอนต่อ

"ต่อไปจะมาสอนวิธีถอดประกอบอาวุธกัน อันดับแรกต้องตรวจสอบความปลอดภัยของปืนโดยปฏิบัติดังนี้"

นิ้วเรียวหยิบกระบอกปืนขึ้น ชี้ไปตามส่วนที่อธิบายมาตามหลัง เจ้าขิ่นกกระตือรือร้นร้น จ้องเขม็ง

"อย่างแรก เราต้องห้ามไกปืนก่อน ปลดซองกระสุน ดึงคันรั้งลูกเลื่อนมาค้างไว้"

กิ่งไผ่ปฏิบัติให้ดู พร้อมๆกับอธิบายไปด้วย

"ต่อไปใช้มือซ้ายปลดคันรั้งลูกเลื่อนไปข้างหน้า เปิดห้ามไกแล้วลองลั่นไกไปทิศทางปลอดภัย"

หลังจากที่ทำให้ดูก็ส่งให้เจ้าขิ่นลองทำตาม

"ชิ้นส่วนถอดประกอบของปลย.11มีการถอด6หมู่ชิ้นส่วนคือ ซองกระสุน พานท้าย ด้ามปืนและเครื่องลั่นไก ลูกเลื่อนและโครงนำลูกเลื่อน ปลอกรองมือและสุดท้ายลำกล้องและห้องลูกเลื่อน การประกอบให้ทำตรงข้ามกับการถอดโดยชิ้นส่วนที่ถอดมาทีหลังตามที่บอกให้นำประกอบเข้าไปก่อน"

เด็กหนุ่มทำอย่างเชื่องช้า กิ่งไผ่ก็คอยปลอบให้กำลังใจ จนกระทั่งปืนที่ถอดออกมาประกอบเข้าด้วยกันจนสำเร็จ

"เก่งมาก"

เขาชมลูกน้องของตัวเอง เจ้าขิ่นชูปืนที่ประกอบด้วยความภาคภูมิ

"พี่ไผ่มีอะไรสอนอีกไหมครับ การถอดประกอบปืนมีแค่นี้หรือครับ?"

เด็กหนุ่มกำลังคึกคะนองกับผลงานของตัวเอง

"อย่าเพิ่งดีใจไป นั้นยังไม่ถึงขั้นลึกเลย การถอดประกอบอีกวิธีต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ ขนาดฉันที่เรียนมายังไม่ชินเลย"

ดวงตาของคนคึกคะนองบ่งบอกว่าจะมีอะไรยาก

"ว่ามาเถอะครับ ผมทำได้อยู่แล้ว"

กิ่งไผ่ส่ายหัว เด็กจริงๆ...

"เฮ้ย ไอ้ขิ่นเอ็งจะถอดอีกวิธีเรอะข้าว่าอย่าเลยเดี๋ยวปืนดีๆพังหมด"

ชายวัยกลางคน คนเดิมว่า เด็กหนุ่มทำหน้าหยิ่ง

"ลุง คอยดูฝีมือผมแล้วกัน"

พูดโอ่ โดยการถือปืนที่หนักแสนหนักขึ้นอวดศักยภาพของตัว กิ่งไผ่ไม่แน่ใจเสียแล้วสิว่า เขาควรจะสอนต่อไปไหม สุดท้ายเขาก็ยอมใจอ่อนจนได้ เพราะเจ้าขิ่นก็เหมือนกับน้องของเขาคนหนึ่ง

"มานั่งลงตรงนี้ขิ่น ลุงตวนก็อย่าไปพูดกระทบกระเทียบเจ้าขิ่นมันเลย"

กิ่งไผ่พูด เส้นผมตกระหน้า นิ้วเรียวปัดออกให้พ้นหน้าผาก ลุงตวนทำหน้าบึ้ง

"ขิ่นก็หัดเคารพผู้หลักผู้ใหญ่เสียบ้าง"

เจ้าขิ่นหน้าบูด กิ่งไผ่ระอาใจ แต่ก็ยอมอธิบายต่อ

"เอ้า...ฟังต่อ การถอดอีกวิธีคือการถอดหมู่ชิ้นส่วนของชุดเคลื่อนได้มีดังนี้ หนึ่งคือ ถอดแหนบและแกนแหนบส่งโครงนำลูกเลื่อนส่วนนี้ห้ามแยกออก อันต่อไปคือลูกเลื่อนและหลอดเข็มแทงชนวนสุดท้ายคือเข็มแทงชนวนและแหนบ ส่วนการประกอบคืนให้ทำตรงข้ามกับถอด"

กิ่งไผ่แค่อธิบายแต่ไม่ทำให้ดูเพราะเขาไม่ชำนาญ

"โห...ดูท่าจะยากจริงๆนะครับ"

เจ้าขิ่นว่า คนอธิบายผงกหัว

"ใช่ ยาก...และอีกวิธีคือการถอดด้ามปืนออกจากเครื่องลั่นไกโดยถอดคันบังคับการยิง เครื่องลั่นไก ด้ามปืนประกอบก็เหมือนเดิม คือประกอบตรงข้ามกับการถอดโดยการที่เอาชิ้นส่วนที่ถอดหลังสุดประกอบเข้าไปก่อน"

คนฟังเริ่มปวดหัว

"เอ่อ...ครับแล้วเมื่อไรที่พี่ไผ่จะสอนผมยิงเสียทีละครับ"

เด็กหนุ่มเริ่มเบื่อ กิ่งไผ่ลุกขึ้น

"ขั้นตอนต่อไปนี่ล่ะ เราเรียนทฤษฏีมาแล้ว คราวนี้มาปฏิบัติกัน"

ดวงตากระจ่างหรี่ลงเพราะแสงจ้า สายลมพัดโชยเอื่อยๆ ลุงตวนลุกขึ้นเมื่อนายน้อยสั่งให้เตรียมเป้า

"ตั้งใจดูดีๆล่ะ"

ชายหนุ่มปรับศูนย์ยิง เล็งลำกล้องไปทางเป้าหมาย เจ้าขิ่นตั้งใจดู กิ่งไผ่ปรับตำแหน่งคันบังคับการยิงเป็นยิงที่ละนัด พอกระสุนปล่อยออก เสียงดังปังๆๆสิ้นสุด ลุงตวนหยิบเป้ากระบอกไม้ไผ่ที่กระเด็นชูเหนือหัว เด็กหนุ่มอาปากค้าง เพราะเป้ากระบอกไม้ไผ่เล็กมาก ทุกนัดที่ยิงทำลายมันแตกกระจุย

"การหมุนศูนย์ถ้าหมุนศูนย์หลังตามเข็มนาฬิกาจะทำให้รอยกระสุนต่ำแต่ถ้าหมุนศูนย์หลังทวนเข็มนาฬิกาจะทำให้รอยกระสุนสูงขึ้น ระยะยิงของปลย.11คือ ถ้าเป็นระยะยิงไกลสุดประมาณ3000เมตรส่วนระยะยิงหวังผลประมาณ400เมตรลงมา"

พูดเสร็จก็ส่งปืนไปให้เจ้าขิ่น เด็กหนุ่มลองยิงบ้าง แต่ก็ไม่ถูกสักนัด เจ้าขิ่นทำหน้าผิดหวัง ลุงตวนหัวเราะ

"วันหลังต้องทำได้ดีแน่ขิ่น วันนี้ขิ่นแค่ตื่นเต้นเท่านั้นเอง"

กิ่งไผ่ปลอบ เขาตบบ่าเด็กหนุ่มที่หงอยเหงาไปทันใด

"แต่จำไว้ อาวุธเหล่านี้ใช้ฆ่าคน มันไม่สนุกหรอกที่จะจับมันขึ้นมาใช้"

กิ่งไผ่สั่งสอน สั่งให้คนเก็บปืน

"ไปหาข้าวเที่ยงทานกันเถอะ"

เขาชวนเด็กหนุ่ม เจ้าขิ่นเดินตามหลัง มองท่าเดินที่งามสง่า เรือนผมที่ยาวสลวยสะบัดไปมา รู้สึกว่าน่าเกรงขามและยิ่งใหญ่

"ที่สอนไปยังไม่หมด"

กิ่งไผ่ยังจะอธิบายต่อ แต่เด็กหนุ่มกลับโบกไม้โบกมือบอกให้พอ

"แค่นี่หัวผมก็จะระเบิดอยู่แล้ว"

พอได้ยินแบบนี้ คนฟังก็หัวเราะ

"แล้วใครอยากเรียนเรื่องปืนล่ะ"

ชายหนุ่มย้อน เด็กหนุ่มยิ้มแหยๆ

"ไป....ไป๊....ไปกินข้าวเที่ยงกัน"

ทั้งสองเดินไปยังโกดังที่เปิดโล่ง หยิบจานที่วางไว้เป็นระเบียบไปตักข้าวในหม้อที่หุงไว้ร้อนๆ มานั่งทานกับเนื้อกระต่ายย่าง กับแกงเนื้อกวาง

"พี่ไผ่จะออกไปตรวจตรารอบๆค่ายอีกไหม"

เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นมา ระหว่างที่กำลังกินข้าว ชายหนุ่มเหลือบมองก่อนจะสั่งสอน

"เวลาทานข้าวอยู่อย่าพูด มันไม่เรียบร้อย"

เจ้าขิ่นแอบเบ้หน้า เป็นอย่างนี้ทุกทีเลยกับความเข้มงวดของกิ่งไผ่

"ครับ"

เด็กหนุ่มดูท่าจะอิ่มข้าวไปทันที

"วันนี้จะออกไปในเมือง หาซื้อของที่จำเป็นเตรียมตัวไว้ด้วย"

เด็กหนุ่มวางจานลงทันที ส่งเสียงร้องเสียงดังลั่นโกดัง กิ่งไผ่นั่งทานข้าวเงียบๆไม่สนใจกับอาการลิงโลดของเจ้าขิ่น พอทานเสร็จ ชายหนุ่มก็กลับมายังที่พัก เตรียมตัวออกเดินทางไปในเมืองซึ่งต้องเดินทางในป่าสองวัน แล้วต้องขอติดรถชาวบ้านแถวนั้นไปยังเมือง กิ่งไผ่หยิบเสื้อผ้าขึ้นมา ซึ่งมันมีเสื้อเชิ้ตลายทางขาดๆ ผ้าข้าวม้าโพกผม เครื่องประดับสำหรับผู้หญิง และที่สำคัญคือผ้าถุง...สำคัญที่สุดสำหรับกิ่งไผ่คือการปิดร่องรอยตัวเอง

"ลูกจะออกไปในเมืองอีกแล้วหรือ?"

ท่านนายพลที่นั่งอ่านหนังสือเอ่ยขึ้น ระหว่างที่มองบุตรชายคนเดียวจัดเตรียมของ

"ครับ....ผมจะไปจัดการธุระนิดหน่อย พ่อจะเอาอะไรไหมครับ"

ท่านนายพลส่ายหัว

"ไม่หรอก...ระวังตัวด้วยล่ะ"

ท่านนายพลรู้ว่าบุตรออกไปสืบหาข่าว บุตรของเขาไม่ไว้ใจคนอื่นเลย

"แล้วจะไปกับใครล่ะ"

กิ่งไผ่เหลือบมอง ตอบแผ่วเบา

"กับเจ้าขิ่นมัน"

นายพลอินคานพยักหน้า

"งั้นเหรอ...แล้วเป็นอย่างไรบ้างล่ะสอนยิงปืนให้กับเจ้าเด็กนั่น"

ท่านแปลกในนิดหน่อย ที่กิ่งไผ่นำเด็กที่เป็นห่วงเป็นใยไปเสี่ยงอันตรายด้วย

"ฝีมือยิงปืนของเจ้าขิ่นมันห่วยบรมเลย แต่ก็น่าจะพัฒนาฝีมือได้"

กิ่งไผ่ให้ความเห็น ปิดกระเป๋าสะพายลุกขึ้น

"ผมต้องไปแล้วนะครับพ่อ"

ชายหนุ่มลงจากบ้านพัก ท่านนายพลหันไปสนใจกับหนังสือต่อ กิ่งไผ่ยืนอยู่หน้าบ้านพักของตัวเอง เจ้าขิ่นหอบย่ามมาหน้าตากระหืดกระหอบ

"ไปได้แล้ว"

ทั้งสองมุ่งหน้าลงเขาออกเดินทางเข้าไปในเมือง

------------------------------------------------

เสียงเรียกรวมพลดังขึ้น ธีรเดชและนายทหารทุกคนต่างจัดเรียงแถวเป็นแถวหน้ากระดาษ ผู้พันมีทรัพย์เดินออกมา ข้างหลังเป็นผู้กองภานุ ชายหนุ่มมองเขม็ง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ผู้กองภานุดูเฉยชา ทำตัวปกติจนธีรเดชรู้สึกไม่ชอบใจมากยิ่งขึ้น เขารู้ว่านั้นเป็นนิสัยของผู้กองภานุ เขาจะทนได้อยู่ถ้าไม่มีเรื่องของต้นธาราเข้ามากวนใจ

"แถวตรง"

เสียงของผู้กองรังสรรค์สั่ง ยามที่เห็นหัวหน้าใหญ่ออกมา ทุกคนนิ่งไม่กระดุกกระดิก ฟังคำทักทายจากผู้พัน

"สวัสดีนายทหารทุกท่าน วันนี้ทางค่ายใหญ่มีคำสั่งลับมาถึงผม ผมอยากจะคุยกับทุกคนตอนหกโมง ขอให้มาตรงเวลาด้วย"

ทุกคนยกมือวันทยาหัตถ์รับทราบ ก่อนจะพากันสลายตัว

"แย่นะครับที่ผู้กองธีเข้ามาในค่ายก็ได้รับงานเสียแล้ว"

ธีรเดชมองตามหลังคนที่ติดตามผู้พันมีทรัพย์

"ไม่หรอกครับ ผมดีใจที่ได้ทำงานเสียที"

ผู้กองรังสรรค์เห็นธีรเดชจับจ้องยังผู้กองภานุก็พูดขึ้น

"ผู้กองภานุเป็นคนสนิทของผู้พันมีทรัพย์ครับ เขาอารมณ์เสียขึ้นกว่าเดิมนับตั้งแต่เพื่อนสนิทตาย ผู้กองอย่าไปถือสาเลยนะครับถ้าผู้กองภานุแสดงอารมณ์ไม่ดี"

ผู้กองรังสรรค์เอ่ย ธีรเดชผงกหัว หรี่ตา

"ผมไม่ถือหรอกครับ กับคนประเภทนั้น"

พูดทิ้งท้ายไว้ให้ผู้กองรังสรรค์สงสัยแต่ธีรเดชก็เดินกลับเข้าไปในค่ายเสียแล้ว ทิ้งให้ผู้กองรังสรรค์งุนงงก่อนจะเดินตามไป เมื่อชายหนุ่มเข้าไปในกองบังคับบัญชา ผู้พันมีทรัพย์ก็ทัก

"มะรืนนี้จะเข้าเมืองไหมวะธี"

ธีรเดชหันมอง ทำหน้าแปลกใจ

"เข้าเมืองหรือครับ?"

เขาถามอย่างสงสัย พยายามไม่มองชายหนุ่มที่นั่งหน้าเย็นบนโซฟาเก่าๆ สายตาคมกำลังตรวจดูแผนที่

"ใช่ ก่อนทำภารกิจ ทหารที่นี่จะไปหาความสุขในเมือง แล้วกลับมาปฏิบัติหน้าที่ เพราะปกติไม่ค่อยได้ออกไปไหนกัน"

ผู้พันมีทรัพย์อธิบาย ชายหนุ่มนิ่งไปสักพัก

"สนไหมจะให้ภานุเขาแนะนำให้"

ธีรเดชใช้ดวงตากร้าวมองผู้กองภานุที่ดูไม่สนใจใครเลย

"หรือว่าผู้กองรังสรรค์ก็ได้"

ผู้พันเอ่ยเมื่อเห็นดวงตาที่ดูไม่พอใจ

"สาวๆที่นั่นสุดยอดเลยนะครับ แต่ละคนเป็นสาวพม่าทั้งนั่น รับประกันสวยหยาดเยิ้ม"

ผู้กองรังสรรค์เสริม เขาหยิบ*กริดมาทาบกับแผนที่ คุยเรื่องระยะทางกับผู้กองภานุ

"สนไหมครับ?"

ผู้กองรังสรรค์ถามซ้ำ ธีรเดชคิดว่าตัวเองต้องไม่ทำให้แปลกแยกไปจากคนอื่นจึงผงกหัว

"พูดน่าสนดีนี่ครับ เห็นว่าสาวพม่าใช้ขมิ้นขัดผิวให้สวยผมก็ชักอยากจะสัมผัสเสียแล้วสิ"

พูดถึงตรงนี้ ทั้งผู้กองรังสรรค์และผู้พันมีทรัพย์หัวเราะร่วน

"ระวังใครบางคนเข้าใจผิดนะครับ"

เสียงเย็นๆสอดแทรกขึ้น ธีรเดชนิ่ง ผู้กองรังสรรค์ละมือจากงาน ทำหน้าแปลกใจ

"อะไรกันผู้กองมีคนรักแล้วเรอะ"

ธีรเดชโบกมือปฏิเสธ

"ผมยังไม่มีใครหรอกครับ ผู้กองภานุนี่ชอบอำคนอื่นเสียจริง"

ดุจจะกล่าวแดกดัน ผู้กองภานุยักไหล่อย่างกวนๆ

"เฮ้ย พูดมากกันน่าจะมีฟงมีแฟนก็เก็บไว้สักพักเถอะ ไปหาอีหนูสาวๆกันดีกว่า"

ผู้พันเอ่ยอย่างตลก ธีรเดชยิ้มตาม ทั้งๆที่ในใจนั่นหงุดหงิดกับชายที่คิดว่าหน้าด้าน แต่เอาเถอะ ถ้าได้ออกไปข้างนอก เขาคิดว่าน่าจะพาคุณหมอต้นธาราไปด้วยได้ พอคิดมาถึงตรงนี้หัวใจก็คลายความขุ่นข้อง เขาลืมไปว่าเมื่อเช้าโดนพูดอะไรมาบ้าง ภานุมอง ชายหนุ่มโยนปากกาลง...กับสิ่งที่ทำ...เหมือนกับว่าเขากำลังหวง ต้องการจะทำกันแน่นะเรา

------------------------------------------------

PS. * กริด ระบบวัดแผนที่ทางทหาร

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #115 เมื่อ16-05-2008 12:54:09 »

อ่านตอนนี้แล้วนึกถึงตอนสมัยเรียน รด. อิอิ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #116 เมื่อ16-05-2008 14:40:40 »

เข้ามาให้ กลจ. คนโพสต์จ้า

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #117 เมื่อ16-05-2008 16:07:35 »

 :impress: :impress: :impress:

ถ้าเดาไม่ผิด ผู้กองนาคี กับกิ่งไผ่

น่าจะรักกันนะครับผมว่านะ

 :impress: :impress: :impress:

Taurus

  • บุคคลทั่วไป
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #118 เมื่อ16-05-2008 16:41:18 »

 :m23:  ขอร่วมวงด้วยคนนะคับ
แต่ผู้กองธีกะลังนอกใจหมอธารง่ะ  :m31:
แต่ถ้าเป็นกิ่งไผ่ก็อภัยได้คับ  :m12:  :pig4:

ออฟไลน์ RN

  • Global Moderator
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1650/-14
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #119 เมื่อ16-05-2008 17:30:01 »

เข้ามากด +ให้คนโพสสสสสสสสสสส

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด