ห้วงรักเสน่หา + เกียรติยศ กบฏหัวใจ โดย Rain-at-Rose
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ห้วงรักเสน่หา + เกียรติยศ กบฏหัวใจ โดย Rain-at-Rose  (อ่าน 292784 ครั้ง)

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #270 เมื่อ13-07-2008 23:28:13 »

อิอิ ขอบคุณที่เป็นห่วงน้า  ดูแลสุขภาพด้วยทุกคน

ต่อเลยคับ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ห้วงรัก23 keepsake/สถานที่แห่งความทรงจำ

ต้นธาราถอนใจเบาๆเมื่ออยู่ตามลำพัง เขาก้มหน้ามองผ้าห่มผืนบางของทางโรงพยาบาล ความเหงาในหัวใจเริ่มถาโถม...ป่านนี้ผู้กองคงกลับมาแล้วมั้ง ข้อสันนิฐานในใจที่เป็นเพียงความเงียบงัน

...อยากกลับไปอีกสักครั้ง...

คุณหมอหนุ่มคิดถึงในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ตอนนี้เขากลับมารักษาตัวในกรุงเทพฯแล้ว เขาเลือกที่จะจากลามาเอง ต้นธาราลงจากเตียง มองออกไปนอกหน้าต่างเช่นเคย ในสายตายังคงเฝ้าหาคนในห้วงแห่งความฝัน เปลือกตาบางหลับลง วันและคืนที่ผันผ่าน กับชีวิตที่ต้องอยู่ในโรงพยาบาล มันช่างว่างเปล่าเสียเหลือเกิน ชายหนุ่มหยิบสมุดไดอารี่ขึ้นมา มองหน้าปกสีฟ้า มันเป็นไดอารี่ที่เขาหวงมากที่สุด ชายหนุ่มเปิดดูทีละหน้าๆคิดถึงวันที่ได้พบผู้กองภานุขึ้นมาจับใจ...มันนานแสนนาน...หมึกซึมที่ใช้เขียนบนเนื้อกระดาษก็รางเลือนไปตามกาลเวลา

“ผมอยากเจอคุณ...”

ชายหนุ่มกระซิบกับไดอารี่ของตนเอง มือบางหยุดอยู่ที่หน้าความรู้สึกที่เขียนไว้...สิ่งที่ไม่เคยได้ตอบรับคืนนอกจากความเกลียดชัง ภาพของผู้กองภานุกับผู้กองนาคีหลุดออกมาจากไดอารี่ ต้นธารามองมันด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง เขาเก็บภาพนั้นสอดในไดอารี่ ทำอย่างไรก็ไม่อาจลืมคืนวันที่ผู้กองนาคีตายไปสักที ชายหนุ่มวางสมุดบันทึกไว้บนโต๊ะ เฝ้ามองมันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งนางพยาบาลนำยามาให้ ต้นธาราจึงหยุดคิดเรื่องอื่นที่ทำให้ไม่สบายใจ

“จะดูหนังสือพิมพ์ไหมคะ ดิฉันจะเอามาให้ วันนี้มีข่าวน่าสนใจเชียว หน่วยลาดตะเวนชายแดนปะทะกับกองโจรกะเหรี่ยงเห็นว่ามีผู้บาดเจ็บเยอะเชียว”

หัวใจของต้นธาราเต้นแรง เขาจับแขนนางพยาบาลสาวอย่างลืมตัว

“จ...จริงหรือครับ เกิดเหตุอยู่ที่ไหนครับ”

นางพยาบาลสาวตื่นตกใจกับท่าทางของคนไข้ เธอแกะมือของชายหนุ่มออก หยิบหนังสือพิมพ์มาให้

“นี่ค่ะ ลองอ่านรายละเอียดดู”

เธอว่าก่อนจะยกถาดเงินออกจากห้องพัก ต้นธาราอ่านข่าวหน้าหนึ่งแล้วก็หน้าซีดเผือด เขารีบพลิกเข้าไปอ่านเนื้อหาข้างในอย่างรวดเร็ว หนังสือพิมพ์ร่วงหล่นจากมือ

...ผู้กองบาดเจ็บ!...ต้นธาราใจเต้นแผ่วๆมือเย็น ท่านนายพลพิภพเข้ามาในห้องอย่างอารมณ์ดี ท่านถือกล่องบรรจุขนมเค้กยิ้มร่ามาแต่ไกล

“ธารพ่อซื้อเค้กมาให้ลูกด้วย”

ท่านวางกล่องขนมอย่างระมัดระวังไว้บนโต๊ะ ซึ่งมองไดอารี่ของลูกชายสุดที่รักอย่างฉงน

“เป็นอะไรหรือเปล่าธาร”

นายพลชราเอ่ยถามยามที่เห็นใบหน้าลูกชายไม่สู้ดีนัก และแล้วท่านก็ได้รับคำตอบ นายพลพิภพเอื้อมมือเก็บหนังสือพิมพ์ขึ้นมาพับไว้ให้เรียบร้อย เพียงแค่อ่านข่าวหน้าหนึ่งท่านก็เข้าใจ

“เขาไม่เป็นอะไรมากหรอก”

ผู้เป็นบิดาว่า โยนหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะรับรองอย่างฉุนๆ ต้นธาราหันมองบิดาราวกับอยากจะถามว่าสิ่งที่บิดาเอ่ยนั่นเป็นจริงหรือ

“พ่อซื้อเค้กอร่อยๆมากินกันดีกว่า”

ชายหนุ่มลงจากเตียงอย่างว่าง่าย เขารู้ว่าบิดานั้นพยายามเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงเรื่องของผู้กองแห่งค่ายห่างไกลความเจริญ ต้นธาราก็ไม่พยายามเซ้าซี้ให้มากความเพราะรู้ว่าทำไปก็หมดหวัง

“เดี๋ยวพ่อจะลงไปขอจานกับมีดนะ ธารรออยู่นี่แหละ”

ท่านนายพลลุกขึ้น บุตรชายมองด้วยสายตาว่างเปล่า ท่านเห็นแล้วรู้สึกเสียใจ

“แน่ใจนะครับว่าผู้กองภานุเขาไม่เป็นอะไร”

คำพูดของลูกชาย ทำให้ผู้เป็นบิดาชะงัก

“มันยังไม่ตายหรอก!”

ท่านตอบอย่างกระแทก ต้นธาราถอนใจ...เขาไม่น่าเปิดปากถามเลย มาสำนึกเสียใจก็สายไปเสียแล้ว ท่านนายพลพิภพปิดประตู ต้นธารามองกล่องเค้กจากร้านดัง ชายหนุ่มเข้าใจดีว่าบิดานั่นไม่อยากให้ยึดติดกับภานุมากนัก สำหรับต้นธาราแล้วมันเป็นเรื่องยาก เขาแกะกล่องขนมเค้กออกมองมันอย่างสับสน ท่านนายพลไปไม่นานนักก็กลับมาพร้อมมีดและจานขนมแล้วท่านก็ลงมือแบ่งขนมเค้กส่งให้บุตรชาย

“ทำไมกินน้อยจัง”

ท่านนายพลเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นลูกชายวางช้อนลงข้างจาน

“ผมทานไปเยอะแล้วครับ ขืนทานอีกมีหวังโดนหมอฆ่าทิ้ง”

ผู้เป็นบุตรว่า วางจานขนมเค้กที่หวานเฉียบลง ท่าทางไม่ค่อยสบายใจเท่าไร

“จริงสิ ลูกกินหวานๆไม่ดีต่อสุขภาพ...”

ท่านรำพึง สายตาสีอ่อนมองหนังสือพิมพ์แล้วหยิบมันขึ้นมา

“พ่อครับ ผมอยากกลับไปที่ค่าย...”

ต้นธาราลองเสี่ยงเอ่ยสิ่งที่ติดอยู่ในใจออกมา ท่านนายพลชักสีหน้าทันที

“ธาร...แกจะคิดอะไรแบบเด็กๆได้ไหม แกมายังกรุงเทพแล้วจะกลับไปที่นั่นอีกทำไม”

จานขนมในมือกร้านวางกระแทกลงกับโต๊ะ สายตาสีอ่อนจ้องบิดาไม่กระพริบ

“ผมอยากกลับไปครับ”

บุตรชายยังยืนกรานตามเดิม บิดาก็ยังคัดค้าน

“ธาร ที่แกตัดสินใจมาที่นี่โดยไม่รอเจ้าผู้กองนั่นก็เพื่อเข้ามารับการรักษาโรคที่แกเป็นอยู่ไม่ใช่รึ”

ท่านนายพลกล่าว บุตรชายสลด

“ครับพ่อ”

น้ำเสียงของบุตรชายอ่อนลง ยอมรับแต่โดยดี

“แต่ว่าผมนั้นอยากกลับไปอยู่ดี ขอแค่สักครั้งที่ไปเยี่ยมเขา”

“แล้วมันจำเป็นด้วยรึกับการไปเยี่ยม เขาเกี่ยวอะไรกับเจ้า...มันสำคัญไหมธารที่เจ้าละทิ้งการรักษาเพื่อกลับไปยังที่นั่น”

ต้นธาราได้ฟังก็เงียบกริบ

“ลูกโตแล้ว พ่อย้ำอยู่เสมอว่า...สิ่งที่เจ้าทำมันจะทำร้ายตัวเจ้าเองกับเขามากแค่ไหน ปล่อยทิ้งไปเถอะกับความรัก ลมๆแล้งๆ ธาร...ลูกมีอนาคต เขาก็มีตำแหน่งหน้าที่การงานอันทรงเกรียติ เจ้ายิ่งฝืนสิ่งที่เจ้าและเขามี ท้ายที่สุดมันก็จบลง ไม่ใช่เพราะใคร มันเกิดขึ้นกับการกระทำของเจ้าเอง”

ต้นธารานั่งฟังเงียบๆ แม้จะเสียใจที่พูดแบบนั้นออกไป สำหรับท่านนายพล ท่านก็คิดว่ามันเป็นการดีแล้วสำหรับบุตรชายของตน

“สิ่งที่พ่อพูด ผมรู้ครับ ผมเข้าใจดี....แต่...ผมก็ยังอยากไปพบเขาอีกสักครั้ง มันเป็นไปไม่ได้เชียวหรือ!”

บุตรชายขึ้นเสียง ท่าทางโมโห ท่านนายพลพยายามระงับอารมณ์

“ลูกทำไมถึงไม่ยอมเข้าใจเสียที”

มองแล้วก็อ่อนอกอ่อนใจ ท่านพยายามที่จะดึงดัน

“พ่อบอกว่า หากผมเลือกทางของตัวเองแล้วพ่อก็ไม่อาจห้าม ตอนนี้ผมเลือกแล้ว พ่อจะว่าอย่างไรครับ”

ผู้เป็นลูกยืนคำขาดกับความต้องการของตัวเอง ท่านนายพลอึ้งกับคำที่ลูกย้อน

“ธาร...ลูก...”

นายพลพิภพพูดไม่ออก ทำอย่างไรก็ไม่อาจล้มล้างความคิดของบุตรชายได้เลย

-----------------------------------------------


ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #271 เมื่อ13-07-2008 23:30:10 »

คุณหมอมาริสาแทบกลั้นใจเพราะสภาพของผู้กองภานุนั้นสาหัสกว่าที่คิดไว้ เธอแตะแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเบาๆ สำรวจบาดแผลที่อักเสบจนกลายเป็นหนอง

“จ่าแม้นแล้วก็ผู้กองรังสรรค์ล่ะ”

ชายหนุ่มถามหลังจากที่ถูกนำมายังโรงพยาบาลเล็กๆประจำค่าย ภานุนั่งไม่ติดที่ห่วงในสวัสดิภาพของผู้ร่วมงาน

“ผู้กองรังสรรค์กับจ่าแม้นถูกนำส่งโรงพยาบาลในเมืองค่ะ ผู้กองภานุนั่งนิ่งๆนะคะ ดิฉันจะได้ทำแผลได้ถนัดๆ”

หญิงสาวกดร่างผู้กองหนุ่มลง นำแอลกอฮอลล์เทใส่สำลี ผู้กองภานุได้ยินคำพูดของมาริสาจึงสงบลง

“แผลอักเสบมากเลยนะคะเนี่ย หากไม่คว้านเนื้อที่เน่าออกล่ะก็ มีหวังต้องตัดแขน”

หญิงสาวเอ่ยอย่างกังวลใจ ภานุกัดฟันเมื่อสำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดเข้าที่แผล

“เดี๋ยวดิฉันจะฉีดยาระงับปวดให้นะคะ ผู้กองต้องเข้าผ่าตัดที่โรงพยาบาลในเมือง เพราะที่นี่อุปกรณ์ไม่พร้อม”

หญิงสาวสาละวนกับตู้ยา ดึงขวดยาระงับปวดออกมาพร้อมกับเข็มฉีดยาหลอดเล็ก ภานุกวาดตามองทั่วโรงพยาบาลเล็กๆ เขาก็พบว่าขาดใครบางคนไป

“คุณหมอธารล่ะครับ”

ชายหนุ่มถามแล้วนิ่งสงบ...เขาน่าจะเห็นต้นธาราเข้ามาป้วนเปี้ยนแท้ๆ ทำไมกลับหายไปล่ะ....ในใจของชายหนุ่มร้อนรนโหยหา

“คุณหมอธารหรือคะ เอ่อ...”

มาริสาพูดไม่ออก หญิงสาวถือเข็มฉีดยาแทงเข้าไปในเนื้อของชายหนุ่ม

“ครับ....เขาไปไหน”

ภานุนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ รอคำตอบจากคุณหมอสาว

“หมอธารอกจากค่ายนี้ไปแล้วค่ะ”

คำพูดนั่นทำให้ชายหนุ่มตกตะลึง

“ออกไป...ตอนไหนครับ ออกไปเพราะอะไร”

ความเจ็บปวดที่เกิดจากแผลค่อยๆจางหาย มาริสาก็ส่ายหน้าทำนองว่าไม่ทราบ

“ก็ตอนที่ผู้กองออกลาดตะเวนแหละค่ะ วันนั้นหมอธารล้มป่วยทางค่ายใหญ่เลยส่งคนมารับไปรักษาในโรงพยาบาลในเมือง ป่านนี้ไม่ส่งข่าวอะไรมาให้เลยค่ะ ฉันก็ไม่รู้ว่าหมอธารเป็นอย่างไรบ้าง”

หญิงสาวตอบเท่าที่ตัวเองจะตอบได้ ภานุรับฟังแล้วเจ็บลึกๆ

“เห็นว่าผู้กองธีหายไปหรือคะแล้วผู้กองธีจะเป็นอะไรไหมคะ?”

หญิงสาวเอ่ยถามกลับด้วยน้ำเสียงห่วงใย ภานุก็มืดแปดด้าน

“ผมก็ไม่ทราบครับ คงต้องรอข่าวจากทางหน่วยฯอีกที”

ร่างอันใหญ่โตของผู้กองหนุ่มเอนลงบนเตียง รอให้เฮลิคอบเตอร์มารับเข้าโรงพยาบาล

“น่าสงสารผู้กองธีนะคะ เป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้างก็ไม่มีใครรู้”

หญิงสาวเอ่ยด้วยความเสียใจ ไม่นานนักเฮลิคอปเตอร์ก็ลงจอด เตียงของชายหนุ่มถูกหามขึ้นฮ. เขานอนนิ่งๆจนกระทั่งเครื่องบินลอยขึ้นมาชายหนุ่มจึงหลับตาลง

“แย่จังเลยนะครับที่ถูกโจมตี...”

แพทย์ที่ประจำเฮลิคอปเตอร์กล่าวระหว่างตรวจดูบาดแผลของผู้กองหนุ่ม ภานุลืมตาขึ้นหลังจากถูกทัก

“ผมชื่อนายแพทย์ประกิตครับ”

นายแพทย์ทักพร้อมรอยยิ้ม ผู้กองหนุ่มคนเก่งนึกประหลาดใจที่อีกฝ่ายทักราวรู้จักตนเป็นอย่างดี

“คงแปลกใจสินะครับ ทางนายพลอรุณเป็นคนบอกผมเรื่องของคุณครับ”

สายตาระแวงเคลือบแคลง ภานุนอนฟังอีกฝ่ายพูดเงียบๆ

“ท่านนายพลชมว่าพฤติกรรมของคุณนั่นเยี่ยมยอดเลยครับ เป็นทหารหนุ่มที่กล้าหาญ...”

คำชมนั่นภานุไม่นึกยินดีเลยสักนิดเดียว เครื่องบินลดระดับ นายแพทย์ประกิตเงียบไป จนกระทั่งจอดลงสู่พื้นดินโดยปลอดภัย ร่างของภานุถ่ายลงเตียงที่มีผู้ช่วยพยาบาลพร้อมเข็นเข้าไปด้านใน ภานุมองรอบๆโรงพยาบาลในเมืองซึ่งน้อยครั้งนักที่ชายหนุ่มจะได้เข้ามา เสียงพูดคุยข้ามเตียง เขาถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัดระหว่างนั้นเขาเห็นท่านนายพลอรุณมองดูแต่ไกล

“ท่านนายพลมาเยี่ยมดูอาการของจ่าแม้นกับผู้กองรังสรรค์น่ะครับ”

นายแพทย์ประกิตตอบข้อสงสัย ภานุเห็นสายตานั่น มันมองอย่างพิจารณามาทางเขาชัดๆ เขาทำเป็นไม่เก็บมาใส่ใจหากสุดท้ายต้องมองกลับ

“ตอนนี้ทำใจให้สบายๆนะครับ”

คำพูดราวกับปลอบของแพทย์ทำให้ภานุหันมาสนใจกับไฟผ่าตัดสว่างวาบ เสื้อสีเขียวด้านรายรอบ เขาได้เพ่งมองแสงสว่างเป็นครั้งสุดท้ายจนกระทั่งไม่รู้สึกตัวอีกเลย

------------------------------------------------

ลืมตาตื่นอีกครั้งชายหนุ่มก็นอนอยู่ที่เตียงพักฟื้นแล้ว ชายหนุ่มมองไปรอบๆ มีผู้ป่วยนอนเรียงรายในห้องเต็มไปหมด ภานุกระพริบตาไล่ความมึนงง บาดแผลได้รับการผ่าตัดพันผ้าพันแผลสีขาวพร้อมกับเข้าเฝือกไว้อย่างเรียบร้อย เขาอยู่ตรงนี้...เพียงลำพัง...ดวงตาแกร่งมองเพดาน เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ นายแพทย์ประกิตนั่นเอง คุณหมอหยุดข้างเตียงมองด้วยสายตาเปี่ยมเมตตา

“รู้สึกอย่างไรบ้างครับ”

ผู้กองหนุ่มถอนใจก่อนจะตอบ

“ตอนนี้รู้สึกสบายดีครับ แล้วผมจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหนครับ”

ภานุถาม ซึ่งทำให้คุณหมอหัวเราะ

“อีกสองสามวันนี่ล่ะครับ ทนๆเอาหน่อยนะผู้กอง”

ผู้กองหนุ่มได้ฟังแล้วรู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล

“ผมไม่อยากนอนเฉยๆ อาการของผมก็ดีขึ้นแล้ว ถอดสายน้ำเกลืออกเถอะครับ”

ภานุร้องขอ คุณหมอส่ายหน้า

“คุณไม่ใช่หมอย่อมไม่รู้อาการของตัวเอง....นอนพักอยู่ที่นี่สักระยะเถอะครับ”

หมอประกิตเอ่ยเสียงนุ่ม ภานุอ่อนใจ เขาล้มตัวนอนอย่างเซ็งๆ ชายหนุ่มไม่ชอบเลยกับกลิ่นของโรงพยาบาล...มันทำให้ชวนคิดถึงร่างระหง ฉายรอยยิ้มอันสดใส ดวงตาและเรือนผมสีน้ำตาลดึงดูด ยิ่งคิดยิ่งทำให้ใจไม่สงบ ชายหนุ่มเฝ้าภาวนาให้คืนและวันผ่านพ้นไปโดยไว ญาติของผู้ป่วยมาเยี่ยมคนไข้รายอื่นๆทำให้ภานุมองด้วยสายตาว่างเปล่า....พ่อกับแม่ของเขาก็ตายไปแล้ว ซ้ำคู่หมั้นก็ยังร้างลาห่างไกลมาเสียนาน ชายหนุ่มลดดวงตาลงยามที่คู่สามีและภรรยาซึ่งตั้งท้องมาเยี่ยมหญิงชรา เขาหวนคิดถึงตัวเอง หากไม่เลือกมายังสถานที่แห่งนี้ ป่านนี้เขาคงแต่งงานกับคู่หมั้น...มีลูกมีความครัวแสนสุข ความคิดนี้ก็ถูกขัดโดยใบหน้าขาวซีด ภานุไม่อยากให้เงานั้นหลอกหลอนใจ เพราะมันยิ่งตอกย้ำความรู้สึกว่าเขากำลังคิดพิเศษกับอีกฝ่าย ประตูห้องเปิดออก เสียงฝีเท้าดังกระทบพื้นปูนเป็นเสียงของเท้าหนักๆ ภานุเงยหน้ามองแล้วต้องนิ่งไป เพราะคนที่เดินมากลับเป็นนายพลอรุณและต้นธารา...ชายหนุ่มคิดไปว่ามันคือภาพลวงตา ทว่าภาพตรงหน้ากลับเป็นความจริงเมื่อคนทั้งคู่เดินเข้ามาใกล้

“สวัสดีทหารกล้า”

ท่านนายพลอรุณทัก ภานุชันตัวขึ้นโค้มหัวทำความเคารพผู้บังคับบัญชาการแห่งค่ายใหญ่ ต้นธาราที่ยืนอยู่เคียงข้างกลับไม่พูดอะไรเลย ดวงตาสีน้ำตาลเฝ้ามองผู้กองอย่างเป็นห่วง

“สวัสดีครับท่าน เป็นเกรียติเหลือเกินที่ท่านมาเยี่ยม”

ขณะที่เอ่ย ดวงตาแกร่งประสานกับดวงตาสีอ่อน อยากจะพูดกับต้นธาราหากการอยู่ตรงหน้าผู้บังคับบัญชาการจำต้องน้อบน้อม

“อื้ม...อาการคงดีขึ้นแล้วสินะ”

ภานุตอบด้วยเสียงหนักแน่น

“ครับ”

ท่านนายพลหันมองคนข้างกายก่อนจะเอ่ยธุระ

“ต้นธารา เขาอยากมาเยี่ยม...”

ท่านพูดแค่นั้น ก่อนจะปล่อยให้ทั้งคู่อยู่เพียงลำพัง ก่อนจากคุณหมอธารก็เอ่ยขอบคุณลุงที่ช่วยเหลือ

“ขอบคุณครับคุณลุง..ช่วยบอกพ่อหน่อยนะครับว่าอีก10นาทีผมจะออกไป”

นายพลอรุณผงกหัวเนิบๆ เมื่อท่านนายพลจากไป ต้นธาราก็คลายความอึดอัดลง

“แผลคุณ...”

ต้นธาราเริ่มเอ่ยหลังจากที่เงียบไปนาน

“แผลผมมันไม่เป็นอะไรหรอก”

ภานุตอบด้วยสีหน้าเฉยเมยจนคนที่ได้รับฟังเงียบไป

“แล้วอาการคุณล่ะเป็นอย่างไรบ้าง เห็นว่าล้มหมอนนอนเสื่อนี่”

ด้วยคำถามนั้นเรียกรอยยิ้มอ่อนๆของต้นธารา

“ตอนนี้เข้าพักรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพครับ”

ต้นธาราเอ่ย ภานุทำเหมือนไม่อยากรับฟัง

“ผมมาเยี่ยมคุณ อีกสักพักก็จะกลับแล้ว”

ต้นธาราเอ่ยเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายรำคาญ เขาเตรียมลุกขึ้นหากถูกดึงมือไว้

“มีอะไรหรือเปล่า”

ต้นธาราถามอย่างสงสัย ภานุมองดูมือของตัวเองที่คว้าแขนบอบบางเอาไว้

“เปล่า...คุณจะกลับก็กลับเถอะ ขอบใจที่อุตส่าห์มาเยี่ยม”

ชายหนุ่มเก็บงำความเสียดายเอาไว้ในส่วนลึก

“ครับ...”

ต้นธาราตอบแค่นั้น เขามองมือแกร่งที่ปล่อยข้อแขน แล้วเดินจากไป ภานุแทบอยากซัดหมอน...เขาอยากจะพบไม่ใช่หรือ...เขามันเป็นคนโง่จริงๆที่ปฏิเสธ ทั้งๆที่น่าจะรู้ว่าต้นธารายอมกลับมาที่นี่เพราะเหตุผลอะไร แผ่นหลังบอบบางดูเศร้า....เขาก็ไม่อาจทำอะไรได้

------------------------------------------------

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #272 เมื่อ14-07-2008 01:10:56 »

:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ตอนนี้ผู้อ่านก็เศร้ามากๆๆเลย

ท้ำตาไหลเลยครับ

สงสารคนที่มีความรักต่อกันต้องมาเจอแบบนี้

เป็นกำลังใจให้เสมอครับผม สู้ๆๆต่อไปครับ

:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ tsuyu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #273 เมื่อ14-07-2008 12:41:41 »

โอ้ย  :serius2:  เศร้า 

 :o12:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #274 เมื่อ14-07-2008 13:14:48 »

อ้าววววววววววววววววววววววววววววว ผู้กองภานุ ไหงทำแบบนั้นล่ะ

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #275 เมื่อ14-07-2008 15:05:13 »

เป็นกำลังใจให้เสมอครับ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #276 เมื่อ14-07-2008 15:27:32 »

เศร้าเป็นที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 o7

rain-at-rose

  • บุคคลทั่วไป
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #277 เมื่อ14-07-2008 17:04:16 »

พี่พิมพ์หายป่วยแล้ว>< :m4: ดีใจจังเลย

รักษาสุขภาพด้วยน้าค่ะทุกๆคน..... :L2:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #278 เมื่อ14-07-2008 21:45:36 »

 o7 ยังเศร้าอีกนาน

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #279 เมื่อ15-07-2008 17:04:32 »

อิอิ  จะเศร้ากันไปไหน   
น้องเรนอะ  แต่งเศร้าซึมลึกไปละ

ต่อจ้า

++++++++++++++++++++++++++++

ห้วงรัก24/loveless/ หัวใจที่ว่างเปล่า

ต้นธาราทรุดนั่งลงบนโซฟา เขามองอกไปนอกห้องพัก ท่านนายพลนั่นจ้องภาพบุตรชายที่เหม่ออยู่นาน ท่านเข้าใจดีว่าการที่ลูกชายตนเป็นแบบนั้นเพราะใคร นายพลพิภพจึงเดินเข้าไปลูบหัว

“ธารเอ้ย พ่อว่าวันพรุ่งนี้ เรากลับกันเถอะลูก”

ต้นธาราเงยหน้าบอกบิดา ยอมรับข้อเสนออย่างง่ายดาย

“ครับ...วันพรุ่งนี้ผมจะกลับ”

ท่านนายพลดีใจที่ลูกชายยอมกลับอย่างง่ายดาย ท่านนำมือออกจากศีรษะบุตร ดวงตาคู่นั้นวาววับยามสะท้อนแสงอาทิตย์ตกดิน ท่านนายพลไม่อาจเห็นหยาดน้ำตาไหลออกจากดวงตาสีน้ำตาล มีแต่ความผิดหวัง เป็นเรื่องที่ผิดพลาดไปจริงๆกับการที่เขามายังที่นี่

“ธาร ลูกจะออกไปเดินเล่นกับพ่อไหม แถวนี้มีที่เที่ยวเยอะทีเดียว”

ต้นธารารีบเช็ดน้ำตาส่ายหน้า

“ไม่...พ่อจะไปก็ไปเถอะครับ ผมเหนื่อย อันที่จริงพ่อจะหาเรื่องสังสรรค์กับลุงอรุณล่ะสิ”

ชายหนุ่มว่า ท่านนายพลหัวเราะเสียงดัง

“พ่ออุตส่าห์ได้พบกับลุงของลูกก็ต้องฉลองเสียหน่อย แน่ใจนะว่าเจ้าไม่อยากไปกับพ่อ”

ต้นธาราส่ายหัว ท่านนายพลจึงหยิบเสื้อนอกขึ้น

“ลูกอยู่คนเดียวได้นะ พ่อไปไม่นานหรอก”

ผู้เป็นบุตรซบหน้าลงกับท่อนแขน รับรองว่าพ่อของเขาจะกลับมาก็คงปาไปสามสี่ทุ่มนั่นแหละ ต้นธาราส่งบิดาหน้าประตู แล้วเขากลับมานั่งมองแสงอาทิตย์สุดท้ายที่ลับหายไปในก้อนเมฆ ภายในห้องมืดสนิท เขาจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำ ระหว่างนั้นก็เปิดโทรทัศน์ไว้เป็นเพื่อน ต้นธาราถอดเสื้อออก หยิบผ้าเช็ดตัวของทางโรงแรมพร้อมเสื้อคลุมก้าวเข้าไปในห้องน้ำอันกว้างขวาง ขณะที่เปิดฝักบัวล้างตัวพร้อมกับสระผมนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ต้นธารารีบล้างแชมพูออกจากหัว นึกสงสัยว่าบิดาลืมอะไรไว้ ทำไมถึงไม่เปิดประตูเข้ามาทั้งๆที่ไม่ได้ล๊อกไว้ หรือว่าจะเป็นรูมเซอร์วิสกัน เขาก็ไม่ได้สั่งอะไรไปนี่น่า ด้วยความสงสัยจึงออกจากห้องน้ำเปิดประตูโดยไม่มองใบหน้าแขก

“มีอะไร...ครั...”

ต้นธาราชะงัก มือที่เปิดประตูออกกว้างเมื่อเห็นแขกที่ยืนอยู่หน้าประตู ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกกว้าง

“คุณ...”

หัวใจแทบหยุดเต้น ภาพตรงหน้าคือภาพลวงตาหรือ รอยยิ้มนั่นไม่เป็นจริงใช่ไหม...ขณะที่สับสนเขาก็ถูกดันตัวเข้าไปในห้องเสียแล้ว

“มาที่นี่ได้ไง”

ต้นธาราถอยกรูดมองชายหนุ่มที่ยืนขวางประตูเอาไว้ ใบหน้าคนมองยิ่งขาวเผือด

“ท่านนายพลอรุณเป็นคนบอกผมเอง...”

หลังจากล๊อกประตู ร่างสูงเดินมานั่งบนโซฟาอย่างเหนื่อยๆ ต้นธารากอดอกมองผู้กองภานุ อยากจะถามสิ่งที่สงสัยอยู่ในใจแต่ในหัวก็สับสนต่อการปรากฏตัวของชายหนุ้ม

“คุณว่าที่คุณมาที่นี่ได้ก็เพราะลุงอรุณรึ...แล้ว...”

คนถามถามอย่าง งงงวย ภานุแค่นยิ้ม ไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆบนสีหน้าของชายหนุ่ม

“เขาอยากให้ผมมาหาคุณ...เอ่อ...ไม่ใช่ ผมอยากมาหาคุณเองแหละ ท่านเลยช่วย”

คนที่ยังลังเลเดินมานั่งตรงกันข้ามชายหนุ่ม

“มันจำเป็นด้วยหรือ?”

ต้นธาราถาม ภานุไม่ตอบอะไรกลับคืนมาเลย

“แล้วบาดแผลคุณล่ะ ...”

สายตาปรายไปที่ผ้าพัดแผลสีขาวสะอาด ภานุเหลือบมองมันเพียงครู่เดียว

“ไม่เป็นอะไรหรอก คุณอย่าห่วงเลย”

ต้นธารายิ้มเย็นยะเยือก

“ผมไม่ได้ห่วงคุณหรอก แค่ตามตามประสาคนเคยเป็นหมอแล้วก็เพื่อนร่วมงาน”

คำตอกกลับทำให้ภานุรู้สึกเจ็บแปลบ ทว่าเขายังคงท่าทีเป็นปกติ

“ครับ...แล้วอาการของคุณหมอต้นธาราล่ะครับเป็นอย่างไรบ้าง”

ภานุถามกลับบ้าง ด้วยท่าทางที่เป็นทางการมากกว่าคนที่เคยคุ้นเคย

“ผมรึ....ก็คงยังไม่ตาย...เหมือนกับคุณนั่นแหละ”

มันไม่ใช่สิ่งที่ต้นธาราอยากจะกล่าว หากปากมันก็พลั้งไปแล้ว

“แล้วคุณทราบข่าวเรื่องของผู้กองธีรเดชรึยังครับ”

ต้นธาราจ้องอย่างสงสัย

“มีอะไรล่ะ”

ต้นธาราตอบอย่างไว้ท่า เห็นแล้วสร้างความหงุดหงิดใจให้แก่ภานุเสียยิ่งนัก

“ตอนที่เราปะทะกับกองโจร ผู้กองธีรเดชได้พลัดหลงกับหน่วยลาดตะเวน”

ได้ยินดังนั้นต้นธาราตกใจยิ่งนัก

“ท่านนายพลไม่เห็นบอก...ไหนว่าผู้กองรังสรรค์ จ่าแม้นแล้วก็คนอื่นๆปลอดภัยดีไง”

เขาว่า ดวงตาสั่นเทา ภานุจับจ้องท่าทางนั้นแล้วก็เอ่ยขึ้นมา

“ทางการคงอยากปิดบัง...ผู้กองธีรเดช เขาเป็นอะไรกับคุณกันแน่ครับ”

ภานุถามกับสิ่งที่ข้องใจมานาน เขาก็อยากรู้คำตอบนั้น ชายหนุ่มทราบเรื่องของต้นธารามาพอเลาๆแล้วจากคำบอกเล่าของนายพลอรุณที่กลับไปเยี่ยมเขาอีกครั้ง ต้นธารากัดปากตัวเอง เบือนหน้าหนี

“คุณเป็นใครกันแน่...”

ดวงตาสีน้ำตาลนั่นยิ่งเบือนหลบจากสายตาที่ไล่ถาม

“จะเป็นใคร หรือผู้กองธีเกี่ยวอะไรกับผม คุณก็ไม่มีสิทธิ์เอ่ยถาม”

เขายิ่งปกปิด ภานุยิ่งบังคับให้เอ่ย

“ดูเหมือนคุณจะมีอำนาจมากเหลือเกิน ถึงขนาดใช้อำนาจของผู้บังคับบัญชาทหารลาดตะเวนชายแดนได้ ทั้งยังมีพ่อเป็นผู้ช่วยทูตทหาร”

ต้นธาราสบดวงตาแกร่งเขม็ง เขานั่งตัวตรง เกร็งพร้อมกับกำมือแน่น

“สิ่งที่คุณคิดปกปิดมีอะไรบ้างล่ะ”

ภานุไล่บี้ ชายหนุ่มเงียบไป รอฟังคำอธิบายแต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบใดๆ ดวงตามองอย่างเหินห่าง

“ผมไม่เคยปิดบัง...เรื่องของผมนั้นคุณไม่เคยถามแต่ผมก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่อธิบาย หากคุณมาที่นี่เพื่อต้องการคำตอบเรื่องที่ผมเป็นใครนั้น...ผมว่าคุณควรกลับไปดีกว่า อยู่นานอาจไม่ดีต่อคุณ”

ต้นธาราเอ่ยไล่ชายหนุ่ม ภานุกลับนั่งนิ่งเฉย

“ผมไม่กลับ...”

ดวงตากร้าวชืดชา สำหรับคุณหมอธารแล้วมันทำให้เสียใจยิ่งนักที่ไม่อาจลบทุกอย่างออกจากใจได้

“คุณยังมีธุระอะไรอีก ดึกๆป่านนี้มารบกวนการพักผ่อนของคนอื่น เขาเรียกว่าคนเสียมารยาทนะครับ”

ผู้กองภานุลุกขึ้น เดินมาใกล้ต้นธารา คุณหมอเห็นร่างสูงเข้าชิดใกล้จึงถอยหนี ร่างบอบบางก็รั้งเข้าหาอ้อมอกอบอุ่น

“ปล่อย...คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้อีก”

ต้นธาราดิ้น ภานุกำรอบข้อมือบางเอาไว้ ซบหน้ากับบ่า

“อะไรกัน...คนเคยๆกันอยู่แท้ๆเดี๋ยวนี้ขัดขืนหรือ”

คำพูดที่ทำเอาใบหน้าร้อนฉ่า คนที่ถูกกอดผลักร่างของภานุออก

“คุณเป็นคนน่ารังเกียจที่สุด....”

ต้นธาราด่า เจ็บที่อกคล้ายกับมันจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ภานุเดินเข้ามาใกล้ ดวงตานั่นปรากฏรอยประหลาด ทำให้ต้นธาราต้องถอยหลังเพื่อหลีกหนีร่างสูง คนที่เริ่มเหนื่อยเพราะออกแรงมากทรุดลง กุมหน้าอกตัวเองเอาไว้ ส่งผลให้ร่างสูงชะงัก

“หากเข้ามาใกล้ผม รับรองคุณต้องเสียใจแน่ๆ”

ระหว่างขู่นั่น ต้นธาราหน้าซีด แขนข้างที่ยังใช้การได้ของภานุเอื้อมมาหา เชยหน้าขาวซีดนั่น ดวงตาเต็มไปด้วยความห่วงใย

“ต้องการหมอไหม”

ต้นธาราเกาะบ่าของภานุไว้เลิกขัดขืนเพราะเหนื่อยเหลือเกิน ต้นธาราส่ายหน้า เขานั่งรินเตียงก่อนจะล้มตัวนอน

“ขอบคุณ ผมไม่เป็นไรแล้วล่ะ”

น้ำเสียงอ่อนลง หลังมือหนาแตะหน้าผาก เหงื่อเล็กๆผุดเต็มดวงหน้างาม ไออุ่นจากผิวหนังถ่ายถอดให้ ต้นธารารับตาซึมซาบไออุ่นนั้น

“คุณเข้ารับการรักษาแล้วหรือ”

ภานุถามเสียงแหบแห้ง ต้นธาราเพียงพยักหน้าแทนคำตอบ นิ้วแข็งเกลี่ยเส้นผมที่ระหน้าผากออก สัมผัสแผ่วเบาจนอยากผ่อนคลาย

“คุณรีบกลับไปเถอะ ผมไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ”

คุณหมอร้อนรนใจ ร่างโปร่งดึงมืออกจากหน้าผาก ใบหน้าของผู้กองสลด สายตานั่น...ไม่อยากแยกห่าง ต้นธาราพยายามเก็บความรู้สึกที่ยังรักและห่วงใยของตัวเองที่มีต่อผู้กองหนุ่มเอาไว้ รู้อยู่เต็มอกว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย เขาพยายามลืมมันให้ได้แต่ไม่เคยสำเร็จเสียที

“เพราะอะไรถึงได้ไล่ผมนัก”

ภานุถามขึ้น ต้นธาราพยายามไม่สบตาอีกฝ่าย

“หากคุณอยู่ที่นี่ พ่อของผมคงไม่พอใจ”

ต้นธาราตอบแล้วก้มหน้างุด นิ้วแกร่งเชยมันขึ้น สายตาที่มองกันและกันนั้นลึกซึ้งยิ่งนัก ภานุโน้มกายลงมาสัมผัสกับแก้มเย็นชืด จูบเบาๆ ต้นธารารับตาลงเพื่อรับสัมผัสนุ่มนวล ภานุถอนริมฝีปากออก ชายหนุ่มแกะผ้าคล้องแขนออก กอดใช้วงแขนโอบรัดร่างของต้นธาราให้เข้าหา แนบชิด ทั้งสองต่างกอดกันเอาไว้นิ่ง ฟังเสียงหัวใจเต้นแผ่วๆ

“ทำไมคุณเลือกมาทำงานที่ค่ายทุรกันการแห่งนี้ล่ะ”

ภานุเอ่ยถาม ขณะอ้อมแขนนั้นยังกอดรอบเอวบางเอาไว้ ต้นธาราเงียบ แต่เอ่ยขึ้นระหว่างซุกหน้าลงกับอกแกร่ง

“เหตุผลที่เลือกมาทำงานที่นี่ ส่วนหนึ่งอยากมาใกล้ชิดกับ...คุณ”

เขาตอบ ใบหน้าแดงก่ำ “แล้วอีกอย่างผมอยากมาช่วยชาวบ้านที่ห่างไกลหมอด้วย”

คุณหมอเสริมอย่างรวดเร็ว น่าเสียดายที่คุณหมอไม่อาจเห็นรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าแกร่งได้

“ทำไมล่ะ...ทั้งคุณทั้งผมไม่น่าจะรู้จักกันเลยนี่”

ต้นธาราหัวเราะ

“นั่นสิ....คุณอาจจะลืม...และจำผมไม่ได้หรอก สมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ผมไปทัศนศึกษาที่ค่ายทหารของพ่อ อันที่จริงผมก็เห็นเบื่อแล้วล่ะ ครั้งนั้นคุณกำลังซ้อมเดินสวนสนาม คุณเด่นเชียว ท่าทีขึงขังออกคำสั่งจนผมอดมองไม่ได้ แล้วผมกับคุณก็เจอกันอีกครั้งตอนสวนกัน คุณเดินซับเหงื่อผ่านขบวนทัศนศึกษา ผมพยายามเบียดเสียดออกไปหาสุดท้ายก็ไม่สำเร็จ ไดอารี่ผมหล่นออกนอกวง คุณเป็นคนเก็บมันขึ้นมาเองแล้วผมก็เห็นชื่อคุณจากการที่คุณถามหาเจ้าของไดอารี่ ไม่ทันได้ขอบคุณ คุณก็ไปเสียแล้ว”

“ผมไม่ยักจำได้”

ชายหนุ่มพยายามนึกถึงเหตุการณ์นั่น ในที่สุดก็นึกออกหากยังโกหก

“แล้วคุณเคยสนใจผมด้วยเหรอครับ?”

น้ำเสียงที่เอ่ยออกมามันราบเรียบ...นี่มันยิ่งกว่าเสียงที่แสดงอารมณ์ประชดประชันเสียอีก ชายหนุ่มหัวเราะลึกๆในลำคอ ศีรษะของต้นธาราซบอยู่กับบ่าหนา

“น้อยครั้งนะที่คุณจะอ่อนโยนแบบนี้ เพราะอะไรกันล่ะ”

แทนคำพูด กลีบปากอิ่มก็ถูกหยอกเหย้าคลอเคลีย ลมหายใจเบารดใบหน้า สร้างความหวั่นไหว

“ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน”

ภานุเอ่ย เขาสอดมือเข้าไปสาบเสื้อคลุมถอดมันออกช้าๆเผยผิวขาวสะอาด

“ที่ผมกับคุณทำแบบนี้มันดีแล้วหรือ”

ต้นธาราเอ่ย สายตาชำเหลืองมองมือใหญ่ลูบไหล่เบาๆ

“แล้วคิดว่ามันถูกต้องไหมล่ะ”

ใบหน้างามส่ายหน้าเป็นการบอกว่ามันไม่ถูกต้องเลยสำหรับความสัมพันธ์ที่ไม่สำคัญสำหรับอีกฝ่าย

“ที่ผ่านมาล่ะ เป็นเพราะอะไร”

มือที่ลูบไหล่บ่ามนชะงักไว้ ต้นธารากุมมือของภานุวางไว้กลางอกของชายหนุ่มแทน

“หากคิดทำแบบนี้ คุณควรทำกับคนที่รักเสียดีกว่า...คนที่เหมาะสมกับคุณจริงๆ”

ต้นธาราดึงสาบเสื้อคลุมปิดร่างขาวกระจ่าง มือของชายหนุ่มสัมผัสหัวใจที่ว่างเปล่า

“ที่ผ่านมา...เราทั้งคู่อาจจะทำผิด”

คุณหมอกล่าวดึงมือของตัวเองที่เกาะกุมภานุออก สายตาลดลงมือบางไออุ่นยังคงหลงเหลือ

“ผมรู้ว่าคุณแค้นเรื่องผู้กองนาคีถึงได้ทำเรื่องแบบนั้น แล้วผมก็ผิดที่ยอมคุณอย่าง่ายดาย ”

ภานุนั่งฟังอีกฝ่ายเอ่ยเงียบๆ เสี้ยวหน้าที่เศร้าหมอง ดวงตาอ่อนล้า

“ผมไม่อาจห้ามใจตัวเองได้ ผมอยากเอ่ยขอโทษเรื่องผู้กองนาคี ผมอยากให้คุณอภัยแต่มันคงเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม ผมคงโง่เกินไปที่คาดหวังว่าความสัมพันธ์ที่อยู่บนความเกลียดชังจะเปลี่ยนมาเป็นความรู้สึกดีๆที่มีต่อกัน”

ภานุเอื้อมมือไปหา หากค้างเอาไว้ รู้สึกว่าร่างที่อยู่ตรงหน้ามืดมน ต้นธาราไม่อาจรั้งหัวใจของตัวเองให้กลับคืนปกติ เขาพยายามผลักให้ผู้กองหนุ่มออกไปจากชีวิต สายตาของภานุเฝ้ามองความเจ็บปวดที่เจือรอบตัว...เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อลบล้างความเจ็บปวดนั่น....บางอย่างที่ลบเลือนความปวดร้าวที่อยู่ในใจเขาด้วย ผู้กองหนุ่มเขยิบกายแนบชิด รั้งร่างตรงหน้าเข้ามาหา น้ำตาพลันไหลริน ใบหน้างามซบอยู่กับบ่า นิ้วแกร่งลูบเบาๆเป็นการปลอบโยน

“อย่าร้องไห้เลย...ผม...”

ชายหนุ่มพูดไม่ออกว่าเจ็บปวดใจ เสียงสะอื้นหลุดจากลำคอขาว นิ้วอันอบอุ่นเกลี่ยออกเบาๆ ดวงตาดำสนิทจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาล ทำอย่างไรที่จะห้ามน้ำตาที่ไหลหลั่งรินออกมาได้กัน ยิ่งคิด ยิ่งสับสน ชายหนุ่มรั้งร่างโปร่งให้เข้ามาหาจนกระทั่งเสียหลักล้มลงบนไปบนเตียง ร่างเบาโหวงคร่อมอยู่บนตัวผู้กองหนุ่ม นิ้วแกร่งเกลี่ยเส้นผมออกเผยดวงหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตา ต้นธารามองริมฝีปากหนา ก่อนจะแนบริมฝีปากของตัวเองลงประกบกับอีกฝ่าย จูบนุ่มนวลค่อยเพิ่มระดับร้อนแรง มือหนายึดศีรษะได้รูปเอาไว้ หัวใจเต้นแรงจนแทบกระดอนออกจากอก การกระทำทุกอย่างเริ่มเร็วเกินไป จนส่งให้ใจหยุดเต้นไม่ได้ หัวใจสั่นไหว ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ยิ่งแนบชิดมากเพียงใด ความหวังแสนหวานที่เรียกว่าความรักลอยอวล แม้จะห้ามใจไม่ให้แสดงอาการดีใจ ร่างกายกลับไม่ฟัง สติอันรางเลือนระลึกถึงแต่ความรักที่มีต่อชายผู้นี้เท่านั้น

“ไหวนะ...”

เสียงกระซิบเบาๆลมหายใจเป่ารดซอกหู ต้นธาราผงกหัวเมื่อชายหนุ่มแทรกกายเข้ามา เขายึดแขนแกร่งเอาไว้ ลมหายใจขาดห้วง ร่างแกร่งขยับเบาๆและหยุดเป็นพักๆเพื่อเฝ้ามองร่างบอบบางอย่างเป็นห่วง

“ให้ผมหยุดดีไหม”

เสียงแหบพร่าพยายามห้ามตัณหา ร่างภายใต้ขาวซีดขบริมฝีปากของตัวเองแน่น ไม่อยากให้ความอบอุ่นจางหาย ทว่าความเจ็บปวดค่อยแผ่ซ่านไปตามทั่วกายส่งผลให้ชายหนุ่มหยุดมือเอาไว้ ลมหายใจหอบสะท้อน ต้นธาราอ่อนแรงเฝ้ามองอย่างวิงวอน ไม่อาจหลอกตัวเองว่าไม่มีความปรารถนาอยู่ สายตานั่นทำให้ภานุอดใจไม่ไหว

“แน่ใจนะว่าเราจะทำต่อ....ผมห่วงคุณ”

ชายหนุ่มถาม แววตาสีน้ำตาลยังคงเว้าวอนจนชายหนุ่มห้ามใจไม่อยู่...เขารักเหลือเกิน...สิ่งที่เอ่อล้นขึ้นมาภายในอก คือความรู้สึกแอบซ่อนอยู่ลึกๆที่ภานุไม่อาจยอมรับ ร่างหนาทาบทับร่างคุณหมอเอาไว้ สองมือเกี่ยวกุมมือบางเอาไว้ซบหน้าลงบนแผ่นอกราบเรียบ เสียงหัวใจเต้นแผ่วๆ...ทำอย่างไรดี...เฝ้าแต่ถามตัวเองระหว่างที่กายกอดร่างบอบบาง...ที่เขาจะหลอกตัวเองได้ว่าไม่อาจมีใจให้แก่ต้นธารา พลิกร่างให้คว่ำลงสอดแทรกความปรารถนา....

ภายในห้องมีเพียงเสียงหอบกระเส่า ก่อนมันจะเงียบเสียงในที่สุดเมื่อวงแขนแกร่งกอดร่างบางเอาไว้พร้อมกับดึงผ้าห่มคลุมร่างที่ชื้นไปด้วยเหงื่อและคราบอื่นๆ ดวงตาแกร่งมองเพดานชั่วครู่ก่อนรั้งร่างต้นธาราแนบชิดอก

...เขาควรหลับไปพร้อมกับต้นธาราเสียดีกว่า...ดวงตาแกร่งปิดลง ในความมืดมิด

------------------------------------------------

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
« ตอบ #279 เมื่อ: 15-07-2008 17:04:32 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #280 เมื่อ15-07-2008 17:05:55 »


ท่านนายพลที่ไปสังสรรค์กับเพื่อนเก่าได้รับฟังเรื่องที่ภานุไปหาลูกชายของตนถึงกับเดือด ชายชราตบโต๊ะเสียงดัง


“ไอ้เวรนั่นมันยังกล้าไปหาธารอีกรึ อรุณเอ็งไปบอกที่อยู่ให้กับไอ้เลวนั่นได้อย่างไร”

ท่านพูดอ้อแอ้ นายพลพิภพกำลังมึนประกอบอาการโมโหทำให้สหายสนิทต้องบอกให้นั่งลง

“แกจะไปคัดค้านอะไรมันหนักหนาว้า...ถ้าหนูธารปฏิเสธ เจ้าผู้กองนั่นก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี”

นายพลอรุณว่าอย่างสุขุม

“แต่...ทั้งชื่อเสียงเกียติยศของลูกข้าล่ะ”

นายพลพิภพนั่งลงอย่างกระแทก

“แล้วที่ห่วงน่ะ...ชื่อเสียงของลูกหรือว่าตัวเองกันแน่ ฉันก็เข้าใจนะ ว่าเราเป็นทหารยศสูง มีหน้าที่ตำแหน่งแต่มันสำคัญอะไรว้าในเมื่ออีกหน่อยเราก็ลงโลงแล้ว เรื่องของหนูธารไม่มีใครรู้หรอกแล้วเจ้าผุ้กองนั่นคงไม่ปากโป้งแน่”

มือเหี่ยวย่นกุมหน้าผาก

“ข้อนั้นก็เข้าใจอยู่...ตัวข้าน่ะไม่ห่วงหรอกสำหรับเรื่องชื่อเสียง แต่ที่ข้าโมโหก็คือมันกล้าไปทำร้ายใจของธารอีก มันน่าจะรู้ว่าธารนั้นเหลือเวลาไม่มากแล้ว”

น้ำเสียงของท่านนายพลสิ้นหวัง นายพลอรุณมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงจันทร์รูปเคียวลอยเด่นฟ้า

“พิภพ แก่แล้วยังไม่เข้าใจอีกรึว่า เจ้าหนุ่มนั่นรักหนูธารจริงๆ เขาแค่มีทิฐิเท่านั้นแหละ”

นายพลพิภพไม่อาจรับได้เลย สำหรับตัวนายพลเองแม้ปรารถนาให้ลูกมีความสุข แต่ก็ไม่อยากให้คนที่เคยเกลียดชังลูกตัวเองมาก่อนนั่นรักกับลูกชายตัวเอง

“เราต้องหัดไว้ใจเขาบ้าง ตอนนี้อย่าเพิ่งใจร้อนไปเลย”

“แต่กลัวอย่างเดียว ปมความแค้นและความเกลียดชัง มันจะพังทลายลงหรือ เจ้าผู้กองภานุนั่นจะรักธารได้จริงๆหรือ ตัวฉันก็แก่แล้ว อยากให้ใครสักคนดูแลธาร”

นายพลพิภพถือแก้วเหล้าคิดอย่างหวั่นใจ

“เรื่องนั้นปล่อยให้เขาสองคนเคลียร์กันเอง ความรักมันต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ คนเราถ้าจะรักกันจริงๆไม่ต้องมีเหตุผลอะไรเลย สำหรับเรื่องความแค้นนั่น มันไม่เหลืออยู่ในใจของเจ้าหนุ่มแล้วล่ะ”

นายพลอรุณว่าจิบเหล้านอกอย่างดีอึกหนึ่ง นายพลพิภพถอนใจ...กับความรักที่อยากจะเข้าใจได้ถ่องแท้


------------------------------------------------

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #281 เมื่อ15-07-2008 19:26:17 »

อิอิ เหมือนจะกำลังพยามเปิดใจอยู่เลย

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #282 เมื่อ16-07-2008 05:23:13 »

ในความเศร้า ก็ยังมีความสุขแอบอยู่นะถึงจะลึกมากก็ตาม  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ tsuyu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #283 เมื่อ16-07-2008 10:46:39 »

มันหวานปนขม ยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูก  o7

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #284 เมื่อ16-07-2008 11:18:52 »

อ่านบทอัศจรรย์แล้วทำไมมันยังเศร้าอยู่หวา

 :serius2: :serius2: :serius2:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #285 เมื่อ16-07-2008 11:49:40 »

เป็นกำลังใจให้เสมอครับ

ออฟไลน์ momo_2007

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #286 เมื่อ17-07-2008 23:54:20 »

โอย เศร้าจังคับ VoV
รออ่านต่อคร๊าบ ไม่อยากคิดเลยแหะ ทั้งพ่อทั้งลุง กลับมาเจอสองคนนี้นอนกอดกัน
มันจะเกิดไรขึ้นหว่า อ๊ากก มาต่อไวๆน้าา

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #287 เมื่อ18-07-2008 10:24:02 »

ยังคงเป็นกำลังใจให้เสมอนะครับ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #288 เมื่อ18-07-2008 11:38:34 »

แล้วหนูธารกับผู้กองจะสมหวังไหมเนี่ย

 o7 o7 o7

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #289 เมื่อ18-07-2008 16:49:26 »

ความรักคู่นี้มันยังอีกยาว 55
เศร้ากันไปก่อน  รอฟ้าหลังฝนๆ  ยังคงรออยู่  อิอิ

ต่อนะจ๊ะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 ห้วงรัก25 Estimated time of departure/ การจากลาของความรู้สึก

คิดว่าตัวเองอยู่โดดเดี่ยวแต่พอมองก็พบเห็นความอบอุ่น วงแขนที่โอบรัดช่วยคลายความหวาดกลัวที่ซุกซ่อนอยู่ตามซอกหลืบหัวใจ เสียงเข็มนาฬิกาดังติ๊กๆท่ามกลางความเงียบสงัด นอนฟังแล้วก็นับตามจังหวะเดิน พอถึงห้าทุ่ม ต้นธาราก็เป็นฝ่ายลุกขึ้น นั่งกุมขมับอยู่บนเตียง คนข้างเคียงนั่นยังหลับสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่ากำลังหลับสนิท ชายหนุ่มลุกจากเตียงเดินไปชำระกายด้วยความรู้สึกอ่อนล้าเกาะตามร่างกาย เมื่อเสร็จต้นธารานั่งมองห้องนอนด้วยใจที่เฉยชา ไม่หลงเหลือความรู้สึกที่เรียกว่าความรักอยู่เลย เวลาที่ผ่านไปกลับเชื่องช้านัก ลมหายใจคล้ายกับจะหยุดลง ความหวั่นไหวที่เคยมีราวกับละลายหายไปกับละอองแห่งความสุข กลับมานั่งคิดซ้ำๆ สิ่งที่ยังเชื่อมอยู่คือความรู้สึกชิงชัง ตัวเองกลับเป็นฝ่ายหลงไปในความรู้สึก....อยากรู้เหตุผลของความอ่อนโยน...คำตอบมันก็อยู่ตรงหน้า...ก็แค่ความสงสาร...คิดแล้วก็เศร้าใจ เสียงเตียงลั่นเอี๊ยดเบาๆบ่งบอกว่าคนที่อยู่บนเตียงนั้นตื่นขึ้นมาแล้ว เพียงแค่เงยหน้าขึ้นก็พบกับแววตาที่จ้องมองมาด้วยความลึกซึ้ง

“ตอนนี้ยังไม่เช้า....”

แม้จะพูดแบบนั้น คนที่พิงประตูห้องนอนก็รู้อยู่แล้ว ภานุสาวเท้าเข้าไปใกล้ ทรุดนั่งลงกุมมือบางไว้ ต้นธารามองมือนั่นด้วยสายตาว่างเปล่า

“ลุงอรุณพูดอะไรกับคุณอีกไหนนอกจากเรื่องของผม”

คำพูดแผ่วเบา คล้ายเหน็ดเหนื่อย ภานุดึงศีรษะให้ซบกับอกตัวเองก่อนจะเอ่ย

“ท่านขอให้ผมดูแลคุณ”

ชายหนุ่มตอบ คำพูดดังสะท้อนในอก

“เพราะอะไร คิดว่ามันเป็นความรับผิดชอบหรือไม่ก็เพราะความสงสารงั้นรึ”

ต้นธาราย้อน ภานุไม่ตอบ เหมือนย้ำว่าสิ่งที่พูดออกไปนั้นเป็นจริง เขากลับเป็นฝ่ายรั้งตัวออกมองด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าสำนึกบุญคุณเหลือเกินที่ได้รับความห่วงใยจอมปลอม

“ขอบคุณ...สำหรับสิ่งที่คุณทำ...หากท่านนายพลสั่งให้คุณทำก็เลิกเถอะมันไม่จำเป็นจริงๆ”

คุณหมอลุกขึ้นเดินไปเกาะหน้าต่าง

“ลุงอรุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลยแท้ๆทั้งๆที่ยังไม่ตายเสียหน่อย”

ต้นธาราเอ่ยอย่างหยันๆ ภานุมองดวงหน้าซ่อนในความมืด เสี้ยวหน้าหนึ่งสะท้อนแสงไฟจากเบื้องนอกมองเห็นความเศร้าเคลือบคลุม เขาเงียบฟังอีกฝ่ายพูดให้หมดเปลือก

“เอาเถอะ....ตอนนี้ผมรู้สึกสมเพชตัวเองเหลือเกิน”

ภานุลุกขึ้น ชายหนุ่มวางมือไว้บนบ่ามองเสี้ยวหน้าอีกเสี้ยวที่ซ่อนภายใต้ความมืดมิด

“ตอนนี้อยากจะลืม...รู้สึกใจมันทรมานเหลือเกิน”

ความรู้สึกที่อยู่ในใจ ภานุรับมันเอาไว้ เขากอดต้นธาราแน่นคิดทำตามใจปรารถนาเสียที จนกระทั่งประตูห้องเคาะเบาๆพร้อมกับเสียงของท่านนายพลอรุณร้องเรียก

“ธาร...หลับหรือยังลูก”

ต้นธาราผละจากร่างของผู้กองหนุ่ม ร้อนรนใจ ภานุบีบมือแน่น พร้อมกับพยักเพยิดให้ไปเปิดประตู ขาแข็งๆจึงก้าวออกจากจุดที่ยื่นอยู่ ภานุเปิดไฟ เขาจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อย ท่านนายพลอรุณและท่านนายพลพิภพเข้ามาในห้อง ต้นธาราหลบสายตาสองผู้อาวุโสทันที

“เป็นอย่างไรบ้างลูก”

นายพลรุณถามไถ่ ต้นธาราเงยหน้ายิ้มแบบเก้อๆให้ท่าน

“สบายดีครับ”

คุณหมอหนุ่มพูดจบรีบเลี่ยงนำน้ำดื่มมาให้ ไม่กล้ามองใบหน้าของบิดาแม้แต่น้อย

“สวัสดีครับท่าน”

ภานุก้าวออกจากห้องนอนด้วยสภาพที่เรียบร้อย ใบหน้านั้นเฉยสนิท นายพลทั้งสองสบตากัน สายตาคมกริบมองตรงไปยังร่างของผู้กองภานุ

“แกบังอาจมากที่กล้ามาถึงถ้ำเสือ”

ท่านนายพลพิภพว่า นายพลอรุณส่ายหน้า ต้นธารามองบิดาสลับกับคุณลุงไปมาอย่างขอความช่วยเหลือ

“ขออภัยที่ผมเข้ามาหาคุณต้นธาราโดยพละการ ผมมีเรื่องต้องคุยกับเขาครับ”

ภานุตอบอย่างไม่เกรงกลัวสายตาแกร่งเผชิญกับผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นทูตทหารและนักรบ

“แกจะคุยอะไรกับเขาอีก ”

ท่านนายพลว่า ภานุยืนตัวตรง มองท่าทางที่อยู่ในอาการมึนเมา ต้นธาราเขยิบเข้ามาใกล้ภานุ

“เฮ้ย...พอแล้วน่าพิภพ แก่แล้วยังเอะอะโวยวายเหมือนคนหนุ่มๆไปได้”

ท่านนายพลอรุณเอ่ยปราม ส่งผลให้ให้นายพลพิภพต้องฮึ่มฮั่มอยู่ในลำคอ

“ไม่ต้องตกใจไปนะลุงกับพ่อรู้อยู่แล้วล่ะว่าเจ้าหนุ่มจะมาหาหนูธาร”

ภานุและต้นธารามองหน้ากันก่อนจะเสไปทางอื่น นายพลอรุณเรียกมานั่งคุย ภานุเดินไปนั่งโซฟาอีกตัว ส่วนต้นธารานั้นเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่คุณลุงกับบิดาเห็นสภาพของตน เสียงพูดคุยก็ดังลอดเข้ามาในประตูที่เปิดแง้มเอาไว้

“เป็นอย่างไรบ้าง หนูธารพูดอะไรบ้างรึเปล่า”

ต้นธาราเดินย่องเงียบกริบแนบหลังพิงประตูฟังบทสนทนา

“คุณหมอต้นธาราไม่พูดอะไรเลยครับ”

ภานุตอบ จ้องใบหน้านิ่วคิ้วขมวดของท่านนายพลอย่างสงสัย

“อะไรกัน...”

ท่านเอ่ยอย่างแปลกใจ ต้นธารานึกดีใจที่ภานุไม่ตอบอะไรให้มากความนัก

“แล้วคุณรู้สึกอย่างไรกับธาร?”

นายพลพิภพถามขึ้นหลังจากที่นั่งจ้องเขม็งมานาน

“เกลียดรึเปล่า”

ท่านถามด้วยความจริงจัง ภานุมองผู้ใหญ่ทั้งสอง

“ผมไม่ได้เกลียด...หากท่านอยากจะทราบว่าผมรู้สึกเช่นไรกับคุณหมอต้นธาราล่ะก็ผมรู้สึกเฉยๆครับ”

คำตอบต้นธาราหลับตาลง ความรู้สึกที่เคยได้รับค่อยๆซึมหาย

“แล้วแกเข้ามายุ่งกับธารทำไม แกน่าจะรู้นี่ว่าธารมีเวลาไม่นานนัก”

เหมือนกับตกอยู่ในกรงขัง...ภานุคิด...ที่ต้องมานั่งให้นายพลระดับสูงมาสอบสวนเหมือนเป็นตัวตลก

“ผมทราบครับ”

ชายหนุ่มตอบด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน ท่านนายพลอรุณถอนใจ

“สิ่งที่ฉันคิด...มันคงผิดสินะ?”

ท่านถามด้วยความปราณีหากสายตากลับไม่เป็นแบบนั้นเลย ภานุไม่ตอบถ้อยแถลงความใดๆ

“แกมันไอ้ชาติหมาจริงๆ แกมันไม่มีหัวใจแล้วแกมาเหยียบที่นี่อีกทำไม สมเพชธารนักรึ?...”

นายพลพิภพโกรธจนเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุ้บๆ นายพลอรุณก็เช่นกัน

“การกระทำของคุณทำให้ฉันไม่เข้าใจเลยผู้กอง....คุณอยากรู้ว่าต้นธาราอยู่ที่ไหนพอบอกคิดว่าจะคุยกันให้รู้เรื่อง ผลสุดท้ายก็...”

ภานุก้มหน้าเล็กน้อยเมื่อท่านนายพลทอดเสียง

“มันเป็นศูนย์ครับ...ในเมื่อคุณหมอไม่ฟัง ผมก็จนปัญญาที่จะพูด”

โต๊ะสะเทือนพร้อมเสียงดังเมื่อท่านนายพลพิภพไม่อาจห้ามความโกรธได้

“ฉันอยากจะฆ่าแกกับมือนัก ....เอาเถอะ เรื่องมันจะเป็นไงก็ช่าง วันพรุ่งนี้ธารก็ต้องกลับไปยังกรุงเทพแล้ว เรื่องบ้าๆที่เกิดขึ้นมันจบตรงนี้ก็ดีแล้วล่ะ”

นายพลพิภพลุกขึ้น ท่านตกอยู่ในอาการโกรธจนไม่อยากฟังความใดๆ นายพลอรุณมองใบหน้าเรียบเฉยของผู้กองภานุอย่างแคลงใจ

“แน่ใจรึ...ที่พูด แล้วเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่”

ใจของท่านนายพลเย็นลง ภานุเหลือบมองประตูที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อย เพื่อมองเงาร่างบางสะท้อนจากแสงไฟ ชายหนุ่มหันกลับมามองท่านผู้บังคับบัญชาการชั้นสูงของค่าย

“ผมไม่อาจพูดไปได้ครับ เกรงว่าจะเสียหายต่อคุณหมอ”

นายพลอรุณยิ้มน้อยๆ

“ไม่เป็นไรหรอก สำหรับฉัน”

ท่านว่าเช่นนั้นภานุจึงมองไปที่เงาที่สะท้อนแสงไฟอีกครั้ง คราวนี้มันหายไปแล้ว

“แน่ใจรึที่คุณพูดเรื่องที่ค้างคาใจกับธารเรียบร้อยแล้ว ธารไม่ฟังคุณจริงๆรึ”

ผู้กองหนุ่มเงียบกับคำถามที่ป้อนเข้ามาเรื่อยๆ

“ตามนั้นแหละครับ คุณหมอไม่อยากฟังเหตุผล”

นายพลอรุณเคาะโต๊ะ

“แล้วคิดว่าทำตามหน้าที่รึเปล่าล่ะ กับเรื่องนี้”

ท่านถามต่อ ภานุส่ายหน้าก่อนตอบเสียงหนักแน่น

“ไม่ครับ ผมไม่คิดว่ามันเป็นหน้าที่เลย”

เมื่อไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่แล้วเหตุผลจริงละมันคืออะไร ท่านนายพลคิดอย่างสับสน

“เอ่อ....แล้วรักธารรึเปล่าล่ะ”

ผู้ถูกถามนิ่งอึ้งไป ท่านนายพลรอเอาคำตอบ

“อย่างที่เคยตอบ ตอนนี้ผมรู้สึกเฉยๆครับ ผมไม่อาจรักเขาได้ในตอนนี้”

ท่านพยักหน้าอย่างเข้าใจในคำตอบ

“เป็นเพราะเรื่องของผู้กองนาคีหรือเปล่า”

ภานุจ้องหน้าท่านนายพล เขาไม่อาจตอบได้หรอก เพราะความรู้สึกเกลียดค่อยๆละลายลงเรื่อยๆโดยไม่ทันรู้ตัว

“ส่วนหนึ่งครับ”

ชายหนุ่มตอบกลางๆ เขาไม่อยากให้ใครรู้ทั้งนั้นว่าตัวเองมีใจให้แก่ต้นธาราแล้ว ท่านนายพลขยับตัว ดื่มน้ำที่ต้นธารานำมาให้จนหมดแก้วคล้ายกับกระหาย ท่านหลับตาลงอย่างครุ่นคิด

“พรุ่งนี้ธารก็จะกลับแล้ว กลับไปที่กรุงเทพ อาจจะไม่ได้กลับมาอีกเลย ขอบใจนะที่อุตส่าห์มาหาเขา เอ่อ...ส่วนเรื่องทุกอย่างนั้นขอให้ลืมเถอะ...ได้เวลากลับพอดี ฉันคงต้องขอลาเธอตรงนี้แหละ”

ภานุยกมือไหว้อำลา ท่านนายพลออกไปแล้ว ต้นธาราจึงออกจากที่ซ่อน ใบหน้าซีดเซียวมองดวงหน้าแกร่ง

“คุณคงกลับไปได้แล้วสินะ”

ต้นธารายิ้มฝืนๆ ภานุก็ไม่ยอมสบดวงตาสีน้ำตาลเช่นกัน

“พรุ่งนี้คุณคงกลับกรุงเทพฯ รักษาตัวด้วย”

ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้น ต้นธาราลุกขึ้นมาส่งถึงหน้าประตูห้อง มองผู้กองหนุ่มเดินจากไปไกล

------------------------------------------------

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
« ตอบ #289 เมื่อ: 18-07-2008 16:49:26 »





ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #290 เมื่อ18-07-2008 16:53:09 »

ภานุหยุดอยู่หน้าประตูโรงแรม ขณะที่ท่านนายพลพิภพมาขวางไว้ ดวงตาคมจ้องร่างสูง ท่านไม่พูดอะไร ภานุก็เข้าใจดีเมื่อท่านเดินหันหลังกลับมานั่งในล๊อบบี้ของโรงแรม

“ต่อไปนี้ขอให้คุณเลิกยุ่งกับชีวิตของต้นธาราเสียทีเถอะ เพื่อตัวเขาเองและเพื่อตัวคุณเอง ผมรู้ว่าเมื่อครู่คุณคงโกหก ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงแล้วคุณจะมาที่นี่ทำไม”

ภานุพิงเบาะฟังท่านนายพลเอ่ยเงียบๆ

“ครับ...ผมโกหก”

ภานุยอมรับ ท่านนายพลพิภพมองออกไปทางประตูโรงแรม ท่าทีโกรธขึ้งหายไป

“ธารยังมีอนาคต เขาไม่อาจจบแบบนี้...คงเข้าใจสินะ”

ผู้กองหนุ่มเข้าใจดี เขาถึงพยายามห่าง นับตั้งแต่วินาทีที่ได้รู้ว่าต้นธาราเป็นใครและเขาเป็นใครนั้น ชายหนุ่มพยายามที่จะไม่คิดอะไรให้มากนักและพยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้ให้ลึกที่สุด

“ดีแล้วล่ะ นายพลอรุณปรารถนาดีอยากให้คุณคืนดีและพูดให้เข้าใจกับต้นธาราแต่ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้นแม้ว่าเขาจะเจ็บปวดก็เถอะ”

ชายหนุ่มมองท่านนายพล ชายหนุ่มรู้อยู่เต็มอกว่าเขาต้องเสียต้นธาราไปหากไม่พูดอะไรเลย ชายหนุ่มเลือกไม่พูด เขามองใบหน้าทุกข์ใจของท่านนายพล

“ธารต้องเข้ารับการรักษามะเร็งในเม็ดเลือดขาว จึงไม่อยากให้เขากังวล หรือห่วงพะวงถ้ามันทำร้ายจิตใจของคุณผมก็ต้องขออภัย“

พูดจบท่านก็ลุกขึ้นโดยที่ไม่กล่าวลา ภานุมองเพดานโรงแรม หากมีตำแหน่งคนที่โง่ที่สุด เขาก็คงได้ตำแหน่งนั่นไป ชายหนุ่มต้องทำเหมือนไม่สนใจ ไม่ได้รักเพื่อหลอกตัวเอง เอาความชิงชังเข้ามาบดบังจิตใจ ปิดปากเงียบแม้จะรู้อยู่ว่าตัวเองก็ต้องการให้จบด้วยดี ท้ายสุดก็พบว่าเขาไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย ชายหนุ่มลุกขึ้น มองตัวโรงแรมเป็นครั้งสุดท้าย เดินคอตกเฝ้าแต่วนเวียนคิดถึงความอบอุ่นในค่ำคืนสุดท้าย

------------------------------------------------

ระหว่างที่รอคนรับใช้ยกกระเป๋าขึ้นบนบ้าน สายตาสีน้ำตาลมองบ้านที่ตัวเองไม่ได้มาเหยียบเสียนาน เขาก้าวเข้าไปในบ้านมองภาพถ่ายรวมของครอบครัว ชายหนุ่มแหงนหน้ามองภาพที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของมารดาก่อนพึมพำเบาๆ

“ผมกลับมาแล้วครับ”

คุณหมอหนุ่มเกาะราวบันไดขัดเงาวับ พ่อให้เขากลับบ้านมาคนเดียวเพราะท่านจัดการธุระเรื่องการย้ายออกของต้นธารา ชายหนุ่มต้องกลับมานั่งเงียบๆอยู่ที่บ้านและโรงพยาบาล สำหรับต้นธารานั้น ความชืดชาอาจจะเหมาะกว่าก็ได้ แม่บ้านทำความสะอาดห้องไว้รอพร้อมอยู่แล้ว เขาจึงเข้าไปนอนบนเตียงอันกว้างใหญ่ สภาพบ้านที่ค่ายทุรกันดารแตกต่างจากที่นี่ลิบลับ นอนเกลือกกลิ้งสักพักจนเบื่อ เขาลุกขึ้น ในกระเป๋าเป้มีไดอารี่ที่เขายังพกอยู่ เปิดออกมาแล้วก็ปิดมันจนรูปถ่ายของผู้กองนาคีและผู้กองภานุร่วงหล่น มองภาพที่อยู่ตรงหน้าแล้วเก็บคืนที่เดิม...มันจบลงแล้วสินะ...ถามตัวเองในใจแต่คำตอบไม่อยากได้รับ

“คุณหนูธารเจ้าคะ ได้เวลาทานอาหารแล้วค่ะ”

แม่บ้านเอ่ยเรียก ต้นธาราลุกขึ้นจากเตียง กองกระเป๋าและไดอารี่เอาไว้ แง้มประตูเปิดเพียงแค่นิดเดียว

“ขอโทษครับป้าสม ผมยังไม่กิน”

ป้าสม แม่บ้านที่อยู่รับใช้มานาน มองหน้าคุณหนูอย่างอ่อนใจ

“คุณหนูอดข้าวอดน้ำไม่ดีนะคะ ออกมาทานนิดๆหน่อยๆเถอะค่ะ ถือว่าป้าสมขอร้องก็ได้”

คุณหมอใจอ่อน เปิดประตูห้องออกไป ป้าสมยิ้มอย่างดีใจยิ่งนักในดวงตาของป้าสมน้ำตาซึม

“คุณหนูไม่อยู่บ้านนานเหลือเกิน วันนี้ป้าสมทำของชอบให้ตั้งหลายอย่างแน่ะ”

ป้าสมเอ่ยระหว่างประคองคุณหนูของเธอเอาไว้

“ขอบคุณครับ”

ต้นธาราว่า รอยยิ้มผุดขึ้นเพียงเล็กน้อย หลังจากทรุดนั่งลงบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารที่เขาชอบกิน ต้นธาราก็ตาโต

“ผมจะทานหมดหรือครับ”

รอยยิ้มแทบจะปริปรากฏอยู่บนสีหน้าของหญิงวัยกลางคน

“แหม...คุณหนูทานไม่หมดก็ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ป้าสมดีใจที่รู้ว่าคุณหนูจะกลับมาบ้านก็เลยทำเผื่อให้ทานเยอะๆ”

ชายหนุ่มหัวเราะ ก่อนจะตักกินนิดๆหน่อยๆ

“ฝีมือป้ายังอร่อยไม่เปลี่ยนเลย”

ชายหนุ่มชม ป้าสมยิ้มกว้างขึ้นอีก

“ถ้าอร่อยคุณหนูก็ทานเยอะๆเดี๋ยวสมจะไปเตรียมยาให้นะเจ้าคะ”

สมเดินอุ้ยอ้ายจากไป ปล่อยให้ต้นธาราอยู่ตามลำพัง ชายหนุ่มวางช้อนกับส้อมลง ทั้งๆที่เป็นของที่เคยชอบแต่ตอนนี้กลับกลืนไม่ลง เหมือนกับบางอย่างไม่อาจสงบได้

“ป้าสมครับ ผมออกไปที่สวนสักแป๊บนะครับ”

ชายหนุ่มตะโกนบอกแม่บ้าน ไม่ทันรอว่าสมจะตอบกลับมาเช่นไร ชายหนุ่มก็เดินปร๋อไปในสวนกว้างเสียแล้ว ต้นธาราเดินผ่านสระปลาคราฟ มีน้ำตกจำลองเล็กๆไหลเอื่อยๆ ใบไผ่เล็กๆปลิดปลิวลงผิวน้ำใสแจ๋ว เหล่าปลาสีสวยฮุบเหยื่อ ต้นธารามองมันอย่างเหม่อลอย สายลมที่พัดต้นไม้เสียดสี ผ่านต้นแก้ว ดอกขาวโพลนส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ หลับตาลงแล้วคิดถึงขุนเขาที่เคยอยู่

...ครั้งหนึ่งเขาเคยก้าวออกจากบ้านหลังนี้ด้วยทิฐิ บ้านที่เคยอบอุ่น....

ต้นธาราหลับตาลง นึกถึงหน้าของมารดาที่ตายไป มารดาที่ใจดี แล้วต่อมาเขาก็ทิฐิทำให้พ่อเครียดที่เขาอยากตามหาคนที่เขารัก...การกระทำที่เอาแต่ใจนั่น คงส่งผลให้เขาเจ็บปวดแบบนี้สินะ...เสียงรถแล่นเข้ามาในบ้าน ต้นธารารู้โดยทันทีว่าบิดาคงมาถึงแล้ว เขาจึงรีบลุกออกจากศาลาแล้วนิ่งเพราะคนที่มานั้นกลับไม่ใช่คุณพ่อ หากเป็นชายแปลกหน้าแต่งชุดทหารต่างชาติ ยศเป็นถึงพันเอกเสียด้วย

“ท่านนายพลพิภพอยู่ไหมครับ”

เสียงถามเป็นภาษาอังกฤษสุภาพ

“ไม่...เอ่อ...ยังไม่กลับจากกรมฯครับเชิญเข้ามาข้างในก่อนสิ”

ต้นธาราเดินนำหน้า ชายแปลกหน้าถาม

“คุณคือ....”

ต้นธาราชายตามองเพียงเล็กน้อย

“ผมคือบุตรชายของท่านแล้วคุณ?....”

ชายแปลกหน้าก้มหัวก่อนตอบ

“กระผมพันเอกชาน เนนท่านนายพลสั่งให้ผมมารอพบท่านที่นี่ครับ ผมมีธุระด่วนกับท่าน”

ชาน เนน ตอบ ประตูอีกด้านเปิดออก ชายหนุ่มในชุดทหารยิ้มให้ ต้นธาราชะงักเท้าที่จะพาแขกต่างบ้านต่างเมืองเข้าบ้าน

“นั่น....”

เขามองเส้นผมสีดำหวีเรียบแปล้ จมูกเป็นสัน ใบหน้าคมเข้ม ดวงตาจ้องต้นธาราเขม็ง ชายสองคนโต้ตอบกันเป็นภาษาพม่า คนที่ยืนฟังชักสับสนเพราะคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนไทยชัดๆ

“ทำให้คุณตกใจเสียแล้ว ผม พันโทวันชัย เป็นผู้ช่วยฑูตทหารของพลเอกอดิศักดิ์”

ต้นธารายิ้มให้ เขาเคยได้ยินชื่อของพลเอกอดิศักดิ์เพราะพ่อเคยทำงานร่วมกัน

“ไม่ทราบว่าท่านนาพลพิภพอยู่รึเปล่าครับ?...”

วันชัยกวาดตามองรอบบ้าน

“ยังไม่กลับ”

ต้นธาราเอ่ย ก่อนเชิญแขกนั่งรอในห้องรับรอง เขาเดินไปหาป้าสมและบอกให้นำน้ำไปเสิร์ฟให้แก่แขก ต้นธารามองเห็นรถของบิดาแล่นเข้ามาจอด ท่านนายพลดูรีบร้อน เข้ามาในบ้านต้นธาราก็ออกไปรับและบอกมีแขกมารอ ท่านนายพลพิภพส่งกระเป๋าให้

“มีเรื่องอะไรกันครับ”

เขาถามด้วยความสงสัย บิดาก็ไม่ตอบอะไร ต้นธาราลองชะเง้อคอมองภายในห้องรับรองอย่างรวดเร็ว เขาก็รู้ว่าเสียมารยาท ชายหนุ่มนำกระเป๋าไปเก็บให้บิดาแต่รู้สึกหน้ามืดเสียก่อนจึงทำกระเป๋าหล่น เอกสารกระจายเกลื่อน เขาเห็นรายงานเป็นภาษาอังกฤษล้วนเกี่ยวธีรเดชและข่าวกองโจร ดวงตาพร่าพยายามมองรายละเอียดแต่ท้ายที่สุดต้นธาราก็ล้มลง เสียงกรีดร้องของป้าสมเป็นสิ่งเดียวที่ต้นธาราได้ยินเป็นครั้งสุดท้าย....

------------------------------------------------

จบภาค ห้วงรักเสน่หา

ไม่ต้องตกใจนะทุกคน  ภาคสองมาต่อแน่นอน  ไม่มีรอนาน 
ขอบคุณสำหรับกำลังใจของทุกคนที่ให้น้องเรนน้า
น้องเรนรีบส่งภาคสองมาให้อย่างด่วนเลย  ขนาดต้องรีบส่งต้นฉบับนิยายให้สำนักพิมพ์นะเนี่ย
น่ารักจริงๆ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #291 เมื่อ19-07-2008 03:24:34 »

 :m4: ภาคแรกจบไปแล้ว รอภาคสอง มันก็ยังหวานปนขม้หมือนเดิม ฟ้าหลังฝนของพิม คงอีกนาน  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #292 เมื่อ19-07-2008 03:25:10 »

จบภาคแรกแล้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววว

สงสัยภาคสองได้ลุ้นกันน้ำตาท่วมจอแน่ๆ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #293 เมื่อ19-07-2008 10:42:25 »

กาซิก กาซิก

สงสารหมอธาร

rain-at-rose

  • บุคคลทั่วไป
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #294 เมื่อ19-07-2008 21:31:17 »

ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสกว่าค่า  :a1: ภาค2 เตรียมฉลองเปิดตัวหนูไผ่กับคุณผู้กองธีเป็นตัวเอกอย่างเป็นทางการ :mc4:






ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #295 เมื่อ19-07-2008 22:23:49 »

จบภาคแรกไปด้วยความเศร้า

ภาคสองจะเป็นยังไงหนอ ?

nartch

  • บุคคลทั่วไป
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #296 เมื่อ20-07-2008 17:52:57 »

:m4:
ตามมาทันซะที...อ่านไปลุ้นไป เดี๋ยวรักเดี๋ยวแค้น ตบจูบๆๆ เครียดๆๆๆ  :serius2:

ขอร่วมแสดงความคิดเห็นซักนิดละกัน...สิ่งที่เห็นเด่นชัดคงเป็นอย่างที่ andreas
ได้แนะนำไปแล้วในเรื่องความสมจริง การใช้ระดับของภาษาให้เหมาะสมกับเหตุการณ์
น้ำหนักของคำ การใช้คำซ้ำ ๆ การเรียกชื่อตัวละครบ่อย ๆ การเรียงโครงสร้างประโยค
ทำให้สงสัยและไม่แน่ใจว่าคนแต่งเป็นลูกครึ่งหรือเปล่า... :m23:

อ่านเรื่องนี้แล้วคิดถึงเรื่องหิมพานต์ ลักษณะการเขียนคล้าย ๆ กันที่การใช้ภาษา...
ยังไงก็เอาใจช่วยและเป็นกำลังใจให้ +1 สำหรับเนื้อเรื่องที่แปลกและน่าสนใจคับ  :a2:

ปล. สำหรับนิยายชายรักชาย...ไม่อยากให้หลาย ๆ เรื่องมุ่งเน้นให้ตัวละครชายทุกคน
ในเรื่องจะต้องรักผู้ชายด้วยกันซะทั้งหมด...น่าจะขึ้นกับความเหมาะสมของเรื่องดีกว่า
 :L1: :L2: :L1:

rain-at-rose

  • บุคคลทั่วไป
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #297 เมื่อ20-07-2008 21:25:57 »

:m4:
ตามมาทันซะที...อ่านไปลุ้นไป เดี๋ยวรักเดี๋ยวแค้น ตบจูบๆๆ เครียดๆๆๆ  :serius2:

ขอบคุณที่เข้ามาติดตามค่ะ ^_^ (เรื่องนี้นี่ เขียนในสไตล์สนองNeed คนเขียนค่ะ)


ขอร่วมแสดงความคิดเห็นซักนิดละกัน...สิ่งที่เห็นเด่นชัดคงเป็นอย่างที่ andreas
ได้แนะนำไปแล้วในเรื่องความสมจริง การใช้ระดับของภาษาให้เหมาะสมกับเหตุการณ์
น้ำหนักของคำ การใช้คำซ้ำ ๆ การเรียกชื่อตัวละครบ่อย ๆ การเรียงโครงสร้างประโยค
ทำให้สงสัยและไม่แน่ใจว่าคนแต่งเป็นลูกครึ่งหรือเปล่า... :m23: 

ครึ่งดีครึ่งบ้าค่ะ :sad2: ...เปล่าค่ะ ไทยแท้ค่ะ แต่ติดนิสัยเรียงโครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษมาจากวิชา English Writing มั้งคะ ในเวอร์ชั่นที่ลงในนี้ จะเป็นเวอร์ชั่นแรกที่เขียนค่ะ ถ้าเป็นเวอร์ชั่นรีไรท์ รูปประโยคมันดีขึ้นกว่านี้ค่ะ  :oni1: ขอบคุณมากนะคะที่แนะนำเรนมาอีกครั้ง :L2:



อ่านเรื่องนี้แล้วคิดถึงเรื่องหิมพานต์ ลักษณะการเขียนคล้าย ๆ กันที่การใช้ภาษา...
ยังไงก็เอาใจช่วยและเป็นกำลังใจให้ +1 สำหรับเนื้อเรื่องที่แปลกและน่าสนใจคับ  :a2:


หิมพานต์ ยังไม่อ่านค่ะ ^^"  (แต่ก็ไม่ใช่ไม่ชอบแนวพีเรียดนะคะ ชอบค่ะ เขียนด้วยเรื่องหนึ่ง พีเรียดดราม่า ที่ไม่ได้อ่านเพราะไม่มีเวลาตะเวนตามบอร์ดเพื่ออ่านเพราะแค่เรียน+ ลงนิยาย+ปั่นต้นฉบับให้ทันเดธไลน์สนพ.ช่วงนี้ก็อ่วมแล้ว :a6: คงต้องไปรอขอแลกนิยายเรนกับพี่นัทในงานสัปดาห์หนังสือเอา )


ปล. สำหรับนิยายชายรักชาย...ไม่อยากให้หลาย ๆ เรื่องมุ่งเน้นให้ตัวละครชายทุกคน
ในเรื่องจะต้องรักผู้ชายด้วยกันซะทั้งหมด...น่าจะขึ้นกับความเหมาะสมของเรื่องดีกว่า
 :L1: :L2: :L1:


ปกตินี่ก็ไม่ได้เน้นเฉพาะชายกับชายล้วนๆนะคะ เป็นเฉพาะเรื่องกับพลอตที่เรนกำหนดมากกว่า ในบางเรื่อง เรนก็มีตัวเอกเป็นหญิงมาเด่นคู่นายเอกนะคะ แต่เฉพาะเรื่องนี้ที่เน้น ชาย+ชายเพราะเรนกำหนดพลอตมาค่ะ

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับความคิดเห็น+โพสต์ให้กำลังใจนะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่า :L1:


ปล.ขอบคุณพี่พิมด้วยนะคะ ^_^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2008 21:58:03 โดย rain-at-rose »

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #298 เมื่อ21-07-2008 01:04:11 »

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

อ่าครับผม จบภาคแรกไปละ

แต่ก็ยังอุ่นใจครับ ที่รู้ว่าผู้กองภานุรักคุณหมอแล้ว

เป็นกำลังใจให้ครับผม จะรออ่านภาคต่อไปนะครับผม

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ tsuyu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #299 เมื่อ21-07-2008 10:41:24 »

เข้ามารอภาค 2 อย่างใจจดใจจ่อนะค่ะ   :a1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด