ห้วงรักเสน่หา + เกียรติยศ กบฏหัวใจ โดย Rain-at-Rose
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ห้วงรักเสน่หา + เกียรติยศ กบฏหัวใจ โดย Rain-at-Rose  (อ่าน 292765 ครั้ง)

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #300 เมื่อ21-07-2008 12:38:51 »

ยังคงติดตามเป็นกำลังใจให้เสมอครับ

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Re: ห้วงรักเสน่หา โดย Rain-at-Rose
«ตอบ #301 เมื่อ21-07-2008 22:04:32 »

ขอบคุณสำหรับทุกเม้นต์จ้า  :L2:  :L2:
ต่อภาคสองกันเลยดีกว่า  ไม่ชอบรอนาน  อิอิ

+++++++++++++++++++++++++++++++++

เกียรติยศ กบฏหัวใจ (Fire of the Desire)
 
สิ่งที่ไม่เคยรู้จักเลยนั่นคือความรัก เพราะชีวิตของตนถูกผูกพันกับสิ่งที่เรียกว่าอุดมการณ์
 เกียรติยศและความภาคภูมิพังทลายลง เมื่อความรักเข้ามาแทรกตรงกลาง และผู้ที่รักนั้นกลับเป็นศัตรูของฝ่ายตน
น้ำใจที่อีกฝ่ายแสดงออกไม่อาจปฏิเสธรับ...แต่ทั้งๆที่รู้ว่าเมื่อเอื้อมมือเข้าหา ตนจะสิ้นความเป็นตัวเองทั้งมวล ทั้งที่รู้แบบนั้นก็ไม่อาจตัดใจ
 
------------------------------------------------
 
ธีรเดช นายทหารหนุ่มผู้อ่อนโยน แตกกลุ่มกับหน่วยลาดตระเวนค้นหาเส้นทางส่งยาเสพย์ติด เมื่อถูกปะทะกับกลุ่มกองโจรกะเหรี่ยง  โชคชะตาหรือพรมลิขิตชักพาให้พบเจอ กิ่งไผ่ บุตรชายเพียงคนเดียวของหัวหน้ากองโจรกู้แผ่นดิน เวียงนวรัฐะ ทั้งยังยึดถือในเกียรติศักดิ์และรักในแผ่นดินยิ่งกว่าสิ่งใด
 
เงื่อนงำที่พบเจอคือ กองกำลังกู้แผ่นดินเวียงนวรัฐะ ถูกใช้เป็นฐานขนส่งยาเสพย์ติด ธีรเดชจึงต้องเข้ามาคุ้มครองกิ่งไผ่กลับฐานเพื่อกันไว้เป็นพยาน
 
ความรักก่อเกิดเมื่อเห็นน้ำใจของอีกฝ่าย แต่ตัวเองรู้ดีว่าไม่อาจรับความรักนั้น...เพราะหากเอื้อมมือเข้าหา ตนจะสิ้นความเป็นตัวเอง...ทั้งที่รู้แบบนั้นก็มิอาจตัดใจ



--------------------------------------------

http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?songID=V274EBBP0&Autoplay=1

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
เกียรติยศ  กบฏหัวใจ 1 Fate/ พบเจอบนพรหมลิขิต
 
สายตาของธีรเดชจับจ้องยังบาดแผลที่ร่างตรงหน้าได้รับ ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะอุ้มร่างทอดนอนอยู่บนโขดหิน ปลดสัมภาระและปืนวางไว้ใกล้ๆต้นไม้ใหญ่ พยายามตบดวงหน้าขาวซีดเรียกสติ
 
“คุณ...คุณ...”
 
ชายหนุ่มเกลี่ยเส้นผมยุ่งเหยิงออกจากวงหน้า ช้อนร่างขึ้นแนบอก ริมฝีปากเริ่มซีดเปลือกตาบางยังคงปิดสนิทจนหวั่นใจ
 
“อย่าเป็นอะไรไปนะ”
 
ชายหนุ่มรู้สึกร้อนใจยิ่งนัก ร่างกายเย็นเฉียบพร้อมรอยขีดข่วนตามร่างกายและใบหน้าช้ำเป็นรอยเขียว ธีรเดชสงสัยว่าใครหนอช่างกล้ารุมทำร้ายคนๆนี้ ปลดกระดุมเสื้อเขียวลายพรางออกคลุมกายที่เสื้อขาดวิ่น อยากก่อกองไฟต้านลมหนาวแต่ใจหวั่นว่าฝ่ายข้าศึกอาจจับที่พักได้ ฟังเสียงเงียบสงัด หากไม่ทำอะไรสักอย่างทั้งเขาและร่างนี้คงมีอันเป็นไป ขั้นแรกธีรเดชจัดแจงที่นอนพยายามหาที่สูงให้พ้นจากที่ชื้นอับ พยายามสุมใบไม้เป็นที่รองนอน วางร่างสิ้นสติลง แล้วตรวจดูว่าร่างสิ้นสตินั้นมีอาการที่น่าเป็นห่วงอะไรบ้าง ลมหายใจเป็นสิ่งเดียวที่บ่งบอกว่ายังมีสติอยู่ พยายามบีบนวดเฟ้นไปตามแขนขา จนกระทั่งเปลือกตาสั่นไหว อยู่ในสติอันรางเลือน กิ่งไผ่ไอเบาๆ มือหนาอังหน้าผากและเห็นว่าอุณหภูมิสูงขึ้นก็วิตก
 
“ไม่เป็นอะไรนะ”
 
ดวงตาเบิกกว้างเหลียวลอกแลก ลุกขึ้นพรวดจนธีรเดชตกใจ ภาษาพม่าพ่นออกมาเป็นชุด เต็มไปด้วยความกลัวและระแวดระวัง
 
“ใจเย็นๆ...ผมไม่ได้มาร้าย จำผมได้ไหมที่เราเคยเจอกันเมื่อนานมาแล้ว”
 
ธีรเดชพยายามพูดเสียงอ่อนๆปลอบประโลมร่างที่แตกตื่น กิ่งไผ่พยายามตั้งสติ ในหัวปวดหนึบ ดวงตาพร่าพราย เขาคิดว่าทางไอ้ทรยศคงจับเขาได้แล้ว น้ำเสียงเป็นภาษาไทยคุ้นหู เปิดตามองให้ดี ใช้สติที่เหลืออยู่เพิ่งมองใบหน้าที่ซ่อนอยู่ในเงามืดแล้วตื่นตะลึง
 
“....”
 
ร่างตรงหน้าพูดไม่ออกเมื่อเห็นเป็นหนุ่มทหารจากไทยที่เขาเคยพบในคราบที่เป็นผู้หญิง! ใบหน้าแกร่งจ้องราวกับอยากจะถาม
 
 
“ไม่รู้ว่าคุณเข้าใจภาษาไทยไหม ก็น่าจะเข้าใจนะ....ผมพบคุณอยู่ริมธาร ผมจะไม่ถามอะไรทั้งนั้นในตอนนี้เพราะคุณยังป่วยอยู่และผมก็จนปัญญาที่จะสื่อสารกับคุณว่าแต่ว่าคุณสปีกอิงลิชพอได้ไหมผมก็งูๆปลาๆเหมือนกันแหละ”
 
กิ่งไผ่ปิดปากสนิท มองรอยยิ้มเป็นมิตร
 
“เอ่อ...ดูเหมือนจะยังไม่ไว้วางใจสินะ ผมก็หลงป่าถูกไล่ล่าจากคนของคุณละมั้ง....แล้วคุณละ...”
 
พยายามสร้างมิตรภาพทั้งๆที่เขาก็ยังไม่ไว้ใจและระแวง ร่างตรงหน้าเงียบกริบแล้วเอาแต่ไอ
 
“นอนเถอะ...คืนนี้เดี๋ยวผมจะอยู่ดูคุณเอง คุณไข้ขึ้น”
 
ดวงหน้าสวยบึ้งพยายามลุกขึ้นแต่ก็เซล้มจนได้
 
“อย่าดึงดันเลยน่า....นอนพักซะ”
 
น้ำเสียงเข้มดึงแขนบอบบางให้นอนลง จัดแจงร่างกายให้อบอุ่น กิ่งไผ่รู้สึกทรมานเหลือเกินเพราะหายใจไม่ออก ทั้งปวดเมื่อยไปทั่วกาย ทั้งอ่อนล้าจนไร้เรี่ยวแรง กายสั่นเทิ้มขดเข้าหากัน
 
“หนาวหรือ...”
 
ธีรเดชมองแล้วทำตัวไม่ถูก เขาค้นหาของในเป้สนามที่ติดมา หยิบยาแก้ไข้ป้อนเข้าปากซีด หยิบกระติกน้ำกรอกน้ำหยดสุดท้ายตาม กิ่งไผ่กลืนเม็ดยาขมๆลงคออย่างง่ายดาย
 
“หิวไหม เอ่อ...Hungryนะ...”
 
 ชายหนุ่มพยายามพูดสื่อสารโดยใช้ภาษาใบ้ประกอบ กิ่งไผ่ก็ยังคงทำบื้อใบ้ไม่ยอมตอบคำถามของนายทหารหนุ่ม
 
“เอาเถอะ...ยังไงผมก็ออกไปไม่ได้อยู่ดีตอนนี้ ทนถึงวันพรุ่งนี้เช้าก่อนนะแล้วผมจะออกไปหาอะไรให้กิน”
 
มองดวงตาที่ปิดลง ลมยามค่ำพัดเบาๆ ชายหนุ่มห่อไหล่ดึงผ้าขาวม้าที่เคยเป็นของร่างที่นอนหลับออกคลุมกายทับอีกชั้น ส่วนตัวเองก็นั่งขัดสมาธิโดยมีเพียงเสื้อยืดสีเขียวกับกางเกงเท่านั้น สายตามองความมืดรายรอบกาย ยังดีที่แสงจันทร์ส่องสว่างพอมองเห็นเงาตะคุ่มๆอยู่บ้าง ดวงตาคมที่ตรวจตราความปลอดภัยก่อนหยุดลงตรงร่างหลับใหลมันสั่นเทิ้มขึ้นเรื่อยๆฟันก็กระทบกันกึกๆ ธีรเดชพยายามหาเสื้อผ้าที่พอจะให้ความอบอุ่นแก่เพื่อนร่วมชะตา....แต่มันก็หมดไปเสียแล้ว เสื้อนอกลายพรางกลายเป็นผ้าห่มคลุมกายกับผ้าขาวม้าทับให้อีกครั้ง เขาลุกขึ้นพยายามมองหาสิ่งของที่จะพอมอบความอบอุ่นให้แก่ร่างกายที่สั่นเทิ้ม จะโกยใบไม้มาตอนนี้ก็ไม่ได้อีก จะจุดไฟยิ่งแล้วใหญ่...ธีรเดชกลัวว่าฝ่ายกองโจรที่ไล่ล่าเขานั้นจะจับตำแหน่งที่พักได้ ชายหนุ่มหมดปัญญาได้แต่ประคองร่างที่นอนสั่น ใช้วงแขนสอดประคองให้แผ่นหลังพิงอก เป็นการถ่ายทอดความอบอุ่นให้
 
“คงไม่หนาวแล้วสินะ”
 
เอ่ยกระซิบริมหู ดูเหมือนว่าคนที่อยู่ในวงแขนเริ่มสงบ นอนหลับสนิท ดวงตาแกร่งแหงนมองฟ้า ต้นไม้สูงมืดทะมึนปิดท้องฟ้าเพียงครึ่ง ราตรีรอบกายแฝงกลิ่นอายความน่าหวาดกลัว เสียงนกระวังไพรร้องคู้ แว่วๆไกลๆได้ยินเสียงโขลงช้าง ธีรเดชกลัวว่าเจ้าช้างป่าจะผ่านยังที่พัก เขาไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรดีได้แต่ปล่อยเอาไว้และกอดร่างที่พิงแผ่นอนหลับสนิท ความรู้สึกอีกอย่างที่แทรกลงจากใจนั่นคือความเหงา....อยากรู้ว่าทางฝั่งพรรคพวกได้กลับถึงไทยโดยปลอดภัยหรือไม่ ชะตาชีวิตต่อไปจะเป็นอย่างไร ชายหนุ่มอาจไม่รู้จริงๆ
 
------------------------------------------------
 

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
รุ่งอรุณดวงตาของกิ่งไผ่ลืมตา ตอนนี้เขายังลุกไม่ไหวได้แต่นอนนิ่งๆ ชันกายขึ้นเล็กน้อยโดยข่มอาการปวดศีรษะเอาไว้ ตกใจที่ชายหนุ่มหายไป แต่สายตาเหลือบมองปืนและเสื้อนอกคลุมกายก็โล่งอก
 
“จะทำยังไงดี...”
 
กิ่งไผ่ขบคิด เพราะเขาดันโชคร้ายเหลือเกินมาเจอกับ คนที่รู้จักที่เขาคิดว่าชาตินี้คงไม่ได้พบพานอีกครั้ง เสียงฝีเท้าดังย่ำใบไม้แห้งที่ปลิดปลิวจากขั้วดังเข้ามาใกล้ ร่างของกิ่งไผ่ล้มนอนอย่างรวดเร็ว เขาต้องสังเกตท่าทีของอีกฝ่ายก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป...ตอนนี้เขาต้องให้คนๆนี้ช่วย ไม่รู้ว่าจะหวังพึ่งได้มากแค่ไหนแต่เขาจำเป็นต้องทำ ร่างกายยังอ่อนแอเกินไป ธีรเดชกลับมาด้วยท่าทีอิดโรยในมือของชายหนุ่มถือเครือกล้วยป่าและลูกหว้าเต็มกระเป๋า กระบอกไม้ไผ่ใส่น้ำมาเต็มกระบอก ชายหนุ่มมองดูของกินที่เขาออกเดินหาตั้งแต่เช้าได้มาเพียงแค่นี้ แบ่งออกเป็นสองกองแล้วเข้าไปปลุกร่างที่ยังนอนหลับอยู่
 
“กินข้าว...”
 
กิ่งไผ่ยังไม่ตื่น เขายังแสร้งทำเป็นหลับจนกระทั่งมือหนาตบหน้าเบาๆนั่นแหละจึงลืมตาอย่างลำบากยากเย็น  เขาเอนหลังพิงต้นไม้มองดูอาหารอย่างสงสาร...ถ้าเขาออกไปหาคงได้มาเยอะไม่น้อย มือแกร่งปลิดกล้วยออกจาดเครือ แรกๆกิ่งไผ่ก็ทานไม่ลงเพราะอาการเจ็บคอแต่สีหน้าของธีรเดชก็คะยั้นคะยอให้กิน
 
“กินเสียหน่อยนะ จะได้แข็งแรง”
 
เปลือกกล้วยปอกยื่นให้ ธีรเดชจึงจัดการกับปากท้องของตัวเองบ้าง กิ่งไผ่กัดมันกินเล็กน้อย รสชาติหวานแต่เสียดายที่มันมีเมล็ดมาก กินไปได้เพียงเล็กน้อยก็หยุด
 
“กินต่อสิ อิ่มแล้วหรือ”
 
ชายหนุ่มวางผลกล้วยที่กินเข้าไปได้ครึ่งลูกลงแล้วเอามืออังหน้าผาก ส่งน้ำให้ ดวงตาของกิ่งไผ่มองอย่างเต็มไปด้วยคำถามหลากหลาย
 
“จริงสิ เช้านี้คุณต้องเช็ดตัวนะ ทานผลไม้ให้หมดซะ น่าเสียดายที่ผมหาฟ้าทะลายโจรไม่ได้ ไม่อย่างนั้นอาการไข้ของคุณคงลดลงมากกว่านี้”
 
หยิบผลกล้วยที่กินค้างจ่อปากแห้งผาก ดวงหน้าซีดเบือนหนี
 
“น่า....”
 
รอยยิ้มอ่อนโยนเผยออก ทำให้กิ่งไผ่หยิบผลกล้วยขึ้นมากินครึ่งลูก ร่างของนายทหารหนุ่มหยิบกระบอกไม้ไผ่มาจ่อปาก
 
“ผมอยากให้คุณกินเนื้อบ้างแต่ผมก็ไม่รู้จักที่ทางป่าแถวนี้ดีเลย”
 
ธีรเดชบ่นอยู่คนเดียว จ้องหน้าสวยที่ซ่อนภายใต้กลุ่มผม
 
“ตอนนี้ยังไม่ไว้วางใจผมก็ไม่เป็นไร ...”
 
ท่าทีหวาดๆเป็นสิ่งที่กิ่งไผ่สร้างขึ้น เขาอยากทดสอบความน่าไว้วางใจของชายผู้นี้
 
“เอ่อ...ไม่รู้ว่าผมเข้าใจอะไรผิดไปไหม คุณเป็นคนช่วยผมกับหน่วยของผมใช่หรือเปล่า”
 
พูดพร่ำเองอยู่ฝ่ายเดียว กิ่งไผ่ดึงเสื้อนอกติดกลิ่นอายของชายหนุ่มปิดหน้าเหมือนกับไม่อยากพูดไม่อยากกล่าวด้วย
 
“นอนพักเถอะครับ ไม่ต้องห่วงหรอกว่าจะเกิดอันตราย ผมไปสืบดูที่ทางรอบๆนี้มาแล้ว ปลอดภัยพอควร”
 
ดวงตาหลับลงอย่างเนือยๆ ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆก่อนยกศีรษะพาดกับตักเขา
 
“แบบนี้นอนสบายกว่านะ”
 
พูดอธิบายเมื่อดวงตาสีดำลืมขึ้น มองอย่างมีคำถาม กิ่งไผ่หลับตาลงอีกครั้ง....คราวนี้รู้สึกไว้วางใจจริงๆ สายตาของหนุ่มไทยมองเพื่อนร่วมชะตากรรม กลีบปากแห้งผากนั้นครั้งหนึ่งเคยประทับจูบ...แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เหตุผลที่จะกระทำนั่นคือต้องการให้ปล่อย...เพียงพบเจอครั้งแรกก็ติดตาตรึงใจ...อีกครั้งที่พบเจอตอนเป็นหญิงชาวบ้าน ธีรเดชชักสับสนว่าเธอเคยมีพี่น้องหรือญาติสนิทหรือเปล่า ขบคิดไปก็ข้องใจเสียเปล่าได้แต่ทอดตามองดวงหน้าสวยซ่อนความแกร่งเอาไว้
 
------------------------------------------------
 
ตื่นขึ้นมาเมื่อบ่ายคล้อย กิ่งไผ่รู้สึกว่าตัวเบาหวิว มองดวงหน้าแกร่งที่พิงต้นไม้หลับพักผ่อน เสียงแกรกกรากของสายลมพัดใบไม้แห้ง  ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว ศีรษะพาดอยู่บนตัก สับสน...กับการช่วยเหลือ
 
“Why do you help me?”
 
กระซิบถามในลำคอ น้ำเสียงสั่นเครือคล้ายกับร้องไห้  รู้สึกว่าผิวแก้มร้อนผ่าว
 
“อือ...”
 
ธีรเดชคราง ชายหนุ่มลืมตาตื่นก็พบกับดวงตาใสแจ๋วดุจน้ำค้างยามเช้าจ้องมองไม่กระพริบ
 
“หิว?”
 
เอ่ยถามก่อนจะวางยกศีรษะวางบนเป้สนามอย่างนุ่มนวล กิ่งไผ่ส่ายหน้าชี้ไปที่กระบอกน้ำ
 
“อ้อ อยากดื่มน้ำ”
 
ชายหนุ่มรู้สึกดีใจที่อีกฝ่ายยอมไว้วางใจ เขาหยิบกระติกน้ำดื่มที่ใส่ด่างทับทิมฆ่าเชื้อส่งให้แทน
 
“ดื่มน้ำจากกระติกนี้นะ อันนั่นเอาไว้ใช้”
 
ชายหนุ่มเปิดฝากระติก คนป่วยหยิบไปดื่มอย่างกระหาย ธีรเดชโล่งใจที่อีกฝ่ายนั้นพอจะหยิบจับของหนักๆได้บางแล้ว ยิ้มนิดๆยามที่น้ำล้นออกจากปาก
 
“ค่อยๆดื่มก็ได้ เดี๋ยวได้สำลักตายพอดี”
 
เอื้อมมือเช็ดให้ กิ่งไผ่ส่งกระติกคืนสีหน้าซีดแจ่มใสขึ้นเป็นกองแต่แล้วต้องสะดุ้งยามผิวกายเย็นเฉียบแนบแก้มอุ่นผิดปกติ ดวงตาอ่อนโยนผิดวิสัยท่าทีกร้าวสบดวงตาที่ไม่เคยลงให้ใคร ริมฝีปากแกร่งก็เอื้อยเอ่ย
 
“วันนี้ผมจะลองจุดไฟดู อาจจะเสี่ยงสักหน่อย”
 
นายทหารหนุ่มจากไทยชะงักมือยามที่มือเรียวปัดออกอย่างไม่ชอบใจนัก ดวงหน้าเรียวหันหนี ธีรเดชถอนใจเบาๆ
 
“ผมจะออกไปหาอาหารมาเพิ่ม คุณอยู่คนเดียวได้ไหม?”
 
บอกกล่าวก่อนจัดแจงกระติกน้ำและผลไม้พร้อมลูกหว้าวางไว้ใกล้ๆพอที่ร่างที่ล้มป่วยเอื้อมถึง ร่างชายหนุ่มลุกขึ้น กิ่งไผ่มองแผ่นหลังแกร่งก่อนจะเดินหายไปไกล ใจของกิ่งไผ่หายวาบ ...กลัวทว่าน้ำเสียงอ่อนๆนั่นยังสถิตอยู่ภายในใจ ยันกายลุกขึ้นทานกล้วยป่าไปสามลูกกับลูกหว้าจนทั้งมือและขอบปากกลายเป็นสีม่วง มองเห็นน้ำใจจริงๆที่นายทหารไทยมีให้
 
...ทั้งๆที่จะฆ่าก็ได้ หรือผ่านไปอย่างไม่สนใจ ปล่อยให้ตายก็ดีแล้วแท้ๆ ทำไมยังดึงมาเป็นตัวถ่วงทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเขาจะหักหลังหรือเปล่า...ชายหนุ่มมั่นใจเรื่องอะไร หรือเป็นเพราะไว้ใจที่เคยพบกันมาก่อน กิ่งไผ่คิด มองเปลือกกล้วยที่กองรวมกันไว้เป็นระเบียบสายตาก็สะดุดกับผ้าขาวม้า ผู้เป็นเจ้าของจำได้ทันทีว่ามันเป็นของเขา...เพราะอะไรถึงเก็บไว้ ขบคิดอย่างไม่เข้าใจนักยิ่งอยู่ใกล้ เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นเขาไม่อาจหาข้อแก้ตัวได้...เงียบไว้ก่อน เป็นสิ่งเดียวที่คิดขึ้นมาได้ในสถานการณ์เช่นนี้
 
------------------------------------------------
 
ผ่านไปสองชั่วโมงร่างสูงยังไม่กลับ กิ่งไผ่นั้นหวั่นใจและอยากออกตาม เขารู้ตัวเองดี หากออกตามต้อนนี้คงไม่ได้กลับมาที่พักแห้งนี้อีกแน่ได้แต่นั่งรอ...รอจนใกล้ค่ำรอบกายค่อยๆมืดสนิท ชะเง้อชะแง้มองหาชายหนุ่มกลับไม่พบเห็นแม้แต่เงา กิ่งไผ่ปิดปากไอโขลกๆ อาการเจ็บคอกำเริบ มือป่ายเปะหากระติกน้ำ ยกกลั้วคอ ดื่มจนหมดแล้ววางมันลง ยังต้องการอีกแต่ต้องเก็บงำความต้องการเอาไว้ มองหานายทหารจากไทยเสียก่อน หากไม่พบเจอเราควรทำอย่างไรดี....ถามตัวเองแล้วให้คำตอบไม่ได้...หวั่นอยู่ในอก มือกำเสื้อนอกลายพรางแน่น ความรู้สึกอยากจะอาเจียนก่อเกิด ร่างโปร่งได้แต่ล้มตัวนอนอีกครา....นอกเหนือจากความกลัวเป็นความหวั่นวิตกที่รอคอย ‘คน’ ที่คิดว่าไม่ควรไว้วางใจ
 
------------------------------------------------
 
ธีรเดชนั้นดีใจเป็นนักหนาที่สามารถล่าไก่ป่ามาได้ เขาโชคดีจริงๆที่เดินหาของป่าเรื่อยๆแล้วเจอรอยของมัน ตามจนเจอจึงดักมันและจับเชือด มือหนาหิ้วคอไก่แน่นิ่ง เหน็บมีดที่เช็ดเลือดกับใบไม้เข้าเอว อีกมือหอบกล้วยและสะพายน้ำดื่มกับกระบอกใส่ลูกหว้าพะรุงพะรัง ตอนที่ออกหาอาหารเห็นท้องฟ้าค่อยๆหม่นแสงก็ร้อนใจอยากกลับไปหาร่างที่รออยู่ จึงได้เร่งมือ สุดท้ายก็ไม่ทัน ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าออกเดินและคิดกังวลไปต่างๆนานาว่าคนที่เอาแต่นอนนิ่งและไร้พละกำลังนั่นจะอยู่อย่างเดียวดายได้เช่นไรท่ามกลางความมืดและความหิวโหย เท้าที่ใส่รองเท้าคอมแบตรีบเร่งฝีเท้าจนใกล้เขตที่พัก ชายหนุ่มไม่ลืมตรวจดูความเรียบร้อยเหมือนทุกๆครั้ง เห็นร่างนอนแน่นิ่งก็ใจหาย ก้าวขายาวๆวางของในมือและบ่าลงบนพื้นอย่างนุ่มนวล ปราดเข้าไปดูร่างที่หลับสนิท เขย่าเบาๆเรียกสติด้วยความกลัวว่าจะเกิดอันตราย ทันทีดวงตากระจ่างลืมตื่นก็ลุกขึ้นพรวดและกอดเขาไว้อย่างรวดเร็ว ธีรเดชได้แต่อึ้งตัวแข็งที่วงแขนบอบบางกอดราวกับกลัว ชายหนุ่มลังเล ทำหน้าไม่ถูกเมื่อถูกกอดแบบนี้ สุดท้ายก็กอดตอบ...แล้วปลอบประโลมท่ามกลางความมืดมืดของพงไพร
 
 
------------------------------------------------

 :กอด1:

nartch

  • บุคคลทั่วไป
:serius2:
คู่เก่ายังไม่เคลียร์...ส่งคู่ใหม่มาบีบหัวใจกันอีกแล้ว... :o12:
คู่แรก สุขภาพ ความแค้น กับฐานะ
คู่นี้ อยู่กันคนละฝั่งเลย...เวนกำของคนอ่านนนน
 :m15:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
มาแล้วภาคสองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง สงสัยงานนี้น้ำตาท่วมจอแน่ๆ  o7

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
น้ำตาจะไหล

บีบหัวใจกันเหลือเกินนนนนนนนนนนนนนนนน

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
ยังคงเป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ

ออฟไลน์ tsuyu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
ติดขอบจอเหมือนเดิมค่ะ  :a1:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

กลับมาแล้วครับผม ไปเที่ยวมาอะครับ

มาเม้นให้ตั้งกะมะวานแล้ว แต่ดันเน็ตหลุดอีก

มาอีกวันดันเว็บล่ม มันเป็นอะไรกันครับ

ผมจะเม้นให้ มีอุปสรรคเยอะจังครับผม

วันนี้ได้เม้นซะทีครับผม เป็นกำลังใจให้เสมอครับ

รออ่านตอนต่อไปครับผม

:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ยังบีบหัวใจอีกนาน  o7

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ต่อให้ก่อนน้า  จะไม่ได้มาต่ออีกประมาณ 1 อาทิตย์  ติดธุระค้าบบ  ขออภัย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เกียรติยศ  กบฏหัวใจ 2 Trust/ ไว้วางใจ
 
แสงดาวฉายบนโค้งขอบฟ้า ธีรเดชมองด้วยความง่วงงุน วงแขนสัมผัสเรือนผมยาวคลุมแผ่นหลังฟังเสียงลมหายใจสงบปนกับเสียงไอเบาๆ หลังจากที่เขากลับมาช้าก็เจอการต้อนรับแบบนี้ ชายหนุ่มตกใจไปช่วยขณะได้แต่กอดร่างที่อยู่ในวงแขนเอาไว้แน่น ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ร่างของคนที่เขาช่วยเหลือไว้ก็นอนอยู่แบบนั้นด้วยความเหน็ดเหนื่อย จนกระทั่งธีรเดชแน่ใจว่าร่างที่อยู่ในวงแขนหลับสนิทจริงๆจึงกล้าวางร่างลง จัดแจงห่มผ้าให้เรียบร้อย มองไก่ป่าที่จับมาได้ก่อนงมือถอนขน วันนี้เขาต้องก่อกองไฟถึงจะเสี่ยงก็ต้องยอมล่ะ นายทหารหนุ่มค้นหาของในเป้สนาม นำไฟแช็คขึ้นมาเตรียมก่อกองไฟเล็กๆขึ้นมากองหนึ่ง กวาดใบไม้แห้งสุมกับกิ่งไม้จุดไฟสว่างวาบ ควันเล็กๆลอยอ้อยอิ่งสู่ท้องฟ้า เปลวไฟสีส้มขับไล่ความมืดสนิท ไอร้อนทำให้ร่างกายอุ่นวาบ ชายหนุ่มประคองร่างของคนป่วยให้เข้ามาใกล้แสงไฟ  ดวงหน้าขาวซีดสะท้อนมันเลื่อม ธีรเดชยิ้ม...อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว มือวางแตะดวงหน้าขาวซีดเบาๆก่อนคลายออก ลุกขึ้นหยิบตัวไก่ล้างน้ำเพื่อปิ้งเก็บเอาไว้ ท่าทีวุ่นวายประกอบกับกลิ่นคาวเลือดทำให้กิ่งไผ่ลืมตาขึ้นมา มองแผ่นหลังของทหารไทย ซึ่งชายหนุ่มกำลังใช้มีดหั่นตัวไก่ป่าเป็นชิ้นๆยัดใส่กระบอกไม้ไผ่โรยเกลือที่ติดมาตั้งกระบอกขึ้นผิงไฟจนได้ยินเสียงฉี่ๆปนกับกลิ่นหอม กิ่งไผ่กระพริบตาถี่ๆ ชายหนุ่มหันมายิ้มให้
 
“ตื่นแล้วรึ หิวหรือเปล่าล่ะ”
 
ธีรเดชล้างมือ เช็ดมือเปียกๆกับกางเกงลายพรางเดินเข้ามาดูร่างที่ลืมตาขึ้น
 
“ตอนนี้ไก่ยังไม่สุข กินกล้วยไปก่อนนะ”
 
ดึงเครือกล้วยเข้ามาหาตัว ใบหน้ากิ่งไผ่บอกปฏิเสธ
 
“ไม่หิวหรือ”
 
ดวงตามองไปทางกระบอกน้ำ ชายหนุ่มก็เข้าใจ หยิบกระติกน้ำสีเขียวขึ้นมาประคองศีรษะเอาไว้ ปากอิ่มแนบกับกระติกน้ำ
 
“อีกไหม”
 
มือเขย่าน้ำค่อนกระติก คนดื่มส่ายหน้า ล้มตัวนอนต่อ ตอนนี้กิ่งไผ่รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงเลย ธีรเดชลุกขึ้น ชายหนุ่มนั่งมองเสี้ยวหน้าซ่อนใต้เสื้อลายพราง ดวงตาสีดำสุกใสมองควันไฟพวยพุ่งขึ้นบนท้องฟ้าอย่างเป็นห่วง
 
“มีอะไรหรือเปล่า?”
 
ชายหนุ่มมองดวงตาที่จ้องเขม็ง ธีรเดชขยับเข้ามาใกล้ๆเมื่อริมฝีปากของคนป่วยขยับช้าๆ
 
“Fire…”
 
กิ่งไผ่เปล่งเสียงสั้นๆ  ธีรเดชเลิกคิ้วอย่างแปลกใจปนกับความยินดีที่คนๆนี้พูดภาษาที่พอจะสื่อสารได้รู้เรื่อง
 
“ไม่ต้องห่วง...เอ่อ...อ่า...Don’t worry”
 
ชายหนุ่มไม่ถนัดพูดภาษาอังกฤษเลย...หากแต่ส่งภาษาไปกระท่อนกระแท่น
 
“ผมจัดการดีแล้ว ไม่เป็นไรหรอก”
 
ธีรเดชอยากจะถามอีกสักหลายๆคำถามแต่ร่างของกิ่งไผ่ก็หลับลง  ชายหนุ่มได้แต่นิ่งงัน เดินไปดูไก่ที่อบไว้ในกระบอก
 
กิ่งไผ่รู้สึกเสียใจที่ไม่น่าแสดงไปเลยว่าสามารถสื่อภาษากลางที่สามารถพูดกันรู้เรื่องได้ แต่ทว่าความไว้เนื้อเชื่อใจก็เป็นสิ่งที่ให้ตัดสินใจยอมพูดคุยกับนายทหารไทย ร่างโปร่งยันกายลุกขึ้น ธีรเดชที่กำลังนำกระบอกไก่อบออกจากกองไฟนั้นหันมายิ้มซื่อๆอีกครั้ง
 
“นอนไม่หลับรึ”
 
นายทหารหนุ่มทำท่าทางภาษาใบ้เก้ๆกังๆเพราะนึกคำพูดในหัวไม่ออก กิ่งไผ่มองก่อนจะตอบ
 
“No….and you?”
 
ธีรเดชโบกมือเป็นการให้คำตอบ ชายหนุ่มยิ้มแย้มก่อนจะเอ่ยประกอบ
 
“ไม่หรอก ผมว่าคุณนอนพักต่อดีกว่าไข้จะได้ลด หรือว่าหิวกัน?”
 
นายทหารหนุ่มยินดีที่ตัวเองจะไม่ได้อยู่เงียบๆตามที่เคยคิดไว้เมื่ออดีตแม่สาวกลิ่นเอื้องยอมเปิดใจคุยด้วย  ดวงตาดำขลับจ้องริมฝีปากขยับ
 
“hungry?”
 
ชายหนุ่มถามซ้ำหากก็ได้รับการปฏิเสธ จนคนถามอ่อนใจพร้อมกับนึกเดาว่าคนๆนี้ต้องการอะไร
 
“My name is Kingpai ...It’s meaning in your language”
 
กิ่งไผ่เอ่ยรัวเร็วจนธีรเดชอ้าปากค้าง
 
“อะ...เอ่อ...”
 
ไม่ทันได้ตอบอะไรกลับ ฝ่ายที่แนะนำตัวเองก็เงียบกริบ ปิดปากไม่ยอบพูดต่อทิ้งไว้ให้ธีรเดชบื้อใบ้อยู่คนเดียว นึกทึ่งเมื่อได้ยินภาษาสากลรัวเร็วเหมือนชำนาญเหลือเกิน
 
“Nice to meet you…”
 
ชายหนุ่มตอบกลับอย่างกระท่อนกระแท่น กำแพงขวางกั้นดูจะเบาบางลงบ้าง ดวงหน้าที่เปิดเผยว่าเชื่อมั่นเพียงครึ่งทำให้นายทหารหนุ่มจากไทยคลายใจ สายตาที่เฝ้ามองอบอุ่น
 
“นอนเถอะ...sleep”
 
สั่งเสียงนุ่มหู กิ่งไผ่ส่ายหน้าปฏิเสธเหมือนเคยทั้งๆที่เปลือกตาแทบจะปิดแล่มิปิดแล่
 
“คุณเป็นคนป่วย คุณต้องนอน”
 
นายทหารหนุ่มเอ่ยเป็นภาษาไทยด้วยน้ำเสียงแกมบังคับ ลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมกาย กิ่งไผ่จำต้องนอนอย่างว่างง่ายเพราะรู้ตัวดีว่าตอนนี้สุขภาพของตนไม่สู้อำนวยเท่าไรนัก พอล้มตัวนอนได้ ธีรเดชก็จัดการโหมไฟที่เริ่มราเชื้อจนลุกโชนสว่างยิ่งกว่าเดิม นั่งขัดสมาธิตบยุง ไล่แมลงบินตอมหน้าตอมตา ขอบตาดำคล้ำเพราะอดนอนกับเหนื่อยล้า ยกนิ้วคลึงกระบอกตาเบาๆก่อนลดลง เสียงลูกไฟแตกเปรี๊ยะปร๊ะ วันนี้ก็เป็นวันที่เปลี่ยนแปลงอีกขั้นหนึ่ง...วันพรุ่งนี้คงจะเป็นวันที่ดี ในเมื่อฝ่ายชายหนุ่มจากพงไพรไว้วางใจเขาแล้ว สักวันก็คงจะเล่าสิ่งที่ปกปิดให้ฟัง
 
“กิ่งไผ่รึ...ชื่อแปลกทีเดียว”
 
หลับตาลงนึกถึงลำต้นไผ่ตั้งตรงประดับด้วยกิ่งใบเรียวแหลม อดทน แม้จะเป็นชาวป่าเมืองเถื่อนแต่ก็พูดภาษาสากลคล่องทีเดียว ใครเป็นคนสอนพวกกองโจรนี่กัน? ชายหนุ่มคิดเรื่อยเปื่อยเมื่ออยู่ลำพัง จริงสิ...พม่าเคยตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษนี่นะ คงจะได้เรียนจากโรงเรียนหรือเปล่านะ? ชายหนุ่มมองผิวขาวเป็นสีเหลืองนวล ลำแขนเล็กๆที่โผล่ออกจากชายเสื้อคลุมกายราวกับไม่มีแรง ดวงหน้าที่งามเกินชายรับกับเรือนผมสลวย...สมกับเป็นนางไม้สถิตในลำนำป่าเขามากกว่าเป็นมนุษย์ พอมองแบบนี้แล้วก็คิดถึงต้นธาราขึ้นมาทันที ป่านนี้ธารจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ คงได้พบกับภานุแล้วกระมัง ดวงตายังจำภาพติดตรึงของคุณหมอผู้ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาคนที่ตัวเองรัก ชายหนุ่มอิจฉาผู้กองภานุและนึกโกรธเคือง มองเห็นขอบฟ้าแล้วนึกถึงหน้าฝน เป็นห่วงสุขภาพที่ต้นธารา หากได้แต่เฝ้าอธิฐานอยู่ในใจว่าให้หายป่วยโดยเร็ว มองดวงหน้าของกิ่งไผ่ แล้วเบือนหนี...คนที่เขาเคยรักเสมอมากลับตกไปอยู่ในมือของคนอื่น คิดแล้วเศร้าใจเหลือเกิน ชายหนุ่มซบหน้ากับเข่า...เขาคงจะซื่อบื้อเกินไปจริงๆ แทนที่จะรั้งต้นธาราเอาไว้และกันผู้กองภานุออกไปจากชีวิตต้นธาราเสีย เขาคงไม่เจ็บปวดแบบนี้
 
ชายหนุ่มกำมือแน่นกับคืนที่สายลมหนาวกระหน่ำ  กิ่งไผ่นั้นเฝ้ามองท่าทีของนายทหารหนุ่มจากไทย ไม่เข้าใจว่าทำไมดวงหน้าแกร่งจึงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด อยากเอ่ยถามก็ได้แต่นิ่ง คนที่เอ่ยอ่อนโยนอยู่ตลอดไม่น่าจะเป็นแบบนี้ กิ่งไผ่หันกายหนีไม่อยากมองเห็นความเจ็บช้ำ เฝ้าครุ่นคิดกับท่าทีอยู่เงียบๆก่อนลุกขึ้น พบร่างของนายทหารหนุ่มหลับสนิท กิ่งไผ่จึงลุกขึ้นวางเสื้อนอกคลุมให้ ถึงจะแกร่งหรืออดทนขนาดไหนแต่ก็เป็นมนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักร ร่างกายย่อมต้องล้าเป็นธรรมดา
 
 ธีรเดชนั้นถูกดึงให้นอนราบอยู่บนตักของร่างบาง...เขาก็เเค่ตอบแทนที่นายทหารจากไทยเคยให้ยืมตักแทนหมอน... สายตาสุกใสทอดมองไปในความมืดรอบกาย มือคว้าปืนแนบข้างกายเอาไว้อยู่ตลอดเวลา ทั่วทั้งป่าเงียบกริบ โชยกลิ่นอายความน่าสะพรึงกลัว กิ่งไผ่คุ้นเคยกับแถบนี้ดี จึงไม่พะวงมากนัก  มองท้องฟ้าไร้จันทร์กับควันไฟลอยกรุ่น หวังว่าพวกนั้นคงไม่เห็นควันไฟนะ กังวลใจกับฝ่ายของพวกทรยศว่าจะตามล่าเขาทัน
กิ่งไผ่คิดถึงบิดากับเจ้าขิ่น ตอนที่หลบหนีเขาแยกทางกับบิดาโดยให้เจ้าขิ่นดูแลท่านนายพลแห่งเวียงนวรัฐะ เขาใช้ตัวเองเป็นตัวล่อให้พวกทรยศไล่ตามจนหนีหัวซุกหัวซุนแล้วล้มหมดแรงอยู่ข้างลำธาร คิดถึงสีหน้าของเจ้ากฤษดาทีไร เขาก็นึกเดือดทุกครา มือกำปืนแน่น บีบจนเจ็บก็ยังไม่คลายแรง เคียดแค้นที่กองกำลังตัวเองต้องแตกพ่าย...สักวันที่เขาจะไปชิงคืนมา ดวงหน้าเชิดขึ้นพร้อมกับแววประกายกล้า...ดั่งดวงตะวันฉายเพลิงร้อนแรงไม่อาจหาสิ่งใดมาดับลงได้
 
-----------------------------------------------
 

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
เสียงเคาะบางสิ่งบางอย่างดังเบาๆเข้าหูของคนที่หลับสนิท ธีรเดชเงี่ยหูฟังก่อนลืมตาตื่น ชายหนุ่มตกใจที่พบกับแสงอาทิตย์จับขอบฟ้า มองหาร่างที่น่าจะหลับอยู่กลับพบนั่งอยู่หน้าเครือกล้วยป่าเครือใหญ่พร้อมกับมีดเคาะรังผึ้ง ธีรเดชมองหน้าคนป่วยที่เมื่อก่อนหน้านั้นลุกจากเตียงแทบไม่ได้ นายทหารหนุ่มลุกขึ้นอย่างงงงัน กิ่งไผ่ช้อนตามองด้วยใบหน้าเรียบเฉย นิ้วเรียวชี้มาทางผลไม้และรังผึ้ง พร้อมกับพยักเผยิดหน้าไปทางกระบอกไม้ไผ่อบไก่ป่าเย็นชืด เจ้าของดวงตาที่มองอย่างไม่เข้าใจนักเดินเข้ามาใกล้พร้อมทรุดนั่งลง
 
“มินกะลาบา ”
 
กิ่งไผ่ทักทายเป็นภาษาพม่าต่อท้ายด้วยการไอ ธีรเดชพูดอะไรไม่ออก
 
“คุณออกไปหามา?”
 
ชายหนุ่มถามเป็นภาษาใบ้ แรกๆกิ่งไผ่ก็เอียงคอ ท้ายที่สุดก็เข้าใจ ศีรษะได้รูปผงกตอบรับ
 
“อะซาอะซา”
 
กิ่งไผ่ว่าพร้อมชี้มือมายังของที่ตัวเองหามาได้ ธีรเดชเลิกคิ้ว
 
“หมายถึงกล้วย...Banana?หรือว่าHoney?”
 
ธีรเดชถามด้วยเสียงชื่อๆ กิ่งไผ่ยิ้มด้วยริมฝีปากแตกเป็นขุย
 
“Food”
 
นายทหารหัวเราะร่วนเมื่อได้ยินคำตอบ
 
“แล้วคุณกินยัง...Eat น่ะ”
 
กิ่งไผ่ผงกหัวตอบรับ ตอบเสร็จก็ลุกขึ้นด้วยอาการมึน ธีรเดชประคับประคองให้กลับไปยังที่นอน
 
“ไม่น่าออกแรงเลย เรื่องอาหารหรืออะซาอะซาอะไรของคุณให้ผมไปหาเองก็ได้แท้ๆ”
 
ธีรเดชเอ่ยปากพึมพัม คนที่อกแรงเยอะไปนั้นปิดจากลงทันทีที่หลังกระทบพื้นแข็งๆ อาการคลื่นเหียนก็ปรากฏ ธีรเดชเห็นแล้วก็นึกโทษตัวเองที่เผลอหลับไป
 
“ทานยาก่อนเถอะครับ” ชายหนุ่มส่งแผงยาที่เหลือไม่กี่เม็ดให้ กิ่งไผ่หอบหายใจแรง ปิดปากที่รู้สึกคลื่นไส้เอาไว้ ดวงตาลายมองเห็นเเต่ภาพหมุนติ้ว
 
“เสร็จแล้วก็นอนพัก คุณเป็นไข้หนักตั้งสองวันใครใช้ให้ออกแรงเยอะกัน”ธีรเดชเอ่ยตำหนิ คนที่ได้ยินน้ำเสียงนั้นทำหน้าจ๋อย
 
“ผมก็ไม่น่าหลับยามเลย มันน่าฆ่าทิ้งนัก”
 
ธีรเดชตำหนิตัวเอง ห่วงชีวิตคนป่วยมากกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก
 
“แต่ก็ขอบคุณที่อุตส่าห์ฝืนสังขารออกไปหาเสบียงมาให้...Thank”
 
ชายหนุ่มเอ่ยคำขอบคุณก่อนตรวจของที่กิ่งไผ่หามาได้ กิ่งไผ่ยิ้มน้อยๆกับคำขอบคุณ
 
------------------------------------------------
 
แสงไฟในห้องพยาบาลสว่างวาบ นายพลพิภพนั้นกำมือแน่นเพราะได้รับข่าวร้ายเกี่ยวกับอาการของบุตรชาย ท่านแทบหัวใจวายเมื่อเห็นร่างของลูกชายล้มสลบไสลไม่ได้สติ โชคดีที่พันเอกชาน เนนกับพันโทวันชัยช่วยเหลือ เรียกรถพยาบาลพร้อมกับปฐมพบาบาลเบื้องต้นให้ เลือดกำเดาไหลออกจากจมูก อาบหน้าขาวเป็นสีแดงเข้ม พอส่งเข้าโรงพยาบาลที่ต้นธาราเข้ารับการรักษา แพทย์จัดการช่วยเหลือคนไข้อย่างเร่งด่วน
 
“ท่านครับ...น่าจะพักสักหน่อยนะครับ”
 
พันโทวันชัยกล่าว ขณะรอคอยผล
 
“น่าสงสารนะครับที่บุตรชายของท่านนายพลป่วยด้วยโรคร้าย”
 
พันเอกชาน เนนเอ่ยกระซิบ
 
“ธารป่วยด้วยโรคลูคีเมียมานานแล้วแต่เขายังดื้อดึงไม่ยอมเข้ารับการรักษาเสียที”
 
ท่านนายพลว่า ชายหนุ่มต่างเชื้อชาติเงียบไป
 
“ต้องขอบใจคุณทั้งสองมาก เรื่องที่เคยพูดกันนั้นคงต้องขอผลัดเป็นวันพรุ่งนี้แทนเสียแล้ว”
 
ท่านนายพลเอ่ยอย่างกลุ้มใจเพราะเรื่องที่คุยกันนั้นเป็นถึงเรื่องใหญ่ระดับประเทศ พันโทชาน เนนผงกหัว
 
“งั้นเดี๋ยวผมจะแจ้งนัดอีกครั้งต้องขอบคุณในความร่วมมือของทางประเทศไทยด้วย”
 
นายพลชราจับมืออำลา พันโทวันชัยยืนตัวตรงหนีบหมวกไว้ข้างกายโค้งเล็กน้อยก่อนกล่าวลา
 
“ผมต้องขอตัวไปส่งพันเอกชาน เนนก่อนนะครับ ขอให้บุตรชายท่านนายพลปลอดภัย”
 
นายพลพิภพส่งบุคคลทั้งสอง แพทย์ออกมาจากห้องพยาบาลท่านนายพลก็ประกบตัวทันที
 
“อาการของธารคงไม่แย่ลงนะครับ?”
 
ท่านเอ่ยอย่างหวั่นๆ แพทย์ส่ายหน้า
 
“รีบให้คนป่วยเข้ารับการรักษาเคมีบำบัดเพื่อบรรเทาอาการเถอะครับ เพราะหากรอต่อไปชีวิตของคนป่วยอาจอยู่ได้เเค่หกสิบวัน”
 
ดวงตาชราภาพปิดลงอย่างเศร้าใจ
 
“ลูกชายผมไม่มีหวังเลยหรือครับ ก็ไหนหมอบอกว่าถ้าได้รับการเปลี่ยนถ่ายกระดูกแล้วจะช่วยได้ไงครับ”
 
คุณหมอดันขอบแว่นอย่างเคร่งเครียด
 
“ครับ...แต่ว่าคนป่วยรอมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว หากรอก็อาจจะสิ้นชีวิต ต้องบรรเทาอาการไปสักระยะจนกว่าจะหาไขกระดูกที่ตรงกับคนไข้ก่อนดีกว่า”
 
ทางแพทย์แนะนำ ท่านนายพลกำมือแน่น
 
“หากตัดสินใจได้ก็บอกหมอนะครับหมอจะได้จัดการให้”
 
 แพทย์เอ่ยก่อนจะให้ท่านนายพลไปดูบุตรชายที่นอนให้สายน้ำเกลืออยู่บนเตียง โดยมีป้าสมร้องห่มร้องไห้อยู่ข้างเตียงเมื่อคุณหนูที่เคยดูมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกล้มเจ็บ
 
“พิโถ่...หนูธาร จากนมไปนานก็มาล้มป่วยด้วยโรคร้ายอีก”
 
ท่านนายพลมองดูสาวใช้ที่อยู่รับใช้มานาน
 
“สม...ธารยังไม่ตื่นใช่ไหม?”
 
ป้าสมเงยหน้าขึ้น ก่อนตอบท่านนายพล
 
“ยังไม่ตื่นเจ้าค่ะท่าน เมื่อกี้หมอมาฉีดยาอะไรให้ไม่รู้เลยหลับนานแบบนี้แหละเจ้าค่ะ
 
”มือกร้านจับมือบุตรชายกุมเบาๆ ผิวกายเย็นเฉียบ ซีดเซียวราวกับซากศพ
 
“หนูธารมีสิทธิ์หายไหมเจ้าคะ?”
 
นางถาม ท่านนายพลผู้เป็นนายส่ายหน้า
 
“ก็ไม่รู้สิ แต่ถ้ารับบำบัดโดยสารเคมีก็มีสิทธิ์บรรเทาและมีสิทธิ์หายหรือไม่ก็...ตาย”
 
ดวงตาทุกข์ใจทอประกายออกมาหลังจากคำพูดประโยคนั้น ป้าสมมองเจ้านาย นางเห็นท่านเสียใจเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง...ครั้งหนึ่งตอนที่ภรรยาคู่ชีวิตสิ้นใจ อีกครั้งคือตอนทะเลาะกับบุตรชายอย่างรุนแรง...ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามที่ท่านเสียใจ
 
“ท่านน่าจะพักผ่อนสักนิดนะเจ้าคะ โหมงานมากแล้วยังมาเครียดกับคุณหนูอีก”
 
สายตาของนายพลพิภพมองบ่าวรับใช้
 
“ตัวฉันจะตายก็ช่าง แต่ธารจะต้องหาย...”ท่านว่า ป้าสมมองอย่างสงสาร
 
“แต่ท่านเจ้าคะ ท่ามาล้มป่วยไปอีกคน ก็น่าเป็นห่วง ท่านกลับไปพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวคุณหนู ป้าสมจะดูแลเอง”
 
ท่านนายพลชราต้องจำยอม
 
“จะเอาอะไรไหม ฉันจะได้กลับไปเอามาให้”
 
ป้าสมบอกต้องการของที่ต้องการ ท่านนายพลรับคำก่อนจะเดินออกไปจากห้องพักฟื้นของบุตรชาย เดินไปตามทางของโรงพยาบาล ท่านมองคนป่วยที่นั่งในรถเข็น คิดถึงวันที่เสียภรรยาคู่ใจ
 
“ฉันไม่อาจดูแลลูกชายเราได้ตามที่เธอหวัง...”
 
นายพลเอ่ยกระซิบในใจหวังว่าจะส่งผ่านไปถึงภรรยาที่อยู่สุดขอบฟ้าที่ไม่อาจเอื้อมถึง
 
“เจ้าธารมันจะข้ามสะพานไปหาเธอแล้ว จะทำอย่างไรดีที่จะยื้อชีวิตลูกเราได้”
 
ท่านนายพลทำใจให้เข้มแข็งแต่คำพูดของหมอก็ยังไม่จางหาย คงเหลือแต่ความสับสนที่ติดอยู่ในห้วงความคิดของนายพลชรา
 
------------------------------------------------
 
รู้ดี...ว่าทำทุกอย่างพังด้วยตัวเอง ภานุหลับตาลง วันนี้ชายหนุ่มนั่งมองท้องฟ้า อยู่ที่บ้านของตัวเอง คุณหมอมาริสาและใครๆต่างผลัดมาแวะเยี่ยมเยือนที่ได้ข่าวว่าชายหนุ่มรอดตายและหายจากอาการบาดเจ็บ ภานุรู้สึกดีใจและคลายจากความเศร้าโศกดีอยู่หรอก แต่พอได้อยู่โดดเดี่ยวก็คิดถึงคนที่ใจทอดทิ้งอยู่เรื่อยไป ดวงตามองหาใครสักคน...แหงนมองหา ครั้งหนึ่งเคยไม่มีเยื่อใย  มาบัดนี้กลับต้องจมอยู่กับความเสียใจและใจเฝ้ารอ ชายหนุ่มลุกขึ้นเพื่อผลัดเปลี่ยนผ้าพันแผล  หัวใจยังคงระทม นั่งจมจ่อกับความรู้สึกครั้งหลัง ปิดหน้าอย่างท้อๆ เพียงแค่ความเสียใจมันไม่อาจลบการกระทำทั้งหมดที่ก่อขึ้นมาได้ ภานุลุกขึ้นเข้านอนเร็วกว่าปกติ ทบทวนเรื่องราวต่างๆที่เกิดในกระท่อมหลังนี้....บ้านเก่าๆมุงด้วยหญ้าแฝก กลิ่นอายของดวงหน้าขาวซีด น้ำตาที่เคยไหลร่วงหล่น คำพูดที่ทำให้เจ็บช้ำจนดวงใจนั้นร้าวราน เขาไม่หวังจะตามขอโทษหรือขอคืนดี ตอนนี้เหลือเพียงหนทางไร้ซึ่งที่ไป...กับหมื่นหนทางขวางกั้น ไม่มีทางใดที่หัวใจจะประสานคืนกันได้อีกแล้ว
 
------------------------------------------------
ไปละ :oni1:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
ภาค2 นี้สนุกไม่แพ้ภาคแรก

ออฟไลน์ tsuyu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
หมอธารอย่าเป็นอะไรนะ  :serius2:

rain-at-rose

  • บุคคลทั่วไป
แวะเข้ามาทักทายเจ้าค่า  :m1:+ เป็นกำลังใจให้พี่พิม :L2: :L1:

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
ภาค2 มาแล้ววววว

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ชอบกิ่งไผ่จัง

หมอธารขอให้รักษาได้น้า :sad2:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
ยังคงเป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
บีบหัวใจกันเข้าไป

แงแง

คนแต่งใจร้ายยยยย

แงแง

คนโพสต์ใจร้ายกว่าาาาา เอาอารายมาให้อ่านก็ไม่รู้

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

อ่าครับผม รอวันได้สมหวังครับผม

ทั้งคู่พระเอกของเรา กับ ธี และกิ่งไผ่

รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆครับผม

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tsuyu

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
หมอธารอย่าเป็นอะไรไปนะ    :serius2:

rain-at-rose

  • บุคคลทั่วไป
แวะมาเป็นกำลังใจให้พี่พิมค่า  :กอด1:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

อ่าครับผม มารอครับ

ดันๆๆ เป็นกำลังใจให้ครับผม

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
มาต่อแล้วว  ขอโทษทีน้าที่ให้รอนาน   :L2:
ต่อเลยน้า  ขอบคุณทุกคนที่ติดตามความเศร้าเคล้าน้ำตา เอิ๊กๆ 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 เกียรติยศ  กบฏหัวใจ 3  Trust/ ไว้วางใจ
 
รอยยิ้มที่มอบให้เป็นรอยยิ้มที่บ่งบอกว่าเห็นถึงความไว้วางใจ วันที่ได้อยู่เคียงกันในคืนต่อๆมา ต่างฝ่ายต่างเปิดใจเข้าหากันยิ่งขึ้น ธีรเดชนั่งมองหน้าของกิ่งไผ่ซึ่งดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อน สีหน้าที่เคยซีดเซียว ริมฝีปากแตกที่เคยเป็นขุยชุ่มชื่นแวววาว ท่าทีของคลายความระแวงแคลงใจ ระหว่างนั่งล้อมวงทานอาหารอันประกอบด้วยเนื้อที่อีกฝ่ายออกไปหา สายตาของธีรเดชนั่นเฝ้ามองกิ่งไผ่อยู่บ่อยครั้งจนใบหน้าที่ซ่อนเบื้องหลังผมยาวสลวยนั่นจับได้ ดวงตาสีดำลึกลับจ้องใบหน้าหนุ่มไทยเขม็งราวกับจะถามว่าจ้องอะไรที่ใบหน้าตน
 
“เอ่อ...can you speak or listen Thai?”
 
ชายหนุ่มลองถามเพราะจำได้ตอนเจอกันครั้งเเรก...คนๆนี้ฟังภาษาไทยและพูดกับเขาได้กระท่อนกระเเท่น  กิ่งไผ่ทำหน้าฉงนฉงายแสร้งทำเป็นไก๋ว่าฟังไม่ออก ธีรเดชทอดถอนใจก่อนจะหันไปจัดการกับอาหารของตน กิ่งไผ่นั้นแม้ว่าอยากจะตอบไปว่าพอฟังออกบางคำและพูดได้บางประโยค แต่เขาจะไม่เเสดงออกอีกเป็นอันขาดว่าสามารถโต้ตอบรู้เรื่องได้บางประโยคเพราะต้องรอพิสูจน์ก่อนว่าชายคนนี้น่าไว้วางใจ พอทานอาหารเย็นเสร็จสายลมหนาวก็เริ่มพัดโชย กิ่งไผ่ห่อไหล่เข้าหากัน สายตาสีดำสนิทราวรัตติกาลมองเสี้ยวหน้าแกร่งที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นลืมตามองเขาที่นั่งขดตัว  ธีรเดชลุกขึ้นไปยังที่นอนจัดแจงให้อบอุ่น เดินเข้ามาชิดใกล้ก่อนดึงมือบางขึ้น
 
“คุณไปนอนที่นั้นซะ ”
 
สายตาของกิ่งไผ่มองที่นอนอันแสนอบอุ่นและใกล้กองไฟดูปลอดภัยที่สุดเขาก็สั่นหัว ธีรเดชนั่นยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
 
“นอนไปเถอะครับ คุณไม่สบายก็ควรพักผ่อนเยอะๆ” ว่าแล้วพลางดึงร่างบางให้ล้มลงบนที่นอน หากกิ่งไผ่ก็ขัดขืน ชี้มาบนที่นอนและธีรเดชคล้ายสั่งว่าให้ชายหนุ่มไปนอนแทนเสีย
 
“ไม่...นอนไปเถอะหรือว่าจะให้ผมนอนด้วยกับคุณ?”ชายหนุ่มว่า กิ่งไผ่ที่พอฟังออกนั้นซ่อนสีหน้าแดงฉานเอาไว้ ในเงามืด เขารู้ว่าไม่ควรเขินหรือรู้สึกแปลกๆแต่มันก็เก็บไว้ไม่อยู่
 
“คุณไปนอนเถอะ”
 
นายทหารหนุ่มจากไทยตัดบท ชายหนุ่มหันหลังนั่งริมขอนไม้หนา ที่ใช้สร้างเป็นอาณาเขตและกับดักเตือนภัย กิ่งไผ่มองร่างสูงที่ทำเหมือนกับไม่สนใจตัวเองได้แต่ล้มตัวทอดกายนอนอย่างไม่สบายใจเพราะที่ผ่านมาเขาเอาแต่พึ่งทหารหนุ่มจากไทยมาโดยตลอด ศีรษะซบกับเป้สนามที่ใช้ทำเป็นหมอนหนุนพร้อมกับผ้าห่มผืนบางคลุมทับกาย ขดตัวนอนเพราะต้องรักษาความร้อน โชคดีที่เปลวไฟจากกองไฟเล็กๆช่วยทำให้อบอุ่น คิดว่าจะหลับตาลงแล้วเชียวก็ไม่อาจข่มตานอนได้
 
“sleep here…”
 
กิ่งไผ่ชี้มายังที่นอนยังวางแต่ธีรเดชส่ายหัวก่อนจะกล่าวตอบ
 
“ไม่ล่ะครับ ผมจะอยู่เวร”
 
ธีรเดชตอบเป็นภาษาไทยพร้อมกับมือประกอบคำใบ้ กิ่งไผ่ส่ายหน้าเป็นทำนองว่าให้ผลัดกันแต่รอยยิ้มอ่อนโยนกลับปฏิเสธมันเสียหมด ธีรเดชนั่งเหม่อมมองท้องฟ้า กิ่งไผ่ไม่อาจดึงรั้งให้อีกฝ่ายพักผ่อนได้แต่มองอย่างห่วงใยเท่านั้น ยิ่งดึกน้ำค้างยิ่งลงแรง ธีรเดชเริ่มกระสับกระส่าย ชายหนุ่มพยายามฝืนเปลือกตาสุดฤทธิ์  หากก็อ้าปากหาวติดๆกันหลายครั้ง  มือสุมไม้แห้งให้ไฟคุกโชนแก้ง่วง ร่างกิ่งไผ่นั้นหลับสบายทำให้ชายหนุ่มอมยิ้มด้วยความสบายใจ เขยิบเข้ามาใก้ลๆกับที่นอนมองดวงหน้าอ่อนเยาว์...ธีรเดชไม่ทราบอายุที่แน่นอนของคนที่ชื่อว่ากิ่งไผ่เท่าไรนัก เส้นผมบางส่วนปิดคลุมใบหน้า ไม่รู้ว่าทำไมชายหนุ่มถึงชอบมองใบหน้าที่ซ่อนใต้เรือนผมนั่นนัก มันอาจทำเขาเขาระลึกถึงต้นธาราก็เป็นได้ คิดถึงคุณหมอธารทีไร ชายหนุ่มรู้สึกปวดใจเสียร่ำไป
 
“...”
 
กิ่งไผ่ลืมตาขึ้นมองร่างของธีรเดชที่เหม่อลอยอย่างสำรวจ..อีกแล้วกับสีหน้าเจ็บปวดราวกับโหยหาใครบางคน ชายหนุ่มลุกขึ้นทรุดนั่งใกล้ๆถือผ้าขาวม้าที่พกไว้ประจำยื่นให้ ธีรเดชเงยหน้ามองผ้าที่ถูกยื่นมาให้อย่างงงๆ กิ่งไผ่เห็นว่าชักช้านักจึงคลุมกายให้เสีย
 
“why you don’t sleep?”
 
กิ่งไผ่เอ่ยถาม คนที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษนักได้แต่ตอบๆสั้นๆปนภาษาแม่ของตัวเอง
 
“ผมไม่ง่วง”
 
แม้จะตอบไปแบบนั้นแต่ดวงตาคู่นั้นหรี่จนเกือบปิด กิ่งไผ่เห็นแล้วรู้สึกขบขันที่คนปากแข็งตอบไม่ตรงกับใจคิด
 
“If you want to sleep,you’ll go to bed”
 
กิ่งไผ่ว่าธีรเดชนั้นฟังไม่ทันเพราะสำนวนฝรั่งจ๋า เขาเกาหัว กิ่งไผ่จำต้องใช้ภาษาใบ้พุดคุยกับนายทหารหนุ่มที่กำลังตกในภาวะสะลึมสะลือธีรเดชก็ยังดึงดันไม่ยอมไปนอนตามคำบอกเสียที
 
“คิดจะไม่หลับไม่นอนแล้วให้ตัวเองล้มไปหรือไง...เอ๊ะ หรือว่าเขาไม่ไว้ใจเรา”
 
กิ่งไผ่คิดในใจ มองเสี้ยวหน้าอ่อนล้าอย่างเป็นห่วง
 
“your sure?”
 
กิ่งไผ่ย้ำยามชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม กิ่งไผ่ตัดใจลุกขึ้น  พอมองท่าทีอ่อนแรงแล้วต้องใจอ่อนคราวนี้ไม่พูดพร่ำทำเพลงชายหนุ่มดึงร่างสูงให้ลุกขึ้นบ้าง ธีรเดชร้องโวยวาย กิ่งไผ่ก็จัดการใช้มืออุดปากเสีย ทหารหนุ่มเงียบกริบเมื่อเห็นแววตาจริงจังฉายชัดในแววตากระจ่าง
 
“you should sleep”
 
ร่างโปร่งว่า ธีรเดชอ่อนล้าเกินกว่าจะขัดขืนสู้แรงของคนที่เพิ่งรื้อไข้
 
“ผมไม่...”
 
พอหลังกระทบพื้นเท่านั้นแหละชายหนุ่มกลับผล่อยหลับไปเสียดื้อๆ กิ่งไผ่ยิ้มอย่างโล่งใจ ร่างโปร่งเตรียมลุกขึ้นเข้าเวรยามแทน ทว่าศีรษะของหนุ่มทหารชาวไทยไม่รู้พาดตักตั้งแต่เมื่อไรจะขยับก็ขยับไปไหนไม่ได้  ได้แต่ให้ร่างใหญ่นอนทับกิ่งไผ่ทรุดนั่งมองเสี้ยวหน้าแกร่ง ก่อนยกมือแตะหน้าผากเห็นว่าระดับอุณหภูมิเป็นปกติจึงเบาใจ มือวางพาดประคองศีรษะให้นอนทับตักอย่างเรียบร้อย เหยียดขายาว พอทำแบบนี้แล้วรู้สึกอุ่นใจยิ่งนัก
 
“อือ...”เสียงครางแผ่วๆ ธีรเดชลืมตาตื่นขึ้นเห็นดวงหน้าของกิ่งไผ่เฝ้ามองเรียบเฉยตอนหลับใหล
 
“คุณ...”
 
ชายหนุ่มลุกพรวดออกจากตัก การได้นอนสักสิบ ยี่สิบนาทีทำให้ร่างกายที่อ่อนล้าคลายความปวดเมื่อย ชายหนุ่มมองรอยยิ้มที่อีกฝ่ายส่งให้ มันสวยงาม...จนเขาพูดไม่ออก ดวงตาและริมฝีปากช่างอ่อนโยนดุจดั่งดอกเอื้องกลิ่นหอม เป็นเอื้องผึ้งกลีบเหลือง ดูอ่อนโยนและพิสุทธิ์ปราศจากราคี ใจเต้นเบาๆอย่างไม่รู้สึก กิ่งไผ่มองอย่างสงสัย ธีรเดชพูดสิ่งที่อยู่ในใจไม่ถูก  ชายหนุ่มก้มหน้ามองพื้นงุด
 
 
“ผมดูแลคุณไม่ดีเลย...”ธีรเดชเอ่ยรำพึงกับตัวเอง กิ่งไผ่แตะหลังมือ
 
“คุณไม่ได้ดูแลไม่ดี...คุณอ่อนโยน”
 
กิ่งไผ่ตอบกลบเป็นภาษาไทยด้วยน้ำเสียงแปร่งๆหู ธีรเดชนั้นครั้งแรงที่ได้รับฟังชายหนุ่มก็ตื่นตะลึง
 
“คุณพูดไทย...ได้”ธีรเดชเอ่ยอย่างระแวง กิ่งไผ่ไม่รู้ว่าตัวเองทำพลาดไปหรือเปล่าเขาก็ยอมรับการตัดสินใจว่าชายคนนี้น่าไว้วางใจ
 
“พูดได้...ฟังออกนิดหน่อย”กิ่งไผ่ยอมรับสารภาพ ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันนิ่งด้วยสถานการณ์ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้วโดยที่ธีรเดชเองก็ไม่ได้เตรียมใจกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน...
 
------------------------------------------------

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ทำอย่างไรก็ไม่อาจเข้าใจ กับช่วงเวลาที่แสนเหงา ความรักที่ทนเก็บไว้กับความรู้สึกที่ปิดซ่อน เก็บเอาไว้อยู่ในความทรงจำอันแสนร้าวราน บางทีการลืมอาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา...คุณหมอต้นธารา...
 
เสียงหนังสือพิมพ์เปิดอ่านเบาๆ ร่างที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟาดูรางเลือน ต้นธารากระพริบตาถี่ๆก่อนจะเรียกเสียงแหบแห้ง
 
“ใคร...”
 
เงารางเลือนนั้นลุกขึ้นด้วยอาการดีอกดีใจ พร้อมกุมมือบางขาวซีดเอาไว้แน่น
 
“คุณหนูธารของสม..คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”ป้าสมคร่ำครวญ ต้นธารากระพริบตาถี่ๆ มองรอบกาย
 
“ผมอยู่ที่ไหน?”ต้นธาราพยายามเอ่ยถาม ป้าสมลูบไม้ลูบหลังมือคุณหนูผู้เป็นยอดขวัญของนาง
 
“คุณหนูอยู่โรงพยาบาลเจ้าค่ะ จำได้ไหมคะที่คุณหนูสลบไป”
 
ต้นธาราทบความความทรงจำด้วยความงุนงง ร่างอ่อนแรงพยายามลุกขึ้นพิงหมอน ป้าสมช่วยประคอง
 
“พ่อล่ะ” สายตาสอดส่ายหาบิดาอย่างสงสัย ความเบลอและความมึนนงงยังไม่เลือนหายไปจากสติ
 
“คุณท่านหรือเจ้าคะ วันนี้ท่านออกราชการค่ะ สั่งไว้ว่าถ้าคุณหนูตื่นก็อย่าให้ลุกหรือพูดคุยอะไรมากนัก”
 
เสียงทอดถอนใจออกมาจากต้นธารา ทรวงอกสะท้อนเบาๆ
 
“ทำไมละ”คิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ตัวเองจะล้มลงแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในใจก็ทำให้จิตใจหนักอึ้ง
 
“ป้าสมครับ...พ่อไปราชการด้วยเรื่องอะไรครับ”คนป่วยถามอย่างร้อนรน ป้าสมแม้จะรู้อยู่เต็มอกหากคุณท่านก็สั่งห้ามบอกธุระให้เเก่ต้นธาราทราบ
 
“ป้าสมว่าคุณหนูนอนพักอีกสักหน่อยนะเจ้าคะ จะได้หายป่วยเร็วๆ”
 
 ป้าสมว่าพลางดันร่างของต้นธาราลงบนเตียง คุณหมอธารปิดเปลือกตาอันแสนหนักอึ้ง คิดอะไรไม่ออกเสียแล้ว...ความอ่อนเพลียเกาะกุม ดวงตาสีน้ำตาลสะลึมสะลือเห็นภาพหลอนของผู้กองภานุยืนอยู่ข้างเตียง อารามดีใจและความเจ็บปวดจากส่วนลึกของความรู้สึกส่งผลให้เอื้อมมือไขว่คว้า
 
“ผู้กอง...”
 
ป้าสมหันมาเมื่อเห็นคุณหนูเพ้อ นางจับแขนอย่างอ่อนโยนก่อนเขย่าเบาๆ
 
“คุณหนู...คุณหนูเรียกหาใครเจ้าคะ”
 
ต้นธารากระพริบตา ความจริงแจ่มชัด ชายหนุ่มรุ้สึกถึงความเย็นชืดจากฝ่ามือของหญิงชรา
 
“ผมไม่เป็นอะไรครับ...แค่ละเมอ”ต้นธาราตอบแล้วเบือนหน้าหนี น้ำตาที่หลงเหลือจากความรู้สึกเมื่อครู่หลั่งริน
...สิ่งที่คุณเก็บไว้ในใจคืออะไรหรือ...กระซิบถามกับเรื่องราวบางส่วนที่ซุกซ่อนเอาไว้ สายตาสีน้ำตาลมองสายน้ำเกลือและร่างหญิงชรานั่งจัดพับผ้าให้เรียบร้อย
 
“ผมหลับไปกี่วันครับ”
 
ป้าสมเงยหน้าจากกองเสื้อผ้า แม่นมตอบคุณหนูด้วยรอยยิ้ม
 
“คุณหนูธารเพิ่งหลับไปคืนหนึ่งเต็มๆเองค่ะ ”
 
...หลับไปแค่คืนเดียว ทำไมถึงรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปนานนักนะ?...
 
เสี้ยวหน้าซีดเซียวมองออกไปยังหน้าต่าง ความรักและคำถามที่คั่งคาอยู่เต็มอก มันกลับถูกทิ้งไปอย่างง่ายดายด้วยคนไร้หัวใจ แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วละเพราะต้นธาราไม่อยากคาดหวังอะไรอีกแล้วนับตั้งแต่ก้าวออกมาจากสถานที่แสนหวานอวลด้วยใจที่เจ็บปวด
 
“อยากทานอะไรไหมคะ ป้าสมจะไปแจ้งทางโรงพยาบาลให้”
 
ต้นธาราส่ายหน้า เขาไม่อยากทานอะไรทั้งนั้น เมื่อคิดถึงคนที่ทำให้เจ็บแปลบยิ่งกว่าคมมีดกรีดเฉือน
 
“แล้วพ่อไปราชการนานหรือยังครับ เมื่อไรท่านจะกลับผมอยากกลับไปนอนบ้านเต็มแก่แล้ว”
 
ชายหนุ่มบ่นยาวเหยียด ป้าสมเอาแต่ยิ้มปลอบ
 
“คุณหนูกำลังป่วยด้วยโรคร้ายแรงนะเจ้าคะ อยู่รักษาที่นี่ดีกว่า สมเองจะได้เลิกนิสัยขี้เป็นห่วงเสียที”
 
รอยยิ้มสดใสของหญิงชราลงผลให้ต้นธาราใจอ่อนลงบ้าง
 
“ผมจะรอรักษาจนกว่าพ่อจะมา”
 
อย่างไรเสียป้าสมรู้ดีว่านายน้อยของนางต้องดื้อดึงอยู่แล้ว 
 
“ท่านไปราชการอีกนานกลับ คุณหนูพักที่นี่เถอะ สมจะได้ไว้วางใจตอนโรคกำเริบ อิฉันมันก็แก่แล้ว”
 
ต้นธาราที่ได้รับฟังนอนนิ่งอย่างขัดใจ
 
“แล้วผมจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน?”
 
ชายหนุ่มไม่ยอมแพ้ ป้าสมก็ทำเฉยเสียด้วยการหันไปพับผ้าต่อ  ต้นธาราได้แต่ขัดใจ
 
...เขาไม่อยากนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ถึงจะตายด้วยโรคร้าย เขาก็อยากกลับไปที่บ้าน ...ต้นธาราคิดอย่างโมโหตัวเองอยู่ตลอด ที่ทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
 
“คุณหนูนอนพักอีกนะคะ”
 
เสียงแม่ป้าสมเตือนอย่างเข้มงวด เปลือกตาบางจึงหลับไปแบบส่งๆด้วยความรำคาญ พอคล้อยหลังป้าสม  ภายในห้องก็เต็มไปด้วยความเงียบสงัด  ป้าสมออกไปติดต่อกับพวกหมอและพยาบาลเวรกลางคืน  พออยู่คนเดียวความทรงจำมันก็ย้อนไปถึงอดีตที่ไม่อยากจำ...เขารู้แล้วล่ะว่า...อะไรสำคัญสำหรับผู้กองภานุจริงๆ...สิ่งสำคัญสิ่งนั้นไม่ใช่ตัวเขา หากแต่เป็นผู้กองนาคี...เฝ้าทบทวนถึงเหตุผลที่ได้กระทำ ภาพถ่ายคู่ที่เก็บซ่อนไว้ในไดอารี่....ความจริงที่ได้รับรู้มันทำให้ตัวเองรู้สึกเป็นคนน่าสมเพช... ทุกการกระทำมันทำให้เขาหลงยึดติดกับความเจ็บปวด คิดว่าตัวเองสำคัญเมื่อได้รับไออุ่น ได้รับรอยยิ้ม ทั้งที่รู้ว่าตัวเองไม่มีความหมายสำหรับคนๆนั้นแม้สักเศษเสี้ยวแต่เขาก็ยังหยุดหัวใจให้ผู้กองภานุ  เชื่อมกายเอาไว้ด้วยตัณหา ส่วนหัวใจเกี่ยวพันด้วยความชิงชัง ที่ยอมให้ทั้งกายเเละใจแก่ผู้ชายไร้หัวใจคนนั้นเพราะเเค่หวัง...สักวันที่ผู้กองภานุจะหันมอง สุดท้ายก็เเค่ความรู้สึกหลอกตัวเองเท่านั้น อยากลืมมันมากเท่าไรก็ไม่อาจทำได้ลง ทั้งท้อใจและเหนื่อยกาย คิดลืมห้วงเวลาแห่งความปวดร้าวหากหัวใจกลับตัดใจไม่ลง เวลาที่ผ่านพ้นกับคืนวันที่เคยอยู่เคียงข้าง แอบอิงเเนบชิด มันทำให้หัวใจดวงนี้อบอุ่นเพียงไร มันกลับไม่สำคัญต่อผู้ชายไร้หัวใจคนนั้น ยิ่งย้อนนึกถึงจุดเริ่มต้นมากเท่าไรก็ยิ่งทำให้ปวดร้าวหัวใจเพราะท้ายที่สุดแล้ว ความผิดที่ทำให้ผู้กองนาคีตายก็ไม่อาจลบเลือนไปจากใจผู้กองภานุเลย  คุณหมอต้นธารามองความมืดมิด  ดวงตาพร่ามัวไปด้วยหยดน้ำตา สิ้นหวังกับความรักที่ทำให้หัวใจเเหลกยับไปทั้งดวง
 
------------------------------------------------

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
สงสารหมอธารรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

สงสารจังเลยครับ

เมื่อไร่จะสมหวังกันซะที

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
มาให้กำลังใจ พิมคนฉวย กะนู๋เรนคนดี  :m1: :m1:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
กราซิก เศร้ามากมายยยยยย

ฮือฮือ

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
ยังคงเป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด