ห้วงรักเสน่หา + เกียรติยศ กบฏหัวใจ โดย Rain-at-Rose
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ห้วงรักเสน่หา + เกียรติยศ กบฏหัวใจ โดย Rain-at-Rose  (อ่าน 293172 ครั้ง)

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
 :m20:  :m20:  :m20:  :m20:  :m20:

แค่นี้ทำมาหลอน  เดี๋ยวๆๆๆ รอเจอเวอร์ชั่นสอง 555+
จะหลอนหนักกว่านี้อีก  เห็นมะ ร้อยวันพันปีไม่เคยมีลายเซนต์ 
ในที่สุดก็มี อิอิ   หลอนนนนนนนนนนนนนนนนนได้ใจมะ 

หนึ่งโอ่งสามใบเถา  ส่วนแป๋วเจ้าเก่าเฉาก๊วยทอด
หนึ่งโอ่งสามใบเถา  ส่วนแป๋วเจ้าเก่าเฉาก๊วยทอด
หนึ่งโอ่งสามใบเถา  ส่วนแป๋วเจ้าเก่าเฉาก๊วยทอด

 :jul3:  :jul3:  :jul3:

ปล  พวกแกบ้าเท่ซู๊ดดดดดดด  นิยายกำลังเศร้าแอนตึงเครียดนะเว้ยย   :impress3:
 

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ก็นิยายมันเศร้านิ ก็ต้องหาไรคลายเครียดดิ  :laugh: หรือบ้าเพราะนิยายเครียดไปเนี่ย  :z3: :z3:

แต่ยังมีคนบ้ากว่าเรานะ ฝาโอ่งงัย บ้าซีขนาด  :m20:

ออฟไลน์ Ferfa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-2
 o18มา  :m20: ได้ไหมอะ

ออฟไลน์ RN

  • Global Moderator
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1650/-14
แอร๊ยยยยยยยยย  :beat:

เศร้าได้อีกกกกกก  :o12:

ปล. หนึ่งตุ่มสามโคก เสี่ยงโชคเจอพิมพ์ลอยน้ำมา
       หนึ่งตุ่มสามโคก เสี่ยงโชคเจอพิมพ์ลอยน้ำมา


ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
 :L1:Happy New Year 2009 :L1:
ยังคงติดตามเป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ

nartch

  • บุคคลทั่วไป
โอ้วววววว ไหง๋มันกลายเป็นงี้ไปได้...
น่าสงสารทุกคนเลยวุ้ย  :serius2:

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


เอาหมอธารไปไมเน้

โฮฮฮฮฮฮ

สงสารใครดี

------------------------------


อ้างถึง
19NT  คุณน้องขี้เมา ปีใหม่นี้ไปเมาที่ไหนป่าวเนี่ย เอิ๊กส์สสสส  หมอธารเหมือนจะดีเนอะ  อ่านกันต่อไปจ้า

กท. นี่แหละค่ะ ไม่เมาแสดงว่าตัวปลอม  55

pupper

  • บุคคลทั่วไป
และแล้วเราก็มีความสุขได้ไม่นานเท่าไหร่
แล้วต่อไปมันจะเกิดอะไรขึ้นอีก กดดันกัน
อีกแล้ว ธารก็ยังไม่หายดี แล้วงานนี้ภาณุ
จะไม่คลั่งเลยเหรอ แก้วตาดวงใจทั้งดวง
ถูกเอาตัวไปเป็นตัวประกันทางการเมือง
แล้วธีรเดชก็อีก ห่วงก็ห่วงเขามาตลอด
ทำไมยังคิดไม่ได้อีก จนตอนนี้จวนเจียน
จะต้องเสียความรักไปแล้วก็ยังไม่รู้ตัว
ยังตอบคำถามของหัวใจตังเองไม่ดี
ยังยึดติดกับความรักที่ไม่มีวันเป็นจริง
เฮ้อ ! กดดัน อีกแล้ว เครียดๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Poes  ป้าตุ๋มสามโคก จะดูซิว่าคราวนี้จะมาจิ้มได้ไวอีกป่าว 555+ ไอ้พวกจิ้มตรูดชาวบ้าน   :z13:
RN  ป้าแป๋ว แกจะเสี่ยงโชคลอยน้ำไปไหน  หาคำได้คล้องจองกันได้น้อ  เริ่ดค้า
Ferfa  คุณน้องนานๆโผล่มาที  อิอิ  ขอบคุณที่ขำเด้อ
ken_krub  แฮปปี้นิวเยียร์ด้วยน้าคุณเคน เชื่อมะ บางครั้งเราแอบสงสัยว่าคุณเคนอ่านอ่ะป่าว 55+ แต่เราเชื่อว่าคุณเคนอ่านนะ สังเกตุเอาจากทู้ไหนไม่มีข้อความให้กำลังใจจากคุณเคนแปลว่ากระทู้นั้นไม่ได้อ่าน ขอบคุณนะ
nartch นารทเท่ร้ากกก  หายไปนาน เรื่องนี้น่าสงสารกันทุกคนจริงๆ ด้วยอ่ะ อะไรจะขนาดนั้นเนอะ เฮ้อ
19NT  อ่านต่อเลยว่าเอาหมอธารไปไหน  สงสารธารก็น่าสงสาร แต่กิ่งไผ่ก็น่าสงสารเหมือนกันนะน้องตาล แงแง
pupper  รักน้อง pupper จริงๆ เม้นต์ได้ยาวสมใจพี่มากๆ  เริ่ดๆๆ ใกล้จบแล้วน้า แต่ละคนก็มีปมกันไปคนละแบบเนอะ

อ่านต่อเลยค้าบบ  :กอด1:

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เกียรติยศ กบฏหัวใจ 38 Timeless / ทรยศ (PART 2)

สายตาสีน้ำตาลมองดูท้องฟ้าใกล้สาง สีน้ำเงินจางๆตัดขอบฟ้าที่ทอสีดำ สายลมหนาวโชยต้องร่างให้สั่นทะท้าน จนต้องห่อไหล่เข้าหากัน เหลือบมองผู้ที่หลับสนิทไม่สะทกสะท้านกับสายลมหนาว ต้นธาราหดกายให้เล็กลง ถึงแม้ว่าจะง่วงแต่เพราะยุงและความหนาวเหน็บทำให้ไม่อาจข่มตาหลับ ดวงหน้าที่อิดโรยยิ่งเผือดซีด วงแขนกอดรัดตัวเองเพื่อเพิ่มความอบอุ่น ทว่าลมหนาวยังพัดผ่านผิวราวกับจะกรีด ดูท่าเสียงขยับตัวคงจะปลุกให้ใบหน้าเยียบ
เย็นตื่นขึ้น มองดูร่างสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม

“ไม่หนาวหรือ?”ต้นธาราตัดสินใจถาม เขาทนหนาวมาทั้งคืน นอนแทบไม่หลับ ปวดเมื่อตัวไปหมดผิดกับคนที่จับเขามาซึ่งนอนหลับได้อย่างสบาย

“ไม่...”คำตอบเย็นชา สายตาเหลือบดูฟ้า ลุกขึ้นบิดกาย

ต้นธาราหนาวจนไม่อาจขยับตัว เขาคิดว่าคงจะแข็งตายไปทั้งสภาพแบบนี้แต่ก็ยังทนมาจนถึงรุ่งสาง

“ต้องขอโทษคุณหมอที่ไม่อาจก่อไฟให้ได้ ทนหนาวสักคืนคงไม่ตาย”

คำพูดที่แฝงนัยประชด ต้นธาราสะดุ้งเลยทีเดียวเมื่อได้ฟัง เขาอยากจะพูดอะไรสักอย่างกับกิ่งไผ่ ทว่าไม่มีเสียงใดๆหลุดไปเลย สายตาสีดำมองท้องฟ้ากะเกณฑ์เวลาอยู่ในใจ

“ลุกไม่ไหวหรือ?”

หันมองผู้ที่ยังนั่งทื่อ ต้นธาราลุกขึ้น รู้สึกเหน็บชาไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว

“จะพาไปไหนกันแน่?”

มองหนทางที่มีแต่ป่ากับป่า ในใจหวาดหวั่นยิ่งนักเมื่อถูกพาเดินเข้าไปในป่าลึกโดยที่ไม่มีอะไรจำเป็นในการดำรงชีพติดตัวมา

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกคุณหมอ รับรองว่าผมจะไม่พาคุณไปตายแน่ๆ”

คำว่าตายช่างเอ่ยออกจากริมฝีปากของกิ่งไผ่ง่ายดาย ต้นธารากลืนน้ำลายลงคอ

“ทำไมถึงดูไม่หวั่นเกรงกับความตายล่ะ?”ถามอย่างสงสัย

กิ่งไผ่แสยะยิ้มจนต้นธารามองแล้วเกรงในรอยยิ้มนั่น“ผมผ่านช่วงเวลานั้นมาจนชาชิน มองดูคนอื่นตาย ทุกอย่างสูญสิ้น สิ่งที่ผมทำก็ทำเพื่อตัวเองและเพื่อครอบครัวที่ผมรักเท่านั้น!ความตายก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย”

“เพื่อตัวเองและเพื่อครอบครัวงั้นรึ....”

กิ่งไผ่ผงกศีรษะช้าๆ แววตาสีดำหม่นลง ต้นธาราเขยิบเข้ามาใกล้ร่างของกิ่งไผ่ สายตาสีดำสนิทมองอย่างระแวดระวัง

“ดูท่าคุณมีเรื่องให้แบกรับเยอะสินะครับ?”

ไร้ซึ่งคำตอบ กิ่งไผ่เดินหนีเสีย ปล่อยให้ต้นธาราเดินตาม คุณหมอไม่เข้าใจในตัวของคนที่จับตนมา แม้ว่าตัวเองจะอยู่ในฐานะเชลยก็ตามแต่ก็ไม่ได้บังคับหรือเข้มงวด อาจจะคิดว่าเขาคงไม่มีปัญญาที่จะหวนกลับละมั้ง

“เราจะไปที่ไหน? คุณคิดจะเอาผมไปเป็นตัวประกันเพื่ออะไร? หากไม่เป็นอย่างที่คาดล่ะ?”

กิ่งไผ่หันมองคนที่พูดกล่อมตน ไม่รับฟังคำใดๆทั้งสิ้น เขายึดในความคิดของตัวเอง แม้ว่ามันจะล้มเหลวก็ตาม

“ผมรู้ว่าทางฝั่งไทยต้องตามมาแน่นอน”

ต้นธาราก็อับจนปัญญา เดินตามเงียบๆ รู้สึกคอแห้งผากได้แต่อดทนเท่านั้น

“คุณหมออาจจะเหนื่อย แต่เดินอีกสักสองชั่วโมงก็จะได้พัก”

ได้ฟังคำๆนั้นต้นธาราโล่งใจ เขาอดทนแม้จะเหน็บเหนื่อย เดินไปหอบไป แสงอาทิตย์ค่อยๆฉายจับฟ้า อรุณใหม่มาเยือน ต้นธาราอยากจะทรุดนั่ง แต่ในใจก็บอกให้ทน มองคนที่เดินนำเหมือนไม่มีความเหน็ดเหนื่อย ต้นธาราไม่อาจเห็นเหงื่อโทรมหน้าคนเดินนำ ทั้งคู่เดินไปถึงริมธารที่ไหลเอื่อยๆ กิ่งไผ่พยักเผยิบให้ต้นธาราไปล้างหน้าพักผ่อนเสีย ส่วนตัวองทรุดอิงรากไม้ ..ที่ผ่านมาไม่เคยมีความเหนื่อย อ่อนเพลียเช่นนี้เลย ทอดมองคนที่กวักน้ำล้างหน้าและดื่มอย่างกระหาย กิ่งไผ่จึงลุกไปดื่มบ้าง

“เวียงนวรัฐะอยู่ไกลไหม?”

“ไกล...แต่เราจะไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งก่อน ที่นั่นจะเชื่อมไปถึงเวียงนวรัฐะได้สะดวก พ้นจากเขตป่านี้ก็เป็นถนน เราจะออกไปยังทิศทางนั้น”กิ่งไผ่อธิบายช้าๆในระหว่างที่กวักน้ำขึ้นมา

“แล้วพวกด่านตรวจล่ะไม่กลัวรึ?”ต้นธาราถาม

กิ่งไผ่ยิ้มน้อยๆ“ไม่...ทางฝ่ายไทยคงคิดว่าเราหลบหนีในป่า แต่ก็เอาแน่เอานอนไม่ได้ บางทีแผนผมอาจถูกมองออก”

สายตาสีดำสนิทก้มมองแหวนที่ประดับอยู่บนนิ้ว ต้นธาราสังเกตเห็นสายตาคู่นั้นจึงเลี่ยงข้อมือให้พ้นจากสายตา กิ่งไผ่ไม่พูดอะไร ลุกขึ้น พร้อมอออกคำสั่ง

“เราต้องออกเดินทางก่อนค่ำนี้ไม่งั้นลำบาก”

กิ่งไผ่กล่าว เดินลุยป่าต่อเหมือนไม่เหน็ดเหนื่อย ต้นธาราเดินตามห่างๆ สภาพป่าเริ่มจะโปร่งขึ้น แสงแดดแผดแรงกล้า เหงื่อชุ่มจนเหนียวเหนอะไปหมด เดินมากี่ชั่วโมงแล้วไม่รุ้เลย สองขาได้แต่ทำตามตามสมองสั่ง จวนเจียนจะล้มหลายครั้ง ได้แต่ทน...ทนเพียงคำเดียว ฝ่ายกิ่งไผ่ที่เร่งฝีเท้าไม่สนใจคนเบื้องหลังว่าจะเป็นตายร้ายดีเช่นไร ใจสั่งให้ออกไปจากป่าโดยเร็วเท่านั้น

“อีกไม่ไกลก็จะออกไปได้แล้ว”

กิ่งไผ่หันมาบอก มองใบหน้าเผือดไร้สีเลือดทรุดนั่งลง เหงื่อไหลท่วมใบหน้า กลีบปากบางสั่นระริกคล้ายกับจะหอบเอาอากาศเข้าไปไม่ทัน

“คุณหมอ...”กิ่งไผ่เรียก

ต้นธารารู้สึกวิงเวียน อยากอาเจียน กำมือแน่นคล้ายกับจะฝืนอาการทั้งหมด ส่ายหน้าไปมา ดวงตาพร่าพรายมองแหวนสีทองสะท้อนเข้าดวงตา

“ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไร”ต้นธาราฝืนลุกขึ้นโดยการพยุงของกิ่งไผ่

“แน่ใจนะ?”

แม้ว่าจะรีบร้อนสักเพียงไหน อาการของตัวประกันต้องใส่ใจ หากตายตอนนี้ทุกอย่างก็จบสิ้น ต้นธาราผงกหัวให้คำมั่นใจ กิ่งไผ่เห็นดังนั้นจึงปล่อยให้ต้นธาราเดินต่อเอง ถึงแม้ว่าจะช้าไปบ้าง

สิ่งที่ยึดเหนี่ยวในใจของต้นธาราคือการกลับไปหาผู้เป็นที่รัก ไม่อยากให้เสียใจ ไม่อยากให้โกรธเคืองผู้ที่นำตัวเองมา ด้วยล่วงรู้ว่ามันคงมีความนัยซ่อนอยู่ในการจับเป็นตัวประกัน เขาฝืนทนอาการทั้งหมดจนกระทั่งไปถึงถนนจึงทรุดยังพื้นลาดยางมะตอย มองถนนว่างเปล่า กิ่งไผ่เก็บปืนซ่อนไว้ มองดูรถที่จะผ่านมา เขาเฝ้ามองคนใบหน้าซีดนั่งหมดแรงเหลียวมองดุป่าที่จากมา ถอนใจน้อยๆ

“นั่น...คงช่วยเราได้”

กิ่งไผ่โบกรถ ก่อนเข้าไปเจรจายังรถที่จอดรับ เป็นรถขนส่งผักไปยังตลาดของพวกชาวเขา กิ่งไผ่เจรจาอยู่นาน เขาหันมองต้นธาราที่นั่งหน้าซีดกุมอดไว้ สีหน้าร้อนรนใจ ภาษาชาวเขาดูคล่องปรื๋อ ก่อนจะเข้ามาประคองร่างที่อ่อนแรง

“เก่งนะที่พูดให้เขายอมได้”คุณหมอเอ่ยชมทำนองแดกดันอย่างระโหย

“ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคุณด้วย”กิ่งไผ่ตอบกลับหน้าตาย

“จะไปไหนล่ะ?”

เอ่ยกระซิบถามเบาๆหลังจากขึ้นรถ เขามองดูชายแก่ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับ ต้นธารายิ้มให้ ชายแก่หันมายิ้มเห็นเหงือกคล้ำแดง

“แม่ฮ่องสอน”


ต้นธาราถามด้วยความตกใจ “จะไปได้ไง?”

เดาความคิดของคนๆนี้ไม่ออกเลย มองดูด้านนอกรถ ชายแก่ขับไม่เร็วนัก กิ่งไผ่คุยกับตาแก่ด้วยภาษาชาวเขาซึ่งต้นธาราก็ฟังไม่ออก

“หลับไปก่อนเถอะ”กิ่งไผ่หันมาบอกเสียงอ่อน

ต้นธารามองใบหน้าขรึม เขาไม่กล้าหลับเลยเมื่อเห็นสายตาราวกับมีบางอย่างในใจ เขากุมมือตัวเองไว้แน่น

“กลัวว่าแหวนจะหายรึ ไม่ต้องห่วงไปหรอก”

ต้นธาราได้ฟังก็สะดุ้งโหยง ไม่กล้าที่จะหลับแต่ว่าความอ่อนเพลียทำให้เปลือกตาบางค่อยๆปิด

------------------------------------------------

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร พอต้นธาราลืมตาตื่นสิ่งที่เขาสำรวจดูก็คือแหวน พบว่ามันยังอยู่ดีอยู่จึงโล่งใจ เขามองกิ่งไผ่ที่เผลองีบหลับ มองชายชราที่ชี้มือโบ๊เบ๊บอกต้นธาราด้วยภาษาชาวเขาซึ่งคุณหมอได้แต่งุนงง พอเห็นป้ายบอกว่าเป็นเขตแม่ฮ่องสอนก็เข้าใจจึงเขย่าตัวของกิ่งไผ่ขึ้น ดวงตาสีดำตื่นจากนิททรา กิ่งไผ่ลงจากรถ เขามองต้นธาราก่อนจะหยิบเงินให้ ฝ่ายต้นธารามองสงสัยว่าอีกฝ่ายจัดการหาเงินมาได้อย่างไร พอชายแก่รับเงินเสร็จก็รีบขับรถตีกลับ กิ่งไผ่จึงหันมาเอ่ยกับต้นธารา

“ผมเอามาจากบ้านพักของคุณเองแหละ คงไม่คิดว่าผมออกมาตัวเปล่าหรอกนะ”

ต้นธาราไม่พุดอะไร เขามองดูคนที่พาเดินอีกแล้ว ไม่มีความเหน็ดเหนื่อยให้เห็นเหมือนเคย กิ่งไผ่ก็พาต้นธาราลัดเลาะมายังบ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง

“เราจะพักที่นี่สักคืนก่อนออกเดินทางไปยังเขตชายแดน”กิ่งไผ่เอ่ย หยุดอยู่หน้าประตูบ้านหลังเล็ก มองดูมันแล้วหวนคิดถึงอดีตที่เคยอยู่กับธีรเดช

“บ้านใคร?”

ต้นธาราสงสัย ฝ่ายกิ่งไผ่ไม่ตอบอะไร เขาสั่งให้ต้นธาราอยู่ที่นี่ก่อนจะหายไปไม่นานนัก มาพร้อมกับชายร่างเล็ก
ยื่นกุญแจให้

“รบกวนนายจันอีกแล้ว”

“การที่ได้ช่วยนายกิ่งไผ่ผมดีใจ เออ จริงสิครับนายกิ่งไผ่รู้ยังครับว่าท่านนายพลถูกจับตัวไป”

กิ่งไผ่ผงกหัว นายจันมองดูเสี้ยวหน้าสะสมความเครียดเคร่งก่อนวัยอันควร

“แล้วนายกิ่งไผ่ถูกปล่อยมาหรือครับ”นายจันเอ่ยถามอย่างงุนงง

“เปล่า...หนีมาน่ะ ช่วยเก็บข่าวให้ดี ฉันไม่ทำให้นายจันเดือดร้อนหรอก”

กิ่งไผ่เอ่ยเมื่อเห็นแววตาตกใจของนายจัน

“ครับ...ครับได้ครับ”

กิ่งไผ่ไขกุญแจเข้าไปในบ้านหลังเล็ก บอกให้ต้นธาราที่ยืนนิ่งตามมา สายตาสีน้ำตาลสำรวจดูบ้านอย่างงุนงง

“คุณหมอคุณมีโอกาสพักสบายๆก็แค่คืนนี้ เชิญพักก่อนเถอะ พักบ้านหลังนี้ไม่ต้องห่วงหรอก”เสียงบอกติดจะห้วนๆ

ต้นธาราจำต้องนั่งลง เขามองดูนอกหน้าต่าง ก่อนไพล่มองร่างที่ล้มตัวนอนหลับเหมือนหลับสนิท ต้นธาราจึงเอนหลังพิงปลายเตียง เขาคิดจะหนีแต่พอลุกขึ้นพบสายตาเย็นชาและคำพูดข่มขู่

“ถ้าไม่จำเป็นผมก็ไม่อยากยิง คุณหมออยู่เงียบๆเถอะ!”

ต้นธาราจำต้องทรุดนั่งลง เกิดความเงียบเมื่ออีกฝ่ายหลับไปโดยที่ยังมีปืนข้างกาย หากขู่และก็พูดถึงขนาดนั้นแสดงว่าคงเอาจริง เขาจึงนอนเก็บเอาแรงเสียดีกว่า พอหลับก็รู้สึกระบมขาไปหมด ต้องตื่นขึ้นมานวดให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย รู้ว่ามันต้องเกิดจากการเดินทางไกล ต้นธาราเหม่อฟังเสียงลมหายใจสงบของอีกฝ่าย ชายหนุ่มลูบแหวนสีทองสัมผัสเย็นชืดติดข้อนิ้วให้ความรู้สึกโหยหาคนเคียงข้าง รู้สึกอ้างว้าง ต้นธาราถอนใจ เขาขยับกาย ผ่านมาคืนหนึ่งแล้วทางนั้นจะเป็นเช่นไรนะ คุณหมอลุกขึ้น เขากระหายน้ำ เดินหาน้ำพบกับตุ่มใบเล็กๆวางไว้บนชั้นเตี้ยๆ ภายในนั้นบรรจุน้ำฝนเย็นชื่นใจ คุณหมอดื่มน้ำแล้วคิดถึงเรื่องสำคัญได้

...ยาที่ต้องกิน หมอประจำที่ต้องไปพบ...

แววตาสีน้ำตาลเปี่ยมด้วยความกังวล อีกครา มองไปยังคนที่หลีบอยู่ คิดจะหนีพอขยับกายก็เหมือนกับจะรู้ว่าเขาจะหนี ไม่อาจทำอะไรไปได้มากกว่านั้น กอดเข่าตัวเอง หลับตาลงอ่อนแรง กิ่งไผ่ซึ่งนอนตื่นเต็มตาเห็นคุณหมอนอนพิงปลายเตียงก็ลุกขึ้นมาเขย่าตัว

“ไปนอนข้างบนก็ได้”

หากต้นธาราส่ายหัว เขามองใบหน้ากิ่งไผ่เป็นทำนองร้องขอ

“คิดจะให้ปล่อยรึ ผมบอกแล้วว่าข้อเสนอนั้นผมไม่อาจทำได้”

“รู้...ถึงขอไปคุณก็ไม่ปล่อย เพียงแต่จะบอกว่าผมป่วยอยู่ จำเป็นต้องมียารักษาอาการ ไม่งั้นคุณคงได้แต่ศพกลับเวียงของคุณ!”

“ยารึ?”

“ใช่ เอามาให้รึเปล่า?”ต้นธาราถาม เขาอุตส่าห์คิดว่าอีกฝ่ายคงนำมาให้เหมือนกับที่ขนเงิน ขนปืนมา

“อยู่ในถุง ผมเอามาไม่กี่แผงหรอกจัดการชีวิตให้ดี”

กิ่งไผ่ลุกจากเตียงออกไปล้างหน้า แล้วย้อนกลับมาหาต้นธารา

“เย็นนี้มีแต่ไข่เจียว”

อะไรเขาก็กินได้ทั้งนั้นแหละ ต้นธาราคิด เพราะกำลังกลุ้มใจอาการตัวเอง มือบางกุมแผงยาไว้...เพราะที่กิ่งไผ่นำติดมามันเหลือแค่สามแผง เขาต้องกินบำรุงเพื่อให้ร่างกายฟื้นคืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว

“เหม่ออะไร?”กิ่งไผ่เรียก เมื่อไม่ได้คำตอบ

“ทำอะไรมาผมก็กินได้หมดแหละ”

ต้นธาราตอบ วางแผงยาสำคัญลงในถุงก่อนลุกขึ้นไปยังโอ่งน้ำด้านนอก เงาปรากกฎบนผิวน้ำเผยให้เห็นใบหน้าปริวิตก กลับเข้ามาก็ได้กลิ่นหอมหวน กิ่งไผ่ตั้งจานข้าวไว้ ต้นธาราทรุดนั่งทานเงียบๆ พออิ่มกิ่งไผ่ก็เป็นฝ่ายเก็บล้าง ต้นธารามองเฉยๆ เขารู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย การเคลื่อนไหวอีกฝ่ายแผ่วเบา แม้จะไม่ควบคุมให้อยู่ใต้อาณัติ พอขยับกายหมายจะออกไปข้างนอกก็ต้องหยุดเพราะสายตาเยียบเย็นสะกดให้หยุดไว้

“วันพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”

ต้นธาราลุกขึ้น เข้านอนอย่างว่าง่ายเหมือนเด็กๆ สายตาไม่ละสำรวจผู้ที่จับตนมา กิ่งไผ่หลับลงได้ง่ายดาย ต้นธาราถอนใจ อยู่กับความเงียบเหงา เขาไม่ชอบเอาเสียเลย ต้นธารที่ไม่อาจข่มตาหลับลงนั่งเซื่องซึม หยิบยาเข้าปาก รอคอยให้ฤทธิ์ยาออกฤทธิ์จะได้ไม่ต้องคิดอะไรมากนัก สายตาค่อยๆหรี่ลงพร้อมกับห้วงสำนึกสุดท้าย

------------------------------------------------

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
“ตื่นได้แล้ว”

ต้นธาราสะดุ้งโหยง เขามองดูท้องฟ้าก่อนลุกขึ้นไปล้างหน้า กิ่งไผ่เก็บข้าวของที่จำเป็นลงในย่าม ต้นธาราเดินเข้ามา เขาชะงักเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูจึงชะงักทำท่าว่าจะกลับไป กิ่งไผ่ก็ปราดมาถึงหน้าประตูก่อน เปิดประตูรับอย่างระมัดระวัง พบว่าเป็นนายจันยืนอย่างระแวดระวัง

“เป็นไงบ้างจันข่าวที่ให้สืบกับของที่ฉันต้องการ”

กิ่งไผ่ถามนายจัน ซึ่งนายจันนำกระบุงที่แขวนอยู่หลังออกมาให้ สีหน้าของกิ่งไผ่ปรากฏความพึงพอใจเมื่อได้สิ่งที่ต้องการครบ

“เรื่องข่าวตอนนี้ทางการไทยออกตามหาตามป่าที่นายกิ่งไผ่หลบหนีมาจริงๆครับ ตอนนี้ดูจะรู้แล้วว่านายกิ่งไผ่ไม่ได้หลบหนีเข้าไปในป่า”

“อื้ม...แล้วฝากฝังอีกเรื่องล่ะ ถ้าหากมีใครมาถามเรื่องของฉันว่ามาพักที่นี่หรือเปล่า ปฏิเสธไปทันทีนะ”

หันมาทางต้นธาราที่ยืนมองอย่างงุนงง

“คุณหมอ”

กิ่งไผ่เรียกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ต้นธาราก้าวเข้ามาตามคำเรียก มองอย่างไม่เข้าใจเมื่ออีกฝ่ายวางกระบุงพร้อมกับนำเสื้อผ้าออกมา สายตาสีน้ำตาลมองอย่างงุนงง

“เปลี่ยนซะ จะเข้าเขตแดนเวียงนวรัฐะทั้งสภาพนั้นคงไม่ดีแน่”

คลี่เสื้อผ้าที่พับเรียบร้อยออก พบว่ามันเป็นชุดชาวเขา ต้นธารามองเนิ่นนานจนกระทั่งถุกกระตุ้น

“เอาไปเปลี่ยนสิ”

ต้นธาราจำต้องผลัดเปลี่ยนชุดที่ติดตัวมาเป็นเสื้อผ้าชาวเขา เดินออกมากิ่งไผ่มองแล้วทำหน้าพอใจ ยังดีที่ว่ามันเป็นชุดของผู้ชายขยับกายอย่างอึดอัดในชุดที่ไม่คุ้นเคย

“โชคดีที่ใส่ได้พอดี”

ต้นธารามองดูกิ่งไผ่ที่แต่งชุดชาวเขาเช่นกันบนหลังสะพายกระบุง

“เราจะไปสมทบกับชาวบ้านที่เข้ามาค้าขายในเขตแดนไทย”

ใบหน้าต้นธาราถูกแต่งแต้มให้เป็นรอยดำคล้ำโดยนายจันแล้วยังนำกระบุงเปล่าๆมาให้อีกใบ

“รีบไปเถอะครับ ทางนั้นรอนายกิ่งไผ่นานแล้ว”นายจันว่า พลางเดินนำกิ่งไผ่ไปยังรถกระบะเก่าๆ คนที่ไม่เข้าใจอะไรเดินตามด้วยท่าทีตื่นๆ

“เราจะไปไหนกัน?”

“เวียงนวรัฐะ คุณหมอช่วยทำตัวสงบนิ่งหน่อยได้ไหม?”

ต้นธาราทำตัวสงบนิ่งไม่ได้ เขากังวลใจเกินกว่าที่จะนิ่ง

“ผ่านด่านตรวจไปได้ก็ปลอดภัยแล้ว”กิ่งไผ่ว่าอย่างขรึมๆพลางมองออกไปนอกรถ

“ปลอดภัย?”ต้นธาราสงสัย หมายถึงปลอดภัยจากทหารฝั่งไทยน่ะหรือ? ได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจ

“ต้องลากันตรงนี้นะครับ ขอให้นายกิ่งไผ่โชคดี”

กิ่งไผ่ผงกศีรษะก่อนจะเดินไปหากลุ่มชาวบ้าน

“ต้องขอรบกวนอีกแล้วนะพ่อบ้าน”

ต้นธาราฟังคำเรียกชายแก่ซึ่งมองมาทางเขาก่อนผงกหัวเมื่อกิ่งไผ่พูดรัวเร็วแล้วชี้มาทางเขาซึ่งยืนนิ่ง

“คุณหมอเข้าไปในกลุ่ม ถ้ามีคนถามอะไรก็อย่าพูด อย่าตอบ อย่าโวยวายถ้าไม่อยากตายเร็ว”

ต้นธาราเข้าไปกลุ่มคนตามที่อีกฝ่ายสั่ง เขามองดูหญิงชายที่รายล้อมเขา แต่ละคนมีสีหน้าเครียดเคร่งอย่างเห็นได้ชัด กิ่งไผ่เข้ารวมกลุ่มนั้นดูกลมกลืนไปกับฝูงชน ไม่มีใครพูดอะไร ต่างเดินเงียบๆจนผ่านไปสักระยะจึงมีเสียงพูดคุยเบาๆด้วยภาษาที่ต้นธาราไม่เข้าใจ เขามองดูด่านที่อยู่ไม่ห่าง มีคนผ่านด่านเยอะ คณะที่ต้นธาราและกิ่งไผ่อาศัยไปนั้นต่างเร่งฝีเท้า สายตาสีน้ำตาลมองผู้คนที่เดินเข้าด่านอย่างเชื่องช้า ต้นธาราอดเกร็งไม่ได้เมื่อใกล้ถึงคณะที่ตนอาศัยมาใกล้ถึงด่าน อดคิดจะหาทางกลับ หากดวงตาสีน้ำตาลส่งประกายเย็นเยียบคล้ายบอกว่าถ้าขัดขืนคงต้องแลกด้วยชีวิต รีบก้มหน้าเดินผ่านเงียบๆ เขาหายใจโล่งอกที่ไม่มีใครถามอะไร กิ่งไผ่ที่ตามหลังมานั้นดูโล่งใจเช่นกัน

“โชคดีวันนี้คนเยอะ อีกอย่างพ่อบ้านก็ได้รับความไว้วางใจเราเลยได้ผ่านด่านมาง่ายๆ”กิ่งไผ่อธิบาย ต้นธาราเหลือบมองชายชราซึ่งเดินเร็วกว่าคนหนุ่มอย่างเขามาก

“เดินไปอีกก็จะเป็นหมู่บ้านที่พ่อบ้านอาศัยอยู่”

บ่ายคล้อยแล้ว ต้นธารามองเขตแดนไทยที่ห่างสายตา เขาสะท้านในอกดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสกลับไปอีก!

------------------------------------------------

เสียงหมาเห่าขรมเมื่อต้นธาราก้าวเข้าไปอาณาเขตบ้านที่ปัดกวาดสะอาดสะอ้าน เขามองดูกิ่งไผ่คุยกับหัวหน้าหมู่บ้าน สายตาของหัวหน้าหมู่บ้านมองผู้ที่มาด้วย ต้นธาราหลบตาช่างสำรวจนั่นเสีย เมื่อกิ่งไผ่กวักมือให้เข้ามาได้เขาจึงเดินตามขึ้นไปบนบ้าน กิ่งไผ่ทรุดนั่งไม่พูดอะไรกับตัวประกันแม้แต่น้อย หัวหน้าหมู่บ้านซึ่งกิ่งไผ่เรียกว่าพ่อบ้านนั้นนำเครื่องนอนมาให้ ต้นธาราบอกขอบคุณเบาๆ มองคนที่เหม่อออกไปนอกหน้าต่าง ต้นธาราไม่คิดรบกวน

กิ่งไผ่จมอยู่กับความหลัง เมื่อมาถึงที่นี่เขาคิดถึงอดีตที่เคยอยู่ร่วมกับผู้กองธีรเดช...แต่อดีตมันก็คืออดีต มานั่งปวดร้าวมันก็ไม่ได้อะไร เขาร้องไห้ ทุกข์ทนกับความรักที่ไม่ได้ตอบแทนคืนมากพอแล้ว หลับตาลงพร้อมกับมองแสงยามเย็น ภายในตัวบ้านมืดครึ้มได้แสงเทียนวอมแวม เป็นแสงสว่างหนึ่งเดียวสาดส่องให้เห็นร่างที่คุดคู้หลับใหลเพราะความเหนื่อย กิ่งไผ่มองดูข้างนอกต่อ ราตรีเงียบงันมาเยือนเขาอีกแล้ว เหม่อ...จนกระทั่งพ่อ
บ้านเรียกให้ไปทานข้าวเย็น กิ่งไผ่เรียกต้นธาราซึ่งคู้ตัวหลับ คุณหมอปฏิเสธ กิ่งไผ่จึงหันไปบอกกับชายชราว่าจะไปหากินเองแล้วก็ทิ้งตัวลงแนบพื้น สัมผัสหัวใจที่ชืดชาของตัวเอง ทรยศต่อความไว้วางใจ แต่นั่น...มันก็สมควรแล้วที่จะทำ กิ่งไผ่หาข้อลบล้างในใจของตัวเอง รำคาญที่ต้องมานั่งคิดถึงเรื่องนี้ มองร่างบางที่หลับสนิท ผู้ที่ได้รับความรักและความห่วงใยนั่นไป กอดตัวเอง ความอ้างว้างเข้าเกาะกุม แหวนสีทองสะท้อนเปลวเทียนวับวาวในความมืด ตัวเขาที่อ่อนแอ เหนื่อยล้าทั้งกายและหัวใจ จะคิดอิจฉาไปก็ไม่แปลก ในเมื่อชีวิตเขาอยู่เพื่อบ้านเมืองไม่ใช่ความรักตั้งแต่แรกแล้ว กิ่งไผ่ลุกขึ้นสำรวจดูร่างบอบบางของคุณหมอ เห็นหลับตาพริ้ม ริมฝีปากแห้งผาก แก้มซีดขาวกว่าปกติ แตะดูพบว่าตัวร้อนดุจมีไฟรุม

“คุณหมอ!”

พอรู้ว่าตัวประกันป่วยในใจของกิ่งไผ่ก็ทุกข์ร้อนทันที!

------------------------------------------------

ความรู้สึกมึนชาราวกับถูกทุบด้วยค้อนก่อเกิดเมื่อทราบข่าวร้ายว่าต้นธาราหายตัวไป ภานุขึ้นบ้านพักของนายพลพิภพ เห็นสภาพเงียบเชียบจึงวิ่งลงจากบ้านพักทันทีทันใด ดวงตาร้อนใจฉายชัด

“ไม่มีร่างของกิ่งไผ่ครับท่าน”

ธีรเดชตะโกนออกมาจากห้อง นายพลพิภพมีสีหน้าเคร่งเครียด หันมองยังภานุทันที

“ท่านครับมีข่าวแจ้งครับ ทางคุณหมอต้นธาราหายตัวไปเช่นกันครับ”

สีหน้าของท่านนายพลขรึมทันที ธีรเดชได้ยินหันมองอย่างตกใจ

“ว่าอะไรนะครับ! คุณหมอหายไป ไม่อยู่?”

สายตางุนงงมองใบหน้าของภานุ ท่านนายพลผงกศีรษะ เป็นเชิงรับทราบ เบือนสายตาจากเตียงไหม้ไฟ

“เรียกประชุมด่วน”ท่านสั่งเสียงเรียบ

ธีรเดชวางหมอนดำเกรียมลง วิ่งเข้ามาหาภานุ

“มันเป็นไปได้อย่างไร?ธารหายไปไหน?”

ภานุส่ายหัว สีหน้าเครียดเคร่งไม่แพ้กัน

”เชิญผู้กองธีเข้ารวมประชุมเถอะ”

ภานุเอ่ยแค่นั้นก่อนก้าวเท้าเร็วๆไปยังห้องประชุม ในใจหวาดหวั่น ธีรเดชเช่นกัน เขากังวลอยู่ลึกๆ ไม่คิดว่ากิ่งไผ่จะกล้าทำแบบนี้ เปิดประชุมอย่างรวดเร็ว ธีรเดชฟังรู้สึกอ่อนแรง คำพูดต่างๆไม่ผ่านเข้าหูเลยแม้แต่น้อย ผู้พันชานเนนเอ่ยเสนอความคิดเห็นบ้าง

“การที่เขาหายตัวไปเช่นนี้ย่อมมีแผนบางอย่างแน่นอน อาจเกี่ยวพันถึงเรื่องที่ทางพวกเราได้ปฏิเสธความช่วยเหลือไป”

“เราแค่บอกว่าเราไม่อาจยุ่ง ขอเวลาตัดสินใจ”ท่านนายพลพิภพเอ่ย

“แต่นั่นเป็นการปิดกั้นหนทาง ไม่ให้ทางกิ่งไผ่เลือก”ผู้พันชานเนนกล่าวขรึมๆ“มันอาจเป็นข้ออ้างให้เราเข้าเวียงนวรัฐะได้ง่ายดายเช่นกัน”

คำพูดของผู้พันชานเนนทำให้ธีรเดชที่นั่งฟังด้วยใจร้อนรนรู้สึกมีความหวัง

“เราส่งคนออกตามหาข่าวแล้ว เส้นทางที่คาดว่าจะใช้หนีกลับเป็นเส้นทางลวง คาดว่ามุ่งสู่เวียงนวรัฐะแน่นอนแต่จะใช้หนทางไหนนั้นเรากำลังเร่งสืบอยู่”ภานุที่รับข่าวมาเอ่ย ในใจร้อนรนไม่แพ้ธีรเดชเพียงแต่ชายหนุ่มพยายามสงบใจ

“ผมพอจะรู้ว่ากิ่งไผ่ใช้เส้นทางไหนเข้าเวียงนวรัฐะ”ผู้กองธีรเดชโพลงทำให้ทุกสายตาจับจ้องเป็นจุดเดียว

“ผู้กองทราบ?”

ธีรเดชผงกหัว“ครับ ตอนที่ผมหนีมากับคุณกิ่งไผ่ เขาพาผมมายังเส้นทางหนึ่ง อาจจะเชื่อมไปดูเวียงวนรัฐะได้ง่ายๆและเราอาจจะเจอกิ่งไผ่อยู่ที่นั่นก็ได้ครับ”ธีรเดชเอ่ย

ท่านนายพิภพสบตากับนายพลอรุณซึ่งนั่งฟังพร้อมกับประมวลผลเงียบๆ

“งั้นผมให้ผู้กองธีนำกำลังตามติดไปยังเส้นทางที่ผู้กองว่า ส่วนกองกำลังอีกส่วนจะตามผู้พันชานเนนไปยังเวียงวรัฐะโดยตรงเพื่อเจรจา”นายพลอรุณออกคำสั่ง

“ผู้พันคุณเป็นหัวหน้าทีม ให้ผู้กองธีเป็นคนนำทาง ผู้กองภานุกับผู้กองรังสรรค์เป็นลูกทีม ส่วนจ่าแม้นกับร้อยตรีอานุภาพตามผู้พันชานเนนไป”

หลังจากลงคำสั่งเสร็จ ธีรเดชลุกขึ้นเตรียมตัวเก็บของทันทีทันใด

“ผู้กองธีทราบหรือครับว่าคุณกิ่งไผ่ แขกพิเศษของเราหนีไปไหน”ร้อยเอกรังสรรค์เอ่ยถาม

“ทราบดีครับ”

ดวงตาสีดำอ่อนโยนดิ่งลึกในห้วงความทรงจำ หนทางลำบากที่ผ่านพ้นมาด้วยกัน ฝ่าฟันด้วยความเจ็บปวด ตัวตนอีกตัวตนหนึ่งได้รู้จักในยามคับขัน ในใจปวดแปลบ ยิ่งหวนนึกถึงคำบอกรัก นึกถึงสายตาที่มองเขาอย่างร้าวราน ทำไม...คำถามก่อเกิดในใจ รู้สึกว่าอีกฝ่ายทรยศในความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจ แต่ในความเป็นจริงแล้วกิ่งไผ่จะทำก็ไม่เห็นแปลก

“ผู้กองธีหวังว่าเขาคงไม่ทำอะไรธารนะ”

ธีรเดชหันมองผู้กองภานุซึ่งเดินเคียงข้างมาเงียบๆ

“นั่นสิ กังวลว่าเขาจะทำอะไรกับคุณหมอ ยิ่งคุณหมอธารกำลังอยู่ในระยะพักฟื้นด้วย”

คำพูดของผู้กองรังสรรค์และผู้กองภานุเล่นเอาธีรเดชกลืนน้ำลายตอบไม่ได้

“เขาคงพาตัวประกันไปเพื่อเป็นตัวล่อ คุณหมอคงปลอดภัย”

ตอบไปแบบนั้นก็ยังไม่คลายความกังวลใจไปอย่างง่ายๆ กลัว...เกรงว่ากิ่งไผ่จะทำอะไรกับต้นธารา ภานุเม้มปากแน่นในใจนึกห่วงใยสายน้ำที่ค่อยชโลมใจอยู่เต็มเปี่ยม


------------------------------------------------

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
แอร๊ยยยยยยส์ ใกล้จะจบภาคสองแล้ว  :sad11:

เรื่องร้ายๆกำลังจะมา  :z3:

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
โหยยยยยยยย

เป็นห่วงคุณหมอเน้ 

ยาแค่สามแผง จะพอกะการรักษาม้ายย

นี่ไข้ก้อกินอี๊กกกกกกกกกกก

โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณคุณมูมู่ที่ยังจำกันได้และเข้าใจ  ไม่ผิดหวังเลยที่ติดตามงานของคุณมาตลอดและก็ยังคงติดตามเป็นกำลังใจให้อย่างนี้เสมอและตลอดไป  ขอบคุณอีกครั้งครับ  :L1:

pupper

  • บุคคลทั่วไป
ตึงเครียดนะครับ เป็นห่วงต้นธารามากๆ ยังพักฟื้นอยู่เลย
แล้วยังจะต้องไปเจอสถานการณ์การเมืองภายในของเวียง
นวรัฐอีก สงสารกิ่งไผ่เหมือนกันนะครับ ต้องสู้กับความ
เป็นจริงและสู้กับหัวใจตัวเอง ที่น่าหนักคือ ภาณุคงห่วง
ดวงใจของตัวเองยิ่งกว่าอะไร แล้วหวังว่าธีคงจะพบคำ
ตอบของตัวเองได้สักที  อย่ากดดันคนอ่านมากเลยน๊า
มันเครียดๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ตามมาทันแระ

กว่าจะทัน ตาแทบแฉะ

อิอิ

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
Poes  อิอิ  มาคนแรกอีกตามเคยนะหนึ่ง  เรื่องร้ายๆ กำลังจะตามมา ฮือๆๆๆ
19NT  คุณหมอนี่น่าเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลา  แต่...อ่านเอาเองแล้วกันนะ
ken_krub  ขอบคุณคุณเคนที่ติดตามให้กำลังใจเสมอมา อิอิ  จำได้สิ ทำไมจะจำไม่ได้ เพราะเป็นแฟนคลับไง 55+
pupper  อ่านตอนนี้ทำใจไว้ก่อนนะน้อง pupper  มันตึงเครียดกว่าอีกอ่ะ
Junrai_hyper  ก็ว่าพูห์หายไปไหน  ตามอ่านไม่ทันนี่เอง 55  ลิงค์อัพโหลดเพลงชอบคืนนี้นะ  เผื่อคนอื่นๆ อยากได้ด้วย เราอัพโหลดไว้ตามลิงค์เลยจ้า ลิงค์อัพโหลดเพลงชอบคืนนี้

มีอีกหลายคนยังตามอ่านไม่ทัน  จะต่อแล้วน้า   :m15:

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

บทส่งท้าย

Timeless



อาการไข้ของต้นธาราขึ้นสูง ตัวร้อนผ่าว ใบหน้าซีดขาว ร่างกายสั่นเทา แม้กระทั่งชายชราที่ต้มยาให้กินส่ายหัวอย่างท้อแท้ กิ่งไผ่กำมือแน่น

“ไม่อาจช่วยอะไรได้เลยรึ?”

“ต้องรอดูอาการก่อน ถ้าไข้ไม่ลดเห็นทีต้องส่งเข้าโรงพยาบาลแต่...มันอาจสายไป”

ร่างของกิ่งไผ่อ่อนแรง เอ่ยขอบคุณพ่อเฒ่าซึ่งเป็นหมอผีประจำหมู่บ้านช่วยดูอาการให้ พ่อเฒ่าลุกขึ้นหยิบยาสมุนไพรกลิ่นฉุนเฉียวออกไปนอกห้อง กิ่งไผ่ชันเข่าขึ้นคู้ร่างซบบนเข่า เขาเริ่มลังเลใจกับการกระทำตัวเองว่าตัวเองทำถูกไหมที่พาคนป่วยมาดั้นด้นแบบนี้ แต่คุณหมอก็ไม่บ่นอะไร ยอมตามมาโดยดี พอได้ยินเสียงไอจึงเข้าไปดู เห็นดวงตาแดงก่ำจ้องตรงมา สีหน้าอ่อนระโหย

“ขอน้ำหน่อยได้ไหม?”เสียงแหบแห้งเอ่ย

กิ่งไผ่เอาน้ำมาให้ คนป่วยลุกขึ้น รู้สึกวิงเวียนศรีษะ มือสั่นๆประคองขันน้ำ ดวงตาแดงก่ำจ้องหน้ากิ่งไผ่ตรงๆ

“ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”

กิ่งไผ่มองใบหน้าขาวเผือด ผงกหัวลงเป็นเชิงอนุญาต

“หลังจากที่คุณได้บรรลุเป้าหมายแล้วคุณจะปล่อยผมไปไหม?”

“ทำไมคุณหมอถึงถามแบบนั้นล่ะ?”

ต้นธาราขยับตัวอย่างอึดอัด สีหน้าอับจน “ผมไม่อยากให้ผู้กองภานุเขาเป็นกังวลน่ะ กลัว....”

ได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยถึงนามคนที่รักก็สะท้านในอก ร่างผอมบางพูดออกมาได้ง่ายดายนัก

“คุณหมอจะกลัวอะไรล่ะ?”

ต้นธาราไม่ยอมตอบ เขารอเอาคำตอบที่ถามไปเท่านั้น

“ผมคงไม่ทำอะไรกับคุณหมอแล้วล่ะ ถ้าจะกลับไปก็เชิญ...แต่คุณหมอจะทำได้ไหมมันก็อีกเรื่อง”

คำตอบช่างแสนเย็นชา ต้นธาราถอนใจเบาๆ

“ต่อให้ตาย...ผมจะต้องกลับไป แต่ถ้าไม่ได้ ช่วยฝากบอกเขาทีได้ไหมว่าอย่าคิดทำอะไรบ้าๆล่ะ”

กิ่งไผ่ขมวดคิ้ว มองมือขาวที่กุมประสานกันไว้แน่น สัมผัสของแหวนเย็นเฉียบราวกับวันเวลามีความสุขค่อยๆจางไปจากใจ ต้นธารากลัว...เหมือนกับเป็นลางสังหรณ์

“ตอนนี้คุณหมอพักผ่อนเถอะ เอาไว้หายเมื่อไรค่อยพูดถึงเรื่องนี้”

ยิ่งมองเห็นความรักที่อีกฝ่ายมีให้ต่อคนๆหนึ่ง หัวใจก็ปวดแปลบ ทั้งๆที่เคยคิดตัดใจแต่มันก็ยิ่งพอกพูน เหงา...เหน็บหนาว มองร่างที่นอนเงียบๆ ฟังเสียงเงียบงันของกาลเวลาที่ไม่มีวันสิ้นสุด เสียงไอแห้งๆปลุกให้กิ่งไผ่ตื่นจากภวังค์

“คุณหมออาการเป็นอย่างไรบ้างครับ?”

ต้นธาราลืมตาขึ้น“อือ...ไม่เป็นอะไรหรอกครับ อย่ากังวลเลย” ต้นธาราหลับตาลง ที่เขาต้องฝืนทนก็เพื่อชายหนุ่มที่มีนามว่าภานุ

------------------------------------------------

ใบหน้าหม่นหมองเมื่อตามรอยกิ่งไผ่ได้จนถึงบ้านพักที่กิ่งไผ่เคยใช้หลบหนี ธีรเดชคว้านตามหานายจันจนกระทั่งได้ตัวนายจันขณะทำตัวลับๆล่อๆใกล้บ้านพัก นำมาสอบถามเครียดเกี่ยวกับเรื่องของกิ่งไผ่ ทว่านายจันปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็น

“ไม่ได้ช่วยเหลืองั้นรึ แน่ใจนะ”ธีรเดชที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงข่มขู่

“ม...ไม่ได้ช่วยเหลือเลยครับ”

นายจันปฏิเสธอย่างลนลาน ธีรเดชคว้าคอเสื้อขึ้น

“ผู้กองธีไม่ทำเกินไปหน่อยหรือครับ?”

ร้อยเอกรังสรรค์เอ่ยห้าม ธีรเดชจึงปล่อยอีกฝ่ายลง

“ผมแน่ใจว่าเขาต้องมาที่นี่แน่ๆ”ธีรเดชผลักประตูบ้านเดินเข้าไปสำรวจภายในซึ่งว่างเปล่า

“อะไรที่ทำให้มั่นใจ?”ภานุถาม

ธีรเดชกัดปาก ทำทีเป็นโมโห เตะเก้าอี้เตี้ยๆล้มโครม นายจันสะดุ้งเฮือกหลบสายตา

“เส้นทางเดียวที่เขาสามารถหนีเข้าไปยังเวียงนวรัฐะได้ง่ายๆก็มีแต่เส้นทางนี้เท่านั้น แน่ใจนะนายจัน ถ้าโกหกนายจันก็จะถูกจับด้วย บอกมา!”

เมื่อได้ฟังเสียงดุ ตะคอก นายจันก้มหน้าก้มตา

“ผ...ผมไม่ทราบจริงๆครับนาย ต...ตั้งแต่ช่วยนายกิ่งไผ่คราวนั้น นาย...นายก็ไม่ได้มาที่นี่เลย”

ธีรเดชหัวเสีย ชายหนุ่มกวาดตาไปทั่วหวังว่าจะมีอะไรสามารถยืนยันได้ สายตาเขาก็ปะทะกับอะไรบางอย่างที่มีสีแวววาว พอหยิบขึ้นมาดู ก็ปรากฏว่าเป็นฟอยล์ของแผงยา

“แล้วนี่อะไร?”

ภานุเข้าดู จำชื่อยี่ห้อได้ว่าเป็นแผงยาที่ต้นธาราต้องกิน จึงบอกแก่ธีรเดชไป

“แล้วนี่อะไร ยังจะมาปฏิเสธว่าไม่รู้ไม่เห็นอีก!”

นายจันมองแผงยาในมือของธีรเดชตาค้าง ก้มหน้าก้มตารับสภาพเงียบๆแต่ยังคงไม่ยอมจำนน ธีรเดชย่างสามขุมเข้าไปหา

“ยังคิดโกหกอีก!”

นายจันปิดปากเงียบไม่ยอมรับสารภาพง่ายๆ ธีรเดชถอนใจแรงๆ

“นายจัน ฉันรู้ว่ากิ่งไผ่มีบุญคุญกับแก แต่แกจะปกป้องเขาตลอดไปไม่ได้ ตอนนี้เขาจับคนๆหนึ่งซึ่งกำลังป่วยหนัก ถ้าไม่เข้ารับการรักษาโดยเร็วละก็อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้นะ”

นายจันก็ยังปิดปากเงียบเช่นเคย

“ถ้าคนที่นายแกเอาตัวไปเสียชีวิตขึ้นมา นายของแกจะต้องโทษเพิ่ม แล้วแกจะให้ผู้มีพระคุณของแกเดือดร้อนหรือ?”

นายจันส่ายหน้าอย่างท้อแท้เหมือนบอกว่าไม่อาจพูดได้จริงๆ

“นายจัน!”ธีรเดชสำทับข่มขู่ ชายหนุ่มโมโหจนแทบลงไม้ลงมือเมื่อเห็นท่าทางเหมือนยอมตายแต่ไม่ยอมเอ่ยปาก หากไม่ถูกกันไว้เสียก่อนเขาคงได้ซัดสักหมัดแน่ๆ

“ผู้กองธี ถ้าเขาไม่รู้ก็เสียเวลาเปล่าที่จะถาม”ผู้กองรังสรรค์เอ่ย

ธีรเดชร้อนรนใจ ได้แต่ทุกข์ทรมานเพราะไม่อาจทานทน

“นายจัน....ถ้าเกิดแกบอก ฉันรับรองความปลอดภัยของนายแก”

นายจันลังเลใจแต่ก็ยังไม่ใจอ่อน

“รวมทั้งแกก็จะได้ของรางวัลที่ช่ายทางการด้วย จะไม่มีใครเอาโทษนายแกจริงๆ”

ธีรเดชพูดราวเอาขนมหวานล่อเด็ก ดวงตาของนายจันหวั่นไหวเมื่อได้ฟังข้อเสนอ

“ฉันไม่ได้โกหกหรือคิดจะหลอกลวงอะไร ขอแค่ให้บอกมาเท่านั้นเป็นการแลกเปลี่ยน”

นายจันขยับตัวอึดอัดก่อนจะเอ่ยออกมา

“นาย...นายกิ่งไผ่มาพักที่นี่จริง”

นายจันบอกไปแค่นั้น ธีรเดชก็ตบบ่า

“ขอบใจมาก”

ธีรเดชกล่าวก่อนจะเรียกให้ภานุและร้อยเอกรังสรรค์เข้าปรึกษาเรื่องเส้นทางพร้อมกับยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้แก่นายจันก่อนจะออกเดินทางต่อไป ทิ้งให้นายจันมองดูเงินที่อยู่ในมือด้วยสายตาว่างเปล่า

------------------------------------------------

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
เวลาเช้ามืด อะไรบางอย่างปลุกให้กิ่งไผ่ตื่นขึ้นมา เจ้าของเรือนผมยาวสลวยเพ่งมองในเงามืด เห็นคุณหมอนอนนิ่งก็ใจหายวาบรับเข้าไปดูใกล้ๆก็ต้องโล่งอกเมื่อคุณหมอยังหายใจรวยรินอยู่ ทรุดนั่งเสยผมยาวปรกหน้าออก แต่พบกับความผิดปกติจึงขมวดคิ้วแปลกใจ เงียบผิดปกติเกินไป! กิ่งไผ่ออกไปข้างนอก มองแสงจันทร์อดแสงนวลตา อาการหนาวเหน็บจนต้องห่อตัว เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงปืน หัวหน้าหมู่บ้านผวาตื่นขึ้นมา พาครอบครัวออกมานอกชานบ้าน


“พ่อบ้านๆมีคนบุกรุก”

กิ่งไผ่เบิกตากว้าง

“พ่อบ้านพาลูกๆหนีไปก่อนเร็ว”

ชายชราจึงสั่งให้ลูกๆกับภรรยาเก็บของที่จำเป็นหนีไปก่อนที่ตัวเองจะสั่งให้ตั้งรับก่อน กิ่งไผ่ปลุกคุณหมอที่นอนซมให้ตื่นขึ้น ทว่าดวงตาอิดโรยมองอย่างท้อแท้

“เสียงปืน มีอะไรหรือครับ?”

“คุณหมอพอจะเดินไหวไหม เราต้องหนี”

“หนี...”ต้นธารางุนงง ถามเสียงแผ่ว

“ใช่ หนีเสียงปีนนั่นฟังดูไม่ดีแน่”กิ่งไผ่มีท่าทีกังวล

เสียงโหวกเหวกโวยวายก็ดังขึ้นอีก

“พ่อบ้าน...พ่อบ้านทางนั้นต้องการให้ส่งตัวนายกิ่งไผ่ไปให้ครับ พวกผมบอกว่าไม่อยู่ที่นี่แล้วแท้ๆ”

กิ่งไผ่ได้ฟังนิ่งงัน ต้นธาราเห็นสีหน้าเครียดๆจึงเอ่ยถาม

“มีอะไร จะให้หนีไปที่ไหน ผมคิดว่าคงไปไม่ไหวหรอกนะ ถ้าเสียงปืนนั้นมันเกี่ยวกับเราละก็หนีไปก่อนเถอะ”

มือประคองร่างอ่อนล้าโรยราขึ้น กิ่งไผ่ตัดสินใจไม่ถูก ฟังเสียงพ่อบ้านตอบโต้กลับไป หากน้ำเสียงร้อนรนก็รีบเอ่ยขึ้น

“ถ้าไม่ให้พวกมันก็จะถล่มหมู่บ้านครับ”

คำพูดนั่นทำให้กิ่งไผ่ต้องตัดสินใจ

“เราจะไปกับมัน”

กิ่งไผ่หันไปพูดกับหัวหน้าหมู่บ้านที่คอยให้ความช่วยเหลือ

“ไม่ได้ ไม่ได้ พวกมันต้องเอาถึงตายแน่”

“แล้วจะให้เลือกอะไรล่ะ ฉันจะปล่อยให้ชีวิตลูกบ้านตายเพราะฉันได้อย่างไร” กิ่งไผ่ลุกขึ้นเหมือนตัดสินใจแล้ว

“ดูแลเขาให้ดี”

ต้นธาราเห็นกิ่งไผ่ลุกขึ้นก็เอ่ยเรียกไว้

“ถึงคุณไปพวกมันก็คงคิดถล่มหมู่บ้านอยู่ดี”

คำพูดของต้นธาราทำให้กิ่งไผ่ชะงักเพราะมันเป็นความจริง อย่างไรเสียพวกใจเหี้ยมนั้นคงจะคิดทำอะไรกับหมู่บ้านนี้แน่ แต่เขาเลือกไม่ได้

“อย่างไรเสีย ผมก็ต้องรับผิดชอบ พวกมันคงไม่กล้าพอที่จะถล่มหมู่บ้านอย่างแน่นอน”

ต้นธาราถอนใจยาวๆ“ถ้าคุณไปแล้วสิ่งที่คุณคิดจะทำล่ะ?”

ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรต้นธาราถึงกล่าวรั้ง มองใบหน้าขาวในเงามืด กิ่งไผ่หลับตา ทั้งบ้านเมือง....ทั้งบิดา...สิ่งที่อยู่ในมือมันจะกลายเป็นศูนย์เปล่าทันที!

------------------------------------------------

“ผู้กองธี เสียงปืน...”

ธีรเดชผงกหัว เสียงปืนอยู่ใกล้ๆนี้เอง รีบรุดไปยังทิศเกิดเสียงปืน ทั้งสามต้องชะงักเมื่อเห็นชายฉกรรจ์หลายนายยืนล้อมหมู่บ้าน

“เรียกกองกำลังเสริมด่วน”

ภานุมองผู้กองรังสรรค์ออกคำสั่ง ความรู้สึกปวดมวนในช่องท้องก่อเกิดทันที อดคิดถึงเหตุการณ์ที่ทำให้สูญเสียอดีตเพื่อนรักไม่ได้

“เอาไงดีผู้กองธี”ผู้กองรังสรรค์ถาม

“เรามีแค่สาม จะสู้กับพวกมันที่มีเป็นสิบเห็นจะไม่ไหว รอดูเหตุการณ์ต่อไปเถอะ”

ธีรเดชซ่อนตัว ดูภาพตรงหน้า เขาก็อดร้อนใจไม่ได้ เพราะถ้าหากถูกล้อมแสดงว่ากิ่งไผ่อยู่ที่นี่จริงๆ มองดูเหตุการณ์ภายใต้ราตรีที่มีแต่แสงจันทร์เป็นเครื่องชี้ทาง

“ดูนั่นสิครับผู้กองธี”

ร้อยเอกรังสรรค์ชี้ไปยังร่างๆหนึ่งเดินออกมา ใต้เงาของแสงจันทร์ทำให้ดวงตาของธีรเดชลุกโพลง

“กิ่งไผ่!ธาร!”

ร่างสองร่างที่ยืนในเงามืดดูเหมือนว่าต้นธาราจะยืนไม่ไหว ภานุจะลุกขึ้นด้วยความตระหนก หากถูกกดบ่าไว้

“อย่าบุ่มบ่าผู้กอง”

ธีรเดชกดบ่าหนาไว้แน่น ภานุมองดูทั้งสองร่าง พยายามเงี่ยหูฟังคำเจรจา ร่างของทั้งคู่เดินตามกลุ่มชายฉกรรจ์ไป สีหน้าของกิ่งไผ่เรียบเฉยยิ่งนัก โอบประคองร่างคนป่วยไว้

“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณหมอต้องตามมาด้วย”กิ่งไผ่ถามเบาๆ

“คนในหมู่บ้านบอกว่ามีสองคนไม่ใช่รึ?”

“คุณหมอทราบ?”

“ไม่รู้หรอกครับแต่พอจะจับท่าทางออกน่ะ ส่งไปอีกคนหนึ่ง...อีกคนที่อยู่ที่นี่ก็คงไม่รอด”

ต้นธาราตอบ เขามองดูคนที่รายล้อมตัวเองและกิ่งไผ่ไว้ ไม่มีใครพูดอะไร เหลือแต่ความเงียบงัน สีหน้าที่ซ่อนในเงามืดครุ่นคิดถึงหนทางต่อไป ขณะที่ประเมินสถานการณ์ จะพาคนที่เดินไม่ไหวหนีไปด้วยเช่นไร ต้นธาราก็ทรุดฮวบ สีหน้าเผือดสี เสียงตะคอกสั่งให้ลุกขึ้นพร้อมกับปืนกระทุ้ง แข้งขาอ่อนล้าไม่อาจพาลุกได้

“เขาป่วยหนักอยู่ให้พักไม่ได้หรือ?”

กิ่งไผ่ร้องขอ ทว่าคำขอนั่นถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง ต้นธาราถูกกระชากให้ลุกขึ้น เสียงด่าทอทำให้คนที่ฟังไม่ออกขมวดคิ้ว

“แกจะใจดำมากเกินไปแล้วมั้ง ฉันอุตส่าห์ยอมมากับพวกแกแล้วนะ”

“นั่นมันมีข้อแลกเปลี่ยน”

กิ่งไผ่กำมือแน่นเมื่อคำตอบเฉยชาออกจากปาก ใช่...มันเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการที่ต้องรักษาหมู่บ้านไว้ กิ่งไผ่อยากหัวเสียก็ทำไม่ได้ ก้มหน้ารับชะตาที่ตัวเองเป็นผู้ก่อ

------------------------------------------------

“กองกำลังเสริมใกล้มาถึงหรือยัง?”ธีรเดชถามขณะสะกดรอยตาม

“ยังครับ เราต้องหาวิธีถ่วงไว้ให้นานที่สุด”

“รบแบบกองโจร”

ภานุเสนอขึ้น ผู้กองรังสรรค์กับธีรเดชมองหน้ากัน ภานุวางแผนเส้นทางให้ แม้ว่าจะไม่คุ้นเคยกับสถานที่

“หากไม่ได้ผลควรถอยทันทีและรอจนกว่ากองกำลังเสริมจะมาถึง”ภานุบอก

ธีรเดชและผู้กองรังสรรค์รับคำแยกย้ายปฏิบัติตามแผนรบแบบกองโจรทันที

------------------------------------------------

การเดินทางที่เงียบเชียบไม่รู้ว่ามีคนตามติดอยู่ทำให้ปฏิบัติการได้รวดเร็ว ผู้กองรังสรรค์ถูกฝึกมาอย่างดี ใช้ปืนเก็บเสียงเล็งที่ศีรษะของเป้าหมาย เมื่อเล็งได้ก็ยิงทันที ร่างๆหนึ่งล้มลง ทุกคนตกใจ กิ่งไผ่เช่นกัน เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น ท่าทีงุนงง เหลียวหาต้นสายปลายเหตุ เลือดสีแดงก็ไหลปรี่ออกจากขมับ และอีกร่างก็ล้มลง ความโกลาหลวุ่นวายก่อเกิด ร่างของกิ่งไผ่กับต้นธาราถูกกันไว้ และการกระจายกำลังเพื่อค้นหาเป้าหมายเริ่มต้นขึ้น ทว่าไม่นานนักก็มีคนล้มขาดใจตายไปแล้วสี่คน การกระจายกำลังค้นหาเริ่มต้นขึ้น กิ่งไผ่ที่ดูสถานการณ์แล้วยิ้มเย็น

“มีคนมาช่วยคุณแล้วล่ะคุณหมอ”

ต้นธาราปรือตาขึ้น ไม่มีอาการยินดีใดๆปรากฏ เขาเฝ้ามองเงาสับสนผ่านสายตา แต่แล้วกิ่งไผ่ก็รู้สึกว่าร่างถูกกระชากขึ้น ปืนแนบขมับ เหงื่อเย็นๆไหลทันทีทันใดหลังจากได้ยินเสียงประกาศ

“ถ้าไม่ยอมออกมาจะยิงตัวประกันทิ้ง”

ร่างของต้นธาราถูกกระชากเช่นกัน ปืนแนบขมับร่างที่ร้อนผ่าว ลำพังกิ่งไผ่ตัวคนเดียวก็พอจะเอาตัวรอดอยู่แต่นี่เล่นพ่วงคนเจ็บหนักมาด้วย ไม่มีทางไหนที่จะเอาตัวรอดได้เลย ต้นธาราถูกรัดคอไว้แน่น ตัวเขาไม่มีสติที่จะรับรู้อะไรต่อไปแล้ว

------------------------------------------------

ธีรเดชเห็นภาพที่ทั้งคู่ถูกจับก็ภาวนาให้ผู้กองภานุอย่าบุ่มบ่าม การหยุดยิงระงับทันที ทั้งสามรอคอยอย่างอดทนและฟังคำประกาศเรียก

“ออกมา อยากให้มันตายนักใช่ไหม?”

ปืนถูกแนบศีรษะมากขึ้น ยังไม่มีใครออกไป ทั่งป่าเงียบงัน ไร้ทุกสรรพเสียง ร่างของต้นธาราและกิ่งไผ่จึงถูกฉุดกระชากลากถูไปสู่ลานโล่งๆ เป็นป่าโปร่งไร้ที่กำบังกาย ร่างของต้นธาราถูกรัดคอแน่นจนดูแทบหายใจไม่ออก

“จะออกมารึยัง!”

ยิ่งแนบปากกระบอกปืนเข้ากับขมับ ความเจ็บปวดก่อเกิด เสียงใบพัดดังอยู่ไกลๆ สีหน้าของพวกโจรร้ายซีดทันใด มันไม่มีทางเลือก

“กูยิงจริงๆนะโว้ย”

มันยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าก่อนคล้ายจะลั่นไก ภานุเห็นท่าไม่ดีจึงยอมออกไปก่อน ชูมือขึ้น ต้นธาราเห็นร่างสูงคุ้นตาในความสลัวรางของยามรุ่งสาง ดวงตาสีน้ำตาเบิกกว้าง

“วางอาวุธลง พวกแกที่เหลือออกมาให้หมด!”

ภานุวางปืนลงก่อนตะโกนบอก“พวกแกวางอาวุธซะ ยังไงกองกำลังของแกก็สู้ไม่ได้ ปล่อยตัวประกันไปเถอะ”

ไม่มีใครยอมปล่อย ปืนทุกกระบอกมุ่งมาสู่ร่างสูง ก่อนจะถอยห่าง ภานุยังคงเจรจาต่อไป แต่เขาเตรียมพร้อมที่จะชักปืนที่อยู่ในซองเสมอ กิ่งไผ่มองดูใบหน้าคมกร้าวแสดงสีหน้าสงบ พยายามเจรจาอย่างใจเย็น

“อย่าเข้ามานะ”

เสียงกรีดร้องอย่างตื่นตะหนกออกจากปากคุณหมอ สายตาสีน้ำตาลมองภานุ ชายหนุ่มได้แต่รีรออย่างเจ็บใจ ลำคอเพรียวถูกรัดด้วยวงแขนแกร่งแน่น พยายามลากให้เดินไปด้วย ต้นธารารู้ดีว่าตนห้ามขัดขืนเด็ดขาดเพราะชีวิตตนและผู้กองหนุ่มอาจตายได้ง่ายๆ ภานุบอกกับตัวเองว่าไม่มีทาง แม้จะทำใจให้สงบได้ขนาดไหน เพียงเห็นต้นธาราเดินห่างไปเรื่อยๆ ในใจก็รวดร้าวเกินทน ธีรเดชที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ มองกิ่งไผ่พยายามขัดขืน ก่อนจะออกมายืนคู่ภานุเมื่อร่างของต้นธาราและกิ่งไผ่ถูกลากห่างไกลเรื่อยๆ

“เดี๋ยวผู้กองอ้อมไปทางนั้นนะครับ”

ธีรเดชชี้ไปทางที่ทหารโอบล้อมไว้อีกด้าน ภานุทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว การที่เชื่องช้าอยู่เช่นนี้อาจทำให้พวกมันจับตัวประกันหนีไปไกลได้ ขณะที่ภานุวิ่งถือปืนประจำตำแหน่ง เขาก็ได้ยินเสียงปืน เปิดฉากการต่อสู้ ชายหนุ่มใจหายวูบมองดูร่างของต้นธาราที่อยู่ในอ้อมแขนล้มลงพร้อมกับร่างของผู้ที่จับไว้

“ธาร!”

ภานุตะโกน หมายจะวิ่งไปหา หากถูกคว้าแขนไว้กระชากเข้าที่กำบัง ความสับสนวุ่นวายก่อเกิดเมื่อกิ่งไผ่กับต้นธาราถูกแยกห่างจากกัน ร่างของกิ่งไผ่ถูกพาไปอีกด้านที่ไร้การต่อสู้ ธีรเดชเบิ่งตาร่างถูกลากหายไปอย่างรวดเร็วก่อนจะหันมองร่างของต้นธาราที่ล้มลงพร้อมกับร่างไร้วิญญาณของผู้ที่จับไว้ ภานุหมายจะไปหาร่างที่นอนนิ่งไม่ไหวติง

“ผู้กองอย่าบุ่มบ่าม”

สายตาสีดำกร้าวมองร่างที่นอนนิ่ง เลือดไหลปรี่ออกจากร่าง เสียงปืนรัวเป็นตับก่อนจะหยุดลง ภานุรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปอย่างเชื่องช้า เขามองร่างล้มตายหลายร่าง เสียงตะโกนร้องเรียกโวยวายดึงสติคืนสู่ปัจจุบัน ภานุทิ้งปืนลง เขาวิ่งไปยังร่างของคนรักที่ถูกยิงทะลุแผ่นหลังโดยไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น ชายหนุ่มคุกเข่าพลิกร่างของคนที่จับตัวประกันหนี ประคองร่างต้นธารา ร่างบางนอนหายใจรัวริน มุมปากมีเลือดไหลซึม มือสั่นเทาประคองร่างขึ้นแนบอก สัมผัสเลือดไหลชุ่มเสื้อสีขาวดูน่ากลัว ภานุตะโกนเรียกหมอ เปลสนามวางลงอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่ามือขาวพยายามเกาะแขนเสื้อของร่างสูง ก่อนจะร่วงลงอย่างอ่อนแรง ริมฝีปากซีดเซียวพยายามจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่อาจพูดออกไปได้อย่างที่ใจนึก

“ผู้กองครับ เอาร่างของคุณหมอขึ้นเปลเถอะครับ”

เสียงเฮลิคอปเตอร์ดังอยู่ไม่ไกล ภานุมองรางของคนรักถูกนำออกจากอ้อมอก ดวงตากร้าวมีประกายน้ำตาซึมหากไม่อาจร้องออกมาได้ มองร่างที่ถูกนำออกห่าง จะย่างเท้าไปหาก็ชะงัก มือหนาของใครบางคนตบบ่า

“ไปเถอะครับ”

ธีรเดชนั่นเอง ภานุจึงวิ่งเหยาะๆตีข้างเปลมอง ดวงตาปรือพยายามเบิ่งเหลียวหา

...ธาร...อย่าเป็นอะไรไปนะ....

เอ่ยในใจอย่างรวดร้าว มองใบหน้าที่เขารัก นอนอยู่บนเปล ลมหายใจรวยรินราวกับมันจะขาดหายไปในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง ร่างถูกส่งขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่จอดไว้ตรงลานโล่งๆ ภานุกระโดดขึ้นตาม ไม่สนใจสายตาที่มองมา เขากุมมือเย็นเอาไว้แน่น ในใจสวดภาวนาขอพรต่อทุกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ชายหนุ่มรู้สึกว่าอีกฝ่ายกุมมือเขาแน่นราวกับจะสื่อความรู้สึกที่ไม่อาจพูดออกได้ ภานุมองใบหน้าซีดเผือดด้วยความรวดร้าวใจในใจเร่งให้ถึงมือหมอเร็วที่สุด

------------------------------------------------

เฮลิคอปเตอร์ลดระดับ ร่างของต้นธาราถูกนำส่งเข้าห้องไอซียูอย่างรวดเร็ว ภานุวิ่งตามทว่าเขาถูกกันออกจากห้องไอซียู ร่างสูงมองเตียงถูกเข็นหายเข้าไปภายในอย่างเคว้งคว้าง กำมือแน่นอย่างเจ็บใจเพราะมือคู่นี้ ไม่อาจปกป้องคนที่รักได้ เสียงฝีเท้าตามติดมาทีหลังทำให้ชายหนุ่มหันมอง ใบหน้าเครียดเคร่งของนายพลพิภพมองตรงยังร่างของภานุที่ทรุดอย่างอ่อนล้า มือเปื้อนเลือดคนรัก ใบหน้าเช่นกันเปื้อนเลือดเป็นหย่อมๆ

“ธารล่ะ...”

ท่านนายพลซึ่งตามมาทีหลังนั้นถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ใบหน้าของคนเป็นพ่อคนเหมือนจะดับสิ้นตามบุตร ภานุใช้สายตามองตรงไปที่ห้องไอซียูซึ่งเปิดไฟฉุกเฉินสว่างวาบ ท่านนายพลมองตาม เข้าใจได้ในทันที ชายชราทรุดนั่งข้างผู้กองหนุ่มซึ่งทำหน้าเครียด มือประสานกันแนบศีรษะ ผ่านไปนานหลายชั่วโมง ภานุยังนั่งอยู่ในท่านั้นไม่มีทีท่าว่าจะเมื่อยหรือเหน็ดเหนื่อยแต่อย่างใด ท่านนายพลนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รอคล้ายใจเย็น แม้ว่าท่านพยายามทำใจให้สงบสักเพียงไหนก็ไม่อาจทำได้ สายตาไม่ได้สนใจที่หนังสือพิมพ์เลยสักนิด

“หนูธารเป็นไงบ้าง ปลอดภัยไหม?”

นายพลอรุณที่ก้าวเท้ายาวๆหยุดอยู่ตรงหน้านายพลพิภพและภานุซึ่งนั่งเงียบราวกับรูปปั้น

“ยังอยู่ในห้องผ่าตัดอยู่ ยังไม่รู้อาการ”ท่านนายพลพิภพตอบ

นายพลอรุณทรุดนั่งลง ส่วนผู้กองธีรเดชที่ตามหลังท่านนายพลมานั้นทรุดนั่งข้างผู้กองภานุซึ่งกำลังเครียดจวนเจียนระเบิด สีหน้าของชายหนุ่มเคร่งขรึมไม่แพ้กัน

“หวังว่าคงปลอดภัย”

สีหน้าของนายพลอรุณไม่สู้ดีนัก หากว่ายังอยู่ในห้องผ่าตัดนานขนาดนี้ก็แสดงว่าอาการคงเพียบหนัก ในที่สุดไฟก็ดับลง ประตูเปิดออก ร่างสี่ร่างลุกขึ้นทันที สีหน้าหมอดูไม่ค่อยดีเท่าไรนักเท่ากับว่าเป็นลางร้าย

“หมอเสียใจด้วยครับที่ไม่อาจยื้อชีวิตเขาได้”

นั่นเป็นคำพูดจากปากของหมอ ภานุได้ฟังตัวนิ่งแข็ง เซผงะ เข่าอ่อนทรุดนั่งลง มือกำแน่นสั่นระริก น้ำตาไหลอาบแก้มสาก ดวงตาเจ็บช้ำเหมือนถูกควักหัวใจออกไปทั้งดวง ท่านนายพลนิ่งงัน ท่านนายพลพิภพลูบหน้า หลังจากรอคอยยาวนานสิ้นสุดลง สิ่งที่ได้รับคือข่าวร้าย ท่านได้แต่เบิ่งตามองไฟห้องผ่าตัดดับลง ในระหว่างนี้ไม่มีใครพูดอะไรสักคน ภานุขึ้นสะอึกสะอื้นไห้ ยังรู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นความฝันเพียงชั่วขณะ ไม่รู้ว่าขาพาตัวเองก้าวไปหาเตียงที่ถูกเข็ญออกมาได้เช่นไร ตามติดไปอย่างเหม่อลอย มองใบหน้าซีดขาวที่นอนอยู่บนเตียง ชายหนุ่มพูดอะไรไม่ออก ต้นธาราดูเหมือนกับเป็นคนที่หลับไปเท่านั้น ใช่...แค่หลับไปเท่านั้น ยกมือสั่นแตะแก้ม ความอบอุ่นที่เคยมีจางหาย เหลือแต่สัมผัสเย็นชืดติดอยู่ในใจ

“ภานุใจเย็นๆ”

นายพลอรุณเตือนสติเมื่อเห็นท่าทีสับสน ชายหนุ่มก้าวถอยหลังปล่อยให้คนเป็นพ่อมาดูต้นธาราเป็นครั้งสุดท้าย นางพยาบาลยกผ้าคลุมหน้า ผู้กองภานุผลุนผลันออกไปจากห้องทันที

“ธีตามไปดูผู้กองภานุ อย่าให้เขาทำอะไรบ้าๆเด็ดขาด”

ธีรเดชทอดตามองร่างอยู่บนเตียงอย่างรวดร้าว ใบหน้าขาวซีดมีผ้าคลุมปิดไว้ รีบวิ่งกระชากผู้กองภานุที่ทรุดนั่งลงกับพื้น สิ้นหวัง ดวงตาเหม่อลอยมองท้องฟ้าสีส้มนอกหน้าต่าง วันนี้มันคงเป็นแค่ฝัน ฝันไป...ภานุพึมพำ ก่อนจะเห็นผู้กองธีรเดชกระหืดกระหอบแตะบ่า ชักชวนเข้าไปในโรงพยาบาล ร่างสูงนั่งนิ่งเพียงชั่วครู่ก่อนจะลุกขึ้น

“เข้าไปลาคุณหมอเป็นครั้งสุดท้ายเถอะครับ”น้ำเสียงเศร้าๆเอ่ยเรียก

ภานุดุจดั่งคนไร้วิญญาณเดินตามธีรเดชเข้าไปในห้องซึ่งมีร่างต้นธาราหลับใหลชั่วนิจนิรันดร์ เขาไม่ได้ฟังหมอเอ่ยถึงสาเหตุการตาย ได้แต่ขยับเข้าไปใกล้ร่างของต้นธารา กุมมือเย็นเยียบประกายแหวนสีทองสะท้อนเข้าตา หยดน้ำใสๆไหลอาบแก้ม

“ธารไปดีแล้ว”

เสียงของท่านนายพลปลอบสะท้อนเข้าไปในสำนึกที่เลื่อนลอย ชายหนุ่มยังไม่หยุดสะอื้นไห้ น้ำตาชำระคราบเลือดที่เกาะกรังออก มือหนากุมมือที่ไร้ซึ่งชีวิตจิตใจแน่น

“แล้วผมจะอยู่อย่างไร?”ภานุเอ่ยขึ้น สร้างความสะเทือนใจให้กับคนที่อยู่ภายในห้อง “ทั้งๆที่พยายามมาจนถึงป่านนี้แล้ว...ทำไมล่ะธาร...ทำไมถึงทิ้งผมไปแบบนี้”เสียงแผ่ว ขาดห้วงเอ่ยถาม มือหนากุมมือเย็นเยียบไว้แน่นราวกับจะปลุกให้ตื่นขึ้นมา น้ำตาหยดลงบนผิวเย็นเฉียบ

“ผู้กองภานุ ธาร...”

นายพลพิภพเอ่ยเรียกหมายจะให้หักห้ามใจ ทว่านายพลอรุณส่ายหน้าห้ามไว้

“ปล่อยให้เขาลาเงียบๆเถอะ”

นายพลอรุณเดินออกไปจากห้อง เปิดประตูไว้ นายพลพิภพถอนใจ เดินออกจากห้องทั้งๆที่น้ำตาคลอเบ้าเช่นกัน ธีรเดชมองร่างผู้กองภานุกุมมือคนตายไปแล้วอย่างเห็นใจ ในหัวใจนึกแค้นแต่สุดท้ายแล้วได้แต่ปล่อยวาง

...กิ่งไผ่ไม่ได้ผิด เพียงแต่เหตุการณ์มันพลิกผันเท่านั้น....

แม้จะคิดแบบนั้นแต่เศษเสี้ยวหนึ่งก็อดที่จะเคียดขึ้งไม่ได้ ธีรเดชก้าวออกจากห้องเงียบๆด้วยไม่อาจฟังเสียงร้องไห้อย่างเจ็บปวดไม่ได้

“ธารคุณใจร้ายนะที่ทิ้งผมไว้แบบนี้”

ภานุพยายามระงับอาการเศร้าเอ่ยเสียงเครือ ลูบใบหน้าขาวซีดก่อนแนบจูบยังหน้าผากและแนบลงมือที่ประดับแหวนที่เขาให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนวางลงข้างเตียง

“หลับให้สบายนะธาร...แล้วผมจะตามไปปกป้องคุณ”

บีบมือที่ไม่ได้ตอบสนอง จดจำสายตาคู่สีน้ำตาลได้เป็นอย่างดีก่อนที่เขาจะพาออกไปจากห้องนั้น พลัดพรากจากกันชั่วชีวิต....

------------------------------------------------

ที่ผ่านมา เราพยายามเพื่ออะไร ถามตัวเอง มองดูภาพในกรอบ รอยยิ้มงดงามประทับอยู่ในห้วงความทรงจำ แม้จะห้ามใจไม่ให้เศร้าขนาดไหนมันจะยังทับทม กดดันให้จมอยู่ในห้วงทุกข์ เสียงแผ่วเผาในงานศพที่จัดอย่างเงียบเหงา ร่างของท่านนายพลพิภพเดินตรงมายังชายหนุ่มที่นั่งเหม่อลอย ท่านทรุดนั่งข้างๆร่างสูง

“ขอบใจที่ดูแลธารมาจนถึงตอนนี้”

ท่านนายพลกล่าวอย่างเศร้าๆมองภานุที่เอาแต่เบิ่งตามองดูรูปและโลงศพ ท่านถอนใจเฮือกหยิบไดอารี่ที่เป็นสมบัติของบุตรชายขึ้น

“ในนี้เขาเขียนถึงคุณนะผู้กอง”

ภานุรับไว้อย่างเซื่องซึม เขาเปิดดูไดอารี่ มันมีภาพที่ถ่ายคู่กับเพื่อนรัก อ่านดูแต่ละหน้า น้ำตารื้นขึ้นมา คนๆนี้รักเขา รักมานาน เงยหน้ามองดูรูปต้นธารา เอ่ยขอบคุณท่านนายพล

“ธารคงมีความสุข แล้วผู้กองอย่ายึดติดเรื่องของธารล่ะ เขาคงไม่อยากผูกมัดคุณไว้นัก”

คำกล่าวของท่านนายพลไม่เข้าหูเลยแม้แต่น้อย มันเลื่อนลอยเหมือนกับว่าไม่ใช่ความจริง

------------------------------------------------

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
กลับไปอยู่บ้านของตัวเอง แผ่นหลังพิงพนัง มองดูดาวอย่างเงียบเหงาและอ้างว้าง แม้จ่าแม้นจะมาอยู่เป็นเพื่อน ชวนดื่มเหล้าให้คลายความโศกหดหู่จากหน้าที่ที่ได้ปฏิบัติและเผชิญกับความสูญเสีย ภานุก็ปฏิเสธ นั่งถือไดอารี่ของต้นธาราไว้แน่น

“พรุ่งนี้ยังมีงานอยู่อีกนะครับผู้กอง อย่าลืมละครับว่าเราต้องไปเก็บกวาดส่วนที่เหลือและชิงตัวคุณกิ่งไผ่มา”

ภานุผงกหัวรับฟังเงียบๆ วันที่ไร้เงาต้นธารามันช่างเหมือนผ่านมานาน คิดถึงอดีต...รอยยิ้มเมื่อตอนอยู่เคียงกัน คืนวันที่มีความสุข ทำไมมันช่างผ่านไปเร็วนัก

“แล้วรักษาสุขภาพด้วยนะครับ คืนนี้ท่าทางอากาศจะเย็น”

“อื้ม”ผู้กองหนุ่มรับคำ ชายหนุ่มลุกขึ้นวางไดอารี่เล่มนั้นลงบนโต๊ะเตี้ยๆ

“อย่าลืมเตรียมตัวนะครับ”

จ่าแม้นเอ่ยก่อนจะลงจากบ้านหลังเล็กๆ ภานุนั่งซึม ไม่กระตือรือร้น ไม่อยากทำอะไร ทำไมเขาต้องสูญเสียต้นธารา...ทำไมนะ...ทำไมเขารู้สึกว่ามันผ่านไปรวดเร็วนัก เวลาที่มีต้นธารายังอยู่ข้างๆกาย ทั้งๆที่ในใจชืดชา แต่ชายหนุ่มก็รู้สึกเช่นนั้นโอบกอดตัวเองจมอยู่กับเวลาที่ได้สิ้นสุดลง

------------------------------------------------

รุ่งเช้า

จ่าแม้สังเกตเห็นรอยดำคล้ำใต้ดวงตาก็รู้ว่าผู้กองภานุไม่ได้นอนทั้งคืน ไม่ได้ท้วงอะไรมองผู้กองเข้ารวมแถวเงียบๆก่อนเข้ารับฟังหน้าที่ ภานุเงียบที่สุดในกลุ่มขณะรับฟัง ไม่ออกความคิดเห็นใดๆออกไปเลยแม้แต่น้อยเมื่อฟังแผนการ

“ผู้กองภานุครับ ขืนยังเหม่ออยู่แบบนี้ก็ไม่อาจปฏิบัติงานให้ลุล่วงได้นะครับ”ธีรเดชเอ่ยเตือนอย่างอ่อนโยน

ภานุไม่สนกับคำเตือน ธีรเดชถอนใจเฮือก ไม่กล้าพูดอะไรต่อ

“การปฏิบัติงานคราวนี้ก็เพื่อเข้าไปยังเวียงนวรัฐะใช่ไหม?”ภานุถาม

ธีรเดชผงกหัว ไม่เข้าใจกับความคิดผู้กองภานุสักเท่าไร

“ครับ”

“แล้วกิ่งไผ่ละเป็นอย่างไร?”

คำถามที่เล่นเอาธีรเดชใจหายวาบ

“ผู้กองแค้นเขา”

“เปล่าหรอก ผมไม่ได้แค้นอะไรเพียงแต่อยากบอกว่าเวลาที่มีความสุขนั้นแสนสั้น อย่าเดินตามรอยเท้าที่พวกผมล่ะ”

ธีรเดชงุนงงกับคำพูดนั้น แล้วอดคิดถึงคำกล่าวลาของอีกฝ่ายไม่ได้ สิ่งที่อีกฝ่ายก่อ...ความเจ็บช้ำค่อยๆกินหัวใจให้ด้านชา ธีรเดชสะบัดความคิดต่างๆออกเพื่อให้ทำงานได้อย่างราบลื่น

“ทราบเป้าหมายเป็นที่แน่นอนแล้ว ครั้งนี้ขอให้ปฏิบัติงานให้ดี”

ไม่มีใครมานั่งโศกเศร้าแม้จะสูญเสียต้นธารา แม้กระทั่งคนเป็นพ่อแท้ๆ ภานุเข้าใจ ทหาร...ต้องเก็บความเสียใจเอาไว้เพราะอาจทำให้งานเสียได้

“ทำลายรังโจรของนายกฤษดาให้สิ้นซาก!”

เสียงรับคำหนักแน่น ก่อนที่จะลำเลียงพลสู่สนามรบ

------------------------------------------------

สิ่งที่ยึดเหยี่ยวจิตใจที่ค่อยๆตายไป คือจิตใจที่มุ่งต่อหน้าที่ ภานุดั้นด้นเดินป่า บุกตะลุยพยายามลืมความรู้สึกที่กักเอาไว้ในใจ เสียงปืนดังขึ้นเป็นตับ ผู้กองหนุ่มช่วยยิงคุ้มกัน ดูบ้าคลั่ง แม้กระทั่งมีคำสั่งให้ถอย หากชายหนุ่มก็ไม่ยอมทำ บุกตะลุยเข้าดงศัตรู ทุกคนต่างร้องลั่นเมื่อเห็นผู้กองบ้าดีเดือดบุกเข้าไปในแดนศัตรูตรงๆ เสียงปืนดังก้อง กระสุนร่างของผู้กองพรุน ภานุผงะ ลิ้มรสความเจ็บปวดที่ค่อยๆก่อตัวขึ้น เขาไม่เสียใจเลยจริงๆ ก่อนจะล้มลงเหมือนภาพลวงตาเห็นต้นธาราอยู่ตรงหน้า...มันก็แค่ภาพลวงตา ร่างของผู้กองทรุดฮวบ ความเจ็บปวดค่อยๆบรรเทาก่อนความมืดหม่นจะครอบงำ.....

“ผู้กอง!!!”

เสียงเรียกชื่อดังก้องป่า ภานุหลับตาลง...ชีวิตของเขา เวลาของเขาคือการทำตามสัญญา แม้ว่าต้นธาราจะห้าม แต่...ทุกที่เขาจะตามไป...ไปหาสายน้ำชโลมหัวใจดวงนี้ไม่ให้เหือดแห้ง ท้องฟ้าที่ได้เห็นเป็นครั้งสุดท้ายเป็นท้องฟ้าสีหม่นเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย ดวงตากร้าวปิดลง สำนึกสุดท้ายคือความรักที่อยู่ในห้วงความทรงจำที่ไม่อาจลบเลือน

------------------------------------------------

ไม่มีใครรู้ว่าผู้กองภานุคิดอะไรอยู่ ถึงปล่อยตัวเองเสี่ยงอันตรายจนถึงชีวิต ไดอารี่ที่อยู่บนโต๊ะปลิวไสว รูปของผู้กองภานุล่องลอยร่วงสู่พื้นช้าๆ ร้อยเอกธีรเดชก้มเก็บสอดใส่ในไดอารี่ตามเดิม หอบหิ้วอัฐของผู้กองภานุวางคู่กับต้นธารา เงยหน้ามองท้องฟ้า เรื่องของผู้กองจบลงด้วยความเศร้าแล้วเรื่องของเขาล่ะ? มันจะจบเช่นไร

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
ยังไม่จบ  ไว้จะมาต่ออีกนะ 

เรื่องมันเศร้า  :m15:  :m15:  :m15:

 :sad11:

pupper

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้ว  :a5: มันบีบคั้น เจ็บปวดหัวใจจังนะครับ  :o12:
ขนาดเตรียมๆใจไว้แล้วจากการทิ้งระเบิดของผู้แต่งในบาง
ประโยคที่เขียนออกมาสื่อถึงสิ่งที่จะเป็นต่อไป ขนาดทำใจ
ไว้บ้างแล้วก็ยังทำใจไม่ทัน อ่านถึงตอนที่เป็นจุดวิกฤตของ
เรื่องก็ใจสั่นๆคิดว่ามันคงต้องเป็นไปตามนั้น น้ำตาร่วงเลย
สงสารต้นธาราแล้วก็ภาณุมากๆ กว่าจะผ่านอุปสรรคมากมาย
หรือแม้แต่กระทั่งรอคอยปาฏิหารย์ก็ผ่านมันมาได้แล้ว แต่สุด
ท้ายแล้วก็หนีการลาจากพรัดพรากไม่ได้ แต่ภาณุก็รักษาคำ
มั่นสัญญาที่มีต่อคนรักได้จริงๆ นับถือในหัวใจรักของภาณุจริงๆ
บทสรุปไปแล้วสำหรับหนึ่งคู่ที่ผ่านอะไรกันมามากมาย บีบหัวใจ
กับตอนส่งท้ายที่ต้องสูญเสียไปทั้งสองคน อย่างว่าแต่ละคนเป็น
ครึ่งชีวิตของกันและกันเมื่อขาดอีกครึ่งไปอีกครึ่งก็คงอยู่ไม่ได้

หวังว่าประโยคที่ภาณุทิ้งไว้ให้เป็นประโยคสุดท้ายกับธีรเดช
คงทำให้ธีรเดชคิดได้ แต่ท่าทางเขาคงจะคิดได้แล้วว่าหัวใจ
ของเขาอยู่ที่ไหน ขอให้ตามเอาหัวใจของตนเองกลับมาให้ได้
แล้วขอให้อย่าสูญเสียไปแบบภาณุและต้นธารา
เฮ้อ ปวดใจ บีบคั้น เจ็วปวด ตกตะกอน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮออ

คนมันจะไม่รอดนี่เนอะ ฟ้ากำหนดไว้แล้ว

ยังไงก็อดเสียดายไม่ได้อยู่ดี

ทั้งๆ ที่กำลังจะหายดีแล้วเชียว

ผู้กองภาณุเป๋ไปเลย  จนในที่สุดก็ตามกันไป

นี่ละน้า...ความรัก

คราวนี้ก็จะไม่พลัดพรากแล้วเนอะผู้กอง คุณหมอ

-------------------

ผู้กองธี จะไปแก้แค้นกิ่งไผ่มั้ยนิ

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
 :z3: :z3: รอภาคสาม ภาคสองไม่ไหวเศร้าเกิน

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
^
^
^

พี่1 นี่เราอ่านกันมาสองภาคแล้วหรอ

ก๊ากกกกกกกกกกกกก

ไม่รุ้ตัว

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
 :m15:
เป็นกำลังใจให้เสมอและตลอดไปครับ

Asahi

  • บุคคลทั่วไป
 
:a5: o22 :a5:

ตาย ต๊าย ตาย~
ไม่ได้อ่านแปบเดียวตายหมดเลยอ่ะ
แล้วงี้เรื่องของกิ่งไผ่จะเป็นไงมั่งเนี่ย
ไม่เอาแล้วนะเรื่องเศร้าหน่ะ
:o12:ใจร้าว,,,,,,, จบไปแล้วแต่ก็ยังร้าวแบบต่อเนื่อง
:pig4:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9

nartch

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ RN

  • Global Moderator
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1650/-14
 :o12: :sad4:อะไรกันนนนนนนนน

ตายกันหมดดดดดดดดดดด :serius2:

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
pupper  ปวดใจด้วยคน  ฮือๆ ตอนที่อ่านก็แอบน้ำตาร่วงเหมือนกัน  สงสารที่อุตส่าห์ฝ่าฟันอุปสรรคมาได้ แต่ก็ยังมีเหตุอีก  :sad11:
            หวังไว้เหมือนกันว่ากิ่งไผ่กับธีรเดชจะไม่เป็นแบบคู่นี้  เศร้าไม่เอาแล้วนะน้องเรน  ฮือๆๆ
19NT    เราอ่านกันมาภาคสองแล้ว 55+  ไม่รู้ว่าธีจะแค้นไผ่รึเปล่า  มันก็เป็นปมกันอยู่  จะไปต่อภาคสามจ้า
Poes     ภาคนี้ไม่ไหวเนอะ  เศร้าเกิ้น  ไม่นึกว่าจะโศกตลอดเรื่องเลย แงแง
ken_krub  ขอบคุณค่ะคุณเคนที่เป็นกำลังใจน้องเรนคนแต่งแล้วก็เรา  อิอิ  เศร้าน้อ
Asahi    ก็ว่าหายไปไหน  อ่านไม่ทันจริงๆด้วย  ไม่เอาด้วยคนอ่าเรื่องมันเศร้าเกิน  คุณน้องได้ดูใจร้าวด้วยเหรอ ร้าวววววววได้อีกนะเรื่องนี้
pongsj   หายไปนาน เย้ๆ คุณ pongsj กลับมาแล้ว  โศกหน่อยนะ  ฮือๆๆ ขอโทษที
nartch    นารทเท่ร้ากกก ก็หายไปนาน  ดีๆๆ  กลับมาเศร้าเป็นเพื่อนกัน รับวันปีใหม่ 
RN       ก็ยังดีนะป้า  ที่ไม่ตายยกเรื่อง เอิ๊กๆ เหลือไว้ให้ทั้งรักทั้งแค้นกันอีกคู่นึง  กำ

ต่อน้า  ตอนสุดท้าย  แต่ยังไม่จบนะ   :m15:

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

End

ภาค เกียรติยศ กบฏหัวใจ (ภานุ-ต้นธารา)



http://media.imeem.com/m/yc6D2FvaEs

ตอนอวสาน

ซีรีย์ ห้วงรักเสน่หา....เกียรติยศ กบฏหัวใจ

หน้าสุดท้ายของสมุดบันทึก



ระยะทางที่เกินเอื้อมมือหา ทำให้จมอยู่ในความโศกเศร้าที่ถ่วงให้จมลึก ดวงตาที่มองดู ลมหายใจแผ่วๆ ลมหายใจที่ต่อชีวิตที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดคือหน้ากากออกซิเจนที่ครอบจมูกไว้ ลมหายใจเบาบาง ทุกวินาที...ราวกับจะบอกว่าเวลาที่เหลือน้อยลงไปทุกที ดวงตาสีน้ำตาลที่ปรือมองกับริมฝีปากที่ไม่อาจขยับไว้ ภานุกุมมือบาง ไม่ยอมปล่อย แม้ว่าใครจะห้ามก็ตาม ชายหนุ่มก็ยังนิ่งเฉย ดวงตาสีน้ำตาลรื้นด้วยน้ำตาเมื่อได้สัมผัสไออุ่นที่มอบให้จนวินาทีสุดท้าย

“ความดันค่อยๆลดลงครับ ถูกยิงแบบนี้โอกาสรอดน้อยมาก ยิ่งสภาพร่างกายของคนป่วยไม่แข็งแรงด้วย”

ราวกับได้รับฟังเรื่องแสนโหดร้าย ดวงตากังวล ร้อนใจต่อแพทย์ที่ได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้แก่ผู้บาดเจ็บที่นอนหายใจรัวริน ต้นธารากระพริบตาราวกับคำพูดเหล่านั้นได้เข้าหูตัวเองเช่นกัน

“โอกาสรอดน้อยมากหรือครับ?”ภานุถามเสียงสั่นๆ

“โอกาสห้าสิบ-ห้าสิบครับ ขึ้นอยู่กับว่าสภาพร่างกายของคนไข้จะทนพิษบาดแผลได้สักแค่ไหน”

สายตาคมกร้าวพิศมองใบหน้าซีดขาว บีบมือแน่น ส่งกำลังใจให้ยื้อชีวิตจากมัจจุราช

“อดทนไว้นะธาร อีกไม่นานก็จะถึงมือหมอแล้ว”

คนในเฮลิคอปเตอร์ต่างเฝ้ามองสายสัมพันธ์ที่ดูลึกซึ้งอย่างหดหู่ ดูเหมือนว่าคนไข้ยังไม่สลบไปก็เพราะกำลังใจที่มีให้มาตลอดทาง สายตาเฝ้ามองใบหน้าคมสัน ดุดันอย่างเลื่อยลอยจนกระทั่งเครื่องบินลดระดับ ต้นธาราเฝ้ามองใบหน้าแกร่งที่กำลังพร่าเลือน...ยังจดจำได้ดีถึงสายตาดุดัน เป็นเพียงสิ่งเดียวที่จำได้ไม่มีวันลืมเลือน แม้ว่าจะนานสักแค่ไหน หรือเวลาจะผ่านไปสักเพียงใด ความทรงจำเหล่านี้ก็ไม่เคยจืดจาง เป็นห้วงความคิดของผู้ที่รู้ว่าตัวเองจะตายในไม่ช้า กุมมือหนาไว้แน่นราวกับเกรงกลัวว่ามันจะสูญหายจนกระทั่งไม่อาจตามติดต่อไปได้ กลับไปอยู่ในที่ที่มืดสนิท...มันน่ากลัว...รู้สึกถึงเครื่องบินลดระดับและเปลถูกยกลง ก่อนมือที่กุมไว้แน่นถูกปลดออกจากกัน

ใบหน้าที่เฝ้ามองอย่างอาดูรมีหยาดหยดน้ำตาไหลริน ร่างคนรักค่อยๆห่างไกลจากสายตา ดวงตาสีดำมองตามเตียงที่ถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินก่อนวิ่งตาม จนกระทั่งมองเห็นร่างของต้นธาราหายไปในห้องผ่าตัด ภานุทรุดนั่ง วินาทีที่ไฟหน้าห้องผ้าตัดสว่างวาบ เขาพยายามคิดในแง่ดีเสมอมาว่าต้นธาราต้องรอด กลับมีอันต้องหวั่นไหว ชายหนุ่มลูบใบหน้า เครียดเคร่ง ริมฝีปากเม้มแน่นเกือบเป็นเส้นตรง ยกมือเช็ดคราบน้ำตาจนกระทั่งเลือดที่เปื้อนมือละลายติดแก้ม เหม่อมองดูแสงไฟฉุกเฉิน ทั้งๆที่มันเพิ่งเริ่มการผ่าตัดเพียงแค่นั้น หัวใจก็เหมือนจะถูกเผาให้มอดไหม้ไป

ภานุมองนางพยาบาลที่นำเลือดเข้าไปยังห้องผ่าตัดด้วยความรีบเร่ง ยิ่งบีบให้รู้สึกว่าตัวเองยิ่งเล็กกระจ้อยรอยลงทุกที อยากให้น้ำตาระบายความรู้สึกออกมาแต่มันก็สะกดอยู่ในอารมณ์ลึกๆ หลับตาลง สายตาสีน้ำตาลยังแจ่มชัดในห้วงความทรงจำ

...ไม่เคยใจหายถึงขนาดนี้ ไม่เคยที่จะรักใครได้จนๆไม่อยากให้จากลา...

ภานุคิด ความสัมพันธ์ที่เบาะบ่มมาจากความบาดหมาง เคยคิดแค้นแต่สุดท้ายแล้วก็รักจนไม่อาจถอดถอน เคยคิดอยากให้ปวดร้าว อยากให้ทั้งชีวิตนั่นได้ตายลงกับมือตัวเอง เกลียดไปทั้งใจหากสุดท้ายแล้วอีกฝ่ายกลับเป็นสายน้ำที่ค่อยลูบปลอบประโลม คอยให้รัก...เกือบเดินทางผิด ปล่อยให้คนที่ใจต้องการจริงๆหายจากมือคู่นี้ไป ความรักที่ต้นธารามีให้ราวกับเป็นอ้อมแขนที่ส่งมาจากฟ้า เคยอยู่ในโลกที่มืดมิด ทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายแต่พอได้มีโอกาสที่อยู่ด้วยกัน อยากใช้โอกาสที่จะแก้ไขอดีต.....มันสายไปรึเปล่า... ผู้กองหนุ่มใช้หลังมือปาดน้ำตาออก รำลึกถึงคืนวันที่มีความสุขด้วยกัน แหวนที่ประดับนิ้วให้ คิดว่าหลังจากนี้จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน มีความสุขอยู่เงียบๆ อยากโอบกอดร่างที่อ่อนล้าไว้ด้วยวงแขนคู่นี้ ในยามที่แต่ละฝ่ายต่างเหน็บเหนื่อยจากสิ่งรอบกาย ภานุเงยหน้าขึ้นเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง

...หากเสียต้นธาราไป เขาจะทำเช่นไรดี...

ได้แต่ถามตัวเองซ้ำเล่า กลัวเกรงกับการที่ต้องอยู่คนเดียว ไม่อยากให้ต้นธาราจากไป ภานุประสานมือเข้าหาตัวเองแน่น

...ได้โปรดเถอะ อย่าให้เขาทรมานใจไปมากกว่านี้เลย...

ดวงตาแดงก่ำยังคงเฝ้ามองประตูห้องผ่าตัดไม่วางตา หูแว่วราวกับได้ยินเสียงกรุ่งกริ๋ง ทว่าพอเงี่ยหูฟังมีแต่ความว่างเปล่าของสายลม

...“ผมไม่อยากรั้งผู้กองไว้แบบนี้เลย”...

น้ำเสียงที่เอ่ยแผ่วเบา...สายตาคู่นั้นเป็นกังวล ไม่อยากให้ยึดติดในสัญญา

อย่ากังวลใจไปเลย คุณกังวลใจแบบนี้อีกแล้ว สัญญาแล้วไม่ใช่รึไงว่าคุณไปไหน ผมจะตามคุณไป ผมไม่อาจรักใครได้อีกแล้ว ผมไม่มีทางปล่อยมือจากคุณไปไหน ผมไม่ให้ใครช่วงชิงคุณไปเด็ดขาดแม้กระทั่งความตาย จำไม่ได้แล้วรึ?”

สัญญาในตอนนั้นสลักลึก และตอนนี้ความตายค่อยๆยื่นหัตถ์อันโหดร้ายนำตัวคนรักห่างจากมือคู่นี้เรื่อยๆ

“ถูกยิงแบบนี้โอกาสที่จะรอดต่ำมาก”

เสียงแว่วๆขณะอยู่ในเฮลิคอปเตอร์เป็นตัวถ่วงให้ใจหายวาบ ไม่...ต้นธาราต้องรอด!... ภานุเถียงในใจตัวเอง เห็นนางพยาบาลเดินออกมา ภานุลุกขึ้น

“อาการของเขาเป็นอย่างไรบ้างครับ?”

เห็นสายตาของนางพยาบาลแล้วภานุกลืนน้ำลายลงคอ

“ตอนนี้คุณหมอกำลังผ่าตัดอยู่ค่ะ คนไข้เสียเลือดมาก”

เธอเอ่ยจบก่อนจะเดินเร็วๆ เพื่อไปนำเลือดสำรองมา ภานุมองรู้สึกเคว้างคว้าง

...ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วอาการของต้นธาราก็คงจะหนักหนาสาหัส....

เข่าอ่อนยวบ นั่งเงียบๆไปพร้อมกระแสแห่งอารมณ์ตึงเครียดที่ค่อยๆเกาะกุมจิตใจอีกครั้ง สายใยความรักของเขาระหว่างต้นธาราจะจบลงด้วยรูปแบบนี้หรือ? ทุกลมหายใจที่ได้เฝ้าคิดถึงคนอย่างเขาจะไม่มีอีกแล้วรึ? ภานุได้แต่ร่ำร้อง ทรมานกับเวลาที่ดูเหมือนจะไม่สิ้นสุด ทบทวนความรักที่อีกฝ่ายมีให้เขาแม้ว่าจะถูกทำร้ายสักเพียงใด สงสัย ทำไมถึงรักได้มากมายขนาดนั้น ใช่ว่าจะรักอย่างงมงาย ต้นธาราเลือกที่จะคว้าเอาไว้ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองอาจจะไม่มีชีวิตอยู่ แม้จะถูกกดดัน แม้จะถูกรังเกียจแต่ก็จำยอมทน ช่วงเวลาที่มีความสุขต้นธาราคงอยากเลือกที่จะเก็บให้นานที่สุด!

------------------------------------------------

ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
“วันนี้อยู่กับผมได้ไหม?”

ร้องขอในขณะที่ต้นธารากำลังขึ้นบ้าน คุณหมอที่หน้าแดงนิดๆยิ้มเก้อๆ ภานุไม่ให้ปฏิเสธกลับดึงมือลงมาจากบ้านเองเสียด้วยซ้ำ

“ถัดจากเซอร์ไพรส์แล้วจะเป็นอะไรล่ะ?”ต้นธาราถาม รอยยิ้มอ่อนจางยิ้มกว้างราวกับแสงสว่าง

“อยากใช้เวลาอยู่กับธารนี่”ภานุเอ่ยพลางบีบมือเย็นเฉียบด้วยอากาศยะเยือกเบาๆ

“ดีใจที่ผู้กองพูดนะ...”กระซิบบอกเบาๆ

ภานุกระชากร่างที่ยืนนิ่งมากอดแน่น

“ธาร...รู้ไหมว่าผมดีใจที่คุณพูดแบบนี้ เห็นดูแปลกๆขัดเขินทุกที”

มือบางโอบกอดตอบฝังใบหน้าซีดเซียวอยู่กับแผ่นอกหนา

“ก็ไม่ชิน”ต้นธาราตอบ

ภานุดึงตัวต้นธาราออกห่างเล็กน้อย จ้องดวงตาสีน้ำตาลที่ฉายเพียงเงาของชายหนุ่มเพียงผู้เดียว ชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไรให้มากนัก ได้แต่พาเดินเงียบๆ ต้นธารามองดูรอบกายที่มืดมิด เขามีความสุข มองร่างสูงที่กุมมือไว้แน่น ให้ความมั่นคง เดินไปถึงบ้านของผู้กองภานุ ร่างสูงเปิดประตูพาเข้าไปภายในก่อนจะกอดอีกครั้ง แม้ว่าต้นธาราจะตกใจต่อการจู่โจมกะทันหันแต่เขาก็ยกมือโอบกอดร่างแกร่งเช่นเดิม

“หนาว...ขอกอดคุณหมอไว้แบบนี้นะครับ”กระซิบคำหวาน

รอยยิ้มประดับพาดริมฝีปากบาง แสดงถึงความสุขที่สุดบนดวงหน้าขาวซีด

“ผ้าห่มมีครับผู้กอง ปล่อยเถอะครับ”เอ่ยบอกเบาๆ

ทว่าภานุไม่ยอมปล่อยซบกับบ่าจนแทบจะกลืนกินลงไปทั้งตัว

“ผู้กองครับ ผมง่วง”

น้ำเสียงติดอาการหาวเอ่ย ภานุจึงผละออกอย่างเสียดาย

“งั้นธารนอนเถอะครับ ผมขอโทษที่ดึงดันมากเกินไป”

ต้นธาราเหนื่อยที่จะตอบเขาล้มตัวนอนบนเตียงของผู้กองหนุ่ม ภานุห่มผ้าให้ ทรุดนั่งมองดูเปลือกตาที่ปิดสนิท อนาคตจะเป็นเช่นไรนะ? ชายหนุ่มหยิบตลับสีแดงในตู้เสื้อผ้าออกมา หยิบแหวนสีทองที่สะท้อนเปลวเทียน ยิ้มนิดๆก่อนจะวางลง

...แม้ว่ามันอาจจะดูแปลกแต่ก็อยากให้สัญญาลักษณ์แทนการเริ่มต้นกับคนที่รักจนสุดหัวใจ....

ภานุเก็บเอาไว้ก่อน ชายหนุ่มทรุดนั่งข้างเตียงมองใบหน้าที่หลับใหลให้นานที่สุด ก่อนถือโอกาสนอนข้างๆศีรษะนุ่มๆที่ทับต้นแขนแกร่ง ร่างที่อยู่ในอ้อมกอด ดวงตาสีน้ำตาปิดสนิท หลับสนิท ไว้วางใจ มือหนารั้งร่างหลับใหลในราตรีกาลเข้าหาอ้อมแขนเงียบๆ ก่อนจูบแนบเรือนผมสีอ่อน จูบแสนหวาน อ่อนโยน ค่ำคืนนี้อยากใช้เวลาด้วยกัน แม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาแสนสั้นก็ตาม การที่ได้เฝ้ามองคนที่เรารัก อยากทำอะไรให้เหมือนกับคู่รักทั่วไป ให้สมกับละทิ้งความขมขื่นใจที่มีมานานแสนนาน

...แต่มันไม่มีอีกแล้ว ช่วงเวลาแห่งความสุข...

------------------------------------------------

เสียงฝีเท้าหนักๆหยุดตรงหน้าพร้อมกับน้ำเสียงถามขึ้นอย่างร้อนใจ ภานุหมดแรงที่จะเอ่ย...เขาสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อได้รับรู้ถึงข่าวร้ายที่เป็นความฝันน่ากลัวตามหลอกหลอนความรู้สึก!

ผ่านคำคืนที่เงียบเหงา ร้องไห้จนตาแดงก่ำอย่างไม่อาย มือหนาสั่นเทาขณะที่เปิดหน้าไดอารี่ที่อีกฝ่ายเขียนความรู้สึกให้ตัวเอง

สิ่งที่หัวใจคุณรู้สึก อยากจะตามหาความรู้สึกนี้ เป็นแค่ความฝัน หรือว่าคงอยู่ในโลกแห่งความจริงกัน เป็นเพราะอะไรถึงได้มีความผูกพัน เพราะโชคชะตาอย่างนั้นหรือ หรือเพราะจังหวะหัวใจที่เต้นถี่กัน...เราถึงพบกัน

...เหตุผลของคนๆหนึ่งขึ้นอยู่กับอะไรความสิ้นหวังเกิดเพราะความรู้สึกของตัวเองหรือ การตัดสินใจล่ะควรจะไปยังทิศทางไหน ถึงจะรู้ว่าเจ็บปวดก็ยังกระทำ ช่างน่าแปลกใจนักทำไมถึงกล้าทำให้หัวใจของตัวเองต้องเจ็บปวด...บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจในเหตุผลนั่น ผมโง่เกินไปหรือเปล่าล่ะ สิ่งที่บอกว่าจะลบความเจ็บทั้งหมดคือการลืม ผมน่ะไม่กล้าถึงขนาดนั้นไม่ได้มีความสามารถพอที่จะลบทุกอย่างออกจากใจหรอก ถึงจะพูดแบบนั้น ผมก็รู้ว่ายังจะรักเขาต่อไปเรื่อยๆแม้ว่าสักเศษเสี้ยวหัวใจของผมจะไม่มีผมเลยก็ตามแต่...

ริมฝีปากภานุที่เม้มแน่นสะกดกลั้นเสียงสะอื้น เปิดหน้าต่อไป มองเห็นรูปของเขากับนาคี

....วันนี้พ่อพาไปที่บ้านยังผู้กองนาคี ผมรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยที่ไปพบกับพ่อและแม่ของผู้กอง แม้ท่านจะไม่พูดอะไรแต่ในหัวใจของผมมันก็ยังเจ็บปวดอยู่ดี ผมทำให้ผู้กองตาย ทั้งๆที่เป็นผมแท้ๆที่น่าจะตาย การที่ผู้กองภานุเกลียดผม ผมพอเข้าใจ เขาทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมานานและผมก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นฝันร้ายนั่นก็คือผมได้รู้ว่าผู้กองนาคีรักผม เพราะเหตุผลใดไม่อาจรู้ได้ มันทำให้รู้สึกหดหู่จนไม่รู้เลยว่าจะจัดการเช่นใดดี....

ภานุสอดรูปเก็บปิดหน้าไดอารี่ตามเดิม ใบหน้านองด้วยน้ำตา มองแหวนที่ท่านนายพลพิภพนำมาคืนให้ภายหลังทั้งๆที่เขายืนยันอยากให้ต้นธาราเก็บไว้ ชายหนุ่มได้แต่รับมาอย่างเงียบงัน แหวนที่ถอดออกจากนิ้วมือบอบบาง เนื้อทองเย็นชืด มันไม่สลักสำคัญอะไรอีกแล้วหากคนใส่ไม่อยู่ มองดูแหวนเนื้อเกลี้ยงที่เคยอยู่บนนิ้วเรียว ต่อจากนี้ไปเขาต้องอยู่โดดเดี่ยว แหวนที่คิดจะมอบให้เป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นกลับเป็นจุดจบ ภานุเก็บลงตลับซุกไว้บนชั้น แหงนหน้าดูความว่างเปล่ารายล้อมตัวเอง เสียใจจนกระทั่งเจ็บในอกไปหมด ลุกขึ้นยืนเคว้งคว้าง คืนวันผ่านไปอย่างเชื่องช้า

...ธาร คุณจากไปโดยไม่ลาผมนะ แต่รอผมนะ รอผม...

เขาสัญญากับความเงียบงันและความสิ้นหวังที่อยู่เต็มหัวใจ!

-----------------------END!-------------------------


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด