ตอนที่ 9 รอยยิ้ม
“เติมข้าวอีกมั้ยลูก?” คุณแม่วันดียิ้มหวานถามไอ้เดย์ที่ตอนนี้ทำปากซีดซ๊าดซดน้ำต้มยำลงคอ ไอ้เดย์พยักหน้าหงึกๆ อย่างไร้ความเกรงอกเกรงใจ พลางรับแก้วน้ำจากพี่หนึ่งไปดื่มแก้เผ็ด จากนั้นแม่ก็หันมาทางผมด้วยใบหน้าคนละอารมณ์กับที่ถามมันเมื่อสักครู่ โห สองมาตรฐานชัดๆ ไอ้สามไม่ปลื้มอ่ะ
“มันกินก็ให้มันไปตักเองดิแม่” ผมทักท้วงสายตาของแม่
“เดย์เขาอุตส่าห์มาส่งแกนะสาม อย่าเป็นเจ้าบ้านที่ไร้น้ำใจ แม่ไม่ชอบ”
“มันอยากมาส่งเองนี่ สามไม่ได้ขอร้องสักหน่อย” ผมทำปากบ่นขมุบขมิบขณะคว้าจานข้าวออกมาเติมให้ไอ้เดย์อย่างไม่เต็มใจนัก ถ้าลองวัดระดับชั้นเป็นรูปสามเหลี่ยมพิระมิด ผมว่าผมอยู่ชั้นล่างสุดแหงๆ อะไรๆ ก็สามทุกอย่างเลยอ่ะ
.
.
.
“ตาสามอย่ากลับให้ดึกมากนักนะ” แม่เอ่ยบอกเมื่อผมกลับมานั่งที่โต๊ะพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ ที่ตักมาให้ไอ้เดย์ ผมเลยมองหน้าแม่งงๆ
“กลับดึกอะไรแม่?”
“เอ๊า ก็แกจะไปเที่ยวกลางคืนกับเดย์ไม่ใช่รึไง เหล้าก็อย่าไปกินเยอะนัก รู้ใช่มั้ย” หือ? ถึงขั้นงงเลยหนักสิครับ เพราะผมไม่ได้รู้เรื่องหรือไปนัดอะไรมันไว้ตอนไหนสักหน่อย แต่ที่แม่ไม่ให้กินเหล้าเยอะพื้นฐานคงมาจากพ่อที่ตายนั่นแหละ
“เราขอแม่ให้แล้วสาม เราบอกแม่ว่าจะพานายไปกินเลี้ยงวันเกิดน้องสาวเรา” อุ๊ต๊ะ สรรพนามมึงเสนาะรูหูกูมาก ทว่าไม่ชินยังไงไม่ทราบสินะ ผมมองไอ้เดย์อึ้งๆ อยากสวนกลับไปใจแทบขาด ‘มาเสือกอะไรกับกูครับเนี่ย’
“ลูกชายคนนี้ของแม่หน้าตามันกวนๆ อย่าให้มันไปสะกิดต่อมกระตุกใต้เท้าใครนะลูก”
“แม่!” ผมเรียกเสียงดัง สองสาวข้างๆ หัวเราะกันคิกคัก
“ฉันพูดความจริง” แม่ทำเสียงขรึมหน้าตาเข้มเอาเรื่อง
“แม่ก็... ไปว่าสามมัน หน้ามันออกจะหล่อ” พี่หนึ่งหันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้พี่สองที่เป็นลูกคู่
“น้อยกว่าโจรใต้นิดเดียวเอ๊ง~” จบสิ้นประโยคต่อท้ายของพี่สอง แม่พ่นน้ำที่ดื่มคาปากเต็มหน้าผมเลยทีนี้ แหม...จะหันไปทางไอ้เดย์หน่อยไม่ได้ *เซ็งเป็ด*
“โอ๊ย แค่กๆ...” แม่ทุบอกตัวเองเบาๆ ไอ้เดย์ก็คอยลูบหลังให้
“ใจเย็นครับแม่ ค่อยๆ หายใจเข้าลึกๆ นะครับ” มันปลอบแม่ผม อย่างกะแม่ผมเป็นคนท้องใกล้คลอดซะงั้น ผมดึงชายเสื้อยืดมาเช็ดหน้าเช็ดตา
“สามไม่ไปหรอกแม่ สามไม่รู้เรื่องอะไรด้วย แล้วน้องมันใครเหรอ สามก็ไม่รู้จัก สามไม่ไปหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไม่ไหว” ผมปฏิเสธหน้าเครียด
“รู้จักดิ” ไอ้เดย์เลิกลูบหลังให้แม่แล้วรีบเงยหน้าขึ้นมาเถียง
“กูไปรู้จักเมื่อไหร่ จำไม่เห็นได้ว่าเคยญาติดีกับมึงกระทั่งวันนี้”
“ตาสาม พูดให้เพราะ พูดใหม่!” แม่สั่งเสียงห้าว ผมมองแม่เหมือนเด็กถูกขัดใจ แต่จะเถียงก็ไม่ได้เดี๋ยวโดนมิใช่น้อย
“เราไปรู้จักน้องนายตอนไหน เราจำไม่ได้ว่าเราเคยไปทำความสนิทสนมกับนายถึงขั้นนั้น”
“ฝนลูกรหัสนายไง คนที่นายคิดว่าถูกเรารังแกเมื่อคืนนั่นล่ะ” มันตอบ
“มึงโกหก” สาบาน อันนี้เป็นไปโดยอัตโนมัติจริงๆ ครับ แม่วันดีที่นั่งข้างหมั่นเขี้ยวมั้ง หันมาซัดเข้าให้ที่กลางหลังผมดัง *ตับ* ทำเอาไอ้สามสะอึกทีเดียวเชียว
“อย่าให้มีครั้งที่สามนะไอ้สาม” แม่กำชับ
“ก็นะ เอาเป็นว่าฝนน่ะเป็นน้องเราไม่แท้ก็ได้ ยังไงคืนนี้นายต้องไปกับเรา ถ้านายยังไม่ลืมเรื่องตรงนี้...” ไอ้เดย์เอานิ้วแตะๆ มุมปากที่เขียวเป็นจ้ำ ย้ำเตือนให้ผมรู้ทันทีว่านั่นคือคำขู่กลายๆ ในแบบฉบับของแม่ง
“ปากไปโดนอะไรมาเดย์?” พี่หนึ่งซึ่งมองตามนิ้วไอ้เดย์ถาม
“หมากัดนิดหน่อยครับพี่หนึ่ง” มันยิ้มบอกทีเล่นทีจริง
“หมาสองขาสิท่า ช้ำเสียขนาดนั้น”
“ประมาณนั้นครับ” ไอ้เดย์ตอบแล้วค่อยลอบมองผมอย่างผู้กำชัย แน่จริงมึงบอกพี่ๆ กับแม่กูไปเลยดิ ว่าเป็นหมาตัวที่นั่งอยู่ตรงนี้น่ะ ผมขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเก็บกด
“แล้วเราจะไปทั้งชุดนักศึกษางี้เหรอเดย์” พี่สองถามบ้าง ส่วนแม่ตอนนี้เริ่มถยอยเก็บจานชามบนโต๊ะใส่กะละมัง
“ผมมีชุดสำรองเตรียมอยู่ในรถครับ”
“เหรอ อืม” พยักหน้าเข้าใจ
“ถ้างั้นก็อาบน้ำเสียที่นี่เลยแล้วกัน เดี๋ยวพี่จะให้สามเตรียมของใช้ให้” พี่หนึ่งว่า
“สามอีกและ” ผมบ่น แม่มองผมตาเขียวปั๊ด
“ผมเปลี่ยนในรถก็ได้ รบกวนเปล่าๆ ครับ” มันทำท่าทีเกรงใจ
“ไม่เป็นไรๆ สามมันก็บ่นไปงั้น”
“บ่นจริงๆ เหอะ...โอ๊ย!!” รอบนี้แม่บิดหูผมซะร้องจ๊าก มือไวชะมัด *น้ำตาไหล* ยกมือขึ้นถูหูพร้อมๆ กับมองฝังแรงอาฆาตไปที่ไอ้เดย์
“ขอบคุณครับพี่หนึ่ง ขอบคุณครับพี่สอง แล้วก็ขอบคุณครับแม่” มันยกมือไหว้ครบทุกคนแล้วหันมาส่งยิ้มให้ผม
“ขอบใจนะสาม” เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมตั้งตัวไม่ทันจริงๆ สั้นๆ แต่เรื่อยๆ อย่าว่ากันเลยนะ เพราะเค้าผิดเอง
พรุ่งนี้อาจไม่ได้มาต่อนะจ๊ะ เพราะจะไปเล่นน้ำสงการ์ณ ปล. ตอนพิเศษคนเขียนส่งมาแล้ว สัญญาว่าถ้าพิมพ์จบจะลงให้ แม้มันจะเป็นการลงหลงเทศกาลก็ตาม อิอิ