ตอนที่ 10 คำอธิบายของคนหล่อ
หัวใจเต้นโครมคราม กับรอยยิ้มของไอ้เดย์ เป็นไปได้ไงวะไอ้สาม?
.
.
.
ผมนั่งคิดขณะรอคิวอาบน้ำต่อจากแขกที่ไม่ได้รับเชิญของบ้าน ซึ่งก็ได้หายเข้าไปนานหลายสิบนาทีแล้ว อืม...สงสัยจะเข้าไปทำพิธีบางอย่าง
.
.
.
เห็นท่าว่าคงต้องรออีกนานก็พาร่างเปลือยท่อนบน เดินโชว์ซิกแพคออกมาสำรวจหน้าบ้าน ช่วงหัวค่ำหน้าบ้านผมมักจะใช้เป็นสถานที่พบปะสังสรรค์ของเหล่าแก๊งค์ ที่ยกระดับฐานะให้ผมในพื้นที่เขตนี้เป็น ‘ลูกพี่สาม’ เพราะมีโต๊ะหินอ่อนนั่งสุมหัวกันได้ และไอ้ที่ว่ามานี่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะจับกลุ่มทำเรื่องอะไรไม่ดีหรอกนะครับ เพียงแค่เป็นกลุ่มเพื่อนๆ น้องๆ ที่ไว้ชวนเรียกเหงื่อ ออกกำลังกายเพื่อความแข็งแรง ประมาณเข้าข่าย ‘ชุมชนสีขาว ห่างไกลยาเสพติด’ เถือกนั้น
“โอ๊ะ พี่สาม!” ไอ้แก้ว เด็กประถมตัวดำปี๋เงยหน้าจากวงสนทนาบนม้าหินอ่อนขึ้นมาทักเสียงแหลม หน้าแป้นๆ ของมันยิ้มโชว์ฟันหลอสองซีก ที่ผมเพิ่งจะได้ยินข่าวเร็วๆ นี้ว่าฟันที่หายไปสองซีกของมัน โดนตะกร้อเตะ...? ฟังแล้วอาจจะงง แต่อย่าไปสงสัยให้เปลืองเวลา เพราะผมเองก็ไม่ได้รู้อะไรไปมากกว่านี้หรอก
“ไงไอ้แก้ว บ้านช่องไม่กลับอีกแล้วนะมึง” ผมทักกลับ
“โหย กลับไปก็ไปดูมวยคู่เอก ผมรอให้มวยจบค่อยกลับอ่ะ”
“หืม...กูเห็นพ่อแม่มึงเช้าทะเลาะ เย็นทะเลาะ ทำไมยังไม่เลิกกันอีกวะ เห็นมาตั้งแต่มึงตัวเท่าเนี๊ยะ” ผมทำมือยกนิ้วก้อยให้มันดู ป้าสีกับลุงสมแม่ของไอ้แก้ว มีอาชีพเข็นผักขายในตลาดทั้งคู่ บ้านอยู่ท้ายซอยลึกเข้าไปอีกไกลโข ค่อนข้างสนิทกับครอบครัวผมพอสมควร เพราะต้องคอยส่งผักสดๆ ให้แม่ผมทำกับข้าวขายทุกเช้า
“เคยได้ยินมั้ยพี่ ลิ้นกับฟัน” ไอ้เปลว เด็กกว่าผมสองปีพูดพลางหัวเราะ เพื่อนรุ่นเดียวกันกับมันอีกสามคนหัวเราะตาม
“มึงจะบอกกูว่า ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง?” ผมเลิกคิ้ว
“เปล่า ผมหมายถึงนานวันไป เดี๋ยวมันก็หลุดหมดปาก เหลือไว้แต่ลิ้น” ฮาครืนกันทั้งกลุ่มยกเว้นผมกับไอ้แก้ว
“พี่เปลวแช่งพ่อผมเหรอ” ไอ้แก้วชักสีหน้า
“อันนี้ก็เปล่า กูจะไปแช่งใครได้ ในเมื่อใครเป็นลิ้นแล้วใครเป็นฟันกูก็ไม่รู้” ไอ้เปลวยักไหล่
“จำไว้เถอะ ผมเจอป้านวล(แม่ไอ้เปลว)จะฟ้อง” ไอ้แก้วทำหน้าค้อนๆ
“เออ เรื่องของมึง”
“พี่สามวันนี้ไปเตะบอลป่ะ” ไอ้ขนมเทียน เด็กไฮโซ มีแม่เป็นเจ้าของตลาดฝั่งนี้ถามผมที่กำลังจะกลับเข้าบ้าน
“ไม่ว่ะ” ผมบอกสั้นๆ แล้วเข้ามาในบ้าน ไอ้เดย์ออกจากห้องน้ำทั้งชุดที่เอาไปเปลี่ยนกอดอกมองมาทางผม “มองหาเหี้ยไร?” เกลียดสายตาจ้องจับผิดอย่างนั้นของมันชะมัด
“หาทำไม ยืนตัวเป็นๆ อยู่ต่อหน้าแล้ว” ไม่ทันเอะใจว่าโดนด่า ผมยักไหล่เดินผ่านมันเข้ามาในห้องน้ำ กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็ต้องเก็บความแค้นนี้ไว้ในใจ เพราะคุณแม่วันดีกลับลงมานั่งดูละครหลังข่าวข้างล่างกับพวกพี่ๆ แล้ว ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!
รื้อเสื้อผ้าที่มีอยู่ไม่กี่ตัวออกมาสลัดๆ แล้วก็ใส่อย่างหัวเสีย ก่อนจะเดินนิ่วหน้าหงิกออกมาสวมรองเท้าผ้าใบคู่เก่า ยกมือขึ้นไหว้บอกลาแม่ พี่หนึ่งกับพี่สอง จากนั้นก็เดินออกมาหาไอ้เดย์ที่รออยู่ข้างรถ
“ไม่มีชุดดีกว่านี้?” มันเลิกคิ้วถามหลังสอดส่ายตาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“ถ้ามึงอายที่กูแต่งตัวแบบนี้ มึงก็ไปคนเดียว” สภาพจริงผมไม่ได้แย่นะ เอาตรงๆ เสื้อเชิ้ตขาวลายทางน้ำเงิน กางเกงยีนเดฟสีดำกับรองเท้าผ้าใบเน่าๆ ที่ใส่ไปเรียนทุกวัน ธรรมดาจะตาย
ไอ้เดย์ไม่พูดพร่ำ เปิดประตูรถเข้าไปนั่งติดเครื่องรอ ผมหงุดหงิดที่มันเงียบแต่ก็ต้องเปิดประตูอีกฝั่งตามเข้ามานั่งอย่างเสียไม่ได้ หันหน้าออกหน้าต่างดูนั่นดูนี่มาเรื่อย ไม่มีการพูดจากันสักคำ กระทั่งรถแล่นเข้าถนนสายรัชดาภิเษก แสงสีตามร้านรวงต่างๆ ก็ทำให้ผมใจเต้นตึกตัก เหมือนได้เปิดโลกทัศน์ใหม่
.
.
.
ไอ้เดย์หักพวงมาลัยรถเลี้ยวเข้าจอดที่หน้าร้านแห่งหนึ่ง เป็นร้านอาหารกึ่งผับที่มีหลายโซนให้เลือกนั่ง มีทั้งแบบบรรยากาศชิลๆ ด้านนอกและแบบห้องแอร์เย็นๆ มีดนตรีสดที่ด้านใน
“ถึงแล้ว” มันบอก ผมรีบเปิดประตูลงจากรถมายืนเอ๋อข้างนอก ร้านคนเยอะมาก แถมแต่ล่ะคนก็แต่งตัวดีๆ กันทั้งนั้น ผมก้มมองสภาพตัวเองแล้วนึกถึงคำถามของไอ้เดย์ก่อนจะมาก็แทบอยากพาตัวเองกลับบ้านขึ้นมาทันที
“กูรออยู่ในรถได้มั้ยวะ” ผมถามเสียงแผ่ว ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวห่างจากรถ
“มึงอายไง”
“แล้วมึงไม่อายไง” ผมย้อน มันกลับยักไหล่
“ถ้ากูอายคงไม่พามึงมาหรอก”
“งั้นมึงทักเรื่องชุดกูตอนก่อนจะออกมาทำไม”
“มันเข้า...ช่างแม่งเหอะ ตามกูมาเร็ว” มันกลืนคำตอบที่จะพูดกับผมแล้วเปลี่ยนเรื่องอย่างเร็ว
“มันจะดีเหรอวะ กูกลัวน้องฝนอายเพื่อนว่ะ”
“หึ..” มันหัวเราะลงคอ เดินกลับมาเปิดประตูรถ มุดหัวหายเข้าไปหยิบของบางอย่างจากนั้นก็เดินมาใกล้ “เอ้า แค่นี้มึงก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นแล้ว” มันติดเข็มกลัดมังกรสีทองประดับเพชรเม็ดเล็กๆ ตรงอกเสื้อข้างซ้ายของผม
“เฮ้ย! ไม่เอา หายไปกูไม่มีปัญญาใช้คืนหรอก” ผมพยายามจะแกะออก ไอ้เดย์คว้ามือผม ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็จัดการลากผมเข้ามาในร้าน ฝนในชุดเดรสสีพีชเกาะอก ลุกออกจากโต๊ะเดินมาต้อนรับทันทีที่เห็นไอ้เดย์
“พี่เดย์ช้า...อ๊ะ!” ลูกรหัสเห็นผมที่หลบอยู่ด้านหลังแล้วทำหน้าตกใจ ผมนี่หวั่นกลัวจะถูกเจ้าภาพไล่ออกจากงานชิบหาย
“มัวแต่รอไอ้นี่อยู่น่ะสิ” มันตอบ
“เอ่อ...พี่สาม ฝนขอตัวพี่เดย์เดี๋ยวนะ” แล้วสาวเจ้าก็ลากตัวไอ้เดย์ไป ปล่อยให้ผมที่ไม่มีจุดยืนเป็นของตัวเองได้แต่ยืนเก้ๆ กังๆ ส่งยิ้มอย่างประหม่าให้บรรดาคนที่มองมา *ฮือ*...ไอ้สามอยากกลับบ้านอ่ะ
“นั่งก่อนมั้ยคะ?” คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของเจ้าภาพงานวันนี้เอ่ยถามผมที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ
“มะ...ไม่เป็นไรครับ ผมรอเพื่อนก่อน” ปากสั่นทำไมวะ
“งั้นดื่มอะไรก่อนมั้ย” มองชัดๆ ผู้หญิงที่ถามผมสวยไม่ใช่เล่น ทว่าหน้าไม่คุ้นไม่น่าใช่เด็กมอเดียวกัน
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ” ผมตอบเธอแล้วพาตัวเองกลับออกมารอที่รถ ออกมาได้ไม่นานไอ้เดย์ที่หายไปกับฝนสองคนก็เดินหน้าโหดตรงมาที่ผม
“ทำไมไม่นั่งข้างใน” มันขึ้นเสียงเหมือนไปโมโหใครมา
“ก็กูไม่รู้จักใครสักคน มึงก็มาหายไปกับเจ้าของงาน จะให้กูหน้าด้านอยู่น่ะไม่เอาด้วยหรอก” ผมบอกหน้าเสีย “ของขวัญก็ไม่ได้มีมาให้เขาสักชิ้น มึงคิดว่ากูจะกล้าเหรอ เห็นหน้าหนาๆ เหียกๆ งี้ก็เหอะ ไม่ได้ด้านนะเว้ย”
“คิดมาก ไป เข้าข้างใน” มันคว้าข้อมือผม
“ไม่เอา กูจะกลับ” ผมสะบัดหนี มันยกมือชี้หน้าผมทันที
“อย่าเรื่องมากไอ้สาม กูให้มึงไปก็ต้องไป”
“ไอ้เหี้ย มึงจะมาบังคับอะไรกูเล่า มึงอยากเอาคืนเรื่องที่กูทำหน้ามึงช้ำมึงก็ชกกูกลับสิ ไม่ใช่มาทำให้กูอายคนเขาแบบนี้”
“มึงจะอายทำไม”
“เจ้าภาพเขาไม่ได้เชิญ กูแต่งตัวไม่เท่ห์ หน้ากูเหียก เหตุผลแค่นี้มึงพอใจมั้ยครับ?”
“ไม่ เพราะเจ้าภาพเขาอยากให้มึงมา ถึงจะไม่ได้เชิญก็เถอะ ส่วนเรื่องแต่งตัวมึงก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด แล้วหน้ามึงก็ไม่ได้เหียกอย่างที่มึงเข้าใจด้วย ทีนี้มึงจะเข้าไปกับกูได้หรือยัง?” มันอธิบายตามหัวข้อของผมอย่างกับตอบข้อสอบอัตนัย พร้อมถามกลับอย่างใจเย็น แต่กระนั้นก็ใช่ว่ามันจะรอคำรับรองจากผมหรอกครับ
.
.
.
ไอ้เดย์คว้าแขนผมอีกรอบแล้วพากลับเข้ามาในร้าน ฝนที่นั่งอยู่ในโต๊ะส่งยิ้มให้ มันเกลี่ยที่นั่งให้ว่างพอคนสองคนนั่ง(ด้วยการทำสายตาบังขับคนที่นั่งอยู่ก่อนให้ขยับหนี) ดันหลังผมให้นั่งลง ส่วนมันก็นั่งตามพลางหันไปสั่งเครื่องดื่มกับเด็กเสิร์ฟให้ผมและของมัน (ของผมเป็นแป๊บซี่เพียวๆ)
“พี่สามทานอะไรมั้ยคะ กับแกล้มไรงี้?” ฝนถามยิ้มๆ
“ไม่อ่ะครับ พี่ทานมาแล้ว” ผมบอกยิ้มๆ ไอ้เดย์เอาไหล่กระแทก ผมหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ฝนไหนล่ะ คนที่ฝนบอกกับพี่ว่าจะมาร่วมด้วย พี่ยังไม่เห็น” ไอ้เดย์ถามพลางยกแก้วเหล้าผสมโซดาขึ้นแตะปาก ฝนเอาส้อมจิ้มแตงโมไปไว้ในจาน
“เดี๋ยวก็มามั้ง ฝนไม่รู้”
“ไม่โทรตาม”
“ไม่ล่ะ ฝนไม่ใช่แฟนเขาสักหน่อย อยากมาเดี๋ยวเขาก็มาเอง พี่เดย์จะมายุ่งไรด้วยเนี่ย” ฝนนิ่วหน้าสงสัย
“เปล๊า~” มันตอบเสียงสูงเวอร์ ยกแก้วกระดกจนหมด รู้สึกชื่อตอนจะสิ้นคิดมากไปแล้ว (คดพิมพ์คิดเอง ฮ่าๆ) วันนี้ว่าจะไม่ต่อ แต่สักนิดสั้นๆ ก่อนไปเล่นน้ำและกัน ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ และยอดวิวเช่นเคยค่ะ ปล. คนเขียนบอกว่า หนุ่มเหนือน่าฮักขนาด (ปีหน้าเฮาจะไปโต้ย)