“Someday We'll Know”
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: “Someday We'll Know”  (อ่าน 191458 ครั้ง)

ออฟไลน์ piggyfree

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
เหมือนเกียเชื่อในตัว พี่เพียง แต่สงสัยทุกคนที่เกี่ยวข้องกับข้าวพอง
กลยุทธ์ที่ดีเนอะ ที่เตือนให้แยกธนาคาร เปลี่ยนรหัส และเงื่อนไข
ตอนนี้ไม่คิดว่าเพชรอยู่ในตัวข้าวพองแล้ว มันดูการ์ตูนเกินไป
งั้นเอาแบบเอาเลือดของข้าวพองไปทาหัวสิงโตแล้ว ประตูลับเปิดแทน... กร๊ากกกกก
เห็นไหม คนอ่านนิยายมีจิตนาการล้ำเลิศมาก จากนิยายสืบสวน กลายเป็น Drama comedy

Love U All

  • บุคคลทั่วไป
แหม  ข้าวพองเริ่มอ้อนเกียนะจ๊ะ  พอจะขอให้เกียช่วยสืบเรื่องแม่กับพี่ให้
แบบมีการถึงเนื้อถึงตัวเกีย  อย่างนี้เกียชอบใช่มะ   :hao3:
ยิ่งอ่าน  ยิ่งรู้สึกว่าโชคดีที่ครอบครัวนี้ได้เกียมาเป็นครูนะ
เพราะข้าวพองดูจะปลอดภัยกว่าที่ผ่านมา  แถมคดีก็อาจจะคลี่คลายไปด้วย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ดูลึกลับซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ เห้อออ
ข้าวพองอย่าเพิ่งดื้อน๊าา

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
มาปูเสื่อรอตอนต่อไปค่ะ พรุ่งนี้ก็จะได้อ่านแล้ว อิอิอิ

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
“Someday We'll Know” ตอนที่ 14 หน้า 12 (4พฤษภา57)
«ตอบ #334 เมื่อ04-05-2014 09:10:54 »

ตอนที่ 14

นับจากวันที่เข้าไปออดอ้อน ขอให้เกียช่วยตามคดีของแม่กับพี่เพชร ปากมันก็อยากถามอยู่ทุก 5 นาที ว่ามีความคืบหน้าอะไรไหม คนร้ายคนนั้นมันเป็นใครยิ่งใหญ่มาจากไหน พ่อกับพี่เพียงถึงได้ไม่กล้าต่อกร ยอมปล่อยให้แม่กับพี่เพชรตายฟรี แต่เพราะรู้ว่า การทำงานสืบสวนสอบสวนมันต้องใช้เวลา แล้วเกียก็ต้องอยู่เฝ้าเราตลอด 24 ชั่วโมงจะมีเวลาที่ไหนไปตามสืบคดีนี้
ที่สำคัญคือ ตอนนี้เกียไม่ได้เป็นตำรวจแล้ว
มันต้องมีขั้นตอนอะไรไม่รู้เยอะแยะมากมาย ที่เกียจะต้องตรวจสอบจนกว่าจะมั่นใจสินะ

ข้าวพองขีดรูปอะไรไม่รู้ดูยุ่งเหยิงลงในสมุดจดงาน ป๋อมใช้ปากกาเคาะที่หลังมือเบาๆ ให้ข้าวพองรู้ตัว พลางพยักหน้าไปที่หน้ากระดาน
อาจารย์ประจำวิชายังคงบรรยายไปเรื่อยจนหมดชั่วโมง
“มึงนี่มีเรื่องอื่นให้คิดนอกจากเรื่องเรียนตลอดเวลา” ป๋อมบอก
“เออ” ข้าวพองยอมรับ
ไทนี่ ยื่นหน้าเข้ามาถาม “คิดอะไร แต่วาดรูปยุ่งๆ แบบนี้ มันต้องแปลว่า สับสนวุ่นวายมาก”
“เออ” ข้าวพองยอมรับอีกครั้งแต่ไม่ได้อธิบายอะไร
หว่องอีกคนในห้อง ที่ตัวโตกว่า หว่องคนที่นั่งอยู่ข้างกัน เดินมาสะกิดเรียกให้ไปคุยนอกห้อง

ห้องเรียนนี้มีชื่อหว่องอยู่ 2 คน หว่องแรกเรียนด้วยกันมาหลายปี ทุกคนจึงถนัดเรียกชื่อ แต่ตอนนี้กลายมาเป็นบิ๊ก หว่อง หรือบิ๊ก เพื่อแยกกับหว่องอีกคนที่เพิ่งเข้าเรียนในเทอมนี้ตัวเล็กกว่า และทุกคนเรียกเขาว่า ไทนี่ หว่อง แล้วส่วนใหญ่ก็จะเรียกแต่ไทนี่เฉยๆ

แป๋มที่นั่งด้านหน้าใช้วิธีจิกสายตาผ่านแว่นหนามองตามหลัง 2 หว่องออกไปคุยกันนอกห้อง ป๋อมก็หันมาคุยกับข้าวพอง
“บิ๊กหว่อง เรียกไทนี่หว่องไปคุยเรื่องอะไร”
ข้าวพองส่ายหน้า ขณะที่นึกไปถึงปาร์ตี้ที่บ้านเบลค แล้วหันมามองแป๋มที่หันกลับมาพร้อมกับจิกน้ำเสียงลงทุกคำพูด
“แป๋มไม่ชอบไทนี่หว่อง” 
รู้มานานแล้วว่าไม่ชอบ แต่ครั้งนี้ถึงกับหันมาบอกกันตรงๆ ด้วยน้ำเสียงแบบนี้
“เพื่อนกันน่า”
“แป๋มไม่ชอบพวกเล่นยา”
“เดี๋ยวครับคุณ เดี๋ยวก่อน” ป๋อมยกมือห้ามน้องสาว “เขาแค่เรียกกันออกไปคุย แล้วคุยกันเรื่องอะไรเรายังไม่รู้เลย”
“อย่ามาแบ๊ว” แป๋มจิ้มหน้าผากพี่ชาย “บอกตามตรงนะ ว่าถ้าไม่ใช่เพราะข้าวพอง แป๋มคงไม่คุยกับเขา”
“แป๋ม” ข้าวพองดุเบาๆ “พอมาคิดดูอีกทีเรื่องที่ไมเคิลมันพูดถึงไทนี่น่ะ เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริงหรือไม่จริง”
คราวนี้ พี่น้องฝาแฝดถึงกับอึ้ง “เปลี่ยนใจอะไรอีกล่ะ” แป๋มถาม
“ก็....ครูน่ะ” ข้าวพองเกาหน้าผากตัวเอง “เขามักจะย้ำว่าเราจะกล่าวหาใครลอยๆ ไม่ได้ แล้วพอคิดไปคิดมานะ เราเองก็ไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ว่าไทนี่ขายยาให้พวกไมเคิล”
“แล้วยาที่ข้าวพองใช้ตอนไปเที่ยวล่ะ” แป๋มถามตรงๆ
“ไม่ได้เอาจากไทนี่หรอก”
“จากใคร” แป๋มซักต่อ แต่ข้าวพองไม่ตอบ หันไปมองประตูห้องเรียนที่ไทนี่ยังไม่กลับเข้ามา
“ข้าวพอง เลิกเหอะ” ป๋อมใช้ไม้อ่อน ตรงข้ามกับน้องสาว
“กูไม่ได้ติดนะ ไม่เที่ยวก็ไม่ได้ใช้”
 “เออ นั่นแหละ ไหนๆ ก็ไม่ติดแล้ว ก็อย่าใช้มันอีกเลย”
“รู้แล้วน่า เนี่ยไม่ได้เที่ยว ไม่ได้ไปไหนเลยไม่แตะยาสักนิด เป็นเด็กเรียนโคตรๆ พวกมึงจะเอายังไงกับกูอีก”   

ข้าวพองรู้ตัวว่า ช่องว่างของความเป็นเพื่อนกับแฝดเด็กเรียนคู่นี้ ก็คือการเที่ยวกลางคืนและการใช้ยาเสพติด
ส่วนนิสัยรักความเป็นส่วนตัวน่ะมันเรื่องรอง เพราะว่าเป็นนิสัยส่วนตัวที่ไม่แตกต่างกัน
แล้วจะว่าไปข้าวพองก็ไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทกับใครสักคนในโรงเรียน
ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมคราวนี้คู่แฝดถึงได้ไม่หันหลังให้กันเหมือนทุกครั้งที่ทำรายงานเสร็จ
ไทนี่เดินหน้าระรื่นกลับเข้ามาในห้อง แล้วนั่งลงที่โต๊ะเรียนตัวเดิม
“ข้าวพอง ศุกร์นี้เราไปนอนค้างบ้านข้าวพองได้มั้ย”
“ห๊ะ” ข้าวพองงง
เพราะนี่เป็นเพื่อนคนแรกในชีวิตที่จะไปนอนที่บ้าน
“ศุกร์นี้เลยเหรอ ศุกร์หน้าได้มั้ย”
“อ้าว ทำไมล่ะ”

บอกไม่ได้หรอก ว่าต้องขอกลับไปถามเกีย ถามพ่อ ถามพี่เพียงก่อนว่าจะเอาเพื่อนมานอนบ้านได้ไหม

“กูไม่เคยพาเพื่อนไปนอนบ้าน” ข้าวพองบอกตามตรง “ขอกลับไปเก็บห้องก่อน”
ไทนี่หัวเราะร่วน ส่วนป๋อมกับแป๋มแค่ยิ้มๆ ผ่านไปจนพักเที่ยงแป๋มก็แอบถาม
“ไม่อยากให้ไทนี่ไปบ้านล่ะสิ”
“อือ” ข้าวพองตอบตามความจริง “ถึงจะบอกแป๋มว่าเพื่อน คิดว่าเขาน่าสงสาร แต่มันก็ยังไม่ค่อยไว้ใจเขาสักเท่าไหร่”
แป๋มพยักหน้าเข้าใจ “ตอนนั้นน่ะ แป๋มกำลังคิดว่า ถ้าข้าวพองยอมให้ไทนี่ไปนอนบ้าน ทั้งที่ไม่เคยให้เราพี่น้องไปบ้าน แป๋มจะโวย”
ข้าวพองยิ้มแล้วกอดคอเพื่อนเด็กเรียนไว้ รู้ว่าแป๋มพูดจริงทำจริงเสมอ นักเรียนสาวรุ่นน้องเดินเข้ามาเรียก
“พี่ข้าวพอง”
“เบซซี่” ข้าวพองหันมาทักทาย

เบซซี่เป็นสาวรุ่นน้อง และเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่กำลังคุยกันอยู่ที่บ้านเบลคในตอนที่เกียไปรับกลับบ้าน
และเป็นหนึ่งในหญิงสาวที่อยู่ในสถานะพิเศษของข้าวพอง
แป๋มหันมาพยักหน้ากับข้าวพอง แล้วส่งยิ้มให้เบซซี่

“ไปห้องสมุดนะ เจอกันที่ห้องเรียน”
เบซซี่สาวลูกครึ่งไทย-อเมริกัน นั่งลงแทนที่แป๋ม “ศุกร์นี้พี่เบลคนัดเจอกันที่ห้อง พี่ไปมั้ย”
“ไม่ละ”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ไม่ค่อยอยากไปน่ะ” ข้าวพองตอบโดยไม่ได้หันไปมองคนที่นั่งข้างๆ แต่มองผ่านเพื่อนนักเรียนไปที่ไทนี่ที่กำลังคุยอยู่กับเบลคและเพื่อนๆ
“หรือมีนัดกับผู้หญิงคนนั้น” เบซซี่หมายถึงไอรีน
“ไม่หรอก พี่เพียงสั่งให้ครูเฝ้าตลอด หนีไปเขาก็ไปตามกลับมาอย่างคราวก่อน โดนพวกไมเคิลแซวไม่เลิก”
หญิงสาวหัวเราะคิกคัก ท่าทางน่ารักจนข้าวพองต้องบีบจมูกเบาๆ “อยากไปก็ไปสิ”
“พี่ข้าวพองไม่ไป เบซซี่ก็ไม่อยากไปหรอก” เบซซี่ดึงแขนให้ข้าวพองเอียงตัวมาหา “แล้วเมื่อไหร่ พี่จะไปบ้านเบซซี่ล่ะ”

....เออ นี่มันเทศกาลนอนบ้านเพื่อนกันหรือไงวะเนี่ย...

“ไปทำไมล่ะ วันเกิดหรือไง”
เบซซี่เขย่าแขนผอมๆ ของข้าวพอง “พี่ข้าวพองน่ะ ใจเย็นเกินไปละ ถ้าเบซซี่ยอมให้คนอื่นมาบ้าน พี่ข้าวพองจะเสียใจ”
มือผอมๆ ดึงหูตัวเองเบาๆ “เรื่องนั้นมัน....ขึ้นอยู่กับเบซซี่”
เบซซี่เอียงหน้าซบลงกับต้นแขน ทำให้ข้าวพองหันไปมองไทนี่อีกครั้ง
หนุ่มตัวเล็กหันมามอง โบกมือ แล้วเดินเข้ามาหา
“พี่ข้าวพองสนิทกับเด็กใหม่มากเลยหรือ” เบซซี่เปลี่ยนจากเรื่องชวนเที่ยว ไปเรื่องของคนที่กำลังเดินมาหา
“ก็เพื่อนกัน” นี่คือคำตอบมาตรฐานของข้าวพอง “เขาเพิ่งมาได้ไม่นาน ก็ไม่ได้สนิทกันนักหรอก แล้วอีกสักพักเขาก็คงหากลุ่มเจอแหละ”
เบซซี่พยักหน้า “เขาชอบไปคุยกับพวกขาใหญ่”
หญิงสาวใช้ชื่อพิเศษ ที่ข้าวพองรู้ว่าเบซซี่หมายถึงใคร  “เรารู้หรอกน่า เบซซี่เองไปเที่ยวก็ระวังตัวด้วย”
“อือ” หญิงสาวตอบรับ แล้วหันไปส่งยิ้มให้ไทนี่ หันกลับมาย้ำกับข้าวพองอีกรอบ “ตกลงศุกร์นี้พี่ไม่ไปเบซซี่ก็ไม่ไป”
ไทนี่เข้ามายืนอยู่ข้างหน้าทั้ง 2 คน
“ไปไหนกันหรือ”
“เราคุยกันว่าศุกร์นี้ไม่ไปบ้านเบลคน่ะ” ข้าวพองบอก “กูโดนครูเกียคุมตลอด เบซซี่ก็เลยไม่ไป”
“เหรอ” ไทนี่ดูครุ่นคิด ข้าวพองก็เลยดึงให้เบซซี่ลุกขึ้น
“ใกล้เข้าห้องเรียนแล้ว พี่ไปส่ง”

ไทนี่กลับเป็นฝ่ายเดินตามและฟังข้าวพองเดินคุยกับเบซซี่ เรื่องกิจกรรมหลังเลิกเรียนพิเศษช่วงเช้าวันเสาร์
ส่งเบซซี่เข้าห้องเรียน เดินกลับมาห้องตัวเอง ไทนี่ก็สะกิดถาม

“เขาคุมหนักเพราะเรื่องกูหรือเรื่องยาล่ะ” ไทนี่กลับไปถามเรื่องเกียอีกครั้ง
“เรื่องยาน่ะ” ข้าวพองยอมรับ “วันที่เขาไปเอากูมาจากบ้านเบลคสภาพกูคงแย่มาก จนเขาสั่งแล้วสั่งอีกว่าให้เลิก แล้วพ่อกับพี่เพียงน่ะถึงเขาจะไม่พูด แต่เขาก็สลับกันมาดูแทบจะทุกวัน ก็คงต้องเว้นไประยะหนึ่งแหละ”
“เลยไม่อยากให้กูไปบ้านมึงด้วยละสิ”
ข้าวพองไม่ได้เตรียมที่จะตอบคำถามนี้ไว้ ต้องแต่งเรื่องขึ้นมาใหม่สดๆ “กูไม่ได้คิดว่าอยากให้ไปหรือไม่อยากให้ไป แต่มึงก็เห็นว่าครูน่ะอยากให้มึงไปแจ้งความ แล้วก็ชอบถามนั่นพูดนี่ เกิดมึงไปบ้าน แล้วเขาพูดอะไรขึ้นมาต่อหน้าพ่อหรือพี่เพียง มันก็ยิ่งไปกันใหญ่”
“เหรอ” ไทนี่ลากเสียง “มันก็จริงนะ เขาเป็นตำรวจเก่า ชอบตั้งคำถาม แล้วสายตาของเขาที่มองกูน่ะนะ กูไม่ชอบเลย”
ข้าวพองนึกถึงเวลาที่เกียมองไทนี่ มันเป็นสายตาที่เหมือนกำลังจับผิด และรู้ทัน
ถ้าเป็นเรา ก็คงไม่ชอบเหมือนกัน
“แล้ววันนี้คุยอะไรกับไมเคิล”
ไทนี่ยักไหล่ “เรื่องที่จะไปบ้านเบลคน่ะ”
ข้าวพองหยุดเดินหันมามองหน้าเพื่อนที่กำลังยิ้มกว้าง “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า กูบอกไปแล้วว่ากูไม่ไป”
หนุ่มตัวเล็กผ่อนลมหายใจ
“ขอบใจนะที่เป็นห่วง”
“อือ” ข้าวพองยอมรับ “ตอนเล่นยาเราไม่รู้สภาพตัวเราเองหรอก แต่ตอนที่ครูเขาสอน เขาก็เอาพวกรูป พวกข่าวมาให้ดู เห็นแล้วทุเรศว่ะ แม่งทำไมเราต้องทรมานตัวเองขนาดนั้นด้วยก็ไม่รู้”
ไทนี่ก้มหน้ามองพื้น ขณะที่เดินอยู่ข้างกัน
หนุ่มตัวเล็กพูดต่อไป ในประโยคที่เกียมักจะพูดอยู่เสมอ “เวลาเล่นยา เราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แล้วถ้ามันเคยทำกับไทนี่มาแล้วครั้งหนึ่ง มันก็อาจเกิดขึ้นอีก”
ไทนี่ยิ้มกว้างจนดวงตาเป็นเส้นโค้งเมื่อเงยหน้าขึ้นมาบอก “ขอบใจ กูจะระวังตัวให้มากขึ้น”
 
*-*จบตอนที่ 14*-*

ขอบคุณที่ติดตามครับ
ตอนต่อไปมาวันอังคารนะครับ
.ไจฟ์.


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2014 11:58:33 โดย jivetea »

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
เอ่อ ยังไงก็สงสารไทนี่อยู่ดี เหมือนเค้าปิดบังอะไรบางอย่างไว้ แล้วเหมือนโตเกินวัย ยังไงก็สงสารตัวละครตัวนี้แบบแปลก ๆ เอ๊ะเริ่มงงกับคำพูดตัวเอง 555 อยากให้ไทนี่ลองไปค้างที่บ้านน้องดูสักที เผื่อจะเจอหลักฐานหรือสิ่งที่น่าสงสัยนะ รอตอนต่อไปจร้า

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
ตอนนี้ไม่มีเกียเลย คิดถึงอ่ะ อยากอ่านฉากเข้าพระเข้านาย อิอิอิ

ข้าวพองทำตัวน่ารักขึ้นเยอะ พอๆกับไทนี่ที่ทำตัวน่าสงสัสขึ้นเยอะเหมือนกัน

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
ตามอ่านจนทันสักที  เอาจริงๆคือกำลังสงสัยในตัวไทนี่ ดูไม่น่าไว้ใจ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะพ่อไทนี่ด้วยล่ะ

แต่ไทนี่ก็ดูน่าสงสารไม่รู้ว่าชีวิตผ่านหรือโดนอะไรมาบ้างหรือเปล่า  อยากให้เเป็นตัวละครที่ใสๆน่ารักมากกว่า แต่คงไม่ใช่ :katai1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เป็นวัยรุ่นนี่ไม่ง่ายเลยนะ อยากรู้อยากลองไปเรื่อย
ถ้าอ่อนแอ อ่อนไหวไปกับคำชักชวน ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ จะกี่บอดี้การ์ดก็คงไม่ช่วยอะไร

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
ยังคงสับสนในข้อมูลกันต่อไป
รอ....... :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: “Someday We'll Know” ตอนที่ 14 หน้า 12 (4พฤษภา57)
« ตอบ #339 เมื่อ: 04-05-2014 10:22:31 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
คนรอบๆตัวข้าวพองคือเยอะมาก
มองไม่ออกเลยใครเป็นยังไง
หว่องทั้งสองคุยไรกัน
ไทนี่มีจุดประสงค์อะไรในการไปบ้านข้าวพองนะ
ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย
 :ling2:

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
อย่างน้อยข้าวพองก็จำคำที่เกียสอนได้และระวังตัวขึ้น
ตั้งแต่อ่านมาชอบแฝดป๋อมแป๋มจังค่ะ เป็นเด็กมีความคิดดี

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
มันยังไงๆ อยู่นะไทนี่

ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
ไทนี่สู้ๆ
 :mew3: :mew3: :mew3:
บวกและเป็ดขอบคุณ
ชอบอีกหนึ่งคือ เบซซี่

ออฟไลน์ piggyfree

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
สงสัยจังว่า ทำไมไทนี่ตั้งใจเข้ามาพัวพันข้าวพองมากเกินไป

ออฟไลน์ aehJTS

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1830
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +216/-8
แต่ละตอนนี่สงสัยและมีปัญหาคาใจกันคนไม่ซ้ำเลย :ling3:

 :pig4: คะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ก็ยังมองไม่เห็นปมสักที

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
ไทนี่ไม่ธรรมดา  :hao3:

บวกเป็ด

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
ข้าวพองน่ารัก แต่ระวังตัวหน่อยก็ดีนะ อย่าไว้ใจเพื่อนมาก  :กอด1:

รอตอนต่อไปค่ะ  :3123:

Love U All

  • บุคคลทั่วไป
ตอนนี้พี่เกียโผล่มาแต่ชื่อ  สงสัยไปหาวิธีเรียกเรตติ้งให้ตัวเองอยู่  ฮาาาาา
แต่อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าข้าวพองเชื่อและจำสิ่งที่เกียเตือนและระวังตัวดีขึ้น
ส่วนไทนี่  อยู่ ๆ ก็อยากไปค้างบ้านข้าวพองเพราะอะไร แอบทำตัวน่าสงสัย
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถปักใจเชื่อได้เลยว่าใครเกี่ยวข้องกับคดีบ้าง  รอลุ้นตอนต่อไปจ้า  ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: “Someday We'll Know” ตอนที่ 14 หน้า 12 (4พฤษภา57)
« ตอบ #349 เมื่อ: 04-05-2014 20:13:52 »





ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ไทนี่แปลกจริงๆแหละ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ข้าวพองจะเป็นเด็กดีแล้วเนอะ

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
วันนี้วันอังคารแล้ว มาปูเสื่อรอพี่เกียกะน้องข้าวพอง อิอิ

ออฟไลน์ @PurPle SuN@

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ข้าวพองเริ่มปรับปรุงตัวแล้ว แต่คงต้องใจแข็งอีกนิด ส่วนไทนี่เนี่ย น่าสงสัยปนกะน่าสงสาร มันดูก้ำกึ่งไงไม่รู้ ติดตามต่อไป

pahpai

  • บุคคลทั่วไป
เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีสำหรับข้าวพอง

รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
“Someday We'll Know” ตอนที่ 15 หน้า 12 (6พฤษภา57)
«ตอบ #355 เมื่อ06-05-2014 08:44:03 »

คิดถึงเกียกันหรือ
จัดไป!!

ตอนที่ 15


เกียพลิกแฟ้มคดีของพวงเพชร และเพชรแท้ 2 แม่ลูกอีกครั้ง อ่านจนจำทุกตัวอักษรได้ขึ้นใจ มองเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน
ตามตัวอักษรที่ปรากฎ!
หันไปเปิดคอมพิวเตอร์ดูภาพวงจรปิดในช่วงที่มีเหตุลอบยิง
คดีของพวงเพชรไม่มีภาพ ส่วนคดีของเพชรแท้ ถึงจะมีภาพแต่เหตุก็เกิดไกลจากจุดติดตั้งกล้องมาก ต่อให้ขยายภาพเป็นร้อยเท่าภาพก็ยังไม่ชัดเจนอย่างที่ตำรวจบอกกับมโหธรไว้
เกียทำสำเนาภาพ แล้วส่งกลับไปให้แมรี่เพื่อนร่วมทีมที่ลอนดอนช่วยจัดการต่อ เหมือนกับเรื่องของกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการที่พวงเพชรได้เพชรมา และกลุ่มที่เพชรแท้ติดต่อขายให้ ที่มีเรื่องผิดนัดส่งของจนถึงขั้นศาล

มีโทรศัพท์จากมโหธร บอกว่า ข้าวพองกำลังไปหา
“อ้าว ทำไมล่ะครับ”
มโหธรลดเสียงลงเป็นเสียงกระซิบกระซาบ
“ผมว่า มันคงมีเรื่องอะไรสักอย่าง เพราะมันรับโทรศัพท์จากเพื่อน แล้วถึงได้หันมาทำท่าหาเรื่องอุบล โวยวายว่าอุบลทำขนมจีนน้ำยาทำไม มันอยากกินสเต๊ก” พี่ชายรู้ทันน้องเล็กเป็นอย่างดี “เสร็จแล้วไอ้แสบมันก็จะไปหาเกีย โวยวายไม่ให้ใครไปส่ง ผมต้องต่อรองให้ยอดเรียกรถมอเตอร์ไซค์กำชับให้ไปส่งที่คอนโดฯ ห้ามแวะที่ไหนเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะให้อุบลทำขนมจีนให้กินอาทิตย์นึง”
เกียหัวเราะ “งั้นก็คงเรื่องเพื่อนๆ ของเขาน่ะครับ”
“มีปัญหากันหรือ”
“ครับก็เรื่องเที่ยวกลางคืน เรื่องใช้ยา”

คราวนี้มโหธรถอนหายใจเสียงดังจนเกียได้ยินชัดเจน

“เขาไม่เล่าให้คุณฟังเพราะไม่อยากให้คุณเป็นห่วง ก็อย่าเพิ่งเป็นห่วงสิครับ”
“โธ่เกีย อย่างกับทำได้งั้นแหละ” พี่ชายคนโตยอมรับ “ตอนเราเอง เราคุมตัวเองได้ไม่ยุ่งกับมัน เพราะไม่มีนิสัยแข่งกันเด่นไง อยู่โรงเรียนประจำ ใครอยากทำอะไรก็ทำไป พ่อส่งเรามาเรียน แต่ไอ้พองมันไม่ใช่ มันเป็นแบบของมันเองไม่เหมือนใคร”
“ข้าวพองขี้เหงาน่ะครับ ที่ไปเที่ยวก็เพราะไม่อยากอยู่คนเดียว แล้วนี่เขาก็ไม่ได้ไปเที่ยวกลางคืนมานานเป็นเดือนแล้วครับ”
“นั่นเพราะเกียตามคุมตลอดเวลาน่ะสิ” มโหธรบอกแล้วฝากให้เกียรอรับน้องชายอีกครั้ง ถึงได้วางสายไป   

อึดใจต่อมา ก็มีเสียงโทรศัพท์จากพนักงานของคอนโดฯ ว่ามีคนมาหา เกียบอกให้ขึ้นมาหาที่ห้องได้ พอวางสายก็รีบเก็บแฟ้มคดี ปิดคอมพิวเตอร์ เปลี่ยนเป็นเปิดโทรทัศน์ดูการแข่งขันกีฬา
เมื่อมีเสียงเคาะประตู เกียก็ได้แต่ยิ้มพลางส่ายหน้าขณะที่เดินไปเปิดประตู
“วันนี้วันหยุดพี่”
“รู้แล้วละน่า ว่าวันหยุด แต่คนร้ายมันไม่ได้หยุดงานวันอาทิตย์นี่” ข้าวพองเดินสวนเข้ามาในห้อง ดวงตากลมๆ กวาดตามองไปทั่ว เมื่อเห็นว่าในห้องนี้มีหนังสือ กีตาร์ อุปกรณ์ออกกำลังกาย และอื่นๆ อีกมากมาย ก็ส่งเสียงจิ๊ปากอย่างไม่พอใจ
“แต่ปกติวันอาทิตย์ ข้าวพองจะอยู่กับพ่อ กับคุณเพียง”
“ใช่”
“แล้ว...ทิ้งคุณพ่อกับคุณเพียงมาได้อย่างไร”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เขาทิ้งพองไปเป็นอาทิตย์ โดนซะมั่งเหอะ”

ข้าวพองยังคงมองไปรอบห้อง ท่าทางไม่ได้สนใจคนที่อยู่ที่บ้านเลยสักนิด

“แล้ว..มาคนเดียว”
“เปล่า ยอดเรียกมอ’ไซค์ให้”
“ข้าวพอง” เกียส่ายหน้า
“อยากกินสเต๊กน่ะ เกียทำให้กินหน่อยสิ”
“อยากกินสเต๊กมากขนาดบุกมาห้องพี่เนี่ยนะ”
“นั่นมันส่วนหนึ่ง” ข้าวพองเลียนแบบคำพูดของเกีย “อีกส่วนหนึ่งคืออยากรู้ว่า จะออกไปสืบคดีที่ไหนหรือเปล่า อยากไปด้วย แล้วทำไมยังอยู่บ้าน ไม่ออกไปข้างนอกหรือไง”
เกียยังยิ้มขำ ทั้งที่หนักใจ
“พี่ส่งข้อมูลไปให้เพื่อนช่วยดูให้ ให้เวลาเขาทำงานกันก่อน”
“ก็ให้เขาทำงานไป แล้วเกียล่ะ” ข้าวพองหันมามองหน้าตรงๆ “พองบอกกับเกียไปตั้งหลายวันแล้วนี่นา แล้วไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยหรือไง”
“มี แต่พี่ยังบอกข้าวพองไม่ได้”
ข้าวพองกำหมัดชกที่ไหล่หนา “ไม่ได้ต่างจากพี่เพียงเลยสักนิด! ทำไมทุกคนเห็นว่าพองโง่!”
“ข้าวพองไม่ได้โง่” เกียจับข้อมือเล็กๆ ไว้ “แต่พี่จะบอกข้าวพองเฉพาะเรื่องที่พี่แน่ใจว่ามันคือความจริง ไม่ใช่การสันนิษฐาน”
“ชริ!” ข้าวพองกระแทกเสียงใส่ บิดมือตัวเองออกแล้วหันไปคว้าหนังสือที่อยู่ใกล้มือ ไปนั่งอ่านที่โซฟาในห้อง
“ทำไมทุกคนต้องกลัวพวกมันขนาดนี้นะ”
“นั่นสิ ทำไม” เกียย้อนขณะที่เดินตามมานั่งข้างๆ “ตกลงจะออกไปกินสเต๊กหรือยัง”
“ไม่ออกไป พองบอกว่า ให้เกียทำให้กินต่างหาก”
“งั้นก็ต้องออกไปซื้อของ” เกียหันไปมองในครัว แล้วเดินไปหยิบกระเป๋ากับกุญแจรถ “ไปซื้อของกัน”
“ไม่ พองจะรออยู่ที่นี่ เกียไปสิ” ข้าวพองบอกขณะที่พลิกหนังสือในมือ

....หนังสือบ้าอะไรวะ มีแต่ตัวหนังสือ ไม่มีรูปเลย อ่านไปก็หลับแหง...

“ไม่ เราต้องออกไปด้วยกัน” เกียเดินเข้ามาดึงหนังสือไปจากมือ
“กลัวพองจะรื้อของในบ้านแล้วเจอความลับล่ะสิ”
ข้าวพองเถียงกลับไม่ลดละ
“พี่ไม่ซ่อนความลับไว้ในห้องหรอก”
“แล้วอยู่ที่ไหน ที่อังกฤษเหรอ”
“ในใจ”
เกียตอบเสียงต่ำๆ แต่พอเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ก็กลับยกยิ้มที่มุมปาก ทำให้สิ่งที่คนที่กำลังคิดรู้ทัน กลายเป็นไม่แน่ใจ แล้วหลงคิดไปตามที่เกียอยากให้คิด
“อะ..อะไร”
“ก็ในใจไง ถ้าอยากให้มันเป็นความลับ ต้องเก็บไว้ไม่พูดออกมา”
“อยู่ดีๆ ก็พูดอะไรที่เข้าใจยาก”
“ไม่นี่ ถ้ามันอยู่ในใจมันคือความลับ แต่ทันทีที่พี่พูดว่าพี่รักข้าวพอง มันจะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป”

...เข้าใจนะ ว่าเกียหมายความว่าอะไร ประโยคนี้ชัดเจนและแสนจะตรงไปตรงมา แต่หน้าก็ยังร้อนผ่าว แล้วก็ถามซ้ำอะไรออกไปก็ไม่รู้ ....

“แล้ว...ความลับที่บอกพองไม่ได้ล่ะ”
“ถ้าพูดออกมามันจะไม่ใช่ความลับ”
“แต่พองอยากรู้”
เกียก้มลงกระซิบข้างหูคนที่ยังนั่งอยู่ที่โซฟา “พี่...รักข้าวพองมากที่สุด รักมากกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของพี่”

....ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกไปดี หูก็อื้อ มือไม้มันก็ดูเกะกะ เก้อเขิน ทำอะไรไม่ถูก หัวใจเต้นแรง แล้วพาลทำให้มือเย็นสลับร้อนผ่าว
ได้แต่กะพริบตางงๆ เมื่อริมฝีปากหนาจูบที่ข้างแก้ม

“อย่าใจร้อน พี่สัญญาแล้วว่าจะทำให้ ก็คือทำให้ เชื่อพี่นะครับ คนดี...”
“อื้ม...”  ข้าวพองพูดอะไรสักอย่างคล้ายๆ คำนี้รู้แต่ว่ามันอึ้งๆ งงๆ แล้วหูมันก็ยังไม่เลิกอื้อสักที

จูบที่ริมฝีปากบาง ข้าวพองก็ก้มหน้างุด
“ลงไปซื้อของกับพี่นะ แล้วค่อยกลับมากินด้วยกัน”
“อื้ม....”
เกียจับมือนิ่มให้ลุกตาม ชวนคุยเมื่อเดินออกมานอกห้อง ทั้งชวนให้ทำอาหารกลางวันด้วยกัน
“บ่ายโมงกว่าแล้ว หิวแล้วใช่มั้ย”
“ใช่” ข้าวพองนึกสงสัยตัวเอง ที่เริ่มพูดน้อยผิดปกติ แถมยังมายืนทำอะไรก็ไม่รู้อยู่ในครัวแคบๆ
“แปลกเนอะ” ดวงตากลมๆ มองตามมือที่กำลังทำอาหาร “อยู่บ้านก็เจอกันตลอดเช้าเย็น ไม่เห็นว่าเกียที่บ้านจะเหมือนที่นี่”
คนตัวโตหัวเราะหึหึ “พี่เหมือนเดิมไม่ว่าจะที่ไหน ข้าวพองต่างหากที่ไม่เหมือนเดิม”
“ไม่เหมือนเดิมยังไง”
“ข้าวพองที่นี่...น่ารักมาก....” เกียหันมาจูบคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
จูบผ่านๆ เพราะเจ้าตัวเบี่ยงหลบทันที
แก้มร้อนผ่าวจนต้องรีบหนีไปนั่งรออยู่ที่โต๊ะกินข้าว
“เกียน่ะแหละที่....เลี่ยนผิดปกติ...”
ที่จริงอยากบอกว่าหวานผิดปกติ แต่กลับเลี่ยงไปใช้คำอื่น ที่มันกลับให้ความหมายในเชิงลบ ที่เกียไม่ได้มีท่าทีว่าจะสนใจหรือคิดที่จะตีความภาษาไทยเลยสักนิด
“ไม่นะ ที่บ้านพี่ก็พูดอย่างนี้กับข้าวพองตลอด”
หนุ่มตัวเล็กกัดมุมปาก หันไปมองนอกหน้าต่าง รอจนอาหารจานสวยมาวางข้างหน้า
“เสร็จแล้วครับ”
ข้าวพองยิ้มแป้น ดวงตาพราว
“พ่อครัวได้รางวัลอะไร”
“กินก่อนสิ ถ้าอร่อย จะได้รางวัล”
“งั้นเชิญครับ”
เกียเช็ดมือแล้วนั่งลงตรงข้าม ข้าวพองก็ชี้ให้กินบ้าง จนหมดจานก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะให้รางวัล เกียก็ไม่ได้ทวง ระหว่างที่กำลังล้างจานหันไปเห็นข้าวพองกำลังกระโดดเบาๆ อยู่บนโซฟาตัวใหญ่
“หวงโซฟาอะดิ” ข้าวพองมองมา
“ไม่ได้หวง เห็นว่าเพิ่งกินอิ่ม ไปกระโดดเล่นแบบนั้นจะจุก”
“เกียชอบโซฟาแบบนี้เหรอ”
“เปล่าหรอก แอนดรูว์เป็นคนเลือก”
เกียตอบตามตรง แต่ข้าวพองหยุดยืนเท้าเอวอยู่บนโซฟา
“ไหนบอกว่าไม่ได้เป็นแฟนกัน”
“ไม่ได้เป็นแฟนกัน” เกียเช็ดมือแล้วเดินเข้ามาหา “แต่แอนดรูว์เป็นคนรับงานมาจากคุณเพียง และจัดการทุกอย่าง รวมถึงรถที่พี่ใช้ด้วย”
ข้าวพองหรี่ตาชี้ไปทั่วห้อง “แล้วนั่นล่ะๆๆๆๆ ของใคร”
“อาจเป็นแอนดรูว์ หรือไม่ก็คุณเพียง มีแต่กองหนังสือกับพวกคอมพิวเตอร์นี่พี่เลือก แล้วก็เพิ่มความสามารถมันนิดหน่อย”
ข้าวพองกระโดดจากโซฟา ตรงไปที่โต๊ะทำงาน เกียรีบคว้าเอวไว้อุ้มกลับมาที่โซฟาตัวเดิม
“ไม่ใช่ 3 ขวบแล้วนะ กระโดดอย่างนั้นเดี๋ยวก็เจ็บตัวจนได้”
“ไม่หรอกน่า” ข้าวพองเบี่ยงตัวหนี พยายามจะหลุดจากอ้อมแขน
“อยู่เฉยๆ ได้มั้ยเนี่ย”
“ได้ แต่ตอนนี้อยากรู้ว่าโต๊ะทำงานของเกียมีอะไร”
“มันจะมีอะไร นอกจากคอมพิวเตอร์กับหนังสือ”
“ก็มันมีอะไรอยู่ในคอมพิวเตอร์ล่ะ” ข้าวพองพยายามผลักไหล่หนา แกะแขนแข็งแรงที่โอบกอดอยู่
ริมฝีปากหนาฉกจูบวูบให้ทุกการเคลื่อนไหวหยุดชะงัก
“ที่ตามมาถึงที่นี่ เพราะสเต๊ก เรื่องคดี หรือจะมาจับผิดพี่”
“ก็...” ข้าวพองก้มมองที่ปลายคางเกีย แล้วเปลี่ยนไปมองทางอื่น
“ถามอะไรพี่ก็ตอบความจริงทุกอย่าง จะระแวงอะไร”
“ไม่ได้ระแวง พองไม่ได้ชอบเกียแล้วจะระแวงทำไม”
เกียถึงกับต้องหายใจเข้าลึกๆ พยักหน้ายอมรับ
...เราพูดความจริง ข้าวพองก็พูดความจริงอย่างตรงไปตรงมาเหมือนกัน ท่าทีขัดเขิน แก้มสีแดงเรื่อ ทั้งหมดเป็นเพียงปฏิกิริยาปกติของคนวัยนี้เท่านั้น...
“งั้นมาเพราะอยากถามเรื่องคดีอย่างเดียว”
“เปล่า” ข้าวพองตอบตามตรง “เมื่อตอนสายๆ เบซซี่โทรมา” ดวงตากลมหันมามอง “จำเบซซี่ได้ปะ”
เกียพยักหน้า ทำไมจะจำไม่ได้ หญิงสาวคนนี้กำลังคุยกับข้าวพองในวันที่ไปรับที่บ้านเบลค และคือคนที่แฝดป๋อมแป๋มบอกว่า เป็นสาวที่ข้าวพองกำลังคุยอยู่
“ศัตรูหัวใจของพี่”
“ฮึ่ย” ข้าวพองทำเสียงอยู่ในลำคอ “มีหลายคนทักเรื่องไทนี่คุยกับพวกเด็กเกเรที่โรงเรียน บอกว่าเขาขายยาตัวใหม่ให้พวกเที่ยว แต่พองไม่เคยเห็น แต่เมื่อคืนเบซซี่กับเพื่อนของเขาไปบ้านเบลคแล้วก็กลับมาก่อน 3 ทุ่ม เพราะเขาเห็นไทนี่กำลังส่งยาให้พวกรุ่นพี่ที่เบซซี่ไม่รู้จัก"

….แต่แรกเบซซี่ไม่ได้คิดจะไป แต่คาดว่าเธอคงเปลี่ยนใจไปกับเพื่อน แล้วพอเห็นว่าไทนี่หว่องไปงานด้วย แล้วยังขายยาให้กับรุ่นพี่ที่ไม่ได้มีความคุ้นเคยกันก็เลยกลับ....

“ทำไมเบซซี่เพิ่งโทรบอก”
“ก็ทีแรกเขาบอกว่า ถ้าพองไม่ไปเขาก็ไม่ไป ก็เลยไม่อยากบอก จนมาถึงวันนี้ก็เลยคิดว่าบอกดีกว่า”
เกียรับรู้ “เตือนเบซซี่ให้ระวังตัว”
“บอกแล้ว”
เมื่อข้าวพองไม่มีท่าทีขัดขืนอีก เกียก็ขยับนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน จับให้เอนตัวมาหาแล้วกอดไว้
“พองไม่เคยเห็นกับตาว่าไทนี่เป็นคนเอายามา มันก็เลย กึ่งๆ ไม่ค่อยอยากเชื่อ .... แล้วมันก็โดนคนข่มขืน”  หนุ่มตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามอง “วันที่ไทนี่เรียกเราไปหามันยังดูกลัวมาก แต่พอวันถัดมา มันกลับไม่อะไรเลย” พลิกตัวอีกที กลายเป็นนั่งคร่อมอยู่บนตักของเกีย “เข้าใจมั้ยว่า ยังไงไทนี่มันก็เพื่อน ยังไงมันก็น่าสงสารมันอยู่ตัวคนเดียวน่ะ”

...เพราะความรู้สึกกับเพื่อนคนนี้เริ่มต้นที่ความสงสาร ถึงจะมีคนบอกว่าเขาร้าย ไอ้คนที่มาบอกนั้นก็ร้ายไม่เป็นรองใครเหมือนกัน ถึงได้ไม่อยากจะเชื่อ จนกระทั่งคนที่ไว้ใจมาบอกถึงได้เชื่อ...

“แล้วตอนนี้เชื่อเบซซี่”
“ใช่ รู้สึกว่า ถ้าวันนั้นมันโดนคนทำร้ายจริงๆ ก็เพราะมันทำตัวเอง มันกลายเป็นคนที่ไม่น่าไว้ใจ จนอยากห่างๆ เพราะเรื่องของตัวเองก็ยุ่งวุ่นวายมากพอแล้ว”
“เข้าใจ แล้วข้าวพองอยากให้พี่จัดการเรื่องไทนี่ยังไง”
ข้าวพองส่ายหน้า “ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนละ ที่มันจะมานอนบ้าน แต่พองยังไม่ตกลง”

...เรื่องธรรมดาของนักเรียนวัยนี้  เกียคิดขณะที่ใช้ปลายนิ้วแตะที่แก้มใสเหมือนกำลังสัมผัสแก้วบาง

“ให้มาวันธรรมดาสิ  บอกป๋อมแป๋มมาค้างด้วยก็ได้ เย็นพี่ไปรับที่โรงเรียนเช้าก็ไปส่ง”
“ได้เหรอ” พองตาโต “พองพาเพื่อนมาบ้านได้จริงๆ เหรอ”
 “ได้สิ ว่าจะถามหลายครั้งแล้วว่า ทำไมถึงไม่อยากให้เพื่อนมาบ้าน”
ข้าวพองทำหน้ามุ่ย “ก็แม่ขายเพชร พี่เพชรเขาก็เรื่องเยอะ ไม่ชอบเสียงดัง ไม่ชอบนั่นนี่ ตอนเด็กๆ พี่เพียงเคยพาเพื่อนมาบ้านแล้วไปทำคริสตัลของเขาตกพื้น พี่เพชรเขาอาละวาดร้องกรี๊ดๆ พองก็เลยไม่อยากพาเพื่อนมาบ้าน แล้วพอโตๆ มาเวลาเราไปบ้านใคร พ่อแม่เขาจะมาคุยด้วย อย่างบ้านแฝดนั่นไง แต่พองไม่มีใคร”
เกียพยักหน้าเข้าใจ แม้จะมีคำถามว่า วัยรุ่นน่าจะชอบเวลาที่พาเพื่อนมาบ้านแล้วผู้ปกครองไม่อยู่บ้านมากกว่า
“สรุปก็คือ ตอนแรกไม่พามาเพราะกลัวโดนดุ ตอนนี้พามาก็ไม่มีใครอยู่บ้าน ก็...ไม่มาก็ไม่เห็นเป็นไร ค่ำลงก็ออกไปเที่ยวที่อื่นได้"
"ไม่เป็นเหตุเป็นผลเลยสักนิด” เกียดุ
“เออ ช่างเหอะ” หนุ่มตัวเล็กขยับตัวลงนอนบนอกกว้าง “ตะกี้ เพิ่งพูดกันว่าไทนี่ไม่น่าไว้ใจ แล้วทำไมเกียยังอยากให้มา”
“มาเพื่อให้เขาแน่ใจว่าเราไม่มีอะไรน่าสนใจ เพราะเราไม่ได้สนใจเรื่องเที่ยวและใช้ยาแล้ว”
“เหรอ...”
เกียลูบผมนุ่มเบามือ
“พองลองคิดเรื่องการคบเพื่อนอีกทีนะ” 
“ยังไง” ข้าวพองถามขณะที่เล่นกระดุมเสื้อยืดของเกีย
“เวลาที่ข้าวพองพูดว่า เพราะแม่ เพราะพี่เพชร เพราะไม่มีใครอยู่บ้านก็เลยทำให้ไม่อยากพาเพื่อนมาบ้านน่ะ ที่จริงแล้วเป็นเพราะพวกเขา หรือเพราะที่จริงแล้วข้าวพองไม่คิดอยากพาเพื่อนมาเอง”

ข้าวพองนิ่งฟัง เหมือนที่ผ่านมา พ่อกับพี่เพียงก็เคยพูดว่าพาเพื่อนมาบ้านบ้างก็ได้ ไม่ใช่คิดแต่จะหนีเที่ยวกลางคืน แต่ทำไมไม่รู้ ถึงได้ไม่คิดจะเชื่อฟัง
...แต่พอคนนี้พูด
พูดไปเรื่อยๆ เหมือนตอนที่แม่เล่านิทานก่อนนอนให้ฟัง
ซึ่งถ้าเป็นพี่เพียงพูดแบบนี้คงหัวเราะกลิ้ง
...แต่ตอนนี้กลับเชื่อ...เราก็แค่หาเรื่องปิดกั้นตัวเอง ไม่ไว้ใจ ไม่คิดคบหาใครเป็นเพื่อน....

“แม่เคยพูดว่า ไม่มีเพื่อนก็ไม่เป็นไร พองมีแม่เป็นเพื่อน....” ข้าวพองพูดแล้วก็เงียบไปเฉยๆ
“คิดถึงแม่หรือครับ”
แต่ข้าวพองไม่ตอบ ว่าความคิดถึงในเวลานี้ มันไม่ใช่แบบที่เกียกำลังคิด
แต่คิดไปถึงสิ่งที่เขาปลูกฝังไว้ จนทำให้ไม่กล้าที่จะไว้ใจใคร
“ข้าวพอง หลับหรือเปล่า”
“เปล่า”
เกียก้มลงหอมผมนิ่ม “ข้าวพองเคยเห็นหน้าพ่อของไทนี่มั้ย”
“เคย” ข้าวพองพยักหน้า “ครั้งนึง”
“งั้นเรามาเล่นอะไรคลายเครียดกัน” เกียขยับตัว ช้อนอุ้มสะโพกให้อยู่บนเอว จนหนุ่มตัวเล็กหัวเราะร่วน ขาเล็กๆ เกี่ยวกันไว้แน่น 2 มือกอดคอหนาเพราะกลัวตก
“รู้แล้วว่ากล้ามใหญ่ และถึกมาก ไม่ต้องอวดก็ได้”
คนตัวโตหอมแก้มแดง แล้วหยิบกระดาษกับดินสอ
ปกติขั้นตอนนี้จะใช้สมุดภาพ หรือไม่ก็เลือกจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์
“เรามาทดสอบกันว่า พองมีความจำดีขนาดไหน”
“ทำอะไร”
“เขียนภาพพ่อของไทนี่หว่องให้พี่”

*-*-*จบตอนที่ 15*-*-*

ผมชอบเวลาที่คุณเดาเรื่องนะ สนุกมาก
อยากสปอล์ยใจจะขาด แต่เอาเป็นว่าที่เดาๆ กันมาน่ะไม่ใช่ :z2:
คือตอนแรกสุดที่เขาเล่าพล็อต มันก็เป็นอย่างนั้นแหละ แต่หลังจากนั้น เขาก็บอกว่า มันยังซับซ้อนไม่พอ ต้องหาวิธีซ่อนใหม่
แต่สุดท้ายมันก็แบบ.... :z3:
รู้สึกเหมือนผมไม่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เลยแฮะ
อยากให้พี่ไจฟ์เขียนเรื่องผีอีกเหมือนกัน แต่เขาบอกว่า เรื่องนี้ยังเขียนเป็นปี ทีคิดไปถึงเรื่องต่อไปแล้วหรือ  :z6:
แผ่นดินไหวรุนแรง เป็นอย่างไรกันบ้าง ระมัดระวังตัวนะครับ
ตอนต่อไปมาวันพฤหัสบดีนะครับ
..น้ำชา กับ พี่ไจฟ์ ครับ..


ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
ไทนี่ชักจะเป็นตัวอันตรายขึ้นทุกวันๆ
ตอนนี้ข้าวพองน่ารักมากกกกกกกกกกก จะไม่น่ารักก็ตรงที่บอกว่าไม่ได้ชอบเกียนี่แหละ
และตอนนี้เกียก็หวานมากกกกกกกกก เดี๋ยวกอดเดี๋ยวจูบคลอเคลียข้าวพองตลอด แถมบอกรักข้าวพองอีก น่ารักๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
จิ้มจองไว้
วิธีหลอกล่ นี่ต้องยกให้เกียเลยนะ ส่วนคนเล็กก็ถามจัง ตอนนี้น่ารักสุดๆเลย ชอบเกียที่เป็นอย่างนี้  ส่วนตอนหน้าไทนี่จะปรากฏตัวแล้ววว หวังว่าคงทำไปเพราะความจะเป็น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2014 03:35:43 โดย fangkao »

ออฟไลน์ Ginseng

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
พองดูน่ารักและใจเย็นลงมากเมื่ออยู่กับเกีย
แต่ยังปากแข็ง เนอะ...

เรื่องไทนี่ ค่อยๆ เปิดมากขึ้น ถ้าพ่อไทนี่เป็นคนที่เกียสงสัย ก็น่าจะเฉลยว่าไทนี่มาทำไม
น่าติดตามมากๆๆๆๆ

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
ไทนี่ๆๆ ไทนี่จะเป็นเด็กแบบไหนกันแน่นะ
ส่วนเกีย เนียนๆแต๊ะอั๋งได้ตลอดๆๆ..เอ๊ะ หรือเด็กก็เป็นใจ :z1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด