ตอนที่ 17 ข้าวพอง ไทนี่หว่อง และป๋อม มีอะไรแตกต่างจากวัยรุ่นคนอื่นหรือไม่ ไม่เลยสักนิด ต่อให้แต่ละคนมีบุคลิกที่แตกต่างกัน แต่หลังจากที่กินของว่างเสร็จก็พากันไปซ้อมมวยกันต่อ
เป็นการซ้อมที่หากครูมวยมาเห็นคงต้องเศร้าใจ
แต่เพราะคนสอนก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากกว่า ให้ข้าวพองรู้จักป้องกันตัวเอง กับสังเกตท่าทีของไทนี่ หว่อง กับ ป๋อม
พอให้ยอดกับยิ่งมาช่วยเป็นคู่ซ้อมให้ การฝึกวันนี้ยิ่งออกไปในแนวตลกขบขัน
เกือบ 5 โมงเย็นนิรมลแวะมาที่บ้านพร้อมกับขนมและอาหารกล่องใหญ่
หญิงสาวตรงไปที่โรงฝึก ส่งเสียงทักทายแต่ไกล
“ตาย...พาเพื่อนมาบ้าน 2 คนเองหรือคะ น้องข้าวพอง คุณเพียงโทรไปกำชับพี่อย่างกับพามาทั้งห้องงั้นแหละ”
ที่ผ่านมาข้าวพองไม่เคยแสดงอาการว่าชอบหรือไม่ชอบพี่สะใภ้คนนี้ ซึ่งในความเห็นของเกีย ความรู้สึกน่าจะออกไปทาง –เฉยๆ- เสียมากกว่า แต่ตอนนี้ข้าวพองกำลังกลอกตาขึ้น แล้วเบ้หน้า
ส่วนไทนี่กับป๋อมที่กำลังเตะกระสอบทรายแบบที่เน้นฮามากกว่าการออกแรง หยุดการสร้างเสียงหัวเราะ หันมาสวัสดีหญิงสาว
“สวัสดีจ้ะ นี่เป็นเพื่อนกลุ่มแรกในรอบหลายปีของข้าวพองเลยนะเนี่ยที่เขาชวนมาบ้าน แสดงว่าต้องเป็นเพื่อนสนิทจริงๆ” นิรมลกรีดกราย แล้วหันมาหาเกีย “ฝึกเสร็จแล้วใช่มั้ยคะครู เข้าบ้านไปทานขนม เล่นเกม แล้วมาทานอาหารเย็นกันดีกว่า พี่รับรองว่ามื้อนี้อร่อยแน่”
3 หนุ่มหันไปมองเกียทันที
เกียก็แค่พยักหน้า ไม่ได้ทักท้วงอะไร
มีแต่ข้าวพองที่ยังคงมองเกียด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้ครับ เพื่อนมาบ้านทั้งที”
ข้าวพองยักไหล่เดินตามไทนี่กับป๋อมเข้าบ้านพร้อมกับรายการคำถามที่จดไว้ในใจ
....นี่มันต้องเกี่ยวกับไทนี่ใช่มั้ย ต้องใช่สิ เราให้ไทนี่มาบ้านก็เพื่อที่จะยืนยันว่าเราไม่ได้สนใจเรื่องยากับเรื่องเที่ยวอีกแล้วนี่นา....
อาหารที่นิรมลเตรียมมา มันสำหรับเพื่อนของข้าวพองทั้งห้องเรียนไม่ใช่แค่ 2 คนอย่างที่พูดไว้จริงๆ
คนรับใช้จากบ้านของมโหธรช่วยอุบลจัดโต๊ะอาหาร โดยมีนิรมลยืนยิ้มภูมิใจ
“เป็นไงคะ พอจะสู้ที่บ้านของน้องๆ ได้หรือเปล่า”
ไทนี่รีบส่ายหน้า ส่วนป๋อมทำตาโต “บ้านผมไม่กินอะไรเยอะอย่างนี้หรอกครับ”
นิรมลยิ่งออกอาการภูมิใจจนข้าวพองต้องหันไปหัวเราะกับเกีย
“แล้วปกติ ช่วงนี้กำลังทำอะไรกันคะ”
“ผมเรียนพิเศษ” ป๋อมบอก ส่วนไทนี่พยักหน้าตาม
....ไทนี่เรียนพิเศษตอนเย็นด้วยหรือ ไปส่งเมื่อไหร่ก็เห็นมีแต่คนรับใช้ แล้วหลายครั้งก็ไม่เห็นจะมีใครอยู่บ้าน.....
“โอ้....” นิรมลหันมามองหน้าป๋อมตรงๆ “ท่าทางจะเรียนเก่งนะเนี่ย”
“ป๋อมเป็นนักเรียนดีเด่นเหรียญทอง” ข้าวพองแนะนำเพื่อน
ป๋องยิ้มกว้างรับคำแนะนำ ส่วนนิรมลหันมาหาข้าวพอง
“มีเพื่อนเรียนเก่งก็ดีนะ ชวนกันไปเรียน ไม่ใช่ไปไหนไม่รู้”
รอยยิ้มของข้าวพองเปลี่ยนไป “แล้วพี่นิอยากรู้หรือเปล่าว่าพี่เพียงไปไหน”
เกียกระแอมไล่ลม แล้วบอกให้หนุ่มทั้ง 3 คนไปอาบน้ำล้างตัวแล้วลงมาเล่นเกมระหว่างรอเวลาอาหาร
ระหว่างที่เดินไปที่บันได นิรมลหันไปพูดกับอุบล “ไหนบอกว่าเดี๋ยวนี้ไม่ยอกย้อนแล้วไงล่ะ”
...พอเผลอก็กลับมาย้อนเรื่องพี่เพียงเข้าจนได้....
อุบลได้แต่ยิ้ม เหมือนกับเกียที่ขอตัวไปเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ในห้องซ้อมด้านหลัง
นิรมลหันมองซ้ายขวา แล้วค่อยๆ ถอยออกมาจากห้องรับประทานอาหาร ก้าวขึ้นไปที่ชั้นบน
เกียใช้เวลาเก็บของที่ห้องด้านหลังไม่นานนัก อันที่จริงก็แค่เดินไปปิดเครื่องฟอกอากาศ ปิดไฟ เพราะยอดกับยิ่งเก็บอุปกรณ์ต่างๆ จนเสร็จแล้ว เมื่อกลับเข้ามาจึงเห็นแต่เพียงอุบลกับคนรับใช้จากบ้านของมโหธร กำลังเตรียมอาหารสำหรับข้าวพองและเพื่อน
ที่ผ่านมานิรมลเข้า-ออกบ้านนี้เป็นเรื่องธรรมดา หรือต่อให้เดินขึ้นไปบนบ้านก็มองว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คงได้ เพราะเธอเป็นสะใภ้ของบ้านนี้
เกียเดินช้าๆ ขึ้นมาชั้นบน ต้องเดินผ่านห้องนอนของตัวเองก่อน แล้วถึงจะเป็นห้องนอนของข้าวพอง เมื่อเปิดประตูเข้าไปเห็นป๋อมกำลังทำแบบฝึกหัดจากหนังสือ โดยมีข้าวพองกำลังนั่งมอง
“ไทนี่เพิ่งอาบน้ำ” หนุ่มตัวเล็กหันมาบอก
“ไม่ได้มาเร่ง แค่แวะมาดูว่านอนห้องเดียวกัน 3 คนได้จริงๆ หรือเปล่า”
“สบายมากครับ” ป๋อมบอกด้วยรอยยิ้ม ที่ดูอย่างไร ก็ไม่มีเค้าว่าจะเป็นเด็กเรียนเลยสักนิด “คืนเดียวเอง พอดีพรุ่งนี้ผมมีติวฟิสิกส์ ถ้าขาดอีก แป๋มต้องเชือดผมแน่ๆ”
“ครูติวได้ปะ” ข้าวพองถามเกียยิ้มๆ
“ได้” เกียตอบ “โปรแกรมพรุ่งนี้หลังซ้อมมวยแล้วกัน”
“โอย....” ข้าวพองทิ้งตัวลงนอนบนเตียงจนป๋อมหัวเราะ
“ไรของมึงเนี่ย หมดแรงเพราะฟิสิกส์หรือเพราะมวย”
“มวยสิ กูไม่ได้เกิดมาเพื่อชกมวยนะ กูเกิดมาเพื่ออ่านการ์ตูนเท่านั้น”
เกียมองดู 2 หนุ่มคุยกัน แล้วเดินกลับออกมาจากห้อง หยุดยืนมองต่อไปที่ห้องด้านใน
ห้องนอนใหญ่ของอัครา กับห้องนอนเดิมของเพชรแท้
เกียเพียงแค่รอ....
คนที่รออยู่ก้าวออกมาจากห้องนอนใหญ่ของอัครา
สีหน้าซีดเผือดในทันทีที่เห็นคนที่ยืน มือล้วงกระเป๋ารออยู่
“เกีย” นิรมลพยายามปรับสีหน้าท่าทาง “รอเด็กๆ อยู่หรือคะ”
“ครับ” เกียรับคำพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก “คุณอัคราให้มาเอาของหรือครับ ให้อุบลขึ้นมาหยิบให้ก็ได้”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ” หญิงสาวกลอกตาไปทางอื่น “นิขึ้นมาดูความเรียบร้อย เผื่อว่าข้าวพองจะพาเพื่อนๆ ดูบ้าน”
“ดูบ้าน” เกียทำเสียงสูง ไม่เข้าใจ
นิรมลแสดงท่าทางแบบคนที่มีความเข้าใจทุกคนเป็นอย่างดี
“ก็ดูบ้านไงคะ เวลาที่เราพาเพื่อนมาบ้าน เราก็มักจะพาเขาไปดูห้องนั้นห้องนี้ เกียไม่เคยพาเพื่อนมาบ้านหรือคะ”
“ไม่ครับ” เกียตอบตามตรง “เวลาผมพาเพื่อนมาบ้าน ก็จะอยู่กันที่สนามหญ้า แม่เรียกให้เข้าบ้านไปกินขนมถึงได้เข้าบ้าน” คนตัวโตหันกลับไปมองประตูห้องของข้าวพอง “ผมว่าเราลงไปข้างล่างกันเถอะครับ ยืนคุยตรงนี้ อาจถูกเข้าใจผิดว่ากำลังเร่งเขาอยู่ก็ได้”
นิรมลรีบเห็นด้วย “ดีค่ะ เห็นว่าอารมณ์ดีพาเพื่อนมาบ้าน ก็กลับย้อนนิเข้าจนได้”
เกียเบี่ยงตัวให้นิรมลเดินนำลงไปก่อนแล้วค่อยเดินตามมา
หญิงสาวเปลี่ยนไปบ่นเรื่องนิสัยเอาแต่ใจของข้าวพองไปเรื่อยๆ เกียก็เถียงในใจไปเรื่อยๆ
รอจน 3 หนุ่มลงมาแล้วตรงไปที่โต๊ะอาหาร
เกียชวนเล่นเกมทบทวนการเรียนในวันนี้ คนที่ตอบได้จะได้กินขนม
แน่นอนคนที่อิ่มคือป๋อม ส่วนอีก 2 คนได้แต่ยืนมอง
“นี่มันวันเกิดผมชัดๆ” ป๋อมหัวเราะร่วนแล้วหยิบขนมปังหน้าหมูใส่ปาก
“เลิกเล่นเหอะ ใครจะไปตอบทัน” ข้าวพองโวยวายอย่างไม่จริงจัง เพราะรู้ว่า อย่างไรก็ต้องได้กินขนม เพราะนิรมลเตรียมมาเยอะแยะ
“ทำไมป๋อมรู้คำตอบทุกข้อเลยล่ะ” ไทนี่มองขนมบนโต๊ะตาละห้อย ด้วยความหิว
“เพราะเราไม่ได้นั่งหลับ..Sit sleep ไง”
“อะไรนะ” ทั้งนิรมล และอุบลต่างร้องทักภาษาอังกฤษของป๋อม ส่วนเกียยังคงยิ้มขำ
ข้าวพองทำหน้าตาเหนื่อยๆ “ภาษาอังกฤษของพ่อคนฉลาดเขาไง วันนี้เสนอคำว่า Sit sleep แปลว่านั่งหลับ”
กินขนมกันเสร็จ รออีกไม่ถึงชั่วโมงก็ได้เวลาอาหารค่ำ แต่ 3 หนุ่มบอกว่าสบายมาก
“วัยรุ่นผู้ชายก็ดีอย่างนี้แหละนะ” อุบลบอก “ถ้าเป็นสาวๆ ละก็ได้บ่นอ้วนกันแน่”
“บ่นไปหยิบขนมเข้าปากไปด้วย แป๋มเป็นงี้ตลอด” ป๋อมบอก
ข้าวพองหันมาบอกพี่สะใภ้ “แฝดน้องของป๋อมน่ะ ชื่อแป๋ม วันนี้ไม่มาด้วยติวเองที่บ้าน”
“อ้าว งั้นน้องป๋อมก็ขาดเรียนพิเศษสิคะ” นิรมลทำท่าเป็นห่วงไปอย่างนั้นแหละ แท้จริงแค่ชวนคุยไปเรื่อยๆ
“ต่อให้แป๋มวันนึง ยังไงก็ตามไม่ทันหรอก”
ป๋อมบอก ขณะที่มองไทนี่กับข้าวพองเล่นเกม
“แล้วน้องป๋อมเล่นเกมมั้ยคะ”
“เล่นสิ แต่แม่กับแป๋มบอกทำให้สมาธิสั้น”
ข้าวพองที่กำลังเล่นเกมอยู่ พูดโดยไม่หันมามอง “คนที่ตั้งคำถามไปเรื่อยๆ โดยไม่ฟังคำตอบเนี่ย เรียกว่าสมาธิสั้นด้วยหรือเปล่า”
นิรมลมีอาการหน้าหงายเล็กน้อย เพราะรู้ตัวว่า โดนข้าวพองเหน็บแนม
เกียที่อยู่ด้านหลังถัดออกไป ต้องชวนป๋อมคุย
“ปกติป๋อมใช้แบบฝึกหัดทบทวนจากที่ไหนครับ”
ป๋อมหันมาหาเกียทันที “พี่ที่เขามาติวให้เขาจะเตรียมมาน่ะครับ ของครูใช้ที่ไหนสอนข้าวพองครับ”
“ครูใช้แบบฝึกหัดของโรงเรียนที่อังกฤษน่ะครับ”
“ถือมาจากที่นั่นเลยหรือครับ” ป๋อมทำตาโต น้ำเสียงตื่นเต้น จนเกียยิ้มกว้าง
“มีทั้งที่ถือมา ทั้งที่สั่งให้น้องสาวส่งมาให้ ป๋อมจะดูมั้ยครับ”
ป๋อมรีบลุกตามเกียออกไปที่ด้านนอก
คนตัวโตอดไม่ได้ ที่หันไปมองคนที่กำลังเล่นเกมอย่างสนุกสนานอยู่กับไทนี่
ผลตอบรับไม่ผิดไปจากที่คิดไว้ เพราะเจ้าตัวไม่ได้สนใจเลยสักนิด ดวงตากลมๆ คู่นั้นยังคงจดจ่ออยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์
พอเกียลุกออกมา นิรมลก็คุยกับไทนี่แบบถามไปเรื่อยๆ ว่าพักอยู่ย่านไหนในฮ่องกง ก่อนมาเรียนที่ประเทศไทย ต้องเรียนภาษาไทยก่อนหรือเปล่า
5 นาทีถัดมาป๋อมก็กลับมาพร้อมกับแบบฝึกหัด
“มึงทำเลขเกือบหมดเล่มแล้วนี่ข้าวพอง”
“อือ” ข้าวพองตอบ
ส่วนไทนี่หันมามองหน้าข้าวพองแวบหนึ่งแล้วหันไปมองหน้าจอโทรทัศน์ ขณะที่นิรมลหันมาให้ความสนใจหนังสือในมือป๋อม
“แล้ววิชาอื่นๆ ขยันแบบนี้หรือเปล่า”
เกียยิ้ม “ข้าวพองตั้งใจเรียนมากนะครับ”
“ไม่น่าเชื่อ” นิรมลทำหน้าตาไม่เชื่อสมกับคำพูด
คนอื่นๆ กำลังคุยเรื่องเรียนของข้าวพอง แต่ไทนี่ดูท่าทางอยากถามอยากคุยกับข้าวพองตามลำพัง เพียงแต่ไม่มีโอกาส
ต้องรอจนได้เวลาอาหารค่ำ แล้วทุกคนออกจากห้องนั่งเล่นย้ายมาที่ห้องรับประทานอาหาร ไทนี่ถึงได้ดึงมือข้าวพองไปคุยกัน
“พองจะไม่ไปเที่ยวกับกูแล้วหรือ”
“ถ้าหมายถึงเที่ยวกลางคืนละก็ คงไม่แล้ว”
“ทำไมล่ะ” ไทนี่สงสัย
ข้าวพองตอบทันที “เรา ม.6 แล้วนะไทนี่ อีกไม่กี่วันก็จะเริ่มสอบตรงกันแล้ว เรื่องเที่ยวน่ะไว้รอหลังสอบเสร็จก็ได้”
ไทนี่ค่อยยกยิ้มมุมปาก “หมายความว่า รอสอบเสร็จใช่มั้ย เมื่อไหร่ล่ะ”
“ก็...ต้นปีหน้าน่ะแหละ”
“นานจัง”
ข้าวพองทำหน้าตาเมื่อย “สอบที่นี่เขาเป็นอย่างนี้แหละ มหาวิทยาลัยเยอะ ก็สอบไปเรื่อยๆ”
ไทนี่หันไปมองรอบๆ “ข้าวพองมีเงิน เรียนเอกชนก็ได้”
“ได้ แต่มันไม่เท่” ข้าวพองพูดพลางยักคิ้ว “ถ้าไทนี่ยังอยู่ที่นี่จนเรียนจบ เราก็ค่อยไปเที่ยวด้วยกัน”
ดวงตายาวเรียวเหลือบมองไปทางอื่นด้วยความไม่แน่ใจ
เมื่อกลับมารวมกลุ่มที่ห้องรับประทานอาหาร ข้าวพองเพียงแค่พยักหน้าให้เกีย แล้วหันมาให้ความสนใจอาหารที่นิรมลเตรียมมา
“วันนี้พิเศษจริงๆ นะเนี่ย ขนาดพ่อกับพี่เพียงมายังไม่เพียบขนาดนี้เลย”
นิรมลพูดเหมือนเดิม “ก็พี่คิดว่ามากันหลายคนเลยเตรียมมาเยอะ”
เกียได้แต่ส่ายหน้า ดูๆ ไปข้าวพองก็แค่กวนประสาทนิรมลไปเรื่อยไม่ได้หมายความว่าจะไม่ชอบ หรือต่อต้านอะไรหรอก
ในคืนนั้นเมื่อเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะในห้องนอนของข้าวพองเงียบลง เกียเข้าไปในห้องนอนของอัครา
เป็นครั้งแรกที่เข้ามาในห้องนี้
ดวงตาสีฟ้ากวาดมองไปรอบๆ ห้อง มีภาพถ่ายครอบครัวตั้งโต๊ะอยู่ที่โต๊ะกระจกอย่างโดดเด่น
เกียเดินเข้าไปมองใกล้ๆ
ข้าวพองในวัยเด็กกับยิ้มสดใส แต่เมื่อวางภาพลง เกียกลับสะดุดตาที่ความผิดปกติของเงาตัวเองในกระจก
คนตัวโตผ่อนลมหายใจช้าๆ ระงับความตื่นเต้นที่อาจทำให้ความคิดสับสน
....คนพวกนี้กำลังคิดอะไรอยู่....
*-*-*จบตอนที่ 17*-*-*
หาอยู่นาน วนไปวนมาจนถึงหน้า 5 หาไม่เจอ
กว่าจะมาได้สายสุดๆ
ตัวละครเยอะหรือครับ งั้นสนใจแค่ ก-ไก่ กับ ข-ไข่ ก็พอ ที่เหลือ ปล่อยไปตามยถากรรม 
..ไอ้เหลียงคือชื่อของคนร้ายที่ปะทะกับเกียที่อังกฤษ เป็นคนที่ทำให้เกียบาดเจ็บจนต้องออกจากงานครับ
บอกอีกที เฉลยทั้งหมดตอนที่ 36 แต่มันยังไม่จบ บระเจ้า ทำไมเรื่องนี้มันยือเยื้อขนาดเน๊.. 
กินเตี๋ยวเรือกัน..
พบกันวันอังคารนะครับ
นายน้ำชา กับ พี่ไจฟ์.