กลับมาสู่สถานการณ์ปัจจุบันกันนะ 
ตอนที่ 22
เป็นความในใจที่อยู่เหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก เกียได้แต่มองคนที่มีไข้ต่ำๆ แต่ยังมีท่าทีดื้อรั้น และมีความคิดแปลกๆอยู่เสมอ
“อะไรทำให้ข้าวพองคิดแบบนั้น”
“พองไม่ได้เมายา แล้วก็ไม่คิดเพราะว่าเป็นไข้ด้วย แต่คิดมานานแล้วต่างหาก” ดวงตาคู่นั้นขวางได้ใจจริงๆ ท่าทางบ่ายนี้ไม่ยอมนอนพักแน่
“พี่ก็ไม่ได้ว่าพองอะไรแบบนั้นเลยนะ แต่ถ้าตอนนี้มีอะไรที่รบกวนจิตใจที่ทำให้ข้าวพองไม่มีความสุข พี่ก็อยากรู้ เพราะว่ามันคือหน้าที่พี่โดยตรง” เกียทำให้เรื่องเบาลงด้วยรอยยิ้ม
“เกียนี่แม่ง” ข้าวพองชกที่ไหล่หนาเบาๆ
เกียจับข้อมือบางไว้ แล้วลูบหลังมือ “ช่วยอธิบายสิ่งที่พองคิดสักนิดเถอะครับ บอกตามตรงว่าพี่ไม่เข้าใจ”
“เกียเข้าใจสิ” แววตาที่มองมาออกแนวบังคับให้อีกฝ่ายเข้าใจ “ทั้ง 3 คนน่ะรู้ดีว่ามีคนอื่นอยู่ การยอมรับกันง่ายๆ แบบนี้ไม่เรียกผิดปกติหรือไง เวลาที่เราชอบใครเราก็ต้องอยากให้เขาดีกับเราคนเดียวไม่ใช่หรือไง แต่นี่ทั้ง 3 คนกลับยอมรับคนอื่นอะ”
..ข้าวพองเรียกท่าทีของทั้ง 3 คนว่ายอมรับ แต่เกียกลับคิดว่ามันน่าจะเป็นคำว่า คุมเชิงกันมากกว่า
“ทั้ง 3 คนน่ะคิดอะไรกัน ไอรีนรู้ว่าพองคุยกับเบซซี่ก็ยิ้มได้ เบซซี่ก็เห็นอยู่ว่าไอรีนมารอพองก็ยังทำดี ยิ่งเกียที่บอกว่ารักพอง ทั้งที่เกียก็รู้เรื่องของทั้ง 2 คน....”
ข้าวพองหยุดพูดหันไปมองนอกหน้าต่าง
….คน 3 คนนี้แปลกประหลาด....
“ข้าวพองก็เลยไม่เชื่อความรู้สึกของทั้ง 3 คนที่มีต่อข้าวพอง” มือใหญ่กุมมือผอมขาวไว้ อยากบอกความจริงว่ามีอย่างน้อย 1 คนในกลุ่มนี้ที่พูดโกหก แต่ก็กังวลว่าอาจยิ่งเป็นการทำร้ายข้าวพองมากไปกว่าเดิม “พี่ไม่สามารถที่จะบอกความรู้สึกของไอรีนกับเบซซี่ แต่ในส่วนของพี่ ที่พี่รักข้าวพองก็เพราะรัก ถึงจะอยากให้พองมองพี่คนเดียวมากขนาดไหน แต่พี่ก็ต้องยอมรับว่า พองไม่ได้ชอบพี่ แล้วพี่ก็มาทีหลังคนอื่น”
“พองไม่ได้เจ้าชู้นะ”
“ข้าวพองไม่ได้เจ้าชู้ แต่เพราะข้าวพองกลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว ทำให้ไม่กล้าปฏิเสธใครเลย แม้แต่ไทนี่หว่อง”
ข้าวพองส่ายหน้าอยากพูดปฏิเสธ แต่เกียบีบมือเบาๆ
“การที่ข้าวพอง พูดอย่างตรงไปตรงมาว่าทั้ง 3 คนรู้ดีว่ามีอีก 2 คนที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ก็ยังไม่มีใครทิ้งข้าวพองไปน่ะ มันชัดเจนที่สุดว่าข้าวพองไม่มีความกล้าที่ปฏิเสธ” เกียยิ้มอ่อนๆ “แม้แต่กับพี่เอง ข้าวพองก็ยังบอกว่า ไม่ได้รักพี่ แต่ไม่เคยบอกให้พี่ตัดใจ”
หนุ่มตัวเล็กกลั้นหายใจ เพราะในใจก็คิดคำนั้นมาตลอดเหมือนกัน แต่ก็ไม่เคยกล้าที่จะพูดสักที
“ด้านหนึ่งข้าวพองแสดงออกกับทุกคนว่า ข้าวพองมีโลกส่วนตัวที่ห้ามทุกคนเข้ามายุ่งเกี่ยว แต่ถ้าใครก็ตามที่ลอง.....” เกียแตะคางสวยให้หันมามอง “ขอเพียงลองเข้ามาทักทาย และทำความรู้จัก ข้าวพองจะหวงพวกเขาไว้ให้อยู่ในโลกของข้าวพอง”
“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย” ข้าวพองบ่นอุบอิบ
“เรื่องไอรีนกับเบซซี่ ข้าวพองต้องไปถามเขาเอง แต่ในส่วนของพี่ พี่เลือกที่จะมาที่นี่เอง เพราะพี่หลงรักหนุ่มคนนี้ตั้งแต่เห็นรูป ไม่ใช่เพราะใครสั่งหรือบังคับให้มา ไม่ใช่เพราะเงินของคุณเพียง และที่พี่ไม่ตัดใจก็เพราะไม่เคยคิดที่จะตัดใจ และสัญญาว่า พี่จะอยู่กับข้าวพองจนกว่าข้าวพองจะไล่พี่ไป”
“เกย์ทุกคนปากหวานเหมือนพี่หรือเปล่า” แก้มใสแดงเรื่อ ไม่กล้ามองตาคนพูดหวาน
“ไม่รู้เหมือนกัน พี่แค่พูดและทำในสิ่งที่พี่อยากพูดและทำ ก่อนที่พี่จะไม่มีโอกาสได้พูดและทำ”
หนุ่มตัวเล็กเอียงคอมอง
“ทำไมล่ะ เกียบอกว่าจะไม่ไปไหนนี่นา”
เกียดันไหล่ให้ข้าวพองเอนตัวลงนอนอีกครั้ง แล้วห่มผ้าให้
“เราไม่รู้หรอกครับว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น พี่มีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ทำเวลานี้ให้ดีที่สุด เพื่อที่จะไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง”
“แล้วที่อกหักจากแฟนเก่าล่ะ”
เกียหัวเราะเบาๆ เพราะตอนนี้คิดแต่ความรู้สึกและการทำให้คนที่อยู่ตรงหน้า ไม่มีคนในอดีตอยู่เลยสักนิด
“เรื่องมันผ่านไปแล้วครับ ตอนนี้พี่คิดแต่เรื่องของข้าวพอง และการทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่านั้น”
ข้าวพองนอนมองหน้าคนที่กำลังพูด
“เกียจะบอกว่า ที่พองเป็นแบบนี้เพราะพองชอบเดาความคิดของคนอื่นใช่มั้ย”
เกียส่ายหน้า “ไม่ได้พูดแบบนั้นสักคำ”
“คิดละสิ”
“ไม่เคยคิดเหมือนกัน” เกียตอบทันที
“พองเป็นวัยรุ่นคิดเยอะใช่มั้ย”
“วัยรุ่นก็คิดเยอะทั้งนั้นแหละ ยิ่งคนที่แสดงออกว่าไม่คิดอะไรเลยนั่นแหละ คนที่คิดมากที่สุด”
“เหรอ” ข้าวพองย้อนให้ “เกียก็เป็นเหมือนกันใช่มั้ย”
“พี่เลยช่วงเวลาวัยรุ่นมาหลายปีแล้ว”
ข้าวพองพูดช้าๆ “เกีย พองขออะไรอย่างได้มั้ย”
“ครับ”
“เกียไม่จำเป็นต้องจริงจังตลอดเวลาหรอก เวลาที่อยู่ด้วยกันแบบนี้ เกียผ่อนลงมาบ้างก็ได้ บางคำถามของพองที่มันไร้สาระ บางการกระทำที่มันไม่มีเหตุผล เกียก็ไม่จำเป็นต้องมองหาสาระจากมันหรอก”
คนตัวโตส่ายหน้า “คงยากครับ”
“ต่อให้พองขอ ก็ให้ไม่ได้งั้นหรือ”
คนตัวโตค่อยคลี่ยิ้ม “ได้ครับ พี่เคร่งเครียดไปหรือครับ”
“มาก...” ข้าวพองลากเสียง
...สังเกตหลายครั้งแล้วว่า เกียจะแสดงออกชัดเจนว่าความไม่สบายใจของเรามันช่างเป็นเรื่องใหญ่โตที่จะต้องแก้ไขจัดการในทันที....
...มันก็ดีหรอกนะที่มีคนเอาใจใส่ แต่บางทีมันก็ทำให้เกิดคำถามว่า เรื่องนี้มันต้องจริงจังขนาดนั้นเชียวหรือ
แล้วในวันที่เขาไม่อยู่ ไม่มีใครช่วยเหลือจัดการ อะไรแบบนี้ เราจะเป็นอย่างไร
....ก็คิดไปเรื่อยเปื่อยน่ะแหละ...
“เกีย พองเป็นแค่วัยรุ่นที่ชอบคิดอะไรไปเรื่อย มันก็คงจะจริงที่พองไม่มีความกล้ามากพอที่จะบอกให้ไอรีน หรือเบซซี่เดินจากไป แต่ที่อยากรู้ที่สุดก็คือว่าใครฆ่าแม่กับพี่เพชร อยากรู้ว่าทำไมพ่อกับพี่เพียงถึงไม่ทำอะไรเลย ส่วนเรื่องอื่นน่ะ......แล้วแต่เกียละกัน”
“อ้าว” เกียหลุดขำ “เราก็ตั้งใจฟัง”
“ก็บอกอยู่ที่ไงว่าอย่าตั้งใจนัก ทำเป็นเล่น ขำๆ มั่งก็ได้” หนุ่มตัวเล็กยิ้มเขิน “คนจริงจังมันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่คนใจดี น่าจะทำให้คนอื่นรักมากกว่านะ”
“พี่ออกจะใจดี”
“ไม่เลย โหด ดุ เข้ม”
เกียก้มลงจูบแก้มใส
“นอนนะครับ รับรองว่าเย็นนี้ ข้าวพองจะได้พบกับเกียคนใหม่ที่ไม่โหด ดุ เข้ม”
ข้าวพองส่ายหน้ายิก จนเกียต้องบีบจมูกดื้อรั้น
“หลับครับ จะได้หายไข้”
“ออกคำสั่งแบบนี้ ใจดีตายละ”
เมื่อข้าวพองหลับ เกียก็ออกมาโทรศัพท์ติดต่อเรื่องงาน จนกระทั่ง 5 โมงถึงได้เดินขึ้นไปปลุก
ไม่มีไข้แล้ว ไม่ปวดศีรษะแล้ว มีแต่อาการงงจากการนอนไม่พอ
“ไปวิ่งรอบบ้านเรียกเหงื่อกัน”
“โหย....” ข้าวพองทำหน้าเมื่อย ขณะที่สวมรองเท้าผ้าใบแล้ววิ่งช้าๆ ตามหลังคนตัวโตไปรอบบ้าน
*-*จบตอนที่ 22*-*
ท่าทางเรื่องนี้จะไม่สเปคคุณผู้อ่านสักเท่าไหร่ เงี้ยบเงียบ แต่มิเป็นไร เราจะลงเรื่องต่อไปตามกำหนดนัด
ตอนต่อไปมาวันอังคารนะจ๊ะ
..น้ำชา..