ตอนที่ 27 ทันทีที่เกียปิดประตูห้องนอน ข้าวพองก็คิดออก!
ตลอดการพูดคุยกันในวันนี้ เรารู้อะไรมากกว่าเมื่อเช้า
ให้ตายเถอะ! ในโลกนี้ยังมีใครที่มีความสามารถในการเลี่ยงที่จะตอบคำถามได้เท่าไอ้ตำรวจพิการ พูดน้อย หน้ามึนคนนี้อีกมั้ยวะเนี่ย!
รู้ทั้งรู้ว่า เรามีคำถามมากมาย ทั้งมีทุกข์ที่เสียเพื่อนไป ทั้งโกรธคนที่มันทำร้ายเพื่อน แต่ไอ้บ้านี่ก็เลี่ยงไปอีกคนได้!
จะต้องเป็นแบบนี้ไปอีกนานขนาดไหนกัน! จนกว่าเราจะไม่เหลือใครเลยหรือไง!
ข้าวพองกระชากประตูห้องนอนตัวเองออก เดินกระแทกส้นเท้าไปที่ห้องนอนของเกีย ทุบประตูเสียงดังลั่นบ้าน
แต่สีหน้าของเกียตอนที่เปิดประตูไม่ได้ดูเงียบเฉย หรือไม่พอใจที่ข้าวพองเริ่มอาละวาด
ตรงข้ามมันกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มขำ เหมือนรู้อยู่แล้วว่าอีกคนจะต้องโกรธ
เหมือนความโกรธนี้เป็นเรื่องตลก
นั่นเพราะเกียรู้ และรอคอยมาตลอด ว่าข้าวพองตัวจริงที่เจ้าอารมณ์ ปากจัดและโมโหร้ายคนนี้จะต้องกลับมาในวันที่ความอดทนมาถึงขีดสุด
ที่ไม่ได้บอกทุกอย่างที่รู้ ไม่ใช่ความคิดท้าทายให้ข้าวพองคนโมโหร้ายกลับมา
แต่คิดว่า ต้องเตรียมพร้อมให้ดี เพราะสิ่งที่ไม่ควรให้รู้ ก็คือต้องไม่ให้รู้ ต้องไม่ใจอ่อน ไม่ตกหลุมพรางคำพูดของข้าวพองอย่างเด็ดขาด
แต่ยิ่งเกียมีท่าทีไม่เดือดร้อนที่ข้าวพองโกรธ
ข้าวพองก็ยิ่งโกรธมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า
“ใครทำแป๋ม! เบซซี่ ไทนี่ หรือไอ้เด็กติดยาคนไหน! ใครฆ่าแม่กับพี่เพชร! จะเป็นใคร ใหญ่มาจากไหนก็พูดออกมา อย่างมากก็ปืนคนละกระบอก! แต่ละคนมี 1 ชีวิตเท่ากัน! ใครวางยาพอง! บอกมาเดี๋ยวนี้! ทำไมวันนี้ไอรีนไม่มา พูดอะไรกับเขา! หลายวันมานี้ทำอะไร บอกมาให้หมดเดี๋ยวนี้นะ!”
ข้าวพองตะโกนใส่หน้าคนที่ก้าวเท้าถอยเข้าไปยืนกลางห้องแล้วหยุดนิ่ง
“ไม่ได้ถามว่าอะไรคือความลับ เพราะพองอยากรู้ทั้งหมดที่เกียรู้” มือผอมๆ ผลักอกหนา “บอกมา เดี๋ยวนี้!”
เกียเริ่มต้นด้วยการยืดตัว หลังตรง แล้วพูดช้าๆ “พี่บอกในสิ่งที่ข้าวพองควรรู้ไปหมดแล้ว”
ข้าวพองกระชากคอเสื้อ เงื้อหมัด “ไอ้บ้านี่! คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้ มาตัดสินว่าเราควรรู้อะไร! ในเมื่อเราทำทุกอย่างที่อยากให้ทำ จนเพื่อนตายไปอีกคน ยังไม่ทำอะไรสักอย่าง!”
“อ้อ.....” เกียลากเสียง “นั่นรวมถึง การออดอ้อนพี่ ทำให้พี่หลงข้าวพอง ยอมทำทุกอย่างเพื่อข้าวพองด้วยหรือเปล่า”
ข้าวพองหยุดชะงัก 2 เท้าตรึงอยู่กับที่ พอโมโหมากๆ แล้วโดนเบรกด้วยคำพูดรู้ทัน มันทำให้คิดอะไรไม่ออก
“พี่โดนข้าวพองหลอกใช้อยู่หรือเปล่า”
ข้าวพองได้แต่มองคนที่พูดทั้งที่กำลังยิ้ม
...ไม่ได้หลอกนะ แต่ที่พูดแบบนั้น กอดแบบนั้น คลอเคลียแบบนั้น ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำแบบนั้น เพราะรู้ว่าเกียชอบเรา และชอบเวลาที่เราทำแบบนั้น
เริ่มต้นเกียอาจไม่อยากตามใจ แต่ทุกครั้งที่ทำแบบนั้น เกียจะยอมตามใจเสมอ
...ไม่ได้หลอกเลยสักนิด
มันก็แค่...ถ้าทำแบบนั้นแล้วได้ผล เว้นแต่การถามเรื่องคดีที่ไม่ว่าอย่างไรเกียก็ไม่ยอมบอก
“ข้าวพองคนขี้อ้อนคือตัวปลอม คนที่กำลังตะโกนเมื่อพี่ขัดใจนี่ต่างหากคือตัวจริง”
“มันก็ตัวจริงทั้งนั้นแหละ! พองทำในสิ่งที่พองอยากทำ ไม่สวมหน้ากาก ไม่โกหกเป็นไฟ ไม่เล่นละครตบตาว่าเป็นคนดีต่อหน้าคนอื่น” เมื่อเริ่มพูด ข้าวพองก็หยุดปากตัวเองไม่ได้ “ไอ้ลูกฝรั่ง! คิดว่าตัวเองเก่งใช่ไหม สำคัญนักหรือไง ทำเป็นสงสัยคนนั้น ปกป้องคนนี้ แล้วไง แกทำอะไรได้ แกมันก็ไอ้เกย์ลามก!”
ทั้งที่เตรียมพร้อมมาแล้ว แต่เกียก็ยังโกรธ ก่อนที่ข้าวพองจะส่งเสียงด่าต่อไป เกียก็คว้าข้อมือจับบิดไพล่หลัง ข้าวพองหมุนตัวตามแรง หันหลังให้เกีย แขนใหญ่รัดอยู่ที่ต้นคอ
ถ้าเป็นสถานการณ์อื่น ข้าวพองคงโดนหักคอไปแล้ว
ความตกใจทำให้น้ำตาไหลซึมจากหางตา แล้วกลายเป็นสะอื้นเบาๆ “ไอ้ฝรั่งบ้า ไอ้บ้า ชอบใช้กำลัง”
“แล้วใครพูดไม่ดีก่อน”
“แล้วใครชอบทำให้มันเป็นความลับ” ข้าวพองเถียงทั้งที่ยังสะอื้น ไอ้หนุ่มโมโหร้าย ตะโกนด่าคนอื่นปาวๆ เมื่อนาทีที่แล้วหายไปไหนไม่รู้
“อย่าพูดกับพี่อย่างนี้อีก เพราะพี่ไม่สามารถหยุดตัวเองได้ทุกครั้ง”
“ก็โมโหนี่หว่า นั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ เกียโกรธไม่เป็นหรือไง”
“เป็น”
ทุกคำที่พูดมาก่อนหน้านี้ คือทุกคำที่ทำให้โกรธทั้งสิ้น
ถ้าไม่ใช่เพราะรัก...คงได้หักคอเรียวเล็กนั่นไปแล้ว
และเพราะว่ารักถึงได้เข้าใจ
และเพราะว่ารักถึงได้ไม่สามารถบอกทุกสิ่งทุกอย่างให้รู้
และรู้ว่าข้าวพองต้องการความรัก เป็นความต้องการที่ไอรีนรู้ดีและใช้มันให้เป็นประโยชน์
เกียปล่อยข้อมือ ข้าวพองก็นวดไหล่ตัวเอง แล้วชูข้อมือที่มันแดงเป็นรอยนิ้วให้ดู
“คนชอบใช้กำลัง”
คนตัวโตรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแอนดรูว์ กับแมรี่ที่เตือนว่าใช้กำลังกับหนุ่มน้อยคนนี้ขึ้นมาทันที ต้องจับมือให้ไปนั่งบนเตียง แล้วช่วยนวดให้
แต่ข้าวพองกลับโผเข้ากอดคอไว้แน่น
...อ้อมกอดแบบนี้ของข้าวพอง บางครั้งมันคือการออดอ้อนเพื่อให้พี่ตามใจ
แบบที่เกียรู้ และไม่ชอบ แต่ก็ไม่อยากขัดใจ
แต่หลายๆ ครั้งที่เกียรับรู้ได้เองว่าข้าวพองต้องการความอบอุ่น และขอความมั่นใจ
“เกีย” ข้าวพองเรียกชื่อแล้วสะอื้นอยู่ข้างหู “พองทั้งกลัว ทั้งโมโห ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง พองใกล้จะเป็นบ้าแล้ว”
เกียพลิกหน้าจูบที่ข้างหู “ไม่หรอกครับ อีกแค่ไม่กี่วัน รับรองว่าก่อนที่จะถึงวันสอบไล่ ทุกอย่างจะคลี่คลาย”
“เกียไม่เข้าใจ” หนุ่มตัวเล็กกอดคอไว้แน่นขึ้น “ไม่มีใครเข้าใจ”
“พี่ไม่เข้าใจ แต่พี่จะไม่ปล่อยข้าวพองให้อยู่คนเดียว”
“แล้วเมื่อกี้ใครทิ้งพองไว้แบบนั้น ใครพูดนั่นพูดนี่ หลอกล่อด้วยคำถาม ด้วยเรื่องเล่า แล้วสุดท้ายก็ไม่ยอมบอกอะไรสักอย่าง”
“พี่ขอโทษที่หันหลังออกมาแบบนั้น”
….ขอโทษที่ลืมไปว่า ข้าวพองเป็นเพียงวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่ต้องการความรักความเอาใจใส่จากคนใกล้ชิดในระดับมากเป็นพิเศษ...
“เรื่องที่ว่าพี่ไม่บอกเรื่องคดี ก็เพราะคนที่ทำร้ายแป๋ม ทำร้ายข้าวพองอยู่ใกล้ตัว ถ้าพี่บอกไปแล้วคนนั้นไหวตัว รู้ว่าข้าวพองรู้ เขาอาจทำร้ายข้าวพองได้”
“เกีย”
“ครับ”
“ที่พูดเมื่อกี้น่ะ ขอโทษนะ”
“ครับ”
“โกรธใช่มั้ย”
“โกรธมากครับ”
“พองก็โกรธมาก ไม่ชอบเลยเวลาที่ทำอะไรไม่ได้แบบนี้” พองพูดย้ำอีกครั้ง ทั้งยังไม่ยอมคลายแขนออก
“ครับ และพี่ก็จำได้ว่านอกจากจะปากร้ายแล้ว ข้าวพองยังเป็นคนโมโหร้าย ถ้าข้าวพองรู้ว่าใครทำ ข้าวพองจะต้องตรงเข้าไปจัดการเขาแน่ๆ พี่ไม่เสี่ยงให้ข้าวพองเป็นอันตรายไปมากกว่านี้”
ข้าวพองคลายแขนออก “แล้วการที่ปล่อยให้พองไปโรงเรียน ไม่เรียกว่าเสี่ยงหรือไง”
“เสี่ยงครับ แต่ก็ยังปลอดภัยกว่าให้ข้าวพองอยู่ข้างนอก”
ดวงตากลมโต ยังเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“คนนั้นอยู่ในโรงเรียนหรือนอกโรงเรียน”
เกียยิ้มแล้วก้มลงจูบหน้าผาก แต่ข้าวพองเบี่ยงหลบ “เกีย ตอบมาก่อน อย่ามาฟอร์มที่ทำให้โมโห”
คนตัวโตยังคงยิ้มเฉย พาลให้คนอารมณ์เย็นลงแล้ว กลับมาโมโหได้ใหม่อีกรอบ หมัดเล็กๆ ทุบลงที่ไหล่หนา
“ไอ้บ้า ไอ้บ้า ตกลงรู้หรือไม่รู้อะไรกันเนี่ย พองโง่นักหรือไง”
หลายหมัดที่ทุบลงไปไม่ได้ทำให้เกียสะเทือนเลยสักนิด
“เกีย...ใจร้ายมากไปแล้ว”
ทั้งที่โกรธมาก แต่น้ำตาก็ไหลพราก
“รู้ทุกอย่าง ทำไมไม่บอก”
เกียเช็ดน้ำตาให้
.....ข้าวพองรู้ เหลือแค่เชื่อในสิ่งที่เห็น และได้ยินเท่านั้น....
แต่ต้องการคำยืนยันจากคนๆ นี้ แล้วพอไม่ได้รับคำยืนยันก็ยิ่งวุ่นวายใจ
“หลับนะครับคนดี”
เกียพลิกตัวให้ข้าวพองนอนหนุนอก ลูบแผ่นหลังแล้วกอดไว้
“หลับนะครับ พี่อยู่กับข้าวพองเสมอ หลับนะครับ”
น่าแปลกที่ในใจร้อนเหมือนมีไฟกองใหญ่ ความโกรธยังอยู่ คำถามก็ยังไม่หายไป แต่เปลือกตากลับหนักอึ้งแล้วหลับไปทั้งน้ำตา
และตื่นมาพร้อมกับคำถามว่า เกียสืบคดีไปถึงไหนแล้ว
ในโลกนี้ยังมีใครน่าโมโหเท่ากับไอ้ยักษ์บ้านี่อีกไหมนะ!
วันนี้ เกียไปโรงเรียนเพื่อค้นหาหนังสือที่แป๋มเอามาคืนหลังเลิกเรียน สอบถามเกี่ยวกับคนที่อยู่ในห้องสมุดเย็นวันนั้นอีกครั้ง แล้วกลับออกไปที่สถานีตำรวจเพื่อคุยกับตำรวจร้อยเวร ขออนุญาตดูภาพจากกล้องวงจรปิด โดยอ้างว่าเป็นตัวแทนของครอบครัวผู้เสียชีวิต
ตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้ คือร้อยตำรวจตรีมานพ หรือผู้หมวดมานพ พบเกียตั้งแต่วันแรกที่พบศพของแป๋ม และรู้ประวัติคร่าวๆ ตามที่แนะนำ ส่วนเกียก็ไม่ได้มีท่าทีจะต้องการแทรกแซงหรือตัดสินการทำงาน มีแต่ถามเรื่องทั่วไป ทำให้เจ้าของคดีวางใจพอที่จะบอกผลการพิสูจน์ศพให้ฟัง ทั้งให้ดูกระเป๋าเรียนที่เก็บไว้เป็นหลักฐาน
เสร็จจากเรื่องที่สถานีตำรวจ เกียไปหาป๋อมที่บ้านคุยเรื่องหนังสือที่แป๋มอ่าน และท่าทีของแป๋มกับคนอื่นในห้องเรียน
แม้ป๋อมจะเป็นเด็กเรียน ที่มีท่าทีไม่สนใจใคร คล้ายกันกับข้าวพอง แต่กลับไม่มีอะไรที่ผ่านสายตาของป๋อม เพียงแต่ไม่ได้พูดออกมา ตรงข้ามกับแป๋มที่มักจะคิดออกมาเป็นคำพูด
“เย็นวันก่อนเรียนพิเศษเสร็จแล้ว แป๋มก็อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง แล้วก็เข้าเน็ตอ่านข่าว ตอนกลางดึกป๋อมลุกมาฉี่ ได้ยินเสียงเขาพูดโทรศัพท์กับใครไม่รู้” ป๋อมบอกพลางส่งโทรศัพท์ของแป๋มให้เกีย แล้วหันไปเปิดคอมพิวเตอร์ “ป๋อมยังไม่ได้ลบประวัติ ครูดูก็ได้”
เกียเปิดดูคร่าวๆ แล้วดึงข้อมูลทั้งหมดใส่อุปกรณ์บันทึกที่เตรียมมา ถามเรื่องใครบางคนจากภาพกล้องวงจรปิดที่อาจารย์บรรณารักษ์ไม่สามารถให้คำตอบได้ แต่ป๋อมยังไม่เคยเห็นภาพนั้น
“วันนี้ที่ตำรวจเรียกไป ไม่เห็นเขาให้ป๋อมดูภาพอะไรนี่ครับ มีแต่ถามเรื่องยาเสพติดในโรงเรียน”
ก่อนที่จะออกมารับข้าวพองที่โรงเรียน เกียบอกให้ป๋อมเพิ่มความระมัดระวัง
“เขาทำร้ายแป๋ม เพราะสิ่งที่แป๋มรู้หรือครับ”
“ใช่” เกียยอมรับ
“ยาเสพติดใช่มั้ยครับ”
“ใช่” เกียยอมรับอีกครั้ง
ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะต้องปิดบังป๋อมในฐานะที่ตกอยู่ในความเสี่ยงไม่ต่างจากแป๋ม
“ครู รู้แล้วใช่มั้ยครับ”
เกียพยักหน้า “ครูรู้ว่า ป๋อมเพิ่งเสียน้องสาวไป แต่ก็อยากให้ป๋อมเข้มแข็ง ตั้งใจเรียน สอบแพทย์ให้ได้อย่างที่ป๋อมและแป๋มตั้งใจไว้ อย่าให้แป๋มที่อยู่บนสวรรค์ผิดหวังในตัวพี่ชาย อย่าตัดสินใจทำอะไรโดยลำพัง” คนตัวโตจ้องมองอีกฝ่ายอย่างจริงจัง “อีกเรื่องที่อยากขอร้อง ก็คืออย่าคิดโทษข้าวพอง”
ป๋อมยิ้มขื่น “ป๋อมจะโทษมันได้ยังไง เพราะมันเองไม่เคยรู้ตัวเลยสักนิดว่ารอบตัวมันมีแต่งูพิษ” หนุ่มนักเรียนถามต่อ “เราไม่ต้องเฝ้าระวังข้าวพองแล้วหรือ”
“ต้องทำต่อไปสิ แต่ที่ผ่านมาเพราะว่าเรามัวแต่เฝ้าระวังให้ข้าวพอง แต่นั่นกลายเป็นช่องว่างให้แป๋มถูกทำร้ายในโรงเรียน”
คนตัวโตได้แต่ส่ายหน้า ทำให้ป๋อมยิ้มจาง “ครูก็อารมณ์เสียเป็นเหมือนกัน”
คราวนี้เกียหัวเราะในลำคอ
“ครูครับ ผมเสียน้องสาวไปแล้ว ไม่อยากเสียใครไปอีก”
เกียพยักหน้า “พรุ่งนี้ หลังจากที่ตำรวจสอบปากคำแล้ว เขาอาจมีการเคลื่อนไหว”
“ผมอยากถามมัน ว่าทำไมถึงทำอย่างนี้ อยากทำกับมันเหมือนที่มันทำกับแป๋ม”
“เรื่องแรกทำได้ แต่เรื่องที่ 2 ไม่ควรทำเพราะจะทำให้ป๋อมต้องเข้าคุก อย่าลืมสิ ป๋อมยังมีความฝันของ 2 พี่น้องที่ต้องทำให้สำเร็จ”
*-*จบตอนที่ 27*-*
คุณครับ คุณๆๆๆๆๆ คิดกันไปถึงไหนกันครับว่าทิศทางของตอนนี้มันจะเป็นอะไร ที่ต้องแบ่งแบบนี้เพื่อจะเฉลยเรื่องที่เกียขอให้ป๋อมช่วยดูแลข้าวพองตรงท่อนท้ายนี่ต่างหาก
คิดอะไรกันเหรอ... 
ข้าวพองน่ะเหวี่ยงอยู่แล้ว แต่เกียไม่ใช่พระเอกตบจูบนะครับ
คือผู้ชายกับผู้ชายเนี่ยโกรธกันจะชกกันนะครับ ต่อให้เป็นพี่เต้ยน้องเต้ย เวลาเธอโกรธซะมี เธอก็ชกซะมีหน้าแหกเหมือนกัน
คือผมก็เขวนะ หลังจากที่ลงตอนแรกๆไปแล้วเงียบกริ๊บ ขอให้พี่ไจฟ์ช่วยเติมซีนแบบเฉียดๆ หน่อยเถอะ เขาก็แก้ไขให้ แต่พอมาอ่านทั้งหมดแล้วมันไม่ใช่
มันกลายเป็นการบังคับให้คุณอ่าน สุดท้ายก็บอกเขาว่า กลับมาเป็นแบบบเดิมเหอะ
มันใช่กว่าน่ะ
เพราะแรกมาเกียก็จับล็อคแบบนี้แหละ เวลาโดนข้าวพองด่า ตอนนี้มันก็ต้องเป็นเหมือนเดิม
ประการต่อมา ฉากนั้นไม่มีอยู่แล้ว เพราะข้าวพองยังไม่ 18 ต่อให้ 18 แล้วอย่างในตอนพิเศษก็ไม่มีเหมือนกัน
โอ้แม่เจ้า..แล้วมันจะไปหวานกันตอนไหน
อันนี้คนโพสต์ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะ "เขายังเขียนไม่จบ" ดังนั้น เราจงช่วยกันอธิษฐาน 
คนโพสต์ลุ้นขึ้นหน้าใหม่ พอๆกับลุ้นให้เขาส่งเรื่องกลับมาสักย่อหน้าหนึ่งก็ยังดี 
ตอนต่อไปมาวันอาทิตย์นะครับ
.น้ำชา.