“Someday We'll Know”
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: “Someday We'll Know”  (อ่าน 191357 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จากตอนแรกที่เกียมาเมืองไทยเพราะคดีเรื่องเพชรเป็นสำคัญไปๆมาๆกลายเป็นปัญหาวัยรุ่น ยาเสพติดเป็นหลัก รอทุกอย่างเฉลยคะใกล้จบแล้วเหรอรู้สึกว่ามันเร็วมากอะ เหมือนทุกอย่างยังสามารถยาวได้อีก

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
กระทู้แจกหญ้ามีอีกแล้วรึ  อันไหนหว่า เราพลาดไปใช่ไหม

ตอนนี้ข้าวพองกำลังสับสนจนเวียนหัววกไปวนมา

ออฟไลน์ eaey

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 280
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-0
ก็สงสัยอยู่ว่าเป็นไทนี่แต่ไม่ปักใจเพราะไจฟ์ชอบหักมุม พลิกตลอด
ว่าแต่ชาเอ๊ยพองจะไล่เกียจริงรึ

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
รอความจริงเปิดเผยทั้งเรื่องยาและเพชร
เหมือนจะรู้จะคืบหน้า แต่สุดท้ายก็ยังไม่รู้อยู่ดี  :laugh:

บวกเป็ด

 :pig4:

Love U All

  • บุคคลทั่วไป
เกียคือโคนันป่ะเนี่ย  แบบปริศนาทั้งหมดจะคลี่คลายได้เพราะเกีย
ไอรีนเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าแป๋ม และไทนี่เป็นคนวางยาข้าวพอง 
แล้วต่อไปจะมีใครโผล่มาเป็นผู้ต้องสงสัยอีก 
พี่สะใภ้ข้าวพองหายไปนานมาก คือเธอไม่เกี่ยวกะคดีใช่ไหม 
อ่านไป  เหมือนปมจะค่อย ๆ คลายออกมา  แต่ก็ยังเดาไม่ถูกอยู่ดี

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
อิป้าชอบเรื่องนี้นะ....มันไม่สามารถที่จะเดาทางได้ง่าย ๆ เลยนิ...
แต่ขอบอก..ห้ามจบแบบ ชกมวย..แต่จบแบบมวยปล้ำคงดี..555...
 

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ใกล้จบแล้วก็ต้องมีหวานมั่งสิเนอะน้องที
ตกลงก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้าย เป็นเรื่องที่สองของคุณไจฟ์ที่อ่านแล้วมึน

ออฟไลน์ Ginseng

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ยังคิดว่า สาเหตุที่แม่และพี่ของพองต้องตาย
อาจจะโยงกับเรื่องที่เป็นอยู่ในตอนนี้ด้วย

ลุ้นตอนต่อไป

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ใกล้เข้ามาอีกนิด บิ๊กหว่องเราปักใจกับบิ๊กหว่อง มันเกี่ยวข้องกันไปหมดเลยเนอะ รอดีกว่า
ปล อ้าวเรื่องแต่งเหรอเนี่ย 555 ล้อเล่นนะจ๊ะ

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
กราบ "คณะกรรมการ" ที่ไม่ให้ผ่านค่ะ!
ขอหวานๆแทรกมามั่งเถอะนะคะ
รอเฉลยคนร้ายแล้วกัน มึนๆงงๆ ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
รออ่านต่อค่ะ

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
ตอนที่ 31

มันมีความเป็นไปได้จริง แม้ข้าวพองจะบอกว่าพูดไปมั่วๆ ว่าไทนี่ หว่องวางยาเพื่อสาธิตให้บรรดาลูกค้าทั้งหลายเห็นด้วยตาตัวเองว่ายาที่มีอยู่มีฤทธิ์อย่างไร
เพราะป๋อมบอกว่า เคยได้ยินเรื่องที่กลุ่มเด็กที่ใช้ยาเสพติดพูดเรื่องยาตัวใหม่ของไทนี่
แต่ก็มีความเป็นไปได้ ที่ไทนี่จะเข้ามาด้วยเหตุผลอื่นเช่นกัน
เกียคิดทบทวนเรื่องของไทนี่ในระหว่างที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ยาวหน้าห้องสอบปากคำ

หนุ่มอังกฤษผมทองกับหญิงสาวผมยาวสีเข้มเดินขึ้นมาบนโรงพักแล้วส่งยิ้มทักทายทุกคนบนโรงพัก รวมถึงคนที่นั่งรออยู่
“เมืองไทยร้อนมาก” หนุ่มผมทองบ่นทันที ส่วนหญิงสาวยิ้มกว้างเดินมานั่งข้างๆ
“เจ้าชายน้อยอยู่โรงเรียนหรือ”
“เจอหน้ากันก็ถามถึงเจ้าชายน้อย” เกียพูดยิ้มๆ
“ถามถึงมาตลอดทางตั้งแต่อังกฤษ จนถึงเมืองไทย”
“แอนดรูว์ขี้ฟ้อง” แมรี่ไม่ถือสา
เกียมอง 2 คนที่ดูคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี “2 คนนี้รู้จักกันนานแล้วหรือเปล่า”
“เพิ่งเจอกันตอนที่โบรดี้พาเธอมาส่งที่สนามบิน” แอนดรูว์บอก แมรี่ก็พยักหน้า ทำให้เกียยิ้มแปลกๆ
หญิงสาวใช้หลังมือตีที่แขนใหญ่ของเกีย “ยิ้มอะไร สรุปความคืบหน้าในรอบ 24 ชั่วโมงนี้มาด่วน”
“เขาไม่ยอมให้ผมฟังสอบปากคำด้วย”
เกียทำฟ้องเลียนแบบแอนดรูว์ ที่ยักไหล่ทันที “เรื่องธรรมดา แต่ไม่เป็นไรกูเตรียมกุญแจมาด้วย”
แมรี่ขยับตัวเข้ามาใกล้ “เราเจอไอ้เหลียงศัตรูเก่าของเธอแล้ว”
“และคืบหน้าเรื่องเพชรลอนดอนที่ครอบครัวนี้ครอบครองอยู่”
เกียพยักหน้ายอมรับง่ายๆ จนแอนดรูว์กับแมรี่แปลกใจ
“ทำไมไม่มีคำถาม”
เกียเกือบจะบอกไปแล้วว่า ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เป็นฝ่ายตอบคำถามแทบจะทุกวัน จนใกล้จะตั้งคำถามไม่เป็นแล้ว
“คิดอยู่เหมือนกัน ว่าเรื่องพวกนี้มันเกี่ยวกับอยู่ห่างๆ” เกียพูดยิ้มๆ
เป็นอีกครั้งที่ทั้ง 2 คนแปลกใจ “เรายังไม่ได้พูดคำนั้นนะ แค่บอกหัวข้อ”
พอเกียยิ้มมุมปาก แมรี่ก็หันมาบอกกับแอนดรูว์ “ฉันบอกเธอแล้ว ว่าหมอนี่ฉลาด ไม่งั้นโบรนี่ไม่ส่งมาคนเดียวหรอก”
แอนดรูว์หันมาพูดกับแมรี่บ้าง “แล้วที่เคยเห็นมา หมอนี่บ้าเข้าขั้นเลยทีเดียว”
เกียได้แต่ส่ายหน้าให้กับทั้ง 2 คนที่ยังคงส่งความรู้สึกดีๆ ระหว่างกันออกมาอย่างต่อเนื่อง
“ต้องไปรับเจ้าชายน้อยกี่โมง” หลังการสนทนาแบบโลกส่วนตัวกัน 2 คนแมรี่ก็หันมาหาเกีย
“บ่ายสาม”
“งั้นมีเวลาเหลือเฟือ” แอนดรูว์ลุกขึ้นยืน แล้วเดินนำออกไปจากโรงพัก
“เธอยังไม่ได้สรุปสถานการณ์ 24 ชั่วโมงให้เราฟังนะ” แมรี่ทวง
“ไปเล่าที่คอนโดฯ ก็ได้” เกียบอก แล้วผิวปากหวือเมื่อเห็นรถหรูของแอนดรูว์ ที่ไม่ได้ใช้ป้ายรถสถานทูต แต่ติดป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานคร “เส้นเขาดีจริงๆ”
“ใช้ทะเบียนสถานทูตแล้วมันเด่น” แอนดรูว์บอก

ห้องพักที่คอนโดฯ แม้ว่าเกียจะไม่ได้กลับมานอน แต่ก็เป็นที่ทำงานด้านเอกสารเป็นส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่แอนดรูว์กับแมรี่มาถึงไม่ถึง 5 ชั่วโมง ห้องนี้ก็เปลี่ยนไป
ห้องพักที่คอนโดมีอุปกรณ์อีเลคทรอนิคส์เข้ามาเพิ่มเติม กับแฟ้มรายงานที่เกียเก็บไว้ในลิ้นชัก ตอนนี้วางอยู่กลางโต๊ะ
“ห้ามน้องเข้าห้องนี้อย่างเด็ดขาด”
เกียบ่น แมรี่หันมามอง “เขาเคยมาหรือ แล้วทำไมถึงพามาไม่ได้ล่ะ”
“เคยครั้งหนึ่ง เขาเป็นคนช่างสังเกต เห็นทุกอย่าง แต่เลือกที่จะตัดสินว่ามันใช่หรือไม่ใช่”
แอนดรูว์ยกนิ้วชี้ หันมาหา “อธิบายใหม่สิ”
เกียเดินไปที่แฟ้มรายงาน ขณะที่แมรี่เปิดอุปกรณ์ในห้อง
“เขาช่างสังเกต แล้วก็จะมีความเชื่อพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก อย่างการที่เขาเชื่อว่า ไทนี่ หว่องเป็นคนน่าสงสาร และไม่มีวันที่จะทำร้ายใคร ต่อให้เขาเห็นกับตาว่าเด็กคนนั้นติดต่อกับกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีท่าทีพิรุธเมื่อพบกับไอรีน หรือ คู่แฝดป๋อมแป๋มจะเตือนเรื่องการคบหา ทั้งหมดนี้ไม่สามารถทำให้ข้าวพองเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อไทนี่”
“เรียกว่าดื้อได้มั้ย” แอนดรูว์ถาม
แมรี่พูดช้าๆ “ไม่ใช่ดื้อหรอก แต่เพราะหนังแกะที่เด็กคนนี้ใช้ห่มตัวอยู่ต่างหาก”
แอนดรูว์ทำหน้าเหนื่อย “2 คนนี้ชอบพูดให้แปล”
“เขามาฟอร์มเด็กที่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังเหมือนข้าวพองไง” แมรี่ดุ “เด็กตะวันตกเพื่อนเยอะอย่างเธอไม่เข้าใจละสิ”

แอนดรูว์ยอมรับ เพราะเขาเป็นคนที่มีเพื่อนมากมายและอยู่ในครอบครัวที่มีพี่น้องหลายคนจนจินตนาการไม่ออกว่า การอยู่บ้านเพียงคนเดียวเป็นอย่างไร
เกียหันไปพยักหน้าให้กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ที่แมรี่รันเครื่องขึ้นมา
ทั้งเกียและแอนดรูว์ เป็นตำรวจประเภทที่ทำงานโดยไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เหล่านี้สักเท่าไหร่ แต่แมรี่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาอุปกรณ์มากถึง 90 เปอร์เซ็นต์

“เราตามประวัติไทนี่ หว่อง เขายังเด็กเกินกว่าที่จะมีประวัติอยู่ในแฟ้มตำรวจทุกประเทศทั่วโลก แต่เขามีประวัติที่อยู่ในโรงเรียนที่ฮ่องกง” แมรี่อธิบาย “โรงเรียนส่วนใหญ่จะไม่มีการบันทึกเรื่องการลงโทษเด็กนักเรียนไว้ เพราะความที่ทุกคนเป็นผู้เยาว์ แต่ไทนี่ หว่องถูกพูดถึงในโรงเรียนเกี่ยวกับกลุ่มอาชญากรที่เขามีส่วนเกี่ยวข้อง ชื่อแก๊ง 105 เป็นแก๊งค์ค้ายาเสพติดเป็นหลัก และแน่นอนว่ารับจ้างข่มขู่ด้วย”
“อาชีพหลักของแก๊งค์ คือการเก็บค่าคุ้มครอง” แอนดรูว์เสริม
แมรี่ดึงภาพคนกลุ่มหนึ่งขึ้นมาเพื่อขยาย “เห็นศัตรูเก่าของเธอหรือยังเกีย” ภาพนั้นดูไม่ค่อยเหมือนเหลียงศัตรูเก่าสักเท่าไหร่ “ไอ้เหลียงน่ะตายจากการดวลปืนกับเธอ มันถูกเก็บศพไปทันที ทำให้เราไม่แน่ใจว่ามันตายหรือสาหัส ส่วนคนนี้คือพี่ชายของมัน”
ที่ผ่านมา เกียมักสงสัยว่าเหลียงอาจรอดหรือไม่รอดจากการดวลปืนวันนั้น แต่การรู้ว่าศัตรูตายไปแล้ว และมีตัวแทนเข้ามาทันทีแบบนี้มันอยู่เหนือความคาดหมายอยู่เล็กน้อย 
“คนนี้เป็นพ่อของไทนี่หว่อง ทั้ง 3 คนใช้คนละนามสกุล” เกียบอก “เราเสียเวลาไปมากกับการชี้ตัวคนๆ นี้ เขามาที่นี่เพื่ออะไร”
“เรา” แอนดรูว์เน้นเสียง “เชื่อว่ามันรับจ้างจากผู้มีอิทธิพลในฮ่องกงมาเอาเพชร”
เกียพูดเสียงต่ำ “เพชรแท้ผิดนัดส่งของให้กับพ่อค้าฮ่องกง จนมีเรื่องขึ้นศาล”
“นั่นแหละ” แมรี่บอก “ถึงกลุ่มที่อยู่ในข่ายจะมีทั้ง ฮ่องกง ลอนดอน ซาฮาร่า ซาอุ ไปจนถึงญี่ปุ่น แต่ตอนนี้ปลายลูกศรทั้งหมดกำลังชี้ไปที่ฮ่องกง”

แอนดรูว์และแมรี่หันมามองเกีย เพื่อรอการตัดสินใจ
ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก “ถ้าไทนี่อยู่ติดกับข้าวพอง พ่อของไทนี่ก็ต้องอยู่ไม่ห่าง เพราะมันจะต้องคอยส่งของ แล้วก็ต้องตามความคืบหน้าเรื่องเพชรด้วย”
“ฟังดูไม่น่าจะอยู่กันแค่ 2 คน”
เกียพยักหน้า “มากกว่า 2 คนแน่นอน”
แอนดรูว์ชี้เกีย ขณะที่หันไปบอกแมรี่ “เชื่อเขา เพราะเขาอยู่ในพื้นที่ เรามีแต่ข้อมูลเก่า”
“แล้วฉันเถียงอะไรเกียหรือไง” แมรี่พูดขำ “ไอคิวเขาเท่าไอน์สไตน์ กล้าเหมือนแจ็คกี้ ชาง ไม่คิดจะเถียงเขาอยู่แล้ว”
หนุ่มฝรั่งผมทองยักไหล่ แล้วหันมาถามขั้นตอนต่อไปแล้วแยกย้ายกันไปทำงาน

แอนดรูว์ไปทักทายมโหธรเพื่อนเก่าถึงที่ทำงาน เพื่อรายงานตัว ส่วนแมรี่ไปหาป๋อมที่วัดเพื่อทำความรู้จัก ก่อนที่เกียจะพาข้าวพอง ไทนี่ และเบซซี่ตามไปที่วัดเพื่อเผาศพ
“คนจีนไม่เผาศพ” ไทนี่พูดท้วงขึ้นเมื่อมาถึงวัดแล้วกวาดตามองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าแมรี่ยืนคุยอยู่กับครอบครัวของป๋อม
ดวงตายาวเรียวหันมามองเกีย และรอจนกระทั่งเกียแนะนำแมรี่ให้ทุกคนรู้จัก
“แมรี่จะมาดูแลป๋อมและครอบครัว”
เกียบอกแค่นั้น ขณะที่เหตุผลที่เกียบอกกับครอบครัวของป๋อมไว้ก่อนหน้านี้ก็คือ แมรี่มีความเชี่ยวชาญเรื่องคอมพิวเตอร์ จะมาช่วยตรวจสอบคอมพิวเตอร์และการสื่อสารของแป๋ม

พิธีการทางศาสนาผ่านไปโดยที่ไทนี่แสดงอาการอย่างชัดเจนว่า มีความไม่พอใจอะไรบางอย่าง
แต่เพราะไทนี่เพิ่งแสดงความเห็นเกี่ยวกับประเพณีทางศาสนา ทำให้ข้าวพองไม่มั่นใจว่า ความไม่พอใจนั้นเป็นเพราะการดัดแปลงประเพณี หรือเพราะแมรี่
แมรี่ไม่ได้กลับมาด้วย
แต่พอมาถึงบ้าน แอนดรูว์กลับมารออยู่กับมโหธรแล้ว
ทันทีที่เห็นหน้าพี่ชายข้าวพองก็ใส่ก่อนทันที “วันนี้ไม่ใช่วันอาทิตย์”
พี่ชายได้แต่ส่ายหน้า แล้วเดินนำเข้าไปในห้องทำงาน ให้อุบลรับหน้าที่ดูแลข้าวพองต่อไป

...ในเมื่อเรื่องทั้งหมดมันเกี่ยวกับเราโดยตรง แล้วทำไมเราถึงต้องเป็นคนรออยู่ข้างนอกแบบนี้...
ให้เวลาแค่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จข้าวพองก็เปิดประตูห้องทำงานเข้าไปทันที
เกียกำลังยืนตัวตรง
“ขอบคุณคุณเพียงที่ยังให้โอกาสผมทำหน้าที่ต่อไป”

ข้าวพองไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะทำความเข้าใจคำพูดและสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนี้
“กินข้าว”
“อุบล....” มโหธรเรียกแม่บ้าน แต่ข้าวพองทำหน้างอหงิก
“ไม่ต้องเรียกอุบล เพราะถ้าไม่ออกไปกินข้าวพร้อมกัน ก็ต้องให้พองฟังด้วยว่าคุยอะไรกัน”
รุ่นใหญ่ 3 คนหันมามองหน้ากัน
ดูท่าเจตนาที่แท้จริงคือจะฟังด้วย ไม่ใช่กินข้าวพร้อมกัน
มโหธร ยกมือยอมแพ้แล้วเรียกน้องชายมานั่งข้างบนโซฟาตัวยาวในห้อง
“เรื่องมันซับซ้อน”
ข้าวพองเบ้หน้าทันทีจนพี่ชายต้องล็อคคอเข้ามากอด
“แกน่ะมันทั้งดื้อทั้งใจร้อน พี่ไม่ได้อยากปิดบังอะไรแกหรอกนะ แต่ยิ่งรู้น้อยแกก็จะยิ่งปลอดภัย”
พี่ชายคนโตมองหน้าน้องชาย “ทันทีที่แกจบ ม.6 เราจะไปอังกฤษด้วยกัน” 
เมื่อน้องชายมองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามพี่ชายก็เล่าเรื่องตั้งแต่เริ่มต้น ที่ต้องย้อนไปตั้งแต่การทำธุรกิจร้านเพชรของแม่ ที่เข้าไปมีส่วนพัวพันกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล และทำให้ทั้งแม่และเพชรแท้ต่างก็ต้องเสียชีวิต
“แกกับพี่จะไปอังกฤษด้วยกัน”
น้ำเสียงของมโหธรทำให้ข้าวพองปิดปากเงียบ และให้พี่ชายพูดต่อ

เรื่องมาถึงยาเสพติดในโรงเรียนที่ข้าวพองกลายเป็นคนที่โดนวางยาหลายครั้ง
“พี่ไม่สนใจว่าเขาทำอย่างนั้นทำไม เพราะพี่ไม่ต้องการเพิ่มคู่กรณีที่เป็นขบวนการผิดกฎหมายพวกนี้เพิ่มขึ้นอีก”
ข้าวพองเหลือบตามองเกีย
ได้แต่หวังว่าเกียจะตามไม่ทันช่องว่างในคำพูดของพี่ชาย
ขณะที่ทั้งเกียและแอนดรูว์ ก็ทำหน้าที่เพียงผู้ฟังที่ไม่ได้ซักถามอะไร
...หรือบางทีเขาถามไปแล้ว แต่เขากำลังพูดในสิ่งที่เราควรรู้อีกครั้ง....
ข้าวพองใช้สันมือเคาะหน้าผากตัวเอง จนมโหธรต้องหยุดบรรยายหันมาถาม
“เป็นอะไร”
“เปล่า แค่เคาะตัวโง่ออกไปจากหัว”
“แกนี่มัน....” มโหธรส่ายหน้า “เรื่องที่แป๋มตายน่ะเราก็เสียใจกับครอบครัวของเขา แต่การที่พอจะเดาได้ว่ามีเราเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ทั้งเรื่องยังเกิดขึ้นในโรงเรียน แล้วตำรวจเร่งปิดคดีแบบนี้ มันยิ่งทำให้พี่อยากให้แกห่างออกมา ไปเรียนเสร็จแล้วก็รีบกลับบ้านเข้าใจมั้ย”
ข้าวพองผุดลุกขึ้น “ถ้าแป๋มเป็นเพื่อนพี่ พี่จะบอกแบบนี้มั้ย ถ้าเขาเป็นพี่นิ พี่จะไม่รู้ไม่ชี้แบบนี้หรือเปล่า หรือว่าก็เหมือนกัน เพราะทั้งแม่ ทั้งพี่เพชร พวกเขาตายไปโดยที่พี่ไม่ได้ทำอะไรเลย”
มโหธรเพียงแค่มองน้องชาย แต่เกียกระแอมดุให้เงียบ
เพียงแต่เมื่อเริ่มอาละวาด ข้าวพองก็หยุดไม่ได้
“ชีวิตใครพี่ก็ไม่สนใจ เพราะพี่สนใจแต่จะเปลี่ยนทุกอย่างให้กลายเป็นเงิน!”
ข้าวพองผลุนผลันออกไปจากห้องทันที ทิ้งให้ทั้ง 3 คนที่อยู่เบื้องหลังผ่อนลมหายใจยาว

มโหธรหันมาพยักหน้ากับเกีย
“ฝากด้วยนะ ส่วนเรื่องนิผมจัดการเอง”
แอนดรูว์ขัดขึ้น “มันดีจริงๆหรือ ให้เขาเข้าใจเพียงผิดแบบนั้นน่ะ”
มโหธรหรือเพียงแค่ยิ้ม “ไม่ผิดหรอก ผมเป็นพี่ชายไม่เอาไหนของเขามาตลอดอยู่แล้ว หากมันจะทำให้เขาปลอดภัย ห่างจากคนไม่ดี”
“พี่ชายทุกคนอยากเป็นฮีโร่ของน้องๆ ทั้งนั้น”
“ใช่ว่าผมไม่อยากเป็น แต่เรากำลังเจอกับอะไร พวกเขาอยู่ในโลกที่ผมไม่รู้จัก และไม่อยากรู้จักด้วย” มโหธรบอก “คนที่ไม่เคารพกฎหมาย ใช้กำลังคน และอาวุธ ทั้งที่งานที่ผมทำอยู่มันก็ต้องมีพวกพ้อง มีเรื่องของอิทธิพล แต่มันไม่เหมือนกับมาเฟียพวกนี้ ถ้าพวกเขาสามารถฆ่าผู้หญิง 2 คนได้ เขาย่อมไม่ลังเลที่จะฆ่าเด็กอีกคนเพื่อเพชรนั่น” มโหธรลุกขึ้นเดินนำไปที่ประตู “ผมไม่คิดว่าเรื่องยาเสพติดจะเป็นเรื่องบังเอิญ ไทนี่ หว่องคนนั้น เจตนาเข้ามาหาน้องชายของผม แล้วผมก็ไม่ไว้ใจโรงเรียนด้วย ถ้าไม่ติดว่าเหลือเวลาอีกเดือนกว่าๆ เขาจะต้องสอบไล่กันนะ ผมไปเอาน้องออกจากโรงเรียนแล้ว”
พูดแล้ว มโหธรก็ส่ายหน้า “พ่อผมยังไงก็ยังเชื่ออยู่เหมือนเดิมว่า โรงเรียนคือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเด็กๆ เขาบอกว่าสถิติเหตุร้ายในโรงเรียนเทียบไม่ได้เลยกับสถิติเหตุร้ายนอกโรงเรียน” สีหน้าท่าทางของมโหธรตอนที่หันมาเกียบ่งบอกอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ยังไม่ให้ข้าวพองออกจากโรงเรียนในเวลานี้ “ข้าวพองมีเกียเป็นครูพี่เลี้ยง ผมเชื่อมั่นว่าเขาจะปลอดภัย”

มโหธรกลับบ้าน ส่วนแอนดรูว์กลับไปคอนโดฯ เกียเดินขึ้นมาที่ห้องนอนที่ชั้น 2
“ไม่หิวข้าวหรือครับ”
คนหน้าหงิกที่กำลังกอดอกแน่น ถอนหายใจแรง “หิวสิ”
“งั้นก็ลงมากินข้าวกันดีกว่า จะได้คุยกัน”

“ข้าวพองรำคาญเวลาที่พี่พูดซ้ำๆ หรือเปล่า”
คนที่เดินนำไปที่โต๊ะกินข้าวถามขึ้น ข้าวพองพยักหน้า “รำคาญสิ ถามทำไม”
“พี่เคยพูดเรื่องการตัดสินใจของคุณเพียงไปแล้ว แต่ทำไมข้าวพอง ยังพูดแบบนั้นกับคุณเพียงอีก”
คนที่กำลังจะนั่งลงเพื่อกินข้าว ลุกขึ้นยืนใหม่ทันที
“นั่งลง กินข้าว”
เกียพูดนิ่งๆ จนอุบลที่กำลังตักข้าวให้ยังนึกกลัว ส่วนคนที่ถูกสั่งให้นั่งก็กระแทกนั่งลง
“สั่งตลอด”
“ถ้าคุยกันไม่เข้าใจ พี่ก็ต้องใช้คำสั่ง ถ้าไม่อยากให้สั่งต้องเป็นคนที่พูดกันรู้เรื่องมากกว่านี้”
อุบลเลี่ยงออกไปที่นอกห้อง ปล่อยให้เกียอบรมข้าวพอง
“ข้าวพองรู้ได้อย่างไรว่าคุณเพียงไม่ได้จัดการอะไรเลย แต่เพราะคุณเพียงกลัวว่าจะเสียข้าวพองไปอีกคนต่างหาก เขาถึงได้ไม่กล้าทำอะไร”
“เพชร...”
“ครับ คุณเพียงน่ะคิดจะส่งของคืนเจ้าของมาตั้งแต่แรก แต่ที่ไม่กล้าทำ ก็เพราะกลัวว่า พวกผู้มีอิทธิพลจะพาลโกรธแล้วมาทำร้ายคุณอัครา และข้าวพอง” ดวงตาสีฟ้าเข้มตวัดมองออกไปนอกห้อง “ทานข้าว เสร็จขึ้นห้องไปทบทวนตัวเอง”

ข้าวพองเหลือบมองไปด้านนอกห้อง แล้วก้มหน้าก้มตากินข้าว เสร็จแล้วรีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องนอนทันที
ส่วนเกียก็ทำหน้าที่ไปตามปกติ อิ่มข้าวก็เดินตรวจรอบบ้าน หยุดคุยกับยามยอดยิ่ง 2 พี่น้อง แล้วก็กลับมาคุยกับอุบล
กลับขึ้นมาที่ห้องนอน
ข้าวพองเปิดประตูรับให้เกียเดินเข้าไปในห้อง
คนตัวโตให้ข้าวพองนั่งลงบนเตียง ส่วนตัวเองคุกเข่าลงข้างหน้า
“ขอโทษที่พี่เสียงดังกับข้าวพอง”
“ช่างมันเหอะ”
มีคนตัวโตๆ คุกเข่าแบบนี้อยู่ข้างหน้า ใครจะกล้าโกรธ...
“มีไร พูดมาเร็วๆ”
เกียจับมือนิ่มไว้ “ระหว่างข้าวพองกับคุณแม่ มีข้อตกลงกันอยู่ใช่มั้ยครับ”
อาการตาโตของข้าวพองทำให้เกียแน่ใจ “การรักษาความลับที่ดีที่สุดคืออย่าพูดมันออกมา”
ข้าวพองเม้มปากทันทีแล้วพยักหน้ารับทราบ
“คุณเพียงย้ำกับพี่หลายครั้ง ว่ามีความเชื่อมั่นว่าพี่จะดูแลข้าวพองได้ แต่การที่ข้าวพองถูกคนทำร้ายแบบนั้นทำให้พี่รู้สึกล้มเหลว”
“พองโง่เองหรอก” ข้าวพองบ่นอุบ
“พี่ล้มเหลว และแอนดรูว์ช่วยพูดไม่ให้คุณเพียงไล่พี่ออก โดยอ้างเรื่องการที่จะเอาเพชรกลับไปอังกฤษ....โดยปลอดภัย” เกียแตะที่แก้มใส “แต่ก็อย่างที่คุณเพียงบอก คือใจคุณเพียงอยากให้ไปทันที เพื่อให้เรื่องมันจบไป แต่คุณพ่อของคุณไม่เห็นด้วย เพราะรอมาได้ตั้งนาน”
“รู้หรือยังล่ะ ว่าตัวพ่อของคนที่อารมณ์จับทิศทางไม่ได้น่ะคือใคร พองน่ะแค่เด็กๆ ” ข้าวพองก้มลงกอดเกียไว้ “ไม่ได้มีแต่พี่เพียงกับพ่อที่เชื่อเกีย ข้าวพองก็เชื่อเหมือนกัน”
มือใหญ่ลูบแผ่นหลังบาง “จะไม่มีใครทำร้ายข้าวพองได้อีก พี่สัญญา....”

*-*จบตอนที่ 31 *-*
ลืมปิดท้าย วะฮะฮะ
เฉลยกันอย่างตรงไปตรงมา แบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ทุกคนคือคนร้าย ตามสไตล์ NCIS เพราะกิ๊บส์คือคนโปรดของพี่ไจฟ์ แต่แน่นอนว่า HERO ของเขาคือ ฮอเรโช จาก CSI Miami
ส่วนโคนันที่คุณมักจะพูดถึงในทุกเรื่องที่เขียนกันมา สารภาพว่า เคยดูการ์ตูนอยู่ครึ่งตอนแล้วก็วาง เหอๆ 
ตอนต่อไปจะมาวันอังคารนะครับ
.น้ำชา.





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-06-2014 14:04:55 โดย jivetea »

ออฟไลน์ fangkao

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ข้าวพอง เป็นเด็กที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสินะ นิสัยคล้ายๆกับ BONES เลย แต่ก็นะวัยว้าวุ่นก็อย่างนี้แหละ555 ไทนี่ หว่อง คือคนที่เราคิดว่าน่าสงสารมาโดยตลอด แม้กระทั่งในตอนนี้ สงสัยว่าเด็กอย่าง ไทนี่ จะถูกบังคับให้ทำเรื่องแบบนี้รึเปล่า อ๊าาาายิ่งคิดยิ่งด้อยลงๆๆๆๆ 555 รอตอนต่อไปจะดีกว่านะ

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
อูยยย  ตอนนี้เหมือนรู้อะไรหลายๆอย่างเพิ่มเติม
แต่ก็ยังไม่สุด  ยังไงก็คงต้องตามกันจนจบเรื่องนั่นแหละน้า

ความรักของหนุ่มใหญ่กับหนุ่มน้อยวัยเรียนจะลงเอยอย่างไรน้อ
ที่สำคัญระดับความหวานช่างสวนทางกับความสนุกที่แสนน่าติดตามจริงๆ  :hao3:
เติมน้ำตาลให้คู่นี้อีกนิดนะคะ

รักเกียข้าวพองและjivetea ค่าาาา  :mew1:

บวกเป็ด

 :pig4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ไม่ชอบเลยไอ้แบบห่วงแต่ไม่แสดงออกอ่ะ เนาะข้าวพอง

ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
ไทนี่เริ่มต้นเข้าหาข้าวพองแบบถูกจุด
แม้จะเห็นความผิดปกติ แต่ก็ยังเชื่อว่าไทนี่น่าสงสารไม่น่าจะทำได้

ปล.ยังคาใจในตอนก่อนๆๆหน้าที่เกียมองกระจกในห้องนอนแล้วเห็นอะไร
หรือเฉลยไปแล้วแต่เราลืมกันนะ :m28:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เริ่มเข้าใจอะไรเยอะขึ้นละ

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
 :mc4:โอ๊ยๆๆๆๆๆๆๆ เข้มข้นขึ้นทุกทีๆ พองเอ๊ยพองใจเย็นๆหน่อย ตอนนั้นก็ว่าเกียไปทีนึงแระ นี่ก็ว่าพี่เพียงอีก

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

pahpai

  • บุคคลทั่วไป
สรุปว่าไทนี่นี่ชัวร์แล้วว่าน่าจะเป็นคนร้าย ไอรีนก็ด้ว และน่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน

ส่วนพี่สะใภ้น่าจะมาทางอีกสาย เดา 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ piggyfree

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 191
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
อดใจรอไม่ไหวแล้ว
ความโลภมันน่ากลัวจริงจัง...
ขอบคุณ คุณไจฟ์ น้องน้ำชา นะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ผัวพันยุ่งกันหมด แต่พระเอกนายเอกของเราหาความหวานไม่มีเลย รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ในเมื่อฝ่ายนี้รู้ตัวขนาดนี้แล้ว ผู้ร้ายจะโต้กลับยังไง

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
เอาแบบเดิม คือ เดา... ผู้หญิงที่น่ากลัวตอนนี้ตัดไอรีน เหลือพี่สะใภ้
 :hao4:  งั้นแสดงว่าคุณพี่ชายยอมเอางูเห่าไว้ข้างตัวเองเพื่อปกป้องข้าวพอง
กับครอบครัว โอ!!!! กล้าหาญ

ส่วนคุณครูกับนักเรียนคู่นี้ มันมาแบบปริ่มๆ ที่ยังไม่สุดสักทีอ่ะ
 :ling1:   :หวานกันมั่งงงงงง คนอ่านจะขาดใจแล้ววว

ชูป้ายไฟเชียร์  JiveTea

ออฟไลน์ @PurPle SuN@

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ตอนนี้ยาวดีจริงๆ ยังคงยืนยันว่าต้องย้อนไปอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง นี่เรางงอะไรหว่า???

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
มานอนรอเกียกับข้าวพอง ตื่นเช้ามาได้อ่านพอดี ฮี่ๆๆ

ออฟไลน์ ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-4
เมื่อก่อนคิดแค่ว่าพี่สะใภ้นางอยากได้เพชร ตามประสาผู้หญิงที่เกิดความโลภอยากครอบครอง ถึงได้ไปด้อม ๆ มอง ๆ หรือแอบเข้าห้องนั้น มีสะกิดใจบ้างเหมือนกันว่าจะเป็นพวกเดียวกับพวกนั้น แต่คิดว่าแต่งงานกับคุณพี่ชายมาหลายปี คุณพี่ชายจะไม่รู้เลยหรือ ถ้านางเป็นคนร้าย

คิดได้หลายทางคือ คุณพี่ชายต้องการเก็บงูเห่าไว้ใกล้ตัว ไม่ก็ คุณเธอมาเนียน ๆ ไม่มีใครจับได้ หรือไม่ เธอก็แค่อยากได้เฉย ๆ

เราก็จับตาดูเธอนะ แต่บทเธอค่อนข้างน้อย

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
อยากให้จับผู้ร้ายได้โดยไว

ออฟไลน์ MyTeaMeJive

  • MyTeaMeJive
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1894
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3313/-9
ตอนที่ 32

เกียไม่ได้พาข้าวพองไปโรงเรียน แต่พาไปต่างจังหวัด รอครอบครัวของแป๋มที่นำอังคารของแป๋มมาลอยที่ปากแม่น้ำ
แมรี่ยังอยู่กับครอบครัวป๋อม แต่ไม่เห็นแอนดรูว์
พอไม่มีไทนี่ หว่อง กับเบซซี่  ข้าวพองก็รู้สึกผ่อนคลายลง ขณะที่เรือแล่นไปถึงบริเวณปากแม่น้ำกว้างใหญ่เพื่อที่จะบอกลาแป๋มเป็นครั้งสุดท้าย....

ข้าวพองโอบไหล่เพื่อนตัวสูงไว้
มีแต่เสียงของเครื่องยนต์ที่ดังอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งกลับมาถึงฝั่ง และพ่อชวนทุกคนไปกินข้าวพร้อมกัน

“ไม่รู้ว่ามีร้านอาหารสะอาดๆ ตรงไหน” แม่มองไปรอบๆ
ข้าวพองหันไปมองแม่น้ำกว้างใหญ่ “มีร้านอยู่ไม่ไกลจากนี้ พ่อขับรถตามมาก็ได้ครับ”
เมื่อหนุ่มตัวเล็กพูดขึ้นทุกคนถึงได้นึกออก
“ผมเคยมาส่งแม่กับพี่สาว 2 ครั้งแล้ว พอจะจำร้านได้”

ข้าวพองเดินไปบอกธีระที่รออยู่ แล้วหันมาเรียกป๋อมขึ้นรถไปด้วยกัน
ร้านอาหารที่ข้าวพองพาไปอยู่ริมแม่น้ำกว้าง
แม้ป๋อม กับข้าวพองจะอยู่ใกล้กัน แต่ต่างคนต่างก็มองสายน้ำ จนกระทั่งแมรี่ถามว่าจะไปห้องน้ำก่อนทานอาหารหรือไม่ ทั้งคู่ถึงได้ลุกเดินตามกันไป
ส่วนแม่ไปกับแมรี่ ทิ้งให้เกียคุยกับพ่อ แต่เมื่อแม่เดินกลับมาพร้อมกับแมรี่ เกียก็ผุดลุกขึ้น แล้วชี้บอกให้แมรี่อยู่กับพ่อและแม่
ตำรวจหญิงพยักหน้าแล้วกวาดตามองไปรอบตัว
ส่วนเกียตรงไปที่ห้องน้ำชายทางด้านหลัง

จากประตูห้องน้ำชาย มองตรงเข้าไปก็ทะลุถึงผนังด้านหลัง ห้องส้วมเล็กๆ 2 ห้องไม่มีใครอยู่ เกียเดินกลับมาหาแม่กับแมรี่ ถามว่าเห็นทั้ง 2 คนหรือไม่
แต่แม่บอกว่า ได้ยินแต่เสียงเหมือนทั้งคู่จะออกมาก่อนแล้ว
เกียพลิกดูโทรศัพท์ในมือ
จุดสีแดงบนแผนที่กำลังเคลื่อนที่.....

หันมาบอกให้ธีระขับรถพาพ่อกับแม่คู่แฝดตรงกลับบ้าน ส่วนตัวเองขอกุญแจรถธีระมา
“พ่อไปโรงพักแจ้งความก่อนดีกว่ามั้ย”
เมื่อคนกลุ่มหนึ่งมีท่าทีตกใจ พนักงานในร้านก็เข้ามาสอบถาม พ่อกับแม่รับหน้าที่ตอบคำถาม ซักถาม แต่เกียกับแมรี่ตรงไปที่รถที่จอดไว้ด้านนอก
“ห้องน้ำอยู่ติดกับที่จอดรถด้านหลัง ทำให้เราไม่เห็นตอนที่ทั้ง 2 คนออกมา แล้วก็ไม่เห็นตอนที่รถออกไป”

...ต่อให้คนขับรถคันนั้นขับผ่านร้านไปก็ไม่มีใครคิดจะสนใจ เพราะตำแหน่งของร้านที่อยู่ติดกับแม่น้ำ จะทำให้ทุกคนให้ความสนใจกับธรรมชาติรอบตัวมากกว่าเสียงรถยนต์...

สภาพการจราจรในย่านร้านอาหารค่อนข้างติดขัด ในตอนแรกก็ดูท่าว่าจะไม่ห่างกันมากนัก แต่จากตำแหน่งของรถที่เริ่มห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ทำให้เกียเป็นกังวล
“รถมอเตอร์ไซค์เยอะจนน่ารำคาญ” แมรี่เริ่มบ่น แล้วกลายเป็นร้องตะโกนด่า เมื่อเจอรถส่งของจอดรถที่ด้านหน้าร้านอุปกรณ์ก่อสร้างเพื่อส่งของเสียดื้อๆ

เกียกำพวงมาลัยรถไว้แน่น บอกตัวเองให้ใจเย็นเมื่อต้องขับรถในย่านจอแจ
กว่าจะผ่านจุดที่การจราจรวุ่นวาย จุดสีแดงก็ยิ่งห่างออกไปไกล แล้วหยุดนิ่ง
“หยุดรถแล้วๆ” แมรี่ร้องบอก

เกียยิ่งเพิ่มความเร็ว แต่ครู่หนึ่งจุดสีแดงก็เคลื่อนผ่านออกไป จนกระทั่งมาถึงจุดที่คาดว่าคนร้ายจะหยุดรถเมื่อครู่ แมรี่ก็ชี้บอก

“มันจอดรถตรงนี้ ลงไปดูนิดเถอะ”

เกียพยักหน้า แต่การระบุตำแหน่งจีเอสพีลักษณะนี้มันเป็นการบอกตำแหน่งเพียงคร่าวๆ เท่านั้น เมื่อผ่านแถบพุ่มหญ้าข้างทางที่ราบเป็นแนวยาว เกียจอดรถแล้ววิ่งลงไปดู พบร่างที่นอนคว่ำหน้าอยู่กับพงหญ้า จับให้หงายหน้าขึ้นมา
วูบหนึ่งคือความโล่งใจที่ไม่ใช่ข้าวพอง แต่ก็ต้องรีบอุ้มออกมาใกล้ถนน
มีรถจอดชะลอดูแล้วลงมาช่วยโทรเรียกตำรวจ
แมรี่รีบบอกให้เกียโทรหาพ่อกับแม่ของป๋อมแล้วเร่งให้เกียตามไป

“ฉันดูป๋อมเอง เธอไปตามน้องดีกว่า”

เกียพยักหน้า แล้วบอกให้แมรี่โทรบอกแอนดรูว์กับมโหธรด้วย
จุดสีแดงยังคงเคลื่อนที่ไปทางตะวันออก จากถนนทางหลวงเข้าสู่ถนนสายเล็ก และกลายเป็นการที่ต้องขับผ่านทางรกจนหยุดลง ห่างออกไปไม่ไกลเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ รถยนต์ 2 คันจอดอยู่ด้านหน้า
เกียตรวจสอบสัญลักษณ์ต่างๆ อีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าข้าวพองอยู่ในบ้านหลังนั้น ต่อไปคือ โทรศัพท์หาแอนดรูว์สั่งข้อความ แล้วปิดเสียงโทรศัพท์ สอดไว้ใต้เบาะที่นั่งด้านคนที่นั่งข้างแล้ว หยิบปืนสั้นที่ซ่อนไว้ใต้เบาะนั่งออกมา
อาวุธประจำกายของเจ้าพนักงานที่เจ้าตัวพยายามเก็บไว้ให้ห่างไกลจากตัวอยู่เสมอ

แม้ตลอดทางที่เข้ามาจะเป็นทางรก แต่พื้นที่รอบบ้านหลังเก่ากลับเป็นลานโล่ง ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้กับบ้านที่สุดยังอยู่ห่างออกมาเกือบ 20 เมตรจากนั้น จึงเป็นพุ่มหญ้า ลานดินที่มีรถจอดอยู่และตัวบ้าน
การที่ไม่มีใครยืนยามอยู่รอบบ้าน ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครซุ่มดูอยู่จากหน้าต่างในตัวบ้าน
และยังแสดงให้เห็นว่าคนร้ายมีความมั่นใจมาก
คนตัวโตซุ่มมองจากระยะไกลเพื่อรอเวลา

.....
 
ข้าวพองเดินมาเข้าห้องน้ำกับป๋อม
2 หนุ่มเดินมาด้วยกันก็จริง แต่ต่างคนต่างก็ติดอยู่กับความคิดของตัวเอง
ข้าวพองกำลังคิดถึงแม่กับพี่เพชร
ส่วนป๋อมก็คิดถึงแป๋ม

การเสียชีวิตจากการถูกสังหารมันยากที่จะทำใจให้ยอมรับว่า คนที่เรารักคือคนที่ถูกปองร้ายถึงชีวิต
จัดการธุระของตัวเองก็กลับมายืนก้มหน้ามองรองเท้าของตัวเองเพื่อรอป๋อม จนกระทั่งป๋อมล้างมือแล้วมีคนเดินเข้ามาในห้องน้ำ
ข้าวพองถึงได้เงยหน้าขึ้นมอง
เคยเห็นเพียงไม่กี่ครั้ง ทำให้ต้องมองหน้าเพื่อทบทวนความทรงจำ
“พ่อ...”
“หุบปาก!”

ปืนกระบอกใหญ่จี้ที่เอวบาง ข้าวพองหุบปากเงียบหันไปมองป๋อมที่โดนชายอีกคนใช้ปืนจี้ที่เอวเหมือนกัน
คนที่อยู่กับป๋อมชะโงกมองเข้าไปด้านในของห้องน้ำแล้วส่ายหน้า ออกคำสั่งให้ทั้ง 2 คนอย่าส่งเสียงและไม่แสดงท่าทีพิรุธ แล้วพาเดินออกมาอีกทาง

.....เกียจะรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น....
.....อีกกี่นาทีเกียถึงจะรู้.....
.....เกียจะช่วยเราได้ไหม....
.....เราจะเป็นเหมือน แม่ พี่เพชร และแป๋มไหม.....

ข้าวพองคิดวุ่นวาย หันไปมองหน้าเพื่อนที่ดูเยือกเย็น และมีความมั่นใจ แต่เพียงแค่รถออกไปได้ไม่ไกล ป๋อมก็กลับเริ่มตั้งคำถาม
“พวกแกเป็นใคร ต้องการอะไร จะพาเราไปไหน”
เป็นการตั้งคำถาม และมีท่าทีตื่นตระหนก จนข้าวพองคิดไปว่า คำถามและท่าทีแบบนี้มันคือแป๋มชัดๆ
แต่พอป๋อมขยิบตาให้ข้าวพองก็เข้าใจ
เข้าใจและกลัวว่าจะถูกทำร้าย
คนร้ายพูดภาษาจีนที่ข้าวพองไม่เข้าใจสักคำเดียว แต่กลับพาลคิดไปว่าป๋อมอาจเข้าใจ
จนกระทั่งออกมานอกเมือง คนขับจอดรถข้างทางแล้วลากป๋อมลงไปจากรถ
คนร้ายที่คุมข้าวพองอยู่ใช้ปืนจ่อที่เอว  “อย่าส่งเสียง”
ข้าวพองกัดปากแน่น เมื่อเห็นป๋อมโดนฟาดด้วยปืน แล้วโดนเตะซ้ำ จากนั้นก็ลากลงไปที่ข้างทาง

เมื่อไม่มีเกีย ไม่มีป๋อมอยู่ใกล้ๆ ข้าวพองเริ่มตระหนักถึงความหวาดกลัวที่มันรุนแรงอยู่ในใจ
.....พี่เพียงรู้เรื่องนี้ดีที่สุด ถึงได้ต้องตามมืออาชีพแบบเกียมาคุม
พี่เพียงรู้ดีว่า เมื่ออยู่คนเดียว เรากลายเป็นคนไร้ความสามารถ
....ไม่สิ...
ช่วงหลายเดือนมานี้เกียสอนอะไรเรา....

รถไปจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง แล้วดึงลงมาจากรถ
มีคนอีกคนรออยู่ในบ้าน
ไทนี่ หว่อง
คนที่ทุกคนรอบตัวย้ำเตือนให้ข้าวพองอยู่ให้ห่าง
ดวงตายาวเรียวมองตาม ขณะที่ข้าวพองถูกพาเข้าในห้องด้านในแล้วจับมัดไว้กับเก้าอี้

ไทนี่หันไปพูดกับชายคนที่จับข้าวพองมา แล้วหันมาบอก
“ป๋อม มักจะวุ่นวายแบบนั้นเสมอ แป๋มก็เหมือนกัน จุดจบเลยไม่ต่างกัน”
“ทั้ง 2 คนไม่ได้วุ่นวาย” ข้าวพองเถียงโดยปราศจากความกลัวจนตัวเองยังแปลกใจ
“วุ่นวายสิ” ไทนี่ตอบข้าวพอง ทั้งที่กำลังตั้งคำถามในใจ ข้าวพองเครียดก็จริง แต่ไม่ได้ตื่นกลัว “รู้แล้วอยู่เฉยๆ ก็รอดแล้วแท้ๆ แต่นี่กลับวุ่นวายอยากรู้อยากเห็น”
“เขาเป็นเพื่อนเรานะไทนี่” ข้าวพองเปลี่ยนมาใช้น้ำเสียงอ่อนลง “ไทนี่กับพ่อต้องการอะไร”
ไทนี่ลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งตรงหน้า แล้วพูดตรงๆ
“เพชร”
ข้าวพองขมวดคิ้วแน่น “เพชรอะไร เพชรที่ร้านน่ะหรือ”
“เพชรที่พี่สาวของข้าวพองไม่ส่งให้เราน่ะ”
ข้าวพองนิ่งไปอึดใจ แล้วตอบ “อันนั้นต้องถามพ่อกับพี่เพียง”
“ใช่” ไทนี่ยิ้มมุมปาก “ข้าวพองถามให้กูสิ” หนุ่มฮ่องกงหันไปมองพ่อ ที่ยืนขวางประตูห้อง พูดคุยกันในภาษาที่ข้าวพองไม่เข้าใจอีกครั้ง แล้วหันมาบอก
“พรุ่งนี้เช้า กูจะติดต่อให้คุยกันแต่ตอนนี้ต้องคุยกับกูที่นี่ก่อน”

ไทนี่มองหน้าเพื่อน
“ข้าวพองไม่กลัวหรือไง”
“กลัวสิ” ข้าวพองยอมรับ
หนุ่มฮ่องกงเอียงคอมอง “ดูไม่เหมือนกลัวเลยนี่นา”
“กูกลัว แล้วก็ไม่เข้าใจด้วย ว่าทำไมต้องทำอย่างนั้นกับป๋อมแป๋ม”
ไทนี่หันไปมองพ่อแล้ว หันกลับมาตอบข้าวพอง “เรื่องป๋อมน่ะ พ่อไม่ได้อยากพามาด้วยตั้งแต่แรก แต่เพราะมันอยู่กับมึงต่างหาก และที่ทำอย่างนั้นก็เพราะมันโวยวาย”
“แล้ว..แป๋มล่ะ”
“แป๋มรู้มาก พูดมาก ทำไมคนที่รู้ต้องพูดว่ารู้ ถ้าไม่พูดออกมา ไอรีนก็ไม่ต้องลงมือเองแล้ว”
“ไอรีน จริงๆ หรือ” ข้าวพองพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
ไทนี่หัวเราะในลำคอ “มึงเป็นอย่างนี้ตลอด ทั้งที่รู้ว่าความจริงคืออะไร แต่กลับไม่ยอมรับว่ามันคือความจริง”
“เขาเป็นเพื่อนเรานะ” ข้าวพองพูดเหมือนเดิม “ไทนี่ก็เป็นเพื่อน”
ไทนี่ยิ้มที่มุมปาก “ยังมีอะไรอีกตั้งมากมายที่สำคัญกว่าเพื่อน ยิ่งถ้าเทียบกับเพชรที่พี่สาวของข้าวพองไม่ยอมส่งให้ เพื่อนยิ่งเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมาก”
หนุ่มตัวเล็กมีสีหน้าอยากรู้ “เพชรนั่นแพงมากเลยหรือ”
“มาก” ไทนี่พยักหน้าช้าๆ วิธีพูดและท่าทางแบบนี้ของไทนี่ ยิ่งดูแตกต่างจากไทนี่คนที่นั่งเรียนอยู่ข้างกันเหมือนเป็นคนละคน
ข้าวพองเป่าลมจากปากจนไทนี่หัวเราะ
“อะไร ไม่เคยรู้เรื่องอะไรกับใครเขาเลยหรือ”
อีกคนยิ้มพิกลขณะที่ส่ายหน้า “กูเป็นคนที่รู้เรื่องน้อยที่สุดแล้ว”
“ก็มึงเอาแต่เที่ยว ไม่สนใจอะไรเลย ไอรีนกล่อมยามึงตั้งหลายครั้งยังไม่ได้อะไร”

…ข้าวพองกลับรู้สึกดี ที่การเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องอะไร ไม่สนใจอะไรกับใครเขา สามารถยื้อเวลาเพื่อรอความช่วยเหลือได้...

“แล้วมึงล่ะ”
ข้าวพองถาม แต่ไทนี่ยังไม่ทันตอบ พ่อของไทนี่ที่ยืนอยู่ตรงประตูก็พูดขึ้น แต่ไทนี่หันไปตอบ
ดูจากท่าทางเหมือนพ่อจะดุว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาคุยกัน แต่ไทนี่คงตอบไปว่ายังมีเรื่องที่ต้องคุยกัน จากนั้นก็เดินออกไปแล้วปิดประตูห้อง
เท่าที่เห็น ข้างนอกยังมีคนอยู่อีก 2 คน
คนที่ขับรถ กับคนที่จี้ และทำร้ายป๋อม
ไทนี่หันกลับมาหาข้าวพองแล้วส่ายหน้า “ที่พี่ชายให้มึงเรียนอะไรตั้งเยอะแยะ ไม่เห็นได้ใช้ประโยชน์อะไรเลย”
“ก็ถ้ากูรู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับกู กูก็คงตั้งใจเรียนอยู่หรอก”
“มึงไม่คิดอะไรเลยหรือที่เขาจ้างตำรวจอังกฤษมาดูแลมึง ไม่สนใจเรื่องแม่ เรื่องพี่สาวมึง หรือเพชรนั่นหรือไง”
“ตำรวจคนนั้นพิการกูรู้แค่นั้นแหละ ส่วนเรื่องอื่นนั่น...” ข้าวพองส่ายหน้า “กูนี่มัน.....”
“มึงมันโง่ โง่แบบเด็กสปอย เพราะฉะนั้นตอนนี้มึงก็ต้องทำหน้าที่แบบที่มึงน่าจะทำได้ดีที่สุด”
“ทำอะไร”
“นึกไว้แล้วกันว่าจะพูดอย่างไรให้พ่อกับพี่ชายมึงเอาเพชรมาให้กู”
“อืม....” ข้าวพองเม้มปากท่าทางกำลังคิดคำพูดอย่างที่ไทนี่บอก “มึงก็ช่วยกูคิดสิ เกิดมากูเพิ่งเคยถูกจับเป็นตัวประกัน”

ไทนี่เหลือบตามองเพดาน ท่าทางชัดเจนมากกว่าคำพูด
....ข้าวพองเป็นตัวประกันได้เพียงครั้งเดียว เพราะทันทีที่ได้รับเพชร ข้าวพองก็จะไม่มีลมหายใจอีกต่อไป.... 

หนุ่มฮ่องกงส่ายหน้าเชิงอ่อนใจ แล้วตั้งคำถามต่อ
“มึงรู้อะไรเกี่ยวกับเกียบ้าง”
“ก็...” ข้าวพองคิด “รู้ว่าเขาเคยเป็นตำรวจ แล้วบาดเจ็บมา”
“ไม่ได้สนใจเลยหรือว่าใครทำเขาบาดเจ็บ”
ข้าวพองยักไหล่ “มันไม่ใช่เรื่องของกูนี่ คนพวกนี้มาได้แป๊บๆ แล้วก็ไป”
“พ่อกูแซ่เหลียง”
“แต่มึงแซ่หว่อง”
“กูอยากแซ่อะไรก็ได้ มึงนี่โง่มากจนไม่น่าเชื่อ” ไทนี่ด่าตรงๆ “จนถึงตอนนี้มึงยังเชื่อว่า กูชื่อไทนี่ หว่องอยู่อีกหรือ”
หนุ่มตัวเล็กพูดเสียงเบา “มึงเป็นเพื่อนกูนะ เหมือนป๋อม กับแป๋ม”
“เดิมกูแซ่เหลียง และพ่อกูมีลูกพี่ลูกน้องอยู่ในแก๊งค์ค้ายาที่ลอนดอน เขาถูกตำรวจยิงตาย พ่อกูเคยหาว่าใครยิงเขาตาย แต่พวกนั้นไม่รู้ชื่อ แต่รู้ว่าตำรวจคนนั้นเจ็บหนัก” ไทนี่ยิ้มเย็น “พ่อกูเกลียดตำรวจโดยเฉพาะตำรวจอังกฤษ และไม่ว่าเขาจะเกี่ยวกับเรื่องลูกพี่ลูกน้องของพ่อกูหรือไม่ กูไม่คิดว่าพ่อกูจะคุยกับเกียและเพื่อนของเขารู้เรื่อง”

.....จบตอนที่ 32......

เหลืออีก 6 ตอน เพราะเราจะจบเรื่องนี้ในตอนที่ 38
ช่างรวดเร็วยิ่งนัก แปร๊บบบบบเดียวก็จะจบละ
ช่างคงความหนืดของเรื่องไว้ได้อย่างคงเส้นคงวา
แนะนำติชมกันสักนิดเถอะนะ

ตอนต่อไปมาวันพฤหัสบดีครับ
.น้ำชา.................. 




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-06-2014 12:49:56 โดย jivetea »

ออฟไลน์ @PurPle SuN@

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
อ่านคร่าวๆก่อน เดี๋ยวมาอ่านละเอียดอีกที ป๋อมอ่ะป๋อม ไม่นะม่ายยยยยย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด