เวลา : วันนี้ (บทส่งท้าย) [แจ้งเรื่องเฮเดสและเจ้าชายค่ะ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เวลา : วันนี้ (บทส่งท้าย) [แจ้งเรื่องเฮเดสและเจ้าชายค่ะ]  (อ่าน 153319 ครั้ง)

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 5) 28 มิ.ย. 57
«ตอบ #210 เมื่อ29-06-2014 12:08:57 »

เริ่มชอบองค์ชายซาดิสต์ขึ้นมาแล้วสิเรา...

ศีลวัตรักและผูกพันธ์กับอานนท์ เพราะรักก็คือรัก ไม่ใช่ที่หน้าตาหรือรอยแผลเป็น หรือสวย ดูดีกว่าคนอื่น

ชอบตอนที่ศีลวัตจูบที่รอยแผลเป็นตลอดความยาวจัง มันอบอุ่นมาก แต่มากลับโหมดโหดอีกตอน

อานนท์ทูลเรื่องภีมเสนนี่แหล่ะ ไม่คิดว่าอานนท์จะเป็นห่วงตัวบ้าง หึงหน้ามืดอย่างเดียวเลยนะองค์ชาย

เล่นซะสลบ ครึ ครึ แอบคิดว่าที่แผนลอบฆ่าไม่สำเร็จทุกครั้ง เพราะอานนท์ส่งข่าวมั้ย จากสปอยด์คุณiforgift

ที่นักเขียน บอกว่า ตรง ฉึก!! และจากครั้งนี้ที่อานนท์รอดแค่คนเดียว

ถ้าจริง และ ศีลวัตรู้นี่ ตายๆๆๆ ถ้างั้นคนที่ช่วยตอนแรกก็คือภีมเสนสินะ เดาล้วนๆ

คุณแม่นี่ก็นะ จะอยากใหญ่โตไปถึงไหน เป็นพระชายาแล้วก็อยากเป็นมหาราณี อยู่กันความร้อนของตัวเอง สุขมั้ย
 :pig4: นักเขียน เที่ยวให้มันส์ ให้สนุกนะคะ




ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 6) 30 มิ.ย. 57
«ตอบ #211 เมื่อ30-06-2014 09:20:29 »

วันนี้... แค่มีเธอ
บทที่ ๖


พระนางเรวดีทรงผ่อนเพลาความปรารถนาที่จะกำจัดเจ้าชายรัชทายาทแห่งเรืองอรุณลงไปบ้าง เมื่อพระโอรสได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกลาโหมแทนเสนาบดีผู้เฒ่าตั้งแต่มีพระชนมายุเพียงยี่สิบเก้าชันษา เจ้าชายศีลวัตเองก็ทรงปีติเป็นอย่างยิ่ง

ในวันที่คณะเสนาบดีมีมติเห็นชอบ และกำหนดวันแต่งตั้งที่แน่นอนออกมา เจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณทรงรับการแสดงความยินดีจากคนมากมาย แต่คนเดียวที่พระองค์อยากจะให้ร่วมแสดงความยินดีมีเพียงองครักษ์ประจำพระองค์คนสนิทซึ่งไม่ได้เป็นเวรในวันนี้






อานนท์ออกไปนอกวังบ้างเมื่อถึงวันที่ได้หยุดพัก เจอเรื่องอะไรมากมายตามถนนหนทางและตลาด แต่เขาก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย จนกระทั่งวันนี้ที่แม้จะเดินผ่านไปแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังห้ามใจตัวเองไม่ได้ ต้องเดินกลับไปแล้วหาเรื่องใส่ตัว

หญิงสาววัยกำดัดที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างทาง ขายตัวเองเพื่อหาเงินไปทำศพบิดานั้นแม้จะสวมเสื้อผ้าเก่าซอมซ่อ แต่ก็มีรูปร่างหน้าตาสะสวยจับตา จำนวนเงินที่นางต้องการนั้นค่อนข้างสูง แต่ก็มีคนต้องการจ่ายเงินซื้อตัวนางหลายคน เพียงแต่นางไม่สามารถตอบรับความช่วยเหลือของใครได้เลย

“เห็นไอ้ยักษ์สองคนที่ยืนคุมอยู่ข้างๆ นางนั่นไหมล่ะพ่อหนุ่ม พวกนั้นเป็นคนของหอบุรนารี”

อานนท์รู้จัก นั่นคือหอบุปผาชั้นสูงที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเมืองหลวง สถานที่ที่เขาได้ ‘สัมผัส’ ผู้หญิงเป็นครั้งแรก ก่อนจะต้องกลายเป็น ‘ผู้หญิง’ เสียเอง

“มีพวกนั้นคอยคุมอยู่ แม่หนูนั่นถึงขายตัวเองให้ใครไม่ได้เลย จะต้องขายให้พวกมันอย่างเดียว นางแข็งใจรอมาสองวันแล้ว คงจะรอต่อไปไม่ได้อีก วันนี้คงจะต้องยอมล่ะไม่งั้นศพจะเน่า เฮ้อ ช่างน่าสงสารจริงๆ”

องครักษ์หนุ่มนอกเครื่องแบบล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ดึงถุงเงินออกมาเปิดดูจำนวน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาว

“อ้าว เฮ้ย พ่อหนุ่ม นี่เอ็งจะหาเรื่องใส่ตัวเรอะ”

อานนท์หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ แต่คนที่เขาหาเรื่องด้วย ไม่ใช่คนที่อยู่ตรงนี้ หญิงสาวยินดีขายตัวเองให้เขา ส่วนคนของหอบุรนารีสองคนก็มีความรู้ดีสมกับเป็นคนของหอใหญ่โต เพราะเพียงแค่เขาแสดงป้ายทองสลักตราประจำพระองค์ของเจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณ ทั้งสองก็ยอมให้เขาซื้อตัวนางมาแต่โดยดี ทั้งยังจัดการเรื่องพิธีศพที่วิหารเล็กๆ ตามคำสั่งของเขาอย่างเรียบร้อยและนอบน้อม

กว่าจะเสร็จพิธีขั้นสุดท้ายก็เป็นเวลาใกล้พลบ

ต่อจากนี้ ก็จะเป็นการ ‘หาเรื่องใส่ตัว’ อย่างแท้จริง






“ทำไมกลับช้า”

นี่ก็คำถามติดพระโอษฐ์ ไม่ว่าเขาจะกลับเวลาไหนก็ดูจะ ‘ช้า’ สำหรับพระองค์เสมอ ถ้าเป็นวันอื่น อานนท์คงไม่รู้สึกอะไรเลย เขาแค่กราบทูลไปตามความเป็นจริง ทูลมากบ้างน้อยบ้างอีกฝ่ายก็ไม่ว่าอะไร แต่สำหรับวันที่มีชนักติดหลังอยู่อย่างนี้ เขาก็อดจะสะดุ้งใจขึ้นมาไม่ได้

“กระหม่อม...”

“เอาเถอะ คงไปเดินตลาดอย่างเคย”

ปกติเจ้าชายศีลวัตจะไม่ทรงตัดบทเขาอย่างนี้ มีแต่จะทรงฟังจนจบ ทว่าวันนี้คงมีอะไรแปลก

“ไปกินข้าวกัน ฉันรอเธอเสียนาน”

รอนานอะไร เขากลับทันเวลาเสวยมื้อค่ำแท้ๆ

อานนท์รู้สึกว่ามีสิ่งพิเศษเกิดขึ้นทันทีที่มหาดเล็กทยอยเลื่อนเครื่องเสวยมาตั้งโต๊ะจนหมด องครักษ์หนุ่มรีบคิดอย่างเร่งด่วนว่าวันนี้วันอะไร เพราะเดี๋ยวอีกฝ่ายคงจะต้อง

“ฉันมีข่าวดีจะบอกเธอ รู้ไหม ว่าคืออะไร”

นั่นยังไง แล้วถ้าเขาทูลตอบไม่ได้ล่ะก็...

“ทำไมคิดนาน”

เริ่มจะทรงขมวดพระขนง

“คงจะเป็นเรื่องการแต่งตั้งเสนาบดีกลาโหมพระเจ้าค่ะ”

“ใช่!”

เพียงเท่านี้ก็แย้มพระสรวลกว้าง การเอาใจเจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแต่อานนท์ไม่เคยคิดจะทำ เขารู้ ว่ามันไม่ยากก็แค่สำหรับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ถ้าเป็นคนอื่น พระองค์คงจะทรงซักจนขาวไปแล้วว่ารู้จริงหรือไม่ หรือเพียงแค่ตอบแบบหว่านแหเท่านั้น สำหรับเขา แค่หว่านแหถูก พระองค์ก็ตรัสเล่าประทานเสียแล้ว ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นในที่ประชุมบ้าง ขุนนางคนไหนมีท่าทีอย่างไร พูดอะไรบ้าง

“ดีใจกับฉันรึเปล่า”

“พระเจ้าค่ะ”

“ตอบตามมารยาทหรือจากใจ”

ตามมารยาท แต่จะให้เขากราบทูลออกไปจริงๆ น่ะหรือ

“ฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถ ทรงดำรงตำแหน่งนี้ย่อมเป็นบุญของผู้ใต้บังคับบัญชายิ่งแล้วพระเจ้าค่ะ”

คนฟังทอดพระเนตรมองมานิ่งๆ ยกมุมพระโอษฐ์ขึ้นนิดหนึ่ง ขณะดวงพระเนตรอ่อนแสงลง

“เธอพูดเหมือนคนพวกนั้นไม่มีผิด”

อานนท์ชะงัก เขาขยับปาก ทว่าคำขอโทษ ‘จากใจ’ ยังไม่ทันหลุดออกไป อีกฝ่ายก็สลัดรอยยิ้มเศร้าๆ ที่ทำให้เขารู้สึกผิดออกไป

“ช่างเถอะ ไหนของแสดงความยินดีของฉันล่ะ”

อานนท์ปวดหัว เขาเพิ่งรู้เมื่อกี้นี้ จะให้เขาหาของอะไรที่ไหนมาทัน

“เธอไม่ได้คิดมาก่อนหรือ ว่ายังไงฉันก็ต้องได้ตำแหน่งนี้”

บรรยากาศชักจะไม่ค่อยดี

“กระหม่อมเพียงแต่ยังไม่ได้เตรียมสิ่งใดไว้ถวายพระเจ้าค่ะ” แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่เคยถวายสิ่งของอะไร มีแต่พระองค์เท่านั้นที่ประทานให้บ่อยๆ ทั้งตอนที่มีโอกาสพิเศษ และตอนที่ไม่มีโอกาสอะไร

“หึ คืนนี้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน”

สุดท้าย... ก็ไม่พ้นเรื่องอย่างว่า

“กินให้มากๆ หน่อย เวลาฉันกอดจะได้เต็มไม้เต็มมือ”

“โปรดแบบเต็มไม้เต็มมือก็เสด็จฝ่ายในสิพระจ้าค่ะ”

“พูดแบบนี้ หึงฉันหรือ”

“กระหม่อมไม่เคยรู้สึกเช่นนั้นพระเจ้าค่ะ”

ตอบเร็วเกินไปรึเปล่า

“หึ ฉันก็ว่างั้น”

องครักษ์หนุ่มไม่ทันเห็นแววพระเนตรของคนรับสั่ง เพราะพระองค์ทรงตักกับข้าวใส่จานให้เขาพอดี เขาไม่เคยกราบทูลหรอกว่าชอบกินอะไร ตักกับข้าวก็ตักทุกอย่างเท่าๆ กัน แต่คนทุกคนต้องมีของชอบทั้งนั้น บังเอิญเหลือเกินที่อีกฝ่ายทรงตักของที่เขาชอบประทานให้พอดี

เขาไม่เคยพูดขอบพระทัยเลยสักหน ทั้งยังไม่เคยตักกับข้าวถวาย แต่วันนี้... พิเศษ

สีพระพักตร์ของเจ้าชายศีลวัตแสดงความแปลกพระทัยอย่างชัดเจน เมื่อองครักษ์หนุ่มตักกับข้าวถวายและเป็นของที่พระองค์โปรด อานนท์เหลือบมองพระพักตร์ แต่อีกฝ่ายไม่ได้รับสั่งอะไร นอกจากทำสีพระพักตร์แบบ ‘ยิ้มๆ’

แค่นั้นก็เกินพอ องครักษ์หนุ่มหลบสายพระเนตร






เรื่องบนเตียงของอานนท์ มักจะเริ่มต้นที่เขาถูกเจ้าชายศีลวัตทรงจูบเสมอ เรื่องแบบนี้เจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณทรงเชี่ยวชาญนัก ทั้งๆ ที่เขาบอกตัวเองแทบทุกครั้ง ว่าอย่าคล้อยตาม แต่พระองค์ก็ทรงทำให้เขากลายเป็นอีกคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย ดูดดึงเรียวลิ้นและริมฝีปากเขาอย่างยั่วเย้า ค่อยๆ และเล็มอย่างไม่รีบร้อน ก่อนจะบดจูบดูดดื่ม เสื้อผ้าของเขาถูกถอดออกในเวลาอันรวดเร็ว เนื้อตัวเปล่าเปลือยถูกกดแนบกับพระวรกายที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นบุรุษเพศ บดเบียด เสียดสี  พระหัตถ์แข็งแรงฟอนเฟ้นไปตามเนื้อตัวอย่างปลุกเร้า ตระเตรียมตัวเขาให้พร้อมพรักสำหรับพระองค์

นิ้วพระหัตถ์แทรกสอด ซอนไซ้ กดย้ำลงไปตรงจุดที่ทำให้เขาเกือบจะกลั้นเสียงหวีดร้องเอาไว้ไม่ทัน เคลื่อนไหวเข้าออกและหมุนวนเพื่อขยายความคับแน่น

“ตรงนี้รู้สึกดีไหม”

ใครจะไปตอบ

“อ๊ะ!”

คนชั่วร้ายแย้มพระสรวลตาพราว

“ฉันจะเข้าแล้วนะ”

อานนท์เบือนหน้า เรื่องแบบนี้ไม่ต้องบอกก็ได้

ท่อนลำใหญ่โตร้อนผ่าวชำแรกเข้ามาจนสุดทางอย่างเชื่องช้า ทว่าหลังจากนั้นก็ไม่มีการปรานีอีก เจ้าชายหนุ่มทรงจ้วงจุ้ม ลุ่มลึก โหมกระทั้นจนเขาสั่นปั่นป่วนไปทั้งตัว ทุกครั้งที่พระองค์ทรงเสียดแทรกเข้ามา ตัณหาของเขาเป็นต้องถูกปลุกจนลุกโพลง ช่องทางน่าอายตอบรับด้วยการกลืนกินพระองค์ราวกับหิวกระหาย

“อย่าบีบรัดฉันแน่นนักสิ”

“กระหม่อมไม่ได้... อ๊ะ...”

อานนท์ยกหลังมือขึ้นปิดปาก แต่ถูกคนที่กำลังควบขับเอาแต่ใจอยู่เบื้องบนทรงดึงไปตรึงไว้กับเตียง ก่อนจะก้มลงมาแทนที่มือของเขาด้วยพระโอษฐ์ของพระองค์เอง

องครักษ์หนุ่มหอบหายใจสะท้านหลังจากอีกฝ่ายทรงปล่อยให้ปากของเขาเป็นอิสระ สะโพกของเขาถูกใช้งานอย่างหนัก ความเสียวกระสันแล่นริ้ว เสียดแทงตลอดไขสันหลังมาจนถึงศีรษะ แก่นกายแข็งชัน ปวดจนรวดร้าวไปหมด

เสียววาบ เมื่ออีกฝ่ายทรงกอบกุมมันไว้และชักให้อย่างเอาใจ สะโพกขยับไหวตอบรับการทิ่มแทงอย่างหนักหน่วง เจ้าชายศีลวัตทรงทะยานลึกเข้าไปในกายของอีกฝ่ายจนถี่ยิบ อานนท์เสร็จสมไปก่อนและเกร็งสะโพกบีบรัดท่อนลำของเจ้าชายหนุ่มเอาไว้แน่น คนถูกหนีบแน่นทรงครางลึกด้วยความซาบซ่าน ขณะอานนท์นอนหอบหายใจกระชั้น สมองหมุนคว้าง ขาวโพลน

“ฝ่าบาท”

ไม่ทันแล้ว เขาถูกพลิกให้นอนคว่ำ หันหลัง แม้จะกำลังอ่อนระทวย แต่อีกฝ่ายก็ทรงช้อนสะโพกเขาขึ้นสูง เพื่อให้ถวายช่องทางอันน่าอายให้พระองค์ได้โถมกระทั้นเข้ามาอย่างถนัดถนี่ อานนท์ถูกโจนจ้วงเข้าหาหนักๆ จนขาสั่น

กว่าอีกฝ่ายจะทรงถึงฝั่ง หลั่งธารปรารถนาเข้ามาในกายของเขาจนทะลักล้น อานนท์ก็สุขสมไปอีกรอบ พร้อมๆ กับพระสุรเสียงครางกระหึ่มอย่างพึงพระทัยลึกล้ำ






สองครั้งบนเตียง กับอีกครั้งหนึ่งในห้องสรง อานนท์ก็อ่อนเปลี้ยจนอยากจะหลับเสียที ทว่าคืนนี้เขามีสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จเสียก่อน

อาจเรียกว่าวอนหาที่ตายก็ไม่น่าจะผิด

“ฝ่าบาท”

“อืม”

“กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพระเจ้าค่ะ”

ถ้าเลือกได้เขาก็ไม่อยากจะพูดตอนนี้ เพียงแต่เวลาที่เหมาะสมกว่านี้ก็ไม่มีอีกแล้วเช่นกัน วันนี้พระองค์เพิ่งจะทรงได้รับข่าวดี และเขาก็เพิ่งถวายงานจนพอพระทัย ตอนนี้น่าจะพระอารมณ์ดีพอจะทรงรับฟังคำขอของเขา

ถึงจะคิดอย่างนั้น แต่ก็ยังอดกังวลอยู่ลึกๆ ไม่ได้

“พูดไปสิ”

“วันนี้กระหม่อมซื้อตัวผู้หญิงคนหนึ่งมาจากตลาดพระเจ้าค่ะ”

คนบรรทมซ้อนหลังทรงเกร็งองค์ขึ้นมาจนคนถูกกอดรู้สึกได้

“ฝ่าบาท”

คนกลั้นหลายใจอยู่นานแล้วทูลเรียก

“ลุกขึ้นมาคุยกัน”

รับสั่งแล้วก็ทรงลุกก่อน อานนท์นึกอยากจะไปนั่งคุยตรงเก้าอี้ แต่เมื่ออีกฝ่ายเพียงแต่ประทับอิงพระขนองกับหัวเตียง เขาก็จำต้องนั่งคุยบนเตียง องครักษ์หนุ่มกราบทูลเรื่องราวโดยตลอด

“หลังจากพิธีศพ กระหม่อมฝากนางไว้ที่บ้านของเพื่อนคนหนึ่งพระเจ้าค่ะ”

“คนไหน”

“ชื่อพิชาน เป็นทหารม้ารักษาพระองค์พระเจ้าค่ะ”

ไม่ว่าจะทรงรู้จักหรือไม่ เจ้าชายหนุ่มก็ทรงพยักพระพักตร์

“แล้วยังไง”

“กระหม่อม... ไม่มีเพื่อนคนอื่น” ก็เพราะใคร ที่ทำให้เขาต้องออกจากโรงเรียน เพื่อนที่พอจะสนิทด้วยและอยู่ในเมืองหลวง ก็มีแต่คนนี้ “เขาแต่งงานแล้ว กระหม่อมจึงฝากให้อยู่กับภรรยาของเขาได้ แต่นางไม่อยากรับฝากไว้นาน เพราะพิชานเจ้าชู้  เกรงว่านิรดาจะไม่ปลอดภัยพระเจ้าค่ะ”

“แล้วยังไงอีก”

ตรงนี้ล่ะ ที่ยาก

“กระหม่อมอยากจะทูลขอประทานพระกรุณา ให้กระหม่อมได้ดูแลนางพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายศีลวัตทรงนิ่งขึง ทอดพระเนตรมององครักษ์คนสนิทแน่วนิ่ง

“เธออยากจะดูแล... ผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักแค่วันแรก”

“... พระเจ้าค่ะ”

“สวยมากหรือ”

“... หน้าตาดีพระเจ้าค่ะ”

คนฟังทรงขบพระทนต์ พระพักตร์บึ้งตึงสนิท อานนท์เห็นว่าชักจะอันตราย

“กระหม่อมสงสารนางพระเจ้าค่ะ คิดจะฝากนางให้ทำงานที่ร้านในหมู่บ้าน แต่ทั้งกระหม่อมและนางต่างไม่รู้จักใคร และเกรงว่าต่อไปนางอาจจะไม่พ้นถูกจับไปทำงานที่หอบุปผา” อีกฝ่ายทรงนิ่งเงียบผิดวิสัย เขาจึงต้องกราบทูลต่อ “นางไม่เต็มใจทำงานอย่างนี้ ซ้ำอายุยังน้อย ถ้าต้องถูกบังคับขืนใจ อาจจะหาความสุขไม่ได้ไปตลอดชีวิต”

“นางบอก หรือเธอเข้าใจไปเอง”

“นางบอกกระหม่อมว่าไม่เต็มใจพระเจ้าค่ะ”

หมายความส่วนอื่นๆ เขาพูดเอง

“คิดจะดูแลยังไง”

“กระหม่อม” คนกราบทูลถึงกับกลั้นหายใจ “อยากจะขอประทานบ้านพักองครักษ์พระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายหนุ่มทรงถลึงพระเนตร พระอุระเขยื้อนขึ้นเพราะอารมณ์กริ้ว แต่ก็ทรงพยายามสูดพระอัสสาสะเข้าลึกเพื่อระงับพระทัย

“จะให้นางอยู่ที่นั่น”

“... พระเจ้าค่ะ”

“ผู้หญิงตัวคนเดียวที่น่าสงสาร ถ้ามีผู้ชายดีๆ คอยดูแลสักคน ก็คงดีสินะ”

พระสุรเสียงฟังดูเยือกเย็น อานนท์สังหรณ์ใจอย่างประหลาด รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ แต่ก็นึกไม่ออกว่าอะไร

“... พระเจ้าค่ะ”

“อานนท์!”

เจ้าชายหนุ่มทรงตวาดพระสุรเสียงลั่น

เฮือก!

องครักษ์หนุ่มเบิกตากว้างอย่างงุนงง เมื่อจู่ๆ ก็ถูกขึงพืดไว้บนเตียง สายพระเนตรของคนเบื้องบนวาวโรจน์ราวกับมีไฟโชติช่วงอยู่ข้างใน

“เธอไม่รู้สถานะของตัวเองเลยสินะ”

“กระหม่อมทราบพระเจ้าค่ะ”

เขาเป็นองครักษ์ ที่ไม่มีชีวิตเป็นของตนเอง ตัดสินใจเองไม่ได้ ถึงต้องมาขอประทานพระกรุณานี่ยังไง

“เธอเป็นของฉัน”

“กระหม่อมทราบพระเจ้าค่ะ”

ก็เล่นบอกเขาอย่างนี้ตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกัน ทว่าอีกฝ่ายทรงสั่นพระเศียร

“ไม่ เธอไม่ได้สำนึกเลยต่างหาก ฉันคงต้องทำให้เธอจำได้จริงๆ เสียที ว่าเธอเป็นของฉัน เป็นเมียฉัน!”

อานนท์ตะลึงงัน เขายังเบิกตาโพลงอยู่เมื่ออีกฝ่ายทรงจูบอย่างดุดันพลางดึงกางเกงเขาลง

“ฝ่า... อึก!”

องครักษ์หนุ่มพยายามเบี่ยงหน้าหนี ทว่ากลับถูกกัดจนเลือดอุ่นๆ ซึมออกมาจากปาก ขาข้างหนึ่งถูกดันขึ้น เปิดเผยช่องทางที่เพิ่งผ่านการใช้งานมา เขาดิ้น เพราะไม่อยากถูกกระทำทั้งที่อีกฝ่ายกำลังเข้าพระทัยผิดอะไรบางอย่างอยู่แบบนี้ ทว่าอีกฝ่ายทรงกดเขาไว้แน่น พระหัตถ์ข้างหนึ่งบีบปาก จับเชิดให้มองพระพักตร์ดุดันเต็มๆ ตา

“เธอเป็นเมียฉัน อย่าได้ฝันไปเป็นผัวของผู้หญิงคนไหน ฉันไม่มีวันปล่อยเธอไป จำเอาไว้!”

รับสั่งพระสุรเสียงกร้าวยังไม่ทำให้สะท้านได้เท่าสายพระเนตรมุ่งมั่นแรงกล้า อานนท์ส่ายหน้า พยายามจะกราบทูลว่าพระองค์เข้าพระทัยผิดแล้ว ทว่าเจ้าชายหนุ่มไม่ทรงเปิดโอกาส

“อ๊า!”

องครักษ์หนุ่มไม่เคยคิดจะร้องออกมาให้อีกฝ่ายได้ยิน ทว่าครั้งนี้เขาเจ็บจนสุดจะทน คนกำลังหน้ามืดตามัวด้วยความโมโหทรงดุนดัน ทิ่มพรวดเข้ามาในตัวเขาอย่างรุนแรง จุก และยังไม่ทันได้ปรับลมหายใจ อีกฝ่ายก็ทรงขยับเบียด เสียดสีจนเขาแสบและเจ็บปวดจนตัวเกร็ง

“ฝ่า... อื้ม... มะ... ไม่ใช่...”

ปากเขาไม่ว่างเลย ถ้าไม่ถูกจูบเอาแรงๆ ก็ต้องใช้หายใจ เพราะหายใจทางจมูกไม่ทัน สะดุ้งเพราะถูกกัดตามตัวไปไม่รู้กี่หน ช่องทางคับแคบถูกสอดชำแรก กระแทกกระทั้นเข้าออกจนร้อนเป็นไฟ ตัวสั่นคลอน โยกไหวไปตามแรงกระแทก ถึงกระนั้นเขาก็พยายามจะพูด

“ฝ่าบาท ทรงฟัง... อุ้ก...”

จุก เจ็บ จนพูดไม่ออก

“ไม่ต้องพูด ปากของเธอ เอาไว้อมของฉัน แล้วก็ร้องครางอย่างเดียวพอ”

สีหน้าของคนฟังบิดเบี้ยวเหยเกด้วยแรงอารมณ์ ทว่าสายตาฉายแววเจ็บปวดยิ่งกว่า ผู้กระทำทรงชะงักไปบ้าง ทว่าเพียงชั่วครู่ เมื่ออารมณ์หึงหวงลุกโพลงขึ้นมาอีกหน ก็ทรงตอกกระแทกเข้าไปจนสุดทาง

“อึก!”

“เป็นเมียฉัน ต้องครางจนกว่าฉันจะพอใจ”

“มะ...อึก!”

“อึก!”

“อึก!”

“อ๊า!”







tbc.


*******************************



ตอนนี้ขอเสนอชื่อตอนว่า “ชีวิตลุ่มๆ ดอนๆ ของอานนท์” ซึ่งแปรผันตรงกับ “อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของเจ้าชายศีลวัต”

เดี๋ยวหวานเดี๋ยวขมจริงๆ

ขอแก้ไขเรื่องที่ว่า เป็นรักต้องห้ามเพราะความแตกต่างทางฐานะนะคะ
คือว่า อานนท์เขาไม่ได้เจียมตัว ไม่เคยคิดว่ารักไม่ได้เพราะฐานะต่างกัน
เพียงแต่สำหรับเขา ความรักไม่ใช่สิ่งที่เขาให้ความสำคัญ
ไม่จำเป็นต้องคิดว่าตัวเองรู้สึกยังไง
แค่ทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะ ‘เครื่องมือ’ ให้ดีก็พอ
เขาไม่ใช่คนที่จะกำหนดอะไรได้ แต่เขาก็มีความใฝ่ฝันของเขา และมันก็ไม่ได้มีศีลวัตอยู่ในนั้นเลยน่ะค่ะ

ตอนนี้ เขาก็แค่รอ ให้ศีลวัต ภีมเสน และพระนางเรวดีพาเขาไปสู่จุดจุดนั้น... ที่เขารอคอย
ระหว่างที่เขายังไปไม่ถึง ไม่ว่าศีลวัตจะทำยังไงกับเขา ก็เป็นเรื่องที่เขาต้องทน

ทำนองนี้อ่ะค่ะ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 5) 28 มิ.ย. 57
«ตอบ #212 เมื่อ30-06-2014 09:35:16 »

อะไร คำทิ้งท้ายนั่นมันหมายถึงอะไร
อานนท์ต้องการอะไรหรือ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 6) 30 มิ.ย. 57
«ตอบ #213 เมื่อ30-06-2014 09:43:05 »

เฮ่ย หึงโคตรโหด

ดูแลคนคนนึงไม่ใช่ต้องรับเป็นเมียเด้อ
รับเป็นน้องก็ได้ อินี่ก็โกรธหน้ามืดซะล่ะ

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 6) 30 มิ.ย. 57
«ตอบ #214 เมื่อ30-06-2014 09:51:36 »

“ชีวิตลุ่มๆ ดอนๆ ของอานนท์” ซึ่งแปรผันตรงกับ “อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของเจ้าชายศีลวัต” :m20:

อานนท์ ฝันของเขาไม่มีศีลวัต และไม่มีความรักข้องเกี่ยว

แล้วตอนที่ร้องไห้ไม่รู้ตัว คืออะไร อย่ามัวแต่คิดถึงเป้าหมายจนลืมนึกถึงตัวเองหล่ะ

ไม่งั้น เมื่อถึงเป้าหมายแล้ว ได้สิ่งที่ต้องการแล้ว แต่สุดท้ายก็ว่างเปล่าอยู่ดี
 :pig4: นักเขียน

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 6) 30 มิ.ย. 57
«ตอบ #215 เมื่อ30-06-2014 10:04:28 »

อ้าว หึงไม่ลืมหูลืมตาเลยนะเจ้าชาย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 6) 30 มิ.ย. 57
«ตอบ #216 เมื่อ30-06-2014 10:23:03 »

ทิ้งท้ายได้ปวดตับมากกกกก

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 6) 30 มิ.ย. 57
«ตอบ #217 เมื่อ30-06-2014 13:11:17 »

 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:ไม่มีฟังกันบ้างเลยยยยยยยยยยยย :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 6) 30 มิ.ย. 57
«ตอบ #218 เมื่อ30-06-2014 14:01:33 »

เจ้าชายจิตๆ
ให้ตาย
อานนท์จะรอดพ้นไหมเนี่ย
ชายศีลวัตก็ไม่ค่อยจะมีอารมณ์คงที่เลย

ออฟไลน์ jamlovenami

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 6) 30 มิ.ย. 57
«ตอบ #219 เมื่อ30-06-2014 18:31:12 »

อึก สงสารอานนท์

ไอองค์ชายยยย ฟังหน่อยสิโว้ยยยยยย  :z6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 6) 30 มิ.ย. 57
« ตอบ #219 เมื่อ: 30-06-2014 18:31:12 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Phut

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 6) 30 มิ.ย. 57
«ตอบ #220 เมื่อ30-06-2014 20:29:32 »

เข้าใจความรู้สึกเจ้าชายเลยตอนที่บอกว่าอานนท์พูดเหมือนคนพวกนั้นไม่มีผิด อ่านแล้วใจแป้วอ่ะ สงสารเจ้าชายตะหงิดๆ

แต่ตอนท้ายนี่....
รักแรงหึงแรง ชอบ!!

เป้าหมายของอานนท์?ทามายไม่มีเจ้าชายของชั้น(?)อยู่ด้วยง๊า

 :L2:

ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 6) 30 มิ.ย. 57
«ตอบ #221 เมื่อ30-06-2014 20:49:16 »

อ่านแล้วมันเศร้า  สงสารเจ้าชายศีลวัตบางทีเจ้าชายก็เหมือนตั้งความหวังกับอานนท์ไว้มาก  คงอยากให้อานนท์รักตอบ  แต่อานนท์นี่สิ  ตกลงพี่แกรู้หรือไม่รู้เนี่ยว่าเจ้าชายหลงรัก  แต่ตอนท้ายของบทนี้นี่เจ้าชายทำเกินไปนะหึงโหดเกิ๊น  แล้วแบบนี้อานนท์จะทนได้นานแค่ไหนเนี่ย


ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 6) 30 มิ.ย. 57
«ตอบ #222 เมื่อ30-06-2014 23:39:37 »

อานนท์ต้องการอะไร อิสระเหรอ

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 7) 1 ก.ค. 57
«ตอบ #223 เมื่อ01-07-2014 07:18:00 »

วันนี้... แค่มีเธอ
บทที่ ๗


อานนท์นอนซมอยู่บนพระที่ แม้เนื้อตัวจะได้รับการทำความสะอาดอย่างเรียบร้อย แต่หน้าตาก็อิดโรยเต็มที ดวงตาแดงเรื่อ ใต้ตาคล้ำ แก้ม หู คอ แดงตลอดเพราะพิษไข้ ถึงกระนั้นทันทีที่ได้สติและรู้ว่าเวลาผ่านไปหนึ่งวันเต็มๆ เขาก็ยังพยายามจะออกนอกวังไปหาหญิงสาวที่เขาฝากไว้กับเพื่อน

มหาดเล็กขวางไว้ไม่อยู่ โชคดีที่เจ้าชายทหารเสด็จมาถึงเสียก่อน

“จะไปไหน”

สายตาที่มองมา แรกเริ่มคือแค้นเคือง ทว่าเพียงวูบเดียวก็กลับว่างเปล่าจนน่าใจหาย เจ้าชายศีลวัตทรงทราบว่าพระองค์เอง ที่ดับประกายแห่งความมีชีวิตนั้นลงไป

“หาผู้หญิงคนนั้นหรือ”

ถึงกระนั้นก็ยังตรัสถามอย่างเย็นชา

“พระเจ้าค่ะ”

“วันนี้เธอเป็นเวร ถ้าหายดีแล้วก็มาทำหน้าที่ แต่ถ้ายัง ก็กลับไปนอนที่เตียง”

คนป่วยกับคนเจ็บต่างมองตากันแน่วนิ่ง ก่อนที่ฝ่ายแรกจะกราบทูล

“กระหม่อมจะไปทำหน้าที่พระเจ้าค่ะ”

ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาไม่ต่างกัน






อานนท์ตามเสด็จออกนอกวังด้วยทิฐิมานะโดยแท้ เขาปวดหัว ตัวร้อน ตาพร่า แสบก้น ปวดสะโพก เหนื่อย และหงุดหงิดจนเกือบจะระงับสีหน้าเอาไว้ไม่ได้ ทว่าไม่ปริปากบ่นหรือร้องขอสิ่งใดแม้แต่คำเดียว

แดดร้อนเปรี้ยง แต่เจ้าชายศีลวัตยังทรงตรวจแถวทหาร พระกระยาหารกลางวันก็ไม่ได้เสวย พลอยทำให้องครักษ์หนุ่มไม่ได้กินไปด้วย ตั้งแต่เช้ามา ยังไม่มีน้ำตกถึงท้องแม้แต่หยดเดียว ริมฝีปากของเขาแห้งเป็นผง ซ้ำยังเพิ่งนึกได้ตอนที่แต่งเครื่องแบบตามเสด็จออกมานอกพระตำหนักแล้ว ว่าปากของเขาเป็นแผลถูกกัด

สภาพแบบนี้เท่ากับออกมาประจานตัวเองแท้ๆ

มีใครไม่รู้บ้าง ว่าเขาต้องถวายงานเจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณแบบไหน

อึดอัด เวียนหัว รู้สึกเหมือนอากาศไม่พอจะหายใจ ว่าที่เสนาบดีกลาโหมคนใหม่ท่านก็ทรงดำเนินเร็วเหลือเกิน

“ฝ่า...”

อานนท์หน้ามืด แต่ก่อนจะล้มหน้าคว่ำ กลับมีคนมารับตัวเขาไว้ ซึ่ง... ไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครกล้า

“เป็นยังไง คนอวดเก่ง”

อยากจะออกห่างจากเจ้าของเสียงแบบนั้นเหลือเกิน แต่ก็จนใจที่ไม่มีแรงแม้แต่จะยืนด้วยตัวเอง

“ฝ่าบาท!”

แต่ถึงขนาดถูกอุ้มนี่มันก็เกินไป แถมยังถูกอุ้มแบบผู้หญิง เขาดิ้น ก่อนจะผงะเมื่ออีกฝ่ายทรงโน้มพระพักตร์ลงมาแทบชิด

“อยู่นิ่งๆ ไม่อย่างนั้นฉันจะผายปอดเธอ”

ผายปอดบ้านพระองค์สิ! เขาเป็นลม ไม่ได้จมน้ำ

“อายก็หลับตา ใครใช้ให้เธอตามฉันมากันล่ะ”

อานนท์จ้องพระพักตร์เขม็ง ครั้นรู้สึกตัวว่ากำลังอยู่ท่ามกลางแถวทหารนับพัน สายตาก็สั่นไหวระริก ก่อนจะจำใจต้องหลับตาทั้งที่อยู่ในอ้อมแขนของคนที่ก็ไม่ได้บึกบึนไปกว่าเขาสักเท่าไร

รู้สึกว่าอุณหภูมิที่หน้าจะร้อนขึ้นอีกสักห้าองศา

ผิดพลาดเพียงครั้งเดียว อับอายไปชั่วชีวิตเป็นอย่างนี้นี่เอง






อานนท์ไข้ขึ้น เขาพ่ายแพ้แก่สังขาร จำต้องนอนพัก หลับไปหลายชั่วโมงตลอดบ่าย ครั้นตื่นขึ้นมาก็พบคนที่ไม่อยากจะเห็นหน้าประทับอยู่ในห้องด้วย ประทับที่โต๊ะ และกำลังทำงานอะไรอยู่สักอย่าง ถึงไม่อยากจะมอง แต่ก็ละสายตาไปไม่ได้ ต้องมองไปเรื่อยๆ จนกระทั่งอีกฝ่ายทรงเงยพระพักตร์ขึ้นมา ทอดพระเนตรเห็นว่าเขาตื่นแล้ว แต่ไม่ได้รับสั่งกับเขา

“ใครอยู่ข้างนอกบ้าง”

“เกล้ากระหม่อม เตชินทร์พระเจ้าค่ะ”

“ยกอาหารเข้ามาได้”

โต๊ะอาหารถูกจัดไว้กลางห้อง นายทหารสองนายถือถาดใส่โถข้าว กับข้าวหลายจาน จานข้าว เหยือกน้ำ แก้วน้ำ ช้อนส้อมและผ้าเช็ดมือเข้ามาตั้งโต๊ะถวายอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อนจะถวายคำนับแล้วล่าถอยออกไป

“ตื่นแล้วก็มากินข้าว กินเสร็จจะได้กลับ”

“กระหม่อมไม่หิวพระเจ้าค่ะ”

คนกราบทูลลงมายืนตัวตรงข้างเตียง

“ฉันหิว มานั่ง”

สั่งได้สั่งดี นี่แหละ เจ้าชายชอบสั่ง

ที่รับสั่งว่าหิวดูจะไม่ใช่เรื่องโกหก เพราะเสวยเอาๆ ไม่รับสั่งอะไรอีกเลยตลอดมื้อ... ไม่รู้มื้อไหน แต่ก็ยังทรงตักกับข้าวประทานให้เขาเป็นระยะ อานนท์ที่โกหกไปว่าไม่หิวจึงต้องกินไปด้วย หลายคำเข้ามือก็ตักเร็วขึ้นไปเองเพราะกระเพาะเรียกร้อง ชะงักไปบ้างเหมือนกันเมื่ออีกฝ่ายทรงเหลือบพระเนตรมามอง แต่ในเมื่อไม่ได้รับสั่งอะไรเขาก็กินต่อเรื่อยๆ พอเหลือบไปมองอีกฝ่ายบ้างจึงรู้ว่าพลาด

รอยแย้มพระสรวลเล็กๆ ติดมุมโอษฐ์นั่นมันอะไร

จู่ๆ ก็รู้สึกอายจนหน้าชา อานนท์รวบช้อนส้อม

“ฉันยังไม่อิ่ม เธอห้ามวางช้อน”

ชีวิตเขาเป็นของพระองค์ กระเพาะอาหารของเขาก็เป็นด้วยหรือไง องครักษ์หนุ่มนั่งนิ่ง ครั้นอีกฝ่ายทรงเลิกพระขนงขึ้นเป็นเชิงถาม เขาก็ต้องจับช้อนส้อมขึ้นมาใหม่






ขามาเป็นม้า แต่ขากลับเป็นรถม้า อานนท์ไม่อยากจะคิดให้มากไป ว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายใส่พระทัยในสวัสดิภาพของร่างกายเขา

“บ้านที่เธออยากได้ ฉันจะให้”

ระหว่างทางกลับวัง   คนประทับตรงข้ามก็รับสั่งทำลายบรรยากาศอึมครึมขึ้นมา สายตาของอานนท์ฉายแววตื่นเต้นขึ้นมาอย่างที่คนรับสั่งคิดว่าจะได้เห็น

“ไม่ใช่บ้านพักองครักษ์ แต่ฉันให้สร้างใหม่ อยู่นอกเมือง”

นิรดาจะอยู่ได้หรือ

“ขี่ม้าจากวังหลวงไปสักสองชั่วโมงก็ถึง”

อย่างนั้นก็ค่อยยังชั่ว

“น่าจะใช้เวลาสร้างสักสามเดือน เอาไว้เราไปพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศด้วยกัน”

“ฝ่าบาททรงหมายความว่ายังไงพระเจ้าค่ะ”

เขาขอบ้านพักให้นิรดา ไม่ใช่...

“ก็อย่างที่ได้ยิน ฉันยกให้เป็นบ้านของเธอ แต่เป็นบ้านที่เราจะอยู่ด้วยกัน”

องครักษ์หนุ่มนิ่วหน้า

“แต่กระหม่อมทูลขอบ้านพักสำหรับนิรดา”

สายพระเนตรที่ทอดตรงมาคมปลาบ อานนท์ยังไม่ลืมว่าเรื่องนี้ทำให้เขาถูกลงโทษยังไง แต่นี่ในรถม้า จะทรงลงพระอาญาเขาอย่างนั้นอีกก็คงจะไร้ยางอายเกินไปแล้ว

“ผู้หญิงคนนั้นมีที่อยู่แล้ว”

“ที่ไหนพระเจ้าค่ะ”

องครักษ์หนุ่มทูลถามทันควัน ถึงคราวเจ้าชายศีลวัตทรงขมวดพระขนง พระพักตร์บึ้งตึงบ้าง

“ที่ที่มีคนดูแลอย่างดี”

“ฝ่าบาท ที่ไหนพระเจ้าค่ะ”

“อยากรู้มากหรือ” สีพระพักตร์กึ่งเครียดกึ่งเยาะแบบนั้น อานนท์ไม่ชอบเลย “คืนนี้ฉันจะพาไป”






ทางเดินที่ทอดยาวไปสู่เขตฝ่ายในคืนนี้ช่างเงียบเชียบและวังเวงอย่างประหลาด หัวใจของเขาเต้นด้วยความกังวลไปตลอดทาง ทางที่ไม่เคยปรารถนาจะเหยียบย่างเข้ามา ทางที่เขาไม่ได้มาเกือบจะสิบปีแล้ว

เมื่อมาอีกครั้ง เขาก็ยังต้องทำหน้าที่เดิม

ที่ของเขาคือหลังม่าน

“ฉันเพิ่งรับสนมคนใหม่ สั่งให้มารับใช้คืนนี้เป็นคืนแรก”

อานนท์คิดว่าเขารู้ แต่กระนั้นก็พยายามจะไม่คิด

ทว่าทันทีที่เห็นพระสนมคนใหม่ปรากฏตัวตรงประตู เขาก็ยืนตัวแข็งทื่อ ได้แต่จ้องมองนางคุกเข่าลง ประคองพานมาลัยดอกไม้ไว้ในมือและเดินเข่าเข้ามาอย่างงดงามเรียบร้อย จนกระทั่งมาหยุดตรงเบื้องพระพักตร์ของคนประทับบนเตียง วางพาน และก้มลงกราบแทบพระบาท 

เจ้าชายทหารทรงรับพวงมาลัยไปวางไว้ข้างพระองค์ กระแสอารมณ์รุนแรงแล่นปราดไปทั่วตัวของอานนท์ทันทีที่พระองค์ทรงเชยคางนางขึ้นมา องครักษ์หนุ่มกระชากม่านออก

“ฝ่าบาท!”

นิรดาตกใจ หันขวับ

“พี่อานนท์!”

“มีอะไร” เจ้าชายหนุ่มตรัสถามเฉยเมย

“ทรงทำอย่างนี้ทำไมพระเจ้าค่ะ”

สีพระพักตร์ของคนถูกถามเย็นชาสนิท

“เธอเป็นของฉัน ฉันเคยบอกหลายหนแล้ว จำได้ไหม ผู้หญิงคนนี้เป็นของเธอ ก็เท่ากับเป็นของฉันด้วย เธออยากให้เขามีที่อยู่ ฉันก็ให้ อยากให้มีคนดูแล ฉันก็หาให้ แบบนี้คงดีกว่าที่เธอจะหาให้เขาเองได้เสียอีก จริงไหม ยังจะมีอะไรไม่พอใจอีก”

คนฟังแทบจะกระอัก โกรธมากจนแทบจะพูดไม่ออก

“นางไม่เต็มใจ ฝ่าบาททรงบังคับใจนาง”

“อย่างนั้นหรือ บอกเขาไปซิ ว่าเธอเต็มใจรึเปล่า”

ดวงหน้าสะสวยของหญิงสาวบอกความไม่สบายใจและมีแววขอลุแก่โทษ ขณะพยักหน้า อานนท์ยืนนิ่งเหมือนถูกสาป

“โกหก”

“... ไม่ได้โกหกค่ะ”

“งั้นทำไม...”

“พอได้แล้ว กลับไปยืนตรงที่ของเธอซะ อานนท์ อย่าทำฉันเสียอารมณ์”

องครักษ์หนุ่มกำกระบี่แน่น เจ้าชายศีลวัตตวัดสายพระเนตรมอง

“ทำไม ไม่พอใจ จะฆ่าฉันหรือ”

พระมารดาเคยรับสั่งหลายครั้งแล้ว ว่าอย่าไว้ใจใครมากขนาดนี้ ไม่ควรเลยหากจะต้องมาตายเอาง่ายๆ แต่พระองค์ก็ไม่เคยเลิกไว้ใจ ถ้าไว้ใจอานนท์ไม่ได้ พระองค์ก็ไว้ใจใครไม่ได้อีก

องครักษ์หนุ่มคลายมือออกดังคาด ค้อมศีรษะลงทั้งที่ยังตัวสั่นด้วยความโกรธ

“กระหม่อมมิบังอาจพระเจ้าค่ะ”

“ไม่บังอาจก็ถอยกลับไป”

เขาไม่ถอย

“หรือว่าอยากจะมาทำหน้าที่แทนนาง”

ราวกับถูกน้ำเย็นจัดราดลงบนหัวก็ไม่ปาน อานนท์ตัวเย็นเยียบ

“เธอไปยืนหลังม่านแทนเขา”

นิรดาทั้งตกใจและงงจัด

“ไป!”

หญิงสาววัยกำดัดสะดุ้งโหยงและรีบลนลานคลานไป

“ทีนี้ก็ตาเธอ มานี่”

อานนท์ยืนเฉย ทั้งสับสนและประหวั่นกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

“ฝ่าบาท” ทรงบ้าไปแล้วหรือยังไง

“ฉันจะไม่ทำอะไรผู้หญิงของเธอ แต่เธอต้องทำหน้าที่แทนนาง ทุกครั้งที่ฉันต้องการ เอาล่ะ เดินมา”

“ฝ่าบาทเพคะ...”

เพียงแค่เจ้าชายหนุ่มตวัดสายพระเนตรคมกร้าวไปมอง หญิงสาวก็สะดุ้งโหยงด้วยความกลัว รีบยกมือขึ้นปิดปากตัวสั่น อานนท์กัดฟันแน่น ก่อนจะเค้นเสียงพูด

“ออกไป... ให้นางออกไปก่อนพระเจ้าค่ะ”

เจ้าชายศีลวัตสั่นพระเศียรช้าๆ

“ฉันต้องการให้ผู้หญิงของเธอเห็น ว่าเธอเป็นของใคร”

องครักษ์หนุ่มโมโห แค้นเคือง ความโกรธแล่นริ้วถึงสมอง

“อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำซาก รีบเดินมา เพราะถ้าฉันเดินไปหา เธอจะโดนหนัก”

อย่างเชื่องช้า... อานนท์ก้าวเดินเข้าไปหา

ทั้งที่เคยโดนมาสารพัดจนคิดว่าไม่มีอะไรจะเลวร้ายไปกว่าเมื่อสองคืนก่อนนี้อีกแล้ว องครักษ์หนุ่มกลับเพิ่งประจักษ์ว่า ความวิปริตบ้าคลั่งของเจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณมีมากกว่าที่เขาเคยรู้  โกรธเขา เกลียดชังเขาถึงขนาดทำลายศักดิ์ศรีของเขาจนย่อยยับ ต่อหน้าผู้หญิงที่เคยมองเขาด้วยสายตาชื่นชมและเทิดทูน ทำให้เขาซ่านกระสันจนต้องส่งเสียงร้องครวญครางออกมาไม่ต่างจากผู้หญิง ทำให้เขาอับอายจนคงจะทนมองหน้านางอย่างปกติไม่ได้อีกด้วยถ้อยรับสั่งน่ารังเกียจ

“แข็งขนาดนี้แล้วนะ อยากมากหรือ”

“ออกมาเยอะขนาดนี้ ตื่นเต้นรึไง”

“ตอดแน่นเกินไปแล้ว จะรัดฉันให้ขาดเลยรึ ผ่อนคลายหน่อย ฉันเข้าไม่สุด”

“ขยับเองสิ”

รับสั่งสุดท้ายที่ได้ยิน ช่างแผ่วเบาและเจ็บปวด

“เพื่อผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักคนเดียว เธอยอมฉันขนาดนี้เชียวหรือ ใจร้ายจริงนะ อานนท์”

สำนึกสุดท้ายก่อนสติสัมปชัญญะจะเลือนหาย




... ใจร้าย...




...ใครกันแน่...







tbc.


*****************************


ตอนที่แล้วใครบอกศีลวัตโหดคะ
ตอนนี้ขอเสนอชื่อตอนว่า โหด... ได้อีก (ไม่มีลิมิต ชีวิตเกินร้อย)  และหึง... อย่างต่อเนื่อง

มีคนเดาถูกด้วยอ่า ว่าอานนท์ต้องการอะไร

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 7) 1 ก.ค. 57
«ตอบ #224 เมื่อ01-07-2014 08:29:10 »

สงสารอานนท์ ศีลวัตคิดเองเออเองตลอด
ความอดทนของอานนท์คงใกล้หมดแล้วสินะ

ออฟไลน์ teatimes

  • ไม่อยากให้เปลี่ยน...... เพราะแค่นี้ก็ดีพอแล้ว
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-1
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 7) 1 ก.ค. 57
«ตอบ #225 เมื่อ01-07-2014 08:42:48 »

องค์ชาย.... จะเลวไปหน่อยแล้วนะคะ  เดี๋ยวรอวันที่อานนท์ทนไม่ไหวแล้วจะเสียใจนะ

ว่าแต่ที่คุณชุนบอกว่ามีคนเดาถูกนี่คือ   อานนท์ต้องการอิสระหรือเปล่า  แล้วถ้าเป็นแบบนี้จะจบ happy ไหมอ่ะ  ไม่อยากให้จบเศร้าเลยค่ะ  ถึงจะหมั่นไส้เจ้าชายศีลวัต   แต่ตอนจบก็อยากให้อานนท์มีความสุขนะ :mew2:

ออฟไลน์ milkshake✰

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 7) 1 ก.ค. 57
«ตอบ #226 เมื่อ01-07-2014 09:22:52 »

เข้ามาอ่าน 'วันนี้' แบบรวดเดียว
ถึงกับชะงักตอนเห็นคอมเม้นท์บน
แงแงงงง จะไม่จบเศร้าใช่ไหมคะะ
ถ้าจบเศร้าแอบกระซิบเราก่อนนะ จะได้ทำใจ 55555555555
สนุกค่า รักกันแบบขมๆ ไม่หวาน แต่ดูมั่นคงมากอ่ะคู่นี้

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 7) 1 ก.ค. 57
«ตอบ #227 เมื่อ01-07-2014 09:29:26 »

เจ้าชายเอ้ย ถ้าวันไหนมีคนปล่อยอานนท์ได้ พระองค์คงจะสำนึกได้ใช่ไหม?  หวังแค่ว่าพอวันนั้นมาถึง อานนท์จะได้เอาคืนบ้างนะ  :hao6:

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 7) 1 ก.ค. 57
«ตอบ #228 เมื่อ01-07-2014 10:20:03 »

ตอนนี้ขอเสนอชื่อตอนว่า โหด... ได้อีก (ไม่มีลิมิต ชีวิตเกินร้อย)  และหึง... อย่างต่อเนื่อง :m20:

ศีลวัตทำอย่างนี้ทำไม ศักศรีควรมีให้บ้างนะ รักและให้เกียรติกันบ้างสิ

ทำอย่างนี้ อานนท์จะมีหน้าเงยมองใครได้

คิดว่าถ้าได้อิสระ อานนท์คงไปไกลแน่เลย จะทนอยู่ในที่ๆมีคนรู้จักได้ไง ความอายมันเกินจะรับแล้วนะ :m16:

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 7) 1 ก.ค. 57
«ตอบ #229 เมื่อ01-07-2014 12:16:03 »

เฮ้อ!!! เจ้าชายก็นะ หน้ามืดหึงตะบึงตะบอนไปเรื่อย  ถ้ารับฟังซักนิด ใจเย็นซักหน่อย มีหรืออานนท์จะไม่รัก

ทำกับเขาขนาดนี้นอกจากจะไม่รักแล้ว  ยังจะเกลียดเพิ่มขึ้นรึเปล่าเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 7) 1 ก.ค. 57
« ตอบ #229 เมื่อ: 01-07-2014 12:16:03 »





ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 7) 1 ก.ค. 57
«ตอบ #230 เมื่อ01-07-2014 13:13:02 »

หึงแรง รักแรงมาก อานนท์ต้องอดทนไว้นั  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ iGiG

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 7) 1 ก.ค. 57
«ตอบ #231 เมื่อ01-07-2014 16:49:30 »

กรีสสสสสส คุณชุน เพิ่งรู้ว่าคุณชุนเอาเรื่องมาลง กรีสสสสสสสส ดีใจค่ะที่ได้อ่านเรื่องๆอื่นอีก หลังจากทาสรัก และก็เรื่องสั้นที่เคยลงในเด็กดี

ชอบสำนวนของคุณชุนมากกกก เป็นเอกลักษณ์และน่ารัก

ติดตามและตามติด เป็นกำลังใจให้นะคะ

ปล.ชอบและสงสารเจ้าชายศีลวัต และอานนท์ คงไม่จบเศร้าหรอกเน้ออ

ออฟไลน์ Chise

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 7) 1 ก.ค. 57
«ตอบ #232 เมื่อ01-07-2014 20:47:06 »

อ่านคู่นี้แล้วปวดตับ กลัวคู่นี้จะจบไม่สวยจริงๆ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 7) 1 ก.ค. 57
«ตอบ #233 เมื่อ01-07-2014 20:49:10 »

ทั้ง 2 คน พอกันเลย เห้ออออ

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 7) 1 ก.ค. 57
«ตอบ #234 เมื่อ01-07-2014 23:18:01 »

 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:ตูละเพลียใจกับคู่นี้ที่สุดเลยยยยยยยยยย :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 7) 1 ก.ค. 57
«ตอบ #235 เมื่อ02-07-2014 00:42:31 »

เริ่มรู้สึกว่าจะเริ่ม SM ขึ้นเรื่อย
เจ้าชายสนใจจะรับโซ่แส้กุญแจมือด้วยมั้ย

ออฟไลน์ ชุน

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-1
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 8) 2 ก.ค. 57
«ตอบ #236 เมื่อ02-07-2014 07:58:09 »

วันนี้... แค่มีเธอ
บทที่ ๘


 เจ้าชายศีลวัตทรงทราบจากพระสนมคนใหม่ของพระองค์ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าอานนท์เพียงแต่จะรับนางไว้เป็นน้องสาว และให้พักอยู่ที่บ้านพักองครักษ์ เผื่อว่าวันหนึ่งหากมีองครักษ์คนใดผูกใจสมัครรักใคร่กับนางจนอยากจะแต่งงานด้วย และนางเองก็มีใจชอบพอ เขาก็จะได้ปล่อยมือจากนางไปได้อย่างสบายใจ แต่ทั้งที่ทรงทราบแล้วก็ยังทำเหมือนไม่ทรงทราบ

อานนท์ไม่กราบทูลแก้ไขเพราะคิดว่าพระองค์คงจะไม่ทรงฟัง ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว ส่วนพระองค์ก็ไม่บอกเขา เพราะไม่ว่าเขาจะดูแลนางในฐานะอะไร

พระองค์ก็ไม่ทรงยอมทั้งนั้น

ยังดีที่องครักษ์หนุ่มไม่ต้องถูกกระทำต่อหน้าหญิงสาวที่เขาซื้อตัวมาอีกอย่างที่นึกกลัว เจ้าชายศีลวัตไม่ได้เสด็จฝ่ายในอีก   และอานนท์ก็ไม่ได้พบนิรดาอีกเช่นกัน

แต่ก็ใช่ว่าเขาจะอยากพบ

ตอนนี้ แม้แต่จะมองพระพักตร์ของเจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณ

เขายังไม่อยากจะทำ






บ้าน หรือจะพูดให้ถูกก็คือคฤหาสน์หลังใหญ่บนเนินเขานอกเมืองสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าชายศีลวัตประทานอำนาจการตัดสินใจในการตกแต่งให้องครักษ์ประจำพระองค์คนสนิทอย่างเต็มที่โดยไม่กำหนดงบประมาณ

“แบบไหนก็ได้ ที่เธอชอบ”

ทั้งยังประทานพระอนุญาตให้ลางานได้ตามใจชอบ อานนท์ลางานตามใจชอบจริงๆ เขาไม่อยากเห็นพระพักตร์ของอีกฝ่ายบ่อยนัก แต่กลับไม่ได้สนใจบ้านหลังนั้นเลย แม้ว่ามันจะสวยมากก็ตามที เขาไปที่นั่นเพียงครั้งเดียวตอนที่ถูกบังคับให้ไป แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ย่างกรายไปใกล้

ตอนนี้มันก็คงจะยังเป็นบ้านร้างที่มีแต่เปลือกอยู่

คงเหมือนกับตัวเขา ที่รู้สึกว่ามีแต่ร่างกลวงๆ เอาไว้ให้เจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณทรงระบายความใคร่

แปลกที่ในความว่างเปล่ากลับยังเจ็บปวดได้เมื่อเจ้าชายที่โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ทรงรับ ‘พระสนม’ คนใหม่เป็นผู้ชายพร้อมกันทีเดียวสองคน

หนึ่งในนั้นเป็นชายหนุ่มที่งามล่มเมือง






หลังจากเจ้าชายศีลวัตมีพระชนมายุครบสามสิบพรรษาได้ไม่กี่วัน อันธกาลซึ่งเป็นแคว้นใหญ่ใกล้เคียงกับเรืองอรุณก็ส่งราชทูตมาขอเจริญสัมพันธไมตรีและยื่นข้อเสนอให้เกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกันด้วยการอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าชายรัชทายาทแห่งเรืองอรุณกับเจ้าหญิงพระองค์ใหญ่ รัชทายาทอันดับสองของอันธกาล ทว่าเจ้าชายภีมเสนทรงปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าพระองค์โปรดผู้ชาย ให้ส่งเจ้าชายรัชทายาทของอันธกาลมาอภิเษก หรือไม่ก็ให้องค์หญิงใหญ่แห่งอันธกาลอภิเษกสมรสกับเจ้าชายพระองค์อื่น

พระนางเรวดีทรงตื่นเต้นดีพระทัยมากเมื่อทรงทราบ หลังจากเข้าเฝ้าเจ้าหลวงจนแน่พระทัยเป็นมั่นเหมาะแล้วว่าสามารถเปลี่ยนจากเจ้าชายภีมเสนเป็นเจ้าชายศีลวัตได้ พระองค์ก็เสด็จไปหาพระโอรสทันที ทว่าเจ้าชายหนุ่มทรงปฏิเสธทันควันเช่นกัน

“หม่อมฉันไม่แต่งพระเจ้าค่ะ”

“อย่าบ้าน่าศีลวัต โอกาสดีขนาดนี้จะหาที่ไหนได้อีก ดองกับอันธกาลก็เท่ากับได้แคว้นนั้นมาอยู่ในมือ แม่ได้ยินมาว่าเจ้าชายรัชทายาทอันธกาลอ่อนแอ เจ้าหญิงรัชทายาทอันดับสองเป็นที่โปรดปรานกว่า ทั้งเฉลียวฉลาดแล้วก็เก่งกล้า...”

“หม่อมฉันไม่แต่งพระเจ้าค่ะ และตอนนี้ก็ไม่ว่าง เอาไว้วันหลังจะไปเยี่ยมเจ้าแม่ที่ฝ่ายใน”

“เดี๋ยว! ศีลวัต! ที่ไม่แต่งนี่เพราะไอ้ตัวโปรดของลูกมันยุยงใช่ไหม”

“อานนท์ไม่เกี่ยวพระเจ้าค่ะ”

“ทำไมจะไม่เกี่ยว เดี๋ยว... ศีลวัต! กลับมานี่นะ อย่าเดินหนีแม่อย่างนี้ ศีลวัต!”






อย่างไรก็ดี อันธกาลเองก็ปฏิเสธที่จะให้เจ้าหญิงพระองค์ใหญ่อภิเษกสมรสกับเจ้าชายพระองค์อื่นของเรืองอรุณเช่นเดียวกัน แต่จะส่งเจ้าชายรองมาถวายเจ้าชายภีมเสนแทน ทว่าเจ้าชายภีมเสนก็ทรงปฏิเสธอีก เมื่ออันธกาลหันไปผูกสัมพันธ์กับเผ่าทั้งสามแทน การศึกระหว่างเรืองอรุณกับอันธกาลและชนเผ่าทั้งสามจึงเกิดขึ้น

เจ้าชายศีลวัตทรงเป็นแม่ทัพ นำทัพหลวงออกรบด้วยพระองค์เอง เมื่อเรืองอรุณชนะศึกและอันธกาลกับเผ่าทั้งสามตกเป็นเมืองขึ้น เจ้าชายเสนาบดีกลาโหมจึงทรงได้รับบุตรชายคนโตของหัวหน้าเผ่าสองเผ่าเป็นบำเหน็จรางวัล

คุณชายวาริศ จากเผ่าชุณหะเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างสูงใหญ่กำยำอย่างทหาร ขณะที่คุณชายภูวันแห่งเผ่าเวณุเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างและใบหน้างดงามราวกับอิสตรี

อานนท์สะดุดใจตั้งแต่แรกเห็นในท้องพระโรง

คุณชายผิวขาว คิ้วเข้ม ปากแดง และมีรูปร่างโปร่งบางผู้นั้นมีกิริยานอบน้อมยิ่งนัก ขณะคลานมากราบแทบพระบาทของเจ้าชายทหารก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบสายพระเนตร

ทันทีที่เห็นสายตาเสน่หายั่วเย้าคู่นั้น อานนท์ก็พลันถูกเข็มที่มองไม่เห็นทิ่มแทงฉับพลัน

เมื่อหันไปมองพระพักตร์ของเจ้าชายศีลวัต ฝ่ายนั้นก็ยกมุมพระโอษฐ์ขึ้นนิดๆ

คงจะพอพระทัย






อานนท์ไม่ต้องถวายงานบ่อยนักแล้ว เพราะเจ้าชายศีลวัตมักจะเสด็จไปฝ่ายในอยู่เนืองๆ โดยที่เขาไม่ต้องตามเสด็จไปด้วย

แว่วข่าวลือว่าพระสนมคนใหม่ขึ้นแท่นเป็นที่โปรดปรานในเวลาอันรวดเร็ว

คนใหม่คนไหนคงไม่ต้องเดาให้เสียเวลา

ถึงกระนั้น หลังจากกลับมาจากฝ่ายใน ก็ยังเปิดประตูเข้ามาในห้อง จูบเขา กอดเขา ทั้งที่มีกลิ่นน้ำหอมติดพระองค์มา อานนท์ได้แต่อดทน

“เพื่อวันพรุ่งนี้ พรุ่งนี้ นายก็จะเป็นอิสระแล้ว อานนท์”

เขาบอกตัวเองอย่างนั้นไม่รู้กี่ครั้งกี่หน

อาจจะเป็นพัน เป็นหมื่น

เมื่อก่อนเขาอาจจะไม่เข้มแข็งพอ ขณะที่รอคอยวันพรุ่งนี้ อีกใจหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ลึกๆ กลับไม่อยากให้วันพรุ่งนี้มาถึง ทว่าถึงตอนนี้ เขาไม่ลังเลใจอีกแล้ว องครักษ์หนุ่มอดทน และเฝ้ารอคอยวันพรุ่งนี้อย่างใจจดใจจ่อ

ชีวิตของเขาอยู่ได้ด้วยความหวังว่าพรุ่งนี้จะมาถึงเสียที






เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นอีกหน เมื่อเจ้าหลวงสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหันด้วยโรคพระหทัยวาย เจ้าชายภีมเสนขึ้นเป็นเจ้าหลวง ส่วนพระนางเรวดีก็ประชวรหนักด้วยความเสียพระทัย

“แม่คงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน”

“ทำไมรับสั่งอย่างนั้น” พระโอรสรับสั่งพระสุรเสียงห้วน

“องค์รัชทายาทขึ้นเป็นเจ้าหลวง ความหวังที่แม่จะได้เป็นพระพันปีก็สูญสลาย มีลูกชายกับเขาอยู่คนก็สู้ลูกคนที่ไม่มีแม่ไม่ได้ แล้วแม่จะอยู่ต่อไปอีกทำไม”

คนฟังทรงกำพระหัตถ์ คิดว่าพระมารดาจะเสียพระทัยเรื่องพระบิดา ทว่าที่แท้กลับเป็นเรื่องเดิมๆ

เรื่องเดิมๆ ที่ทำให้พระองค์ทรงหงุดหงิดได้ทุกครั้งที่ต้องทนฟัง

“เจ้าพี่ก็ขึ้นครองราชย์ไปแล้ว แล้วเจ้าแม่จะให้หม่อมฉันทำยังไง”

“ปลงพระชนม์เจ้าหลวงซะ”

“อะไรนะพระเจ้าค่ะ”

“ลูกก็ได้ยินชัดแล้วนี่ศีลวัต ฆ่าภีมเสนซะ แม่คิดวิธีเอาไว้แล้ว”

สายพระเนตรของพระนางเรวดีมุ่งมั่นแรงกล้าเสียจนพระโอรสชักจะทรงสงสัยแล้ว ว่าอีกฝ่ายกำลังประชวรหนักอยู่จริงหรือไม่

“วิธีอะไร”

พระราชชายารับสั่งเล่าด้วยความมั่นพระทัยยิ่งยวด ฟังจบ เจ้าชายหนุ่มก็ทรงแค่นพระสุรเสียง

“หึ หม่อมฉันว่าแทนที่เจ้าแม่จะหลงเชื่อคำยุยงของมัน ควรจะกำจัดมันให้สิ้นซากเสียจะดีกว่า งูพิษแบบนี้เลี้ยงเอาไว้ก็มีแต่จะแว้งมาฉกเจ้าของ หม่อมฉันจะจัดการเอง”

“ไม่ได้นะศีลวัต”

“ยาพิษก็ได้มาแล้วไม่ใช่หรือพระเจ้าค่ะ”

“แต่ไม่มียาแก้”

“ไม่มีก็ไม่เห็นเป็นไร”

“มีเอาไว้ก็ดีนะลูก เผื่อจำเป็นขึ้นมา”

เจ้าชายทหารทรงนิ่งคิดอยู่หลายอึดใจ

“มันเรียกร้องอะไรตอบแทนพระเจ้าค่ะ”

พระมารดาทรงอึกอัก “ก็แค่ ตำแหน่งพระราชชายาเท่านั้น ลูกให้ได้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ พอได้เป็นเจ้าหลวง จะมีเมียกี่คนก็ได้”

พระโอรสแย้มพระสรวลเหี้ยมเกรียมเป็นคำตอบ คนผ่านโลกมามากกว่าทรงทราบดีว่าผู้ที่หวังตำแหน่งสูงส่งคงจะไม่พ้นได้ความตายเป็นสิ่งตอบแทน แต่ก็ช่างปะไร ขอแค่พระองค์สมหวัง จะต้องสังเวยชีวิตของใครไปก็ไม่ทรงแยแส

“แล้วทรงมีคนหรือยัง หรือจะให้หม่อมฉันหา”

“แม่จะให้อานนท์ทำ”

“ไม่มีทาง!”

“ศีลวัต” พระนางทรงลูบพระพากำยำของพระโอรส           รับสั่งพระสุรเสียงอ่อน แต่ชวนเชื่ออยู่ในที “ถ้าไม่ใช่อานนท์ คิดหรือว่าแผนนี้จะสำเร็จ แม่รู้ว่าลูกถูกใจมันมาก” แม้จะไม่เคยทรงทราบเลยว่าถูกใจตรงไหนก็ตาม “แต่ถ้ามันมีใจให้ลูกบ้าง มันก็ต้องยินดีจะทำงานนี้ ลูกก็สงสัยอยู่ไม่ใช่หรือว่ามันรู้สึกยังไงกับลูก ใช้โอกาสนี้พิสูจน์ซะ แล้วแม่สัญญานะ ว่าไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ แม่ก็จะไม่ยุ่งกับมันอีก”

“ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย”

“จ้ะ ครั้งสุดท้าย”

“หม่อมฉันจะหาคนที่เหมาะสมมาทำ”

“เอ๊ะ! ศีลวัต แม่ต้องการอานนท์เท่านั้นนะ”

“หม่อมฉันจะหาคนอื่นพระเจ้าค่ะ”

พระโอรสกราบทูลหนักแน่น

ใช่ พระองค์ทรงสงสัยมาตลอด ว่าอานนท์รู้สึกยังไงกับพระองค์กันแน่ แต่ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ด้วยการส่งเขาไปเสี่ยงตาย ความรู้สึกของเจ้าคนเอาใจยากเป็นยังไงไม่รู้ แต่สำหรับความรู้สึกของพระองค์นั้น

ทรงทราบดีตลอดมา






“กระหม่อมยินดีจะทำตามแผนการของพระราชชายาพระเจ้าค่ะ”

จู่ๆ องครักษ์ประจำพระองค์คนสนิทก็กราบทูลขึ้นระหว่างที่พระองค์ทรงงานในห้องทรงพระอักษร

“ใครบอกเธอ”

เจ้าชายหนุ่มทรงวางปากกา ตรัสถามพระสุรเสียงห้วน

“พระราชชายาทรงส่งคนมาตามกระหม่อมไปเข้าเฝ้าเป็นการลับที่วิหารนอกเมืองเมื่อวานนี้พระเจ้าค่ะ” ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบัง เพราะรังแต่จะทำให้กริ้วมากขึ้นโดยไม่จำเป็น

“ฉันไม่อนุญาต”

“แผนการนี้กระหม่อมเหมาะสมที่สุด คนอื่นอาจจะทำไม่สำเร็จพระเจ้าค่ะ”

“เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง เธอไม่ต้องยุ่ง”

อานนท์นิ่งเงียบไปหลายอึดใจ อีกฝ่ายทรงงานต่อแล้ว คนฉลาดควรรู้ว่าไม่ควรพูดอีก แต่เขาไม่พูดไม่ได้

“กระหม่อมอยากจะทำพระเจ้าค่ะ”

คนฟังทรงชะงัก เงยพระพักตร์ขึ้นมามองอย่างประหลาดพระทัย น้อยครั้งนักที่อานนท์จะแสดงความต้องการของตัวเองออกมาตรงๆ และพระองค์ก็ไม่คิดที่จะมองข้าม

“ทำไม”

องครักษ์หนุ่มมองสบสายพระเนตรแน่วแน่

“เพราะพระราชชายาประทานคำมั่นว่า หลังจากงานนี้แล้ว พระองค์จะไม่ทรงยุ่งเกี่ยวกับเราอีกพระเจ้าค่ะ”

อานนท์จะพูดด้วยอารมณ์ไหนไม่รู้ รู้สึกพิเศษอะไรบ้างหรือเปล่า ไม่ทรงทราบ แต่คำว่า ‘เรา’ ของเขามีความหมายสำหรับพระองค์มากเหลือเกิน

“มีเหตุผลแค่นี้หรือ”

“...”

“ไม่มีเหตุผลอื่นใช่ไหม”

“ไม่มีพระเจ้าค่ะ”

เป็นการโกหกที่ร้ายแรงถึงตาย แต่คนพูดไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย






เจ้าชายศีลวัตไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปในตัวขององครักษ์ประจำพระองค์คนสนิทนานแล้ว คืนนี้ เรื่องบนเตียงของอานนท์ไม่ได้เริ่มต้นด้วยจูบ เจ้าชายรองแห่งเรืองอรุณทรงลอกคราบเขาจนเปลือยเปล่า สีขาวของผ้าปูที่นอนคงตัดกับสีผิวเข้มๆ ของเขาอย่างชัดเจน เขาไม่รู้ว่ากำลังทรงคิดอะไร จึงทอดพระเนตรมองเขาอย่างดื่มด่ำลึกซึ้งเช่นนั้น

คืนนี้ อานนท์ถูกจูบทั่วทั้งตัว เจ้าชายศีลวัตทรงทรมานเขาอย่างเชื่องช้าด้วยพระโอษฐ์และพระหัตถ์ เขาถูกปฏิบัติด้วยอย่างอ่อนโยนราวกับสาวพรหมจารีที่เพิ่งเข้าเรือนหอ และจะต้องเสียตัวให้ผู้ชายเป็นครั้งแรก แต่เขาเสียตัวครั้งแรกมาแล้วตั้งแต่อายุสิบเจ็ด ทำกับเขาเบาๆ ช้าๆ แบบนี้ เขาจะไปรู้สึกรู้สาอะไร

แต่อานนท์คิดผิด

คืนนี้ เขา ‘รู้สึก’ ยิ่งกว่าคืนไหน

“ฝ่าบาท!”

ที่ผ่านมามีแต่เขาเท่านั้นที่ต้องเป็นฝ่ายทำถวาย เจ้าชายศีลวัตไม่เคยลดองค์ทรงทำให้ และเขาก็ไม่เคยคิดว่าจะทรงทำได้

“อย่าหนีบหัวฉันล่ะ”

พระพักตร์หล่อเหลาคมคายที่เงยขึ้นมาจากกลางหว่างขาของเขา ช่างดูยั่วเย้าและเปี่ยมเสน่ห์อย่างร้ายกาจ แต่ภายในพระโอษฐ์ที่รุ่มร้อนและเปียกชุ่มยังร้ายกาจกว่าหลายเท่า อานนท์แทบจะดิ้นเร่าด้วยความเสียวกระสัน ซาบซ่านไปทั้งท่อนลำ เขาถูกดูดเลีย ปรนเปรอให้เสียจนดิ้นพล่าน

“ฝ่าบาท... ฮะ... ฮ่าห์...”

หอบหายใจจนทรวงอกสะท้อน หวามใจอย่างลึกล้ำเมื่อมองพระโอษฐ์ที่ขยับขึ้นลงและพระชิวหาที่ตวัดแลบเลียไปมา ยิ่งเมื่ออีกฝ่ายทรงตวัดสายพระเนตรขึ้นมามอง ความรู้สึกสุขสมยิ่งล้นปรี่ ทะลักทลาย

เจ้าชายศีลวัตทรงเก็บกลืนความปรารถนาของเขาเอาไว้จนทุกหยดหยาด ขณะที่อานนท์นอนหายใจหอบกระชั้น พระหัตถ์หยาบกระด้างลากไล้ โลมลูบไปตามเนื้อตัวด้วยความเสน่หา เมื่อองครักษ์หนุ่มลืมตาขึ้นจากความเหนื่อยอ่อน อีกฝ่ายก็ทรงปรนเปรอเขาด้วยจูบเนิบนาบ อ่อนโยน

ลมหายพระทัยร้อนผ่าวรินรดอยู่ตรงปลายจมูก ขณะที่คนเบื้องบนทรงลูบเหงื่อบนหน้าผากประทานให้ ในสายพระเนตรที่กำลังทอดมองลงมาในระยะใกล้ มีประกายความรู้สึกอันลึกล้ำบางอย่างที่เขาไม่ปรารถนาจะรับรู้ แต่ก็ละสายตาไปไม่ได้

“ถ้าฉันได้เป็นเจ้าหลวง ในรัชกาลของฉันจะไม่มีรานี”

รับสั่งบอกเขาทำไม ในเมื่อจะไม่มีวันนั้น

“ถ้าเธอทำงานนี้สำเร็จ ไม่ว่าต้องการอะไร ฉันจะให้”

สิ่งที่เขาอยากจะได้ พระองค์คงประทานให้ไม่ได้ และเกือบจะทุกสิ่งที่เขาเคยขอ พระองค์ล้วนทรงปฏิเสธ

“แต่ถ้าไม่สำเร็จ”

คนรับสั่งทรงก้มลงมาจูบเบาๆ รอยแย้มพระสรวลที่เห็น…

... แลดูงดงามเป็นพิเศษ...



“ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเดียวดาย”






tbc.


*********************************************

ตอนหน้า แผนการจะดำเนินไป... และจบสิ้นอย่างรวดเร็วนะคะ

ส่วนตอนจบ ไม่ sad ending หรอกค่ะ

มันเป็นสิ่งที่อานนท์เลือก และศีลวัตก็... เต็มใจยอมรับ

^_^

ออฟไลน์ iGiG

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 8) 2 ก.ค. 57
«ตอบ #237 เมื่อ02-07-2014 08:17:20 »

รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อเลยค่ะ หวั่นไหวและหวั่นใจกับศีลวัต อานนท์ และคุณชุน ><

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 8) 2 ก.ค. 57
«ตอบ #238 เมื่อ02-07-2014 09:55:07 »

จริงๆอานนท์ก็รักเจ้าชายแหละ  แต่ความเจ็บปวด และ อิสรภาพที่ต้องการมันก้อนใหญ่กว่า จึงบดบังความรักในใจของอานนท์จนเกือบหมด

แม่ของเจ้าชายจะอะไรนักหนา

ออฟไลน์ Infinity 888

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2026
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +157/-7
Re: เวลา : วันนี้ (บทที่ 8) 2 ก.ค. 57
«ตอบ #239 เมื่อ02-07-2014 10:29:03 »

สุดท้าย จะต่างคนต่างอยู่ใช่มั้ย :z3:

รอตอนต่อไปอย่างจดจ่อ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด