ขับรถจากสวนสัตว์มาถึงร้านอาหารใช้เวลาประมาณสามสิบนาทีครับ เป็นร้านอาหารติดทะเลที่มีระเบียงยาวยื่นออกไป อลิซที่เพิ่งหลับไป ไอ้โรมจอดรถก่อนจะดึงอลิซออกจากตัวผม
“ อลิซครับ ตื่นนะ ไปกินข้าวกัน " เด็กที่เพิ่งหลับไปมันเอานมออกจากปาก ดึงตุ๊กตาออกแล้วพยายามปลุกลูกตัวเองด้วยการเขย่า ดวงตากลมที่ลืมตาขึ้นมาด้วยความงุนงง
“ ฮือออ ไม่เอา กระต่ายของหนู ฮือออ " คว้ามือจะหยิบตุ๊กตาที่โดนดึงออกมา ไอ้โรมมองหน้าลูกมันก่อนจะตีไปที่ข้างแก้มเบาๆ
“ ตื่นครับ อลิซไม่งอแงนะ ไปกินข้าวกัน " แต่เด็กที่ไหนมันจะฟังวะ เด็กที่เพิ่งได้นอนร้องงอแงแค่นี้ไม่ใช่เรื่องแปลก
“ เอาอลิซมานี่มา " ผมอุ้มอีกคนที่ร้องไห้โยเยมาหา ยื่นนมให้กินพร้อมกับตุ๊กตา ไอ้โรมขมวดคิ้ว
“ อย่าให้มันหลับมึง เราต้องไปกินข้าว อลิซครับ "
“ เด็กมันจะนอน มึงก็แค่ปล่อยให้มันนอนไปไอ้โรม อลิซเพิ่งได้หลับไม่ถึง สามสิบนาทีเลยมึงก็จะปลุกแล้ว "
“ แต่มันต้องกินข้าว "
“ กูจัดการเอง " ผมว่าแค่นั้น มันก็ยอมลงจากรถ ผมหยิบผ้าขนหนูสีชมพูของอลิซติดไปด้วยผืนนึง เธอเริ่มหลับไปอีกรอบ เข้าไปร้านอาหารที่ได้ที่นั่งด้านนอก ลมทะเลพัดเย็นสบาย
“ แล้วมึงจะให้อลิซนอนบนตัวมึงแบบนั้น "
“ ก็ไม่เป็นไร ให้หลับไปก่อนวันนี้ก็ยังไม่ได้นอน " เอาผ้าที่ติดมาห่มให้ ไม่อยากให้โดนไอทะเลมากครับ เดี๋ยวจะเป็นหวัด
“ สั่งอะไรกินกันดี "
“ ห่วงแดกมากกว่าห่วงลูกอีกนะมึง " ผมว่า ไอ้โรมยักคิ้วก่อนจะมองเมนูอาหารตรงหน้าไปเรื่อยๆ " อยากกินกุ้งเผา ปลาเผา แล้วก็อะไรเผ็ดๆ "
“ อะไรดีละ "
“ ต้มยำทะเลน้ำข้น กุ้งชุปแป้งทอดให้อลิซ ปลาสามรส ปลาเผา กุ้งเผา ข้าวผัด อยากกินหอยแครงเผา "
“ ถ้าปูที่นี่ไม่ต้องแกะเอง กูจะสั่งเลย อยู่อยากกิน ปลากหมึกผัดพริก " ปรึกษาอาหารกันอยู่นาน แต่ก็สั่งทุกอย่างที่พูดไปนั่นเหละครับ ไม่รู้จะกินหมดรึเปล่า
สั่งอาหารไปประมาณครึ่งชั่วโมง ทุกอย่างก็ทะยอยมาจนเต็มโต๊ะ ผมกลืนน้ำลายตอนที่ทุกอย่างวางลงมา โชคดีที่ไอ้โรมสั่งไปจานเล็กครับ มันบอกว่าสั่งจานเล็กๆ จะได้กินได้หลายๆอย่าง
“ น่ากิน " แทบจะยัดทุกอย่างเข้าปากไปในตอนนี้ ส่วนตัวผมลำบากนิดหน่อยเพราะอลิซอยู่บนตัวผม
“ โอเครึเปล่า มากูอุ้มอลิซเอง "
“ ไม่เป็นไร มึงกินเถอะ เดี๋ยวตื่นแล้วงอแงอีก "
“ ว่าที่คุณแม่ดีเด่นจริงๆ " มันแซว ผมวางช้อนที่กำลังจะกินข้าว
“ พูดให้มันดีๆนะมึง " ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่มันฟังแล้วรู้สึก จักกะจี้หูยังไงชอบกล ไอ้โรมแกะกุ้งให้ผมมันเอามาวางบนจาน
“ ง้อนะ "
“ ส้นตีน " ผมยิ้มออกมา ตอนที่มันพูดคำนั้นเหมือนอยู่ๆมันก็สถบออกไป ยิ้มเขินจนหน้าแดง ผมตักกุ้งคำนั้นกิน
“ อร่อยมั๊ย "
“ งั้นๆละ " ไอ้โรมยิ้มตอนที่ผมพูดแบบนั้น มันยังคงตักนู้นตักนี่ให้ผมกิน วันนี้ไม่เปลืองแรงในการแกะกุ้งเลยครับ แถมน้ำจิ้มซีฟู๊ดยังแซ่บเอามากๆ อลิซเริ่มขยับตัวเปลี่ยนท่าที่กอดผม คนนี้ก็หลับแบบคอพับคออ่อนเลยครับท่าทางจะหมดแรงจริงๆ “ อันนี้อร่อยวะ มึงต้องลองกิน " ตักหอบแครงให้มันผมราดน้ำไปช้อนใหญ่ ยื่นช้อนไปป้อนมัน
“ จริงๆ กูไม่นิยมกินหอยหรอกนะ อันนี้จะกินเพราะเห็นแก่ที่มึงป้อน "
“ แดกๆไป " ขยับช้อนไปใกล้ไอ้โรมกิน มันหลับตาปี๊ น้ำจิ้มแซ่บมากบอกเลย
“ เชี้ย อร่อยสัด "
“ หอยอร่อยใช่มั๊ย " ผมถามก่อนจะยิ้มล้อๆให้มัน
“ หอยแครง อร่อย " ย้ำแค่นั้น ในสมองของผมก็เกิดคำถาม
“ โรม พ่อหรือแม่ของมึงใครที่เป็นคนต่างชาติวะ " ไอ้โรมมันหน้าลูกครึ่งจ๋ามากครับ มีความเป็นเอเชียผสมน้อยมาก
“ พ่อ กูเป็นคนอิตาลี แม่กูเป็นคนไทย "
“ งั้นมึงก็ต้องพูดภาษาอิตาลีได้นะสิ " พยักหน้าให้ ก่อนจะกินหอยแครงเข้าไปอีก
“ ก็พูดได้ทั้งอิตาลี อังกฤษ แล้วก็ไทย กูเกิดที่นู้นเรียนประถมที่นู้น ย้ายมาเรียนนานาชาติที่นี่ก็ตอนม.ปลายแล้ว "
“ เหรอ กูอยากฟังมึงพูดภาษาอิตาลีวะ "
“ Poiché la prima volta che vediamo a vicenda ogni giorno, farmi felice e sarebbe meglio se ogni giorno è come questo “ ยาวออกมาจากปากมันผมได้อึ้งและนิ่งไป ใช่..กูฟังไม่ออกสักคำ ฟังแล้วบางทีก็คล้ายๆกับภาษาแขก
“ เอ่อ... แปลหน่อยได้มั๊ยสัด "
“ ไม่ได้ " พูดแค่นั้นมันก็ก้มลงกินข้าวผัดต่อ ผมได้แต่เกาหัวตัวเอง งงๆ
“ เอ้า! เชี้ย กูอยากรู้ บอกหน่อย พิมให้ก็ได้เดี๋ยวกูไปแปลให้เกิ้ลเอง "
“ งั้นไว้กูพิมส่งไปให้ในมือถือ ตอนนี้กูกินข้าวก่อน " บอกแค่นั้นมันก็ตักกุ้งให้ผมกินอีก " กินไปๆ อย่าสงสัยเยอะ "
“ แล้วมึงไม่คิดจะสอนให้อลิซพูดภาษาอิตาลีได้บ้างเหรอ เก๋ดีนะกูว่า พูดอังกฤษได้ อิตาลีก็ได้ ไทยก็ได้ "
“ ตอนนี้ให้หัดนับเลขอยู่ แต่ทุกวันนี้กูก็งงไปหมดแล้ว กูพูดไทยบ้าง อังกฤษบ้าง อิตาลีบ้าง บางทีกูก็มึน มึงย้ายมาอยู่กับกูสิ จะได้ช่วยสอนพูดอังกฤษให้อลิซ "
“ ตลกดีนะมึง " หยอดกูอยู่นั่น ช่องใส่เหรียญกูกร่อนหมดแล้วไอ้สัดโรม " แล้วทำไม ถึงออกมาอยู่คนเดียววะ แบบว่าทำไมถึงไม่พาอลิซไปเจอพ่อกับแม่มึง อลิซก็เป็นน่ารักนะ "
“ พ่อแม่กับกูรับไม่ได้ ที่กูทำผู้หญิงท้อง แต่จริงๆก็รับกูที่เป็นเกย์ไม่ได้มานานแล้ว เค้าโยนเงินให้กูก้อนนึงก่อนจะตัดขาดกัน แล้วบอกว่าจะไปไหนก็ไป กูไม่ใช่ลูกเค้า มันก็เท่านั้น ก็ยังดีที่ยังโยนเงินให้ไม่งั้นตอนนั้นกูก็คงลำบาก "
“ ตอนนั้นมึงอายุประมาณกี่ปีวะ "
“ ยี่สิบสี่ " ว่าแบบชิวๆ แต่ผมรู้สึกตื้อในคอชะมัด อยากจะถามอีกนะครับ มีคำถามเป็นร้อย โดยเฉพาะเรื่องของมันกับแม่อลิซ
“ แล้วกูถามได้รึเปล่า "
“ ว่าทำไมกูถึงมีอลิซได้ ทั้งๆที่กูเป็นเกย์ " พยักหน้าให้มัน ไอ้โรมถอนหายใจ
“ เค้าเป็นเพื่อนกู เพื่อนสนิท เรามีอะไรกันเพราะกูเมาแล้วกูก็ไว้ใจมันให้มันพากูมาส่งที่คอนโด กูโดนมันมอมยานิดหน่อยก็เลยมีอะไรกับมันเพราะกูคิดว่านั่นแฟนกู แล้วอยู่ๆมันก็ท้อง กูจะให้เอาเด็กออกแต่มันก็ไม่ยอม มันบอกว่ามันรักกูและไม่ว่ายังไงก็ต้องอยู่กับกูให้ได้ กูต้องรับผิดชอบ ตอนนั้นกูที่มีแฟนออยู่แล้วมันพูดไม่ออกเลย แฟนบอกเลิกกู แล้วกูก็ต้องทนอยู่กับคนที่กูไม่ได้รัก "
“ พอแล้ว " ผมว่าตัดคำพูดของมัน ไอ้โรมที่เหมือนจะลอยไปไกลมันหันมามองมือของผมที่เอื้อมไปจับมือของมัน " ไม่ต้องพูดแล้ว กูเข้าใจ "
“ มึงรู้มั๊ย เด็กคนนั้นนะ ตอนที่คลอดมาตัวเล็กนิดเดียวเพราะแม่มันเกลียดกูที่กูไม่ยอมรักมัน จนเอาไปลงกับเด็ก อลิซก็เลยไม่แข็งแรงไง แต่พอมันคลอดได้สักพักหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลมันก็หายไปเลย รู้อีกทีมันก็ไปแต่งงานใหม่อยู่เมืองนอกแล้ว "
“ ก็ดีแล้ว คิดซะว่ามึงกับเค้าก็ไม่ต้องทนทรมาณอยู่ด้วยกัน อลิซก็ด้วย "
“ ตอนแรกกูคิดว่า อลิซคือตัวปัญหาในชีวิตกูเลยรู้มั๊ย เด็กตัวเล็กๆเอาแต่ร้องไห้งอแงจนกูต้องจ้างพี่เลี้ยงสร้างภาระให้กูทุกอย่าง เงินทุกบาทที่มีกูต้องมาให้อลิซ มาดูแลเค้า เมื่อก่อนตอนที่มีปัญหากูมองเด็กคนนี้ที่หลับอยู่ก็รู้สึกไม่ชอบใจ ถ้าไม่มีอลิซตอนนี้กูคงมีความสุขกับคนที่กูรักไปแล้ว แต่พอเค้าเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ วันที่เรียกกูว่าป๊าคำแรกทั้งๆที่กูไม่ได้สอน กูว่ามันเหมือนสิ่งสำคัญในชีวิตของกูไปแล้ว " พยักหน้าให้มัน เรายิ้มให้กันไอ้โรมก็ถอนหายใจมันหันมาตั้งคำถามกับผมบ้าง " แล้วมึงละทำไมถึงเรียนหมอเด็ก "
“ กูเริ่มเป็นหมอเพราะที่บ้าน ก็เป็นหมอทั้งบ้านก็เลยอยากเป็นตามแต่ที่เป็นหมอเด็ก เพราะว่ากูอยากทำให้เด็กยิ้มได้ วาดน้องชายกูมันไม่เชิงว่าป่วยบ่อยแต่ก็ไม่แข็งแรง สภาพจิตใจก็ไม่ค่อยดีกูเลยอยากจะทำให้เด็กๆคนอื่นไม่เป็นแบบมัน อีกอย่างมันท้าทายดีเหมือนต้องต่อสู้กับคนที่บอกเราได้ว่าเค้าเจ็บ บอกได้แค่เสียงร้องไห้ "
“ วาด ทำไมต้องสภาพจิตใจไม่ดีวะ หรือว่าวาดกดดันที่บ้านฉลาดกันหมด "
“ ก็เพราะมันไม่ใช่น้องชายแท้ๆไง เป็นหลานของป้าแม่บ้านที่พ่อกับแม่ขอมาเป็นลูกบุญธรรม แต่ก็ยังอยู่ในความดูแลของป้าแม่บ้าน เค้าเหมือนกดๆวาดอะกูว่า "
“ คนที่เปิดประตูให้เราวันนี้ "
“ อื้ม "
“ ดูหน้าก็ดุใช่ย่อยนะ "
“ ป้านวลใจดีกับกูแล้วก็พี่ชายแต่มักใจร้ายกับหลานตัวเอง "
“ คนบางคนที่พูดไม่เป็นแม้คำว่ารักมันก็มักจะเป็นแบบนี้ละ " พยักหน้าเห็นด้วยกับมัน เรากินอาหารกันจนเกือบหมด ก่อนที่ผมเอากล่องใส่แซนวิชที่กินหมดไปตั้งแต่ที่สวนสัตว์ขึ้นมา ตักข้าวผัดใส่ลงไปในกล่องตามด้วยกุ้งชุบแป้งทอด
“ จะเอาไปกินทำไม ไม่สั่งใหม่วะ "
“ อลิซกินคนเดียวไม่หมดหรอก แค่นี้ก็เยอะแล้ว กูตักไว้ให้มึงป้อนอลิซคืนนี้ "
“ โอเค " รับคำแค่นั้น ก่อนจะเช็คบิล ตั้งแต่กลับจากสวนสัตว์กินข้าว อลิซก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลยครับ หลับยิงยาวของแท้ ยาวจนตัวผมเองก็เริ่มเมื่อย
อลิซเริ่มขยับตื่นตอนที่รถขับเข้ากรุงเทพ บรือตามองผมสลับกับไอ้โรมก่อนจะล้มตัวลงมากอดผมต่อ แต่ไม่หลับแล้วครับ คราวนี้แค่กอดเฉยๆ
“ เดี๋ยวมึงส่งกูที่โรงพยาบาลนะ กูจะไปหาน้องกู "
“ โอเคครับ "
“ อาอินจะไปไหน " เสียงใสที่ถามผม อลิซมองหน้าดวงตากลมๆนั้นกระพริบถี่ " จะไปไหนคะ "
“ จะไปเยี่ยมน้องชายของอาอินที่โรงพยาบาลครับ อลิซก็กลับบ้านไปนอนต่อกับป๊านะ "
“ แต่หนูอยากให้อาอินไปด้วย " กอดผมแน่นขึ้น ท่าทางจะโดนเด็กติดแล้วละครับ
“ ไม่ได้หรอกครับ ไว้เดี๋ยวเราก็เจอกันอีก "
ครืน ครืน ครืน เสียงโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาของไอ้อิน ผมหันไปมองมันที่กดรับสาย การสนทนาเป็นภาษาอังกฤษที่ผมจับใจความได้ว่า งานของมันมีปัญหาและต้องได้การแก้ตอนนี้แต่แผนนงานของมันกลับอยู่ที่บริษัท กดวางสายลงมันโยนโทรศัพท์ไปตรงที่ว่าง
“ กูโทรหาป้าแมวให้มั๊ย "
“ ป้าแมวไปต่างจังหวัด หลายวันกว่าจะกลับ " นี่คงเป็นเรื่องที่ป้าแมวพูดกับมันเมื่อเช้าสินะ ผมพยักหน้ามันก็หันมามองผม " ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูพาอลิซไปที่บริษัทก่อนแล้วกัน "
“ แล้วถ้ามึงงานไม่เสร็จละ คงไม่ได้ปล่อยให้ลูกนอนที่นั่นใช่มั๊ย "
“ แล้วจะให้กูทำยังไงวะ " ก็เถียงไม่ออกเหมือนกัน ผมก้มลงมองอลิซที่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ เอาแบบนี้ ให้อลิซอยู่กับกูก่อน มึงเสร็จงานมึงก็มารับกลับไป "
“ จะเอาแบบนั้น " ถามผมเพื่อความแน่ใจ
“ อลิซครับ เดี๋ยวป๊าต้องไปทำงานต่อ หนูอยู่กับอาอินก่อนได้มั๊ย เดี๋ยวเราไปดูการ์ตูนนะ "
“ เย้!! หนูจะอยู่กับอาอิน หนูรักอาอินที่สุดเลย " พุ่งเข้ามากอดผมแบบยิ้มกว้าง หันไปพยักให้ไอ้โรม เราก็ตกลงกันตามนั้น
“ งั้นอลิซอยู่กับอาอินก่อน แล้วเดี๋ยวป๊าจะมารับนะครับ " พยักหน้าแบบเชื่อฟัง รถเข้ามาจอดที่โรงพยาบาล ผมหยิบไปแค่กล่องข้าวแล้วก็ผ้าขนหนู เสื้อผ้าอีกชุดที่ป้าแมวเตรียมใส่ถุงไว้ให้ตอนไปเที่ยวเผื่อว่าต้องเปลี่ยน
“ ป๊าตั้งใจทำงานนะคะ บ๊ายบาย " บอกแบบนั้นก่อนจะจุ๊บไปที่ปากเต็มๆ มือเล็กๆโบกลาไอ้โรมจนจนสุดตา
“ งั้นเราก็เข้าไปข้างในได้แล้วครับ ไป " อุ้มอีกคนเข้ามาพยาบาลมองกันทั้งโรงพยาบาลเลยครับ ก็แน่นอนว่าผมเป็นหมอที่นี่ร้อยวันพันปีไม่เคยพาเด็กเข้ามา แถมเด็กคนนี้ยังโด่งดังเพราะพ่อผู้ไม่สนใจด้วย ช่วงนี้ก็มีข่าวลือของผมกับไอ้โรมอยู่แล้วจากพยาบาลหน้าห้องของผมนั่นเหละ แต่ดูท่าตอนนี้จะซุบซิบกันไปใหญ่แล้ว
“ ทำไมหนูต้องมาที่นี่ด้วยคะ อาอิน หนูป่วยเหรอ "
“ เปล่าครับ แต่ว่าน้องชายของอาอินป่วย "
“ น้องชายของอาอินเจ็บมากมั๊ยคะ "
“ ไม่หรอกครับ เพราะเดี๋ยวถ้าได้กำลังใจจากรอยยิ้มใสๆของอลิซ น้องชายของอาอินต้องหายป่วยแน่ๆเลย " ผมบอกแบบนั้นอีกคนก็ยิ้มกว้าง กดลิฟท์ไปที่ชั้นที่วาดพักอยู่ แต่.. เสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้นมาก่อน
หยิบมือถือขึ้นมาดู หน้าจอสี่เหลี่ยมฉายภาพของข้อความตัวภาษาอังกฤษที่ผมไม่เข้าใจ ก่อนจะเป็นภาษาไทยที่ถูกส่งมาต่อมา ' ประโยคกูที่กูพูดให้มึงฟังวันนี้ '
“ ถึงแล้วครับ เดินออกไปเลย " จูงมืออีกคนไปตามทางเดินยาวๆ อีกมือของผมที่กำลังก๊อปข้อความนั้นไปแปล แต่ไอ้โรมก็ส่งมันมาให้ก่อนอีกครั้ง
“ ' ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน มึงทำให้ทุกๆวันของกูมีความสุข และคงจะดีถ้าทุกวันจะเป็นไปแบบนี้ ' นั่นเป็นประโยคที่กูพูดออกไป " วางมือถือลงข้างตัวตอนที่อ่านประโยคนั้นเสร็จ หน้าที่เริ่มร้อนของผมรู้สึกหายใจไม่ออกจนได้แต่ยิ้มออก ก่อนจะพิมข้อความตอบกลับไป
' มึงเองก็ยังไม่ได้พากูไปกินบะหมี่เลยนะโรม รอบหน้าต้องพาไปกินด้วยนะ '
ก็ไม่ใช่แค่ทุกวันของมันคนเดียวที่มีความสุขขึ้น เพราะของผมมันก็เป็นแบบนั้น
..............................................................
ขอโทษที่อัพช้านะคะ วันนี้หลับเพลินไปหน่อย

รู้สึกความเป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกอบอวลไปหมดในตอนนี้
ในที่สุดก็รู้เรื่องแม่ของอลิซแล้ว ว่าเธอเป็นใคร
ตอนนี้ไม่มีดราม่าเลย คิดไปคนเดียวเปล่าว่ะ มันรู้สึกอบอุ่นยังไงบอกไม่ถูก
เจอกันตอนหน้านะคร่าาาา
ฝากแท็ก #choiceไฟท์อิน ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ คร่าาา
