ตอนที่ 40ผมหมุนโทรศัพท์ในมือเล่นพลางมองอินที่กำลังโทรสั่งอาหารในมื้อเย็น แรงสั่นในมือทำให้ต้องก้มดูมือถือในมือของตัวเอง ข้อความของใครบางคนส่งมาถึงผม เลื่อนหน้าจอปลดล็อคก่อนจะยกยิ้มขึ้น
" เป็นยังไง อาบน้ำรึยัง กินข้าวรึยัง "
“ กินเรียบร้อยแล้วครับ ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง " ตอบกลับข้อความไปในทันที
“ ตอบเร็วผิดปกตินะมึง "
“ กำลังรออยู่ " ผมยิ้มออกมาตอนที่ตอบออกไป
“ คุณอิน ไปหารึเปล่า "
“ ก็แผนมัน มันก็ต้องมาสิ "
“ นี่รู้ด้วยเหรอ "
“ ไม่ใช่เมื่อวานเพิ่งเป็นเพื่อนกันสักหน่อยนี่ครับ เด็กน้อย คืนนี้จะนอนกันยังไง ที่นั่นมีกี่ห้องนอน " ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากคุยเรื่องอินกับเตให้มากนัก ไม่อยากให้มันมองอินว่าไม่ดี เพราะคนเราก็มีเหตุผลที่ไม่ว่าใครก็ไม่เข้าใจอยู่แล้ว
“ สองห้องนอน ลูกโรมนอนไปแล้วห้องนึง ก็เหลือห้องนึง "
“ มึงไปนอนที่หน้าโซฟาสิ " ผมบอกในใจตอนนั้นพี่พิดก็นึกเป็นห่วงมันขึ้นมา คำว่า ถ้ามีเยอะแยะเต็มไปหมด ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับมัน ถ้ามันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดเรื่องที่หักหามน้ำใจกัน อยู่ๆก็รู้สึกว่าไม่ปลอดภัยอย่างไม่รู้สาเหตุ
“ ไม่เอาอะ ยุงกัด "
“ ให้กูไปรับมั้ย " ห่วงมันจริงๆ ตอนที่พูดออกไปแบบนั้น ข้างในใจมันก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
“ ไม่เอาอะ ไม่อยากเป็นก้าง เค้าอุตส่าห์ไล่กูออกมาแล้ว " ผมหัวเราะกับคำพูดที่ได้รับตอบกลับมา ก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่งหน้าโซฟา
" ไปไหนวะ " อินถาม ผมที่ก้มหน้าดูมือถือก็เงยหน้าขึ้นมองหน้ามัน
" ไปโทรศัพท์หาเตสักหน่อย เดี๋ยวมานะ " พยักหน้ารับเบาๆ ผมหันหลังเดินออกไปตรงระเบียงห้อง ก่อนจะโทรศัพท์ออกไปหาอีกคน
" โทรมาทำไม "
“ เป็นห่วง " ผมตอบออกไปทันที อีกคนก็เงียบไปสักพักก่อนจะถาม
“ เรื่องที่นอนนะเหรอ "
“ อื้ม "
“ กูก็ห่วงมึง " เตบอก ถามก็ถามมันกลับไป
“ เรื่อง "
“ ทุกเรื่อง "
“ ไม่ต้องห่วงอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด " ยิ้มตอนที่ตอบมันไป ผมคิดแบบนี้จริงๆ อะไรจะเกิดมันคงต้องเกิด ก็แค่ต้องยอมรับกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผม หรือ มันก็ตาม
“ พูดแบบนี้ มาต่อยกูเลยมั้ย สัด " เตสบถออกมา ผมก็หัวเราะเสียงดังอาจเพราะมันไม่ค่อยได้พูดอะไรแบบนี้กับผม " นี่ ไฟท์ "
“ หื้ม ? “
“ ช่วยเคลียร์เรื่องเก่าของตัวเองให้จบไปด้วยนะ อย่าปิดใจตัวเองนัก เปิดใจของมึงคิดซะว่า ถ้าเค้าไม่ใช่เพื่อนสนิท จะรักกันได้เปล่า คุณอินนะ เค้าก็แค่อยากจะรู้เรื่องนั้น ใช่ก็แค่ใช่ ไม่ใช่ก็แค่ไม่ใช่ "
ทุกอย่างในตอนนั้นมันเงียบ ผมมองตรงไปข้างหน้าที่เห้นแค่ตึกประดับไฟจนสุดลูกตา มันสวย แต่ก็เหงา เหมือนคำพูดที่มันบอกผมอยู่ตอนนี้เลย ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทจะรักกันได้มั้ย จะรักกันได้รึเปล่าถ้าก่อนหน้านี้เราไม่แม้จะเป็นคนรู้จัก เป็นแค่ใครสักคนที่เดินผ่านเข้ามา คนที่ไม่ได้สำคัญอะไรกับชีวิต
“ แล้วถ้าใช่ขึ้น " ผมถาม
“ เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่อยู่หลังเรื่องนี้ กูไม่เป็นไรหรอกไฟท์ ยังไงไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ก็แค่ผิดหวัง เท่านั้นเอง " ปมเงียบไปหลังจากได้ยินคำพูดนั้นของมัน .. ก็แค่ผิดหวังเท่านั้นเอง แต่จริงๆ มันแค่เท่านั้นเองเหรอวะ ทำไมไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้น " สิ่งที่กูหวังก็คือ มึงจะหาคำตอบได้จริงๆ ไม่ใช่ว่า ปฎิเสธเพราะเค้าเป็นเพื่อนสนิท แต่อยากให้มึงคิดให้ดี แล้วตอบตัวเองว่า ถ้าเค้าไม่ใช่เพื่อนสนิทของมึง มันจะเป็นยังไง เค้าไม่ใช่แน่ๆ หรือตลอดว่ามึงโกหกตัวเองมาตลอด "
“ หึ นี่เป็นไปกับเค้าอีกคนแล้วเหรอ "
“ ไม่อย่างงั้น ก็ไม่มีวันจบหรอก ไม่อย่างงั้น เค้าก็ไม่ปล่อยมึงไปสักที กูเองก็ยังยึดติดกับอดีต มึงก็ไม่มีความสุขจริงๆ โรมก็ไม่มี ถ้าไม่ทำแบบนี้ ถ้าไม่ลองเดินกลับไปที่เดิมแล้วหาว่าอะไรคือปมปัญหา ทุกอย่างก็ยังต้องเป็นแบบเดิมกูคิดว่าคงไม่มีใครมีความสุขได้จริงๆหรอก "
“ คงเหมือนผูกเชือกไว้เป็นปม" เรื่องราวของเราทุกคนคงเป็นอย่างงั้น " ยิ่งพยายามหนี เชือกก็ยิ่งตึงปมก็ยิ่งแน่น ก่อนที่จะแน่นกว่านี้ก็ต้องกลับไปคลายปมให้ออก แต่เต ถ้าเราคลายปมไม่ออก กูตัดมันซะ "
ไม่ใช่เพราะหนีปัญหาหรืออะไร แต่บางที ถ้าเราไม่ตัดสินใจอะไรให้มันเด็ดขาด รักษาน้ำใจกันไปอย่างงี้สุดท้ายวันนึงก็คงต้องกลับมาเป็นแบบเดิม ก็เหมือนกับตอนที่เราเป็นโรคอะไรสักอย่าง ที่จะต้องผ่าตัด เราอาจกลัวที่จะต้องผ่าตัด เลยใช้ยาบรรเทาอาการปวดร้าวนั้น แต่สุดท้าย ก็ต้องกลับมาผ่าตัดอยู่ดี เรื่องคอวามรักบางเรื่องก็เหมือนกัน ถ้าไม่ตัด ก็ไม่จบ
“ ไฟท์ " เต เรียกผมหลังจากที่มันเงียบไปสักพัก
“ หื้ม มีอะไร "
" นี่ไฟท์ ต่อไปนี้ไม่ต้องเรียกกูว่าเตแล้วนะ ชื่อเตนะไม่ใช่ชื่อของกูหรอก ต่อไปนี้ เรียกกูว่า แอลนะ จริงๆ กูชื่อแอล "
“แอล น่ารักดีนิ " ผมยิ้มให้กับคนปลายสายก่อนจะก้มหน้าลงต่ำ " งั้นฝันดีนะ ดูแลตัวเองดีๆละ "
“ มึงเองก็ด้วย ฝันดีครับ "
กดวางสายลงตอนที่จะเอามือถือใส่ในกางเกง ใครคนนึงก็เดินมายืนข้างๆ ทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่า อินเปิดประตูออกมาฟังตั้งแต่เมื่อไหร่
“ โทรคุยกับเตเหรอ "
“ อื้ม " ผมพยักหน้า อีกคนก็นิ่งไปก่อนจะถาม
“ แล้วเป็นยังไงกันบ้าง โอเคมั้ย "
“ ก็โอเค "
“ พิซซ่ามาส่งแล้วนะ มึงจะกินเลยมั้ย "
“ กินเลยก็ได้ " เอื้อมมือไปกอดคอมัน อินหันมามองหน้านิ่งๆ " มีอะไร "
“ กอดคอกูทำไม "
“ กอดไม่ได้แล้วเหรอ " พอถามไปแบบนั้นอีกคนก็ส่ายหน้า อินเดินตรงไปข้างหน้า
“ ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่อยู่ๆมึงมาทำอะไรแบบนั้น มันก็แปลก เมื่อกี้ยังด่ากูอยู่เลย " มันหันหน้ากลับมาหา เหมือนคิดอะไรสักอย่างขึ้นมาได้ " หรือว่า เตพูดอะไรกับมึง "
“ แล้วเตเกี่ยวอะไรกัน "
“ ก็ ..”
“ ขอถามอะไรสักอย่างได้มั้ย "
“ อะไร " ท่าทางที่ไม่ใส่ใจพยักหน้ารับ ผมก็ดึงมันมาให้หันจ้องหน้าผม ย่อตัวลงให้หน้าของเราใกล้กัน อินยิ้มก่อนจะเลิกคิ้วสงสัย " มีอะไรวะ "
“ แน่ใจแล้วเหรอ ที่มึงจะทำแบบนั้น "
“ แบบไหน "
“ แบบที่ให้กูคิดว่าถ้ามึงไม่ใช่เพื่อน เราจะโอเคกันได้มั้ย ถ้าลองตัดความรู้สึกแบบนั้นออกไป ความรู้สึกของเพื่อนนะ แบบนั้นมึงแน่ใจแล้วเหรอว่าอยากให้กูทำจริง ๆ " อินพยักหน้าทันทีหลังที่ผมพูดจบ
“ อื้ม กูอยากให้มึงทำแบบนั้น "
“ มึงจะไม่เจ็บหรอ กูไม่อยากให้มึงเจ็บ "
“ กูไม่เจ็บไปมากกว่านี้แล้วไฟท์ " มันมองหน้าผม ก่อนจะดึงตัวเองมากอดผมไว้ " เพราะงั้นมึงช่วยเลิกมองกูเป็นเพื่อนสักพักเถอะนะ ช่วยมองกูเป็นแค่ใครสักคนนึง คนที่ชอบมึง จะได้มั้ย "
ผมไม่มีสิทธิปฎิเสธอะไรอยู่แล้ว สายตาที่กำลังอ้อนวอนของอิน ทำให้ผมทำได้แค่พยักหน้าตามใจมันไป ทั้งๆที่ไม่อยากให้มันเจ็บไปมากกว่านี้ แต่เพราะอินเป็นคนแบบนี้ อินจะไม่ยอมตัดใจเด็ดขาดตราบใดที่มันยังไม่รู้สึกด้วยตัวเองว่า เป็นไปไม่ได้
...................................................................
“ ทำไมอาบน้ำนานจังวะ " ผมเดินออกมานอกห้องน้ำ ตอนที่กำลังงุนงงว่าตัวเองจะเอาเสื้อผ้าที่ใส่แล้วไปไว้ไหน โรมก็เดินมาหยิบมันไปจากมือ ก่อนจะวางลงในตะกร้าที่อยู่อีกฝั่ง
“ ขอบใจมึง "
“ แล้วจะดูหนังเรื่องอะไร " มันถาม ผมก็ส่ายหน้า
“ มึงไปอาบน้ำก่อนเถอะ กูว่า " มองโรมที่ยังอยู่ในชุดทำงานตัวเดิม อีกคนก็ยิ้มเขินๆ ท่าทางที่เคยชอบแบบนั้นผมยิ้มออกมาก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง " กูไปรอข้างนอกแล้วกัน "
“ โอเค เลือกหนังรอไว้ได้เลย "
“ พรุ่งนี้ไม่ทำงานรึไง ถึงมีเวลามาดูหนังกับกูได้ "
“ ทำงานแล้วดูหนังไม่ได้รึไงวะ "
“ ก็แค่เมื่อก่อน มึงจะไม่ทำแบบนั้น มึงก็บ่อยให้กูดูหนังคนเดียวประจำเลย " ขาที่กำลังเดินออกจากห้อง แต่ผมก็ต้องหยุดลงตอนที่อีกคนเอ่ยคำนึงขึ้นมา
“ ก็ตอนนี้มันไม่เหมือนกันแล้ว "
“ ยังไง " ผมยิ้ม ในใจกลับรู้สึกว่า ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปเลยสักนิด โรมก็ยังเป็นแบบนี้ เป็นอย่างที่ผมรู้จักมาตลอด " ทำไมไม่พูดวะ "
“ มันไม่เหมือนกันหรอก เมื่อก่อนขี้เกียจดูก็บอกว่าขี้เกียจดูได้ ถ้าไม่อยากใส่ใจก็ต้องใส่ใจก็ได้ ก็เมื่อก่อนกูไม่คิดนี่หว่า ว่าอยู่ๆเราจะเลิกกัน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ถ้าอยากจะทำอะไร เดี๋ยวก่อน หรือ ไว้ก่อน ไม่ได้แล้ว เพราะว่า คงไม่ได้กลับมาทำอีก "
“ งั้น กูไปเปิดหนังรอแล้วกัน " ผมตอบเสียงเรียบๆ ก็อย่างที่มันพูด ถ้าเป็นเมื่อก่อนโรมก็เป็นแบบนั้น ทำงานมาหนักเหนื่อย อยากจะพัก เวลาที่อ้อนขอให้มันดูหนังทีไร มันก็จะบอกว่าเดี๋ยวก่อน ขอเป็นวันอื่นได้มั้ย ขอเป็นวันที่มันหยุดได้รึเปล่า แต่ถึงจะบอกแบบนั้น วันหยุดทีไร ก็ไม่เคยได้ดูหนังหรอก แค่นอนด้วยกันก็หมดเวลาแล้ว
ผมเดินออกมาข้างหน้า ตอนที่นั่งลงบนพรมหน้าโซฟามีหนังในกล่องมากมายเต็มไปหมดจนไม่รู้จะดูเรื่องอะไร ผมเปิดมันพลิกไปพลิกมาดูรายเอียดก่อนจะหยิบหนังฝรั่งเรื่องนึงขึ้นมาดู เปิดทีวีหยิบแผ่นใส่เครื่อง ผมเปิดรองก่อนจะเดินไปที่ตู้เย็นของบ้าน
“ ขอหาอะไร กินสักนิดเถอะนะ " ขาที่เดินไปบอกตัวเองแบบนั้น แต่ก่อนจะเปิดตู้เย็นออกมา ผมพบว่าตรงหน้าตู้เย็นนั้น มีแต่ภาพของมันกับอลิซติดอยู่เต็มไปหมด ภาพน่ารักที่ถ่ายด้วยกล้องโพลาลอย มีทั้งตอนที่ยังเด็กมากๆ แล้วก็ ตอนที่เริ่มโตแล้วเหมือนอย่างตอนนี้ มีแม้กระทั้งภาพหมออินที่ถ่ายรูปคู่กับโรมแล้วอลิซติดอยู่ด้วย
“ ทำอะไร "
“ กำลังจะหาอะไรกิน " ผมบอกก่อนจะเปิดตู้เย็น " มีอะไรให้กินบ้างวะ "
“ ไม่ค่อยมีอะไรหรอก ช่วงนี้กูไม่ค่อยได้ออกไปซื้อของ "
“ แล้วปกติ มึงไปซื้อของเองเหรอ " ผมก้มลงไปมองในตู้เย็น ส่วนใหญ่จะเป็นขนมของอลิซ แล้วก็ นม กับ เบียร์
“ เปล่า กูไปอิน อินจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้ " ผมหยิบเบียร์มาสองกระป๋องก่อนจะยิ้มให้มัน " ยิ้มทำไม "
“ แค่รู้สึกว่า มึงสองคนเหมือนสามีภรรยากันเลยนะ แบบมีโมเม้นต์ที่ต้องซื้อของเข้าบ้าน "
“ พูดเหมือนมึงไม่มี " รับเบียร์ที่ผมถือไปหนึ่งกระป๋องโรมหยิบเพิ่มอีกสาม ก่อนจะเดินไปหยิบขนมขาไก่ในตู้ชั้นบน
“ ก็นิดนึง ก็มีไปบ้าง เดือนละครั้ง " ยังไงซะ ไฟท์ก็จัดการเรื่องอะไรพวกนี้ไม่เป็นอยู่แล้ว
“ ของพวกนี้มันก็ซื้อเดือนละครั้งไม่ใช่เหรอวะ "
“ ก็นะ " ยิ้มให้โรมผมเดินไปนั่งที่โซฟา " แต่ถ้าของสดก็ไปสองวันครั้งละ "
“ มึงชอบทำกับข้าวนี่หว่า ตอนนี้ก็ยังชอบทำอยู่เหรอ "
“ อื้ม " มันทำท่าคิดตอนที่นั่งลงข้างๆผม " พรุ่งนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย จะทำให้กิน "
“ ของโปรดกูแล้วกัน "
“ โอเค " พยักหน้า อีกคนก็ขำ " ขำอะไร "
“ จำได้ด้วยเหรอไง "
“ ไว้คอยดูพรุ่งนี้ก็แล้วกัน มึงเปิดหนังได้แล้ว กูจะดู " เอาเท้าเขี่ยอีกคน โรมก็เปิดหนังให้
“ สันดานเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ ไอ้ชอบใช้เท้าสั่งคนอื่นเนี้ย " สันดานเสียๆที่มีใช้เฉพาะบุคคล โรมเคยบอกว่า ผมนิสัยเสียที่ชอบใช้นิสัยใช้เท้าเขี่ยคนอื่น แต่แม้ตอนนี้การทำแบบนี้ สำหรับคงกล้าที่จะทำแค่มัน ไม่รู้เลยว่าถ้าเอาไปทำกับไฟท์ มันจะเป็นยังไง
หนังเรื่องที่เราเปิด เป็นหนังชีวิตทั่วไป โรมเป็นคนชอบดูหนังแนวที่คนไม่นิยมเท่าไหร่ หรือถ้าอีกแนวก็แอคชั่นที่คนฮิตๆกันไปเลย เนื้อเรื่องในหนังเป็นเรื่องของความรักของคนสองคน ที่เป็นความรักต้องห้ามและไม่เหมาะสม
“ เบียร์หน่อยมั้ย " มันยื่นเบียร์มาให้ ผมรับไป แต่ตาก็ยังจ้องอยู่ที่หน้าจอทีวี มือที่เอาแต่กินขนม ผมกำลังอินกับเรื่องราวตรงหน้าจนลืมไปว่า ตอนนี้ไม่ได้นั่งดูอยู่คนเดียว ฉากที่ตัวละครกำลังมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง จูบดูดดื่มกับเสื้อผ้าที่กำลังถูกปลดลงผมมองเห้นหน้าอกของนักแสดงสาวที่กำลังเข้าถึงอารมณ์ เม็ดเหงื่อที่ไหลออกมา ทั้งของตัวละครและผม ที่เริ่มรู้สึกร่างกายร้อนไปหมด
“ กูง่วงนอนแล้ววะ " คว้ารีโมตมาปิดก่อนจะพูดคำนั้น ผมไม่กล้าหันไปมองโรมที่กำลังตั้งใจดูแล้วกำลังจะแซวผม
“ เขินเหรอวะ "
“ เขินอะไร " ผมถามอีกคนก็ยิ้ม
“ งั้นเรามาลองทำแบบเมื่อก่อนมั้ย " ผมถอยหลังตัวเองออกห่างจากมันตอนที่มันพูดคำนี้ แต่นั่นก็ช้าไป เมื่อมือของมันคว้าเข้าที่ข้อเท้าของผมแล้วดึงให้เข้าไปใกล้
“ ไอ้เชี้ย ไม่เอา ปล่อยกูนะเว้ย " ผมถีบเข้าที่ท้องแต่คงไม่แรง เพราะคนที่เอาแต่หัวเราะก็ไม่ได้หยุดการกระทำใดๆ ลำตัวของโรมยกขึ้นค่อมตัวผมตัวของเราชิดกันมันที่โน้มตัวลงมาใกล้ก็ยิ้ม
“ เหมือนเมื่อก่อนเลย "
แล้วอยู่ๆ คำพูดนั้นก็ทำให้คิดถึงเรื่องของอดีตขึ้นมาได้จริงๆ ใช่เหมือนเมื่อก่อนเลย ตอนที่เราดูหนังฉากแบบนั้น โรมมักกดหยุดแล้วขึ้นมาค่อมตัวผม สุดท้ายแม้จะดิ้นยังไงก็ต้องจบลงที่เราต้องทำแบบนั้นตามในหนังที่เราดู แต่ทว่าตอนนี้.. มันไม่เหมือนกับเมื่อก่อนอีกแล้ว ความสัมพันธ์ของเรา ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
“ เมื่อก่อนกูชอบแกล้งมึงแบบนี้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว " โรมดึงตัวเองขึ้นนั่ง มันถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันมาถามผม " มึงว่าตอนนี้อินจะเป็นยังไงบ้างว่ะ มันจะทำแบบนั้นเหมือนอย่างที่มึงคิดว่ากูจะทำมึงมั้ย "
“ กังวลเรื่องนี้เหรอ " ผมถาม มันก็ยิ้ม
“ ก็ต้องกังวลรึเปล่าวะ มันชอบไฟท์นาดนั้น พอมารู้ว่ามึงเป็นแฟนกับเค้า ใจมันก็เริ่มอยู่ไม่สุข ทั้งๆที่ตอนแรกก็สงบดี กูหมายถึงตอนที่ยังไม่รู้ว่ามึงสองคนคบกัน แต่พอมันรู้ กูรู้สึกเลยว่า มันไม่เหมือนเดิม "
" เค้าไม่เหมือนเดิมยังไงวะ "
" คิดแต่เรื่องของไฟท์แล้ว คิดเรื่องของกูน้อยลงไปมั้ง ก็คนที่เค้ารักกันจริงๆ เค้าจะทิ้งแฟนตัวเองไปอยู่กับคนอื่นโดยที่ไม่แสดงความรู้สึกอะไรได้เหรอวะ ตอนที่มึงต้องมามึงคงรู้สึกแย่ที่ต้องมาใช่มั้ย แต่อินไม่มีความรู้สึกนั้น อินแค่จะไปโดยไม่สนความรู้สึกกูเลยสักนิด แต่ก็อย่างว่าละ กูไม่ใช่คนที่มันเลือก กูก็แค่คนชั่วคราว "
" โรม " ผมรู้สึกสงสารมันตอนที่ได้ยินคำพูดแบบนั้น เพราะโรมไม่ใช่คนที่พูดอะไรที่ทำให้ตัวเองดูอ่อนแอออกมาต่อหน้าคนอื่น ยื่นมือไปลูบหลังมัน สายตาที่หันมามองก่อนยกยิ้มทำให้ผม เลิกคิ้วสงสัย " ทำไม "
“ ปลอบกูทำไม ปลอบใจตัวเองดีกว่ามั้ยมึงน่ะ "
“ ทำไมต้องปลอบ " โรมยิ้มก่อนจะหันมาจ้องหน้าผม " เค้าอาจจะทำอะไรเด็ดๆกันก็ได้ "
“ แล้วพูดแบบนั้น มึงไม่เจ็บรึไง " ผมถาม โรมก็ถอนหายใจ
“ อิน ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาอยู่แล้ว นิสัยอินเป็นแบบนั้น มันไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ หัวดื้อที่สุด แล้วจะยอมรับว่าตัวเองแพ้ก็ต่อเมื่อ มันสุดทางแล้วจริงๆ "
“ แล้วมึง "
“ ตอนนี้กูไม่รู้อะไรทั้งนั้น กูคิดอะไรไม่ออกเลย มึงนั่งอยู่ตรงนี้กูก็ได้คิดเรื่องเก่าๆของเรา ยอมรับว่าคิดถึง แต่มันก็ผ่านมาแล้วแหละ " มือหน้ายกขึ้นลูบแก้มของผม โรมชอบทำแบบนั้นในเวลาที่เราคุยกัน ส่วนผมเองก็ซบลงไปบนมือนั้น มือหนาอุ่นๆของโรม กลิ่นที่ทำให้อุ่นใจตลอดเวลา เวลาเหนื่อยก็มักอ้อนมันแบบนั้น " สำหรับมึง กูได้แค่คุยด้วยกันแบบนี้ กูก็โอเคแล้วแหละ "
“ เคยคิดว่าจะเจ็บปวดกว่านี้นะ "
“ หื้ม อะไร "
“ เคยคิดว่าถ้ามาเจอมึงกูคงเจ็บปวดกว่านี้ คงไม่อยากแม้จะคุย หรือมองหน้า แต่ว่า ก็ผิดจากที่คิด มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น มันดีกว่าที่คิดซะอีก "
“ ก็คงเพราะทั้งมึงทั้งกูไม่ได้คิดอะไรด้วยกันแล้วมั้ง "
“ อย่างงั้นสินะ "
“ ถามอะไรหน่อย "
“ อื้ม " ผมพยักหน้าอีกคนดึงหน้าเข้ามาใกล้ " ไม่ต้องเข้ามาใกล้ขนาดนั้นก็ได้มั้ง "
“ ถ้าเค้าไม่กลับมาจะทำไง "
“ ไม่ทำยังไง ไม่กลับก็ไม่สิ กูก็แค่กลับไปอยู่ในแบบที่เคยอยู่ ก็ใช่ว่าจะไม่เคยอยู่คนเดียวนี่หว่า " สำหรับผมไม่มีความเจ็บไหนทรมานเท่าตอนนั้นอีกแล้ว พอมาคิดทบทวนกลับไปวันนั้นถ้าให้พูดออกไปโรมคงรู้สึกไม่สบายใจแน่ๆ แล้วถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้นจริงๆ ผมคงเจ็บปวดนะ คงมองหน้ามันไม่ติด แต่ว่าเรื่องแบบนั้นถ้าเค้าไม่เลือกผม นั่นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ไม่ใช่เหรอ ก็แค่ต้องยอมรับล่ะนะ
“ แล้วมึงล่ะ ถ้าไม่มีเค้าอยู่ จะเสียใจมั้ย "
“ เรื่องแบบนั้น มันหลีกหนีไม่ได้หรอก ถ้ามันจะเจ็บ ยังไงก็เจ็บอยู่แล้ว "
“ โรม " ผมจับไหล่ของมัน โรมไม่ใช่ผม โรมไม่คบใคร และจริงจังกับใครเพราะแค่เหตุผลง่ายๆ มันมีลูก สำหรับผม มันต้องคิดถึงลูกมากกว่าอย่างอื่น สำหรับหมออินเพราะเข้ากับอลิซได้ดี มันก็คงคิดว่าอยากจะให้เป็นคนสำคัญคนใหม่ในชีวิตมัน คนที่จะทำให้มันเริ่มต้นใหม่
“ เพราะมันก็ไม่เคยบอกว่า เลือกกู เพราะงั้นกูคงโง่เอง ที่หวังว่าการที่เค้าเลือกมาอยู่ด้วยในช่วงขณะนึง เป็นเพราะเค้าเลือกเรา แต่กูก็หลอกตัวเองมาตลอด "
“ แล้วถ้าเค้ากลับมาล่ะ "
“ กลับมาเพราะ ไอ้ไฟท์ไม่เอามันใช่มั้ย " ผมถอนหายใจ อีกคนก็ยกยิ้ม
“ ตอนนั้น บางทีกูอาจจะลืมความรู้สึก ตอนนี้ที่กูกำลังพูดกับมึงก็ได้ อาจจะลืมไปก็ได้ ว่าที่เค้ากลับมาหา เพราะแค่เค้าไม่ถูกเลือกจากอีกคน "
.......................................................
อาจมีคำผิดที่ทำให้น่าหงุดหงิดไปบ้าง ต้องขออภัยนะคะ หนมไม่ได้เช็ค
ในมุมมองของพี่โรมก็เป็นอีกแบบละโน๊ะ

เรื่องนี้ เขียนทอล์คแล้วเจ็บปวดแท้ เพราะงั้น นั่งอ่านคอมเม้นท์ของคนอ่านดีกว่า
สามารถบรรเทาความหน่วงและเจ็บปวดลงได้ด้วย การเม้นท์หรือแท็ก #Choiceต้องเลือก ในทวิตนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคร่าาา
