ก รุ ง เ ท พ...ค ว า ม ท ร ง จ ำ ใ น ฤ ดู ร้ อ น : ตอนจบ (Jul 12, 2014)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ก รุ ง เ ท พ...ค ว า ม ท ร ง จ ำ ใ น ฤ ดู ร้ อ น : ตอนจบ (Jul 12, 2014)  (อ่าน 62785 ครั้ง)

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0




ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2014 14:28:36 โดย Lucea »

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
เรื่องย่อ



ฤดูร้อนปีนี้ ทุกหนทุกแห่งเหมือนถูกสุมอยู่บนเตาเผา และอากาศที่ร้อนเป็นไฟนรกนั้นก็ทำให้ผู้คนหงุดหงิดจนแทบคลั่ง แม้จะไม่แน่ใจว่าที่นี่คือประเทศไทยหรือเตาไมโครเวฟ ทว่าหัวใจใครบางคนกลับฟูฟ่องด้วยความรัก พบกับเรื่องราวน่ารักของผู้ชาย 10 คนที่จะทำให้คุณอมยิ้มไปกับน้ำแข็งไสเย็นฉ่ำข้างถนน คราบชื้นตรงคอเสื้อ รอยแดดเผาที่ข้างแก้ม และท้องฟ้าสีครามของเดือนเมษายน

ความรักครั้งเก่าที่รอวันหวนคืนมาของโปรแกรมเมอร์ฟรีแลนซ์กับอาจารย์ที่ใช้ชีวิตต่างแดนกว่าสิบปี เจ้าหน้าที่สื่อสารการตลาดกับพิธีกรรายการโทรทัศน์...คู่กัดที่ต้องหันมาร่วมมือกันเพื่อให้ผ่านฤดูร้อนอันแสนวิกฤตินี้ให้ได้ นักศึกษามหาวิทยาลัยสองคนกับเรื่องราวเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ช่างซ่อมแอร์ความอดทนต่ำและพนักงานขายที่นอนสุดทึ่มกับสถานะของโจทก์จำเลยที่ต้องกลายมาเป็นเพื่อนบ้านกัน รวมไปถึงมิตรภาพวัยเยาว์ที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนของเด็กอินเดียที่มีกรุงเทพเป็นบ้าน กับเด็กกรุงเทพที่มีดันมีบ้านอยู่เชียงใหม่

ทั้งหมดเกิดขึ้นที่กรุงเทพ ในเดือนเมษายนที่ร้อนที่สุดในรอบ 60 ปี


ภาพปกครับ



รายละเอียดหนังสือและการสั่งจอง








:m31: สารบัญ :m31:


๘ เมษายน
ตอนที่ ๑
ตอนที่ ๒
ตอนที่ ๓
๙ เมษายน
ตอนที่ ๔
ตอนที่ ๕
ตอนที่ ๖
๑๐ เมษายน
ตอนที่ ๗
ตอนที่ ๘
ตอนที่ ๙
๑๑ เมษายน
ตอนที่ ๑๐
ตอนที่ ๑๑
ตอนที่ ๑๒
๑๒ เมษายน
ตอนที่ ๑๓
ตอนที่ ๑๔
ตอนจบ

ในวันที่ร้อนจนจะเป็นบ้า ใครที่ทำให้คุณยิ้มได้?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2014 16:19:26 โดย Lucea »

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
ตอนที่ ๑




อานนท์ปาดเหงื่อที่ไหลซึมอยู่ตรงไรผมออกด้วยความอึดอัด ขณะที่ดวงตายังคงจับจ้องอยู่ที่รายการพยากรณ์อากาศในโทรทัศน์มือก็ทำหน้าที่ส่งช้อนซึ่งตักอาหารจนพูนเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ย เดือนนี้เป็นเดือนเมษายน ร้อนจัดจนเหมือนมีเปลวไฟไหลวนอยู่ในอากาศ อบอ้าวจนแม้แต่การเคี้ยวก้อนน้ำแข็งก็ไม่ทำให้รู้สึกเย็นขึ้นแม้แต่น้อย

โรงอาหารสำหรับพนักงานไม่ได้ติดเครื่องปรับอากาศจนเย็นฉ่ำแบบในส่วนของห้างสรรพสินค้า ที่นั่งก็ไม่สะดวกสบายเท่า กระนั้นก็มีโทรทัศน์สองสามเครื่องเพื่อให้พนักงานผ่อนคลายบ้าง อานนท์เป็นพนักงานขายในแผนกเครื่องนอนซึ่งถือเป็นส่วนเล็ก ๆ ในคอมเพล็กซ์ที่โอ่อ่าของเครือธาดาพิพัฒน์แห่งนี้ แต่นั่นกำลังจะกลายเป็นอดีต เมื่อผู้จัดการฝ่ายขายออกคำสั่งย้ายพนักงานส่วนหนึ่งไปยังแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเร่งด่วน รองรับกำลังซื้อมากมายที่แห่มาจับจองพัดลมและเครื่องปรับอากาศในหน้าร้อนปีนี้ตามแผนส่งเสริมการขาย และอานนท์ก็เป็นหนึ่งในผู้โชคร้ายเหล่านั้น

“ย่างเข้าสู่เดือนเมษายนมาไม่กี่วัน สภาพอากาศบ้านเราก็ร้อนอบอ้าวจนทำลายสถิติปีที่แล้วไปเป็นที่เรียบร้อย โดยในปีนี้หลายจังหวัดมีระดับอุณหภูมิสูงสุดทะลุเกินกว่าสี่สิบองศาเซลเซียสไปแล้ว และบางจังหวัด รวมไปถึงกรุงเทพมหานครนั้นก็เรียกได้ว่าร้อนเป็นประวัติการณ์” เสียงพิธีกรในโทรทัศน์กำลังแจกแจงถึงความน่ากลัวของฤดูร้อนในปีนี้

“ถึงว่าสิ ร้อนจนจะประสาทแล้ว เมื่อเช้านะฉันอาบน้ำเสร็จยังไม่ทันจะเช็ดตัวเสร็จแท้ ๆ เหงื่อออกเสียแล้ว อยากจะบ้าตาย” มาลี...เพื่อนพนักงานขายในแผนกผ้าขนหนูบ่นอุบ ความที่พนักงานขายแต่ละส่วนต้องสลับกันมาพักทานข้าว มาลีซึ่งอยู่แผนกติดกับเขาจึงกลายเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะอาหารอยู่เสมอ

“ก็มันร้อนแบบนี้นั่นสิ ผู้จัดการถึงให้ย้ายไปช่วยขายแอร์ รู้เรื่องกับเขาเสียทีไหน เกิดขายไม่ได้สักเครื่องแล้วเดือนนี้จะเอาอะไรกินนะ” อานนท์บ่นด้วยความเศร้า

ถ้าเลือกได้อานนท์ไม่อยากถูกย้ายแผนกเลย งานขายพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นงานที่ต้องได้รับการอบรมมาก่อน แล้วคนที่ไม่มีความรู้แบบเขาจะปิดการขายอะไรได้ รุ่นไหนดีกว่ารุ่นไหนอานนท์ไม่รู้สักนิด ภาษาอังกฤษก็ได้แค่งู ๆ ปลา ๆ อานนท์เคยเห็นเครื่องปรับอากาศจากที่ทำงานเท่านั้น ห้องพักที่เขาเช่าอยู่ยังเป็นพัดลมอยู่เลย (ห้องพักติดแอร์มันถูกเสียที่ไหน) แล้วพนักงานขายที่กินเงินเดือนกว่าครึ่งจากคอมฯ แบบเขาจะมีชะตากรรมอย่างไร อานนท์ไม่อยากจะคิด ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจ

พิธีกรรายงานอากาศในจอโทรทัศน์ยังคงพูดต่อ “กรมอุตุนิยมวิทยาได้แจ้งเตือนว่าในปีนี้อากาศจะร้อนที่สุดในรอบ 60 ปี หลายจังหวัด รวมถึงกรุงเทพมหานครอาจจะอุณหภูมิสูงถึง 43 - 45 องศาเซลเซียส โดยคาดว่าในปีนี้ วันที่มีอากาศร้อนที่สุด หรือวันที่ดวงอาทิตย์อยู่ตรงศีรษะในประเทศไทยจะตรงกับวันที่ 12 เมษายน จึงขอเตือนให้คุณผู้ชมรักษาสุขภาพให้ดี หลีกเลี่ยงที่จะอยู่กลางแจ้งในเวลาที่แดดจัดเป็นเวลานาน ๆ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และสวมใส่เสื้อผ้าที่เบาสบาย วันนี้เวลาหมดลงแล้ว กลับมาพบกับผม...พงษ์พิพัฒน์และรายการ เช้านี้ที่ประเทศไทย ได้ใหม่ในวันพรุ่งนี้ สวัสดีครับ”

“หล่อเนอะแก ฉันว่าในบรรดานักข่าวทีวีทั้งหมด คนนี้หล่อสุดเลย หน้าตาแบบนี้ไปเป็นดาราเสียดีกว่า”

อานนท์เพ่งมองชายหนุ่มในชุดสูทสีน้ำเงินยกมือสวัสดีแล้วหันมาส่งยิ้มให้กล้อง หน้าตาหล่อเหลาสมกับเธอพูดจริง ๆ หล่อถึงตอนขนาดยกถ้วยกาแฟปรุงสำเร็จยี่ห้อดังขึ้นจิบแบบในตอนนี้ กาแฟที่ว่ารสชาติห่วยแตกนักหนากลับดูน่ากินขึ้นมาทันตาเห็น (อานนท์รู้เพราะมาลีเคยเอาตัวอย่างจากแผนกซูเปอร์ฯ ขึ้นมาให้ชิม)

“อย่ากินเยอะ เดี๋ยวบ่ายนี้แกก็ได้ไปหลับโชว์หรอก” มาลีพูดแล้วเอื้อมมามาดึงช้อนออกจากมือเขา เห็นอีกฝ่ายยังไม่เลิกทำหน้าจ๋อย หญิงสาวก็พูดปลอบใจ “นนท์...แกอย่าคิดมากเลย แกต้องขายได้สักเครื่องสองเครื่องแหละ เชื่อสิ”

“ถ้ามันง่ายแบบนั้นก็ดีสิอ้อย ยังไม่รู้เลยว่าอบรมจะหัวหรือก้อย” อานนท์สั่นหัวแขยง

“ห้วหรือก้อยไม่รู้แต่ไม่หมูแน่นอน เห็นว่าคนอบรมจะเป็นคนชื่อพี่สิงห์ที่อยู่แผนกช่างฯ ใช่ไหม ยายเล็กที่อยู่เครื่องทำน้ำอุ่นเคยบอกว่าคนนี้ผู้จัดการปลื้มนักหนา ข่าวว่าเป็นหัวหน้าช่างที่ดูจะเก๋ายิ่งกว่าฝ่ายอบรมเสียอีก”

“ก็ดีสิ แบบนี้น่าจะง่ายขึ้นมั้ง”

“ง่ายกับผีแกสินนท์ ฟังให้จบก่อน แกคงไม่รู้สินะว่าคนชื่อพี่สิงห์นั่นน่ะ สิงห์เนี่ย...ไม่ใช่ชื่อของเขาจริง ๆ หรอกนะ แต่เป็นชื่อที่ทุกคนตั้งให้เพราะว่าดุอย่างกับเสือกับสิงห์ ลองไปแอบหลับแบบตอนที่อยู่แผนกหรือไม่สนใจสักนิดเถอะ จะได้เห็นเขี้ยวกัน”

“อ้าว...” อานนท์ทำหน้าเหรอหราและกว่าจะได้ซักอะไรต่อ เสียงหนึ่งก็คำรามขึ้นที่ปากทางเข้าโรงอาหาร

“สมเดช ประกิต จเร พจนี วิไลพร สดศรี คเชนทร์อยู่ไหม !”

ชายหนุ่มหน้าคมเข้มยืนจังก้าอยู่กับที่ ไม่สนว่ามีสายตากี่คู่หันไปจ้องมองตนเอง

แม้โรงอาหารจะเต็มไปด้วยเหล่าผู้คนขวักไขว่ ทว่าผู้ชายหน้าดุคนนั้นกลับดูโดดเด่นขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อ ไม่นับกับเสียงตะคอกดุเดือดนั่น แค่ร่างกายที่สูงใหญ่ ชุดเครื่องแบบช่างที่ไม่เหมือนใคร แล้วก็ทรงผมที่เป็นลอนหยิกกระเซิงไม่เหมือนคนอื่นก็เพียงพอแล้วที่ทำให้หัวหน้าช่างซึ่งถูกขนานนามว่า “พี่สิงห์” คนนี้ดูเด่นสะดุดตานัก

“ตกลงอยู่ไหม !” เจ้าของเสียงคำรามเข้มตวาดซ้ำอีกรอบ

นาทีต่อมาอานนท์เห็นพนักงานชายหญิงจำนวนหนึ่งทยอยลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหาคนที่ยืนอยู่ ใบหน้าแต่ละคนเหมือนกันที่ความซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด คนชื่อสิงห์ไม่ได้พูดอะไร และเหมือนจะไม่เสียเวลารอให้คนเหล่านั้นเดินมาถึงด้วยซ้ำ เพราะพูดจบ เจ้าตัวก็หันหลังกลับแล้วเดินออกจากโรงอาหารไป ไม่คิดแม้แต่จะหันมองกลับมา อานนท์เห็นกลุ่มพนักงานเหล่านั้นวิ่งตามไปเป็นแถวด้วยอาการหวาดกลัว

“เป็นไง? คนนั้นแหละที่จะอบรมแกบ่ายนี้” มาลีพูดพร้อมกับเขี่ยผัดผักในจานไปมา หมดความอยากอาหารขึ้นมาเอาเสียดื้อ ๆ “นนท์เอ๊ย...หน้าร้อนปีนี้ได้ร้อนเหมือนตกนรกแน่”

อานนท์มองชุดช่างสีน้ำเงินที่ค่อย ๆ หายไปจากสายตา ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอกลืนน้ำลายไปแล้วกี่อึก







ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิคับคั่งไปด้วยผู้คน นภมองทุกอย่างรอบ ๆ ตัวคล้ายกับว่าทุกสิ่งที่นี่เป็นของแปลกตา หลังจากไปศึกษาต่อด้านปริญญาโทภาษาที่ประเทศเยอรมันแล้วตัดสินใจสมัครรับทุนศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก ควบคู่ไปกับการทำงานเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเล็ก ๆ ที่นั่น เรื่องที่จะกลับมาเหยียบผืนแผ่นดินเกิดอีกครั้งนั้นไม่ได้อยู่ในความคิดของอาจารย์หนุ่มเลย หากแม้ฮานส์...เพื่อนอาจารย์ในภาคเอเชียศึกษาที่เขาประจำอยู่ไม่รบเร้าวันละหลาย ๆ ครั้งให้พามาเที่ยวเทศกาลสงกรานต์อันเลื่องชื่อข้ามโพ้นทะเลไปถึงที่นั่น นภคงได้แต่เห็นกรุงเทพจากภาพในอินเตอร์เน็ตเท่านั้น

“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มผมทองยิ้มแฉ่ง ทักทายกับพนักงานประจำพื้นดินของท่าอากาศยานอย่างคนร้อนวิชา ซุ่มอุตส่าห์ฝึกออกเสียงวันละคำจากแผ่นซีดีฝึกหัดภาษาที่ขายตามร้านหนังสือจนได้ภาษาไทยระดับเด็กประถมมาเพื่อใช้เที่ยวในทริปในฝัน เห็นแบบนี้แล้วเขาก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร

ฮานส์จะรู้ไหมว่านภในตอนนี้ก็ไม่แตกต่างกับนักท่องเที่ยวต่างชาติคนหนึ่ง ไม่รู้จักถนนหนทาง ไม่รู้ว่าจะเที่ยวที่ไหน เดินทางอย่างไร สิ่งที่เหนือกว่าฝรั่งผมทองอย่างฮานส์คงมีเพียงเรื่องเดียวคือเขาพูดและฟังภาษาไทยได้

อาจารย์หนุ่มที่เขาเพิ่งรู้จักได้ไม่ถึงปีดีนักยืนส่งสายตาเหมือนตั้งคำถามว่าจะเอาอย่างไรต่อ ซึ่งนภเองก็จนปัญญาเหลือเกิน อันที่จริงแล้วเขาพอจะรู้จักเพื่อนชาวไทยบ้าง ถ้าทุกอย่างไม่กะทันหันอย่างนี้นภคงมีเวลาส่งอีเมลมาไหว้วานให้สหายเหล่านั้นช่วยแนะนำเรื่องต่าง ๆ ประเภทที่พัก อาหารการกินได้บ้าง แต่ตัวการทั้งหมดคงหนีไม่พ้นชายหนุ่มร่างสูงเกือบ 190 เซนติเมตรที่กำลังยืนยิ้มเผล่ไม่รู้เรื่องราวอยู่ในตอนนี้

ชะเง้อมองอยู่สักพักจนตัดสินใจได้ นภก็เอ่ยเป็นภาษาเยอรมัน “Wir nehmen ein Taxi zum Hotel.”

ฮานส์ยกมือขึ้นทำเครื่องหมายกากบาททันที “เท่านั้นภาษาไทยครับ”

เสียงดังฟังชัดจนนภอดอมยิ้มไม่ได้ ไวยากรณ์ที่ผิดเพี้ยนเป็นปัญหาพื้นฐานของคนที่ฝึกภาษาใหม่ ๆ และนภก็มองว่ามันเรื่องน่าชื่นชมมากกว่าอะไรที่น่าอาย “ต้องพูดว่า...ภาษาไทยเท่านั้นครับ” เขาแก้ให้ใหม่

ฮานส์ทำหน้าเหรอหราก่อนจะหยิบสมุดขึ้นมาจดเป็นภาษาคาราโอเกะ นภรอให้เพื่อนตัวสูงโย่งจดยุกยิกให้เสร็จก่อนจึงเอ่ยปากอีกครั้ง “เร็วเถอะ เราจะไปโรงแรมด้วยแท็กซี่กัน”

ทุกอย่างของกรุงเทพเปลี่ยนไปจากภาพในความทรงจำของอาจารย์หนุ่มอย่างสิ้นเชิง มีรถไฟฟ้าจากสนามบินมุ่งเข้าสู่ใจกลางเมือง แต่คนที่ไม่รู้ว่าตนเองจะไปที่ไหนแบบเขา สู้บอกแท็กซี่ให้พาไปหาโรงแรมสำหรับนักท่องเที่ยวที่พอใช้สักแห่งดูจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า นอกจากความทันสมัยที่เปลี่ยนไปจากภาพในอดีตแล้ว อะไร ๆ ก็ดูจะเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ผู้คนที่ดูจะเยอะขึ้นจนผิดตา รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน อาคารรูปทรงทันสมัย ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่จำนวนมากมาย ถนนที่รถติดจนน่ากลัว หรือป้ายโฆษณาริมทางที่แน่นขนัดจนคล้ายฮ่องกงไปทุกที เพียงสิ่งเดียวที่ดูจะไม่ต่างจากความคุ้นเคยในสิบปีก่อนของนภเลยก็คืออากาศที่ร้อนจัดในเดือนเมษายน

นภซื้อซิมโทรศัพท์แบบเติมเงินมาสองเลขหมายก่อนขึ้นแท็กซี่ เบอร์แรกสำหรับฮานส์และอีกเบอร์สำหรับเขาเอง หลังจากเปลี่ยนมันแล้วชั่งใจอยู่สักพัก สิ่งแรกที่นภทำคือส่งข้อความไปหาทิวัตถ์ นั่นเป็นตัวเลือกเดียวที่เขามี แม้ว่ามันจะเป็นอันตรายต่อความรู้สึกตนเองก็ตาม

“พาเพื่อนมาเที่ยวสงกรานต์ที่กรุงเทพ ตอนนี้งงไปหมด ว่าจะถามข้อมูลทิมสักหน่อย”

ทิวัตถ์...หรือจะให้เรียกแบบที่เขาติดปากก็คือทิม ผู้ชายคนนั้นคือคนในความทรงจำของเขา ในตอนนั้นที่นภเพิ่งเดินทางมาถึงเยอรมันไม่นาน ทิมก็ย้ายเข้ามาพักร่วมกับเขาและพี่คนไทยอีกคน ช่วงนั้นเขาสนิทกับทิมมาก อาจเพราะต้องเป็นครูสอนภาษาเยอรมันให้ด้วยยังไม่คล่อง ประกอบกับพี่คนไทยอีกคนที่เรียนหมอก็ใช้เวลาอยู่ในแล็บเสียมากกว่าในอพาร์ตเมนต์ ความใกล้ชิดจึงค่อย ๆ พัฒนาขึ้นทีละน้อยจนเป็นความชอบ แล้วมันก็พัฒนามาเป็นความรักในเวลาไม่นานนัก นภแอบเก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจเพราะรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ กระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะฝันเฟื่องไปวัน ๆ ว่ามันอาจจะ...น่าจะเป็นไปได้

ทิมรู้ความจริงหลังจากนั้นไม่กี่เดือน แล้วทั้งหมดที่สร้างมาก็กลายเป็นปราสาททรายที่ถูกน้ำซัดจนเหลือเพียงความว่างเปล่า ไม่พูด ไม่มองหน้ากัน ไม่เหลือความสนิทสนม ไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อน โดยปกติแล้วนภเป็นคนไม่ท้อถอยกับปัญหา แต่มีเพียงไม่กี่เรื่องที่นภต้องยอมแพ้แล้วหลบหนีจากโลกแห่งความจริงซึ่งเต็มไปด้วยบาดแผล มันเจ็บปวด และความเจ็บปวดคราวนั้นก็รุนแรงมาก มากพอที่จะทำให้เขาตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ที่เยอรมันถาวร นภย้ายจากเบอร์ลินไปแฟรงเฟิร์ต และไม่กี่ปีต่อมาพ่อและแม่ก็ย้ายจากไทยไปตั้งรกรากอยู่ด้วยกันที่นั่นด้วยกัน

ห่างกันจนลืมไปแล้ว แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็เล่นตลกกับนภ เขาเจอทิมโดยบังเอิญจากการไปทำงานที่ตุรกี นภรู้สึกดีใจมากที่ได้พบกับทิมอีกครั้ง แต่แล้วฉับพลันก็รู้สึกเหมือนโลกอันสว่างไสวหยุดหมุนเอาเสียดื้อ ๆ การพบกันในครั้งนี้ทำให้นภรู้ว่าทิมมีคนรักแล้ว หมายถึงคนรักแบบที่คิดจะอยู่กินจริงจังและคน ๆ นั้น...เป็นผู้ชาย

ใช่...เป็นผู้ชายเหมือนกับนภ แต่นภไม่ใช่คนที่ถูกเลือก

ที่ผ่านมา นภไม่ได้คิดอะไรกับทิมแล้ว แต่พอได้รู้ข่าวก็อดจะรู้สึกบางอย่างขึ้นมาไม่ได้ และแม้คิดว่ากลบฝังความทรงจำทุกอย่างไว้ที่ตุรกีเมื่อปีที่แล้ว แต่วันนี้เขากลับเป็นคนทิ้งความตั้งใจนั้นเสียเอง กลับมาที่นี่...และกลับไปติดต่อกับทิมอีกครั้ง

นภมองออกไปนอกหน้าต่างรถยนต์ ดูผู้คนที่เดินขวักไขว่ริมถนน คนไทยเหมือนคนแปลกหน้า และนภก็รู้สึกว่าตนเองเป็นคนแปลกถิ่น กรุงเทพไม่ใช่ที่ของเขา  แฟรงเฟิร์ตต่างหากที่เป็นบ้าน ลำพังแค่ตัวนภคนเดียวคงไม่เป็นไร แต่เขาแบกความหวังของฮานส์มาด้วยเต็มกระเป๋า ทิฐิที่มีกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อนภไม่มีทางเลือกอื่น แม้จะต้องสวมหน้ากากใส่กัน แต่อย่างน้อย ทิมก็น่าจะพอแนะนำอะไรเกี่ยวกับกรุงเทพในตอนนี้ให้กับเขาได้บ้าง

หลายนาทีหลังจากส่งข้อความไปทางไลน์ แต่ปลายทางก็ยังคงเงียบ นภจึงพยายามไล่หาเบอร์ติดต่อคนรู้จักอื่น ๆ ที่เก็บไว้ในเครื่อง ค่อย ๆ โทร ค่อย ๆ ส่งออกไปหาทีละรายชื่อแล้วลุ้นว่าจะติดต่อได้ไหม ซึ่งโดยมากไม่ต้องเสียเวลาลุ้นให้เมื่อยด้วยหมายเลขเหล่านั้นถูกบอกยกเลิกไปแล้ว

“ร้อนจริง ๆ กรุงเทพร้อนมาก” ฮานส์บ่น เนื้อตัวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ คนตาน้ำข้าวเอาแต่กระพือคอเสื้อดังพรึ่บพรั่บจนโชเฟอร์ที่บังคับพวงมาลัยอยู่เร่งเครื่องปรับอากาศให้แรงขึ้นอีก

“Ich dir schon gesagt. ก็เตือนแล้ว” นภเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์มือถือแล้วหัวเราะ ไม่แปลกเลยสำหรับฮานส์ที่จะออกอาการแบบนั้น ก่อนขึ้นเครื่องบิน อุณหภูมิที่แฟรงค์เฟิร์ตอยู่ราวสิบองศาฯ หรือแม้แต่ฤดูร้อนที่ร้อนที่สุดก็ไม่เกินยี่สิบองศา ซึ่งเทียบกับอากาศที่กรุงเทพในตอนนี้แล้ว นภไม่อาจคะเนได้จริง ๆ ว่ามันตรงกันข้ามกันขนาดไหน กรุงเทพ...อาจจะประมาณ 30 องศาฯ ได้กระมัง

“พี่ครับ ตอนนี้ที่นี่มันกี่องศาฯ น่ะ”

“วันนี้คงประมาณ 40 องศาฯ ได้”

“ร้อนอะไรขนาดนั้น” นภอุทานอย่างไม่เชื่อหู แต่เมื่อกวาดตาออกไปมองนอกบานกระจกก็เห็นไอระอุขึ้นมาจากพื้นถนนมากมาย และเมื่อจินตนาการถึงภาพที่เขาพาเพื่อนฝรั่งผมทองคนนี้ออกไปเล่นน้ำประแป้งสู้กับแดดและฝูงคนมากมายในอนาคตอันใกล้แล้วก็ยิ่งเครียด ลำพังเขาคงใช้เวลาปรับตัวไม่เท่าไร แต่อีกคนนี่สิ

นภวางโทรศัพท์ลงบนตัก ถึงตอนนี้ชายหนุ่มได้แต่ถอนใจหมดแรง เสียงบ่นของคนข้างตัวสลับเป็นภาษาไทยบ้างเยอรมันบ้างจนหมดอารมณ์จะติดต่อใครอีกแล้ว ส่วนฮานส์...ตัวต้นเรื่องก็ยังบ่นร้อนไม่เลิก และนภคิดว่าคงจะบ่นแบบนี้ไปตลอดทริป

“เห็นพยากรณ์อากาศบอกว่าปีนี้จะร้อนสุดในรอบ 60 ปี ช่วงสงกรานต์จะหนักสุด น่าจะประมาณ 43 - 45 องศาฯ เลยเชียว” โชเฟอร์ร่างท้วมพูดขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปเปรับช่องแอร์ให้ตรงไปที่ชายหนุ่มผมทอง ฟังแล้วนภได้แต่ยิ้มแห้ง

“เขาพูดอะไรครับนภ ช้า ๆ” ฮานส์สะกิดถาม คะยั้นคะยอให้อธิบายด้วยยังไม่เข้าใจภาษาไทยนัก

นภได้แต่ยิ้มสู้ รู้แล้วว่าการกลับมากรุงเทพ (โดยไม่มีแผนการมาก่อน) ในครั้งนี้เป็นเรื่องน่ากลัวเหลือเกิน






(ยังมีต่อครับ)

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
(ต่อครับ)




พิธานหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกจากชั้นแล้วเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะไม้เล็ก ๆ ตรงมุมห้อง ห้องสมุดเป็นพื้นที่พิเศษสำหรับเขาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่อากาศร้อนจัดแบบนี้ ใบหน้าเล็กกะทัดรัดฟุบลงบนโต๊ะเก่า ๆ หากแต่ดวงตากลับย้อนไปจ้องเพื่อนนักศึกษาคนหนึ่งที่กำลังนั่งหยอกล้อกับหญิงสาวหน้าตาน่ารักอีกคน

อริยะเป็นเพื่อนสนิทเขา ทุกครั้งที่เอ่ยขานชื่อเล่นจะพ่วงคำขยายนำหน้าชื่อเป็น “ไอ้อาร์ม” ซึ่งน่าจะบ่งวัดปริมาณความซี้ได้เป็นอย่างดี ตัวติดเป็นปาท่องโก๋จนใครก็แซวว่าเขาและมันว่าเป็นคู่เกย์ผลัดกันเป่าขลุ่ยเช้าเย็น เล่นเอาพิธานถึงกับวางตัวไม่ถูก ผิดกับ (ไอ้) อาร์มที่ดูเหมือนจะเห็นเป็นเรื่องสนุก

แน่ละ ก็ของจริงอยู่ตรงหน้าขนาดนั้น

พูดถึงระริน...ผู้หญิงผิวขาวหน้าตาน่ารักคนนั้น หลังจากที่สนิทสนมกับอาร์มมากขึ้น จากที่ไม่เคยคุยกันนักเธอก็เริ่มพูดคุยกับเขาบ้าง แต่ก็เป็นเพียงแค่การพูดคุยเพียงผิวเผินอย่างเพื่อนทั่วไป “สวัสดีค่ะหนึ่ง” เธอมักจะเอ่ยทักเขาด้วยรอยยิ้มน่ารัก แล้วส่วนมากมันก็จะจบลงเพียงประโยคทักทายสั้น ๆ แค่นั้น และเมื่อเขาพยายามชวนคุยตอบ รินก็เอาแต่ยิ้มรับเป็นส่วนใหญ่ นานทีจะมีคำตอบอือออสักครั้ง แต่ส่วนมากก็แค่นั่งเงียบ ๆ พอบ่อยเข้า ความพยายามของเขาก็หมดลงไปเอง

ทุกสิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่อาร์มคิด ระรินไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับเพื่อนแบบเขาเป็นพิเศษ หัวสมองของหนึ่งไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องสนิทหรือไม่สนิทเหล่านี้นัก แล้วก็ไม่เคยนึกอยากฝืนตัวเองไปตีซี้อะไรกับระรินแบบนั้นด้วย เด็กหนุ่มหลับตาลง สูดกลิ่นไม้ที่ยังให้ความรู้สึกขลังแบบที่โต๊ะหนังสือในห้องสมุดทุกตัวเป็น เขาชอบอ่านหนังสือมันก็ใช่ แต่พักหลังพิธานกลับไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่ที่ตัวหนังสือเลย เป็นแบบนั้นซ้ำซาก บ่อยจนหงุดหงิด ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังอ่านอะไรแล้วพอรู้สึกตัวอีกที ตาของเขาก็มาลงเอยอยู่ที่อาร์มทุกครั้ง หรือเพราะคนที่สนิท ๆ กันมันก็เป็นแบบนี้ เอะอะก็คอยมองหาอะไรที่คุ้นตาไว้ก่อน

น้ำหนักที่กดลงบนหัวไหล่อย่างฉับพลันทำให้พิธานสะดุ้ง อารามตกใจไพล่นึกอยากจะโวยวายขึ้นมา หากแต่เมื่อได้กลิ่นน้ำหอมคุ้นจมูก ดวงตาเรียวก็เปลี่ยนเป็นปรือขึ้นอย่างไม่รีบร้อน...พร้อมกับริมฝีปากที่ค่อย ๆ โค้งตัวขึ้นจนกลายเป็นครึ่งวงกลม “อะไรของมึง...ไอ้อาร์ม”

อริยะหัวเราะเสียงเบา ๆ ในลำคอ เขายกมือขึ้นขยับขาแว่นที่ข้างหูให้กระชับขึ้นแล้วพริ้มดวงตาลง วางศีรษะลงบนหัวไหล่เพื่อนสนิทอย่างวิสาสะ “แอบมาหลับอยู่นี่เอง”

“อืม...พักสายตาบ้างน่ะ ร้อนจนมึน แถวนี้ก็คนน้อยดี”

อาร์มหลิ่วตาเล็กน้อย เด็กหนุ่มถอนหายใจหน่ายก่อนจะตะแคงตัวเบียด ยกมือข้างซ้ายขึ้นโอบบ่าเขาแล้วเอนตัวลงมานอนหมอบอยู่ข้างกัน “แล้วนี่อ่านอะไรวะหนึ่ง”

พิธานลืมไปแล้วว่าตัวเองหยิบหนังสืออะไรมาเป็นข้ออ้างในการใช้ห้องสมุดระหว่างหนีมาหลบตรงนี้ ได้แต่อ้ำอึ้งนึกไม่ออก ลงท้ายก็บ่นหงุดหงิดออกมาแทน “เซ้าซี้น่า”

คำบ่นของหนึ่งไม่เคยมีผลใด ๆ กับอีกฝ่ายอยู่แล้ว เมื่อความสงสัยไม่ได้รับคำตอบ อริยะก็เอื้อมมืออีกข้างไปพลิกหน้าปกของหนังสือขึ้นดูเอง แต่พอเห็นว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ก็ทำหน้าแหยแล้วถอยกลับไปนอนฟุบอยู่แบบเดิม

พิธานนึกอยากจะพูดว่าสมใจไหม แต่ที่แสดงออกมามีเพียงเสียงหัวเราะจนถูกดุจากสายตาคนรอบข้าง เด็กหนุ่มรีบเบือนออกไปมองนอกหน้าต่าง ไอแดดร้อนจ้าจนต้องหรี่ตา “ปีนี้ร้อนจริง”

“กินไอติมกันไหม” อาร์มเสนอ

“พารินไปเถอะ เอาเพื่อนไปเป็น ก. ข. ค. ทำไมเล่า”

“ก. ข. ค. บ้าอะไร บ้าจี้ตามพวกนั้นไปได้” อริยะหัวเราะขำ มือซ้ายที่โอบอยู่บนบ่าลดลงมาโอบที่เอว “หนึ่งชอบกินไอติมไม่ใช่เหรอ หน้าร้อนปีที่แล้วยังนั่งจ้วงกันเป็นควอร์ตอยู่เลย”

“มันเหมือนปีที่แล้วที่ไหนเล่า” หนึ่งถอนหายใจเหนื่อย ขืนไปสิ ดีไม่ดีจะโดนรินเขม่นเอาให้

แต่เพื่อนคู่หูยังไม่เลิกรบเร้า อริยะยกมืออีกข้างขึ้นมา เปลี่ยนจากโอบเป็นกอดจากด้านข้างเต็ม ๆ ตัว “ไปเห้อออ...”

“ไอ้อาร์ม...ปล่อยมือน่า”

อาร์มส่ายหัวปฏิเสธหน้าระรื่น ลอยหน้าลอยตาขมุบขมิบปาก...จ้างก็ไม่ปล่อย

“เดี๋ยวรินเห็นจะหัวเราะให้”

“อีกนานกว่าจะกลับ ไปคุยกับเพื่อนอยู่โต๊ะตรงโน้นนน...โน่น” อริยะลากเสียงยาว กอดแน่นกว่าเดิม “ซีเรียสอะไรวะ รินไม่คิดมากเรื่องพวกนี้หรอก”

“อึดอัดน่าไอ้อาร์ม ยิ่งร้อน ๆ อยู่”

“วอลล์ สเวนเซ่นส์ ไอเบอร์รี่ บาสกิ้น ฮาเก้น-ดาซส์ ไผ่ทอง หรือจะเอาร้านไหน” อาร์มนับไล่นิ้ว

คนฟังส่ายหัวยิก ปฏิเสธลูกเดียว จนสักพักปลายนิ้วชี้ของคนถามก็เปลี่ยนมาจิ้มลงที่แก้มของหนึ่ง เด็กหนุ่มร่างกะทัดรัดสะดุ้ง กระถดตัวถอยห่าง เว้นระยะออกมามองคนตรงหน้า

ในระยะห่างเพียงคืบ อริยะกำลังเพ่งมองมาที่เขา คิ้วเข้มขมวดจนยุ่งอยู่เหนือกรอบแว่นตาเหมือนไม่เข้าใจอีกฝ่ายว่าจะเล่นตัวไปทำไม “งั้นไอติมกะทิหน้าคณะแล้วกัน ร้อนจะตาย ร้อนจนหน้ามึงแดงแล้วเนี่ย”







ดนัยกอบเอกสารมากมายขึ้นมาถือเต็มสองมือ ไม่ลืมที่จะตรวจทานให้เรียบร้อยไม่ให้ขาดตกอะไรไป ฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาท้าทายความสามารถสำหรับนักการตลาดบริษัทน้ำอัดลมทุกยี่ห้อ โดยเฉพาะเดือนเมษายนที่ยอดขายจะพุ่งขึ้นสูงที่สุดในรอบปี...ซึ่งนั่นอาจจะมากกว่ายอดขายทั้งไตรมาสแรกของปีรวมกันเป็นเท่าตัว

โปรแกรมกระตุ้นยอดขายถูกวางแผนมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขชนิดสัปดาห์ต่อสัปดาห์หลังจากประเมินแนวโน้มของบริษัทคู่แข่ง เขาทำงานเฉลี่ยวันละ 14 ชั่วโมงในช่วงเวลาคาบเกี่ยวอย่างนี้ ตรวจแบบอาร์ตเวิร์ก ดูถ่ายหนังโฆษณา กระทุ้งการทำงานของเอเจนซี่ต่าง ๆ ให้คลอดงานออกมาได้ทันตามแผน ขณะที่ตนเองก็ต้องจัดสรรงบประมาณทั้งหมดของฝ่ายพัฒนาภาพลักษณ์องค์กร ประสานงานกับฝ่ายการตลาด ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และสายงานจัดส่งให้ลงตัว รวมถึงดูแลควบคุมการ tie-in ผลิตภัณฑ์กับรายการต่าง ๆ อย่างนี้ด้วย

“คุณจ๊อดได้ลองคุยกับทางฝ่ายครีเอทีฟหรือยังครับว่าทางเราพอจะ tie-in เข้ารายการในรูปแบบไหนได้บ้าง” ดนัยวางเอกสารทั้งหมดลงบนโต๊ะ ส่วนหนึ่งเป็นหนังสือสัญญาโฆษณา อีกส่วนเป็นงานทำตัวเลขจัดสรรงบประมาณประจำไตรมาส และส่วนที่เหลือคือตัวอย่างงานโฆษณาสิ่งพิมพ์ประเภทต่าง ๆ ที่ติดมือมาตรวจระหว่างดูการถ่ายทำรายการ

เห็นอีกฝ่ายซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ของรายการยังคงวุ่นวายอยู่กับการประสานงานส่วนต่าง ๆ คนไม่มีเวลาอย่างดนัยจึงเสนอทางเลือกอื่นให้ “หรือให้ผมลองคุยกับฝ่ายครีเอทีฟโดยตรงดูก่อนก็ได้นะครับ จะได้สื่อสารกันง่า...”

“วันนี้ฉุกละหุกนิดหน่อย ต้องรบกวนคุณนัทด้วยนะครับ” ดนัยยังไม่ทันพูดจบ อีกฝ่ายก็ตอบรับข้อเสนอเขา ซ้ำยังลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไปทันที ทิ้งชายหนุ่มให้นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยความมึนงง

ราวสิบนาที หญิงสาวผมฟูเป็นลอนก็ปรากฏตัวตรงหน้าพร้อมกล่าวทักทาย ดนัยปิดแฟ้มที่เต็มไปด้วยตัวอย่างชิ้นงานโฆษณาแล้วยกมือขึ้นรับไหว้

“ดาน่าค่ะ ครีเอทีฟเช้านี้ที่ประเทศไทย” เธอทักทายด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ดวงตากลมรับกับกรอบแว่นลายกระบนหน้า “ต้องขอโทษด้วยนะคะ รบกวนคุณนัทให้รอตั้งนาน พอดีวุ่นนิดหน่อยค่ะ วันนี้มีอัดส่วนที่เป็นเทป”

ดนัยพนักหน้ารับ เข้าใจดีว่ากระบวนการผลิตของรายการทางโทรทัศน์ยุ่งยากแค่ไหน อะไรที่เตรียมไว้มักจะไม่ได้ใช้ และอะไรที่ไม่ได้เตรียมมาก่อนมักจะดีกว่าเสียทุกที แทบจะเรียกได้ว่าเผาเอาใหม่ ๆ หน้างานตลอด ไม่เว้นแม้จะเป็นรายการแห้ง อัดเทปไว้ออนแอร์สลับช่วงกับส่วนที่ถ่ายทอดสดก็ตาม

“คือไจแอนท์โคลาของคุณนัทเนี่ย ดาน่าคุยกับฝ่ายเซลแล้วเห็นว่าจะเริ่ม tie-in วันมะรืนนี้เลย คุณนัทมีคอนเซ็ปต์ในใจหรือยังคะ”

“นอกจากขึ้นโลโก้กับวางน้ำอัดลมบนโต๊ะแล้ว ให้แขกรับเชิญเล่นกับสินค้าได้บ้างไหมครับ”

หญิงสาวถอยหลังกลับ ผมที่ดัดฟูทำให้แรงไหวหน้าเพียงเล็กน้อยสั่นสะเทือนเกินจริง “คงยากค่ะคุณนัท แขกรับเชิญบางคนจ่ายหนักเขาก็ไม่รับค่ะ ติดสัญญาเจ้าอื่นอยู่ แตะไม่ได้ พูดถึงไม่ได้ หมูเห็ดเป็ดไก่น่ะค่ะ แต่คือทางเราก็จะช่วยที่สุดนะคะ อยากให้ลูกค้าพอใจ คุณนัทเข้าใจดาน่านะ”

“ผมทำอะไรได้บ้างครับ”

“อืม...ถ้าเล่นกับพิธีกรโอเคไหมคะ ดาน่าว่าก็แปลกใหม่น่าสนใจดีนะ ลูบคลำขยำเขย่าได้หมดทุกอย่าง ไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ” หญิงสาวเสนอ

ไม่มีปัญหาน่ะใช่ แต่ความแปลกใหม่นี่ยังห่างไกล ดนัยครุ่นคิด ต่อรองกับครีเอทีฟหัวหมอนี่ไม่ง่ายเลย “มีแบบอื่นอีกไหมครับ”

“มีแน่นอนค่ะ”

“อะไรบ้างครับ”

“ตอนนี้มีเท่านี้ค่ะ” หญิงสาวตอบกลับอย่างทันควัน

“โอ้...” ชายหนุ่มถึงกับร้อง โปรแกรม tie-in จะเริ่มในอีกไม่กี่วัน นั่นคือเวลาที่ออกอากาศจริง แต่ถ้าหมายถึงเวลาที่ใช้ในการทำงานเท่ากับว่าเขาถูกมัดมือชกให้เลือกคำตอบ...จากตัวเลือกเดียว ดนัยถอนหายใจเหนื่อย เดิมทีเดียวชายหนุ่มก็ไม่คิดว่ารายการประเภทคุยข่าวตรงกับกลุ่มเป้าหมายหลักที่มองไว้แต่ต้นอยู่แล้ว หากไม่ใช่เพราะคำสั่งตรงจากเบื้องบนด้วยเจ้าของรายการกับเจ้าของบริษัทซี้ย่ำปึ๊กกัน หัวเด็ดตีนขาดดนัยก็ไม่คิดจะ เอาทั้งงบที่มีจำกัดและเวลา (ที่มีจำกัดเสียยิ่งกว่า) มาลงกับรายการเช้านี้ที่ประเทศไทยอย่างแน่นอน

เห็นลูกค้าหนุ่มนั่งเงียบ ครีเอทีฟสาวก็เอ่ยสรรพคุณต่อ “คุณตรีตอนนี้กำลังมาเลยค่ะ ไอจีก็มีคนตามหลักแสนแล้ว แกน่ารักค่ะ จบนอกหมาด ๆ ทำงานง่าย ๆ แบบฝรั่ง โอเคเลยนะคะ ที่สำคัญ...สาว ๆ กริ๊ดค่ะ อัดสดเมื่อไร ป้ายไฟพรึ่บเต็มสตูฯ คอนเฟิร์มว่าคุณตรีแกหน้าตาหล่อจริง ๆ ค่ะ หล่อมาก...”

หญิงสาวลากเสียงยาวทำหน้าชวนฝัน กระนั้นก็ไม่วายจะหันกลับมาโปรยยาหอมกับชายหนุ่มที่ฟังอยู่ “หล่อคนละแบบกับคุณนัทค่ะ คุณนัทจะดูหล่อเท่ ๆ แต่คุณตรีจะดูหล่อน่ารัก ๆ หน่อยค่ะ”

ดนัยถอนหายใจ ลองถ้าจะโฆษณาสรรพคุณขนาดนี้ เห็นทีต่อให้ยืนกรานไม่เอา หล่อนก็คงสรรหาเหตุผลอื่นมาแย้งให้ปวดหัวไม่จบ ถึงอย่างไรตัวเลือกเขาก็มีแค่นี้แต่แรกอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?

“แล้วคุณตรีนี่คือใครครับ ผมไม่ค่อยรู้จักคนวงการบันเทิง”

“พงษ์พิพัฒน์ค่ะ ตรี พงษ์พิพัฒน์ น่าจะรุ่นคุณนัทนี่แหละค่ะ ยี่สิบกว่า ๆ”

“ถ้าผมจะขอคุยกับเขาสักหน่อยจะได้ไหมครับ”

“ได้แน่นอนค่ะ” หญิงสาวรับคำเสียงหวาน ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงที่แผ่วลง “ได้แน่ ๆ ...แต่ไม่ใช่วันนี้นะคะ”

ดนัยมองตาขวาง คิ้วเข้มยกขึ้นขมวดเป็นเครื่องหมายคำถาม

“อย่ามองดาน่าแบบนั้นสิคะ พอดีวันนี้น้องตรีกำลังอัดรายการอยู่ น่าจะเลิกค่ำเลย ถ้าให้รอก็จะเสียเวลา เกรงใจคุณนัทเปล่า ๆ เดี๋ยวดาน่านัดให้ดีกว่าค่ะ เสร็จแล้วไลน์ไปแจ้งคุณนัท”

“แบบนั้นก็ได้ครับ” ชายหนุ่มตอบแล้วหอบกองเอกสารลุกขึ้นยืน “ผมขอตัวก่อนนะครับ แล้วพบกันครับคุณดาน่า”

หญิงสาวส่งยิ้มหวานพลางลอบถอนหายใจโล่งที่ปิดงานได้สำเร็จ เธอเดินไปส่งเขา ชวนคุยสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อยกระทั่งถึงหน้าประตูสตูดิโอก็ช่วยเขาดันประตูเปิดออก แต่ภายนอกกับภายในอาคารนั้นราวกับคนละโลก เมื่อร่างกายปะทะกับไอร้อน หญิงสาวก็แทบจะถอยหลังกลับไปตั้งหลักทันที แสงแดดที่ร้อนจัดก็ทำให้ดนัยต้องหรี่เปลือกตาสักพักกว่าจะปรับสายตาให้คุ้นชินได้เช่นเดียวกัน

“ปีนี้ร้อนมาก ๆ เลยนะครับ”

“ร้อนค่ะ ต้องดื่มไจแอนท์โคลา ชื่นใจ” หญิงสาวเอ่ยตาหยีเหมือนพร้อมแล้วที่จะละลายไปกับแสงแดดตอนเที่ยง “แต่ดาน่าว่าซัมเมอร์นี้จะต้องเป็นฮ็อตซัมเมอร์ สนุกแน่นอนค่ะคุณนัท”

ดนัยเพียงยิ้มแสยะที่มุมปาก คิดในใจว่าหากเป็นจริงได้สักเสี้ยวอย่างที่เธอพูดก็คงจะดี

“เดี๋ยวคอนเฟิร์มน้องตรีแล้วจะไลน์ไปหาคุณนัทนะคะ” ครีเอทีฟสาวโบกมือลาหย็อย ๆ

“ครับ ผมจะรอ”

เขาตอบ ก้าวขายาว ๆ ไปขึ้นรถ แล้วขับออกจากสตูดิโอไป








สวัสดีครับ เปิดเรื่องใหม่ด้วยอารมณ์ชั่ววูบจริง ถือว่าเป็นโปรเจ็กต์พิเศษสำหรับซัมเมอร์ก็แล้วกันนะครับ
มันร้อนจนหงุดหงิดจนอารมณ์เสีย โอ้ย...คือมันจะร้อนอะไรขนาดนี้ นั่งเฉยๆ ยังรู้สึกโมโหขึ้นมาเลย ฮ่าๆ
และด้วยความที่ไม่รู้จะไปบ่นระบายความร้อนที่ไหน เลยเอามาลงกับนิยายให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
ความตั้งใจคืออยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องอ่านสบายๆ สำหรับช่วงเวลาที่อากาศร้อนจัดจนเรารู้สึกหงุดหงิด
อย่างน้อย การอ่านนิยายสบายๆ สักเรื่องคงทำให้เราอารมณ์ดีขึ้นได้มั้ง (คิดเอง เออเอง มโนเอง 555+)

ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะครับ ตัวละครเยอะหน่อย อ่าน ๆ ไปคงเริ่มคุ้นกันเองครับ วะฮะฮ่า

เอาละโหวย เข้าสู่เดือนที่ร้อนที่สุดของปีกันครับ! :m31:

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3

ออฟไลน์ Saantos

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ยาวดีจังชอบๆ :katai2-1: :katai2-1:

ติดตามจ้าๆ

 :pig2: :pig2: :L1:

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
แอบเล็งหนึ่งกับอาร์มไว้แหละ ฮริ้งงงง

ร้อนๆ แบบนี้มีนิยายสบายๆ มาอ่านคลายร้อนก็ฟินดีเหมือนกันค่า
แต่จะร้อนมากขึ้นรึเปล่าน้า? ร้อนเพราะพี่สิงห์นี่แหละ เปิดตัวมาครั้งแรก
พี่แกก็ดุเลย ว๊ากกกกกกกกกกกกกกก 55555555555


 :pig4:

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
เลาลุ้นหนึ่งอาร์มม
นัทโผล่มาแล้ว แต่หลายคู่จริงอะไรจริง
รออ่านตอนต่อไป
นิยายร้อนๆนี่ตัวละครควรแข่งกันแก้ผ้านะ
แอร๊ ไม่ได้หื่นอะไรหรอก
แค่อยากให้มันเข้ากับสถานการณ์น่ะฮะ :D

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
ขอเจิมก่อนนะค้าาาาา

ออฟไลน์ N.T.❁

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
โอ้ เป็นโปรเจคที่น่าสนใจมากค่ะ
(ก็มันร้อนจริงๆ TT)
ว่าแต่...มันหลายคู่จังเลยง่ะ
แต่เราก็เชียร์ทุกคู่นะคะ 5555

ช่วงนี้เพิ่งมีเวลาไล่ตามอ่านนิยายที่เคยติดตามและอ่านค้างไว้ เจอว่าจบไปแล้วก็หลายเรื่องก็แอบตกใจ
พอดีเห็นชื่อคุณ Lucea เลยรีบจิ้มเข้ามาก่อน แค่เปิดเรื่องก็น่าสนใจแล้ว
ติดตามเป็นกำลังใจให้นะคะ อาจจะไม่ได้มาเม้นท์ทุกตอนเพราะงานคงเข้าเป็นช่วงๆ คงไม่โกรธกันนะคะ ^ ^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ schneesturm_fubuki

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
ตามมาติ่ง...เริ่มเป็นแฟนนิยายของ Lucea ได้ไม่นาน ติดใจสำนวนการเขียน
และวิธีการเล่าเรื่อง มุมมอง นิสัย คำพูดของตัวละครในเรื่อง สะท้อนตัวตนของผู้แต่งได้ดี
เราว่านิยายของ Lucea ดูมีเสน่ห์ และที่ชอบอีกอย่างคือ Lucea สามารถแต่งนิยายเรื่องต่อๆไป
โดยใช้ตัวละครรองในเรื่องก่อนๆได้ดี เชื่อมโยงเหตุการณ์ได้เนียน ชอบมาตั้งแต่ paper moon ละ
เลิฟเลยฮะ  o13

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
มีให้ลุ้นหลายคู่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2014 20:50:24 โดย malula »

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
แอบลำเอียงชอบคู่อาร์ม-หนึ่งมากกว่าเล็กน้อย
แหม่มุ้งมิ้งกันดีจริงๆ

รอตอนต่อไปค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ AGALIGO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-4

แค่ตอนแรกก็สนุกแล้ว

+ 1 + เป็ดจ้า

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14
มาตามด้วยคน ตัวละครเยอะดี

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1

เลาลุ้นพี่สิง์ห์หนุ่มช่างแอร์ในตำนาน (รึเปล่า?) กับอานนท์เซลส์ขายแอร์ฝึกหัด อีกคู่คงเป็นคู่หนุ่มฮ็อตที่ใครๆต่างก็รอลุ้นอาร์ม-หนึ่งนั่นเอง คู่นี้น่าจะดราม่ากรุบกริบนะ หนึ่งชอบอาร์มยังไม่รู้ตัวเลย อาร์มก็ถึงเนื้อถึงตัวเกิน โผล่มาแป๊บเดียวทั้งลูบทั้งโอบทั้งกอดหนึ่งตลอดอ่ะ  ส่วนมาม่าอืดแน่นอนน่าจะเป็นนภหนุ่มไทยที่จะได้คนเยอรมันมาดามอกหรือป่าวนะ เวิ่นยาวอ่ะ  ปูลิง  อย่าลืมน้องแม็กซี่นะจ๊ะ  :hao3:

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
ตอนที่ ๒




ท้องฟ้าในฤดูร้อนที่อิ่มสีฟ้าจัดและกว้างสุดลูกหูลูกตา นอกจากหน้าจอสี่เหลี่ยมซึ่งเต็มไปด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ที่โปรแกรมมิ่งตามคำสั่งของลูกค้า ตาของชายหนุ่มมักจะถูกแม่เหล็กที่ไร้ตัวตนของสีครามเข้มนั้นดึงให้หยุดหันมองอยู่เสมอ บางทีเขาก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่ามีอะไรในท้องฟ้านั่น เมื่อสิ่งที่ตามองเห็นนั้นมีเพียงความเวิ้งว้าง...เป็นความว่างเปล่าที่เหมือนจะไม่มีจุดสิ้นสุดเอาเสียเลย

บุหรี่ไม่ได้ช่วยแก้เครียดอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ สำหรับเขามันช่วยให้ชีวิตเรื่อยเปื่อยในแต่ละวันดูมีความรื่นรมย์ขึ้น ควันสีเทาที่พ่นออกจากปากช่วยสร้างม่านควันเล็ก ๆ ให้ท้องฟ้าไม่ดูโล่งจนเกินไป และเมื่อออกแรงเป่าอีกนิด...แค่เพียงแผ่วเบา พวกมันก็พร้อมจะสลายไปในพริบตา

สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มวัยย่างเข้าสามสิบห้าแบบปรมะ เลือกที่จะทำงานอิสระแทนที่จะสวมเชิ้ตผูกไทอยู่ในตึกสูงก็คือคำว่าอิสระ เขาชอบความไม่มีกฎเกณฑ์ ไม่มีอะไรตายตัว ปรมะไม่ชอบความวุ่นวาย และเจ้างานโปรแกรมเมอร์นี่ก็ดูจะตอบโจทย์ไปเสียทุกอย่าง แค่มีคอมพิวเตอร์หนึ่งตัว อินเตอร์เน็ต เขาจะทำงานที่ไหนก็ได้บนโลกนี้ ไม่ต้องวุ่นวายกับใครให้ปวดหัว

ดื่มเบียร์ตอนเก้าโมงแล้วทานข้าวเช้าตอนบ่ายสองครึ่งดูจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขาไปเสียแล้ว ผมสั้นยุ่งเหยิงแทบจะตลอดเวลาและหนวดเคราครึ้มเขียวที่ล้อมกรอบใบหน้านั่นกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวอีกเช่นกัน เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่จบฤดูร้อนในปีนั้น ปีที่เด็กนักศึกษาทุกคนสลัดคราบเดียงสา ก้าวเข้ามาสู่วัยทำงานอย่างเต็มตัว ชีวิตชายหนุ่มเหมือนจิตวิญญาณแห่งผืนฟ้าที่เสรี ไม่มีกรอบกำแพง เมื่อไรก็เมื่อนั้น เขาไม่ได้เป็นคนเอาแต่ใจ ปรมะเป็นเพียงแค่คนที่ผ่อนปรนกับตัวเอง

เจ้าของผิวสีแทนเหมือนบ่มแสงดวงอาทิตย์จนสุกอิ่มอัดควันสีเทาเฮือกสุดท้าย แล้วขยี้ปลายบุหรี่เข้ากับฝากระป๋องเบียร์ที่หมดเกลี้ยง ปรมะคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เห็นสายที่ไม่ได้รับจากเบอร์ซึ่งไม่รู้จักหนึ่งสาย ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่สนใจ เขาโยนมันกลับลงบนโต๊ะทำงานที่รกไปด้วยข้าวของมากมายอย่างเดิม อากาศร้อนจนเหงื่อไหลไปทั้งตัว ร้อนจนขี้เกียจจะสนใจอะไรอีก

ขายาวเก้งก้างของชายหนุ่มขยับอีกครั้ง หนึ่งก้าว...สองก้าว...แล้วก็เซไปเตะกระป๋องเบียร์และขวดน้ำอัดลมที่กองอยู่ที่พื้นก่อนจะตรงไปที่ตู้เย็น อากาศอันร้อนจัดทำให้เขาค่อนข้างหัวเสียที่ในตู้สี่เหลี่ยมขนาดกะทัดรัดนั้นว่างเปล่า ฝ่ามือหนาขยี้หัวอย่างเซ็ง ๆ แล้วคว้าเสื้อกล้ามยับ ๆ บนปลายเตียงขึ้นมาสวมทับท่อนบนที่เปล่าเปลือย หยิบซองบุหรี่ ไฟแช็ก และกุญแจ นาทีถัดมาห้องนอนที่เป็นเหมือนห้องทำงานของปรมะก็ไร้เงาของผู้เป็นเจ้าของเหมือนกับท้องฟ้าที่ปราศจากเงาเมฆ

สองเท้าก้าวไปบนทางเดินริมถนนที่คุ้นตา ร่างสูงเด่นสวนทางกับผู้คนมากมายที่มุ่งตรงไปอีกด้าน จุดหมายของคนเหล่านั้นคงจะเป็นสถานีรถไฟฟ้าหรือห้างสรรพสินค้าหรูหรา แต่จุดหมายปลายทางของปรมะคือมินิมาร์ตเล็ก ๆ ที่เขาฝากท้องเอาไว้เสมอ เบียร์หลายกระป๋องและอาหารแช่แข็งอีกหลายกล่องถูกนำมาวางหน้าเคาน์เตอร์ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรถ้าโลกนี้ปราศจากร้านค้าที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงแบบนี้

ทางเท้าริมถนนเต็มไปด้วยเด็กนักศึกษามหาวิทยาลัย เห็นแล้วก็อดคิดถึงวันเก่า ๆ ของตัวเองไม่ได้ วันที่ดูอย่างไรโลกก็ช่างสวยงาม เต็มไปด้วยความฝัน และมีอะไรให้เรียนรู้มากมาย เขาหยุดยืนข้างๆ ตู้โทรศัพท์สาธารณะ จุดบุหรี่อัดมวลอากาศสีขาวเข้าปอด มองหนุ่มสาววัยไม่ถึงยี่สิบดีหยอกล้อกันไปมา

“รินเหนื่อยไหมคะ ดื่มอะไรหน่อยไหม เดี๋ยวอาร์มไปซื้อให้” เด็กหนุ่มใส่แว่นประเหลาะเสียงหวาน

ปรมะหลุบตาลงต่ำ กระตุกรอยยิ้มขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนนั้นหยุดยืนหน้ามินิมาร์ตแล้วยิ้มเขิน ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นแบบนี้ เหมือนโลกทั้งใบถูกมองผ่านแว่นตาสีชมพู ความรักดูหวานชื่น อะไรก็ดูดีไปหมด สวยงามจนเขาหลงลืมไปชั่วขณะว่าไม่มีสิ่งใดบนโลกนี้ที่เป็นนิรันดร์

แค่เพียงอึดใจขวดน้ำหวานก็ถูกส่งให้เด็กสาวจากมือของแฟนหนุ่มพร้อมรอยยิ้มใส “ได้แล้วค่ะ รินจะดื่มเลยหรือเปล่า เดี๋ยวอาร์มเปิดให้นะ”

ปรมะยิ้มให้กับความไม่ประสาของตัวเองในอดีต ความรักก็เป็นแบบนี้ เหมือนกับฤดูร้อนที่ทำให้เลือดลมสูบฉีด ร่างกาย ผิวหน้า กระทั่งหัวใจอุ่นระอุไปด้วยโทนสีแดงที่ถูกธรรมชาติบรรจงแต่งแต้ม ความรักก็เหมือนกับอากาศร้อนในกรุงเทพ มันอยู่กับทุกชีวิตที่นี่ตั้งแต่เกิดจนคุ้นชิน จนรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน กระทั่งจนคล้ายกับว่าจะไม่มีวันจากไป แต่นั่นมันก็แค่ความคิดจินตนาการเท่านั้น พอถึงสิ้นสุดฤดูกาล มันก็หายวับ ไม่มีอากาศอบอ้าว ไม่มีฟ้าสีเข้มแบบเดิม รู้สึกตัวอีกทีเม็ดฝนก็เข้ามาเคาะหน้าต่างทักทายเหมือนเพื่อนใหม่แปลกหน้าเสียแล้ว

ชายหนุ่มผู้มีผมที่ยุ่งเหยิงดีดเถ้าบุหรี่ในมือลงพื้นแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้ง ฟ้ายังเป็นสีฟ้าจัดและคงความว่างเปล่าไม่มีสิ่งใด ดวงตาสีเข้มหลุบลงพร้อมกับแววตาที่เปลี่ยนไป บางทีเหตุผลที่เขาชอบแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในเดือนเมษาฯ นั่น อาจเป็นเพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ท้องฟ้าเป็นสีครามจัด ไร้ก้อนเมฆ เป็นฟ้าใสอันเวิ้งว้าง เหมือนเพดานสีน้ำทะเลที่กว้างใหญ่กำลังถูกห่อคลุมด้วยโลกสูญญากาศ ท้องฟ้าที่เหงา ๆ แบบนั้นมันทำให้อุ่นใจว่าอย่างน้อยก็ไม่ได้มีเพียงแต่เขาที่อยู่ลำพังคนเดียวอย่างนั้นใช่ไหม หรือเพราะท้องฟ้า...ทำให้นึกถึงชื่อของใครคนนั้น

เขาไม่ได้เหงา มีความสุขกับการรอคอยบางสิ่งบางอย่าง แม้จะรู้ว่าสิ่งที่รอคอยมาเนิ่นนานนั้นจะไม่มีวันกลับคืนมาก็ตาม เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มก้มลงมองหน้าจอมือถือที่กระพริบอยู่ มือกว้างของปรมะเสยผมตัวเองอย่างลวก ๆ แล้วขยับเท้าเดินย้อนกลับไปยังที่ที่จากมา

ห้องที่ว่างเปล่าและไม่มีใคร







หลังจากฝ่าไอร้อนตระเวณเกือบจะทั่วย่านโรงแรมสำหรับนักท่องเที่ยว นภและฮานส์ก็ได้ห้องพักแบบเตียงทวินในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนนานา อาบน้ำและนอนพักให้พอสดชื่น พอตื่นขึ้นมาก็พบกับเหตุการณ์ชวนหัว

ฮานส์อาเจียนจนหมดแรง ปวดหัว แสบตา แข้งขาอ่อนปวกเปียกจนต้องล้มเลิกแผนที่จะออกไปเดินสำรวจรอบๆ ที่พักอย่างที่ตั้งใจไว้ นักท่องเที่ยวหนุ่มเตรียมพร้อมมาทุกอย่าง เป้าหมายคือก่อนจะเล่นสาดน้ำสงกรานต์ ฮานส์ตั้งใจไว้แล้วว่าจะลิ้มรสอาหารไทยแบบต้นตำรับ เดินตลาดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอย่างจตุจักร ดูสารพัดของก้อปปี้ที่ตรอกข้าวสาร เที่ยวไนท์คลับที่สีลม แล้วปิดท้ายด้วยมีเซ็กซ์อันน่าตื่นตาตื่นใจ แต่คนที่ไม่เคยมาประเทศไทยอย่างเขาไม่รู้เลยว่ากรุงเทพจะร้อนเหมือนนรกได้ขนาดนี้ ที่นี่ไม่ต่างอะไรกับเตาเผาขนาดใหญ่ ฮานส์ไม่เข้าใจเลยว่าคนที่นี่ใช้ชีวิตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างไร

หลังจากอัดยาแก้ปวดหัวไปสองเม็ด อาการต่าง ๆ ก็ไม่ได้ดีขึ้นอย่างสรรพคุณเขียนไว้ที่ข้างขวด ความรู้สึกคลื่นเหียนยังคงกลับมาทักทายเป็นระยะ ๆ อาเจียนทั้งน้ำทั้งเนื้อไปสามครั้ง เรียกได้ว่าหมดไส้หมดพุง กระทั่งผล็อยหลับไปเองเพราะอ่อนเพลียจากพิษไข้

นภที่นั่งเฝ้าไข้อยู่ใกล้ ๆ เมื่อเห็นคนไม่สบายหลับใหลไปก็ลุกขึ้นเดินไปหน้าต่าง ท้องฟ้าที่แสนว่างเปล่าเป็นสีน้ำทะเลที่กำลังเดือด อบอ้าว ไม่มีอะไรให้น่ามองสักนิด ชายหนุ่มลดม่านลงแล้วหันหลังกลับมาปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้ลดลงอีกหลายองศา เดิมทีเดียวนภเลือกพักโรงแรมที่สภาพดีกว่านี้ แต่เป็นฮานส์เองที่ยืนกรานจะพักที่นี่ หนุ่มเยอรมันคนนี้ถือว่าการพักโรงแรมในย่านที่มีรถไฟฟ้าผ่านด้วยสนนราคาคืนละหนึ่งพันบาท (ซึ่งเทียบแล้วก็เป็นเพียงไม่กี่ยูโร) เป็นเรื่องที่ถือเป็นความภาคภูมิใจ สามารถเอาไปคุยโวกับคนอื่นได้ ซึ่งผลก็เป็นอย่างที่เห็น สภาพทุกอย่างเป็นไปตามสนนราคาของโรงแรมสามดาวไม่ผิดเพี้ยน

จบปัญหาไปหนึ่งเรื่อง นภก็เริ่มจัดการปัญหาเรื่องต่อไป ทิมไม่ได้ติดต่อกลับ ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนกับหน้าร้อนปีที่แล้ว การพบกันในตอนนั้นคงเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินกว่าจะเก็บมาคิดใส่ใจให้ความสำคัญ แต่คนที่อยู่แค่ในฐานะของเพื่อนคนหนึ่ง ไม่มีอะไรพิเศษนอกเหนือไปกว่านั้นจะพูดอะไรได้

ชายหนุ่มนั่งลงบนเตียงนอนของตน ถอนหายใจอีกครั้งแล้วพยายามติดต่อเพื่อนฝูงคนอื่นให้ได้สักคน แต่โชคเหมือนก็จะไม่เข้าข้าง จนบัดนี้ความหวังที่ริบหรี่ก็ยังคงริบหรี่ต่อไป

เห็นทีคงไม่พ้นพึ่งเจ้าหน้าที่ของโรงแรมเป็นแน่ คิดแล้วชายหนุ่มก็ถอนหายใจเหนื่อย มือกว้างยกขึ้นโบกรับลมหน้าช่องที่ปล่อยไอเย็นซึ่งก็พบว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โรงแรมราคาประหยัดก็แบบนี้ คาดหวังอะไรมากคงไม่ได้ ลองคิดสภาพแอร์ที่ต้องทำงานสู้กับอากาศร้อนข้างนอกแทบทั้งวันแล้ว นภก็ไม่แปลกใจเลยที่อุปกรณ์ไฟฟ้าชิ้นนั้นจะมีสภาพจวนเจียนสิ้นใจอย่างที่เห็น

พ้นจากคืนนี้ไปถือว่าเรื่องที่จะหวังสอบถามจากคนรู้จักเป็นอันสิ้นสุด ชายหนุ่มเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำดื่มขึ้นมาจิบไปหนึ่งอึก แล้วลองพยายามดูอีกครั้ง







โทรศัพท์มือถือส่งเสียงร้องอย่างบ้าคลั่ง ร่างสูงกำยำที่เพิ่งพ้นจากบานประตูมายังชื้นหมาดจากละอองน้ำซึ่งปรมะก็อธิบายไม่ถูกว่ามันคือเหงื่ออันเป็นผลพวงของฤดูร้อนที่ร้อนมหาโหดนี้หรือเพราะยังเช็ดตัวไม่แห้งดีกันแน่ เจ้าของผิวสีแทนเห็นแสงกระพริบจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่โยนทิ้งไว้ลวก ๆ บนปลายเตียงก็เดินฝ่าข้าวของอันรกระเกะระกะเต็มพื้นห้องแล้วหยิบมันขึ้นมาดู เส้นสีดำที่ขนานอยู่เหนือดวงตาขมวดเป็นความสงสัย เฉพาะวันนี้เบอร์โทรศัพท์ที่ไม่รู้จักนี่โทร.เข้าเครื่องเขาสองสามครั้งแล้ว และนี่ก็คือครั้งที่สี่

“ครับ” ปรมะตัดสินใจกดรับสายในที่สุด

“เล่นตัวจริงนะ ใจคอจะไม่รับเบอร์แปลก ๆ เลยหรือไร”

“ลูกน้ำ” ร่างสูงเอ่ยขึ้นพร้อมอาการปวดหัวตุบ จำเสียงหวาน ๆ ที่กำลังส่งเสียงหัวเราะสดใสได้ดี “น้ำกับธีมสบายดีไหม”

“น่าดีใจแทนน้องธีมจริง ๆ เจอกันแค่ปีละครั้งแต่คุณพ่อก็ยังไม่ลืม ไม่เสียแรงที่ลงมาเร็วกว่าทุกปี” เสียงหวานกระเซ้ากลับพร้อมเสียงหัวเราะ “น้ำกับลูกสบายดีค่ะ”

ปรายฟ้า หรือที่ใคร ๆ รู้จักกันในชื่อลูกน้ำ ความเป็นคนที่มีลักษณะนิสัยไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่นทั่วไปทำให้ลูกน้ำดูมีเสน่ห์ประหลาดดึงดูดประหลาด หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงสวยจัดแต่กลับมีอะไรบางอย่างที่สะดุดตาจนทุกคนต่างเหลียวมอง ซึ่งนั่นก็ไม่เว้นแม้แต่เขา ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยตอนนั้น ทุกอย่างก็เข้าท่าดี

กระทั่งปีสุดท้ายที่ลูกน้ำท้อง

และนั่นก็นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงของอะไรมากมาย เธอตัดสินใจลาออก ทิ้งอนาคตทั้งหมดไว้เบื้องหลังแล้วหันมาสวมบทบาทของแม่โดยไม่ลังเล ส่วนเขาก็กลายเป็นพ่อของเด็กอย่างไม่คาดฝัน ทุกอย่างรวดเร็วจนปืนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร เขายังจำได้ดีในตอนที่คุณแม่ของลูกน้ำรู้ข่าว ดุจเดือนเอาแต่นิ่งเงียบ ทว่าสองหน่วยตากลับคลอไปด้วยหยดน้ำแห่งความผิดหวัง เวลาผ่านไปพร้อมกับความรู้สึกที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก เขายังคงเรียนต่อจนจบท่ามกลางข่าวลือที่แพร่สะพัด แล้วพอรู้ตัวอีกที เด็กชายชวิศ หรือ น้องธีม ก็ลืมตาขึ้นมาดูโลก หลังจากนั้นลูกน้ำก็หอบเด็กน้อยขึ้นไปอยู่ที่บ้านของเธอที่เชียงใหม่ ปล่อยให้เรื่องนินทามากมายในหมู่เพื่อนฝูงหายไปพร้อมกับชื่อของเธอ นั่นคือความทรงจำทั้งหมดที่เขามีต่อผู้หญิงที่ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป...ผู้หญิงที่มีชื่อว่าท้องฟ้า

“ปืนเป็นอะไร จู่ ๆ ก็เงียบไป” เธอเอ่ยถาม ปรมะไหวหัวสลัดเรื่องเก่า ๆ ในความคิดไป

“นี่เปลี่ยนเบอร์ทำไม”

“ไม่คิดว่ามันเซอร์ไพรซ์เหรอ เป็นผู้ชายที่ไม่โรแมนติกเอาเสียเลย”

“อย่ากวนน่า”

“เลี้ยงมื้อเย็นหน่อยสิ เพิ่งมาถึงกรุงเทพวันนี้เอง อยากกินอะไรที่อร่อย ๆ หน่อย”

อีกครั้ง...ที่ปรมะถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว จนถึงบัดนี้เขาก็ยังไม่ชินกับนิสัยอยากทำอะไรก็ทำของหญิงสาวเสียที “ได้สิ แต่วันนี้คงยุ่งมาก ขอเป็นวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”

“โอเค เอาเป็นว่าค่ำนี้เจอกัน ธีมอยากกินอะไรอร่อย ๆ แล้ว” ปรายฟ้าตัดบทสนทนาแล้ววางสายไปดื้อ ๆ แบบนั้น ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนค้างอยู่กับโทรศัพท์ด้วยอารมณ์โทโส




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2014 15:26:54 โดย Lucea »

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
(ต่อครับ)




ร่างสูงใหญ่ในชุดช่างมอหม่นพ่นลมหายใจอย่างเหลืออด ปอดของเพชรกล้าพองขยายเหมือนพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ ขณะที่ดวงตาอันเกรี้ยวกราดคู่นั้นกำลังจ้องอยู่บนเพดานห้อง ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่คลุ้มคลั่งของตนเองเต็มสองหูชนิดวินาทีต่อวินาที ทั้งหมดเป็นกิริยาอาการที่ใกล้เคียงกับคำว่า “เหลืออด” สำหรับเขายิ่งนัก

“คอยล์เพรสเซอร์ครับ เป็นแผ่นอัดความร้อนเข้าท่อแอร์ คิดหน่วยเป็น...เป็น...บีทีเอส...หรือเปล่าครับ”

“นี่มันครั้งที่ห้าแล้วนะอานนท์!” เพชรกล้าตวาดเสียงแข็ง นัยน์ตาลุกวาวเหมือนน้ำร้อนกำลังเดือด คอมเพรสเซอร์ ฟิลเตอร์ คอยล์ร้อน คอยล์เย็น บีทียู คือคนละเรื่องกันทั้งหมด แต่หมอนี่ก็เอาทุกอย่างมารวมกันได้หน้าตาเฉย !

“คิดว่าฉันว่างนักหรือไง !”

“ผะ..ผมขอโทษ”

เพชรกล้าเบือนสายตาจากพนักงานตัวเล็กที่นั่งตัวสั่นงันงก เขาเป็นคนมีความอดทนค่อนข้างน้อยกับคนเหยาะแหยะ ไม่รักษาระเบียบ ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่รู้จักคิด และเมื่อผนวกกับรูปร่างสูงใหญ่ หนวดเคราและผมเป็นลอนใหญ่ยุ่งเหยิงบนใบหน้าที่เข้มดุ ทั้งลักษณะการพูดที่สั้นและห้วน ตลอดจนน้ำเสียงอันดุเดือด เพชรกล้าจึงถูกคนในที่ทำงานขนานนามว่า “พี่สิงห์” ทำนองว่าน่ากลัวเหมือนเสือสิงห์ นับจากนั้นมาคนทั้งหมดก็เรียกเขาแบบนั้นจน “เพชร” ซึ่งเป็นชื่อเล่นจริง ๆ ของชายหนุ่มวัยสามสิบต้น ๆ เลือนหายไปจากความทรงจำของทุกคน

ฮึ...พี่สิงห์อย่างนั้นหรือ ก็เพราะคนอย่างอานนท์นี่แหละที่ทำให้เพชรกล้ากลายร่างเป็นสิงโต

“คุณทำงานมากี่ปีแล้ว !”

“หนะ..หนึ่งปีครับ”

“อายุเท่าไรแล้วอานนท์ !”

“ยะ..ยี่สิบสองครับ”

“ยี่สิบสองมีสมองแค่นี้เรอะ !”

สิ้นคำถาม ร่างที่สูงไม่น่าจะถึง 170 เซนติเมตรตัวสั่นยิ่งกว่าเดิม

เมื่อไม่ได้รับคำตอบ เพชรกล้าก็ตวาดเสียงกร้าวขึ้นอีก “สั่นอะไรนักหนา มันหนาวนักหรือไง จะได้ย้ายไปสอนที่ห้องช่าง !”

“ผ..ผะ” ความกลัวทำให้อานนท์ทำอะไรไม่ถูก จะออกเสียงพูดจาก็ผิดเพี้ยนไปหมด “ผะ..ผีสิง”

จากพี่สิงห์กลายเป็นผีสิงไปเสียแล้ว อานนท์อยากร้องไห้เหลือเกิน

“อะไร !” ดวงตาดุดันของเพชรกล้าตวัดกลับมาจ้องถมึงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เรียกชื่อคนยังเรียกไม่ถูก ประสาอะไรกับชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า

“พะ..พี่...พี่ครับ...พี่สิงห์ ผมขอไปเข้าห้องน้ำ...ได้ไหมครับ”

เป็นอีกครั้งที่เพชรกล้าเหลือบตาขึ้นจ้องเพดานอันงี่เง่า นี่งานหัวหน้าช่างซึ่งสังกัดหน่วยบริการหลังการขายของเขาดูว่างจัดขนาดมีเวลามาสอนพนักงานใหม่แทนฝ่ายอบรมพนักงานเลยหรือ โกวิท ผู้จัดการฝ่ายขายถึงยัดเยียดให้เขาช่วยดูแลพนักงานที่ไม่ได้เรื่องแบบนี้เกี่ยวกับเรื่องระบบการทำงานของเครื่องปรับอากาศ

“ผะ..ผี...”

“ผีไหน ? เห็นฉันเป็นผีหรือไง !” เพชรกล้าตวัดสายตาลงมาจ้องหน้า

“เปล่า ๆ เปล่าครับ” อานนท์ละล่ำละลัก กลัวยิ่งกว่าผีเสียอีก “พะ..พี่สิงห์ครับ คือ...มัน...จะแตกแล้ว”

“ได้สิ ฉันไม่ใช่คนใจร้าย” เสียงของเพชรกล้าดังก้องจนพนักงานอีกสี่คนที่เหลือกลืนน้ำลายเอื้อก “แต่ช่วยหยิบของกลับบ้านไปด้วย แล้วไม่ต้องโผล่หัวมาให้เห็นอีก เพราะถ้าเห็นอีกครั้งก็ไม่รับประกันว่าจะมีความอดทนมากพออย่างตอนนี้ !”

อานนท์ลุกพรวดขึ้นยืนอ้าปากหวอ ขาทั้งสองข้างสั่นค้างเหมือนสปริงที่ดีดไม่หยุด

“เชิญ !”

พอเพชรกล้าส่งเสียงอีกครั้ง อานนท์ก็คว้าสมุดจดแล้วหัวซุกหัวซุนเหมือนคนที่วิ่งหนีห่ากระสุนออกไปทันที



หลังจากเข้าห้องน้ำแล้ว อานนท์ไม่ได้กลับบ้านทันทีอย่างที่เพชรกล้าออกปากไล่ ร่างผอมเล็กกลับไปที่แผนกขายเครื่องนอนที่ตนเองสังกัดอยู่ และได้พบกับมาลี เพื่อนพนักงานขายในแผนกใกล้เคียง

“อ้าวนนท์ มานี่ได้ไง มีอบรมไม่ใช่เหรอ”

“โดนพี่สิงห์เขาตะเพิดมาน่ะ คนอะไรก็ไม่รู้น่ากลัวชะมัด” แค่คิดถึงหน้าโหด ๆ นั่น อานนท์ยังขนลุกไม่หาย

“ก็ฉันบอกแล้วไง ให้ตั้งใจ ไม่ฟังกันบ้าง” มาลีทำหน้าเหมือนโดนน้ำร้อนลวก “แล้วนี่จะทำยังไงต่อ ออนฟลอร์เต็มหมดแล้วนะ มายืนตรงนี้เดี๋ยวผู้จัดการว่าเอา”

อานนท์ส่ายหัวยิก ไม่รู้เหมือนกันว่าควรทำอย่างไรดี เดิมทีเดียวเขาตั้งใจจะย้อนกลับไปในห้องอบรม แต่เมื่อเดินผ่านหน้าห้อง ประตูก็ถูกปิดลงเสียแล้ว ซ้ำร้ายไปกว่านั้นยังมีแผ่นกระดาษแปะที่หน้าห้องพร้อมกับตัวหนังสือหวัด ๆ เขียนด้วยปากกาเมจิคพะเต็มหน้ากระดาษ

อยู่ระหว่างอบรม ห้ามเปิดประตูเด็ดขาด

อานนท์คิดว่าตัวหนังสือที่เกรี้ยวกราดและน่าเกรงขามนั้นน่าจะเป็นของพี่สิงห์ ชายหนุ่มไม่รู้ว่าประตูถูกล็อคหรือไม่ แต่แค่ยันต์ที่แปะอยู่หน้าห้องก็ทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดจับลูกบิดแล้ว

“แบบนี้ไหมนนท์ ตอนนี้กลับบ้านไปนอนพักก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน เดี๋ยวอ้อยลองคุยกับคุณโกวิทให้”

“ไปคุยตอนนี้เลยไหม” อานนท์ถาม เล่นเอามาลีสะดุ้งร้อง

“อุ๊ย...อย่าเชียวนะ เธออยากเห็นคุณโกวิททะเลาะกับพี่สิงห์เหรอ คราวก่อนเล่นเอาแทบทั้งคอมเพล็กซ์ลุกเป็นไฟ”

อานนท์เข้าใจสิ่งที่มาลีพูดทันที คอมเพล็กซ์ของธาดาพิพัฒน์มีพื้นที่หลายตารางกิโลเมตร แต่การที่คนเจ้าอารมณ์สองคนทะเลาะกันนั้นกลับทำให้ทั่วทุกตารางนิ้วของที่นี่เหมือนอยู่ในนรก (เป็นช่วงที่เขาเข้างานใหม่ ๆ ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากนัก) แน่นอนว่าอานนท์ให้ภาษีกับคุณโกวิทมากกว่า เพราะอย่างน้อยหัวหน้าของเขาก็ไม่ตะคอกใส่หน้าแบบที่พี่สิงห์ทำ

“งั้นเรากลับบ้านก่อนนะ”

“เออ แล้วเดี๋ยวจะโทรไปส่งข่าว”

อีกครั้งที่ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่พูด พอเลิกเร็วกว่ากำหนด อานนท์จึงแวะวัดแถวบ้าน ถวายสังฆทานและปัจจัยให้กับหลวงพี่ที่วัด หวังว่าบุญกุศลจะทำให้พ้นเคราะห์พ้นโศกกับพี่สิงห์เสียที สัปหงกไปเล็กน้อยขณะที่ฟังหลวงพี่ให้พรแต่จิตใจก็ร่มเย็นเป็นสุขนักที่ได้ทำบุญ อานนท์นั่งรถสองแถวต่อเข้าบ้าน โดยไม่ลืมที่จะแวะซื้อตับไก่ปิ้งสิบไม้ แจกสมุนสี่ขาหลายตัวในซอยบ้านแทนคำขอบคุณที่ช่วยดูแลที่พักให้ปลอดภัยแม้ตอนที่เขาไม่อยู่

ชายหนุ่มพักอยู่ห้องเช่าขนาดกะทัดรัดพอดี มีเตียงนอน ตู้เสื้อผ้า และห้องน้ำในตัว แค่นี้พร้อมสรรพแล้วสำหรับชีวิตพนักงานขายที่มีเงินเดือนไม่มาก แถมที่นี่ก็ยังเดินทางสะดวกและอยู่ไม่ห่างจากคอมเพล็กซ์ซึ่งเป็นที่ทำงานของอานนท์ เรียกว่าสมบูรณ์แบบไปเสียหมด

จะขาดก็เพียงเครื่องปรับอากาศ

ทุกวันนี้อานนท์นอนกับพัดลม เข้าหน้าร้อนทีไร ชีวิตของชายหนุ่มแทบไม่เป็นปกติ เขานอนแทบไม่หลับเพราะอากาศที่แสนอบอ้าว บางวันก็ร้อนจัดจนต้องแก้ผ้านอนให้รู้แล้วรู้รอด แต่ทำไปก็เท่านั้น ตัวเขาก็ยังคงเหนียวเหนอะหนะและไม่ได้รู้สึกสบายตัวขึ้นเลย

หน้าร้อนปีนี้ ร้อนจนเหนื่อย แล้วพอเหนื่อยก็หมดแรงทำอะไรทุกอย่าง เอาแต่ขี้เกียจ ไม่อยากทำอะไร



เสียงกุกกักที่ดังขึ้นข้างห้องทำให้อานนท์สะดุ้งตัวตื่นขึ้น คราบเหงื่อชื้นไปทั่วทั้งคอเสื้อและหลัง อานนท์ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไร ที่จำได้ก็คือหลังจากบิดประตูเข้ามาในห้องแล้วเขาก็นั่งลงบนเตียง โมโหอากาศร้อน ๆ ที่ทำให้นอนไม่เต็มอิ่ม จากนั้นก็คิดอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศ

นั่งมึนอยู่สักพัก ร่างกะทัดรัดก็ยืนขึ้น จะว่าไปแล้วข้างห้องของอานนท์เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ความที่ทำงานกะบ่ายมาโดยตลอด กว่าจะกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าซึ่งเพื่อนบ้านเขาก็หลับไปเสียแล้ว เลยคลาดที่จะได้ทำความรู้จักกันไว้มาเกือบสิบวัน

เช็ดหน้าเช็ดตาแล้ว อานนท์ก็เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดและกางเกงขาสั้น ก่อนจะเดินออกไปเคาะประตูห้องข้าง ๆ ที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ ที่หน้าประตูห้อง ชายหนุ่มได้กลิ่นหอมสะอาดออกมาจากด้านใน เพื่อนบ้านของเขาจะเป็นคนอย่างไรกันนะ อาจจะเป็นผู้หญิงสาวที่ใช้ชีวิตอย่างมีระเบียบเรียบร้อย สังเกตได้จากระเบียงหน้าห้องที่เก็บกวาดสะอาดเอี่ยมทุกวัน (จนผู้ชายแบบอานนท์ต้องอาย) หรือบางทีอาจะเป็นผู้ชายเจ้าระเบียบ รักความสะอาด ทุกอย่างต้องเนี้ยบหมดจดแบบนั้นก็เป็นได้ เสียงกุกกักดังขึ้นใกล้ ๆ ทำให้ชายหนุ่มหยุดความคาดเดาทั้งหมด

แล้วประตูก็เปิดออก

ภาพที่เห็นทำให้อานนท์อึ้งผงะจนอ้าปากหวอ แม้ตนเองจะยืนจนเต็มความสูง (165 เซนติเมตร) แล้ว แต่ระดับสายตาของกลับอยู่เพียงช่วงอกของผู้ชายร่างยักษ์ตรงหน้า และเมื่อไล่วิถีการมองขึ้นไปด้านบน ขาเจ้ากรรมทั้งสองข้างก็ออกอาการสั่นเหมือนติดสปริงเด้งดึ๋งโดยไม่ได้ตั้งใจ

“ผะ..ผี...ห้องผีสิง”

ผี...คราวนี้คงเป็นผีจริงแท้แน่นอน!

เพชรกล้ายกหัวคิ้วแล้วหลิ่วตาลงมองคนที่สูงเพียงระดับอก พอได้เห็นหน้าชัด ๆ ว่าเป็นใคร มือซ้ายของชายหนุ่มก็กระชากคอเสื้อของไอ้ตัวเปี๊ยกตรงหน้าจนลอยมากระแทกกับตัวของเขา

“นี่ตามมากวนประสาทอะไรอีก !”

แล้วอานนท์ก็ล้มพับเป็นลมคาอกของเพื่อนบ้านที่ยืนจังก้าเต็มความสูง (185 เซนติเมตร)







ผ่านไปอีกตอน ตัวละครเพิ่มออกมาอีก แต่........ยังไม่ครบนะ ยังมีอีก 5555555555
จริงๆ ก็ขู่เอาไว้แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตัวละครเยอะมาก ช่วงแรกๆ จะงงๆ เรื่อยๆ เอื่อยๆ นิดหน่อย
กว่าจะเปิดตัวละครกับเรื่องราวแต่ละคนได้ก็ไม่น้อยแล้ว เดี๋ยวจะรีบลงตอนต่อไปเร็วๆ นะ

ส่วนใครที่รอนังแม็กซ์อยู่ ปลายสัปดาห์เจอกันนะ ฮิฮิ ตอนนี้อ่านเรื่องนี้ไปพลางๆ ก่อน
ขอบคุณสำหรับทุกเมนต์นะครับ ฝากเรื่องใหม่ ฝากเนื้อ ฝากตัว ฝากหัวใจด้วยนะ ฮิ้วววววว
+ 1 สำหรับทุกคอมเมนต์นะครับ ขอบคุณมากๆ สำหรับกำลังใจครับ พบกันใหม่ตอนหน้า ไม่ช้าไม่นาน :katai3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2014 15:27:29 โดย Lucea »

ออฟไลน์ hembetaro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
อ๊ะ อ๊ะ...เทอว์มาต่อ เลามาจิ้ม  :z13:

ตัวละครเพิ่ม  ปรมะคือใครตอนแรกนึกว่าทิว

แล้วตกลงอิอาร์มเป็นแฟนกับนีจริงอ่ะ โถถถถ

น้องหนึ่งของเลา  :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2014 15:33:22 โดย hembetaro »

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
อ๊ะ อ๊ะ...เทอว์มาต่อ เลามาจิ้ม  :z13:

o22 o22 o22
ไวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก / ขอบคุณฮับ :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
อานนท์ นายเป็นภาคต่อของแม็กซ์ใช่มั้ย ตอบ!
พี่สิงห์นี่ก็จะโหดไปไหน เด็กๆแม่ให้กินของหวานเยอะเหรอ ฮือออออออ
อ่านไปแล้วสะดุ้งด้วยตามเลย
จะว่าไปเลิกงานแล้วยังกลับมาเจอกันอีกนี่เรียกพรหมลิชิตหรือเปล่านะ
รอดุกันต่อไป
นภกับฮานส์นี่คู่กันหรือเปล่า? แว้บมาแว้บไป อะไรยังไง เอ๊ะ

ออฟไลน์ เจ้าหญิงขี้ลืม

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
พี่สิง น่ากลัวจัง

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
ต้อนรับเรื่องใหม่แบบงงๆค่า ^^
ตัวละครเยอะ จำยังไม่ได้หมด
กลัวจะเป็นลมอย่างอานนท์เหมือนกัน 5555
ช่วงนี้อากาศร้อนดื่มน้ำเยอะๆนะคะ  :mc4:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อื้อหือ ยิ่งกลัวยิ่งเจอ หนีไม่พ้นผีสิงแน่ ๆ อานนท์

ออฟไลน์ beamintron

  • บีมๆ BMs / l3eamRessT
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 117
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อุ้ย อยากดูพี่สิงต่อจัง จิ่มๆๆๆๆ

ออฟไลน์ TIKA_n

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +308/-4
เพิ่งมาอ่านจ้า ตัวละครเยอะมากจริง ๆ นั่นแหละ แต่ตอนนี้ก็ยังพอจำได้อยู่นะ ชอบที่ตัวละครเยอะ
เหมือนแต่ละคู่จะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ก็มีการโยง ๆ ถึงกันบ้าง ให้ความรู้สึกถึงการอยู่ในสังคมใหญ่ดี
อย่างที่ปรมะเจอ อาร์มกับรินหน้ามินิมาร์ท อานนท์ดูโทรทัศน์ ที่มี พงษ์พิพัฒน์ รายงานข่าว อะไรอย่างเนี้ย

แต่ละคู่ ก็แตกต่างกันไป อย่างนภกับฮานส์ ก็เหมือนเพื่อนกันมากกว่า ฮานส์ เป็นฝรั่งที่น่ารักดี ส่วนนภ
ก็รู้สึกชีวิตหม่น ๆ ยังไงไม่รู้ น่าเห็นใจเรื่องแอบรักเพื่อนเนี่ย ส่วนคู่อาร์ม กับ หนึ่ง นี่ก็แอบรักเพื่อนเหมือนกัน
แต่เหมือนหนึ่งจะยังไม่เข้าใจตัวเอง อาร์ม ก็ดูให้ความสำคัญกับหนึ่งมาก ๆ มากจนแฟนสาว
จะพาลมาหมั่นไส้หนึ่งเข้าให้ แต่ชอบการแสดงออกของหนึ่งนะ ไม่จำเป็นต้องฝีนสนิทกับคนที่ไม่อยากสนิทกับเรา
ถึงคนนั้น จะเป็นแฟนของเพื่อนสนิทก็ตาม คู่นี้จะเป็นยังไงต่อไป รอติดตามน้า จะว่าไป เหมือนปรมะ
จะยังไม่มีคู่อยู่คนเดียวสินะ แล้วก็เหมือนยังรัก ลูกน้ำ อยู่ด้วย อ่านแล้วไม่ค่อยชอบนิสัยลูกน้ำเลยแฮะ
ตัวละครยังไม่หมด อย่างนี้จะมีใครจะมาทำให้ห้องที่เงียบเหงาของปรมะ สดใสขึ้นได้มั้ยนะ
คู่ของดนัย กับ ตรี พงษ์พิพัฒน์ ก็น่าติดตาม เป็นหนุ่มฮอทซะด้วย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เจอกันเลย
แล้วก็มาถึง คู่ที่ชอบมากที่สุด ผีสิง เอ้ย พี่สิงห์กับอานนท์  :m3: พี่สิงห์ดุมากเลย ปากร้ายจริง ๆ สงสารอานนท์
ชอบอานนท์เป็นพิเศษเลยอ่ะ เพราะนิสัยคล้าย ๆ ตัวเองเนี่ยแหละ เป็นคนธรรมดา ๆ ไม่ได้เก่งกาจมาจากไหน
ก็แค่พนักงานเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีฝีมือโดดเด่น แถมรายได้ก็น้อย งานที่ไม่ได้อยากไปทำ แต่ก็จำเป็นต้องทำ
โดนด่า โดนดูถูก ก็ต้องทำเพราะไม่มีทางเลือก ทั้งที่เป็นงานที่ไม่ถนัดก็เถอะ แต่อานนท์ ก็อดทนดีนะ
เป็นเราโดนด่าว่า มีสมองแค่นี้เรอะ คงช็อคแน่ จะทนฟังคำด่าแบบอานนท์ได้รึเปล่าก็ไม่รู้ แล้วก็ชอบ
ที่อานนท์ มีเมตตากับสัตว์ด้วยนะ แสดงถึงความมีจิตใจอ่อนโยนเลยนะเนี่ย ว่าแต่ว่า พี่สิงห์ แค่เจอที่ทำงาน
ก็แย่แล้ว ดั๊น โผล่มาอยู่เป็นเพื่อนบ้านกันซะอีก อย่างนี้มันเป็นพรหมลิขิตรักรึเปล่าเนี่ย  :o8: เจอหน้ากัน
ก็โหดใส่น้องอีกแล้ว แหม่ คิดได้ไงว่าน้องตามมากวนประสาท ช็อคจนเป็นลมขนาดนั้น รอติดตามคู่พี่สิงห์กับอานนท์
ที่สุดเลยล่ะ จะมารักกันได้ยังไงอยากรู้จัง พี่สิงห์โหดเกินผู้เกินคนขนาดนั้น
รอตอนต่อไปจ้า ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :L2:
 

ออฟไลน์ zvonek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
แนวเรื่องน่าสนใจมากเลยค่ะ

มาร์คไว้ก่อนน้าเดี๋ยวกลับมาอ่าน อรั๊ย พี่สิงค์ดูโหดจัง

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
ตัวละครเยอะจัง55
แต่ที่ทำให้ดึงดูดใจแปลกๆ คือ ปรมะ ไม่รู้ทำไมชอบตัวเอกนิสัยอย่างนี้  :-[

รออ่านคู่อาร์ม หนึ่งต่อไป
แต่ฮาจริง ที่อานนท์เรียกพี่สิงห์กลายเป็นผีสิง :laugh:
ว่าแต่แอบสงสัยเหมือนกันว่าใช่อานนท์ จากlove is evolหรือเปล่าน้า หรือแค่ชื่อเหมือน :hao3:

รอตอนต่อไปค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter
ตอนแรกนี่นึกว่าปรมะคือทิมซะอีก
เลยกำลังนั่งไล่ลำดับเหตุการณ์จากตอนแรกว่าทำไมชื่อนี้ไม่คุ้นนะ
ที่แท้ก็ตัวละครใหม่นี่เอง แหม ตำแหน่งพ่อม่าย(?) ซะด้วย ก๊าวใจจุงเบยยย  :impress2:

ว่าแต่พี่สิงห์นี่น่ากลัวแท้ ฮือออออออออ
แม่จ๋าหนูกลัว คนอะไรดุชิหายวายหวอด กร๊าซซซซ ไม่แปลกใจเลยทำไมน้องนนท์กลัวจนเป็นลม 5555555
นี่เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าผีสิงห์ กับสิงโตนี่อันไหนจะน่ากลัวกว่ากัน ดุม๊ากกกกกกกก โอ้ยยยย อ่านแล้วยังสั่นพั่บๆ แทน

 :hao5:

รอตอนหน้านะค้าาา ชอบสำนวนการเขียนมากเลย อิอิ

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
สวัสดีครับ ขอบคุณที่ติดตามกันครับ เรื่องนี้จะอัพถี่หน่อยนึง พยายามจะให้จบในฤดูร้อนนี้ครับ
รีบแวะมาส่งตอนที่ 3 แล้ว เดี๋ยวก็ลืมชื่อตัวละครกันเสียก่อน 5555
ใครจะคู่ใครอ่านตอนนี้แล้วจะเริ่มชัดแล้วครับ จากนี้ง่ายแล้ว (มั้ง)

ขู่นิดนึงนะครับ เป็นตอนที่ยาวมากกกกกก อาจต้องใช้เวลา + สมาธิในการอ่านนิดนึงครับ  :hao3:








ตอนที่ ๓


บ้านของชาฮิดอยู่ย่านลิตเติลอินเดีย ชุมชนเล็ก ๆ ในพาหุรัดอันเป็นเขตที่อยู่อาศัยของชาวอินเดียละแวกหนึ่งในกรุงเทพ ปีนี้เด็กชายมีอายุ 12 ปีแล้ว โตพอที่จะทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ แบ่งเบาภาระของพ่อและแม่ ซึ่งโดยมากก็คืองานช่วยดูแลมีรา น้องสาวที่อ่อนกว่า 3 ปี แม้ว่าจะมีเชื้อชาติอินเดีย แต่ชาฮิดก็ถือกำเนิดที่กรุงเทพ มีหัวใจเป็นไทยไม่ต่างกับเด็กไทยทั่วไป เด็กชายตัวน้อยเรียนโรงเรียนไทย เขียน พูด และอ่านเป็นภาษาไทยแบบเด็กวัยเดียวกันคนอื่น ๆ จะแตกต่างก็เพียงเวลาอยู่ที่บ้าน อมริตาผู้เป็นแม่จะพูดกับเขาและมีราเป็นภาษาอินเดียบ้างด้วยเห็นว่าเมื่อเติบใหญ่ทักษะทางภาษาเหล่านี้อาจจะมีประโยชน์กับลูกทั้งสอง ซึ่งชาฮิดก็ใช้เพื่อทักทายสั้น ๆ กับผู้ใหญ่ในละแวกบ้านเท่านั้น ในการดำรงชีวิตทั่วไปซึ่งส่วนมากก็อยู่ในโรงเรียน เด็กหนุ่มพูดคุยด้วยภาษาไทยทั้งสิ้น

เดือนเมษายนเป็นเดือนที่ร้อนจัด ซึ่งนั่นเป็นข้อเสียเพียงอย่างเดียวที่เด็กชายชาฮิดคิดออก ที่เหลือล้วนเป็นข้อดีทั้งนั้น หนุ่มน้อยรักเดือนแห่งความร้อนเพราะนอกจากโรงเรียนจะปิดเทอมแล้ว เขาและมีราจะได้เล่นน้ำสนุกในช่วงสงกรานต์ ชาฮิดจึงตั้งตารอช่วงเวลานี้ของทุกปีเพราะแม่จะพาเขาและน้องไปที่ทำงานด้วย และที่ทำงานของแม่ก็มีแต่อาหารอร่อยทั้งนั้น

“เอาไปส่งให้โต๊ะสิบสองทีลูก ระวังอย่าให้หกนะ” อมริตากำชับ ชาฮิดพยักหน้ารับ สองมือน้อย ๆ ยกขึ้นประคองจานซาโมซาไปส่งให้ลูกค้า โดยที่ผู้เป็นแม่จะคอยมองบริกรตัวน้อยอยู่ห่าง ๆ จากหน้าครัว

อมริตาทำงานเป็นผู้ช่วยกุ๊กอยู่ร้านอาหารเล็ก ๆ ในย่านสีลม สามีเสียชีวิตตั้งแต่มีราอายุเพียงสองขวบ อมริตาจะพาชาฮิดและมีรามาช่วยงานจุกจิกที่ร้านในช่วงปิดเทอม สอนให้รู้จักทำงาน ใช้ชีวิตอย่างมีระเบียบวินัยแต่เยาว์ ดีกว่าจะปล่อยให้ลูกทั้งสองอยู่บ้านเฉย ๆ เพียงลำพัง

“พี่สั่งอาหารใช่ไหมครับ” เด็กชายตัวเปี๊ยกส่งเสียงถาม

พงษ์พิพัฒน์ส่งยิ้มให้เจ้าของดวงตากลมใสด้วยรอยยิ้มไร้ที่ติ ก่อนจะหันมาสนใจซาโมซาแกะตรงหน้า อันที่จริงก็คือตรีจงใจเพิกเฉยต่อชายหนุ่มร่วมโต๊ะอีกคนที่นั่งหน้าหงิกเป็นมะเหงก แค่มาช้าหนึ่งชั่วโมงก็ใช่ว่าจะใหญ่โตอะไรนักหนา วงการบันเทิงมันก็ต้องยืดหยุ่นกันบ้าง

หลังจากพบว่าหน้าตาอาหารเป็นที่ถูกใจไม่น้อย พิธีกรรูปหล่อก็หันมากล่าวขอบคุณบริกรตัวเล็กที่ยังคงยืนค้างอยู่กับที่อีกครั้ง ชาฮิดรับคำขอบคุณพร้อมซ่อนถาดไว้ด้านหลัง ดวงตาคู่นั้นเบิกโตกว่ายามปกติ

“พี่เป็นดาราหรือเปล่าครับ”

ฟังแล้วพงษ์พิพัฒน์ก็อมยิ้ม “ไม่ใช่หรอกครับ พี่ชื่อตรี...ตรี พงษ์พิพัฒน์ครับ พี่เป็นนักข่าว”

“หล่ออย่างกับดาราเลย ไม่สิ หล่อกว่าอีก” ชาฮิดชมจากใจจริง ก่อนที่จะถลากลับไปพร้อมใบหน้าดีใจเป็นนักหนา เด็กน้อยอวดมีราที่ยืนอยู่กับแม่ที่ด้านในของร้าน คุยโตว่าได้เสิร์ฟอาหารให้กับนักข่าวชื่อดัง

“เด็กหนอเด็ก” คนรูปหล่อหันมาส่ายหัวแล้วหยิบส้อมขึ้นจิ้มอาหารใส่ปาก

พงษ์พิพัฒน์ชอบให้คนจดจำเขาในเรื่องความสามารถว่าเป็นนักวิเคราะห์ข่าวที่เฉียบคม หาตัวจับได้ยาก ส่วนเรื่องหน้าตา ชายหนุ่มรู้อยู่แล้วว่าตนเองอยู่ในระดับไหน หากเทียบกับรถก็เป็นรถยุโรปเปิดประทุนสุดหรู ไม่ใช่รถญี่ปุ่นดาษดื่นที่ขับทั่วไปเต็มท้องถนน

“คุณพัดทานอาหารก่อนสิครับ รสชาติดีนะ” เขาพูด

“ผมเรียบร้อยแล้ว เชิญคุณเถอะ” คนคิ้วยุ่งตอบ “และผมชื่อนัท ไม่ใช่พัด”

ก็ไม่เห็นว่าจะต่างกันตรงไหน พงษ์พิพัฒน์เหยียดรอยยิ้ม จะพัด นัท บอล เอ็ม หรืออะไรก็ช่าง พะยี่ห้อว่าเป็นชื่อโหล จะเรียกอะไรก็ไม่เห็นจะต่าง แม้จะค่อนในใจจนไม่มีชิ้นดี ทว่าใบหน้ากลับวาดยิ้มสวย “ครับ คุณนัท”

ดาน่านัดให้เขามาพบกับดนัย...ลูกค้ารายใหญ่ที่ซื้อโฆษณาของรายการเช้านี้ที่ประเทศไทยซึ่งชายหนุ่มเป็นพิธีกรอยู่ ซึ่งถ้าเธอและคุณจ๊อด...โปรดิวเซอร์ของรายการไม่ลงทุนกราบกรานชนิดเอาเป็นเอาตายขนาดนั้น ตรีคงไม่เอาเวลาทำเฟซโยคะของทุกวันมานั่งทานอาหารอยู่ตรงนี้แน่นอน

“ระหว่างที่คุณทานอยู่ ผมขอพูดเรื่องงานไปคร่าว ๆ เลยแล้วกัน”

มารยาททราม

ตรีตวัดตาขึ้นมอง ไม่รู้หรือไรว่าคนทานข้าวแปลว่าต้องการเวลาส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน หน้าตาก็ไม่ใช่ขี้เหร่ แต่ทำไมไม่รู้จักมารยาทสังคมแบบนี้ นั่นคือความคิดเพียงเสี้ยววินาทีของชายหนุ่ม ที่คนทั่วไปสังเกตเห็นจึงเป็นเพียงภาพของดวงตามีเสน่ห์ชวนฝันที่ช้อนขึ้นมองเพียงเสี้ยววินาที แล้วเพียงหลุบลงเหมือนเป็นเพียงกิริยาอาการทั่วไป

“ไจแอนท์โคลาของเราเป็นน้องใหม่ ภาพลักษณ์ของสินค้าเราคือความสด แตกต่าง ไม่เหมือนใคร ผมอยากคุยกับคุณเพื่อที่เราจะได้มองภาพทุกอย่างตรงกัน ไจแอนท์โคลาต้องการอะไรที่สร้างสรรค์มากกว่าเอากระป๋องน้ำอัดลมธรรมดาไปวางเฉย ๆ อยู่บนโต๊ะแล้วพูดขอบคุณ สิ่งที่เรามองหาคือความพิเศษ คุณพอจะเข้าใจนะครับ”

เข้าใจสิ เข้าใจเป็นอย่างดีเลย

พงษ์พิพัฒน์พยักหน้าเห็นด้วย แตกต่าง ไม่เหมือนคนอื่น เป็นความคิดที่ฟังดูเข้าท่า แต่ไหนแต่ไรมาเขาเองก็ชอบอะไรที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน และถ้าจะพูดกันตามความจริง พิธีกรหนุ่มหล่อก็คิดว่าเขาเหมาะกับนิยามคำว่า “พิเศษ” กว่าใคร

“ติดคริสตัล” ตรีเสนอ

“อะไรนะ ?”

“ติดคริสตัลที่กระป๋องน้ำอัดลม” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบพลางส่งซาโมซาเข้าปากอีกชิ้น จำใจผิดธรรมเนียมปกติที่ไม่ทานหนักหลังสามทุ่มด้วยรสชาติของเนื้อแกะตรงหน้าอร่อยกว่าที่คิดไปไกล “ผมแนะนำให้ใช้ของสวารอฟสกี้เท่านั้น คัดเฉพาะเกรดดีที่สุด อิมพอร์ตจากออสเตรียแล้วหาแฟชั่นดีไซเนอร์เจ๋ง ๆ สักคนจัดการ”

“ดีไซเนอร์ ? คุณจะเอามาทำอะไร ?”

“ออกแบบไงครับ เลือกเฉพาะระดับชั้นนำเท่านั้น พวกมือสมัครเล่นหรือพวกรุ่นใหม่ผมว่าธรรมดาไป ซึ่งก็แน่นอนว่าระดับอินเตอร์ย่อมดูน่าสนใจกว่าระดับโลคัล เลือกสักคนจากในนั้น เดี๋ยวนี้ดีไซเนอร์ไทยที่ดังไกลระดับสากลมีอยู่ไม่น้อยเลยนะ”

ดนัยนั่งเงียบเชียบโดยไม่พูดอะไร จะมีก็แค่สายตาดุเดือดเหมือนโกรธเคืองใครสักคนมาจากไหน

ดนัยถอนลมหายใจหนัก ก่อนจะพูดออกมาในที่สุด “ผมขอตัวสักครู่”

พงษ์พิพัฒน์เห็นเขาคว้ามือถือแล้วก้าวขาฉับ ๆ ออกไปยืนอยู่หน้าร้าน สักพักก็ทำท่าตะคอกใส่ใครสักคนผ่านทางโทรศัพท์ ชายหนุ่มส่ายหัวระอาแล้วจิ้มเนื้อแกะทานต่อ อดที่จะเซ็งขึ้นมานิด ๆ ไม่ได้

ตรีคิดถึงลอนดอน เมษายนคือซัมเมอร์ของที่นั่น เป็นฤดูที่ฝนตกน้อยที่สุดของปี และมีอากาศที่กำลังน่ารักนัก ช่วงฤดูร้อนเขามักจะนั่งรถไฟยูโรสตาร์ข้ามฝั่งไปปารีส เดินเล่นดูร้านรวงต่าง ๆ ข้างทางแล้วนั่งจิบกาแฟที่นั่นสองสามชั่วโมงก่อนจะกลับมาทานมื้อค่ำที่ลอนดอน  เมษายนเคยเป็นเดือนที่เขารักที่สุด

แล้วดูนี่สิ ดูกรุงเทพ !

นี่มันเมืองหลวงหรือใจกลางเตาไมโครเวฟกันแน่ แค่ร้อนตรีก็อารมณ์เสียมากแล้ว แต่นี่เขาต้องมานั่งปั้นหน้ายิ้มให้กับลูกค้าขี้โมโหที่ไม่มีทั้งมารยาทและความเป็นมืออาชีพอีกคำรบ ชายหนุ่มถอนหายใจเหนื่อยหน่าย หน้าร้อนปีนี้คงเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทนเสียแน่



พ้นประตูร้านออกมาได้ ดนัยก็กดโทรศัพท์หาดาน่าด้วยความเดือดดาล ความร้อนพุ่งฉิวแข่งกับอุณหภูมิของกรุงเทพในเดือนเมษายน โมโหพิธีกรมาดคุณชายนี่ก็เรื่องหนึ่ง โมโหสิ่งที่ครีเอทีฟสาวพูดกับเขาก็อีกเรื่อง

“อธิบายผมมาที ตอนนี้ผมมีนัดกับพิธีกรคนเดียวกับที่คุณพูดถึงเมื่อตอนเที่ยงใช่ไหม”

“อุ๊ย...คุณนัท ใช่แน่นอนที่สุดค่า น้องตรีของแท้”

“แน่นะ ?”

“แน่สิคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวกรอกเสียงกลับมาทางโทรศัพท์

ดนัยตอบกลับทันควัน “ถ้าใช่คนที่คุณบอกว่าน่ารัก ทำงานง่ายคนนั้นนั่นแล้วก็...ผมมีแน่นอน”

“ทำไมหรือคะ เอ๊ะ...หรือยังไปไม่ถึง ?”

“ถึงน่ะถึงแล้ว”

“หรือโต๊ะที่จองไว้มีปัญหาคะ อาหารไม่ถูกปากหรือเปล่า ?”

“คุณดาน่า...มันไม่ใช่เรื่องพวกนั้น”

“แล้วอะไรหรือคะ ?”

ดนัยกลั้นลมหายใจ พยายามจะไม่หัวเสียมากกว่าเดิม

“ว้าย ! หรือน้องตรีหน้าตาไม่น่ารักคะคุณนัท”

คนกำลังฉุนถึงกับชะงัก พูดต่อไม่ถูก แม้จะไม่ชอบท่าทางการพูดจาโอ้อวดตลอดเวลาแบบนั้น กระทั่งความคิดที่ดูไม่ต่างกับคนไม่มีหัวสมองนั่นก็ไม่เข้าท่าสักนิด แต่สิ่งหนึ่งที่ดนัยไม่อาจแย้งคำพูดของครีเอทีฟสาวโอ้อวดไว้ได้เลยก็คือ...ตรี พงษ์พิพัฒน์มีใบหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มน่ารักและรอยยิ้มที่ชวนมองสมราคาคุยไม่ขาดไม่เกิน

ร่างสูงสูดลมหายใจ ฮึดสู้อีกครั้ง “ทำงานง่ายประสาอะไรของคุณ นี่มันห่างไกลไปจากสิ่งที่คุณพูดมากนะ”

“คือแบบนี้ค่ะ” หล่อนพยายามแจกแจง เสียงสลดลงจนสัมผัสได้ “คุณนัทคะ ดาน่าหมายถึงน้องตรีแกทำงานง่ายจริง ๆ นะคะ คือเอาง่ายกับตัวเองเข้าว่า แกไม่ชอบความลำบากน่ะค่ะ แต่ถึงวิธีทำงานจะยาก ในด้านผลลัพธ์ออกมาดีทุกครั้งนะคะ เนียนกริบไม่มีใครรู้หรอกค่ะ ดาน่ายืนยัน”

คำตอบที่ได้ยินทำให้อุณหภูมิรอบตัวชายหนุ่มร้อนขึ้นอีกสิบองศา เห็นได้ชัดว่าแม่สาวผมฟูคนนั้นจงใจทำให้เขาคิดไปอีกอย่างเพื่อปิดงานในส่วนของตนเองให้ได้ และแม้ว่าดนัยนึกคร้ามอยากจะถอยเพียงไหน แต่สัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษรไปแล้วมัดเขาจนดิ้นไม่หลุด เอาเถอะ เขาจะจัดการกับแม่ครีเอทีฟจอมแสบนี่ทีหลัง ตอนนี้ขอจัดการกับปัญหาชิ้นหลักก่อน ดนัยกดวางสายในนาทีต่อมา ก่อนจะผลักประตูกลับเข้าไปในร้านแล้วก้าวขายาว ๆ ไปนั่งที่โต๊ะ

ชายหนุ่มหยิบเมนูอาหารขึ้นมาเปิด กวาดตาสำรวจไปยังรายการต่าง ๆ

“อ้าว เปลี่ยนใจแล้วหรือคุณ”

“คุณทานน่าอร่อย ผมอยากลองมั่ง”

“พอเข้าใจครับ” ตรียิ้มกว้าง อารมณ์ดีขึ้นอีกนิด

เกิดเป็นคนหน้าตาดีก็แบบนี้ ใส่เสื้อผ้าอะไรก็ดูแพง หยิบจับทานอาหารก็ดูอร่อย ทำอะไรก็ดูดีไปหมด นี่เป็นหนึ่งในพรจากสรวงสวรรค์ที่บางทีเขาก็เหนื่อยหน่ายเหลือเกิน หน้าตาดีก็แย่แล้ว นี่เทวดาท่านยังบันดาลให้เกิดมารวยอีกต่างหาก “เอาสิคุณ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”

“แหม...ดีจัง” ดนัยส่งยิ้ม เลือกสั่งเอารายการที่แพงที่สุดห้ารายการ ก่อนจะปิดท้ายด้วยเปิดไวน์ราคาแพงระยับ “แบบนี้ต้องฉลองเสียหน่อย”

“เป็นความคิดที่ดี” ตรีส่งยิ้มเจ้าเสน่ห์แล้วกวักมือเรียกพนักงาน

สั่งรายการอาหารเสร็จ ดนัยก็เอนหลังพิงพนักแล้วส่งยิ้ม ถ้าคิดว่าแค่นี้เขาจะถอยง่าย ๆ ตามใจทีมงานแล้วก็...ขอให้คิดเสียใหม่ บทจอมเฮี้ยบถึงแม้จะเหมาะกับเขาแค่ไหน แต่บทของปีศาจกลับเป็นบทบาทที่ดนัยถนัดถนี่เสียยิ่งกว่า

ลองดูกันเสียตั้งจะเป็นอะไรไป คอยดูก็แล้วกันว่าใครจะร้ายกว่าใคร







ปรมะไปถึงที่นัดหมายในเวลาสามทุ่มเศษ ช้ากว่าเวลานัดไปสิบนาที ปรายฟ้านั่งอยู่ในร้านพร้อมกับน้องธีมแล้ว เขาก้าวเข้าไปที่โต๊ะอาหาร มองไปที่เจ้าตัวเปี๊ยกซึ่งไม่ได้เจอร่วมปี ธีมสูงกว่าหน้าร้อนปีที่แล้วมาก แต่ที่ไม่เปลี่ยนเลยก็คือท่าทางหัวแข็งซึ่งถอดมาจากเขาไม่ผิดเพี้ยน เด็กชายตัวน้อยดูจะเอร็ดอร่อยกับไก่ทอดตรงหน้า ขณะที่คนเป็นแม่นั่งเอาหลอดเขี่ยก้อนน้ำแข็งในแก้วกาแฟเย็นเล่นเหมือนไม่มีอะไรทำ

“รอนานไหม” ปรมะเอ่ยทักเธอแล้วหันมาทางเด็กตัวเล็กที่เคี้ยวตุ้ยอยู่ “เป็นไงบ้างเจ้าเปี๊ยก”

ธีมเงยหน้าขึ้นมาจ้องตาขวางแล้วมุ่ยหน้าลงจัดการชิ้นไก่ทอดตรงหน้าต่อ “ไม่ได้เปี๊ยก! จะมาทำไมเนี่ย”

“เงียบไปเลยไอ้อวดดี จะมาหรือจะไม่มามันก็เรื่องของฉัน” ปรมะตอบกลับหน้าตาเฉย ฟังดูอาจจะแปลกแต่นี่คือเรื่องปกติระหว่างเขากับธีมจนทุกคนรู้สึกว่าความแปลกคือเรื่องปกติไปเสียแล้ว

มีโอกาสได้พบกันทั้งหมดก็เพียงช่วงฤดูร้อนของทุกปี เพราะเหตุนี้กระมังเขาจึงค่อนข้างเหินห่างกับลูกแบบนั้น ธีมเป็นเด็กหัวแข็ง ซ้ำยังถูกเลี้ยงด้วยคนนิสัยประหลาดแบบลูกน้ำ ก็ไม่แปลกเลยที่เวลาเจอกันทีไรต้องมีสู้รบกันได้ตลอด ปืนกดสายตามองเด็กหน้าหงิก โตขึ้นไม่เท่าไร แต่ความเอาแต่ใจพัฒนาไปไกลกว่าส่วนสูงนัก ฝ่ามือกว้างกดหัวของเด็กตัวน้อยคะมำลงด้วยความรักและเอ็นดู ยิ่งเห็นยิ่งมันเขี้ยว

“อย่ามาจับหัวนะ ผมเสียทรงหมด ก็บอกว่าอย่ามาจับไงเล่า !” มือเล็ก ๆ ของธีมปัดป่ายไม่เลิก ซึ่งทั้งปรมะและปรายฟ้าเองก็ดูจะชินแล้วกับเสียงแข็ง ๆ แบบนั้น

นับตั้งแต่คลอดธีม เขาและปรายฟ้าก็แยกกันอยู่ตัวใครตัวมัน โดยเธอและคุณแม่ดุจเดือนเป็นคนดูแลเจ้าตัวเล็ก ฟังดูเหมือนเขาเป็นพ่อที่ใช้ไม่ได้ คนเห็นแก่ตัว ซึ่งบางทีปรมะก็คิดเช่นนั้น เขาเคยพยายามย้ายไปทำงานที่เชียงใหม่แล้วแต่เธอกลับเป็นฝ่ายรำคาญที่แบ่งห้องกับใคร ลูกน้ำเลยเผ่นหนีย้ายไปอยู่ข้างนอกคนเดียว สุดท้ายครอบครัวก็ไม่เป็นครอบครัวอย่างที่ผู้ใหญ่นึกไว้ ด้วยปรายฟ้าเป็นผู้หญิงที่มีความคิดแปลกประหลาด รักอิสระ แล้วก็ดูเหมือนจะไม่คิดจะฟังคำพูดของใคร เงินสักบาทก็ไม่ยอมรับ เขาเองที่เทียวไปเทียวมาเป็นเวลาปีเศษ กระทั่งที่สุดก็ยอมถอดใจย้ายกลับมาทำงานที่กรุงเทพอย่างที่เห็น

“ปล่อยซะทีเถอะ ยืนเก็กอยู่ได้ ผมอายเขานะ” ธีมยังไม่เลิกโวยวาย

แกล้งจนพอใจ ปืนก็ชักมือกลับแล้วยิ้มขำ ชายหนุ่มไล่สายตาไปบนหน้า เห็นรอยฟกช้ำเป็นจ้ำเขียวอยู่ที่แก้มซ้ายขวาก็อดถามไม่ได้ “แล้วนั่นแผลอะไรทั้งหน้า ตกต้นไม้หรือไปฟัดกับหมาที่ไหนมา ถ้าให้เดาคงไม่พ้นไปหาเรื่องกับใครมาอีกใช่ไหม”

“อะไรก็ช่าง เป็นพ่อภาษาอะไรแทนที่จะปลอบ เข้าข้างลูกตัวเอง เลี้ยงก็ไม่เลี้ยงยังจะไปเข้าข้างคนอื่น ไม่ต้องมาเต๊ะจุ๊ยเลย ดูสารรูปสิหัวก็ไม่เป็นทรง แต่งตัวก็โหลยโท่ย หนวดเคราก็เฟิ้มน่าเกลียด”

“ไม่ตอบดี ๆ ก็นั่งเงียบไปเลย” ชายหนุ่มออกอาการหงุดหงิดกับลูกชายจอมดื้อ ผิดกับปรายฟ้าที่หัวเราะถูกใจนักหนา มือเล็ก ๆ ของเธอขยี้ไปบนหัวของลูกชายตัวน้อยแล้วหันมาตอบคำถามแทน

“เด็กผู้ชายก็แบบนี้แหละ มีเรื่องชกต่อยบ้างตามประสา ทำอย่างกับตัวเองไม่เคยเป็น”

มันจะไม่ตามประสานี่สิ ปรมะมีคำพูดติดอยู่ที่ปากมากมายอยากจะแย้ง แต่เมื่อคิดดูแล้ว นิสัยทำอะไรตามใจตัวเองเป็นหลักติดมาตั้งแต่สมัยเรียน จนถึงบัดนี้ก็ยังแก้ไม่หาย (แถมยังถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาสู่ชวิศอีก) เรียกว่าต่อให้พล่ามอะไรไปใช่ว่าหล่อนจะสนใจตอบ

“แล้วคราวนี้จะให้ธีมเรียนอะไร”

ปรายฟ้ายกหัวไหล่ “ยังไม่รู้เลย แต่ธีมอยากเรียนชกมวย” พูดจบ เด็กชายตัวน้อยก็พยักหน้าหงึก ๆ ดวงตาใสเป็นประกาย

“เรียนภาษาจะไม่ดีกว่าเหรอ”

ปรมะส่ายหน้าไม่เห็นด้วย ปีที่แล้วก็เรียนยูโด ปีก่อนหน้าก็เทควันโด ผลก็ออกมาอย่างที่เห็น แผลถลอกเปิดไปทั้งตัว ศิลปะ ดนตรีก็ไม่สน

“น้ำไม่อยากให้ลูกเครียด เรียนปกติก็หนักสำหรับแล้ว”

ปืนครุ่นคิดอยู่สักพัก ถ้าเลือกได้เขาอยากฝึกให้ธีมเป็นผู้ใหญ่ รู้จักความรับผิดชอบมากขึ้น “ลองให้ฝึกงานที่ร้านรุ่นพี่ไหม เป็นร้านอาหาร มีขนมให้กินเล่นได้ทั้งวัน เด็กน่าจะชอบ”

เด็กที่ว่ารีบหันหน้าไปทางแม่แล้วตั้งท่าปฏิเสธ แต่ลูกน้ำกลับดูถูกอกถูกใจ “น่าสนใจนะ ถ้าพรุ่งนี้สะดวก ไม่ติดอะไรก็ลองพาเจ้าตัวแสบนี่ไปดูกัน”

“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” ธีมหันมาแยกเขี้ยวทำหน้ายักษ์ใส่ชายหนุ่มร่างโย่ง

ปรมะมองกลับอย่างไม่สนใจ เปลี่ยนเรื่องคุยเอาดื้อ ๆ “ที่เชียงใหม่ไม่มีเคเอฟซีหรือไง ต้องมาถึงนี่”

“มีแต่ไม่อยากกิน ถ้าไม่พอใจนายก็กลับบ้านไปสิ” ธีมโวยวายกลับทันควัน ส่วนลูกน้ำยังยิ้มเรื่อย ๆ คล้ายกับทุกย่างเป็นเรื่องปกติ “แล้วไม่ไปทำงานร้านอะไรนั่นด้วย ไม่ต้องมาจุ้นเลย”

ปรมะถอนใจ (ครั้งที่เท่าไรไปแล้วก็จำไม่ได้) แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม พอจนปัญญาจะหาความ ชายหนุ่มก็เลือกที่จะไม่สนใจต่อล้อต่อเถียงต่อ เขาแค่ทำหน้าที่พ่อ (ในแบบที่ปรายฟ้าต้องการ) ก็พอ พอนั่งลงแล้วปรมะก็ยื่นซองกระดาษสีขาวให้หญิงสาว แต่หล่อนดันมันกลับ ไม่คิดจะสนใจแม้จะเปิดออกดูด้วยซ้ำ

“ถ้าอยากจะให้ก็ขอเป็นเวลาดีกว่า เราตกลงกันแล้วนี่ ในเมื่อน้ำตัดสินใจเก็บน้องธีมไว้ในวันนั้นเอง น้ำก็จะรับผิดชอบทุกอย่าง” เธอพูด “น้ำกับปืนแยกกันอยู่ ปีหนึ่งจะได้เจอกันแค่ช่วงปิดเทอมใหญ่เท่านั้น ถ้าอยากจะช่วยก็ขอแค่โผล่หน้ามาเจอะเจอกันบ้างก็พอ”

“น้ำ” ปรมะเอ่ยเสียงอ่อนใจ เขาอยากจะนึกตำหนิปรายฟ้าหลายเรื่อง ส่วนหนึ่งก็คือการพูดเรื่องของผู้ใหญ่แบบนี้ต่อหน้าธีม เด็กเป็นวัยที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา และนั่นก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรต้องมารับรู้ความสกปรกของผู้ใหญ่เลย

“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น น้ำไม่ได้เลี้ยงลูกให้โตขึ้นมาเป็นคนอ่อนแอ ธีมโตแล้ว มีสิทธิ์ที่จะได้รับรู้ความจริง ไม่ใช่อยู่กับคำโกหกเพราะ ๆ ที่ผู้ใหญ่สร้างให้ น้ำพูดกับธีมตรง ๆ ทุกเรื่อง เราเป็นแม่ลูก เป็นพี่น้อง และเป็นเพื่อนกัน” เธอส่งยิ้มให้เด็กน้อยที่นั่งข้าง ๆ แน่นอนว่าเจ้าตัวเปี๊ยกก็ยืดอกรับเต็มที่

“เถียงไม่เคยชนะเสียที” ปรมะพึมพำกับตัวเอง

ก็จริงอย่างที่ลูกน้ำพูด พอโตขึ้น นิยายความรักมันไม่ได้หวานแหววแบบความเข้าใจในวัยเด็ก ในความรักมีความเจ็บปวด ความกังวล ความทุกข์ใจปะปนเสมอ พอต้องเจอกับด้านที่ไม่มีใครพูดถึง คนที่ประมาทกับความรักมันจะเสียสูญ ไปต่อไม่ถูก ผู้หญิงคนนี้เป็นคนสอนบทเรียนนี้แก่เขา อาจจะเรียกก็ได้ว่าปรายฟ้าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ปรมะดูจะเฉยชากับความรู้สึกรัก ๆ ใคร่ ๆ ไปเสียแล้วก็ว่าได้

“อย่าบอกใครว่าเป็นพ่อฉันนะ ฉันอายเขา” ธีมโวยไม่เลิก เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับลูกน้ำ ด่าเขาเสร็จก็พากันหัวเราะชอบใจจนปืนเหมือนกับชายหนุ่มเป็นเนื้องอกส่วนเกิน

“โอเค...ยอม” ร่างสูงยกสองมือขึ้นเหนือหัวอย่างผู้พ่ายแพ้ เห็นได้ชัดว่าลูกชายตัวแสบเลือกที่จะเข้าข้างใคร

น้ำในแก้วของธีมพร่องจนเกือบหมด ปรมะจึงหยิบธนบัตรส่งให้เจ้าตัวจ้อย วานให้ช่วยซื้ออาหารนิดหน่อยมาเผื่อเขาด้วย ธีมแสดงท่าทางฉุนเฉียวเล็กน้อย แต่ก็ยอมลุกออกไปซื้อให้ด้วยดี

ปรมะมองตามเด็กตัวน้อยแผลงฤทธิ์ขณะต่อแถวรอซื้ออาหารอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ รอยยิ้มเล็ก ๆ แย้มขึ้นบนริมฝีปากของชายหนุ่มโดยที่เจ้าตัวอาจไม่เคยรู้ ดวงตาสีเข้มเบือนออกไปทางบานกระจก ปรมะแหงนหน้าขึ้นมองเหม่อไปยังดาวดวงน้อย ๆ ซึ่งกระจายอยู่ทั่วท้องฟ้าที่ค่อย ๆ กลายเป็นสีดำ

“ธีมเหมือนกับเธอเมื่อก่อนเลยนะ” เสียงทุ้มนั้นอ่อนลงราวกับคนละคน

“ไม่หรอก” คนที่ชื่อแปลว่าท้องฟ้าอมยิ้มแล้วยกแก้วกาแฟเย็นขึ้นดื่ม “ต่างกันเยอะเลย”







(ยังมีต่อนะครับ)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด