นิยายรักของขวัญ 7 ปี <หนุ่ม IT กับ DJ สุดหล่อ>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: นิยายรักของขวัญ 7 ปี <หนุ่ม IT กับ DJ สุดหล่อ>  (อ่าน 537410 ครั้ง)

ja ne

  • บุคคลทั่วไป
หน่วยความจำเกือบ เออเร่อ คนแยะจริงๆ

ได้รูมเมทแปลกดี

แต่ไอ้เสียงปริศนาในห้องน้ำน่ะ เป็นเสียงสุดหล่ออ่ะป่าว :m29:(คนไหนฟร๊ะ)

gift_deb

  • บุคคลทั่วไป
เลือกไม่ถูกเหมือนกัน จะเอาใครดีหว่า หล่อๆ ทั้งนั้นเรยยยยยย o2

A_wAy_G_mAn

  • บุคคลทั่วไป
มาต่อตอนที่สองให้แล้วครับ

แต่ก่อนที่จะต่อมารู้จักอีกหนึ่งตัวละคร ที่จะปรากฎในตอนที่สองก่อนนะครับ (ตัวละครเยอะจัง)


พี่แหวว

พี่แหวว นักศึกษาคณะมนุษย์เอกภาษาไทยปี2 พี่แหววนี่แหละเป็นต้นเหตุที่ทำให้พี่ปอ พี่ริชและพี่นิคได้มาเป็นเพื่อนกัน (อยากรู้อ่านแนะนำตัวละครที่ชื่อพี่ปอ) เท่านั้นยังไม่พอพี่แหววยังเป็นแฟนของพี่ปออีกด้วย  พี่แหววเป็นคนยิ้มง่าย  น่ารัก  เจ้าบทเจ้ากลอน  ชอบพูดจาเป็นคำคล้องจอง  และเห็นใครใช้ภาษาไทยผิดๆไม่ได้  ต้องรีบแก้บอกว่าให้พูดใหม่เดี๋ยวนี้  พี่เขาพูดภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ เพราะเหตุนี้มั้งพี่เขาเลยดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ในองค์การนักศึกษา  มีหลายคนบอกว่าพี่แหววโกรธหรืองอนใครไม่เป็น นอกจากพี่ปอ  พี่แหววไม่เคยว่าหรือดุด่าใคร นอกจากพี่ปอ แต่ถ้าใครทำให้พี่แหววโกรธได้ คนนั้นจะรู้ว่านรกโลกันตร์ที่แสนเหน็บหนาวมีจริงๆ เพราะพี่แกจะเล่นสงครามเย็นด้วยตลอด ไม่เชื่อไปถามพี่ปอดูดิ่ เห็นบอกว่าโดนบ่อยๆ (น่าสงสาร)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-05-2008 09:43:54 โดย A_wAy_G_mAn »

A_wAy_G_mAn

  • บุคคลทั่วไป
บทที่สอง --- งานวันเปิดโลกกิจกรรม


บริเวณหอประชุมกาญจนาภิเษกที่กว้างใหญ่  (หอประชุมกาญจนาภิเษก พวกเราชอบเรียกว่า หอกาญบ้างล่ะ เต่าเหลืองบ้างล่ะ ) ดูคับแคบไปถนัดตาด้วยนักศึกษามากมายที่มาออกซุ้มของชมรมกิจกรรมต่างๆ เพื่อหาสมาชิกเข้าชมรมของตัวเอง (งานวันเปิดโลกกิจกรรมคือ การให้ชมรมต่างๆของมหาลัย ซึ่งมีเกือบร้อยชมรม มาออกซุ้มเพื่อโชว์ผลงานและรับสมัครสมาชิกใหม่ของชมรมก็ไม่ใช่ใครพวกน้องใหม่นั่นแหละ งานนี้จะทำให้พวกน้องใหม่มีชมรมอยู่เพื่อทำกิจกรรมนอกหลักสูตร โดยให้เป็นไปตามความสมัครใจ )
“เอ อ่ะอาบน้ำช้า แล้วก็มาขับรถเร็วๆอย่างนี้ ทีหลังเราไม่มาด้วยแล้ว” หนึ่งบ่นเป็นรอบที่ล้านแปดระหว่างเดินขึ้นบันไดเพื่อเข้าหอกาญ
“เร็วตรงไหน เราบิดไม่ถึง 60 เลย  เอาน่าๆ ไหนๆก็ถึงแล้ว” ผมตอบกลับไป
โอ๊ย !   ผมอุทานออกมา เมื่อรู้สึกเหมือนมีฝ่ามือใครหนักๆมาสะกิดทีหลัง ตอนแรกนึกว่าเป็นหนึ่ง  แต่หนึ่งมันเดินนำหน้าเรานี้หว่า  ผมหันกลับไปดู
“อ้าว น้อย  น้ำ” ใช่แล้วครับเพื่อนเก่าผมเอง
“เห็นไหมน้ำ เราบอกแล้ว กับเออ่ะ เรียกไม่ได้ยินต้องสะกิด” น้อยบอกกับน้ำ ซึ่งทำให้ผมได้คำตอบว่าใครสะกิดผม
“สะกิดอะไรของแก น้อย มือหนักอย่างกับ.....”ผมไม่ทันพูดต่อ น้อยทำท่าจะสะกิดอีกรอบ
น้ำเห็นท่าไม่ค่อยดี เลยชิงตัดบทพูดด้วยเสียงที่เบาๆค่อยๆว่า “เอ มากับใครเหรอ เห็นซ้อนมอไซค์มาด้วยกัน”
“อ๋อ  หนึ่งน่ะ  รูมเมทเราเอง” ว่าแล้วผมก็หันไปมองหนึ่ง  แต่หนึ่งหายไปแล้ว “อ้าวไปไหนแล้วล่ะ”
“เราเห็นเขาเดินเข้าไปแล้ว” น้ำตอบด้วยเสียงอันเบาอีกครั้ง
“งั้นเราไปดีกว่า ว่าแต่น้ำกับเอตัดสินใจยังอ่ะ ว่าจะเข้าชมรมอะไร” น้อยเอ่ยปากชวน
“ยังเลยอ่ะ” ผมกับน้ำตอบแทบจะพร้อมกัน
“งั้นไปเดินดูก่อนดีกว่า ถูกใจอะไรค่อยเลือก” น้อยบอก
“น้อย เขามีชมรมคาราเต้ กับยูโดด้วยนะ” น้ำเสนอ
“ไม่หรอกอย่างน้อย มันต้องเข้าชมรมมวย” ผมแซว
น้อยหันขวับมาทันที ไม่หันมาเปล่าทำท่าจะสะกิดผมอีกครั้ง แต่ผมหลบ น้อยวิ่งตาม
“เล่นอะไรกัน ทำตัวป็นเด็กๆ ไปได้” น้ำพูด   น้อยเลยหยุดแต่ไม่วายหันมาค้อนผมอีกหนึ่งที
“คร้าบ  คุณผู้ใหญ่น้ำ”ผมหันไปตอบรับ ทำเอาน้ำยิ้มๆ  แล้วเราทั้งสามก็เดินเข้าไปในหอประชุม
...
พอเข้ามาถึงในหอประชุม  คนข้างนอกที่ว่าเยอะแล้ว  ข้างในคูณสองครับ  เบียดกันมาก แต่ละซุ้มคนเยอะๆทั้งนั้นเลย
“น้องมีชมรมอยู่ยัง  อยู่ชมรมพี่ไหม........... ชมรมถ่ายภาพครับ  ใครไม่หล่อไม่สวย ก็ถ่ายให้หล่อให้สวยได้ครับ.................อยากสุขภาพดีมาอยู่กับเราซิครับ ชมรมจ๊อกกิ้ง........เชิญทางนี้ค่ะ รักษาศิลปะวัฒธรรมให้อยู่คู่มอขอต่อไปนะคะ ชมรมอีสานค่ะ...........ถ้าจิตใจเราดีแล้ว  ทุกอย่างก็จะดีไปด้วย เชิญมาฝึกสมาธิจิตกับเราซิคะ ชมรมสมาธิและจริยธรรม.............”เสียงที่พูดเพื่อเชื้อชวนคนให้เข้ามาดูกิจกรรมในชมรมของตัวเอง ดังนี้ไม่ขาดสาย จนฟังไม่ได้เลยศัพท์เลยก็มี
“ทำไม คนมันเยอะอย่างนี้  ไม่ลงได้ป่าวเนี๊ยะ  อยากกลับแล้ว” ผมบ่นออกมา  เมื่อเดินมาได้ซักพัก ตามประสาคนที่ไม่ชอบคนเยอะและความวุ่นวาย
“ยังไม่ได้ลงเลย แต่ที่จริงไม่มีชมรมอยู่ก็ไม่เป็นไรนิ่ หรือมาสมัครทีหลังก็ได้”น้ำเสนอ
“ไม่ได้ๆ มาแล้วอย่าเสียเที่ยวดิ่” น้อยบอก “เฮ่ย  นั่นต้าร์หรือป่าวอ่ะ ผมยาวๆอ่ะ”น้อยบอกพร้อมชี้ให้ดู
“เออ  ใช่ๆ  ไปหามันป่ะ” พูดจบเราสามคนก็เดินไปหาไอ้ต้าร์ที่หน้าชมรมถ่ายภาพ
“ต้าร์ เป็นไงได้ชมรมที่ถูกใจล่ะซิ” ผมทักก่อน
“ใช่” ต้าร์หันมายิ้มให้เราสามคน “แล้วพวกนายได้ชมรมหรือยัง”
“ยั....ง” ยังไม่ทันที่จะตอบก็มีเสียงที่ทุกคนคุ้นเคยแทรกขึ้นมา “ได้แล้วๆ นี่ไง ชมรมภาษาอังกฤษ  ชมรมภาษาฝรั่งเศส  ชมรมภาษาจีน  ชมรมภาษาเกาหลี”
“อ๊อฟ” ทุกคนพูดแทบจะพร้อมกัน
“รู้แล้วๆ ว่าชื่ออ๊อฟ ไม่ต้องเรียก หรืออยากจะอ๊อฟฉันย่ะ” อ๊อฟพูดติดตลก
“ฉันเห็นเฮียเอ็กซ์กับนังป่านอยู่ที่ซุ้มขององค์การด้วยแหละ” อ๊อฟพูดต่อแทบไม่ให้คนอื่นพูดแทรกได้เลย คำพูดของอ๊อฟทำให้น้ำกับน้อยหันมามองผม
“เราก็เจอ โจ้เข้ามาทักแล้วบอกว่าจะไปชมรมบาส” ต้าร์ใช้เวลาที่อ๊อฟหยุดหายใจพูดแทรก คำพูดของต้าร์ทำให้ผมกับอ๊อฟ หันไปมองน้อย
“อ๊อฟๆ ถามไรหน่อย คนเดียวลงได้หลายชมรมเลยเหรอ” น้ำพูดขึ้น
“ได้ซิ ทำไมจะไม่ได้” อ๊อฟพูด “ว่าแต่เสร็จจากนี้แล้วเรา ไปหาอะไรกินดีม่ะ ใกล้เที่ยงแล้ว”
“ถึงว่าแก ลงซะเกือบสิบภาษา ทำไมไม่ลงภาษาอีสานด้วยเลยว่ะ”น้อยแอบกัด
“แหมๆๆๆ ภาษาอีสานน่ะ อยู่ในสายเลือด  ว่าแต่จะไปกันป่าวอ่ะ  หิวแล้ว” อ๊อฟถามต่อ
“ไป” ต้าร์ตอบสั้นๆ พวกเราก็พยักหน้าตาม
“งั้นไปชวนเฮียเอ็กซ์กับนังป่านด้วยดีกว่า  คอยอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันไปตามเอง  พวกนั้นน่าจะยังอยู่ที่ซุ้มขององค์การ ทางโน้น” อ๊อฟพูดพร้อมชี้มือ ผมมองตาม
...
“นี่มันจะสิบนาทีแล้วนะ ยังไม่มาอีก ไปตามกันถึงไหนเนี๊ยะ”น้อยบ่น เพราะเริ่มหิว ส่วนน้ำกับต้าร์ก็เข้าไปในซุ้มของชมรมถ่ายภาพ จนน้ำติดใจลงชื่อเป็นสมาชิกชมรม
“งั้นเดี๋ยวเราไปตามดีกว่า แกคอยตรงนี้นะน้อย” ผมบอก
“ไปด้วยๆ เดี๋ยวบอกสองคนนั้นก่อน”ว่าแล้วน้อยก็เดินตามผมมา
“ไหนมันบอกว่าซุ้มองค์กร องค์การของมันอะไรเนี๊ยะ อยู่แถวนี้ไง ไม่เห็นมีเลย” น้อยเริ่มบ่นอีกครั้ง
“ทางนี้เลยนะครับ  ทางนี้เลยครับน้องๆ  รับรองไม่ผิดหวังครับ” เสียงนั่นอีกแล้ว
“ทางนี้ครับทางนี้ พี่รับรองว่าน้องๆต้องสนุกกับการทำกิจกรรม ตลอดทั้งปีแน่ๆเลยครับ” เสียงนั่น  เสียงที่ไพเราะ ดูเท่ สุขุมนุ่มลึกมีเสน่ห์ เสียงที่เข้าไปหลอกหลอนเราแม้ในกระทั่งความฝัน
ผมปล่อยตัวเองเดินไปตามเสียงนั่น ไม่สนใจเสียงบ่นของน้อยที่เดินตามมา หรือเสียงผู้คนรอบข้าง ผมเหมือนตกอยู่ในภวังค์มนต์สะกดของเสียงนั้น “ทาง..........นี้.............ครับ.......ๆๆๆ”
ปั้ว!  โครม!  เฮ๊ย!  ทุกอย่างเหมือนนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ผมรู้สึกเหมือนมีแรงอะไรมากระแทกข้างหลังตัวเองทำให้ผมกำลังล้มลงแล้วไปทับอะไรบางอย่าง
“เอ”เสียงน้อยเรียก ผมลืมตาขึ้นภาพตรงหน้าผมเป็นแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดแผ่นใหญ่สีออกส้มๆ ผมงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นพยายามนึกลำดับเรื่องราวเมื่อครู่ ผมเดินตามเสียงนั้นมา เหมือนมีอะไรมากระแทกข้างหลัง แล้วผมก็ล้มลง “เอ เป็นอะไรมั๊ย” เสียงน้อยถามด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้คนเริ่มมามุง ความเงียบเริ่มหายไป เสียงทุกอย่างเริ่มเป็นปกติ
“ไม่มีอะไรๆ แค่บอร์ดล้ม เข้ามาลงชื่อกันต่อนะครับ” เสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้น
“ไม่เป็นอะไร” ผมตอบน้อย
“ไอ้เอ   เอ    ว๊ายเอ” เอ็กซ์  ป่าน  อ๊อฟ ทักผมขึ้นพร้อมกัน
“ใช่ เราเอง” ผมตอบกลับไปแล้วพยายามจะลุกขึ้น แต่ก็มีเสียงมาขัดว่า
“จะลุกได้หรือยัง  ผมถูกทับอยู่” เสียงนี้ ใช่เลย  เสียงนี้  มันดังขึ้นมาจากใต้บอร์ด ผมรีบลุกแล้วค่อยๆจับบอร์ดดึงเปิดขึ้น สิ่งแรกที่ผมเห็นคือ ใบหน้าของชายหนุ่มที่ตอนนี้อารมณ์คงไม่ดีนัก แต่ด้วยใบหน้าที่ขาว คม เข้ม จมูกเป็นสัน คิ้วเข้มหนาโค้งรับกับหน้าผาก ปากบางๆสีชมพูออกแดง มีจอนผมที่ข้างใบหน้า ผมทรงรากไทรที่ไว้ยาวไม่มากแต่ดูสุภาพน่ารักรับกับใบหน้า ก่อนที่จะเห็นไปมากกว่านั้นผมตั้งสติได้ รีบกล่าวคำว่า “ขอโทษครับ ๆๆ”พร้อมยื่นมือไปให้เขาเพื่อพยุงเขาลุกขึ้น
เขาหันมามอง ไม่ว่าอะไร มือก็ไม่จับ แต่รีบลุกขึ้นแล้วจับไทด์ให้เข้าที่แบบกลัวเสียฟร์อม
ใจผมเต้นโครมคราม ภาพที่เห็นคือผู้ชายที่สูง เท่ ดูมีสง่าภูมิฐาน แต่งตัวนักศึกษาเต็มยศ ก่อนที่ความคิดผมจะเตลิดไปมากกว่านี้  ผมก็หยิบเอาบอร์ดมาเพื่อจะแขวนตรงที่เดิม แต่ที่แขวนมันสูงนี่นา  ผมพยายามเขย่งก็ไม่ถึงขนาดผม 177 นะ ซักพักเหมือนมีคนมายืนโอบด้านหลังผม คว้าบอร์ดจากตัวผมไปแล้วแขวนให้ ผมหันมาจะกล่าวขอบคุณ แต่ผมพูดไม่ออก เพราะว่าหน้าผมกับหน้าเขาห่างกันไม่ถึง 1 คืบด้วยซ้ำไป หน้าผากผมอยู่ตรงปลายจมูกที่โด่งสันคมของเขาพอดี
“ดีนะที่เป็นฟิวเจอร์บอร์ดพลาสติก ถ้าเป็นบอร์ดไม้คงตายไปแล้วแน่ๆ แล้วทีหลังอย่าซุ่มซ่าม
อ้อ อีกอย่างคำว่าขอโทษน่ะ ช่วยพูดให้มันเร็วกว่านี้หน่อยนะ ไม่ใช่ตั้งนาน  คอยเป็นชาติแล้วค่อยมาพูด เหมือนไม่จริงใจ” เสียงนั้นกำลังพูดกับผม เสียงที่มันตามหลอกหลอนผมมา  เสียงที่ผมคุ้นหู  เสียงที่ผมตามหาว่ามันคือเสียงใคร ตอนนี้เจ้าของเสียงนั้นกำลังพูดกับผม กำลังสอนผม กำลังว่าผมอยู่ ไม่ทันทีผมจะพูดอะไรออกไป ก็มีเสียง
“พี่นิคค่ะ พี่นิค คอมฐานข้อมูลใบสมัครมีปัญหาคะ” เสียงนั้นทำให้เขาหันไป โดยไม่มองผมเลย
“สงสัยที่บอร์ดล้มเมื้อกี้ คงไปเกี่ยวเอาสายไฟเข้า คอมเลยดับ พอเปิดขึ้นมาก็รวนคะ”เสียงนั้นรายงานต่อ
“สุดยอดเลย เอ คิดแผนอย่างนี้ได้ไง เก่งมากๆ ขอจับมือหน่อย โอ้ พ่อดีเจเทพบุตรสุดหล่อของฉันถูกแกทับ”อ๊อฟเป็นคนแรกที่เดินเข้ามาทักผม ตามมาด้วยเอ็กซ์ ป่าน และน้อย “เสียดายไม่น่ามีฟิวเจอร์บอร์ดกั้นเลย เสียดายๆ” อ๊อฟพูดต่อ
“เอ เจ็บตรงไหนไหม” ป่านถาม ผมส่ายหน้า ยัง งง กับเรื่องที่เกิดขึ้น
“แล้วไปทำอีท่าไหนหว้า ถึงล้มลงซะขนาดนั้น” เอ็กซ์ถาม
“โทษ เอ มันไม่ได้หรอก เราเองที่สะกิด เอ แรงเกินไป แต่เราเรียกเอ ตั้งหลายครั้ง เอก็เดินเหม่อๆอ่ะ”น้อยพูดด้วยความสำนึกผิดพร้อมเป็นการแก้ตัวเป็นนัยๆ
ผมพยายามลำดับเรื่องราวอีกครั้ง ผมเดินตามเสียง เหมือนมีอะไรมีกระแทกหลัง แน่ๆ ฝ่ามือสะกิดของน้อยแน่ๆ โห......ทำไมแรงมันเยอะอย่างนี้ว่ะเนี๊ยะ แล้วผมก็ล้มลง แล้วก็นอนทับกับ......
“โชคดีสุดๆเลย เอ ที่แกได้นอนทับกับพี่นายกดีเจสุดหล่อ” อ๊อฟว่า
“โชคดีอะไรว่ะ ไอ้เอ มันผู้ชาย ทับผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง ใช่ไหม เอ”เอ็กซ์พูด ผมพยักหน้าน้อยๆ
“เรื่องอย่างนี้มันว่ากันไม่ได้หรอกเฮีย ผีเห็นผี 55 หรือว่าเฮียเอ๊กซ์จะลองมาทับกับชั้นดู” อ๊อฟพูดปนหัวเราะ
“ว่าแต่ทำไมเรียกพี่คนนั้น  ว่าพี่นายกดีเจล่ะ” ป่านถาม สงสัยน้อยจะรู้สึกผิดมากพยายามดูว่าผมเจ็บตรงบ้าง
“ก็พี่แกเล่นเป็นทั้งนายกองค์การนักศึกษา เป็นทั้งดีเจชื่อดังจากคลื่น 130 KKU Radio พวกเธอไม่เคยฟังกันบ้างหรือยังไง เสียงออกจะเท่ ฟังแล้วชวนลุ่มหลง ยิ่งมาเห็นตัวจริงยิ่งโอ้ยๆๆ”อ๊อฟพูดไปแล้วทำท่าเคลิ้มตาม ป่านหัวเราะนิดๆ (ผมคิดในใจ---ถึงว่าเป็นดีเจนี่เองถึงว่าเสียงคุ้นๆ)
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะ คนทำเป็นก็ไม่อยู่ด้วย คนที่อยู่มีใครพอรู้เรื่องโปรแกรมบ้างไหม แหวว”เสียงนั้นดังมา ขัดเสียงหัวเราะของป่าน
“ก็ให้เขาเขียนลงในกระดาษ แล้วเราค่อยมานั่งลงในโปรแกรมก็ได้นี้คะ”แหวว ตอบ
 “มันเสียเวลานะแหวว เสียการเสียงานหมด” ชายนั้นพูดออกมาแบบมีอารมณ์นิดๆ
“ใจเย็นๆ ซิคะ ใครก็ไม่อยากให้มันเกิดหรอกค่ะ อุบัติเหตุเนี๊ยะ” แหววพูดพร้อมเอามือมาพัดข้างๆชายหนุ่มคนนั้น
“อุบัติเหตุ เหรอ ฮึ! ซุ่มซ่ามมากกว่า” ชายคนนั้นพูดพร้อมส่งสายตาที่ดุๆแบบขมวดคิ้วมาทางกลุ่มผม ประมาณว่ามึงนั่นแหละต้นเหตุ ยังมายืนหัวเราะกันอยู่ได้
“เรารีบไปกันเถอะ น้ำกับต้าร์คอยอยู่ที่ซุ้มชมรมถ่ายภาพ เอมื้อนี้เราเลี้ยง เอนะ”น้อยพูด
“ฮึ๊ย ไม่เป็นไร เราเองที่เหม่อลอย น้อยไม่ผิดหรอก” ผมพูดให้น้อยสบายใจ
“ไปพวกเรารีบไปกันดีกว่า” ป่านบอกพร้อมเดินนำไป ในใจผมคิดอะไรอยู่แล้วพูดขึ้นว่า
“พวกนายไปก่อนเลย เดี๋ยวเราตามไป ไม่เกินสิบห้านาทีสั่งข้าวคอยเราเลยนะ” ผมบอกออกไป พวกนั้นพยักหน้ารับ แล้วผมก็เดินกลับมาตรงจุดเกิดเหตุ หลังซุ้มขององค์การรวบรวมความกล้าเพื่อจะทำอะไรซักอย่าง ทำไมมันตื่นเต้นอย่างนี้ว่ะ เอาเถอะไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายซักหน่อย เอาเลย ผมให้กำลังใจตัวเอง
“พี่ครับ เอ่อ คือ พี่ครับ”ผมพูดออกไปแบบติดๆขัดๆ ทำเอาพี่สองคนหันมามอง
“อ้าว นาย......”เสียงชายคนนั้นพูดแล้วส่ายหน้า
“มีอะไรคะน้อง ถ้าจะสมัครเข้าองค์การตอนนี้ระบบคอมมีปัญหาอยู่ค่ะ น้องเขียนลงในกระดาษก่อนเลยนะคะ ชื่อนามสกุล รหัสนักศึกษา หอที่พัก คณะด้วยค่ะ แล้วเดี๋ยวคอมใช้ได้พี่จะกรอกข้อมมูลลงให้นะคะ” เสียงพี่ผู้หญิงทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์
“คือ ไม่ใช่ครับ คือ....ผมขอดูคอมหน่อยได้มั๊ย ครับ เพื่อช่วยอะไรได้บ้าง”ผมบอกอย่างไม่ค่อยแน่ใจ แต่ก็คิดว่าแค่โปรแกรมฐานระบบธรรมดาไม่น่าจะยาก ผมคุ้นเคยกับมันอยู่แล้ว
“อ้าว น้องเรียนคอม เหรอปีไหนแล้วอ่ะ นึกว่าน้องใหม่” เสียงพี่ผู้หญิงที่ชื่อแหววตอบกลับมา
“ครับ ผมน้องใหม่ปี 1 ครับ เรียนวิทย์คอมครับ แต่ผมเรียนเขียนโปรแกรมมาตั้งแต่ม.5แล้วครับ”ผมพูดเพื่อยืนยันในความสามารถของตัวเอง
“อย่าเลย คอยคนที่เขาทำเป็นแบบมืออาชีพมาดีกว่า ไม่อยากเอามือสมัครเล่น”เสียงชายคนนั้นตอบกลับมา
“เอาน่า พี่นิคก้อ ให้น้องเขาลองดูไม่เห็นเป็นไรเลย” พี่แหววบอก พร้อมเลื่อนเก้าอี้คอมให้ผมนั่ง
ผมนั่งลง ไม่พูดพร่ำทำเพลง พิมพ์นั่นใส่นี้ กดนั่นกดนี้ ประมาณห้านาที ปรากฏว่าข้อมูลขึ้นหน้าจอเหมือนเดิมครับ
“นั่นไง ได้แล้วๆ พี่นิคดูซิ น้องเขาเก่งเน๊อะ”พี่แหววดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่
ผมมองไปทางชายคนนั้นที่ชื่อพี่นิค เขาหันมาสบตากับผมพอดี ผมหลบสายตา
“ขอบ......ใ....”พี่นิคกำลังจะพูดแต่เสียงพี่แหววดังขึ้นว่า “มันเป็นอะไรอีกแล้ว”
ผมหันกลับไปที่หน้าจอคอมที่นี้มันจอดำเลยครับ ผมเลยลองใหม่ ทำไปทำมา มันขึ้นมา Reboot Hardware ผมเลยหันไปบอกกับพี่เขาว่า
“สงสัยเป็นที่ฮาร์ดดิสก์ครับ  คงต้องส่งศูนย์ซ่อมหรือถ้าพี่มีเครื่องมือผมก็พอทำได้นะครับ แต่เกรงว่า ....... เกรงว่า........ ข้อมูลทั้งหมดมันจะหายไปแล้วครับ”
“หา................อะไรนะ   ข้อมูลทั้งหมด”พี่แหววออกอาการเครียด
“ทำไม่ได้ตั้งแต่แรก แล้วก็โทษว่าเป็นนั่นเป็นนี่ บอกแล้วอย่าไว้ใจเด็กใหม่ ใครที่ไหนก็ไม่รู้  แล้วทีนี้จะทำยังไงต่อไป” พี่นิคพูดขึ้นโดยไม่มองหน้าผมเลย
“ผมขอโทษครับ  ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้” ผมบอกอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรๆ จ๊ะ อย่าไปฟังพี่นิคแกเลย ยังไงของมันจะพังก็ต้องพังอยู่แล้ว พี่ขอบใจน้องมากๆเลยน้า”พี่แหววเข้ามาพูดพร้อมลูบหลังผม
ติ๊ด.......ติ๊ด........เสียงมือถือของผมทำลายความเงียบลง
“ไง น้อย” ผมรับโทรศัพท์ “กินก่อนเลย ไม่ต้องคอย กินเลยๆ แค่นี้นะ” แล้วผมก็วางสาย
น้อยโทรมาตามผมด้วยความรู้สึกผิดที่ตบหลังผมจนล้ม อีกอย่างเพื่อนคอยนานแล้ว
“เพื่อนโทรมาตามไปกินข้าวเหรอ ไปเถอะเดี๋ยวเพื่อนคอย เรื่องคอมไม่ต้องคิดมาก พี่จัดการเอง”พี่แหววส่งเสียงสวรรค์มา ผมยกมือไหว้แล้วกำลังจะเดินออกไป ได้เสียงของพี่นิคพูดมาลอยๆว่า
“อย่าปล่อยให้คนทำผิดลอยนวล”
...
“ทำไรอยู่ว่ะ โคตรช้าเลย”ไอ้โจ้ทักขึ้น ขณะที่เพื่อนคนอื่นๆกำลังก้มกน้าก้มตากินกัน
“อ้าว ไอ้โจ้มาตอนไหน” ผมทักกลับ พร้อมกับน้อยที่ขยับให้ผมนั่งด้วย คงป็นเพราะว่าน้อยรู้สึกผิดต่อผมมั้ง ที่สะกิดตบหลังผมจนล้มซะขนาดนั้น
“ก็มาไม่ทันเห็นฉากคนล้มว่ะ เสียดาย” ไอ้โจ้ตอบพร้อมหัวเราะ ผมหันไปมองอ๊อฟทันที อ๊อฟทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ว่าแต่เอ ทำอะไรอยู่  มาช้าข้าวเย็นหมดแล้ว” น้ำถาม
“ไม่มีอะไรหรอก ไปเข้าห้องน้ำมาอ่ะ ท้องไม่ค่อยดี” ผมปดไปขี้เกียจตอบยาว
“หา ......... ล้มทับทีเดียวท้องเลยเหรอ” อ๊อฟพูดทำท่าตกใจมากมาย แต่เรียกเสียงฮาได้จากเพื่อนๆ
“เอ่อนี้ กูจะบอกอะไรให้ เมื่อเช้ากูกับป่านไปที่ซุ้มองค์การ ไปสมัครเข้าองค์การมานะเว้ย แล้วยังไม่พอ กูปรึกษากับป่านแล้วก็ลงชื่อให้พวกมึงด้วยทุกคนเลย พวกเราจะได้มาทำกิจกรรมด้วยกันไง” เอ็กซ์พูดอย่างภาคภูมิใจ
“แต่ว่าเราไม่รู้รหัสนักศึกษาของพวกเธอ เลยไม่ได้กรอกให้ วันหลังค่อยไปกรอกก็ได้ไม่เป็นไร”ป่านพูดเสริม
(อะไรนะ  สมัครให้อย่างนั้นเหรอ  ต้องทำกิจกรรมอย่างนั้นเหรอ  ต้องไปเจอกับไอ้พี่นายกนิคเหรอ  ไม่นะ  ไม่นะ  ไม่..........แค่นี้ก็ขายหน้าพออยู่แล้ว --- ผมคิดในใจ)
ปิ๊ง.......ป่อง....... เสียงประชาสัมพันธ์ดังขึ้น
“นักศึกษาท่านได้ที่ได้สมัครในซุ้มขององค์การนักศึกษา พรุ่งนี้ให้มากรอกข้อมูลการสมัครใหม่
 ที่องค์การนักศึกษาตั้งแต่เวลา 16.30 – 19.30 น. เนื่องจากระบบฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์มีปัญหา ขอบคุณค่ะ”
ปิ๊ง.....ป่อง.............
“มีปัญหาได้ยัง ก็เมื่อเช้าเราไปสมัครยังดีๆอยู่เลย”ป่านพูดออกมา
“ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เลิกเรียนไปกรอกใหม่ก็ได้ ป่านเลิกกี่โมงเราจะไปรับ”เอ็กซ์ถาม
“อย่างนี้แหละเทคโนโลยีไว้ใจไม่ได้เสมอไป” ต้าร์พูดบ้าง
“ก็คอยคุณโปรแกรมเมอร์ เอ ไปทำให้เทคโนโลยีมันดีขึ้นไง ใช่ไหมๆ”อ๊อฟพูดสวน
“งั้นพรุ่งนี้ห้าโมงเย็น น่าจะเลิกเรียนกันทุกคนแล้ว เจอกันที่องค์การนะ” น้ำนัดหมาย ทุกคนพยักหน้ารับ  แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตากินกันต่อไป
(เฮ้อ.............ผมถอนหายใจในใจทอดยาว  ไม่อยากจะบอกเลยว่า โปรแกรมเมอร์เอ คนนี้ นี่แหละที่ทำพัง ต้องไปองค์การจริงๆเหรอว่ะพรุ่งนี้ เอาว่ะพรุ่งนี้คือพรุ่งนี้  ตอนนี้โซ้ยก่อน.............)


++++++++++++จบบทที่สอง+++++++++++++



ข้อคิดคำคมประจำบท “เทคโนโลยีไว้ใจไม่ได้เสมอไป”


p.s. ไม่รู้คิดยังไงนะครับ   :a3:อยากให้แต่ละบทมีข้อคิดคำคมประจำบทด้วย
ถ้าใครชอบใจประโยคไหนใน ก็โพสได้นะครับ

ขอบคุณทุกเสียงตอบรับครับ :m1:

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
หุ หุ หุ เจอกันครั้งแรกก็เป็นเรื่องซะแล้ววว :m4:

ออฟไลน์ สมุนไพร

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1581
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-3
อยากอ่านต่ออ่ะตะเองง :m1:

พี่นิคท่าทางปากร้ายนะเนี่ย :m29:

ออฟไลน์ Joobperman

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 648
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
 :m4:

 เรื่องเริ่มสนุกแล้ว 

 พี่นิคดุดีเน๊าะ...ส่วนน้องเอก็ปิ้งพี่นิคทันทีเลย

 มีต่อมั้ยจ๊ะ  :serius2:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :a4: :a4: :a4: :a4: :a4:

ดีคับ มีข้อคิดคำคมท้ายตอนแบบนี้


อ่านแร้วก็  :เฮ้อ: แล้วตอนไปองค์การอีกครั้งจะเป็นไงหว่า คงโดนนิค  :เตะ1: :เตะ1: :เตะ1: :เตะ1: :เตะ1:


เป็นกำลังใจให้คับ รออ่านต่อไป


 :a11: :a11: :a11: :a11: :a11:

A_wAy_G_mAn

  • บุคคลทั่วไป
นั่งอดหลับ อด :a12: มาปั่นเพื่อให้ได้อ่านกันอย่างต่อเนื่องครับ

ทีแรกนึกว่าตอนที่สามนี่จะไม่ยาวมาก ที่ไหนได้แบ่งได้ออกเป็นสองตอนเลยครับ

เลยแบ่งเป็นตอนที่สามกับตอนที่สี่นะครับ

ตอนที่สี่จะมาโพสให้พรุ่งนี้นะครับ

ตอนนี้ไปสนุกกับตอนที่สามเลยครับ


'''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''

                 บทที่สาม --- เรื่องยุ่งๆ


“วิ่งเร็วๆ เร็วๆ มันตามมาทันแล้ว”เสียงใครคนหนึ่งตะโกนบอกผม ขณะที่ผมกำลังวิ่งด้วยความเหนื่อยอย่างมากจนได้ยินเสียงหอบ แฮ่กๆ .....แ..ฮ่....ก ๆๆๆ....แฮกๆ.....
มันอะไรกันนี่ ปีศาจคอมพิวเตอร์ ใช่  ใช่มันแน่ๆเลย  แย่แล้วมันจะตามผมมาทันแล้ว ว่าแต่ใครเป็นคนควบคุมมันนะ  ผมมองไปด้วยสายตาที่อยากรู้  และแล้วผมก็พบกับชายหนุ่มที่บังคับเจ้าหุ่นนั่น
“แกทำข้อมูลเสียหาย แกต้องตาย”ใช่แล้ว เสียงพี่นิค 
“พี่ผมขอโทษ  ผมไม่รู้จริงๆครับ ว่าข้อมูลมันจะหายไป” ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
“มาพูดคำว่าขอโทษตอนนี้  มันสายไฟสาย  พลังฮาร์ดแวร์พิฆาต” สิ้นเสียงพี่นิค ก็มีตัวฮาร์ดดิสก์เป็นพันๆตัวพุ่งกระจายมาที่ผม “อย่า..........” ผมสะดุ้งตื่น บนใบหน้ามีเหงื่อผุดขึ้นเหมือนวิ่งทางไกลมา
“โธ่เอ๊ย!  ฝันไปนี้หว่า  ฝันอะไรเพี้ยนๆ” ผมบ่นกับตัวเอง แล้วเหลือบตาไปมองที่เตียงหนึ่ง แต่ว่างเปล่า เหลือบมองไปที่ตู้เสื้อผ้าเห็นหนึ่งแต่งชุดนักศึกษาเสร็จแล้ว เหลือบมองไปที่นาฬิกา
“ห๊า.........อีกสิบนาทีแปดโมงแล้ว ทำไมไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกว่ะ หนึ่ง ทำไมไม่ปลุกเรา หนึ่งก็รู้นี่ว่าวันจันทร์เรามีเรียนเช้าด้วยกัน(เรียนภาษาอังกฤษที่คณะมนุษย์กลุ่มเดียวกับหนึ่ง)” ผมบ่นแบบหมีกินผึ้งแล้วรีบกระเด้งตัวออกจากที่นอน เพื่อไปอาบน้ำ แต่หนึ่งไม่สนใจ ไม่หันมามองผมด้วยซ้ำ หนึ่งกลับเดินออกไปจากห้องแทน
“เดี๋ยว หนึ่ง ไม่ไปพร้อมเราเหรอ คอยแป๊บ” ผมพูดพร้อมเดินตามหนึ่ง แต่หนึ่งไม่ตอบและไม่หันมาเลย
ผมคิด หนึ่งเป็นอะไรอีกน้า หรือว่ากลัวเราขับรถเร็ว “หนึ่ง เราไม่ขับรถไปเรียนเร็วก็ได้”ผมพูดเพื่อถ่วงหนึ่งไว้ อย่างน้อยไปเข้าห้องสายจะได้มีเพื่อน แต่หนึ่งก็เดินตามระเบียงหอพักไปเรื่อยๆจนถึงเกือบลงบันได ผมวิ่งตามไปคว้ามือหนึ่งไว้ ทำเอาหนึ่งเสียการทรงตัวจะล้มลง ผมเลยไปโอบไว้
ผมกับหนึ่งก็มองตากัน ตาของหนึ่งแดงออกเศร้าเหมือนร้องไห้มา ไม่ทันได้คิดอะไรหนึ่งก็ผลักตัวผมออกแล้วพูดด้วยเสียงที่เบาเรียบว่า “คนไม่รักษาสัญญา” พูดจบก็วิ่งลงบันไดไปเลย ปล่อยให้ผมยืนงงเป็นไก่ตาแตก  แต่ งง นานไม่ได้  ยังไม่ได้อาบน้ำเลย ผมเลยรีบจัดการทำภารกิจส่วนตัว

..................................

“I’ am sorry , I’ am late” ผมพูดเพื่อขออนุญาตเข้าห้อง พร้อมกับมองนาฬิกาบอกเวลา 8.20 น.
อาจารย์ประจำวิชาก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นการรับทราบ แล้วก็สอนต่อ ทุกสายตามองมาที่ผม ยกเว้นสายตาของหนึ่ง ที่ยังจับจองไปที่อาจารย์
“คนไม่รักษาสัญญา” เสียงของหนึ่งดังขึ้นมาในสมองของผม ทำให้ผมคิดมากจนเรียนไม่รู้เรื่องตลอดทั้งชั่วโมงนั้นเลย
(ไม่รักษาสัญญาตอนไหนว่ะ  เราไปสัญญาอะไรกับมันไว้  หรือว่าเรื่องกล้วเสียงฟ้าร้องแล้วร้องไห้ เราก็ไม่ได้บอกใครนี้หว่า อะไรว่ะ ไม่ได้หมดชั่วโมงนี้ต้องคุยให้รู้เรื่อง---ผมคิดในใจ)
พอหมดชั่วโมงผมรีบเดินไปหาหนึ่งทันที ก่อนที่หนึ่งจะลุกหนี
“หนึ่ง ต่อไปไม่มีเรียนใช่ป่าว ไปกินข้าวกัน” ผมทัก (ที่จริงรู้อยู่แล้วว่าไม่มีเรียน หนึ่งเรียนอีกทีก็สิบโมงที่คณะ ผมเรียนอีกทีก็สิบเอ็ดโมงที่คณะ ส่วนใหญ่เราเรียนEngด้วยกันเสร็จตอนเก้าโมง ก็จะไปกินข้าว แล้วผมก็ไปส่งหนึ่งที่คณะเพราะเป็นทางผ่านไปคณะผมพอดี) แต่ครั้งนี้หนึ่งไม่ตอบ
“หนึ่ง หนึ่งเป็นอะไร เราไม่รักษาสัญญาอะไร”ผมพูดพร้อมเดินตามหนึ่ง (ถ้าใครมาเห็นคงคิดว่าเป็นแฟนตามง้อ ตามจีบกันแน่ ฮิฮิ) แต่หนึ่งก็ยังไม่พูดอะไร ผมเอื้อมมือจับไปจับแขนหนึ่ง หนึ่งสะบัดมือผมออก ผมสุดที่จะแล้ว  ผมไม่ชอบเลย ความอึดอัดที่ไม่รู้สาเหตุ เป็นไงเป็นกันว๊ะ
“เออ! ไม่พูดก็ไม่ต้องพูด ไม่ต้องมาพูดกันตลอดไปเลย อีกอย่างเราจะย้ายไปอยู่ห้องไอ้เอ็กซ์ ถ้าหนึ่งยังเป็นแบบนี้” อะไร กูพูดอะไรออกไป แต่ได้ผลแฮ่ะ  หนึ่งถึงกับชะงักทันที ที่ผมพูดจบ
หนึ่งหันกลับมามอง อีกแล้วสายตาเศร้าๆแบบนั้นอีกแล้ว รู้สึกไม่ดีเลย แต่คราวนี้ตานั้นค่อยๆหลับลงแล้วพยักหน้าอย่างช้า พอลืมขึ้นมาก็มีน้ำในตาในเห็น แล้วเจ้าของแววตานั้นก็เดินจากไป ปล่อยให้ผมอึ้งกับการกระทำของตัวเองและสิ่งที่เพิ่งเห็นไปเมื่อครู่

................................................

ภาพแววตาที่เศร้าคลอน้ำตาของหนึ่ง กับคำพูด “คนไม่รักษาสัญญา” มันมาวนเวียนอยู่ในหัวผมตลอดเวลา ทำให้ผมคิดมาก ทั้งที่นั่งคอยเพื่อจะเรียนวิชาต่อไปที่คณะแล้วก็ตาม
“เอ เหม่อ อะไรอ๊ะ”บอยเพื่อนสุดหล่อทักขึ้นด้วยเสียงที่เหน่อหน่อยๆ
“ป่าวๆ ไม่มีอะไร”ผมปฏิเสธ
“แต่เราเห็น เอ นั่งเหม่อตั้งแต่เรียนEngเมื่อกี้แล้วนะ พอเรียนเสร็จก็รีบวิ่งออกจากห้องไปเลย ว่าจะเรียกไปกินข้าวด้วยกันซักหน่อย ก็เรียกไม่ทัน  แถมวันนี้ยังมาสายอีกด้วย” ทรายบอกพร้อมกับเอากระจกมาส่องหน้าเพื่อเติมเครื่องสำอาง
(ใช่แล้ว ทรายเรียนEng กลุ่มเดียวกับเรานี่หว่า --- ผมคิดในใจ)
“เอ ไม่สบายหรือเปล่า ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เมื่อคืนก่อนฝนก็ตก ดูแลตัวเองด้วยนะ มียากินไหมล่ะ” ปูเป้ถามผมด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“อาการอย่างงี้ ไม่ต้องกินยา เข้าไปดูเวบโป๊ก็หายแล้ว เฮ่อๆ...”ไอ้ปอนด์พูดพร้อมทำหน้าเหมือนโรคจิต
“เฮ๊ย ! ตกใจหมดนึกว่าลืมเอามา เจ๊(ฉายาอาจารย์ที่สอน)แกยิ่งบ่นเก่งๆอยู่”ทรายพูดพร้อมหยิบแผ่นCDขึ้นมาจากกระเป๋าที่ส่วนใหญ่มีแต่เครื่องสำอาง
“CD อะไรอ่ะทราย” ผมถามขึ้น
“ก็CDการบ้านของยายเจ๊ ที่ให้สร้างโฮมเพจส่วนตัวไง ชั่วโมงนี้ยายเจ๊ให้พรีเซ็นต์ด้วยนะ”ทราบตอบเสร็จก็เติมลิปลงที่ปาก
“ห๊า........”ผมอุทานออกมา เมื่อเช้านี้เรารีบมากไปหน่อย แล้วก็คิดแต่เรื่องหนึ่ง ลืมหยิบออกมาจากหอเลยซะได้  ทำไงดี กลับไปเอาได้ทันมั๊ยนะ
“เฮ๊...บอย  เราลืมCDโฮมเพจไว้ที่หอ  กลับไปเอาทันไหมว่ะ”ผมถามเชิงปรึกษา
ไม่ทันที่บอยจะตอบ ไอ้ปอนด์ก็พูดขึ้นว่า “ไม่ทันแล้ว....นู้นๆ”แล้วทำท่าชี้ไปที่อาจารย์กำลังเดินเข้าห้องมาแล้ว แล้วมันก็มาชี้ที่ผมทำท่าเชือดคอพร้อมบอกว่า “ตาย....แน่”
“ไม่เป็นไรน้า ใจเย็นๆลองคุยกับอาจารย์ก่อนนะ” ปูเป้ให้กำลังใจ บอยก็พยักหน้าเห็นด้วย
“สวัสดีจ๊ะ วันนี้เรามีนัดกันใช่ไหม ไหนใครจะเริ่มเป็นคนแรก แต่ก่อนอื่นมีคนทำไม่เสร็จไหม”อาจารย์ผู้หญิงสูงวัย แต่แต่งตัวเปรี้ยวได้ใจมั๊กๆ (สมแล้วที่ได้ฉายาว่า ยายเจ๊) ทักและถามในเวลาเดียวกัน
ทุกคนเงียบ “แสดงว่าทุกคนทำเสร็จ เรามาเริ่มกันเลย คนแรกใครดี”อาจารย์ยังคงพูดต่อ ผมยกมือขึ้น “เชิญจ๊ะ” ทุกคนหันมามองผมตามน้ำเสียงของอาจารย์
“คือ.เอ่อ....คือ...ไม่ใช่ครับ  ผมจะบอกว่า  ผม....ลืมงานไว้ที่หอครับ”ผมพูดออกไป
“อะไรน๊ะ”อาจารย์เน้นเสียงสูง ก่อนที่จะเทศนาชุดใหญ่ให้ผม (กับเพื่อนในห้องฟัง)
“นี่เธอ เพิ่งเริ่มเรียนไม่ทันได้ถึงสองอาทิตย์ก็ออกลายซะแล้ว งานของฉันถึงกำหนดส่งต้องส่ง
ไม่มีข้ออ้างอะไรทั้งนั้น เข้าใจไหม คนที่ไม่ตรงต่อเวลาน่ะ  เขาเรียกว่าคนไม่มีความรับผิดชอบ
เพราะบ้านเมืองของเรา มีคนที่ขาดความรับผิดชอบนี้แหละ สังคมถึงได้แย่อย่างทุกวันนี้ไง ............(อีกล้านแปด)” สรุปชั่วโมงนั้นผมโดนว่าเต็มๆไปคนเดียวเกือบ 20 นาที ทำให้เพื่อนในห้องพลอยเซ็งไปด้วยเลย แต่นั่นไม่ใช่จุดที่ผมแคร์ ผมแคร์กับคำว่า “คนไม่มีความรับผิดชอบ” มากกว่า
ภาพแววตาเศร้าที่เคล้าน้ำตาของหนึ่งกับเสียงที่ว่า “คนไม่รักษาสัญญา” และเสียงของอาจารย์ที่เพิ่งพูดจบไป “คนไม่มีความรับผิดชอบ” มันดังก้องวนเวียนมาหลอกหลอนผม จนผมไม่มีสมาธิที่จะดูแล้วคอมเมนต์การสร้างโฮมเพจส่วนตัวของเพื่อนคนอื่นเลย
“สำหรับชั่วโมงหน้า คือวันพรุ่งนี้ตอนบ่ายโมง ชั้นจะให้โอกาสคนที่ไม่มีความรับผิดชอบแล้วอ้างว่า ลืมไว้ที่หอ ได้มานำเสนอ แต่มีข้อแม้ว่านอกจากโฮมเพจส่วนตัวแล้ว ต้องทำโฮมเพจเรื่องคุณธรรมความรับผิดชอบและการตรงต่อเวลามาด้วย หวังว่าคงเข้าใจ แล้วเจอกัน สวัสดีจ๊ะ”นั่นคือประโยคกล่าวลาและสั่งงานผมไปในตัว
“เอ เราช่วยทำก็ได้นะ”ปูเป้รีบหันมาขันอาสา หลังจากที่อาจารย์ออกจากห้อง
“ไม่เป็นไร ขอบใจมาก”ผมตอบออกไปด้วยน้ำเสียงอันเบา
“วันนี้ไม่มีเรียนแล้ว  เป้ไปอบไอน้ำกันม้า...” ทรายเอ่ยชวน
“ไม่หรอก ไว้วันหน้านะ เดี๋ยวเราต้องไปองค์การ กลัวกลับมาไม่ทัน”ปูเป้กล่าวตอบ
“ไปทำ มั๊ยเหรอ”บอยถาม
“ก็จะไปลงชื่อไง เมื่อวานลงไปแล้วแต่คอมมีปัญหาวันนี้เขาเลยนัดให้ไปลงใหม่ตอนสี่โมงเย็น”ปูเป้ตอบ
(เออ...เราก็นัดเพื่อนไว้นี่หว่า แต่วันนี้เจอแต่เรื่องยุ่งๆ ไม่ไปดีกว่า อยากกลับหอแล้ว กลับหอก็ไปเจอหนึ่งอีกซิ  จะไปไหนดีว่ะ---ผมคิดในใจ)
“ตั้งสี่โมงเย็น นี่มันเพิ่งบ่ายสามเองนะ ทันน่า”ทรายพยายามชวนต่อ
“เอาอย่างนี้ทรายไปองค์การกับเราก่อน แล้วเราจะไปอบไอน้ำกับทราย ตกลงไหม”ปูเป้ต่อรอง
“ยังไงก็ได้” คำพูดเดิมๆสไตล์ของทราย
“บอยไม่ไปด้วยกันเหรอ หล่อๆอย่างบอย ถ้าเข้าองค์การนะ ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ประชาสัมพันธ์หลายงานแน่เลย ดีไม่ดี อาจได้เป็นพรีเซ็นเตอร์คู่กับเราก็ได้นะ” ทรายพูดชวนบอย
บอยก็พยักหน้าเห็นดีเห็นงามไปกับทรายด้วย “แล้วปอนด์ ไปด้วยมั๊ย”บอยชวน
“ไม่.... จะไปเล่นเกม”ปอนด์พูดแล้วก็เดินออกไป
“เอ ล่ะ ไปด้วยกันนะ”ปูเป้หันมาชวนผม
“ก็ได้ พอดีเรานัดเพื่อนไว้เหมือนกัน” ผมตอบแบบขอไปที แต่ในใจยังคิดมากเรื่อง “คนไม่รักษาสัญญา” “คนไม่มีความรับผิดชอบอยู่”

..............................................

ปี๊ด.....................!!!      เอี๊ยด...!!
เสียงนกหวีดทำให้ผมตกใจและเรียกสติผมกลับคืนมาจากภวังค์ความคิดที่ว่าคนไม่มีความรับผิดชอบ คนไม่รักษาสัญญา พร้อมกับเห็นตำรวจโบกมาที่ผม  อ้าว  แล้วผมมาทำอะไรที่กลางสี่แยกล่ะเนี๊ยะ
“ขอดูใบขับขี่ กับบัตรนักศึกษาหน่อย เมาหรือเปล่า ทำไมขับรถผ่าไปแดง เกือบโดนชนแล้วเห็นไหม” คุณตำรวจพูดกับผม (จะโดนชนเพราะเสียงนกหวีดนั่นและ ทำให้ผมตกใจหยุดกลางสี่แยกเลย)
“ครับ ๆ ไม่เมาครับ”แล้วผมก็เอาบัตรให้เขาดู
“เอ เป็นอะไร ทำไมถึงผ่าไฟแดง” ปูเป้ถาม หลังจากลงจากมอไซค์ที่ขับตามๆกันมา (แต่พวกนั้นหยุดที่ไฟแดง ไม่ผ่าเหมือนผมนี่)
“เอ เป็นเอามากนะเนี๊ยะ”ทรายพูดขึ้น
“นึกว่าจะได้ไปเที่ยวชลบุรีซะแล้ว”บอยแซว (หมายถึง ถ้าผมตายก็จะได้ไปงานศพที่ชลบุรีครับ---ดูเพื่อนผมซิ)
“นี่เดี๋ยวไปเสียค่าปรับด้วยนะ แล้วจะยึดบัตรนึกศึกษาส่งไปทางคณะ เพื่อตัดคะแนนพฤติกรรม”คุณตำรวจกล่าว
ผมได้ยินใบ้รับประทานครับ แต่คนที่โวยวายแทนผมคือ ทรายกับปูเป้ครับ
“คุณตำรวจขา ถึงกับยึดบัตรนักศึกษา แล้วส่งไปที่คณะเพื่อตัดคณะกันเลยเหรอคะ”ปูเป้ถาม
“เสียค่าปรับก็พอแล้วมั้งคะ นะคะ เห็นแก่พวกเราเด็กใหม่เถอะค่ะ” ทรายชวนอ้อน
“เด็กใหม่นั่นแหละตัวสร้างปัญหาต้องเข้มงวด วันปฐมนิเทศเขาก็แจ้งให้ฟังแล้วว่าถ้าถูกจับในมหาลัย จะมีการยึดบัตรแล้วส่งไปที่คณะเพื่อตัดคะแนนความประพฤติ ไม่ได้เข้าปฐมนิเทศหรือยัง หรือว่านั่งหลับ”
คุณตำรวจอธิบาย (จริงๆด้วยผมนั่งหลับครับ)
(ตัวสร้างปัญหา ........คนไม่มีความรับผิดชอบ............คนไม่รักษาสัญญา  มันอะไรกันนี่ มันก้องอยู่ในหัวผม  ผมรู้สึกอึดอัด จุกที่ลำคอ มึนหัวไปหมดแล้ว)
“แต่เพื่อนผมเพิ่งครั้งแรกเองนะครับ” บอยช่วยพูด
“สำเหนียงอย่างนี้มาจากสุพรรณป่าวนิ่” ตำรวจถาม
“ใช่ครับ ผมคนเลือดสุพรรณครับ” บอยพูดเน้นให้เหน่อกว่าเก่า
“บ้านเดียวกับเมียน้าเลย อยู่ที่ไหนล่ะ”คุณตำรวจ
“สามชุกครับ”ครั้งนี้บอยเหน่อแบบสุดๆ
“อ้าว ไปๆมาๆเจอคนกันเอง.................”คุณตำรวจคุยกับบอยอยู่นานสองนาน ก็ได้ความว่าบอยก็รู้จักเมียของคุณตำรวจ คุณตำรวจก็รู้พ่อของบอย
“อย่าลืมไปเสียค่าปรับนะ นี่บัตรนักศึกษาเอาคืนไป”คุณตำรวจพูดพร้อมส่งบัตรมาให้ผม
ผมยกมือไหว้พร้อมบอกว่า “ขอบคุณครับ” ด้วยน้ำเสียงที่เบาแทบหมดแรง (วันนี้มันซวยอะไรว่ะมีแต่เรื่องยุ่งๆเข้ามา)
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณครับ เลือดสุพรรณไปด้วยกันมาด้วยกันครับ” ปู้เป้ ทราย และบอยพูดขอบคุณ
“ที่จริงในมอเรานี้ ไม่มีตำรวจมาจับไม่ใช่เหรอ วันนี้ทำไมถึงมีได้ล่ะ”ปูเป้ตั้งข้อสันนิษฐาน
“นั่นดิ่ แปลก บางวันไม่ใส่หมวก รถจะชนกันตาย ยังไม่เห็นตำรวจเลย มีแต่รปภ.
แต่วันนี้รอดได้เพราะบอยเลยจริงๆ”ทรายกล่าวชื่นชมบอยอย่างออกหน้าออกตา บอยก็ยิ้มอย่างภูมิใจ
“ยังไง เราก็ขอบใจ ที่ช่วยเรา”ผมบอกกับเพื่อนๆ
...............................................

กว่าจะอ้อนวอนคุณตำรวจและไปเสียค่าปรับก็เกือบห้าโมงเย็นแล้ว
เราทั้งสี่คนมาถึงองค์การ ซึ่งเป็นสำนักงานที่ไม่ใหญ่มากนัก แต่คนเยอะแยะไปหมด
“แล้วจะได้ไปอบไอน้ำ ไหมเนี๊ยะ คนเยอะขนาดนี้ หกโมงไม่รู้จะเสร็จหรือเปล่า”ทรายบ่นออกมา
“เอาน่าๆ เดี๋ยวเราพาไปวันอื่นก็ได้”ปูเป้รีบบอกก่อนที่ทรายจะบ่นอะไรอีก
“ไอ้เอ ทางนี้”เสียงไอ้เอ็กซ์ดังมาจากอีกฝากที่ผมยืนอยู่
“โห  ครบแก็งค์เลย”ผมบ่นเบาๆ แบบไม่มีอารมณ์
“ใครอ่ะ เอ คนที่เรียกอ่ะ หล่อเน๊อะ”ทรายถามขึ้น บอยทำหน้าไม่ค่อยพอใจที่จะมีคนมาแข่งความหล่อ
“อ๋อ เพื่อนที่โรงเรียนเก่านะ นัดกันไว้” ผมตอบแบบไร้อารมณ์ แล้วพวกนั้นก็เดินมาถึงพอดี
“สวัสดีครับผมอ๊อฟ เพื่อนเอ ครับจบม.6มาด้วยกัน ไม่ทราบว่านายชื่ออะไรครับ”อ๊อฟแนะนำตัวพร้อมเจาะจงถามไปที่ไอ้บอย
ทุกคนทักทายกัน คุยกัน รู้สึกว่าเพื่อนทั้งสองกลุ่มของผมจะเข้ากันได้ง่ายมากๆ คุยถูกคอกันเป็นที่สนุกสนานเลยทีเดียว แต่ก็ดูเหมือนมีคู่ที่ไม่กินเส้นกันนะครับ ไอ้เอ็กซ์ ไอ้โจ้กับเจ้าบอยก็ที่จะแย่งกันหล่อ น้อยกับทราย ที่ทรายมองน้อยว่าไม่สมหญิง  แต่น้ำดูเหมือนว่าจะชอบทรายมากเพราะอินเทรนด์สวยได้ใจ เธออยากเป็นอย่างนั้นบ้าง  ป่านและปูเป้ก็ งง กับตัวเองที่หน้าตาลักษณะนิสัยอะไรหลายๆอย่างคล้ายคลึงกัน สำหรับอ๊อฟกับต้าร์เป็นที่ยอมรับของทุกคนครับ เพราะต้าร์ไม่ค่อยพูดเอาแต่ยิ้ม ส่วนอ๊อฟพูดทีไรทุกคนยิ้มทุกที ตัวผมน่ะเหรอ เวลานี้เหมือนเป็นส่วนเกินของกลุ่ม (ทั้งๆที่พวกมึงรู้จักกันได้เพราะกูนะ) แต่ก็ดี ผมไม่มีกะจิตกะใจจะพูดคุยอะไรตอนนี้มากนัก เพราะไอ้คำว่า “คนไม่รักษาสัญญา คนไม่มีความรับผิดชอบ ตัวสร้างปัญหา” มันยังอยู่ในหัวผมครับ
ผมเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อย  ประตูองค์การ  มาได้ไงเนี๊ยะ   เมื่อกี้กูต่อแถวเพื่อลงชื่อกับเพื่อนๆนี่หว่า ว่าแล้วก็มองออกไปที่หางแถวที่เพื่อนยืนอยู่ยังอีกยาวไกล
“นั่นไงตัวการจอมซุ่มซ่าม ทำผิดแล้วลอยนวลที่กำลังเราพูดถึงกันอยู่”มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ไม่ใช่เสียงใคร ก็เสียงไอ้พี่นิค นั้นแหละครับ สิ้นเสียงนั้นคนในองค์การสามสี่คนมองมาทางผม ผมก้มหน้าทันที
“อ้าวน้องคนเมื่อวานนี่ พี่นิค อย่าว่าน้องเขาแบบนั้นซิค่ะ น้องเขาช่วยเราเต็มทีแล้ว”เสียงพี่แหววดังขึ้น
“ช่วยทำให้พังซิไม่ว่า ตอนนี้งานยิ่งเร่งๆอยู่ด้วย คอมก็เหลือแค่ 4 ตัวเอง”พี่นิคบ่นต่อ
“ถ้าเฮามีอีกจั๋กเครื่องก็ดีเน๊อะ” เสียงสำเนียงอีสานดังออกมาจากพี่ผู้ชาย ที่มองก็รู้ว่าอยู่คณะเกษตรเพราะใส่ยูนิฟอร์มลงแปลงของคณะอยู่
“แหม ปอ ก็พูดเป็นนิยาย คอมไม่ได้เสกมานะ”พี่แหววทักขึ้น
“เดี๋ยวกูซื้อบริจาคให้ใหม่ยกชุด”เสียงพี่ผู้ชายที่ออกเซอร์ๆ ดิบๆ เถื่อนๆบอกกับเพื่อนในกลุ่ม
“จริงเหรอคะ พี่ริช สุดยอด เล็กริชไม่ ใหญ่ๆริชทำ”พี่แหววพูดแบบอาการดีใจมาก
“ไม่ได้ๆ อยู่ดีๆจะมาซื้อให้กันได้ยัง” พี่นิคแย้ง
“ก็กูบอกว่ากูบริจาค ไม่ได้ซื้อให้ เข้าใจ๊ กูเบื่อที่พวกมึงทำงานไม่เสร็จ กูไม่มีเพื่อนแดกเหล้า”พี่ริชตอบกลับ
“แม่น ไอ้ริชมันบริจาคเด่ะ นิค   มันบ่ได้ให้เด่”พี่ปอสนับสนุน
“บริจาคกับให้ มันต่างกันตรงไหน ใครทำพังคนนั้นต้องรับผิดชอบ”พี่นิคพูดพร้อมใช้หางตามองมาทางผม ทำให้ทุกคนมองตามมาอีกรอบ ผมซึ่งได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อเหมือนจะหมดแรง ไม่รู้จะเดิน จะก้าว จะทำยังไงต่อไป ก็ได้แต่ยืนเป็นตอไม้อยู่ตรงนั้น
“แต่พี่นิคคะ ตามระเบียบขององค์การ ถ้ามีการบริจาคสิ่งของให้องค์การ จะต้องได้รับการยอมรับจาก 2ใน3 ของนายกและอุปนายกก่อนไม่ใช่เหรอคะ” พี่แหววท้วงขึ้น
“ก็พี่ไม่ยอมไง 1 เสียง”พี่นิคพูด
“แต่ ปอ ยอมใช่ไหม”พี่แหววพูดพร้อมให้ไปหาพี่ปอ ซึ่งพี่ปอก็พยักหน้ารับแต่โดยดี
“งั้นก็เหลือแต่พี่หมอแล้ว ที่จะเป็นคนชี้เป็นชี้ตาย  เดี๋ยวแหววจัดการเองค่ะ”ว่าแล้วพี่แหววก็กดโทรศัพท์ “สวัสดีค่ะ  พี่หมอ ใช่ไหมคะ  นี่แหววพูดสายค่ะ  พี่หมอตอนนี้ว่างไหมค่ะ  ช่วยมาที่องค์การด่วนเลยนะคะ  ค่ะอีก  สิบนาทีเจอกันค่ะ”เป็นอันว่าทุกคนเข้าใจอีกสิบนาทีคนที่ชื่อพี่หมออะไรนั่นจะมาถึง ตอนนี้ก็ได้แต่รอ
แต่ใจผมซิ มันไม่หยุดรอมันปั่นป่วน มันอึดอัด มันอยากระบาย ไม่ไหวแล้ว อะไรกันนักกันหนา “คนไม่รักษาสัญญา คนไม่มีความรับผิดชอบ ตัวสร้างปัญหา คนผิดซุ่มซ่ามลอยนวล อะไรกัน วันนี้มันวันอะไรกันนะ ทำไมชีวิตผมถึงได้ยุ่งเหยิง ทำไมผมถึงเห็นแต่ด้านเสียของตัวเอง”ผมคิดพลางวิ่งไปที่ห้องน้ำหลังองค์การเพื่อหาที่ระบาย เพราะตอนนี้น้ำอุ่นๆในตาผมมันเริ่มไหลออกมาแล้ว

++++++++++จบบทที่สาม++++++++++


*** ข้อคิดคำคมประจำบท ***
-   เพราะบ้านเมืองของเรา มีคนที่ขาดความรับผิดชอบนี้แหละ สังคมถึงได้แย่อย่างทุกวันนี้
-   ทำไมผมถึงเห็นแต่ด้านเสียของตัวเอง



p.s. ตอนหน้าจะเป็นการเปิดตัวพี่หมอที สุดหล่อเฟอแฟ็กต์ แล้วนะครับ
(คิดว่าตอนนี้พี่หมอที คงขึ้นชาร์ตในใจหลายคนไปแล้ว หลังจากอ่านแนะนำตัวละคร)
ตามมาให้กำลังใจด้วยนะครับ  :c5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
เวลาเจอเรื่องร้ายๆ ราหูจะอมหัวไปทั้งวัน คิดไรดีๆไม่ออก
อ่านตอนนี้แล้วอึดอัดเเทนเอจัง
งง เรื่องหนึ่งด้วย
หุ หุ รอตอนที่สี่  :m4:

ออฟไลน์ สมุนไพร

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1581
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +144/-3

ออฟไลน์ YMP

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-2
ตัวละครโผล่กันมากลุ่มใหญ่มาก  o2 เดี๋ยวต้องกลับไปดูบทแนะนำตัวละครซ้ำและ

กลายเป็นมีเพื่อนกลุ่มใหญ่แล้ว แสดงว่าเป็นคนน่าคบ เพื่อนเลยเยอะ (รึเปล่า? อิอิ)

จะรออ่านต่อนะครับ  :m4:

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
 :impress: :impress: :impress:

พี่นิค เป็นพระเอกใช่ป่าว

แล้วนายเอก คือ  นายเอ ของเรา ใช่ปะ

งง เล็กๆๆน้อยๆๆอะครับ แบบว่าตัวละครเยอะมากๆๆ

อ่านแล้วสนุกมากๆๆครับผม ชอบมากๆๆ

เป็นกำลังใจให้อีกคนครับผม สู้ๆๆ

มาลงต่อบ่อยๆด้วยนะครับ อิอิ

:impress: :impress: :impress:

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
 :angry2: ท่านพี่นิคจิกไม่ปล่อยเลยนะ


เอสู้ๆๆๆๆ :a2:


 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
พี่นิคเค้าจะอาฆาตไปไหนเนี่ย

ปิ๊งอ่ะเด่ะ :m12:

gift_deb

  • บุคคลทั่วไป
อะไรอ่ะ มะรุมมะตุ้มอีรุงตุงนังมาก ปวดหัว o2

abacusformat

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Simply Blue

  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-3
เคยได้ยินว่าถ้าเราเจออะไรแย่แล้วคิดถึงแต่เรื่องนั้น มันจะเพิ่มแรงดึงดูดให้มีแต่เรื่องแย่ๆๆเข้ามาอีก 
เพราะฉะนั้น....... ยิ้มเข้าไว้น้อง เรื่องปวดหัวหาคำตอบไม่ได้ก็ลืมๆๆมันไปก่อน คิดแต่เรื่องดีๆๆ มันจะได้มีแรงดึงดูดเอาเรื่องดีๆๆมาให้เรา.... :a1:

ปล.ลงรูปได้น่าอันตรายกับบุคคลในรูปอย่างแรง หุ หุ หุ

A_wAy_G_mAn

  • บุคคลทั่วไป
 :L1:ขอบคุณทุกความเห็นครับ :pig4:

-ใช่ครับตัวละคร มากมายจริงๆ ผมเองก็กลัวว่า คนอ่านจะ งง  o2 อยู่เหมือนกัน  เลยทำบทแนะนำตัวละครไว้ครับ ถ้างงก็กลับไปอ่านได้ครับ  ยิ่งเดินเรื่องไปตัวละครจะยิ่งเพิ่มขึ้นครับ

-เรื่องนี้เอเป็นนายเอก ส่วนพี่นิคเป็นพระเอกครับ

-เรื่องรูปไม่เป็นปัญหาครับ เพราะทุกคนยินยอม (ยกเว้นพวกที่ผมหาเอามาจากในเน็ท ที่พยายามหาให้ใกล้เคียงที่สุด เลยไม่รู้ว่าจะขอใครอ่ะครับ)

ช่วยมาเม้นท์หน่อยนะครับ  จะติ(เพื่อก่อ) หรือจะชม ก็ได้ครับ เพราะเพิ่งเขียนเป็นเรื่องแรกครับ
จะได้มีกำลังใจและพัฒนาปรับปรุงต่อไปครับ
 :oni2:


มาติดตามตอนที่สี่กันเลยครับ



A_wAy_G_mAn

  • บุคคลทั่วไป
บทที่สี่ --- ฟ้าหลังฝน



ฮื้อ........ฮื.........อ...............ฮึกๆ...............

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วไม่รู้  รู้แต่ว่าตอนนี้ผมร้องไห้ออกมาจนแทบไม่มีน้ำตาหลงเหลืออยู่
 ที่เหลืออยู่ก็เป็นเพียงดวงตาสีแดงที่บอบช้ำและเสียงสะอื้นที่ผมพยายามอั้นมันเอาไว้

ก๊อก ๆ “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงเคาะประตูห้องน้ำ ห้องที่ผมอยู่ ดังขึ้น พร้อมคำถามที่พูดด้วยเสียงดูสุขุมนุ่มลึกแบบสุภาพบุรุษสุดๆ

ผมไม่ตอบ ได้แต่ปาดน้ำตา แล้วหายใจเข้าลึกๆยาวๆสองสามทีก่อนเปิดประตู

...แอ๊ด...เสียงผมเปิดประตูออกอย่างช้าๆ แล้วผมก็เจอเจ้าของเสียงคำถามนั้น เจ้าของเสียงนั่นเป็นชายหนุ่มสุภาพบุรุษ ที่หล่อเหลาเอาการ ใส่แว่น สูง ขาว ตี๋ มีลักยิ้ม ทุกอย่างดูลงตัวไปหมด ไม่ว่าจะมองท่าไหนมุนไหน ทั้งบุคลิกหน้าตา ไม่มีที่ติ เหมือนเป็นพระเอกการ์ตูนญี่ปุ่นที่หลุดออกมายังไงอย่างนั้นเลย แต่เสื้อผ้าของเขา ทำไมดูเปียกๆล่ะ

“ไม่มีอะไรครับ” ผมตอบกลับไปพร้อมพยามยามทำให้เสียงให้เป็นปกติ

“เอ๊ะ แต่ทำไมตาแดงๆครับ”พ่อหนุ่มการ์ตูนญี่ปุ่นรูปหล่อถามผม พลางทำท่าขมวดคิ้วสงสัย (ยิ่งดูดีอ่ะ)

(เอาไงดีว่ะ บอกว่าร้องไห้ก็ขายหน้าแย่ดิ่  จะใช้มุกว่าฝุ่นเข้าตาคงตลกไปมั้ง เอางี้ดีกว่า---ผมคิด)
“พอดีผมล้างแรงไปหน่อย นิ้วเลยไปจิ้มถูกตาครับ” ไหลไปได้นะเรา

“ไหนขอดูหน่อยนะครับ” พ่อหนุ่มการ์ตูนญี่ปุ่นรูปหล่อไม่พูดเปล่า ขยับตัวเข้ามาใกล้ ทำให้ผมได้กลิ่นของน้ำหอมอ่อนๆที่ติดตัวเขา เขาใช้มือซ้ายจับคางผมให้เงยหน้าขึ้น มือขวามาจับที่ระหว่างเปลือกตาของผมแล้วขยายขึ้น

“ใส่คอนเทคเลนส์ด้วยเหรอ”เขาถามขึ้น

“ครับ สายตาสั้น” ผมตอบด้วยเสียงที่ยังเครือๆอยู่

“นอกจากจะสั้นแล้ว ดูท่าจะแพ้แสงด้วยใช่ไหม สงสัยคงเรียนหรือทำงานเกี่ยวกับคอม”เขาพูดต่อ

“ครับ” ผมตอบรับ

“เป็นน้องใหม่เหรอ”เขาถามผมอีก แล้วก็เอามืออันนุ่มๆ ออกจากตาและคางของผม

“ครับ”ผมตอบรับ (กูจะตอบอย่างอื่นเป็นไหมเนี๊ยะ  นอกจาก ครับ)

“เอาอย่างนี้แล้วกัน เดี๋ยวเราตามพี่มา พี่จะพาไปล้างตา รู้ไหมนิ้วคนเราสกปรกที่สุดเลย มีเชื้อโรคเยอะมาก ถ้าไม่ล้างตา เดี๋ยวตาอักเสบติดเชื้อขึ้นมาจะรักษายาก”เขาบอกผมพร้อมอธิบายให้เหตุผล

“ครับ เอ๊ย! ไม่เป็นไรครับ”ผมปฏิเสธออกไป (ก็นิ้วมันไม่ได้จิ้มตาจริงๆนี่หว่า)

“นึกว่าพูดเป็นแต่คำว่า ครับ เอาเถอะไม่เป็นไร ไม่ต้องเกรงใจ ว่าแต่เราชื่ออะไร”เขาถามผมแอบกัดไปในตัว

“ครับ เอ๊ย! ไม่ใช่ๆ ผม เอ ครับ”(เป็นอะไรไปว่ะเนี๊ยะ กลัวเขาไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายหรือไงพูดแต่ครับ ครับ อยู่ได้ ผมรำคาญตัวเองในใจ)

ฮึ ๆ เสียงหัวเราะในลำคอดังออกมาเบาๆ พร้อมรอยยิ้มบางที่มุมปากของเขาก่อนที่จะเรียกชื่อผม “น้องเอ  พี่ชื่อ พี่ทีครับ” ว่าแล้วเขาก็จับมือผม แล้วเดินนำออกมาจากห้องน้ำ

“หยุดซักที นึกว่าจะตกไม่ยอมหยุดซะแล้ว”พี่ทีพูดขึ้นมาลอยๆ พร้อมเงยหน้ามองไปที่ท้องฟ้า

(ฝนตกตอนไหนหว่า ทำไมเราไม่เห็นรู้เรื่อง เราเข้าไปร้องไห้นานขนาดนั้นเลยเหรอ ที่เสื้อผ้าพี่เขาเปียกหน่อยๆก็คงตากฝนซินะ---ผมคิดในใจ)

“น้องเอว่าไหมครับ ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอเลยนะครับ” พี่ทีพูดพร้อมกับก้มหน้ามามองผม (แต่ยังจับมือผมอยู่นะ ไม่ยอมปล่อย)

ผมเงยหน้ามองฟ้าตามพี่เขาบอก บรรยากาศท้องฟ้ายามเย็นหลังฝนตก ช่างงดงามอะไรอย่างนี้ เมฆฝนที่คล้ำดำทมิฬกำลังสลายตัวไป พอให้เห็นแสงสีส้มอ่อนๆของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน เหล่าฝูงนกเริ่มบินกลับรังดูท่าทางมือความสุขเหลือเกิน เห็นแล้วน่าอิฉา แล้วเมื่อไหร่เมฆฝนปัญหาต่างๆที่มารุมเร้าจะหายไปจากใจซักที  ผมคิดพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ทำให้พี่ทีต้องปล่อยมือผม
หน้าปัดบอกเวลา 18.10 น. อะไรกัน เราใช้เวลาร้องไห้อยู่ในห้องน้ำเกือบ 20 นาทีเลยเหรอ
 ผมเดินตามพี่ทีมาเรื่อยๆ  พี่ทีทำท่าจะเดินเข้าไปในองค์การ ผมเลยหยุดชะงัก

“พี่ครับ ขอบคุณมากครับ แต่เพื่อนผมคอยอยู่...ทาง........”ตอนนี้หน้าองค์การ ที่เคยมีเหล่าผู้คนมาเข้าแถวยาวเหยียด กลับดูโล่งไม่มีคน แม้แต่พวกเพื่อนๆของผมก็ไม่อยู่ (สงสัยตอนฝนตกคงกลับกันหมดแล้ว -- - ผมคิดในใจ)

“ไหนล่ะเพื่อนเรา ไม่เห็นมีใครเลย”พี่ทีพูดพร้อมมองตามผม “เอาน่าไม่ต้องเกรงใจพี่หรอก เข้ามาก่อนซิ”ไม่พูดเฉย จับมือผมเดินเข้าไปในองค์การเลย

“สวัสดีค่ะพี่หมอที ไหนบอกว่า 10 นาทีไงคะ นี้มันจะครึ่งชั่วโมงไปแล้ว  เอาเถอะค่ะๆ ไม่เป็นไร มาช้ายังดีกว่าไม่มา  อ้าว  แล้วใครคะนั่น”พี่แหววทักทายพี่ที

“สวัสดีแหวว เรียกพี่ทีเฉยๆก็ได้ ที่จริงพี่มาถึงนานแล้วนะ พอดีไปจอดรถที่หลังองค์การ กำลังเดินมาฝนเจ้ากรรมก็ดันตกลง พี่เลยวิ่งไปหลบฝนที่ในห้องน้ำก่อน พอฝนหยุดถึงออกมานี่ไง”พี่ทีบอกเหตุผล แต่พี่แหววยังส่งสายตามองแบบ งง มาที่ผม พี่แหววยังคงเห็นผมไม่ถนัดเพราะพี่ทียืนบัง ไม่งั้นพี่แหววแกคงจำผมได้

“ส่วนนี่ น้องเอ เจอกันในห้องน้ำ น้องเขาล้างหน้าแล้วบังเอิญนิ้วไปจิ้มตาน่ะ พี่กลัวว่าจะติดเชื้อที่ดวงตา เลยกะว่าจะพามาล้างตาอ่ะ เดี๋ยวแหววช่วยดูในตู้ยาขององค์การทีนะ ว่ามียาล้างตาหรือเปล่า”พี่ทีพูดพร้อมขยับตัวออกและปล่อยมือผม

“อ๋อ ๆ....ๆ น้องคนนี้ นี่เอง” พี่แหววร้องขึ้นมา ทำให้ทุกคนหันมามองผม

“นายอีกแล้ว เหรอเนี๊ยะ”เสียงพี่นิคที่หันมามองด้วยหาง ทุกคนเงียบ ตอนนี้พี่ที งง กับเหตุการณ์ตรงหน้า

แล้วพี่แหววก็ทำลายความเงียบขึ้น “พี่หมอทีไปปรึกษาหารือ กับพี่นิค พี่ริช ปอในห้องประชุมเถอะค่ะ ส่วนเรื่องยาแหววจัดการเอง

“เออ...ใช่ เรียกพี่มาด่วน มีอะไร”พี่ทีทำทางถาม

“เข้าไปคุยกันเดี๋ยวก็รู้เองค่ะ น้องนั่งคอยตรงนี้ก่อนนะคะ” พี่แหววบอก แล้วเดินไปที่ตู้ยา ผมนั่งคอยที่โซฟาชุดรับแขกขององค์การ พี่ทีเดินเข้าไปในห้องประชุมพร้อมพี่นิค พี่ริช และพี่ปอ

“นี่คะ น้ำยาล้างตา มาพี่ล้างให้”พี่แหววพร้อมทำท่าจะมาจับตาผม

“ไม่เป็นไรครับๆ ผมทำเองได้”ผมรีบคว้าน้ำยาล้างตามาทำเอง

“น้องอยู่วิทย์คอมปี1ใช่ป่าว ชอบคอมเหรอจ๊ะ เห็นเก่งมากเลย แก้โปรแกรมได้ด้วย แต่เรื่องเมื่อวานพี่ว่ามันคงเป็นที่เครื่องมากกว่า เครื่องนี้ใช้มานานหลายรุ่นแล้ว น้องเองก็อย่าไปคิดอะไรมากล่ะ
พี่นิคเขาก็พูดไปอย่างนั้นแหละ พี่นิคเขาเป็นคนที่จริงจังค่อนข้างซีเรียส แต่ที่จริง ใจดีมากๆเลยนะ สอนเทคนิคการจัดเสียงตามสายในมหาลัยแล้วก็อะไรหลายๆอย่างให้พี่ด้วย” พี่แหววชวนผมคุยแก้เหงา

“ครับ” ผมตอบรับคำเดียว แต่ทำไมผมถึงขมที่คอจัง สงสัยเพราะยาล้างตาแน่ๆ มันคงซึมเข้าทางรูน้ำตาแล้วไหลลงมาที่คอ นี่แหละมั้ง ปาบกรรมของคนโกหก ว่านิ้วจิ้มตา เลยต้องขมคอตัวเอง

“เออ.......แล้วน้องชื่ออะไร คุยตั้งนานยังไม่รู้จักชื่อเลย พี่ชื่อแหวว มนุษย์ไทยปี 2 จ๊ะ”

“ผม เอ ครับ”

“น้องเอ ชื่อน่ารักสมหน้าตาเลย แล้วเอไม่สนใจทำงานองค์การเหรอจ๊ะ เก่งคอมอย่างนี้ พวกพี่ต้องการพอดี หรือจะมาอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์กับพี่ก็ได้นะ” พี่แหววเอ่ยชวน

ไม่ทันที่ผมจะตอบ ประตูห้องประชุมเล็กก็ถูกเปิดออก “ผลออกมาเป็นยังไงบ้างคะ หมู่หรือจ่าเอ่ย”

“ก็ตามนั้น”พี่ปอพูด

“ตามนั้น ตามไหนล่ะ ใครเขาจะรู้เรื่อง คุยกันอยู่สี่คน” พี่แหววออกวีนหน่อยๆ

“ก็สรุปว่าองค์การจะรับบริจาคเพียงครึ่งเดียว ส่วนอีกครึ่งจะใช้งบขององค์การเอง แหววช่วยติดต่อเหรัญญิกทำเรื่องรับเข้าแล้วเบิกจ่ายทีนะ”พี่ทีอธิบาย   “ค่ะพี่หมอที”

“แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องสำคัญอยู่ที่ว่าข้อมูลทั้งหมดหายไป ที่ประชุมสรุปว่าใครเป็นทำคนนั้นต้องรับผิดชอบ โดยการทำให้ข้อมูลมีกลับมาเหมือนเดิม”เสียงพี่นิคพูด ดูขึงขังจริงจัง

พี่แหววกับผมมองไปทางต้นเสียง พี่ริชกับพี่ปอ แบมือสองข้างแล้วส่ายหัว พี่หมอทีเองก็ทำหน้า งงๆประมาณว่าเรื่องนี้ไม่ได้พูดในทีประชุมนี่หว่า

“ครับ ผมทำได้”ผมเอ่ยปากออกมาเพื่อให้เรื่องมันจบๆซักที

“นิค ช่วยกันทำก็ได้นี่ คนในองค์การมีตั้งเยอะ”พี่หมอทีพูด

“ใช่ๆ แหววช่วยเอง”พี่แหววเสริม

“ไม่ได้ กล้าเสนอตัวทำ ก็ต้องกล้าเสนอตัวรับด้วยซิ ถึงจะสมศักดิ์ศรีลูกเจ้าพ่อมอดินแดง”เสียงพี่นิคเข้มมาก

“ไม่รู้โว้ย  ยุ่งฉิบหาย  จัดการกันเองก็แล้วกัน อยากได้เท่าไหร่รูดไปเลย  ไอ้ปอสองทุ่มแดกเหล้าร้านเดิม ไอ้นิค มึงเคลียร์ให้เสร็จแล้วตามมานะ  ตอนนี้กูขอไปเตะบอลก่อน” พิ่ริชพูดพร้อมยื่นบัตรให้พี่แหวว แล้วหันไปบอกพี่ปอพี่นิค ก่อนเดินออกไป  พี่ปอพยักหน้ารับโดยมีพี่แหววค้อนให้ทีหนึ่ง

“กูไปไม่ได้ วันนี้กูติดจัดรายการ”พี่นิคตะโกนตามหลังพี่ริช

“เออๆ เรื่องของมึง”พี่ริชตะโกนตอบกลับมา ก่อนที่จะขี่เวสป้าสีส้มออกไป

“ไอ้นี่ มีรถโก้ๆให้ขับ บ่ขับ ขี่มอเตอร์ไซค์ฮ่างๆ บ่เข้าใจมันเลย” พี่ปอบ่นตามท้าย (ฮ่าง เป็นภาษาอีสานแปลว่า เก่าๆพังๆ)

“เดี๋ยวนี้นิคจัดรายการวันธรรมดาด้วยเหรอ นึกว่าจัดแต่ช่วงเสาร์อาทิตย์” พี่หมอทีถาม

“เปล่าน่ะ หมอที วันนี้เราจัดแทน”พี่นิคตอบด้วยน้ำเสียงธรรมดาที่น่าฟัง

“เอ่อ พี่ครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”ผมเอ่ยด้วยเสียงที่แทบจะอยู่ในลำคอ

“ใครบอกว่าไม่มีอะไร”พี่นิคทำเสียงเข้มพร้อมกับหยิบแฟ้มหนาๆ สามแฟ้ม เดินเข้ามาใกล้ผมแล้วส่งให้ผมพร้อมกระซิบที่ข้างหูว่า “ข้อมูลที่นายทำหายไปอยู่ในแฟ้มนี้ จัดการเอาลงคอมฐานระบบให้เหมือนเดิม หวังว่าคนอวดเก่งอย่างนาย ไม่เกินเที่ยงพรุ่งนี้คงเสร็จนะ เพราะพรุ่งนี้มีประชุมองค์การตอนบ่ายโมงตรง” พูดจบพี่แกยิ้มมุมปากเหมือนได้ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่

“ครับ” ผมตอบรับในลำคอ หยิบแฟ้มแล้วเดินออกไป

“นิค ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ดูแลสุขภาพด้วยนะ เดี๋ยวไม่มีเสียงไปจัดรายการ ไม่มีอะไรแล้วเรากลับก่อนนะ”พี่หมอที มองหน้าพี่นิคแล้วอมยิ้มหน่อยๆ

“หมอทีเองก็เหมือนนะ อย่าเครียดกับคนไข้มาก ดูแลสุขภาพด้วย”พี่นิคพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มหูน่าฟัง
 สบตาพี่หมอที แล้วยิ้มบางๆเห็นไรฟัน

“อะไรกันเนี๊ยะ พี่สองคน ล่ำลายังกับซีรี่ย์หนังเกาหลี ทำยังกับว่าจะไม่ได้เจอกันอีก”พี่แหววแซว

......................................................................................

ผมออกมาสตาร์ทมอเตอร์ไซค์  แล้วกูจะขี่ไปยังไงเนี๊ยะ  มือถือแฟ้มหนาๆสามเล่ม จะไว้ตะกร้าหน้ารถก็บังทาง จะยัดใส่กระเป๋า แฟ้มก็หนาเกินไป ผมตัดสินใจจะลองขับมือเดียวไปดู

“อ้าวน้องเอ ทำอะไรดูเก้ๆกังๆ จะขี่รถมือเดียวเหรอ อันตรายนะ อยู่ไหนล่ะเดี๋ยวพี่ไปส่ง”เสียงพี่หมอทักเดิน

“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ  ขอบคุณครับ”ผมตอบไป แต่พี่หมอเดินมาปิดกุญแจมอไซค์ผมแล้วถือแฟ้มไป ทำให้ผมต้องเดินตามพี่เขาไป

“พี่ทีครับ ไม่เป็นไรจริงๆ  ผมไปได้ครับ”ผมพูดพยายามเดินตามพี่เขาให้ทัน
ปิ๊บ ๆ เสียงปลดล็อครถอัตโนมัติดังขึ้น  พี่ทีก็เอาแฟ้มทั้งสามวางที่ด้านหลังรถ VIOS สีบอนด์เทา

“พี่ทีครับ ผมขอกุญแจคืนครับ  ผมนั่งสองแถวไปก็ได้ครับ”ผมต่อรอง

“ขึ้นรถก่อนซิ ถ้าอยากได้คืน”พี่ทีบอก ทำให้ผมต้องยอมนั่งรถไปกับพี่เขา

“พักที่ไหนล่ะ”พี่ทีถาม

“หอ9 หลังครับ”

“แล้วตาเป็นยังไงมั้ง เคืองๆอยู่ไหม” พี่หมอทีถามพร้อมขับรถออกไป

“ไม่แล้วครับ”

“แปลกนะ นิ้วจิ้มตา แต่ทำไม ไม่มีรอยช้ำเลย” พี่หมอทีพูด พร้อมทำตายิ้มเจ้าเล่ห์มาทางผม (ตอนนี้โครตหล่อเลย)

(อ้าวพี่หมอทีรู้ว่าเราโกหกเหรอเนี๊ยะ  แล้วให้เราไปล้างตาทำเพื่อ..........--ผมคิดในใจ)
“คือที่จริง.........”ผมว่าจะบอกความจริง ว่าผมร้องไห้

“ไม่เป็นไร คนเรามันก็ต้องมีเรื่องไม่อยากบอกคนอื่นบ้างซิน่า ใช่ไหม แต่ถ้าเป็นเพราะว่าเรื่องคอมขององค์การไม่ต้องคิดมาก ทุกอย่างลงตัวแล้ว”พี่หมอทีคงคิดว่าผมร้องไห้เพราะเรื่องคอมขององค์การมั้ง ไม่หรอกเรื่องแค่นั้นสำหรับผมมันขี้ปะติ๋ว ไม่ทำให้กับผมน้ำตาตกได้หรอก แต่ที่ผมเจอมาทั้งวันนี่ซิ ไหนจะเรื่องของหนึ่ง ไหนจะเรื่องาน เรื่องตำรวจ ใช่ซิ เรื่องหนึ่งกลับไปหอต้องเจอมันนี่หว่า เอาไงดี เอาว่ะ ยังไงก็ต้องเจออยู่แล้ว ผมนั่งคิดไปเรื่อยพร้อมมองข้างทาง

“พี่ครับๆ พี่ช่วยจอดร้านเค้กข้างหน้าให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”

“เอาซิ ว่าจะแวะซื้ออยู่พอดี ชอบกินเค้กร้านนี้เหรอ เหมือนพี่เลย อร่อยดี”

ที่จริงผมก็ไม่ได้ชอบเค้กอะไรมากมายหรอกครับ แต่ตั้งใจว่าจะซื้อไปฝากหนึ่ง เพราะเคยมากินที่ร้านนี้ แล้วหนึ่งบอกว่า อร่อยดี แต่แพงไปหน่อยเสียดายเงิน
พี่หมอทีจอดรถ เราเดินเข้ามาในร้านขายเค้ก มีตู้ใส่เค้กนานาชนิดให้เลือก

“ใส่กล่องครับ เอานี้ครับ เอานี้ด้วย เอานี้อีกชิ้นครับ”ผมชี้สั่ง

“ของผมก็ใส่กล่องครับ เอาออเร้นท์บีช กับช็อคบลู อย่างละชิ้นครับ คิดเงินรวมกับของน้องเขาเลยครับ” พี่หมอทีบอกพนักงานตักเค้ก

“ไม่เป็นไรครับพี่  เดี๋ยวผมจ่ายเอง”ผมรีบท้วงขึ้น

“ทั้งหมด 5 ชิ้น 200 บาท พอดีค่ะ”เสียงพนักงานประจำร้านบอก พร้อมกับพี่หมอทีจ่ายเงินออกไป

ผมมองพี่หมอทีด้วยแววตาเกรงใจแต่ก็เคืองๆ

“มองอะไร ไม่พอเหรอ สั่งอีกก็ได้นะ”พี่หมอทีบอก

“ไม่ครับๆ พอแล้วครับ”ผมรีบปฏิเสธแล้วเดินไปขึ้นรถ

“เห็นตัวเล็กๆ อย่างนี้กินเก่งเหมือนกันนะ เค้กตั้ง 3 ชิ้น” พี่ทีแซวขณะขับรถไป (ตัวเล็กอะไรผมสูงตั้ง177ซม.นะ พี่นั่นแหละสูงเกินบ้านเกินเมือง ว่าพี่นิคสูงแล้ว นี่ยังสูงกว่าพี่นิคอีก)

“ป่าวครับ ซื้อไปฝากรูมเมทด้วยครับ”ผมรีบแก้ตัว

“ใจดีจัง  แล้ว ... เอ  ชื่อเอใช่ป่าว เอเป็นคนจังหวัดขอนแก่นหรือป่าว”พี่หมอหาเรื่องชวนคุย

“ครับผมชื่อเอ  ผมเป็นคนเมืองชลครับ”(ก็พี่เขายังเรียกชื่อเราอยู่เลย  แล้วจะถามทำเพื่อ....ว่าชื่ออะไร เอ๋อ ป่าวหว่าพี่หมอนี่)

“ถึงว่าไม่มีเค้าหน้าคนขอนแก่นเลย”

........เงียบ....... พี่หมอที เอื้อมมือมากดเครื่องเสียงในรถ

.......อดทนเวลาที่ฝนพร่ำ..........อย่างน้อยมันก็ทำให้เราได้รู้ถึงความแตกต่าง............เสียงเพลงทำลายความเงียบ (ฟังเพลงของพี่บอยด้วย --- ชอบเหมือนกันเลย)

“เออ น้องเอ ไอ้งานในแฟ้มน่ะ ถ้าต้องซีเรียสมากนะ ให้คนในองค์การช่วยก็ได้” พี่หมอชวนคุยอีกรอบ

“ครับ”

.......เวลาที่ฟ้าไม่เป็นใจ  ...........เวลาที่ฟ้า.................ยังสดใส.......เสียงเพลงดังไปเรื่อยๆ

“เพลงนี้ความหมายดีเน๊อะ น้องเอ ชอบไหม”พี่หมอพยายามชวนผมคุย

“ครับ ชอบครับ”นั่นคือคำตอบรับจากผม

“ชีวิตคนเรามันก็เหมือนกับท้องฟ้านั่นแหละ เดี๋ยวก็มีฝน เดี๋ยวก็มีเมฆหมอก แต่ฟ้าหลังฝนจะงดงามเสมอ เหมือนกับว่าฝนได้ชะล้างสิ่งสกปรก ออกไปจากฟ้าอย่างนั้นแหละ ถ้าเป็นชีวิตเราอุปสรรคปัญหาต่างๆก็เหมือนกับพายุฝนเมฆหมอก ถ้าเราผ่านมันไปได้ก็จะทำให้เราแข็งแกร่ง ยืนหยัดอยู่ได้อย่างงดงามเหมือนฟ้าหลังฝนไง” พี่หมอทีพูดบ่นออกมาลอยๆ

พอถึงหอ ผมลงจากรถเดินไปหยิบแฟ้มหลังรถ พร้อมกับถุงเค้ก แล้วมายกมือไหว้ขอบคุณพี่หมอที
ผมเห็นพี่หมอทีกำลังเขียนอะไรแล้วฉีกกระดาษแผ่นนั้น ยื่นส่งมาให้ผม

“นี่  อ่ะ เบอร์โทรกับเมล์แล้วก็ Hi 5 ของพี่”พี่ทีบอก

“ครับ ขอบคุณครับ”

“แล้วเวลาล้างหน้า ระวังนิ้วจิ้มตาตัวเองอีกนะ ฮึๆ”พี่ทีพูดแซวพร้อมยิ้มอย่างน่ารัก แล้วหัวเราะในลำคอ ก่อนขับรถออกไป

.............................................................






A_wAy_G_mAn

  • บุคคลทั่วไป
    บทที่สี่ --- ฟ้าหลังฝน (ต่อ)


............................................


“แล้วเวลาล้างหน้า ระวังนิ้วจิ้มตาตัวเองอีกนะ” เสียงและภาพของพี่ที ติดหูติดตาระหว่างที่ผมเดินขึ้นบันได ไปทีห้อง ผมเดินไปยิ้มไป ใครเห็นคงว่าบ้า  แล้วเราเป็นอะไรนี่  พี่เขาก็ผู้ชาย  เราก็ผู้ชาย  เราจะมาประทับใจอะไรนี่  บ้าแล้วๆ ผมส่ายหัวไปมาไล่ความคิดและภาพพวกนั้น จนมาหยุดที่หน้าห้อง ผมลืมเหตุการณ์เมื่อครู่ทั้งหมด กำลังเตรียมใจรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า ผมไขกุญแจ เปิดห้องเข้ามา ว่างเปล่า หนึ่งยังไม่กลับมาเหรอ จะทุ่มแล้วนะ หนึ่งไม่เคยเถลไถลนี่นา  ปกติเลิกเรียนก็จะกลับห้องเลย ผมถามตัวเองในใจ  เป็นอะไรหรือเปล่าน้า แต่ตอนนี้เอาไว้ก่อน จัดการงานเจ้าสามแฟ้มนั่นก่อนแล้วกัน ว่าแล้วผมนั่งเอา Notebook ตัวโปรดขึ้นมานั่งทำไปเรื่อยๆ

นานเท่าไหร่ไม่รู้ เสียงท้องในกระเพาะร้องประท้วง ผมเลยมองดูนาฬิกาเข็มสั้นชี้เลขเก้า เข็มยาวชี้เลขหก อะไรกันสามทุ่มครึ่งแล้ว ยังทำไม่ได้ถึงครึ่งแฟ้มเลย ข้อมูลอะไรมันเยอะอย่างนี้ว่ะ ผมว่าจะลงไปหาอะไรกินรองท้อง แต่ถ้าไป U Center ตอนนี้คนคงเยอะน่าดู จะเสียเวลาทำงานเปล่าๆ
 นึกแล้วตาก็เหลือบไปเห็นถุงเค้ก เอามาร้องท้องซักชิ้น ก่อนดีไหมน้า ไม่ได้ๆเราซื้อมาฝากหนึ่งนิ่
เออ..จะสามทุ่มกว่าแล้วหนึ่งยังไม่มาเลย  ชักห่วงแล้วซิ หรือจะเป็นเพราะคำพูดของเราเมื่อเช้านี้
ผมลุกจากเก้าอี้จะลองไปเดินตามหาหนึ่ง เปิดประตูก็ก็ต้องตะลึง หนึ่งยืนอยู่หน้าห้อง พอหนึ่งเห็นผม ก็โผลเข้ามากอด ทำเอาผมเซ เข้ามาในห้องเหมือนเดิม

“เอ ......อยู่เป็นเพื่อนเรานะ”เสียงหนึ่งที่ดู แหบพร่าและเบาพูดกับผมทั้งที่ยังกอดผมอยู่

“อือๆ....”ผมตอบแบบ งงๆ พร้อมพยักหน้าเล็กน้อย

“เอ สัญญาแล้วนะ เอ ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเรานะ เอ อย่าทิ้งเราไปไหนอีกนะ เรากลัว”หนึ่งพูดพร้อมปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายผม

“ไม่มีอะไรต้องกลัวนะหนึ่ง เราอยู่กับหนึ่งแล้วนี่ไง” ในใจต้องนั้นผม งง ไปหมด กว่าจะปลอบหนึ่งได้ก็นานโขอยู่

“อาบน้ำเสร็จแล้ว สบายใจขึ้นหรือยัง” ผมถามหนึ่ง

“อืม  ก็ดี  ขอบใจนะเอ ที่เข้าใจเรา” หนึ่งบอกพร้อมยิ้ม

“อือ....ไม่เป็นไร หนึ่งเราซื้อเค้กมาฝากอ่ะ ร้านที่หนึ่งบอกว่าอร่อยอ่ะ” กูไปเข้าใจอะไรตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ

“จริงเหรอ ไหนๆ โห.......ตั้งเยอะ หมดไปหลายบาทเลยซิท่า มากินด้วยกันซิ เอ เรากินคนเดียวไม่หมดหรอก” (ไม่อยากจะบอกเลยว่าไม่เสียซักบาท เห่อๆ) หนึ่งกลางโต๊ะญี่ปุ่นออกกลางห้องพร้อมเอาเค้กวางลงกับช้อนสองคัน ผมลงไปนั่ง ลืมไปเลยว่ากำลังหิว

“หนึ่ง ถามอะไรหน่อยได้มั๊ย” ผมเอ่ยขึ้นมา ทั้งทีในใจยังกล้าๆกลัวๆ

“ถามมา ซิ” หนึ่งตักเค้กเข้าปาก

“เอ่อ.....ทำไม หนึ่งถึงว่า เรา......เอ่อ  ว่า  เป็นคนไม่รักษาสัญญาล่ะ” ผมพูดแบบไม่มั่นใจ กลัวเจ้าตัวโกรธอีก

หนึ่งวางช้อนลง  มองมาที่ผม (เอาแล้ว หาเรื่องอีกแล้วไงกู --- ผมคิดในใน)

“เอ... เอ ทำผิดแล้วยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ” หนึ่งย้อน  ผมส่ายหน้าน้อยๆ(ถ้ารู้แล้วจะถามมั๊ยเนี๊ยะ)

“ก็ใครกัน คืนที่ฝนตก บอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเรา แล้วพอไปงานเปิดโลกกิจกรรม เขาคนนั้นก็ทิ้งเราไปเลย เขาไปกับกลุ่มเพื่อนของเขา ไม่สนใจเราเลย” หนึ่งก้มหน้าพูด ผมถึงบางอ้อ ก็คราวนี้เอง

“อ๋อ...วันนั้นเราหลงกับหนึ่งนี่นา แล้วเราก็ไปกับเพื่อนกลุ่มเก่าของเรา เราเจอเรื่องยุ่งๆ เราเลยไม่ได้คิดอะไรเลยอ่ะ ขอโทษด้วยนะ ขอโทษจริงๆ” ผมขอโทษมาจากใจจริง

“ไม่หรอก เรามาคิดๆดู เราเองก็ผิด ว่าแต่เอเจอเรื่องยุ่งๆอะไรเหรอ”

“หนึ่งอย่ารู้เลย  เรื่องไร้สาระอ่ะ  กินเค้กต่อดีกว่า      หนึ่ง แต่เรายังไม่หายข้องใจ แค่เราหลงกัน แล้วเราไปกลับเพื่อนกลุ่มใหม่ ทำไมหนึ่งถึงต้องโกรธไม่พูดกับเรา ยังว่าเราเป็นคนไม่รักษาสัญญาอีก”ผมถามต่อด้วยความอยากรู้ (อยู่ดีไม่ว่าดีนะ หาเรื่องอีกแล้ว)

หนึ่งวางช้อนลงครั้งที่สอง “เอ บางคนก็มีอดีตที่ไม่ดีที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้หรอกนะ เอ อย่ารู้เลยแล้วกัน ที่เอยังไม่ยอมบอกเรื่องยุ่งๆของเอเลยอ่ะ”หนึ่งทำท่าอยากรู้เรื่องยุ่งๆของผม

(จะบอกได้ไงเรื่องน่าอายขนาดนั้น ช่างมันเถอะ ไหนๆก็แล้วไปแล้ว ไม่รู้ก็ได้ว่ะ – ผมคิดในใจ)

“แต่ เอ สัญญากับเราแล้วนะว่าจะอยู่เป็นเพื่อนกันตลอดไป ห้ามย้ายห้องหนีด้วย”หนึ่งพูดขึ้น

“คงไม่ได้หรอก   เพราะว่าเภสัชเขาเรียน 5ปี แต่เราเรียน 4ปีก็จบแล้ว ถ้าให้อยู่เป็นเพื่อนหนึ่งเราก็ต้องเป็นพี่เปอร์ซิ” ประโยคแรกทำเอาหนึ่งหน้าเสีย แต่ประโยคต่อมาทำเอาหนึ่งยิ้มไม่หุบ ซึ่งนานทีหนึ่งจะยิ้มแบบนี้ ดูแล้วน่ารักดี (เปอร์ มาจากคำว่า ซุปเปอร์ ใช้เรียกพวกที่เรียนเกินระยะเวลาที่หลักสูตรกำหนด)

“แล้วนี่ทำไมยังไมอาบน้ำอีกแล้วจะห้าทุ่มแล้วนะ”หนึ่งเปลี่ยนเรื่อง

“อ๋อ ทำงานอยู่นะ”

“การบ้านเหรอ มีอะไรให้เราช่วยได้บ้างไหมล่ะ” หนึ่งเสนอตัว

(ใช่การบ้านของยายเจ๊ ลืมสนิทเลย มัวแต่นั่งทำข้อมูลบ้าบออะไรก็ไม่รู้ -- ผมคิด)

“หนึ่ง หนึ่งคิดว่าความตรงต่อเวลากับความรับผิดชอบมันดียังไงอ่ะ”ผมถามขึ้น

“ถามอะไรเป็นเด็กๆน่า  ก็..........................”หนึ่งอธิบายออกมาอย่างยาว กับคำถามเด็กๆของผม
ทำให้ผมได้ไอเดียอะไรใหม่ๆอีกหลายอย่างที่จะทำการบ้านโฮมเพจคุณธรรมส่งยายเจ๊นั่นแล้ว แต่ติดอยู่ตรงที่ตอนนี้ห้าทุ่ม งานองค์การต้องเสร็จก่อนเที่ยง โฮมเพจยายเจ๊ต้องนำเสนอบ่ายโมง จะทันไหมเนี๊ยะ

หนึ่งกินเค้กเสร็จก็เข้านอน ผมก็นั่งทำงานต่อไป เลิกทำข้อมูล ทำโฮมเพจก่อน ทำไปเรื่อยๆจนเสร็จเกือบตีสี่ กะว่าจะนอนพักซักหน่อย แต่เสียงที่บอกว่า “กล้าเสนอตัวทำ ต้องกล้าเสนอตัวรับด้วย
ใครทำต้องรับผิดชอบ คนอวดเก่งอย่างนาย น่าจะทำได้”มันทำให้ใจผมครุกรุ่น ไม่ได้ๆ เราจะมานอนตอนนี้ไม่ได้ พรุ่งนี้ไม่มีเรียนเช้าอยู่แล้ว กว่าจะถึงเที่ยงอีกตั้ง 8 ชั่วโมง ต้องเสร็จซิน่า ว่าแล้วผมก็นั่งทำงานต่อไป นานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้อีกทีหนึ่งก็ตื่นขึ้นมาแล้ว

“เป็นไปได้ยังไง  เอ  ตื่นอาบน้ำแต่งตัวพร้อมไปเรียนแล้ว”หนึ่งทัก เพราะเห็นผมแต่งชุดนักศึกษาอยู่

“ตื่นกับผีอะไร  ยังไม่ได้นอนเลย”ผมตอบไป

“อย่าบอกนะว่า ทำงานตั้งแต่เมื่อคืนนี้ น้ำก็ยังไม่ได้อาบ นอนก็ยังไม่ได้นอน”หนึ่งเดินเข้ามาดู ผมพยักหัวให้

“แล้วหนึ่งมีเรียนเช้าเหรอ”

“วันนี้มีเรียนสิบโมง”

“แล้วรีบตื่นมาทำไม  นี่เพิ่งเจ็ดโมงเอง”ผมถามอย่างประหลาดใจ

“ก็เรานอนตื่นสายไม่เป็นอ่ะ  เจ็ดโมงนี่ก็สายมากแล้วสำหรับเรา”หนึ่งตอบ (ผมคิดในใจ—ไอ้หนึ่งมึงจะดีไปถึงไหน)

“เดี๋ยวเราจะอาบน้ำแล้วไปหาอะไรกิน ไปด้วยกันไหม เห็นบอกว่ายังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อคืนไม่ใช่เหรอ”หนึ่งชวน

“ไม่อ่ะ เสียเวลาทำงาน” โห........ผมตอบซะดูดี

“เอาอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวซื้อขึ้นมาฝาก”

“ขอกาแฟ ม็อคค่าปั่นแก้วแล้วกัน”

..............................................................

ในที่สุดก็เสร็จจนได้  เกือบสิบเอ็ดโมง หนึ่งออกไปเรียนแล้ว หลังจากเอาม็อคค่าปั่นขึ้นมาให้ผม   ปวดตาจังเลย ก็แน่ละซิเล่นอยู่หน้าจอคอมทั้งคืนทั้งวัน แถมยังไม่ได้ถอดคอนเทคเลนส์ออกเลย  วันนี้ใส่แว่นไปเรียนแล้วกัน  ว่าแล้วผมก็ไปอาบน้ำ แล้วไปองค์การก่อน เพื่อจะได้เอางานไปส่งแล้วเอามอไซค์ด้วย

“อ้าว น้องเอ มาได้ยังไงเนี๊ยะ อุ๊ย ใส่แว่น หล่อขึ้นเยอะเลยนะ ถ้าพี่รุ่นเดียวกันนะจะจีบเลยล่ะ
 พอดีเลย พี่มีเรียนสิบเอ็ดโมง ฝากเฝ้าองค์การด้วยนะ เที่ยงๆพี่จะเข้ามาจ๊ะ”พี่แหววพูดแล้วออกไป  โดยผมไม่ทันได้พูดอะไรโต้ตอบเลยซักคำ

“เอาไงดีว่ะ ไม่มีใครอยู่เลยหรือไง อีกตั้งสองชั่วโมงกว่าจะเข้าเรียน เอาข้อมูลลงดีกว่า”ผมบ่นคนเดียว แล้วเปิด Notebook เตรียมสาย data เพื่อต่อข้อมูลลงกับเครื่อง PC ขององค์การ

“จะทำอะไรอ่ะ”พี่นิคพูด พร้อมเปิดประตูห้องประชุมเล็กออกมา

“ผมเอาข้อมูลที่พี่ให้ทำไว้มาลงให้ครับ” คำพูดของผม ทำเอาพี่นิคอึ้งเล็กน้อย ก่อนรักษาฟอร์มแล้วพูดว่า

“เอาลงเสร็จแล้ว อย่าเพิ่งไปนะ ขอตรวจก่อนว่าเรียบร้อยไหม”

พอผมเอาข้อมูลลงเสร็จ พี่แกก็มายืนดูข้างหลังผม เอามือข้างหนึ่งจับพนักเก้าอี้ตัวที่ผมนั่ง อีกมือก็เลื่อนเม้าส์ดูข้อมูล ถ้าคนอื่นมองเข้ามาจะเห็นเหมือนพี่แกโอบผมครึ่งตัว ผมได้กลิ่นโคโรลที่พี่แกใช้ กลิ่นแมนมากๆ แต่ผมเริ่มมึนๆหัว  ตาพร่าๆ  เลยถอดแว่นออกขยี้ตา

“ใส่แว่นด้วยเหรอ เรานะ” พี่นิคถาม

“ครับ สายตาสั้นครับ”ผมบอกแล้วรีบสวมแว่นคืน แต่เสียงของพี่นิคที่พูดครั้งนี้ดูนุ่มกว่าทุกครั้งที่พูดกับผมมา

“อืม........ก็ดีนะ ใช้ได้  กินข้าวหรือยัง ป่ะพี่เลี้ยงข้าวเที่ยง” พี่นิคเอ่ยชวน พร้อมกดปิดคอม

ผมมองนาฬิกาเที่ยงสิบนาที ผมมีนัดกับอาจารย์บ่ายโมง “ขอบคุณครับ แต่ผมมีนัดครับ บ่ายโมง”

“นี่เพิ่งเที่ยงเอง ไปกินข้าวก่อน เดี๋ยวจะเอาไปพูดได้ว่า องค์การใช้ทำงานแล้วไม่เลี้ยงข้าว”พี่แกเสียงเข้มขึ้นนิด

“ก็ได้ครับ”ผมตอบ แบบเงี่ยงไม่ได้ กลัวมีเรื่องอีก

แล้วเราก็พากันเดินไปที่คอมเพล็คซึ่งอยู่ห่างจากองค์การแค่ข้ามถนน (คอมเพล็ค คือ ศูนย์อาหารและบริการของทางมหาลัย มีครบทุกอย่างที่ต้องการ ทั้งขายอาหาร ร้านหนังสือ เสื้อผ้า  เสริมสวย ตัดแว่น อินเตอร์เน็ทคาเฟ่ ที่สอนพิเศษ สอนดนตรี สอนยูโด ฯลฯ และคอมเพล็คนี้เป็นแห่งนัดพบของชาวมอเลยก็ว่าได้ ช่วงสอบคอมเพล็คจะเต็มไปคนนักศึกษาที่มาอ่านหนังสือสอบกัน)

“จะกินอะไร” พี่นิคถามผม

“อะไรก็ได้ครับ”

“อะไรก็ได้  สั่งร้านไหนอ่ะ เขาถึงขาย”พี่นิคกวน

ผมมองหาร้านที่คนน้อยที่สุด “กินผัดไทก็ได้ครับ”

แล้วเราก็ไปนั่งในร้านผัดไท “เอาน้ำอะไรอ่ะ อย่าบอกว่าอะไรก็ได้นะ” พี่นิคขัดคอไว้ก่อน

“งั้นขอกาแฟเย็นครับ” ผมบอก

“เป็นเด็กเป็นเล็ก กินกาแฟ”  “ป้าครับ ขอนมเย็น 2 ครับ” พี่นิคตะโกนสั่ง (แล้วมันจะถามกูทำเพื่อ........)

ผมนั่งไปเหมือนจะทรงตัวเองไม่อยู่  หัวเริ่มหมุน  ตาจะปิดลง  อาการง่วงนั่นเอง  ผมมองป้าผัดไท ทำไมนานได้จัง  ให้ตายเถอะป้าแก ทำใส่กล่องให้ลูกค้าก่อน ให้คนในร้านนั่งคอย ผมดูดนมเย็นแล้วดูนาฬิกา 12.40 น. ในใจเริ่มร้อนร้นกลัวไม่ทัน แต่ร่างกายของผมซิครับ มันไม่ร้อนตาม
มันประท้วง มันบอกว่ามันอยากนอนแล้ว

“พี่ถามได้ยินไหม” พี่นิคพูดเสียงดัง

“ค....คร้าบบ ได้ยินครับ อะไรนะครับ” ผมตื่นขึ้นมานิดหนึ่ง

“เมื่อกี้ พี่แหววโทรมาบอกว่าทำเรื่อเบิกจ่ายค่าคอมเรียบร้อยแล้ว วันศุกร์นี้คงจะได้ไปซื้อ”พี่นิคบอก
(ก็ดีแล้วจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวกันซะที --- ผมคิดในใจ)

“พี่แหวว เลยฝากบอกว่าให้ชวนเราไปด้วย บอกว่าน้องเขาเก่งคอม ให้ไปช่วยดูช่วยเลือก เราว่าไงอ่ะ”
พี่นิคบอกต่อ (อะไรว่ะไม่ยอมปล่อยเราอีกเหรอ --- ผมคิด)

“ครับ”

“งั้นเอาเบอร์โทรของเรามา จะไปตอนไหนจะให้พี่แหววโทรบอกอีกที”

“ครับ 0 8 1 0 0 0 1 0 0 0”

“เลขสวยดีนี่ สมกับเรียนคอม ระบบ 0 1  อ้าวรีบๆกินซิ ผัดไทเย็นหมดแล้ว”

มาตอนไหนว่ะเนี๊ยะ เรานั่งง่วงจนไม่รู้อะไรเลยเหรอ ผมตักผัดไทเข้าปากเป็นคำแรก แต่ของพี่นิคแกหมดไปเกือบครึ่งจาน ผมมองนาฬิกา ตายโหง เที่ยงห้าสิบแล้ว ผมหายจากอาการง่วงเป็นปลิดทิ้ง

“พี่ครับ ผมไปแล้วครับ เดี๋ยวไม่ทัน” ผมพูดพร้อมผัดไทยังเต็มปาก ไม่สนว่าคู่สนทนาของผมจะว่าอะไร ผมก็วิ่งกลับไปที่องค์การ คว้ามอไซด์ รีบบึ่งไปที่คณะทันที

..................................................


ผมเดินเข้าห้องมานั่งลงกับกลุ่มเพื่อน ไม่ถึงหนึ่งนาทีอาจารย์ก็เข้า  แล้วผมก็ออกไปพรีเซ็นต์โฮมเพจส่วนตัวกับโฮมเพจคุณธรรมด้วยเสียงที่ยังกระหืดกระหอบอยู่


 “ดี ทำได้ดี โดยเฉพาะโฮมเพจคุณธรรม มีเนื้อหาหลากหลาย แนวคิดไอเดียลูกเล่นแปลกๆเยอะ
 เป็นงานที่ละเอียด สื่อถึงความตั้งใจของคนทำ ครูว่าเธอคงเก่งมาซินะ ที่สามารถทำ 2โฮมเพจให้เสร็จได้เพียงชั่วข้ามคืน แต่ไม่มีทาง สำหรับมือใหม่อย่างพวกเธอ หรือเป็นเพราะว่าวันนี้เธอใส่แว่น ไม่ซินะ แสดงว่าเธอทำโฮมเพจส่วนตัวเสร็จแล้วแต่ลืมเอามาจริงๆ เอาเป็นว่า โฮมเพจคุณธรรม ถ้าครูจะขอเธอเพื่อใช้เป็นสื่อการสอนให้กับรุ่นต่อๆไปจะได้ไหมจ๊ะ”อาจารย์ยายเจ๊ถาม และเหมือนเป็นการปลดโซ่คำว่าคนไม่มีความรับผิดชอบออกจากตัวผม พร้อมให้เพื่อนทุกคนได้เข้าใจ

“ได้ครับ”ผมตอบ แล้วเดินกำลังไปนั่งที่เดิมอย่างหมดแรงหมดกำลังกาย แต่กำลังใจตอนนี้เกินร้อย

เสียงปรบมือของเพื่อนๆดังขึ้นเพื่อเป็นการชื่นชมผม แต่ผมขอเป็นที่นอนนุ่มๆได้ไหมตอนนี้ ผมอยากให้ชั่วโมงนี้จบไปเร็วๆซักที

“เอ ทำได้ดีมากเลย เห็นรุ่นพี่บอกว่าอาจารย์คนนี้ชมคนยากมากๆๆ แต่อาจารย์ชมเอด้วยแหละ”ปูเป้พูดเชิงกระซิบ

“เอ เป็นอะไรอ่ะ ดูเหนื่อยๆ ตาช้ำๆ หรือเป็นเพราะว่าวันนี้มันใส่แว่น”บอยทักแบบเบาๆ

“แบบนี้ แม่งนั่งดูเวบโป๊ มาทั้งคืนชัวร์”ปอนด์ออกความเห็น

“ปอนด์ คิดอะไรได้บ้าง นอกจากเล่นเกม เวบโป๊เนี๊ยะ”ทรายแอบวีนใส่

“ถ้าคิดได้ก็พูดอย่างอื่นแล้วซิ พวกแกนี่เข้าใจอะไรยากจริงๆ”ปอนด์ตอบกลับ เล็กแอบค้อน บอยกับปูเป้หัวเราะเบาๆ แต่ผมนี่ซิตาจะปิดแล้วครับ พี่น้องเพื่อนคร้าบบบบบบ

“ชั่วโมงหน้าวันศุกร์ ไม่ต้องเข้าคลาสนะ ครูติดอบรมให้พี่ป.โท ให้ไปดูรูปแบบการสร้างลิ้งค์แบบต่างๆมาไว้นะจ๊ะ แล้วเจอกัน สวัสดีจ๊ะ”อาจารย์ยายเจ๊ พูดตอนหมดชั่วโมง

“วันศุกร์ไม่ต้องเข้าเรียน แม่งจะเล่นเกมทั้งวันเลย”ปอนด์พูดลอยๆ

“อย่างกับตอนนี้ แกทำอย่างอื่นนอกจากเล่นเกมนะไอ้ปอนด์”ทรายแอบกัด

“เราห้องสมุดก่อนดีป่ะ  เย็นๆค่อยกลับ ตอนนี้ยังแดดร้อยอยู่เลย” ปูเป้เสนอ

“ไม่ได้นะ ไม่ได้ ยายเป้ เธอต้องไปอบไอ้น้ำกับฉัน”ทรายท้วงอย่างเร็ว พร้อมหยิบแป้งขึ้นมาโป๊ะหน้า

“เอ เหลือเราสองคน จะไปไหนดี” บอยถามผม

“ไปนอน”ผมฟุปลงกับโต๊ะแล้วตอบ

“เฮ่ย ! ไอ้เอ ชวนเราไปนอนอ่ะ”บอยบอก

“กูว่าแล้วไง ไอ้นี่มันแปลกๆ” ปอนด์เสริม บอย ทราย ปูเป้หัวเราะ ผมไม่มีแรงตอบโต้

เราเดินออกมาจากคณะด้วยกัน แล้วก็ต่างแยกย้ากันออกไป  ผมขี่มอเตอร์ไซค์ด้วยความระมัดระวังกว่าเดิม (ที่จริงง่วงห้ามขับนะ) ถึงกระนั้นก็ยังมีเลี้ยวผมซอยถึง สองซอย แล้วทำไมแดดมันแรงอย่างนี้ว่ะ จะสี่โมงเย็นแล้วนะเนี๊ยะ  ผมบ่นเพราะเริ่มปวดหัวตุ๊บๆ

ถึงหน้าหอเหมือนกับสวรรค์อยู่ตรงหน้า  แต่ห้องผมมันตั้งชั้นสาม ผมลากตัวเองขึ้นไปกว่าจะถึงเรียกได้ว่าแทบคลานเลยทีเดียว  ผมไขกุญแจห้องออก ที่นอนอันแสนอบอุ่น 
สวรรค์อยู่ตรงหน้าจริงๆ  ผมถอดรองเท้าได้ ปิดประตูห้อง คลานขึ้นเตียงนอนเลยทั้งๆที่ยังเพิ่งบ่ายสี่เอง

+++++ จบบทที่สี่ +++++


*** ข้อคิดคำคมประจำบท ***
-   ชีวิตคนเรามันก็เหมือนกับท้องฟ้านั่นแหละ เดี๋ยวก็มีฝน เดี๋ยวก็มีเมฆหมอก แต่ฟ้าหลังฝนจะงดงามเสมอ เหมือนกับว่าฝนได้ชะล้างสิ่งสกปรก ออกไปจากฟ้าอย่างนั้นแหละ ถ้าเป็นชีวิตเราอุปสรรคปัญหาต่างๆก็เหมือนกับพายุฝนเมฆหมอก ถ้าเราผ่านมันไปได้ก็จะทำให้เราแข็งแกร่ง ยืนหยัดอยู่ได้อย่างงดงามเหมือนฟ้าหลังฝน
-   บางคนก็มีอดีตที่ไม่ดีที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้


p.s. ตอนหน้าจะมีตัวละครมาเพิ่มอีกหนึ่งนะครับ (อย่าเพิ่งเตรียมใจ งง o2 ล่วงหน้านะครับ)
      ตอนหน้าคุณจะต้องอิจฉานายเอไปตามๆกันครับ  :o8: :serius2:

ออฟไลน์ nana

  • 아주마 애기 두명 ㅋㅋ
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2

ออฟไลน์ Joobperman

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 648
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
 :m13: :m13:

 พี่นิคเริ่มจะเห็นใจแร่ะ..น้องเอน่าเห็นใจ มีความรับผิดชอบมาก ทำสำเร็จจนได้

 พี่หมอที มีเสน่ห์มากแมนเชียว แต่รูปน่าจะเท่ห์กว่านี้

 ส่วนพี่ริช คนนี้ได้ใจ ทั้งรูปและในเนื้อเรื่อง เหมาะมาก

 อ้อ...มีคำคมมาฝากให้ด้วยนะจ๊ะ

   "มนุษย์จะเบื่อต่อเมื่อเขาถูกบังคับ  หากที่ยากที่สุดกว่าการคนอื่นบังคับ คือการบังคับตนเอง"

  o7  o7  o7

ออฟไลน์ cassper_W

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2052
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-1
สรุปว่าคุงพี่มิคนี่มันยังไง  :a6:

ไมต้องโหดกะน้องกะนุ่งด้วยยยย   :m31:

แต่เค้าว่านี่แหละเนื้อคู่ หุหุ  :m12:

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ชอบพี่ริช เถื่อนๆดี  :o8:

ส่วนพี่นิค..ปากจัดใช้ได้เลยอ่ะ

ออฟไลน์ YMP

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-2
 
p.s. ตอนหน้าจะมีตัวละครมาเพิ่มอีกหนึ่งนะครับ (อย่าเพิ่งเตรียมใจ งง o2 ล่วงหน้านะครับ)
      ตอนหน้าคุณจะต้องอิจฉานายเอไปตามๆกันครับ  :o8: :serius2:

บอกมางี้ ก็นึกว่าให้เตรียมใจซีคร้าบ
แต่บอกว่า"จะต้องอิจฉา" งั้นจะ"เตรียมตัว"ไว้แทน

numtannaka

  • บุคคลทั่วไป
 :m1: น่ารักดีค่ะ มาต่อไวไวนะคะ ชอบพี่หมอทีอ่ะ  :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด