Angel Syrup น้ำเชื่อมเทวดา จดหมายขอขมาจากผู้เขียน 3/5/2559
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Angel Syrup น้ำเชื่อมเทวดา จดหมายขอขมาจากผู้เขียน 3/5/2559  (อ่าน 69633 ครั้ง)

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
ยังไม่รู้อีกว่าตัวเองจะตายอ่ะโรเรเนส น้ำเชื่อมเจ้ากลายเป็นสีขุ่นแล้ว แถมผิดคำสัญญาอีก เกลียดดราม่า รอให้จบแล้วค่อยมาอ่าน ขี้เกลียดลุ้นเพราะไม่ชอบดราม่าที่เกิดเพราะความรักจากคนรัก จะดราม่าเพราะถูกศัตรูทพ เรารับได้นะ แต่เกิดจากคนรักทำให้เจ็บปวดแล้ว รับไม่ได้อย่างแรง

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
เดาได้ถึงมาม่าเส้นอืดค่ะ  :mew2:

ออฟไลน์ morningflower

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
โอ้ย ไม่อยากให้ดราม่าเลย   :hao5:
ท่านเฟรทริส ท่านให้พรน้องท่านหน่อยสิ 

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบมากเลยค่ะ
แอบเห็นว่าคนเขียนชอบหายบ่อย

ออฟไลน์ Donna Nod

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

       แสงสลัววาบไหวไปมาในยามมืด หากแต่ก็ทั่วถึงและเพียงพอสำหรับห้องทำงานขนาดใหญ่ ด้วยมันมากมายและหลายมุมไปด้วยเหล่าโคมไฟทรงสูงครอบแก้วที่ตั้งอยู่ทั่วไปในห้องสี่เหลี่ยม ที่เช่นเคยตกแต่งอย่างธรรมดาหากแต่ก็ยังสมพระเกียรติด้วยทุกสิ่งทำจากวัสดุชั้นดี ทั้งม่านผ้าไหมสีเลือดหมูตรงหน้าต่างทรงโค้ง พรมผืนบางทอด้วยลายละเอียดถี่ระยับด้วยดิ้นท้องซ้อนสลับกับไหมหายาก

โต๊ะทำงานตัวเขื่องจากไม้เนื้อดีสลักเสลาอย่างประณีตและปูผิวหน้าด้วยหินอ่อนตั้งอยู่กึ่งกางของห้อง ทับถมกองก่ายไปด้วยม้วนเอกสารมากมายที่เกือบจะมีระเบียบอยู่บนโต๊ะ อีกมากที่ชั้นหนังสือด้านหลังและที่เหมือนจะเป็นตำราเรียงตั้งสูงจากพื้นขึ้นมาก็มากโขอยู่  โทนสีหม่นทะมึนของเหล่ากระดาษที่เป็นทั้งม้วนและเล่มมากมายผสมกับสีเหลืองไหวของเปลวไฟทำให้บริเวณโต๊ะทำงานดูเป็นจุดที่ให้อารมณ์เคร่งขรึมจริงจังเป็นที่สุด

ทว่าก็ยังปรากฎวัตถุประหลาดแปลกปลอมตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของโต๊ะทำงานตัวนี้ มันดูเด่นดึงดูดและไม่เข้าพวกกว่าใครด้วยสิ่งนี้คือกระถางดอกไม้สีขาวมุกเล็กกระจ้อยร่อยน่ารักจนเหมือนจะไม่ใช่ของจริง มันเป็นบ้านหลังน้อยของดอกไม้สีฟ้าสด3ดอกที่ขนาดของมันรวมทั้งกิ่งแลใบก็พอเหมาะพอดีกันอย่างน่ารัก ยามดึกสงัดพวกมันทั้ง3ก็อยู่ในกาลหลับไหลหุบกลีบบอบบางเก็บไว้รอแสงรุ่งสางอีกครั้งถึงจะบานใหม่ คงจะมีแต่เจ้าของของมันกระมังที่ไม่หลับไม่นอนขมักขเม้นทำงานลืมวันลืมเวลาอยู่เช่นเคย

หากเพียงมีเล็กน้อยที่การทำงานวันนี้...ไม่สิ ระยะหลังนี้แลจะดูผ่อนคลายและไม่เคร่งเครียดเหมือนแต่ก่อน ก็ด้วยไม้ดอกสีฟ้าสดนี่ล่ะ ที่ทำให้ฟารันมีอะไรให้หย่อนใจขึ้นมาบ้างหลังจากต้องทำงานอย่างหนัก ทั้งอ่านราชโองการที่ขุนนางทูลเกล้าถวายและรายงานโครงการต่างๆอีกมากมาย เพียงแค่ดอกไม้สีฟ้าเหล่านี้นี่ล่ะ ที่เขาจะพักสายตามามองพวกมันอย่างเอ็นดูแล้วหวนนึกถึงคนให้อยู่บ่อยๆ

 ทั้งรอยยิ้มเริงร่าน่ารักตอนที่ยืนรอเขา เพื่อจะให้เจ้าดอกไม้จิ๊ดริดที่บังอาจออกดอกขึ้นมาได้อย่างผิดธรรมชาติ  ความตื่นเต้นตอนที่พบมันแทงยอดอ่อนขึ้นมาจากพื้นดินและแววตาที่ออกประหม่าเล็กน้อยตอนยื่นให้แล้วขอให้เขาดูแลมันอย่างดีจนกว่าจะโตพอที่จะอยู่ร่วมกับไม้ต้นอื่นได้อย่างปลอดภัยจึงค่อยนำไปลงดินอีกครั้ง
 
“ในสถานที่ที่ไม่ใช่ในธรรมชาติ ไม้ดอกบางชนิดนั้นเติบโตไม่ได้หรอกนะถ้าอยู่อย่างแออัดร่วมกับไม้ต้นอื่นเช่นนี้” นั่นคือคำอธิบายที่ให้ความรู้ใหม่แกองค์ราห์โอเป็นอย่างมาก แต่นอกเหนือจากความประทับใจในเรื่องนี้สิ่งหนึ่งที่เขากลับให้ค่ามากกว่าความรู้เรื่องพืชคือ

 ดอกไม้กระถางนี้เป็นของขวัญชิ้นแรกที่เขาได้จากโรเรเนส

ทำให้หวนนึกถึงช่วงเวลาหนึ่งเมื่อแสนนานมาแล้วตอนที่เขาอยู่ในตอกแคบๆนั่น เจ็บปวด ทรมาณ สิ้นหวัง แต่เพียงสิ่งเล็กน้อยที่ปรากฎตรงหน้าก็เหมือนแสงแห่งชีวิตปรากฎขึ้นอีกครั้ง ด้วยวันนั้นถึงมีวันนี้ เขายังจำได้ไม่ลืม

“ประทานอภัยฝ่าบาท ท่านโยเฮนขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ” เสียงทหารดังขึ้นจากทางหน้าประตู ถึงตอนนั้นที่ตื่นจากภวังค์เขาไม่ได้สังเกตุด้วยซ้ำว่าทหารเวรเฝ้าประตูผู้นี้เดินเข้ามาเมื่อไร

“ให้เข้ามาได้”

ชายแก่วัยกลางคนอาดเข้ามาอย่างเงียบเชียบ อย่างมั่นคงและดูยโสตามปรกติที่เป็น เขาโค้งคำนับองค์ราห์โอครั้งหนึ่งก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้โต๊ะทรงงานตามที่ถูกเชิญให้นั่ง
“ว่าอย่างไรท่านโยเฮน มาเสียดึกป่านนี้”

“ต้องขอประทานอภัยฝ่าบาทที่ข้ามารบกวนพระองค์ในโมงยามเช่นนี้ แต่พอดีเมื่อครู่ข้าเพิ่งเสร็จจากประชุมกับเหล่าขุนนางที่อยู่ในความดูแลของข้าในเรื่องการจัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการขุดคลองสาขาเพิ่มของพระองค์ ก็ใคร่จะมารายงานความเป็นไปว่าเรียบร้อยตามพระประสงค์ดีหากแต่ส่วนตัวข้าพเจ้าเองมีเรื่องสะกิดใจอยู่เล็กน้อย”

“ว่ามา”

“สร้างเขื่อน ขุดคลอง สร้างบึง คลังเสบียง โรงเรียน โรงหมอ โรงงาน อู่ต่อเรือ และขยายเหมืองขุดแร่”

“แล้ว?”

“นี่ยังไม่รวมเรื่องปศุสัตว์พันธุ์แปลก แลเมล็ดธัญพืชที่นำเข้ามาอีก อีกทั้งยังมีงานฝ่ายทหารและกองทัพหลวง”

“ก็อย่างไรเล่า”

“เล่นทำทุกอย่างพร้อมกันเช่นนี้เงินในพระคลังจะไม่เหลือน่ะสิฝ่าบาท”

“ไร้สาระ เมื่อแล้งที่แล้ว แล้งก่อนหน้า และก่อนหน้าไปถึงรัชสมัยของสเด็จพ่อ อาณาจักรเราเป็นแห่งเดี่ยวที่ผลิตผลผลิตได้ ส่งขายไปยังแดนอื่นเงินทองเป็นกอบเป็นกำ ไหนจะแร่หินและผลผลิตจากการประมงอีก แล้วก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกปีถ้าข้าไม่พัฒนาแล้วเงินมันจะมาจากไหน”

“นั่นก็จริงอยู่ แต่ใช้จ่ายแบบนี้ควบคุมและตรวจสอบลำบาก กระหม่อมคิดว่าน่าจะค่อยๆทำในส่วนที่สำคัญจริงๆนอกนั้นก็แต่บำรุงรักษาไปก่อนที่สำคัญพระองค์ไม่ได้ขึ้นภาษีมาหลายปีแล้วถ้าทรงดำริจะดำเนินการทุกอย่างต่อกระหม่อมมีความเห็นว่าควรจะขึ้นภาษีมาพัฒนาประเทศจะดีกว่า”

“ก็ดีนะ เก็บเฉพาะขุนนางกับพวกราชนิกูล เห็นว่าเงินเยอะถมเถ”

“ฝ่าบาทกระหม่อมแนะด้วยความหวังดี”

“ข้าล้อเล่นน่ะ ขอบใจท่านมากข้าจะรับฟังไว้หากเห็นท่าไม่ดีข้าก็จะจัดการเอง แต่อย่าห่วงไปเลยข้ามั่นใจว่าหลังจากนี้ผลผลิตทางการเกษตรจะต้องดีขึ้นเป็นสิบเท่าตัวแน่นอน”

เขาเหยียดยิ้มอย่างมั่นใจพลางมองดอกไม้ในกระถางน้อยตรงหน้า ทำให้คู่สนทนาต้องเหลือบมองตาม พลันโยเฮนก็นึกขึ้นได้ว่ามีอีกเรื่องที่เขาตั้งใจจะพูดกับองค์ราห์โอ อันที่จริงสำหรับเขาแล้วนี่เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนยิ่งกว่าเงินในพระคลังที่ร่อยหลอเพราะเขาและพรรคพวกยักยอกไปเสียอีก

“จะว่าไปช่วงเดือนที่ผ่านมานี้ทรงสนิทสนมกับบุรษเกศม่วงผู้นั้นเป็นอย่างมากนะฝ่าบาท”

“ทำไมรึ”

“จะไม่ทรงไต่สวนเอาความกับเขาแล้วหรือกระไรฝ่าบาท จะทรงเสียสัตย์ด้วยเพราะหลงใหลกระหม่อมเห็นว่าไม่ควร”

“เหลวไหล ก็รู้กันอยู่แล้วว่าต้องรอคำยืนยันจากหมอหลวงในเรื่องนั้นเสียก่อน”

ขุนนางใหญ่แปรสีหน้าเป็นอึดอัดเล็กน้อย ก่อนจะหรี่ตามองกษัตริย์หนุ่มอย่างมีเลศนัย
“อย่าหาว่าข้าจุ้นจ้านหรือยุแยงเลย ท่านหมอหลวงก็เป็นผู้ใหญ่ในวังรับใช้เบื้องพระยุคลบาทมาตั้งแต่รัชสมัยเสด็จพ่อของฝ่าบาท หากแต่ด้วยความเป็นหมอก็มักจะใจอ่อนเป็นเสมอ เขาเป็นหมอหาใช่ศาลจะซื่อสัตว์เที่ยงธรรมไปเสียทุกเรื่องก็คนไม่ใช่”

“นี่ท่านกำลังคิดว่าท่านหมอโป้ปดข้ารึ ทำเช่นนั้นอันตรายถึงลงทัณฑ์เชียวนะ”

“ข้าก็มิได้เอ่ยเช่นนั้น ท่านหมออาจไม่ได้ตั้งใจโป้ปดอะไรท่านแต่บุรุษเกศม่วงนั้นไม่เป็นที่รู้ได้ เขาอาจจะ เอิ่ม... ประทานอภัยฝ่าบาท หากจะพูดถึงคนสนิทคนใหม่ของพระองค์ในยามนี้ ยังไงเสียก็เป็นคนไม่รู้หัวนอนปลายตีน มาร่อนไปร่อนมาอยู่ในวังได้เป็นเดือนๆ แสร้งเจ็บบ้างแสร้งป่วยบ้างใครมันจะไปรู้ ไอ้เรื่องพวกนี้มันก็พูดยากป่วยใจหรือป่วยกายมันก็ป่วยคือกัน จุดนี้ท่านหมออาจจะมองเช่นนั้น ชายผู้นั้นอาจหายป่วยกายแล้วแต่ยังแสร้างป่วยใจให้ดูกันลำบากท่านหมอก็จึงคงไม่กล้าฟันธงว่าเขาหายดีแล้ว”

องค์ราห์โอหลุบตามองเพ่งที่ดอกไม้ในกระถาง คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างครุ่นคิด ฝ่ายขุนนางเห็นถึงความลังเลก้พูดต่อไปอีกชุด

“ฝ่าบาท....จะหลอกข้าราชคนอื่นว่าเขาเป็นพระสหายตลอดไปมิได้หรอกนะกระหม่อม แล้วยิ่งคนที่รู้อยู่แล้ว พวกขุนนางชั้นสูงทั้งหลายก็เริ่มกังขากันใหญ่แล้วถึงขั้นแอบพูดกันไปว่าทรงหลงรูปชายผู้นั้นจนไม่สนถูกผิดอะไร แต่ท่านก็ทรงทราบดีว่าความมั่นคงภายในผลัดวันประกันพรุ่งไปก็ไม่เข้าท่า”

“แล้วจะให้ข้าทำอย่างไร”

“หากไม่ทรงปราถนาจะหักหาญน้ำใจเหมือนคนเถื่อนก็คงต้องใช้วิธีอ้อมๆ”

“อะไรกัน?”

“ง่ายนิดเดียว เขาผู้นั้นก็เป็นเพียงเด็กหนุ่มในวัยประมาณนั้นไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากมาย เพียงแค่กระตุ้นยามหลับฝันตื่นเช้ามาน้ำฝันที่กลั่นออกก็คงปรากฎขึ้นมาให้เห็นง่ายดาย ตามธรรมชาติเพียงเท่านั้นก็ไม่เป็นอันตรายใดๆ ไม่รุนแรงไม่หักหาญ เจ้าตัวคงไม่ทันได้รู้ความเสียด้วยซ้ำ”

ชายหนุ่มนิ่งอึ้ง แลก็ทำหน้าทึ่งเหมือนโดนสาดน้ำ เหตุใดเขาถึงไม่ได้นึกเรื่องนี้มาก่อนนะ แน่นอนว่าด้วยความไว้ใจจึงไม่เคยจะกระทำการอื่นใดนอกเหนือไปจากที่เคยคุยกันไว้ นั่นคือรอเจ้าตัวยอมรับเองว่าพร้อมแล้วค่อยกระทำ แต่วิธีแอบทำอย่างอ้อมๆนี่ไม่ได้คิดถึงเอาไว้

….. หรืออาจมีคิดบ้างแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะโดยส่วนตัวอยากเห็นสีหน้าเด็กหนุ่มตอนโดนกระทำมากกว่าโดนตอนหลับไม่รู้เรื่อง!

หากแต่แม้นถึงรู้ดังนี้เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าควรจะทำเช่นนั้นหรือไม่ ด้วยไม่อยากรู้สึกผิดอันใดกลับการแสดงออกถึงความไม่ไว้วางใจในตัวอีกฝ่าย

“ถ้าไม่มีเรื่องอันใดแล้ว เชิญท่านกลับไปเสียเถิด ดึกแล้วพวกเราทั้งคู่ควรได้พักผ่อน”

ราห์โอเอ่ยขึ้นทั้งสีหน้ายังกังวล แต่ภายใต้ใบหน้าสุขุมเรียบเฉยของขุนนางใหญ่กลับซ่อนความรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ เขาค่อนข้างมั่นใจว่ากษัตริย์หนุ่มผู้นี้ต้องสนใจวิธีการนี้เป็นอย่างมาก แม้นว่าจะอยากหรือไม่อยากทำก็ตาม

จนเมื่ออาคันตุกะจากไป ชายหนุ่มยังนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้น ความขัดแย้งเกิดขึ้นกับความรู้สึกและเหตุผล เขามองออกนอกหน้าต่างสู่ฟากฟ้าสีน้ำเงินที่เปื้อนดาวระดาษฟ้าอยู่อึดใจ ก่อนจะก้าวเดินออกจากห้องของตนไป



           แสงจันทร์คืนนี้นับว่าสว่างพอตัวแต่ก็สลัวบางมิได้จ้าเหมือนจันทร์เต็มดวง มันสาดทาบลงมาบนผิวแก้มขาวเนียนดั่งปรกติที่มันจะทำ ในองศาที่พอเหมาะแลเจือจางบางครั้งด้วยเงาผ้าม่านที่โบกพริ้วตามสายลมตัดผ่านลำแสงเป็นระยะ
เจ้าตัวผู้หลับสนิทมิใดรู้สึกตัวใดๆหรอก ด้วยระยะหลังที่เริ่มแข็งแรงเขาก็สนุกสนามอยู่กับเจ้าหมาเตี้ยและเหล่าพันธุ์ไม้ ด้วยจู่ๆก็ได้รับมอบหมายงานเล็กน้อยในสวนให้เขาได้ตรวจดู ประกอบกับอาหารรสเริศที่ได้ลิ้มทั้งก่อนและหลังการหลับตื่นในทุกๆวันนั้นทำให้การเข้าสู้ห้วงฝันได้เร็วและนิ่งลึกเสียเหลือเกิน

เขาไม่ได้รู้สึกหรอกถึงสายตากังขาที่มองลงมา จับจ้องนิ่งอย่างสับสน ดวงตาคมเข้มและใบหน้าหล่อเหลาได้รูปเฝ้ามองการปิดสนิทของเหล่าแพขนตากับอีกทั้งริมฝีปากบางนั้น

ฟารันนิ่งมองด้วยสีหน้าเย็นชาหากวาวลึกในดวงตานั้นมีคำถามมากมาย จู่ๆเขาก็เกิดไม่มั่นใจถึงแม้อีกฝ่ายจะสัญญาว่าไม่มีหรอกการโกหกระหว่างกัน แต่กระนั้นเขาก็เกรงว่าคำสัญญาทั้งหลายที่ออกจากปากบางได้รูปนี้จะเป็นเพียงเรื่องเหลวไหล

เขาค่อยๆนั่งลงข้างๆร่างขาวที่ทอดอยู่บนเตียง เฝ้ามองพิศละเอียดตั้งแต่วงหน้ายันเรือนร่างน่าพิศมัย มิได้อรชรอ้อนแอ้นเช่นสตรีหรอก มันสมบูรณ์พร้อมด้วยเครื่องร่างแบบเด็กหนุ่มนี่ล่ะ หากแต่ไม่ได้อัดแน่นด้วยมัดกล้ามเหมือนหนุ่มใหญ่หรือทหารศึก

 เป็นกล้ามเนื้อสวยงามของวัยเจริญพันธุ์ เมื่อสัมผัสดูก็จะรู้สึกได้ถึงชีวิตชีวาน่าลิ้มลองของเนื้อหนุ่มเช่นเดียวกับตัวเขานี่ล่ะ
หากแต่ที่อยู่ตรงหน้านั้นสร้างความสับสนให้ความรู้สึกของชายด้วยกันอย่างแน่นนอน ไม่เพียงแต่สตรีจะพึงหลงใหลร่างนี้ แต่บุรุษอย่างเขาก็กลับรู้สึกแทบจะทุกครั้งไป ทั้งงดงามและน่ารักน่าชังพาลหมั่นเขี้ยว

ฝ่ามือแกร่งเอื้อมสัมผัสแผ่วลงที่ผิวหน้า ไล้เลียความละเอียดไล่ไปยังริมฝีปากก่อนจะลูบผ่านคอระหงโดยไม่มีแม้ปฏิกิริยาใดๆที่รับรู้การถูกสัมผัสเลยแม้นแต่น้อย

 เช่นนั้นเขาจึงตัดสินใจลองเอื้อมลงต่ำแล้วแตะฝ่ามือลงบนขาอ่อนเบื้องล่างลูบไล้เรื่อยขึ้นไปจนถึงใต้ร่มผ้าแล้วลองจับให้กระชับและชัดเจนกว่าเดิมเล็กน้อย วนนิ้วไล้ซ้ำๆในจุดที่ใกล้กับโคนขาหนีบด้านใน

“อื้มมม” เสียงครางในลำคอดังออกมาเบาๆ หน้าหวานขมวดเกร็งเล็กน้อย ฝ่ามือที่ลุกล้ำหยุดการกระทำชั่วครู่ ใบหน้านั้นก็คลายลงและล่วงเข้าสู่การหลับใหลตามเดิม

กษัตริย์หนุ่มนิ่งมองใบหน้านั้นเล็กน้อยก่อนจะเลิกผ้าผ่อนให้สูงเลยพ้นเอวขึ้นไป เผยให้เห็นเนื้อเนียนขาวของต้นขาแลอีกทั้งท่อนเนื้อสีชมพูบริสุทธิ์ที่แม้นจะเห็นลางด้วยแสงมีน้อยแต่ก็ชัดเพียงพอสำหรับสัดส่วนน่าอายนี้

เห็นแล้วแหนะ....

คนนิสัยไม่ดีเกิดรู้สึกเอ็นดูสัดส่วนจุดนั้นของอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างมิได้ตั้งใจ พลันก็คว้าเข้ากอบกุมทั้งฝ่ามือก่อนจะค่อยๆละเลงเล่นน้อยๆเพื่อกระตุ้น

“อื้อออ” ครานี้ผู้นิทราออกอาการมากกว่าคราวก่อน ด้วยมิเพียงใบหน้าที่ขมวดไป เรือนร่างที่ผ่อนคลายนอนนิ่งก็เริ่มเกร็งกร้าวขึ้นมา เมื่อฝ่ามือหนาเค้นเบาบีบขยุ่มและคลึงเล่นเป็นจังหวะ เนื้อตัวแลหน้าตาก็พลันแปรเป็นสีแดงด้วยเลือดสูบฉีด

“ฮ่าห์” เผยอปากบางอย่างมิรู้ตัวอาการทั้งหมดเป็นไปอย่างธรรมชาติลึกลงไปในเปลือกตาสู่โลกแห่งฝันก็เกิดภาพประหลาดที่เชื่อมโยงกับร่างกายภายนอกอย่างบังเอิญ

….เขาหลับฝันถึงฟารันอยู่ในขณะนี้

การกระตุ้นย้ำเบาๆไม่รุนแรงจนทำให้ตื่นได้แต่ก็เนิบนาบหนักแน่นถูกต้องในจุดสัมผัสจนเลือดสูบฉีดมาไหลเวียนให้อวัยวะนี้พองขึ้นและแข็งขืนขึ้นมาจนได้ ทีละน้อย ทีละน้อย ไม้ดอกงามที่กลางระหว่างขาก็เริ่มแบ่งบาน
 
ใช่มันเริ่มตื่นตัว และเมื่อการกระทำนั้นๆต่อเนื่องและมั่นคงไปเรื่อยๆมันก็กลายเป็นการชูชันดั่งไม้แดงชูช่อ

เหงื่อหยาดน้อยเริ่มผุดผาดขึ้นที่หน้าผากเด็กหนุ่ม ปลายนิ้วทั้งห้าเคลื่อนขึ้นลงจากส่วนโคนจนสุดปลายมิได้กอบกำแน่นกระชับ แค่ลงน้ำหนักให้พอดี ณ ปลายนิ้วแล้วก็น้อยๆแลรูดเร็ว

 ซ้ำๆ ขึ้นจนสุด กดลงเล็กน้อยแล้วดึงลงมา แล้วดันนิ้วรูดขึ้นไปอีกครั้ง ช้ำๆ ให้รู้สึก...

รู้สึก...

“อื้มมม”

รู้สึก...

“ฮ่าห์”

รู้สึกมากจน...



.....ปล่อย
แลจวนแลเจียน ทั้งการพวยพุ่งและการฟื้นตื่น ทั้งหมดนั้นไม่เกิดขึ้นเนื่องจากการหยุดกลางครันอย่างฉับพลันด้วยชักมือหนี ปล่อยดอกไม้แดงดอกงามเป่งเบ่งบานอาบแสงจันทร์ไว้เพียงนั้น ทั้งที่เตรียมพร้อมแล้วสำหรับการปลดปล่อยแต่ท่อนเนื้อที่น่าสงสารกลับถูกทิ้งไว้ ปล่อยไว้ ก่อนเจ้าตัวจะรู้สึกตัวไปมากกว่านี้ ในช่วงที่จวนเจียนครึ่งหลับครึ่งตื่น ไม่รู้แน่ว่าโดนกระทำจริงหรือฝันไป

ฟารันก็จากไป....

ร่างกายอันร้อนรุ่มต่อสู้อย่างหนักหนาในโมงยามแห่งราตรี เลือดลมไหลเวียนอย่างไม่เป็นสุขจนท้ายหลังจากนั้น อันที่จริงเทพหนุ่มก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอยู่สองสามครั้ง แต่ไม่ชัดเจนหนัก แม้นเผลอลืมตาก็ผล่อยร่วงผล่อยหลับลงไปอีก จนกระทั่งอีกหลายชั่วโมงให้หลังเมื่อตอนที่แสงตะวันเข้ามาแทนแสงจันทร์แล้วนั้นแหละ เขาถึงจะรู้สึกตัวได้เต็มที่อย่างแท้จริง

หากแต่ในโมงยามนี้ที่ดวงดาวยังเฝ้ามอง ร่างงดงามร่างนี้ยังทำปฏิกิริยาตามธรรมชาติของมันไปเรื่อยๆ จนทนไม่ไหวมันก็ขับน้ำคาวหวานนั้นออกมาเอง....

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

พยายามทำตัวมีวินัย ไม่รู้จะได้กี่น้ำแต่ก็สู้ค่ะ!

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์เอ๊ยย
แหม ฟารันทำไรอ่ะ คริๆ
ว่าแต่น้ำเชื่อมเทวดาเราจะเปลี่ยนเป็นขุ่นหรือยังอ่ะ

ออฟไลน์ GUNPLAPLASTIC

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
รอตอนหน้า ลุ้นว่านํ้าเชื่อมเทวดา (ทำไมดูหื่น) จะออกมาเป็นยังไง :katai2-1: :katai2-1:
วอนพี่เฟรริส (ชื่อถูกไหม) ช่วยเรโรนอสด้วยเถอะนะค่ะ รอตอนต่อไปน้าาา

ออฟไลน์ ammamooty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1056
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
จำเรื่องได้คร่าวๆ คงต้องอ่านใหม่ซินะTT TT

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
ยังเฝ้ารอ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
อร๊ายยย เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ สนุกมากๆ เลยค่ะ คือแบบชอบตอนมุ้งมิ้ง สวีทกันสองคน อ่านแล้วเขินมากๆ เลย  :-[ ฟารันหาเรื่องลวนลามตลอดเลยอ่ะ  :hao6:

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
สนุกดีค่ะ อ่านเพลินมาก

นี่คือป ฏิกิริยาของวัยหนุ่มสิเนอะ ^^

ออฟไลน์ Donna Nod

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
                เทพหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นเมื่อยามรุ่งเช้า เช้ากว่าปรกติที่เคยตื่นหลายชั่วโมงอยู่ เขามองไปรอบๆตัวด้วยความรู้สึกเหนื่อยประหลาดและสัมผัสเปียกลื่นมีอยู่ที่หว่างขา บัดนี้เขาเข้าใจดีแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเขา คงเพราะด้วยฝันประหลาดนั่นแหละที่ทำให้เขาร้อนรุ่มมาตลอดคืน

ใช่ฝัน พวงแก้มพลันแดงซ่านขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องในฝัน เขาฝันถึงฟารันแต่นั่นไม่แปลกหรอกที่แปลกคือสิ่งที่อีกฝ่ายทำกับเขาในฝัน ในฝันนั้นเขาอยู่ที่ใดก็ไม่ทราบได้ แต่มันขาวโพลนและเวิ้งว้างไปสุดลูกหูลูกตา ร่างสองร่างกำลังแนบชิดอยู่ ณ ที่นั้น ไม่รู้กาลไม่รู้เวลา เขารู้แต่ว่าหนึ่งในนั้นคือเขาและอีกหนึ่งคือกษัตริย์หนุ่ม ที่สัมผัสแก่นกายส่วนร้อนของเขาอย่างไม่บันยะบันยัง ความรู้สึกนั้นชัดเจนจนเหมือนไม่ได้ฝัน เขารู้สึกได้มาจนถึงตอนนี้ในยามที่ตื่นมันยังเหมือนรอยประทับนั้นยังตรงสถิตยือยู่ที่หว่างขา

แต่ที่น่าอายไปกว่านั้นในห้วงฝันเขากลับไม่ได้ต่อต้านอะไรอีกฝ่ายเลย กลับปล่อยให้ตนถูกกระทำอย่างง่ายดายทั้งยังรู้สึกเหมือนจะเต็มใจให้ทุกอย่างเป็นไป เขาจำได้ น่าอายแต่ก็....น่าสนใจ

กอดก่ายกันอย่างเร่าร้อน ลมหายใจ สัมผัส เสียงของฟารัน ในฝัน เหมือนจริงจนมิอาจแยกแยะ ยังจำได้ด้วยซ้ำความรู้สึกเมื่อยามกอดแผ่นหลังกว้างนั้นไว้และริมฝีปากที่ประทับไปทุกส่วน เขาเห็นไม่เพียงใบหน้าแต่ทุกส่วนสัดอันกำยำของอีกฝ่ายประหลาดมากและชัดเจนมาก เขามั่นใจว่าเท่าที่จำได้เขายังไม่เคยเห็นเรือนร่างใต้ร่มผ้าของฟารันเลยแม้แต่ครั้งเดียว เหตุใดกันภาพในฝันถึงชัดเจนคุ้นเคยและเหมือนเห็นด้วยตาถึงเพียงนั้น

ร่ายกายพลันร้อนผะผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง เลือดลมสูบฉีดแรงเมื่อนึกย้อนถึงภาพฝัน เขาเม็มปากแน่นพยายามข่มอารมณ์ตน เกรงว่าส่วนอ่อนไหวนั้นจะแข็งขืนขึ้นมาอีกทั้งที่ไม่ต้องการ ตอนนี้เขาควรมีสติและจัดการกับร่างกันอันเปรอะเปื้อนนี่เสีย

โรเรเนสเลิกผ้าห่มออกอย่างเบื่อหน่าย เขาหมายว่าจะพบคราบใสที่ขับออกจากร่างเหมือนคราวก่อน ทว่าสิ่งที่ได้เห็นกลับทำให้ผิวแก้มแดงเรื่อแปรเป็นซีดเผือด

คราบเปียกลื่นที่สร้างรอยเปรอะอยู่ที่เนื้อหว่างขาและผ้าปูที่นอนมีสีขาวขุ่นดั่งน้ำนมหาใช่หวานใสดั่งน้ำเชื่อม

เป็นไปไม่ได้!

เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย สับสนจนไม่อาจคิดอะไรออก เขาไม่รู้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นด้วยเพราะเหตุอันใด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนโดนอะไร รู้เพียงแต่ว่าต้องจัดการคราบนี้ก่อนที่คนอื่นจะมาพบ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้นเขายิ่งต้องรีบลงมือ ในขณะที่จัดการกับหลักฐานพลางก็ตะโกณออกไปให้หญิงรับใช้ได้รออยู่ก่อน
“ประเดี๋ยวก่อนชาช่า อย่าเพิ่งเข้ามา”

“เปิดประตูเดี่ยวนี้!”

ทว่าเสียงที่ตอบกลับมากลับเป็นเสียงแหบห้าวของผู้ชายแทนจะเป็นหญิงสาว เด็กหนุ่มตระหนกและร้อนรนเขารีบจัดแจงคราบบนผ้าอย่างเร็วๆ ด้วยวิธีเท่าที่คิดออก

“ไปเรียกนางต้นห้องให้เอากุญแจมาไข!”

เขาขึงผ้าปูที่นอนใหม่ให้ตึงก่อนจะสอดมุมของมันให้เหมือนก่อนจะถูกรื้อ  พอดีกับการที่ประตูถูกเปิดออกเหล่าทหารสามสี่นายเดินเข้ามาพร้อมกับขุนนางสองคน เขาจำได้ทั้งสองคนแต่จำชื่อได้เพียงคนเดียวนั่นคือคนทางซ้ายที่มีนามว่าโยเฮน ส่วนอีกคนเคยเห็นอยู่กับฟารันแต่นึกชื่อไม่ออก

“พวกท่านมีธุระอะไร ไม่จำเป็นต้องเอะอะในยามเช้าเช่นนี้”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยที่พยายามทำให้ดูเป็นปรกติที่สุดขณะที่นั่งนิ่งๆอยู่บนเตียงเหมือนเพิ่งตื่นมาไม่นาน
“ธุระของพวกข้านั้นสำคัญนักด้วยวันนี้ข้าจำต้องเปิดโปงคนลวงที่โกหกปั่นหัวองค์ราห์โอมานาน นั่นก็คือท่าน”

ขุนนางวัยกลางคนเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย้ยหยัน ก่อนจะปรายตาของเขาหัวจรดเท้า

ประจวบเหมาะอะไรแบบนี้นะ

โรเรเนสคิดในใจด้วยสงสัย มันช่างบังเอิญเสียเหลือเกินที่จู่ๆน้ำวิสุทธิ์ของเขาก็กลายเป็นสีขุ่นแทนที่จะเป็นใส ในวันที่จู่ๆคนพวกนี้ก็จะมาตรวจตรา

“ข้าไม่มีอะไรต้องปิดบัง แต่พวกท่านเถอดเขามาแบบนี้ได้รับการอนุญาติจากองค์เหนือหัวแล้วหรือกระไร”

“แน่นอน ด้วยก่อนหน้าข้าแอบรู้มาจากนางในบางคนได้กล่าวว่า หลายครั้งหลายคราผ้าปูที่นอนของท่านนั้นมักมีคราบที่คาดเดากันได้ปรากฎอยู่”

“แล้วอย่างไร”

“ก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจสำหรับพวกนางขี้ข้า ด้วยนางนั้นไม่รู้ว่าเจ้าคือผู้แอบอ้างเป็นเทพที่ควรจะขับน้ำคาวหวานออกมาเป็นสีใส ทว่าการที่คราบนั้นเป็นรอยของน้ำสีขุ่นพวกนางจึงนึกเห็นว่าไม่แปลกอะไรสำหรับคนหนุ่ม หากแต่แน่นอนนั่นไม่ใช่ข่าวดีเลยสำหรับคนที่รุ้อะไรเป็นอะไร เช่นนี้ข้าจึงนำความขึ้นทูลเกล้าฝ่าบาทและก็ทรงอนุญาติให้ข้ามาตรวจดูในวันนี้”

โกหกทั้งเพ เรื่องทั้งหมดที่ขุนนางผู้นี้พูดนั้นไม่มีความจริงเลยแม้แต่น้อย วันนี้เป็นวันแรกที่แก่นกายของเขาขับน้ำที่มิใช่สีใสออกมาเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีนางรับใช้ผู้ทำความสะอาดคนใดจะเคยเห็นคราบน้ำที่เป็นสีขุ่นของเขามาก่อน อีกทั้งเรื่องแบบนี้ถ้าฟารันรู้เข้าเขาจะต้องเป็นผู้มาพิสูจน์ด้วยตนเองมิใช่ส่งคนอื่นมาเช่นนี้

หากแต่ดื้นรั้นไปก็ไม่ช่วยอะไร เพราะเขาคงไม่อาจห้ามการกระทำของคนเหล่านี้ได้อยู่แล้ว
“กังวลอะไรรึท่านสีหน้าไม่ค่อยดี”  ขุนนางอีกคนที่มากับโยเฮนเอ่ยถามด้วยลักษณะที่ไม่ได้ถามเพราะเป็นห่วงเขาแม้แต่น้อย

“นั่นสิ หึ หน้าซีดด้วยร้อนตัวสินะ” โยเฮนเหยียดยิ้มให้ก่อนจะหันไปสั่งการทหารที่ยทนล้อมรอบ

“รื้อให้หมด!”

เหล่าทหารกรูกันเข้าไปทึ้งรื้อและตรวจที่นอนเสียถ้วนถี่ บ้างก็ดูที่ผ้าปู บ้างดูที่ฟูกหรือกระทั่งผ้าห่ม หลังจากก้มๆเงยๆหาจุดที่เด่นเป็นคราบอยู่ซักพัก หนึ่งในนั้นก็ดึงเอาผ้าปูที่นอนผืนใหญ่มาทั้งผืนแล้วตรงมาทางขุนนางนายตน

“มีคราบที่ระบุไม่ได้อยู่ในจุดนี้ครับ”

ขุนนางทั้งสองดึงผ้าผืนนั้นไปสำรวจ แต่ก็พบเพียงรอยคราบอย่างที่บอกซึ่งในตอนนี้ด้วยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นคราบอะไรและเกิดจากอะไร หากแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ยัดเยียดแลกล่าวหาขึ้นมาเสียดื้อๆ

“นี่มันต้องเป็นคราบสกปรกของน้ำวิสุทธิ์ของเจ้าเป็นแน่”

“แล้วมันใช่สีขุ่นไหมเล่า” เด็กหนุ่มย้อนกลับไปด้วยใบหน้าที่เริ่มตึงเล็กน้อย

“เจ้าคิดว่าการที่เจ้าเช็ดคราบมันออกไปจะทำให้เจ้าพ้นผิดงั้นรึ หน้าโง่ทำเป็นนี้ยิ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าเจ้าร้อนตัวถึงต้องทำลายหลักฐานแบบนี้”

“สิ่งที่ท่านพูดนั้นยืนยันไม่ได้”

“ความเป็นเทพของเจ้าก็ยืนยันไม่ได้เช่นกัน ทหาร!หาผ้าที่มันใช้เช็ดคราบผ้าปูที่นอนนี้ให้เจอมันต้องซ่อนอยู่ที่ไหนซักแห่ง รื้อให้หมด!”

ครานี้โรเรเนสกลับร้อนร้อยรนอย่างเห็นได้ชัด แน่ล่ะว่าคราบเปียกลื่นนั้นไม่ได้หายไปด้วยอันตราธาน แต่เป็นเขาเองที่เช็ดถูมันให้หาย ให้จางลงไป ด้วยสิ่งที่ใกล้ตัวเท่าที่จะหาได้และผ้าผืนนั้นที่ถูกนำมาใช้ก็แน่นอนว่ายังมีคราบขุ่นๆที่ถูกเช็ดออกติดอยู่ด้วย
สองขุนนางเห็นใบหน้าที่กลับซีดเผือดลงของเด็กหนุ่มจึงหันมายิ้มเย้ยให้กันอย่างมีชัย อีกฝ่ายที่รู้สึกถึงการหยามเหยียดเช่นนั้นก็ค้อนมองตอบก่อนจะขบริมฝีปากลงอย่างอึดอัดใจ
 
เขาพยามก้มมองต่ำไม่สนการร้นค้นของเหล่าทหารด้วยไม่ต้องการจะชี้โพรงให้กระรอก ไม่ต้องการให้ฝ่ายที่มาบุกรุกรู้หรือจับสังเกตุได้ว่าเขาซ่อนผ้าผืนนั้นไว้ที่ไหน ซึ่งก็เหมือนจะเป็นเช่นนั้นเมื่อผ่านไปนานสองนานก็ไม่มีทีท่าว่าจะเจอของชิ้นนั้นขุนนางทั้งสองก็เริ่มหงุดหงิด จนท้ายแล้วจึงสั่งให้ทหารหยุด แล้วจึงหันมามองหนุ่มเกศม่วงด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว

“ซ่อนของเก่งนักนะ คิดว่าเจ้าจะรอดตัวไปได้โดยง่ายงั้นรึ”

โยเฮนมองเด็กหนุ่มด้วยแววตาประสงค์ร้ายขณะที่พยายามคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี แต่ก็กลายเป็นสหายของเขาที่มาด้วยกันกลับคิดขึ้นมาได้ก่อน

“จับมันเปลื้องผ้าเสีย บนตัวมันต้องยังมีร่องรอยอยู่เป็นแน่!”

เจ้าของห้องแตกตื่นกับความคิดนั้นเป็นอย่างมาก เขาจับกระชับเสื้อตนทันทีแล้วถอยหนีอย่างตระหนก

“ทำแบบนั้นไม่ได้นะ!”

หากแต่หนีไปไม่ได้กี่ก้าวพวกทหารก็กรูกันเขามาจับแขนทั้งสองข้างเขาไว้ แม้นจะพยายามดิ้นเท่าไรก็ไม่หลุด

“กลัวอะไรเล่า เจ้าไม่มีอะไรต้องปิดบังมิใช่รึ”

“ยะ หยุดนะ ปล่อยข้า!”

มือสกปรกเอื้อมตรงไปที่ชายชุดเด็กหนุ่มหมายจะจับเลิกเสียให้เห็นเนื้อ ในขณะที่เหยื่อรูปงามพยายามคิดหาทางแก้ทั้งใบหน้าเปียกเหงื่อ

“ราห์โอสั่งห้ามทุกคนแตะตัวข้าท่านจำไม่ได้รึ!”

“อย่าเอาคำพระองค์มาอ้างให้แปดเปื้อนเหลวไหล ข้าก็บอกแล้วอย่างไรว่าได้รับคำสั่งมา”

“ทรงสั่งให้ตรวจสอบห้องข้าได้แต่ไม่ได้บอกให้แตะตัวข้าได้นี่ ถ้าเขายอมเช่นนั้นจริงก็ให้เขามายืนยันเองหากแต่มิใช่ ไม่ว่าท่านจะมีเหตุผลอันชอบธรรมเพียงใดในการกระทำเยี่ยงนี้ ก็เท่ากับท่านขัดคำสั่งราห์โออยู่ดี  ด้วยราห์โอเคยประกาศไว้ในห้องชุมนุมคราก่อนโน่นแล้วว่าใครก็ห้ามแตะตัวข้าเว้นแต่หมอหลวงเพียงเท่านั้น!”

ฝ่ามือที่หมายจะจับทึ้งกลับหยุดค้างกลางอากาศก่อนจะหดกลับไปอย่างขัดใจ

ทั้งหมดเงียบไปด้วยคิดคำนึง ใบหน้าของสองขุนนางออกอาการชัดว่าหนักใจระคนโกรธ แต่ก็ครุ่นคิดเป็นอันมากเพราะถึงแม้เขาจะพิสูจน์ได้ว่าชายผู้นี้ไม่ใช่เทพแต่นั้นก็ไม่ได้แปลว่าพระองค์จะทรงยอมหรือยินดีที่ให้เขา เห็น หรือ สัมผัสชายคนนี้ ด้วยเพราะไม่อาจคาดเดาได้ว่าราห์โอทรงจะตัดสินพระทัยเช่นไรกับบุรุษรูปงามผู้นี้ แล้วอันที่จริงก็ทรงแสดงให้เห็นอยู่ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาว่า เด็กหนุ่มเกศม่วงเป็นสมบัติของพระองค์

โยเฮนกัดฟันกรอดด้วยมิอาจทำได้ดั่งใจ

“ปล่อย!”

เขาสั่งด้วยเสียงกร้าว พวกทหารจึงยอมปล่อยและผละตัวออกอย่างง่ายดาย ขุนนางอีกคนออกอาการตกใจละลำละลักเมื่อด้วยเห็นเป็นดังนั้น
“แต่ท่านโยเฮน ถ้าไม่ทำแบบนี้เราก็ไม่อาจพิสูจน์ได้นะท่าน”

“ไอเด็กนี่มันพูดถูก คำสั่งของกษัตริย์เป็นวาจาศักดิ์สิทธิ์มิอาจละเมิดได้ ทรงห้ามไว้แล้วว่าไม่มีใครนอกจากพระองค์และหมอหลวงที่จะสัมผัสตัวชายผู้นี้ได้”

เขาเอ่ยโดยไม่ได้มองสหายตนแต่แววตาดุดันอาฆาตยังประสบมองกับแววตาอีกฝ่ายที่ยังหอบเหนื่อยด้วยตกใจและโกรธอยู่ เทพหนุ่มจ้องตอบอย่างไม่ลดละเขาไม่คิดจะหลุบตาหนีจนกว่าอีกฝ่ายจะยอมก่อน

“วันนี้เจ้ารอดไปได้แต่ไม่ได้แปลว่าอื่นๆเจ้าจะรอดได้ อย่าชะล่าใจไปนักเลย”

จบคำเขาก็ตวัดตากลับแล้วเดินรี่ออกจากห้องไปพร้อมพรรคพวกของตน ทิ้งเจ้าของห้องให้อยู่กับเศษซากเละเทะของการรื้อค้น
เขาทรุดนั่งแทบจะในทันทีเมื่อเสียงปิดประตูปังดังขึ้นตามหลังการจากลาของเหล่าทหาร ไม่แน่ใจว่าจะรู้สึกอย่างไร มันจุกๆที่คอ รื้นๆที่ตาเหมือนอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ทั้งเหนื่อย ตระหนกและหนักใจ หนักอึ้งในใจอึดอันจวนจะอาเจียน ปากคอแห้งผากและปวดหัว เขามองไปรอบๆห้องอย่างสับสน

คิดไม่ออก มีหลายอย่างในหัวตอนนี้ที่สงสัยเต็มไปหมด ทั้งว่าทำไมน้ำที่ขับออกมาจึงเป็นสีขุ่น? ทำนางต้นห้องจึงหายไปหมด? ชาช่าไปไหม? คนใช้ไปไหน? ทำไมมันต้องไม่มีใครอยู่เลยเวลาที่เขาต้องการ? เกิดอะไรขึ้น? ฟารันต้องการแบบนี้จริงๆหรือ?
ไม่รู้ รู้แต่แค่อยากอาบน้ำ...........


*****************


                 โรเรเนสเดินออกมาจากห้องนอนแล้วตรงไปที่ห้องอาบน้ำที่ใกล้ที่สุดและเป็นห้องอาบน้ำที่เขาใช้ประจำ มันเงียบอย่างผิดปรกติและไม่มีใครอยู่ซักคน ทั้งที่น่าจะเริ่มได้ยินเสียงจอแจของเหล่าคนรับใช้ดังแว่วๆตามมุมต่างๆอย่างที่ควรจะเป็นแต่กลับไม่มีเลย ไม่มีใครเฝ้าอยู่หน้าห้องเขาเหมือนเคย ตามทางเดินก็ไม่เจอผู้ใด เรื่อยไปจนถึงห้องอาบน้ำก็ไม่มีใครเตรียมของไว้ให้ หากแต่ยังดีที่ตามปรกติจะมีผ้าเช็ดตัวและเสื้อคลุมจัดเป็นชุดสำรองไว้ในห้องอาบน้ำอยู่แล้วเขาจึงสามารถชำระล้างเนื้อตัวของตนเองได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งการบริการจัดแจงเสื้อผ้าและอุปกรณ์อาบน้ำจากใคร

ห้องอาบน้ำห้องนี้ถือว่าไม่เล็กไม่ใหญ่ กึ่งๆเป็นห้องอาบน้ำรวมเสียด้วยซ้ำเพราะมันมีไว้ให้บรรดาแขกคนสำคัญของกษัตริย์มาใช้บริการยามพักพิง หากแต่ขณะนี้ไม่มีอาคันตุกะใดๆ เขาจึงเป็นคนเดียวที่ใช้ที่นี่เป็นประจำ มันเป็นฆ้องน้ำที่สร้างจากหินเนื้อดีที่จะไม่เป็นคราบและตะไคร่เมื่ออยู่กับน้ำนานๆ ผนังรอบด้านมีรูปสลักนูนต่ำทาสีสวยอย่างวิจิตร กลางห้องเป็นสระน้ำรูปผืนผ้าที่รอบด้วยเสาหินและมีบันไดให้เดินลงไปยังสระ ที่ผนังด้านหนึ่งเป็นส่วนที่ติดกับสระน้ำและไม่มีพื้นที่ให้เดินเหมือนสามทิศที่เหลือ รูปสลักหัวสิงโตยื่นออกมาจากผนัง มันเป็นแหล่งน้ำแหล่งเดียวในสระนี้ ด้วยน้ำใสเย็นสะอาดไหลซู่ออกจากปากของมันอย่างสม่ำเสมอและตลอดเวลา หากแต่น้ำนั้นไม่เคยเอ่อท่วมด้วยระบบระบายและทำความสะอาดอย่างสร้างไว้อย่างดีตามจุดต่างๆทั่วก้นสระ

โรเรเนสเปิดตู้ไม้ที่ตั้งอยู่ในบริเวณแล้วหยิบผ้าออกมาสองพับพร้อมปิ่นปักผม วางทั้งหมดลงที่ขอบสระก่อนจะถอดผ้าตนแล้วใช้ปิ่นปักมวยผมที่ม้วนไว้ จากนั้นก็ลงไปในน้ำ เขาล้างเนื้อล้างตัวอย่างถ้วนถี่ด้วยไม่คิดจะอยากเหลือร่องรอยอะไรไว้กับตัว ตั้งแต่ปลายเท้ายันหน้าตาที่เขาตั้งใจชโลมน้ำให้สดชื่น

เมื่อขัดถูกทั่วตัวไประยะหนึ่งจึงเริ่มว่ายออกไปยังกลางสระซึ่งใต้น้ำที่หากดูแต่ผิวก็เข้าใจว่าเหมือนกันหมด ทว่าจุดกึ่งกลางสระกลับก่อสร้างพื้นให้สูงขึ้นมาเหมือนเป็นที่นั่งในหย่อนใจแช่น้ำอย่างไม่ต้องสนใจใครได้ เขานั่งลงที่จุดนั้นปล่อยหลังให้พิงกับพนักพิงที่อยู่ใต้น้ำเช่นกัน ปล่อยให้ร่างทั้งร่างไร้แรงแรงการควบคุมให้มันผ่อนคลายจากความเครียดเมื่อครู่

แล้วเขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา

ให้ตายสิ ข้าจะทำอย่างไรดี

จู่ๆเหมือนทุกอย่างที่กำลังไปได้ดีก็ล้มครืนลงมาเฉยๆด้วยเพราะเจ้าน้ำสีขุ่นที่ออกมาจากร่างกายเขา....ได้อย่างไรก็ไม่ทราบทั้งที่ก็เคยเห็นเป็นสีใสๆมาก่อนแท้ๆ แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เขาสะกิดใจได้ว่าพวกขุนนาง ซึ่งไม่รู้มีกันกี่คนแต่ที่แน่ๆต้องมีโยเฮน จงใจทำบางอย่างกับร่างกายเขาให้เป็นเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร โกรธแค้นกันมาจากปางไหน เหตุใดถึงอยากให้เขาตายและไม่รู้ว่าอย่างไรหรือวิธใด ด้วยเวทย์มนต์ของเหล่ามนุษย์นั้นในตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง อาจมีการทำพิธีบางอย่างจากพ่อมดบางคนทำให้เป็นเช่นนี้ หรือเปล่า? ไม่ทราบ

หรือกระทั่งมันอาจเป็นไปตามธรรมชาติ เมื่อยามที่เทพที่ลงมาเป็นมนุษย์อยู่บนโลกไปได้ซักพักน้ำวิสทุธิ์ก็จะพลันกลายเป็นสีขาวเหมือนเช่นมนุษย์ปุถุชนงั้นรึ? เขาก็ไม่รู้ ก็มันยังไม่เคยมีใครกลายเป็นเทพด้วยวิธีอันเชิญแบบที่เขาเจอนี่นา แลถึงแม้ตัวเขาจะได้กลับไปเป็นเทพก็คงตอบไม่ได้ด้วยซ้ำว่ากรณีเทพที่แปรสภาพจากเทวรูปองค์ปฐมนั้นควรมีลักษณะเช่นใดกันแน่ ด้วยกรณีการกลายเป็นมนุษย์ของเขานั้นมีพบได้น้อย มีองค์ความรู้ที่น้อยมากในหมู่มนุษย์และไม่มากไปกว่ากันในแดนเทพ

สำหรับอะไรที่นานๆเกิดทีแถมยังเป็นเหตุสุวิสัย(เพราะแต่เดิมผู้ที่ต้องลงมานั้นเป็นเทพีอนามอเฟียมิใช่ตัวเขา) ยิ่งยากแก่การคาดเดาไปใหญ่ว่าอะไรจะเป็นอะไรไปในทิศทางไหน คงเพราะเช่นนี้กระมังที่เขาไม่ได้รับสัญญาณการติดต่อหรือช่วยเหลือใดๆจากทางสวรรค์เลย คงเพราะทางนั้นก็อาจติดขัดอะไรบางอย่างที่ไม่อาจฝ่าผืนได้ก็เป็นได้ ในกรณีที่มีคนรู้น้อยเช่นนี้การจะตัดสินใจกระทำการใดๆลงไปของเหล่าเทพก็ต้องรอบครอบยิ่งขึ้นกว่าที่เคย

เอื้อมมือขึ้นจับท้ายทอยของตนก่อนจะนวดช้าๆอย่างเหนื่อยล้า คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันสีหน้านั้นเห็นชัดถึงการครุ่นคิดอย่างหนัก

“จะรอดไปได้กี่วันล่ะเนี่ย”

เขารำพึงกับตัวเองขณะเริ่มคิดถึงทางแก้ เขาเชื่อว่าน้ำวิสุทธิ์ที่แก่นกายเขาขับมาต้องกลับไปเป็นสีใสได้แน่ แต่ไม่รู้ว่าอย่างไร ซึ่งเรื่องนั้นเขาต้องให้ท่านหมอช่วยจัดการ ไม่ว่าจะวิธีไหน มันอาจมียาบางตัวที่ช่วยได้หรือหากเป็นเวทย์มนต์ก็ต้องให้ท่านหมอช่วยหาคนจัดการเรื่องนี้ แต่ในระหว่างนี้จะยังให้ฟารันรู้ไม่ได้ไม่ใช่แค่ไม่อยากโดนลงโทษ....แต่ก็ไม่อยากให้ฟารันเสียความรู้สึกเสียมากกว่า

เขาคงต้องบ่ายเบี่ยงไปเสียทุกทางเพื่อไม่เปิดเผยเรื่องนี้ หรือร้ายที่สุดคือหนีไปเลยก็เป็นได้ จนเมื่อความทรงจำของเขากลับมาได้หมด น้ำวุสิทธิ์นั้นมีสีใส ครบถ้วนกระบวนความคุณสมบัติความเป็นเทพ เมื่อนั้นค่อยกลับมาพบฟารันใหม่จะดีกว่าไหม ถึงแม้จะต้องทรมาณใจที่จะไม่ได้เจอหน้ากันอีกแต่ถ้าฟารันจับได้ถึงเรื่องน้ำสีขุ่นนี้ มันคงเป็นทรมาณที่แสนสาหัสยิ่งกว่าที่ต้องกลายเป็นคนโกหกในสายตาของอีกฝ่าย สู้หายไปเลยยังจะดีกว่า

ไว้ก่อนแล้วกัน!

พลางปล่อยร่างกายให้แผ่ทิ้งไปกับน้ำ ให้ละลอกคลื่นน้อยๆกระเพื่อนผ่านตัวไปแล้วปล่อยใจให้ไม่คิดสิ่งใด ยามนี้ขอพักก่อน แล้วค่อยว่ากันใหม่ ไม่ต้องสนอะไรโรเรเนส ไม่ต้องสนอะไร ช่างมันไปเสียก่อน ช่างพวกขุนนาง ช่างพวกนักบวช ช่างฟารันไปด้วยประไรโรเรเนส....





ทว่า........





“รู้ไหมว่าข้าคาดหวังอะไร”
เสียงคุ้นเคยที่ทุ้มเย็นเยียบไร้อารมณ์ดังขึ้นแทรกระหว่างความเงียบและเสียงน้ำ




เทพหนุ่มลุกขึ้นนั่งแบบไม่เชื่อหูตัวเอง ก่อนจะหันไปมองด้านหลังช้าๆ ใจนึงยังหวังให้ตัวเองหูฝาดไป วูบหนึ่งเขาหวังให้หันไปแล้วไม่เจอใคร ทว่าหูเขาไม่ได้ฝาดและที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็เป็นตัวเป็นตนชัดเจน

ใบหน้าไร้เลือดซีดเผือดเหมือนคนตาย จับจ้องอยูที่ชาย ณ ขอบสระในมือเขาผู้นั้นถือชุดที่เขาเพิ่งถอดวางไว้เมื่อครู่ ปลายนิ้วมืออีกข้างที่ว่างเปล่ากลับปรากฎเห็นเป็นเหมือนหยาดน้ำสีขุนข้นลื่นซึ่งเพิ่งปัดป้ายออกมาจากชุด ด้วยโรเรเนสนั้นไม่ทันสังเกตุว่าบางส่วนของน้ำสีขุ่นข้นของเขายังมีเหลือติดเป็นคราบอยู่บนชุดนอน

ซึ่งส่วนสุดท้ายที่เผลอเรอนั้นตอนนี้กลับอยู่บนปลายนิ้วของผู้มาเยือน ใช่เห็นได้อย่างชัดเจนมันมีสีขาวขุ่นหาใช่สีใสดั่งควรจะเป็นไม่ ใช่เขาเห็นแล้วและมองมาที่ผู้ที่อยู่กลางสระด้วยสายตาเย็นชายะเยียบเยือกปนอยู่กับอารมณ์มากมายที่ยังไม่สามารถอ่านได้ในตอนนี้

เหมือนหัวใจแลวิญญาณหล่นร่วงหายไปจากร่าง แต่ปากบางๆที่สั่นนั้นก็ยังฝืนเอ่ยนามของผู้มาเยือนอย่างแผ่นเบา ด้วยไม่อาจเหลือแรงให้เปล่งเสียงมากเท่าใดนัก เอ่ยขึ้นเหมือนพูดกับตัวเองเสียมากกว่าจะพูดกับใครในห้องนี้....

“ฟารัน...”

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

มาลงเพิ่มแล้วเย่ ในที่สุดก็ผ่านพ้นวันวาเลนไทไปด้วยการเขียนฟิคจนได้เย่ๆ ดีใจจัง  :sad4: อยู่คนเดียวในวันวาเลนไทนี่ดีนะคะได้มีเวลาเป็นของตัวเองในขณะที่คนมีคู่เค้าทำไม่ได้เนอะ มีความสุขที่สุดเลย  :hao5: :hao7:

ขอบคุณที่มาอ่านค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2015 01:09:38 โดย Donna Nod »

ออฟไลน์ ycrazy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 461
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
อ่านรวดเดียวเลย ลุ้นๆๆๆ ทำไมเป็นเทพแต่มีอุปสรรคเยอะงี้ล่ะ :a5:

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
 :katai1: อ๋าาาาา ฟารันนนน จะทำไงต่อไปเนี่ยยยย

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
ใจหวิวเลยยยย  :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ GUNPLAPLASTIC

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
ก็เเล้วเเต่นะค่ะท่านฟารัน สั่งประหารน้องได้ก็ทำไปยังไงน้องก็กลับไปเป็นเทพอยู่ดี
ถ้าจะทำอย่างนั้นฉันบอกเลยว่าจะไม่เชียร์เธอต่อเเน่นอน โฮะๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
ตายนะดีแล้ว ดีกว่าจะอยู่ให้เก็บซ้ำ แต่ดูแล้วคนแต่งคงจะทรมานนายเอกให้ตายทั้งเป็นอยู่แล้ว ปล่อยมันไป ว่าจะไม่อ่าน พออ่านแล้วอารมณ์เสีย รอจบค่อยมาอ่านที่เดียวขี่เกียจลุ้น

ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1


เฮ้อ ออ .สนุกดีนะ

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
ง่าทำไมถึงไม่ใช่สีใสล่ะ? ฟารันอย่าทำร้ายเทพเลยนะ :mew4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Loste

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 430
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ลุ้นมากกกก :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
เหอะ ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์  :serius2:

ขอให้เรื่องคลี่คลายเร็วๆค่ะ

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
ฟารันนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน  ฟังเรโ รเนสก่อนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน :heaven

ออฟไลน์ Foey

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ค้างสุดๆเลย   :a5: :a5:

ออฟไลน์ paladin.kn

  • ไฟมอดลงยังคงทิ้งรอย...เถ้าถ่าน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 608
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
ค้างมากกกกกกกกกกก

ฟารัน ฟังก่อนดิ

ฟังก่อนนนนนนน

สงสารโรเรเนสอ่ะ

 :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ไหงฟารันมาเจอเร็วงี้อ่ะ

ออฟไลน์ Saint

  • St.Aries
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :z3: :z3: งื้อ มาต่อไวๆนะครับ ลุ้นๆ สนุกดี ชอบๆ  :haun4: :haun4:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ไม่นะมาเร็วจังจะเข้าใจผิดไหนเนี่ย

ออฟไลน์ Donna Nod

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0

“เจ้าไม่มีสิทธิเรียกชื่อข้า” เอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็นแข็งกร้าวเช่นเดียวกับแววตาวาวโรจน์ด้วยใจแค้น ก่อนจะข่มลงเล็กน้อยเพื่อพูดบางอย่างที่เขาคิดว่าสำคัญต่อ

“รู้ไหมข้าคาดหวังอะไรตอนที่ยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมดนั่นอยู่หลังประตู”

เมื่อครู่ฟารันก็อยู่ที่นั่นในขณะที่ข้าโดนค้นห้อง?

“ตอนแรกข้าก็กะเกณฑ์ว่าจะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง.....”  ร่างสูงค่อยๆพูดด้วยใจเย็น ด้วยเหมือนพยายามข่มความรู้สึกบางอย่างไว้ขณะอธิบายความ เขาย่างเดินช้าๆแต่มั่นคงจากฝั่งหนึ่งของขอบสระ ค่อยๆไปสู่อีกฝั่งที่ใกล้คนที่อยู่ในน้ำมากกว่า ขณะนั้นก็ยังเอ่ย

“ข้ากะว่า หากน้ำพิสุทธิ์เจ้าขับเคลื่อนยามฝันขึ้นมาได้ข้าก็จะมาดูกับตาเองว่ามันใช่สีใสหรือไม่”

“ทะ ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเช้านี้ข้า ข้าจะ”

หากแต่อีกฝ่ายทำเหมือนไม่ได้ยินคำถามนั้นกลับกล่าวต่อไป
“แต่ท่านโยเฮนได้ห้ามข้าเอาไว้ ด้วยเหตุว่าเกรงว่าเจ้า....จะออดอ้อนให้ข้าใจอ่อน เขาจึงอาสามาทำแทน...ซึ่งข้าก็อนุญาติ”

“..........”

“ตอนแรกข้าก็ว่ามันตลกนัก ที่เจ้าจะมาอ้อนข้าเพราะที่ผ่านมาก็เอาแต่หนีและข้าก็มั่นใจว่าตัวเองรู้จักเจ้าพอ...และรู้ว่าเจ้าต้องไม่ใช่คนเอาตัวรอดอะไรแบบนั้น.....แต่นั่นคงเป็นความโง่ของข้าเอง” เขาหยุดยืนแล้วสูดหายใจเข้าช้าๆ “ข้าจึงให้ท่านโยเฮนจัดการ แต่ด้วยใจร้อนจึงตามมาดูด้วย...แน่นอน ไม่มีใครรู้ และตอนนั้น ตอนที่ข้าเฝ้ามองและลอบฟังทุกอย่างที่เกิดขึ้น ข้าหวังนะ...”

ตาเศร้ามองดูผู้พูดอย่างปวดร้าว ความกลัวมากมายแล่นริ้วเข้าสู่จิตใจ...

“ข้าหวังว่าจะเห็นสีหน้าของผู้ไร้เดียงสา สีหน้าของคนไม่ประสีประสาว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วตามต่อด้วยสีหน้าคัดค้านของผู้ที่มั่นใจว่าตัวเองถูก ผู้ที่รู้อยู่กับหัวใจตัวเองว่าตัวเองบริสุทธิ์ รู้ว่าความจริงคืออะไรและกล้าที่จะเผชิญทุกการพิสูจน์...ตอนนั้นข้ามั่นใจ มั่นใจเลยว่าต้องเป็นแบบนั้น”

ครานี้เขาหยุดอีกครั้ง หยุดนิ่งแล้วหันมามองก่อนน้ำเสียงแล้วแววตาจะแปรไปในทางที่เจ็บปวด ทรมาณและเจ็บแค้นมากขึ้นเรื่อยๆ

“แต่รู้ไหมข้าเห็นอะไร”

ใบหน้างามซีดเผือดดวงตาของเขารื่นน้ำขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกจุกอยู่ที่คออึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

“ข้าเห็น....ข้าเห็นความกลัว กลัวว่าจะโดนจับได้ มันชัดเจนพอๆกับหน้าซีดๆของเจ้าของโดนค้นห้อง เพราะอะไรรู้ไหม” เขาขบฟันกรอดขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะเค้นตะคอกออกมา

 “เพราะเจ้ารู้อย่างไรเล่า!! ว่าตัวเองทำอะไรผิด!”

ร่างเนียนผงะไปเล็กน้อยด้วยตกใจกับเสียงตะคอกนั่น 

“มันเป็นแววตาของคนที่รู้อยู่เต็มอก รู้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่าปิดซ่อนอะไรไว้ มันไม่ใช่แววตาของคนมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง!! แต่มันเป็นแววตาหวาดหวั่นของคนมีชะนักติดหลัง!!”

เสียงตะคอกดังต่อเนื่อง ก่อนจะท้นท่วมด้วยความปวดใจที่เจ้าตัวพ่นออกมา

“ตอนนั้นข้าก็ไม่เชื่อสายตาตัวเอง ข้าถกเถียงข้าย้อนแย้งทุกอย่างอยู่ในหัวมันเพราะอะไรรู้ไหม มันเพราะว่าข้าเชื่อ ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่โกหกข้า ข้าจึงต้องตามมาดูเองให้เห็นกับตาว่าเจ้าไม่ได้ร้อนตัว ว่าที่เจ้าทำหน้าเหมือนคนผิดตอนถูกค้นห้องเป็นเพราะเจ้ากลัว แต่สุดท้ายข้ามันก็แค่ไอ้โง่!” เขาเควี่ยงชุดที่อยู่ในมือทิ้งไปกับพื้น “โง่ที่เชื่อคนอย่างเจ้า! เพราะเจ้ามันตลบแตลงตอแหลและไร้หัวใจ! มันสนุกมากใช่ไหมที่เล่นกับความรู้สึกคนอื่นน่ะหา!”

ร่างบางเริ่มสะอื้นน้อยๆ ริมฝีปากบางถูกขบด้วยใจที่รวดร้าว เขารู้ใช่ เขารู้ว่าไม่อาจแก้อะไรได้ ในเมื่อทุกสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นเป็นความจริงและไม่คิดว่าเขาจะรับฟังคำแก้ตัวใดๆแม้นจะมีความจริงอื่นๆที่ยังไม่รู้มากแค่ไหน คงไม่แล้วไม่มีแล้ว หัวใจปวดร้าวพอกันทั้สองฝ่าย

ขาดไปแล้ว

ทั้งหมดที่เคยพยายามสร้างกันมา รู้ดีแล้ว รู้ดี หากแต่ก็ต้องพูดทั้งหมดออกไป ไม่เขาไม่เคยคิดจะโกหก แม้นกระทั่งจนแต้มเขาก็จะพูด

 เขาค่อยๆเผยอปากที่สั่นระริกนั้นแล้วเอ่ยแย้งออกมา

“ฮึก ไม่นะ  มันไม่ใช่แบบนั้นนะฟารัน”

“อย่าบังอาจมาเรียกชื่อข้าไอ้คนลวงโลก!”

เสียงตะโกณดังลั่นสาดใส่หน้า พาลให้หยาดน้ำตารินไหลลงมาอย่างไม่อาจกั้น 

“มันไม่จริงนะ ฮึก ข้า ข้าไม่เคยหลอกท่านไม่เลย”

“ถ้าอย่างนั้นก็ตอบมา!ว่าไอ้คราบสีขุ่นนี้มันไม่ใช่ของเจ้า!”

เด็กหนุ่มขบปากแน่นจนห้อเลือด เขาจะทำอย่างไรดีไม่มีอะไรให้เชื่อถือได้เลยแม้นแต่น้อย ไม่มีเลย
“แต่ก่อนหน้านี้มันเป็นสีใส ข้า ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดวันนี้มัน อึก...”


“ไร้สาระ! จะบอกว่าจู่ๆมันก็เป็นไปเองงงั้นเหรอ! เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อคำลวงโง่ๆเช่นนั้นหรือไร หา! คิดว่าข้าโง่นักหรอ ถ้าคิดจะแกตัวทำไมไม่ทำให้มันฉลาดกว่านี้ เอาให้ฉลาดเหมือนตอนที่หลอกข้าแบบที่ผ่านมานั่นละดีไหม!”

“จะให้ข้าพูดเช่นไรในเมื่อความจริงมันมีแค่นั้น!”


เด็กหนุ่มสุดทนตะโกนสวนกลับไปก่อนจะเม้มปากแน่นแล้วตัวสั่นปล่อยให้น้ำตาพรากลงมาเป็นสาย

ฟารันนิ่งมองด้วยตาคมปลาบ แววตาลุ่มลึกนั้นมองจ้องดั่งกรีดผิวชำแลกแทรกให้แหลกสลาย ความแค้นนั้นปรากฏลึกเข้าไปในแววตา

“จะบอกว่าน้ำสีขุ่นนี้มันแค่บังเอิญมาเกิดตอนนี้สินะ”

“........”

“ขึ้นมาเดี๋ยวนี้”

“?!”

ตาวาวน้ำพลันเบิกโพลงขึ้นมากับคำสั่งเช่นนั้น

“มะ..ไม่”

เสียงสั่นเครือเอ่ยไปอย่างหวาดหวั่น ราห์โอหนุ่มจึงย้ำคำด้วยเสียงหนักทั้งกัดฟันกรอด

“ข้าบอกให้ขึ้นมา”

โรเรเนสเบิ่งตามองนิ่ง....ก่อนจะส่ายหัวช้าๆ
ไม่..ฟารันในขณะนี้ไม่มีสติพอที่จะไว้ใจได้

แล้วก็เป็นดั่งเช่นที่ใจคิดด้วยราห์โอเดินลงน้ำทั้งที่ใส่เสื้อผ้าเขาพุ่งตรงมากลางสระหมายจะจับตัว   อีกฝ่ายก็ลนลานหนีหากแต่หาได้หนีพ้นไม่ ด้วยเมื่อพยายามว่ายไปอีกฝั่งราห์โอก็คว้าแขนเขาแล้วฉุดไปได้

“ได้โปรดเถิด! อย่า! อย่าทำอะไรข้าเลย”

ไม่ฟังคำทัดทานใดเขาก็ถูกลากขึ้นไปยังริมสระ ก่อนที่ฟารันจะจับขึ้นมานั่งประชิดตัวแล้วกล่าวด้วยเสียงกร้าว

“ก็ให้รู้กันไป!เช่นนี้จะได้ปฏิเสธไม่ได้!”

จบคำมือหยาบข้างหนึ่งก็ตรงเข้ากอบกำส่วนอ่อนไหวที่เพิ่งขับน้ำคาวหวานไปหมาดๆเมื่อคืน แลก็ยังหลงเหลือความรู้สึกซ่านน้อยๆจากอารมณ์ค้างเช่นนั้น ส่วนอีกข้างก็กอดแน่นยึดลำตัวไว้ไม่ให้ดิ้นหลุดขณะกิจกรรมเริ่มดำเนินไป
ขย้ำเล่นเช่นเมื่อคืนที่แอบทำ แต่หนักหน่วงกว่าหมายจะให้สัมฤทธิ์ผลโดยเร็ว

“อ้า!!! อ้า อย่า ฮึก อึก อื่อ”

เสียงหวานปนสั่วเริ่มดังขึ้นอย่างไม่ตั้งตัว เมื่อถูกสัมผัสจุดอ่อนไหวเรี่ยวแรงก็พลันหายไปให้ไม่ได้ดิ้นหนีใดๆ แก่นกายตื่นตัวถึงแข็งขืนทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเมื่อชูชันขึ้นเป็นลำสีชมพูชัด มือขยุมขยำก็เปลี่ยนเป็นบีบรัดแล้วจับรูดถี่ๆโดยไม่สนใจการอ้อนวอน

“อ้า! อ้า อ๊ะ อ๊ะ อื้อ ฮึก ไม่ อย่า! อ๊า!”

ทั้งอายทั้งตกใจและไม่รู้จะทำเช่นไร แลสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่เอื้อให้เขามีสติจะทำอะไรทั้งนั้น แม้นเบื้องลึกอยากหลุดหนีหายไปไม่ให้ฟารันรู้มากกว่านี้ ไม่อยากให้น้ำสีขุ่นออกมาย้ำความผิดตัวให้หนักแน่นกว่าเดิมแต่ก็ทำไม่ได้ ต้องปล่อยให้มือร้อนนั้นกำรัดขยับเคลื่อนถี่ๆอยู่ตรงหว่างขาตน

“อ๊า!!!”

น้ำสีขุ่นพวยพุ่งมากมาจนเปรอะเลอะทั้งต้นขาและฝ่ามือ กิจกรรมทั้งหมดหยุดนิ่งไปกษัติรย์หนุ่มอึ้งมองคราบน้ำสีขาวมีฝ่ามือตนขณะร่างที่แดงระเรือไปทั้งตัวและเป็นมากที่หว่างขายังหอบกระเส่าอยู่กลางอกตน
ตาเศร้าเชื่อมนิ่งมองคราบนั้นที่หว่างขาตน

 ชัดเจน...ไม่มีอะไรให้เถียงได้อีกหรือจะให้แก้ตัวว่าอย่างไร?

เขาไม่กล้าหันไปมองสีหน้าของอีกคน ซึ่งหากหันไปก็คงได้เห็นแววตาปวดร้าวลึกระคนโกรธแค้นอย่างน่ากลัวนั่น
ฟารันนิ่ง กำลังคิดอะไรบางอย่างที่ทำให้ความโกรธทวีเพิ่มชัดบนใบหน้าก่อนจะคว้าผ้าดิบที่อยู่ใกล้ตัวมาห่อร่างเปลือยเปียกปอนนั้นอย่างลวกๆ  เด็กหนุ่มคืนสติและเริ่มตระหนกเมื่ออีกฝ่ายอุ้มตนพาดบ่าทั้งห่อผ้าอยู่

“ท่านจะพาข้าไปไหน!!”

ไม่มีเสียงตอบร่างกำยำนั้นเดินก้าวตรงไปอย่างเร็ว มีเพียงแผ่นหินบนพื้นที่ผ่านหน้าไปเร็วๆให้เห็นได้โรเรเนสจึงยังนึกไม่ค่อยออกว่าตนกำลังถูกพาไปในทิศทางไหน จนเมื่อเหมือนเข้าเขตห้องที่อยู่ใกล้ที่สุดเขาถึงรู้ว่าเป็นห้องที่ตนไม่คุ้นด้วยผืนพรมบนพื้นดูแปลกตา

แต่แล้วโลกกลับตาลปัตรพลิกด้านอย่างฉับพลันแล้วก็พบว่าแผ่นหลังของตนลงกระแทกลงบนผิวเตียง ฟารันจับเขาโยนขึ้นเตียงอย่างไม่ใยดี

เขาลนลานตกใจเมื่อสิ่งที่ไม่อยากนึกถึงแล่นแว่บเข้ามาในหัว ดวงตาแข็งกร้าวจากอีกฝ่ายไม่ได้มีเมตตาใดใดอยู่บ้างเลย

“ทะ ท่านจะทำอะไรน่ะ”

“ถ้าเจ้าไม่ใช่เทพ ทำเช่นนี้ก็ไม่ผิดสินะ” เสียงเย็นชาทำให้หนาวเยือก ฟารันถอดชุดเปียกน้ำของตนทิ้งก่อนจะลงกดอีกฝ่ายมิให้หนี

“อย่านะ! อื้อ!”

สุ้มเสียงแลขาดหายไป เมื่อถูกประกบปากอย่างทันทีลิ้นสากสอดใส่ดูดดึงอย่างหนักหน่วงแล้วเกี่ยวกระหวัดอย่างช่ำชองกึ่งกระตุ้นกึ่งลุกล้ำให้เหมือนระคนจะโอนอ่อนอีกใจก็ขัดขืนแล้วเสียงอู้อี้ก็มิอาจประท้วงใดใดได้ จนบดเบียดให้พึ่งใจจึงผละออก การประท้วงทั้งหมดก็สิ้นลงด้วยเด็กหนุ่มได้แต่หอบกระเส่าไร้เรี่ยวแรงร่างขาวๆสั่นน้อย ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อมือหยาบเค้นลงไปเบื้องล่าง ร่างอันอ่อนไหวของเด็กหนุ่มก็ง่ายดายต่อการกระตุ้นขึ้นใหม่

ริมฝีปากนั้นก้มลงอีกครั้งเพื่อลิ้มเลียยอดอกสีชมพูแล้วบดลิ้นสากลงเสียดสีเขี่ยเล่น ร่างนั้นค่อยๆบิดหนีด้วยความซ่านกระสันที่แล่นริ้วไปทั่วร่าง

“อื้ออ ฮ่าห์”

มือหยาบลูบไล้ไปให้ทั่วจนความซ่านทวีเพิ่มไปเน้นชัดที่แก่นกาย อารมณ์กระสันแพร่ทั่วจนปวดเกร็งแถวท้องน้อย แลมือมือข้างหนึ่งก็ล่วงลงที่ช่วงคับส่วนหลังอย่างมิให้ตั้งตัวก็สอดใส่นิ้วเข้าไป

“อ๊า!! อย่า”

นิ้วแกร่งนั้นถูกดันล่วงลึกจนเข้าไปจนสุด ความอึดอัดพลันเกิดแก่ผู้ถูกกระทำ พวงแก้มแดงระเรือเช่นเดียวกับปากบางที่สั่นระริกแววตาตกใจปนอ้อนวอนถูกส่งออกมาจากหน้าสวยหวานนั้น หากแต่เมื่อดันจนสุดนิ้วนั้นก็เริ่มขยับเข้าออกอย่างหนักหน่วงแลเพิ่มเป็นสองสามโดยไม่สนใจเสียงครางและอาการบิดเร่าของเทพหนุ่ม มือเรียวเริ่มจิกกำผืนผ้าข้างตัวด้วยเสียวซ่านจุกแน่นจากสิ่งที่ไม่เคยเจอ

“อ้า อ้า อื้ออ ฮึก เอาออกเถอะ ไม่เอา ไม่เอา อึดอัด อ๊ะ!”

กระชากออกหลังจากขยับอยู่ไม่นาน ชั่วแว่บนั้นหนุ่มเกศม่วงหวังใจให้ทุกอย่างจบลงแล้ว แต่ก็ต้องสะดุ้งกายอีกครั้งเมื่อสิ่งที่เบียดแทรกมาแทนทีกับเป็นแกนกายใหญ่โตที่อีกฝ่ายค่อยๆบดดันเข้ามาอย่างเร็ว

“อ๊า! ไม่”

โรเรเนสเอียงหน้าหนีด้วยความเจ็บ ปากบางหอบหายใจเอาอากาศเข้าหาตนขณะส่วนแข็งร้อนของอีกฝ่ายถูกดันเข้ามาจนเกือบสุด
ขาทั้งสองข้างถูกยกขึ้นแล้วกดลงจนเกือบชิดอก เมื่อฝ่ายบนขยับขึ้นมาคร่อมแล้วเริ่มขยับสะโพกเข้าออก

 “อ๊าาาาาาา!”

เริ่มจากค่อยๆขยับจนไม่นานก็เป็นกระแทกกระทั้นอย่างดุดันจนเกิดเป็นเสียงกระทบเปียกเป็นจังหวะถี่ๆ ผู้กระทำไม่ได้สนใจเลยว่าตนเองหรือใครจะเจ็บไหม สองมือเรียวของเด็กหนุ่มจิกแน่นลงกับที่นอน เขาครางหวานปวดร้าวอยู่ข้างใต้ บ้างสะอื้น บ้างหอบสลับกับการร้องเสียงหลงในบางจังหวะของการกระทบกันด้านใน

“อ๊า อ๊า อ๊ะ อึก อื้อออ เจ็บ อ้า”

แก่นกายของร่างกำยำนั้นยังคงเสียดสีอยู่ภายใน ความเจ็บจุกปนเสียวเกิดขึ้นในขณะเดียวกัน

“ไอ้คนโกหก!”

“ฮึก ไม่ อ้า อ้า”

เบียดกระแทกอย่างรุนแรงจนร่างงามนั้นตัวโยนไปตามจังหวะ ศีรษะและเส้นผมแถกไถขึ้นลงไปกับผิวเตียงนุ่มทุกครั้งเมื่อสะโพกนั้นดึงออกและดันเข้า ตาหวานหันกลับมามองอีกฝ่ายด้วยอ้อนวอน

“ฮึก ฟารัน”

“อย่ามาเรียกชื่อข้า!”

ตอบกลับด้วยเสียงอันดังแล้วแววตารวดร้าวที่ทรมาณใจไม่ย่อนไปกว่าผู้ถูกทำ มันช้ำลึกลงในข้างในกษัตริย์หนุ่มผู้นี้  เขาเห็นวงหน้าหวานสวยของผู้ที่เขาไว้ใจ แก้มแดงนั้น ปากนั้น หยาดเหงื่อที่ผุดพรายและดวงตาเศร้ารื้นน้ำตาที่น่าสงสาร แต่มันไม่ใช่เลยแม้นจะดูไร้เดียงสาเหมือนเช่นเคยแต่ก็เป็นเพียงภาพลวงตา ด้วยทั้งมวลที่ผ่านมาเป็นเป็นการเล่นละคร เป็นแค่การลวงหลอกอย่างโหดร้ายที่เอาหัวใจและความไว้ใจของเขามาขยี้เล่น ใช่หลอกลวง!
มันผ่านมาแค่เดือนเดียวเท่านั้นสำหรับคำสัญญา
คำนั้นไง.........

“ต่อให้ดาวร่วงจากฟ้าข้าก็ไม่มีวันผิดสัญญา”

พูดพล่อยๆ

ก็พูดกันได้สินะ


มือหยาบขยับเปลี่ยนมาจับยกขาทั้งสองไว้แล้วพาดขึ้นที่บ่าของตนก่อนจะจับแน่นที่สะโพกกลมของอีกฝ่าย ไม่ให้ร่างของเด็กกหนุ่มฝ่ายขยับตามเมื่อตนกระแทก  แล้วเมื่อยึดไว้แล้วสะโพกแกร่งของราห์โอหนุ่มก็ซอยกระทบกระแทกช่องคับนั้นอย่างถี่เร็วและทั่วถึงชัดเจนกว่าเก่าด้วยร่างนั้นไม่อาจถูกดันหนี เสียงครางทวีดังร่านเร่าร้องระงม ความเจ็บแปรเป็นชาและความเสียวจากการสีก็คละเค้ากันไปด้วย

“อ๊าาา  อ๊ะ อ๊ะ อื้อ ยะ หะ อ้า อ้า อ๊า ฟะ”

เหมือนไม่เหลืออะไรเลยทั้งสัมปชัญญะและความคิด ลืมไปเสียสิ้นว่าตนเป็นใครหรือต้องการหรือไม่ต้องการอะไร มีเพียงตรงนี้ที่ปวดร้าวทั้งกายใจกำเนิดขึ้น สีหน้าโกรธแค้นและแววตาผิดหวังกอรปกับการกระทำอันป่าเถื่อนที่หว่างขาของอีกฝ่ายทำให้ใจเขาหลุดลอยสลายไปเหมือนดอกไม้ที่ถูกขยี้ย่ำด้วยฝ่าเท้า น้ำตาใสๆจึงไหลออกมาเฉยๆโดยไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร ระลึกได้แค่ว่าเสียใจ มันไม่ใช่เพราะการถูกทำทางร่างกายแต่เพราะมันชัดเจนแล้วว่าระหว่างพวกเขาไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย

ช่างสั้นเหลือเกิน....ทั้งหมดที่ดีๆ

จังหวะกระแทกยังดำเนินไปทั้งเสียงเปียกจากการะกระทบมันก็ปนกับเสียงหอบเสียงครางของทั้งสองฝ่าย จนเมื่อกระชั้นใกล้ถึงจุดความเสียวเกร็งก็เพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ จน

“อ๊าาาาาา!!”

น้ำกามจากแก่นกายใหญ่โตของร่างสูงฉีดอัดทะลักเต็มช่องคับแน่นพร้อมๆกับท่อนเนื้ออีกฝ่ายที่ถึงจุดจนขับน้ำขุ่นพุ่งเลอะเปรอะไปเสียเต็มเนื้อตัวทั้งสองฝ่าย

…..

….....

…………..

แลเขาก็ถอนออก

แลเขาอีกคนก็สลบไป

ดับไปดั่งเปลวเทียน.......

 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

ต้องขออภัยในความบ่งพร่องของการวางพล๊อตและคิดเนื้อเรื่องของข้าเจ้า จึงทำให้ดราม่าขัดอกขัดใจนัก หากแต่ปมมันมาแล้วก็ต้องแก้ ไม่นานเท่าใดแด๋วคลี่คลายและฟ้าก็จะเป็นสีทองผ่องอำไพนะคะ

ขอบพระคุณที่อ่าน


ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
ทำไมฟารันทำเยี่ยงนี้ล่ะเพคะฮืออออ :sad4: :sad4: :o12: :o12: :hao5: :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด