“ เปล่า กูหิวข้าว ” แมททิวตอบหน้าเครียดพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้เคาน์เตอร์
“ กินทาร์ตไข่มาแล้วไม่ใช่ ? ” คนอย่างแมททิวไม่ปล่อยให้ท้องหิวหรอก
“ เออ กินมาแล้วแต่กูยังหิว แต่กูไม่อิ่มเคไหมครับ ”
“ แล้ว ? ” พ่อกระเพาะหลุมดำต้องการอะไรจากเสือคนนี้ครับ ผมไม่เชื่อหรอกว่าเพราะความหิว
“ กูงอนมึงนะ สัส ! ทาร์ตไข่กูพรุ่งนี้ห้ามให้ไม้แม่งแดกนะเว้ย มันแดกของกูทีไรแม่งกูไม่เคยแดกอิ่มอ่ะ ”
“ คุยกับไม้เองสิ มาบอกเสือทำไม ” ผมขมวดคิ้ว
“ มึงเป็นคนซื้อมาก็มีสิทธิห้ามไง ” แมททิวโวยวาย ดูเหมือนว่าอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องกินแมททิวจะจริงจังมาก
“ ... โอเคๆ เดี๋ยวคุยให้ หายงอนด้วยแล้วกัน แมททิว ” ผมถอนหายใจ
แมททิวยิ้มกับคำตอบ “ โอเคครับ กูหายงอนล่ะ เอาคุกกี๊ที่เป็นตัวอักษรมากินหน่อยแก้หิว ” ไม่ว่าเปล่าแบมือขอด้วย
“ เปลืองจริงๆ ” ผมยอมเปิดโหลขวดแล้วหยิบให้หยิบกำมือนึง ไม่ต้องกลัวหมดเพราะยังมีตุนอีกเยอะในครัว
“ ทำไมมึงไม่เอาเป็นตัวอักษรชื่อกูเนี่ย กูจะได้กินอร่อยขึ้น ” แมททิวบ่นงึมงำแล้วเรียงตัวอักษรเป็นคำๆ ซึ่งคำส่วนใหญ่ก็เป็นคำง่ายๆ อย่างด็อกหมาอะไรทำนองนั้น แมททิวเรียงคำเสร็จก็กินคำเพิ่งเรียงไป ดูว่างจังนะ แมททิว
กรุงกริ๊ง
ลูกค้าเข้าร้านแล้วมีเสียงไม้พูดต้อนรับแว่วๆ แต่คุณแมททิวดูเพลิดเพลินกับการเรียงคำแล้วกินมากจนไม่สนใจอะไรเลย ถ้าผมเหน็บอีกจะโดนงอนอีกไหมเนี่ย เอาเป็นว่าผมบอกดีๆ ดีกว่า “ แมททิวลูกค้าเข้าร้านแล้วนั่น ไปรับออเดอร์ไป ”
“ เชี่ย ตัว Z มากูจะสะกดอะไรได้วะ สระแม่งก็แดกไปหมดแล้วอีกโว้ย ” แมททิวก็กินตัว Z สิจะได้หมดเรื่อง
“ ไปรับออเดอร์ก่อนไปแมททิว ถ้าอยากได้สละค่อยรอหน้าร้อน ” ผมหยิบตัว Z ที่แมททิววางไว้บนกระดาษทิชชู่ที่ใช้เรียงคำใส่ปากแล้วเคี้ยวกรุบๆ อร่อยดีแฮะ
“ สละบ้านมึงสิ กูเอาสระที่เป็นเออีไอโอยูครับ ” แมททิวย่นคิ้วใส่ผมพร้อมกับลุกขึ้นยืน แมททิวเดินไปพร้อมบ่นงึมงำอะไรสักอย่างที่ผมไม่ได้ยิน
เอาเป็นว่า มันน่าจะเกี่ยวกับเรื่องของกินแล้วกัน เท่าที่ผมเดาจากประสบการณ์การเป็นเพื่อนอันยาวนาน แล้วผมก็ต้องเลิกคิ้วงงๆ เพราะสิงห์เดินมาหาผมที่เคาน์เตอร์ด้วยหน้าที่แดงๆ อย่าบอกนะว่า เป็นไอ้บทลงโทษของค่ายติวนรกละสิ ? ผมเหลือบไปมองโต๊ะที่สิงห์นั่งเห็นซันกับลมกำลังนั่งลุ้นหันมองมาทางนี้แต่เมื่อเห็นผมหันไปมองก็ทำเป็นมองไปทางอื่นซึ่งมันไม่เนียนเอาซะเลย ผมหันมาสนใจสิงห์ที่เดินมาถึงเคาน์เตอร์ด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลนชอบกล
“ สั่งอะไรเพิ่มเหรอสิงห์ ? ” ผมถามลองเชิงไปเล่นๆ ด้วยสีหน้าปกติ
“ เปล่าครับ.. เอ่อ แคทครับ ผมขอด่าอะไรหน่อยได้ไหมครับ ? ”
เวลาจะด่าต้องขอด้วยเหรอ ? ผมเลิกคิ้วงงๆ
“ เอาสิ ”
“ เอ่อ.. ไอ้น่ารัก !! ไอ้ชงกาแฟอร่อย ! ไอ้ชอบกินเชอร์รี่ ! ไอ้ไทเกอร์ ! ไอ้ชอบกินน้ำแดง ! เอ่อ.. ไอ้ซัน ! ” สิงห์ตะโกนเสียงดัง
ลั่นเรียกให้คนในร้านหันมามองแต่เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้นก็หันไปสนใจสิ่งที่จดจ่อเมื่อกี้ต่อ
มันเป็นอะไร น่าจะเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจคนในร้านยกเว้นคนที่รู้เรื่อง สิงห์หน้าแดงเถือกเอ่ยขอโทษเสียงเบา ผมหลุดหัวเราะออกมาเมื่อลองนึกๆ คำด่าที่ว่าเมื่อกี้ “ มันใช่คำด่าซะที่ไหน นอกจากคำว่า ‘ ไอ้ ’ เนี่ย อีกอย่างว่าผมชอบกินสิงห์ก็ชอบกินเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ”
“ แต่คำด่าก็มีคำว่า ซัน ด้วยนะครับ ”
“ ซันเพื่อนสิงห์น่ะเหรอ ? ”
“ ครับ มันทั้งขี้งกขี้บ่นตื่นสายบ้าปัญญาอ่อน ” สิงห์ร่ายยาว
“ แต่ผมไม่ได้ขี้งกขี้บ่นตื่นสายบ้าปัญญาอ่อนซะหน่อย ” ตื่นสายก็แค่บางครั้งแหละน่า
“ นี่มึงนินทากูเหรอครับ ไอ้ซิมบ้า! ” ซันโผล่พรวดกระโดดรัดคอสิงห์
“ ปะ ปล่อย อ่อก ” สิงห์พยายามแงะมือคนผมสีเหลืองหม่นออก
“ ไอ้สัสแดด มึงทำอะไรเพื่อนกูครับ ” ลมที่เดินตามมาทีหลังช่วยแงะซันออกจากสิงห์แล้วปล่อยลงบนพื้น
“ แต่ที่มึงด่าพี่เขานี่ จากใจจริงเลยเหรอวะ ” ซันที่ยืนมั่นคงแล้วถามด้วยหน้าที่ทะเล้น
“ ด่าผมได้เจ็บปวดมาก ” ผมพยายามปั้นหน้านิ่งเรียบทั้งๆ ที่เมื่อกี้เผลอหลุดหัวเราะไปแล้ว สิงห์ดูตกใจและสลดลงเล็กน้อย
“ สิงห์มึงด่าพี่เสือยังงี้ได้ไงวะ ! เห็นไหมพี่เสือเขาเจ็บปวดเนี่ย ! ” ซันโวยวายใส่สิงห์ซึ่งสิงห์ก็ทำหน้าละเหี่ยใจหลังฟังจบ
ว่าแต่ซันเรียกผมว่าพี่ด้วย.. แต่ช่างเถอะเรียกก็เรียกไปเถอะ ถือว่าผมบอกแล้วว่าไม่ถือถ้าจะไม่เรียกว่าพี่
“ มึงไม่ใช่เหรอทำโทษกูครับ กูแค่ตอบไม่ได้ข้อเดียวเองนะครับ ”
“ เอ้า ! ข้อเดียวมึงก็ผิดอ่ะ มึงไม่ยอมเข้าใจสักทีกูอธิบายออกจะเข้าใจง่าย ดูอย่างลมสิ ฉลาดแสนรู้แค่ฟังกูอธิบายเนี่ย ” ซันเขย่งตัวแล้วลูบหัวลมที่ยืนใกล้ๆ ทำเอาลมคิ้วกระตุกเลยทีเดียว
“ ผมขอโทษนะครับแคท ที่เพิ่งด่าไป ” สิงห์เลิกสนใจพวกลมแล้วก้มหัวขอโทษผมเล่นทำเอาผมสะดุ้งเลย
ไอ้คำด่าเมื่อกี้เนี่ยนะ สิงห์คิดว่าผมคิดมากเรื่องพวกนี่จริงๆ เหรอเนี่ย ผมว่าไอ้เรื่องครั้งก่อนทำผมคิดมากกว่านี้โขเลย
“ งั้นให้ผมด่าคืนนะ สิงห์ ? ” ผมถามด้วยสีหน้าเดิม
“ ครับ ” สิงห์พยักหน้าด้วยท่าทีที่สลด
“ ... ” ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะแล้วผมจะด่าสิงโตขี้อายตัวนี้ว่าอะไรดี ปกติก็ไม่ค่อยด่าใครอะไรขนาดนั้น งั้นเอาพวกที่ฟังๆ มาจากพวกหยกเวลาเจอเพื่อนมาร้านแล้วกัน “ ไอ้ซกมก ไอ้ตะกละ แปปนะขอผมคิดแปปนึง.. อ้อ ไอ้ชอบมาเนียนกินเค้กฟรี ไอ้ชอบมานั่งตากแอร์ทั้งวัน แค่นี้แหละ ผมคิดไม่ออกแล้ว ” ผมรอดูปฏิกิริยาสิงห์สักพักก็พบว่า สิงห์นิ่งไปสักพักคาดว่าเพราะงุนงงกับคำด่าที่ค่อนข้างไร้สาระของผมซึ่งลมกับซันก็นิ่งไปเหมือนกันแล้วระเบิดหัวเราะออกมา
“ เชี่ย ฮ่าๆๆๆ มึงมาเพื่อเนียนแดกเค้กฟรีเหรอวะ สิงห์ ” ซันพูดทั้งๆ ที่ยังกลั้วหัวเราะอยู่
“ เปล่า กูแค่อยากมาหาพี่เขาเฉยๆ ” สิงห์ดูได้สติกลับมาหลังจากสะดุ้งกับเสียงหัวเราะแต่พอสติกลับมากลับพูดอะไรแผลงๆ ออกมาแทน ซึ่งเจ้าตัวก็พยายามอย่างยิ่งยวดที่หน้าจะไม่แดงแต่มันไปลงที่หูแทน “ ไปๆๆ กลับไปติวต่อ กูก็ทำตามที่ลงโทษแล้วไง ” แล้วสิงห์ก็ลากทั้งสองคนที่ยิ้มทะเล้นออกไปจากที่ตรงนี้
โอเค ผมยอมรับก็ได้ ว่าผมก็หน้าแดงเหมือนกัน แต่เสียงเสียดหูที่ดังขึ้นก็ทำเอาผมสะดุ้งเลยทีเดียว
กริ๊งๆๆๆ
ทำไมมีเสียงกริ่งที่ปกติผมต้องเป็นคนกดละเนี่ย
“ เช็คบิลโว้ยยยย เช็คบิล ” เป็นไม้นั่นเองที่มากดกริ๊งๆๆๆ เรียกให้ผมกลับไปสนใจ ซึ่งเสียงมันแสบแก้วหูผมมาก
ผมคว้ากริ่งออกจากมือไม้ไปวางไว้ที่อื่นที่ใกล้มือผม “ โอเค เอาบิลมา ไม้ ”
“ อ่ะ นี้เอาไป ” ไม้ยื่นให้ผมแต่ก็ยังไม่วายพูดล้อเลียนเรื่องเมื่อกี้ “ นะไอ้น่ารักส์ ” มีส์ด้วยนะนั่น
“ อืม ไม้ส์ ” เรื่องอะไรผมจะยอมโดนคนเดียวล่ะ
“ ชื่อกูจะมี ‘ ส์ ’ ทำบ้ะอะไรครับ ไอ้น่ารักส์ ” ไม่ว่าเปล่ายังเลิกคิ้วกวนๆ ให้ผมด้วย
“ เสืออยากเติมให้เฉยๆ ” ผมขี้เกียจสรรหาเหตุผลมาตอบ ผมตอบไม้พลางทำบิลที่ไม้เอามาให้เพื่อทอนเงินและให้ใบเสร็จ แล้วผมก็นึกถึงเรื่องที่แมททิวเพิ่งมาข่มขู่เอาไว้ได้ ซึ่งผมก็เกือบลืมไปเลย “ ไม้ทาร์ตไข่ ไม้กินแค่กล่องที่เสือซื้อมาแยกนะ แมททิวห้ามไม้กินของแมททิว ”
“ เอ้า ! กล่องเดียวกูจะอิ่มอะไรล่ะครับบบ เพื่อนกันก็ต้องแบ่งกันกินดิวะ ! ” ไม้โวยวายตามที่ผมคิดไว้
“
ไม้ก็ฝากเสือซื้อสิ กล่องไม่เท่าไหร่เอง ” ความจริงไม้ไปซื้อเองยังได้ ผมฉีกกระดาษบิลที่ยื่นออกมาจากเครื่องพร้อมกับหยิบเงินทอนวางบนถาดเล็กๆ ที่ไว้ใส่บิลแล้วยื่นให้ไม้ที่ยืนหน้าบูดกับคำแนะนำของผม
“ มันไม่อร่อยนี่หว่า ซื้อเองแดกเอง ” ไม้รับถาดที่ผมยื่นให้
“ ห้ามกินแล้วกัน เดี๋ยวแมททิวงอนเสือจะไม่มีใครเคลียของตอนปิดร้านกันพอดี ” เคลียที่ว่าคือการกินพวกขนมทั้งหลายที่เหลือเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งปกติพวกผมก็กินกันนิดๆ หน่อยๆ เพราะกินเกือบทุกวัน ต่างจากแมททิวที่รายนั้นไม่เคยเบื่อซัดโฮกอย่างเดียวเหมือนเครื่องดูดขนมยังไงยั้งงั้น
“ โอ้ย ถ้าแม่งงอนเดี๋ยวกูเลี้ยงชาบูแม่งก็หายงอนละ ” ไม้พ่นลมหายใจออกมายาวๆ แล้วเดินไป
แต่ผมว่าทาร์ตไข่นี่เสียทรัพย์น้อยกว่าชาบูโขเลยนะ ?
.
.
.
เอาเป็นว่าหลังจากนั้นผมก็วุ่นกับการทำงานหั่วปั่นเลยทีเดียว การนั่งเคาน์เตอร์ไม่ใช่เรื่องที่สนุกเลยจริงๆ ยังดีที่แนทมาช่วยบ้าง ส่วนไม้กับแมททิวก็ไม่ต่างกันเดินกันจนขาลาก พูดไปร้านผมก็ค่อนข้างมีชื่ออยู่นะเพราะอะไรหลายๆ อย่างที่ค่อนข้างลงตัว และเอ่อ.. กลุ่มติวค่ายนรกก็มากวนผมครั้งสองครั้งแต่พอลูกค้าเยอะก็หยุดและติวกันเงียบๆ แทน และตอนนี้ผมก็เก็บกวาดร้านเสร็จสักที ผมบอกกับไม้สั้นๆ ว่าเดี๋ยวไปซื้อของแปปนึงเดี๋ยวมาไม้อือออขานรับทั้งๆ ที่ยังนอนอยู่โซฟาหลังร้าน ผมเดินอ้อมจากหลังร้านไปที่จอดรถซึ่งก็เจอสิงห์ที่ยืนรอสบายๆ พอดี ลมกับซันกลับไปก่อนแล้วหลังจากแยกย้ายกันไปซึ่งสิงห์ก็ขอตัวเอาของไปเก็บแล้วมายืนรอผมที่นี่
ทำไมผมเดินมาหาสิงห์แล้วรู้สึกประหม่าแปลกๆ “ ไปซื้อร้านไหนล่ะสิงห์ ? ” ทั้งๆ ที่ผมคิดว่าผมพอจะควบคุมตัวเองให้ปกติได้แล้วนะ
“ แถวๆ นี้แหละครับ ผมเห็นมีอยู่ร้านนึงน่าเข้าอยู่ ”
“ ไปด้วย ? ” จักรยานก็ดี รถก็ดี
“ จักรยานก็ดีครับ ”
“ สิงห์ขี่เหมือนเดิมนะ ผมซ้อนเอง ” ถึงแม้จะดูเห็นแก่ตัวแต่ผมคงปั่นไม่ไหวถ้ามีสิงโตตัวโตซ้อนหลังอยู่
“ โอเคครับ ” สิงห์พยักหน้าหงึกหงักแล้วคว้าจักรยานแม่บ้านอันเดิมปลดขาตั้งออกแล้วขี่มาข้างๆ ผม “ ชิดในเลยครับ ”
“ ชิดไปไหนล่ะ ” ผมตอบยิ้มๆ แล้วขึ้นซ้อนพร้อมเกาะชายเสื้อสิงห์ไว้ จะให้ผมโอบเลยมันก็ยังไงอยู่นะ “ แล้วผมต้องจ่ายเงินไหมเนี่ย ”
“ ฟรีครับแต่ถ้าเลี้ยงเค้กจะมีโปรโมชั่นโอบเอวได้ครับ ” สิงห์พูดเสียงเบาในประโยคหลังพร้อมๆ กับการเริ่มถีบจักรยานไปยังจุดหมาย
“ ถ้าผมไม่เลี้ยงแล้วโอบล่ะ ? ” ผมปล่อยมือจากชายเสื้อแล้วคว้าหมับเข้าที่เอวของสิงห์ทำเอาสิงห์สะดุ้งตกใจนิดหน่อย
“ ก็เอาเปรียบผมสิครับแบบนั้น ”
“ สิงห์ก็มากินบ่อยๆ สิ จะได้ไม่เสียเปรียบผม ” ปกติก็ได้กินฟรีจากผมอยู่แล้ว ว่าแต่แค่ผมโอบนี่เสียเปรียบเลยเหรอ ผมว่าผมเสียเปรียบกว่านะที่ไม่สามารถแก้ปัญหาหน้าแดงๆ ตอนนี้ได้
“ ปกติก็มาจนเงินในกระเป๋าผมรั่วหายไปหมดแล้วครับ ” สิงห์หัวเราะแห้งๆ
“ กินน้ำเปล่าสิ ผมไม่ว่านะ ”
“ มาร้านกาแฟกินน้ำเปล่าเฉยๆ มันก็ดูเซ็งๆ จืดๆ นะครับ สู้ผมเก็บเงินกินกาแฟต่อดีกว่า ”
กินกาแฟก็อร่อยกว่าน้ำเปล่าอยู่แล้ว สิงห์ถึงได้ดูลงทุนมากมาย ผมพยายามมองหางร้านที่สิงห์จะพาไปเพราะขี่มาได้สักพักแล้ว
ซึ่งที่ดูสะดุดตาก็ร้านที่มีป้ายหมากับแมวนั่งข้างกันตรงมุมซอยเนี่ยแหละ ทำไมผมไม่เคยเห็นร้านที่ว่าเนี่ย
“ ไอ้ร้านป้ายใหญ่ๆ ตรงหัวมุมซอยนั้นรึเปล่าสิงห์ ” ผมยืดตัวไปเกาะหลังสิงห์แล้วชี้ไปทางร้านที่ว่านั้น
“ ถูกต้องครับ ร้านนั้นนั่นแหละ ” สิงห์มองตามที่ผมชี้แล้วตอบ
“ ร้านนี้เปิดนานรึยังสิงห์ ” ผมว่าผมก็อยู่แถวนี้นะและสิงห์ก็อยู่ใกล้ๆ กันด้วยทำไมสิงห์ถึงรู้แล้วผมไม่รู้ล่ะเนี่ย
“ เพิ่งเปิดสองวันก่อนครับผมเพิ่งรู้เมื่อวานเหมือนกันครับว่ามีร้านสัตว์เลี้ยงมาเปิดแถวนี้ด้วย ”
... แล้วก็ชวนผมมาซื้อปลอกคอให้ส้มใหม่เลย สิงห์เอาใจใส่ส้มมากกว่าที่ผมคิดซะอีก
ผมหดตัวกลับมานั่งดีๆ แล้วนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
ดีไม่ดีผมอาจจะได้ปลอกคอมาใส่ด้วยก็ได้มั้งเนี่ย
ไ
ปๆ มาๆ ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองเหมือนส้มเข้าไปทุกที
ค
งจะเพราะว่า ผมมีเจ้าของแล้วมั้ง.. ?
ไม่ใช่สิ !! ผมคิดอะไรวะเนี่ย
แล้วผมก็รู้สึกถึงสัมผัสถึงแรงที่เขย่าไหล่ผมเบาๆ ทำเอาสติที่กระจัดกระจายเมื่อกี้กลับลงล็อกอย่างรวดเร็ว “ แคทครับ ? ” สิงห์เขย่าไหล่ผมเบาๆ “ ถึงแล้วนะครับ ไม่สบายเหรอครับหน้าแดงๆ แวะร้านยาไหมครับ ” สิงห์เอามืออังหน้าผากผมประกอบการถามทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้ตอบอะไรเลย
“ ปะ เปล่า ผมไม่ได้เป็นอะไรหรอกสิงห์ ” ผมตอบแล้วรอให้สิงห์เอามือที่อังหน้าผากอยู่ออกจึงค่อยก้าวลงจากจักรยานที่มาถึงจุดหมายตอนที่ผมคิดอะไรไร้สาระ
“
งั้นเข้าร้านกันเลยครับ ” สิงห์พยักหน้าหงึกหงักแล้วเดินนำผมเข้าร้านไป ผมเดินตามสิงห์พร้อมสอดส่องรอบๆ ร้านซึ่งมีกรงขนาดต่างๆ เบาะนอนเอย ที่ข่วนเล็บแมวเอย วางกองกันให้เลือกเต็มร้าน แต่สิ่งที่แปลกปลอมในร้านสำหรับผมคือกลิ่น กลิ่นห้องแอร์ผสมกับกลิ่นพวกหมาแมวนี่ไม่ไหวจริงๆ กลิ่นฉุนของมันทำเอาผมไม่มีอารมณ์เดินดูต่อ ผมตัดสินใจซื้อแค่ปลอกคอให้ส้มแล้วรีบกลับดีกว่า ไว้วันไหนผมเป็นหวัดค่อยมา ผมรีบก้าวยาวๆ เข้าไปหาสิงห์ที่กำลังเลือกปลอกคออันใหม่ให้ส้ม
“ แคทว่าเอาสีส้มดีไหมครับ ? จะได้เหมาะกับชื่อ ” สิงห์ยื่นปลอกคออันที่ว่าให้ผมดู
“ ก็โอเค เอาอันนี้แหละสิงห์ ” ผมไม่ชอบกลิ่นนี้เลยให้ตาย.. ส่วนพวกเจ้าของกลิ่นก็นอนกองอยู่แถวประตู 2-3 ตัว
“ เอาสีนี้เลยเหรอครับ ? ผมว่าสีฟ้าอมเทาก็สวยดีนะ ” ซึ่งอันที่ว่ามันก็อยู่ในมืออีกข้างของสิงห์
“ งั้นใส่อาทิตย์เว้นอาทิตย์ ซื้อ 2 อันเลยสิงห์ ”
“ เหรอครับ.. งั้น 2 อันนะครับ เอาอย่างอื่นด้วยไหมครับ เสื้อ ? อะไรทำนองนั้น ”
“ ไม่เป็นไรหรอกสิงห์ ไว้หน้าหนาวผมจะหาผ้ามาให้มันใส่นั่นแหละ ” ผมฉุนจมูกจนอยากจามแล้ว
“ สายจูงไหมครับ เผื่อเอาไปข้างนอก ” สิงห์ช่างเป็นคนเอาใจใส่อะไรขนาดนี้ ผมซาบซึ้งจนจามใส่หน้าแล้ว ผมเอามือถูจมูกเบาๆ
“ เอาสิ เผื่อผมเอาไปเที่ยวด้วย ” ซึ่งนานๆ ทีพวกผมถึงจะไปเที่ยวไกลๆ ด้วยนิสัยที่ค่อนข้างขี้เกียจไปไกลในที่แปลกถิ่น
“ แค่นี้นะครับ ” สิงห์หยิบของทั้งหมดใส่ตะกร้าข้างมือ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมดีใจที่จะได้ออกจากร้านสักที แต่สิงห์กลับไม่ยอมก้าวเดิน “ แคทครับ ” สิงห์กระซิบเรียกผม
“ หะ ? ” ผมกระซิบตอบบ้าง
“ วันนี้แวะค้างห้องผมไหมครับ ? ”
“ ห- !!! อื้ออ ” ผมอุทานลั่นแต่สิงห์เอามือมาอุดปากผมทัน ทำให้ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา ให้ผมไปค้างห้องสิงห์เหรอ แค่คิดก็หน้าแดงแล้วนะ
“ สรุปไปไหมครับ ” สิงห์เอามือออกจากปากผมให้ผมได้ตอบ
ฮัดเช้ย !
ผมเผลอจามออกมาก่อนที่จะได้ตอบอะไรซึ่งคนที่รับไปเต็มๆ คือสิงห์
“ โอเค ผมไปๆ ” ผมตอบตกลงและรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เอาอะไรมาเช็ดเสื้อสิงห์
แต่ว่าผมต้องค้างห้องสิงห์นะ
งั้นผมก็ต้องนอนห้องเดียวกับสิงห์สิ
ให้ตายผมไม่เข้าใจเลยว่าสิงห์คิดอะไรอยู่
และไม่เข้าใจด้วยว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ถึงตอบตกลงไป
----------
TBC.
เว้นช่วงนานมาก 555555 ตอนนี้ยอมรับเลยว่ายาวที่สุดเท่าที่แต่งมาเลยเพราะแต่งค่อนข้างนาน น่าจะพอชดเชยที่หายๆ ไป
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามค่ะ
--------*
ุถึง คุณ กุ้งเชอรี่
ขอโทษค่ะ เราตั้งใจจะตอบตั้งแต่ตอนที่แล้วแล้วคำถามแต่ลืม
แผนของสิงห์นี่เจ้าตัวนี่น่าจะคิดเองไม่กล้าปรึกษาเพื่อนหรอก
ส่วนเพื่อนๆ ก็ตามเชียร์ถึงร้านเลยตอนนี้