-- ตอนที่ 9 --
ซ่า ซ่า ซ่า
วันนี้ฝนตก.. หนักมากด้วย กลิ่นเค็มๆ ของฝนลอยฟุ้งอบอวล ผมยืนอุ้มเจ้าส้มมองนอกกระจกร้านอย่างหวั่นๆ มันตกหนักมากจนแทบไม่เห็นทาง
“ แคท แกเอาส้มไปแห่ดิ้ ” หยกพูดเซ็งๆ ก็ควรจะเซ็งอยู่หรอก ฝนตกขนาดนั้นนี้ลูกค้าคงจะไม่ลุยฝนเพื่อมากินกาแฟหรอก
“ มึงจะบ้าเหรอวะหยก เอาแมวไปแห่มันขอฝนโว้ย ” แมททิวพูด
“ งั้น ให้แคทไปปักตะไคร้ดิ ” แนทแนะนำแต่ผมคิดว่ามันไม่ใช่นะ
“ เขาใช้สาวพรหมจรรย์นะแนท ” ผมตอบเซ็งๆ
“ อ้าวจริงดิ มิน่ากูปักเป็นคันรถยังไม่หยุดตกเลย ” ไผ่ถามเสียงสูง
“ เออ แล้วใครให้มึงปักเนี่ย ” แมททิวถามงงๆ
“ พ่อกู พ่อกูบอกว่ามึงก็พรหมจรรย์เหมือนกันปักๆ ไปเหอะ ” ไผ่ตอบอายๆ
“ พ่อมึงมั่วแล้วล่ะ ” แมททิวส่ายหน้าอย่างระอา
ตอนนี้พวกผมมากองกันที่เคาน์เตอร์ ไม่ใช่อะไรเพราะรู้ว่ายังไงวันนี้ลูกค้าก็คงเข้าไม่มากเพราะฝนตก แนททำเบเกอร์รี่ไว้ไม่เยอะเลยมานั่งเคาน์เตอร์กับหยก แมททิวนั่งบนโซฟาใกล้เคาน์เตอร์ ไผ่นั่งบนเก้าอี้นวมที่ลากมาจากโต๊ะลูกค้า ส่วนผมยืนอยู่..
“ เออ แคทแกตั้งชื่อลูกแกไม่ครีเอทเลยว่ะ ลูกแกทั้งคนเลยนะเว้ยย ” หยกพูดพร้อมทำหน้าจริงจัง เอ่อ ลูกผมผมก็ต้องตั้งชื่ออะไรก็ได้ไม่ใช่เหรอ..
“ ใช่ ลูกแกออกจะน่ารักขนาดนี้ ตั้งไปดิ น้องชานม น้องการฟิลด์ นี่อะไร ส้ม ส้มเนี่ยนะ ” แนททำหน้าเหมือนผมทำผิดร้ายแรง
“ ชื่อส้มก็น่ารักดีนี่ ” ผมถามงงๆ ชื่อก็ออกจะน่ารัก จำง่ายด้วย สิงห์ก็ไม่เห็นว่าอะไร อ้ะ !
“ อะไรแคท ถามเรื่องชื่อแค่นี้หน้าแดง ” แนทถามเซ็งๆ
“ ช่างแคทมันเหอะ แต่ลูกค้ามาแล้วเว้ยยยย ! ” แมททิวพูดเสียงดังซึ่งคำพูดนี้ส่งผลอย่างมาต่อพวกผมเป็นอย่างมาก ไผ่ลากเก้าอี้กลับอย่างรวดเร็ว แนทกับหยกไม่ทำอะไรเพราะอยู่หน้าเคาน์เตอร์อยู่แล้ว ส่วนผมวิ่งไปหลังร้านแล้ววางเจ้าส้มไว้บนโซฟา ซึ่งเจ้าส้มก็นอนต่อทันทีเมื่อผมวางมันบนโซฟา เมื่อกี้มันก็หลับๆ ตื่นๆ ตอนผมอุ้ม “ นอนไปนะส้ม ถ้าหิวก็กินนมในจานตรงพื้นนะ ” ผมบอกรัวๆ แล้ววิ่งไปหน้าร้านเพื่อรับลูกค้า
“ แคทไปถูพื้นหน้าร้านดิ้ ” หยกสั่งทันทีที่ผมมาถึง ผมยังไม่ทันเห็นหน้าลูกค้าเลยนะ..
“ ไม่ต้องเถียงเลยแคท ไผ่กับแมททิวมันไปรับลูกค้าแล้ว ” แนทพูดไปดื่มน้ำมะนาวไป
“ ... ” ผมเดินคอตกกลับไปเอาไม้ถูพื้นมาถูๆ ตรงหน้าร้านที่เปียก มันเจิ่งนองมากยังกับโดนสาดน้ำสงกรานต์ก็ไม่ปาน ผมถูพื้นไปก็เซ็งเลยลองฮัมเพลงเล่นๆ ที่เคยได้ยินมาเบาๆ ฝนเอ๋ยทำไมจึงตก ? ฝนมันตกก็เพราะกบมันร้อง กบเอ๋ยทำไมจึงร้อง ? กบมันร้องเพราะท้องมันปวด ท้องเอ๋ยทำไมถึงปวด ? ท้องมันปวดเพราะข้าวมันดิบ แล้วอะไรต่อนะลืม ผมตัดสินใจไม่ฮัมเพลงต่อเพราะลืมแต่ก็อดคาใจไม่ได้ กบจะไปกินข้าวทำไม ทำไมไม่กินแมลงล่ะ ผมส่ายหน้ากับความคิดตัวเอง ผมจะไปสงสัยทำไมมันก็แค่เพลงเด็ก
ก็อกๆ
ผมสะดุ้งเฮือก อย่าบอกนะว่าเจ้ากบมันจะมาเถียงผม ผมหันไปดูต้นเสียง ก็เจอกบยักษ์ ? ผมถอยออกมาจากประตูเพื่อให้กบยักษ์เข้ามา
“ ขอบคุณครับ ” ซึ่งเจ้ากบยักษ์ก็ตอบผมกลับมาเสียงอู้อี้ แล้วถอดหมวกออกมาเป็นสิงโต
“ สิงห์ ? ” ผมอึ้งไปเล็กน้อย
“ เสื้อกันฝนผมยืมมาครับ ” สิงห์หน้าแดงตอบผม
“ เสื้อกันฝนกบแก้มแดงเนี่ยนะ ” ผมมองขำๆ
“ มันเหลือครับ ” สิงห์ตอบอายๆ “ แคท ผมฝากนะครับ ” สิงห์ถอดเสื้อกันฝนกบออกมาแล้วยื่นให้ผม “ ใส่เข้าไปในร้านมันจะเปียกครับ ผมเห็นแคทยืนถูน้ำหยดน่ะครับ ”
“ อืม งั้นสิงห์ไปนั่งรอเลย กินอะไรเหมือนเดิม ? เค้กเชอรรี่ ?” ผมรับมาสะบัดน้ำออกแล้ววางไว้บนโต๊ะ ซึ่งผมก็ต้องมาถูใหม่อีกรอบ
“ ครับ แต่ผมขอเปลี่ยนเป็นอเมริกันโน่นะครับ ” สิงห์รับคำหน้าแดงแล้วเข้าไปนั่งมุมร้านที่ไม่โดนแอร์
ผมวางไม้ถูพื้นแอบๆ แล้วเดินสั่งที่เคาน์เตอร์ “ หยกเอาเค้กเชอร์รี่กับอเมริกันโน่ให้สิงห์หน่อย ”
“ โอเค เออแคทฉันสงสัยมานานและ ปลอกคอส้มใครซื้อมา ? ” หยกเดินถามไปทำหยิบเค้กเชอร์รี่ไป
“ สิงห์ ” ผมตอบ
“ ว่าแล้ว อย่างแกถ้าซื้อปลอกคอให้แมวคงซื้อยันเสื้อแมวแล้ว ” แนทพูดขำๆ พร้อมชงอเมริกันโน่ในมือ
“ กินเสร็จพาสิงค์ไปดูส้มดิ สิงห์ซื้อปลอกคอมาให้มันเลยนิ ” หยกพูดแล้ววางเค้กลงในถาด
“ เห็นแก่ที่แกยอมถูหน้าร้านเป็นอีแจ๋ว อนุญาตให้ไปอู้หลังร้านได้ ” แนทพูดยิ้มๆ
“ แจ๋ว .. ? ” เปรียบเปรยได้ดีมากแนท..
“ เอาไปๆ ไม่ต้องสงสัยมาก ” แนทวางแก้วอเมริกันโน่ในถาดแล้วยื่นให้ผม
“ ไปเสิร์ฟไป ” หยกไล่ผมอีกเสียง
“ เออไปก็ไป ” ผมหน้ามุ่ย ใช้เอาๆ แต่ก็ดีที่อู้ได้ ผมเดินไปเสิร์ฟสิงห์ที่โต๊ะ ซึ่งสิงห์เหมือนกำลังสเก็ตภาพ ? แกล้งสิงห์ดีกว่าแก้เซ็ง
“ ได้แล้วนะครับ ” ผมพูดเบาๆ เสียงหวานที่ข้างหูสิงห์ ซึ่งสิงห์ก็สะดุ้งเฮือกจนเกือบทำดินสอตก
“ เล่นอะไรครับเนี่ย ” สิงห์ถามหน้าแดงๆ
“ เปล่า แต่เค้กกับกาแฟได้แล้วนะ ” ผมพูดยิ้มๆ ปฏิกิริยาเมื่อกี้ทำผมหลุดขำเบาๆ
“ ครับ ” สิงห์พยักหน้าแล้วกวาดเอากระดาษสเก็ต กระดาน อะไรต่อมิอะไรวางไว้ที่เก้าอี้ข้างๆ
“ สิงห์วาดอะไรเหรอ ? ” ผมถามเมื่อกี้ผมเห็นแวบๆ เหมือนอะไรสักอย่างที่มีฝนตก
“ วาดสเก็ตผู้คนในวันฝนตกครับ แต่ไม่สวยหรอกครับ ” สิงห์ไม่สบตาผมตอนตอบแต่หูแดง ผมว่ามันแปลกๆ นะ
“ ผมขอดูได้ไหม ” ผมอยากเห็นจังแฮะ
“ ไม่ได้ครับ ” สิงค์ตอบซึ่งหูก็แดงกว่าเดิม
“ ... อืม ” ผมแกล้งทำเสียงสลดเหมือนจะร้องไห้ซึ่งก็ได้ผลสิงห์เงยหน้าขึ้นมาสบตาผม
“ ..ก็ได้ครับ ” สิงค์ยอมหยิบกระดาษสเก็ตยื่นให้ผม “ แต่แค่ 15 วินาทีนะครับ ”
“ อืม ” ผมตอบด้วยเสียงระริกระรี้ซึ่งสิงห์ก็ทำหน้าเหมือนตัวเองพลาดไปแล้ว ผมรับมาดู เป็นภาพของคนกำลังถูพื้นอยู่ ? บรรยากาศร้านคุ้นๆ ? ใส่ชุดกบ ? นี่มันผมนี้ ! ผมหน้าแดงเถือกสิงห์วาดอะไรเนี่ยย
“ หมดเวลาครับ ! ” สิงค์คว้าคืนเก็บอย่างว่องไวด้วยหน้าที่แดงเถือกพอๆ กับผม
“ สิงค์ ผมไม่ได้ใส่เสื้อกันฝนกบซะหน่อย ” ผมตอบหน้าแดงๆ สิงห์วาดผมทำไมกัน ?
“ ครับ ” สิงห์รับคำแต่ไม่ตอบผม แล้วสิงห์ก็ซดอเมริกันโน่อักๆ
“ สิงห์อยากให้ผมใส่เสื้อกันฝนกบเหรอ ? ” อันนี้น่าจะเป็นไปได้ แต่ปฏิกิริยาของสิงห์คือเกือบพ่นอเมริกันโน่ใส่หน้าผม คงไม่ใช่แฮะ
“ ผมชอบสเก็ตภาพคนรู้จักน่ะครับ ” สิงห์ตอบผมหลังจากกลืนไอ้ที่เกือบพ่นใส่ผมเสร็จ
“ สิงห์ร่างนานยัง ? ” ผมถาม เพราะภาพมันคือผมถูพื้นเมื่อกี้ซึ่งผมก็เพิ่งถู
“ ระหว่างที่รอกาแฟครับ ” ไม่นานเท่าไหร่แฮะ
“ มาหลบฝนเหรอ ? ” สิงห์มีเสื้อกันฝนน่าจะเข้าอพาร์ทเมนท์ได้เลยนะ
“ เปล่าครับ มานั่งจิบกาแฟกับมาหา เอ่อ ขาวครับ ”
“ ส้ม เจ้าแมวชื่อส้มสิงห์ ” ผมตอบเซ็งๆ ชื่อส้มมันจำยากตรงไหน “ เออ สิงห์งั้นถ้ากินเสร็จไปหลังร้านกับผมนะ ส้มอยู่หลังร้าน ส่วนผมคงไปถูพื้นหน้าร้านต่อ ”
“ ครับ ” สิงห์พยักหน้ารับเบาๆ ซึ่งผมก็เดินไปถูพื้นหน้าร้านต่อแต่รอบนี่ผมไม่ฮัมเพลงกบแล้ว ผมเจอกบยักษ์ตัวเดียวก็เกินพอแล้ว ถ้าฮัมเพลงอีกคงไม่แคล้วเจออะไรแปลกๆ อีก
.
.
.
“ ส้มๆ ตื่นๆ ” ผมเขย่าตัวส้มเบาๆ ซึ่งก็ได้ผลส้มลืมตาขึ้นมาเล็กน้อยและหาวหวอด
“ เลี้ยงไว้หลังร้านเหรอครับ ? ” สิงห์ถามพร้อมเอามือลูบหัวส้มเบาๆ ซึ่งส้มก็คลอเคลียมือสิงห์อย่างน่ารัก
“ อืม เลี้ยงไว้หน้าร้านลูกค้าบางคนก็ไม่ชอบน่ะ ”
“ ออ ครับ ” สิงห์ตอบเบาๆ
แง้ว เจ้าส้มร้องแล้วเลิกคลอเคลียสิงห์แล้วมุดใส่ผ้าห่มซึ่งมันก็มุดไม่ครบทั้งตัวเหลือหางฟูๆ โผล่ออกมา
“ มันคงหนาวมั้งครับ ฝนตกหนักขนาดนี้ ” สิงห์กระชับผ้าห่มให้เจ้าส้ม
“ คิดว่างั้นแหละ ฝนตกขนาดนี้ ” ผมตอบพลางลูบแขนไปด้วย หลังร้านฝนจะสาดง่าย หนาวจังแฮะ “ ฝนตกหนักอย่างนี้ น่ากลัว น้ำอาจจะท่วม ” ผมคิดหวั่นๆ มีครั้งนึงน้ำท่วมร้านผม ต้องวิดน้ำออกกับสเปเชี่ยลบิ้กคลีนนิ่งเลย เหนื่อยมาก
“ งั้นแปปนึงนะครับ ” สิงห์บอกผมแล้วฉีกสมุดสเก็ตของตัวเองมาแผ่นนึงแล้วทำอะไรสักอย่าง ที่คล้ายตุ๊กตา ? “ มีหนังยางกับเชือกไหมครับ ” สิงห์ถามผมทั้งๆ ที่ก้มหน้าทำอะไรสักอย่าง
“ มีๆ แปปนึงนะสิงห์ เดี๋ยวเอามาให้ ” ผมตอบแล้ววิ่งไปเอาของในครัวให้สิงค์ พอได้ของที่ต้องการผมก็วิ่งกลับมา “ สิงห์เชือกเป็นเชือกฟางนะ ”
“ ครับ คงจะแทนๆ กันได้มั้ง ” สิงห์รับของจากผมแล้วบ่นเบาๆ กับตัวเองในประโยคสุดท้าย
ผมยืนรออย่างใจจดใจจ่อ สิงห์จะทำอะไร ?
“ เสร็จแล้วครับ ” สิงห์ยื่นสิ่งที่ตัวเองประดิษฐ์ให้ผม
“ ตุ๊กตาไล่ฝน ? ” นี่มันที่อยู่ในเพลงปิดอิคคิวซังนี่นา !
“ ครับ ” สิงห์พยักหน้าอายๆ “ ผมลองทำดู เผื่อจะไล่ฝนได้จริงๆ ฝนตกหนักอย่างนี้คงจะไม่ดีเท่าไหร่ ”
“ อืม งั้นลองไปผูกตรงนั้นละกัน ” ผมพูดจบก็วิ่งไปตรงกระจกใสหลังร้าน ตรงนี้ค่อนข้างเป็นมุมที่เห็นเมฆได้ชัด แต่ปัญหาต่อไปคือผมสูงไม่ถึง “ สิงห์ผูกถึงไหม ? ” ผมถามอย่างคาดหวังแต่เมื่อกี้ผมแอบเห็นสิงห์ขำผมที่ผมเขย่งไม่ถึง
“ ผมผูกได้ครับ ” สิงห์เดินมาหาผมแล้วหยิบตุ๊กตาไล่ฝนจากมือไปผูกอย่างสบายๆ
ผ่านไปสักพักท้องฟ้าก็ยังครึ้มเหมือนเดิม ฝนก็ยังตกหนักเหมือนเดิมเผลอๆ แรงขึ้นด้วยซ้ำ
“ ตุ๊กตาไล่ฝนของญี่ปุ่นคงใช้กับไทยไม่ได้มั้ง ” ผมพูดเซ็งๆ
“ มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกครับ ” สิงห์ยิ้มแล้วชี้ให้ผมดูที่กระจก “ ฟ้าสว่างแล้วครับ ”
“ จริงด้วย ” ผมพูดอึ้งๆ ทั้งที่ๆ ก่อนหน้านี้ฟ้านั้นครึ้มเหมือนกับมีคนทาสีดำก็ไม่ปาน แต่ตอนนี้กลับสว่างไสวเหมือนไม่ได้ฝนตกมาก่อนเหลือเพียงความรู้สึกชื้นๆ ในอากาศ “ เหมือนโกหกเลย.. ” ผมครางในลำคอ
“ ไม่รู้สิครับ บางทีเมฆอาจจะโกหกเราว่าตอนนี้ไม่ตก แต่ไปตกวันอื่นแทน ” สิงห์ระบายยิ้มที่มากกว่าเดิม “ หรือไม่ก็เมฆยอมรับคำขอของเราครับ ”
---------
จบหล่อว์มากสิงห์
เสื้อกันฝนกบนั่นขอให้นึกถึงกบแก้มแดงที่ชื่อ เคโระอะไรสักอย่าง ชื่อยาวจนไม่แต่งอ่ะ 555
ไม่ใช่เคโรโระนะ
ปล. ขอบคุณทุกคอมเม้นค่ะ
----
นิยายเรื่องใหม่ - อีกแล้ว
-
สีคู่ตรงข้าม :
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=42043.0ได้พลอตจากคนใกล้ๆ ตัว - ขุ่นพี่ชายแอนฮิสเฟรนด์
555555555 -