-- 100 % --
.
.
.
แล้วผมก็มาอยู่ในห้องครัว.. ตอนนั้นเหตุการณ์มันเกิดขึ้นไว้ซะผมตามไม่ทันเลย รู้ตัวอีกทีมาเป็นลูกมือแคทซะแล้ว ซึ่งก็มีคนที่สนิทกับแคทอีกคนด้วยสิ
“ สิงห์หั่นผักให้หน่อย ”
“ ครับ ” ผมพยักหน้ารับเกร็งๆ ตาย ตายแน่ ลำพังดูยังดูไม่เป็นเลย นับประสาอะไรกับมาหั่นผัก ผมรับผักมาจากแคท วางมันบนเขียง ลับมีดข้างมือกับเขียงเหมือนที่เคยเห็นตอนเด็กๆ ตอนที่แม่สั่งหมู
หั่นผัก หั่นผัก หั่นผัก
ปัก
“ เฮือก ! ” แคทเผลอร้องออกมาหลังจากได้ยินเสียงเมื่อกี้
“ อุ้บ ” กุนเอามือปิดปากคล้ายกับกลั้นหัวเราะ
“ เอ่อ สะ สิงห์ หั่นไม่เป็นใช่ไหม เดี๋ยวผมสอน ” แคทยิ้มแห้งๆ ผมก็ยิ้มแห้งๆ ตอบเหมือนกัน ดีที่เขียงไม่แยกออกมาเป็นสองส่วน ผมกะแรงพลาดไปนิดหน่อย ส่วนผักก็หายไปสักที่แล้ว
“ สิงห์หั่นผักน่ะไม่ยากหรอก หั่นเบาๆ แค่นี้ก็พอ เมื่อกี้ผมว่าสิงห์คงชินกับการหั่นหมูสินะ เลยกะแรงไม่ถูก ” แคทสาธิตให้ผมดูสองสามรอบ ส่วนการคาดเดาของแคท ผมคิดว่าคลับคล้ายคลับคลานะ
“ ผมน่าจะหั่นได้แล้วล่ะ ” ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ
“ หั่นผักนะ ไม่ใช่สับหมู ” กุนพูดอย่างลอยหน้าลอยตา โอเค รอบนี้ผมยอมก็ได้ เพราะการสับเมื่อกี้มันถอดแบบมาจากการสับหมูชัดๆ
“ ครับ หั่นผัก ” ผมตอบเซ็งๆ แล้วลงมือหั่นใหม่อีกรอบ แต่กะแรงน้อยลงเป็นเบาๆ
ปัญหาต่อไป.. หั่นไม่ขาดครับ
“ อุ้บ ” อีกแล้ว.. ครับ เสียงปริศนารายเดิม เปลี่ยนจากหั่นผักไปหั่นคอคนดีกว่าครับ
“ อีกรอบเนอะ สิงห์ ” แคทยิ้มแหยๆ
“ ... ครับ ” ผมหั่นใหม่อีกรอบด้วยอารมณ์ที่บิดเบี้ยวเล็กน้อย ค่อยยังชั่วที่รอบนี้ออกมาดี
“ ประมาณนี่แหละ ” แคทพยักหน้า “ สิงห์หั่นเสร็จบอกผมนะ ” แคทพูดจบก็กลับไปทำก๋วยจั๊บต่อ
“ เออ กุนช่วยเสือทำอันนี้หน่อย ” แคทกวักมือเรียกกุนหยอยๆ แล้วชี้ไปที่ซี่โครงหมู “ หั่นให้เสือหน่อย ”
“ อะ อืม ” กุนดูหน้าซีดลงเล็กน้อย หึ ผมแกล้งปิดปากขำบ้าง กุนเดินไปหยิบมีดปังตอ ? ผมคิดว่ามันน่าจะเรียกอย่างนั้น
กุนง้างมือแล้วสับซี่โครงหมู
ปัก
สับพลาด กุนสับพลาดครับ ผมหลุดขำออกมา หนักกว่าผมอีกว่ะ โชคดีที่เป็นเขียงถ้าเป็นโต๊ะคงแยกเป็นสองส่วนไปแล้ว
กุนนิ่งไปสักพักแล้วจึงพูด “ เมื่อกี้สับยุงเฉยๆ หรอก ” แล้วกุนก็สับใหม่อย่างเนียนๆ ผมยักไหล่แล้วกลับไปหั่นผักต่อ แล้วพวกผมก็เวียนกันทำตามแต่ท่านพ่อครัวใหญ่บัญชา
“ เสร็จแล้วล่ะ งั้นสิงห์เสร็จช่วยผมถือถาดนี่นะ ” แคทพูดหลังจากโปรยผักบนชามสุดท้ายเสร็จ “ ส่วนกุน เอาน้ำขึ้นไปด้วยละกัน ”
“ รับทราบ คิทตี้ ” กุนรับคำพร้อมทำท่าคล้ายกับตอนเรียนลูกเสือไม่สิอย่างนี้ต้องเรียกลูกหมูสินะ
“ ครับ ” ผมพยักหน้ารับแล้วยกถาดที่แคทสั่ง หนักเหมือนกัน เอาหลายๆ ชามมารวมกันพูนๆ เนี่ย แต่ดูเหมือนว่ามีชามนึงที่เยอะเป็นพิเศษกว่าปกติ ใครกันจะไปกินได้ขนาดนั้น ? “ แคทครับ ชามนี้ของใครเหรอ ? ”
“ อ๋อ ชามนั้นของแมททิวน่ะ เห็นตัวอย่างนั้นนะกินอย่างกับสูบ ไปกินหมูกระทะแต่ละทีเจ้าของจำหน้าได้แทบร้อง ” แคทยิ้มบางๆ เมื่อพูดถึงแมททิว ให้ตาย นี่มันไม่ใช่ปริมาณที่คนปกติจะสามารถรับประทานได้แล้วนะ
“ อ๋อ ไอ้แมททิวที่ชอบกินของทุกอย่างที่เหลือปะ ” กุนยื่นหน้ามาถามทั้งๆ ที่ผมเห็นหยิบแก้วกับน้ำใส่ถาดขึ้นไปแล้วแท้ๆ
“ นั่นแหละ แมททิว ” ทุกอย่าง ? คนประมาณนี้ก็ไม่แปลกเท่าไหร่ ผมก็มีเพื่อนประเภทกระเพาะพิเศษนี้เหมือนกัน แต่ไม่ว่าเจอกี่ครั้งก็น่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ
“ ยกไปข้างบนเลยนะครับ ”
“ อืม ยกเลยๆ พวกนั้นนั่งรอก็จนไส้แห้งแล้วมั้ง ”
“ ครับๆ ” ผมยกขึ้นไปข้างบนตามหลังกุนที่วิ่งขึ้นไปก่อนส่วนแคทก็เดินตามหลังผม แต่พอกุนขึ้นไปถึงก็เปิดประตูเข้าไปเลยและปิดทันที เจริญเถอะครับ คุณหมู ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยกับการกระทำอันไม่โปร่งใสของกุน แคทยิ้มแห้งๆ ให้ผมเมื่อผมหันไปมอง
“ เดี๋ยวเปิดประตูให้นะ สิงห์ ” แคทบอกกับผมที่คงหามือไปเปิดลูกบิดไม่ได้ บอกเสร็จก็เปิดให้ผม แต่เมื่อผมก้าวเท้าเข้าไปได้ก้าวเดียวก็พบกับ ซากมนุษย์.. ? มีซากมนุษย์นอนอยู่ตรงหน้าผมถึงสองคน ยกเว้นแต่หยกกับแนทที่นั่งกินโค้กดูทีวีสบายๆ อยู่บนเตียง ส่วนกุนนั่งลงบนโซฟาแล้วเอานิ้วเขี่ยพวกซากมนุษย์ที่ดูน่ากลัว
“ แนทๆ แมททิวกับไม้มันเป็นไรอ่ะ ” แคทหันไปถามแนทส่วนหยกก็อินกับการผัดของเชฟกระทะเหล็ก เหมือนกับว่าผมเคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้แฮะ อ้อ ส่วนหยกกับแนทผมจำชื่อได้เพราะมักจะอยู่หน้าเคาท์เตอร์บ่อยๆ บวกกับแคทแนะนำผมให้รู้จักด้วย ส่วนพวกเอ่อ ซากมนุษย์บนพื้นผมจำชื่อไม่ได้ ผมจำหน้าได้อย่างเดียว
“ นั่นไงล่ะ ” แนทชี้ไปที่ทีวีที่ตอนนี้พวกนักชิมกำลังบรรยายรสชาติอาหารที่ตนได้รับประทาน
“ ดูเชฟกระทะเหล็กอีกแล้ว ? มิน่าละแมททิวกับไม้ที่ได้กลายเป็นซากตรงนั้น ” แคทขมวดคิ้ว
“ ว่าแต่ พาน้องสิงห์มาอีกแล้วหรา ” แนทยิ้มพร้อมทำเสียงสูง เอ่อ..
“ ชวนมากินด้วยกันไง กินคนเยอะๆ สนุกดี ”
“ จ้า จ้า เหตุผลน่าเชื่อถือมากค่ะ ” แต่หน้าตาของแนทที่ตอบแคทดูไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย..
“ ไปๆ กินก๋วยจั๊บได้แล้ว เสร็จแล้ว ” แคทก้มหน้าตอบปัดแล้วเดินไปนั่งข้างๆ กุน “ สิงห์วางไว้บนโต๊ะนี้เลย เดี๋ยวพวกนี้ก็คงฟื้นขึ้นมากินเองแหละ ”
“ ครับ ” ผมวางบนโต๊ะที่แคทชี้แล้วนั่งลงบนโซฟาที่ว่างบ้าง โซฟาที่ผมนั่งเป็นโซฟาเดี่ยวที่ยังไม่มีใครนั่งจึงไม่ต้องห่วงว่าไปนั่งทับที่ใครหรืออาจจะเป็นที่ของซากมนุษย์บนพื้นผมก็ไม่อาจทราบได้
โคร่ก
เสียงปริศนาคร่ำครวญมาจากซากมนุษย์ที่นอนอยู่ ไม่ผิดจากที่แคทพูดไว้จริงๆ ซากมนุษย์ค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งทั้งคู่แล้วค่อยๆ ยืนอย่างเอื่อยๆ พอยืนได้มั่นคงก็เดินช้าๆ ไปหยิบก๋วยจั๊บมานั่งกินบนพื้น ซากมนุษย์คนแรกที่ใส่แว่นหยิบถ้วยใหญ่ที่ปริมาณเกินมนุษย์คาดว่าน่าจะชื่อ แมททิว ส่วนอีกคนก็หยิบถ้วยนึงมากินช้าๆ ซึ่งคนอื่นๆ ก็ทยอยหยิบบ้างรวมถึงผม
“ ไม่ยอมกินอะไรรอล่ะ ? ” แคทขมวดคิ้วถามระหว่างพันเส้นก๋วยเตี๋ยวแบบสปาเก็ตตี้
“ ไม่ล่ะ เดี๋ยวกระเพาะรับปริมาณที่กูอยากกินไม่ได้ ” แมททิวตอบ
“ ส่วนกูหิวเป็นเพื่อนน่ะ ” ซากมนุษย์ที่ผมไม่รู้ชื่อตอบ
“ ไม่ใช่ว่ากินหมดแล้วหรอกเหรอ ” หยกเหน็บ
“ ใครมันกินเลย์กับทาโร่หมดวะ หยก ” แนทพูด
“ โหๆ เจอกี่รอบก็กินยังกับเครื่องดูดฝุ่นเลยนะ แมททิว ” กุนยิ้มกวนใส่แมททิว
“ ของมันจะหมดอายุหรอก ถึงรีบกินให้หมด ” แมททิวพูดเซ็งๆ แต่มือก็ยังไม่หยุดตักอาหารใส่ปาก
“ เหรอออ ” หยก แนท แคท กุน พูดเสียงสูงพร้อมกัน จนผมหลุดขำออกมาเบาๆ ไม่ได้ แต่จะว่าไปก๋วยจั๊บนี่ก็ถูกปากผมจริงๆ ไม่รสจัดเกินไปกำลังพอดี
“ โอ๊ย มึงเปลี่ยนช่องเถอะ กูได้ของที่เลิศรสกว่าในทีวีแล้วเว้ย ” หยกพูด
“ แหม มึงเคยกินแบบในทีวีเหรอ แต่ของตอนนี้ก็อร่อยกว่าอยู่ดีเว้ย ดีกว่าอาหารที่ดีแต่สร้างน้ำย่อยในกระเพาะให้กูหิว ” แนทหันไปพูดใส่หยกทันควันแล้วเปลี่ยนช่องตามที่หยกบอกไปช่องทีวีหลักแทนซึ่งมันกำลังฉายละครเรื่องนึงอยู่ ซึ่งผมก็ไม่รู้จักหรอกผมชอบดูหนังซะมากกว่า
“ นี่มัน ไอ้เรื่องที่ไอ้นั่นแสดงนี้ ! ” กุนตะโกนออกมาเสียงดังแล้วชี้นิ้วสั่นๆ ไปบนจอทีวี ซึ่งเป็นฉากที่พระเอกกำลังเดินเล่นในสวนสวยในคฤหาสน์หลังโตแบบที่ละครไทยมีเกลื่อนไปหมด
“ ไอ้นั่น ไอ้ไหน ? ” แคทขมวดคิ้วงุนงง
“ ปะ เปล่าไม่มีอะไรหรอก คิทตี้ กุนจำผิดน่ะ แหะๆ ” กุนยิ้มแห้งๆ
“ แน่ใจเหรอ กุน ” แนทคลี่ยิ้มแปลกๆ ที่ผมอดขนลุกตามไม่ได้เมื่อมอง มันเป็นรอยยิ้มที่เหมือนรู้ทันไปซะทุกอย่าง
“ แน่ใจสิ อะไรกันแนท กุนจำผิดหรอก ” กุนยิ้มเจื่อนๆ กับคำตอบของตัวเอง
“ จำผิดก็จำผิด ” แนทยังไม่เลิกยิ้มแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม
ซึ่งหลังจบบทสนทนานี้ก็ไม่ได้มีใครพูดอะไรต่อจนกระทั่งกินเสร็จกันหมด คาดว่าคงจะหิวกันเพราะแคทใช้เวลาทำนานพอสมควรเลยทีเดียว คงจะหิวจนไส้แห้งกันจริงๆ จึงไม่พูดคุยอะไรกันต่อระหว่างกิน
“ ว่าแต่ แคทชวนสิงห์มากินบ่อยๆ ก็ดีนะ ” แมททิวพูดหลังจากซดน้ำซุปหมด
“ ทำไมล่ะ ? ” แคทเลิกคิ้วถาม
“ พวกฉันจะได้ไม่โดนลากไปล้างจานไง ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ” ซากมนุษย์ที่ตอนนี้กลายเป็นคนแล้วพูดพร้อมกับแมททิวแล้วหัวเราะเสียงดัง ว่าแต่ผมมีค่าแค่ล้างจานเหรอเนี่ย..
“ อุ้บ ... ดูหน้าสิงห์ดิ ฮ่าๆๆ จี้ว่ะ ” กุนหัวเราะจนทุบโต๊ะ อะไร หน้าผมช็อคขนาดนั้นเลยเหรอ ซึ่งทุกคนก็หัวเราะตามไม่เว้นแม้แต่แคท โถ่ ผมแค่ช็อคนิดหน่อยเองน่า
“ น่าๆ สิงห์พวกนั้นพูดเล่นเฉยๆ หรอก ” แคทตบไหล่ผมป้าปๆ แต่ยังไม่หยุดหัวเราะ
“ ..ครับ ” ผมถอนหายใจ ผมช็อคแค่นิดนึงจริงๆ นะ
แต่อย่างไรก็ตามผมก็ไม่ได้เป็นคนล้างหรอกหลังจากนั้นผมก็ขอตัวกลับซึ่งแคทก็อาสามาส่งผมที่หน้าร้านเพราะเป็นคนชวนมารวมถึงกุนที่กำลังจะกลับบ้านเลยเดินลงมาด้วยกัน
“ เออ คิทตี้เดี๋ยวช่วงนี้คงไม่ได้เจอกันสักพัก กุนมีงานยาวๆ เลย ”
“ อืม ” แคทพยักหน้ารับ
“ งั้นกุนไปล่ะ ” กุนยิ้มแล้วเดินไป แต่ผมว่ามันเหมือนจะมีอะไรมากกว่านั้น กุนหันกลับมาแล้ววิ่งไปหอมแก้มแคท !! “ บ๊ายบาย ” กุนวิ่งหนีไปอีกครั้งแล้วโบกมือบ๊ายบายอย่างกวนๆ
ทิ้งให้ผมยืนอึ้ง.. แต่ดูเหมือนแคทจะดูไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเหมือนกันเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว ให้ตาย ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงจริงๆ ว่ะ
“ สิงห์ ? ” แคทเลิกคิ้วเมื่อเห็นผมยังยืนอยู่ที่เดิม
“ คะ ครับ ” ผมตอบรับเสียงแผ่ว ผมเริ่มไม่มั่นใจอะไรแล้วสิ.. แต่ไม่ได้ผมจะมัวอายไม่ได้แล้ว
“ ไม่สบายเหรอ ” แคทเดินกลับมาหาผมที่ยืนนิ่งอยู่ เอาล่ะผมตัดสินใจแล้ว มันคงจะช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่มีโอกาสเหลืออยู่เลยมั้ง
“ คะ แคท ครับ !! ”
“ อะไรเหรอสิงห์ ? ”
“ ผะ ผมชอบแคทครับ ! ”
“ สะ สิงห์ ”
“ ชอบจริงๆ นะครับ ! ”
นี่มันเหตุการณ์เดียวกับในฝันผมเลยนี่หว่า !
------------
นี่สินะที่เขาเรียกว่าฝันบอกอนาคต