Best Couple : คู่จิ้นของผมเป็นผู้ชาย by นิยายหมายเลข9 [ตอนพิเศษ p.70 16/5/58]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Best Couple : คู่จิ้นของผมเป็นผู้ชาย by นิยายหมายเลข9 [ตอนพิเศษ p.70 16/5/58]  (อ่าน 695664 ครั้ง)

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
เหลือไม่กี่ตอนเองงงง
แล้วคู่พี่ดินจะมีหวานๆบ้างไหม
รวมเล่มรีเควสนะ มาม่าไปเกินครึ่ง
ทั้งที่สกายน่ารักไม่แพ้พี่บัค

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ยาวจุใจมั่ก ๆ ดินนนนนนแกมีแววรับเบา ๆ นะ 55555

รอหนังสือจ้า

ออฟไลน์ ohho99

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
ห๊า..เรื่องนี้ใกล้จบแล้วเหรอคะ อยากอ่านอีกยาวๆเลยค่ะ
ชอบคู่ดิน-สกาย ดูแมนๆมีนๆดีค่ะ ตอนนี้ดินก็สาวแตกมาก
ไม่อยากให้สลับขั้วกันเลยค่ะ ให้โดนสกายกดต่อไปเถอะ 555
ส่วนจ้าวก็ฮาได้อีก ขนาดดราม่ายังอ่านแล้วขำตลอด


+1 เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ ^^

ออฟไลน์ zazoi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 970
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-1
รอวันที่ดินได้กดสกายนะ สำหรับเราสกายเหมาะเป็นเมียมากกว่า บอกตามตรงรับไม่ได้ถ้าดินเป็นรับ ฮือๆ

ปล  ถาเป็นตามที่สกายบอกก็ดีนะ พ่อจะได้รับกรรมก็คราวนี้แหละ 55555

ออฟไลน์ The darksun

  • Always keep the faith
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านมาตั้งนาน ขอโทษที่เพิ่งให้กำลังใจ
คือเราจำรหัสไม่ได้อ่ะ แต่ชอบมากเลยคู่นี้
จะรอหนังสือน้าาา

ออฟไลน์ Fellina

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
สกายดินฟินแลนด์
พี่ดินจงรับต่อไป รับต่อไป รับต่อไป~~~

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
เป็นแฟนกันแล้วสกานดิน น่ารักดีชอบมากคู่นี้

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
ได้แต่ส่งใจช่วยให้พี่ดินรักษาโรคดราม่าของสกายได้ละกัน

ออฟไลน์ am_am

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 468
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
จะไม่มีพาร์ทดินแล้วเหรอ  เสียใจอ่ะ
เค้ารออ่านคู่นี้ ยิ่งกว่าคู่หลักอีก
ตอนที่ดินเสียใจ ว่าสกายไม่รักนี่ น้ำตาซึมเลยนะคับ
ถ้ามีรวมเล่ม ขอ ดิน กับ สกาย เยอะ ๆ นะจ๊ะ
เพราะถึงสกายจะยอมเป็นแฟน
แต่ก็ยังไม่รักดินอ่ะ  มันคาจายยยยย :mew2:
รักยิ่งกว่าคู่หลักอีกนะเนี่ยคู่เนี๊ยะ   :กอด1:

ออฟไลน์ U-Zero

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รอติดตามจนจบครับ เข้ามาเช็คแทบทุกวันเลย
แอบเศร้านะครับเนี่ย ที่ใกล้จบแล้ว

ยังไงก็ขอบคุณที่เขียนเรื่องสนุกๆ มาให้อ่านนะครับ  o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
สกายดิน ฟินนาเล่ <3

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
พี่ดิน ฟินไปเลยสินะ คู่นี้ดูเหมาะกันดี ว่าแต่จะต่อเรื่องของ พี่ดินกับน้องสกาย มั้ยอ่ะหรือว่าจบแบบนี้เอย

รอคู่ พี่บั๊คกับจ้าว มาเคลียร์ปัญหาใจจ้า

ออฟไลน์ torae

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบประโยคนี้สุดๆถึงกับต้องรีบมาเม้นท์เลยทีเดียว
"แทนที่รู้ว่าผิดก็ต้องใส่เกียร์เดินหน้าลุยเต็มที่ให้เขารู้ว่าเราจริงใจ  ไอ้สัดเอ้ย เพราะมีพระเอกอย่างมึงไง นิยายไทยถึงไม่ได้ไปนิยายโลก!!" 5555555555
จะจบแล้วอ่ะ งืดดดดดดดดดด ยังอยากอ่านความกากเกรียนของพี่ดิกะน้องจ้าวไปเรื่อยๆ ㅠㅠ รอเรื่องใหม่ให้คนสไตล์นี้ได้กันนะคะ 5555

ออฟไลน์ nudaeng

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ยาวมากค่าาาาาาาาาาา อ่านจุใจมากกก
พี่ดินนี่ก็แรดขึ้นมากนะคะ ป่วยนี่ก็สำออย น้อยใจไปหมดเลย
พี่เกดก็แบบ พี่คะพี่ช่วยทำตัวให้เหมือนผู้หญิงหน่อยคะ ๕๕๕๕
โหดเหลือเกินนนน พี่บั๊คกับจ้าวนี่ก็ง้อกันไวๆ รีบมาตามน้องหน่อย
อธิบายกับน้องสิค่ะพี่ อย่าเงียบหายไป รักกันทั้งคู่อย่าทำให้มันเสียเวลา
สกายยยย เป็นแฟนกับพี่ดินแหละ แต่แลดูเหนื่อยเนอะ ๕๕๕๕๕
หนักใจแทนอ่ะ ขนาดป่วยยังหื่นมากๆเลย ถ้าหายนี่คงไม่รอดแหละ

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ กฤษณ์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
พึ่งตามอ่านทัน เป็นนิยายที่เริ่มอ่านตอนดึกๆแล้วไม่อยากเลิกอ่าน เวลาไม่เป็นอุปสรรคจริงๆยาวจนตีสามกว่าน็อคเอง  :laugh:
คือบทจะดราม่าก็ดราม่าไม่สุดอ่ะ จ้าวเกรียนเบรกตลอด ไม่นึกไม่ฝันว่าจะเกรียนได้ขนาดนี้
สงสารบั๊คก็สงสาร แต่มีโอกาสบอกหลายรอบแต่ไม่ยอมบอก สมน้ำหน้า #โดนแม่ยกดักตบ
ใจจริงแอบเชียร์ดินจ้าวนะคะ คือคนเกรียนกับเกรียนอยู่ด้วยกันแล้วน่ารักแปลกๆ ฮ่ะๆ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
มีทุกอารมณ์จริงๆนะครับ

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
มาทีเถอะเพี้ยง!! อยากดูตาบั๊คง้อเมีย  :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
Chapter 29  Unlucky boy



หลังจากบอกเลิกพี่บั๊คผมก็เดินดุ่มๆ ก้มหน้าก้มตาไม่สนใจมองใครจนตอนนี้เดินอยู่ข้างทางห่างจากคอนโดเจ้ากรรมประมาณสามสี่ป้ายรถเมล์

“เสียใต เสียตับ เสียเครื่องใน เสียไปถึงไส้ติ่ง  ทำไมชีวิตกูต้องมาเจอเรื่องแบบนี้วะ”  ผมบ่นงึมงำตลอดทาง ถามว่าที่บอกเลิกนั้นเกินกว่าเหตุไปหรือเปล่า ผมตอบได้เลยว่าสาสมกับสิ่งที่พี่มันทำกับผมแล้วล่ะ

ผมเป็นคนแรดๆ ก็จริง แต่ผมไม่เคยหลอกลวงใครขนาดนี้เลยนะ  มันเป็นเหมือนด่านแรกของความสัมพันธ์ที่ต้องจริงใจต่อกัน แต่นี่อะไร แค่เริ่มต้นก็โกหกคำโต ไม่ใช่แค่วันสองวันด้วยนะ มันหลอกผมมาตั้งแต่วันแรกด้วยซ้ำ

“เกลียดมึงที่สุดเลยพี่บั๊ค เกลียดๆๆๆ มึงคิดว่ากูอายมั้ยที่ปล่อยไก่ไม่รู้กี่เล้าต่อกี่เล้า  มึงจะแอบหัวเราะเยาะกูกี่ครั้งที่กูพูดหรือทำอะไรที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว” น้ำตาผมไหลอาบแก้มหยดแล้วหยดเล่า  เดินไปร้องไป  แห้งเหือดไปบ้างแต่พอนึกย้อนถึงวีรกรรมงี่เง่าต่อหน้ามัน ผมก็ร้องออกมาอีก

มันเจ็บ..

เจ็บจริงๆ นะ  ผมอายและเสียใจมากเกินกว่าจะมองหน้ามันต่อได้

“กูเจ็บที่โดนมึงหลอก และกูก็ต้องมาเจ็บที่ต้องบอกเลิกกับมึงอีกนะสลัด  มึงรู้มั้ยมันเจ็บสองเด้ง!”  หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด่ารูปมันในล็อคสกรีนที่พึ่งตั้งเมื่อวันที่ตกลงคบกันมันแบบจริงจัง

“ไม่ต้องมายิ้มเลยนะ กูเกลียดมึง เดี๋ยวจะลบให้เหี้ยนทุกรูปเลยสัด!”  ว่าแล้วก็กดเข้าไปในคลังรูป 

เครื่องนี้ยังเป็นเครื่องเก่าของมันที่เคยให้ยืมใช้  พอมันจะซื้อให้ใหม่ผมก็ไม่เอาเพราะเครื่องนี้ก็หรูอยู่แล้วและผมรู้สึกชอบเครื่องนี้มากกว่า

สไลด์ดูรูปไปเรื่อยๆ  ไม่มีรูปไหนที่พี่บั๊คดูไม่มีความสุข  นัยน์ตาคมคู่นั้นมีความรัก สายตาที่มองผมก็เปล่งประกายแห่งรักแรงกล้าจนนึกสงสัยว่าที่ผ่านมาทำไมผมถึงดูไม่ออก

“ไม่ลบก็ได้วะ เห็นแก่ที่มึงรักกูนะ”  ผมเลิกล้มความตั้งใจแล้วยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง  “ไปไหนดีวะเนี่ย”  คิดอยากไปหาสกายแต่ผมกลัวว่าสภาพจิตใจที่กำลังอ่อนแอจะทำให้ความสัมพันธ์ของผมกับสกายพังทลายลง

“กูจะไม่ยอมให้คำว่าเพื่อนของเราต้องแปดเปื้อนเด็ดขาด”  ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าตัวผมนี่แหละที่เป็นตัวปัญหา  ยิ่งแดกเหล้าเข้าไปก็จะเพิ่มปัญหาขึ้นอีกสิบเท่า  “ถ้าจะมีใครอีกที่ได้กดกู  มันต้องได้กดตอนกูไม่เมา”  ผมตั้งปณิธานกับตัวเอง

แต่ถึงกระนั้น ผมก็ไม่สามารถกลับไปคบกับพี่บั๊คได้หรอกนะ อย่างน้อยก็ในตอนนี้



ปี๊บปี๊บ!

เสียงแตรรถยนต์บีบไล่หลังจนต้องหันไปมอง  “ใครวะ”  ผมส่องผ่านช่องกระจกที่ค่อยลดระดับลงแต่ก็ยังดูไม่ออกอยู่ดีว่าใคร  “สวยฉิบหาย  พวกเด็กเก่าๆ ไม่เคยสวยขนาดนี้นะ”  ผมขมวดคิ้วมองแล้วมองอีกก็ยังนึกไม่ออกว่าเป็นใคร  รู้แต่ว่าคุ้นมาก

เมื่อคนในรถแน่ใจว่าต่อให้ผมยืนส่องอีกสองวันก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเขาเป็นใคร  ประตูฝั่งคนขับจึงเปิดออกและร่างอรชรในชุดเดรสสีดำประดับเลื่อมวิบวับเล็กน้อยตรงช่วงเอว  ผมเกล้าหลวมๆ และเครื่องสำอางบางๆ บนใบหน้าสวยไร้ที่ติ ทำให้ต้องอุทานออกมา “นางฟ้า..”  แค่ได้เห็นเต็มตัวก็เหมือนกำลังโดนฉุดให้ลอยขึ้นฟ้าด้วยปีกสีขาวบริสุทธิ์

แต่แล้วก็ถูกปล่อยลงมาให้ตกแอ่กลงบนพื้นจนกระอักเลือด  “จะมองอีกนานมั้ยวะ! มีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วยังมั่นหน้ามามองผู้หญิงอีก เดี๋ยวแม่ด่าประจานสามบ้านแปดบ้านเลยมึง!” 

!!!!!!!

“ม..หมอ..เกด!”  ปั้นหน้าไม่ถูกเลยว่ะ  ซวยอะไรแบบนี้  นี่มันยิ่งกว่าตกสวรรค์เพราะร่วงลงไปถึงนรกด้วยซ้ำ 

“เออสิ  เห็นเป็นนางฟ้ารึไง”  อ่า ตอนแรกก็เห็นนางฟ้า ไม่เถียงหรอก แต่พอเปิดปากเท่านั้นแหละ..

ยัยปีศาจ! 

“ด่าในใจเหรอวะ”  ถึงกับสะดุ้งที่โดนอ่านใจได้ถูกต้อง

“ป..ปะ เปล่า ผมเปล่า”  อารมณ์ยิ่งดาวน์ดิ่งพสุธา มาเจอหมอเกดนี่ต้องบอกเลยว่าอภิมหาคราวซวย

“ขึ้นรถมั้ย เดี๋ยวไปส่ง”  ถ้าเป็นสาวอื่นก็คงไม่รอรี แต่นี่..  “ทำไม! ไปกับกูมันแย่มากรึไงวะ”  ฉิบหายละ  ถึงกับขึ้นกูมึง

“ป..เปล่าครับ..คือ..” 

“เฮ้อ  ขึ้นรถเร็ว  ไม่งั้นจะร้องกรี๊ดว่าโดนข่มขืน”  อะไรคือโดนข่มขืน นี่ยังไม่มืดด้วยซ้ำ  นี่หมอหรือนางร้ายในละครกันแน่วะ! 

แต่ผมก็ไม่มีทางเลือกที่ดีมากไปกว่า เดินหงอยๆ ขึ้นรถไปกับหมอเถื่อน   คงต้องเรียกแบบนี้แหละ  ก็หมอแม่งเถื่อนมากจริงๆ  ขนาดเราไม่ได้สนิทกันเลยซักนิด หมอก็คุยกับผมแบบนี้แล้วนี่นา

“จะไปไหนล่ะ” เมื่อออกรถ หมอก็หันมาถาม  ใบหน้าด้านข้างของนางเป๊ะจนต้องมองตะลึง  “ถามว่าจะไปไหน” เธอเน้นเสียงต่ำๆ เมื่อผมยังไม่ยอมตอบ  “ก็เป็นเงี้ย ถามก็ไม่ตอบ ไม่ให้กูอารมณ์ขึ้นได้ไง” 

ผมหันไปมองเธอนิ่งๆ แบบไร้อารมณ์ใดใด “ก็ผมไม่รู้”  แล้วก็หันไปมองนอกรถ

“ร้องไห้เรื่องอะไรกูไม่รู้หรอกนะ รู้แต่ว่าหน้ามึงไม่ค่อยเหมาะกับน้ำตา”  จะร้องเพิ่มเพราะหมอขึ้นกูขึ้นมึงใส่ผมนี่แหละ  “ให้พาไปหาพี่บั๊คมั้ย”  ผมสะบัดหน้าไปมองทันทีแล้วส่งสายตาตัดพ้อไปให้  “อ๋อ ทะเลาะกัน”  หลอกถามงั้นเหรอ หึ กูนี่มันโง่ซะจริง อยู่กับใครก็โดนหลอก

“จอดป้ายรถเมล์ให้ผมลงก็ได้ครับ” 

“รถกูไม่ใช่สายสามแปดนะเว้ย  อยากขึ้นก็ขึ้น อยากลงก็จะกดกริ่งลงมันไม่ใช่!”  เอ๊า ก็ใครที่บังคับให้ขึ้นมาล่ะ ไม่ได้อยากมาด้วยซะหน่อย

ผมไม่ได้พูดต่อ  บอกตามตรงว่าอารมณ์นี้เกรียนไม่ออกจริงๆ 

“เฮ้อ  ไม่กวนแล้วก็ได้วะ” หมอเกดบอก  “โกรธอะไรขนาดนี้ล่ะ เรื่องใหญ่เรื่องโตเรื่องคอขาดบาดตายเลยเหรอ”  เธอทำเสียงอ่อนโยนเหมือนคนปกติทั่วไปก็เป็นเหมือนกันแฮะ 

“...ไม่ได้โกรธกัน แค่เลิกกัน”  ผมตัดสินใจตอบความจริงเพราะไม่อย่างนั้นหมอเกดคงไม่เลิกถาม

“เลิกกันง่ายเนาะ คุณป้าพึ่งโทรมาอวดว่าจะจัดงานแต่ง ไม่ทันไรเลิกซะละ”  เหมือนประชดแต่ผมไม่สนหรอก ใครไม่โดนไม่รู้ว่ามันเสียความรู้สึกมากแค่ไหน  “ผู้ชายอย่างพี่บั๊คไม่ได้หาได้ง่ายๆ หรอกนะ”  หึ.. ทำไมผมจะไม่รู้  แต่ดีแค่ไหนก็ไม่เอาหรอก ขี้โกหกขนาดนั้นน่ะ  “เมื่อก่อนฉันก็คิดแบบนี้แหละ จะดีแค่ไหนแล้วไง  ก็ไม่เหมาะกับเราเพราะเหตุผลต่างๆ นาๆ แล้วปล่อยเขาไป  มึงรู้มั้ยว่าตอนนี้อยากได้เขากลับมาจนมดลูกสั่นแต่มันก็เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว”  ผมหันไปตั้งใจฟังอย่างสนใจ

“หมอหมายถึงพี่บั๊คเหรอ” 

เธอส่ายหัว “พี่บั๊คมันก็ดีหมดแหละ เสียอย่างเดียวมันหน้าแก่จนกูนึกว่ามันอายุมากกว่าจนติดปากเรียกมันว่าพี่มาจนถึงตอนนี้แหละ”  อ้าว หมอทำไมปัญญาอ่อนแบบนี้ล่ะ  ผมหลุดยิ้มออกมากับความโก๊ะของหมอ ก็ไม่แปลกที่จะเรียกผิดแต่พอรู้ความจริงแล้วทำไมไม่เปลี่ยนล่ะจะเรียกเหมือนเดิมอยู่ทำไม  “นั่นแหละ ไม่ชอบมันหรอกเพราะชอบคนอื่นไปแล้ว”  เธอสรุป

“แล้วคนนั้นเขาไปไหนแล้วล่ะ ทำไมถึงบอกว่าอยากได้กลับมาแต่ก็ทำไม่ได้แล้ว”  ผมถามระหว่างที่เธอถอยรถจอดในร้านอาหารแห่งหนึ่ง

“เขาเคยถูกเมินจนหายไปไกลและนานมากแต่เมื่อไม่นานมานี้พึ่งกลับมาอยู่ใกล้ๆ แต่ดั๊นมีเมียซะแล้วว่ะ”  เธอเปิดประตูออกจากรถแล้วเดินนำไปทำให้ผมต้องตามไปติดๆ

“ก็ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ตัดใจล่ะครับ หมอก็สวยซะขนาดนี้ หาใหม่คงไม่ยาก”  เราเข้ามานั่งในร้านเล็กๆ ที่ตกแต่งแบบโล่งๆ  มีไม้ประดับแปลกตาอยู่มุมนั้นมุมนี้ มองไปทางไหนก็สบายตา

“รูปลักษณ์ภายนอกมันฉาบฉวย ถามว่ามีคนมาจีบมั้ยก็เยอะแต่ถามว่ามีคนทนได้มั้ย มันก็ไม่มีไง”  อ๋อ เข้าใจละ ก็ปากหมอน่ะนะ อย่าให้เซด  “กว่าจะมีใครซักคนรักในตัวตนของเรา จิตวิญญาณของเรา ทุกๆ อย่างที่เป็นเรา มันไม่ง่ายหรอกนะเว้ย และถ้าคนๆ นั้นยิ่งเป็นคนดีด้วยแล้วล่ะก็ หาไปเหอะ ถ้าไม่โชคดีจริงๆ อย่าหวังจะได้เจอ”  เราสั่งอาหารง่ายๆ และกินไปเรื่อยๆ 

ถึงแม้จะรู้สึกกดดันในช่วงแรกแต่พอเริ่มปรับตัวก็รู้สึกถึงออร่าบางอย่างของหมอเกดที่เหมือนกันกับพี่ดิน

“พี่กับพี่ดินเป็นญาติกันเหรอ” เธอพยักหน้า  “ใครเลียนแบบใคร”  ผมถามยิ้มๆ  ถ้าพี่เกดบอกว่าเข้าใจผิดคิดว่าพี่บั๊คอายุมากกว่าก็แสดงว่าพี่เกดแก่กว่าทั้งพี่บั๊คและพี่ดิน

“เมื่อก่อนไอ้ดินมันไม่ใช่แบบนี้นะ มันนิสัยเหมือนแม่ ใจเย็นใจดีอ่อนโยน  แต่พอโดนรังแกจนเกือบตาย มันก็เปลี่ยนเป็นคนละคน แต่ก็นะ เลือดแม่มันแรง ถึงจะปากร้ายยังไงแต่ก็ยังขี้สงสารอยู่ดี

ผมเห็นด้วยกับหมอเกด พี่ดินมันดูดุก็จริงแต่มันขี้สงสาร ผมเห็นมันมองผมด้วยแววตาสงสารอยู่บ่อยๆ  แต่นึกแล้วก็เคือง  ที่เห็นแบบนั้นก็คงจะเป็นเพราะมันกับพี่บั๊ครวมหัวกันหลอกผมนั่นแหละ

“แสดงว่าหมอก็ห้าวมานานแล้วน่ะสิ”  ผมเดา

เธอพยักหน้า  “ก็ต้องดูแลไอ้ดินมาตั้งแต่เด็ก อยู่ในบ้านที่มีแต่คนร้ายใส่มันก็ต้องสู้คนหน่อยล่ะ พอออกมาอยู่ข้างนอก ก็ต้องดูแลตัวเองกับแม่ ผู้หญิงสองคน ถ้าไม่แข็งแรงจะอยู่ได้ยังไง”  ดูเธอมีความมั่นใจในทุกการกระทำ พูดจาตรงๆ แววตาเด็ดเดี่ยวจริงใจ  “รู้มั้ยว่าไม่เคยมีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชายเลยนะ  ใครเข้ามาไม่น่าไว้ใจก็ซัดให้หมอบไปก่อนที่จะเป็นเพื่อนแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ”  เธอเล่าติดตลก  “มีแค่คนเดียวที่ทนตีนทนมือจนได้ใจไป แต่ก็นั่นแหละ ตอนนี้เค้าเป็นของคนอื่นไปแล้ว”

“หมอกำลังจะบอกผมว่า อย่าทิ้งคนที่เขารักในตัวตนของเราเพราะไม่ง่ายที่จะมีใครมารักได้อีกอย่างนั้นสินะ” 

“ก็ประมาณนั้น  ถ้ามันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย  ก็ลองคุยกันให้เข้าใจก่อน  คนเราคบกัน มันก็ต้องมีระหองระแหงผิดใจ ไม่เข้าใจกันบ้างเป็นธรรมดานั่นแหละ  ถ้าไม่ได้เกิดจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมดใจ ก็อยากให้ลองคุยปรับความเข้าใจกันดูก่อน อย่าใช้อารมณ์ตัดสิน”  ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาเยอะเลยแฮะ

“ผมเข้าใจแล้ว  เอาไว้จะลองคิดดูอีกทีก็แล้วกัน  แต่คงต้องขอสงบสติอารมณ์ตัวเองอีกหน่อย จะได้คุยแบบไม่โมโห”  หมอเกดยิ้มบางๆ  น่ารักโคตรๆ  เสียดายที่เจอกันช้าไป หรือไม่ช้าวะ ตอนนี้กูโสดนี่ จีบมั้ย หรือยังไงดี

“หยุดคิดเรื่องจะแอ้มกูเลยไอ้หน้าจิ๋มหมา พึ่งจะร้องไห้เป็นเด็กน้อยโดนขลิบไปแหม็บๆ ยังไม่สำเหนียกหนังหน้า สัด!” โอ้โห นี่กูแค่คิดนะ  ถ้ากูพูดมิโดนถีบยอดหน้าเหรอวะ

โอเค แบบนี้สินะถึงได้บอกว่าไม่ใช่ง่ายๆ ที่คนจะยอมรับตัวตน  หมอเถื่อนก็คือหมอเถื่อนวันยังค่ำนั่นแหละ

“แฮ่ๆ งั้นผมขอแยกไปเลยนะ ดูเหมือนหมอจะมีนัดด้วยนี่”  ผมเดานะ เพราะแต่งซะสวยขนาดนี้ คงต้องมีที่ไปนั่นแหละ

“เหอะ..เลือกได้ก็ไม่อยากไปว่ะ  ขี้เกียจเห็นภาพบาดตา”  หืมม ท่าทิ้งร่างพิงพนักเก้าอี้แบบเหนื่อยหน่ายแถมยังยิ้มเหยียดๆ แบบนี้  โคตรเท่อะ  ผู้หญิงอะไรวะ อยู่เฉยๆ สวย  พอยิ้มละน่ารัก  แต่พอเก๊กหน่อยนี่เท่จนต้องร้องขอชีวิต

“ให้ผมช่วยไรมั้ยอะ  เผื่อช่วยได้”

“ไปนอนเลียไข่ตัวเองให้สบายใจเถอะ เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยได้หรอก”   ทำไมกูต้องเลียไข่ตัวเองวะ  แล้วอีกอย่าง กูจะเลียถึงมั้ยล่ะ

“หะหะ ครับๆ ไปแล้วนะครับ สวัสดีมากครับ”  ผมยกมือไหว้ปะหลกๆ อย่างเจี๋ยมเจี๊ยม  พี่แกแค่โบกมือไล่แล้วมองออกไปนอกร้านอย่างเซ็งๆ

น่าเห็นใจนะ แต่ท่าพี่มันก็แมนไปปะวะ  แบบนี้ใครจะมาโอ๋ได้เนี่ย ไม่มีใครกล้าหรอกคร้าบบบ



ผมโหนรถเมล์กลับบ้านทันที  ไม่มีที่ไหนอบอุ่นเท่าบ้านเราอีกแล้ว 

แต่พอถึงหน้าบ้าน..

‘ไปเที่ยวเมืองเหนือกับแม่สามีของแก กลับวันอาทิตย์นะ’  กระดาษโน้ตเขียนข้อความสั้นๆ แปะอยู่หน้าบ้าน

เฮ้ย! พึ่งกลับจากทะเลกันไม่ใช่เหรอวะ  นี่ไปเหนือกันตอนไหน!!

ผมเปิดประตูเข้าบ้านอย่างหงอยๆ  ในบ้านเงียบเชียบไร้สิ่งมีชีวิต

“มาแล้วเหรอ!”  ผมสะดุ้งเฮือก เพราะอยู่ดีดีก็มีร่างหนึ่งลุกพรวดจากโซฟาซึ่งตอนนี้มันมืดๆ ยังไม่ได้เปิดไฟ 

ร่างนั้นนิ่งงัน ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขาจ้องมองผมราวจะกินเลือดกินเนื้อ  ผมพยายามรวบรวมความกล้าเอื้อมมือไปเปิดไฟ

“โหย ไอ้พู กูตกใจหมด นึกว่าผีหลอก”  พอเห็นว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องคนสนิท ผมก็โล่ง  “เข้ามาทำไมไม่เปิดฟืนเปิดไฟวะ  อยู่มืดๆ ทำไมเนี่ย”  ผมชวนคุยแต่ไอ้พูไม่ยอมคุยด้วย มันยืนจ้องผมด้วยสายตาแข็งกร้าว 

ผมเริ่มผิดสังเกตจนต้องหยุดพูดแล้วมองหน้ามัน ตอนนี้นัยน์ตามันแดงก่ำ กัดฟันแน่น แถมคิ้วยังขมวดชนกันเป็นปม 

ก่อนที่ผมจะได้เอ่ยถาม  มันก็ย่อตัวหยิบซองสีชมพูบนโต๊ะแล้วโยนใส่หน้าผมทันที  “นี่อะไร!!”  มันตวาดเสียงดังพร้อมกับหยาดน้ำตาที่รื้นขึ้นเต็มสองตา

“เฮ้ย อะไรของมึงเนี่ยพู!” ผมถามพลางก้มเก็บซองที่ร่วงบนพื้นมาเปิดดู

!!!!!!!!!!

ฉิบหาย!

มือไม้อ่อนปล่อยซองจดหมายร่วงลงพื้นไปอีกครั้ง  “ค..คือ..กู กู..”  ก้อนสีดำกระจุกอยู่ตรงอก  พูดไม่ออก บอกไม่ถูก 

“แต่งงานเหรอ” มันแค่นเสียงใส่  “แต่งงานเนี่ยนะ!”  เสียงมันเริ่มดังขึ้นและก้าวเข้าหาผมใกล้ขึ้นเรื่อยๆ  “แต่งงานกับผู้ชายซะด้วย!!” หน้ามันเหยเกแทบจะดูไม่ได้ 

กูลืมน้องไปได้ยังไงวะเนี่ย  ลืมไปได้ยังไงว่าพูมันเกลียดเกย์  ที่ผ่านมาไม่ได้เจอกันเลยเพราะผมก็มัวแต่อยู่กับไอ้พี่บั๊ค ส่วนพูมันก็อยู่กับอิลุงเซอร์ไพรส์ นานๆ ทีถึงจะโทรคุย

“คะ..คือ  กู ..” ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน  อยากจะบอกว่าตอนนี้เลิกกันไปแล้ว  แต่แล้วยังไงล่ะ ถึงจะเลิกก็ยังเป็นเกย์อยู่ดีนั่นแหละ

“ก็ดี!” ตอนนี้น้ำตามันไหลลงอาบแก้มแดงๆ ของมันแล้ว  ใจคอไม่ดี อยากกอดปลอบมันแต่พอขยับมือมันก็ถอยหนีอย่างรังเกียจ  “ถ้าพี่จ้าวอยากเป็นเกย์  พี่ก็แค่จะไม่มีน้องอย่างพูอีก ก็แค่นั้น”  ตอนนี้ทั้งน้ำตาน้ำมูกแถมน้ำลายยังกระเด็นเป็นฝอยๆ แบบไม่เก็บอาการ  คือมันโกรธและเสียใจจนควบคุมตัวเองไม่ได้เลย เห็นแล้วอยากต่อยตัวเอง ไปเปิดแผลมันเข้าให้แล้วไหมล่ะ

“พูอย่าร้อง  กูอธิบายได้นะ”  ผมพยายามจะเดินเข้าหาแต่มันก็ถอยหนีไปจนถึงประตู

“ไม่มีอะไรต้องอธิบายแล้วพี่จ้าว  ของแบบนี้เป็นก็คือเป็น  แต่พูก็แค่เสียใจที่ตอนแรกพี่ไม่เป็น และพูก็เตือนตลอด แต่จนแล้วจนรอด พี่ก็เป็นอยู่ดี”  มันหันหลังจะวิ่งออกจากบ้านแต่ผมวิ่งไปคว้าแขนมันไว้

“เดี๋ยวพู อย่าหนีดิ  อย่าไปไหนอีก กูขอร้อง”  ผมไม่อยากเห็นน้องต้องหนีไปอีก  ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว

มันหันมา น้ำตานองหน้าอย่างไม่ปกปิด  “อยู่เพื่ออะไรล่ะ   อยู่ให้เห็นหน้าคนใจร้ายทำไม! แล้วก็ไม่ต้องรั้งพูไว้อีกนะ พูไม่ขออยู่กับเกย์คนไหนทั้งนั้น!!!”  มันตะโกนใส่หน้าผมเสียงดังลั่น  น้ำหูน้ำตาเกรอะกรัง เส้นเอ็นที่คอปูดเกร็งไปหมด  จากนั้นมันก็วิ่งออกจากบ้านไป

ผมวิ่งเข้าไปคว้ากระเป๋าแล้ววิ่งตามมันเพราะดูตามทิศทางแล้วไม่ได้วิ่งกลับบ้าน  ยังไงก็ปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้  พูมันยังเด็กและจิตใจไม่เข้มแข็ง  ถ้าไปเจอเรื่องร้ายเหมือนตอนนั้นคงแย่แน่ๆ

“หยุดนะพู! จะโกรธจะหนีก็หนีกลับบ้านสิ  อย่าวิ่งเตลิดไปแบบนั้นสิวะ! พู!!”  วิ่งไปเรียกไปเพราะมัวแต่ปิดล็อคบ้าน  ตอนนี้ไอ้พูมันวิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้ว

ผมวิ่งตามมันไปแต่ไม่ทัน มันขึ้นแท็กซี่ออกตัวไปก่อน ผมจึงต้องเรียกแท็กซี่ตาม  “ตามคันนั้นเลยพี่”  สั่งคนขับให้ตามรถพูไป  ในมือก็ค้นเบอร์คนที่พอจะช่วยเหลือได้

“ว่าไงจ้าว”  เสียงห้าวๆ รับสาย

“ลุงเซอร์ๆ อยู่ไหนอะ” 

“อยู่บ้าน”

“บ้านไหนล่ะ”

“บ้านแม่” 

“ไกลมั้ย”

“ก็ไกลอยู่  แต่เดี๋ยวนะ  มีอะไรรึเปล่า ทำไมเสียงเครียดๆ”

“คืองี้นะ ไอ้พูมัน เอ่อ.. มันจับได้ว่าผม..เป็นเกย์ มันก็เลยโกรธวิ่งหนีออกนอกบ้าน ตอนนี้ขึ้นแท็กซี่ ไม่รู้จะไปไหน”

“แล้วตามทันมั้ย ตอนนี้อยู่จุดไหน เดี๋ยวจะไปหา”  พี่เซอร์ไพรส์ถามอย่างร้อนรน

ผมบอกพิกัดและทิศทางที่รถแท็กซี่ของพูวิ่งไปแล้ววางสาย  พยายามช่วยคนขับมองตามไม่ให้คันหน้าคลาดสายตา  แต่แล้วก็ดันติดไฟแดง

“ไอ้สัดเอ้ย หายไปจนได้!” ผมสบถแล้วกดโทรหาไอ้พูแต่มันไม่รับจึงกดเบอร์ลุงเซอร์ไพรส์อีกรอบ



“ตามทันยัง”  เสียงปลายสายรีบถาม

“ยังเลยพี่ ตอนนี้คลาดกันแล้ว ทำไงดี”

“คลาดกันจุดไหน แล้วตอนนี้จ้าวอยู่ไหนแล้ว”

ผมบอกข้อมูลอีกครั้งและออกความเห็น “ผมจะเลี้ยวซ้ายนะ  ถ้าพี่มาถึงลองเลี้ยวขวาดูละกัน  ผมเห็นหลังรถไวๆ แต่ไม่แน่ใจ”

“ได้ๆ เมื่อกี้โทรไปแล้วแต่ยังไม่รับ  ถ้าพูมันรับพี่จะโทรบอกอีกทีนะ”   พี่ไพร้ส์พูดจบก็วางสายไป

ผมพยายามมองทางซ้ายขวาเพื่อดูว่าไอ้พูมันจะแวะไหนได้บ้าง ผ่านไปเกือบชั่วโมงก็มีสายเข้าจากพี่ไพรส์

“พูรับสายแล้วนะ  พี่กำลังจะตามมันไป  ยังไงจ้าวกลับบ้านก่อนละกัน  ไม่ต้องเป็นห่วง  เดี๋ยวจะอธิบายและดูแลมันเอง” 

“โอเคพี่ ยังไงฝากพูมันด้วยนะ มันเคยเจ็บกับเรื่องแบบนี้มาแล้วครั้งนึง ผมว่าหัวใจมันคงใกล้จะแตกแล้วล่ะ”

“วางใจได้เลย จะดูแลให้ดีที่สุด ไม่ต้องเป็นห่วง”  แล้วพี่ไพร้ส์ก็วางสายไปอีกครั้ง

เฮ้อ  แบบนี้ก็คงไม่ต้องาตามหาแล้วล่ะ เพราะไปเจอตอนนี้ก็รังแต่จะทำให้น้องหนีไปอีก  ผมบอกแท็กซี่ให้จอดข้างทางแล้วลงเดิน อยากคิดอะไรเรื่อยเปื่อยยังไม่อยากกลับบ้าน

“กลับไปก็ไม่เจอใครอยู่ดีนี่หว่า”  ผมบ่นแล้วเดินไปเรื่อยๆ  แวะเซเว่นซื้อข้าวซื้อเบียร์สองกระป๋องนั่งกินหน้าร้าน  กินหมดก็เดินต่อ   หยิบโทรศัพท์มาดูก็ไม่เห็นมีสายเข้าแม้แต่สายเดียว

“ถึงโทรมากูก็ไม่รับอยู่ดี แล้วจะอยากให้มันโทรทำไมวะเนี่ย”  บ่นตัวเองเมื่อคิดถึงพี่บั๊คว่าทำไมมันไม่โทรมา 

ผู้ชายทั้งหลายฟังกูนะ  ไม่ว่าเมียมึงจะโกรธมึงแค่ไหน มึงต้องแสดงให้เขาเห็นว่ามึงใส่ใจและวนเวียนเป็นเจ้ากรรมนายเวรเขาไว้ก่อน มึงอย่าซื่อบื้อให้มันมากนัก  เมียมึงมันอยากเห็นแค่ว่ามึงจะไฝว้ได้แค่ไหนเท่านั้นเอง



“โทรหาไอ้เดย์ดีกว่าว่ะ”  ว่าแล้วก็กดโทรออก



“มีไร”  แหมไอ้สัด  ฟังถามเข้า นี่กูเพื่อนที่ไม่ได้คุยกับมึงมาตั้งนานนะ  แม่งไม่มีความคิดถึงกันมั่งเหรอวะ

“ไม่มีก็ได้ แค่นี้นะ” 

“อ้าวๆ น้องจ้าวงอนเว้ยเฮ้ย  เป็นไรเนี่ย บอกพี่เดย์มาครับ เดี๋ยวพี่เดย์คนนี้จะจัดการให้”

“เสียงใสเชียว ดีกับไอ้ไนท์แล้วดิ”  ผมทำเสียงติดหมั่นไส้

“จะว่างั้นก็ได้”  ทำไมเสียงมันฟังดูเขินๆ

“กดได้แล้วเหรอมึง  สารภาพรักไปแล้วเหรอ”  ผมลืมเรื่องเศร้าของตัวเองไปชั่วคราว  ไม่ได้เรียกว่าขี้เสือก แต่เลือกที่จะใส่ใจผู้อื่นมากเกินไป

“ถามมันเองมั้ย  นอนอยู่ข้างๆ เนี่ย”  เหยๆ  ไอ้สัดสองตัวล่าง มึงได้มึงโดนกันแล้ว ว้ายยยย อกอีจ้าวจะแหก กูอกหักแต่พวกมึงกำลังรักหวานงั้นเหรอ  ไม่ได้การละ  กูต้องทำอะไรบางอย่าง

“เออๆ ขอคุยกับมันหน่อย”

เสียงไอ้เดย์ยื่นโทรศัพท์ให้ไอ้ไนท์จากนั้นเสียงไอ้ไนท์ก็ดังขึ้น  “ว่า”  มึงถามสั้นไปนะ

“มึงฟังอย่างเดียวนะ ยังไม่ต้องพูดอะไร”

“อ..อืมๆ”  มันตอบรับ

“เมื่อคืนกูฝันว่าไอ้เดย์มันได้กับมึงแล้วมันบอกว่าเสียดาย”

“เสียดายอะไร” 

“มันเสียดายเงินค่าถุงยาง”

“อะไรนะ!”  ไอ้ไนท์ถามเสียงดัง แล้วเสียงมันก็เบาลงแต่เหมือนกับว่ามันไปตะโกนใส่อีกคนมากกว่า

“มึงเสียดายเงินค่าถุงยางเหรอไอ้เดย์!  มึงพูดแบบนี้ได้ยังไงก็กูเป็นคนซื้อ มึงจะอวดว่ามึงซื้อเองงี้เหรอ  ทำไมมึงถึงเลวแบบนี้ห๊ะ!!”

ไอ้ไนท์โคตรประสาท  ถ้าไปเล่าความฝันให้มันฟัง  มันจะคิดเป็นตุเป็นตะว่าเรื่องจริง  มันบอกว่าเราจะฝันไม่ได้ถ้าเราไม่ได้เจอหรือได้สัมผัสอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับความฝัน

ก้ากกกกกก  สมน้ำหน้าไอ้เดย์  อยากกวนตีนกูดีนัก  มึงเคลียร์กันเองเลยนะ

ผมกดวางสายโดยละม่อม  เมื่อเช้ายังทะเลาะกันอยู่เลย  ตอนดึกแม่งได้กันซะแระ  เหมือนกูเลย  เมื่อเช้ายังหวานกันอยู่เลย พอตกบ่ายเลิกกันซะงั้น

เฮ้ออ ชีวิตคนเราแม่งไม่แน่นอนจริงๆ  แต่ตอนนี้กูง่วงว่ะ  หาที่นอนก่อนละกัน



ผมมองหาที่พักนอนก็เห็นปั้มใหญ่ที่เป็นจุดพักรถจึงเดินหาที่เหมาะๆ  ได้เป็นม้านั่งตรงข้างร้านขายเสื้อผ้าซึ่งมีไฟส่องสว่าง ไม่มืดเกินไป ไม่ประเจิดประเจ้อเกินไป

“นอนซักงีบละกันวะ  ตื่นมาค่อยว่ากัน”  เหมือนวัยรุ่นใจแตกที่ไร้ญาติขาดมิตร  แต่ผมรู้สึกตื้อมากจริงๆ  ทั้งเรื่องพี่บั๊ค  เรื่องไอ้พู  แล้วที่บ้านยังไม่มีใครอีก  ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนเป็นคนที่ไม่มีใครต้องการ




**************

ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

นอนไปสักพักก็หลับ ง่วงด้วย เพลียด้วย แถมได้เบียร์ไปนิดหน่อยก็จึงให้หลับง่าย  ระหว่างที่นอนก็รับรู้ได้ถึงการจู่โจมของบรรดาสาวกแวมไพร์  ไม่ใช่ผีดิบอะไรเทือกนั้นหรอก แต่เป็นอีห่ายุง อีสูบเลือดสูบเนื้อ อีสัตว์ไม่มีประโยชน์กับมนุษย์! อีเพศแม่ที่จิตใจโหดเหี้ยม!

ยุงเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่ผมเกลียด  ไม่กลัวนะแต่เกลียดและไม่เคยหาข้ออ้างเพื่อเข้าข้างมันได้เลย  งูก็ยังน่าเอ็นดูแค่คิดว่ามันพิการมีลิ้นสองแฉกจนคนอื่นมองว่าตอแหล ดูสิ ทั้งที่ยังไม่ได้ลองคบกับมันแต่ก็อคติแล้ว แม่งน่าสงสารมาก  หรือแมงมุม  แมงมุมก็โดนประณามหาว่าชักใยอยู่เบื้องหลัง  ทั้งๆ ที่แค่มึงเงยหน้ามองบนเพดานก็เห็นใยแมงมุมแม่งสลอนอยู่ต่อหน้าต่อตา แล้วพวกมึงไปด่ามันว่าชักใยอยู่เบื้องหลัง มันถูกมั้ย!!  สัตว์โลกน่ารักพวกนี้น่าเห็นใจมาก จะมีก็แต่อียุงนี่แหละ อีห่าจิกที่ผมหาข้ออ้างให้มันไม่ได้เลย  ยุงลาย มันก็ลายจริงๆ ไม่เชื่อลองตบมันสิ ลายขาวดำติดมือเลยนะ น่าเกลียดน่ากลัว ยุงลายขาวดำ อี๋ๆ

นั่นแหละ สรุปแล้วผมเกลียดมัน เกลียดจนต้องตบทุกครั้งที่เห็น  ผมนอนตบยุงไปจนถึงตีห้าโดยประมาณ  ไม่ไหวแล้วว่ะ  ถ้านอนต่อไปคงกลายร่างเป็นซากแห้งกรังไร้เม็ดเลือด

หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู  ไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิตใดใดที่จะโทร หรือไลน์ หรือติดต่อมาทางใดทางหนึ่ง หึ..

ความเจ็บปวดของการลาจากที่ที่คุ้นเคย ไม่ใช่เพราะถูกไล่ออกมาหรือตัดใจเดินออกมาเอง แต่เป็นเพราะ..ไม่มีใครออกมาตามหาต่างหาก หึหึ..

ดราม่าไปก็เท่านั้น ผมตัดสินใจโทรหาสกาย  คิดในใจว่าถ้าไม่กินเหล้าก็น่าจะตั้งสติไว้ได้โดยไม่ใจอ่อนยอมเลยเถิดไปกับมัน   



“ว่าไงจ้าว”  สกายรับสายอย่างรวดเร็ว

“มึงอยู่ไหน มารับกูหน่อยสิ กูอยู่ไหนไม่รู้อะ เหนื่อยแล้วขี้เกียจกลับเอง”  ผมบอกอย่างหมดท่า

“อะไรนะ อยู่ไหนไม่รู้  มึงจะบ้าเหรอ นี่มันจะตีห้าแล้วนะ  ทำไมทำตัวงี้เนี่ย!” 

“มึงจะบ่นทำไมเนี่ย รีบๆ มารับกูเถอะ ก่อนที่กูจะกลับเอง” ผมขู่

“มีอะไรเป็นสัญลักษณ์มั้ย”

“ปั้มน้ำมัน”

“ปั้มเหรอ ปั้มอะไร”

“รูปเปลวไฟอะ” จำชื่อไม่ได้ไม่ค่อยได้เข้าปั้มเท่าไหร่

“ปตท.”

“นั่นแหละ ปตท.” ถ้าเล่นใบ้คำ มึงต้องชนะเลิศแน่เลยว่ะไอ้กาย

“เอ่อๆ แล้วมีอะไรอีก”  ผมหันมองรอบๆ แล้วบอกไปอีกหลายอย่างจนมันเข้าใจแล้วบอกว่าเดี๋ยวมันจะรีบมา



เฮ้อ ในที่สุดก็ต้องประจันหน้ากับสกายเหรอวะ ทำไงได้ล่ะ เฮ้อๆๆ

ในระหว่างที่นั่งรอ ผมก็เดินเข้าเซเว่นหยิบเบียร์มาสองกระป๋อง  อ๊ะๆ ไม่ต้องห่วง ผมไม่เมาหรอกน่า ไอ้สองกระป๋องแรกก็หมดฤทธิ์ไปแล้ว อีสองกระป๋องนี้ก็แค่เอาไว้กลบกลิ่นปากแค่นั้นแหละ คิกๆๆ



แต่ผ่านไปไม่นานก็ดันมีสายโทรเข้าจากพี่ดิน

รับหรือไม่รับดีวะ..

เล่นตัวก็ต้องเอาแต่พองาม  เหงี่ยมสอนไว้

ในที่สุดผมก็จำใจกดรับสายแต่ไม่พูดอะไร

“อยู่ไหนมึง”  มันถามทันที

หึ ไอ้คนนิสัยเสีย ชอบหลอกลวงคนอื่น

ระหว่างการสนทนากับไอ้ห่าพี่ดิน ผมทั้งวีนทั้งเวี่ยงใส่แม่ง ทั้งแดกดันประชดประชันราวกับสตรีวัยหมดประจำเดือนก็ไม่ปาน  ก็มันอัดอั้น มันน้อยใจ เสียใจ เจ็บปวดเกินกว่าจะไม่แสดงอาการใดใดออกไป

แต่แล้วเมื่อพี่ดินพูดประโยคหนึ่งออกมา ผมจึงได้ลดระดับอารมณ์ลงมาได้เล็กน้อย

“เพราะ.. มึงมีค่าไงจ้าว มีค่าพอให้กูกับคนที่มึงไม่อยากพูดถึง ต้องทำอะไรแปลกๆ เลวๆ ลงไป  แต่มึงเชื่อเถอะว่า ไม่มีใคร..ไม่รักมึง” 

อยากบอกตัวเองว่าไม่ต้องเชื่อ แต่ไม่รู้สิ ผมรู้สึกเชื่อใจพี่ดินมากกว่าตัวเองซะอีก

“บอกมาจ้าว ว่ามึงอยู่ตรงไหน  เดี๋ยวกูไปหา”  เสียงพี่มันอ่อนโยนขึ้นจนผมใจอ่อน

“..ไอ้กายบอกว่าอยู่แถวพระประแดง”  ความจริงไม่อยากจะบอกแต่ถ้าให้เลือก ผมอยากเจอพี่ดินมากกว่าสกาย อธิบายไม่ถูกว่าเพราะอะไร รู้แต่ว่าผมจะดีขึ้นถ้าได้เจอพี่มัน

เราคุยกันอีกสองสามประโยคแล้วพี่ดินก็พูดเหมือนมันรู้ว่าจะมีคนมารับซึ่งผมตงิดใจกับเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น  ถ้าให้เดาผมว่า..

พี่ดินกับสกาย ซัมติงจิงเกอเบลกันรึเปล่าวะ 

ผมนั่งคิดเรื่องไอ้สองคนนั้นอยู่สักพักก็นึกได้ว่าต้องโทรแคนเซิลสกาย แต่มันก็ไม่ยอมง่ายๆ บอกแค่ว่าจะขอมาดูสภาพว่าผมอยู่ดีกินดีไม่มีปัญหาแล้วมันค่อยกลับ 

“มึงรู้มั้ยว่ากูอุตส่าห์ทิ้งคนป่วยเพื่อไปหามึงเลยนะ” ท

“อ้าว งั้นมึงก็กลับไปดูแลคนป่วยสิ จะมาหากูทำไม”

“ไม่มีใครสำคัญกว่ามึงหรอกจ้าว ขอกูเจอมึงได้มั้ย แค่แป๊บเดียวก็ยังดี” 

ผมรอให้มันมาเจอไม่ได้หรอก ไอ้กายขี้ห่วง ถ้ามันเห็นสภาพตอนนี้คงบังคับพาผมกลับไปคอนโดกับมันแน่ๆ  เพราะฉะนั้นกูต้องแอบ

ผมหาทำเลเหมาะๆ หน้าห้องน้ำแล้วแอบขึ้นไปหลบในกระบะรถ มันลึกลับดีนะ ไอ้กายคงตามมาโป้งผมไม่เจอแน่ คิๆๆ กูนี่เล่นซ่อนแอบเก่งจริงๆ  แต่น่ารำคาญอยู่อย่างที่เข้าไปแอบได้เดี๋ยวเดียว รถก็ติดเครื่องเตรียมออกทำให้ต้องเปลี่ยนคันอยู่เรื่อย  จังหวะตอนเปลี่ยนคันนี่ลุ้นจนเยี่ยวเหนียว กลัวไอ้กายมันมาเห็นตอนนั้นพอดี  อย่างกะเล่นหนีซอมบี้  โคตรระทึกเลยอะ

ไอ้กายก็โทรรัวๆ เข้ามาทำให้ต้องปิดเสียงเปิดแค่ระบบสั่น  มันโทรประมาณหกรอบก็หยุดไป สงสัยงอนตุ๊บป่องตายห่าไปแล้วล่ะ



สักพักใหญ่ ที่ผมนอนรอในกระบะรถ  อีคันนี้จอดนานมาก นอนแอบจนเกือบหลับไป แต่แล้วโทรศัพท์ในมือก็สั่นขึ้น

“อยู่ไหนจ้าว กูมาถึงปั้มแล้ว” พี่ดินถามทันทีที่ผมกดรับสาย

ผมจึงอธิบายความลำบากในการแอบของผมให้มันฟัง เล่ายังไม่ทันจบแม่งก็โผล่มาข้างรถแล้วดึงเสื้อแจ็คเก็ตที่ผมใช้คลุมหน้าออก

พอเห็นหน้าผมแม่งก็ด่าใหญ่เลยหาว่าโง่ที่มาแอบในกระบะรถ  ผมก็อธิบายให้มันฟังตามอย่างที่ผมคิด

“เออๆ ช่างเหอะ ลงมาได้แล้ว ไปขึ้นรถกู”  พี่ดินบอกแล้วพาผมเดินไปที่รถจอด

“พี่เป็นไรอะ หน้าซีดๆ ดูเดินขาถ่างๆ ชอบกล”  ผมหันไปถามด้วยความสงสัย ดูเหมือนกูเมื่อตอนโดนครั้งแรกเลยว่ะ

พี่ดินกวนตีนผมนิดหน่อยซึ่งถ้าผมคงไม่ได้รู้ความจริงแน่ๆ ถ้ารอให้มันบอก  แบบนี้คงต้องใช้วิชามารแล้วละ

“ไอ้กายมันบอกว่า มันอุตส่าห์ทิ้งคนป่วยมาหาผม” ไม่ได้ปักใจเชื่อ ก็แค่เหวี่ยงแหเผื่อมีอะไรติดมามั่ง “ผมก็เลยบอกมัน ว่าทำไมไม่กลับไปดูแลคนป่วยก่อนเพราะผมมีคนมารับแล้ว พี่รู้มั้ยมันพูดว่าไง แม่งเสือกบอกว่า ‘มึงสำคัญกับกูมากกว่าใคร’”  พี่ดินดูท่าทางปกติจนผมรู้สึกว่าคงไม่ใช่อย่างที่คิด

..............

ปิ๊บๆๆๆๆๆ

เสียงรัวแตรรถจากคันที่สวนมาเพราะผมขับเฉออกไปกินเลนด้านขวาเกือบครึ่งคัน 

“เฮ้ยพี่ดิน! ขับไหวปะเนี่ย ให้ผมขับมั้ย” ผมผวาเฮือก ใจหลุดไปอยู่ที่เล็บตีน  นาทีนี้แค่ตาตุ่มยังไม่พอ  ต้องเล็บตีนนั่นแหละ ต่ำสุดแล้ว

“โทษทีว่ะ ปวดหัวนิดหน่อย”  ดูท่าทางอาการหนัก มันนวดขมับแล้วขับต่อไปด้วยใบหน้านิ่งๆ

ดูไม่ออกเลยว่าป่วยจริงหรือป่วยการเมือง  ถ้ามึงเป็นนายก ถึงมึงจะโกงไปหมื่นล้านกูก็จับมึงไม่ได้นะเนี่ยไอ้ห่าพี่ดินหน้าวอก

เมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ ผมก็เอ่ยถามถึงอาการแต่พี่มันกลับถามว่ามาเล่าเรื่องสกายให้มันฟังทำไม

“ไม่รู้ดิ เหมือนได้กลิ่นไอ้กายตุๆ ไอ้กายขึ้นรถพี่บ่อยเหรอ”  ไม่อยากบอกเลยว่าผมตอแหล ก้ากกกกก

ในรถมีแต่กลิ่นบุหรี่ ไอ้สัดกูนึกว่าโรงบ่มยา  อย่าว่าแต่กลิ่นไอ้กายเลย  แค่อากาศบริสุทธิ์ยังหาไม่ได้ในรถคันนี้

เมื่อไม่เห็นว่าพี่ดินจะมีพิรุธอะไรให้จับ ผมก็ชวนมันคุยไปตามประสาและคงจะพูดมากจนมันรำคาญ 

“ถามไรมาก มึงก็อาการเพียบพอกับกูแหละ”  ถึงกับสะอึก  อุตส่าห์ลืมแผลตัวเองเพราะมัวแต่เสือกเรื่องคนอื่น  พึ่งมานึกได้ว่ากูกำลังเฮิร์ตอยู่นี่หว่า

“หึ..”  ไม่รู้จะพูดอะไรก็ได้แต่ หึ นั่นแหละ

ผั่วะ!!

“โอ๊ย ตบหัวผมทำไมวะ!!”  ผมโวยวายทันทีที่อยู่ดีดีก็โดนตบหัว

 “หมั่นไส้ตั้งแต่คุยโทรศัพท์แล้ว หึอยู่นั่น พ่อมึงมีเมียน้อยเป็นหอเหรอ หึหึ อยู่ได้”  พี่มันบ่น 

ตอนแรกก็จะดราม่านะ แต่ได้ยินมุกมันแล้วอดแซะไม่ได้ว่ะ  แซะไปแซะมาพี่มันก็ขู่จะตบตีก็เลยต้องอ้อนมันหน่อย

พี่ดินมันน่าอ้อนนะ ออร่ามันแผ่รังสีคุ้มกะหม่อมบางๆ ของผมไว้จนรู้สึกอบอุ่น

แล้วพี่มันก็โยกหัวผมไปมา “โกรธมากเหรอมึง หืม แล้วหายโกรธกูแล้วหรือไงถึงได้มาอ้อนเนี่ย”  รู้สึกเหมือนได้รับความเห็นใจและเข้าใจ รู้สึกเหมือนพี่ชายขโมยลูกชิ้นลูกสุดท้ายที่เหลือไว้กินทีหลัง แล้วมันก็บ้วนออกมาคืน แล้วถามว่า หายโกรธรึยัง

ไอ้สัด! มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น!!

ผมปัดมือพี่ดินที่มันหยิบแก้มผมจนมือมันไปกระแทกกระปุกเกียร์  ก็เลยต้องขอโทษและเอามือมันมาเป่าเพราะสงสาร  สภาพขนาดนี้พี่มันยังถ่อมารับผมก็ต้องถือว่าสุดยอดของหัวใจแล้วล่ะ

“กูขอโทษ” พี่มันบีบมือผมแน่นๆ แล้วยอมรับผิดเรื่องที่มันวางแผนหลอกต้มผม แต่แม่งก็ยังไม่วายมาโทษผมอยู่ดีก็เลยวีนใส่แม่งอีกรอบ  แต่พี่ดินมันบอกว่าจะไม่ง้อเพราะร่างกายมันไม่ไหวแล้ว

ผมรู้สึกเป็นห่วงมันมากเลยตอนนี้  เหมือนจะฟุบลงไปบนพวงมาลัยได้ทุกขณะจิต  ถ้าไม่ใช่พี่ดิน อาการเพียบขนาดนี้คงพากันพุ่งเข้าข้างทางเป็นแน่



และในที่สุดก็ทุลักทุเลกันมาถึงห้อง ผมพยุงมันให้มานอนบนเตียง แต่พอทรุดลงนั่งพี่มันก็เด้งขึ้นเหมือนโดนเหล็กแหลมทิ่มก้นอยู่  “ก้นพี่เป็นไรวะเนี่ยถามจริง นั่งปุ๊บสะดุ้งปั๊บเลยอะ” ผมถาม

แทนที่จะตอบคำถาม มันกลับสั่งให้ผมไปเอายามาให้ ไอ้ผมมันก็ไม่เคยมาที่นี่ อะไรอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้  กว่าจะหายาหาน้ำมาให้พี่มันก็นานโข 

พี่ดินดูเหม่อๆ มันมองออกไปหน้าห้องตลอด เหมือนกำลังรอให้ใครมา  ผมเห็นแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองที่กำลังรอโทรศัพท์จากใครคนนั้นที่ผมบอกเลิกไป

แต่แม่งก็เงียบขี้!

เงียบแบบนี้ไม่ใช่แค่เงียบฉี่ แต่มันคือเงียบขี้ เงียบเหมือนตายห่าตายโหงไปแล้ว  คิดแล้วเศร้าว่ะ นี่วันซวยอะไรของกูกันแน่  ทำไมอะไรๆ ก็ไม่ได้ดั่งใจซักอย่างเลย!

“ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนแทนใครคนนั้นได้มั้ยวะพี่”  พอพี่มันกินยากเสร็จก็ล้มตัวนอน ผมนั่งมองอยู่ข้างๆ รู้สึกเป็นห่วงพี่มันมากจริงๆ  เจ็บทั้งกาย เจ็บทั้งใจ 

ใครทำเสือร้ายให้กลายเป็นเสือลำบากแบบนี้วะเนี่ย แม่งคงเป็นคนที่เจ๋งสุดยอดเลยล่ะ

“ใครที่มึงว่าน่ะ ใครวะ”  พี่ดินถามกลับ ซึ่งมันทำให้ผมอยากรู้มากขึ้นว่าไอ้ห่าคนที่ทำให้พี่กูมีสภาพแบบนี้เป็นใคร

ผมใช้วิชามารปลดล็อคโทรศัพท์พี่ดินจนได้เห็นแชทไลน์ล่าสุด “ดาร์กสกาย”  ผมจำได้ดีว่าชื่อนี้เป็นของใคร

พี่ดินโวยวายทันทีที่ผมพูดชื่อมันออกมา “เฮ้ย! มึงปลดล็อคได้ไงวะ” 

“พรุ่งนี้ไม่ต้องมาแล้วนะ กูจะกลับบ้าน อุ๊ยๆๆ มีฝันดงฝันดีกันด้วยเว้ย” ผมไล่อ่านไปเรื่อยๆ และแกล้งล้อมัน

ตอนนี้มั่นใจเต็มร้อยว่า ดินสกายนั้นเรียลจริง แต่เอ๊ะ สภาพอีพี่ดินมันเป็นแบบนี้

สกายดินเหรอวะ!!!

พี่ดินได้แต่นอนด่าคาดโทษผมเป็นวรรคเป็นเวร แต่ตอนนี้ผมกลับไม่ใส่ใจคำบ่นด่าของมัน แต่รู้สึกผิดที่เมื่อกี้แค่เพราะอยากรู้อยากเห็นก็เสือกพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกไปจนทำให้พี่มันเจ็บถึงขนาดเกือบขับรถชน

“คนป่วยที่ไอ้กายว่าก็คือพี่ดิน..” ผมเดินไปนั่งข้างๆ แล้วจับหน้าพี่ดินให้หันมามอง  “แล้วผมดันปากหมาบอกพี่ว่า ไอ้กายพูดว่าผมสำคัญกว่าใคร...ที่เจ็บอยู่นี่ก็ฝีมือไอ้กาย” คงใช่สินะ  คงไม่ผิดไปจากนี้หรอก

ทำไมกูถึงใจร้ายได้ขนาดนี้วะเนี่ย  ทำร้ายพี่ดินคนที่มันหวังดีกับผมมาตลอด ถึงแม้จะโกหกเรื่องแผนของมันก็เถอะ แต่ผมก็รู้สึกไม่ดีเลยที่ทำให้พี่มันเสียใจขนาดนี้

ผมกับพี่มันนิ่งงันไปทั้งคู่  ต่างคนต่างจมอยู่ในห้วงความคิดที่ต่างวาระ  ผ่านไปไม่นานพี่มันก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวและปิดเปลือกตาลงช้าๆ และเสียงลมหายใจก็สม่ำเสมอไปในที่สุด

ผมก้มลงกระซิบข้างหูพี่มัน “ผมจะคืนสกายให้พี่ และจะไม่เข้ามาแทรกระหว่างพี่กับมันอีก ผมสัญญา” จากนั้นก็จูบปากมันเบาๆ แทนคำขอโทษ

พี่แม่งหล่อฉิบหายเลยพี่ดิน  ขนาดป่วย ปากซีด ตาโหล แต่ความหล่อไม่ลดน้อยถอยหายเลยว่ะ “ปล้ำแม่งดีมั้ยวะ เอาคืนที่คิดแผนเหี้ยๆ มาหลอกกู คึคึ แต่ไม่เอาหรอก ปล้ำตอนนี้เดี๋ยวพี่ฟิน ต้องปล้ำตอนพี่รู้ตัวจะได้เจ็บปวดทรมาณที่ทวารฉีก คุ้นๆ มั้ยไอ้พี่บ้า คิกๆๆ ไอ้จ้าวนี่มันอัจริยะจริงๆ” 

ผมนั่งหัวเราะภูมิใจกับความเก่งของตัวเองสักพัก  จากนั้นก็นิสัยเสีย หยิบมือถือพี่ดินมากดโทรไปที่เบอร์ที่ถูกเมมชื่อว่า ‘ไอ้บั๊ค’


*****************

ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
SPECIAL by BUG



ชีวิตของผมหลังจากที่พาจ้าวเข้ามาอยู่ในบ้าน..

ช่างสุดโต่ง!

จะบอกว่าเฮงก็เฮงสุดๆ  โชคดีที่ได้มันเป็นเมีย  แต่จะบอกว่าซวยก็ซวยแบบขั้นสุดเช่นกัน  ข้าวจ้าวเป็นมนุษย์โลกหน้า สมองมันเป็นอะไรที่น่าเอาไปวิจัยมากทีเดียว วงการวิทยาศาสตร์คงฮือฮากันทั้งบาง

ผมขอเล่าย้อนไปตอนที่มันหนีผมไปในครั้งที่สอง หลังจากที่พาครอบครัวมันมากินข้าวที่บ้านและผมกระหน่ำกดมันนั่นแหละ



หลังจากนั้นผมก็สลบสไลตื่นมาเกือบเที่ยงของอีกวัน ตื่นมาพร้อมกับความเพลีย นอนหลับเป็นตายตั้งแต่หัวถึงหมอน ยอมรับว่าเมื่อคืนหนักมากไปหน่อย หนักจนตัวเองยังแทบไม่ไหว พอนึกถึงตรงนี้ก็สำเหนียกได้ถึงอีกคนซึ่งเป็นผู้ถูกกระทำ

“จ้าว..”  ผมพลิกตัวหาทั้งซ้ายขวาแต่ก็ไร้วี่แวว

หัวใจหัวใจแทบจะหมดแรงไปตามร่างกายเมื่อความรู้สึกเดิมๆ กลับมากระแทกต่อมรับรู้อีกครั้ง

“หายไปอีกแล้วเหรอวะ”  พึมพำกับตัวเองเบาๆ แล้วลุกไปเปิดดูในห้องน้ำด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ

ปกติก็ตื่นเช้าเป็นเรื่องเป็นราว แต่วันที่อยากตื่นทำไมต้องเป็นแบบนี้ทุกทีเลยวะ “หายไปอีกแล้วเหรอจ้าว”  ถึงกับคอตกเมื่อไร้วี่แววของไอ้เด็กเกรียน

ใจหายยังไม่เท่ากับความรู้สึกผิด จ้าวตื่นมามันก็คงโง่ควายจำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม แต่พอมันเห็นสภาพตัวเองมันก็คงคิดว่านายจ้างของมันกระทำกับร่างกายมันแบบนั้น

“ทำไมไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจวะไอ้บั๊ค”  ขยี้หัวตัวเองแรงๆ เพื่อลงโทษในความเลว แต่ก็รู้ว่าไม่ได้เจ็บถึงเสี้ยวหนึ่งที่จ้าวได้รับ

ผมยอมรับเลยว่าทำกับน้องมันแบบเอาเป็นเอาตาย ทำแบบตายอดตายอยาก ทั้งรัก ทั้งหลง หมั่นไส้ งอน โกรธ หลากหลายความรู้สึกที่ถาโถมเข้าใส่  น้อยใจที่จ้าวมันจำผมไม่ได้ซะที เสียใจลึกๆ ที่มันทำเหมือนกับว่าผมไม่มีตัวตนในชีวิตจริง แต่พอเมากลับทำเป็นรักนักรักหนาเหมือนผมเป็นแค่คนที่มันอยากเอาตอนเมาแค่นั้น

ผมรู้ว่าจ้าวมันเจ้าชู้และมันเอาได้ไม่เลือกหน้าถ้าเมา  และนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกแย่ทุกครั้งที่มันเมาเพราะผมรู้ดีว่าเป็นแค่คนหนึ่งที่มันจะมีอะไรด้วยได้



ผมเดินลงไปถามพวกแม่บ้านก็ได้คำตอบว่าจ้าวออกไปกับแม่  ใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่มันไม่ได้ออกจากบ้านไปคนเดียว

“ว่าไงไอ้ตัวดี ตื่นได้แล้วเหรอ”  แม่ทำเสียงประชดประชันทันทีที่รับสาย

“ผมหาน้องไม่เจอครับแม่ ข้าวจ้าวออกไปกับแม่เหรอ ไปไหนครับ”  น่าสงสัยมากที่สองคนนั้นไปด้วยกัน แต่ถ้าผมเดาไม่ผิด แม่คงใจอ่อนลงแล้วจากเหตุการณ์เมื่อคืน

“จะหาเจอได้ยังไงก็น้องมันไม่สบาย แม่ก็เลยพาไปหาเกดแล้วพามาส่งที่บ้านแล้วเนี่ย”  ถึงขั้นต้องถึงมือหมอเลยเหรอเนี่ย โถ่ จ้าว..

“งั้นเดี๋ยวผมไปหาที่บ้านน้องนะครับ”

“ไม่ต้องมา น้องนอนอยู่บ้านนี่แหละ ป่วยจนต้องฉีดยาเลยรู้มั้ย!”

“ฉีดยา..” ผมทวนคำอย่างใจหาย

“น่าตีนักนะตาบั๊ค แม่ก็พึ่งรู้จากหนูเกดว่าน้องไม่ได้แค่หกล้มอย่างที่น้องบอกกับแม่”  ถึงจะแปลกใจอยู่บ้างที่แม่เรียกจ้าวว่าน้องแต่ผมก็พอจะเข้าใจ อย่างน้อยในเรื่องร้ายก็มีเรื่องดีปะปนอยู่บ้าง

“อย่าไปดุลูกเขยเลยค่ะคุณพี่ ข้าวจ้าวมันคงดื้อจนต้องลงโทษล่ะมั้งคะ”  ได้ยินเสียงแม่ของจ้าวแทรกเข้ามาในสาย สงสัยจะอยู่ด้วยกันและคงจะปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว

อดยิ้มออกมากับความเจ้าแผนการของแม่ข้าวจ้าวและอดภูมิใจในความเป็นคนดีของจ้าวไม่ได้ ขนาดมันเมาจนเสียสติ ขนาดผมที่มันบอกรักนักรักหนามันยังจำผิดจำถูกว่าเป็นผีสางแวมไพร์อะไรก็ไม่รู้ แต่จิตใต้สำนึกของเด็กคนนี้คือคนดีที่ไม่ยอมให้ใครทำอันตรายแม่ของผมจนเอาตัวเองเข้าปกป้องไว้ได้ก่อนที่ผมจะเข้าถึงตัวแม่เสียอีก

“ไม่ได้ๆ ถ้าไม่ดุซะบ้างก็จะทำบ่อยๆ ถ้าเป็นงั้นก็คงศึกหรอกันพอดี”  แม่คงหันไปคุยกับแม่ข้าวจ้าว เสียงจึงเบาลงจากนั้นก็กลับมาคุยกับผมด้วยเสียงติดจะดุๆ “เดี๋ยวถ้าแม่กลับไปเราจะต้องโดนตีซะบ้างนะตาบั๊ค”  นึกขำที่ได้ยินแบบนี้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ดุผมมานานแล้วแต่ก็มาดุเพราะข้าวจ้าว

“ผมขอโทษ แต่จ้าวมันรั้นจริงๆ นะแม่”  ผมอ้าง

“ไม่ต้องมาแก้ตัว แกเป็นแฟนก็ต้องดูแลไม่ใช่ปล่อยให้หัวร้างข้างแตกแบบนี้”

“ก็นี่ไง ผมก็จะไปดูแลแฟนไงครับ นะครับแม่ ขอผมไปดูข้าวจ้าวนะครับ”  หวังว่าไม้นี้จะได้ผล ปกติผมไม่ค่อยได้อ้อนแม่เท่าไหร่นัก อย่าว่าแต่อ้อนเลย แค่คุยกันยังนับคำได้

ตั้งแต่จ้าวเข้ามาในชีวิตของเราบรรยากาศระหว่างผมกับแม่ก็ดีวันดีคืน แล้วผมจะปล่อยให้คนแบบนี้หลุดมือไปได้ยังไงกัน

“ไม่ต้องมาอ้อน น้องขอไว้ด้วยว่ายังไม่อยากเห็นหน้า ห้ามมาหา ห้ามขัดคำสั่งแม่ ไม่งั้นจะส่งน้องไปให้ไกลจนหาไม่เจอเลย เข้าใจมั้ยตาบั๊ค แค่นี้นะ”  พูดจบแม่ก็ตัดสายไปเลย

เอาล่ะสิ แค่ไอ้จ้าวคนเดียวผมก็จะรับมือไม่ไหวอยู่แล้ว นี่แม่เล่นออกโรงปกป้องขนาดนี้ มีหวังได้เป็นหมาหัวเน่าแน่ๆ ไอ้บั๊คเอ้ย



ผมอาบน้ำแต่งตัวกินข้าวและนั่งรอนอนรอให้เวลาผ่านไป  บ่ายโมงครึ่งก็แล้ว บ่ายสองก็แล้ว แม่ก็ยังไม่ส่งข่าว  ผมนั่งไม่ติดจนต้องโทรหาแม่อีกรอบ  ‘ห้ามไปหาน้องเด็ดขาด รอแม่อยู่ที่บ้านนั่นแหละ เดี๋ยวส่งน้องน้ำตาลแล้วจะกลับไปจัดการ’  ดูท่าว่าแม่จะจริงจังกับการมาจัดการผมมากเพราะน้ำเสียงนี่เขียวจนดำ



ใจผมร้อนรนจนไม่อยากให้ตัวเองอยู่นิ่งๆ เพราะกลัวจะดอดไปหาจ้าวจนเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตขึ้นมาอีก จึงตัดสินใจโทรหาไอ้ดิน

“มีไรมึง” 

“ไอ้ดิน กูมีเรื่องจะสารภาพ”  คนเดียวที่ผมพอจะพึ่งพาได้

“เฮ้อ”  มันถอนหายใจทั้งๆ ที่ผมยังไม่ได้เล่าอะไรเลย  “ทำไอ้ไก่เรื้อนตื่นแล้วล่ะสิ อิท่าไหนล่ะ หลุดปากหรือหลุดหื่น”  ไอ้ห่านี่มันเป็นมนุษย์หรือเวตาลกันแน่  ฉลาดเป็นกรดเลย

“..อย่างหลัง”  ผมพูดอ้อมแอ้ม

“กูว่าละ”  มันทำเสียงเหนื่อยหน่ายแล้วตามด้วยเสียงรำคาญ “เล่ามาๆ” 

ผมเล่าเรื่องราวเมื่อคืนจนถึงเช้าให้มันฟัง ไอ้ดินบอกให้เล่าละเอียดผมจึงเล่าหมดตั้งแต่คืนวันมีตติ้งแบบละเอียดยิบทั้งเรื่องแต่งงาน เรื่องจ้าวสาวชุดตัดอ้อย เรื่องผี แวมไพร์ และเรื่องที่มันคิดว่าผมเป็นเมียมัน ทุกเรื่องถูกเล่าออกมาเพราะผมสังหรณ์ใจว่าจ้าวจะโกรธมากจึงต้องการผู้ช่วยเหลือในครั้งนี้

“มึงอยู่นิ่งๆ เฉยๆ ไม่ต้องทำเหี้ยอะไรสักวันสองวัน ขอกูคิดแผนก่อนแล้วเดี๋ยวจะจัดการเอง”  มันพูดแค่นั้นก็วางสายไป

ผมทำได้เพียงยอมจำนนเพราะทั้งแม่และไอ้เพื่อนมันกำชับว่าให้อยู่นิ่งๆ ก็ควรอยู่นิ่งๆ ตามนั้น



อีกเกือบชั่วโมงแม่ก็กลับมา แม่บ่นเป็นนานสองนานเรื่องที่ผมทำกับน้องและยังคาดคั้นให้เล่าเรื่องเกี่ยวกับข้าวจ้าวทั้งหมดให้ฟังเพราะแม่สงสัยในหลายๆ อย่างที่จ้าวดูจะงงๆ เวลาแม่พูดเรื่องคนรักของผม

ตอนนี้คนที่รู้เรื่องผมกับจ้าวก็มีเพิ่มอีกหนึ่งคนซึ่งผมขอร้องให้แม่เก็บเป็นความลับไว้ก่อนเพราะยังไม่อยากให้ทางครอบครัวของจ้าวรู้ ผมกลัวว่าทางนั้นจะเรียกเอาน้องกลับไปเพราะคิดว่าเราไม่ได้รักกันจริงๆ



สักพักแม่ก็รับโทรศัพท์ คุยกันนานพอสมควร หลังจากนั้นแม่ก็เล่าให้ฟังว่าไอ้ดินโทรมาและกำชับแม่ให้เก็บผมไว้ที่บ้าน ห้ามเข้าไปยุ่งกับแผนของมันซึ่งผมก็ต้องยอมจำนนอีกตามเคย



เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ช่วงค่ำๆ ผมรู้สึกคิดถึงจนทนไม่ไหว ลองโทรหาจ้าวดูเผื่อว่ามันจะคลายความโกรธลงไปบ้างแล้ว

ใจชื้นเลยที่จ้าวรับโทรศัพท์แต่พอได้ยินเสียง ผมกลับช็อคจนแทบจะล้มทั้งยืน  “โทรมาหาพ่อมึงเหรอไอ้เหี้ย! หยุดโทรแล้วไปตายซะ!!”  มันด่าแล้วกดวางทันที  โทรศัพท์ร่วงออกจากมือ ยังดีที่ตกลงบนที่นอนจึงไม่เสียหาย แต่ถึงจะเสียจะแตกก็ช่างแม่งเถอะ มันก็แค่สิ่งของ แต่หัวใจของผมเนี่ยสิที่เสียหายแบบไม่มีชิ้นดี

“โกรธขนาดนี้เลยเหรอจ้าว โกรธพี่ขนาดนี้เลยเหรอครับ” มันก็สาสมแล้วกับสิ่งที่ผมทำ  จ้าวไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ของผม แม้ว่าจะรู้สึกยังไงผมก็ไม่มีสิทธิ์ทำกับน้องแบบนั้น “พี่ขอโทษ ขอโทษจริงๆ”  หยดน้ำตาตกลงบนพื้นสองสามหยด นี่เป็นการร้องไห้ในจำนวนไม่กี่ครั้งในชีวิต ซึ่งล่าสุดก็ตอนงานศพพ่อ  จ้าวมีอานุภาพกับผมมากจริงๆ จ้าวทำให้ผมเป็นคนที่มีหัวใจอีกครั้งหลังจากที่เป็นแค่หุ่นยนต์มานาน

และไม่ว่าจะให้ผมทำอะไร จากนี้ผมก็จะทำเพื่อจ้าวแม้ว่าจะฝืนใจแค่ไหนก็ตาม





ช่วงสายของอีกวัน ไอ้ดินโทรมาบอกว่าคงต้องรอให้สภาพร่างกายและจิตใจมันโอเคกว่านี้อีกหน่อยแล้วค่อยจัดการ

ผมก็ได้แต่รอ จะให้โทรหาอีกก็ไม่กล้าแล้ว น้องมันด่าซะขนาดนั้นก็คงสู้หน้าไม่ไหวได้แต่ถามข่าวจากแม่ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า จ้าวนอนสลบไสลไม่ยอมตื่นมาทำอะไรเลย นั่นยิ่งทำให้เป็นห่วงแต่ก็เท่านั้นแหละในเมื่อไปหาก็ไม่ได้ โทรหาก็โดนด่า จึงต้องทน

อดทนซะบ้าง อดทนนะเว้ยไอ้บั๊ค มึงทำเหี้ยกับน้องขนาดนั้น แค่อดทนรอ อดทนเพื่อน้องอีกหน่อย มึงต้องทำได้สิ



“ใครโทรมาเหรอครับแม่”  ผมหูผึ่งแอบฟังแม่คุยกับใครไม่รู้ตั้งนานสองนาน พอแม่วางสายผมก็ถามขึ้นทันที

“ตาดินโทรมาบอกว่าให้ขังคนบางคน”  คิ้วขมวดทันทีที่ได้ยิน

“ขังใครเหรอครับ”  ผมถาม

แม่ออกเดินนำไปทางห้องทำงานของผม “ตามมานี่สิ เดี๋ยวแม่จะบอกให้” 

ผมได้แต่เดินตามแม่เข้าไปในห้อง  แม่บอกให้ลองเปิดดูกล้องวงจรปิดของบ้านพักตากอากาศที่เสม็ดดู ถึงไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ผมก็ทำตาม  พอเปิดโปรแกรมได้แล้วก็ดันโน๊ตบุ๊คให้แม่ดู  กล้องสี่ตัวยังทำงานปกติ ทั้งหน้าบ้าน ด้านข้างที่มองเห็นถึงด้านหลัง หน้าบันไดชั้นบนและห้องโถงชั้นล่างที่มองเห็นชั้นแรกได้เกือบทั่ว  บ้านพักที่นั่นอยู่ติดทะเล บรรยากาศดีมากๆ มันเหมือนเป็นบ้านของผมเองเพราะตกแต่งเลือกของทุกอย่างกับมือ แต่ช่วงหลังตั้งแต่พ่อเสีย ผมก็แทบไม่ได้ไปไหนนอกจากคอนโดกับที่ทำงาน

“รออยู่นี่นะ”  แม่พูดแค่นั้นแล้วออกจากห้อง แต่ไม่ได้ออกไปเฉยๆ แม่ล็อคห้องจากด้านนอกแล้วยิ้มด้วยความภูมิใจ

“แม่ล็อคห้องผมทำไมครับ”  ผมเดินไปที่ประตูทันที  ประตูเป็นกระจกใสจึงมองเห็นได้ชัดเจนว่าแม่ดูสะใจแค่ไหน

“นี่ถือเป็นการลงโทษไปในตัว”  แม่จิกตานิดๆ  “ตาดินมันบอกให้แม่ขังเราไว้จนกว่ามันจะจัดการกับข้าวจ้าวได้สำเร็จ” 

“จัดการอะไรแม่”  ผมถามเพราะไม่ค่อยไว้ใจไอ้เพื่อนบ้าคนนี้เท่าไหร่ ยิ่งมันไม่บอกแผน ผมก็ยิ่งระแวง

“จัดการให้น้องรู้ตัวว่ารักแกน่ะสิ ถามได้”  แม่บอก

“แล้วทำไมต้องขังผมด้วยล่ะ แม่เปิดประตูเถอะ อย่าทำแบบนี้กับลูกสิ ไอ้ดินมันไม่ใช่ลูกแม่นะจะไปทำตามมันทำไม”  ผมอ้อนวอน

“ถ้าไม่ให้ตาดินจัดการเรื่องก็ไม่จบซะที  ลำพังลูกเองน่ะจัดการมาตั้งเท่าไหร่แล้วก็ไม่เห็นได้เรื่องได้ราว งานนี้ทำเพื่อข้าวจ้าว น้องจะได้รู้ใจตัวเองแล้วจะได้ลงเอยกับแกซะที ฉันอยากจัดงานจะแย่แล้ว”  แม่นี่ก็แปลกคน บทจะไม่ยอมรับก็กันท่าซะจนเหนื่อยใจแต่พอชอบใจขึ้นมานี่ใจร้อนกว่าผมซะอีก

ผมได้แต่ปลงและคิดซะว่าที่เป็นแบบนี้เพราะผมเองที่ผิดและถือเป็นการลงโทษตัวเองไปด้วย “แล้วต้องขังผมไปถึงเมื่อไหร่ล่ะ”  ผมถาม

“ก็จนกว่าตาดินจะบอกให้ไปหานั่นแหละ”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกล้องวงจรปิดนี่ล่ะครับ” เมื่อนึกได้จึงรีบถาม

“ก็ตาดินจะพาน้องไปเคลียร์กันที่นั่นและบอกว่าไม่ต้องห่วง รับรองพรุ่งนี้น้องเข้าใจตัวเองแน่ๆ”  ถึงในใจจะรุ่มร้อนเพราะไอ้ดินกับไอ้จ้าวและบรรยากาศที่บ้านพักหลังนั้นมันค่อนข้างล่อแหลมแต่ไม่อยากพูดออกมาให้แม่ต้องกังวล

แล้วแม่ก็ไป บอกแค่ว่าจะไปเก็บกระเป๋าเตรียมไปทะเล และบอกว่าจะเก็บให้ผมด้วย 

ผมนั่งรอนอนรอเวลา จ้องมองหน้าจอดูภาพวงจรปิดของบ้านพักไปเรื่อยๆ อาหารค่ำแม่ก็เอามาให้เองโดยการให้ผมยืนหันหน้าเข้ากำแพงแล้วรีบเปิดประตูเอาอาหารและของต่างๆ วางไว้แล้วรีบล็อคประตูอีกครั้ง

และแล้วเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง รถของไอ้ดินโผล่เข้ามาในภาพตามด้วยร่างสองร่างที่ลงมาจากรถ ถึงภาพจะไม่ชัดมากนักแต่ก็มองออกได้ว่าใครเป็นใคร  ทั้งคู่เดินเข้าไปในบ้านและกล้องที่ห้องโถงก็จับภาพไว้โดยตลอด  ไอ้จ้าววิ่งวุ่นไปทั่ว มันเปิดนั่นดูนี่อย่างตื่นเต้น  ไอ้ดินดูไม่น่าไว้ใจด้วยอาการของมันนิ่งเกินเหตุ เหมือนกำลังจ้องตะครุบเหยื่อ

ถึงภาพโดยรวมจะไม่ได้สกินชิพอะไรกันมาก น่าจะเป็นการตบหัวตบไหล่กันเล่นแต่ก็ไว้ใจไม่ได้ สังหรณ์ไม่ค่อยดีแฮะ

แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อไอ้จ้าวมานั่งเด้งอยู่ที่โซฟาที่ผมสั่งบิวท์อินเป็นพิเศษคล้ายๆ กับที่คอนโดแต่อันนี้จะใหญ่กว่าและคนละสี ไม่นานนักภาพไอ้ดินที่ตามมาเอนหลังนอนอยู่ข้างกัน

ไอ้จ้าวถูกดึงให้ลงไปนอนด้วย  ภาพนี้ทำให้ผมเริ่มไม่นิ่ง ควานหาโทรศัพท์เป็นการใหญ่ แต่แล้วก็ต้องหยุดมือเพราะไอ้ดินมันลุกขึ้นมานั่งซะก่อนและพากันไปที่โต๊ะอาหาร   ถึงกับต้องผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอกที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น



ผมเฝ้ามองภาพวงจรปิดอย่างไม่คลาดสายตา นานทีเดียวที่พวกมันกินข้าวกันแต่ผมไม่ค่อยโอเคกับไวน์ที่ตั้งบนโต๊ะสักเท่าไหร่จึงเคาะประตูเรียกแม่มาถามซึ่งก็ได้คำตอบว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของแผนให้ทำใจเย็นๆ

“ทำอะไรไม่ได้นี่หว่า เสือกงี่เง่าทำเรื่องเอง ทนก็ทนวะ!”  บ่นกับตัวเองอย่างหัวเสียไปเรื่อยเพราะทำอะไรไม่ได้

ดูท่าว่าอาหารจะหมดแล้วเพราะพวกมันยกแก้วกันอย่างเดียว  มองผ่านทางนี้ไม่เห็นสีหน้าแต่จากกิริยาอาการดูท่าว่ามันจะไฝว้กันอยู่  ไม่มีการคุยเล่นหัวเราะเฮฮา มีแต่จ้องกันแล้วยกแก้วทีเดียวหมดแล้วเติมใหม่ เป็นอย่างนี้อยู่นานจนกระทั่งไอ้ดินขยับตัวตั้งกล้องโทรศัพท์

“ถ่ายคลิปนี่เอง”  พึมพำออกมาเมื่อเข้าใจแผนการของไอ้ดิน  แต่ก็ใช่ว่าจะโอเคเท่าไหร่หรอกเพราะไม่นานนักมันก็ลุกมานั่งบนโต๊ะตรงหน้าไอ้จ้าว  ผมไม่อยากให้ใครใกล้จ้าวตอนมันเมาเลย  ถึงจ้าวจะเป็นคนดี มีน้ำใจกับผมและแม่ แต่เวลามันเมานี่..

อย่าให้พูดเหอะเดี๋ยวจะบ่นยาว



ไอ้ดินคงกำลังล่อหลอกให้ไอ้จ้าวสารภาพความในใจอยู่ ถึงจะเป็นแผนที่ดีแต่มึงไม่ต้องถึงเนื้อถึงตัวจับมือจับไม้เมียกูก็ได้มั้ย เห็นแล้วขัดตาชอบกล



จากนั้นก็เห็นมันเอื้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอยู่สักครู่  เสียงเตือนก็ดังขึ้นที่โทรศัพท์ของผม

ใจจริงไม่อยากจะละสายตาจากภาพวงจรปิดเลยแต่ด้วยความอยากรู้จึงรีบหยิบโทรศัพท์มากดดู 

มันเป็นคลิปภาพสั้นๆ ที่ถูกตัดเอาใจความสำคัญมาให้ดู  ในคลิปเป็นภาพไอ้จ้าวหน้าเมาอย่างที่เคยเห็นมาหลายครั้ง นั่งจ้องกล้องอยู่นานเหมือนกำลังคิดว่าจะพูดอะไร แต่แล้วก็พูดแค่สั้นๆ ว่า ‘...จ้าวรักพี่บั๊ค’  จากนั้นก็เป็นเสียงไอ้ดินถาม ‘รักจริงๆ หรือรักแค่ตอนเมา’  ซึ่งคำตอบหลังจากนั้นทำเอาผมยิ้มแก้มแทบจะฉีก ‘รักจริงสิ ตอนไม่เมาก็รักแต่รักไม่ได้ก็ต้องทนไง ตอนเมาจำได้หมด รู้หมด รักหมดใจด้วย’ ถึงมันไม่ได้หันมามองกล้องแต่ผมก็รู้ว่ามันพูดจริง เวลามันเมามันไม่ชอบโกหกหรอก แต่ที่เพ้อเจ้อก็แค่อาการจำโน่นจำนี่สับสนเท่านั้นเอง ซึ่งคำว่ารักจากมันเป็นคำที่เพราะที่สุดสำหรับผม

ดูวนอยู่ห้ารอบถ้วน  ยิ่งคำว่า ‘จ้าวรักพี่บั๊ค’ ยิ่งทำให้ผมอิ่มเอมใจ

แต่แล้วเมื่อละสายตามาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์  “ไอ้สัดดิน!!”  ผมคำรามออกมาด้วยความโมโห

ภาพไอ้จ้าวนั่งตักไอ้ดินแล้วถูกรัดไว้ด้วยวงแขนแต่นั่นยังไม่พีคเท่ากับใบหน้ามันสองคนประกบติดกันแทบจะแยกอวัยวะบนใบหน้าไม่ออกว่าอันไหนปากอันไหนจมูก

ผมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีแล้วกดโทรทั้งเบอร์มือถือและเบอร์ในห้องทำงาน  รู้สึกเหมือนมีไฟพวยพุ่งออกจากเขาบนหัว ไอ้สัด ไอ้เหี้ย ไอ้เพื่อนเลว!!

ค่อยลดความเดือดลงไปบ้างเมื่อโทรได้ไม่นานมันก็ผละออกจากกัน แต่แล้วร่างไอ้จ้าวก็ถูกดันให้นอนลงและไอ้ดินก็ตะแคงคร่อมเอาไว้แล้วมันก็นอนคุยกันกุ๊กกิ๊กอย่างกับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน 

ผมนี่กำโทรศัพท์แน่น จ้องหน้าจอแทบจะทะลุเพราะลุ้นว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นมากกว่านี้หรือไม่  ยังดีที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเอาคางถูหน้าผากไอ้จ้าวและเอามือปิดตา  ผมถอนหายใจออกมาอย่างหมดแรงเมื่อภาพมาจบที่ไอ้ดินลากร่างนิ่งสนิทของไอ้จ้าวให้ขึ้นไปนอนเต็มๆ บนโซฟา



“เอ่อ ว่าไง”  ไอ้ดินเดินไปหยิบโทรศัพท์แล้วรับสายเหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น

“มึงยังมีหน้ามาถามกูว่าไงงั้นเหรอ มึงเกือบเอาเมียกูแล้วเมื่อกี้เนี้ย!!”

“โวยวายทำเหี้ยไรของมึงเนี่ย ก็บอกแล้วว่ามันอาจมีถึงเนื้อถึงตัวบ้าง”  มันตอบแบบกั๊กเสียงไม่ให้ดังเกินไป

“ถึงบ้างกูก็ไม่ว่าแต่นี่ถึงขั้นจูบกันมันเกินไป! มึงทำเกินกว่าเหตุ!!!”  ผมตวาดเสียงแข็ง

“ก็มึงเองไม่ใช่เหรอที่จัดการมันไม่ได้ มึงไม่ใช่เหรอที่ทำเรื่องเสียจนมันไม่อยากเข้าใกล้ แม้กระทั่งโทรศัพท์ก็ไม่ให้โทรน่ะ แล้วก็เป็นมึงอีกที่ขอร้องให้กูช่วย แล้วไง กูโปรดสัตว์ได้บาปงี้เหรอ”

ผมสะอึก ก็เป็นอย่างที่มันว่าทุกอย่างแต่ถึงยังไงสิ่งที่มันทำก็เกินกว่าเหตุอยู่ดี “เอาล่ะๆ  ที่แล้วไปแล้วก็ช่างแม่ง  งั้นกูไปหามันตอนนี้เลยนะ”  ผมต่อรอง

“ไม่ต้องมา รอกูสรุปให้มันฟังอีกทีพรุ่งนี้  ดีนะที่กูให้แม่มึงคอยเฝ้าไว้ ไม่งั้นคงแจ้นมาตั้งแต่กูโทรสั่งพร้อบแล้วสิ”   

ก็ไม่อยากจะยอมหรอกนะ  แต่คงไม่มีอะไรดีกว่านี้แล้ว “กูยอมรอก็ได้ แต่มึงห้ามแตะมันอีกแม้แต่ปลายเล็บ  ไอ้เหี้ยแม่งสันดานเลว ของๆ เพื่อนมึงก็ไม่เว้น  นี่ถ้ากูไม่โทรจะเกิดอะไรขึ้นวะ” 

“รู้แล้วๆๆ อย่าบ่นเยอะน่ารำคาญ”

“สัญญาก่อนว่าจะไม่แตะมันอีก”

“เอ่อๆ ไม่ทำไรมันหรอก ก็นอนตรงโซฟาเนี่ย มึงก็ส่องได้ตลอด”

“สัจจะลูกผู้ชายนะมึง”

“เอ่อๆ นอนละ ทั้งง่วงทั้งเมาเหมือนกันแหละ แค่นี้เว้ย”  แล้วมันก็วางสายไป


************

ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
ผมไม่รอช้า รีบทุบประตูรัวๆ เรียกแม่ให้มาคุยด้วย และรอเพียงไม่นานแม่ก็มาพร้อมกับเครื่องสลัดบนหน้า  ทั้งแตงกวา มะเขือเทศ  เต็มไปหมด 

“ทำไมไม่เอาผักออกก่อนล่ะครับ เดินมาแบบนี้เดี๋ยวก็หกล้มกันพอดี” ผมบ่น

“ก็พึ่งพอกยังไม่ถึงห้านาทีเลยตาบั๊ค  แล้วเรียกแม่ทำไมเนี่ย”  ทำหน้างอแล้วแหงนหน้าคุยกับผมอย่างทุลักทุเล

เอาตรงๆ เลยนะ  ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าแม่จะโก๊ะกังแบบนี้  ถ้าไม่เข้ามาใกล้ชิดก็คงไม่ได้เห็นมุมน่ารักๆ และแปลกใหม่จนต้องกลั้นขำทั้งที่ร้อนใจแทบแย่ อยากขอบคุณจ้าวซักร้อยยก(?)ที่มันทำให้ชีวิตผมมีชีวิตชีวาขึ้นในทุกๆ ด้าน

“ผมจริงจังเลยนะครับ  แม่พาผมไปเสม็ดเถอะ  ผมสัญญาว่าจะไม่เจอจ้าวจนกว่าไอ้ดินจะโทรมาบอก”  ผมทำหน้าจริงจังสุดชีวิต  “เราไปเปิดโรงแรมใกล้ๆ ก็ได้ แล้วพอไอ้ดินโทรมาเราจะได้ไปหามันเร็วๆ”

แม่ชั่งใจเล็กน้อยจึงตอบตกลง “เอางั้นก็ได้  แต่ห้ามเกเรกับแม่นะ ไม่งั้นคราวหน้าแม่จะไม่เชื่อใจละนะ” 

“ผมรับปากครับ คำไหนคำนั้น”  เมื่อแม่มั่นใจในตัวผมแล้วจึงหายไปพักใหญ่แล้วกลับมาไขกุญแจจากนั้นเราก็ออกเดินทางทันที

สี่ห้าชั่วโมงก็มาถึง เราเช็คอินในโรงแรมที่อยู่ในรัศมีบ้านพักไม่เกินหนึ่งกิโลเมตร เมื่อถึงโรงแรมก็รีบเช็คกล้องวงจรปิดในไอแพดอีกครั้ง  เห็นพวกมันหลับก็วางใจจนงีบหลับไปนิดหน่อยแล้วตื่นแต่เช้าเพื่อเช็คอีกรอบ

ภาพที่เห็นทำให้ผมต้องรีบปลุกแม่และแต่งตัวออกจากโรงแรมพร้อมกับโทรศัพท์หาไอ้ดินทันที



“โทรมาทำไมเช้านักหนาวะเนี่ย” มันรับด้วยเสียงงัวเงีย

“มึงกอดเมียกูทำเหี้ยไรล่ะ”  ผมตวาดใส่มันจนแม่ตีแขนเบาๆ ให้ใจเย็นๆ

“ก็กูหลับ จะรู้ได้ไงว่าไปกอดมันตอนไหน”

“มึงนี่มันไว้ใจไม่ได้จริงๆ แล้วสรุปตอนนี้แผนมึงโอเคยังวะเนี่ย กูรอนอนแล้วนะ” 

“เอ่อๆ เดี๋ยววางสายแล้วจะโทรบอกแม่มึงให้พามึงมาได้แล้วเพราะเดี๋ยวกูจะปลุกไอ้เรื้อนมาคุยเหมือนกัน แค่นี้ๆ ไม่ฟังแล้ว เบื่อๆๆ”  ไอ้เชี่ยดินตะโกนคำว่าเบื่อเสียงดังแล้ววางสายไป

ผมรีบเหยียบคันเร่งเพื่อไปให้ถึงที่หมายโดยเร็ว  ไม่ถึงห้านาทีผมก็มาถึง

“อ้ากก ไอ้พี่ อ้ากกก!  เจ็บ โอ้ยยยย ไอ้พี่ดินกูเจ็บ อ้ากกก ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ใจจะขาดไอ้สัด ปล่อยกู!! ฮ่าๆๆ”  ผมรีบลงจากรถก่อนแม่และรีบวิ่งเข้าบ้านเพราะได้ยินเสียงไอ้จ้าวแหกปากลั่น

เมื่อโผล่เข้าประตูมา ภาพที่เห็นคือไอ้จ้าวนอนคว่ำอยู่บนโซฟาเบดและมีไอ้ดินคร่อมทับไว้และจี๋เอวไอ้จ้าวจนมันดิ้นทุรนทุรายร้องโวยวายลั่นบ้าน

“ถ้ามึงไม่ลุกเดี๋ยวนี้ กูถีบ!!”  ผมส่งเสียงเหี้ยมๆ บอกมัน  พยายามควบคุมอารมณ์อย่างหนักไม่ให้ถีบซะก่อน

“พี่บั๊ค!” ไอ้จ้าวเรียกพลางเบิกตาเท่าไข่ห่าน

“มาถึงก็จะลงไม้ลงมือ มึงคิดว่ากูจะไม่สู้รึงายย”  ไอ้เชี่ยนดินยืนค้ำหัวผมอยู่บนโซฟา ทำหน้าโครตจะวอนตีน

“ไอ้เหี้ยดิน” ผมด่า “ไสหัวไปเลย หมดหน้าที่มึงแล้ว”  ทำหน้าโหดใส่มันแต่ไม่เห็นแม่งจะกลัวอะไรเลย  ถือว่าถือไพ่เหนือกว่า ไอ้สัด อย่าให้ถึงทีกูมั่งนะ

“เสร็จนาฆ่าโคถึง เสร็จศึกก็ไล่ขุนพล ใช่ซี้ กูหมดความหมายแล้วนี่”  มันทำหน้ากวน

เจอความหน้ามึนของไอ้เพื่อนเหี้ยก็ไม่รู้จะทำยังไงล่ะครับ  “เชิญไสหัวไปเถอะครับเพื่อนครับ กูไหว้ล่ะ” ไหว้แม่งเลย ขอให้มึงอายุสั้นสัดดิน

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ก็แค่นั้นแหละ”  คำว่าสลด ไม่มีในสารบบไอ้ดิน เฮ้ออ

มันร้องเพลงกวนตีนอีกเล็กน้อยแล้วเดินออกจากบ้านไป





ตอนนี้เหลือแค่ผมกับจ้าว  ผมมองคนรักด้วยความคิดถึงและโหยหา เหนือสิ่งอื่นใดคือสำนึกผิด  “เรื่องคืนนั้นพี่ขอโทษนะ จ๋าหายโกรธนะครับ ห่างกันนานๆ พี่โคตรคิดถึง” 

จ้าวไม่ตอบ  ได้แต่ยืนอ้ำอึ้งจนผมรู้สึกผิดมากขึ้น   “ยังไม่หายโกรธพี่เหรอ”  ถามพร้อมกับคุกเข่าลงตรงหน้าจนจ้าวตกใจหดขาขึ้นไปนั่งพับเพียบบนโซฟา

“พี่ขอโทษนะครับ ขอโทษ ขอโทษ ๆ ๆ ๆ” พร่ำบอกขอโทษเป็นสิบรอบเพราะรู้ดีว่าที่ทำลงไปมันรุนแรงและไม่สมควร

จ้าวดูลังเลและทำตัวไม่ค่อยถูกจนพวกแม่กับคนที่บ้านจ้าวเข้ามาช่วยพูดให้  ทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างราบรื่น เป็นอันว่าผมกับจ้าวตกลงคบหากันอย่างเป็นทางการโดยที่ผมยังไม่มีโอกาสบอกความจริงใดใดเนื่องจากจ้าวยืนยันหนักแน่นว่าไม่ต้องการให้ผมเล่า

รู้สึกไม่ค่อยดีกับเรื่องนี้มากพอสมควร  เหมือนยังมีอะไรที่ค้างคาหัวใจ อยากเล่าให้มันจบๆ  จะออกหัวออกก้อยก็พร้อมจะยอมแก้ปัญหา  แต่พอจ้าวยื่นคำขาดว่าไม่ขอฟัง  ผมจึงต้องเก็บทุกอย่างไว้เป็นความลับต่อไป







“แต่งงาน!!” จ้าวโพล่งออกมาเสียงดังเพราะพวกผู้ใหญ่คุยเรื่องการจัดงานแต่งงานของเราสองคน

สำหรับผม อยากเร่งให้เป็นวันนี้พรุ่งนี้ด้วยซ้ำ  อยากบอกคนทั้งโลกว่าจ้าวเป็นของผมและอยากให้เรื่องระหว่างเรามีพิธีรีตรองมีผู้ใหญ่รับรู้เป็นเรื่องเป็นราวเพื่อจะได้ไม่ต้องมีปัญหาตามมาในภายหลัง

ผมงอนเล็กน้อยเมื่อจ้าวทำท่าทางไม่อยากแต่งและมันก็ได้ผล  ถึงจ้าวจะเกรียนยังไงแต่ทุกครั้งที่ผมทำเหมือนรู้สึกแย่ น้องก็จะทำตัวน่ารักเสมอ

“ขอโทษที่ไม่ได้ขอเป็นแฟน ไม่ได้ขอแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวนะ เอาไว้จะชดเชยให้คืนนี้”   อันที่จริงรู้สึกผิดมากที่ไม่ได้ผ่านขั้นตอนที่ถูกต้อง  มันเหมือนหลอกจ้าวให้มาตกกระไดพลอยโจนมากกว่า

ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่นจนสุดทาง



เราเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น  จ้าวดูอ่อนเพลียเพราะเมื่อคืนเราพลอดรักกันเกือบเช้า ตอนที่จ้าวไม่เมา เรื่องบนเตียงยิ่งเป็นเหมือนเวลาที่อยู่บนสรวงสวรรค์  ผมยิ่งหลงไอ้เด็กลีลาเด็ดนี่ขึ้นทุกนาที  ไม่อยากอยู่ห่างเลยแต่ก็ต้องจำใจจากเมื่อวันรุ่งขึ้นจ้าวก็ต้องไปเรียน

วันนี้รู้สึกใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว  เหมือนมีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นจึงโทรหารุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย  ชาติกับฟ้าพึ่งแต่งงานและเคยโพสต์ว่าอยากได้คอนโดที่ใหญ่ขึ้น ผมลองโทรถามว่ายังอยากได้อยู่หรือไม่  เขาตอบรับและยินดีซื้อต่อผมทันทีเพราะเคยเข้าไปเห็นมาก่อนแล้วแต่ชาติบอกว่าขอรอฟ้าไปดูด้วยกันประมาณสีโมงเย็น  กว่าจะทำสัญญานั่นนี่ก็น่าจะพอดีกับที่ต้องไปรับจ้าวหลังซ้อมบาสเสร็จ 

ประมาณบ่ายสามโมงผมก็ออกจากบริษัทเพื่อไปจัดการเรื่องขายคอนโดและเก็บของที่สำคัญออกมา  พอขึ้นมาสักพัก ทางฟร้อนก็โทรขึ้นมาบอกว่าคนที่จะมาดูห้องนั้นได้มาถึงแล้วและกำลังขึ้นมา

ผ่านไปครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงกุกกักในห้องจึงตามเข้าไปดู

“พี่ยังไม่ได้เก็บของเลยครับ แต่พรุ่งนี้จะจัดการให้เรียบร้อย ชาติกับฟ้าจะย้ายเข้าเมื่อไหร่ล่ะ” เดินเข้าห้องหวังจะเจอรุ่นน้องแต่กลับกลายเป็น  “จ้าว!!!!!???” ร่างผมชาดิกใจตกวูบไปถึงตาตุ่ม ยืนนิ่งจังงังอยู่หน้าประตู

ร่างบางที่สั่นเล็กน้อยก้าวเท้าเข้ามา ใบหน้ามันแดงก่ำ หัวคิ้วขมวดเป็นปมแสดงความโกรธถึงขีดสุด “ถามคำเดียวเลยพี่บั๊ค มึงเป็นคนตอแหลมั้ย มึงตอแหลมั้ย!!”   เสียงของจ้าวเหมือนฟ้าฝ่าลงมากลางใจ  มันกรีดแทงและหมุนคว้านจนรู้สึกเหมือนร่างจะฉีก  มือของมันล้วงเข้าไปในเสื้อแจ๊คเก็ตแล้วหยิบของบางอย่างปาใส่หน้าผมอย่างแรง

ความรู้สึกแรกคือตกใจและแสบผิวหน้าเพราะถูกของแข็งกระทบเข้าอย่างจัง

ความรู้สึกต่อมาคือชาไปทั้งร่างเพราะก้มมองตามสิ่งของที่ตกหล่นอยู่ทั่วพื้นแล้วถึงได้รู้ว่าจ้าวเป็นอะไร

พวงกุญแจที่กระทบใบหน้า 

กระเป๋าสตางค์สีน้ำตาลที่คว่ำหน้าอยู่บนพื้นโดยมีบัตรประชาชนของจ้าวตกอยู่ไม่ไกลจากปลายเท้าผม

“สนุกมากมั้ย”  จ้าวมองผมด้วยแววตาวาวโรจน์มีหยาดน้ำคลอเต็มเบ้า  “มึงสนุกมากมั้ยพี่บั๊ค!!”  เสียงห้าวของมันดังก้องไปทั้งห้อง  หยดน้ำจากดวงตาด้านซ้ายหล่นร่วงลงมาก่อนและอีกไม่นานด้านขวาก็ตามลงมาอาบแก้มใส ๆ ของมัน  “คนอย่างไอ้จ้าวมันโง่มากสินะ  กูมันโง่ในสายตามึงมากสินะ  ที่ผ่านมาก็คงหัวเราะเยาะในความโง่ของกู  ปั่นหัวกู ล้อเล่นกับหัวใจกู  และก็ได้ทุกอย่างจากกูไปทั้งตัวทั้งใจเพราะเรื่องโกหกของมึง  ทำแบบนี้แล้วมึงภูมิใจมั้ย ภูมิใจมั้ย!!”  มันตวาดเสียงดังจนผมสะดุ้ง  ถึงจ้าวจะไม่ใช่คนนิ่งเงียบเรียบร้อยแต่ก็ไม่เคยระเบิดอารมณ์ขนาดนี้มาก่อน  มันเป็นพวกมองโลกทางบวกมาตลอด  แต่ครั้งนี้คงน๊อตหลุดแล้วจริง ๆ

“พี่ขอโทษ”  ผมได้แต่ส่งสายตาเว้าวอน  ยอมรับผิดทุกอย่าง   

“หึ”  จ้าวแค่นหัวเราะอย่างเหยียด ๆ  “ขอโทษเหรอ”  มันยังคงปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบแก้มอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะปาดทิ้งแต่อย่างใด  “กูรับคำขอโทษก็ได้พี่บั๊ค”  ดวงตาผมเบิกขึ้นด้วยความยินดีแต่ก็ต้องเบิกโพลงขึ้นมากกว่าเดิมเพราะประโยคถัดไปของมัน  “จ้าวยกโทษให้แล้ว  เราก็ไม่ติดค้างกันนะ  เพราะฉะนั้น จากนี้ไปก็ไม่ต้องเจอกันอีก  อย่ามาให้เห็นอีก  อย่าตามกวนใจ  กูไม่พร้อมจะคบหากับคนตอแหล“  หน้าตามันจริงจังมากจนหัวใจผมปวดตุบ ๆ  มันบีบรัดอัดแน่นขึ้นทุกครั้งที่แต่ละคำของจ้าวหลุดออกจากปาก  และตอนนี้หัวใจผมก็เหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เพราะประโยคสุดท้ายของมัน  “เราเลิกกันเถอะ!”

พูดจบก็หันหลังออกจากห้องทันที  ผมรีบก้าวตามแล้วรั้งข้อมือมันไว้ มันหยุดเดินโดยไม่หันกลับมามอง  “เลือกเอาพี่บั๊ค  จะให้ยกโทษให้  หรือจะให้เกลียดไปจนวันตาย”   สิ้นคำพูดของมัน  มือผมค่อย ๆ คลายออกด้วยจำนนต่อเหตุผล

มันให้ผมเลือกระหว่างการยกโทษในสิ่งที่ผมหลอกมันมาตลอด กับการยังเป็นเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกกันต่อไปของเรา  ซึ่งผลก็คือเหมือนกัน ถ้าหากผมเลือกจะคบมันต่อแต่มันไม่ยกโทษให้และเกลียดผมแล้วจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อมันไม่ยอมอภัย  แต่ถ้าผมปล่อยมันไป อย่างน้อยผมก็อาจมีสิทธิ์กลับไปคืนดีได้อีกครั้ง

“พี่รักจ้าว”  ผมพูดกับแผ่นหลังคุ้นตาที่กำลังเดินอาด ๆ ไกลออกไปทุกที  อยากวิ่งไปกอดไว้แต่ทำไม่ได้  ผมกลัวจ้าวจะเกลียดผมไปมากกว่านี้  กลัวว่ามันจะหนีผมไปไกลแสนไกล

...หวังว่าเวลาจะทำให้จ้าวยอมใจอ่อน หวังว่าเราะจะกลับมารักกันได้อีกครั้ง







ผมฝืนตัวเองจัดการขายคอนโดจนจบกระบวนการ  จากนั้นก็ขับรถไปเรื่อยเปื่อยอย่างไร้จิตวิญญาณ  เรื่องกำลังจะดีอยู่แล้วแต่ทำไมจ้าวถึงโผล่มาเห็นซะก่อน  หลักฐานพวกนั้นผมน่าจะทิ้งไปตั้งแต่จ้าวมันไปทำบัตรใหม่และได้โทรศัพท์เครื่องเก่าของผมไปแล้ว 

แต่จะว่าไปมันคงเป็นคราวซวย ทุกอย่างประจวบเหมาะอย่างกับละครน้ำเน่า  แล้วตอนนี้ผมก็เหนื่อยมาก เหนื่อยกับความซวยที่เกิดขึ้นจนไม่อยากทำอะไรเลย

แม่โทรมาบอกเมื่อตอนสายๆ ว่าถึงบ้านแล้วและกำลังจะขึ้นเหนือไปกับพ่อแม่และพี่สาวของจ้าวต่อ  รู้แบบนี้คัดค้านไม่ยอมให้ไปก็คงดีหรอก  ผมอยากโทรเรียกให้พวกเขากลับมาช่วยแก้ปัญหาหรือช่วยกล่อมจ้าวให้มันใจอ่อนแต่พอนึกถึงคำพูดสุดท้ายของมันก็ต้องหยุดตัวเองไว้



“คุณหนูกลับมาแล้วเหรอครับ”  ลุงแมวเดินเข้ามาหาเมื่อผมจอดรถ  “แล้วคุณหนูจ้าวไปไหนล่ะ ทำไมไม่กลับมาด้วยกัน หรือยังไม่เลิกเรียน”  ปกติผมไม่เคยห่างจ้าว  มีจ้าวที่ไหนต้องมีผมที่นั่นเสมอ  ลุงแมวเองก็รักเอ็นดูเหมือนเป็นลูกเป็นหลานและชอบไปคุยเล่นด้วยกันที่บ้านเล็กบ่อยๆ

“น้องไม่กลับมาแล้วครับลุงแมว  คงไม่อยากกลับมาแล้วล่ะ”  น้ำตาผมซึมออกมา ลุงแมวทำหน้าตกใจแล้วลูบหลังเพื่อปลอบใจ

“คุณหนูจ้าวไม่ไปไหนหรอกครับ  เดี๋ยวแกก็กลับมา  แกมองโลกในแง่ดี ไม่มีอะไรทำให้คนแบบนั้นโกรธนานหรอกเชื่อลุงสิ”

“ผมก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นครับลุง”  ตอนนี้ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากคุยกับใคร  แม่ไม่อยู่ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้ไม่ต้องตอบคำถามอีก

ผมเดินเข้าบ้านแล้วเปิดเหล้ากิน  ปกติไม่ค่อยกินเหล้าที่บ้านแต่วันนี้ไม่อยากออกไปไหน บอกตามตรงว่าผมรู้สึกระอายใจกับจ้าวมากจริงๆ  ทำให้คนอารมณ์ดีอย่างมันโกรธได้ขนาดนั้น  มันคงเสียใจมากแน่ๆ  ผมไม่น่าทำตามแผนไอ้ดินเลย  แต่ผมไม่ได้โทษไอ้ดินมันหรอกนะเพราะมันก็เตือนแล้วว่าห้ามทำเสียเรื่อง ก็คงต้องโทษตัวเองที่ไร้น้ำยา  จัดการอะไรก็ไม่สำเร็จสักอย่าง

“คิดถึงมึงนะจ้าว  อยากขอโทษจนกว่ามึงจะหายโกรธ  ถึงจะไม่หายโกรธไปตลอดชีวิต ก็ยังอยากพูดขอโทษต่อหน้ามึงทุกวัน อย่างน้อยแค่ได้เห็นหน้าก็คงดี” 

เมา เพ้อ หลับ  ตื่นมาก็เมาต่อแล้วก็เพ้อจนหลับไปอีกจนถึงตีห้าของอีกวัน

ผมรู้สึกตัวเมื่อไอ้ดินโทรเข้า “.........”  มีแรงรับสายแต่พูดอะไรไม่ออก ทั้งง่วงทั้งเมา 

“เงียบหาพ่อมึงดิ” พอไม่ได้ยินเสียงพูดไอ้ดินก็ด่าก่อนเลย  “ทำอิท่าไหนมันถึงรู้วะ” ตั้งแต่ประโยคนี้ ผมก็ตาลุกวาวและซักไซ้ว่ามันรู้ได้ยังไงแต่มันไม่เฉลยให้ตรงประเด็นแต่กลับถามผมว่าทำไมไม่ไปตามจ้าว

ผมไม่รู้จะตอบยังไงนะ  มันอัดอั้นจนอึดอัดไปหมด  แค่ไปตามหาก็ไม่ยากหรอก แต่ถ้าเจอแล้วจะพูดว่าอะไร จ้าวก็พูดปาวๆ ว่าให้เลือกระหว่างยกโทษหรือจะให้เกลียดจนวันตายแล้วผมจะด้านหน้าไปให้จ้าวเกลียดมากกว่าเดิมอีกทำไม 

ผมวางสายจากไอ้ดินแล้วนอนก่ายหน้าผาก  มันถามว่าจะให้ช่วยไหมแต่ผมคิดว่ายังไม่อยากได้ความช่วยเหลืออะไรตอนนี้หรอก  อยากให้เวลาช่วยให้อะไรๆ มันดีขึ้นกว่านี้อีกหน่อยเพราะยังไงผมก็จะไม่ตัดใจจากจ้าวอยู่แล้ว ไม่มีวัน



“พี่บั๊คคะ พี่บั๊ค  ตื่น ตื่นเถอะค่ะ”  ตัวผมถูกเขย่าหลายทีจนต้องตื่น ตอนนี้น่าจะพึ่งเจ็ดโมงเช้า 

“อ้าวน้องตาล มาได้ไงครับ” น้องน้ำตาลทำหน้าเป็นกังวล

“ก็ลุงแมวโทรบอกคุณป้าว่าพี่บั๊คไม่ยอมกินข้าวตังแต่เมื่อวานเย็น  เช้านี้ก็นอนกอดขวดเหล้าอยู่ที่ห้องรับแขก ไม่ยอมอาบน้ำ ไม่ยอมเปลี่ยนเสื้อผ้า คุณป้าก็เลยวานให้น้ำตาลมาดูน่ะค่ะ เห็นบอกว่าโทรหาน้องจ้าวไม่ติด”

“พี่ไม่เป็นไรแล้วล่ะ น้ำตาลไม่ต้องห่วง”     

“ไม่ห่วงไม่ได้หรอกค่ะ คุณป้าสั่งไว้ว่าให้พี่บั๊คอาบน้ำอาบท่าแล้วกินอาหารก่อน น้ำตาลถึงจะกลับได้”  น้องน้ำตาลดูดีขึ้นเยอะ  ไม่มีทีท่าว่าจะอ่อยผมเหมือนที่ผ่านมา  แววตาก็ดูห่วงใยมาจากใจจริง 

แม่เหงี่ยมของไอ้จ้าวนี่เจ๋งสุดๆ เลยนะ

เจ๋งเหมือนลูกเลย..

คิดถึงจัง

คิดถึงจ้าวจัง  รู้สึกเหมือนฝันร้ายมากกว่า ยังไม่อยากเชื่อว่าเสียจ้าวไปแล้วจริงๆ

“มีปัญหากับน้องจ้าวใช่มั้ยคะเนี่ย”  เธอนั่งลงข้างๆ

ผมถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อวาน “จ้าวขอเลิกกับพี่แล้วล่ะ แถมยังบอกว่าไม่ให้ง้อด้วย ไม่งั้นจะหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว”  พูดแล้วจุกขึ้นมาอีกระรอก  ได้แต่มองหาแก้วเหล้าเพื่อดื่มต่อ

“พอแล้วค่ะพอ”  น้ำตาลดึงแก้วออกไปจากมือ  “อย่าทำตัวแบบนี้สิคะ เป็นผู้ใหญ่แล้วก็ต้องมีสติให้มากกว่าเด็ก  ไปค่ะไปอาบน้ำแล้วกินข้าวต้ม เดี๋ยวน้ำตาลจัดการให้  พออิ่มแล้วก็ค่อยไปตามง้อน้อง  ต้องง้อเท่านั้นค่ะ ผู้หญิง..เอิ่ม..ฝ่าย..เอ่อ ..ฝ่ายรับน่ะ เวลาโกรธถึงขีดสุดแล้วชอบท้าให้เลิกทุกรายนั่นแหละ แต่ใจจริงยังไม่อยากเลิกหรอกแค่อยากรู้เท่านั้นเองว่าตัวเองมีค่าพอให้ง้อได้นานแค่ไหน  อีกอย่างฝ่ายรับน่ะ โกรธง่าย หายเร็วเพราะเราเป็นฝ่ายถูกกระทำ เราก็ต้องอ้อนเป็นธรรมดา  พี่บั๊คสู้เข้าไว้ ห้ามถอยเด็ดขาด ไม่ว่าจะไล่อย่างหมูอย่างหมาหรือลองใจมากแค่ไหนก็ต้องลุยให้ถึงที่สุด เชื่อน้ำตาลค่ะ เดี๋ยวดีเอง”  น้องน้ำตาลนี่พอไม่คิดร้ายแล้วก็น่ารักดีนะ  ดูเป็นคนมีเหตุมีผลดี

“พี่ยังมีหวังใช่มั้ย” ผมกุมมือเธอแน่น

น้ำตาลยิ้มให้แล้วกระชับมือเป็นการตอบรับ  “มีหวังแน่นอนค่ะ ตราบใดที่ไม่หมดหวังก็ต้องสมหวังแน่ๆ”  เรายิ้มให้กันสักพัก ผมก็โดนดันขึ้นไปอาบน้ำ



ผมนอนแช่ในอ่างอาบน้ำและหลับไป  ได้ยินเสียงเคาะประตูรัวๆ จึงสะดุ้งตื่นรีบไปเปิด  “โทษที พี่เผลอหลับ” 

“น้ำตาลนึกว่าพี่บั๊คเป็นอะไรไปแล้วซะอีก เมื่อกี้เคาะเรียกให้รับโทรศัพท์แต่ก็ไม่ออกมาก็เลยรับแทนให้แล้วค่ะแต่เขาไม่พูดอะไรเลย สงสัยจะโทรผิด”  หัวคิ้วผมกระตุกยิก

“จ้าวรึเปล่า!?” รีบถามอย่างลนลาน

“ไม่ใช่ค่ะ  ชื่อขึ้นว่าดิน  ดี ไอ เอ็น ค่ะ”  เอ่อ งั้นก็แล้วไป

“มันคงนั่งทับแล้วโทรมาเบอร์ล่าสุดละมั้งเพราะเมื่อเช้ามืดก็โทรมาทีนึงละ”  ผมไม่ได้เอะใจและกินข้าวต้มที่น้ำตาลอุ่นมาให้จนหมด  จากนั้นก็แยกย้ายกันไป



ก่อนออกจากบ้าน ผมโทรหาจ้าวแต่มันไม่รับสาย  นี่คงยังงอนอยู่สินะ  แต่ไม่เป็นไร  ตอนนี้พี่พร้อมง้อเต็มที่  จะโกรธจะเกลียดจะยังไงก็แล้วแต่ พี่จะกอดไว้ให้แน่นที่สุด ไม่ให้หลุดมือไปได้อีกแล้ว

ผมตามไปที่บ้านจ้าวแต่ก็ไม่เจอใครเลย  ตามไปที่หอพักเก่าก็ไร้วี่แวว  ไปที่มหาวิทยาลัยก็ไม่เจอใครเพราะเป็นวันหยุด 

“จะไปไหนได้บ้างนะ เฮ้อ เป็นห่วงจัง”  ผมกดโทรหาไอ้ดินแต่แม่งก็ไม่รับสาย  กดโทรหาแม่ก็ไม่มีสัญญาณ 

รู้สึกร้อนใจขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จึงลองโทรหาจ้าวอีกรอบตอนช่วงบ่าย

“.......” 

!!!!!!!

จ้าวรับสายแล้ว!!

“จ้าว จ้าวอยู่ไหน!?” ผมรีบถามอย่างลนลาน

“.......”  จ้าวไม่ตอบแต่ได้ยินเสียงแปลกๆ คล้ายๆ จะสูดน้ำมูกแต่ก็เบามาก  เบามากจริงๆ

“จ้าวพูดกับพี่ซักคำสิ  พูดอะไรก็ได้ จะด่าจะว่าอะไรก็ได้แต่อย่าเงียบแบบนี้ได้มั้ย  พี่เป็นห่วง”  ผมอ้อนวอน

“ไม่ต้องห่วง  ผมแค่กำลังจะหลุดพ้น”  เสียงมันบู้บี้เหมือนกำลังร้องไห้อย่างหนัก

“อย่าพูดแบบนั้นสิ  พี่ไม่ปล่อยให้จ้าวหลุดไปไหนหรอก  พี่จะสู้ให้ถึงที่สุด”  ผมเน้นน้ำเสียงหนักแน่น

“หึ สู้เหรอ แค่คืนเดียวยังทนอยู่คนเดียวไม่ได้ แล้วพี่จะมาบอกว่าจะสู้อะไรอีก  จ้าวไม่ใช่ควายนะ”  ผมรู้สึกงงมาก  นี่จ้าวพูดเรื่องอะไร  ทนอยู่คนเดียวไม่ได้คืออะไร

“จ้าวพูดอะไร พี่ไม่เข้าใจเลยครับ  ให้พี่ไปหานะ แล้วเราค่อยคุยกันดีดี  พี่จะยอมจ้าวทุกอย่างเลย จะเอาดาวเอาเดือนจะให้เห่าให้คลาน ให้ทำอะไรพี่ทำให้หมดเลยครับ” 

“มีแค่สองสามเรื่องที่จะขอ”  ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ต้องเจ็บแทบจะดิ้นตาย  “เลิกโทรมา เลิกติดต่อ เลิกมาสร้างความรำคาญให้ผมได้แล้ว ผมรำคาญ!!”  แล้วจ้าวก็วางสายไปเลย



อึ้ง

เจ็บ

จุก

มวลสีดำก่อตัวอัดแน่นในอกจนต้องบีบโทรศัพท์จนเจ็บไปทั้งมือแต่นั่นก็ยังไม่เจ็บถึงครึ่งในอกซ้าย

ไม่ให้อภัยพี่จริงๆ เหรอจ้าว ทำไมใจแข็งขนาดนี้ล่ะ

แล้วพี่ต้องทำยังไงอีก

พี่ต้องทำยังไง..



น้ำตาไหลอีกแล้ว  กับเรื่องของจ้าวอีกแล้ว  ผมจะทำยังไงกับความอ่อนแอของตัวเอง  จะสู้ต่อ หรือหยุด หรือแค่พัก

ผมขับรถกลับบ้านด้วยความรู้สึกหดหู่กว่าเมื่อวานอีกร้อยเท่า  คำว่า ‘รำคาญ’ ก้องอยู่ในหูสะท้อนไปมาจนแทบจะอ้วก

เวลาแบบนี้ก็มีแต่เหล้านั่นแหละที่ช่วยได้  ผมขนมันขึ้นไปกินในห้องนอนเพราะไม่อยากให้แม่บ้านกับลุงแมวมาเจอแล้วต้องเป็นห่วงอีกและคราวนี้ก็กินมันยันรุ่งไม่หลับไม่นอน

“ขอคืนนี้อีกวันที่จะเมาเละ  ตั้งแต่พรุ่งนี้พี่จะลองใหม่  พี่จะลองใหม่ทุกวัน  จะบอกรักจ้าวจนกว่าจ้าวจะยอมให้อภัย  จะทุ่มสุดตัวสุดใจ มันต้องมีวันที่จ้าวจะใจอ่อน  มันต้องมีแน่ๆ” 



แล้วผมก็หลับคาขวดเหล้าที่ล้มกลิ้งระเนระนาด  เป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่เมาเละเทะแบบนี้  นับตั้งแต่อกหักจากพี่เกด 

น่าขำนะ ตอนนั้นพี่เกดเรียกผมว่าพี่เพราะผมชอบทำหน้าเครียด  ไม่ให้เครียดได้ยังไงก็ไอ้ดินแม่งทำเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน  แล้วอีกอย่างเวลาเจอพี่เกดแล้วชอบประหม่า ทำตัวไม่ถูกทุกทีไป

พี่เกดเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆ แต่จะทำตัวแก่นๆ ไม่ยอมคน  ด่าไฟแลบแถมยังปกป้องไอ้ดินมาตั้งแต่เล็กๆ  ผมชอบที่พี่มันจัดการกับไอ้ดินได้ ไอ้ดินที่ว่าเกรียนพอเจอพี่เกดก็หงอเป็นหมาหงอย แต่นั่นคงเป็นความรู้สึกทึ่งมากกว่า  คล้ายกับเป็นไอดอลเพราะผมอยากจัดการไอ้ดินได้แบบพี่เกดบ้าง

พอวันนึง ผมมารู้ว่าพี่เกดมีแฟนเป็นไอ้หน้าจืด แว่นหนาเตอะ แถมยังสิวเขรอะเต็มหน้า ผมงี้อยากกระโดดถีบหน้ามันแต่พอรู้ว่ามันเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กของพี่เกดและยอมทนให้พี่แกกดขี่สารพัดจึงคิดว่าผมอาจยอมได้ไม่เท่ามัน

จำได้เลยว่าวันนั้นผมเมาได้เละมากแค่ไหน ทำอะไรแปลกๆ แบบที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าเคยเป็นจนไอ้ดินถ่ายคลิปแบล็คเมล์ให้ผมต้องเลี้ยงข้าวมันอยู่เป็นเดือน



แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมเมา  เวลเมาหนักๆ แล้ว...  อย่าเพิ่งรู้เลยครับ  เอาไว้ถ้ามีโอกาสแล้วค่อยเล่าให้ฟัง 



ผมตื่นขึ้นมาด้วยความง่วงงุนเหมือนโดนค้อนทุบสิบทีซ้อน  กำลังจะหาแบรด์กินสักขวดแต่โทรศัพท์ก็ดังขึ้นก่อน

“มึงมีผู้หญิงใหม่เหรอไอ้สัดบั๊ค”  ไอ้ดิน

“ผู้หญิงใหม่อะไรของมึง”  ผมถามเสียงแหบแห้ง

“อย่าบอกว่าพึ่งตื่น  นี่มึงมีสาวจริงๆ เหรอวะ ไอ้บั๊คไอ้เหี้ยแม่ง!!”  เฮ้ย กูพึ่งตื่นนี่แปลว่ามีสาวเหรอวะ  อะไรของแม่งเนี่ย

“กูไม่มี เมื่อคืนกูเมาหนัก..หนักเหมือนตอนอกหักครั้งแรกอะ ก็เลยพึ่งฟื้น”

“ห้ะ!! เหมือนตอนนั้นอะเหรอ!!?” มันถามย้ำ 

“เออ” 

“แล้วมึงเป็นเหมือนคราวก่อนมั้ย” 

“เออ”

“ไอ้เหี้ยยย แล้วมึงทำไง”

“ช่างกูเหอะ แต่กูอยู่คนเดียวละกัน ไม่มีสาวไม่มีแก่ที่ไหนซักตัว คนเดียวล้วนๆ”

“ไม่น่าเชื่อว่าจะผ่านคืนอันแสนสยิวมาได้ด้วยตัวคนเดียว  ฮ่าๆๆๆๆ”  หัวเราะปานพ่อตาย ไอ้สัด

“เลิกดีใจที่พ่อตายแล้วมาว่าเรื่องนี้ก่อน อยู่ดีดีมาคาดคั้นว่ากูมีสาว คืออะไรวะ”  ผมถามพลางยกแบรนด์ขึ้นดื่ม

อันนี้ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใด  ถ้าคุณแฮงค์หนักๆ ให้ลองแบรนด์หนึ่งขวดและตามด้วยน้ำอุ่นจัดแก้วใหญ่ๆ  รับรองตาสว่างโร่เลยละ

“ก็เมื่อกี้กูโทรหาไอ้จ้าว แม่งพูดจาไม่รู้เรื่อง พูดอยู่แต่ว่ามึงไม่รักมัน ที่ผ่านมาคืออะไร มีคนใหม่เร็วอย่างกับเคยมีไว้ก่อนอยู่แล้ว อะไรประมาณนี้แหละ”

“คนใหม่??  คนใหม่ไหนวะ กูงงนะเนี่ย”  ผมเกาหัวแกรกด้วยความงงสุดชีวิต  ก็เมื่อวานด่าผม ไล่ผมอย่างกับตัวเงินตัวทอง แล้วจะมาหาว่าผมมีคนใหม่ได้ไงวะ

“กูก็ไม่รู้กับแม่งว่ะ  แต่มึงไม่มีใครแน่นะ”

“ไม่มีเลย สาบาน”  ผมกรอกน้ำเสียงจริงจังผ่านสายโทรศัพท์  “เออ เดี๋ยวนะ  มึงจำได้ปะว่าเมื่อวานที่มึงโทรหากูอะ”

“เออจำได้ๆ”

“แล้วอีกสองสามชั่วโมงมึงก็โทรมาอีก แต่ไม่มีใครพูด  มึงโทรมาหรือแค่กดโดนปุ่มโทรออกวะ” 

“หืมม ไม่ใช่ละมึง”  ไอ้ดินทำเสียงเหมือนกำลังระลึกความหลัง

“ไม่ใช่ยังไง”

“ขอถามก่อนว่าวันนั้นมึงรับสายเองหรือใครรับ”  ไอ้ดินไม่ตอบแต่ถามย้อน

“แม่โทรสั่งน้องน้ำตาลให้มาปลุกกูกินข้าว แต่กูเผลอหลับในห้องน้ำก็เลยไม่ได้ยินตอนน้องเขาเรียกรับโทรศัพท์”

“ฉิบหาย มิน่าล่ะ” ไอ้ดินสบถ 

“อะไรวะ”

“ก็คืนนั้นไอ้จ้าวมันอยู่กับกู  แม่งไม่มีที่ไปก็เลยไปอาศัยนอนปั้ม กูก็เลยไปรับมันกะให้มาพักที่คอนโดกูคืนนึงแล้วค่อยโทรบอกให้มึงมารับมัน แต่พอตอนเช้าแม่งก็ไปแล้ว กูก็เลยลืมไปเลย  กูว่าสายที่น้ำตาลรับน่ะ ต้องเป็นไอ้จ้าวเอาโทรศัพท์กูโทรหามึงแน่ๆ  แล้วแม่งก็เข้าใจผิดคิดว่ามึงนอนกับหญิงเพราะเช้าขนาดนั้นใครก็ต้องคิดว่าพวกมึงพึ่งตื่นนอนพร้อมกัน”

“ไอ้เหี้ยยย” ผมสบถบ้าง  “อะไรมันจะซวยขนาดนี้วะเนี่ย!!!!”

“เอาน่า ใจเย็นๆ  ระหว่างนี้มึงลองโทรง้อมันดูอีกที  ถ้าไม่ได้ความเดี๋ยวกูถ่ายงานเสร็จจะจัดการให้”

“เออๆ  ถ้าไงโทรบอกกูด้วย ช่วงนี้มึงลืมกูบ่อยไปนะไอ้สัดดิน  มีสาวใหม่หรือไงวะ” 

“สาวน่ะไม่มีแน่นอน อย่างน้อยก็ในช่วงนี้ คึคึ แค่นี้นะ ไปทำงานละ”  หัวเราะแปลกๆ อะไรของมันวะ

“เออๆ อย่าลืมจัดการเรื่องไอ้จ้าวด้วย” 

จากนั้นผมก็กดโทรศัพท์หาข้าวจ้าวอีกเป็นสิบๆ รอบ  ซึ่งมันไม่รับแม้แต่สายเดียว  ผมจึงไลน์ไปบอกความจริงทั้งหมด คนไม่ค่อยได้ใช้ไลน์แต่ต้องมาพิมพ์ยาวๆ มันก็โง่ๆ งมๆ อุตส่าห์งมพิมพ์อยู่นานสองนาน  ข้อความยาวเหยียดแต่แม่งก็ไม่เปิดอ่าน 

ทำไมมึงถึงดื้อด้านดักดานขนาดนี้นะ  คิดเองเออเองคนเดียว ไม่ถามไม่ไถ่อะไรเลย 

โอ้ยยย กูรักมึงนี่เฮงหรือซวยวะไอ้หมาจ้าว!!


****************


 :pig4:

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 889
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

ออฟไลน์ มาโซซายตี้

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 776
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +100/-2
ยาวมาก อ่านจุใจ เต็มๆ
คุณแม่พี่บั๊คนี่ จะเรียกว่าโง่รึว่าง่าว ดีนะ
ส่งผู้หญิงไปดูแลลูกชายที่กำลังทะเลาะกับแฟนนี่นะ ไม่รู้จะพูดยังไง เฮ้อ ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก

แต่ชอบหมอเกด เถื่อนได้คงที่ จริงๆ น่ารัก555 (อยากเห็นแฟนเก่าหมอเกดจริงๆ หมอแว่นสิวเขรอะ)


ออฟไลน์ กฤษณ์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ช็อคมาก นึกว่าดูผิด ปักก่อนค่อยอ่าน ต้องย้อนอ่านใหม่ ลืม....  :ling2:

ออฟไลน์ มายาป่าฝน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เฮงค่ะและจะเฮงมากกว่านี้ถ้ามาอัพบ่อยๆ...อิอิ o18

ออฟไลน์ wann

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ห้าๆๆๆๆๆๆ 

พี่บั๊คง้อไปง้อมา ชักมีน้ำโหห  :hao7:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
ยาวได้ใจจริงๆ

สู้ๆๆนะพี่บั๊ค

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด