Best Couple : คู่จิ้นของผมเป็นผู้ชาย by นิยายหมายเลข9 [ตอนพิเศษ p.70 16/5/58]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Best Couple : คู่จิ้นของผมเป็นผู้ชาย by นิยายหมายเลข9 [ตอนพิเศษ p.70 16/5/58]  (อ่าน 698982 ครั้ง)

ออฟไลน์ sapphire winnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
โอ้ยยยยย อิจ้าวววววววววว
โดนไปหกนะโว้ยยยย หก! คือก็ไม่ได้ช่วยให้จำอะไรได้เลยสินะ
พี่บั๊ค งานหนักงานเหนื่อยมาตลอดดดดด 5555
ถามชอบใครสุดในเรื่อง นี่จะบอกเลยว่าชอบพี่เกด 555555  ไอดอลสุดๆ
คุณแม่น่ารักใส่กันแล้วดี๊ดี เหลือแต่อิจ้าวเนี่ยแหละ ตัวไม่สติ 55555
รออ่านตอนต่อไปนะคะะะะะ ตามทันแล้วๆ ><

ป.ล   สะกดต้อง "โบราณ" กับ "สึกหรอ" นะ  มีสะกดผิดสองคำนะที่เห็น ^^

ออฟไลน์ kakax

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อิจ้าวเอ้ย..... เพลียกับเอ็งจริงๆ
พี่บั๊ครีบเฉลยเหอะค่า

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
Chapter 25  Fuck Off!!

ผมหลับไปอีกยาวนาน นานจนอยากตื่นแต่ร่างกายก็ยังไม่ยอม รู้สึกว่ามีคนมาเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า ป้อนข้าว ป้อนยา ซึ่งสำลักออกทุกครั้งเพราะผมงอแง ก็อยากนอนไง แล้วใครมากวนก็รำคาญอะ แกล้งทำเลอะเทอะจะได้เลิกมายุ่งซะที

Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrr Rrrrrrrrr

ไอ้เหี้ยเอ้ย จะโทรหาพ่อมึงเหรอ กูไม่ใช่พ่อมึงนะ ไม่ต้องโทร!

ก็ไม่รับซะอย่าง แล้วสักพักเสียงก็เงียบไป

เอ่อ ค่อยสบายหูหน่อย



Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrr Rrrrrrrrr

เอ้า โทรอีกแล้ว! กูบอกว่าไม่ใช่พ่อมึงไง! ไม่ต้องโทร!

กูไม่รับอะ เอาสิ ดังต่อไปสิ มาดูกันว่ามึงกับกูใครจะมึนกว่ากัน

แล้วก็เงียบไปอีก



เป็นอย่างนี้อยู่ห้าครั้ง จนครั้งที่หก ผมก็หมดความอดทน

“โทรมาหาพ่อมึงเหรอไอ้เหี้ย! หยุดโทรแล้วไปตายซะ!!”  ด่าแล้วกดวางเลยครับ แต่ไม่ปิดมือถือนะเพราะแม่จ๋าบอกว่าห้ามปิด



แล้วผมก็ได้นอนไปอีกพักใหญ่โดยไม่มีเสียงโทรศัพท์กวนใจ

“จ้าว..ข้าวจ้าว”  ตัวผมถูกเขย่าเบาๆ “ข้าวจ้าวตื่นลูก”  ผมค่อยๆ ปรือตาขึ้นก็เห็นเสงี่ยมศรีนั่งอยู่ข้างเตียง

“ง่วงอะแม่ ขอนอนอีกหน่อยไม่ได้เหรอ”  ผมอ้อนวอน

“ตื่นมาพักผ่อนก่อนลูกเดี๋ยวค่อยนอนใหม่”  อะไรคือตื่นมาพักผ่อน ผมนี่งงจนหายง่วงเลยครับ

“นอนนี่เค้าก็เรียกพักผ่อนไม่ใช่เหรอแม่”  ค่อยๆ ยันตัวลุกนั่งพิงหัวเตียง

“ก็แกนอนซะหักโหมทั้งวันทั้งคืนจนวันนี้ก็เลยเที่ยงแล้วจะไม่ให้ปลุกขึ้นมาพักผ่อนได้ไงหา”  แม่บ่นแล้วอังหน้าผากผมอย่างอารมณ์ดี “ไข้ก็ไม่มีแล้วเนี่ย ตื่นมาเดินเหินมั่งลูก เดี๋ยวจะเป็นแผลกดทับ” 

“โห แม่ ไม่ได้เป็นอัมพฤกอัมพาตซะหน่อย นอนแค่วันสองวันมันไม่เป็นหรอกน่า”  ผมทำหน้ามุ่ยใส่

แม่หัวเราะคิก “ไม่เป็นแผลกดทับก็จะเป็นขี้กลากขี้เกลื้อนย่ะ ข้าวสวยมันบ่นตลอดว่าแกไม่ให้ความร่วมมือ ป้อนข้าวก็พ่นออก ป้อนยาก็บ้วนทิ้ง เช็ดตัวให้ก็ปัดมือปัดไม้พี่ทิ้ง ถีบบ้างก็มี แม่เห็นว่าไม่มีไข้หรอกนะ ถึงบอกให้ยัยสวยมันปล่อยๆ ไม่งั้นจะจับไปฉีดยาอีกรอบ” แม่บ่นยาว

“ก็จ้าวเพลีย อยากนอนอย่างเดียวเลยอะ” ผมอ้อน 

เหงี่ยมเบ้ปาก “เสียน้ำเยอะก็เงี้ยแหละ”  โห้!! สาบานได้ว่านี่แม่พูดกับลูก!!

“แก่นเซี้ยวไปละเหงี่ยม”  ผมแซว  “นี่แม่..”  ส่งสายตาหมองๆ ไปให้แม่เพราะความรู้สึกผิดแต่ยังไม่ทันจะได้พูดความในใจออกมา แม่ก็พูดขัดขึ้นซะก่อน

“ไม่มีแม่คนไหนเห็นลูกเจ็บแล้วจะยินดีหรอกข้าวจ้าว แต่เบื้องหลังของความเจ็บปวด ไม่ว่าจะร่างกายหรือจิตใจของลูกมันเกิดมาจากความรัก เพราะฉะนั้นก็ต้องให้คนรักกันจัดการด้วยตัวเอง”  แม่รู้อะไรมาผมก็ไม่รู้ แต่ฟังแล้วเหมือนโดนกระทุ้งด้วยนุ่นก้อนใหญ่ คือโดนเต็มๆ แต่ไม่ได้ทำให้เจ็บแค่เข้ามาห่อหุ้มโอบล้อมอย่างนุ่มนวล  “จะตัดสินใจยังไงก็ขอให้เอาความรักเป็นที่ตั้งแล้วจะบวกลบคูณหารยังไงก็ขอให้ผลลัพท์ออกมาไม่ติดลบก็พอ ถ้าไม่ได้ก็อย่าให้เสีย อย่างน้อยที่สุด ต้องไม่เสียใจภายหลัง”  มือเล็กเรียวของแม่ลูบหัวผมแล้วรั้งเข้าไปกอด ผมโอบกอดกลับไปด้วยความรู้สึกตื้นตัน จะว่าเข้าใจสิ่งที่แม่พูดก็ไม่ใช่หรอก แต่ผมรู้ด้วยสันชาตญาณความเป็นลูกว่าแม่เป็นห่วงแต่จะให้สิทธิ์ผมในการตัดสินใจ แต่ขอแค่ให้ผมตัดสินใจให้ดีเพื่อจะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง

ไม่มีใครต้องเสียใจทั้งนั้นแหละแม่เพราะมันไม่ใช่ความรักอย่างที่แม่คิด มันก็แค่ความผิดพลาดเท่านั้นเอง

“ขอโทษนะแม่ จ้าวขอโทษ” น้ำตาผมไหลออกมาเปียกไหล่บาง 

แม่ลูบหลังให้แผ่วเบา “ขอโทษตัวเองดีกว่าที่ทำให้ตัวเองเจ็บ ขอโทษแล้วแก้ไขจากตัวเอง” 

“แก้ไขเหรอ” ผมถาม

“อืม ปัญหาเกิดจากตรงไหนก็ไปดูตรงนั้น เอาใจไปใส่ตรงนั้น ใส่ใจจนรู้ให้ได้ว่ามันเกิดเป็นปัญหาได้ยังไงแล้วแก้ไขซะ”

นั่นสินะ ผมพอจะคิดอะไรออกแล้วล่ะ เดี๋ยวจะจัดการกับตัวปัญหาให้รู้เรื่องกันไปเลย



แม่กอดผมอีกครู่ก็ปล่อยแล้วบอกให้ไปอาบน้ำเพื่อกินข้าวกินยา  ตอนแรกก็จะให้พี่สวยเอาขึ้นมาให้บนห้องแต่ผมบอกว่าจะลงไปกินข้างล่าง แม่ก็เลยตามใจ

“อ้าวพ่อ ทำไมหน้าตาเป็นแบบนั้นล่ะ”  เดินเข้าไปใกล้พ่อที่นั่งกินข้าวอยู่ก็ตกใจ  ที่แก้มมีรอยข่วน รอบคอมีรอยเหมือนถูกคิสมาร์ก

“ไปถามพี่แกนู่น”  พ่อทำหน้าบูดบึ้งแล้วบุ้ยปากไปทางพี่สวยที่นั่งดูทีวีอยู่อยู่ตรงโซนรับแขก

“พ่องอนอะไรอะพี่สวย”  ปกติพ่อจะอารมณ์ดี แจ่มใสเบิกบาน รับแขกตลอด แต่ถ้างอนก็จะทำหน้าเหมือนเป็ดแบบนี้จนกว่าจะหาย

“งอนแม่”  พี่สวยตอบโดยไม่หันมามอง  “แล้วแกดีขึ้นแล้วเหรอ ไม่เจ็บแผลแล้วไง้”  ถามอะไรไม่ถาม มาถามถึงแผล 

“อืม” ผมตอบไปแกนๆ ไม่อยากนึกถึงมันหรอกไอ้แผลบ้านั่นน่ะ ตะกี้นั่งขี้ยังไม่กล้าเบ่งเลย กลัวไส้ไหล แม่งตะบี้ตะบันฟันกูซะะขนาดนี้ได้ไง ไอ้สลัดบ้า

“อุ๊ยตาย ข้าวจ้าวก็งอนเป็นด้วย” พี่สวยหันมาแล้วทำท่าสะบิดสะบิ้ง  “ผู้ชายบ้านนี้นี่ยังไง  งอนเป็นตุ๊ดกันหมดบ้านเลย คิๆๆ”   

“ทำเป็นพูดดีไปยัยสวย ไม่โดนแม่แกใช้เป็นเครื่องมือบ้างก็ให้มันรู้ไป”  พ่อหันไปแว้ด

“หนูก็โดนเหอะพ่อ แต่พ่อโดนหนักหน่อยแค่นั้นเอง”  ผมหันมองพ่อกับพี่สวยสลับไปมาแต่มือก็คว้าทัพพีตักข้าวต้มหมูใส่ถ้วยไปด้วย

“โดนอะไรกันตอนไหนเหรอพ่อ เล่าให้จ้าวฟังมั่งดิ”  ถามพลางตักข้าวต้มใส่ปากด้วยความหิวโซ 

“ก็เรื่องคืนก่อนที่ไปกินข้าวบ้านลูกเขยไง”  พ่อจำใจเล่า  “แม่แกให้ยัยสวยลากยายหนูน้ำตาลกลับบ้านด้วย  พอมาถึงก็ให้ยัยสวยจัดการกับน้ำตาล แล้วแม่แกก็จัดการพ่อ”  หืมมม จัดการคืออะไร  “เนี่ยๆๆๆ”  พ่อชี้ไปบนคอและแหวกเสื้อตัวเองให้ดู 

โอ้ววว ทั้งรอยข่วน รอยดูดเป็นจ้ำๆ แดงๆ ม่วงๆ ไปทั่วเลย  “อย่าบอกนะพ่อ ว่าแม่..”  ผมอ้าปากค้าง

“ก็เออสิ แม่แกจัดหนักพ่อทั้งคืนเลย”  นี่มันอะไรกันเนี่ย แทนที่พ่อจะเป็นฝ่ายจัด ดันฟ้องว่าโดนแม่จัด บ้านผมนี่มันไม่ใช่คนธรรมดาแล้วนะเนี่ย!

“เอางี้ๆ”  ผมสรุป  “พี่สวยเล่าเลย  เอาแบบยาวๆ ต่อเนื่องเป็นเรื่องเป็นราวแบบเข้าใจง่ายๆ” 

พี่สวยถอนหายใจแล้วมานั่งข้างพ่อ  “คืองี้..”  แล้วพี่สวยก็เล่าวีรกรรมของเหงี่ยมให้ฟังจนถึงตอนสำคัญ  “พอมาถึงบ้านช้ะ  ฉันก็ลากยัยนมโตนั่นมาขังที่ห้อง จับห่อไว้ในผ้าห่มเพราะเจ้แกดิ้นเหลือเกิน เมาด้วยโวยวายด้วย ไม่รู้จะทำไงก็เลยห่อเอาไว้ในผ้าแล้วเอาเชือกมัดจนในที่สุดนางก็หลับไปเพราะความเมา  ฉันก็เลยงีบหลับบ้าง  ประมาณตีห้าเว้ย แม่มาเคาะประตูแล้วบอกให้ฉันถอดเสื้อผ้ายัยนมโตออกใส่แค่ชั้นในแล้วห่อผ้าเช็ดตัวไว้ บอกให้พาไปนอนที่ห้องพ่อกับแม่  ตอนเช้าพออิพี่นมโตรู้สึกตัว พ่อก็แกล้งลุกมานั่งร้องไห้กระซิกๆ อยู่ข้างๆ  พอนางตื่นมาเจอพ่อในสภาพยับเยินก็ถามใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น  พ่อก็บอกไปตามบทที่แม่สั่งไว้ว่าโดนนางปล้ำ  นางตกใจจนหน้าเสีย แต่ยังไม่ทันไร แม่ที่รออยู่แล้วก็พรวดเข้าห้องไปแล้วอาละวาด หาว่าพี่นมโตมาแอบตีท้ายครัวแย่งผัวคนอื่น  แม่ถลาเข้าไปตะกุยพ่อหลายที คงเผลอข่วนหน้าด้วยเพราะตอนนั้นแม่ก็ยังไม่สร่างเมาเท่าไหร่  พี่นมโตเห็นก็กลัวใหญ่และกำลังจะหนี  แต่แม่ก็หันมาเจอแล้วเหวี่ยงนางไปที่เตียงจากนั้นก็ทำท่าจะเข้าไปตบ  นางยกมือไหว้อ้อนวอนใหญ่ บอกว่าอย่าทำอะไรเพราะนางเมา ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรบ้าง นางขอโทษและบอกว่าจะให้ไถ่โทษยังไงก็ได้ทุกอย่างขอแค่อย่าทำร้ายนางเลย”  ผมนี่ถึงกับกระเดือกข้าวต้มไม่ลง  นี่หรือคือครอบครัวผม  นี่มันรังโจรชัดๆ  “พอได้ยินแบบนั้นแม่ก็ทำเป็นด่าต่อ ว่านางจะสำนึกจริงเหรอ ที่เห็นไล่จับแฟนของลูกชายก็คนนึงแล้ว นี่ยังมาเป็นชู้กับพ่ออีก  นางบอกจะไม่ทำอีกแล้วขอให้ยกโทษและอย่าทำร้ายนางก็พอ  แม่ก็เลยบอกว่าแน่ใจนะว่าจะทำทุกอย่าง”  พี่สวยเล่าถึงตรงนี้แล้วลุกไปหยิบน้ำในตู้เย็นมารินแล้วดื่ม

“เล่าต่อดิพี่ กำลังมันเลย”  ผมเร่ง

“เดี๋ยวดิ มีอีกเยอะ คอมันแห้งเว้ย” พอกินน้ำหมดแก้ว พี่สวยก็เล่าต่อ  “พอนางรับปากว่าจะทำทุกอย่างที่แม่สั่ง  แม่ก็ได้ที บอกให้อัดคลิปสารภาพว่าทำอะไรลงไปและขอขมาแม่กับแกด้วย แต่แม่สัญญากับนางว่าจะไม่เอาไปเผยแพร่ที่ไหนถ้านางไม่ผิดคำพูด  พออัดคลิปเสร็จแม่ก็ใช้งานนางเยี่ยงทาส ให้ทำงานในบ้านตั้งแต่ปัดกวาดเช็ดถู ล้างจน รดน้ำต้นไม้ แล้วปิดท้ายด้วยการกราบขอขมาแม่ผัวแก” 

ผมเบิกตาโพลงเมื่อได้ยิน  “แม่จ๋าน่ะเหรอ” 

พี่สวยพยักหน้า  “แม่ให้ขอขมาที่นางไปล่วงเกินไว้ตอนที่เมา  พอพี่นมโตรู้ว่าตัวเองทำแบบนั้นก็ร้องไห้และขอโทษขอโพยแม่ผัวแกยกใหญ่ บอกว่าต่อไปนี้จะไม่กินเหล้าและไม่คิดแย่แฟนใครอีกแล้ว แม่ผัวแกก็ให้อภัยและพาพี่นมโตไปส่งบ้านด้วยความปลอดภัย แฮปปี้เอ็นดิ้ง”

“แฮปปี้บ้าไรล่ะ ดูหน้าพ่อนี่ เจ็บยันวันนี้ก็ยังต้องซดข้าวต้มเนี่ย”  พ่อบ่น  พี่สวยหลุดขำเล็กน้อยแต่ก็นวดเอาใจพ่อ

“โธ่พ่อ ก็คิดซะว่าทำเพื่ออิจ้าวและดัดนิสัยพี่น้ำตาลนั่นก็แล้วกันนะพ่อนะ”  พ่อก็ยังทำหน้างอน

“อันนี้คุ้นๆ ว่ามันแผนของนางร้ายในละครไม่ใช่เหรอวะพี่สวย”  ผมยังอดฉงนไม่ได้กับแผนการของเสงี่ยมศรี

“เค้าเรียกว่าตาต่อตาฟันต่อฟันต่างหากล่ะยะ”  เสียงแม่ดังมาก่อนตัว  “จะจัดการนางร้ายก็ต้องร้ายกว่า แต่ถามว่านางเสียหายอะไรหรือไม่ ก็ไม่มีนะ แค่ทำงานนิดๆ หน่อยๆ แค่นั้น”  แม่ยักไหล่

“แม่โคตรร้ายเลยอะ” ผมทำหน้าขยาด

“อาวุธร้ายถ้าอยู่ในมือคนดี มันก็จะถูกใช้เพื่อทำดี  แต่ถ้ามันอยู่ในมือมาร มันก็จะเกิดแต่เรื่องชั่วร้าย”  เหงี่ยมทำหน้าเชิด  “นางดีอย่างฉันก็แค่ยืมแผนของนางร้ายมาใช้อย่างแสนดี แค่นั้น”  นางยักไหล่อีกรอบ  นี่ถ้าไม่ใช่แม่ ผมคงหมั่นไส้นางจนต้องโหวตออกแน่ๆ

“อะไรไม่ว่า แต่พ่อซวย”  ยังมีคนที่ไม่ยอมอยู่อีกหนึ่ง

“ก็แลกกับที่แม่ไม่ช้อปปิ้งตั้งสองอาทิตย์นะพ่อ  แล้วยังนวดให้ก่อนนอนทุกคื้นทุกคืน”  เหงี่ยมทำตาปิ้งๆ

“นวดสองนาทีแล้วก็อ้างว่าปวดฉี่ ปวดท้อง ตะคริวกินเนี่ยนะ” พ่อบ่น  “แต่ถ้าให้พ่อไปตีกอล์ฟ..”

“หยุดเลย!!!”  แม่พูดเสียงดัง  “ง้ออยู่ดีดีจะให้กลายเป็นแง่งให้ได้ใช่มั้ย อยากไปตีก็ไปเลยไป กอล์ฟมันน่าสนใจกว่าลูกกว่าเมีย กอล์ฟมันดี มันสนุกกว่าอยู่กับเมียก็ไป แค่ทำงานก็ต้องห่างกันกี่ชั่วโมงแล้ว เวลาว่างก็จะเอาไปให้คนอื่น สนใจอย่างอื่นก็เอาสิ อยากออกกำลังกาย แม่ก็ขี่จักรยานเป็นเพื่อนทุกวัน มันไม่พอใช่ไหม งั้นได้สิ ไปสิ ไปเลย”  เอาแล้วไง  เรื่องอะไรเหงี่ยมก็ใจเย็นได้ ยกเว้นเรื่องไปตีกอล์ฟเนี่ยแหละ

แต่จะพูดก็พูดนะ พ่อก็ยังไม่เคยไปสักครั้งหรอก พอขอก็โดนชุดใหญ่ตลอดและอดไปตลอดเลยด้วย “พ่อก็ไม่ได้บอกว่าจะไปคนเดียวนี่แม่ พ่อจะให้แม่ไปด้วย”  พ่อเริ่มทำหน้าแหยๆ

“คราวแรกๆ ก็ไปคนเดียว พอสักพักก็จะเริ่มฉายเดี่ยวแล้วก็จะถึงขั้นแอบไป พ่ออยากให้ครอบครัวแตกสลายก็เอาสิ ข้าวจ้าวก็ออกไปมีผัวแล้วคนนึง ข้าสวยมันก็ยุ่งอยู่กับโปรเจคจบของมัน จะให้แม่อยู่บ้านคนเดียวเพื่อ?? งั้นก็ควรออกหางาน เดี๋ยวเจอคนดีดีที่ไม่ตีกอล์ฟ แม่ก็คงปันใจให้เขาเพราะแม่เหงาแล้วทีนี้..”

“โอเคๆๆๆๆๆ” พ่อเห็นท่าไม่ดีก็ยอมแพ้  “ไม่ตีกอล์ฟ ไม่ริเริ่มไม่พูดอีกตลอดไปแต่แม่อย่าไปทำงานเลยนะ พ่อไม่ไปไหนแล้วจ้า”  ในที่สุดก็กลายเป็นฝ่ายง้อตามเคย

“ไม่รู้ไม่ชี้”  แม่ปัดมือพ่อที่มาจับแขนออกแล้ววิ่งขึ้นบ้าน พ่อก็วิ่งตามไปง้อ

“อ้าวแม่ ไหนเมื่อกี้ก่อนไปปลุกอิจ้าวบอกว่าหิว”  พี่สวยท้วง

“ก็นี่ไง แม่ก็จะกินข้าวต้มกลางวันกับพ่อแกไง”  ว่าแล้วก็วิ่งเข้าห้องหายต๋อมไปทั้งสองคน ทิ้งให้พี่ข้าวสวยยืนงงอยู่นานสองนาน

“ข้าวต้มก็อยู่ในหม้อนี่ แล้วแม่กับพ่อจะกินข้าวต้มที่ไหนวะจ้าว เอ๊ะ หรือแม่แอบตักขึ้นไปตอนไปปลุกแก”  ไอ้สวยเอ้ยยย ฉลาดทุกเรื่อง เว้นเรื่องเนี้ยแหละที่ตามใครไม่เคยทัน

“เออน่า ไม่รู้ก็ดีแล้ว รู้เยอะไปจะกลายเป็นผู้หญิงน่ากลัว”  ในหัวผมมีภาพหมอเกดแว้บเข้ามาจนต้องทิ้งช้อนในมือทั้งๆ ที่ข้าวต้มยังเหลืออีกตั้งสองสามคำ  “โอยย ปวดหัวอีกแล้วพี่สวย”  ผมเปลี่ยนเรื่อง

“อ้าว ยังไม่ดีขึ้นเหรอ งั้นไปๆ ขึ้นไปกินยานอนเลย เดี๋ยวฉันจะล้างจานให้เอง”  คึคึ สำเร็จ

อิพี่สวยมันน่ารักก็ตรงนี้ เวลาผมป่วยมันจะดูแลเหมือนพี่สาวที่ดี มีเวลาเดียวนั่นแหละที่เราสองคนพอจะเหมือนพี่น้องกันจริงๆ

“แค่ก แค่ก ขอบใจนะพี่สาว”  ผมแบ็กฮักพี่สวยแล้วจุ๊บแก้มมันสองที  “ขอบคุณที่ดูแลตอนจ้าวป่วยด้วยนะ จุ๊บๆ” 

“เออๆ ไม่ต้องมาอ้อน”  พี่สวยแกะมือผมออกแล้วเสไปหยิบจานของผมกับพ่อไปล้าง “หายเร็วๆ ฉันขี้เกียจดูแลแล้ว”  หันหลังล้างจานเหมือนไม่สนใจแต่ที่จริงนางเขิน พี่สวยมันไม่ค่อยชอบโหมดหวานเท่าไหร่ ไม่รู้ว่ามีแฟนแล้วจะได้กันยังไง พูดเรื่องทะลึ่งมันก็คงงงจนนั่งถามจะเอาคำตอบเป็นวรรคเป็นเวร พอจะหวานใส่มันก็อาย หนีไปทำอย่างอื่นซะอย่างนั้น

“เดี๋ยวมีแฟนแล้วจะสอนวิชาทะลึ่งศึกษาให้ละกัน จะได้ทันโลกกับเขาซะที”  ผมว่าแล้วก็ขึ้นบ้าน หันไปมองเห็นพี่สวยหันมาทำหน้างง

“อย่ามาหลอกฉัน  วิชานี้มันไม่มีสอนหรอก”  เด็กอนุบาลยังรู้เลยพี่ ทำไมทำเหมือนกับว่าตัวเองรู้อยู่คนเดียวแบบนั้นเล่า มันตลก



ผมเข้าห้องกินยาแล้วเอนหลังพิงหัวเตียง ตอนนี้ไม่ค่อยเจ็บก้นแล้ว รอยต่างๆ ก็เลือนไปเกือบหมด  “เอ้อ ใครลาเรียนให้รึเปล่าวะเนี่ย” พอนึกได้ก็หยิบโทรศัพท์มาจะกดดูแต่ดันเห็นมิสคอลห้าสาย

“ไอ้พี่ดิน มันโทรมาไมวะ  อ้าว แล้วเบอร์ที่รับล่าสุดของพี่บั๊คนี่หว่า คุยไรไปมั่งก็ไม่รู้แต่ช่างเหอะ เดี๋ยวมันคงโทรมาอีกล่ะมั้ง เรื่องอะไรจะโทรไปก่อน เชอะ”

ผมกดโทรศัพท์หาไอ้ไนท์เพื่อถามเรื่องเรียน  “ดีขึ้นรึยังวะจ้าว”  ไอ้ไนท์ถามทันที

“ก็โอเคขึ้นแล้วว่ะ ว่าแต่มึงรู้ได้ไงว่ากูป่วย”  ผมถาม

“ก็ผัวมึงโทรมาบอกให้ลาอาจารย์ให้สามสี่วันแล้วจะเอาใบรับรองแพทย์มาใหตอนหลัง”  โอ้ย ลาอะไรตั้งสามสี่วัน กูยิ่งโง่ๆ อยู่  ถ้าลาขนาดนั้นก็ลาออกเลยเหอะ

“พรุ่งนี้ก็ไปได้แล้ว”  ผมบอกแบบเนือยๆ ได้ยินคำว่า ‘ผัวมึง’ แล้วใจแป้ว ผัวคืนเดียวมันไม่เรียกว่าผัวหรอกไอ้ไนท์ “แล้วไอ้เดย์ไอ้กายเป็นไงมั่ง”  คิดถึงพวกมันเหมือนกันนะ ยิ่งไอ้กายยิ่งรู้สึกว่าห่างกันนานเป็นปี ปกติผมกับมันไม่เคยที่จะไม่เจอหน้า อย่างน้อยมันต้องแว้บมาให้ผมเห็นก่อนไปไหนไกลๆ หรือผมเองที่เป็นคนไปหา ไปนอนด้วยเวลามันไม่ค่อยมีเวลา

“ไอ้กายมันก็ถามหามึงเหมือนกัน ดูเป็นห่วงแต่มันบอกไม่กล้าโทรไป กลัวผัวมึงเฝ้าอยู่” 

“เฝ้าแล้วไงวะ”  หงุดหงิดทันทีที่ได้ยิน  “กูเป็นเพื่อนมันนะ เป็นห่วงมันก็ต้องโทรมาเยี่ยมมั่งสิ”  รู้สึกเคืองและน้อยใจไปพร้อมกัน

“บอกตามตรงนะไอ้จ้าว”  ไอ้ไนท์ทำเสียงเครียด  “ถึงกูจะโง่ๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องห่าอะไรมากแต่กูค่อนข้างมั่นใจว่าไอ้กายมันหึงมึงอยู่” 

“อะไรซิ!!??”  ผมสวนคำถามไปทันที “มึงพูดเชี่ยไรนะ!?” 

“กูบอกว่าที่ไอ้กายมันเปลี่ยนไปก็เพราะมึงมีผัวแบบสายฟ้าแลบ มันยังไม่ทันได้เตรียมใจเพราะมันแอบรักมึง”

!!!!!!!!

“มึงจะไม่เชื่อก็ได้นะ แต่กูอยากให้มึงพิสูจน์หรือถามมันไปตรงๆ พอรู้แล้วมึงก็ง้อมันซะแล้วปรับความเข้าใจกัน กลับมาเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิมทีเถอะ กูโคตรจะอึดอัดเวลาพวกมึงมาถามหากันแล้วไม่รู้จะตอบว่าอะไรว่ะ” 

“เออๆ เดี๋ยวกูจัดการเอง แล้วตอนนี้มึงอยู่ไหน ไอ้กายล่ะอยู่ไหน”

“เรียนคาบสุดท้ายแล้วแต่กูออกมาขี้  วิชาที่เหลืออาจารย์ของดเพราะเมียแกคลอด”  ไอ้ไนท์สาธยาย “เออ แล้วเรื่องกีฬาคณะกูยัดมึงเข้าเหมือนเดิมนะ ตอนแรกว่าจะรอให้มึงมาประชุมก่อนแต่ไม่มีตัวว่ะ เซ็นเตอร์มีแค่มึงกับไอ้คิมปีหนึ่ง กูไม่มั่นใจมัน แม่งใจร้อนเกิน” มันบ่น 

“เออๆ เดี๋ยวกูดีขึ้นแล้วจะไปซ้อม ขอบใจมากเว้ย”  พูดจบก็ล่ำลากันเล็กน้อยก่อนวางสาย



“มึงรักกูจริงๆ เหรอไอ้กาย”  ผมนอนนึกย้อนไปในช่วงเวลาเก่าๆ ของผมกับสกาย  จะเป็นเพราะผมโง่ หรือเพราะไอ้กายมันไม่รุ่มร่าม ถึงทำให้ผมดูไม่ออกว่ามันชอบ  “ถึงไอ้ไนท์มันจะซื่อบื้อแต่ก็เซ้นต์ดีอยู่ แม่งเคยเดาว่าอีนิ่มปากหมากับโมเมขาใหญ่เบี้ยนกัน ทุกคนเถียงขาดใจเพราะมันทะเลาะกันทุกวัน ที่ไหนได้วันนึงเถียงกันจนสติแตกอีนิ่มจับโมเมจูบกลางห้องเลยจ้า  ทุกคนช็อค มีแต่ไอ้ไนท์ที่มันบอกว่า ‘เห็นมั้ย กูบอกแล้ว’  แล้วอีสองคนนั้นก็คบกันเฉย สวีตโชว์อีกต่างหาก วุ้ยย เสียดายทรัพยากรหญิงของโลกชะมัด



ผมนอนกลิ้งไปมาทบทวนแล้วทบทวนอีกเรื่องสกายแต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้คำตอบ  ในที่สุดก็ทนไม่ไหว  “บุกไปถามแม่งเลยดีกว่า”  ว่าแล้วก็จัดการแต่งหล่อออกไปหาสกายที่คอนโดทันที  กว่าจะถึงก็เกือบบ่ายสาม คิดว่าสกายคงถึงคอนโดแล้วเพราะมหาลัยใกล้แค่นิดเดียว ไม่เหมือนบ้านผมที่ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมง



“ขอยืมกุญแจสำรองห้องสกายหน่อยครับพี่แนน”  ผมไปติดต่อฟร้อนเหมือนที่เคยทำ  ไอ้กายเคยจะเอากุญแจสำรองมาให้แต่ผมบอกว่ากลัวทำหายก็เลยบอกมันให้มาบอกที่ฟร้อนว่าผมจะมาขอยืมเวลามาหามัน

“เอ่อ..คือๆ น้องกายมาขอไปยังไม่ได้เอามาคืนเลยค่ะ”  หืมม มาขอกุญแจฟร้อนไปทำไมวะ หรือมันทำกุญแจหาย  “คีย์การ์ดก็เอาไปค่ะ”  ผมตั้งท่าจะถามแต่เหมือนพี่แนนจะรู้ก็เลยตอบให้ซะก่อน

“งั้นไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมขึ้นไปเคาะห้อง มันคงกลับมาแล้วละมั้ง”  ขี้เกียจลงไปดูรถที่ลานจอด

“ค่ะๆ”  พี่แนนทำหน้าแหยๆ ผมก็สงสัยแต่ขี้เกียจจะถามเพราะสาวๆ ที่คอนโดจะชอบซุบซิบนั่นนี่ตลอด ยิ่งพี่แนนด้วยแล้ว รู้ไปหมดทุกเรื่องในคอนโด เมื่อก่อนผมมาหม้อพี่แกอยู่ช่วงนึงแต่ดันเป็นเบี้ยนก็เลยอด ‘นึกว่าเลิกกันไปแล้วซะอีกว่ะแก เห็นหน้านิ่งๆ เจ้าชู้ไม่เบาเลยนะเนี่ย’  ได้ยินเสียงซุบซิบเบาๆ  ใครเลิกอะไรกับใครแล้วใครเจ้าชู้วะ แต่ช่างเหอะ ไม่น่าเกี่ยวกับผมหรอก



ก้อกก้อก 

ผมขึ้นลิฟท์มาแล้วเคาะประตูห้องเบาๆ  สักพักประตูก็เปิดออก “เฮ้ย!!”  ปั้ง!!!!!!

เอ๊า!!?? อะไรของแม่งวะ พอเปิดมาเจอหน้าผมก็ปิดประตูใส่ทันที  “มึงยังไม่หายโกรธกูเหรอไอ้กาย!” ผมตะโกน  “เปิดประตูมาเคลียร์กันเดี๋ยวนี้เลยนะมึง!!”  น่าโมโหนักไอ้ห่านี่ โกรธอะไรนักหนาก็ไม่รู้ เรื่องไม่เป็นเรื่อง

“ระ รอ รอเดี๋ยว”  เสียงมันลนลานแล้วหายไปพักหนึ่ง  “ไอ้กาย มึงทำเหี้ยไรอยู่เนี่ย เปิดๆๆๆๆๆ”  เคาะประตูรัวๆ เพราะรอนานแล้ว “เปิดๆๆๆๆๆๆ”

“หยุดได้แล้วไอ้จ้าว!”  มันเปิดประตูออกมาทำหน้าโหดใส่  “เกรงใจข้างห้องเขา” 

“ก็มึงช้า”  ทำหน้ากวนตีนใส่แม่งเลย  “ทำไร ทำไมเปิดช้า มึงแอบซ่อนกิ๊กไว้เหรอ”  แทรกตัวเข้าไปแล้วสอดส่ายสายตาหาสาวที่มันซ่อนไว้

“กิ๊กเชี่ยไร ไม่มีเว้ย”  มันเถียงแต่หน้าไม่ได้นะมึง  คนหน้านิ่งมันมีจุดอ่อน ถ้าหน้าไม่นิ่งปุ๊บก็จะรู้ทันที

“บอกมา เอาใครมากก ถ้ามีกูก็จะได้ไปไง มึงจะได้กินกันต่อ กิ้วๆ”  ทำหน้าล้อเลียนมันแล้วกระโดดใส่โซฟาตัวยาว ส่วนไอ้กายยืนอยู่หลังโซฟาห่างไปเล็กน้อย

“ไม่เคยหวงกูเลยสินะ” อยู่ๆ ก็ทำหน้าเครียดแล้วพูดจาแปลกๆ

ผมถอนหายใจเมื่อเห็นมันเป็นแบบนี้  “มึงเป็นไรกาย มึงมีอะไรในใจก็บอกกูสิ คราวนี้มึงโกรธกูนานเกินไปแล้วนะ ไม่คิดถึงกูเหรอ กูเป็นเมียหลวงมึงนะเว้ย”  ผมยืดตัวขึ้นแล้วโน้มตัวข้ามพนักพิงไปคว้ามือมันแล้วดึงเข้ามาชิดหลังโซฟา บีบมือมันแล้วมองช้อนขึ้นไปอ้อนขอความเห็นใจ  ผมคิดถึงมัน อยากสนิทกับมันเหมือนเดิม “กูคิดถึงมึงนะกาย”  สกายมองจ้องผมแล้วค่อยๆ คลายความตึงเครียดลงก่อนจะแกะมือผมออกแล้วโอบร่างผมไว้ 

“กูก็คิดถึงมึงจ้าว”  มันจ้องผมด้วยแววตาที่ไม่เหมือนเคย  ไม่รู้ทำไมผมถึงหยุดนิ่งจังงัง จะเป็นเพราะผมงง หรือแปลกใจ หรืออะไรก็ช่าง แต่ในช่วงเวลาที่กำลังสับสน ใบหน้าหล่อของมันก็เคลื่อนเข้ามาและ..

จูบ!!

จูบแบบปากแนบปาก ไม่ได้ใช้ลิ้นอะไร แค่มันขยับปากเม้มริมฝีปากผมเบาๆ

“....”  ผมตัวแข็งทื่อ อึ้งแล้วอึ้งอีก งงซ้ำซ้อน  กะว่าจะมาถามให้รู้เรื่องว่ามันรักผมจริงรึเปล่า แต่ตอนนี้คงไม่ต้องถามแล้ว ชัดเจนเปลี่ยน 

Rrrrrrrrrrr

ผมกับสกายผละออกจากกันทันทีที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  รีบลนควานหาต้นเสียงในกระเป๋ากางเกงอย่างเลิ่กลั่ก  “ฮ..ฮัลโหลๆ”  รับสายโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใคร 

“ออกมาหากูหน่อย”  เสียงกดต่ำเหมือนกำลังข่มอารมณ์  ผมเหลือบมองสกายอย่างไม่เต็มตานักแล้วค่อยๆ เดินไปที่ประตู “เดี๋ยวกูมานะ โทสับก่อน”  บอกสกายด้วยสีหน้าแหยๆ ทำตัวไม่ถูก ขอออกไปตั้งหลักหน่อยละกัน

สกายไม่ได้ว่าอะไร มันพยักหน้าแล้วหันหลังให้  ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าแผ่นหลังของมันดูทะมึนและน่ากลัว ผมค่อยๆ ปิดประตูแล้วดูหน้าจอว่าใครโทรมา

“มีไรพี่ดิน” ผมถามเมื่อรู้ว่าปลายสายเป็นใคร

“ไปรอกูหน้ามหาลัย เดี๋ยวกูไปหา มีเรื่องสำคัญ”  พูดแค่นั้นแม่งก็วางไปเลย  ผมได้แต่จ้องโทรศัพท์แบบงงๆ  นี่กูเคยไปโกงแชร์มึงเมื่อชาติปางก่อนเหรอพี่ดิน ชาตินี้มึงถึงทำตัวเป็นเจ้าหนี้กู จะสั่งให้ไปนั่นไปนี่ได้ตลอดเวลาเนี่ย!

ผมเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงยีนส์ตัวเก่งแล้วโผล่หน้าเข้าไปในห้องสกายอีกครั้ง  “กูมีธุระด่วน เอาไว้ค่อยคุยกันวันหลังนะ มึงอย่าคิดมากนะกาย กูเคยรักมึงยังไง กูก็จะรักอย่างนั้นไม่เปลี่ยน ระหว่างเราไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กูจะเหมือนเดิม”  พูดจบก็รอฟังคำตอบ  ไม่รู้หรอกว่ามันเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดหรือเปล่าแต่ผมเข้าใจตัวเองว่าไม่ได้คิดกับสกายแบบคนรักเลย ถึงแม้จะผ่านการจูบกันแล้วแต่ใจผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

ไม่ใช่สิ ผมรู้สึกมากๆ ต่างหาก แต่รู้สึกผิดกับภาพหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในหัว.. พี่บั๊ค

“กูจะรอ”  มันพูดแค่นั้นก็เดินไปนอกระเบียง ปิดม่านปิดประตูเหมือนไม่ต้องการให้ใครกวนใจ

“เฮ้อ..”  ผมถอนหายใจแล้วปิดประตูก่อนจะออกจากคอนโดมุ่งไปมหาวิทยาลัยด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง

ชีวิตกู บทจะดราม่าก็มาแบบกะส่งให้กูรับออสการ์กันเลยทีเดียว ทั้งเป็นชู้ เพื่อนสนิทจูบ แถมยังคิดถึงผัวคนอื่นซะอีก  ไอ้จ้าวเอ้ยไอ้จ้าว ชีวิตแม่งเกือบครบรสแล้ว เหลือแต่หาคนรักของตัวเองแล้วแฮปปี้เอ็นดิ้งให้ได้ ไฝว้หน่อยเว้ย เพื่อชีวิตที่มีความสุข สู้ๆ



********************

ต่อด้านล่าง






ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาที ผมก็ถึงหน้ามหาวิทยาลัย  แต่ไม่เข้าไปหรอก กลัวเจออาจารย์ที่ปรึกษาแล้วจะยุ่ง เดี๋ยวจะหาว่าป่วยปลอมอีก

ผมนั่งกินอะไรได้สักพัก พี่ดินก็โทรมา  “ผมนั่งอยู่ร้านนมหน้ามอแล้วพี่  ป้ายนมวัวใหญ่ๆ เนี่ยเข้ามาเลย”  ข้อแนะนำสำหรับผู้ชายที่ชอบสาวนมใหญ่ มึงไปเอาแม่วัวเป็นเมียเลยครับ ใหญ่ชัวร์



“ดีพี่”  ผมยกมือไหว้ มันไม่รับไหว้แต่พยักหน้าแล้วนั่งลงตรงข้ามผม “ไปแดกตีนใครมาวะพี่ หน้าแหกเสียหล่อหมดเลยว่ะ”  ดูรอยก็รู้ว่าคงหนักเอาการแต่ก็น่าจะหลายวันแล้ว

“ไม่ต้องเสือกเรื่องกูหรอก มาว่าเรื่องของเราดีกว่า”  หืมมม เรื่องของเราคืออัลลายยย อย่าบอกนะว่า..

“อุ๊บ”  ผมใช้สองมือปิดปากตัวเองอย่างรวดเร็ว

“เป็นเหี้ยไรของมึงเนี่ย”  พี่มันถาม

“ก็พี่จะจูบผม”  ไอ้พี่ดินทำหน้าเงิบแล้วชะโงกข้ามโต๊ะมาตบหัวผมฉาดใหญ่

“อย่ามโน จูบพ่อมึงสิไอ้เชี่ย”  ตบไม่พอด่าด้วย

“อ่าว ก็ไม่รู้ อยู่ดีดีก็มาบอกว่าจะพูดเรื่องของเรา”  ยกมือลูบหัวที่โดนตบ แม่งมือหนักฉิบหายเลยไอ้ห่าพี่ดิน  นี่ขนาดแค่สะบัดปลายมือนิดเดียว หัวผมเกือบจะหลุด ถ้ามันชกเต็มๆ ไม่ฟันหักก็สลบเหมือดแน่

“กูมีอะไรจะถามมึง”  มันทำหน้าจริงจัง

“ว่ามาคร้าบ”  ผมยืดตัวไปใกล้มันอย่างตั้งอกตั้งใจฟัง

พี่มันส่ายหัวนิดหน่อยแล้วร่ายยาว “ตอนที่มึงรู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง ต้องคอยหาเหตุผลว่าที่มีอาการแปลกๆ เพราะอะไร  มึงเป็นตอนไหนมั่งวะ”  คำถามแม่งล่องลอยมาก เหมือนพยายามปกปิดประเด็นบางอย่าง

“งงว่ะ แต่ก็จะตอบ..”  ผมหยุดคิดนิดหน่อย “เป็นตอนป่วย  ตอนเมา   ตอนตื่นมาแล้วจำอะไรไม่ได้  แล้วก็..”

เมื่อผมหยุดไปนิดหน่อยจนพี่มันเร่ง “อะไรวะ”

“ตอนอยู่กับสลัดว่ะพี่”  พยายามทบทวนความรู้สึกของตัวเอง มันไม่ชัดเจนเลยสักอย่างว่าคืออะไรกันแน่ รู้แต่ว่ากับพี่บั๊ค มันอยู่เหนือการควบคุมสภาพจิตใจที่เคยมั่นคงและแจ่มใสมาตลอดของผม

“แล้วมึงรู้มั้ยว่าที่มึงรู้สึกอยู่คืออะไร”  นี่แหละคือปัญหา ผมไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร และบอกตามตรงว่าผมก็ไม่อยากรู้นักหรอก

“ไม่รู้ดิ  คงเพราะ.. ไม่รู้ว่ะ”  เมื่อรู้สึกว่าสมองเริ่มจะทำงานหนัก ผมก็เลิกคิด

“มึงคิดว่ามึงชอบไอ้บั๊คมั้ยวะ”  คำถามพี่ดินทำให้ผมตื่นตัว

“เฮ้ย ไม่ชอบ!  ไม่ชอบสักนิด ผมจะไปชอบได้ไง ถึงหลายครั้งจะคิดว่ามันหล่อ แถมทำตัวน่ารักกับผมแต่ก็ไม่มีทางชอบมันหรอก โนเวย์เว้ย”  จะชอบได้ไง มันมีเมียแล้ว ถึงแม้จะมีวูบวาบอยู่บ้างก็น่าจะเป็นเพราะผมเคยต้องมือชายมาก่อนต่างหาก แล้วอีกอย่างถ้ามันเป็นคนที่ผมชอบจริงๆ ผมต้องจำได้สิว่ามีอะไรกับมันยังไงแบบไหน ความทรงจำของผมมันไม่น่าจะหายสาบสูญไปแบบนี้

“ถ้างั้นเวลาที่มีคนอื่นมายุ่งกับไอ้บั๊ค มึงหึงมันรึเปล่าวะ”

เจ็บแปลบที่หัวใจเหมือนโดนทิงเจอร์สาดใส่ “ไม่หึง! ผมจะไปหึงมันทำไม มันมีเมียอยู่แล้ว”

พี่ดินขมวดคิ้ว “มึงไม่หึง หรือว่าหึงแต่คิดว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์หึงกันแน่วะไอ้จ้าว” คำถามนี้เหมือนมีเหล็กแหลมอันเขื่องพุ่งเข้าเสียบหัวใจผมดังสวบ!  ก็มันไม่มีสิทธิจริงๆ นี่หว่า แล้วจะไปหึงทำไมล่ะ

“ไม่หึงหรอกพี่ ไม่มีสิทธิ์”  มองเหม่อออกไปนอกร้านแล้วตอบมันไปอีกรอบ

พี่ดินฟังผมแล้วช็อคไปเล็กน้อย  รู้สึกเหมือนมันกำลังทดสอบอะไรบางอย่าง แต่ผมก็ปวดหัวเกินกว่าจะอยากรู้เรื่องของมัน

“พี่ถามทำไมวะ”  เมื่อบรรยากาศมันเงียบไปแปลกๆ ก็เลยต้องทำลายความเงียบลง

พี่ดินถอนหายใจแล้วมองออกไปนอกร้านบ้าง “เรื่องของกูน่ะ ช่างมันเถอะ  ว่าแต่มึง แน่ใจนะว่าจะไม่ตรวจดูหัวใจตัวเองให้ดีดีอีกทีว่ารู้สึกยังไงกันแน่กับไอ้บั๊ค”  คำถามของพี่ดินค่อนข้างสะกิดต่อมฉลาดของผม  คำพูดเหงี่ยมดังก้องขึ้นมาพร้อมกัน  ปัญหามันอยู่ตรงไหนก็ต้องจัดการกับตรงนั้นสินะ

“ผมคิดวิธีทดสอบความรู้สึกตัวเองแล้วล่ะ  มันต้องได้ผลดีเยี่ยมทั้งทางตรงและทางอ้อม” ผมยักคิ้ว

“วิธีอะไรของมึงวะ” พี่ดินถาม

“เป็นแฟนกับผมนะพี่ดิน” 

“ห๊ะ!!!!!!!!!!!”  หน้าพี่มันเหมือนโดนผีกะเทยหลอก ทั้งเหวอทั้งหลอน “พูดเหี้ยไรของมึงเนี่ย!!”

“นะพี่ ช่วยผมหน่อย  ตอนนี้ผมอยากรู้สองเรื่อง”  ผมอ้อนวอน

พี่ดินทำหน้าหวาดระแวงแต่ก็อยากรู้อยู่ในที  “เรื่องอะไรของมึง” 

“เรื่องแรก ผมอยากรู้ว่าตั้งแต่ผมโดนตุ๋ยมา มันทำให้ผมกลายเป็นเกย์ไปโดยปริยายและใกล้ใครก็รู้สึกกับคนนั้นรึเปล่า” พี่ดินเบะปากล้อเลียน  “เรื่องที่สอง ผมอยากรู้ว่าเวลาเมา ผมทำตัวยังไง พี่ช่วยถ่ายคลิปไว้ให้ผมดูหน่อย”  ปากที่เบะอยู่แล้วของไอ้ห่าพี่ดินก็เบะขึ้นและทำตาโตไปพร้อมกัน  ถึงมึงจะหล่อแต่ทำหน้าส้นตีนขนาดนี้มันก็ไม่ได้ดูดีนักหรอกนะ

“ตกลง”

“อะไรซิ!?”  ผมถามกลับทันที ทำไมมันง่ายดายขนาดนั้นวะ

“ก็บอกว่าตกลง กูจะเป็นแฟนมึงไง”  หึยยย ชักเริ่มหลอน ไอ้ห่าพี่ดินแม่งมีแผนแน่ๆ  แต่เอาวะ ถ้าไม่ลุยจะรู้ได้ไง

“งั้นก็เริ่มจาก..”  ผมยิ้มหวาน  “เลี้ยงมื้อนี้เป็นอย่างแรกเลย    พี่ๆ เก็บตังค์ครับ”  ผมเรียกเก็บตังค์ทันที  กินไปไม่กี่อย่างเอง แค่โกโก้ร้อน นมร้อน นมปั่น ขนมปังรวมรสจานใหญ่เบ้ง แล้วก็ไอติมสี่ก้อน

พี่ดินทำหน้าเหม็นเบื่อแล้วส่ายหัว  “แฟนผู้ชายคนแรกของกูนี่ชั่วบรรลัยเลยว่ะ”  บ่นแต่ก็ควักตังค์จ่ายจากนั้นพี่มันก็พาไปที่รถ



“อยากไปไหนครับแฟน เดี๋ยวจะจัดให้ทั้งวันทั้งคืนจนเช้าเลย”  พี่ดินแม่งหล่อลากมากอะ ยิ่งทำหน้าหื่นแบบจงใจแบบนี้ยิ่งน่ามอง แต่ผมว่ายังน้อยกว่าพี่บั๊คนะ เพราะเวลาปกติสลัดมันจะเรียบร้อย พอมันหื่นปุ๊บเลยดูแปลกตากว่า

เอ๊ะ นี่กูจะเปรียบเทียบกันเพื่อ?

“แล้วแต่แฟนเลยครับ ไปไหนก็ไป จ้าวรับได้ทั้งคืนถึงเช้าเลย”  กูนี่มันแฮ่ดจริงๆ

พี่ดินหันมาเลิกคิ้วใส่ “แรดกว่ามึงก็แรดสองนอแล้วว่ะจ้าว”  อะไรคือแรดสองนอ พี่ดินมึงปากร้ายมากกกก

“พี่ก็ไม่น้อยเหอะ ถ้าคืนนี้ผมเสร็จพี่จริงๆ รับผิดชอบเลยนะเว้ย ยิ่งกำลังหาคนรับเป็นพ่อของลูกอยู่”  ถ้าเป็นผู้หญิงผมคงติดลูกไปแล้วอะ ครั้งแรกก็ไม่ได้ใส่ถุง ครั้งที่สองก็หนักขนาดนอนหยอดน้ำข้าวต้ม ถ้าท้องได้นี่คงแฝดสี่

“ก็คงดีมั้ง ใครบางคนจะได้ตัดใจได้”  พูดอะไรของมัน

“ใครวะ” ผมถาม

“ช่างเหอะ”  หน้ามันหมองลงนิดหน่อย “เอ่อ ถามหน่อย” พี่มันหันมามองแว้บนึงแล้วหันไปมองทางเมื่อผมตอบรับ

“ว่า”

“มึงมีเพื่อนชื่อสกายปะ”  ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงแปลกใจ

“รู้ได้ไงวะพี่”  ถามไปแต่ก็นึกขึ้นได้ “เอ่อ จำได้แล้ว พี่ดินกับไอ้กายเคยถ่ายแบบและเป็นข่าวด้วยกันนี่หว่า”

“อืม”  พี่มันพยักหน้า

“แล้วทำไมเหรอ”

พี่ดินเหลือบมองเล็กน้อยแล้วเงียบไป  “กูแค่อยากรู้ว่า ความรู้สึกของมึงที่มีต่อไอ้บั๊ค กับ สกาย มันเหมือนหรือต่างกันยังไง”  อ๋อ พี่มันคงอยากช่วยให้ผมรู้ใจตัวเองล่ะมั้ง

“ก็ต่างนะ อยู่กับสกายแล้วสบายใจ รู้สึกปลอดภัย สงบและสนุกดี”  ผมนึกถึงช่วงเวลาที่อยู่กับสกายแล้วตอบพี่ดินแบบไม่ต้องคิด  แต่พอนึกถึงพี่บั๊ค ผมกลับรู้สึกสับสนกับความคิดของตัวเองจนต้องตอบไปแบบขอไปที “กับพี่บั๊คก็..ไม่รู้ดิ บอกไม่ถูก เหมือนหน้าที่ค้ำคอ อยากจบงานเร็วๆ”  ตอบแล้วมองออกนอกรถ

“เฮ้อ..ไอ้จ้าวเอ้ย”  มือใหญ่ของพี่ดินวางลงบนหัวผมแล้วโคลงไปมา  “ไม่เกินพรุ่งนี้ กูจะปลดปล่อยมึงจากกะลานะครับแฟน”  มึงขัดแย้งอะไรในใจก่อนปฏิบัติตัวกับกูมั้ยไอ้พี่  เหมือนจะปลอบแต่ก็แอบด่า

“เหอะๆ แฟนผู้ชายคนแรกของกูก็ชั่วไม่น้อยเลย”  ยืมคำมันมาใช้บ้าง

พี่ดินหัวเราะขำ  “น่าสนุกดีว่ะ อยากรู้เหมือนกันว่าสปีชีส์เดียวกันอย่างกูกับมึงจะพลิกมาลงล็อคได้มั้ย”  พลิกเหี้ยไร ร่างมึงหนาขนาดนี้กูไม่พลิกมึงหรอก กูยอมแบให้เลย กูเหนื่อย ขี้เกียจไฝว้

แล้วผมก็เอนหลังพักสายตา  “ลักหลับก็ได้นะแฟน จ้าวไม่ถือ”  ไอ้พี่ดินหัวเราะครืดๆ แล้วขับรถของมันต่อไป



งีบใหญ่ทีเดียวที่ผมนอนหลับไป  ตื่นมาอีกทีเพราะเสียงโทรศัพท์  “ครับแม่”  ผมงัวเงียรับสาย

“อยู่ไหนจ้าว เย็นแล้วทำไมไม่กลับบ้าน เดี๋ยวไข้ก็กลับหรอก”  ผมมองไปโดยรอบ เพื่อจะดูว่าตัวเองอยู่ไหนแล้วก็ต้องตกใจเมื่อมองเห็นแต่หาดทรายและท้องทะเลสุดลูกหูลูกตา

“ทะเล” เผลออุทานออกมาเบาๆ

“อะไรนะลูก ไม่ค่อยได้ยิน เสียงอะซ่าๆ” แม่ถามย้ำ

“เอ่อ ไม่ต้องห่วงนะแม่ จ้าวสบายดี ตอนนี้อยู่บ้านเพื่อน พรุ่งนี้กลับ แค่นี้นะ จุ๊บๆ”  ผมกดตัดสายแล้วรีบออกจากรถ  ตอนนี้ใกล้โพล้เพล้เต็มทีแต่ยังทันได้เห็นแสงสุดท้าย

ก้าวเดินไปหาร่างหนึ่งที่นั่งพิงต้นมะพร้าวกระดกเบียร์มองพระอาทิตย์ตก  เสี้ยวหน้าหล่อเหลาของมันช่างดูลุ่มลึกขึ้นเมื่อกระทบกับแสงสีส้มแบบนี้ “คิดว่าหล่อมากงั้นสิ”  ผมยืนค้ำหัวมันแล้วเท้าสะเอวแซวอย่างหมั่นไส้ในความหล่อ 

ไอ้พี่ดินเงยหน้ามองแล้วยกยิ้มข้างเดียว แม่งหล่อกว่าพระเอกหนังอีกว่ะ มันแยกขาออกแล้วตบบนพื้นทรายตรงหว่างขา  “มานั่งนี่”  มันแบมือรอแล้วก็เป็นผมเองที่ยื่นมือไปให้มันจับ

“เล่นตัวมากไม่ได้ ของเคยโดนมาแล้ว”  ไอ้พี่ดินหัวเราะจนไหล่สั่น

“กูจะโรแมนติกซะหน่อยไอ้สัด”  พี่มันด่าแต่ก็ดึงผมให้ลงไปนั่งระหว่างขาของมันแล้วกอดไว้หลวมๆ “แดกมั้ยครับแฟน”  มันยื่นกระป๋องเบียร์มาจ่อปาก และมีหรือที่ผมจะปฏิเสธ

“มีแค่นี้เหรอครับแฟน”  ผมถามแล้วดึงเบียร์มากระดกรวดเดียวครึ่งกระป๋อง  “อย่าลืมถ่ายคลิปนะครับแฟน   ผมไม่อยากเสียตัวฟรี” 

“อยู่หลังรถเยอะแยะ ถ้ามึงแดกหมดคือตายห่าอะ เดินผ่านเปลวไฟไม่ได้เพราะจะติดไฟพรึบเลยครับแฟน”  แสดงว่าเยอะจริง นี่มึงกะมอมกูเอาเป็นเอาตายขนาดนั้นเลยเหรอวะเนี่ย 

“ขนาดนั้น ฮ่าๆๆ”  ขำมุกไอ้พี่ดิน แม่งตลกว่ะ แต่ละมุกนี่เถื่อนถุยมากด้วย  “พี่มีแฟนปะ”  ผมถาม

พี่ดินมองแบบสงสัยเล็กน้อยแล้วไหวไหล่ “แฟนกูยังไม่มีแต่คิดว่าน่ารักแน่ๆ”  คุ้นๆ นะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนแต่ช่างมันเหอะ

“ผมไง น่ารักปะล่ะ”  เอนหลังพิงหน้าอกมันแล้วเอียงหน้าขึ้นมองพร้อมกับยักคิ้ว

พี่ดินมองยิ้มๆ “ก็น่ารักดี”   

“อู่ยย ทำหน้าหล่อละมุนใส่ขนาดนี้กะให้ละลายลงทะเลเลยไง้”  ใช้นิ้วชี้ดันคางมันเล่นแต่มันก็ดึงมือผมไปจับไว้

“อ้อยเก่งนะมึง คืนนี้ถ้าเสร็จกูจริงๆ จะทำไงวะ”  ว่าแล้วก็กระดกเบียร์แล้วมองทะเลที่เริ่มเป็นสีดำ บรรยากาศรอบตัวเริ่มมองไม่เห็นอะไรนอกจากไฟถนนริบหรี่  ตรงนี้ไม่ได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้คนและสิ่งปลูกสร้างอะไร  เหมือนพี่มันแวะจอดพักรถข้างทางมากกว่า

“ไม่มีอะไรจะเสียแล้วพี่ ขออย่างเดียว ใส่ถุงด้วยนะ ขี้เกียจเดาว่าใครเป็นพ่อของลูก”  กระป๋องเบียร์เย็นๆ แนบลงมาบนหน้าผากหนักๆ

“ปากดีไม่เหมือนหน้าตาไอ้สัด”  นี่มึงหาว่าหน้าตากูขี้เหร่เหรอไอ้พี่!! “จนถึงตอนนี้ มึงรู้สึกอะไรมั่งรึยังล่ะ”

ผมนิ่งคิด “ถ้าพี่หมายถึงอาการวูบวาบๆ ของหัวใจ.. ยังไม่ค่อยว่ะ แต่ถามว่ารู้สึกดีมั้ยก็ดีนะ สบายใจ ไม่ได้ฝืน ไม่ได้รู้สึกเหมือนกำลังอ่อยผู้ชาย แต่เหมือนกำลังหม้อหญิงหวังเคลิม ประมาณนี้อะ” 

“ฮ่าๆๆ มึงแม่ง”  พี่มันหัวเราะแล้วยื่นเบียร์ให้อีก  ผมยกจนหมดเพราะเหลือแค่ครึ่งของครึ่งกระป๋อง  “ปะ หาที่นอนกัน”  มือหนาฉุดผมให้ลุกทันทีแต่จังหวะมันเร็วไปหน่อยพอลุกยืนได้ขาผมเกิดพันกันแล้วเสียหลักจะล้ม พี่มันเลยรวบเอวผมไว้  “อ่อยได้ดี”  มันทำหน้าเจ้าเล่ห์

“ฮ่าๆๆ“ ผมหัวเราะดังลั่น  “อันนี้ล้มจริงเหอะ ไอ้พี่บ้า”  เขินเบาๆ ที่มันแกล้งทั้งๆ ที่รู้ว่าผมล้มจริง  ไอ้พี่ดินแม่งเป็นคนฮาได้น่าถีบสุดๆ

พี่มันอ้อมไปเปิดหลังรถหยิบเบียร์มาโยนให้ผมหลายกระป๋องก่อนจะเปิดกระป๋องของตัวเองดื่มแล้วบ่นเบาๆ “มิน่า ถึงได้โดนจ้องจะเล่นทุกรอบ” 

“เล่นไรวะพี่”  ผมถามพลางกระดกเบียร์เข้าปากบ้าง

“เวลามึงเขินแล้วน่ารักดี ยิ่งแดกเบียร์เลือดลมยิ่งแล่นปรู้ดปร้าด หน้าแดงเรื่อๆ สมควรแล้วที่โดนกด”

“ชมว่าน่ารักสองรอบแล้วนะเว้ยย  เผลอชอบแล้วก็บอก” เอียงตัวไปใกล้แล้วใช้ไหล่กระแทกมัน

“ฮ่ะๆๆ ไอ้สัด”  พี่มันหัวเราะ  “ใครก็ชอบมึงได้นะไอ้จ้าว ให้กูตอบจริงๆ ถ้ากูอยู่กับมึงนานๆ เป็นแฟนมึงเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ต้องกลับไปเจอใคร ไม่ต้องรับรู้ว่าใครจะโดนใครเอาเปรียบโดนรังแกยังไง กูก็รักมึงได้แหละ”

“โห่พี่!” ผมกระแทกเสียงใส่ “ ถ้าจะรักผมแล้วต้องมีข้อแม้ขนาดนั้น พี่ก็อย่ารักผมเลยเหอะ แม่งฝ่าฟันเกิ๊น”

“เอ่อว่ะ ฮ่าๆๆๆ”  แล้วเราสองคนหัวเราะกันอยู่นานก่อนพี่มันจะพูดอะไรบางอย่างที่สะกิดใจผม  “ความรู้สึกต่อใครสักคนที่มันจะพิเศษได้ก็เพราะมันไร้เหตุผลนั่นแหละ ยิ่งหาเหตุผลไม่ได้ว่ามันคืออะไร ก็หมายถึงว่าเราได้เข้าใกล้คำว่ารักมากขึ้นเท่านั้น มึงเข้าใจเหมือนที่กูเข้าใจมั้ยวะ” 

ผมมองออกนอกรถ ทอดสายตาไปยังท้องทะเลมืดทะมึน  “ก็เริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ”  บ่นเพ้อออกมาเบาๆ เมื่อภาพใครบางคนไม่เคยเลือนหายไปจากความรู้สึกได้เลย ไม่ว่าจะมีใครอยู่ข้างกายสักกี่คน แต่ก็ยังไม่วายคิดถึง และยิ่งคิดถึงหนักขึ้นเมื่อพยายามค้นหาว่าเพราะอะไรแต่ก็ไม่เคยให้คำตอบตัวเองได้ 

จากนั้นเราก็เงียบกันทั้งคู่ กระดกเบียร์ไปเงียบๆ จนหมดหน้าตัก  สักพักก็มาถึงบ้านพักหลังใหญ่ติดทะเล  มันเป็นเหมือนพื้นที่ส่วนตัวที่แบ่งเป็นโซนใหญ่ๆ  บ้านแต่ละหลังห่างกันเกินร้อยเมตร เหมือนเป็นที่พักตากอากาศของบรรดาคนรวย  ไม่มีร้านขายของ ไม่มีผู้คน มีแต่ชายหาดสะอาดๆ ยาวสุดลูกหูลูกตากับบ้านพักสวยๆ หลากหลายดีไซน์ บางหลังเหมือนมีคนอยู่ บางหลังก็เปิดแต่ไฟหน้าบ้านรวมทั้งหลังนี้ที่เปิดไว้แค่ไฟหน้าบ้านและตรงด้านข้างที่เป็นที่จอดรถและมีชุดโต๊ะสนาม กับเปลใหญ่ผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่สองต้น

“บ้านพี่เหรอ”  ผมอ้าปากหวอมองบ้านสวยริมทะเลที่เคยเห็นแต่ในละคร

“กูไม่ได้รวยขนาดนั้น อันนี้ขอยืมเพื่อนมา”  ยืมใครวะ เพื่อนมึงคนไหนที่มันรวยขนาดนี้ ตอบ!! เดี๋ยวกูจะได้ไปอ่อยมัน คิๆ อยากมีผัวรวยบ้างว่ะ

“โห นี่ลงทุนยืมที่พักหรูไว้ฟันผมเลยเหรอวะ กิ้วๆ”  แล้วผมก็โดนตบหัวฉาด

“ฟันมึงน่ะ ในรถก็หรูแล้วไอ้จ้าว  ได้อารมณ์กว่าบ้านเป็นไหนๆ”  โหย ไอ้หื่น ถามจริงว่ามึงเคยจนแต้มกับความเกรียนของกูบ้างมั้ย คำตอบคือ ไม่เคย

ไอ้พี่ดินแม่งทันมุกผมทุกอย่าง ถึงบางอย่างมันคิดไม่ถึงแต่ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาเหมือนพี่บั๊คสักนิด ไม่มีเขิน ไม่มีเงิบรให้ผมได้ชื่นชมตัวเองว่าเก่งเลย แม่งไม่หนุกเลยว่ะ

ผมเดินตามพี่มันเข้าบ้านอย่างง่ายดาย เหมือนมีคนมาเปิดไว้ให้แล้วเพราะในบ้านสะอาดเรียบร้อย มีอาหารวางบนโต๊ะและตู้เย็นสเบียงเพียบ!

“โห รวยว่ะ บ้านใครวะพี่ เฟี้ยวฟ้าวโคตคๆ  ดูดิๆ ของกินเต็มตู้ โซฟานี่มันเตียงชัดๆ แบบนี้ผมไม่เคยเห็นเลยว่ะ แต่คุ้นๆ อยู่นะ สงสัยเห็นในเน็ต”  ผมวิ่งวุ่นไปทั่ว สำรวจของทุกอย่างด้วยความตื่นตาตื่นใจ แล้วมานั่งขย่มตัวบนโซฟาเบดหน้าโฮมเธียร์เตอร์ชุดใหญ่ มันเหมือนเตียงเราดีดีนี่เอง พื้นผิวบุด้วยหนังอย่างดี ขี้นไปนั่งแล้วนุ่มตูดสุดๆ แถมยังลืมปรื้ดๆ น่านอนโคตรๆ  รอบโซฟาดีไซน์ไว้เหมือนบาร์  มีช่องเก็บไวน์ มีรางแขวนแก้วบรั่นดี แก้วไวน์  แถมยังเป็นที่เก็บหนังสือได้ด้วย  วางแก้ววางจานบนบาร์ก็ได้ ซึ่งผมคิดว่าคงจะเสร็จไอ้พี่ดินที่โซฟานี่แหละ โอยยย น่านอนชะมัด

“เวอร์ละๆ” พี่ดินเบรกแล้วเดินมานั่งข้างๆ  “บ้านไอ้บั๊คก็รวย ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านมันก็หรูกว่านี่ตั้งเยอะ มึงจะดี้ด้าอะไรขนาดนี้” พี่มันเอนหลังนอนลงไป ประสานมือไว้ตรงท้ายทอยเพื่อรองนอน

“บ้านพี่บั๊คมันรวยก็จริง แต่เฟอร์มันเป็นแบบผู้ดีอะ ไม่ใช่โมเดิร์นแบบนี้  แต่โซฟาแบบนี้ผมก็เคยเห็นแว้บๆ มาแล้วเหมือนกันนะ แต่จำไม่ได้ว่าที่ไหน”  ผมนิ่วหน้านึกแต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน “ช่างมันๆ  แล้วเอาไงต่ออะ เอากันเลยมั้ย” ผมถามพลางขยับชายเสื้อเตรียมถอด

พี่มันยักไหล่ “เอาเลยก็ได้ เหล้าลงหำพอดีเลยเนี่ย”  อีกละ แกล้งไอ้ห่าพี่ดินไม่เคยได้อารมณ์เลยว่ะ น่าโมโห

“โหย ไอ้พี่ มึงก็แกล้งทำเป็นรับไม่ได้หน่อยดิวะ” ผมบ่น 

พี่มันหัวเราะแล้วเกี่ยวคอเสื้อผมให้นอนลงข้างๆ มัน  ผมทิ้งตัวลงอย่างไม่ขัดขืนแล้วเอียงหน้าไปมอง  “หล่อว่ะพี่”  ยิ่งดูใกล้ๆ ยิ่งหล่อ  นี่กูกลายเป็นเกย์แท้ไปแล้วเหรอวะ เห็นผู้ชายแล้วชมว่าหล่อบ่อยๆ สงสัยเรด้าเริ่มติด

“หล่อก็แดกดิ รอเหี้ยไรอยู่”  กูจะไม่แดกเพราะปากมึงเนี่ยแหละไอ้พี่!

“มึงทำต่อมเงี่ยนกูฝ่อนะพี่ดิน”  ทำหน้าหงุดหงิดใส่

“ฮ่าๆๆ มึงก็เป็นงี้แหละ อย่ามาว่าแต่กู” 

“ก็ใช่ไง ผมเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องมาเป็นด้วยดิวะ เป็นสองคนมันไม่หนุก” บ่นมันอีกอย่างหัวเสีย

“เอ่อว่ะ เหมือนกันเกินไปก็ไม่เข้ากันเนาะ ฮ่าๆๆ”  แล้วเราก็หัวเราะใส่กันอีก  อยู่กับพี่ดินเหมือนอยู่กับพี่ชายฝาแฝด เหมือนรู้ทันกัน ต่างคนต่างพากันเล่นแผลงๆ แล้วสนุกไปด้วยกัน 

“ไม่เหมือนเหอะ” เมื่อหยุดขำได้แล้วก็ดีดตัวลุกขึ้น “พี่เหนือกว่าผมเยอะ”

“เหนือไง”  พี่ดินลุกตามแล้วน้องจ้องผมจะเอาคำตอบ

“พี่เหนือด้วยประสบการณ์ไง แต่ขอโทษถ้าอายุเท่ากันผมอาจเหนือกว่าพี่ก็ได้นะ” 

พี่ดินทำหน้ามุ่ย “นี่มึงจะว่ากูแก่”  กูจะชมมึงดีดีก็ดันหาเรื่องซะงั้นแหละ

“ก็แก่จริง”  ผมเบ้ปากเป็นรูปส้นตีนใส่  กะว่าให้ดูกวนตีนที่สุด

“แก่ไม่แก่คืนนี้มึงก็รู้เองแหละ”  พี่มันยิ้มเท่ แม่งจะหล่อไปไหนนักหนาวะพี่ดิน มึงแม่งหล่อเท่ หล่อร้าย หล่อแบดบอยสุดๆ แฟนมึงโคตรโชคดีเหอะ  “ไปๆ แดกข้าว แดกเยอะๆ เดี๋ยวอึดสู้กูไม่ได้”  แบดไม่แบดดูแต่ละคำของมันสิ เฮ้อ

ผมลุกเดินตามก้นมันไปนั่งที่โต๊ะอาหาร เมนูบนโต๊ะเป็นสเต็กเนื้อกับไวน์แดง “ใครทำให้วะพี่ โคตรน่ากินอะ” 

“คนของเจ้าของบ้าน เขาไปสั่งที่โรงแรมมาเตรียมไว้ให้” 

“โว้ะ รวยแล้วยังใจดีอีก ใครวะพี่ แนะนำให้รู้จักหน่อยดิ เผื่อจะตกถังข้าวสาร” 

พี่มันยิ้มร้ายๆ “เรื่องไรจะบอก เอาไว้กูได้มึงก่อน ถ้าไม่เวิร์คค่อยขายต่อ” 

“โห ไอ้ชั่ว” ผมด่า “มึงชั่วได้ขนาดนี้เลยเหรอไอ้พี่” 

“ถ้ามึงด่าขนาดนี้ก็ไม่ต้องเรียกพี่ก็ได้นะเว้ย”  พี่มันหั่นสเต็กกินไปด้วยด่าไปด้วยอย่างมีอารมณ์

“ก็ได้ๆ ไอ้เหี้ย” 

ปั่กก!!

“โอ้ยยย!!!”  ผมร้องโหยหวน  มะเขือเทศลูกเล็กถูกปาเข้าเต็มๆ เบ้าตา  “เจ็บนะเว้ยไอ้เหี้ยพี่ดิน เล่นแรง แม่ง!!”  ผมกดเบ้าตาด้วยความเจ็บปวด

“กูกะอยู่แล้วไงว่ามึงต้องเล่นมุกนี้ เลยเตรียมเล็งไว้ พอยิงมุกมาปุ๊บกูก็ปาปั๊บ เจ๋งปะล่า” 

“........” ผมไม่ตอบเพราะเคืองแม่งจริงๆ นี่ถ้าตาบอดกูจะให้มึงชดใช้ร้อยล้าน

“อ่าว งอนจริงดิ”  พี่มันถามแต่ก็ยังตัดสเต็กกินอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ได้ดูเหมือนมึงห่วงกูซักนิด  “กินๆ ให้หมดก่อน แล้วเดียวกูง้อทีเดียว จะได้ไม่เสียเวลา”  ยังไม่สลด มึงนี่เกินขอบเขตคำว่าเกรียนแล้วนะพี่ดิน มึงนี่เกรี๋ยนแล้วอะ ขั้นสุดของความเกรียน

ผมไม่พูดอะไร นั่งกินไปเงียบๆ โกรธว่ะ ตาขึ้นแสงวาบเลยอะ นิสัยเสียจริงไอ้ห่าพี่ดิน 



*************

ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
“มึงนี่ตลกดีว่ะจ้าว”  อยู่ๆ ก็พูดขึ้น ตอนนี้อาหารในจานของเราทั้งสองคนหมดเกลี้ยงแล้ว แต่ไฝว้กันด้วยกระแสจิต  กระดกไวน์สลับกันคนละแก้ว เหมือนกับจะแข่งว่าใครน็อคก่อนแพ้

ผมไม่ตอบแต่ส่งสายตาอาฆาตใส่

“น่าสนุก”  ชักเริ่มหลอน ไอ้ห่าพี่ดิน มึงจะทำหน้าโรคจิตขนาดนั้นทำไมวะ กูก็เริ่มมึนๆ แล้วด้วย “เมายัง”  พี่มันถาม

“ยัง”  ผมตอบสวนไปทันที

“แสดงว่าเมาแล้ว”

“ยัง”

“กูรู้ของกูละกันน่า”  มันเถียง

“รู้ได้ไง”  ผมถามแล้วกระดกไวน์หมดอีกแก้ว

“ก็มึงลืม ว่างอนกูอยู่” 

“ใครลืม ไม่ได้ลืมเหอะ” ผมเถียง

“ไม่ลืมแล้วคุยกับกูทำไม นั่งเงียบมาได้เป็นชั่วโมง อยู่ๆ ก็ตอบซะงั้น”  เอ่อว่ะ สงสัยเมาจริง เอ๊ะ หรือไม่เมา

“กลัวน้ำลายบูดมั่งเหอะ ชิ”  เบะปากใส่แล้วดื่มอีก  แต่พี่ดินไม่เถียงต่อมันล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาสไลด์สักพักก็เอามาวางไว้บนโต๊ะ เห็นมันเล็งๆ ส่องๆ พักนึงแล้วก็กลับไปนั่งพิงเก้าอี้เป็นปกติ

“ผัวมึงชื่ออะไร”  อยู่ๆ ก็ถามเรื่องปัญญาอ่อนอะไรของมันล่ะ 

“ผมไม่มีผัว”  พี่มันเลิกคิ้วสูง

“สงสัยยังไม่เมาแฮะ”  บ่นอะไรของมันวะ

“ผมมีแต่เมีย ชื่อพี่บั๊คกับผี”  หน้าพี่ดินเหมือนสะใจอะไรบางอย่าง 

“อืม ได้เรื่องละ”  มันยิ้มกวนตีนแล้วเดินมาหยุดยืนใกล้ๆ ดันจานอาหารออกไปจากตรงหน้าผมแล้วหย่อนก้นนั่งแทนที่จากนั้นมันก็โน้มหน้าลงมาถามใกล้ๆ “คิดดีดีว่ามีเมียหรือมีผัว” 

ผมกลอกตาไปมาเพื่อขบคิด “เอ้อ ใช่ๆ ผัวๆๆๆ” ผงกหัวรัวๆ  “จำได้แล้วว่าโดนเอาตั้งหกน้ำ ไม่รู้น้ำไหนผีน้ำไหนคน แม่งล่อกูซะล้มหมอนนอนเสื่อ”  พี่ดินกลั้นหัวเราะใหญ่ “อย่ามาหัวเราะนะเว้ย เดี๋ยวต่อยตาแหก”  นิสัยเสียจริงไอ้ห่านี่

“ดุซะด้วย”  พี่มันว่า  “งั้นกูถามหน่อย  มึงจำเรื่องราวเกี่ยวกับไอ้บั๊คและผีของมึงว่าไงมั่ง” 

“ถามทำไม”

“เออน่า ตอบมาเหอะ ถ้าตอบดีเดี๋ยวกูเรียกผัวมึงมาให้เลย”  พี่มันว่า

“อย่าเรียกมานะ จ้าวงอนมันอยู่” 

“งอนเรื่องไรวะ”  พี่ดินเลิกคิ้วสูง

“มันไม่เขียนที่แขนให้ว่าจ้าวเป็นเมียผี สงสัยสลัดมันจะหึงผี”  เห็นพี่ดินกลั้นขำแล้วเริ่มหงุดหงิด  “อย่ามาหัวเราะเยาะนะ นี่มันเป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติ  เป็นผัวก็ต้องตามใจเมียดิ ขัดคำสั่งได้ไง”  ทำหน้าโวยวายใส่แล้วทุบขาพี่มันรัวๆ 

แทนที่จะหยุดขำ ดันหัวเราะร่วนเลย แต่มือมันก็พยายามจับมือผมที่ทุบมันอยู่และสุดท้ายก็รวบเอาไว้ได้ทั้งสองมือ  “หันไปมองโทรศัพท์แล้วบอกซิว่ามึงรู้สึกยังไงกับไอ้บั๊ค” 

ผมขมวดคิ้ว งงว่ามันจะให้ผมคุยกับโทรศัพท์ทำไมแต่ช่างเหอะ เห็นแก่ความหล่อของมึงละกัน “ถ้าไม่หล่อ ไม่ทำให้นะเนี่ย”  เงยหน้าบอกมัน  พี่ดินมองค้างไปแป้บนึงแล้วยิ้มให้

“ชมบ่อยๆ กูก็เคลิ้มเป็นนะมึง”  พี่มันปล่อยมือแล้วเฉดหัวผมเล่น “อะๆ พูดได้แล้ว”  นิ้วเรียวยาวชี้ไปที่โทรศัพท์

ผมจ้องมองวัตถุสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำที่วางเป็นแนวนอนหันกล้องหลังมาทางนี้  รู้สึกยังไงกับพี่บั๊คน่ะเหรอ อืม.. ว่าไงดีล่ะ    “...จ้าวรักพี่บั๊ค”  คิดไปร้อยแปดพันอย่าง แต่ก็คิดอะไรไม่ออกนอกจากคำนี้  พี่ดินยิ้มมุมปากแล้วถามอีก

“รักจริงๆ หรือรักแค่ตอนเมา”  คำถามบ้าบออะไรของมันวะเนี่ย

“รักจริงๆ สิ ตอนไม่เมาก็รักแต่รักไม่ได้ก็ต้องทนไง ตอนเมาจำได้หมด รู้หมด รักหมดใจด้วย”  คราวนี้ไม่ได้หันไปบอกโทรศัพท์แต่โพล่งใส่พี่ดินแทน  ดูมันจะพอใจมากทีเดียว ไอ้ห่าพี่ดินมันโรคจิตป่าววะ คนอะไรอยากฟังคนอื่นบอกรักคนอื่น โอ้ย กูงง

“ก็แค่นั้นแหละ”  แล้วมันก็เอื้อมหยิบโทรศัพท์มากดอะไรยุกยิก “ไปโซฟาปะ”  พี่มันลงจากโต๊ะแล้วดึงแขนผมให้ลุกตาม  “มันอนุญาตให้อยู่แค่โซฟา สงสัยจะคิดว่าแค่กล้องวงจรปิดจะห้ามความหื่นของมึงกับกูได้มั้ง”  แล้วมันก็หันไปชูนิ้วกลางใส่กล้องวงจรปิดตรงมุมห้อง 

ผมนั่งลงบนโซฟาแล้วบ่นพึมพำ  “ถ้าในโลกนี้เหลือพี่คนเดียว ผมจะหนีไปดาวอังคาร”  จิ้มนิ้วไปที่แก้มมันสองสามที

พี่มันเลิกคิ้วทำหน้าประหลาด “หนีทำไมวะ”  มันยืนจ้องผมเอาเป็นเอาตาย

“พี่ฉลาดเกิ๊น ฉลาดจนไม่น่าคบ”  ไอ้พี่ดินยิ้มหล่อ  แม่งหล่อจนไส้ติ่งกูสั่นอะ  อย่าใกล้กูมากนะครับพี่ ร่างกายกูมีความทนทานต่อความหื่นต่ำมาก พูดเลย

“มึงก็ปากหวานจนไม่น่าคบเหมือนกันแหละ”  มันจิ้มปากผมบ้าง  สายตาเหมือนพญาอินทรีย์ที่พร้อมจะร่อนลงมาโฉบเหยื่อเคราะห์ร้ายได้ทุกเวลา

ไอ้พี่แม่งไวไฟน่าดู  ผมรู้ว่ามันไม่ได้ชอบผม แต่มันคงขี้เอาเหมือนผมนั่นแหละ คลำดูไม่มีหางคือได้หมด วันดีคืนดีถ้าฟิลลิ่งได้ มีหางก็คงไม่เหลือ

เราจ้องตากันเหมือนเป็นการหยั่งเชิง  พี่มันยิ่งจ้อง ผมก็ยิ่งจิก  “อยากรู้มั้ยว่ามึงรักไอ้บั๊คแค่ไหน”  อยู่ๆ มันก็พูดขึ้น  สายตาที่พี่มันมองทำให้รู้สึกประหม่า มันมองไปทั่วทั้งปากตาหูแก้มลำคอ มองละเลียดไปทั่วเหมือนสำรวจว่าเหยื่อน่ากินตรงไหนบ้า 

ผมพยักหน้ารับแล้วช็อคเล็กน้อยเมื่อพี่มันเฉลย  “จูบกูสิ เดี๋ยวมึงก็รู้เอง”  ริมฝีปากที่เม้มติดกันของผมเผยอออกเล็กน้อย  รู้สึกตื่นตัวไปกับสายตาที่ท้าทายของพี่มัน 

ผมไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธแต่ดึงมือมันลงเรื่อยๆ จนมันต้องโน้มตัวลงมาใกล้  กลิ่นตัวที่ไม่คุ้นชินทำให้รู้สึกคึกคักตื่นเต้นเหมือนกำลังจะได้ลองของใหม่  ลมหายใจอุ่นๆ ที่มาพร้อมกลิ่นแอลกอฮอล์แรงขึ้นเมื่อจมูกของเราสัมผัสกัน  ผมเงยหน้าจ้องตามันอย่างไม่ลดละ  “ไม่ได้อยากรู้ว่ารักพี่บั๊คมากแค่ไหนเพราะผมรู้แล้วว่ารักมากที่สุดและคงรักใครไม่ได้อีก แต่ที่จะจูบพี่เพราะผมเงี่ยน ได้ปะล่ะ”  เห็นริมมุมปากด้านซ้ายของมันยกขึ้นก็รู้เลยว่าแม่งถูกใจ พี่มันนั่งลงข้างๆ แล้วอุ้มผมขึ้นนั่งตัก 

“กูก็ไม่ไหวแล้วว่ะ โคตรยั่วเลยมึงอะ”  ถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกันนะ  เมื่อความเสี้ยนตรงกัน ความสัมพันธ์ก็ต้องพัฒนา  ผมคล้องคอมันเข้ามาใกล้แล้วจูบพี่มันทันที 

พี่ดินแรงเยอะมาก มันรัดตัวผมเข้าหาแล้วกดท้ายทอยให้รับจูบจากมันอย่างหนักหน่วง  ลิ้นร้อนไล่ต้อนกันเป็นพัลวัน 

Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrr

เสียงโทรศัพท์ทั้งเครื่องผมและเครื่องพี่ดินดังขึ้นพร้อมกัน  “รับโทรศัพท์มั้ยพี่”  เราผละริมฝีปากออกจากกันเล็กน้อยแต่ก็ยังคงอยู่ในท่าเดิม 

พี่มันดูดริมฝีปากผมเบาๆ แล้วดันตัวผมให้เอนลงบนโซฟาก่อนจะตะแคงข้างคร่อมก่ายร่างผมไว้ “ไม่ต้องรับก็รู้ว่าใคร”  มันทำหน้าหื่น  เห็นมันกลืนน้ำลายแล้วต่อมหื่นสั่นรัว 

“ถ้าไม่มีสายเข้า พี่จะเอาผมได้จริงเหรอวะ”  ใช้นิ้วเขี่ยปลายคางมันเล่น 

“มึงก็ไม่เลวนี่หว่า ถ้าให้เอาก็เอาได้หมดแหละ แต่มันก็คนละเรื่องกับมีใจนะ” ผมยิ้มอย่างรู้ทัน

“ช่วงเวลาแบบนี้ ใครจะอยากได้ใจเลวๆ แบบพี่วะ” ผมว่าให้

“กูก็ไม่ได้อยากได้ใจแรดๆ อย่างมึงเหมือนกันแหละ”  ไม่เคยมีที่ไม่สวนกู  มึงนี่มันเป็นมนุษย์ไม่ยอมคนจริงๆ นะพี่ดิน  “แล้วมึงล่ะ ถ้าโทรศัพท์ไม่ดัง มึงจะให้กูเอาจริงอะ” 

“พี่ก็ไม่เลวนักหรอก  ถ้าผัวเผลอแล้วเจอกันนะ”  ยักคิ้วแล้วยิ้มยั่วมัน 

มนุษย์ผู้ชายต่อให้ดียังไง ถ้าเจอเหล้าและมีโอกาส มันก็แนวเดียวกันหมดนั่นแหละ  ยิ่งผู้ชายแบบผมกับพี่ดิน รักสนุกไม่ผูกพันยิ่งมาเจอกันก็ยิ่งไปกันใหญ่  แต่ถามว่ารู้สึกผิดกับพี่บั๊คมั้ยก็รู้สึกนะ แต่เวลาแบบนี้ขอเอาความหื่นนำความรักรั้งท้ายก็แล้วกันว่ะ

“นอนซะ พรุ่งนี้จะเปิดคลิปให้ดู แล้วมึงจะได้รู้ซะทีว่าต้องทำยังไงกับหัวใจตัวเอง”  หน้าผากผมถูกคางสากๆ ของพี่มันถูไปมา  คันๆ แสบๆ เล็กน้อยแต่ก็อบอุ่นดี

“ฝันดีไอ้พี่ ขอบคุณนะ” 

“ขอบคุณที่ไม่เอามึงน่ะเหรอ” พี่มันถามยิ้มๆ

ผมเบะปาก “อันนั้นต้องด่าด้วยซ้ำ”  พี่มันขำแล้วส่ายหัว “ขอบคุณที่ช่วยเบิกเนตรให้ไง ผมก็ไม่รู้หรอกว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะจำอะไรได้มั้ย แต่ที่ชัวร์ๆ เลยก็คือ..”  ผมเว้นจังหวะเล็กน้อย  “ผมรู้แล้วว่าเอากับใครก็ได้ ผู้หญิง ผู้ชาย ก็ได้หมด พึ่งรู้เดี๋ยวนี้แหละว่าผมเป็นไบ แม่งคงหลายไบด้วย ขนาดพี่เหี้ยขนาดนี้ผมยังจะให้เอาเลย”  ไอ้พี่ดินหัวเราะก้ากออกมาทันที

“ไอ้สัดจ้าว ฮ่าๆๆๆๆ โอ้ยกูขำ ไอ้เหี้ยยยยย” ขำอะไรของมึงเนี่ย คนเรารู้จักเพศสภาพของตัวเองคือเป็นเรื่องดี เรื่องจริงจังปะ ไม่ใช่ให้มึงมาขำนะโว้ย  “อันนี้คือเรื่องเครียดของมึงเหรอวะ ฮ่าๆๆ กูสงสารไอ้บั๊คว่ะ ต้องรบกับคนอย่างมึงเนี่ย ไอ้คนโลกหน้า”  เอ๊า เมื่อกี้กูอุตส่าห์ขอบคุณเป็นดิบดี มึงมาทำตัวแบบนี้ไม่น่านับถือแล้วนะเว้ย!!

“ไม่คุยด้วยแล้ว”  ทำหน้าบูดใส่แม่งเลย 

“โอเคๆๆ ไม่หัวเราะแล้ว”  มันขยี้หัวผมหนักๆ  “อยู่กับมึงแล้ว เหมือนมีน้องชายที่เอาได้เลยว่ะ” อะไรคือน้องชายที่เอาได้ไอ้พี่ดิ้นนนนน ชั่วมากเลยมึงอะ

“พี่ก็เหมือนพี่ชายที่เอาได้เหมือนกันแหละ” ผมว่าให้

“นอนๆ ก่อนกูจะเอามึงจริงๆ”  แล้วมือใหญ่ก็ประกบปิดตาผมไว้ซึ่งผมก็ไม่คิดจะไฝว้อะไรอีก

ไอ้พี่ดินมันมีออร่าแบบเดียวกับผมแต่ขนาดใหญ่กว่า  ผมดื้อกับพี่บั๊คได้แต่ผมรู้ว่าผมดื้อกับพี่ดินไม่ได้  เพราะฉะนั้นผมหลับซะก็น่าจะดีที่สุดแล้วละ

สักพักมือหนาก็ยกออกไปและร่างผมก็ถูกดึงขึ้นไปอีกจนขาที่ห้อยอยู่ขอบโซฟาขึ้นไปอยู่ด้านบนจนหมด 



Rrrrrrr Rrrrrrrr Rrrrrrr

เสียงโทรศัพท์ดังอีกครั้ง ผมยกมือปิดหูแล้วนอนต่อ แต่ได้ยินแว่วๆ ว่าพี่ดินคุยกับใครสักคนที่พูดกันเรื่องผม

“โวยวายทำเหี้ยไรของมึงเนี่ย ก็บอกแล้วว่ามันอาจมีถึงเนื้อถึงตัวบ้าง”  พี่ดินโวยวายแต่ก็เหมือนจะพยายามไม่ให้เสียงดังเกินไป

“ก็มึงเองไม่ใช่เหรอที่จัดการมันไม่ได้ มึงไม่ใช่เหรอที่ทำเรื่องเสียจนมันไม่อยากเข้าใกล้ แม้กระทั่งโทรศัพท์ก็ไม่ให้โทรน่ะ แล้วก็เป็นมึงอีกที่ขอร้องให้กูช่วย แล้วไง กูโปรดสัตว์ได้บาปงี้เหรอ”  มึงคุยกับใครวะเนี่ย คุยเบาๆ หน่อยสิโว้ย กูจะนอน

“ไม่ต้องมา รอกูสรุปให้มันฟังอีกทีพรุ่งนี้  ดีนะที่กูให้แม่มึงคอยเฝ้าไว้ ไม่งั้นคงแจ้นมาตั้งแต่กูโทรสั่งพร้อบแล้วสิ”  พร้อบอะไรวะ มึงถ่ายหนังอยู่หรือไงถึงได้มีพ้งมีพร้อบด้วยน่ะ

“รู้แล้วๆๆ อย่าบ่นเยอะน่ารำคาญ  เอ่อๆ ไม่ทำไรมันหรอก ก็เอานอนตรงโซฟาเนี่ย มึงก็ส่องได้ตลอด เอ่อๆ นอนละ ทั้งง่วงทั้งเมาเหมือนกันแหละ แค่นี้เว้ย”  แล้วเสียงทุกอย่างก็เงียบลง



ผ่านไปพักใหญ่ร่างผมก็ถูกกอดก่ายด้วยแขนและขาของใครสักคน  ถึงไม่ลืมตาก็รู้ว่าไม่ใช่พี่บั๊คเพราะเวลาที่สลัดกอด มันจะไม่ทิ้งน้ำหนักแบบนี้แต่จะพยายามโอบล้อมร่างผมเอาไว้ในอ้อมอกมากกว่า  นี่คงจะเป็นไอ้พี่ดินสินะ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก พี่ชายคนนี้มันไว้ใจได้..

ผมไว้ใจมันเต็มที่ว่าถ้าเกิดมีอะไรกันขึ้นมาจริงๆ มันจะไม่มาเรียกร้องให้ผมรับผิดชอบ เหมือนที่ผมเองก็ไม่มีทางให้มันมารับผิดชอบใดใดเหมือนกัน





เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ดูเหมือนจะเช้าแล้วเพราะแสงลอดผ่านมาแยงตาเล็กน้อย

“โทรมาทำไมเช้านักหนาวะเนี่ย”  เสียงพี่ดินโวยวาย  มึงนี่ขี้โวยวายจริงๆ นิดก็โวย หน่อยก็โวย ดูอย่างกูนี่ ถ้าไม่อยากรับก็ไม่รับ แล้วค่อยโวยตอนทนไม่ไหว

“ก็กูหลับ จะรู้ได้ไงว่าไปกอดมันตอนไหน  เอ่อๆ เดี๋ยววางสายแล้วจะโทรบอกแม่มึงให้พามึงมาได้แล้วเพราะเดี๋ยวกูจะปลุกไอ้เรื้อนมาคุยเหมือนกัน แค่นี้ๆ ไม่ฟังแล้ว เบื่อๆๆ”  มันตะโกนคำว่าเบื่อใส่โทรศัพท์แล้วสักพักก็มาบ่นใกล้ๆ

“หวงอะไรนักหนา เมียมึงมันยังไม่หวงตัวเลย ดูดิ๊นั่นน่ะ นอนอ้าซ่าเปิดพุงใส่กูอีก ซิกแพคก็มีนี่หว่า หุ่นแบบนี้มิน่าถึงได้เซ็กส์จัดนัก” 

“อืออ”  ผมครางใส่และปัดมือปัดตีนใส่เมื่อรู้สึกว่ามีมือมาลูบที่ท้อง 

“ครางไล่กูเหรอไอ้ลูกหมา”  แล้วผมก็โดนผีอำ 

“น..หนัก! อึก หนัก!”  ลืมตามองก็เห็นร่างใหญ่ยักษ์นั่งคร่อมอยู่บนอก  “อ..ไอ้พี่ชั่ว กูหนัก!!”  รวบรวมพลังเฮือกใหญ่ตะแคงข้างเพื่อดั้มมันลง  ดูท่าว่ามันจะอ่อนข้อให้ก็เลยล้มลงไปนอนข้างๆ แล้วเท้าแขนมองผมพลางหัวเราะในลำคอ

“ไม่ชอบแบบผีอำเหรอ ชอบแบบผีผ้าห่มสินะ”  ถ้ามึงจะกามขนาดนี้ก็ไม่ไหวนะพี่ดิน พึ่งแหกขี้ตาตื่น มึงก็หื่นซะแล้วเนี่ย

“เราเลิกกันไอ้พี่ดิน!”  ผมลุกนั่งแล้วตบโซฟาแรงๆ  ด้วยความโมโห

พี่มันลุกขึ้นตามแล้วกอดอก “ขอกูเป็นแฟนได้ง่ายๆ แต่จะมาบอกเลิกง่ายๆ ไม่ได้นะเว้ย” 

“ไม่ได้ก็ต้องได้  ใครจะไปอยากอยู่ด้วยวะคนแบบนี้น่ะ”  ผมโวยวาย

“ทำไม คนอย่างกูมันทำไม!”  มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมต้องถอยหนี

“ทั้งขี้หื่น ขี้แกล้ง นี่ถ้าผมตายไปจริงๆ ทำไงวะ” ตัวไม่ใช่เล็กๆ มานั่งทับหน้าอกกูได้ไง

“คนอย่างมึง ไม่ตายง่ายๆ หรอกไอ้จ้าว นรกไม่เอาไปทำความวุ่นวายหรอก”

“พี่ก็วุ่นวายน้อยนักนี่” ผมถีบหน้าแข้งมันแก้หมั่นไส้ 

“เมื่อคืนยังอ้อยกูอยู่เลย เช้ามาถีบเลยอ่อ” มันทำหน้าล้อเลียน

“ไม่อ้อยเหอะ เกลียด”  ไม่รู้ทำไม มีความรู้สึกเหมือนเคลียร์กับพี่มันเข้าใจแล้ว แต่ก็จำไม่ได้หรอกนะว่ายังไง รู้แค่ว่าผมกับมันไม่มีอะไรติดค้างกัน ไม่ว่าความสัมพันธ์ของเราจะเป็นยังไง เราก็เป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากพี่น้องจ้องกัดกันแบบนี้

“มึงดูนี่ซะก่อน แล้วมึงจะเกลียดตัวเองกว่าที่เกลียดกูอีก”  โทรศัพท์ถูกยื่นมาตรงหน้า ผมรับมาแบบงงๆ

“ถ่ายไว้จริงเหรอวะ อย่าบอกนะว่าถ่ายตอนได้กันด้วยอะ” 

“ได้กะผีดิ มึงไม่ลองสำรวจช่องทางสีหวานของมึงล่ะว่าถูกล่วงละเมิดรึเปล่าน่ะ”  มึงจะใช้ศัพท์แสงให้มันอลังเกินไปทำไมวะเนี่ย แสลงหู

“เออๆ ไม่ได้ก็ไม่ได้ดิ สำบัดสำนวนอะไรเยอะ”  ผมค้อนใส่แล้วสไลด์หน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะกดเพลย์คลิปที่เปิดไว้อยู่แล้ว “ฉิบหาย!!”  ถึงกับต้องอุทานออกมาทันทีเมื่อได้ยินได้เห็นสิ่งที่ตัวเองเป็นและพูด  “ไม่ใช่แค่เกลียดแล้วเนี่ย แบบนี้ต้องขยะแขยง”  อี๋ อีจ้าววว มึงมันแรดดดดดดด

“ฮ่าๆๆ นี่แหละมึงตอนเมา”  ทำหน้าไม่ถูกเลย นี่กูจริงๆ เหรอวะเนี่ย ทั้งอ้อยทั้งยั่ว ทั้งเยิ้ม แถมยังบอกรักพี่บั๊คแบบเต็มปากเต็มคำ แต่นั่นยังไม่พีคเท่ากับมีผงมีผีห่าเหวอะไรไม่รู้อีก แม่งโคตรเพ้อเจ้อ

“จะเอาหน้าไปไว้ไหนดีวะเนี่ย” ทึ้งหัวตัวเองด้วยความอับอาย 

“เอาไว้บนหัวมึงนั่นแหละ ไม่ต้องย้ายไปไหนหรอก เก็บไว้ให้กูขำ ก้ากกกกกกกๆๆๆ”  พี่มันเปิดคลิปอีกรอบแล้วหัวเราะเยาะ

“ขำมากใช่มั้ย”  จิกตาใส่แต่แม่งก็มิได้นำพา  “ได้สิ ขำมากก็ขำให้ตายไปเลย!!”  พุ่งตัวใส่มันแล้วจี้เอวแบบรุนแรง  ไอ้พี่ดินมันคงไม่บ้าจี้หรอกแต่คงรู้สึกเจ็บเพราะแรงผมก็ไม่ใช่น้อย

“ไอ้สัดจ้าว เดี๋ยวคลิปหาย! โอ้ย เจ็บสัด ปล่อยกู! ฮ่าๆ ปล่อยๆๆ”  มันพยายามปกป้องโทรศัพท์จึงทำให้ผมเป็นต่อ กว่ามันจะตั้งตัวได้ผมก็ได้แก้แค้นหนำใจล่ะครับ 

พี่ดินผลักผมออกจากตัวได้สำเร็จ แต่แทนที่จะตามมาเอาคืน มันกลับรีบหยิบโทรศัพท์มาดู “กดลบคลิปไปจนได้ไอ้สัด”  มันบ่นทำหน้ายุ่ง

“ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า ลบแล้วก็ดีพี่จะได้ไม่เอาไปขาย”  ดีแล้วที่มันหายไป ไม่งั้นผมคงอายแย่ถ้าถึงมือพี่บั๊ค

“ของแบบนี้ขายได้ก็แค่ไอ้บั๊คคนเดียวล่ะวะ” พี่ดินเก็บโทรศัพท์ใส่กางเกง 

“มันคงจะซื้อหรอก ผมไม่ได้สำคัญกับพี่บั๊คขนาดนั้นซะหน่อย”  อยู่ๆ ก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา

“กูจะไม่ยุ่งกับเรื่องของพวกมึงนะ  เคลียร์กันเองว่ามึงจะเอาไงกัน”  สายตาพี่ดินดูอบอุ่นขึ้น เหมือนกับกำลังปลอบใจผม  “แต่แนะนำว่ามึงควรพูดทุกอย่างที่มึงคิดที่มึงรู้สึก เลิกแอ๊บเป็นคนดีซะที กูรำคาญ”  ก็ดีมาทั้งประโยคนะ มาเหี้ยตรงท่อนสุดท้ายเนี่ยแหละ

“รำคาญมากงั้นสิ”  ผมจิกตาใส่อีกรอบ  พี่มันไหวไล่เบ้ปากกวนตี  “งั้นก็..อ้ากก ไอ้พี่ อ้ากกก!  เจ็บ โอ้ยยยย ไอ้พี่ดินกูเจ็บ อ้ากกก ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ใจจะขาดไอ้สัด ปล่อยกู!! ฮ่าๆๆ”  ก่อนที่ผมจะได้จู่โจมมัน พี่ดินก็พุ่งใส่ทันที มันกดตัวผมคว่ำลงกับโซฟาจากนั้นก็ทับเอาไว้ทั้งตัว  มันใช้ทุกส่วนของร่างกายกดตัวผมไว้ไม่เว้นแม้แต่หน้ามันที่ดันหัวผมให้จมลงไปบนทพื้นเบาะแล้วแม่งก็จี๋เอวแบบไม่มีความปราณีสักนิด

ผมร้องลั่นบ้าน ร้องยังไงแม่งก็ไม่ปล่อย  ไอ้ห่าพี่ดินมันซาดิสต์โคตรๆ ร้องจนเสียงแหบ ใจแทบขาดที่โดนมันจี๋เอว แต่แม่งก็ไม่ใจอ่อน

“ถ้ามึงไม่ลุกเดี๋ยวนี้ กูถีบ!!”  เสียงเหี้ยมๆ ดังขึ้นใกล้ๆ  ผมกับพี่ดินหยุดเคลื่อนไหวแล้วหันไปมอง

“พี่บั๊ค!”  ผมเบิกตาโตด้วยความตกใจ  มาได้ไงวะเนี่ย!

“มาถึงก็จะลงไม้ลงมือ มึงคิดว่ากูจะไม่สู้รึงายย”  พี่ดินพลิกตัวลงแล้วลุกขึ้นยืนบนโซฟาก่อนจะเท้าเอวชะโงกมองพี่บั๊คอย่างกวนตีน   

 “ไอ้เหี้ยดิน” พี่บั๊คมองอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ “ไสหัวไปเลย หมดหน้าที่มึงแล้ว”  ถึงจะทำหน้าโหดแต่ผมรู้ว่าพี่บั๊คไม่ได้โกรธขนาดนั้น 

“เสร็จนาฆ่าโคถึง เสร็จศึกก็ไล่ขุนพล ใช่ซี้ กูหมดความหมายแล้วนี่”  ทำเป็นพูดนั่นพูดนี่แต่หน้ามึงมันไม่ได้สลดอย่างปากว่าซักนิด

“เชิญไสหัวไปเถอะครับเพื่อนครับ กูไหว้ล่ะ”  เมื่อโหดใส่ไม่ได้ผล พี่บั๊คถึงกับยกมือไหว้ท่วมหัว

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ก็แค่นั้นแหละ”  พี่ดินหัวเราะร่าอย่างผู้มีชัยแล้วหันมาวิงค์ให้ผม “ก็เลิกกันแล้ว ให้มันจบๆ ไป ก็เลิกกันแล้วเรื่องเมื่อคืนไม่ต้องแคร์ ไม่เคยจะเหงาเพราะฉันมีตัวฉันเองดูแล คนที่แพ้ก็ต้องชักว่าวให้ตัวเอง”  เพลงพี่เบิร์ดกู เพลงในตำนานแต่มึงเอามาทำซะระยำเลย

ไอ้ห่าพี่ดินแม่งซ่านตีนสุดยอดอะ ยกนิ้วโป้งตีนให้เลย

แล้วมันก็เดินออกจากบ้านไป ได้ยินเสียงมันคุยกับใครไม่รู้ที่หน้าบ้าน  แต่ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจเท่ากับใบหน้าหล่อคมอันคุ้นตา เรื่องที่ยังโกรธก็ยังไม่หายโกรธหรอก แต่ความคิดถึงมันพุ่งปรี๊ดจนออกไปนอกชั้นบรรยากาศโลกแล้ว  ยิ่งมารู้ใจตัวเองว่ารักพี่บั๊คเข้าให้แล้วก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ เมื่อมาประจันหน้ากันแบบนี้



*********************

ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
และความรู้สึกทั้งหลายแหล่ก็มากระจุกตัวอยู่ที่หัวใจทันทีที่พี่มันพูดประโยคแรก “เรื่องคืนนั้นพี่ขอโทษนะ จ๋าหายโกรธนะครับ ห่างกันนานๆ พี่โคตรคิดถึง” 

ไม่รู้จะเอามือไม้ไปไว้ตรงไหน มันเกะกะไปหมดได้แต่แอบแคะเบาะแก้เขินไปตามเรื่อง  ไม่ได้ตอบอะไรเพราะยังอึ้งอยู่

“ยังไม่หายโกรธพี่เหรอ”  ร่างสูงใหญ่ขยับเข้ามาแล้วคุกเข่าลงตรงหน้า  ผมที่นั่งห้อยขาอยู่ถึงกับต้องยกขาขึ้นมาพับเพียบบนโซฟา เพื่อ??  “พี่ขอโทษนะครับ ขอโทษ ขอโทษ ๆ ๆ ๆ”  มือผมที่แคะแกะเกาไปทั่วถูกดึงไปกุมไว้แล้วบีบลงมาตรงอุ้งมือหนักๆ ทุกครั้งที่พี่มันพูดคำว่าขอโทษ

“เอ่อ..”  ในขณะที่ไม่รู้จะพูดคำว่าอะไร เสียงแม่จ๋าก็ดังขึ้น

“ปล่อยให้นั่งคุกเข่าอยู่อย่างนั้นไปเลยซักชั่วโมงสองชั่วโมงนะลูกจ้าว”  ไม่คุ้นหูเลยกับคำว่าลูกจ้าว ไอ้ที่เขินพี่บั๊คอยู่เป็นทุนเดิมก็เขินแม่จ๋าเพิ่มขึ้นไปอีก

“อย่าทำแบบนั้นกับลูกเขยเลยค่ะคุณพี่ จ้าวก็ยกโทษให้พี่เค้าเถอะลูก คนรักกัน มีอะไรก็คุยกัน ให้อภัยกัน”  เสงี่ยมศรีเดินตามเข้ามาตอกย้ำให้ผมเขินมากขึ้น

แล้วพ่อกับพี่ข้าวสวยก็ตามเข้ามา ทั้งสี่คนพากันยืนมองภาพผมที่นั่งพับเพียบรับการคุกเข่าขออภัยจากพี่บั๊คด้วยใบหน้ากรุ้มกริ่มครึกครื้นราวกับกำลังลุ้นละคร

“เอ่อ.. คือ จ้าว...”  ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเป็นแบบนี้  โคตรของโคตรเขิน รู้นะว่าจะพูดอะไรแต่มันคิดคำไม่ออก อาการไม่ต่างจากสาวน้อยเยี่ยวหวานโดนแฟนจับนมครั้งแรก ทั้งฟินทั้งเขินจนพูดไม่ออก

“นะครับ ยกโทษให้พี่นะจ๋านะ”  มองยังไงก็ไม่ใช่การแสดง พี่บั๊คส่งสายตาอ้อนวอนราวกับว่าผมเป็นคนรักที่กำลังโกรธจริงๆ ผมก็ได้แต่มองด้วยความหลงใหลในความรู้สึกแปลกๆ แบบนี้

ตอนนี้นอกจากจะยอมรับว่าผมรักพี่มันแล้วก็ยังยอมเปิดใจรับความรู้สึกจากพี่มันด้วย ผมค่อนข้างมั่นใจแล้วล่ะว่าพี่บั๊คก็มีใจให้ผม  แต่.. ปัญหาเดิมๆ ก็กลับมาอีก

ผมก้มลงกระซิบกับพี่บั๊คให้ได้ยินกันแค่สองคน “ลุกขึ้นเถอะพี่ อย่าทำให้ผมถลำลึกรักพี่ไปมากกว่านี้ทั้งที่เราก็รู้อยู่เต็มอกว่าพี่รักคนอื่น พี่มีแฟนแล้วนะอย่าหลอกให้ผมรักอีกเลย”  พี่ดินมันพูดถูก ผมต้องบอกความรู้สึกของผมออกไปเพื่อจะได้จัดการกับความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ให้สิ้นซากไป

พี่บั๊คอึ้งไปนิดหน่อยแล้วตัดสินใจพูดในสิ่งที่ผมถึงกับช็อค  “ไม่มีใครแล้ว พี่มีแต่จ้าว ตอนนี้ไม่มีใครเลย มีจ้าวแค่คนเดียว”  พี่มันคงเห็นว่าผมกำลังจะเถียงมันจึงยกมือขึ้นชูสามนิ้ว  “พี่สาบาน ตอนนี้พี่ไม่มีใคร มีแต่จ้าว พี่รักจ้าว”  ตาผมแทบจะถลนเมื่อพี่บั๊คบอกรัก  พี่มันบอกว่าไม่มีใครซึ่งผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ทั้งน้ำเสียง หน้าตา และสถานการณ์ไม่เอื้อให้มันโกหกได้เลยแม้แต่น้อย

“พี่รักจ้าว?” ผมทวนคำ

“อืม.. รักครับ รักมาก”  แค่รักกูก็จะฟินตายอยู่แล้วแต่มึงมาบอกรักมาก อ้ากก กูต้องฝันอยู่แน่ๆ 

“ผมฝันอยู่เหรอ”  พึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่ทุกคนกลับตอบพร้อมกันว่า.. ‘ไม่ได้ฝัน’ 

แล้วทุกคนก็ปล่อยให้ผมนิ่งคิดทบทวนจนในที่สุดผมก็ยิ้มออกมา “จ้าวก็รักพี่บั๊ค” 

“เฮ!!!!!!!!”  เสียงเฮลั่นพร้อมกับเสียงปรบมือจากทุกคน  มีแต่พี่บั๊คที่บีบมือผมแน่นแล้วยิ้มกว้างส่งสายตาขอบคุณมาให้

“ถ้ารักพี่แล้วอภัยให้พี่ได้มั้ย”  ก็ยังห่วงเรื่องนี้อยู่สินะ

“ไม่”  ผมตอบ  ทุกคนทำหน้าหงอยกันหมดจนผมกลั้นหัวเราะไม่ไหว “ก็ไม่ได้โกรธจะให้อภัยทำไมล่ะ”  ผมยิ้มให้พี่บั๊คพร้อมส่งสายตาหวานเยิ้มไปให้   มันเป็นเองนะ ไม่ได้ใส่จริตอะไรทั้งนั้น ผมรู้สึกดีและมีความสุขมากจริงๆ

พี่บั๊คยืดตัวขึ้นแล้วรวบร่างผมเข้าไปในอ้อมกอด  “ขอบคุณครับ ขอบคุณนะครับ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำรุนแรงกับจ๋าอีก”  ทำไมรู้สึกว่าพี่มันพูดคล่องปากอย่างกับซ้อมพูดมาตลอด แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ต้องพาตัวเองออกไปจากบรรยากาศชื่นมื่นนี้ซะก่อนไม่งั้นได้เขินตายอยู่ตรงนี้แน่ๆ

“จ้าวหิวแล้วอะแม่”  ผมอ้อนเหงี่ยมที่ยืนยิ้มคล้องแขนพ่อมองผมกับพี่บั๊คสวีตกัน

“เขินก็บอกเขินไม่ใช่บอกหิว” ผมย่นหน้าใส่อย่างขัดเขิน 

“ก็ลองมาเป็นจ้าวบ้างมั้ยล่ะ มีคนมาบอกรักต่อหน้าคนอื่นเยอะแยะเนี่ย ใครจะไม่อายมั่งล่ะ”  ขยับตัวลุกจากโซฟาแต่ก็เซนิดหน่อยเพราะเหน็บกินขา พี่บั๊คประคองไว้ราวว่าผมเป็นสาวท้องแก่  “พี่ก็ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ มันเขิน โว๊ะ” ดึงมือหนาออกแล้วแหวใส่แก้เขิน

“เอาเป็นว่าทุกอย่างเคลียร์ จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งแล้วเนาะ”  พี่ข้าวสวยพูดขึ้น ผมกับพี่บั๊คหันมองหน้ากันแล้วยิ้มจากนั้นผมก็มองไปทางแม่จ๋า

แม่จ๋ายิ้มให้อย่างเอ็นดูแล้วเดินเข้ามาอ้าแขนรอ  ผมจึงเดินเข้าไปให้กอด  “แม่ก็ขอโทษที่ผ่านมาทำไม่ดีไว้เยอะ” 

“ไม่ต้องขอโทษแล้วครับแม่จ๋า จากนี้ไปเรามานับหนึ่งกันใหม่ดีกว่า เรื่องที่แล้วก็อย่าไปคิดถึงมันเลยครับ”  แม่จ๋าลูบหัวผมแล้วดึงมือไปที่หน้าบ้าน 

“เดี๋ยวมานะคะ ขอคุยกับลูกสะใภ้เป็นการส่วนตัวก่อน”  อัลไลคือลูกสะใภ้ โอยย เขินตัวจะบิดอยู่แล้วนะเนี่ย

ผมงงนิดหน่อยที่แม่จ๋าพาออกมาคุยกันตามลำพัง แต่ในที่สุดก็ถึงบางอ้อเมื่อแม่จ๋าบอกความต้องการออกมาและเมื่อเข้าใจกันแล้ว ผมจึงถามคำถามสำคัญออกไป

“แม่จ๋ายอมรับในตัวจ้าวแล้วใช่มั้ยครับ”  เธอพยักหน้าแล้วยิ้มให้

“ขอบคุณนะครับ”  ผมยิ้มให้แล้วกอดอ้อนเธออีกครั้ง จากนั้นเราสองคนก็กลับเข้าไปในบ้าน



ทุกคนดูยินดีและมีความสุข ต่างพูดคุยปรึกษาถึงแผนการท่องเที่ยวกันอย่างออกรส  จากนั้นเราก็ออกไปหาอาหารทะเลกินกันทั้งสองครอบครัว 

เมื่อกินข้าวเสร็จ ผมกับพี่บั๊คแยกตัวกลับบ้านเพราะคนอื่นๆ อยากไปเที่ยวต่อแต่ไม่ยอมให้เราไปด้วย คงอยากให้อยู่ด้วยกันแค่สองคนนั่นแหละ สงสัยอยากได้หลาน คึคึ





“จ๋าครับ”  เมื่อถึงบ้านพี่บั๊คก็อ้อนทันที

“ไม่ต้องหวานขนาดนี้ก็ได้ พวกแม่ๆ ไม่อยู่ซะหน่อย”  ผมค้อนด้วยความหมั่นไส้เพราะตั้งแต่ดีกันก็ประกบผมแจอย่างกับกลัวหาย

“อย่าบอกว่ายังคิดว่าพี่แสดงอยู่”   สลัดลากผมมานั่งที่โซฟาแต่ผมไม่นั่งแต่แกล้งเดินไปรอบบ้าน พี่มันก็เดินตามทุกฝีก้าว “ทุกอย่างที่พูดวันนี้เรื่องจริงนะ”  ขณะที่ผมยืนมองตู้ปลามังกรขนาดใหญ่ว่ายหยิ่งไปหยิ่งมาอยู่ในตู้ พี่บั๊คก็เข้ามากอดจากด้านหลังพลางซบหน้าลงบนไหล่  “ล้มเลิกงานแล้ว เกมส์โอเวอร์แล้ว ตอนนี้จ้าวเป็นแฟนไม่ได้เป็นลูกจ้างแล้วนะรู้มั้ย”  พี่มันบอก

“ผมไม่ค่อยเข้าใจอะ”  ผมดึงแขนพี่มันออกแล้วหันกลับมาเผชิญหน้า  “อยู่ๆ พี่จะไม่มีใครได้ยังไง แล้วแฟนพี่ที่ว่ารักนักรักหนาไปไหนแล้วล่ะ”

หน้าพี่บั๊คดูลำบากใจเล็กน้อย “เรื่องมันยาว ไปคุยกันในห้องเถอะ”  เหมือนพี่มันรู้สึกผิดแต่ก็พร้อมแล้วที่จะเล่า

ผมพยักหน้าแล้วตามขึ้นบ้านอย่างเงียบๆ คิดอะไรไปเรื่อยจนกระทั่งพี่มันเปิดประตูห้องนอน

“แหก!!!!”  ผมอุทานลั่นเมื่อเห็นสภาพห้อง  อะไรจะดูดีขนาดนี้วะเนี่ย!  ถึงกับอ้าปากค้างและเดินเข้าไปดูเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นราวกับบ้านนอกเข้ากรุง 

เตียงขนาดคิงไซส์ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ยกสูงเป็นรูปวงกลม เพดานเจาะเป็นวงกลมฝังหลอดไฟไว้โดยรอบ ผนังด้านข้างโค้งเป็นรูปครึ่งวงกลมโดยสามารถมองเห็นวิวทะเลอย่างสวยงามผ่านกระจกใสที่ติดตั้งไว้ทุกด้าน   

แต่เมื่อเข้าไปใกล้กลับต้องตาโตมากกว่าเดิมเมื่อเตียงรูปวงกลมขนาดใหญ่ที่รอบด้านบุด้วยหนังสีดำมันมะเมื่อมแต่พื้นผิวบนเตียงที่มีกำมะหยี่ลายม้าลายคลุมอยู่มันนุ่มหยุ่นเด้งดึ๋งเมื่อใช้มือกดลงไป  “เตียงน้ำ!” หันไปทำหน้าตื่นเต้นใส่สลัดจนมันหัวเราะขำ

“อืม”  พี่มันตอบแล้วเดินมาใกล้ก่อนจะผลักผมลงไปบนเตียงอย่างแรง

ดึ๋ง ดึ๋ง ดึ๋ง ร่างผมกระทบกับเตียงแล้วเด้งขึ้นเด้งลงตามแรง  “มันจะแตกมั้ยพี่”  ผมเกร็งตัวเล็กน้อยเพราะกลัวว่าถ้ากระแทกลงไปแรงๆ แล้วน้ำจะแตกออกมา

พี่มันส่ายหัวแล้วยิ้มขำ “ถ้าไม่เอาเหล็กแหลมมากระทุ้งแรงๆ ก็ไม่แตกหรอก”  ไอ้ข้อมูลนี้ก็น่าเชื่อถืออยู่หรอกแต่ไอ้ประโยคต่อจากนั้นนี่ทำเอาอยากถีบ  “รับแรงโยกแรงกระแทกได้ดีสุดยอดเลยนะ เดี๋ยวก็ได้เห็นเองแหละ”  หน้ามึงไม่หื่นเลยครับ ไม่แม้แต่นิดเดียว

“คิดว่าจะได้โยกหราาา”  ยื่นหน้าใส่อย่างหมั่นไส้แล้วโยกตัวเด้งดึ๋งอยู่บนเตียง

พี่มันกระโดดมาหาทำให้ร่างผมเอียงไปตามแรงแล้วเอนไปซบอกมันเฉย  “แล้วทำไมจะไม่ได้ล่ะ”  กูแพ้หน้ากรุ้มกริ่มของไอ้คนนี้จริงๆ  เห็นแล้วเขินว่ะ

“ไม่รู้”  ไม่รู้คือไม่รู้จะพูดอะไรว่ะ เขินฉิบหาย อยากแทรกตัวลงไปเป็นน้ำในเตียงซะจริงๆ

“เขินแล้วน่ารักจัง”  พี่มันจิ้มแก้มแล้วดึงผมให้นอนลงบนหมอนสีดำ ส่วนพี่มันก็เท้าแขนมองผมด้วยสายตาหยาดเยิ้ม

“ไม่เขินเหอะ”  ทำหน้าไม่ถูกเลยแฮะ ทำไมรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้วะเนี่ย 

“คร้าบบ ไม่เขินก็ไม่เขิน”  พี่มันยิ้มล้อแต่อยู่ๆ ก็สูดหายใจเข้าแรงๆ แล้วเม้มปากส่งสายตาจริงจัง “พร้อมจะฟังรึยังครับ”  ตอนแรกก็งงแต่ไม่นานก็นึกขึ้นได้ว่าพี่มันบอกว่าจะเล่าเรื่องแฟนของมันให้ฟัง

ผมสูดหายใจเข้าแล้วถอนออกบ้าง  “ไม่ต้องแล้วล่ะ”  มองหน้าพี่มันแบบจริงจังบ้าง “เรื่องเก่าๆ ก็ทิ้งมันให้เป็นอดีต จากนี้ไปเรามาเริ่มต้นใหม่ดีกว่า”  พี่บั๊คดูตกใจนิดหน่อยแต่มันส่ายหน้า

“ไม่ได้หรอกจ้าว เรื่องนี้พี่ต้องพูด พี่จะพูดทุกอย่างให้ฟังวันนี้เลย”  สลัดยืนยันหนักแน่นแต่ผมไม่อยากรู้ ไม่อยากสนใจอะไรแล้วล่ะ ไม่อยากรื้อฟื้นให้พี่บั๊คต้องสะเทือนใจอีก

“แค่พี่รักผม ผมรักพี่ แค่นี้ก็พอ เรื่องอื่นจ้าวไม่อยากฟังแต่ถ้าพี่อยากจะเล่าก็เล่าให้ตัวเองฟังเถอะ จ้าวไปละ”  ทำท่าจะลุกจากเตียงจนพี่มันรีบดึงแขนไว้

“โอเคๆ พี่ไม่เล่าแล้วครับ”  ดูเหมือนผมจะเป็นต่อค่อนข้างเยอะในตอนนี้ หน้าพี่บั๊คเสียจนเกือบจะร้องไห้ตอนที่ผมบอกว่าจะไป  “อย่าไปไหนอีกเลย พี่ขอร้อง จ้าวจะให้พี่ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นแต่จ้าวอย่าไปจากพี่เลยนะ พี่อยู่ไม่ได้เลยจริงๆ ถ้าไม่มีจ้าว”  หัวใจผมเต้นโครมครามเมื่อเห็นพี่มันทำหน้าและพูดออกมาแบบนี้  เลือดทั้งร่างมันสูบฉีดเข้าออกจากหัวใจอย่างแรงจนแทบจะเป็นลม

“รักขนาดนั้นเลย?”  ถึงจะเขินยังไงแต่ผมก็ยังแกล้งทำหน้าเหมือนกับไม่สน  พี่มันพยักหน้าทำตาละห้อย  “ถ้ารักมากก็อย่าดื้อสิครับ จ้าวบอกไม่อยากฟังก็ไม่ต้องเล่านะ”  ยิ้มบางๆ ให้พี่มันแล้วจับคางมันส่ายเบาๆ 

พี่บั๊คเม้มปากแล้วพยักหน้าอย่างจำใจ “อะไรก็ได้ที่จ้าวต้องการ” รู้สึกเหมือนเป็นคนโคตรสำคัญ อยู่ดีดีก็มีคนรักที่ดีขนาดนี้ ทั้งหล่อ ทั้งรวย ทั้งใจดีแถมยังตามใจอีก โอ้ย ไอ้จ้าวมันทำบุญด้วยอะไรวะเนี่ย โคตรเฮงอะ

“ผมไม่ต้องการอะไรหรอก แค่พี่รักผมก็พอแล้ว”  ไม่อยากยอมรับว่าที่พูดออกไปเป็นเรื่องจริง แต่ผมว่ามันจริงที่สุดแล้วล่ะ แค่คนที่ผมรัก รักผมตอบ มันก็ดีที่สุดแล้ว

“อย่าแทนตัวเองว่าผมสิ จะพูดว่าจ้าวหรือจ๋าก็ได้ พี่ชอบฟัง” กูต้องเขินท่าไหนดีวะเนี่ย แต่ละคำนี่ฟังแล้วเบาหวานจะขึ้นตาจริงๆ

“จ้าวรักแฟนจ๋านะ” ปั้นหน้าแทบไม่เป็นรูปเป็นทรง ผมบอกรักออกไปพร้อมกับคล้องคอพี่มันไว้  “รักครั้งแรกที่เคยเกิดขึ้นกับชีวิต ถึงไม่รู้ว่าจะเป็นรักสุดท้ายรึเปล่าแต่จ้าวจะพยายามรักให้ดีทุกๆ วันไปจนกว่าจะถึงวันสุดท้ายครับ”  พี่บั๊คยิ้มพร้อมกับน้ำที่คลอหน่วยตา

นิ้วแกร่งเกลี่ยไล้ไปตามโครงหน้าผมแผ่วเบา “พี่ก็รักจ้าว รักแฟนจ๋ามากที่สุด สัญญาว่าจะดูแลอย่างดีที่สุดครับ”  เรายิ้มแล้วจ้องตากันเนิ่นนาน ส่งผ่านความรักความจริงใจให้กันและกัน กว่าจะมาถึงวันนี้ต้องผ่านอะไรมามากมายเหลือเกิน จากนี้ไปคงหมดเรื่องหมดราวซะทีนะ



“มองนาน ๆ กูคิดตังค์นะพี่ อุ๊บ! อื้อ อื้อ ๆ”   ไอ้พี่บ้า จะจูบก็ไม่จูบดีดี กระแทกเข้ามาซะปากเกือบแตก  แต่ว่านะ ฟินเป็นบ้าเลยละ

“อืออ”  ผมครางอือเมื่อ รู้สึกว่าร่างกายมันเบาหวิวไร้น้ำหนัก  นี่เป็นจูบแรกกับพี่บั๊คตอนที่มีสติครบถ้วน  อยากหลับตารับสัมผัสนี้แต่ก็เสียดายภาพใบหน้าหล่อคมที่อยู่ใกล้จนต้องลืมตามองดูทุกการกระทำ ลิ้นแกร่งรุกไล่กวาดต้อนไปทั่วทั้งปาก ทุกครั้งที่แรงดูดเพิ่มขึ้นพี่มันก็รัดตัวผมแน่นขึ้นจนแทบจะหลอมรวมเป็นร่างเดียวกัน

“พี่ขอทำตอนนี้ได้มั้ย”  พี่บั๊คถอนจูบออกแต่ก็ยังแนบหน้าผากอยู่กับหน้าผากผม จมูกของพี่มันคลอเคลียร์สูดลมหายใจเข้าแสดงอารมณ์ปรารถนา 

“ตักบาตรจะถามพระทำไม..โอ๊ย!!!” ปากผมโดนกัดแรง ๆ แล้วปล่อย  ไอ้พี่บ้า  กูเจ็บนะเว้ย

“ปากมึงนี่จะดีไปไหนไอ้จ้าว เล่นไม่รู้เรื่องเลย”  ถึงปากจะบ่นแต่ทว่าการกระทำสวนทาง  ชายเสื้อผมถูกเลิกขึ้นและถอดออกในที่สุด

หัวใจผมเต้นรัวเมื่อเจอกับสถานการณ์นี้  มันหลากหลายอรรถรส ทั้งฟิน ทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัว และมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้กับคนที่ผมรัก

“ปากดีไม่ดีไม่รู้ รู้แต่ว่าจูบเก่งไม่แพ้พี่แน่ๆ”  ยังคงต่อปากต่อคำตามประสาคนน่ารัก

“หึหึ”  มันหัวเราะโรคจิตใส่  “กูไม่ออมแรง พูดเลย” หน้าผมแดงแน่ ๆ เมื่อมันพูดจบ  มึงจะโฆษณาชวนเชื่อทำไมไอ้พี่บั๊ค กูยิ่งเชื่อคนง่ายอยู่

“ทดลองสินค้าก่อนใช้จริงได้ปะ”  ผมทำหน้าท้าทาย  “ถ้าดีก็ใช้ต่อแต่ถ้าไม่ดีจ้าวจะสอนเอง อุ๊บ.. อื้อ”  ปากผมถูกประกบทันทีและคราวนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะถูกปล่อยง่าย ๆ 

ผัวจ๋า อย่ารุนแรง..น้อยกว่านี้นะ อ๊ะ อร๊างงงง!!



ไม่บรรยายอะไรให้มากความ ผมไม่เน้นขายฉากอย่างว่าเพราะเรื่องราวของผมมีดีกว่านั้น คึคึ  ไอ้จ้าวนี่มันไอ้จ้าวจริงๆ

หลังจากที่เราเด้งดึ๋งดั๋งกันบนเตียงน้ำอย่างสำเริงสำราญบานเบอะ เราก็พากันหลับเอาแรงและตื่นขึ้นมาพร้อมกันในตอนค่ำ

พวกแม่ๆ กำลังกินข้าวและพูดคุยกันอย่างออกรส เราสองคนไปร่วมวงด้วยโดยที่ยังไม่รู้ว่าทุกคนคุยเรื่องอะไรกัน



“แต่งงาน!!” ข้าวเกือบพุ่งออกจากปากเมื่อเข้าใจเรื่องราว

“ก็ใช่สิลูก หรืออยากเสียตัวฟรีไปเรื่อยๆ ล่ะ”  เชื่อไหมครับว่านี่เป็นประโยคที่พูดออกมาโดย ‘แม่จ๋า’

นี่อยู่กับเหงี่ยมมากไปจนเชื้อเกรียนติดมาเหรอเนี่ย  โอยยย จ้าวอยากตาย

ผมหุบปากไม่อยากไฝว้เพราะนั่นแม่ผัวไม่ใช่แม่ตัว จะเกรียนกลับก็กลัวเค้าจะยึดลูกคืน ได้แต่นั่งฟังเค้าแพลนงานแต่งของตัวเองแล้วทำหน้าปุเลี่ยนๆ

“จ๋าช่วยพูดหน่อยสิ นี่พึ่งคบกัน จะให้แต่งแล้วเหรอ”  กระซิบกับสลัดที่นั่งกินข้าวอย่างสบายอารมณ์ 

มึงดีใจอะไรนักหนาที่จะถูกจับแต่งงานวะเนี่ย พึ่งคบกันนะเว้ย ไม่อยากดูใจกันไปก่อนรึไงฟะ!

“พึ่งคบที่ไหน ตั้งแต่จ๋าเข้ามาอยู่บ้านพี่ ตั้งแต่นั้นก็นับทุกโมเม้นต์เลยนะ”  นับกันเป็นโมเม้นต์เลยเหรอ นี่มึงปันใจให้กูมาตลอดเลยงั้นสิ ไอ้คนหลายใจ  อยากจะต้อว่ามันเหมือนกันแต่ในเมื่อจะทิ้งอดีตแล้ว ผมก็ไม่อยากรื้อฟื้นอีก จากนี้ไปถ้ามันนอกใจผมล่ะก็ ได้โดนร้ายแน่ๆ   โดนดีไปโดนกับคนอื่น  แต่ถ้ากับผมไม่ใช่แค่โดนร้าย มันจะโดนโหดเลวเถื่อนด้วยนะ บอกเลย

“อยากแต่งจริงอ๊ะ”  ผมกระซิบอีก

“ทำไมล่ะ จ๋าไม่อยากแต่งเหรอ”  พี่มันทำหน้างอ

“เปล่าๆๆ”  อย่าว่าแต่มันตามใจผมเลยนะ ผมเองก็โคตรรสปอยมันเลย กลัวมันงอนเหมือนกันแหละ  ดูท่าไอ้พี่สลัดมันจะขี้งอนกว่าผมด้วยซ้ำ  “ก็แค่เขินอะ” ผมทำหน้าอ้อน ไม่มีเหตุผลอื่นให้มันนะ รู้แต่ว่ามันเร็วเกินไปแค่นั้นแหละ

“งั้นก็ตามใจแม่ๆ เถอะ ทุกคนคงดีใจที่เราลงเอยกันด้วยดี”  เห็นรอยยิ้มอบอุ่นและแววตาปลื้มปริ่มของพี่มันแล้วอดใจอ่อนไม่ได้ อยากแต่งก็แต่งวะ

“ครับ แต่งก็แต่ง”  พี่มันยิ้มกว้างเหมือนเด็ก

“ขอโทษที่ไม่ได้ขอเป็นแฟน ไม่ได้ขอแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวนะ เอาไว้จะชดเชยให้คืนนี้”  หืมมม หาเรื่องชดเชยให้กูเสียเปรียบล่ะไม่ว่า แต่ช่างเถอะ รอยยิ้มพี่มันน่ารักจนผมได้แค่ยิ้มรับความแอบหื่นของมันอย่างช่วยไม่ได้

จากนั้นเราก็กินข้าวต่อไปพร้อมกับฟังพวกแม่ๆ คุยกันเรื่องแต่งงานต่อไปจนกระทั่งถึงเวลาเข้านอน



วิวทะเลตอนกลางคืนมันช่างโรแมนติก  พี่บั๊คนั่งพิงหัวเตียงโดยมีผมเอนซบอยู่ตรงไหล่ เรามองดูวิวนอกหน้าต่างด้วยกันอย่างมีความสุข  แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ได้หวานกันตลอด พี่มันยังหลุดพูดกูมึงกับผมเวลาที่ผมเกรียนใส่ ผมเองก็ยังจิกด่ามันบ้างเวลาที่เผลอตัว  ซึ่งผมว่าแบบนี้มันดีกว่า  ไม่ต้องมาหวานเลี่ยนตลอดเวลา ได้เป็นตัวของตัวเอง ได้อยู่กันแบบพี่น้องที่เป็นคนรักกันอย่างนี้ดีที่สุดแล้วล่ะ


*****************

ต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

“อยู่อีกวันมั้ยพรุ่งนี้”  พี่มันชวน

ผมนิ่งคิดเล็กน้อยแต่ก็ต้องปฏิเสธ “ไม่ดีกว่า หยุดเรียนหลายวันแล้วกลัวเรียนไม่ทันเพื่อน”  เกือบจะใจอ่อนเมื่อเห็นหน้าพี่บั๊คหมองลงแต่ก็ต้องใจแข็งเพื่ออนาคต

อนาคตที่เราต้องเป็นคนกำหนดเอง ถึงในวันนี้มีพี่บั๊คอยู่แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกหน่อยจะมีพี่มันคอยซับพอร์ทแบบนี้หรือไม่ อย่าคิดว่าอะไรจะเป็นเหมือนเดิมไปตลอด ความแน่นอนเพียงอย่างเดียวก็คือความเปลี่ยนแปลง  ฉะนั้นเราต้องสร้างสมบัติไว้เป็นของเราเอง และสิ่งที่เป็นสมบัติส่วนตัวได้จริงๆ ก็คือความดีและความรู้ สองสิ่งนี้ไม่มีใครสามารถขโมยไปจากเราได้จนกว่าเราจะตายนั่นแหละ

“งั้นก็ตามใจครับเด็กรักเรียน”  มันแซะผมนิดๆ พร้อมกับขยี้ผมอย่างหมั่นเขี้ยว  ได้อยู่กับพี่มันแบบนี้แล้วสบายใจ ยิ่งรักมากขึ้นเพราะเราคุยกันได้ทุกเรื่องโดยไม่ขัดแย้งกันมากเกินไป  นึกถึงพี่ดินแล้วแอบขนลุก ถ้าผมเป็นแฟนไอ้พี่ดินจริงๆ คงได้แค่วันเดียวเพราะต้องคอยระแวงว่ามันจะมีแผนอะไรแถมยังไม่ฟินเวลาปล่อยมุกแล้วมันไม่สะทกสะท้าน 

“ขอบคุณครับผู้ใหญ่รักเด็ก”  แต่ถ้าเป็นคนนี้น่ะ ผมฟินได้ตลอดเลยล่ะ ก็ดูสิ พูดแค่นี้มันก็ทำหน้าไม่ถูกแล้วละ พี่บั๊คมันน่ารักน่าแกล้งจริงๆ

พี่มันได้แต่ยิ้มเขินรับคำขอบคุณจากผมแล้วก้มลงจูบเบาๆ  เริ่มจากแผ่วเบานุ่มนวลและเพิ่มดีกรีขึ้นเรื่อยๆ ปลายลิ้นอุ่นชื้นระเลียดไปตามกลีบปากอย่างแผ่วเบาจนริมฝีปากผมเผยอขึ้น  ผมเฝ้ามองสายตาและปลายลิ้นเรียวสลับกันไปมาด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก ไม่ชินซะทีเวลาที่พี่มันจูบ  รู้สึกวูบวาบและตื่นเต้นทุกครั้งด้วยใจจดใจจ่อรอดูว่าพี่มันจะทำอะไรต่อไป

และคืนนี้ผมก็เสียตัวไปอีกสองรอบถ้วน ตอนแรกพี่มันก็พอแล้วล่ะแต่ตอนที่พากันไปอาบน้ำ เป็นผมเองที่ลองยั่วมันดู อยากรู้สกิลของตัวเองว่าประมาณไหน ปรากฏว่าเสร็จในอ่างไปอีกหนึ่ง ฮือออ กูไม่น่าเลย ไม่น่าทำร้ายตัวเองเลยยยย





สายๆ ของอีกวันเราก็กลับกรุงเทพ  ส่วนพวกที่เหลือยังไม่ยอมกลับ ดูจะเข้ากันได้ดีเหลือเกิน พี่บั๊คบอกว่าแม่จ๋ามีเพื่อนในวงสังคมชั้นสูงแต่ต้องคอยระแวงระวังตลอดว่าใครจะนินทาลับหลัง แต่พออยู่กับครอบครัวผมแม่จ๋าก็กลับมาเป็นผู้หญิงธรรมดาที่มีเพื่อนสนิทที่ไม่ต้องคอยวางมาดและไม่ต้องกลัวว่าจะโดนแทงข้างหลังอีกเลย พี่บั๊คบอกว่าดีใจที่เห็นแม่กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนตอนอยู่กับพ่ออีกครั้ง ซึ่งผมรู้สึกดีในจุดนี้มากเหมือนกัน



ตอนเดินทางผมก็หลับตลอดเพราะความเพลียแถมยังกลับไปนอนหลับที่บ้านสลัดต่ออีกจนถึงเช้า  พี่บั๊คขอใบรับรองแพทย์จากหมอเกดให้ถึงวันนี้พอดี เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้ก็จะได้ไปเรียนแล้ว



รุ่งเช้าพี่บั๊คมาส่งที่มหาวิทยาลัยแต่เช้าตรู่ ผมเดินเรื่องลาเรียนเสร็จแล้วจึงขึ้นห้องไปสมทบกับพรรคพวก 

“ไอ้กายกับไอ้เดย์ล่ะ”  ผมถามไอ้ไนท์ที่นั่งหน้าบูดอยู่หลังห้องแค่คนเดียว

“ไอ้กายลา ไอ้เดย์งอนไปไหนไม่รู้”  ผมเลิกคิ้วอย่างฉงน

“ไอ้เดย์งอน!?” ผมทวนคำ 

“อือ”  ปากล่างไอ้ไนท์ยื่นออกมาอย่างไม่พอใจ

“งอนมึงเนี่ยนะ”  ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“อือ”  คิ้วไอ้ไนท์ย่นขึ้นทุกที

“มึงไปขโมยเกงในมันมาดมเหรอวะถึงได้งอน คิๆๆ” แกล้งแหย่หวังให้มันหายหน้างอแต่ก็ไม่ได้ผล

น่าแปลกมากที่ไอ้เดย์งอนหรือโกรธไอ้ไนท์ เท่าที่คบกันมาผมไม่เคยเห็นสักครั้งเลยละ

“กูแค่ให้มันสอนอะไรนิดๆ หน่อยๆ แต่แม่งหวงวิชา บอกกูว่าไม่ใช่เรื่องของมันแล้วก็ไม่อยู่หอเลย ไม่มาเรียนพร้อมกู ไม่นั่งเรียนกับกู ไม่กลับพร้อมกูด้วย”  โห นี่เรื่องใหญ่นะเนี่ย ไอ้เดย์กระด้างกระเดื่องขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย

ผมซักไซ้ไล่เรียงถึงต้นสายปลายเหตุและถึงกับเงิบเมื่อได้รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

“หะหะหะ กูไม่รู้ด้วยว่ะเรื่องนี้” หัวเราะแห้งๆ ใส่ไอ้ไนท์เมื่อฟังจบแล้วมันถามว่า ‘กูผิดตรงไหน’

คือมึงไม่ได้ผิดหรอกแต่มึงโง่!  อยากถามเหลือเกินว่าแม่งทาโลชั่นและฉีดฟิลเลอร์ให้สมองรึเปล่า ทำไมสมองมึงถึงนุ่มนิ่มไร้รอยหยักแบบนี้วะ

“มึงก็เป็นพวกไอ้เดย์ใช่มั้ยล่ะ”  มันค้อนใส่จนตาคว่ำ

“เปล่าๆ กูแค่ไม่รู้จะเข้าข้างใคร เอาเป็นว่ากูจะนั่งเรียนกับมึงแต่มึงต้องสัญญาว่าจะรับมุกควายแทนไอ้เดย์นะ โอเค๊”  ไอ้ไนท์มันไม่ชอบอยู่คนเดียวเพราะไอ้เดย์ไม่เคยปล่อยให้ต้องโดดเดียว ผมจึงต้องง้อมันด้วยการอยู่เคียงข้างมันไปก่อน

“เออๆ กูจะพยายาม”  ไอ้ไนท์รับคำแล้วทำหน้าบูดต่อไป

ตลอดวันไอ้เดย์ไม่เข้ามาหาเลย มันไปนั่งกับอีกกลุ่มที่เราไม่ค่อยสนิท ผมแอบโทรหามันแต่มันก็ไม่รับแล้วแอบโบกมือกลับมาทักทายประมาณว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวเคลียร์เอง



ทั้งวันผมต้องทนอยู่กับคนหน้าบูดบึ้ง  โดนโกรธเพราะอะไรแม่งยังไม่รู้ตัว นอกจากไม่ไปง้อแล้วแม่งยังไปโกรธเค้ากลับอีก ไอ้เหี้ยไนท์แม่งโง่เกินควาย จะด่าควายก็สงสารควายเพราะมันฉลาดกว่าไอ้ไนท์เยอะ เฮ้อ กูเครียดแทนไอ้เดย์เลยว่ะ





พอถึงคาบสุดท้ายก็มาคิดว่าจะทำยังไงดี  วันนี้บอกพี่บั๊คว่าจะซ้อมบาสแต่ไอ้ไนท์ไม่มีอารมณ์แล้วสั่งให้พวกปีหนึ่งซ้อมกันเอง ผมก็เลยไม่ซ้อมด้วย รอไอ้เดย์ไอ้ไนท์มันดีกันแล้วค่อยมาซ้อมพร้อมกันดีกว่า

“ไปเซอร์ไพรท์คุณแฟนดีกว่า อิๆ”  เดินแกว่งเป้อย่างสบายอารมณ์แล้วโหนรถเมล์ไปหาพี่บั๊คที่บริษัท  ลงป้ายใกล้ๆ แล้วซื้อลูกชิ้นปิ้งเดินกินไปเรื่อย  พอใกล้ถึงทางเข้าก็เห็นรถพี่บั๊คเลี้ยวออกไป จะเรียกก็ไม่ทัน พอควานหาโทรศัพท์ก็ดันแบตหมดซะอีก

ผมรีบโบกแท็กซี่ให้ตามรถพี่บั๊คไป  ไม่รู้พี่มันไปไหนเพราะเป็นคนละทางกับบ้าน

“หรือว่าไปหาแฟนเก่ามันวะ”  หน้าผมนี่ร้อนวูบ ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม รู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบลงมากลางหัว  ที่บอกว่าไม่มีใครแล้วคือโกหกใช่มั้ยวะ หรือยังไงกันแน่  ตอนนี้ต้องตั้งสติ อย่าทำตัวเหมือนนางร้ายที่มโนแต่เรื่องร้ายๆ พี่มันอาจไปติดต่องานที่อื่นก็ได้

ใจเย็นๆ ร้องเพลงสิ เพลงอะไรดีวะ  “คนของฉันต้องเป็นของฉัน ต้องมีแค่ฉัน คนของฉันถ้ายังรักเขาก็เป็นของเขา” ม่ายยย เพลงบิ้วไปอีก ไม่เอาๆ ตั้งสตินะจ้าว คุยสิ คุยกับพี่คนขับ จะได้ใจเย็นลง

“พี่ครับ ไปเร็วๆ หน่อยครับ เดี๋ยวตามไม่ทัน”  ฉิบหาย ไอ้จ้าวคนใจเย็น คนลั้ลลาหายไปแล้ว ฮืออ ความรักทำให้ขาดสติแบบนี้นี่เอง โอยย ใจกูร้อน อยากเหาะไปเองแล้วเนี่ย!!



ในที่สุดรถพี่บั๊คก็เลี้ยวเข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่งที่ผมรู้สึกคุ้นตาอย่างมาก  ผมบอกพี่คนขับให้จอดก่อนจะถึงทางเข้าเล็กน้อยและเดินเข้าไป   บอกรปภ.ว่ามาหาพี่บั๊คคนที่พึ่งขับรถเข้าไปและเขาก็เชื่อเพราะพึ่งเห็นพี่บั๊คเข้าไปจริงๆ

ผมเดินเข้ามาในล็อบบี้อย่างงงๆ มันไม่ใช่แค่คุ้นตาแต่ผมเคยมาที่นี่ ภาพในเช้าวันนั้นรีเพลย์ซ้ำใหม่อย่างแจ่มชัด ผมเดินเข้าไปถามที่ฟร้อน หวังถามว่าสลัดอยู่ห้องไหน แต่พอพูดชื่อพี่บั๊คเขาก็บอกว่าผมคงเป็นคนที่นัดดูห้องที่พี่บั๊คจะขายและบอกให้ผมขึ้นไปหาเลยโดยบอกเลขห้องให้เสร็จสรรพ

ผมกดลิฟท์ขึ้นมาด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ ได้แต่ภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่ผมคิด ภาวนาแล้วภาวนาอีกแต่ก็คงไม่เป็นผล

เลขห้องตรงหน้าประตู ตอกย้ำความรู้สึกในวันนั้นให้เจ็บปวดขึ้นมาเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น ประตูห้องไม่ได้ล็อคเพราะคงรอให้คนมาดูจริงๆ  ผมเดินเข้าไปแล้วกวาดสายตามองไปรอบห้อง ทั้งโซฟาแบบเดียวกับที่บ้านริมทะเล ทั้งความคุ้นตาของสภาพห้องที่ผมเคยลากสังขาลออกมาเมื่อวันนั้น  เสียงกุกกักดังอยู่ตรงระเบียง พี่มันคงกำลังเก็บของเพื่อย้ายออก  คงคิดจะขายเพื่อปิดบังเรื่องในอดีตแล้วทำเป็นว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่

ผมไม่สนใจว่าตัวมันจะอยู่ตรงส่วนไหนของห้องแต่ผมต้องการพิสูจน์ว่าสิ่งที่ผมคิดเป็นจริงแค่ไหน  เปิดประตูห้องนอนแล้วก้าวเข้าไปที่โต๊ะทำงาน ทุกก้าวที่เดินมันหนักเหมือนมีหินมาถ่วง  ใจหนึ่งก็อยากรู้อีกใจก็กลัวว่าจะรับความจริงได้แค่ไหน



“ขออย่าให้มีอะไรอยู่ในนี้เลยนะ”  หยุดยืนภาวนาก่อนจะดึงออกมาแล้วถอนหายใจ ไม่มีสิ่งที่ผมคิดไว้แต่มันก็ยังไม่จบเพราะมีอีกหลายที่ที่ผมต้องหา

ทดลองดึงลิ้นชักด้านล่างแล้วตรวจดู ก็มีแต่เอกสาร ดึงตู้เอกสารที่ตั้งอยู่ข้างโต๊ะก็ไร้วี่แววสิ่งที่ต้องการเจอ  ในใจโล่งไปเล็กน้อยแต่แล้วก็แทบหยุดหายใจเมื่อเดินไปเปิดลิ้นชักที่ตู้ข้างเตียง

!!!!!!!!!

ตัวผมชาดิก ภาพที่เห็นคือกระเป๋าสตางค์สีน้ำตาลใบเก่งที่ผมใช้จนเยินแต่ก็ไม่ยอมเปลี่ยน ใกล้กันนั้นมีพวงกุญแจกับโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไม่หรูแต่ก็เป็นน้ำพักน้ำแรงที่ผมทำงานพิเศษซื้อหามาด้วยตัวเอง

ขนาดนี้ก็ยังไม่เชื่อว่าเป็นของผมจนต้องเปิดกระเป๋าดูจนยอมจำนนต่อหลักฐานเมื่อเห็นบัตรประชาชนของนายชีวานนท์อยู่ในนั้น  ผมหยิบบัตรออกมากำไว้แน่น เจ็บจนจุก อยากร้องไห้แต่น้ำตากลับไม่ไหล  ค่อยๆ เก็บของใส่กระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตทีละชิ้นด้วยมืออันสั่นเทา

และในขณะที่กำลังอัดอั้นตันใจอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงของพี่บั๊คดังแว่วเข้ามา

“พี่ยังไม่ได้เก็บของเลยครับ แต่พรุ่งนี้จะจัดการให้เรียบร้อย ชาติกับฟ้าจะย้ายเข้าเมื่อไหร่ล่ะ”  คงคิดว่าผมเป็นคนที่จะมาซื้อคอนโดมันล่ะมั้ง แต่พอมันเห็นผมที่ยืนปักหลักรอท่าอยู่กลางห้องก็ถึงกับหน้าถอดสี

“จ้าว!!!!!???”   มันหยุดยืนอยู่ตรงประตูไม่กล้าเข้ามาใกล้เพราะคงเห็นรังสีอำมหิตจากผม



เป็นผมเองที่ก้าวเท้าเข้าไปหามันอย่างช้าๆ แล้วหยุดยืนประจันหน้า “ถามคำเดียวเลยพี่บั๊ค...มึงเป็นคนตอแหลมั้ย” เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันถามมันด้วยเสียงที่ดังขึ้นอีก “มึงตอแหลมั้ย!!” ล้วงเข้าไปในเสื้อแจ๊คเก็ตแล้วหยิบของทุกอย่างปาใส่หน้ามันอย่างแรง “มึงตอแหลใช่มั้ย!!!!!”

พี่บั๊คยืนนึ่งไม่หลบแต่ก็สะดุ้งเล็กน้อยเพราะถูกของแข็งกระทบใบหน้าอย่างจังจนมีเลือดซิบออกมาตรงโหนกแก้ม

พวงกุญแจกับกระเป๋าสตางคว่ำหน้าอยู่บนพื้นโดยมีบัตรประชาชนของผมตกอยู่ไม่ไกลจากปลายเท้าของมัน  “สนุกมากมั้ย”  ข่มอารมณ์อย่างมากไม่ให้ร้องไห้แต่น้ำตากลับมาอออยู่เต็มสองเบ้าตา  บ้าสิ้นดี เมื่อกี้อยากร้องกลับร้องไม่ออกแต่ตอนนี้กลับถั่งโถมจนสุดที่จะกลั้น   “มึงสนุกมากมั้ยพี่บั๊ค!! ตอบมาสิ ยืนบื้ออยู่ทำไม!!!”  แล้วหยดน้ำเจ้ากรรมร่วงลงอาบแก้มในที่สุด  “คนอย่างไอ้จ้าวมันโง่มากสินะ  กูมันโง่ในสายตามึงมากสินะ  ที่ผ่านมาก็คงหัวเราะเยาะในความโง่ของกู  ปั่นหัวกู ล้อเล่นกับหัวใจกู  และก็ได้ทุกอย่างจากกูไปทั้งตัวทั้งใจเพราะเรื่องโกหกของมึง  ทำแบบนี้แล้วมึงภูมิใจมั้ย ภูมิใจมั้ย!!”  ผมตวาดสุดเสียงและผลักอกมันอย่างแรงจนพี่มันผวาถอยหลังไปสองสามก้าว  นี่เป็นครั้งแรกที่ผมโกรธถึงขนาดนี้ โกรธจนอยากกระโดดถีบยอดหน้ามันสิบทีซ้อนถ้าทำได้

“พี่ขอโทษ”  พี่บั๊คมองผมอย่างสำนึกผิดแต่มันไม่ได้มีความหมายอะไรกับผมอีกแล้ว

“หึ ขอโทษเหรอ”  แค่นหัวเราะเยาะทั้งคำพูดของมันและความโง่ของตัวเอง  น้ำตาที่ไหลอยู่ก็ปล่อยมันไหลไป ไม่คิดจะเช็ดออกเพราะมันเป็นเครื่องตอกย้ำความพ่ายแพ้และถูกย่ำยีศักดิ์ได้เป็นอย่างดี  “กูรับคำขอโทษก็ได้พี่บั๊ค”   สีหน้าสลัดดูดีขึ้นเล็กน้อยแต่มันก็ดีใจเก้อเมื่อผมพูดในสิ่งที่แม้กระทั่งตัวผมเองยังไม่อยากพูด “จ้าวยกโทษให้แล้ว  เราก็ไม่ติดค้างกันนะ  เพราะฉะนั้น จากนี้ไปก็ไม่ต้องเจอกันอีก  อย่ามาให้เห็นอีก  อย่าตามกวนใจ  กูไม่พร้อมจะคบหากับคนตอแหล“  และประโยคสุดท้ายที่ผมต้องกัดฟันฝืนใจอย่างมากที่สุดก็หลุดออกไปจนได้ “เราเลิกกันเถอะ!”

พูดจบก็หันหลังออกจากห้องทันที  ไม่อยากเห็นหน้ามันอีกแม้แต่วินาทีเดียว  แต่เดินไปเพียงไม่กี่ก้าว ข้อมือของผมก็ถูกรั้งไว้

ผมหยุดแต่ไม่ได้หันไปมอง  “เลือกเอานะพี่บั๊ค  จะให้ยกโทษให้  หรือจะให้เกลียดไปจนวันตาย”  แล้วมือหนาของมันค่อยๆ คลายออกทีละนิ้วจนหลุดออกไปในที่สุด 

ผมเดินออกมาจากคอนโดด้วยหัวใจแหลกสลาย โดนหลอกมาได้ยังไงตั้งขนาดนี้ ทำไมไม่เคยเอะใจอะไรเลย แต่ถ้าจะโทษพี่บั๊คฝ่ายเดียวก็คงไม่ถูก คงต้องโทษความโง่งี่เง่าของตัวเองด้วย 



“หึ.. มึงโง่ขนาดนี้เลยเหรอวะไอ้จ้าว!”

****************

 :pig4:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :hao5:   ยาวสะใจปลื้มปริ่มมาก
จ้าวเอ๊ยอย่างอนเลยแกมันไม่ธรรมดานี่หว่า

ออฟไลน์ wiwari

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +93/-1
อิจ้าวดราม่าแบบนี้แล้วใครจะฮาได้ละเนี่ย
อย่าโกรธพี่บั๊คเลยนะ  :mew2:

ออฟไลน์ fanglest

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
โห่ ไอ้จ้าววววโลกกก
อย่าพึ่งเข้าใจแบบนั้นซิครัชช
ฟังไอ้พี่บั๊คก่อนน
 :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
อะไรอ่า....เพิ่งคบกันแค่วันสองวันเอง จะเลิกกันแล้วเหรอ
จ้าว...ฟังพี่บัคก่อน

ออฟไลน์ GlassesgirL

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1037
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-2
จ้าวไม่เหมาะที่จะเป็นแฟนพี่ดินจริงๆ เกรียนกันทั้งคู่แบบนี้ ที่สำคัญพี่ดินทันมุกตลอด 55555
จ้าวรู้ความจริงแล้ว แต่อย่าโกรธนานเลยนะ กลับมาฟังพี่บั๊คพูดอธิบายก่อน อย่าเดินหนีไปแบบนี้
แล้วจะรู้ความจริงเข้าใจกันได้ยังไงล่ะ  :katai1: โอย สงสารจ้าวนะ รู้สึกว่าถูกหลอกมาตลอดแบบนี้
แต่สงสารพี่บั๊คเหมือนกัน เพราะจ้าวไม่เหมือนใครพี่เขาเลยต้องทำแบบนี้ ดีกันเร็วๆนะ
 :mew1: :L2:


ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
ยาวมากมาย
แง กำลังจะหวานแล้วเชียว น้ำตาลกลับขมซะงั้น
รีบๆมาต่อนะคะไรต์ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
ทำไมเรางงกับตอนสุดท้าย
จ้าวโกรธเรื่องไรหว่า (เดี๋ยวอ่านอีกรอบ)

ตอนนี้ยาวสะใจเค้ามากกก
ตั้งแต่จ้าวรู้เสียทีว่าเมาเรื้อนขนาดไหน
ได้เคลียร์กับพี่สลัด (จนถึงทะเลาะกันอีก)

พี่ดินโครตเท่ห์อะ
ที่รุกใช่ปะ ถามจริง ไมพี่เหมือนจ้าวมากกกก

จ้าวบอกจะลืมอดีต เลยไม่ให้พี่บัคอธิบาย
จนไม่รู้เรื่องกันเลยทีนี้

อย่าเลิกกันเลยน่ะ
เพิ่งเข้าใจกันเองอะ
รักทั้งจ้าวทั้งพี่บัคนะ
เคลียร์กันเร็วๆ เค้าใจไม่ดี

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
อิจ้าวววววว ก็พี่เค้าจะบอกแล้วววววว. แต่แกไม่ยอมฟังงงงงงงงงเองงงงงงงนะะะะะะะโว้ยยยยยยยย
แหม่ กำลังฟินเลยเชียว เจอมาม่าชามโตเข้า
ดีกันเร็วน้าาาาาาา นิยายเรื่องนี้ไม่เหมาะกับบรรยากาศมาคุด้วยประการทั้งปวงงงงงงง
+1  :กอด1:

ออฟไลน์ สายลมที่หวังดี

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-1
มาแบบยาวสะใจไปเลย.....สงสารจ้าวอิพี่บั๊คสมควรโดนโกรธโกหกทุกคนไปเรื่อย

ออฟไลน์ misso

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
คือแบบ ไม่เข้าใจจ้าวอะ บอกไม่สนอดีต จะอยู่กับปัจจุบัน เขาจะอธิบายให้ฟังก็บอกห้ามพูด แล้วพอมาเจองี้ก็ดันโกรธอีก  :เฮ้อ:

เชียร์พี่ดินดีกว่า แมนๆ บ้าๆ ดี  :o8:

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
งง กับ จ้าว อ่ะะะ  :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Teddysdeath

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ชิหายระสลัด งานนี้จะง้อยังไงเนี่ย :mew5:

# แอบปันใจให้ดินจ้าว

ออฟไลน์ JadeButterflyεїз

  • เขย่าแล้วขย่ม
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
หักมุมมาม่าซะงั้น  :ling1:
จะว่าพี่บั๊คก็ไม่ได้นะ เหมือนพี่จะบอกแล้วนี้แต่จ้าวไม่อยากฟังเอง
แต่ยังๆ พี่บั๊คก็ต้องง้อนั้นแหละ ต้องใช้บริการดินอีกแล้วล่ะ 555
ไม่ก็จ้าวโดนเหงี่ยมเทศนาจนบรรลุ  :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
อิจ้าววววว~~ ชักจะเยอะนะแกอ่ะ เค้าจะเล่าแกก็ไม่ฟัง แล้วงี้ก็มาโวย เพลียจิต!!

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ยาวมาก สะใจเลย
แต่หวานๆ อยู่ดีๆ ขมสะงั้นนนน

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
 :angry2: อิข้าวจ้าว อิขี้มโน แกไม่ฟังเรื่องที่พี่บั๊คจะเล่าให้ฟังเองนะ
พอมาเจอข้าวของตัวเองก็คิดเอาเอง แถมไม่รอฟังเขาอธิบายอีก
แล้วแกจะรู้ได้ยังไงว่าเรื่องเป็นมายังไง โว้ย........ขัดใจเฮียๆๆๆๆ  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ปกติก็ไร้สาระตลอด บทจะจริงจังขึ้นมา โหดสลัด
พี่บั๊คเอ๊ย ทำให้เรื่องมันยุ่งยากเอง ทำไงดีล่ะ ตัวใครตัวมัน

ออฟไลน์ black sakura

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-8
ยาวสะใจมากกกกแต่อิพี่บั๊คเนี่ยดิงานเข้าเต็มๆเลย

ออฟไลน์ ss.suttida

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตอนเขาจะอธิบายเสือกไม่ฟัง ไอจ้างเอ็งมันง้าว!!!! :angry2: :angry2:
จะโดนสาวกจ้าวตบไหม
ในที่สุดส่วยก็มาส่ง :katai2-1:

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
โถถถ.. อ่านตั้งยาวสุดท้ายอิจ้าวก็โกรธอยู่ดี เฮ้อ!!



ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ MunashiiSora

  • ♥ ฮุนฮาน ft.520
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 443
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-2
ยาววววววววววววววววววววววว อ่านเป็นชั่วโมงอ่ะกว่าจะจบ 55555555555555555555555555
สะใจจริงๆ

เปลี่ยนพระเอกเป็นพี่ดินเถอะค่ะ เคมีเข้ากันอยู่นะคู่นี้
เอาจริงๆคือแอบเชียร์คู่นี้สุดๆ 555555555555555

เหมือนตอนจบเลยนะคะ แบบแฮปปี้เอนดิ้งไรงี้
แต่มาเจอตอนสุดท้ายนี่ยิ้มไม่ออกเลย

อิจ้าวดราม่าค่ะ !!!  :ling3:
อย่างนี้ต้องเคลียร์ๆๆ

 :katai4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-12-2014 16:10:29 โดย MunashiiSora »

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
เรื่องนี้จ้าวไม่ฟัง แต่พี่บั๊คก็ผิด

ออฟไลน์ am_am

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ยาวปลื้มปริ่มมากกกกกกกกกกกกกก  อ่านแล้วลุ้นมากมาย
มาเพลียเอาตอนจบเนี่ย จ้าวเอ๊ยยยยยยยยยยยย
ถ้าเค้าเป็นอีพี่สลัดเนี่ย มีทิ้งอ่ะ บอกเลย เฮ้อออออ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด