Best Couple : คู่จิ้นของผมเป็นผู้ชาย by นิยายหมายเลข9 [ตอนพิเศษ p.70 16/5/58]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Best Couple : คู่จิ้นของผมเป็นผู้ชาย by นิยายหมายเลข9 [ตอนพิเศษ p.70 16/5/58]  (อ่าน 699003 ครั้ง)

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
วู๊ว  ข้าวจ้าว!!!!!!! พอเขาจะอธิบายแกก็ไม่ฟัง  :katai1:

ออฟไลน์ Naeon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
อึ้ง อ่านมาตั้งนานมาโกรธด้วยเรื่องนี้ เลิกรักมันเหอะพี่บั้ค เขารับไม่ได้อ่ะ

ออฟไลน์ Nattiz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
จ้าวงอแง ไม่ฟังพี่บั๊คเลย

ออฟไลน์ bangkeaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-4
ยาวสะใจมาก
แต่พออ่านจบก็ต้องร้อง "อ้าววววว"
เพิ่งจะคบกันไม่กี่วันเองนะ
พี่บั๊คก็จะเล่าทุกอย่างแล้วทำไมจ้าวไมฟังพี่เขาล่ะ

ออฟไลน์ rk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2

ออฟไลน์ chen

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
มายาวจัดเต็มมากอ่ะ ชอบๆ สมความคิดถึง
มีหลายรสเลย ทั้งหวานฮาเปรี้ยวขม
น้องจ้าวนี่ดราม่าควีนเลยแฮะ ตอนพี่บั๊คจะเล่าก็ไม่ฟัง พอมาเจอเองก็งอนไปซะละ
ชีวิตมันไม่ยาวนะลูก เก็บเกี่ยวความสุขเอาไว้เถอะ
พี่ดิน นี่ก็นะ เรื่องคนอื่นช่วยได้ช่วยดี พอผงเข้าตาตัวเองจะเป็นไงหนอ

ออฟไลน์ nicksrisat

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
โกรธพี่บั๊คได้ไงจ้าว เค้าจะพูดความจริง
กลับไม่ให้พูด ไม่แฟร์นะ :katai1:

ออฟไลน์ baka_bunny

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ตอนนี้ยาววววววววสะใจมากกกกกก....แต่จ้าวววววทำไมไม่ฟังสลัดอธิบายก่อน ไหนว่าไม่สนอดีตที่ผ่านมาไงแล้วสุดท้ายคือล่ะ????

ออฟไลน์ Theodore

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
อ่านรวดเดียว แต่มาหยุดตรงตอนปวดใจซะนี่

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
เหมือนจะดี กลายเป็นดราม่าซะงั้นนนนน

จ้าวแกช่วยหยุดฟังสักนิด !!!!

อิพี่บั๊คมีแกคนเดียวนั่นแล ฮ่วยยยยยย บั๊คน่าสงสารอีกละ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ yummiie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2

ออฟไลน์ sapphire winnie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
เห็นชื่อตอนนี่ตอนแรกใจเต้นดึ๋งๆๆๆๆๆๆ นึกว่าจะมีฉากชวนเสียวงี้
สรุปคือรอเก้อเลย 555 คิดไปเองทั้งนั้น

ตอนพี่ดินเกือบได้กับจ้าวนี่คืออื้อหืออ้าหามาก! ต่างคนนี่แบบบบบบ ยั่วกันสุดอ่ะะะะ
ใจพี่ดินยังดีอยู่ไหม เจอสกายจุ๊บจ้าวใช่ไหมเนี่ย
รอลุ้นคู่นี้อีกหนึ่ง รออ่านเดย์ไนท์อีกหนึ่ง

ส่วนอิจ้าวววววววววววววววววววว
เรียกอะไรดีเนี่ย ชีวิตเกือยจะดีจะดีแล้ว ก็มีเรื่องแทรกตลอดๆ
เคลียร์กันซะเถอะนะ TT^TT คนอ่านลุ้น 555

ps. มาอัพแบบยาวสะใจมากจริงๆ เลิศๆ!

ออฟไลน์ Tinton

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
นึกว่าจะแฮบปี้เอ้นดิ้งสะอีก ><'

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
นังชักจะเยอะไปแล้วนะ โอ๊ยสงสารทั้งจ้าวทั้งพี่บั๊ค ตามลุ้นกันไป

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
ชอบบบ ยาวสะใจมากกกกกก

ตอนแรกนี้หวานแบบจะเป็นน้ำเชื่อมอยู่แล้ว

ตอนจบนี้น้ำตาลไหมซะงั้น :z3:

ออฟไลน์ nunamicky

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-3
ง้อไงดีล่ะพี่บั๊ค :เฮ้อ:


ออฟไลน์ chisarachi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1019
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-1
เป็นเรื่องที่ฮาทุกตอนจริงๆ
ฮากับความเกรียนของน้องจ้าว
เราชอบตอนแรกๆมากค่ะ ที่เริ่มๆรู้จักกัน
ที่น้องอยู่ใสนบอร์ดอ่ะ
คืออ่านแล้วมันสนุกมันลุ้นแบบแปลกๆ แบบเท่ว่ะได้เจ้าของบอร์ดมาครองด้วยไรงี้
ยิ่งจิ้นกันด้วยมันยิ่งน่ารัก ยิ่งถ้าจีบกันในบอร์ดไปอ้อยกันบ่อยๆ
เราคงตามไปสมัครเว็บนี้บ้างล จะได้ฟินเต็มๆ

ตอนที่มาแกล้งเแ็นแฟนก็น่ารักกก น้องจ้าวเแ็นคนเกรียนๆที่ใจจงามอ่ะ
ชอบที่เข้ากับแม่ผัวได้  ฮามากเวลานางเกรียนๆ
ยิ่งตอนเมาๆนี่ฮามาก เวลาแยู่กับพี่ินนี่เหมือนสองเกรียนมาเจอกันอ่ะ
คนน่าสงสารคือพี่บั๊คเพราะคบทั้งสองคน5555555555

แต่แอบขัดใจตรงที่น้องบอกว่าไม่ให้เล่าเรื่องแฟนหรือเรื่องต่างๆให้ฟังอ่ะ
แบบกรี๊ดดด จะรู้เรื่องอยู่แล้วเชียวนะน้องจ้าว ไมาเล่าแล้วจะรุ้เรื่องไหม เดี๋ยวก็มาหึงไรแปลกๆอีก
และก็จริง พอมาเรื่องที่คอนโดนี่ ชอบนะดราม่าอ่ะ ตอนที่บอกว่าเลือกเราจะยกโทษหรือเกลียดไปจนตาย
คือเจ็บแทนพี่บั๊ค แต่ก็นั่นแหละขัดใจน้องจ้าวนะ คือดราม่าไม่สุดอ่า
แบบมันจะไม่ดราม่าถ้าพี่บั๊คบอกความจริง และจ้าวมีีสติฟังมากกว่านี้ตั้งแต่ตอนแรก
ถ้าฟังเรื่องแฟนพี่บั๊คตอนนี้จ้าวไม่โกรธไปใหญ่หรอ


ออฟไลน์ Mamoru

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 120
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
อีจ้าว อินังโง่ บอกไม่ให้พี่บั๊คเล่า ละจะไม่เอาอดีตมาคิด โอ้ยมึนกะนางงงงง :z3:

ออฟไลน์ nekodollzz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
หะ!! เดี๋ยวนะ!!!  :o

เอ็งเป็นคนบอกพี่สลัดไม่ต้องเล่าเองไม่ใช่หรอ

แล้วจะมาโกรธอะไร อิจ้าวเอ๊ยยยยย  :amen:

ออฟไลน์ black-egoistic

  • 尚之
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 314
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
โธ่ ข้าวจ้าวเอ้ย~
จะสงสารดีไหมเนี่ย
เป็นกำลังใจให้พี่บั๊คง้อเมียให้สำเร็จค่ะ  :katai1:

ปล.รักพี่ดิน เราหลงรักพี่ดิน  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
 :L1: สวัสดีปีใหม่คู่จิ้นค่า  :L1:

มาพร้อมกับการบอกว่ารอตอนต่อไปอย่างจดจ่อ  :mew2:  :mew2:

ออฟไลน์ fullfeel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

ออฟไลน์ Ilovemaya04

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โกรธพี่เค้าทำไมมมมมมมมเรื่องกำลังจะไปได้สวยเลย :z3:

เค้ารอคู่ดินนะตัวเองงงง รู้สึกคนเขียนจะหายไปนานจัง

มาให้กำลังใจคนเขียนนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
Chapter 26  I miss you

เหตุการณ์ตะลุมบอลผ่านไปได้พักใหญ่  บอกตามตรงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นดำเนินไปโดยไม่ทันตั้งตัวถึงแม้ว่าการแกล้งไอ้ชนเผ่า ผมจะเตรียมการณ์ไว้แต่นึกไม่ถึงว่ามันจะจู่โจมเร็วขนาดนี้ เคราะห์ดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมากไปกว่ารอยฟกช้ำบนใบหน้าและลำตัว  จะเจ็บมากหน่อยก็ตรงชายโครงที่ถูกเตะซ้ำๆ อยู่หลายที

“ผมว่าผมขับให้ดีกว่า”   หลังจากนิ่งเงียบไปนาน ไอ้หน้านิ่งก็หันมาพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล

ผมเหลือบมองด้วยสายตาขุ่นเคืองเล็กน้อย “ไม่บอกตอนถึงคอนโดแล้วล่ะ กูถามหน่อยว่านอกจากทำหน้านิ่งเป็นเป็นปลาสลิดตากแห้งแล้วมึงทำอะไรเป็นมั่ง สภาพกูขนาดนี้มึงยังนั่งนิ่งให้กูขับรถอยู่เป็นนานสองนาน น้ำใจน่ะน้ำใจมีบ้างมั้..โอ๊ย!!”  ผมร้องลั่นทันทีเมื่อนิ้วเรียวของมันจิ้มมาบนโหนกแก้มที่โดนต่อย “ไอ้เหี้ยนี่! กูเจ็บนะ จิ้มหาพ่อมึงเหรอ!!”  ด่ามันแล้วตบไฟเลี้ยวเข้าเลนซ้ายทันที

ไอ้ห่าหน้านิ่งอมยิ้ม มันทำหน้าเหมือนกับว่ามันแค่จี๋เอวผมงั้นแหละ “ก็ปากน่ะปาก”  มันจิ้มปากผมรัวๆ จนต้องเบี่ยงหน้าหลบ “ตอนไม่พูดก็เท่ดีหรอก แต่พอเปิดปากเท่านั้นแหละ เฮ้อ..”  มันถอนหายใจยาวแสนยาว

“ทำไม กูเปิดปากแล้วทำไม!” ผมทำหน้าเหวี่ยง

“มันตลก” ไม่ได้ใช้น้ำเสียงประชดหรือแดกดัน เหมือนมันรู้สึกว่าเวลาผมพูดแล้วตลกดีซึ่งนั่นทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว

“มึงไม่กลัวกูเหรอ ขนาดเพื่อนสนิทกูเวลาเห็นโหมดบ้าเลือดพวกมันยังไม่กล้าเข้าใกล้ไปสามวันเจ็ดวัน”  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกดีที่มันบอกว่าผมตลก  แต่ผมชอบที่ทำให้สีหน้ามันเปื้อนรอยยิ้มได้แบบนี้

“ตอนแรกก็อึ้งไปเหมือนกันแหละ แต่พอเห็นว่าไม่ได้ทำให้ปากจัดน้อยลงก็เลยเข้าใจว่าคุณก็ยังเป็นคุณคนเดิม”

คนเดิมเหรอ..

“แล้วมึงคิดไง แบบเดิมดีกว่าหรือแบบปีศาจเท่กว่า”  ผมยักคิ้วข้างเดียวทำเท่ไปหนึ่งที

“พ่อของปีศาจเหี้ยๆ จะเท่ได้ไง”  ผมเลิกคิ้วจ้องมันอย่างสนใจ ฟังแล้วนึกขึ้นได้ว่าประโยคสุดท้ายที่พูดกับไอ้ชนเผ่าคือ ‘ปีศาจตัวที่เหี้ยที่สุดยังเรียกกูว่าพ่อ จำไว้!’  ซึ่งผมไม่คิดว่ามันจะจำได้แต่มันก็พูดออกมา

“ใครที่เคยเห็นโหมดปีศาจของกูก็บอกว่าน่ากลัวทั้งนั้นนี่หว่า น่ากลัวมันก็ต้องเท่ดิ”  ผมแย้งแบบเคืองๆ

“น่ากลัวกับเท่มันคนละอย่างกันนี่” มันตอกกลับ “สำหรับผมน่ะ ปีศาจที่หันหลังให้เพื่อปกป้องเราจากศัตรู มันไม่ได้น่ากลัวหรอกนะ”  ฟังแล้วหัวใจกระตุกถี่ยิบ เหมือนได้น้ำทิพย์มาราดใส่ตัว มันสดชื่นขึ้นทันตาเห็น 

“เหรอ” ผมยักไหล่

“อย่างคุณน่ะเป็นได้แค่..” มันเอนตัวเข้ามาใกล้แล้วจ้องผมด้วยแววตาที่เหมือนจะกระชากให้พุ่งเข้าไปในดวงตาสวยๆ คู่นั้น  “..โอ้ปป้า” 

ผมอึ้งไปเล็กน้อย “อ...โอ้ปป้าพ่อง!”  ผลักมันออกไปแล้วรีบเปิดประตูรถ 

ไอ้สัด ทำไมกูเขินวะ แววตาตอนที่มันเรียกโอ้ปป้าเหมือนกับกำลังหยอกล้อกับแมวน้อยตัวเล็กๆ  ไอ้ห่านี่ไม่ให้เกียรติราชสีห์จ่าฝูงอย่างกูเลย



ตอนนี้ไอ้หน้านิ่งมาขับรถแทนได้สักพักแล้ว  ผมพยายามเก๊กหนังหน้าไม่ให้ยิ้มออกมาเวลามันหันมามองเหมือนคอยเช็คอาการว่าผมโอเคไหมแต่ยิ่งทำหน้าตึงก็ยิ่งเจ็บแผล “เจ็บมากเหรอ เดี๋ยวถึงแล้วค่อยกินยาแก้ปวดนะ”  หน้ามันเป็นกังวลมากขึ้น

“ไม่ตายหรอกน่าแผลแค่นี้”  แกล้งไหวไหล่ทำเหมือนไม่แคร์แต่ลึกๆ แล้วรู้สึกดีเป็นบ้าที่มันห่วง

“ผมก็ไม่ยอมให้คุณตายหรอก”  รู้สึกถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่ไม่ปกติแต่ก็เบาบางลงเพราะประโยคถัดมา “ขนาดไม่ตายยังเฮี้ยนแบบนี้ถ้าคุณตายผมคงไม่ได้อยู่อย่างเป็นสุขหรอก”  ถึงกูไม่ตายมึงก็อาจจะไม่เป็นสุขเพราะกูจะถีบหน้านิ่งของมึงสามทีซ้อนเนี่ย!

“ก็ถูก” ผมแสยะยิ้ม “ถ้ากูตายกูจะจองเวรขี่คอมึงจนกว่ามึงจะตายนั่นแหละ”

“ฮ่าๆๆ  ผมยอมนะ”  ทำไมยิ่งคุยด้วยหัวใจก็ยิ่งวูบวาบแปลกๆ ผมจำได้ว่าปกติมันไม่ค่อยพูดเล่นพูดหัวแบบนี้ แต่เดี๋ยวนี้ทำไมชอบพูดแบบมีเลศนัย มันหมายความว่ายังไงกันแน่

ผมไม่ได้ถามต่อและมันก็ไม่ได้เฉลยอะไรออกมา ต่างคนต่างเงียบกันจนถึงคอนโด เมื่อลงจากรถก็เดินไปขึ้นลิฟท์ตามปกติแต่ตอนนี้แผลทั่วร่างเริ่มระบมขึ้นมาแล้ว ผมเดินได้ไม่เร็วเท่าเดิมจนอีกคนหันมามอง

“ให้ขี่หลังเอามั้ย” 

“กูไม่ใช่นางเอกเกาหลี ตัวอย่างกับควายจะให้ขี่หลังควายอีกตัวคงไม่ไหวมั้ง ภาพออกมาคงไม่โอเคอะ”  บ่นไปแต่ก็คว้าไหล่มันเพื่อประคองตัวเดินไปเรื่อย

“แต่ถ้าผมเจ็บแบบนี้ ผมจะขอคุณขี่หลังนะ”  ผมเหลือบมองมันอย่างชั่งใจ  ไอ้หน้านิ่งมันเปลี่ยนไปหรือเป็นผมเองที่คิดมาก 

“เออ” ไม่รู้ทำไมผมตอบไปแบบนี้  แต่ก็ไม่รู้จะตอบอะไรนี่หว่า

สกายหยุดกึกแล้วหันมองผม ทำหน้างงๆ ผมไม่ได้ตอบแค่มองหน้ามันกลับไป ต่างคนต่างมองกันนิ่งเงียบอยู่แบบนั้นเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ 

ปิ๊บปี๊บ!      

เสียงแตรรถดังขึ้นจนเราสะดุ้งพร้อมกัน ผมได้สติก่อนจึงรีบคว้าข้อมือสกายแล้วดึงเข้าข้างทาง  รถยนต์ขับผ่านไปช้าๆ คนขับหันมามองเราเหมือนกำลังสงสัยว่ามายืนจ้องกันกลางถนนทำไม 

“เกือบได้สลับกันขี่คอแล้วมั้ยล่ะ” ผมว่าอย่างขำๆ

ไอ้หน้านิ่งเดินนำไปก่อนแล้วขำออกมาเหมือนกัน “ถ้าตายพร้อมคุณได้ก็แสดงว่าคงทำบาปไว้เยอะน่าดู” 

“เชี่ย” ผมเตะขามันจากด้านหลังจนมันสะดุดนิดหน่อยแต่ก็หันมาหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็หยุดรอแล้วยกไหล่หน่อยๆ เหมือนรอให้ผมไปเกาะ

หมับ!

ไอ้หน้านิ่งหันขวับมองหน้าทันทีที่ผมไม่เกาะไหล่แต่สอดมือเข้าล็อคเอวมันไว้ “ทำไม! ช่วยแค่นี้ไม่ได้?”  ว่าแล้วก็ทำหน้ากวนใส่มัน

“หึๆ” มันหัวเราะในลำคอแล้ววาดมือกอดเอวผมบ้างจนต้องทำหน้าแปลกใจ  “ทำไม! ผมจะช่วยไม่ได้เหรอ?” หน้ามันก็กวนตีนไม่แพ้กัน

“หึๆ” ผมหัวเราะบ้างแล้วส่ายหน้า  “ไอ้หน้านิ่งเอ้ย”  จากนั้นเราก็หัวเราะเบาๆ ใส่กันไปตลอดทาง





“ไม่อาบน้ำนะ ไม่ไหวว่ะ” ผมทำหน้าอ้อนมันนิดหน่อย

ไอ้หน้านิ่งมันคุณชายสำอาง เจ้าระเบียบ เนี้ยบไปทุกกระเบียดนิ้ว แต่ก็ไม่ได้ฟุ้งเฟ้อใช้แต่ของแพงนะ เพียงแต่ของทุกอย่างต้องดูดีมีประโยชน์และอยู่ถูกที่ถูกทาง 

ผมก็เช่นกัน เมื่อก่อนอยู่คนเดียว กลับจากร้านก็พุ่งขึ้นเตียงเลยไม่ต้องอาบน้ำอาบท่าให้ตาสว่าง ตั้งแต่มาอยู่กับสกายถ้าไม่อาบมันก็จะไล่ไปนอนโซฟา ไอ้โหดดดด

มันเหลือบมองนิดหน่อยเหมือนชั่งใจว่าจะเชื่อผมดีหรือไม่  “ไม่อาบก็เช็ดตัว”  แหมะ ไอ้คุณชายสะอาด กูสะบักสะบอมขนาดนี้ยังจะมาเยอะใส่กูอีก

แต่จะไฝว้ก็ขี้เกียจ กับสกายผมมีความรู้สึกว่าที่ผ่านมามันเจอกับเรื่องเจ็บปวดและเป็นทุกข์มามากแล้ว มันเหมือนลูกแก้วที่ใกล้แตกร้าวเต็มที มองตามันทีไรก็อดใจอ่อนไม่ได้เลยสักครั้ง

“ทำเหี้ยไรไม่ไหวแล้วค้าบบ เช็ดให้หน่อยจิ”  เดินไปชิดด้านข้างของมันแล้วเอาหน้าผากคลึงหัวไหล่แข็งๆ อย่างลืมตัว 

ก็ไม่อยากทำอะไรแล้วนี่หว่า อยากนอนๆๆๆ

กว่าจะรู้ตัวว่าทำอะไรประหลาดๆ ก็ตอนที่รู้สึกว่ามันนิ่งไปนานนั่นแหละ ผมเงยหน้าขึ้นแล้วมองก่อนจะถอนหายใจอย่างอ่อนแรง  “ไม่ได้ก็บอกไม่ได้ ไม่ใช่ยืนแผ่รังสีหน้านิ่งใส่กู ชิ!” บ่นแล้วเดินไปถอดเสื้อผ้าออก  เกิดมาไม่เคยยอมใครก็มายอมไอ้ห่าหน้าตายเนี่ย มึงมีดีอะไรวะ ทำไมกูถึงต้องยอมมึงด้วย ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ



ผมเหวี่ยงเสื้อกางเกงและบ็อกเซอร์ลงตระกร้าแล้วเปิดตู้หยิบผ้าเช็ดตัวมาพาดบ่าก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ ตอนนี้เหลือแต่กางเกงใน  เดี๋ยวนี้ผมเริ่มหน้าหนาขึ้นมาเยอะเพราะไอ้ห่าหน้านิ่งมันเปิดเผยจนแทบจะเห็นไปทุกซอกทุกมุม

“เดี๋ยว” ประตูถูกดันไว้ก่อนที่ผมจะปิด  “ผมอาบให้” 

!!!!!

ผมอ้าปากค้าง อาบให้คือระ!

“ถอยไปสิ ผมจะเข้า”  นอกจากไม่อธิบายเพิ่มเติมแม่งยังดันประตูแล้วแทรกตัวเข้ามาอีก

“อะไรของมึง!” ผมได้แต่มองมันอย่างไม่เข้าใจ

ไอ้หน้านิ่งไม่ตอบแต่มันเอื้อมมือมาหยิบผ้าที่พาดบ่าไปพาดบนราวก่อนจะเดินไปเปิดตู้ชาวเวอร์และเปิดน้ำ “อ้าว เข้ามาสิ จะยืนงงถึงเช้าเลยรึไง”  ก็มันน่างงมั้ยไอ้ห่า ตู้แคบแค่นั้นแล้วมึงดูตัวมึงกับกูตั้งแค่นี้ จะยัดยังไงสองคนพร้อมกันวะ

“มึงออกมาเหอะ เด๋วกูอาบของกูเอง”  ผมกวักมือเรียกอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่  อยู่ดีดีจะให้มึงอาบน้ำให้เนี่ยนะ กูงงนะเห้ย

“เข้ามาเถอะ ไม่ต้องอาย”  หืมม อาย??

“อายพ่อง”  คนอย่างไอ้ดิน ฆ่าได้หยามไม่ได้ครับ

ผมเดินเข้าไปในตู้แล้วงับประตูก่อนจะเข้าไปยืนประจันหน้ากับมัน 

ไอ้หน้านิ่งดันผมให้ห่างออก “ขยับออกไป ใกล้ขนาดนี้เดี๋ยวผมจะเปียก” 

ผมเลิกคิ้วข้างเดียวแบบกวนๆ “ผมเปียกก็สระสิ”

สกายชักสีหน้า “เอางั้นก็ได้!”  มันหันฝักบัวสาดน้ำใส่หัวผมแต่แล้วก็หัวเราะเบาๆ  “ก้มหัวมา เดี๋ยวจะสระให้” 

“เกิดมากูไม่เคยยอมก้มหัวให้ใครเว้ย!” ผมยิ้มขำแล้วก้มหัวให้มัน “แต่กูจะยอมมึงวันนึง”  ได้ยินเสียงมันหัวเราะผมก็เลยหัวเราะตาม จากนั้นมันก็สระผมให้จนเสร็จ

“อะเสร็จแล้ว”  มันว่า

ผมเงยหน้าขึ้นทันทีจนรู้สึกวิงเวียน “หน้ามืดเลยไอ้ห่า ก้มนานไป”  บ่นแล้วหลับตาอยู่สักพักเพื่อปรับภาพ 

เมื่อลืมตาขึ้นก็รู้สึกว่ารอบกายเงียบกว่าปกติ  “........”

ดวงตาสกายจ้องมองใบหน้าผม สีหน้ามันดูอึ้งๆ คล้ายจะยังไม่ได้สติ 

สติผมเองก็ล่องลอยตามมันไปติดๆ เช่นกัน  เรามองตากันอยู่ท่ามกลางเสียงน้ำจากฝักบัวในมือสกายที่ฉีดลงบนพื้นแบบไม่มีพิกัด  เหมือนทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่ง เหมือนมีแรงดึงดูดจากร่างของสกายจนผมเคลื่อนเข้าไปหาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ

ก๊อง!!!

เสียงฝักบัวหลุดจากมือสกายจนกระแทกผนังห้องน้ำทำให้เราทั้งคู่หยุดการเคลื่อนไหว สติที่หายไปชั่วคราวกลับเข้าร่าง สกายก็ดูเหมือนจะตั้งตัวได้และกำลังจะเก็บฝักบัวแต่ผมพูดดักทางมันไว้ก่อน “ที่จริง มึงจะจูบกูก็ได้นะ”  มันชะงักแล้วยืดตัวขึ้น

สีหน้ามันกลับมานิ่งเหมือนเดิมแต่แววตาดูวับวาวเล็กน้อย  แล้วมันก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้โดยที่ผมก็ไม่ได้ถอยหนี

ในขณะที่ปากมันกำลังจะแตะปากผม มันก็หัวเราะขึ้น “หึหึ  คิดว่าผมรู้ไม่ทันเหรอว่าคุณคิดเรื่องที่เราเคยพนันกัน”  โถ่ เซ็งเลย “ถ้ามีแรงคิดแผนชั่วได้ก็คงอาบน้ำเองได้แล้วล่ะ เชิญ”  แล้วแม่งก็ยัดฝักบัวใส่มือผมก่อนจะมองค้อนเบาๆ  ออกจากห้องน้ำไป

“ท่าทางแบบนั้น มันงอนกูรึเปล่าวะ”  ผมบ่นแต่ก็ไม่อยากใส่ใจ  รีบอาบน้ำแล้วออกไปแต่งเนื้อแต่งตัวเพื่อเข้านอนดีกว่า ตอนนี้ระบมไปทั่วร่างแล้ว



“ทายาๆ”  ผมสะกิดคนที่นอนก่อนให้ลุกมาทายาให้เพราะแกล้งทำเสียงดังตั้งนานแล้วแต่แม่งยังนอนนิ่งไม่มีทีท่าจะลุกมาสนใจ

มันดึงผ้าห่มคลุมหน้าอกแล้วบ่นเบาๆ “ผมนอนแล้ว”  หืม.. นอนแล้วแต่มึงตอบได้เนี่ยนะ

“นอนแล้วก็ตื่นมาดูแล”  เซ้าซี้ตีแขนมันเป็นจังหวะกลอง

“ขี้เกียจ”  แน่ะ คลุมโปงซะงั้น

“กูเจ็บเพราะมึงนะ ลุกมารับผิดชอบเลย!” ผมทวงบุญคุณ

ไอ้หน้านิ่งหันขวับมาทันที “เพราะผมเนี่ยนะ!” มันทำหน้าเหวี่ยงแล้วลุกขึ้นนั่งจ้องผมเอาเป็นเอาตาย “ขอระลึกชาติหน่อยนะ ไม่ใช่คุณเหรอที่ไปแกล้งไอ้คุณเผ่านั่นก่อนจนเค้าแค้นจนยกพวกมารุมน่ะ!”

“อันนั้นไม่อ่าน!” ผมตะแบง  “อ่านโมเม้นต์สุดท้ายที่กูปกป้องมึงเว้ย”  ทวงบุญคุณอีกรอบซิ เมื่อกี้ก็ได้ผลมาแล้วล่ะน่า

“ก็สระผมให้แล้ว”  มันว่า

“อันนั้นเพราะมึงทำผมกูเปียกตะหาก”  ผมเถียง  “ที่จริงถ้าอาบน้ำให้ก็หายกันแล้วแต่มึงไม่อาบ  เพราะฉะนั้นทายาเลย ทาเลยๆ”  ว่าแล้วก็ยื่นกล่องยาไปตรงหน้ามัน

ไอ้หน้านิ่งถอนหายใจแล้วคว้ากล่องอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ผมไม่สนหรอก นั่งพิงหัวเตียงกางแขนกางขารอให้มันจัดการด้วยความฟินที่ชนะมันได้

“ชอบเอาชนะ”  มันบ่นเบาๆ  “ชนะผมน่ะมันไม่มีค่าหรอกนะ”  นิ้วเย็นๆ แตะลงบนโหนกแก้มและคลึงวนไปตามเข็มนาฬิกา 

“ทำไมคิดงั้น” ใบหน้ามันดูหม่นลงจนใจไม่ค่อยดี

“ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยชนะใครได้เลย แล้วคุณว่าถ้าชนะคนขี้แพ้ได้มันจะดียังไงล่ะ” ใบหน้าที่อยู่ใกล้ไม่ถึงฟุตสะท้อนแสงสีส้มของโคมไฟหัวเตียงดูเหงาระคนโดดเดี่ยว ก็เพราะมันเป็นแบบนี้ ผมถึงได้ใจอ่อนกับมันครั้งแล้วครั้งเล่า

“มึงฟังนะ” ผมจับมือที่กำลังทายาแล้วบีบเบาๆ “เกรด B ที่ได้คะแนน 79 กับเกรด A ที่ได้ 80 มันห่างกันแค่คะแนนเดียว เกรดน้อยกว่าไม่ได้แปลว่าโง่กว่า แพ้ชนะก็เหมือนกัน มันไม่ใช่เครื่องวัดคุณค่าของคนเพราะมันแค่ทำให้รู้ว่าใครที่ทำได้ดีกว่าในช่วงเวลานั้นๆ เท่านั้นเอง” สีหน้าของสกายดูดีขึ้นเล็กน้อย แววตาของมันดูมีประกายขึ้นจนผมใจชื้น   “แล้วอีกอย่าง..กูก็ไม่ได้อยากชนะมึง” ไอ้หน้านิ่งขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัย  “กูก็แค่ไม่อยากแพ้”  แล้วหน้ามันก็หุบลงทันทีที่ได้ยิน

“อืม”  มันชักสีหน้าเล็กน้อย

ผมกระตุกยิ้มที่เห็นสีหน้ามันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้แบบนี้  “แต่ถ้ามึงขอ กูจะยอมแพ้ให้ก็ได้นะ”  สีหน้าสกายเปลี่ยนเป็นสงสัยอีกครั้ง

“ทำไมผมต้องขอ ถ้าอยากให้ทำไมไม่แสดงความตั้งใจออกมาเองล่ะ”  ดวงตาสีสวยจ้องมองมาราวกับจะสะกดให้ตอบในแบบที่มันต้องการ

“ให้เองก็ได้ มันไม่ยากหรอก.. แต่กูไม่อยากให้โดยที่ใครไม่อยากรับ มันก็เท่านั้น” ผมยักคิ้ว

“..งั้น..ถ้าผมอยากรับเมื่อไหร่ ผมค่อยขอคุณละกันนะ”  มันยิ้มบางๆ แล้วดึงมือกลับไป จากนั้นก็นั่งทายาให้ผมจนทั่วแล้วเอากล่องยาไปเก็บ

ไอ้คำว่าเมื่อไหร่ของมึงน่ะมันคือเมื่อไหร่ล่ะวะ 

ว่าแต่.. มึงกับกูพูดเรื่องเดียวกันอยู่รึเปล่าเนี่ย รู้สึกจะไม่ค่อยเคลียร์ยังไงก็ไม่รู้ อย่าว่าแต่ไม่แน่ใจในเรื่องที่มันพูดเลยนะ ขนาดที่กูพูดไป กูก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่ะ





รุ่งเช้าผมถูกปลุกขึ้นมากินข้าวกินยาก่อนจะได้รับการสั่งเสียให้อยู่ในห้องโดยไม่ทำความเสียหาย จากนั้นไอ้คนเจ้าระเบียบก็ออกไปเรียน  มื้อกลางวันมีอาหารจากร้านใต้คอนโดขึ้นมาส่งถึงห้อง และตอนบ่ายสามมันก็กลับมาพร้อมอาหารกล่อง

“ถ้าหิวก็กินเลยนะ ผมอาบน้ำแต่งตัวก่อน”  ไอ้หน้านิ่งวางถุงอาหารพร้อมกับอุปกรณ์การกินพรั่งพร้อมไว้บนโต๊ะ 

นี่มึงจะไม่ให้กูทำอะไรเลยรึไงวะเนี่ย

“มึงไม่มีงานไม่ใช่เหรอแล้วรีบอาบน้ำแต่งตัวทำไมวะ”  ถามไปมือก็จัดการแกะอาหารมารองท้องแล้วค่อยรอกินมื้อหนักพร้อมมัน

“ไปเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้คุณน่ะสิ”  มันทำหน้าเคือง

“หืม.. เช็ดขี้อะไรให้กู” 

“ไม่ต้องรู้หรอก เดี๋ยวก็ทำเรื่องอีก”  ยิ่งพูดแบบนี้กูก็ยิ่งต้องรู้ว่ะ

ผมละมือจากอาหารตรงหน้าแล้วเดินตามไปขวางมันไม่ให้เข้าห้องน้ำ  ปล. ไอ้ห่าหน้านิ่งล่อนจ้อนหมดตัวอีกแล้วซึ่งถ้าไม่จำเป็น ผมจะไม่มารู้มาเห็นมันในสภาพนี้เลย

ไอ้สัด อย่างกับโลมาสีชมพูเกยตื้น โคตรเผือกเลยแม่ง!

“บอกกูมา ว่าจะไปไหน”  ผมกดเสียงต่ำส่งรังสีอำมหิตไปให้

มันกลอกตาขึ้นแล้วตอบแบบไม่เต็มใจนัก “ไปกินข้าวกับคุณเผ่า แลกกับที่เขาจะไม่เอาเรื่องเอาความขึ้นโรงขึ้นศาลเรื่องที่คุณไปแกล้งเค้าเมื่อคืน” 

“ห้ามไป!” ผมสั่งเสียงเฉียบ  “เรื่องอะไรต้องไปแลก  มันจะทำยังไงก็ตามใจมันสิ กูไม่กลัวหรอก แล้วมึงก็ไม่ต้องมาช่วย กูเป็นคนก่อเรื่อง กูก็จะรับผลมันด้วยตัวเอง!” โมโหว่ะ นี่มันคิดว่าไอ้สกายเป็นอะไร อยากสั่งให้ไปไหนทำอะไรก็ได้แลกกับข้อต่อรองงั้นเหรอ ไอ้ห่านี่ก็ยอมเค้าไปทั่ว ทำไมไม่เคยต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเองบ้างวะ!

“ผมไม่ได้ช่วยคุณ ผมแค่จะช่วยตัวผมเองและคุณก็ห้ามมาขัดขวางด้วย”  มันชักสีหน้าใส่แล้วจิ้มนิ้วใส่อกผมอย่างแรง  “อย่าลืมว่าคุณกำลังจะช่วยลดเวลาในสัญญาให้ผมซึ่งถ้าคุณมาโดนคดีความหรือถูกทำร้ายขึ้นมาก็ไม่มีใครช่วยผมน่ะสิ  เพราะฉะนั้น หลีกไป”  มันกวาดมือดันผมไปด้านข้างแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

หมดคำจะเถียง ไอ้ห่าหน้านิ่งแม่งวาทะกรรมเป็นเลิศจริงๆ มันฉลาดและมีอำนาจเวลาตั้งใจจะทำอะไร เหมือนคิดจนรอบคอบแล้วถึงตัดสินใจทำและพูดออกมา

ผมได้แต่นั่งเซ็งรอมันออกมาจากห้องน้ำ  รู้สึกหงุดหงิดระดับไม่ธรรมดาเลยจริงๆ


*******************

ต่อข้างล่าง

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
“กินข้าวอย่างเดียวเหรอวะ มันให้ไปไหนต่อด้วยมั้ย”  ผมยิงคำถามทันทีที่มันออกจากห้องน้ำ  เกลียดภาพร่างเปล่าเปลือยที่พราวพร่างด้วยหยดน้ำแบบนี้จริงๆ เห็นแล้วอยากถีบ แม่งจะเอื้อเฟื้อไปไหน กูไม่ได้อยากเห็นซะหน่อย

“กินข้าวอย่างเดียว แต่บอกให้กลับตีหนึ่ง”  สกายจัดการเช็ดตัวและแต่งตัวอย่างสงบเยือกเย็นตามสไตล์ แต่เป็นผมนี่แหละที่เดินคุกคามตามมันไปทุกจุดเพราะเริ่มมีน้ำโห

“เหี้ย” ผมสบถ  “แดกข้าวหรือแดกอะไรถึงต้องกลับตีหนึ่ง” 

“ผมบอกเค้าไปแล้วว่าไม่ย้ายที่ จะกินข้าวในร้านที่ผมเลือกเองเท่านั้นและจะไม่ไปต่อที่ไหนอีก พอใจยัง”   มันอธิบาย

“แล้วร้านอะไรที่มันจะเปิดถึงตีหนึ่งวะถ้าไม่ใช่ร้านแบบผับน่ะ”  ผมคิดคำนวณ แล้วถ้าในระหว่างที่นั่งอยู่ มันแอบวางยาขึ้นมาล่ะ

กรี๊ดดดดดด ไม่นะ ไอ้หน้านิ่ง มึงจะต้องเสร็จไอ้ชนเผ่าแน่ กูไม่ยอมนะเว้ย!!

“ก็น่าจะเป็นร้านกึ่งผับนั่นแหละแต่นั่งโซนโอเพ่นแอร์ก็ได้”  มันตอบเหมือนไม่คิดว่าจะเป็นปัญหา

พอได้ยิน แผนร้ายก็เข้ามาในหัวทันที “งั้นไปร้านกู”  ผมรีบเสนอ

“ร้านคุณ?”

“เออ” ผมรีบตอบ

“ร้านคุณเปิดหกโมงนี่ แต่ผมนัดเค้าห้าโมงเย็นนะ” 

“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา เดี๋ยวมึงนัดมันที่ร้านกูเลยนะ ที่เหลือกูจัดการเอง”  สกายมองผมเหมือนอยากจะแย้งแต่ผมดักคอมันไว้ซะก่อน “ทำไม! มึงอยากไปที่อื่น? อยากให้มันพาไปไหนต่อไหนต่อรึไง!?”   

สกายถอนหายใจ “ถ้าผมอยากไปต่อ ผมจะบอกเค้าทำไมว่าจะไม่ย้ายที่ แล้วอีกอย่างนะถ้าผมจะไปต่อมันก็เรื่องของผมอยู่แล้ว ทำไมผมต้องมาสาธยายให้คุณฟังว่าจะไม่ไปต่อด้วย มันไม่มีเหตุผลที่ผมต้องโกหกซะหน่อย”

“ไม่รู้ไม่สนไม่ฟังอะไรทั้งนั้น!” ผมโวยวาย “ถ้ามึงไม่ทำตามที่กูบอกก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นแหละ!”  ผมคว้าข้อมือมันแล้วบีบแน่น

สกายนิ่วหน้าทันทีเพราะคงเจ็บ “เอาแต่ใจตัวเองตลอด”  มันบ่นและพยายามจะบิดข้อมือออก  “ปล่อยสิ ผมเจ็บ” 

ผมมองมันด้วยสายตาจริงจัง “ก็บอกมาก่อนว่าจะไม่ดื้อ” ดวงตาสกายหรี่แสงลงเล็กน้อย ใบหูเริ่มซับสีเรื่อขึ้นจางๆ  ผมเองก็ปั่นป่วนในอกเพื่อรอคำตอบเช่นกัน

“..ครับ”

!!!!!

มันตอบว่าครับงั้นเหรอ นี่ผมหูเฝื่อนไปรึเปล่าวะ

“ก็แค่นั้นแหละ” ผมปล่อยมือมันแรงๆ ทำเป็นไม่รู้สึกอะไรแต่ก้อนเนื้อในอกซ้ายมันเต้นถี่จนกลัวว่าจะวายไปซะก่อน

“แล้วไม่ดื้อของคุณน่ะ ต้องทำแค่ไหนยังไงล่ะ”  ถามปกติก็ได้มั้ย มึงจะทำหน้าละมุนแบบนั้นเพื่อ?  ทำหน้านิ่งๆ หยิ่งๆ เหมือนเดิมดีกว่านะ อย่างน้อยมันก็ไม่ทำให้กูประหม่าแบบนี้

“ถ้าถึงร้านแล้วให้ทำตามที่ไอ้อิงค์บอกทุกอย่าง แค่นั้นแหละ”  ว่าแล้วผมก็เดินออกมาจากตรงนั้น  อยู่นานอีกหน่อยกูอาจจับมึงปล้ำได้

!!!!

คิดเหี้ยไรของกูวะ! ปล้ำพ่อมึงสิไอ้เหี้ยดิน!!



จากนั้นผมก็นั่งกินข้าวพร้อมกับขบคิดแผนการอยู่ในหัวไปเงียบๆ ไอ้หน้านิ่งแต่งตัวหล่อออกจากห้องโดยไม่ลืมหันมาบอกว่า..

“ผมจะไม่ดื้อกับโอ้ปป้าหรอก ผมสัญญา ได้โปรดอย่าคิดแผนชั่วร้ายใดใดอีกจนทำให้เรื่องมันเลวร้ายมากไปกว่านี้เลยนะ ผมขอร้อง” มึงทำให้กูอึ้งนิดๆ ผสมเขินเบาๆ และเคืองหน่อยๆ มึงก็เหมือนกัน ได้โปรดอย่าทำให้กูงุ่นง่านหลายอารมณ์แบบนี้ได้มั้ยไอ้หน้านิ่ง!

“โห ไอ้ฉลาด ไอ้แสนรู้ ไอ้เท่ ไอ้หล่อ ไอ้..ฮึ้ย”  ผมด่าไล่หลังเมื่อมันออกจากห้องไป  “แล้วเรื่องอะไรกูจะต้องเชื่อมึงด้วยล่ะ ที่มึงจะไม่ดื้อกับกูน่ะมันเป็นหน้าที่ของมึงอยู่แล้วนี่ หึหึหึ” 



แล้วผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาคนสองคนจากนั้นก็ไปอาบน้ำแต่งหล่อเพื่อไปที่ร้านด้วยอารมณ์ดี๊ดี

“พี่สกายมาแล้วครับ”  อิงค์เข้ามารายงานในห้องทำงาน

“กว่าจะมาได้ ไปแวะไหนกันมารึไงวะ”  ผมบ่นพึมพำเมื่อดูนาฬิกาบอกเวลาหกโมงครึ่ง

“มารถคนละคันนะ คุณอีกคนเค้ามารอในรถได้พักใหญ่แล้วล่ะ”  ผมถูกใจไอ้อิงค์เพราะแบบนี้แหละ มันรอบคอบและฉลาดรู้ใจ  สั่งงานแค่หลักๆ ส่วนงานปลีกย่อยมันจะจัดการให้แบบครอบคลุมไม่ต้องปากเปียกปากแฉะบอกอะไรให้มากมายหลายรอบ

“แล้วบอกสกายให้ไปนั่งที่โต๊ะนอกรึยัง” ผมจัดให้พวกมันนั่งตรงมุมหน้าร้าน เสียงไม่ดัง ไม่ลับตาคน และที่สำคัญมันเป็นมุมที่มองไม่เห็นโต๊ะอื่นๆ ทำให้ผมจะสามารถไปนั่งสอดแนมได้แบบไม่ให้มันรู้ตัว

“ครับ” มันรับคำสั้นๆ  “งั้นอิงค์ไปทำงานต่อนะ” ว่าแล้วก็เดินไปที่ประตู

“มึงเป็นไรอิงค์ หงอยๆ ผิดปกติ”  อิงค์หันมาแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย  “ไอ้ทิงมันแกล้งมึงรึเปล่า” ผมซักไซร้

ช่วงนี้ผมขอไอ้ทิงมาช่วยดูแลร้านเพราะลำพังอิงค์คนเดียวก็คงไม่รอด มันเก่งเรื่องการจัดการก็จริงแต่ร้านอาหารแบบนี้ถ้าไม่มีคนคุมที่ดูแข็งแรงหน่อยเดี๋ยวจะมีเรื่องต่อยตีให้ต้องปิดกิจการ

“ถึงอยากแกล้งก็ไม่มีปัญหาหรอกน่า” มันเบะปากแล้วยักไหล่ “อิงค์ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นอนไม่พอน่ะ ไม่ต้องห่วง” 

ผมจ้องมันเพื่อตรวจดูพิรุธแต่อิงค์มันก็ปกปิดไว้อย่างมิดชิดจนต้องยอมแพ้ “มีไรก็บอกนะมึง กูเป็นพี่มึง เข้าใจใช่มั้ย”  ผมย้ำ

อิงค์ทอดสายตามองผมเหมือนจะตัดพ้อเล็กๆ แต่ก็ปรับแววตาให้สดใสเหมือนเดิม “ก็แค่รำคาญไอ้แก่กระทิงควายนั่นนิดหน่อยเท่านั้นแหละน่า ถ้าอยากรู้ก็จะงั้นก็ฟ้องเลยละกันนะ” มันทำท่าขึงขังขึ้น “นอกจากมันจะไม่ได้ช่วยอะไรให้เกิดประโยชน์แล้วมันยังไล่ลูกค้าซะอีก แถมกว่าจะกลับก็นั่งกินอยู่นอกร้านจนตีสาม เช้ามาอิงค์ต้องมาเก็บซากให้มันอีก พี่ดินเลิกให้มันมาช่วยร้านเหอะ เชื่อมืออิงค์สิ อิงค์รับมือได้”  มิน่าถึงได้ทำหน้าเบื่อโลกแบบนั้น ที่แท้ก็เหม็นขี้หน้าไอ้ทิง

ผมถอนหายใจ “ไอ้ทิงมันเถื่อนๆ กวนตีนไปงั้นแหละ มึงก็อย่าอคติกับมันมากสิ นี่มันก็ฟ้องอยู่ว่ามึงไม่ให้เข้าร้าน แต่มันก็ไม่ได้ขัดคำสั่งไม่ใช่เหรอเพราะกูบอกมันแล้วว่าห้ามขัดคำสั่งมึงน่ะ”

“มันก็ไม่ขัดหรอกพี่ แต่แม่งก็หาทางแหกคำสั่งด้วยข้ออ้างปัญญาอ่อนบ่อยๆ น่ารำคาญอะ”  มันทำหน้างอแง

“เอาน่า ทนหน่อย ช่วงนี้กูยุ่งๆ”

อิงค์ทำหน้าหงอย “ถ้ายุ่งงานก็ไม่เป็นไรนะพี่ดิน แต่พี่เอาหน้าเอาตัวไปล้มทับตีนคนอื่น บอกตรงๆ ว่าอิงค์ไม่โอเค” นี่คงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้มันไม่ค่อยมีความสุข

ผมแตะบาดแผลบนใบหน้าเบาๆ แล้วยิ้มบางๆ “แผลแค่นี้ อีกสองสามวันก็หาย  ไม่ต้องห่วง เมื่อก่อนกูบู๊กว่านี้เป็นสิบๆ เท่า”  ผมอวด 

“นั่นมันเมื่อก่อนนะพี่ ตอนนั้นกระดูกกระเดี้ยวก็ดีกว่านี้ปะ” คำพูดมึงวอนตีนมากไอ้อิงค์

“มึงว่ากูแก่?” ผมทำหน้าเอาเรื่อง

“ฮ่าๆๆ ก็แก่จริงๆ”  พูดจบก็วิ่งออกจากประตูแล้วโผล่เข้ามาแค่หัว  “รักตัวเองเยอะๆ นะครับ อิงค์เป็นห่วง”  ผมยิ้มบางแล้วพยักหน้าให้ มันยิ้มเหงาๆ ก่อนจะปิดประตูจากไป

ก็รักตัวเองอยู่ทุกวันนี่แหละอิงค์เอ้ย ถ้ากูไม่รักตัวเอง กูคงไม่ต้องทำเพื่อความสุขของตัวกูเองแบบนี้หรอก 





ผ่านไปครู่หนึ่งอิงค์ก็เข้ามารายงานอีกครั้ง “พวกมันสั่งอะไรมั่ง”   

“แค่บลูเลเบิลกับโซดาแล้วก็มะนาวสไลด์ครับ”  น่าหมั่นไส้

“แดกบลูเชียว”  ผมพึมพำ “แล้วมันไม่สั่งอาหารเหรอ”  ถ้าจำไม่ผิดตอนไอ้หน้านิ่งออกจากห้องมันยังไม่ได้กินอะไรเลย

“พี่สกายแอบกระซิบว่าเดี๋ยวเจ้าของร้านก็บังคับเอามาเสริฟเองแหละ”  ผมหลุดหัวเราะออกมาในความแสนรู้ของสกาย

“เอาตำซั่วไปให้มันปะ แล้วก็เสือร้องไห้กับพล่ากุ้งแม่น้ำ”  อิงค์หรี่ตาลงทันที

“นี่มันเมนูประจำของพี่ดินไม่ใช่เหรอครับ” 

ผมยักคิ้ว “อือ” 

“พี่กายชอบอาหารแบบนี้ด้วยเหรอ หน้าฝรั่งขนาดนั้นนึกว่าไม่ชอบรสจัด” 

“ก็เห็นมันสั่งแบบนี้ทุกที ชอบรึเปล่ากูก็ไม่แน่ใจ”  ผมตอบปัดๆ  “จัดการตามนี้แหละ แล้วอย่าลืมแผนล่ะ”  ผมย้ำ

“ครับ”  รับคำแล้วอิงค์ก็เดินออกจากห้องไป

ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า ดูไอ้อิงค์อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ยังไงชอบกล

ผมดัดคอเล่นไล่ความข้องใจออกไปเพราะคิดไปก็ไม่ได้คำตอบ เอาไว้ค่อยถามมันอีกทีตอนเลิกร้านก็แล้วกัน





เวลาผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง  ไอ้อิงค์เคาะประตูส่งซิกส์แต่ไม่ได้เข้ามา  ตอนนี้คงกินกันอิ่มแล้วผมจึงย้ายตัวเองออกไปนั่งใกล้โต๊ะของไอ้หน้านิ่งกับไอ้ชนเผ่าทันที

“วางแผนอะไรอีกล่ะ ทำไมต้องให้อิงค์บอกให้ผมออกมาด้วยเนี่ย”  สกายยิงคำถามทันทีเมื่อเดินมาเจอผมนั่งรออย่างสบายอารมณ์

“แค่เล่นอะไรนิดๆ หน่อยๆ จะเอื้อเฟื้อผลักดันให้แม่งขึ้นสวรรค์ทั้งคืนแค่นั้นแหละ”  ผมทำหน้าเจ้าเล่ห์

แผนของผมก็คือ จะให้ไอ้อิงค์ไปอ่อยมัน หลอกชวนมันไปสำเริงสำราญในคืนนี้ สกายจะได้รอดพ้นปากเหยี่ยวปากกาแล้วจากนั้นจะให้พวกเกย์ที่ผมจ้างวันนั้นช่วยกันพามันขึ้นสวรรค์พร้อมกับถ่ายคลิปแบล็คเมล์ มันจะได้เลิกยุ่งกับผม  แค่นี้เอง แผนง่ายๆ

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องวางแผน ผมนึกว่าคุณจะเชื่อผมซะอีก” มันทำหน้าเหนื่อยหน่าย “ผมคงฝันไปเองที่คิดแค่ว่าคุณอยากให้ผมอยู่ในสายตาก็เลยให้มาที่นี่” 

เห็นหน้ามันซีเรียสก็รู้สึกไม่ค่อยดี แค่นี้ต้องดุด้วยเหรอวะ “กูก็แค่อยากให้มันเลิกยุ่งกับกูและมึง ไม่ได้อยากทำร้ายอะไรมันซะหน่อยแล้วมึงคิดเหรอว่ามึงมานั่งกินกับมันวันนี้แล้วมันจะหยุดทุกอย่าง พอพ้นวันนี้มันก็หาข้ออ้างเข้าหามึงอีกนั่นแหละ หรือมึงชอบให้มันอยู่ใกล้” ผมอธิบายพลางหาเรื่อง

“ก็ไม่ใช่..อ่ะๆ แล้วจะทำยังไง บอกมาซิ”  เหมือนมันจะขี้เกียจเถียง

“ก็แค่จะถ่ายคลิปแบล็คเมล์แค่นั้นเอง”  เสียงผมอ่อนลงเพราะอะไรก็ไม่รู้ ไม่เคยหงอกับใครมาก่อนเลยว่ะ แค่ไอ้หน้านิ่งมันกระจายออร่าแบบนี้ก็รู้สึกว่าอยากลงให้

“เฮ้อ ผมจะทำยังไงกับคุณดีวะเนี่ย” มันบ่น

“ไม่ต้องทำหรอก เดี๋ยวกูทำเอง”  อยากแกล้งเย้าให้มันอารมณ์ดี ผมแกล้งดึงข้อมือมันแรงๆ จนร่างมันทรุดมานั่งบนตัก

“เล่นอะไรของคุณวะ ปล่อยดิ๊” มันทำท่าจะผละออกแต่ผมล็อคเอวไว้

“เงียบๆ สิ เดี๋ยวไอ้ชนเผ่าจะได้ยิน”  มันนิ่งฟังแต่แล้วก็จะผละออก คงคิดว่าเหตุผลไม่เห็นน่าเชื่อถือมั้ง



“เฮ้ย! อะไรวะ!!”  เสียงไอ้ชนเผ่าเอะอะเสียงดังจนเราสองคนต้องหันขวับไปมอง

สกายรีบเดินไปที่โต๊ะนั้นส่วนผมก็ตามไปติดๆ

“ไอ้ทิง!!” ผมเรียกชื่อคนที่กำลังกระชากข้อมือไอ้อิงค์ให้เข้าหามัน

“ถ้าจะร่านขนาดนี้ มึงจะเล่นตัวกับกูทำไม! ห้ะ!!”  ไอ้ทิงผรุสวาทใส่ร่างเล็กของอิงค์ที่ปลิวไปตามแรงเหวี่ยงของมัน

“ปล่อยนะ!!”  อิงค์ตะคอกพลางกระชากแขนออกแต่ก็สู้แรงไอ้ทิงไม่ได้   “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ คุณไม่มีสิทธิ์มาห้ามผม!! ปล่อยนะไอ้ผีบ้า! ไอ้กระทิงควาย!” 

ไอ้ทิงคำรามตอบอย่างดุดัน “ปล่อยให้มึงไปแรดๆ กับคนนั้นคนนี้ไปทั่วน่ะเหรอ หึ!”  เกิดอะไรขึ้นกับไอ้สองคนนี้วะ  ทำไมถึงดูเหมือนผัวเมียทะเลาะกันเลยล่ะ

ตอนนี้ไอ้ชนเผ่าก็ยืนมองดูเหตุการณ์อย่างงุนงง สกายยืนดูอยู่ห่างๆ

“มึงเป็นเหี้ยอะไรไอ้ทิง!”  ผมมองมันตาขวาง

“วันนี้ไอ้อิงค์ลางาน พรุ่งนี้ด้วย มะรืนด้วย!”  มันลากอิงค์ไปยังทางออก

ผมเหนี่ยวไหล่มันอย่างแรงจนเซเล็กน้อยแล้วหันมาฮึดฮัดใส่แต่ผมก็แผ่รังสีพิฆาตใส่มันเหมือนกัน “คุยกันให้รู้เรื่อง! นี่คนของกู มึงจะทำอะไรมันไม่ได้!”  ดวงตาไอ้ทิงวาวโรจน์ขึ้นทันที

“คนของมึงเหรอ ในฐานะอะไรล่ะ” มันเหยียดยิ้ม  “ถ้าในฐานะผู้จัดการร้าน มันก็ลางานได้ไม่ใช่เหรอ!” มันยังคงคำรามอย่างไม่เกรงกลัว

จะว่าไปผมกับไอ้ทิงยังไม่เคยปีนเกลียวกันเลยสักครั้ง ผมกับมันจะเป็นคนแบบที่ไม่น่าเข้าใกล้ถ้ากำลังโกรธ ซึ่งเราไม่ค่อยได้โกรธกันเพราะไอ้ทิงมันไม่สุงสิงกับใครอยู่แล้ว

“แล้วถ้าเป็นพี่ชายกับน้องชายล่ะ!” ผมสวนกลับ

“หึ” มันแค่นหัวเราะแล้วหันไปมองอิงค์  “มึงบอกพี่ชายคนดีของมึงไปสิ ว่ามึงคิดยังไงกับมัน!”  หน้าไอ้อิงค์เหวอไปเลยเมื่อไอ้ทิงพูดจบ

“อย่ามาพูดเพ้อเจ้อแบบนี้นะ! จะไปไหนก็ไปเลย!” อิงค์พยายามผลักตัวไอ้ทิงออกแต่ก็ไม่สำเร็จ

“มึงจะพูดเอง หรือจะให้กูพูด!” มันตะคอก

“ไม่!” อิงค์ตะคอกกลับ

“ถ้างั้นมึงก็ไปกับกูดีดี อย่าให้ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ”  ไอ้ทิงทำตาขวาง

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ!

“มึงอย่าบอกนะอิงค์ ว่ามึงกับไอ้ทิง..” ผมพูดได้แค่นั้น อิงค์ก็โพล่งขัดขึ้นเสียก่อน

“ไม่ใช่นะครับ! อิงค์แค่มีเรื่องที่ต้องเคลียร์กัน ไม่ได้มีอะไรกัน ไม่ได้เป็นอะไรกัน อิงค์ไม่ได้ชอบผู้ชาย” อิงค์พรั่งพรูออกมารัวจนแทบฟังไม่ทัน

“ได้ยินแล้วใช่มั้ย” ไอ้ทิงเหยียดยิ้ม  “งั้นก็ไปได้ละ”  ว่าแล้วก็ลากไอ้อิงค์ออกจากร้านไป

ผมกำลังจะตามพวกมันแต่อิงค์หันมาบอกซะก่อน “อิงค์เคลียร์ได้ครับ พี่ดินดูแลร้านเถอะ อิงค์ขอร้อง”  มันทำท่าจะไหว้แต่อีกแขนก็ถูกยื้อยุดให้เดินต่อไม่หยุด 

ผมไม่อยากปล่อยมันสองคนไปแบบนี้เลยแต่ไอ้ทิงก็หันมาพูดอย่างจริงจัง  “กูไม่ใช่คนดีก็จริง แต่กูรับรองว่าไอ้อิงค์จะไม่เป็นอะไร”  เกือบจะโล่งใจแล้วถ้าไม่มีประโยคสุดท้าย “ถ้ามันไม่อ่อยจนกูไม่ทน” 

ไอ้เหี้ยทิง!

 แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรอื่นใด เสียงโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น

“ครับป๋า”  คนที่ผมโทรหาเมื่อตอนเย็นคืออิงค์กับป๋า  กะเอาไว้ว่าถ้าแผนแรกไม่สำเร็จผมก็จะให้ป๋ามาเคลียร์ซึ่งตอนนี้ก็มาได้เหมาะเจาะถูกจังหวะจริงๆ 

“เข้ามาเลยครับ ไอ้..เอ่อ คุณเผ่ามารออยู่ในร้านแล้ว”  พอวางโทรศัพท์ผมก็มาเจรจากับไอ้ชนเผ่าที่กำลังจะเอาเรื่องผมทันที  “ยังไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวคุณแดนสรวงจะมาคุยด้วย รออยู่นี่แหละ”  ว่าแล้วก็ลากแขนไอ้หน้านิ่งออกไปรับป๋าที่หน้าร้าน 

เดินไปยังไม่ถึงดีก็เจอกับป๋าและทักทายพร้อมกับแนะนำสกายให้รู้จัก

“อืม คนนี้ป๋าเคยเห็นมาเดินงานให้ดอทหลายครั้งแต่ยังไม่เคยได้คุยกันเลยนะ” ป๋ายิ้มเอ็นดูเพราะสกายมันยิ้มแบบที่ผมไม่เคยเห็นมันยิ้มให้ใคร  ดูเป็นยิ้มที่ให้เกียรติจริงใจและเคารพนบนอบอยู่มากทีเดียว

“ขอบคุณนะครับที่คอยพูดช่วยเวลาที่คุณดอทจะหักเงิน” 

“รู้ด้วยเหรอเรา” ป๋าทำหน้าแปลกใจ

“พวกพี่ๆ คอสตูมมาเล่าตลอดล่ะครับว่าท่านช่วยคุยให้”  สกายดูเป็นเด็กน้อยไปเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าป๋า ผมไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้มาก่อนและมันดูน่ารักมากๆ สำหรับผม

“ก็พวกนั้นแหละที่ชอบมาแกล้งคุยกันให้ฉันได้ยิน ถ้าจะขอบคุณก็ไปขอบคุณพวกนั้นเถอะ” ป๋าตบบ่า

“พวกพี่ๆ เค้าใจดีครับ ถึงผมจะทำเย็นชาใส่เพราะกลัวคุณดอทจะหาว่าพวกพี่ๆ อยากเป็นพวกผมแต่พี่ๆ ก็ดูเหมือนจะเข้าใจและยังดีกับผมตลอด” มันพูดไปยิ้มไปจนผมเริ่มเคืองๆ

“พอแล้วป๋า ไอ้คุณเผ่ามันรออยู่โต๊ะริมนู่นน่ะ ไปเคลียร์ให้หน่อยครับ” 

“ถ้าไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำผิดนะ ป๋าจะไม่ช่วยเลย” ป๋าทำหน้าดุ

“ไม่เอาๆ ป๋าใจดี๊ใจดี ไปเคลียร์ให้ลูกชายสุดหล่อหน่อยนะ นะครับๆๆๆ”  ผมดันหลังป๋าไปเรื่อยๆ จนป๋าเดินต่อไปเอง “ก็แค่เนี้ย” ผมปัดมืออย่างโล่งใจแล้วหันไปยักคิ้วใส่ไอ้หน้านิ่ง “เห็นฝีมือป่ะ เห็นรึยังว่ากูเคลียร์ได้” 

สกายส่ายหน้าแล้วบ่นใส่ “ก็ทำไมไม่ให้คุณแดนสรวงเคลียร์ตั้งแต่แรก จะคิดแผนชั่วร้ายให้มันยุ่งยากทำไม”

“ก็แผนนั้นมันสนุกดีนี่หว่า กูแค่อยากรู้ว่าไอ้ชนเผ่ามันเป็นรุกหรือรับแค่นั้นเอง”  ผมบ่นพลางดันแขนมันให้เดินไปที่ห้องทำงาน

“แล้วเป็นไงล่ะ อิงค์โดนลากไปนู่นก็เพราะแผนคุณไม่ใช่เหรอ”  เออว่ะ เพิ่งนึกออก

“มึงว่าไอ้ทิงกับไอ้อิงค์มันมีอะไรกันลึกซึ้งมั้ยวะ”  ผมถาม

สกายส่ายหน้า “ไม่แน่ใจหรอก รู้แค่ว่าอิงค์ไม่ได้มีใจให้คนๆ นั้น”  สกายตอบอย่างมั่นใจ

“นั่นสิ ไอ้อิงค์มันบอกตลอดว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย งั้นมันก็คงเคลียร์กันเรื่องอื่นล่ะเนาะ”  ผมตอบพลางเปิดประตูเข้าห้องส่วนสกายก็ตามเข้ามา

“เฮ้อ..” มันถอนหายใจแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา “เหมือนจะฉลาดแต่บางเรื่องก็โง้โง่”  แล้วมันก็แกล้งหยิบหนังสือนิตยสารรถยนต์ของผมมาอ่าน

ผมพยายามถามว่ามันพูดถึงใครเรื่องอะไรแม่งก็ไม่ตอบ บอกแต่ว่าไม่มีอะไรและนั่งอ่านนั่นอ่านนี่จนถึงเวลาร้านปิด

ส่วนป๋าของผมกลับไปตั้งแต่ทุ่มครึ่งเพราะเคลียร์กับไอ้ชนเผ่าเสร็จแล้ว  ป๋าบอกว่ามันจะไม่เอาเรื่องเอาความกับผมถ้าไม่ไปยุ่งกับมันอีกและป๋าก็กำชับหนักแน่นว่าห้ามไปมีเรื่องอีกไม่งั้นจะไม่ช่วยเป็นครั้งที่สอง 

ก็ถ้ามันไม่มายุ่งกับเด็กผม ผมก็ไม่อยากยุ่งกับมันหรอกน่า!





คืนนี้กว่าจะได้นอนก็ตีสามเพราะต้องเคลียร์บิลและดูแลจนปิดร้านเสร็จก็เกือบตีสอง ไอ้หน้านิ่งแม่งก็นิ่งจริง มันนั่งรอไม่บ่นไม่รบเร้าอยากกลับทั้งๆ ที่มีรถมาเองแต่ก็เป็นผมเนี่ยแหละที่บอกมันว่าให้กลับพร้อมกัน

รุ่งเช้าผมจึงบอกมันว่าจะกลับไปนอนคอนโดตัวเองในระหว่างที่ไอ้อิงค์ยังไม่มาทำงาน  ไอ้หน้านิ่งดูจะแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ว่าอะไรและออกไปเรียนตามปกติ

ก็เพราะเห็นมันต้องตื่นเช้าไปเรียนเป็นปกติเนี่ยแหละถึงต้องกลับไปนอนคอนโดตัวเองเพราะถ้ายังอยู่ที่นี่ผมรู้เลยว่ามันต้องรอผมกลับจากร้านแน่ๆ ไม่ได้คิดไปเองนะแต่เพราะเดานิสัยมันออก ถึงจะไม่ค่อยพูดแต่มันทำให้เห็นเสมอว่ามันต้องการหรือไม่ต้องการอะไร  ตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ไม่ว่าผมจะนอนหัวค่ำหรือดึกดื่นแค่ไหน ไม่เคยมีสักครั้งที่มันนอนก่อน ถึงจะบอกว่าปกติมันไม่ได้นอนดึกแต่เพราะกลัวว่าผมจะทำห้องเสียหายจึงต้องเฝ้าไว้ก็เถอะแต่ถ้าผมต้องนอนตีสองตีสามทุกคืนก็คงไม่ดีกับการเรียนของมันแน่ๆ



พอมันออกไปเรียนแล้วผมก็นอนต่อจนถึงเที่ยงก่อนจะตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวออกไปร้านเพื่อจัดการเรื่องต่างๆ และอยู่ดูแลจนร้านปิด

ตอนนี้เวลาประมาณตีสองแล้วแต่ตายังสว่างตราค้างคาวกินกล้วยอยู่เลย “เฮ้อออออ เหงาว่ะ ห้องนี้แม่งกว้างไปรึเปล่าวะ” ผมนอนกลิ้งไปมาบนเตียงตัวเองหลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จ

ทั้งๆ ที่ไม่มีใครมาเคี่ยวเข็ญให้อาบแต่มันเหมือนเคยชินไปแล้วที่จะต้องอาบ เฮ้อ เสียดายความซกมกจริงๆ นี่กูกลายเป็นคุณชายสะอาดไปอีกคนแล้วเหรอวะเนี่ย



ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ

เสียงเตือนข้อความไลน์ดังขึ้น ผมจึงรีบเปิดดู

Dark Sky : นอนได้แล้ว

ไอ้หน้านิ่งไลน์หาผมก่อนเป็นครั้งแรก  ผีอะไรเข้าสิงมันวะ

DumDinDan : ครอกฟรี้ z zZZ zZZ

Dark Sky :  เช็ดน้ำลายด้วย

DumDinDan : มึงสินอนน้ำลายไหล

พิมพ์ไปอมยิ้มไปเหมือนคนบ้าเลยว่ะ

Dark Sky :  นอนได้แล้ว

แม่งย้ำจัง กูไม่ใช่เด็กเล็กแล้วนะเว้ย

DumDinDan :  กูยังนั่งแดกเหล้าอยู่ที่ร้านเหอะ

Dark Sky :  คุณไม่ได้อยู่ที่ร้าน

DumDinDan : รู้ได้ไง

Dark Sky :  ถ้าอยู่ร้านคุณยังไม่ตอบผมหรอก

เออ ไอ้ห่านี่รู้ดีว่ะ เวลาอยู่ร้านผมไม่แตะโทรศัพท์เลยนะ จะนั่งเคลียร์บัญชีกับเล่นแพดเข้าเว็ปดำดินเม้าท์มอยกับไอ้พวกปัญญาอ่อนทั้งหลายมากกว่า โทรศัพท์นี่แทบจะลืมไปเลย ก่อนเข้านอนนู่นแหละถึงจะเช็คโทรศัพท์

DumDinDan : รู้ดีเกิ๊น

Dark Sky : งั้นก็นอนได้แล้ว

DumDinDan : ย้ำไรนักหนาวะเนี่ย กูไปตื่นอยู่บนหัวมึงรึไง!

Dark Sky :  ถ้าคุณอยู่บนหัวผมตอนนี้ ผมคงหลับไปแล้ว

DumDinDan : ?? มามุกไหนวะ

Dark Sky :  ก็ถ้าคุณอยู่ด้วย ผมคงไม่ต้องห่วงว่าคุณจะหลับรึยังเพราะถ้าหัวถึงหมอนคุณก็หลับทันที

DumDinDan :  อะน่ะ นอนไม่หลับ คิดถึงอะเด้

Dark Sky :  อืม

ตายห่า!! กูไม่น่าถามเลย ไอ้ห่านี่ก็บ้าจี้ตอบ หัวใจแม่งเต้นโครมๆ หน้ากูร้อนเหี้ยๆ เลยว่ะ

DumDinDan :  อืมพ่อง!  ฝากจุ๊บเบบี้แบล็งด้วย ฝันดี

ไม่รู้จะตอบอะไรว่ะ เขินสัด นี่ครั้งแรกเลยนะที่คุยไลน์แล้วรู้สึกแบบนี้ ขนาดกับสาวๆ สวยๆ ยังไม่เคยเป็นงี้เลย

Dark Sky :  ฝันดีครับ..โอ้ปป้า

DumDinDan :  ไอ่เหี้ยยยยยยยยย!!!!

Dark Sky :  555555555 GN!



ผมไม่ตอบอะไรกลับไป แค่กลั้นยิ้มจนแก้มจะแตก จากนั้นก็เลื่อนขึ้นไปอ่านข้อความสนทนาของผมกับมันซ้ำแล้วซ้ำอีก 

เฮ้ย!! นี่กูเป็นอะไรเนี่ย!! ทำไมต้องฟินขนาดนี้!!

“กูชอบมันรึเปล่าวะ!!”  ผมดีดตัวขึ้นมานั่งทันทีที่รู้สึกถึงความไม่ปกติของตัวเอง

“ไม่ใช่หรอก กูแค่เห่อเพื่อนใหม่ ใช่ๆ กูเห่อเพื่อนใหม่ กูไม่ได้ชอบมัน กูเป็นชายแท้ทั้งหล่อเท่และใหญ่ยาวขนาดนี้จะชอบผู้ชายได้ไง”  บ่นกับตัวเองแล้วล้มตัวลงนอนเอาหมอนมาปิดหน้าปิดหูไล่ความคิดประหลาดออกจากหัว



กูไม่ได้ชอบผู้ชาย!!!!


**************

ต่อข้างล่าง

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23
ผมตื่นขึ้นมาอีกทีตอนมีโทรศัพท์เข้า  ควานหาต้นตอของเสียงแล้วกดดูปรากฏว่าเป็นไอ้บั๊ค โทรมาหาพ่อมันเหรอวะ กูยิ่งนอนน้อยเพราะเมื่อคืนมัวแต่คิดบ้าคิดบออะไรไม่รู้อยู่จนเกือบเช้า

ผมตัดใจกดรับสายเพราะไอ้เพื่อนเวรนี่ถ้าไม่มีธุระสำคัญก็ไม่ค่อยโทรมาหรอก ส่วนใหญ่จะไลน์คุยซะมากกว่า พอผมรับสายปุ๊บ คำสารภาพบาปทั้งหลายก็พรั่งพรูออกมาดั่งน้ำหลาก

“ไอ้ห่าบั๊คแม่งทำเรื่องให้กูต้องปวดหัวอีกละ แค่ไอ้เชี่ยจ้าวปัญญาอ่อนแบบนั้น มึงยังปล่อยให้มันหนีไปอีกจนได้!”  ผมบ่นกับตัวเองเมื่อวางสายมันเสร็จ

ก็เมื่อคืนไอ้ห่าบั๊คมันตบะแตกจับไอ้จ้าวฟัดไปหลายยกจนแม่งหนีออกจากบ้าน ผมถามไถ่เรื่องราวแล้ววางแผนคร่าวๆ ก่อนจะกดโทรศัพท์หาไอ้ตัวเรื้อน โทรไปตั้งห้าสายถ้วนแต่แม่งไม่รับสักแอะ สงสัยคงยังไม่อยากคุยกับใคร

“เฮ้อ ไอ้จ้าวเอ้ย กูไม่โทษมึงหรอกนะ ถ้าเป็นกูกูก็เผ่น ไอ้สัดบั๊คแม่งอ่อน บทจะป๊อดก็ไม่กล้าอะไรเลย บทจะแรงก็เล่นซะห้าหกน้ำ แม่งโคตรควาย”  บ่นไปงั้นแหละ ยังไงก็คงต้องช่วยมันอยู่ดี



แต่ตอนนี้ขอกูนอนต่ออีกหน่อยละกัน คืนนี้ก็ยังต้องไปดูร้านเพราะติดต่อไอ้อิงค์กับไอ้ทิงไม่ได้ทั้งคู่ ไอ้เหี้ยสองตัวนี่ไปถึงไหนต่อไหนกันวะ หรือแม่งโดนไอ้ทิงจับฆ่าหมกป่าไปแล้ว  โธ่กู ไม่น่าปล่อยให้มันไปด้วยกันเลย ไอ้เหี้ยทิงมันลูกมาเฟีย มันอาจติดนิสัยโหดๆ มาจากพ่อมันก็ได้

“ขอให้มึงเป็นคนเหี้ยน้อยอย่างที่กูคิดมาตลอดนะไอ้ทิงอย่าเหี้ยมากเลย ถ้าไอ้อิงค์เจ็บแม้แต่ปลายนิ้วก้อย กูจะแจ้งตำรวจนำจับมึงด้วยคดีเป็นร้อยๆ ที่มึงแฮกข้อมูลบริษัทต่างๆ รับรองว่าติดคุกจนหำโตกว่าหัวแน่ๆ”





แล้วคืนนี้ของผมก็ดำเนินไปด้วยความเหงาหงอย  กลับจากร้านก็มานอนตาค้างเหมือนเดิม เอากีตาร์มาเกาเล่นเป็นชั่วโมงแล้วก็ยังไม่ง่วง อันที่จริงถ้าไม่หลอกตัวเองผมก็ยอมรับนะว่าแอบมองโทรศัพท์ตลอด หวังเล็กๆ ว่าจะมีใครไลน์มาหาแต่ก็ไม่เห็นมี

ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ

พอไลน์เด้งปุ๊บก็ตะปบโทรศัพท์ปั๊บ รีบเปิดอ่านแต่ดันไม่ใช่คนที่ผมรอ  ไอ้อิงค์ไลน์มาบอกว่ากลับเข้าร้านแล้วและคืนพรุ่งนี้จะเริ่มทำงาน  ผมถามไถ่ถึงความปลอดภัย มันก็บอกว่าปกติดีไม่ต้องเป็นห่วง  จากนั้นผมก็โทรหาไอ้ทิงแต่แม่งไม่รับสาย สงสัยตายห่าไปแล้วมั้ง

ถึงจะโล่งใจเรื่องไอ้อิงค์จนหมดเรื่องเครียดที่มีอยู่เพียงเรื่องเดียวแต่จิตใจก็ยังไม่กลับมาปกติ นั่งหงุดหงิดอยู่อีกหลายอึดใจแล้วตัดสินใจเด็ดขาด

“ไลน์ไปเองก็ได้สาดดดด”  ตีสามแล้วก็ช่างแม่ง อยากปล่อยให้กูรอ มึงก็ต้องทนรับกรรมของมึงไปไอ้หน้านิ่ง!



DumDinDan : นอนยัง

ส่งไลน์ไปใจก็ลุ้นตุ้มๆ ต่อมๆ ว่ามันจะเปิดอ่านและตอบกลับตอนไหน   รู้สึกหน่วงๆ เมื่อผ่านไปเกินห้านาทีแต่ก็ไม่มีวี่แววว่ามันจะอ่าน  สงสัยหลับไปแล้ว







ติ๊ดๆ

ผมเปิดอ่านทันทีแบบไม่รอให้จบเสียงเตือน

Dark Sky : พึ่งอาบน้ำเสร็จ

ปากผมฉีกยิ้มกว้างทันทีที่เห็นข้อความแต่คิดตามคำตอบของมันแล้วหน้าก็หุบลงทันที

DumDinDan : อาบน้ำ!?? ไปไหนมา ไปกับใคร แล้วทำไมไม่บอกกู!

Dark Sky :  ไปงานด่วน พี่ดอทโทรมาตอนสองทุ่มให้ไปเดินแทนอีกคนที่ท้องร่วง

DumDinDan : งั้นก็แล้วไป ละเจอไอ้ชนเผ่าปะ มันมาวอแวกับมึงอีกมั้ย

Dark Sky :   ก็เจอนะ แต่ไม่เห็นเข้ามาคุยอะไร คงไม่มายุ่งแล้วล่ะ

DumDinDan : เอ่อ ดีแล้ว

Dark Sky :  แล้วทำไมคุณยังไม่นอน

DumDinDan :  เรื่องของกูมั่งเหอะ

Dark Sky :  เรื่องของคุณ? งั้นคุณมาถามผมทำไมว่านอนรึยัง

DumDinDan :  ยอกย้อนนะมึง อยู่ใกล้ๆ จะตบให้คว่ำ

Dark Sky : ก็มาตบสิ ผมก็เหงาหูจะแย่ละ ห้องเงียบอย่างกับป่าช้า

โอ้ย ทำไมกูต้องยิ้ม ทำไมกูต้องดีใจ 

DumDinDan :  หาว่ากูพูดมากงั้นสิ

Dark Sky :  ก็ไม่เถียง

DumDinDan :  ดี งั้นพรุ่งนี้จะไปพูดกรอกหูมึงทั้งวันเลย เอ่อ แต่มึงต้องไปเรียนนี่

Dark Sky :  พรุ่งนี้เลิกบ่ายสองครึ่ง

DumDinDan : เออๆ แล้วจะเอาไรปะ จะได้ซื้อเข้าไป 

Dark Sky : พิซซ่าๆ อยากกินพิซซ่า

อ่านแล้วขำ ที่จริงมันก็เด็กล่ะนะ ถึงจะทำตัวโตเกินวัยยังไงแต่ความจริงก็เด็กกว่าผมตั้งหลายปี

DumDinDan :  เอ่อ งั้นก็รอแดก แค่นี้นะ 

Dark Sky :  ฝันดีครับโอ้ปปร้าาาา

โอ้ปป้าพ่อง!!!!!!! ชักจะหนักข้อขึ้นทุกวันไอ้ห่านี่!!



ผมเปิดอ่านแต่ไม่ได้ตอบจากนั้นก็มานั่งคิดว่าทำไมต้องคิดถึงมันและรู้สึกโล่งใจเหมือนเสร็จสิ้นภาระกิจสำคัญ  ชักไม่เข้าท่าซะแล้วว่ะไอ้ดิน มึงต้องหาคำตอบให้ตัวเองซะแล้ว!



บ่ายครึ่ง ผมตื่นนอน  อาบน้ำแต่งหล่อออกจากคอนโดและแวะซื้อพิซซ่าโฮมเมดเจ้าอร่อยที่ชอบมากินกับป๋า ผมสั่งหน้าต้มยำกุ้งถาดใหญ่ คิดว่าไอ้หน้านิ่งน่าจะชอบเหมือนกันเพราะรสชาติมันจัดจ้านสะใจ

ก่อนขึ้นไปผมแอบเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกลิฟท์  นี่กูเหรอวะ ทำไมทำตัวเหมือนจะมาจีบสาวไม่มีผิด แต่งหล่อขนาดนี้เพื่อ?? เซ็ตผมเพื่อ??  แถมยังมีของกินกับขนมนมเนยสารพัดอีก

“วันนี้ ต้องรู้ให้ได้ว่ากูเป็นเหี้ยอะไรของกู!”  ผมพูดกับตัวเองในกระจกอย่างหมายมั่นแล้วมุ่งหน้าสู่ห้องไอ้สกายทันที



พอเปิดประตูเข้าห้องได้ก็วางของทุกอย่างไว้บนโต๊ะ  เดินหาไอ้หน้านิ่งก็เจอมันตากผ้าอยู่ที่ระเบียง

“แปดร้อย จ่ายมา”  ผมแบมือไปตรงหน้ามัน

แปะ แปะ

มันหันมาตีมือผมแล้วหันไปตากผ้าต่อ 

“ตีทำเชี่ยไร กูจะเก็บตังค์ค่าพิซซ่าแปดร้อย”  ผมยื่นมือไปอีกรอบ

แปะแปะแปะแปะ..

“เฮ้ย เยอะไปละ!” ผมโวยวาย

“ก็จะให้ครบแปดไง” มันยิ้มมุมปาก

ทำไมรู้สึกดีที่ได้เห็นหน้า ได้เห็นรอยยิ้ม ทำไมรู้สึกหาย..คิด..ถึง..

กอดแม่งเลยดีมั้ยวะ หรือจับจูบเลย จะได้รู้ซะทีว่ากูชอบมึงจริงมั้ย

ในขณะที่กำลังตบตีถกเถียงกับตัวเองอยู่ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น  สกายขมวดคิ้วแล้วมองผมเหมือนจะถามว่าใคร  ผมยักไหล่ตอบไปว่ากูจะไปรู้เหรอ

สกายเดินไปที่ประตูแล้วเปิดออกจากนั้นก็ร้องเฮ้ยแล้วปิดลงทันที  มันวิ่งไปที่โต๊ะแล้วเก็บของบนนั้นเอามาไว้บนโต๊ะที่ระเบียงแล้วบอกผมว่า..

“อยู่ตรงนี้ ห้ามออกไป”  ผมกำลังจะถามแต่มันทำเสียงดังใส่  “ผมบอกว่า ห้าม! ออกไป”  ผมชะงักกึกทันที  ไอ้หน้านิ่งตะคอกผมงั้นเหรอ มึงคิดว่ามึงเป็นใครวะ!!!

แต่ด้วยความอยากรู้กอปรกับยังไม่อยากท้าทายมันในเวลานี้ ผมจึงแอบดูผ่านช่องกระจกเพื่อดูว่าทำไมมันถึงมีท่าทีที่ก้าวร้าวแบบนั้น



เพียงไม่กี่อึดใจ ผมก็ได้รู้ทุกอย่าง ร่างของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องแล้วสอดส่ายสายตาไปทั่วเหมือนกำลังมองหาใคร  แต่นั่นไม่ทำให้ผมตกใจเท่ากับว่าไอ้ห่านั่นมันคือ..ไอ้จ้าว!!

แล้วสิ่งที่ทำให้เลือดผมแล่นพล่านไปทั่วร่างก็คือภาพที่ไอ้หน้านิ่งจูบไอ้จ้าว

“ไอ้สัด!!”  วูบหนึ่งผมอยากวิ่งออกไปกระโดดขาคู่ใส่พวกมันทั้งคู่ แต่คิดไปคิดมา ผมก็นึกเหตุผลที่ไปถีบมันไม่ออกจึงล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาไอ้เหี้ยจ้าวและนัดมันให้ไปเจอผมที่หน้ามหาวิทยาลัย



มันออกไปคุยนอกห้องและรับนัดผมจากนั้นแม่งก็ชิ่งออกจากห้องไป   ผมแอบมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้วนำมาประมวลผล  คาดเดาคร่าวๆ จากรูปคู่ของสกายที่เคยเห็นก็น่าจะเป็นไอ้จ้าวนี่แหละ  มันสองคนคงเป็นเพื่อนกันแต่สกายดันแอบรักเพื่อน ส่วนไอ้เพื่อนเรื้อนตัวดีดันไม่รู้และไปได้เสียและยอมย้ายเข้าบ้านไอ้บั๊คเพื่อทำตามแผนของผม ทำให้ไอ้หน้านิ่งรักคุดจนหน้าง้ำหน้างอเสมอเวลาที่พูดถึงเพื่อนรักของมัน

“ไอ้จ้าวงั้นเหรอ น่าสนุกว่ะ”  ผมยิ้มร้ายแล้วมองไอ้หน้านิ่งที่เดินหน้าเครียดเข้ามา

มันกับผมยืนประจันหน้ากันแบบต่างอารมณ์  สายตาผมจดจ้องไปยังดวงตาสีเขียวอมเทาที่ดูจะหดหู่มากกว่าที่เคยเป็นแต่ในเวลานี้ผมกลับไม่ได้ส่งผ่านความห่วงใยไปให้ จะมีก็แค่คำพูดประโยคสุดท้ายที่ฝากไว้ให้มันก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องพร้อมกับแผนการร้อยแปดพันเรื่องในหัว

“จากนี้ไป ถึงมึงจะขอ ก็ไม่แน่ว่ากูจะให้!” 



*********************

 :pig4:

ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33

ออฟไลน์ VentoSTAG

  • ไม่รักอย่าทำให้มโนฯ GO AWAY!!!
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-9
 :laugh: เฮียดิ๊นนนน หมดมาดคนเจ้าเล่ห์เลย  :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-01-2015 19:58:19 โดย dianamoon »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :hao5:   ค้างได้อีก พี่ดินน่าสงสารนะเราเนี่ย

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
พี่ดินใจเย็นๆนะพี่ :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด