@@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98  (อ่าน 754234 ครั้ง)

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6

ออฟไลน์ puna

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น่ารักทุกคู่ :o8:

#อยากให้พีทกะอ้น เป็นคู่หลักของอีกเรื่องอะคะ     ชอบๆๆ >●<

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ  วิโรจน์ & กฤษดา.....ตอน ปฏิกิริยาแรก

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ที่จะเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ แต่ถ้าไม่เริ่มนับหนึ่งกันใหม่มันก็ไม่มีทางทำให้เราสองคนได้รู้จักกัน
แค่เซ็กส์อย่างเดียวมันไม่มากพอ และถ้าคิดจะคบหากันจริง ๆ จัง ๆ เราควรรู้จักกันให้มากกว่านั้นไม่ใช่แค่เพียงผิวเผินอย่างที่แล้วๆ มา

“..............................”

วิโรจน์กำลังเขี่ยข้าวในจาน มีบางครั้งที่เหลือบสายตามองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

ไม่ใช่คนชอบพูดจามากความ และการมานั่งกินข้าวด้วยกันครั้งแรก ในบรรยากาศที่ผู้คนกำลังต่อแถวกันในโรงอาหารและบางครั้งก็มีคนมองมาที่หัวหน้าแผนกขาย ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยลงมากินข้าว แต่วันนี้ลงมากินข้าวกลางวันได้ แถมเป็นการมากินกับพนักงานจากแผนกขนส่ง ที่ใคร ๆ ก็รู้ว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน แล้วอย่างนี้จะไม่ให้คนมองด้วยความสนใจใคร่รู้ได้ยังไง

“.........................”

คุณกฤษดาวางช้อนลง ทั้งที่ข้าวกลางวันเพิ่งจะพร่องไปไม่ถึงครึ่ง และคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เงยหน้าขึ้นมองและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ไร้ความรู้สึก

“อิ่มหรือไง”

อิ่มเหรอ
ก็ไม่ใช่ว่าอิ่มหรอก แต่ไม่ชอบสายตาของคนที่กำลังมองมาทางนี้ บางคนวิจารณ์ บางคนซุบซิบนินทา และเผลอ ๆ บางคนยังมีแอบหัวเราะอีกต่างหาก

ไร้มารยาทสิ้นดี แบบนี้ไงถึงไม่อยากจะลงมากินข้าวที่โรงอาหาร เบื่อคนพวกนี้

“ไม่ได้อิ่ม แต่ไม่รู้จะทนนั่งกินต่อไปทำไม”

คำพูดง่าย ๆ แต่ก็ทำให้วิโรจน์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เลิกคิ้วขึ้นสูง

“ไม่พอใจผมหรือไง”

เรื่องนั้นมันไม่ใช่หรอก ถ้าไม่พอใจก็คงไม่ลงมากินข้าวด้วย ถ้าไม่พอใจ คนอย่างคุณกฤษดาไม่มีทางมานั่งอยู่ตรงนี้ทั้งที่โคตรเกลียดบรรยากาศรอบตัวจนเกินจะบรรยาย

“เปล่า”

ตอบออกไปสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ และวิโรจน์ที่เขี่ยข้าวไปมาก็นิ่งชะงักกับคำตอบนั้นไปเล็กน้อย  กำลังสงสัยว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ การมานั่งกินข้าวด้วยกันในโรงอาหารแบบนี้ไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของเราพัฒนาขึ้นหรอก

หัวหน้าแผนกขายยังคงเป็นคนเย็นชาที่ทำได้แค่สองหน้าคือหน้าบึ้ง และหน้าที่แสดงให้คนทั้งโลกรู้ว่าไม่พอใจทุกสิ่งรอบตัว

“มีเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมง ถ้าไม่กินข้าวแล้วนั่งอยู่ก่อนได้มั้ย”

แล้วจะให้นั่งอยู่ทำไม งานการก็มีกองอีกตั้งเยอะแยะ จะให้เสียเวลานั่งอยู่ในที่ ที่ไม่ชอบไปทำไม

“ไม่”

ตอบปฏิเสธไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ และวิโรจน์ก็พยักหน้ารับ

..............ไม่อยู่ก็ไม่อยู่..........

“ทำไม”

แล้วทำไมต้องถามด้วย ว่าทำไม ก็น่าจะเห็นอยู่ ว่าทำไม เห็นอยู่แล้วว่าทำไม แต่ก็ยังจะถามอีกใช่มั้ย

“ผมไม่ว่าง”

อ่อ…. ไม่ว่าง
ไม่ว่างตลอดนั่นแหละ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่เคยว่างหรอก กี่วันก็ไม่เคยว่าง ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน หัวหน้าแผนกขายก็ดูจะยุ่งตลอดเวลา กลับบ้านมืด ๆ ค่ำ ๆ ทุกวัน ทุ่มเทให้กับงานจนใคร ๆ ต่างก็รู้ “หัวหน้าแผนกขาย เป็นพวกบ้างาน”

“อ้น”

วิโรจน์เรียกชื่อของคนที่กำลังหงุดหงิดอย่างถึงที่สุด และนั่งกอดอกด้วยความเบื่อหน่าย แต่เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อเล่นของตัวเอง คุณกฤษดาก็มีอันชะงักนิ่งและต้องรีบหันกลับมามอง คนที่ยังคงเขี่ยข้าวในจานไปมา

“เรียกแบบนี้ได้ใช่มั้ย”

เรียกแบบนี้เหรอ แล้วไปรู้ชื่อเล่นมาได้ยังไง ไปรู้มาจากไหนว่าทางนี้มีชื่อที่เอาไว้เรียกเล่น ๆ กันเฉพาะในหมู่คนรู้จักที่สนิทสนมกัน

“.........แล้วแต่..........”

งั้นเหรอ

“พีทนะ”

แนะนำตัวเอง และหัวหน้าแผนกขายที่นั่งกอดอกอยู่ก็เลิกคิ้วขึ้นสูง หมายความว่ายังไง สิ่งที่พูดออกมามันหมายความว่ายังไง

“เห็นเพื่อนเรียกว่าโรจน์ไม่ใช่เหรอ”

นั่นมันก็ใช่

วิโรจน์วางช้อนลงและเลื่อนแก้วน้ำมาอยู่ตรงหน้า ก่อนจะมองหน้าของหัวหน้าแผนกขายนิ่ง ๆ

“ก็จะให้เรียกต่างจากคนอื่น”

คำพูดคำจากับน้ำเสียงของคนพูด ไปกันคนละทางวิโรจน์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย ไร้อารมณ์ แต่คำพูดที่สื่อออกมามันทำให้หัวหน้าแผนกขายรู้สึกดีได้อย่างน่าประหลาด คุณกฤษดาได้แต่มองหน้าของวิโรจน์นิ่ง ๆ มองตรง ๆ  และวิโรจน์ก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าของหัวหน้าแผนกขาย เหมือนกัน

“....ช่วงนี้ว่างป่าว”

ว่างหรือเปล่าเหรอ ก็........ถ้าจะให้ว่างมันก็ว่างอยู่หรอก....ถ้าคิดอยากจะให้มีเวลามันก็ไม่ใช่เรื่องยาก

“ทำไม”

ก็ไม่ทำไม

“เย็นนี้จะได้กินข้าวเย็นด้วยกัน”

พูดแค่นั้น แล้ววิโรจน์ก็ดูดน้ำในแก้วไปพลาง ๆ ระหว่างรอคำตอบ ทำเหมือนเป็นเรื่องทั่วไปไม่มีความสำคัญ ทั้งที่ในใจกำลังเต้นระทึกเพราะอยากได้ยินคำตอบ และมันควรจะเป็นการตอบรับ มากกว่าการตอบปฏิเสธ

“วันนี้ต้องปิดบิลขาย”

ตอบปฏิเสธไป ทั้งที่ในใจลึก ๆ อยากจะบีบคอตัวเองที่โง่ตอบออกไปแบบนั้น วันนี้ไม่ได้จริง ๆ ถ้าไม่ปิดบิลขายวันนี้ พรุ่งนี้คงต้องไปทะเลาะกับฝ่ายบัญชี ซึ่งคุณกฤษดาไม่เคยมีประวัติการส่งงานล่าช้า

เสียใจ.... ที่ถูกชวนแล้ว แต่ต้องปฏิเสธ ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากปฏิเสธเลย

“งั้นก็ทำไป”

ใช่สิ  งั้นก็ทำไป มันก็คงต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ก็ได้แต่ทำไปเรื่อย ๆ จนกว่างานจะเสร็จ แล้วใครมันจะมาง้อหรือมาสนใจล่ะ
ไม่มีทางหรอก เรื่องนั้นไม่มีทาง

“ไม่กินแล้วก็ขึ้นไปทำงานเหอะ ผมก็จะไปทำงานแล้วเหมือนกัน”

วิโรจน์วางแก้วน้ำลง และลุกขึ้นยืน โดยมีหัวหน้าแผนกขายลุกขึ้นตาม

อาการใจแป้วทั้งคนถามและคนถูกถามกำลังคุกคามและทำให้แต่ละก้าวที่เดินออกจากโรงอาหารมีแต่บรรยากาศอึมครึม

หัวหน้าแผนกขายเดินนำหน้า โดยมีวิโรจน์เดินตามหลัง ต่างคนต่างเดิน ต่างคนต่างเมิน ต่างคนต่างเงียบ
และเมื่อถึงทางแยกที่หัวหน้าแผนกขายต้องเดินขึ้นแผนก วิโรจน์ที่เดินตามหลังมาตลอดก็เรียกหัวหน้าแผนกขายเอาไว้

“อ้น”

ได้ยินเสียงเรียก และคุณกฤษดาก็ชะงักเท้า ยืนนิ่งและฝ่ามือก็เริ่มกำแน่น หลับตาลงและขบริมฝีปาก ก่อนจะถอนใจออกมายาว ๆ และหันกลับไปเผชิญหน้ากับวิโรจน์ที่เดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงในท่าทางสบาย ๆ

“ตอนเย็นจะรอข้างล่าง เคลียร์บิลเสร็จเมื่อไหร่ก็ลงมาแล้วกัน.....”

รอเหรอ ..........เคลียร์บิลเสร็จเมื่อไหร่ให้ลงมาเหรอ .......คิดจะรอกันจริงๆ ใช่มั้ย

คุณกฤษดาพยายามบังคับหน้าตัวเองไม่ให้ยิ้ม บังคับหน้าตัวเองเอาไว้อย่างสุดความสามารถ ขบริมฝีปากเอาไว้ และพยักหน้ารับแต่ไร้คำพูด ก่อนจะรีบก้าวขาเดินไปตามทางเดิน เพราะกำลังจะเผลอยิ้มออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็นแล้ว

วิโรจน์มองตามคนที่เดินเข้าแผนก และก้าวขามาตามทางเดินเพื่อแยกไปที่แผนกขนส่งด้วยท่าเดินแบบสบาย ๆ มือสองข้างยังล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง

เดินเรื่อย ๆ ไปตามทางเดิน และวิโรจน์ที่ไม่เคยคิดจะสนใจใครก็เริ่มอมยิ้มน้อย ๆ ออกมาที่มุมปาก
ก้มหน้าก้มตาไม่ให้แสดงอาการมากนัก ทั้งที่ในหัวใจกำลังเต้นไม่เป็นส่ำ เหมือนหัวใจกำลังฟูฟ่องจนแน่นคับไปทั้งอก

ความคิดบางอย่างวนเวียนกลับไปกลับมาในหัว วันละไม่รู้กี่ร้อยกี่พันรอบ แต่วิโรจน์ไม่เคยพูดหรือบอกกับใครทั้งนั้น
และไม่ว่ากี่ครั้งที่คิดเรื่องนี้ขึ้นมาทีไรก็ทำให้ยิ้มได้

.............แม่งเอ้ย......จะมีใครทำแบบนี้ได้อีกมั้ยวะ....ก็เห็นหน้ากันอยู่ตั้งนาน ก็เคยนึกชังน้ำหน้าหัวหน้าแผนกขายอยู่ตลอด แต่เพิ่งมารู้สึกตัวเอาก็ป่านนี้.......อ้น เป็นคนที่ทำหน้านิ่งและหน้าโกรธได้น่ามองที่สุด.........น่ามองซะจนต้องบอกตัวเองว่าอย่ามองให้มากนัก เดี๋ยวจะไม่เป็นอันทำการทำงาน

ที่ไม่มองหน้าตอนที่อยู่ด้วยกันที่โรงอาหารก็เพราะว่า...ยิ่งมอง  เรื่องที่เราทำด้วยกันมันก็จะผุดขึ้นมาในหัวเป็นฉาก ๆ และมันจะพาลให้อารมณ์กระเจิดกระเจิงจนอยากลากพาไปทำเรื่องอย่างว่าด้วยกัน ในเวลาที่ไม่เหมาะสมและสถานที่ไม่เอื้ออำนวย

หนักเลยว่ะงานนี้

เป็นเอามากเลยงานนี้

..........กูแม่งทั้งรักทั้งหลงหัวหน้าแผนกขายได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ.....ไม่อยากจะเชื่อ....

แล้วอ้นคิดยังไงวะ ไอ้ที่บอกว่าจะลองศึกษากันดูนั่นน่ะ พูดจริงหรือเปล่า หรือพูดให้ดีใจเล่น ๆ

ถ้าแค่มาพูดให้ดีใจเล่น ๆ นะ จะเอาคืนให้สาสมเลย

จะเอาคืนให้หมดทุกอย่าง ให้สาสม........
ถ้ามาแกล้งหลอกให้รักแล้วคิดจะจากไปง่าย ๆ ล่ะก็..........อย่าหวังจะทำได้ง่าย ๆ

...........ไม่มีทาง..........

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
เกือบสองทุ่มแล้ว บริเวณภายนอกมืดสนิท มีเพียงแสงไฟจากเสาไฟฟ้าที่ยังส่องสว่างอยู่

ไฟในโรงงานบางจุด เปิดทิ้งเอาไว้ และแน่นอนไฟในแผนกขายบนอาคารก็ยังคงเปิดไว้อยู่ตลอดจนถึงป่านนี้
วิโรจน์นั่งรอตั้งแต่เลิกงาน ทักทายกับคนอื่น ๆ ที่กลับบ้าน จนสุดท้ายไม่เหลือใครอีก คงจะมีแต่หัวหน้าแผนกขายเท่านั้นที่คงจะหัวปั่นอยู่กับเอกสารกองโตเหมือนทุกวัน และยิ่งวันนี้เป็นสำคัญที่ต้องปิดบิลขายเพื่อส่งฝ่ายบัญชี มันก็ยิ่งดูจะยุ่งไปกันใหญ่

แสงไฟจากชั้นสองยังมองเห็นได้ชัดจากจุดที่นั่งอยู่ และวิโรจน์ก็ก้มหน้าลงมามองโทรศัพท์ในมือ เมื่อเห็นสัญญาณเรียกเข้า ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่นัดเอาไว้ และวิโรจน์ก็กดรับโทรศัพท์และนิ่งฟังสิ่งที่คนที่อยู่ปลายสายพูด

“กลับไปก่อนเหอะ คงอีกนาน”

อีกนานเหรอ

“.....จะนานซักแค่ไหนกัน”

ก็ไม่ซักแค่ไหนหรอก เอาเป็นว่าคงจะนานมาก

“รอไม่ไหวหรอก ไม่ต้องรอ แค่นี้นะ”

จงใจหรือเปล่าวะ จงใจไม่ให้รอหรือเปล่า

“ตามใจ”

เป็นวิโรจน์ที่กดวางสายอย่างไม่สนใจไยดีคนที่อยู่ปลายสายเลยสักนิด ไม่ให้รอก็ไม่รอ ถ้าไม่ให้รอก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ก็แค่...........ไม่รอ........

วิโรจน์หย่อนโทรศัพท์ลงในกระเป๋าเสื้อ และลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ก้าวขาออกไปจากบริเวณที่นั่งอยู่ และหัวหน้าแผนกขายก็นั่งมองโทรศัพท์ในมือที่ถูกกดตัดสายไปดื้อ ๆ แล้วก็นึกอยากร้องไห้ แต่ทำอะไรไม่ได้

ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และหยิบบิลขายอีกปึกใหญ่ขึ้นมาตรวจ

เงยหน้าขึ้นมองไปที่นาฬิกาที่เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจยาว จำใจก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป ทั้งที่หัวใจหลุดล่องลอยไปตั้งแต่ถูกกดตัดสายทิ้ง

...............แล้วจะให้ทำยังไง จะให้ฟูมฟายร้องไห้หรือไง........ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ซักอย่างนอกจากทำใจ

จะไปทำอะไรได้ จะให้อีกฝ่ายรอหรือไง   มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ มืดค่ำขนาดนี้ใครจะอยากมารอ ใครจะอยากมานั่งรอ

...........ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว สิ่งที่ทำได้ก็มีแค่อย่างเดียวเท่านั้น.....

.........................................ทำใจ.........................................

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2014 07:48:39 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
คุณกฤษดาถึงกับสะดุ้งสุดตัว เมื่อถูกกระป๋องเครื่องดื่มเย็น ๆ แนบเข้าที่ข้างแก้มอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

“เฮ้ยยยยยยยยย ทำบ้าอะไรวะ”

ยกมือขึ้นแตะที่แก้มของตัวเองและก็เห็นคนที่ทำเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ใส่

วิโรจน์เปิดฝ่ากระป๋องน้ำอัดลม และก็เสียบหลอดเข้าไปก่อนจะวางเอาไว้บนโต๊ะของหัวหน้าแผนกขายที่มีบิลวางกระจายอยู่เต็มโต๊ะ

“ชาเขียวผสมโซดา”

บอกเพียงแค่นั้นและวิโรจน์ก็ค่อยๆ นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับคุณกฤษดาที่กำลังมองหน้าของวิโรจน์ด้วยความไม่เข้าใจในสิ่งที่วิโรจน์ทำ

ไหนบอกว่าไม่รอ แล้ว.........

“อ่ะ”

แซนวิชร้อน ๆ ในซองกระดาษหนาๆ ถูกส่งมาให้ และคุณกฤษดาก็ได้แต่มองของกินที่ถูกส่งมาให้ด้วยความไม่เข้าใจ

รับมาถือเอาไว้ และมองวิโรจน์ที่ไม่ได้มีท่าทางสนใจอะไรอีกนอกจากกัดแซนวิชที่อยู่ในมือของตัวเองและนั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามด้วยท่าทางสบาย ๆ

“....................”

ไม่มีคำพูดระหว่างเรา คุณกฤษดา กัดแซนวิชแฮมชีสร้อน ๆ ไปหนึ่งคำ และกัดอีกคำ กัดไปเรื่อยๆ และวางมือจากกองเอกสารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ

วิโรจน์ยังคงกินต่อไปเรื่อยๆ และหยิบกระป๋องน้ำอัดลมที่วางเอาไว้ให้คุณกฤษดาขึ้นมาและหมุนหลอดให้ตรงกับปากดูดน้ำไปแค่เล็กน้อย และก็ยื่นส่งให้กับคุณกฤษดาที่มองมาด้วยความไม่เข้าใจ

“อ่ะ”

ยังไง

ส่งมาให้ทำไม กำลังจะรับกระป๋องน้ำอัดลมมาถือเอาไว้ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอม แถมยังตั้งคำถามบางอย่างด้วย

“กินได้ป่ะ”

กินได้หรือเปล่า มันก็กินได้ ไม่ใช่คนกินยากอยู่ยาก ทำไมจะกินไม่ได้

“กินไง”

ก็ไม่กินไง

ก็..........

คุณกฤษดาพอจะรู้ได้อย่างลาง ๆ ไม่ได้รับเครื่องดื่มกระป๋องนั้นมาถือเอาไว้ แต่หมุนหลอดให้ตรงกับปากของตัวเอง และก็ดูดน้ำในกระป๋องไปหนึ่งอึก โดยมีคนถือกระป๋องน้ำอัดลมให้

“แค่นี้พอแล้ว”

ทำไมไม่กินอีกหน่อยล่ะ แต่ก็เอาเถอะพอแล้วก็พอแล้ว

วิโรจน์วางกระป๋องน้ำอัดลมกลับมาไว้ที่เดิม กัดแซนวิชในมือไปเรื่อย ๆ และสายตาก็มองไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้พูดคุยกับหัวหน้าแผนกขายใด ๆ ทั้งสิ้น

ใบหน้ายังคงเรียบเฉย   ไร้ซึ่งปฏิกิริยาใด ๆ คนสองคนนั่งกันอยู่เงียบ ๆ โดยไร้คำพูด

หัวหน้าแผนกขายไม่พูด และวิโรจน์ก็ไม่พูด

วิโรจน์ไม่ได้พูดว่าให้รีบทำ ไม่ได้เร่ง ไม่ได้อะไรทั้งนั้น มองเมินไปทางอื่น และพยายามบังคับสีหน้าให้นิ่งเฉยมากที่สุด พยายามไม่แสดงอาการออกไปให้อีกฝ่ายรับรู้ ว่าในเวลานี้อยากจะยิ้มออกมาเพราะหัวใจกำลังพองโต เพียงแค่เห็นใบหน้าของหัวหน้าแผนกขายที่กำลังเคลียร์งานอยู่ฝั่งตรงข้าม ก็มีความสุขแล้ว

คุณกฤษดายังคงทำงานในส่วนของตัวเองไปเรื่อย ๆ แต่หัวคิ้วยิ่งขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม

งานไม่ได้มีอะไรมากแล้ว ไม่มีอะไรให้เครียดเลยซักนิด แต่คุณกฤษดามีความจำเป็นต้องขมวดคิ้วเข้าไว้
เพื่อป้องกันใบหน้า.....ไม่ให้เผลอยิ้มให้วิโรจน์รู้   ว่าดีใจขนาดไหนที่วิโรจน์ยังรออยู่จนถึงป่านนี้......แค่นั้นเอง


TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2014 07:53:57 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
รักกันเงียบๆดีเนอะ อิอิ

ออฟไลน์ puna

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น่ารักคะ   อร๊ายยยยย :impress2:

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
คู่นี้ออกแนวรักแบบเก็บความรู้สึก

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
รักกันแบบเงียบๆ ซึนๆ สินะ
หุหุ ^[   ]^

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อิพี่บุ้งงงงงงงงงงงงงงงง คนอื่นเขาแซงหน้าไปหมดแล้ว
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ tulakom5644

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
คู่ที่สามนี่ก็แซ่บพอๆ กับคู่หลัก และคู่ที่สองเลยอ่ะ สนุกกกกกกกกกกกกกมากกกกกกกกกกกกก o13

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
คิดถึงน้องมีนกับพี่บุ้งจัา

tstriple7

  • บุคคลทั่วไป
ตื่นมาเจอแบบคอมโบอีกแล้วว ฟินกันไป v.v
วิเชียรเงี้ยจัดว่าเด็ด กร๊าก ชอบเวลาแซวพี่บุ้งกับน้องมีน เล่นซะ 'ผมจะยอมให้พี่เอา' เลยทีเดียว กรี๊สสสสสสส
คู่รองเค้าไปซะไกลแล้วนะ คู่หลักล่ะ พี่บุ้งรุกคืบได้แล้วว

ออฟไลน์ thearboo

  • อยากให้ชีวิตมีปุ่มSkip...!
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1
    • thearbooเพจจ๊า
แหม่...คุณวิโรจน์ คุณกฤษฎา มาไวเคลมไว แป๊บๆ มุ้งมิ้งกันซะแล้ว...หุหุ
 :hao6:
เหลือแต่คุณบุ้งน่ะแหละ เผด็จศึกน้องมีนซะที อิชั้นลุ้นจนน้ำหมากเหนียวหมดแล้ว!!
 :z1:

 :pig4: ขอบคุณคนเขียนค๊าบ

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2

รักเกิดในแผนกขนส่ง ภาคพิเศษ  วิโรจน์ & กฤษดา.....ตอน  คนชอบบังคับ

วิโรจน์เตะบอลอยู่ที่สนามเล็ก ๆ แถว ๆ หอพัก และเมื่อรู้ว่าจะมีคนมาหาวิโรจน์ก็เลิกเล่น แล้วรีบกลับมาที่หอพักทันที

เวลาหนึ่งทุ่มกว่า เป็นเวลาที่หัวหน้าแผนกขายเลิกงานและวิโรจ์ที่รีบวิ่งมาก็มาเจอหัวหน้าแผนกขายยืนอยู่หน้าห้อง ในมือมีถุงใส่ข้าวกล่องหนึ่งกล่อง

ต่างคนต่างมองหน้ากันเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรกันให้มากความ หัวหน้าแผนกขายไม่รู้ว่าวิโรจน์วิ่งมาจากสนามจนเหงื่อท่วม
และต้องหยุดยืนเพื่อพักหายใจก่อนจะเดินขึ้นมาได้ เพราะวิโรจน์ไม่อยากให้หัวหน้าแผนกขายเห็นว่ารีบวิ่งมาจนหายใจแทบไม่ทัน

คนสองคนก้าวขาเข้ามาภายในห้อง คนหนึ่งเดินไปเปิดหน้าต่างและเตรียมอาบน้ำ ส่วนอีกคนพอถอดรองเท้าได้ก็ขึ้นไปนั่งอยู่บนเตียง และเมื่อวิโรจน์หันมาอีกที คนที่อยู่บนเตียงก็ถอดแว่นตาออกไปวางรวมกับกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์วางไว้บนหัวเตียง ดึงชายเสื้อออกจากกางเกง และดึงเนคไทน์ออกจากคอ แล้วค่อย ๆ เอนหลังลงนอน       ก่อนหลับตาหัวหน้าแผนกขายบอกว่าให้ปลุกตอนสามทุ่ม และวิโรจน์ก็พยักหน้ารับ

มองหน้ากันแค่แว่บเดียว ไม่ได้พูดจาอะไรกันอีก คนหนึ่งแค่เพียงหัวถึงหมอนก็หลับสนิทเป็นตาย ส่วนอีกคนแกะข้าวกล่องและนั่งกินข้าวไปเงียบ ๆ

อ้นบอกว่า ไม่อยากให้ต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินอีก แล้วจะให้ทำยังไง ก็อยู่คนเดียว มันก็เลยเคยชินแบบนี้ ไม่คิดจะหาอะไรให้ตัวเองกิน ที่กินอยู่ก็แค่กินไปงั้น ๆ ให้ท้องอิ่ม

ว่าแต่คนอื่น ทีตัวเองล่ะเคยกินข้าวบ้างหรือเปล่า

เช้าอาจจะกินมาจากที่บ้าน แล้วกลางวันกินอะไร แล้วไหนจะตอนเย็นอีก ไม่อยากจะพูดจาให้มากความกับเรื่องอาหารการกินพวกนี้หรอก      ทางนี้ไม่ดูแลตัวเองก็ได้เพราะไม่ได้ใช้สมองอะไรมากมาย ไม่ได้ทำงานหนัก เป็นอ้นนั่นแหละที่น่าจะหัดดูแลตัวเองบ้าง ไม่ใช่กินอะไรส่ง ๆ ไปวัน ๆ แบบตอนนี้

นี่ก็คงแวะซื้อข้าวกล่องมาให้ เพราะตัวเองแวะกินข้าวเย็นร้านแถว ๆ ข้างทางอีกแล้วสินะ ตอนเย็นอ้นกินอะไร ทางนี้ก็กินแบบที่อ้นกินนั่นแหละ

ถ้าตอนเย็นเรากินอะไรก็กินเหมือนๆ กัน แล้วทำไมเราไม่กินพร้อมกัน ทำไมต้องแยกกันกินแบบนี้ด้วย
ทำไมตอนเย็นเราต้องแยกกันกิน ทำไมเราไม่กินข้าวเย็นพร้อมกัน ในทุก ๆ วันที่มีโอกาส

ทำไมเรา............. หันไปมองคนที่หลับอยู่บนเตียงอีกครั้ง และวิโรจน์ก็ยังครุ่นคิดเรื่องเดิม ๆ

หลาย ๆ ครั้ง คู่ของเราก็มักจะทำอะไรอ้อมโลก โคตรจะอ้อมโลกไปไกลทั้งที่ไม่เห็นจำเป็นต้องอ้อมขนาดนั้นเลยก็ได้

แล้วทำไมพวกเราถึงได้เป็นแบบนี้ล่ะ
ทำไมพวกเราถึงได้เป็นแบบนี้     แม้แต่วิโรจน์ ก็ยังไม่เข้าใจ

เรามีเซ็กส์กันแบบร้อนแรงก็จริง เรารักกันชอบกันก็จริง แต่น่าแปลก เราไม่เคยคุยกัน แม้จะรู้ความรู้สึกของกันและกันอยู่ลึก ๆ แต่เราไม่เคยมีถ้อยคำหวานหูให้แก่กัน บางครั้งวิโรจน์ก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าซะเหลือเกิน ที่คู่ของตัวเองกับหัวหน้าแผนกขายเป็นแบบนั้น

มีบางครั้งที่เห็นคนอื่นพูดจาด้วยถ้อยคำหวาน ๆใส่กัน ก็นึกอยากจะพูดบ้าง

แต่ทุกครั้งมันก็เป็นเหมือนเดิม คำพูดพวกนั้นมักจะถูกกลืนหายไปหมด แม้จะเตรียมตัวมาดีขนาดไหน แต่พอเอาเข้าจริงคำพูดพวกนั้นก็ถูกกลืนหายลงไปในคอซะทุกที

ก็เหมือนตอนนี้

เหมือนในเวลานี้ ที่เราเริ่มใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น ไม่ได้วางฟอร์มใส่กันเหมือนช่วงแรก ๆ เริ่มพูดจากันได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่ก็นั่นแหละ ยังไงคำพูดหวาน ๆ พวกนั้นก็ไม่เคยหลุดออกมาจากปากของเราทั้งคู่อยู่ดี

วิโรจน์ได้แต่คิดไปเรื่อย คิดอะไรไปเรื่อย ๆ จนกินข้าวหมดกล่องแล้วก็หันไปมองคนที่ยังหลับสนิทอยู่บนเตียง

ไม่รู้หรอกว่าเราจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปด้วยกันได้มากขนาดไหน แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าก่อนหน้านี้ ที่เราใช้เซ็กส์เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารกัน ในเวลานี้แม้เราจะไม่ได้มีอะไรกันมากมายเหมือนช่วงแรก ๆ แต่เรามีเวลาเรียนรู้ในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็นมากขึ้น

เซ็กส์ยังคงจำเป็นสำหรับเราอยู่เสมอ และวิโรจน์รู้....เรื่องนั้นเราเติมให้กันจนเต็ม แต่เรื่องของหัวใจล่ะ
อีกนานแค่ไหน เราถึงจะเติมให้กันจนเต็มได้ อีกนานแค่ไหน เราถึงจะสื่อใจถึงกันได้เหมือนคู่รักคนอื่นๆ เขา

บางครั้งแม้คำถามจะง่ายแก่การตอบ แต่วิโรจน์ก็ไม่สามารถตอบได้ เพราะไม่มีคำตอบที่ชัดเจนอยู่ในหัว
ถ้าเราสนิทกันมากขึ้นกว่านี้ เริ่มบอกเล่าเรื่องของตัวเองให้อีกฝ่ายได้รู้จักได้รับรู้มากกว่านี้

มันก็น่าจะพอให้เราได้สนิทสนมกันมากขึ้นกว่าที่เป็น

บางทีนะ

เราอาจจะเป็นคู่ที่อยากพูดคำหวานๆ ใส่กันมากที่สุดก็ได้ เพียงแต่ไม่มีโอกาสได้พูดเท่านั้น

บางทีนะ........

วิโรจน์กำลังยิ้ม ยิ้มเรื่อย ๆ ให้กับความคิดของตัวเอง ยิ้มและหันไปมองคนที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียง พึมพำพูดบางอย่างที่เคยซ้อมเอาไว้มานานแต่ไม่เคยได้พูดออกมา

“............รักนะ.......คิดถึงอ้นมาก.....อ้นน่ารัก”

ได้แต่พูดอะไรไปคนเดียว แล้วก็หัวเราะคนเดียวเงียบ ๆ กับความบ้าบอของตัวเอง

ปิดฝากล่องข้าวและเอากล่องข้าวไปทิ้งในถังขยะและมาหยุดยืนมองคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง แล้วก็ส่ายหน้า
ถึงจะร้ายกาจขนาดไหน ถึงจะมีคนเกลียด ถึงจะเย็นชาขนาดไหน แต่แค่เพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่ไม่เคยมีใครได้เห็น

สีหน้ายามหลับของหัวหน้าแผนกขาย สีหน้าที่แสดงถึงความผ่อนคลายสบายใจที่สุด สิ่งนี้เท่านั้นที่วิโรจน์ได้มีโอกาสได้เห็น สิ่งนี้เท่านั้นที่หัวหน้าแผนกขายยอมเปิดเผยให้วิโรจน์รับรู้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว กับความต้องการทั้งหมด
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว กับการตอบปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ของเรา

แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว วิโรจน์คิดแค่นั้น

แค่ความไว้วางใจกันแบบนี้........มันก็มากเกินพอแล้วจริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2014 13:45:27 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
“อ้น”

เรียกคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง และหัวหน้าแผนกขายก็ขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะปรือตาตื่นขึ้น   ควานหาแว่นสายตาที่ถอดทิ้งไว้บนโต๊ะมาสวม และค่อย ๆ ผุดลุกขึ้นนั่ง

เสื้อผ้าหลุดลุ่ย เนคไทน์ที่เคยผูกเอาไว้แน่นที่คอถูกดึงร่นลงมา คุณกฤษดามองไปที่นาฬิกาบนหัวเตียงที่บอกเวลาเกือบห้าทุ่ม

ต้องรีบกลับ ไม่ใช่เรื่องดีที่จะค้างนอกบ้าน นาน ๆ ก็ค้างได้อยู่ ไม่ใช่เด็กน้อยขนาดที่พ่อแม่จะโทรตาม แต่เพราะเบื่อ เพราะไม่อยากตอบคำถามว่าทำไมทำตัวเหลวไหล ทำไมถึงไม่กลับบ้าน ไปค้างที่ไหนมา เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะไปทำอะไรที่ไหน ดึกดื่นแค่ไหนก็จะต้องกลับบ้าน น้อยครั้งมากที่จะนอนค้างนอกบ้าน

น้อยครั้งมากเหลือเกิน

“ห้าทุ่มแล้วเหรอ บอกให้ปลุกตอนสามทุ่มทำไมไม่ปลุก”

ก็ไม่ทำไมหรอก ก็เห็นว่ามาเหนื่อยๆ แถมยังหิ้วข้าวกล่องมาให้อีก มาถึงก็ทุ่มกว่าแล้ว แล้วก็เห็นอยู่ว่าหน้าตาซีดเซียวขนาดไหน มาถึงพอวางข้าวกล่องไว้ให้ อ้นก็ลงไปนอน แทบไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น แค่เวลาเพียงเล็กน้อย ถ้าอ้นจะพักบ้าง มันจะไม่ได้เลยหรือไง

“ก็ไม่อยากปลุก”

คำตอบเรียบง่ายของวิโรจน์ทำให้คนฟังที่กำลังขยับตัวเตรียมจะก้าวลงจากเตียงไปล้างหน้าล้างตาชะงักนิ่งค้าง และมองหน้าของวิโรจน์เพราะอยากรู้ความหมายในคำตอบ

“ก็แล้วทำไมไม่ปลุก พูดเหมือนไม่เข้าใจที่บอก”

เข้าใจ แต่ไม่ปลุก

“ดีแค่ไหนที่ปลุก ทั้งที่ตั้งใจไม่ปลุกด้วยซ้ำ”

พูดแค่นั้น แล้ววิโรจน์ก็เมินหน้าหนีไปทางอื่น หาเรื่องกันหรือเปล่า แบบนี้มันคล้ายกับการหาเรื่องกันชัด ๆ

เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเรื่อย ๆ
คนรักที่แสนเย็นชา การปฏิบัติตัวต่อกันอย่างเย็นชา ความรู้สึกที่มีให้กันช่างแสนเย็นชา
คงมีแค่เรื่องเซ็กส์เท่านั้นที่เราเข้ากันได้ดี แต่เรื่องอื่น ๆ เราเข้ากันแทบไม่ได้เลย แบบนี้มันแย่ซะยิ่งกว่าแย่

“ขอบใจที่ยังปลุก”

ไม่ต้องมาขอบใจ บางทีก็อยากจะบอกให้รู้บ้าง ว่าไม่ต้องการจะปลุก ไม่อยากให้ตื่น ไม่อยากให้ไปไหน อยากให้นอนด้วยกัน ค้างด้วยกัน

ไม่อยากทน วิโรจน์ไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูงขนาดนั้น ยิ่งเห็นยิ่งขัดหูขัดตา ยิ่งเห็นยิ่งขวางหูขวางตา ยิ่งเห็นยิ่งพาลให้หงุดหงิดโมโห หัวหน้าแผนกขายกำลังจะลุกขึ้นจากเตียง แต่วิโรจน์ไม่ยอม นอกจากไม่ยอมแล้วยังลงไปนั่งข้าง ๆ และรั้งร่างของคนที่ยืนยันจะกลับมากอดเอาไว้แน่น

“ปล่อย”

ไม่ปล่อย

“ทำไมไม่ยอมค้าง”

ก็เพราะไม่อยากตอบคำถามใครทั้งนั้น

“ปล่อยยยยย”

“ก็บอกมาสิทำไมถึงค้างไม่ได้”

อยากค้าง แต่การต้องมาตอบคำถามคนในบ้านมันเป็นปัญหาใหญ่มาก จะโดนซักจนขาวสะอาด จะโดนทั้งซักทั้งฟอก มันยิ่งกว่าน่ารำคาญซะอีก

“ที่บ้านชอบถาม ขี้เกียจะตอบ ตอบไม่ไหว”

แค่เนี้ยะ เหตุผลมีแค่เนี้ยเหรอ

“แค่โดนบ่นนิดเดียวก็ทนไม่ไหว ทีลูกค้าด่ายังทนได้ ทำไมแค่โดนที่บ้านบ่นนิดเดียวถึงทนไม่ได้”

มันไม่เหมือนกัน มันเหมือนกันซะที่ไหนล่ะ บ้านคนอื่นคงมีเหตุผลแต่ไม่ใช่ที่บ้านของคุณกฤษดาที่ไม่เคยคิดจะฟังอะไรทั้งนั้น

“พูดไปก็ไม่เข้าใจหรอก”

ทำไมจะไม่เข้าใจ

“ก็พูดมาก่อนสิ ไม่พูดแล้วจะไปมีปัญญารู้เองได้ยังไง คิดว่าเป็นเทพหรือไง ถึงจะรู้ทุกเรื่อง”

ทำไมถึงได้ดื้อรั้นอย่างนี้ ทำไมถึงได้ดึงดันขนาดนี้

“แน่ใจหรือไงจะฟัง มันน่าเล่าเหรอ เอาครอบครัวตัวเองมาขาย ทุกวันนี้มีแต่โดนด่าว่าเป็นลูกอกตัญญูอยู่ทุกวี่ทุกวัน เล่าไปก็โดนหัวเราะเยาะซะเปล่า ๆ”

รู้ได้ยังไงว่าจะหัวเราะเยาะ

“แลกกัน”

แลกอะไร มีอะไรให้แลก

“ไม่แลก”

ทำไมถึงไม่แลก

“ต้องแลก......ถ้าอ้นเล่าผมก็จะเล่า”

วิโรจน์เป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองที่สุด อยากได้ต้องได้ สั่งแล้วต้องได้ เอาแต่ใจและชอบข่มขู่บังคับ และคุณกฤษดาก็อ่อนใจเกินกว่าจะเถียงด้วย ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยอม ไม่ว่าเรื่องอะไร พอถูกวิโรจน์บังคับเซ้าซี้มาก ๆ เข้าก็เริ่มต้องยอม

ไม่ว่าเรื่องอะไรก็คล้ายจะยอมไปซะหมด ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งเรื่องส่วนตัวที่วิโรจน์อยากรู้ ก็ต้องเล่ามาให้หมด

เล่า...........ทุกสิ่งทุกอย่าง.... ต้องเล่าถึงความแตกต่างของครอบครัวตัวเองให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ฟัง เล่าให้ได้ฟังได้รับรู้
และวิโรจน์ก็ตั้งใจฟังอย่างดี ถามบ้างเป็นบางครั้งเมื่อสงสัย และหลาย ๆ ครั้งคำตอบก็ทำให้คนฟังอ้าปากค้าง

“ถ้าผมยอม ผมก็จะเป็นแบบอ้นนี่แหละ ไปไหนไม่ได้ขยับตัวไม่ได้ พ่อผมเป็นเผด็จการ คิดจะทำอะไรก็ทำตามใจ ไม่สนไม่แคร์ว่าใครจะรู้สึกยังไง ผมถึงไม่ทนไง ก็ออกมาซะเลย แล้วไง ก็ไม่เห็นจะตาย”

สิ่งที่วิโรจน์พูดมันทำให้คุณกฤษดาที่ขมวดคิ้วตลอดเวลาเมื่อเล่าเรื่องของตัวเอง ถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความขำ

เผด็จการเหรอ เอาแต่ใจตัวเองเหรอ ไม่ค่อยแคร์ความรู้สึกใครเหรอ แล้วนี่พีทไม่รู้บ้างเหรอว่ารับสิ่งนั้นมาแบบเต็ม ๆ

“รู้แล้วว่าพีทเหมือนใคร”

เหมือนใครล่ะ เหมือนใคร..... เหมือน ......งั้นเหรอ

“ไม่เหมือน”

จากคุยกันดี ๆ ในเวลานี้กลายเป็นวิโรจน์ที่เริ่มโมโห โมโหเพราะสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเป็นความจริง ความจริงที่ไม่อยากยอมรับ
ความจริงที่ว่าวิโรจน์กับพ่อมีนิสัยที่เหมือนกัน

“ไม่เหมือนได้ไง เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเหมือน”

ยังไงก็ไม่เหมือนหรอก ยังไงก็ไม่มีทางเหมือน จะไปเหมือนกันได้ไง

“พ่อไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่น แต่ผมแคร์”

อย่างนั้นเหรอ ไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่น แต่พีทจะบอกว่าพีทแคร์งั้นเหรอ แน่ใจแล้วใช่มั้ยที่พูดอย่างนั้น

“แล้วไอ้ที่บังคับอยู่ทุกวันนี่เรียกว่าแคร์ตรงไหน”

นี่อย่ามาทำเป็นเล่นลิ้นพูดจาหาเรื่องชวนให้โมโหแบบนี้นะ

“พอเลย.....ถ้าอยากกลับมากนักงั้นก็กลับไป”

เปลี่ยนเรื่องทันที และหัวหน้าแผนกขายที่กำลังยิ้มอยู่ก็กลับมาหน้านิ่งเหมือนเดิม เพราะถูกไล่

ได้ กลับก็กลับ

ลุกขึ้นจากเตียง แต่คนที่กอดแน่นก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยให้เป็นอิสระ ทั้งที่ก็บอกแล้วว่าให้กลับไปได้

“ไม่ปล่อยแล้วจะกลับได้ยังไง”

เรื่องนั้นจะไปรู้เหรอ ก็หาทางเอาเองสิ อยากกลับก็หาทางเอาเอง

“จะกลับยังไงก็กลับไปสิ”

ตอบได้กวนประสาทที่สุด และวิโรจน์ก็ลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่สนใจคุณกฤษดาที่เริ่มกลอกตาไปมาอย่างอ่อนใจ

“พีท”

“อะไร”

ขานรับแบบไม่คิดจะสนใจ และวิโรจน์ยังทำหน้าตางี่เง่าใส่คนในอ้อมแขนด้วย

“ปล่อยก่อนได้มั้ย”

“ไม่ได้”

ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ

“ปล่อยเถอะนะ ขอร้องล่ะ”

ไม่ปล่อย อย่ามาทำเสียงแบบนี้ อย่ามาทำเสียงแบบนี้ ยังไงก็ไม่มีทางปล่อยหรอก อย่ามาเจ้าเล่ห์เหอะขอร้อง

“อย่างี่เง่าได้ป่ะ ถ้ากลัวโดนด่ามากนักเดี๋ยวจะโทรไปขอที่บ้านให้ บอกว่าเพื่อนใกล้จะตายแล้วอยู่โรงพยาบาลต้องมาดูใจ แค่นี้ก็จบแล้ว”

ทำแบบนั้นได้ที่ไหน

“อ้นไม่เคยมีเพื่อน ถึงเพื่อนจะตายก็ต้องกลับไปนอนบ้านอยู่ดี”

โธ่โว้ย น่าโมโหชะมัด

“ตกลงจะกลับให้ได้”

เปล่า ไม่ใช่ว่าจะกลับให้ได้ ยังไม่ได้พูดว่าจะกลับให้ได้ซักคำ

“จะโทรบอกที่บ้านว่าจะค้างข้างนอก ปล่อยได้หรือยัง”

อ่อ ถ้าอย่างนั้นก็ได้

“แน่ใจนะว่ากล้าโทร”

แล้วทำไมถึงไม่กล้าล่ะ

วิโรจน์ไม่ได้ปล่อยคนในอ้อมแขน แต่เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงมาส่งให้หัวหน้าแผนกขาย

“โทรเลย”

บังคับขู่เข็ญและคนที่รับโทรศัพท์มาถือเอาไว้ก็มองหน้าวิโรจน์อย่างอ่อนใจ กดโทรออกไปหาแม่ และแม่ก็รับสาย

“อ้น มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ทำไมไม่กลับบ้าน บริษัทใช้งานแกอีกแล้วใช่มั้ย แม่บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วให้ลาออก ไอ้บริษัทเล็ก ๆ กับตำแหน่งหัวหน้าแผนกขายเงินเดือนไม่กี่ตังค์ แกจะทนทำอยู่ทำไม”

แค่เพียงรับโทรศัพท์ก็ได้ยินเสียงบ่นเสียงด่ามาจากแม่ชุดใหญ่และวิโรจน์ที่กอดหัวหน้าแผนกขายเอาไว้ก็ถึงกับนิ่วหน้า

แบบนี้เลยเหรอวะ ขนาดนี้เลยเหรอวะ แทนที่จะถามว่าลูกไปทำอะไรอยู่ที่ไหน แต่นี่พอเปิดฉากมาได้ก็ด่าไม่หยุดเลยเหรอวะ

“อ้นจะโทรมาบอกว่าจะค้างนอกบ้านนะแม่คืนนี้”

พูดเข้าประเด็นโดยไม่ต้องให้ร่ายกันยาว และหัวหน้าแผนกขายก็ได้รับคำด่าจากปลายสายมาอีกชุดใหญ่

“แกนี่ชักจะเหลวไหลใหญ่แล้ว บ้านช่องไม่รู้จักกลับ ทำไม ลูกค้าแกมันอะไรกันนักหนา ดึกดื่นป่านนี้ยังจะลากตัวไปกินเที่ยวอีกหรือไง ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าบริษัทนี้มันใช้งานคนอย่างกับทาสแกก็ไม่เชื่อฉัน ทำไมอ้น แม่นี่เชื่อไม่ได้เลยหรือไง แกมันคนเจ้าปัญหาที่สุดเลยนะ ในบรรดาพี่น้องสามคน มีแกนี่แหละที่ปัญหาเยอะที่สุด.............”

“ผมไม่ได้ไปกับลูกค้าครับแม่”

ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ และเมื่อบอกว่าไม่ได้ไปกับลูกค้า แม่ของคุณกฤษดาก็ยิ่งโมโหและเริ่มด่าไม่ยอมหยุด

“ไม่ไปกับลูกค้าแล้วทำไมถึงได้ไปค้างนอกบ้าน บ้านช่องไม่มีจะกลับหรือไง หรือว่ามันยิ่งใหญ่คับฟ้ามากไอ้ตำแหน่งหัวหน้าแผนกของแกเนี่ย จนไม่เห็นหัวแม่แล้ว แล้วนี่แกไปค้างกับใคร ไปนอนบ้านใคร เพื่อนแกก็ไม่มี แกอย่ามาโกหกแม่นะอ้น รีบกลับมาเดี๋ยวนี้ แกบอกแม่มา ว่าแกไปค้างกับใครที่ไหน อ้นฟังแม่อยู่หรือเปล่า ทำไมถึงเงียบล่ะ อ้น ได้ยินที่แม่พูดมั้ย”

ผมได้ยินครับแม่ ผมได้ยินชัดทุกคำพูดเลยครับ

หัวหน้าแผนกขายสูดหายใจเข้าลึก ๆ ตั้งสติให้ดี และกรอกเสียงพูดไปให้คนที่อยู่ปลายสายได้รับรู้

“ผมค้างบ้านแฟนครับแม่ พรุ่งนี้เย็น ๆ คงกลับ หรือไม่ผมก็อาจจะอยู่ซักอาทิตย์ แฟนผมเขาค่อนข้างเอาแต่ใจครับ ผมง้อเขาไม่ไหวเวลาเขางอนเพราะเวลาเขางอนเขาจะไม่เหมือนคนอื่น ถ้าเลี่ยงได้ผมก็ไม่อยากให้เขางอนผม เพราะถ้าให้ผมทั้งทำงานทั้งง้อแฟนไปด้วย ผมคงตาย ผมบอกแม่แล้วนะครับ ผมไม่ได้หายไปไหนนะ แม่สบายใจได้ ช่วงนี้แม่อาจติดต่อผมไม่ได้ซักพัก แม่มีอะไรแม่ก็โทรมานะครับหรือไม่ก็ฝากข้อความไว้ก็ได้ เดี๋ยวผมโทรกลับ แค่นี้นะครับแม่ ดึกแล้วแม่อย่านอนดึกสิครับ อ้นเป็นห่วง ฝันดีนะครับแม่.............ราตรีสวัสดิ์ครับ”

พูดอย่างที่ใจคิด พูดอย่างที่อยากจะพูด แล้วหัวหน้าแผนกขายก็วางสาย ก่อนจะตั้งค่าเครื่องโทรศัพท์ด้วยการปิดสั่นและปิดเสียง เพื่อให้คนที่โทรเข้ามาหา ยังคงโทรเข้ามาได้ แต่ไม่ต้องการจะได้ยินหรือรับรู้

คว่ำหน้าจอโทรศัพท์ไว้บนเตียง และวิโรจน์ก็เห็นว่ามีไฟกระพริบเข้ามาหลายครั้งแม้ว่าจะคว่ำโทรศัพท์เอาไว้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรู้ว่ามีคนโทรเข้ามาหา

“บ้านผมเป็นแบบนี้แหละ ทีนี้พอจะเข้าใจบ้างหรือยัง”

เข้าใจแล้ว เข้าใจชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว

“อยากให้ค้างก็ค้างให้แล้ว มีอะไรอยากได้อีกมั้ย”

อยาก

ยังมีอีกเรื่องที่อยากได้

“มี”

วิโรจน์ยังทำหน้านิ่งเฉย ทั้งที่หัวใจพองโตเพราะคำพูดก่อนหน้านี้ที่หัวหน้าแผนกขายบอกกับแม่ของตัวเองไปตรงๆ

..........เรื่องที่จะค้างบ้านแฟน…….

“อยากได้อะไรอีก”

อยากได้..........

“พูดอีกครั้งสิว่าเราเป็นแฟนกัน”

พูดอีกครั้ง พูดว่าเราเป็นแฟนกันอีกครั้ง พูดมันออกมาอีกครั้งให้ได้ยินชัด ๆ เถอะนะ อยากฟังอีกไม่รู้กี่ร้อยกี่พันรอบ

อยากฟัง.........

“ฟังทำไม อย่ามาไร้สาระน่า”

ไอ้คำพูดไร้สาระนี่แหละ ยิ่งอยากฟังมาก

“หรือว่าจะไม่พูด”

บังคับอีกแล้ว บังคับกันอีกแล้ว ก็รู้ว่าไม่ว่าจะบังคับกี่ครั้งก็ยอมตามใจทุกครั้ง ก็ยังจะฝืนบังคับกันอยู่ได้นะคนเรา

“เรา........เป็น....แฟน....กัน พอใจยัง”

ไม่พอใจ

“อีก”

อะไรล่ะ ทำไมต้องให้พูดอีก ทำไมต้องให้พูดซ้ำ ๆ อีกล่ะ ที่พูดไปไม่ได้ฟังเลยหรือไง

“เราเป็น........แฟนกัน....”

“อีก”

อะไรล่ะ ก็พูดอยู่นี่ไง แกล้งยวนกันหรือยังไง

“ไม่พูดแล้ว”

“อีก.....”

ทำไมทำแบบนี้ล่ะ ทำไมถึงต้องบังคับให้พูดแบบนี้อีก

“จะให้พูดทั้งคืนเลยหรือไง”

ใช่

“พูดได้มั้ยล่ะ”

ใครจะไปพูดได้ พูดทั้งคืนคงคอแตกตายกันพอดี

“ก็พูดมั่งสิ ให้พูดคนเดียวอยู่ได้ บ้าหรือไง”

ได้

แค่พูดใช่มั้ย พูดกี่ครั้งก็ได้

“เรา..............เป็น..แฟนกัน”

“เราเป็นแฟนกัน”
“เราเป็นแฟนกัน”
“เราเป็นแฟนกัน”

แล้ววิโรจน์ก็พูดคำพูดบ้า  ๆ ซ้ำกันหลายครั้งไม่ยอมหยุด

“พอแล้วววววววววเลิกพูดได้แล้ว”

ทำไมถึงบอกให้พอล่ะ ก็คนเป็นแฟนกันก็ต้องพูดกันแบบนี้แหละ พูดใส่กันแบบนี้เยอะ ๆ

“เราเป็นแฟนกัน เราเป็นแฟนกัน เราเป็นแฟนกัน เรา อุก อื้ออ เอาเอนแอนกัน”

โดนเอามือปิดปาก และคนที่ปิดปากก็เริ่มยิ้มออกมา ไม่ยอมให้วิโรจน์พูดอีก

“พอแล้ว ฟังเยอะ ๆ มันเขิน”

เขินเหรอ

ก็ดีแล้วไง

ฟังเยอะ ๆ แล้วเขินก็ดีแล้ว

“ชอบมั้ย”

ชอบเหรอ ก็ชอบหรอกนะ แต่พอฟังแบบนี้เยอะ ๆ แล้วมันก็เขินจริง ๆ นั่นแหละ ตอนมีอะไรกันยังไม่เห็นรู้สึกแบบนี้เลย

พยักหน้ารับ และวิโรจน์ก็ยิ้มกว้าง ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข และอยากจะพูดแต่คำพูดแบบนี้ซ้ำ ๆ ทั้งวัน

“อ้นอ่ะเป็นแฟนพีท”

คนพูด พูดไปมองนั่นมองนี่ไป และคุณกฤษดาก็เห็นว่าอีกฝ่ายก็มีอาการเขินเหมือนกันที่ต้องพูดแบบนี้

อาการเขินที่ไม่ใช่ว่าใครจะได้เห็น เฉพาะคนพิเศษเท่านั้นถึงจะได้เห็น เฉพาะคนมีสิทธิพิเศษอย่างแฟนของวิโรจน์เท่านั้นถึงจะได้เห็น

“ครับ...อ้นเป็นแฟนพีทครับ....เข้าใจแล้วครับ รู้แล้วครับ”

ก้มหน้าก้มตาตอบ และหัวเราะออกมาเบา ๆ คนพูดก็เขิน คนฟังก็เขิน
เขินกันไปเขินกันมา แล้วก็เลยต่างฝ่ายต่างต้องปั้นหน้านิ่งใส่กันเพื่อบังคับใบหน้าไม่ให้ยิ้มมากไปกว่านี้

ไม่รู้ว่าที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของเราเรียกว่าอะไร แต่รู้ว่าจากนี้ต่อไปสิ่งที่เราเป็นอยู่แม้คนอื่นจะเรียกว่าแฟนแต่เราจะเป็นให้ได้มากกว่านั้น

เป็นพี่ เป็นเพื่อน เป็นน้อง เป็นพาร์ทเนอร์ เป็นอะไรก็ได้ที่จะช่วยให้อีกคนก้าวข้ามผ่านความทุกข์ยากไปได้

วิโรจน์ยังคงพยายามบังคับหน้าไม่ให้ยิ้ม และพูดคำพูดที่อยากจะพูดอีกครั้งให้คนที่นั่งก้มหน้านิ่งอยู่ในอ้อมแขนได้ฟัง

“เราเป็นแฟนกันนะอ้น”

ครับ...ได้ยินชัดแล้วครับ ได้ยินจนจำได้ขึ้นใจแล้วครับ

“ครับ.....รู้แล้วครับ...รู้แล้วจริง ๆ ครับว่าเราเป็นแฟนกัน”



TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2014 13:38:51 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
คู่นี้เขาจีบกันผ่านความเงียบ

ออฟไลน์ Theodore

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
คู่หลังเห็นแรงๆนี่น่ารักดีนะ อิอิ

ปล.ถามคนเขียนครับ รูปนักศึกษาที่คนเขียนใส่เป็นรูปเกาหลีคู่กับรูปเวียร์แทนบุ้งนี่ใครครับ?

conankungkub

  • บุคคลทั่วไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-05-2014 12:25:57 โดย conankungkub »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ army_van

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เขินนนน เขินๆๆๆๆ

เหมือนพี่บุ้งกะมีนถูกแย่งซีนนน 55555

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
คู่นี้ทำเราเขินมากกกก

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
เราเป็นแฟนกัน เราเป็นแฟนกัน เราเป็นแฟนกาน น น น น น น
>\\\\\\\\\\\\\\\\<

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
คู่นี้น่ารักก

ฮ่าๆๆๆ ต่างคนต่างเงียบบ

แต่พอพูดแล้วก็เข้าใจกัน แต่ดันไม่ค่อยพูดจากัน ^^


คู่อื่นเค้าไปไหนต่อไหนแล้วเนี้ย พี่บุ้ง อ่อน 55555

ออฟไลน์ zabzebra

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1044
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-1
เขาน่ารักกันมากเลย โอ้ยยยย พีทอ้น งื้อออออออ :hao7:

บุ้งมีนไม่เคยทันชาวบ้านเค้าเลยยยยยย  :katai5:

คู่แรกได้เสียเป็นผัวเมียกันแล้ว คู่นี้ก็ได้เสียก่อนจะเป็นแฟน :hao6:

พี่บุ้งไร้น้ำยาซะจริง ยังคงงมทางจีบมีนอยู่อี๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :hao3:

ออฟไลน์ ลิงภูเขา

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 816
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-4
พี่บุ้งรู้อะไรไหมครับ .. ว่ามีน่ะมัวแต่ชักช้าท่ามาก

ลูกน้องพี่แซงไปสองคนละ เห็นไหม?

 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ Fujoshi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 759
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-2
แอร๊ย น่ารักทุกคู่เลย
ชอบพี่บุ้งที่สุด
ว่าแต่ พี่บุ้งคะ คู่อื่นเค้าแซงหมดแล้วนะพี่

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
เอ้ย.....เป็นแฟนกันแล้ว
โห่ววววว พี่บุ้งช้าสุดแระ

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1090
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
ในที่สุดคุณอ้นก็เริ่มกล้า
คู่นี้คงได้พัฒนา เข้าใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ

เหลือก็แต่คู่พี่บุ้งน้องมีน
เมื่อไหร่จะได้กินกันซะที  :impress2:

ออฟไลน์ cinn1st

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ่านช่วงแรำรู้สึกหงุดหงิดน้องมีน เพราะคิดมากกว่าพูด ได้แต่เก็บเถียงในใจตลอด แต่ก็เข้าใจ
แต่ตอนนี้น้องมีนสดใสร่าเริง พี่บุ้งก็รุกมากขึ้นๆยิ่งฟิน55555 น่ารักมากค่ะชอบบบ :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด