@@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98  (อ่าน 755362 ครั้ง)

foolishbeat

  • บุคคลทั่วไป
ชอบบัวอ่ะ บัวคนซื่อ
ดูแล้วโยมันเสือจริงๆนะ มีหวังบัวมันโดนจัดหนักแน่ๆเลยคู่นี้ :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
โอ๊ยยยยยยยย โยธิน พระเอกคนเศร้าแต่สุดกวนตรีนซะงั้น

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
ลุ้นคู่ต่อปายยยยยยยยย :3123:

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน รักออกแบบไม่ได้

“โยจ๋า เมื่อไหร่จะเริ่มคบใครแบบจริง ๆ จัง ๆ ซะทีเนี่ย มิวไม่อยากให้โยเป็นแบบนี้เลย โยคนนี้ไม่เหมือนโยคนที่มิวเคยรู้จักเลยนะ เมื่อก่อนโยยิ้มสวยกว่านี้เยอะเลย เพราะมิวที่ทำให้รอยยิ้มของโยหายไปหรือเปล่า โยอย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้เลยได้มั้ย มิวเป็นห่วงโยมากนะ เปิดใจซักทีเถอะโย อย่าให้ต้องเป็นห่วงโยไปมากกว่านี้เลย”

เธอทำให้หัวใจของโยธินเต้นแรงได้เสมอ
มันเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ แม้กระทั่งในเวลานี้ เวลาที่เธอมีสิ่งที่เธอรักพร้อมและครบสมบูรณ์ทุกอย่าง

โยธินไม่ได้คิดจะก้าวล่วงเข้าไปทำให้ความสุขของเธอต้องลดลงหรือจางหายไป

ไม่ว่าวันนี้หรือเมื่อไหร่ ใจของโยธินอยู่ที่เธอเสมอ อยู่.........แม้กระทั่งวินาทีนี้

อยู่มาตลอด และคงจะอยู่แบบนี้ตลอดไป

“คิดมากน่า โยไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ เมื่อก่อนโยว่าโยใช้ชีวิตไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ ไม่เหมือนตอนนี้ โยอยากจะทำอะไรโยก็ได้ทำ ไม่ใช่เพราะมิวหรอก อย่าเอาเรื่องของโยมาคิดมากทำให้มิวเสียสุขภาพจิตเลย โยรู้สึกไม่ดี ที่ทำให้มิวต้องมากังวลเรื่องของโย.......”

ตอบเธอออกไปตรง ๆ และส่งยิ้มไปให้เธอ รอยยิ้มที่ไม่ว่ามองกี่ครั้ง .......... เธอก็รู้อยู่เสมอ

ความรู้สึกของโยธินที่มีต่อเธอไม่เคยลดลงเลย ไม่เคยลดลงเลยสักนิด..........แม้จะผ่านมาเนิ่นนานแค่ไหน แต่สายตาของโยธินที่มองมาที่เธอ ยังเป็นแบบเดิมเสมอ สายตาของคนที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีทางได้ความรักตอบแทน แต่ก็ยังยินดีที่จะรักต่อไปเรื่อยๆ

โยธินเต็มใจที่จะรักเธอแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เต็มใจที่จะรัก.........ไปพร้อมความเจ็บปวด โดยไม่เคยร้องขอความเห็นใจจากเธอเลยสักครั้ง แม้วันที่เธอบอกว่าจะกลับมาคบกับแฟนเหมือนเดิม

โยธินก็ยังคงส่งยิ้มให้เธอ และบอกเธอซ้ำ ๆ ทั้งที่ดวงตาคู่นั้นปกปิดความเสียใจเอาไว้ไม่มิด

………มิวอยู่กับคนที่มิวรัก.....โยมีแต่ต้องดีใจกับมิว........โยจะโกรธมิวทำไมล่ะ .......... ถ้าโยโกรธมิวได้ลงคอ โยก็บ้าแล้ว..........

ใครจะทำแบบนั้นได้ โยธินไม่เรียกร้อง ไม่รั้ง ไม่แสดงท่าทางเกรี้ยวกราดให้เธอต้องหนักใจ ยอมให้เธอจากไปแบบง่าย ๆ

ยอมให้เธอทำร้ายจิตใจสารพัด เธอเกลียดตัวเอง ที่ทำอะไรโง่ ๆ
ประชดประชันความรู้สึกของตัวเอง และลากคนที่ไม่สมควรต้องเจ็บปวดด้วย ให้มาเจ็บปวดเพราะเธอ

มันเป็นความรู้สึกผิดที่ไม่มีอะไรมาลบล้างได้ โยธินเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอ
ที่โยธิน.......ไม่สนใจจะให้ความรักกับใครอีก ก็เป็นเพราะเธอ.........

เธอรู้ตัวดี ว่าที่โยธินต้องกลายมาเป็นคนแบบนี้มันเป็นเพราะเธอ

“โย.............มิวขอโทษ…...มิวขอโทษ ไม่ว่ากี่ครั้งมิวก็จะพูดคำนี้นะโย....เพราะมิว โยเลยต้องกลายเป็นแบบนี้ ที่โยเป็นแบบนี้มันเป็นความผิดของมิวเอง ถ้ามิวไม่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนั้น โยคงไม่ต้องกลายมาเป็นแบบนี้”

อีกแล้ว โทษตัวเองอีกแล้ว ไม่ใช่เพราะมิวหรอกนะ ไม่ใช่เพราะมิวหรอก
ที่โยเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะมิวเลย มิวอย่าโทษตัวเอง ก็โยบอกแล้วไง ว่าโยก็ชอบชีวิตของตัวเองตอนนี้ดี

ทำในเรื่องที่ไม่เคยทำ ได้ทำตามใจตัวเอง ได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะ ได้เติบโตขึ้น ได้เห็นว่าเรื่องที่เคยเข้าใจผิดมาตลอด แท้ที่จริงมันไม่ใช่อย่างที่คิด

“มิว...........”

นิ่งมองใบหน้าของเธอ และเห็นแววแห่งความกังวลใจของเธอที่ปรากฏชัด และโยธินไม่เคยต้องการให้เป็นแบบนั้น

“โยไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของมิว แล้วมิวก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของโย..........ไม่ใช่ว่ามิวผิด อย่าโทษว่าเป็นความผิดของมิว......ไม่มีใครผิดหรอก เราแค่ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของกันและกันเท่านั้น”

คำพูดง่าย ๆ แต่ออกมาจากใจ คำพูดที่ออกมาจากใจ และโยธิน ก็ส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับเธอ
อยากให้เธอสบายใจ อยากให้เธอมีความสุข อยากเห็นรอยยิ้มของเธอเสมอ
ไม่ว่า.......วันไหน ๆ......โยธินปรารถนาจะได้เห็นรอยยิ้มของเธอเสมอ

“มิว.....ขอโทษ...โย....มิว...ขอ...โทษ”

อีกแล้ว

ทำไมถึงเป็นแบบนี้ตลอดเลยวะ มิวร้องไห้แล้ว ไหนสัญญากับตัวเองแล้วไง ว่าจะไม่มีทางทำให้มิวร้องไห้เด็ดขาด

ไหนสัญญากับตัวเองแล้วไง แล้วดูสิ  วันนี้ก็มาทำให้มิวร้องไห้อีกแล้ว

“มิวขอโทษโย...... มิวขอโทษ”

เธอยังคงพูดถ้อยคำเดิม ๆ พร้อมกับหยดน้ำมากมายที่ค่อย ๆ หลั่งรินออกมาจากดวงตาคู่สวย

มิวร้องไห้แล้วเห็นมั้ยโย มึงทำให้มิวร้องไห้อีกแล้ว เห็นบ้างมั้ย.......

“ไม่ได้ผิดที่มิว.....อย่าโทษว่าเป็นความผิดของมิว อย่าโทษตัวเองแบบนี้อีก โยขอร้อง โยไม่อยากเห็นมิวร้องไห้ โย....ไม่อยาก....เห็น....โยไม่อยากเป็นสาเหตุที่ทำให้มิวไม่มีความสุข........สัญญากับโยแล้วไม่ใช่หรือไง....ว่าจะไม่โทษตัวเองอีก แล้วนี่มิวกำลังผิดสัญญาอยู่นะ....ร้องไห้ได้ยังไงล่ะคนเก่งของโย.......มิวอย่าร้องไห้เพราะโยอีกเลย”

กุมมือของเธอเอาไว้ และใช้มือแตะเบา ๆ ที่หลังมือของเธอ สิ่งที่ทำให้เธอได้ก็มีแค่นี้
ปลอบใจเธอ แค่ปลอบใจให้เธอคลายความทุกข์ใจลงบ้าง แค่ให้เธอคลายจากความรู้สึกผิดในใจ

ทั้งที่ตัวเองก็กำลังร้องไห้แทบตาย แต่ไม่สามารถแสดงให้ใครรู้ได้ ปล่อยให้น้ำตามันรินหยดอยู่ข้างใน

...............ถ้าความรักมันทำให้หัวใจต้องเจ็บปวดรวดร้าวได้ขนาดนี้...........โยธินก็สัญญากับตัวเอง.....

อย่าไปมีมันเลย ความรักบ้าบออะไรนั่นน่ะ......... ถึงไม่มี ก็ไม่เห็นตาย ยังไงก็ยังมีลมหายใจอยู่ได้ และใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขอยู่ดี.....ก็แค่ใช้ชีวิตไปอย่างที่ควรต้องใช้ ใช้วันพรุ่งนี้ต่อไปแบบที่อยากจะใช้

สิ่งที่โยธินคิดเอาไว้ก็มีเพียงแค่นั้นเอง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ดวงตาของหญิงสาวที่จ้องมองใบหน้าเรียบเฉยของโยธินในเวลาที่จมอยู่กับความคิดของตัวเอง มันทำให้เธอต้องก้มหน้าลงและยิ้มกับตัวเองอย่างเศร้า ๆ

จบแล้ว สิ่งที่เคยหวังเอาไว้ แค่ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วเธอจะตัดใจจากความรู้สึกที่เกิดขึ้นของตัวเองซะ
พี่โยไม่มีทางหยุดอยู่ที่เธอ สิ่งที่เธอเคยหวังมาตลอด แค่ได้ใกล้ชิดกันสักครั้ง แล้วเธอจะปล่อยทุกอย่างไป

จะลืมทุกเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ และจะยิ้มให้พี่โยเหมือนทุก ๆ วันที่ผ่านมาให้ได้

ได้นอนด้วยกันแล้ว

แค่.......คู่นอน

มันน่าทุเรศขนาดไหน ทำไมเธอจะไม่รู้ แต่ไม่ว่ามันจะทุเรศขนาดไหน เธอก็ยอมรับมันได้ เพราะเธอได้ทำในสิ่งที่เคยหวังเอาไว้มาตลอดแล้ว แค่ได้นอนด้วยกันสักครั้ง แม้จะรู้ว่าไม่มีทางที่พี่โยจะมีใจให้ แต่เธอก็ยอมทำ.........
พี่โยไม่มีวันรักเธอได้ เธอรู้ว่ายังไงก็ไม่มีทาง ติดกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายและยิ้มกับตัวเองเหงา ๆ

ใจพี่โยมีใครอยู่ก็ไม่รู้ อย่างเธอเป็นได้แค่คู่นอน และเธอก็ควรพอใจที่ได้เป็นแค่นั้น

ควรจะพอใจ ควรจะพอใจ........งั้นเหรอ แล้วหัวใจเธอล่ะ
เธอไม่มีหัวใจหรือไง พี่โยไม่รู้บ้างเลยเหรอว่าแม้เป็นแค่คู่นอนแค่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่คู่นอนก็มีหัวใจ

เจ็บปวดได้ ร้องไห้เป็น คนที่เป็นได้แค่คู่นอนอย่างเธอ.........ก็ร้องไห้เป็น

และเธอ........เคยร้องไห้เพราะพี่โยมาหลายครั้ง ทุกครั้งที่ได้ยิน สิ่งที่พี่โยพูด พูดเล่น ๆ กับใครเขาไปทั่ว

ว่าจัดการลูกค้าไปได้อีกหนึ่งราย พี่โยเห็นว่ามันเป็นเรื่องของงาน เป็นเรื่องของธุรกิจ เป็นเรื่องของความพอใจของทั้งสองฝ่าย

แต่เธอที่ต้องทนฟังสิ่งที่พี่โยพูด มีแต่ปวดใจ เธอไม่เคยอยู่ในสายตาของพี่โยเลย
ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เธอไม่รู้ว่าพี่โยมองเธอแบบไหนเวลาที่เข้ามาที่ออฟฟิศ เคยเห็นเธอมีตัวตนหรือเปล่าก็ไม่รู้

เธอไม่รู้ว่าพี่โยมองเธอยังไง แต่เธอ.......แอบรัก พี่โยอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ตลอด

และในที่สุดโอกาสของเธอก็มาถึง สิ่งที่เธอเคยคิดว่าเป็นได้แค่ความฝัน ในที่สุดก็มาถึง

.......ได้นอนกับพี่โยแล้ว แค่ได้นอนกับพี่โย........แล้ว.......แค่นั้น....

ก้มหน้าลง และปล่อยให้หยดน้ำตาไหลซึมออกมา ยิ้มให้กับตัวเอง
ยิ้มอย่างเศร้าๆ และสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะยกปลายนิ้วขึ้นเกลี่ยน้ำตาของตัวเอง และบอกตัวเองให้รู้ว่า ช่วงเวลาแห่งความสุขมันผ่านไปแล้ว ความฝัน ยังไงก็เป็นได้แค่ความฝัน
แม้อยากนอนหลับและฝันหวานไปอีกนานแค่ไหน ก็ต้องตื่นขึ้นมารับรู้ความเป็นจริงอยู่ดี

พี่โยยังคงนั่งนิ่ง ๆ อยู่ที่นอกระเบียงและอัดบุหรี่เข้าปอดก่อนจะพ่นควันออกมาและปล่อยให้ควันบุหรี่ลอยฟุ้งขึ้นและจางหายไปอย่างช้า ๆ

ดวงตาเลื่อนลอย เหม่อมองไปที่ความมืดของท้องฟ้า ไกล....แสนไกล...

เธอไม่รู้ว่าใจของพี่โยมีใครอยู่ในนั้น ที่แน่ ๆ มันไม่ใช่เธอ และไม่ว่าวันไหนก็ไม่มีทางใช่
ลุกขึ้นเดินไปหาพี่โย และพี่โยก็ค่อย ๆ หันมามองเธอ และส่งยิ้มมาให้

“ต้องกลับแล้วล่ะค่ะ พรุ่งนี้พี่โยไปทำงานหรือเปล่า คิดจะโดดไม่ยอมไปอีกแล้วใช่มั้ยคะเนี่ย หนูรู้ทันนะ”

พูดคุยกันได้อย่างปกติ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และโยธินที่นั่งอยู่ก็รั้งเอวเธอเข้ามาหาและซบใบหน้าลงแนบอกของเธอก่อนจะเงยหน้าขึ้นจ้องมองไปที่ใบหน้าของเธอ

และยังคงส่งยิ้มหวาน ๆ ให้เธอใจสั่น ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มหวาน ๆ ปนเศร้าแบบนั้น เธอไม่เคยละสายตาไปได้เลย

“ไปแล้วเหรอ นอนคนเดียวแบบนี้พี่ก็เหงาแย่เลยสิ ทำไมไม่ค้างด้วยกันล่ะ พี่นึกว่าเราจะค้างกับพี่ซะอีก แบบนี้ใจร้ายมากเลยนะ ไม่สงสารพี่เลยเหรอ”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยบอก ใบหน้าที่เธอรัก และหลงใหล
ดวงตาที่มีแววไหวระริก แต่เจือไปด้วยความเศร้า เธอไม่รู้ว่าสิ่งไหนจริงหรือหลอก แต่เธอก็พร้อมที่จะเชื่อ

ก้มลงแตะริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากของพี่โยเบา ๆ และผละออกห่าง แตะปลายนิ้วเกลี่ยไล้ไปที่ใบหน้าของพี่โยด้วยความรัก......และหลงใหล

..........รักพี่โยนะ หนูรักพี่โย หนูรักพี่โยจริง ๆ นะพี่….. พี่จะรู้บ้างมั้ย พี่จะเคยรับรู้บ้างมั้ย..........ว่าหนูรักพี่ขนาดไหน

พี่จะเคยรู้ความรู้สึกของหนูบ้างมั้ย.........

“ต้องไปแล้วค่ะ..... พี่โย หนูต้องไปแล้ว”

พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ พยายามไม่ให้ตัวเองร้องไห้ พยายามทำให้ได้ พยายามยิ้มให้ได้

และเธอก็พยายามส่งยิ้มให้โยธิน ก่อนจะค่อย ๆ ผละออกห่าง แม้จะถูกรั้งเอวเอาไว้ไม่ให้ไป แต่เธอก็ต้องไป

“ฝันดีนะคะพี่โย.....แล้วเจอกันค่ะ”

ส่งยิ้มให้พี่โยครั้งสุดท้าย และยกกระเป๋าขึ้นสะพาย โบกไม้โบกมือให้ และพี่โยก็โบกตอบ
พี่โยโบกมือตอบ แต่ไม่ได้มาส่งเธอที่หน้าประตูห้อง

แค่นั่งมองเธอเดินออกจากห้องไปอย่างช้า ๆ และเมื่อประตูปิดลง โยธินก็หันไปมองท้องฟ้าดำมืดที่อยู่ห่างออกไปไกลแสนไกล
หยิบบุหรี่มวนถัดไปออกจากซองขึ้นมาจุดสูบ และพ่นควันสีขาวให้ลอยขึ้นอย่างช้า ๆ

เหม่อมองออกไปที่ท้องฟ้าสีดำมืด ที่ยังพอมีแสงดาวระยิบระยับให้ได้เห็นบ้าง และโยธินก็ยิ้มกับตัวเองเงียบ ๆ

ยิ้มอย่างเหงา ๆ โดยไม่เคยได้รู้ หญิงสาวที่โยธินไม่เคยคิดจะจดจำ กำลังก้าวขาเดินอย่างเชื่องช้า และปล่อยให้น้ำตามากมายรินหยดลงที่ข้างแก้มไม่ขาดสาย

เสียงสะอื้นไห้ไม่เคยไปถึงโยธินเลย ไม่เคยไปถึงและไม่มีโอกาสไปถึง
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาหมายเลขที่ต้องการติดต่อด้วย และพยายามกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองเอาไว้ เพื่อคุยกับปลายสาย

“พี่อ้นเหรอคะ ขอโทษที่โทรมาซะดึกเลย แต่หนูมีเรื่องสำคัญต้องบอกพี่อ้นค่ะ คือหนูคงไปทำงานไม่ได้แล้วนะคะ มันอาจจะกะทันหันไปหน่อย แต่หนูมีความจำเป็นต้องย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดกับครอบครัวค่ะ เรื่องงานพี่อ้นไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจัดการเคลียร์ส่วนของหนูไว้เรียบร้อยแล้ว หนูไม่อยากไปแบบไม่ลาค่ะ ที่ผ่านมาหนูขอบคุณมากนะพี่อ้น หนูขอบคุณพี่อ้นมาก ๆ จริง ๆ นะคะ”

บอกหัวหน้างานด้วยความรู้สึกจริง ๆ ที่มี ใครหลายคนมองว่าพี่อ้นเป็นคนร้ายกาจ ไม่เคยใส่ใจหรือเห็นหัวใคร แต่เธอรู้ พี่อ้นไม่ใช่คนแบบนั้น ภายใต้ท่าทางร้ายกาจ ที่ไม่เอาใคร แท้ที่จริงแล้วพี่อ้นให้ความช่วยเหลือเธออยู่เสมอ ช่วยเหลือโดยไม่เคยออกตัว ช่วยเหลือโดยไม่เคยต้องมาแสดงให้ใครเห็น

“ตัดสินใจแล้วสินะ”

ค่ะ หนูตัดสินใจแล้ว

“เรื่องพี่โยหนูตัดใจได้แล้วค่ะพี่อ้น ต่อไปหนูจะได้เริ่มต้นใหม่ซะที ที่ผ่านมาหนูขอบคุณมากนะคะพี่อ้น หนูขอบคุณพี่อ้นจริง ๆ”

คุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขายได้แต่ถอนหายใจยาว ๆ และต้องยอมปล่อยให้ลูกน้องที่ทำงานด้วยกันมานาน ไปมีเส้นทางชีวิตของตัวเอง

“ไอ้โยมันน่าจะได้รู้นะ ว่ามีคนรักมันขนาดนี้”

นั่นไม่สำคัญหรอกค่ะพี่อ้น มันไม่สำคัญที่พี่โยจะรู้หรือไม่รู้

หนูไม่เคยคิดอยากจะก้าวข้ามเข้าไปในพื้นที่ ที่พี่โยปิดตายไม่ยอมให้ใครเข้าไป

“ให้มันเป็นความลับแบบนี้ไปตลอดนั่นแหละดีแล้วค่ะพี่อ้น หนูอยากให้มันเป็นความลับแบบนี้ตลอดไป”

เธอพูดมาซะขนาดนั้น แล้วจะไปทำอะไรได้

ในเมื่อยืนยันซะขนาดนี้ คุณกฤษดาจะไปทำอะไรได้ก็ได้แต่ถอนหายใจยาว และทำใจยอมรับสิ่งที่ลูกน้องพูดเท่านั้น

“พี่อยากจะรู้จริง ๆ เลยว่ะ ว่าชาตินี้ไอ้โยมันจะมีหัวใจให้ใครได้อีกหรือเปล่า มันน่าจะมีใครซักคนทำให้ไอ้คนเย็นชาแบบมันได้รู้สำนึกซะบ้าง”

นั่นสิคะ หนูก็อยากจะรู้เหมือนกัน

“พี่อ้น ถ้าพี่อ้นเจอคนที่ทำให้พี่โยรักได้ พี่อ้นช่วยบอกเขาด้วยนะว่าหนูยินดีกับเขาด้วย เชื่อเถอะ คนอย่างพี่โยถ้าได้รักใคร จะทั้งรักทั้งทุ่มเทให้ และไม่มีสายตาไปมองใครหน้าไหนได้อีก คน ๆ นั้นจะกลายเป็นคนที่โชคดีมาก ๆ ที่ทำให้พี่โยรักได้”

ก็คงจริง คน ๆ นั้นคงเป็นคนที่โชคดีมาก ที่ทำให้ไอ้โยรักได้

“สงสัยจะยากเลยล่ะ เพราะพี่คิดว่าคนที่ทำให้ไอ้โยรักได้คงมีแค่สองคน คนแรกยังไม่เกิด ส่วนคนที่สองคงตายห่าไปแล้ว”

พูดออกไปแล้ว และลูกน้องที่อยู่ปลายสายก็หัวเราะออกมาเมื่อฟังสิ่งที่อ้นพูด

บางทีอาจจะใช่นะ คนที่ทำให้พี่โยรักได้ มีแค่สองคน
คนแรกยังไม่เกิด ส่วนคนที่สองคงตายไปแล้ว

แต่ใครจะไปรู้.........บางทีอาจจะมีคน ๆ นั้นจริง ๆ แต่แค่กำลังเดินทางมาหาพี่โยแค่นั้น

และไม่ว่าคน ๆ นั้นจะเป็นใคร.........เธอก็นึกอิจฉาคน ๆ นั้นจริง ๆ

………..ถ้าเกิดคนที่โชคดีคนนั้นได้ใจพี่โยไป ขอร้องเถอะอย่าทำให้พี่โยเสียใจเชียวนะ........

เพราะถ้าทำให้พี่โยเสียใจ.........เธอจะไม่มีทางให้อภัยคน ๆ นั้นแน่.....และจะกลับมาจัดการคน ๆ นั้นให้น่าดู


TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-05-2014 23:52:01 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตนายจะดราม่าโย :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-05-2014 21:03:34 โดย greenapple »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
รักแรกเป็นสิ่งที่อยู่ในใจเราไปตลอดไม่ว่าจะดีหรือเลว :เฮ้อ:

ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
บัวลอยนู๋ใสซื่อมากลูก  :laugh:

ส่วนโยธินดูท่าชีวิตจะดราม่าแฮะ  o18

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน ระวังรถของมึงให้ดี

เยี่ยมครับ มอร์เตอร์ไซด์สตาร์ทไม่ติด

สงสายยยยยยยยหัวเทียนบอดดดดดดด

พนักงานใหม่แผนกขนส่ง โยนหมวกกันน็อคทิ้งไว้เมื่อมอร์เตอร์ไซด์สี่สูบคู่ใจ ทำตัวไม่น่ารักตั้งแต่เช้า

“ที่รักจ๋า ติดหน่อยไม่ได้เลยเหรอ ใจดำทำกับเค้าได้ลงคอขนาดนี้เลยเหรอ”

ลูบก็แล้ว โอ๋ก็แล้ว พูดดีก็แล้ว แถมด่าก็แล้ว แทนที่จะทำตัวดี ๆ ยอมติดให้ซะหน่อย เสือกนิ่งสนิทซะงั้น

“เยี่ยมครับ ขอบคุณมากค้าบบบบบบบที่รัก”

ถึงกับส่ายหน้า และต้องจอดมอร์เตอร์ไซด์คู่ใจทิ้งไว้ที่หอพัก และก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู

ยังดีที่เหลือเวลาอีกเป็นชั่วโมง ยังพอมีเวลาให้กูโหนรถเมล์ไปทันอยู่ ดึงกุญแจรถออก และรีบเดินลิ่ว ๆ ไปบนทางเท้าเพื่อออกไปที่ถนนหน้าปากซอย

เดินสิครับ จะไปหวังรอวินมอร์เตอร์ไซด์ที่นาน ๆ จะผ่านมาทีเหรอ รอแม่งไปเหอะชาติหน้า

ก้าวขาเดินลิ่ว ๆ ออกมาจากซอย และมายืนรอรถเมล์อยู่ที่ป้ายรถเมล์และในไม่ช้าก็กระโดดขึ้นรถเมล์มาจอดที่ถนนใหญ่ทางเข้าโรงงาน

เดินอีกกู เดินอีก….. เดินเข้าไป แม่ง ไม่ใช่ใกล้เลยนะ แต่ก็ช่างแม่งเหอะ วันเดียวเอง เดินซะบ้างก็ดีถือว่าบริหารขาไปในตัว

พนักงานใหม่แผนกขนส่งเดินเรื่อยๆ มาจนถึงกลางทาง และก็เริ่มรู้สึกว่ามีรถชะลอความเร็วและขับมาขนาบข้าง

คงเป็นคนในโรงงาน ก็ดีวะ จะได้ขอติดรถไปด้วยเลย

หันหน้าไปมอง และกำลังจะยิ้มทักทาย แต่ความตั้งใจก็มีอันหมดลงทันที เมื่อได้รู้ว่าใครที่ขับรถอย่างช้า ๆ อยู่ข้าง ๆ

ไอ้ตุ๊ดแผนกขาย ที่วันก่อนเกือบได้วางมวยกันยกใหญ่

เบือนหน้าหนีทันทีและฮัทก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทำเป็นไม่มอง ทำเป็นไม่เห็น และไม่สนใจ

ไอ้เหี้ยนี่ก็กวนตีนได้ใจกูมาก แม่งไม่พูดอะไรด้วยนะ ขับชะลอตามอยู่อย่างนั้น พอเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น แม่งก็เสือกขับตาม

พอเดินช้าหน่อย แม่งก็ชะลอรถให้ไหลไปเรื่อย ๆ มึงจงใจชัด ๆ เลยนี่หว่า ไอ้สัด

หันไปมองคนในรถที่สวมแว่นตาดำ และเปิดเพลงจังหวะสนุก ๆ เสียงดังลั่นรถจนได้ยินมาถึงข้างนอกแล้วอยากจะกระโดดถีบรถแม่งให้พัง

ร้องเพลงไปด้วยแถมยังโยกหัวไปมา กวนตีนสุด ๆ เหอะ ไอ้สัด

ไม่รู้จะทำยังไง ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ด่าไอ้เกรียนในรถไปพลาง ๆ เผื่อมันจะได้ยิน

แต่มันก็ทำเป็นเพลิดเพลินกับการฟังเพลงมาก ทั้งที่กูรู้หรอก มึงชำเลืองมองกูตลอดเวลา

เจอกวนตีนแบบนี้เข้าไปรับรองไม่มีใครทนได้นาน และฮัทที่เป็นคนความอดทนต่ำ ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

หยุดเดิน และใช้หลังมือเคาะกระจกรถให้คนที่กำลังเปิดเพลงเสียงดังลั่นหันมาสนใจ และไอ้ตุ๊ดแผนกขายก็เปิดกระจกรถและเลื่อนกระจกลงมาส่งยิ้มหวานเชื่อมให้คนที่กำลังเริ่มอารมณ์เดือดปุด ๆ ด้วยความโมโห

“อ้าว ว่าไงน้อง ทำไมเดินคนเดียวล่ะ พี่ไม่ทันเห็น ไม่งั้นคงแวะรับให้ไปด้วยกันแล้ว แต่ไม่เป็นไรนะยังไงก็เจอกันแล้วไปด้วยกันมั้ยครับ”

ไอ้สัด มึงไม่ทันเห็นเหี้ยอะไร มึงชะลอรถเทียบกูอยู่นี่ ทักได้วอนตายมากเลยนะมึง ไอ้สันดาน
กูไม่มีทางขึ้นไปนั่งบนรถเสนียดของมึงหรอก

“อ่อ ตาบอด มิน่าล่ะต้องใส่แว่นตาดำ เลยมองไม่เห็นว่างั้น ก็สมควรแหละวะ”

กวนตีนกลับไป และโยธินที่ยังส่งยิ้มหวาน ๆ มาให้ก็เลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะทำหน้าตาได้ยียวนกวนประสาทที่สุดจนคนเห็นอยากจะกระชากคอเสื้อมันมาต่อยให้คว่ำ

“ตาบอดครับ มองเห็นเฉพาะบางคนที่สมควรจะเห็นจริง ๆ แต่ประเภทที่มองไปก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรขึ้นมา ก็แกล้งทำเป็นตาบอดไปงั้นเองครับ….พี่ก็เลยมองไม่เห็นน้องเป็นธรรมดา”

โว้ยยยยยยยยยยยยยยยย กูไม่ทนแล้วโว้ยยยยยยยยยยย

อารมณ์ขึ้นแบบหยุดเอาไว้ไม่อยู่ คำพูดเกินคำว่ากวนตีนของไอ้เจ้าของรถมันทำให้คนฟัง ไม่สามารถหยุดความโมโหของตัวเองที่พุ่งสูงขึ้นได้

กำลังจะเอื้อมมือเข้าไปกระชากคอเสื้อของไอ้มนุษย์โคตรกวนตีนแต่ก็ช้ากว่าเพราะแม่งรีบปิดกระจก แล้วก็หันมาส่งยิ้มให้

ไม่ใช่แค่นั้นสิ่งที่มันทำ มันยังกวนตีนได้สุดยอดมากจนทำให้อยากจะลากคอมันลงมากระทืบให้หายซ่า

“บรืน บรืน ครืนนน เอี๊ยดดดดดดดดดด”

สัด....แม่งเบิ้ลรถใส่กูด้วยเหรอวะ

“โค้งหน้าเถอะเฮ้ยยยยย เสาไฟฟ้าเหอะมึง”

ด่าไล่หลัง และอีกฝ่ายคงไม่มีโอกาสได้ยิน เพราะรถคันนั้นหายลับไปแล้ว

“อีกรอบเดียว มึงเจอกรีดรถแน่ ไอ้ตุ๊ด”

พูดออกมาอย่างอาฆาต และฮัทก็ยังโมโหไม่หาย

“เป็นเหี้ยอะไรกับกูนักหนาวะไอ้สัด เจอกันอีกรอบแล้วมาทำสันดานแบบนี้ใส่กูนะมึง จะต่อยให้คว่ำแบบไม่ต้องสาวเลยไอ้สัด ระวังตัวไว้ให้ดีเหอะมึง”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
“ไอ้คนขาว ๆ ตัวสูง ๆ หน้าตาตุ๊ด ๆ ที่วันก่อนผมไปเยี่ยวแล้วเจอมันล้างมืออยู่ในห้องน้ำ มันชื่ออะไรวะพี่วิเชียร”

เดินเข้ามาที่แผนกขนส่ง และก็เห็นว่าพี่วิเชียรกำลังรับประทานอาหารมื้อเช้า

อาหารที่อยู่ในกล่องข้าวที่จัดมาอย่างพิถีพิถัน สวยงามน่ารับประทานเป็นอย่างยิ่ง ไม่รวมถึงส้มแมนดารินลูกใหญ่เบิ้มหนึ่งลูก แล้วก็กระติกชาเขียวที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ

ไม่สมควรใช้คำว่า “กิน” ต้องใช้คำว่า “รับประทาน”

เพราะต้องให้เกียรติอาหารโคตรหรู และดูเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่กูนึกไม่ออกว่าคนทำแม่งมีเวลาว่างหรือไงวะ ถึงได้บรรจงทำซะสวยงามขนาดนี้
ของกูแค่น้ำเต้าหู้ ปลาท่องโก๋ หรือไม่ก็ข้าวเหนียว หมูปิ้ง หรูสุดก็เป็นโจ๊กใส่ไข่นี่ก็นับว่าเต็มที่แล้ว

แต่ดูอาหารเช้าของพี่วิเชียร.........อลังการไปไหนวะสาดดดดดด

“พี่ ส้มแม่งโคตรน่ากิน ขอมากินแก้เครียดหน่อยดิพี่”

ทำสันดานมนุษย์เกรียน และกำลังจะหยิบส้มแมนดารินลูกใหญ่เบิ้ม แต่ก็ถูกวิเชียรตีมือ

“ไอ้สัด สันดานเสียนะมึงบัวลอย กูอนุญาตแล้วหรือยัง หยิบส่งนะมึง ไม่มีมารยาท”

โห่พี่ ส้มลูกเดียว อย่างกเลยน่า

“พี่ก็อนุญาตซะทีสิพี่ ผมกำลังอยากกินจะตายห่าอยู่แล้ว ส้มพี่โคตรน่ากินเหอะวะ”

นั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของรุ่นพี่ในแผนก และวิเชียรก็พยักหน้าให้เป็นการอนุญาต

“แดกซะนะจ๊ะ กูอนุญาต ถือว่าสงสารลูกนกลูกกา”

พี่วิเชียรก็พูดเกินไป ผมไม่ใช่ลูกนกลูกกาซะหน่อย

“ขอบคุณคร้าบบบบบบบบ ใครได้พี่วิเชียรไปเป็นผัวแม่งโชคดีตายห่าเลย”

ถึงกับหน้าเจื่อน เมื่อรุ่นน้องพูดแทงใจดำ ใครได้กูเป็นผัว ไม่ได้โชคดีตายห่าหรอกว่ะ แต่แม่งโคตรซวย ซวยยิ่งกว่าซวย ซวยโคตร ๆ

“พี่วิเชียรเป็นไรวะพี่ เงียบเลย กินส้มป่ะ แม่งอย่างหวาน ของแพงนี่มันอร่อยอย่างนี้นี่เอง วันหลังผมจะได้ซื้อมากินบ้าง”

คงยากว่ะ ส้มนั่น เฮียแม่งสั่งตรงมาจากเมืองจีนเลย สั่งมาแค่สองลังกระดาษเล็กๆ เท่านั้น ถ้าอร่อยจริงอย่างที่มึงพูด พรุ่งนี้กูจะหยิบมาเผื่อมึงแล้วกัน

“มึงนี่เห็นแก่กินจริงๆ เลยเนอะไอ้บัวลอย”

สงสัยจะใช่ว่ะพี่

“ไม่เห็นแก่กินได้ไงพี่ อารมณ์เสียแม่งตั้งแต่เช้าแล้ว มอร์ไซด์เจ๊ง นั่งรถเมล์มาลง ตอนเดินเข้ามาเสือกเจอไอ้หน้าตุ๊ดแม่งกวนตีนใส่อีก
 แม่งคิดดูสิพี่ มันชะลอรถมากวนตีนผมโดยเฉพาะเลย แถมยังเบิ้ลรถใส่ผมอีก เย็นนี้ผมว่าจะไปกรีดรถมัน เล่นกับใครไม่เล่น”

ได้ยินเสียงบ่นพึมพำของรุ่นน้องแล้ววิเชียรก็เริ่มอมยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก

เริ่มเข้าเค้าแล้วนี่หว่า แม้จะแค่นิด ๆ แบบลาง ๆ ก็เหอะ แต่กูว่าเริ่มมาแล้วนิด ๆ

ไอ้โยธินท่าทางมันจะสนใจมึงนะนั่น ปกติเห็นแต่มันโปรยเสน่ห์ หวานใส่ไปทั่ว แต่กับมึงแม่งมาแปลก แต่อย่างน้อยมันก็จำมึงได้

สงสัยมึงจะมีอะไรน่าให้มันจำว่ะ บัวลอย

“มันจีบมึงป่าววะ บัวลอย”

แกล้งส่งยิ้มแปลก ๆ ไปให้ และคนที่กำลังยัดส้มเข้าปากก็เงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่แล้วขมวดคิ้วมุ่น

“ขนลุกว่ะพี่ ไม่ไหวนา ผมไม่นิยมอัดตูดกระเทย สยองว่ะพี่ ไม่รู้ว่าแม่งเอากันได้ยังไง มันส์ตรงไหนวะ”

ไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปบ้าง และวิเชียรก็ยิ่งหน้าเหวอไปไม่เป็นยิ่งกว่าเดิม

เอ่อ...........คือกูก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายมึงยังไงจริง ๆ ว่ะ ว่าแม่งมันส์ตรงไหน จนกว่ามึงจะได้ลองเอง

“มึงลองมีผัวดูสิ เดี๋ยวมึงรู้เบยยยยยย”

พี่วิเชียรก็พูดไป

“โห่พี่ ผมผู้ชายพี่ พี่ก็พูดซ้า”

ไม่ได้คิดตามหรือสนใจสิ่งที่วิเชียรพูด และวิเชียรก็มองหน้าของรุ่นน้องแบบยิ้ม ๆ

กูว่าไม่นานหรอกมึงได้รู้แน่ว่ะ บัวลอย มึงต้องลองซะ แล้วมึงจะรู้ว่าแม่งมันส์ยังไง
เชื่อสิ กูมองอะไรไม่เคยพลาดหรอก แค่เรื่องนี้มันจะเกิดช้าหรือเร็วแค่นั้น อันนี้ก็ต้องลองมาลุ้นดูกันต่อไป

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
“พี่อ้นไปแผนกขนส่งบ่อย ๆ ไอ้น้องหน้าแบ๊ว ๆ ที่มาทำงานใหม่นั่นชื่อไรวะพี่”

คุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขายเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารและมองหน้าของเซลหมายเลขหนึ่งของบริษัทที่วันนี้มันมาทำงานได้

“จะไปยุ่งอะไรกับเค้าวะ แล้วนี่เป็นอะไร เกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมา ถึงมาทำงานติดกันสองวันได้ ไม่มีคิวเดินสายหรือไง”

แกล้งประชดประชันไปและโยธินก็เอนหลังลงพิงพนักเก้าอี้ และนั่งไขว่ห้างหมุนเก้าอี้ไปมาด้วยความเพลิดเพลิน

มีความสุขมากนักนะมึง

ทางนี้หัวจะระเบิดเพราะต้องตรวจบิลขาย ทำไมการเป็นหัวหน้าแผนกมันลำบากขนาดนี้วะ

“โห พี่อ้น ผมอ่ะ อยากมาทำงานทุกวันแหละ แต่พี่อ้นก็รู้ว่าที่ผมมาไม่ได้เพราะผมต้องออกไปหาลูกค้าข้างนอก บางทีก็คุยกันเพลินคุยกันยาว
 จะให้ผมเข้ามาออฟฟิศตอนไหนล่ะ ทั้งที่ผมคิดถึงพี่อ้นใจแทบขาด แต่ผมก็ปลีกตัวมาไม่ได้จริง จริ๊ง”

เชื่อได้เนอะ คงจะเชื่อหรอก

“ปากหวานขนาดนี้ มิน่าล่ะ ลูกค้ารายไหน ๆ ถึงได้เสร็จหมดทุกราย แค่นั้นคงไม่พอเลยลามปามมาวุ่นวายกับคนในแผนกด้วย จนน้องมันอยู่ไม่ได้ ต้องชิงลาออกไปอีกหนึ่งราย”

แกล้งพูดใส่หน้า และโยธินที่กำลังทำหน้าระรื่นก็ถึงขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจ

“ใครลาออกเหรอพี่อ้น ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

อ่อ ก็คงจะไม่รู้หรอก เพราะไม่เคยคิดจะสนใจใครเลยนี่นา ก็สมควรแล้ว

“คิดว่าใครหายไปล่ะ ก็คนนั้นแหละ”

ใครหายไปเหรอ หรือว่า..........

“น้องจูนเหรอพี่”

ก็รู้นี่ นึกว่าจะไม่รู้ซะแล้ว

“เฮ้ย เอาจริงพี่อ้น เมื่อวานผมยังคุยกับน้องเค้าอยู่เลย ทำไมเขาลาออกซะล่ะ”

ถามใครวะ ถามคนอื่น แล้วทำไมไม่หัดถามตัวเองบ้างล่ะ

“จะไปรู้ได้ยังไง เขาก็มีเหตุผลของเขา”

ไม่ใช่สิพี่อ้น น้องจูนมีเหตุผลของน้องจูนก็จริง แต่พี่อ้นเป็นหัวหน้าตอนที่น้องเขาเขียนใบลาออกพี่อ้นก็น่าจะรู้สิ ว่าน้องเขาเขียนเหตุผลว่าอะไร

“โดนพี่อ้นกดดันแน่เลย ผมบอกแล้วพี่อ้นอย่าดุมาก เนี่ยเป็นไงล่ะ ลาออกไปอีกคนเลย”

ไม่โทษตัวเอง แต่แกล้งโยนความผิดให้หัวหน้าแผนก ที่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าของโยธิน และเริ่มรู้สึกหงุดหงิดรำคาญกับอาการแกล้งโง่ของโยธิน

แกล้งโง่ได้เนียนจังเลยนะ ระดับโยธินไม่น่าโง่หรอก อย่ามาเนียน

“ทำอะไรไว้บ้างล่ะ ก็น่าจะคิดได้ ว่าน้องจูนมันต้องลาออกเพราะใคร”

เพราะผมเหรอพี่ .......

โยธินนิ่งงันไป   และเกือบจะพูดอะไรไม่ออก แต่ก็ยังกล้าหัวเราะกลบเกลื่อน ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร

“เกี่ยวอะไรกับผมล่ะพี่อ้น”

อ่อ ไม่เกี่ยวหรอก คงไม่เกี่ยว ในเมื่อมองว่าไม่เกี่ยว ก็คงจะไม่เกี่ยว

“ก็แล้วแต่จะคิด ถ้าไม่มีธุระอะไรก็ออกไปได้แล้ว เกะกะน่ารำคาญ ถ้าว่างมากนักก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อย เอาบิลกองนี้ไปช่วยตรวจซิ แม่งจะเยอะไปไหนวะ”

อะไรล่ะพี่อ้น นี่มันงานของหัวหน้าแผนกไม่ใช่เหรอ แล้วมาเกี่ยวอะไรกับเซลอย่างผมล่ะ

“ไม่อาวววววววว พี่อ้นก็ตรวจไปดิ ผมออกข้างนอกไปหาลูกค้าดีกว่า ไปแล้วพี่อ้น หวัดดีคร้าบบบบบบบบบ”

รีบลุกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว และโยธินก็กำลังจะก้าวขาออกจากแผนกขาย

กำลังจะก้าวเดินออกไป แต่ก็ค่อย ๆ หันกลับมาอย่างช้า ๆ และเดินเลยไปที่โต๊ะของน้องจูน ที่ไม่ว่ากี่ครั้งที่เดินเข้ามาในแผนกก็มักจะเห็นเธอนั่งอยู่ตรงนั้นเสมอ

ก้าวเดินกลับมา และมองไปที่โต๊ะของเธอ มองที่โต๊ะมองไปที่เก้าอี้ มองไปที่คอมพิวเตอร์ มองไปทุก ๆ ที่ที่เธอเคยมีตัวตนอยู่ก่อนหน้านี้

ค่อย ๆ ทิ้งกายลงนั่งบนเก้าอี้อย่างช้า ๆ และหมุนเก้าอี้เล่นไปเรื่อย ๆ

มีของสองสามอย่างที่หลงเหลืออยู่ สมุดบันทึกงานและปากกาอีกสองสามด้าม

ไม่ได้อยากละลาบละล้วง แต่ก็หยิบสมุดเล่มนั้นขึ้นเปิดอ่าน

ตารางงาน ตารางเวลาที่ต้องวางบิล ลายมือขยุกขยิกที่ในบางครั้งเธอก็ใช้ปากกาสีสวย ๆ ช่วยจดและเตือนความจำ

เปิดอ่านไปเรื่อย ๆ และก็พบว่ามีรูปถ่ายใบเล็ก ๆ ที่โยธินจำได้ว่าเคยติดในใบสมัครงาน ตอนเข้ามาทำงานแรก ๆ

เธอได้มันมายังไงไม่รู้ แต่ข้อความหลังรูปที่เขียนด้วยปากกาสีชมพู ก็ทำให้โยธินรู้สึกใจหายวูบ
..................พี่โยธิน................น่ารักจัง...............

ข้อความที่เขียนเอาไว้หลังรูปถ่าย ทำให้โยธินเริ่มจะรับรู้อะไรได้ลาง ๆ

ทุกครั้งที่ก้าวขาเข้ามาในแผนก เธอมักจะส่งยิ้มและทักทายโยธินก่อนเสมอ และสิ่งที่โยธินทำก็แค่ยิ้มรับและทักทายเธอไปตามมารยาทเท่านั้น

ไม่เคยนึกสนใจในตัวเธอมากกว่าเห็นว่าเธอเป็นเพื่อนร่วมแผนก

ไม่เคยนึกสนใจ ไม่เคยสนใจใด ๆทั้งสิ้นมีแค่มองผ่านเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อคืนนี้ ที่ได้ทำอะไรบางอย่างกับเธอ

โยธินคิดว่าไม่มีอะไรมากไปกว่าความยินยอมพร้อมใจของเราทั้งคู่ แล้วทุกอย่างก็คงจบลง
ไม่เคยจดจำเธอ แต่วันนี้กลับรีบขับรถมาทำงานเพราะอยากจะมาเจอเธอที่แผนก

แต่ก็เพิ่งรู้ว่าเธอลาออกไปแล้ว

อะไรจะประจวบเหมาะขนาดนั้น ไม่น่าที่เหตุการณ์มันจะบังเอิญขนาดนี้ไปได้

เธอให้เบอร์โทรเอาไว้ และโยธินก็แค่กดโทรศัพท์ยิงเข้าเครื่องของเธอ โดยที่ไม่ได้บันทึกชื่อของเธอเอาไว้ด้วยซ้ำ

น้องจูน
น้องจูน
น้องจูน

ค้นหาหมายเลขที่บันทึกไว้ล่าสุด และกดโทรออกทันที

เสียงจากระบบตอบรับอัตโนมัติพูดด้วยคำพูดเดิม ๆ ที่โยธินเคยได้ยินอยู่บ่อยครั้ง

.......ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้......

โยธินกดโทรออกอีกครั้ง แต่ก็ได้ยินเสียงตอบรับแบบเดิม ๆ
สุดท้ายได้แต่นั่งมองโทรศัพท์ในมืออย่างเงียบ ๆ และนึกอยากจะบีบคอตัวเองซะให้ตาย

...........ทำอะไรลงไปอีกแล้ววะโย.........ทำอะไรลงไปอีกแล้ว.......ใช่ที่เซ็กส์กับความรักมันคนละเรื่องกัน แต่สำหรับเธอแล้ว โยธินรู้ว่ามันไม่ใช่.........

เหมือนเห็นเงาของตัวเอง

เหมือนเห็นเงาของตัวเองซ้อนทับกับเธอ

เธอไม่ต่างจากโยธินที่เอาความรักและเซ็กส์รวมเข้าเป็นเรื่องเดียวกัน และเธอก็ได้รับความเจ็บปวดเป็นของตอบแทน

ที่ต่างกันมีแค่เล็กน้อย เธอรู้อยู่ก่อนแล้ว ว่าจะต้องเป็นแบบนี้

แต่โยธิน ไม่เคยรู้อะไรเลย.........


TBC.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-05-2014 00:01:27 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
แอบหมั่่นไส้นายโย
ไม่มีน้ำใจรับน้องขึ้นรถไม่พอ
ังไปแกล้งเขาอีก
จิ้มซะเลย :z13:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-05-2014 21:47:00 โดย greenapple »

ออฟไลน์ sine_saki

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
คู่นี้น่าจะได้อีกรสชาติ เพราะพระเอกเป็นพวกมีอดีต

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน เลือนลาง


ฝนตกลงมาปรอย ๆ และเหมือนจะเริ่มเทหนักลงมาในอีกไม่ช้า

โยธินเปิดประตูรถและเข้าไปนั่งเรียบร้อย แวะเข้ามาหาพี่อ้นตอนเย็น เพราะเอายอดสุดท้ายของเดือนนี้มาส่ง

ที่จริงโทรมาบอกก็ได้ หรือไม่ก็แค่แฟ็กซ์มาบอก แต่วันนี้รู้สึกว่าว่างจริง ๆ ก็เลยขับรถมาออฟฟิศตอนเย็น

มันเบื่อ ๆ เหงา ๆ เศร้า ๆ พิกล พักนี้ ชีวิตมีแต่เรื่อง เรื่องเดิม ๆ เรื่องที่ไม่ว่ากี่ปีก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวแบบนี้มาตลอด
เรื่องที่ถึงแม้จะผ่านมานานแค่ไหน ก็ยังตัดใจให้ลืมไม่ได้ซักที

เปิดเพลงคลอเบา ๆ และมองสายฝนที่เริ่มโหมกระหน่ำขึ้นเรื่อย ๆ

ตกหนักแล้วแบบนี้ มิน่าล่ะช่วงกลางวันถึงรู้สึกร้อน ๆ

คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คิดอะไรไปคนเดียว แล้วสายตาของโยธินก็เริ่มมองไปที่ข้างทาง
เสื้อพนักงานแบบนี้ คนโรงงานเดียวกันนี่หว่า ทำไมไม่เอาร่มมา ฝนตกขนาดนี้ แม่งเปียกเละเลยไม่ใช่หรือไงวะ

ชะลอรถให้ช้าลง และโยธินก็เปิดกระจกเรียกคนที่กำลังเดินกดอกตัวเปียกอยู่ที่ข้างทาง

“ไปด้วยกันป่ะครับ เปียกหมดแล้ว ขึ้นมาก่อนก็ได้”

ไม่ทันมอง ไม่ทันเห็น ไม่ทันสังเกตว่าอีกฝ่ายเป็นใคร และเมื่อคนที่เดินกอดอกเปียกปอนไปทั้งตัวหันมา โยธินก็ถึงกับชะงักค้าง
ไอ้เด็กแบ๊ว แผนกขนส่งที่เพิ่งเข้ามาใหม่นี่หว่า

อ่า...........แล้ว......จะเอายังไงต่อไปดี

“สัด มึงเยาะเย้ยกูเหรอ ไอ้ตุ๊ด”

เหี้ยเหอะ กูไปเยาะเย้ยตอนไหนมิทราบวะ คนอุตส่าห์หวังดียังเสือกมาด่าซะได้ เดี๋ยวแม่งเบิ้ลรถใส่ให้น้ำโคลนกระเด็นใส่เลยนี่ไอ้เด็กเวร

“ใครไปเย้ยมึง ไอ้หน้าแบ๊ว จะขึ้นมาก็เร็ว ๆ เข้าอย่ามาลีลาฝนแม่งเทขนาดนี้ พี่ไม่ใช่คนใจร้ายใจดำครับน้อง ถึงไม่ใช่น้องพี่ก็เรียกให้ขึ้นมาอยู่แล้ว ไม่มาคิดเล็กคิดน้อยอย่างมึงหรอกสัด”

เฮ้ยนี่แม่งด่ากูเหรอ มึงด่ากูเหรอวะ มึงเอาเลยมั้ยล่ะ มึงต่อยกับกูเลยดีกว่าพูดแบบนี้

“แล้วไม่ต้องวิ่งมาใส่ด้วยนะโว้ย ไอ้เรื่องต่อยกะน้องอ่ะพี่ขอเก็บไว้ก่อน เปียกขนาดนี้ยังจะทำซ่า ถ้าอยากจะมีเรื่องด้วยขนาดนั้น ก็ขึ้นมาเลยเร็ว ๆ ไม่ต้องลีลา”

ได้ มึงบอกเองนะ ว่าให้กูขึ้นรถมึง เปียกซะขนาดนี้ รถมึงเละแน่ อย่ามาโทษกูแล้วกัน เดี๋ยวมึงรู้แน่ เดี๋ยวมึงรู้

ยอมขึ้นมาบนรถของโยธิน และจัดการสะบัดหัวให้น้ำที่เส้นผมกระจายไปโดนเจ้าของรถ และโยธินก็หันมามองหน้าของคนที่ทำตัวเป็นเด็กไม่มีมารยาท
รถกูเปียกก็ถือว่าหนักแล้ว นี่มึงยังสะบัดหัวให้น้ำมาเปียกกูด้วยเหรอวะ ไอ้เด็กเหี้ยนี่

“สะใจป่ะ ทำตัวเป็นเด็กไปได้ ทำแค่นี้แล้วสะใจมากหรือไง ปัญญาอ่อน”

โดนด่า และคนที่ถูกหาว่าปัญญาอ่อนก็หันมาจ้องหน้าของโยธินตรงๆ

จ้องอย่างเอาเรื่อง จ้องแบบอยากมีเรื่อง และโยธินก็แค่ปรายตามองหน้าของอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสนใจกับการขับรถที่ต้องใช้สมาธิสูงกว่าปกติ เพราะสายฝนที่สาดเทลงมามันทำให้ยากแก่การมองเห็น

“อย่าเพิ่งต่อยพี่ตอนนี้ครับน้อง เดี๋ยวพี่เหยียบเบรกไม่ทัน มันจะได้ตายหมู่ ศพไม่สวยขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ”

เออ ก็จริงอย่างที่ไอ้หน้าตุ๊ดมันพูด

ก็ได้ เพราะฉะนั้นกูจะยอมถอยให้มึงครึ่งก้าวก็ได้

ฮัทนั่งเงียบไม่พูดไม่จา แต่แอร์ที่เปิดจนเกือบสุดก็ทำให้ร่างกายเริ่มแสดงปฏิกิริยาบางอย่างออกมา

“ฮัดชิ่ว ฮะ ฮัดชิ่วววว”

ยกมือขึ้นปิดปากและก็จามไปสองครั้ง

มาแล้วไงอาการไม่พึงประสงค์ที่มาพร้อมกับฝน งานเข้าแล้วไงกู พรุ่งนี้ลากันหลายคนด้วย กูต้องสแปร์แทนถ้าเป็นหวัดขึ้นมา คงหยุดไม่ได้

“ก็หรี่แอร์สิวะ นั่งหนาวอยู่ทำไม หน้าตาก็ฉลาดไม่น่าโง่”

เหรอ ไอ้สัดกูจะรู้มั้ยล่ะ กูนึกว่ามึงเร่งแอร์แกล้งกูซะอีก กูถึงไม่พูด แล้วกูจะรู้มั้ยว่ามึงไม่ได้แกล้ง
เอื้อมมือไปปรับแอร์ให้โดนตัวเองน้อยลง และฮัทก็เริ่มกอดอกด้วยความหนาว แม้ว่าจะปรับแอร์แล้ว

“มีผ้าขนหนูอยู่เบาะหลัง หยิบถึงป่าวล่ะ เสื้อเชิตที่แขวนไว้เอามาเปลี่ยนไปก่อนก็ได้ ขืนนั่งหนาวแบบนี้คงตายห่าก่อนถึงบ้าน”

กูบอกหรือยังว่าจะให้มึงไปส่งที่บ้าน แล้วกูบอกซักคำหรือยังว่าจะเอาเสื้อมึงมาเปลี่ยน

“โห่ ทำเป็นเชิด ทำเป็นลีลาท่ามาก หนาวตายห่าไปเลยเหอะงั้น ไม่ได้ง้อเลยจะบอกให้”

เหรออออออออออ ไม่ได้ง้อกูเลยเหรอ งั้นกูจัดให้ตามคำขอเลยแล้วกันนะครับ

ไม่มีคำว่าเกรงใจ และฮัทก็เอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูที่อยู่เบาะหลังรถมาถือเอาไว้ ขยี้แรง ๆ ที่เส้นผมของตัวเองเพื่อให้แห้ง และเอื้อมมือหยิบเสื้อเชิตที่แขวนไว้ที่เบาะหลังมาวางไว้ที่ตัก
จัดการถอดเสื้อตัวที่ใส่ออก และวางเสื้อเปียก ๆ ทิ้งไว้อย่างนั้นและใช้ผ้าขนหนูซับหยดน้ำที่ร่างกายท่อนบน ก่อนจะสวมเสื้อเชิตที่อีกฝ่ายอนุญาตให้ใส่ได้

ติดกระดุมทีละเม็ด และเริ่มขยับร่างกายไปมาเมื่อเห็นว่าเสื้อตัวที่ใส่ตัวใหญ่จนเกินไปจนต้องพับแขนเสื้อขึ้น

ไอ้ตุ๊ดแม่งเป็นคนตัวสูง เห็นมันตัวผอม ๆ ไม่นึกว่าที่จริงจะตัวใหญ่ขนาดนี้ แต่ก็เอาวะใส่ไปก่อน เป็นปอดบวมตายห่าขึ้นมามันจะไม่คุ้ม

“บ้านอยู่ไหนวะ เดี๋ยวแวะไปส่งก็ได้”

แวะไปส่งก็ได้ แปลว่าได้ ก็ดีที่ไปส่งได้ กูแม่งไม่เกรงใจหรอก แม่งอุตส่าห์เปิดโอกาสให้ขนาดนี้ เป็นใคร ใครจะไม่รับ
บอกทางเรียบร้อย และโยธินก็หันมามองหน้าของคนที่บอกพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น

แม่ง.........ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ไม่ได้คิดอะไรกับมันเลยนะ สารภาพจากใจจริง ๆ
แต่พอมองมันถอดเสื้อต่อหน้าและก็ได้เห็นผิวขาว ๆ ของมันแค่นั้นแหละ ใจแม่งเกิดสั่นขึ้นมาทันทีเลย

ผิวที่แขนก็เห็นว่าไม่ได้ขาว คงจะเพราะเจอแดดเจอลมเลยทำให้เป็นแบบนั้น แต่พอถอดเสื้อมาแค่นั้นแหละแม่งอย่างขาวแถมกล้ามเนื้อที่มีเล็กน้อยพองามนั่นอีกที่ทำให้ต้องเผลอมอง

ไม่ได้ชื่นชอบหรืออยากนึกจะชื่นชมร่างกายผู้ชายด้วยกัน แต่เห็นแบบนี้แล้ว อยู่ดีๆ ก็เกิดเป็นบ้าไปเผลอมองเข้าจนได้

เป็นอะไรมากป่าววะโย

ถามตัวเองและส่ายหัวกับความคิดประหลาด ๆ ที่เกิดขึ้น

“ส่ายหัวทำไมวะ ไปไม่ได้ก็ไปไม่ได้สิ ใครง้อ จอดศาลาหน้ากูไปของกูเองก็ได้”

พูดหรือยังว่าไม่ไป ยังไม่ได้พูดเลยว่าจะไม่ไปส่ง ชิงพูดซะก่อนแล้ว เป็นอะไรมากป่ะวะ

“ที่ส่ายหน้านี่เพราะว่าเบื่อฝนตกรถติด ไม่ได้บอกว่าจะไม่ไปส่ง บ้านอยู่แถวนั้นก็ดีแล้ว เดี๋ยวมีนัดตอนสองทุ่มจะไปกินข้าวกับลูกค้าแถวนั้นพอดี แต่ไปแวะที่คอนโดก่อนได้ป่าวล่ะ
จะไปเอาเอกสารให้เขาเซ็นต์เลย แล้วเดี๋ยวยังไงก็ต้องไปทางนั้นอยู่แล้ว เดี๋ยวพาไปส่งก็ได้ ว่าไง”

เหี้ยปัญหาเยอะว่ะ เดี๋ยวกูลงแม่งข้างทางตอนนี้เลย

“แต่คงไม่กล้าไปหรอก น้องกลัวโดนพี่ฆ่าหมกศพล่ะสิ หึ หึ หึ”

ไอ้ตุ๊ด กวนตีนแล้วมึง อย่างมึงเหรอจะฆ่าหมกศพกู กูนี่แหละจะฆ่ามึงซะก่อน กวนตีนชิบหายเลยว่ะ คนแบบนี้ก็มีด้วย

“ไปก็ไปดิ กลัวที่ไหน อย่ามาแกล้งเนียนขอให้กูอัดตูดก็แล้วกัน แม่งไม่เอาด้วยคนหรอกวะ ใช่มั้ยตุ๊ด”

ตุ๊ดพ่องดิ

เจอมาเยอะแล้ว พูดแบบนี้แหละ เสร็จกูทุกราย เพียงแต่ที่ผ่าน ๆ มาคนที่เสร็จทุกรายไม่ได้เป็นผู้ชายก็แค่นั้น
หรือแม่งจะลองเอาซักทีดีวะ ปากอย่างนี้มันน่า........

“น้อยๆ หน่อยเห้อะ หน้าตัวเองนี่แมนนักนิ แบ๊วเอ้ยยยย ด่าคนอื่นไม่ดูหนังหน้าตัวเองเลยเนอะ”

อะไร หน้ากูเป็นไง หน้ากูไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย หน้ากูก็เป็นแบบนี้

“แบ๊วบ้าบอคอแตกอะไร แบ๊วตรงไหน ไม่มีอ่ะ อย่ามามั่ว”

มั่วเหี้ยไร มึงจะดูหน้าตัวเองตอนนี้เลยมั้ย

แม่ง..............น่ารักเป็นบ้า......... แล้วยังท่าทางการพูดจาที่ดูกุ๊งกิ๊งง๊องแง๊งแบบไม่รู้ตัวของมึงนี่อีกนะ กูบอกได้เลย ถ้ากูเป็นตุ๊ดนะ
มึงเสร็จกูแน่ ยังไงกูก็ไม่ปล่อยให้รอดไปได้หรอกเหอะวะสัด

“โอยยยยยยยยย แมนตาย หน้าแม่งแมนจะตายห่า แมนเหลือเกิน เอออออออ เชื่อ หน้าแมนมาก แบ๊วเอ้ยยย”

พูดออกไปอย่างที่ใจคิด และฮัทก็เริ่มนึกโมโหอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นอีกนิด

หน้ามึงตุ๊ดกว่ากูอีก ยังมาเสือกบอกว่าหน้ากูแบ๊วอยู่ได้

แม่ง..........จนกูจะเชื่ออยู่แล้วว่าหน้ากูแบ๊วจริง..... หรือว่าแม่งจะจริงอย่างที่มันว่าวะ

เริ่มเชื่อขึ้นมานิด ๆ และฮัทก็พยายามหันไปมองหน้าของตัวเองที่กระจกข้าง

ก็ไม่นี่หว่า ดูยังไงว่าแบ๊ววะ

ตากูแค่โตเฉย ๆ เคยได้ยินคนพูดกันมาแบบนั้น แต่ไม่เห็นมีใครเคยบอกว่าแบ๊วซักคน เพิ่งมีไอ้ตุ๊ดนี่แหละคนแรกที่บอก

“แบ๊วไง ชัดยัง น้องแบ๊ว”

แบ๊วเหี้ยไร

“ตุ๊ดเอ้ย หน้ามึงก็ตุ๊ดเหมือนกันล่ะวะ”

ด่ากัน เถียงกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระ แล้วอยู่ดี ๆ โยธินก็เกิดขำขึ้นมา ขำตัวเองก็ขำ ขำไอ้คนที่ติดรถมาด้วยก็ขำ

นี่กูกับมันเป็นห่าอะไรวะ ถึงได้ด่ากันด้วยเรื่องปัญญาอ่อนขนาดนี้ ทำไปทำเพื่ออะไรวะ ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าจะทำไปเพื่ออะไร

“ขำเหี้ยไรนักหนาวะตุ๊ด”

ก็ไม่ได้ขำอะไรนี่หว่า แค่ขำมึงแหละไอ้น้อง

“จะไม่ให้ขำได้ไง ไอ้หน้าแบ๊ว มึงมันหน้าแบ๊ว ไอ้แบ๊วเอ้ย แบ๊วจริงด้วยวะ หน้าแม่งโคตรแบ๊ว”

ไม่ยอมเลิก ยังคงต่อปากต่อคำกันไม่ยอมเลิก และฮัทก็ด่าสวนกลับคนที่ไม่ยอมเลิกเหมือนกัน

“ตุ๊ด ไอ้ตุ๊ด ไอ้หน้าตุ๊ด มึงแม่งตุ๊ดเหอะวะ สัด”

เออ แล้วไงล่ะ แล้วไง ตุ๊ดแล้วไงล่ะ

“ปัญญาอ่อนเหอะ.........หน้าตุ๊ดก็ยังดีกว่าหน้าแบ๊วแล้วกัน ไอ้แบ๊วเอ้ย มึงอ่ะหน้าแบ๊ว ว่ะ สาดดดดดดดด”

เหี้ย แม่งไม่ยอมเลิกใช่มั้ย ไม่ยอมเลิกกูก็ไม่เลิกเหมือนกันแหละวะ

ต่างคนต่างไม่ยอม ด่ากันด้วยเรื่องไร้สาระไม่ยอมหยุด
ด่ากันไปเรื่อยๆ และเป็นการด่ากันที่ทำให้โยธินรู้สึกตลกจนขำออกมาหลายครั้ง

ไม่รู้นะ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกัน

ที่แน่ ๆ ไม่ได้รู้สึกแย่ แต่รู้สึกดีมาก ๆ .............โดยที่ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน....ว่าทำไมถึงเป็นไปได้ขนาดนี้

ไม่รู้เหตุผลจริง ๆ ว่าทำไมอยู่กับไอ้หน้าแบ๊วที่พูดจาโง่ ๆ แบบนี้ใส่ แล้วทำให้รู้สึกดี

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
“เพียบเลยว่ะ อบายมุขทั้งนั้นเลยนี่หว่า ทั้งเหล้า ทั้งเบียร์ ทั้งโซดา ขาดก็แค่น้ำแข็ง”

ขาดห่าอะไร

“อยู่ในช่องฟรีสว่ะ ดูผิดดูใหม่ได้ไอ้น้อง”

ไหนวะ จริงอย่างที่มันพูดหรือเปล่า เออว่ะ จริงด้วย แม่งเพียบเหอะวะ ฝนตก ๆ แบบนี้เห็นแล้วนึกเปรี้ยวปากอยากจะจัดขึ้นมาทันที

“ต้องไปหาลูกค้าก่อนใช่ป่าววะ งี้ก่อนไปขอซักหน่อยไม่ได้เลยหรือไง”

อย่ามากวนตีนไอ้เด็กน้อย หน้ายังแบ๊วขนาดนี้ อย่ามาทะลึ่งหยิบฉวยของกูครับ

“ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เก็บปากไปกินนมไม่ดีกว่าหรือไงวะ แบ๊ว”

รู้จักกูน้อยไปแล้ว

“ระดับนี้ไม่มีกินนมหรอกวะ จะลองดวลกันหน่อยมั้ยล่ะ ถ้าไม่กล้าก็อย่ามาพูด แดกหมดตู้ กูยังเฉย ๆ กลับบ้านได้สบายๆ เลยเหอะ”

ก็เอา

“เจ๋งเนอะ เก่งมาก แน่จริงมึงมาเลยไอ้น้องแบ๊ว งานการแม่งไม่ต้องทำแล้ววะ ก็อยากจะรู้เหมือนกันแหละว่าที่บอกว่ากลับบ้านได้ สงสัยคงจะได้คลานกลับเหมือนหมาแน่ ๆ”

ไม่มีทางหรอกวะ

เดี๋ยวมึงรู้เลยตุ๊ด เดี๋ยวมึงรู้ ระดับนี้ไม่มีคลานกลับบ้านแน่ๆ เดี๋ยวมึงจะรู้ฤทธิ์กูบ้างแหละวะ
ยกเบียร์ในตู้เย็นออกมายกแพ็ค เอามาวางกระแทกไว้บนเคาร์เตอร์ที่แบ่งออกมาเป็นครัว

“หมดนี่ไม่ยั้ง กระป๋องต่อก็กระป๋อง กล้าป่ะล่ะ”

ท้าผิดคนแล้วน้อง

โยธินก้มลงไปที่เคาร์เตอร์วางของก่อนจะยกเบียร์กระป๋องที่ยังไม่ได้แช่ยกขึ้นมาอีกสองโหลใหญ่ และวางเอาไว้ให้ตรงหน้าคนที่ท้า

“น้อยไป นี่อีกสอง ไหวมั้ยไอ้น้อง”

นั่นมันเอาไว้ให้เด็ก ๆ กินกัน

“แค่นี้ เก็บไว้ให้หมาแดกดีกว่ามั้ง ใครแพ้เป็นหมาเอาป่ะล่ะ”

เอาอยู่แล้ว ไม่กลัวอยู่แล้ว..........

จัดไปไม่มีถอย

ฮัทเปิดกระป๋องเบียร์ยกซดก่อนคนแรกจนหมดกระป๋อง และคนที่ยืนมองก็ทำตาม

แกะเบียร์ที่วางตั้งอยู่และเอามาแบ่งกันคนละครึ่ง ต่างคนต่างยกแบบไม่มีการยอมแพ้กัน

ไม่ต้องพูด ไม่ต้องคุย ไม่ต้องข่มกันเยอะ แสดงให้เห็นให้รู้กันไปจะจะ ด้วยปริมาณกระป๋องเบียร์ที่กินจนหมดแล้วถูกบีบวางทิ้งไว้

กินไม่หยุด กินกันไปเรื่อยๆ แบบไม่มีหยุด สุดท้ายต่างฝ่ายต่างน็อค เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องทั้งคู่ แต่เหมือนคล้ายจะมีสติพูดกันได้อีกเล็กน้อย

“แบ๊ว อ่อนนี่หว่า แค่นี้ทำเป็นแยกร่างเหรอวะ”

ใครแบ๊วมึงนั่นแหละไม่ใช่กู

“ตุ๊ดเหอะว๊า ใครจะไปแยกร่างมึงบ้าป่ะเนี่ย ไม่มี๊ ไม่มี”

โบกไม้โบกมือไปเรื่อย และเริ่มพูดจากันไม่รู้เรื่อง เริ่มคุยกันไปคนละทิศละทาง แต่ก็ยังจำได้ว่าสิ่งที่ต้องทำคืออะไร
ต้องเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้ และยังคงพยายามยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่ม ทั้งที่แทบไม่ไหวแล้ว

“มา ๆ ใครแพ้เป็นหมา ใครแพ้.......เป็นอืมมมม”

ฮัทซบหน้าลงไปที่เคาร์เตอร์โต๊ะเรียบร้อยแล้วหนึ่ง
และโยธิน ที่ยังพอมีสติมากกว่าก็ถึงกับส่ายหน้ากับภาพที่เห็น

อารายว๊า เมาแล้วทำไมมานอนตรงนี้ว๊า ทำไมไม่ไปนอนที่เตียง ทำแบบนี้ใช้ได้หรือไง
เดินอ้อมมาจากอีกฟากของเคาร์เตอร์ และจัดการดึงแขนของคนที่สลบไปเรียบร้อยให้มาอยู่ที่ไหล่

ลากกันไปยังไงไม่รู้ แต่สุดท้ายก็พากันเข้าห้องมาล้มตัวลองนอนบนเตียงด้วยกันได้

โยธินยกมือขึ้นลูบหน้าของตัวเองด้วยความเหนื่อย หยดเหงื่อเริ่มชุมโชกและรู้สึกถึงความร้อนในร่างกายที่เพิ่มขึ้น

ใครแม่งปิดแอร์วะ ร้อนจะตายห่า

“ครายแม่งปิดแอร์วะเฮ้ยยยยยยยยยย”

ตะโกนด่าไปเรียบร้อย และคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่ข้าง ๆ ก็ส่งเสียงอือ ๆ อา ๆ ในลำคอ และตะโกนตอบกลับ

“ร้อนก็แก้ผ้าสิวะ จะไปยากอารายยยย ไอ้โง่”

เออช่ายยยย ร้อนก็แก้ผ้า ร้อนก็แก้ผ้าสิวะไม่น่าโง่ ถ้าร้อนก็ต้องแก้ผ้า

ถอดเสื้อโยนทิ้งลงข้างเตียง และกางเกงก็ตามลงไปด้วย
เท่านั้นยังไม่พอ โยธินยังปฏิบัติตัวเป็นเพื่อนร่วมเตียงที่ดีด้วยการช่วยดึงช่วยทึ้งช่วยถอดเสื้อผ้าของคนที่นอนอยู่ข้างๆ ออกด้วย

“แม่งลีลาจังวะ จะเอากันอยู่แล้วยังเรื่องมากอีก ถอดให้หมดเลยเฮ้ย ถอด ถอด”

มันคือความเคยชิน ที่ทำมาตลอด

แค่ถอดเสื้อผ้าและทำเรื่องอย่างว่าแบบที่เคยทำ ต่างกันแค่ว่าตอนนี้ต่างฝ่ายต่างก็สติเลือนลาง จนไม่มีความเป็นตัวของตัวเองหลงเหลืออยู่แค่นั้น

จัดการรั้งร่างที่ถอยห่างไปไกลให้ขยับเข้ามาใกล้ๆ อีกนิด และโยธินก็โน้มกายลงไปหา

แตะปลายจมูกไปที่ข้างแก้มขาวที่ขึ้นสีแดงจัด จูบไล้ไปเรื่อย ไล่ลงมาจากริมฝีปากจนถึงซอกคอ

“แม่งไม่มีนมเหรอวะ นมแม่งแบนชิบหาย”

ลูบไล้ฝ่ามือไปทั่วจนมาหยุดที่แผ่นอกที่โยธินเห็นจุดสีแดงเรื่อได้ลาง ๆ และก็เลยค่อย ๆ ก้มลงดูดกลืนสิ่งนั้นเข้าไป

กลืนกินอย่างหิวกระหาย และร่างที่นอนอยู่ข้างใต้ก็เริ่มบิดกายเร่า

ใครทำห่าอะไรวะ แม่งโคตรเสียวเลยว่ะ อะไรวะเนี่ย แม่งใครวะ ดูดเก่งชิบหาย

ไม่สามารถลืมตาขึ้นมาดูได้ พยายามลืมตาเท่าไหร่ก็ลืมไม่ขึ้น

มีแค่ฝ่ามือที่แตะต้องไปที่เส้นผมของคนที่กำลังโลมไล้ปลายลิ้นไปที่ยอดอก และฮัทที่ไม่ได้สติก็บิดกายเร่า เมื่อรู้สึกถึงอารมณ์วาบหวามที่เกิดขึ้น

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่รู้ว่าหลังจากนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่โยธินคล้ายได้ยินเสียงร้องครางเบาๆ ของร่างที่อยู่ข้างใต้

“เจ็บ อืออออออออออ เจ็บโว้ยยยย”

เจ็บไรอ่ะ เพิ่งเอาเข้าไปแค่นิดเดียว จะเจ็บได้ไง มารยาเยอะจังเลยวะคนนี้

“ไม่เจ็บหรอกนะ เบา ๆ ทำเบา ๆ ไม่เจ็บหรอกนะครับ”

กระซิบปลอบใจไปและเริ่มขยับร่างกายเคลื่อนไหวไปมาเมื่อร่างกายแนบชิดสัมผัสกันมากขึ้นและโยธินก็ขบเม้มไปตามลำตัวและร่างกายทุกส่วนของร่างที่เคลื่อนไหวไปตามจังหวะการสอดแทรกที่โยธินกำลังทำอยู่

ไม่รู้ว่าทำอะไรไปบ้าง
รู้ว่าทั้งดูด ทั้งขบ ทั้งกัด เพราะรู้สึกถูกใจกับผิวเนื้อละเอียดที่แน่นไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวของคนที่กำลังมีอะไรด้วยตอนนี้

ใครไม่รู้นะ แต่แม่งเข้าท่าชิบหาย ขนาดเมา ๆ แบบนี้ยังรู้เลยว่าทั้งฟิต ทั้งตอด ทั้งแน่น
แถมร่างกายก็เหมาะเหม็งไปหมด บีบได้ขย้ำได้แบบเต็มไม้เต็มมือ

เสียอย่างเดียวไม่มีนม แต่ก็ช่างแม่ง เสียวชิบหายเลยโว้ยยยยยยยยย อยากรู้จริงๆ ว่าใคร ที่ทำให้กูอยากจะแตกซะให้ได้ขนาดนี้ อยากเห็นหน้าจริงๆ เลยวะ

หยัดกายขึ้น และพยายามจะเพ่งมองใบหน้าของอีกฝ่ายให้ชัด ๆ แต่ก็เลือนลางเหลือเกินในความรู้สึก

“ฮือ เจ็บ ไม่เอาแล้ว เจ็บ ปล่อย อืออออ”

ร้องไห้ทำไม ร้องไห้ทำไมวะ ไม่ได้ทำแรงเลยนะ จะร้องไห้ทำไม

ทิ้งตัวลงมาอีกครั้ง และโยธินก็โอบกอดร่างที่อยู่ข้างใต้เอาไว้แน่น กระซิบบอกซ้ำ ๆ ด้วยถ้อยคำหวาน ๆ ที่พอจะนึกได้

“ไม่เจ็บนะครับ ไม่เป็นไรนะ ไม่ร้องนะครับ”

กระซิบบอกอย่างนั้นนับครั้งไม่ถ้วน และยังคงกระแทกกายเข้าออกอย่างเชื่องช้า

ร่างที่อยู่ข้างใต้ดูเหมือนสงบลงแล้ว และจากเสียงสะอื้นไห้ก็เปลี่ยนเป็นเสียงร้องครางอย่างแผ่วเบาที่ข้างหู

และนั่นก็ทำให้โยธินยิ้ม ยิ้มออกมาและสบายใจขึ้น เมื่อได้ครอบครองร่างกายของคนที่โยธินไม่สามารถจดจำได้ว่าคนที่อยู่ใต้ร่างคนนี้เป็นใคร

“โยไม่ทำให้เจ็บหรอกนะครับ สัญญานะ สัญญา”

พร่ำพูดถ้อยคำหวาน ๆ และร่างที่อยู่ข้างใต้ก็ยกแขนขึ้นโอบรัดที่แผ่นหลังของโยธินเอาไว้แน่น

กอดกันแน่น แสดงความรู้สึกผ่านทางร่างกายและส่งมอบความรู้สึกแสนหวานให้กันและกัน

โยธินจำสิ่งที่เกิดขึ้นแทบไม่ได้ แต่รู้ว่าตัวเองมีความสุขมาก

เป็นเซ็กส์ที่เลือนลางในความรู้สึกมาก ๆ คล้าย ๆ กับฝันไปแต่ก็รับรู้ได้ถึงความสุขที่ได้รับ

ร่างกายขยับเคลื่อนไหวไปมา และในไม่ช้าเมื่อถึงที่สุดของอารมณ์โยธินก็ปลดปล่อยออกมาและกกกอดร่างกายของใครคนนั้นเอาไว้แนบอก

กอดเอาไว้แน่น กกกอดเอาไว้ และพาให้ตัวเองหวนนึกถึงช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิต

“มิว.....อืม.... มิว”

เรียกชื่อของคนที่อยู่ในใจเสมอ และยิ้มออกมาได้ ยิ้มออกมาทั้งน้ำตาและโยธินก็เริ่มส่งเสียงสะอื้นไห้ในลำคอ

โยธินยังคงร้องไห้  แต่คล้ายได้ยินเสียงพูดของใครบางคนที่อยู่ในอ้อมแขน

น้ำเสียงแผ่วเบา แต่อ่อนโยนเหลือเกินในความรู้สึก
คำพูดหวาน ๆ ที่ทำให้โยธินคลายจากความทุกข์และความกังวลใจที่มีมาอย่างยาวนานลง

“ร้องไห้ทำไม ไหนบอกไม่ให้ผมร้องไห้แล้วร้องไห้ทำไม อย่าร้องไห้อีกนะ..........ทำแบบนี้ไม่เห็นดีเลย”

TBC.

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2

ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
อ่าาาา โยธินพระเอกที่น่าสงสาร บัวลอยนู๋รักษาแผลใจให้พี่เค้าหน่อยลูก  :mew4:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
ความเมาเป็นเหตุ ของการเสียตัวและเสียตูดได้

ระวัง!!!

วิเชียรน่าไปเป็นหมอดูนะ แม่นเหลือเกิน

ออฟไลน์ Sbatandty

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1

ออฟไลน์ puna

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คู่นี้จะดราม่าไหมเนี่ย >●< :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ceylon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
โอ๊ะโอ่... โยธินควรหาที่กำบังนะ บัวลอยอาละวาดแน่ orz

ออฟไลน์ sine_saki

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
บัวลอยอร่อยเหาะเลยใช่ม้า
คาดว่าตื่นมาคงอลเวงน่าดู

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
รักเกิดในแผนกขนส่ง....ภาค โยธิน-บัวลอย ตอน เรื่องมันเพิ่งจะเริ่ม

อาการปวดหัวมาพร้อมกับความรู้สึกขมคอ

ฮัทยกหลังมือขึ้นแตะที่หน้าผากของตัวเองเพราะรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิด

กี่โมงแล้ววะ

พยายามลืมตาตื่นขึ้น และสายตาก็ยังไม่สามารถปรับให้เข้ากับแสงได้

“โอ้ยยย ปวดหัวว่ะ”

ขยี้ตาและรู้สึกว่าร่างกายหนักอึ้งไปหมด ทำไมรู้สึกหนักๆ วะ ทำไมรู้สึกหนัก ๆ แบบนี้
พยายามที่จะลุกขึ้นนั่งและค่อย ๆ มองที่ร่างกายตัวเอง สิ่งที่เห็นคือท่อนแขนและขาของใครบางคนกำลังกอดก่ายพาดเอาไว้บนตัว

เหี้ยยยยยยยยยย

รีบผุดลุกขึ้นนั่งทันที และหัวใจก็หล่นวูบลงไปที่ปลายเท้า
อาการเจ็บแปลบที่ช่องทางด้านหลังกำลังเล่นงาน และฮัทก็ยิ่งใจหายมากขึ้นเมื่อใช้ฝ่ามือแตะไปที่ร่างกายด้านหลังของตัวเองและพบว่าคราบเหนียวขาวขุ่นยังแห้งกรังและทิ้งร่องรอยเอาไว้ที่ช่องทางด้านหลัง

.......สัด เรื่องเหี้ยอะไรวะเนี่ย….

ไม่ได้โง่ และพอจะเดาได้ไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

เรื่องเหี้ยอะไรก็ไม่เท่า เมื่อมองไปที่ใบหน้าของคนที่นอนหลับใหลอยู่ข้าง ๆ แล้วฮัทยิ่งอยากจะกระโดดหน้าต่างฆ่าตัวตายซะให้รู้แล้วรู้รอด

เหี้ยยยยยยยย ไอ้ตุ๊ดนี่หว่า ไอ้หน้าตุ๊ดแผนกขาย ไอ้........

ใบหน้าซีดเผือด และทำอะไรไม่ถูก

ความเจ็บไม่เท่าความอาย อับอายจนเกินจะรับไหว ใบหน้าซีดเผือดและคิดอะไรไม่ออก

เหี้ยเอ้ยยยยยยยย เหี้ยอะไรขนาดนี้วะ นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรกันวะเนี่ย

ยกกำปั้นขึ้นทุบที่หน้าผากเพราะนึกโกรธตัวเอง ทั้งโกรธทั้งโมโหตัวเองที่ทำเรื่องผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง

แล้วทีนี้จะเอายังไง ทีนี้จะเอายังไงดี

ทีนี้จะ...........

โมโหที่สุดในชีวิต แต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ทำกับกูขนาดนี้ แม่งอย่ามีชีวิตอยู่เลยไอ้สัด กูจะฆ่ามึงซะไอ้ตุ๊ด ไอ้หน้าตุ๊ด.........
กำลังจะเอื้อมมือไปบีบคอคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆ แต่เมื่อร่างนั้นเริ่มขยับกาย ฮัทก็ถึงกับสะดุ้งและได้สติขึ้นมา

.........ถ้าเกิดว่า..........ถ้าเกิดฆ่ามันตาย กูก็ต้องติดคุก
ก่อนติดคุก ก็ต้องขึ้นศาล ศาลต้องถามว่าอะไรที่เป็นเหตุจูงใจให้กูฆ่ามัน

แล้วจะบอกยังไง จะพูดยังไง จะพูดได้ยังไง..........ว่า........

กำลังสับสน เกิดความสับสนและลังเลขึ้นในใจ และทำอะไรไม่ถูก

ยกกำปั้นขึ้นทุบที่หน้าผากตัวเองหนัก ๆ อีกครั้งแล้วก็กำลังจะร้องไห้เพราะไม่รู้จะทำยังไง

สิ่งที่คิดได้ในตอนนี้...... กูต้องไปก่อนที่มันจะรู้ตัว กูต้องไปก่อนที่มันจะตื่น

ไปทำงาน ใช่… ไปทำงาน ไปทำงาน วันนี้คนขาดกันเยอะ ต้องรีบไปทำงาน ไปทำงานก่อนใช่มั้ยวะ ไปทำงานก่อน ใช่ ใช่

พยายามขยับร่างกายลุกขึ้นจากเตียง แม้จะรู้สึกเจ็บแปลบจนแทบทรุด แต่ฮัทก็ประคองร่างของตัวเองลงมาจากเตียงจนได้

มองหน้าของคนที่ยังนอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องแล้วยิ่งแค้นใจ

ไอ้สัด มึงทำกู ไอ้เหี้ยเอ้ยยยยยยยยย

กำมือแน่น และอยากจะทุบหัวไอ้คนที่นอนหลับให้มันตายไปซะ แต่ก็ต้องพยายามข่มใจเอาไว้

มันอยู่โรงงานเดียวกัน ชุดพนักงานมันก็คงจะพอมีบ้าง
ให้กลับบ้านไปเปลี่ยนชุดตอนนี้คงไม่ทัน เอาวะ ใส่ไปก่อน อะไรก็ได้ เสื้อผ้าอะไรก็ได้ ใส่ไปก่อนลวก ๆ

เปิดประตูตู้เสื้อผ้าออก และฮัทก็คว้าเสื้อกับกางเกงมาถือเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ ย่องเข้าไปในห้องน้ำ

ชำระล้างร่างกายในส่วนที่ควรจะทำ และล้างหน้าล้างตาให้พอสดชื่นขึ้นมาบ้าง
ก่อนจะรีบลงมือผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและก้าวขาเดินออกมาจากห้องน้ำให้เงียบที่สุดและรีบเดินลิ่วไปที่หน้าประตูห้อง มองหน้าของคนที่ยังไม่รู้สึกตัวแล้วก็สบถออกมาเสียงเบา เกือบเปลี่ยนใจเดินเข้าไปบีบคอคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงแล้วด้วยซ้ำ

แต่ก็พยายามข่มใจเอาไว้

ไอ้ตุ๊ด ไอ้เหี้ยเอ้ยยยยยยยย วันนี้มึงทำกูได้ แต่วันหน้ามึงอย่าหวัง ถ้าเจอกันอีกครั้งกูจะเอามึงให้ตาย กูจะกระทืบมึงให้เละคาตีน มึงอย่าหวังจะมีชีวิตรอดกลับมาอีกเลย ไอ้ตุ๊ดแผนกขาย มึงอย่าหวังจะมีชีวิตรอดกลับมาได้...........เพราะกูจะฆ่ามึงให้ตาย

กูจะฆ่ามึงให้ตายด้วยมือของกูเอง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
“สันดาน ถ้ามึงจะมาทำงานสายโด่งขนาดนี้ มึงลาไปเลยไอ้บัวลอย กูโทรจนนิ้วกูจะหักโทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด แล้วนี่มึงแดกเหี้ยอะไรมา กลิ่นหึ่งมาเลยนะไอ้สัด มึงจะทำมั้ยงาน ถ้าไม่ทำมึงก็ลาออกไปนอนอยู่บ้านไป แล้วอย่านึกว่ากูจะปล่อยให้มึงผ่านโปร เลิกหวังไปได้เลย”

ฮัทยืนหน้าซีดอยู่ต่อหน้าหัวหน้าแผนกขนส่ง ยกมือไหว้ขอโทษไปเป็นร้อยครั้งแล้ว แต่พี่บุ้งก็ยังด่าไม่เลิก
มันเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะคนที่แผนกลาหยุดหลายคนและฮัทก็เป็นฝ่ายรับอาสาไปส่งของแทนคนที่ลา จัดตารางกันเรียบร้อย คุยกันแล้วเป็นดิบดี ว่าจะเริ่มจากเส้นทางไหนก่อนเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา งานจะได้ออกมามีประสิทธิภาพที่สุด แต่แล้วฮัทก็เบี้ยวไม่ยอมมาทำงาน

หายไปดื้อ ๆ ไม่มีการบอกกล่าว ความเสียหายหนักเลยมาตกอยู่ที่หัวหน้างานที่ต้องเปลี่ยนตารางกันให้วุ่นวาย และสุดท้ายแม้จะผ่านไปได้ด้วยดีแล้ว แต่ก็ยังโมโหไม่หาย ที่พนักงานใหม่ไร้ความรับผิดชอบได้ขนาดนี้

“มึงพูดไว้ว่ายังไงบัวลอย มึงบอกเองใช่มั้ย ว่ามึงมีความรับผิดชอบ แล้วที่มึงทำนี่เรียกว่าอะไร มึงยังกล้าพูดว่ามึงมีความรับผิดชอบอยู่อีกมั้ย”

ไม่กล้า ผมไม่กล้าพูดว่าผมมีความรับผิดชอบหรอกพี่ ผมไม่กล้า

ได้แต่ยืนนิ่งเงียบ และรู้สึกเหมือนตัวเองอยากร้องไห้ เรื่องที่เจอมาเมื่อเช้าก็ว่าหนักหนาแล้ว แต่มาเจอพี่บุ้งด่า แม่งเจ็บยิ่งกว่าอีก

เจ็บจนอยากจะร้องไห้ อยากร้องไห้ชิบหายเลยวะสัด โคตรอยากร้องไห้
และไม่ใช่แค่อยาก แต่ฮัทยืนน้ำตาคลอ และยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาด้วยความคับแค้นใจที่ตัวเองไม่มีปัญญาทำให้อะไรมันดีได้

“โว้ยยยยยยยยยย กูด่าแค่นี้ เสือกต่อมน้ำตาแตกอีก เบื่อโว้ยยยยยยยย กูล่ะเบื่อไอ้พวกต่อมน้ำตาตื้นจริงโว้ยยยยย”

บุ้งเป็นพวกแพ้น้ำตาอย่างแรง เห็นใครร้องไห้เป็นไม่ได้ จะพาลใจอ่อนทันที
ไม่เว้นแม้กระทั่งพนักงานใหม่ ที่แค่น้ำตามันหยดบุ้งก็เหมือนจะไปไม่เป็นอีกแล้ว

“ไปทำงานมึงเลยไป แล้วอย่าทำอย่างนี้อีก ถือว่ากูเตือนแล้วนะบัวลอย กูไม่ชอบเตือนใครซ้ำซาก แล้วกูหวังว่าคงไม่มีหนที่สอง”

รีบไล่ให้พนักงานใหม่ไปทำงาน และฮัทก็ยกมือไหว้ลูกพี่ซ้ำ ๆ กันอีกหลายครั้ง

“มึงรีบ ๆ ไปเลย ก่อนที่กูจะขึ้นยิ่งกว่านี้”

ไล่ให้อีกฝ่ายเข้าไปทำงานที่ค้างอยู่ แล้วบุ้งก็ได้แต่ยืนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ใจเย็นน่า ของแบบนี้มันมีผิดพลาดกันได้พี่บุ้ง”

ฝ่ามือที่แตะเบา ๆ ที่ไหล่ ทำให้บุ้งที่ยืนถอนหายใจเฮือกใหญ่ต้องหันมามองและส่งยิ้มให้คนที่มายืนอยู่ข้าง ๆ

“ก็ไม่ได้อยากจะด่ามันหรอกนะมีน แต่ถ้าไม่พูด ต่อไปมันก็ทำอีก คราวนี้ใคร ๆ ก็คงทำได้ เพราะว่าบัวลอยมันทำได้ คนอื่นๆ เขาก็พูดได้ ว่าทีบัวลอยมันยังทำเลย ถ้าไม่ปรามมันตั้งแต่แรกต่อไปมันจะไม่ฟัง แล้วมันจะปกครองกันยาก”

เข้าใจน่าพี่บุ้ง

มีนเข้าใจพี่บุ้งดี รู้ว่าพี่บุ้งไม่ได้อยากด่าใครแบบนี้หรอก แต่เพราะมันเป็นหน้าที่ มันคืองาน พี่บุ้งเลยต้องเอ็ดต้องด่า ต้องว่า

“พี่สุรชาติผมฝากด้วยพี่”

หันไปบอกรุ่นพี่ที่อยู่ในแผนกมานานแล้วสุรชาติก็ส่งยิ้มบางๆ มาให้

ถ้าพี่บุ้งด่า พี่สุรชาติต้องเป็นคนปลอบ มันเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ที่ต้องรับส่งไม้กันแบบนี้

“ร้องไห้เลยนะหัวหน้า ท่าจะอาการหนักเลยเหมือนกัน เดี๋ยวผมคุยให้”

พี่สุรชาติเอ่ยบอกยิ้ม ๆ และบุ้งก็พยักหน้าให้

“ผมก็ยังแปลกใจ ปกติด่ามันขนาดไหน มันก็ไม่ค่อยสะทกสะท้าน ผมก็ยอมรับแหละว่าด่ามันแรง แต่ไม่นึกว่ามันจะร้องไห้ ไม่รู้แม่งมีอะไรในใจหรือเปล่า หน้ามันซีด ๆ แปลก ๆ ด้วย ไม่เหมือนคนที่เมาค้างจนลุกไม่ไหว ผมว่าน่าจะมีเรื่องอื่นร่วมด้วย พี่สุรชาติฝากดูมันหน่อยนะพี่ ผมก็ห่วงมันอยู่เหมือนกัน ท่าทางบัวลอยมันแปลก ๆ ไม่เหมือนทุกวัน”

ไม่ใช่แค่บุ้งที่สังเกตเห็น แต่หลายๆ คนก็เห็นความผิดปกติของพนักงานใหม่ที่ไม่ร่าเริงแจ่มใสเหมือนทุกวัน

นั่งคนเดียว หลบมุมทำงานเงียบ ๆ เช็คของคนเดียว ไม่พูดไม่จากับใคร
แม้จะมีใครแวะเวียนมาบอกว่า .......ไม่เป็นไร พี่บุ้งก็แบบนี้ เดี๋ยวก็หายโกรธ....

แต่ก็ไม่ได้ทำให้พนักงานใหม่รู้สึกดีขึ้นมาได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-05-2014 23:27:41 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ทุกคนไม่รู้ ไม่มีใครรู้ ที่ฮัทกลายเป็นแบบนี้ ที่ฮัทนิ่งเงียบไม่พูดกับใครแบบนี้ไม่ใช่เพราะถูกพี่บุ้งด่า
แต่เป็นความคับแค้นใจตัวเองที่ถูกทำเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิตแต่ไม่มีปัญญาทำอะไรได้

กูมันโง่ กูมันโคตรโง่ ที่ไม่ฆ่าไอ้สันดานนั่นให้ตายคามือไปซะ

แล้วทีนี้จะอยู่ยังไง แล้วต่อจากนี้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปยังไง ในเมื่อศักดิ์ศรีไม่มีเหลือ ถ้าเจอหน้ามันอีกครั้งจะพูดยังไง จะทำยังไง
แล้วจะให้ทำยังไง

ยิ่งคิดยิ่งอยากร้องไห้ ยิ่งคิดยิ่งอยากฆ่าตัวตายไปซะให้รู้แล้วรู้รอด

ฮัทไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ได้แต่นั่งเงียบกำมือแน่น และระบายความแค้นด้วยการยกกำปั้นขึ้นทุบหนัก ๆ ที่ขาของตัวเองหลายครั้งเพื่อระบายความคับแค้นใจ

“กูว่าไม่ใช่แค่โดนพี่บุ้งด่าแล้วว่ะ แบบนี้ชักไม่ธรรมดา”

อำนาจหันไปกระซิบบอกกับวิโรจน์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ และวิโรจน์ก็พยักหน้ารับตามที่อำนาจพูด

“ไม่รู้นะ เมื่อวานเห็นมันติดรถไปกับไอ้โยธินแผนกขาย แต่จะมีอะไรหลังจากนั้นหรือเปล่ากูไม่รู้”

วิโรจน์กระซิบตอบกลับและอำนาจก็พยักหน้ารับสิ่งที่วิโรจน์พูด

“ไหนว่าไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านไง มึงแหละตัวเสือกอันดับต้น ๆ เลยไอ้โรจน์”

สัด อย่ามากวนตีนกูไอ้แก๊ป เดี๋ยวกูจะจัดให้มึงไม่ใช่น้อย

“สามวัน เอากันมากกว่าสิบดอก กลับมาเลยมีแรงสดชื่นรื่นเริงกัดชาวบ้านเขาไปทั่วเลยสินะ”

เหี้ยยยยยยยยย มึงรู้ได้ไงว่าสามวันกูเอากับไอ้พู่ไปมากกว่าสิบดอก มึงเสือกไปรู้มาได้ยังไงวะไอ้โรจน์ บอกมา มึงบอกกูมา มึงรู้ได้ไงเนี่ย

“ใครบอกมึงวะ มึงอย่ามาพูดมั่ว”

เขารู้กันหมดทั้งแผนกแล้ว ไอ้โง่

“เน็ต ๆ สามวันแรกหกดอก วันที่สองอีกสี่ ปิดท้ายวันที่สามอีกสี่ สิบสี่ดอกหรอกไอ้สัด มึงแม่งรู้ไม่จริง”

วิโรจน์กำลังยิ้ม ยิ้มด้วยความขำ และแก๊ปก็คล้าย ๆ จะเริ่มรู้สึกอะไรบางอย่าง

สิบสี่ดอก แล้วทำไมกูต้องบอกไอ้โรจน์ด้วยวะ ไม่ใช่ธุระกงการอะไรที่ต้องบอกมันนี่หว่า

“เหี้ยโรจน์มึงหลอกถามกูเหรอวะเนี่ย สัด”

หลอกถามตอนไหนวะ กูไปหลอกถามมึงตอนไหนล่ะ มึงนี่ทั้งโง่ ทั้งประสาทเลยนี่หว่าไอ้แก๊ป

“ประสาทแดกเหอะ ได้ข่าวว่าทั้งหมดนั่น มึงเป็นคนบอกกูเอง โดยที่กูไม่ได้ถามซักคำ”

วิโรจน์พูดออกไปยิ้ม ๆ และอำนาจก็เหมือนนึกขึ้นได้

เออจริงด้วยว่ะ มันไม่ได้หลอกถามกูนี่หว่า กูบอกมันเอง

“มึงอย่าเที่ยวไปบอกใครนะโว้ย กูเขิน”

ถ้าให้กูพูด ก็คงไม่ แต่ที่เขารู้กันทั่วก็เพราะมึงนั่นแหละที่หลุดปากบอกเขาไปทั่ว

“กูไม่บอกใครหรอก ไม่ใช่เรื่องของกู แล้วที่ผ่านๆ มาเขารู้กันทั่วก็ไม่เกี่ยวกับกูหรือใครทั้งนั้นหรอก.........ก็มึงนั่นแหละบอกเขาเอง เขาถึงได้รู้กันหมด ไอ้โง่แก๊ป”

จริงเหรอวะ ที่ผ่านมาเขารู้กันทั่วเพราะกูเป็นคนหลุดปากพูดไปเหรอวะเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ะ

กูไม่เชื่อหรอก กูไม่เชื่อ.....ไม่จริ๊งงงงงงงงงงง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-05-2014 23:28:32 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
โยธินควานมือไปทั่ว เพื่อหาร่างของคนที่กกกอดเอาไว้เมื่อคืนแต่ก็ไม่พบว่ามีใครนอนอยู่ข้าง ๆ
ปรือตาตื่นขึ้น และพยายามมองหาว่าอีกฝ่ายไปไหน

“เข้าห้องน้ำเปล่าวะ”

ผุดลุกขึ้นนั่งและมองไปที่ห้องน้ำที่ประตูถูกเปิดทิ้งเอาไว้ แต่ไม่มีใครอยู่ในนั้น มองไปรอบ ๆ ห้องและก็เห็นว่ามีแต่ความว่างเปล่า
จำได้ลาง ๆ ว่าก่อนจะหลับไป ได้นอนกอดร่างของใครบางคนไว้ในอ้อมแขน

แม้จะรู้สึกว่ามันเลือนรางมากเหลือเกินในความรู้สึก แต่โยธินก็รู้สึกตัวอยู่ตลอด ว่ามีความสุขมากขนาดไหน
มีความสุขจนต้องบอกตัวเองว่าตอนเช้าจะลุกขึ้นมาจูบอรุณสวัสดิ์คนที่ทำให้มีความสุข และนอนหลับฝันหวานได้ขนาดนี้

แต่เมื่อตื่นมาแล้วกลับพบกับความว่างเปล่า ไม่เห็นว่ามีใครอยู่ในห้องด้วยเลย

แต่จะว่าไป..........เมื่อวานนี้ ไม่ได้ออกไปไหนเลยนี่หว่า กลับมาคอนโด แล้วก็มีไอ้เด็กใหม่แผนกขนส่งติดรถกลับมาด้วย
เพราะความเกรียนของมัน ที่ทะลึ่งไปเจอเบียร์แช่อยู่ในตู้เย็นแล้วมันก็ยกทั้งหมดนั่นออกมาท้าดวล

แล้วก็ดวลกันด้วยเบียร์หลายกระป๋อง ดวลกันไปดวลกันมาท่าไหนไม่รู้ แล้วหลังจากนั้นล่ะ
หลังจากนั้นก็..........

เหมือนเริ่มนึกอะไรขึ้นมาได้ลาง ๆ

โยธินมองไปที่พื้นห้อง ที่ยังมีกองเสื้อผ้าถอดทิ้งระเกะระกะ

เสื้อผ้าของ.........ใครวะ มีของกูแล้วก็.........เสื้อเชิตที่ให้ไอ้เด็กเวรนั่นใส่เมื่อวาน แล้วก็........

เริ่มนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ จำได้คุ้น ๆ ว่าเหมือนตัวเองเป็นคนถอดเสื้อผ้าพวกนี้ออกเอง
ไม่ใช่แค่คุ้น แต่ภาพต่าง ๆ เริ่มผ่านเข้ามาในหัว แม้ไม่ชัด แต่ก็พอจำได้

พอจำได้ว่า.............

“ชิบหายแล้วไอ้โย.....ตายห่า”

รีบลุกพรวดพราดขึ้น และตรงดิ่งเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกายให้เรียบร้อย

กูไม่อยากจะเชื่อเลย กูไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากูจะทำเรื่องเหี้ยๆ โง่ ๆ แบบนี้ลงไปได้

กูไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยจริง ๆ ว่ะ กูแม่งไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลย ให้ตายห่าเหอะวะ

โยเอ้ยยยยยยยยยยย มึง….. ไอ้โย เมาเหมือนหมาไม่รู้ตั้งกี่รอบ แต่ไม่เคยพลาดถึงขนาดนี้
ไม่เคยคิดว่าจะพลาดได้ถึงขนาดนี้ โยธินยืนขมวดคิ้วมุ่นและเปิดน้ำจากฝักบัวเพื่อชำระล้างร่างกายอย่างรวดเร็ว

เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยร่างเปลือยเปล่า คว้าผ้าขนหนูมาซับน้ำออกจากร่างกายแบบลวก ๆ และเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อค้นหาเสื้อผ้ามาใส่ เสื้อพนักงานที่ไม่ค่อยได้หยิบมาใส่......หายไปหนึ่งตัว

คงจะ.....เอาไปใส่ก่อนสินะ เพราะเสื้ออีกตัวจำได้ว่าไอ้เด็กนั่นถอดทิ้งเอาไว้ที่รถ แล้วเสื้อเชิตก็ยังถอดทิ้งเอาไว้อยู่ข้างเตียง

ไอ้เด็กเกรียนนั่นคงขอยืมไปใส่ก่อน

ก็ไม่ได้หวง เอาไปใส่ก็ไม่ได้ว่า.......... แค่อยากรู้ว่า......จะเอากลับมาคืนหรือเปล่า......

ลดมือลงจากการค้นหาเสื้อผ้าในตู้ และหันไปมองร่างกายตัวเองที่ปรากฎอยู่ที่หน้ากระจกที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า

แล้วโยธินก็ได้เห็น

รอยฟันที่อีกฝ่ายขบกัดลงมายังปรากฏชัดที่หัวไหล่ ไม่รวมถึงร่องรอยที่เกิดจากการถูกข่วนและกัดในที่อื่นๆ
เล่นกูซะเละเลยเหมือนกันนี่หว่าไอ้ห่า เล่นกัดมาซะขนาดนี้ เป็นใครจะจำไม่ได้ ที่สำคัญกูเอามันไปกี่รอบวะ ถึงได้เละเทะขนาดนี้

คาดว่าร่องรอยพวกนี้คงไปปรากฏอยู่ที่ร่างกายอีกฝ่ายไม่ใช่น้อย

โยธินแตะปลายนิ้วไปที่ไหล่ของตัวเอง และคล้ายได้ยินเสียงหนึ่งลอยเข้ามาในหัว
เสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ยั่วยวนจนโยธินไม่สามารถหยุดอารมณ์ตัวเองได้

“พอแล้ว ไม่เอาแล้ว เจ็บ อึก อ๊า ซี้ดดดดดดดด พอ”

เสียงแม่งชัดมาก ชัดซะจน..........กูนึกอยากทำร้ายร่างกายตัวเองขึ้นมาอีกซักรอบ

แต่ไม่มีเวลาแล้ว รีบหันไปค้นหาเสื้อผ้าในตู้และโยธินก็รีบแต่งตัวอย่างลวก ๆ จนเสร็จเรียบร้อย
มองหน้าตัวเองในกระจก สำรวจสภาพหน้าตาให้ดูเข้ารูปเข้ารอยมากที่สุด ก่อนจะคว้ากุญแจรถมาถือเอาไว้

ปกติไม่เคยเข้าออฟฟิศก่อนเก้าโมงเช้า แต่วันนี้คงเป็นวันแรกที่โยธินต้องไป เหตุผลมาจากเรื่องอะไรตอบได้ไม่ยาก
อยากไปเคลียร์กับไอ้เด็กเกรียนแผนกขนส่งแค่นั้น เพราะรู้สึกผิดมาก รู้สึกผิดจนโยธินเองก็ไม่อยากจะให้อภัยตัวเองที่ทำเรื่องเลว ๆ แบบนั้นลงไปเลยจริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-05-2014 23:30:17 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
“พี่อ้น มีพวกเอกสารหรืออะไรที่ต้องเอาไปแผนกขนส่งป่ะ เดี๋ยวผมถือลงไปให้ก็ได้”

มาแปลก ทำไมวันนี้อยู่ดี ๆ เซลหมายเลขหนึ่งที่ไม่เคยเห็นมันโผล่หัวมาบริษัทตั้งแต่เช้าขนาดนี้ อยู่ดี ๆ วันนี้มันก็โผล่หัวมา

“นอนไม่หลับหรือยังไม่ได้นอน เล่นมาซะเช้าขนาดนี้ สงสัยเย็นนี้น้ำคงท่วมหนัก คงได้รีบเอารถไปจอดหนีน้ำแน่ ๆ งานนี้”

ไม่ใช่แล้วพี่อ้น พี่อ้นก็ว่าไป

“ผมคิดถึงพี่อ้น อยากมาทำงานแต่เช้า อยากมาเห็นหน้าพี่อ้นแค่นั้นเอง พี่อ้นก็พูดซะผมเสียหายเลย”

ทำท่าทางเหมือนไม่ทุกข์ร้อน และก็หมุนเก้าอี้เล่นไปเรื่อย และหัวหน้าแผนกขายก็ส่ายหน้ากับพฤติกรรมของเซลหมายเลขหนึ่งของแผนก

“จะอ้วกว่ะ เก็บเอาไว้พูดกับลูกค้าเหอะ คำพูดพวกนี้ ไม่เคยซึ้งเลยซักนิด”

จะไปซึ้งได้ไง พูดให้ตายพี่อ้นก็ไม่มีทางซึ้งหรอก

“ก็พี่อ้นชอบแบบใบ้ ๆ เงียบๆ ไง ไอ้คนอย่างผมพูดไปก็เท่านั้น พี่อ้นก็เลยไม่เคยใจอ่อน”

ก็รู้นี่ รู้แล้วยังมาเสือกพูดมากทำไม

“อ้น มีแอมโมเนียบ้างมั้ยแผนกอ้น”

หัวหน้าแผนกขายเงยหน้าขึ้นเมื่อพบว่ามีใครบางคนมายืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง
พีทไม่ค่อยขึ้นมาหาเท่าไหร่ เว้นแต่มีธุระด่วนจำเป็นจริง ๆ ถึงได้ขึ้นมา และวันนี้ก็คงมีธุระด่วน พีทก็เลยขึ้นมา

“ใครเป็นอะไร จะเอาแอมโมเนีย”

ก็ไม่ใครหรอก

“ไอ้บัวลอยมันเป็นลม ตัวร้อนจี๋เลย นี่ก็ว่าจะพามันกลับบ้านอยู่ สงสัยมันจะไม่สบาย”

บัวลอย บัวลอยไหนวะ........... บัวลอย.....

“เด็กใหม่แผนกขนส่งป่ะครับ ที่ชื่อบัวลอย”

ใช่ เด็กใหม่แผนกขนส่ง คนที่ติดรถกลับไปพร้อมมึงเมื่อวานแหละครับ ไอ้เซลหมายเลขหนึ่งของแผนกขาย

“รู้แล้วถามทำไมล่ะครับ”

กวนตีนโคตร กิ๊กพี่อ้น เห็นเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด แต่เอาจริง ๆ กวนตีนโคตร เล่นตอบมาซะขนาดนี้ กูอึ้งเลยว่ะ

“เป็นลมเหรอ แล้วไปทำยังไงถึงเป็นลมได้ล่ะ”

หัวหน้าแผนกขายลุกขึ้นเดินไปที่ตู้ยาสามัญเล็ก ๆ ที่แขวนเอาไว้ด้านหลังโต๊ะทำงาน แต่โยธินที่นั่งฟังรีบลุกพรวดพราดและเดินจากไปแล้ว

“เฮ้ย ไปไหนวะโย ไปหาลูกค้าเหรอ”

เรียกเอาไว้ และโยธินก็หันกลับมา ตอบแบบไม่เคลียร์ แต่ก็ทำให้วิโรจน์เริ่มขมวดคิ้วมุ่นเพราะชักจะเริ่มเดาเหตุการณ์บางอย่างได้ลางๆ

“เดี๋ยวผมมาพี่อ้น เดี๋ยวลงไปข้างล่างหน่อย เดี๋ยวผมมาครับ”

ตอบเพียงแค่นั้นแล้วโยธินก็รีบก้าวขาเดินลิ่ว ๆ ออกไปจากแผนกขาย

ที่หมายที่โยธินกำลังจะไป

.............แผนกขนส่งนั่นเอง..............

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-05-2014 23:31:16 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
“ผมไม่เป็นไรพี่ เอาจริง ๆ ผมไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ”

ฮัทพยายามจะลุกขึ้นนั่ง และอยากจะบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ

แต่ดวงตาที่เริ่มแดงก่ำ และร่างกายที่กำลังบอกให้รู้ชัดว่ากำลังป่วยก็ทำให้ทั้งวิเชียร อำนาจ บุ้ง มีน พู่ พี่บาส และแม้กระทั่งยูกิที่ยืนอยู่ต้องนิ่งมอง

“กูว่าหนักไปว่ะบัวลอย ไม่มีใครว่าหรอกถ้ามึงจะเอากับเมียมึงแล้วเล่นอะไรกันเลยเถิด แต่ถึงขนาดฝากรักเอาไว้ขนาดนี้ กูว่าพวกมึงก็เล่นกันแรงไป”

พี่บุ้งถึงกับส่ายหน้าเมื่อมองสภาพของพนักงานใหม่ที่ถูกปลดกระดุมเสื้อออกหลายเม็ดตอนที่เป็นลมหมดสติ แล้วทุกคนก็ได้เห็น

ได้เห็นพร้อม ๆ กันทุกคน ว่าร่องรอยที่ปรากฎตั้งแต่ซอกคอจนถึงภายในผิวเนื้อที่อยู่ภายใต้เสื้อพนักงานของพนักงานใหม่มันเป็นร่องรอยที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน

“ก็เรื่องส่วนตัวแหละนะ แต่แฟนมึงนี่ร้อนแรงชิบหายเลยนี่หว่าบัวลอย เล่นเอากูอึ้งเลย”

วิเชียรพูดออกมายิ้มๆ และพนักงานใหม่ก็รีบติดกระดุมเสื้อของตัวเองอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าเริ่มแดงก่ำ เพราะถูกแซว แซวอะไรไม่ว่า แต่เป็นการแซวที่ยิ่งทำร้ายจิตใจกันมากขึ้น

ไม่ใช่แฟน ไอ้รอยพวกนี้ไม่ใช่ของแฟน แต่เป็นของไอ้ตัวเหี้ยนั่น ไอ้หน้าตุ๊ดแผนกขายนั่น ที่มันทำทิ้งเอาไว้

“สุดยอดว่ะ”

น้องพู่หันไปมองหน้าอำนาจแบบยิ้ม ๆ และอำนาจก็มองตอบกลับคนที่ส่งสายตาหวาน ๆ มาให้

...............เรายังไม่ทำขนาดนี้กันเลยนะน้องพู่....วันหลังสงสัยจะต้องทำแบบนี้กันบ้าง...........

“ไม่แรงไปเหรอแบบนี้ แต่ก็ว่าไม่ได้นะ มันก็เรื่องธรรมดา”

ยูกิ ส่งยิ้มจาง ๆ มาให้คนที่นั่งก้มหน้าอยู่และพนักงานใหม่ก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าของยูกิ เห็นรอยยิ้มหวานละมุนแบบนี้แล้วยิ่งอยากร้องไห้

อยากร้องไห้ซะให้ได้ แต่ก็จำใจต้องสะกดกลั้นความรู้สึกเอาไว้

“เป็นไงมั่งอ่ะ เป็นอะไรทำไมเป็นลม ไปทำยังไงถึงเป็นลมได้วะ อากาศก็ไม่ได้ร้อนมากไม่ใช่หรือไง”

เสียงใครก็ไม่รู้ เสียงของคนที่ไม่คุ้นเคย และโยธินที่ไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปบ้างก็เดินตรงดิ่งเข้าไปแตะตามเนื้อตามตัวและใบหน้าของคนที่ยังนั่งหน้าซีดขาว

“เป็นไงมั่งอ่ะ”

คำถามง่าย ๆ แต่ทำให้คนที่นั่งเงียบต้องเงยหน้าขึ้นมองและผลักโยธินให้ออกห่าง

แค่ผลักไสยังไม่พอ แต่คนที่เหมือนกำลังป่วยยังตะโกนด่าโยธินเสียงดังลั่นด้วย

“อย่ามายุ่งกับกู อย่ามาแตะกูไอ้สัด ถอยไปห่าง ๆ อย่าเอาเสนียดมาติดตัวกู ออกไปสิโว้ยยยยยยยย ออกไป ไอ้สัด ออกไปห่าง ๆ กูเลยนะโว้ยยยยย”

ทั้งไล่ ทั้งด่า และคนที่ยืนอยู่ก็เริ่มสงสัยทั้งคำพูดและการกระทำของทั้งพนักงานใหม่ของแผนกขนส่งและเซลหมายเลขหนึ่งของแผนกขาย ชัดแล้วเหอะงานนี้ ที่กูเคยพูดเอาไว้ เป็นจริงขึ้นมาจนได้ แต่ไม่นึกว่ามันจะเร็วขนาดนี้

“เฮ้ย ออกไปก่อนดีมั้ย ดูเหมือนบัวลอยมันคงไม่ค่อยอยากเห็นหน้ามึงเท่าไหร่มั้งตอนนี้”

วิโรจน์ที่เดินตามมาและยื่นแอมโมเนียให้กับน้องพู่ กำลังดึงแขนของโยธินให้ลุกขึ้น

แต่โยธินก็ไม่ได้ลุกขึ้นไปไหนยังดื้อจะคุยกับคนที่ผลักให้ออกห่างให้ได้

“พี่มาเสือกอะไรด้วย เรื่องของผัวเมียเขาจะเคลียร์กัน ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของพี่เลยนะ”

หลุดปากออกไปแล้ว และคนที่แค่ผลักให้โยธินออกห่าง ก็เหมือนจะหายป่วยขึ้นมากะทันหัน กำหมัดแน่น และชกเปรี้ยงไปที่ใบหน้าของโยธินแบบไม่ยั้ง

“ไอ้สัด อย่ามาพูดจาหมา ๆ แบบนี้ใส่กูนะ ไอ้สันดาน กูจะฆ่ามึงซะ มึงต้องไม่ได้ตายดี ไอ้ตุ๊ด มึงไม่มีทางได้ตายดีแน่ ไม่มีทาง”

กำปั้นหนัก ๆ กระแทกไปที่ใบหน้าของโยธินไปอีกหลายครั้ง เล่นเอาคนที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับเซถลาไม่เป็นท่า

“เฮ้ย พอแล้ว บัวลอย เดี๋ยวมันก็ตายห่ากันพอดีหรอก มันยิ่งมีดีแค่หน้าด้วยนะ มึงนี่ก็เล่นแรงไปแล้วไอ้บัวลอย”

วิเชียรจัดการลากให้คนที่กำลังสติแตกถอยห่างออกมา และทั้งน้องพู่ และอำนาจก็ล็อคคอแล้วลากพนักงานใหม่ให้ออกมาให้ห่างจากโยธินให้มากที่สุด

“กูจะฆ่ามึง มึงไม่มีทางได้ตายดีหรอกไอ้สัด กูจะฆ่ามึง เจอมึงที่ไหนอีก กูก็จะฆ่ามึงซะ ไอ้สัด”

เสียงตะโกนด่าของคนที่ทั้งดิ้นรนทั้งพยายามจะให้ร่างกายหลุดรอดออกมาได้เพื่อจะกระทืบซ้ำโยธินที่ยกหลังมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปาก และดูเหมือนว่าเลือดกำเดาจะไหลตามออกมาด้วย

“คิดยังไงมายุ่งกับเด็กแผนกพี่”

พี่บุ้งหัวหน้าแผนกพูดขึ้นนิ่ง ๆ และโยธินก็ถ่มเลือดที่อยู่ในปากทิ้งลงพื้น

“ไม่คิดยังไงพี่ ตอนทำไม่ทันได้คิด แต่ตอนนี้ชักเริ่มคิดแล้ว”

เป็นคำตอบที่ยอกย้อนกวนประสาทที่สุด และบุ้งก็เริ่มแสยะยิ้มที่มุมปากแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“หาเรื่องใส่ตัวชัด ๆ”

วิโรจน์บ่นพึมพำคนเดียวเงียบ ๆ และถึงกับส่ายหน้าและเดินตามพู่และอำนาจที่ลากพนักงานใหม่เข้าไปโซนในเรียบร้อย

“วันหลังจะทำอะไรก็คิดให้มาก ๆ นะครับน้อง เล่นกันถึงขนาดนี้ สงสารคนที่ถูกทำนะครับ ไม่นึกบ้างหรือไงครับว่าคนที่ถูกทำเขาจะต้องตกอยู่ในสภาพไหน”

พี่สุรชาติเทศนาคนที่ยังยืนหน้ามึนเล็กน้อย และค่อย ๆ เดินจากไปแล้วพร้อม ๆ กับยูกิ ที่มองหน้าของโยธินแล้วส่ายหน้าแต่ไร้คำพูด

“สงสารบัวลอยมันนะ ไม่น่าต้องซวยขนาดนี้”    มีนก็มองหน้าของโยธินตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็ส่ายหน้าก่อนจะเดินหนีไปอีกเช่นกัน

เหลือไว้แค่วิเชียร กับคุณกฤษดาหัวหน้าแผนกขายที่มองหน้าของโยธินแบบตรง ๆ นึกอยากจะด่ามันซักรอบให้สำนึกแต่ก็แค่นั้น ด่าไปก็คงไม่มีประโยชน์ คนอย่างโยธินมันจะไปคิดอะไรได้

“ท่าทางจะยาวแล้วล่ะนะ พี่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้หรอกว่ะ จัดการกันเอาเองแล้วกัน เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอาเองนะโย ไอ้ความสามารถทั้งหมดที่เอาไว้ล่อหลอกลูกค้าก็เอามาใช้ให้หมดแล้วกันเผื่อจะได้ผล”

หัวหน้าแผนกขายพูดแค่นั้นและเดินจากไปแล้ว ทิ้งให้โยธินยกหลังมือขึ้นเช็ดถูที่ริมฝีปากที่ยังมีหยดเลือดเปรอะเปื้อนและกำลังไหลซึมออกมาไม่หยุด

“บอกแล้วใช่มั้ย ว่าห้ามแตะคนของแผนกขนส่ง เตือนแล้วนะ แต่ไม่เชื่อเอง มันก็ช่วยไม่ได้อย่างนี้แหละนะ”

วิเชียรยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี และยกมือขึ้นตบเบา ๆ ที่ไหล่ของโยธินที่คล้ายกับกำลังจะทำอะไรไม่ถูก ยังคงเช็ดเลือดที่ริมฝีปากที่ยังไหลซึมออกมา

และไม่มีใครสนใจจะช่วยเหลือหรือทำแผลให้โยธินสักคน

“นรกน่ะมันไม่ใช่ตอนนี้หรอก มันเริ่มหลังจากนี้ต่างหากล่ะ ระวังตัวเอาไว้ให้ดี ๆ แล้วกันนะ..........ถือว่าบอกกันก่อน....ยังไงก็ระวังตัวเองไว้ให้ดีแล้วกัน....โยธิน”


TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-05-2014 23:33:05 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
เสร็จไปอีกหนึ่ง บัวลอยเอ๊ย สียท่าเขาจนได้

ออฟไลน์ tuckky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
โยท่าทางจะเจอของแข็ง  :ling2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด