@@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98  (อ่าน 753915 ครั้ง)

bozang

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ด สนุกมาก จุ้มยังมึนอยู่เลย พี่ไอซ์เขาคิดไปไหนต่อไหนแล้วนะ อิอิ
รออ่านต่อค่า

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน รอ

ทำไมถึงต้องยอมด้วยวะ นั่นคือคำถามที่เกิดขึ้นในหัว ผ่านมาได้สองวันแล้วแต่คำถามนี้ก็ยังวนเวียนในหัวไม่เลิก
คุณไอศูรย์ไปส่งที่โรงงานตอนเช้า และตอนเย็นก็ไปรับ มันคือเหตุการณ์ปกติ ที่อีกฝ่ายทำเป็นประจำสม่ำเสมอ

รถเข้าอู่ไปเรียบร้อย โดยมีคุณไอศูรย์เป็นธุระจัดการให้ แล้วทำไมแค่เรื่องรถกูถึงจัดการเองไม่ได้วะ

เหตุผลที่คุณไอศูรย์บอกมาไม่มีอะไรมาก เรื่องการซ่อมรถ หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับรถ คุณไอศูรย์สามารถจัดการให้ง่ายกว่า เพราะมีอู่ที่ทำอยู่เป็นประจำ รถส่วนหนึ่งของบริษัทก็ส่งให้อู่ประจำดูแลให้ตลอด ประสบการณ์เรื่องรถของคุณไอศูรย์มีสูงกว่า
และนั่นก็เป็นเหตุผลที่มากพอให้จุมพลไม่ต้องจัดการอะไรกับรถของตัวเองเลยเพราะมีคนจัดการให้เรียบร้อยแล้ว

วันนี้ตอนเย็นคุณไอศูรย์ไปรับและพามาส่งที่คอนโด เจ้าของห้องบอกว่ามีนัดเลี้ยงลูกค้า กลับอีกทีดึก ๆ ถ้าจะนอนก็นอนไปได้เลย คำถามก็คือ มันทำได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ  ถ้ามันทำได้ง่ายขนาดนั้น ผมคงไม่มานั่งเล่นเกมส์จนปาเข้าไปเที่ยงคืนแบบนี้หรอก

คุณไม่อยู่ ผมนอนไม่หลับว่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม นี่ก็เป็นคำถามอีกหนึ่งเหมือนกัน คุณไอศูรย์ไม่อยู่มันเกี่ยวกับการที่นอนไม่หลับได้ยังไง ไม่มีเหตุผลเลย เหตุผลแค่เจ้าของห้องไม่อยู่ เลยทำให้นอนไม่หลับ มันใช่เหตุผลที่ไหนกันล่ะ

จุมพลถอนหายใจออกมายาว ๆ  จากที่นั่งอยู่บนพื้นและวางคอมพิวเตอร์โน้ตบุคไว้บนโต๊ะ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นขึ้นไปนั่งอยู่บนโซฟาและเอนหลังพิงพนักโซฟาด้วยท่าทีเซ็ง ๆ

เที่ยงคืนแล้วนะครับ ยังไม่กลับอีกเหรอ เลี้ยงลูกค้าอะไรนานขนาดนั้น เที่ยงคืนก็น่าจะกลับได้แล้ว

อยู่ดี ๆ ความคิดที่ไม่สมควรคิดก็ผุดขึ้นในหัว ปกติเที่ยงคืนนี่ถ้าไปเที่ยวถือว่าเพิ่งเริ่ม คุณไอศูรย์จะกลับมาสว่างเลยมันก็ไม่ผิด มันเรื่องงานและชีวิตส่วนตัวของเขานี่หว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันด้วยซ้ำ มาอยู่ด้วยกันในฐานะ “รูมเมท”

เออใช่ เป็นแค่รูมเมท จะไปมีสิทธิ์อยากมีส่วนร่วมในชีวิตของคนอื่นได้ยังไงวะ

ใช่สิ ผมมันเป็นแค่รูมเมทนี่ รูมเมทที่ดี มีเอาไว้ทำเรื่องอย่างว่าได้ด้วย นี่ก็อีกเรื่องที่พาลให้หงุดหงิดโมโหตัวเอง
 
ทำไมวะ สองครั้งแล้วนะที่เป็นแบบนี้ ครั้งแรกยอมรับว่าเสียศูนย์เลยทำอะไรโง่ ๆ แต่ครั้งที่สองที่อีกฝ่ายขอทำด้วย ทำไมถึงตกลงใจง่าย ๆ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเกิดขึ้น แล้วคุณเป็นอะไรของคุณวะ อยากมากขนาดนั้น แล้วหาที่ลงไม่ทันเลยเลือกผมเพราะเคยทำกันไปแล้วหนึ่งรอบ

หรือไง

ถึงจะไม่ที่สุด แต่เรื่องแบบนี้มันสมควรแล้วเหรอวะ    กูหงุดหงิดโว้ยยยยยยยยยย หงุดหงิดตัวเอง แล้วก็พาลโมโหคุณไอศูรย์ด้วย

มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ คุณไม่คิดอะไรได้ขนาดนั้นเลยเหรอ คุณไม่คิดแต่ผมคิดนะ มันก็ดีที่ได้ระบายออก แต่พอมาคิดจริง ๆ จังๆ แล้ว มันมีเหตุผลมากพอให้ทำแบบนั้นด้วยกันหรือไง มันไม่มีเหตุผลเลยนี่หว่า

ยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองด้วยความกลุ้ม และจุมพลก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว และหยิบจานข้าวที่อยู่ในซิ้งล้างจานมาล้าง จานมีแค่ใบเดียวและแก้วน้ำอีกแค่หนึ่งใบ กินข้าวคนเดียวแม่งอย่างเหงา กับข้าวก็อร่อยอยู่หรอก เมื่อเช้าเขียนแกงเขียวหวานไป

ตกเย็นก็ได้กินแกงเขียวหวาน มีหมูย่างกับผัดผักหนึ่งอย่างด้วย

มันควรจะกินข้าวอร่อยกว่านี้ไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมถึงรู้สึกไม่อร่อยเลย เหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง
จะอะไรล่ะไม่ต้องเดา ก็ทุกวันกินข้าวด้วยกัน แต่วันนี้คนที่กินข้าวด้วยกันทุกวัน ไปกินข้าวนอกบ้านกับลูกค้าไง
ความผิดของคุณเลยครับ คุณทำให้การกินข้าวคนเดียวมื้อนี้ไร้รสชาติที่สุดตั้งแต่ผมอยู่ที่นี่มา

ปิดน้ำเรียบร้อยและวางจานข้าวกับแก้วน้ำไว้ที่ตะแกรงวางจาน ดึงผ้าขนหนูที่แขวนเอาไว้มาเช็ดมือ และเดินไปหยิบโหลคุกกี้ที่อยู่ในตู้ออกมาและกำลังจะเปิดโหลหยิบขึ้นมากิน ทำไมคุกกี้มันเปลี่ยนไปวะ สองวันก่อนมันเป็นคุกกี้เนยนี่หว่า ทำไมวันนี้มันกลายเป็นคุกกี้ผลไม้รวม

ไปได้ หยิบโหลมาพิจารณา และเอามาวางไว้บนโต๊ะกินข้าว นั่งมองไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็ใช้แขนเป็นที่รองคางและจุมพลก็ทำเหมือนนอนมองโหลคุกกี้ด้วยความเซ็ง

เซ็งจริง ๆ นะ ผมเบื่อจริง ๆ เมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้าน สามารถนั่งเล่นเกมส์ได้ทั้งคืน โดยไม่รู้สึกเบื่อ และเมื่อถึงเวลานอนก็จะเผลอหลับไปเอง แต่ทำไมตอนนี้ไม่เห็นเหมือนตอนนั้นเลย ความรู้สึกอุ่นใจเวลาที่มีคนอยู่ด้วย มันดีกว่าอยู่คนเดียวแบบนี้เป็นไหน ๆ
เมื่อก่อนอยู่ได้ แต่ทำไมตอนนี้ไม่อยากอยู่คนเดียวก็ไม่รู้

จุมพลใช้ปลายนิ้วขีดเล่นไปที่ขวดโหล ก่อนจะเปิดฝาออกและหยิบคุกกี้ใส่ปากหนึ่งชิ้น ค่อย ๆ กัดที่ขอบทีละนิด และก็นอนมองโหลคุกกี้ไปเรื่อย ๆ เที่ยงคืนกว่าแล้วนะคุณไอศูรย์ คุณยังไม่กลับอีกเหรอ คุณจะกลับสว่างจริง ๆ เหรอ มันไม่เกินไปเหรอแบบนั้น
ถ้าคุณกลับตอนเช้า คุณจะไปทำงานไม่ไหวนะ คุณจะมึนหัวแล้วก็กลายเป็นคนพูดจาไม่รู้เรื่องแบบผมนะ อยากให้เป็นแบบนั้นเหรอ อยากให้เป็นแบบนั้นจริง ๆ เหรอคุณไอศูรย์

จุมพลคิดอะไรไปเรื่อย ๆ และค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งตัวตรง หยิบโหลคุกกี้ไปเก็บไว้ในตู้เหมือนเดิม และคาบคุกกี้ที่แทะแค่ขอบไว้ในปาก แตะมือเข้าหากันสองสามครั้งเพื่อให้ปลายนิ้วไม่เหลือผงของคุกกี้

ก้าวขามาหยุดยืนมองที่โต๊ะทำงานของคุณไอศูรย์ที่มีเอกสารบางอย่างกองเอาไว้แล้วก็ลงไปนั่งที่เก้าอี้ มีลูกอมสีสวยวางอยู่สองสามเม็ด แอบกินลูกอมของผมนี่หว่า ที่ซื้อไว้ให้เนี่ย แอบเอามากินเองใช่มั้ย  หมุนเก้าอี้ไปเรื่อย ๆ และจุมพลก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย สุดท้ายบ่นพึมพำคน

เดียวเสียงเบา

“งานยังค้างอยู่บนโต๊ะอีกตั้งเยอะ เอกสารกองพะเนินขนาดนี้ทำไมไม่รีบกลับมาทำ เป็นผู้บริหารประสาอะไร มัวไปกินเลี้ยงกับลูกค้าอยู่ได้ งานการไม่รู้จักทำ คุณนี่มันเป็นผู้บริหารที่แย่จริง ๆ”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ตีสองแล้ว

และเสียงเปิดประตูก็ทำให้จุมพลที่จนป่านนี้ก็ยังกินคุกกี้ชิ้นเดียวไม่หมด ต้องรีบหันไปมอง

ปล่อยให้สมองคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่นานสองนาน นั่งดูมิวสิควีดีโอเพลงอะไรก็ไม่รู้ที่ฉายอยู่ในเวลานี้ ไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำว่าดูอะไร แค่เปิดเอาไว้เป็นเพื่อน และคนที่เดินเข้ามาในห้องก็ถอดรองเท้าเก็บใส่ตู้เรียบร้อยและเงยหน้าขึ้นมองหน้าของจุมพลที่โผล่ขึ้นมาจากโซฟา

“ไม่นอนอีก ดึกแล้วนะ บอกให้นอนก่อนทำไมไม่นอน”

อะไรวะ กลับมาถึงแทนที่จะทักทาย นี่มาบ่นใส่ซะงั้น คุณก็ยังไม่นอนเหมือนกันไม่ใช่เหรอ แถมยังเพิ่งกลับอีกต่างหากมันจะต่างอะไรจากผมวะ

“นอนไม่หลับ”

ตอบไปแบบตรง ๆ และคนที่วางกุญแจรถไว้ที่เคาร์เตอร์ครัวก็เลิกคิ้วขึ้นสูง เดินไปล้างมือและเปิดตู้เย็นรินน้ำใส่แก้ว และก็มองตรงไปที่คนที่บอกว่านอนไม่หลับ ทำไมถึงนอนไม่หลับล่ะ

“ดึกขนาดนี้แล้ว นอนได้แล้วมั้ง”

นอนได้แล้วเหรอ ผมก็อยากจะนอนอยู่หรอก แต่ก็อย่างที่บอกไปไง ถ้านอนหลับได้ ผมก็นอนไปแล้วสิ จะมานั่งตาค้างอยู่ถึงป่านนี้ทำไม

“ก็ผมนอนไม่หลับ”

ยังยืนยันคำเดิม และจุมพลก็ลงมานั่งอยู่บนโซฟาเรียบร้อย หยิบรีโมทขึ้นมากดเปลี่ยนรายการโทรทัศน์ไปช่องอื่น และคนที่อยู่ในครัวก็เดินมาที่โต๊ะทำงาน และเปิดคอมพิวเตอร์

ดึกแล้วนะ เปิดคอมทำไม อย่าบอกนะว่าจะทำงานอีก

ไม่ได้ถาม ไม่ได้พูด แต่ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นว่าคุณไอศูรย์ที่เพิ่งกลับเข้ามาถึง แทนที่จะไปอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่น กลับไปเปิดคอมพิวเตอร์และเริ่มหยิบแฟ้มเอกสารมาเปิด ทำงานจริงด้วยนี่หว่า ทำไมถึงต้องทำงานขนาดนี้ด้วยวะ น่าจะเตรียมอาบน้ำนอนได้แล้วไม่ใช่หรือไง ไม่รู้

ว่าทำไมรู้สึกหงุดหงิดไม่ชอบใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นคนพูดเองแท้ ๆ ว่าคุณไอศูรย์หนีงาน แต่พอเห็นอีกฝ่ายกลับบ้านมาแล้วต้องมานั่งทำงานอีก จุมพลก็คล้ายรู้สึกไม่พอใจ

ปิดโทรทัศน์เรียบร้อยและลงมานั่งบนพื้น เริ่มเปิดแผนที่และเดินทางอีกครั้งในเกมส์ออนไลน์

คุณจะทำงานก็ทำไป ผมจะเล่นเกมส์ ผมไม่ได้รอนะ ผมก็เล่นของผมอยู่ทุกวัน ไม่เกี่ยวกับคุณด้วย เมื่อกี้ที่หยุดไปแค่เบื่อ ๆ เท่านั้น แต่ตอนนี้หายเบื่อแล้วก็เลยเล่นต่อไปได้ก็แค่นั้น จุมพลนั่งเล่นเกมส์ไปเรื่อย ๆ และคนที่ทำงานอยู่ก็หันมามอง

นี่ตกลงถ้าไม่ได้นอนพร้อมกัน คุณจะนอนไม่หลับจริง ๆ ใช่มั้ย คำตอบของคุณมันทำให้ผมคิดได้แบบนั้นนะจุมพล

“จุ้ม”

เรียกคนที่นั่งเล่นเกมส์อยู่ และจุมพลก็ขานรับ

“ครับ”

“ชงกาแฟให้หน่อย”

กาแฟเหรอ

หยุดมือทันที และจุมพลก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัว จัดการเสียบกระติกน้ำร้อน และหยิบแก้วกาแฟออกมาวาง

“กาแฟสอง ครีมหนึ่ง”

ไม่ใส่น้ำตาลเหรอ

“ขมตาย”

ไม่ขมหรอก กินแบบนี้ประจำ

“ใส่น้ำตาลหน่อยมั้ย จะได้หวาน ๆ”

ไม่ต้องหรอก

“แค่จุ้มชงให้ก็หวานพอแล้ว”

ห๊ะ อะไรนะ

“เมื่อกี้ว่าไงนะครับ”

ไม่รู้จริง ๆ ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร และก็ถามออกไปด้วยความสงสัย แต่ไม่ได้รับคำตอบกลับมา
พูดอะไรวะฟังไม่เห็นรู้เรื่อง พูดให้ตัวเองฟังคนเดียวแบบนั้นใครจะไปรู้เรื่องด้วยวะ คุณนี่พูดไม่รู้เรื่องยิ่งกว่าผมอีก พูดคนเดียวรู้เรื่องคนเดียว ผมว่าคุณแปลก ๆ นะคุณไอศูรย์ หรือว่าจะทำงานมากเกินไปเลยไม่อยากสื่อสารกับใครให้รู้เรื่องยิ่งกว่าผม

สงสัยจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ทำไมถึงยอมคุณไอศูรย์ง่าย ๆ วะ

ตีสามแล้ว และจุมพลที่กำลังเดินทางในเกมส์ออนไลน์ก็คิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ ลืมคิดเรื่องนี้ไปหลายชั่วโมง แต่อยู่ดี ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องนี้ค้างอยู่ในหัว พักนี้ไม่รู้เป็นอะไร บางครั้งอยู่ดี ๆ ก็ชอบมองหน้าของคุณไอศูรย์บ่อย ๆ มองแบบที่บางครั้งเจ้าตัวก็รู้ตัวว่าถูกมอง บางครั้งก็

ไม่รู้ตัว คำถามเรื่องนั้นที่ยังไม่เคลียร์ก็ปล่อยไว้ก่อน คำถามนี้ดีกว่าที่น่าจะหาคำตอบได้ไม่ยาก

..............พักนี้กูมองหน้าคุณไอศูรย์บ่อย ๆ ทำไม..............

นั่นสิ มองทำไม ไม่เข้าใจ ไม่ใช่แค่คิด แต่จุมพลยังลุกขึ้นและเดินไปหาคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงาน เหมือนดูงบอะไรซักอย่าง คงเป็นงบดุลประจำปีของบริษัท

“คุณไอศูรย์”

เรียกชื่ออีกฝ่าย และคุณไอศูรย์ก็วางแฟ้มเอกสารลง แต่ไม่ได้หันหน้ามามอง มือเลื่อนไปคลิกเมาส์ และสายตาก็มองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์

“คุณไอศูรย์”

อือ

“มีอะไร”

มีอะไรเหรอ มันก็ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากมองหน้าหน่อยแค่นั้น
เห็นอีกฝ่ายไม่สนใจ จุมพลที่ถูกเมินก็เลยจัดการใช้มือของตัวเองดึงหน้าของคนที่กำลังทำงานให้หันมามอง

“อะไรของคุณ จะหักคอผมหรือไง ดึงซะแรง”

ก็ดึงแรงอยู่แล้ว เรียกแล้วไม่ยอมหันมาเอง

“อืมมมมมมมมมม”

จ้องมองไปที่ใบหน้าของคุณไอศูรย์ที่ถูกประคองด้วยมือทั้งสองข้างของจุมพล

คุณไอศูรย์เป็นคนหน้าตาดี ตาคม จมูกโด่ง ใบหน้าแบบนี้ไม่ว่าใครก็คงอยากมอง คงเป็นเพราะหน้าตาดี คนเราทั่วไป ไม่ว่าใครก็อยากมองของสวย ๆ งาม ๆ ในเมื่อมีคนหน้าตาดีมาอยู่ข้าง ๆ ถึงแม้จะเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่ก็ไม่แปลกที่จะอยากมอง

“อะไรของคุณ”

เป็นอย่างนั้นนี่เอง มองเพราะว่าคุณไอศูรย์หน้าตาดีนี่เอง กูเข้าใจแล้ว จุมพลปล่อยมือที่ประคองที่ข้างแก้มของคุณไอศูรย์ออก
เมื่อได้คำตอบแล้วก็ตั้งใจจะกลับไปนั่งเล่นเกมส์ต่อ แต่เจ้าของใบหน้าไม่ยอมให้ไป ดึงแขนของจุมพลเอาไว้และจ้องมองใบหน้าของจุมพลกลับ

“มองหน้าผมทำไมคุณไอศูรย์”

ก็อยากรู้

“แล้วคุณมามองหน้าผมก่อนทำไม”

อ้าว..ถามกลับแบบนี้แล้วผมจะตอบยังไงครับ

“ก็ผมอยากรู้ว่าทำไมพักนี้ผมมองหน้าคุณบ่อย ๆ”

งั้นเหรอ ก็สังเกตอยู่หรอกว่าทำไมคุณถึงมองหน้าผมบ่อย ๆ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่อยู่ดี ๆ คุณก็มาจับหน้าของผมให้หันมามองหน้าคุณแบบนี้ไม่ใช่เหรอ

“แล้วรู้หรือยังว่ามองหน้าผมบ่อย ๆทำไม”

ก็ไม่ทำไม

“คุณหน้าตาดี ผมก็มอง ตอนแรกผมคิดว่ามันแปลกที่มอง แต่ตอนนี้รู้แล้ว ไม่ว่าใครก็ต้องอยากมองของสวย ๆ งาม ๆ ที่ทำให้เจริญหูเจริญตา ถึงผมจะอิจฉาหน้าคุณก็เถอะ แต่ผมรู้แล้วว่าผมไม่ได้แปลก ไม่ว่าใครก็ต้องมองคุณทั้งนั้นแหละว่ามั้ย”

ไม่ว่า

“อย่างนี้ถ้าผมมองหน้าคุณเพราะเห็นว่าคุณ.......หน้าตาน่ารัก....ก็ไม่แปลกเหมือนกันใช่มั้ย”

หน้าตาน่ารัก

ใครวะ

ผมเหรอหน้าตาน่ารัก มองยังไงวะ

“ผมไม่ได้หน้าตาน่ารัก คุณคิดเข้าไปได้ยังไงว่าผมหน้าตาน่ารัก บ้าไปแล้ว ผมไม่ได้ดีใจเลย ที่ถูกพูดแบบนี้ใส่”

“ก็ทีคุณยังมองว่าผมหน้าตาดีได้เลย ผมก็มองว่าคุณหน้าตาน่ารักบ้างได้สิ แปลกตรงไหน”

แปลกตั้งแต่บอกว่าน่ารักแล้วแหละ

“งง”

พูดแค่นั้นและจุมพลก็ตั้งท่าจะเดินหนีอีกครั้ง แต่ก็ยังถูกดึงแขนเอาไว้

“เดี๋ยว”

อะไรอีกวะ จะมาเดี๋ยวอะไร นี่ก็เคลียร์ไปหมดแล้ว จะมาเดี๋ยวอะไรอีก

หันหน้าไปมอง และก็ถูกอีกฝ่ายรั้งให้เข้ามาหา

อะไรของคุณวะ

“นั่งก่อน”

นั่งอะไร เก้าอี้ตัวแค่นี้จะนั่งลงไปได้ยังไงตั้งสองคน

“นั่งไม่ได้”

ทำไมจะไม่ได้

“นั่งได้สิ”

ก็เห็นอยู่ว่านั่งไม่ได้ ยังจะให้นั่งอีก

“นั่งพื้นใช่มั้ย โอเค งั้นได้”

ไม่ใช่สิ ไม่ใช่นั่งพื้น

“นั่งตัก”

ห๊ะ

“นั่งทำไม เก้าอี้มีเยอะแยะผมไปลากมาก็ได้”

ก็จะให้นั่งตักมีอะไรมั้ย

“ไม่เคยนั่งตักใครหรือไง ทำเหมือนเขินกันไปได้”

ก็เออสิวะ คุณจะให้ผมไปเคยนั่งตักใครล่ะ ถ้าเคยแม่งก็แปลกตายห่า

“หรือคุณเคยล่ะ”

ก็ไม่เคยหรอก

“เคยแต่มีคนมานั่ง”

อ่อ จะอวดว่างั้น

“ผมก็เคยมีแต่คนมานั่งตักเหมือนกัน”

ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงกวน ๆ และคุณไอศูรย์ก็เลิกคิ้วขึ้นสูง

“อ่อ ผมเพิ่งรู้”

แม่งกวนตีนว่ะ เป็นอะไรของคุณวะ ทำไมเราต้องมาเถียงกันเรื่องอะไรก็ไม่รู้ในเวลาดึกขนาดนี้ ถ้ามันว่างขนาดนั้น ผมว่าคุณไปอาบน้ำนอนเลยดีกว่ามั้ยคุณไอศูรย์นี่มันปาเข้าไปเช้าวันใหม่แล้ว

“สรุปว่า แค่ให้นั่งตักแค่นี้ทำให้ไม่ได้ว่างั้น”

แล้วมันเป็นเรื่องที่สมควรทำเหรอวะ

“ไม่ได้”

ไม่ได้ก็ไม่ได้

ยอมปล่อยข้อมือของคนที่ตอบปฏิเสธ และจุมพลก็เลยต้องขมวดคิ้วมุ่น เมื่อรู้สึกว่าคุณไอศูรย์กำลังไม่พอใจ แล้วทำไมต้องไม่พอใจด้วยวะ เรื่องมันสมควรไม่พอใจด้วยเหรอ นี่มันเรื่องไร้สาระมากเลยนะ แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ชายตัวโต ๆ สองคนจะมาทำอะไรกันแบบนี้ด้วย นี่คุณ

เถียงกับผมเพื่อเอาชนะอย่างเดียวเลยใช่มั้ย   ไม่มีเหตุผล

“ถามอีกคำ ตกลงจะนั่งมั้ย”

แล้วทำไมต้องกดดันกันด้วยวะ มันใช่เรื่องสมควรกดดันมั้ย ที่สำคัญคุณจะอยากให้ผมทำเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ แบบนี้ไปทำไมผมไม่เข้าใจ

“ทำไมคุณถึงได้รั้นจังเลยวะคุณไอศูรย์”

“แปลว่าไม่ได้”

เอ้า อะไรวะเนี่ย มันอะไรกันล่ะโว้ยยยยยยยยยยย

“ได้ก็ได้วะ.....ครับ”

ยอมทำตาม และก็มายืนอยู่ตรงหน้าของคนที่หมุนเก้าอี้กลับมาหา ถูกดึงแขนให้ทิ้งกายลงนั่งอยู่บนตักของคนที่คล้ายจะอมยิ้มน้อย ๆ เพราะได้รับสิ่งที่ต้องการอย่างใจแล้ว

“นั่งดี ๆ ซิ หลังเกร็งขนาดนั้น เป็นอะไร”

แล้วมันควรจะเกร็งมั้ยล่ะ มันผิดตั้งแต่คุณชวนให้ผมทำแบบนี้แล้ว

“คุณขาดความอบอุ่นหรือไง ปกติไม่มีคนดี ๆ ที่ไหนเขาอยากทำแบบนี้กับผู้ชายด้วยกันหรอก ยกเว้นคนเป็นเกย์ กับคนขาดความอบอุ่น หรือไม่ก็โรคจิต”

เหรอ

“แล้วคนที่มานั่งตักผู้ชายด้วยกันเนี่ย เขาเรียกว่าอะไร เกย์มั้ย หรือคนโรคจิต”

ตกลงกูผิด

โดนยั่วโมโห และจุมพลก็เตรียมลุกขึ้นแต่ก็ถูกรั้งเอวเอาไว้ และแขนอีกข้างของจุมพลก็มาคล้องอยู่ที่คอคุณไอศูรย์เรียบร้อย

“อะไรของคุณอีกเนี่ยยยยย จะให้ผมกอดคอคุณทำไมวะ”

ไม่มีอะไร

“ก็ผมอยากทำ”

ไม่มีเหตุผลเลยนี่หว่า แค่อยากทำก็เลยทำตามใจชอบเหรอ เคยถามผมบ้างมั้ยวะ ว่าอยากจะทำแบบนี้หรือเปล่า

“แกะนี่ให้หน่อยซิ”

อะไรอีกล่ะ

อยู่ดี ๆ คุณไอศูรย์ก็หยิบลูกอมที่วางอยู่บนโต๊ะมายัดใส่มือให้ แล้วให้ช่วยแกะให้เนี่ยนะ ทำไมไม่แกะเองวะ

“มือผมไม่ว่างเห็นมั้ยเนี่ยว่ากอดคอคุณอยู่”

ก็จะไปยากอะไร

“ก็แกะทั้งที่กอดคออยู่ก็ได้”

อะไรวะ แม่งเรื่องมากจริง ๆ

ถึงจะขมวดคิ้วมุ่น เพราะอารมณ์ไม่พอใจเล็ก ๆ แต่ก็ยอมทำตาม แกะเปลือกลูกอมออกและยื่นส่งให้ แต่แทนที่อีกฝ่ายจะรับ กลับใช้ปากงับแทน

“อะไรของคุณวะ”

บ่นพึมพำเสียงเบา และคุณไอศูรย์ก็ทำหน้าเฉย ทำเหมือนไม่สนใจกับการบ่นคนเดียวของจุมพล

“.....นอนไม่หลับ เพราะรอผมหรือเปล่า”

หืออออออออ

“ไม่ได้รอ แค่นอนไม่หลับเฉย ๆ”     

ตอบกลับไปแล้ว และคนที่ให้จุมพลนั่งตักก็พยักหน้ารับ

“แล้วถ้าผมไม่กลับ คุณจะนอนไม่หลับทั้งคืนมั้ย”       

พูดอะไรไม่รู้ฟังไม่ชัด อมลูกอมอยู่ในปากแล้วยังจะพูดอีก แล้วผมจะไปรู้ได้ยังไง เดี๋ยวมันก็หลับไปเองแหละมั้ง

“แล้วถ้าผมไม่กลับบ้าง คุณจะนอนหลับมั้ยล่ะ ก็คงหลับอยู่แล้วล่ะ ใช่มั้ยคุณไอศูรย์”

ถามกลับในคำถามแบบเดียวกัน และคุณไอศูรย์ก็ทำสีหน้าเหมือนครุ่นคิดกับคำถามที่จุมพลถาม แต่ไม่ยอมตอบคำถามและเลี่ยงไปเรื่องอื่นแทน

“เหนียวตัว ผมจะไปอาบน้ำแล้ว”

อ่อ เออ สมควรไปได้ตั้งนานแล้ว มานั่งทำงานอะไรอยู่ได้ตั้งนาน แทนที่จะไปอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่น
จุมพลลุกขึ้นยืนและคุณไอศูรย์ก็เลื่อนเมาส์คลิกชัตดาวน์คอมพิวเตอร์

“ไปปิดคอมเถอะ จะอาบน้ำนอนแล้ว ปิดไฟข้างนอกด้วย”

ได้

เดินไปจัดการปิดคอมพิวเตอร์ และปิดไฟนอกห้องเรียบร้อยและจุมพลก็เดินเข้าห้องนอน คุณไอศูรย์อาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ และจุมพลก็ขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงในเวลาตีสามครึ่ง คำถามใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาก็คือ ถ้าไม่ได้นอนพร้อมคุณไอศูรย์มันจะนอนไม่หลับจริง ๆ เหรอวะ

ไม่รู้จริง ๆ

ไม่รู้คำตอบนี้เลยจริง ๆ คุณไอศูรย์อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย และเดินออกมาด้วยชุดเสื้อกล้ามและกางเกงวอร์มเหมือนทุกวัน หยุดยืนเช็ดผมที่หน้ากระจกก่อนจะแขวนผ้าขนหนูเอาไว้ ที่ตะกร้าผ้า และเดินมานั่งอยู่ข้าง ๆ คนที่นั่งรออยู่บนเตียง

“วันนี้จะนอนตรงนี้เหรอ”

ก็ที่ประจำผมอยู่ตรงนี้ ผมก็นอนตรงนี้ล่ะ

“ครับ”

ขยับตัวให้คุณไอศูรย์เข้ามานอนด้วยกันบนเตียงได้ และจุมพลก็ยื่นมือไปปิดโคมไฟที่หัวเตียง ล้มตัวลงนอนเงียบ ๆ และก็ได้ยินเสียงถอนหายใจยาว ๆ ของคนที่อยู่ด้านหลัง

“คุณคิดว่าผมจะนอนหลับมั้ยถ้าคุณไม่อยู่”

อะไรวะ ผมจะไปรู้ได้ยังไง นั่นมันเรื่องที่ผมต้องคิดเหรอ ไม่ใช่เรื่องของคุณหรือไง

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าคุณไม่อยู่ผมจะนอนหลับมั้ย”

ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้เช่นกัน และคุณไอศูรย์ก็ขยับเข้ามาใกล้คนที่นอนห่างออกไปเล็กน้อย ทำเหมือนทุกวัน
วางมือไว้ที่เอวของจุมพลเหมือนทุกวัน กอดเอาไว้และยังคงครุ่นคิดถึงคำถามที่เพิ่งถูกถาม

ถ้า.....คุณไม่อยู่..........แล้วผมจะนอนหลับหรือเปล่า เรื่องนี้ผมก็ตอบคุณไม่ได้หรอก เพราะผมก็ยังไม่รู้คำตอบเหมือนกัน


TBC.

ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ถึงจะต่างคนต่างมึนและเกรียนแต่ตอนนี้ก็เริ่มสงสัยใจตัวเองแล้วชิมิว่าขาดกันและกันไปจะเป็นไง  :hao7:

ตั้งแต่อ่านมาลุ้นคู่นี้สุดล่ะ ด้วยสกิลความมึนอึนเกรียนของทั้งคู่ทำให้อยากรู้นักว่าจะรู้ใจตัวเองกันเมื่อไหร่    :hao6:

ออฟไลน์ Lonelyนู๋โรนลี่

  • ฉุด กระชาก ลากถู พาเข้า.....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
เริ่มแล้วสินะ แต่เหมือนจะรู้ตัวแต่ก็ยังไม่รู้ตัว..เอ๊ะ
น่ารักจริงๆ รอนอนด้วยกันแต่ก็แบบมึนๆ

ออฟไลน์ mapreaw

  • เคยคิดว่า "รักแท้มีอยู่จริง"
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 615
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
ถ้าแบบนี้กินแต่กาแฟดำอย่างเดียวยังหวานเลย :impress2:

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
คู่รักชวนจั๊กกะจี้หัวใจ รักซึมลึกจริงๆเลยคู่นี้ น่ารักจริงเชียว

เรอ่มสงสัยในความสัมพันธ์ที่ถ้าขาดกันจะเป็นยังไงแล้วด้วยอ่ะ

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
บ้าหรอ รูมเมทที่ไหนเค้านั่งตักกันยะ
ไม่รู้ตัวกันเลยใช่ม๊ายยยยยยย วู๊ววว
555 รอตอนต่อไปคับ ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1691
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
อ่า คู่นี้มึนๆดีอ่ะ น่ารักดี ตลกดีด้วย

ออฟไลน์ newyniniw

  • kiki >_<
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
คุณไอศูรย์ ต้องไปรายงานตัวป่าว #แซวๆ  ^_~

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน ศึกชิมคุกกี้

“พี่จุ้ม นี่เป็นของขวัญที่ลูกค้าให้มา”

มันเป็นเรื่องปกติเมื่อถึงปลายปีมักจะมีของสมนาคุณจากลูกค้ามาอย่างสม่ำเสมอ

เครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นไม่ใหญ่มากนัก จำพวกไดร์เป่าผม เครื่องปิ้งขนมปัง พัดลม ไมโครเวฟ หรือแม้กระทั่งเตาอบเล็ก ๆ ราคาไม่ถึงพัน ที่มักจะได้รับอยู่ตลอดเมื่อถึงสิ้นปี

และปีนี้ก็ได้ของสมนาคุณเป็นเตาอบเล็กๆ จีนแดงสิบตัว แล้วจะเอาไปแจกใคร  คงให้เป็นของกองกลาง แล้วเอาไปจับฉลากแจกฟรีให้กับพนักงานในวันปีใหม่น่าจะได้

“คุกกี้นี่มันทำยากมั้ยวะกิ”

อยู่ดี ๆ จุมพลก็คิดเรื่องบางอย่างขึ้นมา เอ่ยถามกับยูกิลูกน้องในฝ่ายจัดซื้อที่เอาเอกสารมาส่งและให้ตรวจสอบการจัดซื้อสินค้าสำหรับรอบถัดไป

“พี่จุ้มจะทำเหรอ”

เปล่าหรอก แค่อยากรู้

“เห็นเตาอบโง่ ๆ นี่ก็นึกถึงพี่เกรียนศักดิ์  ว่าจะลองทำคุกกี้ให้  เพื่อตอบแทนความรู้สึกดี ๆ ที่พี่ไปยืมขนมแกกินมาตลอดทั้งปี”

นั่นไม่เรียกยืมนะพี่จุ้ม เขาเรียกขโมย

“เปิดเน็ตดูเลยพี่จุ้ม ไม่น่ายากหรอก ถ้าพี่จุ้มอยากลองทำไปหาซื้ออุปกรณ์จากร้านขายของราคาหกสิบบาทดูสิ พอได้อยู่ มีหมดทุกอย่างที่อยากได้แหละ ถ้าคิดจะทำขำ ๆ ผมเคยเห็น”

อืม

“พรุ่งนี้พี่จะทำ ฝากซื้อของหน่อยสิ”

อ้าวพี่จุ้ม

“เย็นนี้ว่างซะนะ แล้วไปซื้อของมาให้พี่หน่อย พี่ขี้เกียจซื้อ ขอบใจมาก เพราะมีกิอยู่พี่ถึงสบายใจ ขอบคุณนะที่ช่วยงานกันมาตลอดหลายปี พี่ซึ้งใจในน้ำใจของกิมากจริง ๆ”

กูเพิ่งเข้ามาไม่ถึงปีว่ะ มาบอกว่าซึ้งใจที่กูทำงานมาหลายปีได้ไงวะ  พี่จุ้มแม่งหน้ามึนมากเหอะ

“ครับ  ถ้าจะใช้กันขนาดนี้ แล้วซึ้งในน้ำใจผมขนาดนี้นะพี่จุ้ม”

ยูกิแผนกจัดซื้อหัวเราะด้วยความขำ และแบมือขอเงินหัวหน้าแผนกทันที

"เงินมาของไปพี่"

แบมือขอกันซึ่ง ๆ หน้า และจุมพลก็ขมวดคิ้วมุ่น

“199 บาท งบขนาดนี้พอมั้ย”

บ้าแล้วพี่จุ้ม

“ได้แค่ช้อนตวงกับที่ร่อนแป้ง ค่าแป้งค่าน้ำตาลนี่ยังไม่ได้เลยนะนั่น”

อ่าวเหรอ

“299 บาท”

ต่อรองไปเล็กน้อย และลูกน้องก็ถึงกับส่ายหน้า

“999 บาทพี่จุ้ม เดี๋ยวผมเอาบิลมาให้เลย”

โห้  แพงไปมั้ง

“พี่ขอยืมเกรียนศักดิ์กินต่อไปดีกว่า เขาคงไม่ว่าอะไร”

ตัดใจทันที และลูกน้องก็หัวเราะออกมา

“ผมว่าแล้ว พี่จุ้มไม่ต้องทำกินหรอกพี่ มันยุ่งยาก”

เออ นั่นแหละ ว่าแล้วก็ไม่ทำดีกว่า

“ยืมเกรียนศักดิ์กินต่อไปสบายใจกว่าเยอะ”

ครับพี่

ผมก็ว่าอย่างนั้น สำหรับพี่จุ้ม ถ้าซื้อขนมกินแล้วไม่แกล้งหัวหน้าแผนกการเงิน พี่จุ้มคงอกแตกตาย

พี่จุ้มอย่าทำเลยคุกกี้น่ะ มันลำบากคนอื่นเปล่า ๆ ไม่ได้ลำบากแค่ตัวพี่เอง ผมโคตรอยากจะเตือนด้วยความหวังดี

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
จุมพลกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการทำคุกกี้ที่แสนยุ่งยาก เปิดกระดาษที่ปริ้นในอินเตอร์เน็ตไปมาหลายรอบ แล้วก็เริ่มใช้ปากกาขีดขั้นตอนวิธีการทำ ผมศึกษามาเป็นอย่างดีครับ ร่อนแป้งใส่ในโถผสม ใส่แป้ง เนย นม ตี ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เนยที่ใช้ต้องแช่เย็นมาก่อน

ตีแป้งให้เข้ากัน ใส่อัลมอนด์อบลงไป แล้วก็ปั้นเป็นแท่ง เอาไปแช่เย็น ก่อนเนยละลายต้องปั้นให้เสร็จ แช่เย็นหนึ่งคืน
พอจะเอามาอบก็ให้มันคลายความเย็นก่อน แล้วค่อยอบ หั่นเป็นชิ้น ๆ ก่อน แล้วก็เอาไปอบ อบประมาณ 8-10 นาที
เสร็จแล้วเอาออกจากเตามาพักให้เย็น เพียงเท่านี้ก็................จะได้คุกกี้แล้ว นี่เอง.........

จุมพลอ่านขั้นตอนการทำอย่างละเอียดถี่ถ้วน และลงมือทำเพียงแค่...........เอาแป้งที่แช่เย็นมาวางให้คลายความเย็นแล้วอบเท่านั้นทุกอย่างถูกเตรียมมาเรียบร้อยด้วยฝีมือของลูกน้องที่ให้งบประมาณไปจัดซื้อจัดหามาให้ ตอนแรกไม่คิดจะทำ แต่ถ้ามีทุกอย่างให้ขนาดนี้ ก็เลยลองทำดู หน้าที่ที่ต้องทำมีเพียงแค่เอาไปอบ แล้วก็เอาออกมากินได้

ไม่รู้ว่าแบบนี้เรียกว่าทำคุกกี้ตรงไหน แต่จุมพลไม่ใส่ใจ สิ่งสำคัญ คือการได้คุกกี้อบใหม่กินเอง ส่วนขั้นตอนไม่ใช่สาระสำคัญ

“เยี่ยมจริง ๆ”

ชื่นชมตัวเอง และจัดการเสียบปลั๊กเรียบร้อย วางแป้งที่คลายความเย็นลงไปในเตาอบ และตั้งไฟตามที่อ่านมา

“ทำอะไร”

ทำอะไรเหรอ คุณไอศูรย์คุณมันไม่เข้าใจหรอก ความสุขจากการได้ทำขนมแบบโฮมเมดมันเป็นยังไง คนอย่างคุณก็ทำได้แค่ซื้อกินสินะ แอบเย้ยหยันอีกฝ่ายในใจ และจุมพลก็มองไปที่คนที่กำลังทำงาน เปิดแฟ้มเอกสารไปมา และก็ดูที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นพัก ๆ

“ทำคุกกี้ที่อร่อยที่สุดในโลก”

ดีนะ ทำคุกกี้ที่อร่อยที่สุดในโลก โดยไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย นอกจากเตาอบที่หิ้วมาจากบริษัทกับแป้งที่ทำสำเร็จแล้ว

“ไม่ให้เขาอบมาให้เลยล่ะ อบเองจะกินได้หรือเปล่านั่น”

อย่าดูถูกฝีมือกันสิวะ เนี่ยแหละสุดยอดแล้ว การอบไม่ใช่ว่าใครจะอบได้นะ มันต้องได้รับการใส่ใจอย่างท่วมท้น จ้องมองไปที่ฝาเตาอบตลอดเวลา เพื่อมองดูคุกกี้ที่กำลังเป็นสีสวยงาม ของแค่นี้ อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องง่าย มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะเฮ้ย คุณไอศูรย์

จุมพลผู้ว่างงาน ปกติทุกวันนั่งเล่นเกมส์แต่วันนี้ตั้งแต่กลับมาถึงก็ง่วนอยู่ในครัว เพราะได้ของเล่นใหม่

ตอนแรกไม่คิดจะทำ แต่พอคิดไปคิดมา มันก็น่าลอง คุณไอศูรย์ไม่มีความคิดเห็นกับเรื่องนี้ แค่บอกว่าวันนี้ผมจะทำคุกกี้นะ ก็ให้กำลังใจมาอย่างท่วมท้นด้วยการบอกว่า

“ถังขยะยังใส่ขยะได้อีกเยอะ”

ประชดกันนี่หว่า เดี๋ยวจะแสดงให้เห็นว่าผมทำได้ครับ และทำได้ดีและโคตรอร่อยเลยด้วย แล้วจะอึ้ง ดูถูกกันดีนัก
คุกกี้ชุดแรก สุกเรียบร้อย และจุมพลก็ใช้ตะเกียบคีบออกมาจากเตา ใส่เอาไว้ในจานข้าว และมองผลงานของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ นี่ไง เสร็จแล้ว ใครว่าผมทำไม่ได้ ดูซะก่อน ดูซะคุณไอศูรย์ แล้วจะอึ้ง

“คุกกี้อัลมอนด์ โคตรหน้าตาดีเลย ยิ่งกว่าที่ทำขายซะอีก”

พูดออกมาลอย ๆ เสียงดัง หวังให้คนที่ทำงานอยู่ได้ยิน แต่ก็เท่านั้นเพราะคุณไอศูรย์ไม่สนใจจะฟังเลย
แม่งอย่างเบื่อ แบบนี้อีกแล้ว ไม่เคยสนใจกันบ้างเลย ต้องให้หาวิธีให้หันมาสนใจตลอด

“คุกกี้อัลมอนด์”

พูดให้ดังเข้าไปอีก และจุมพลก็ถือจานใส่คุกกี้ออกมาด้วย เดินไปหาจนถึงโต๊ะทำงาน และก็วางจานให้คนที่กำลังทำงานหันมาสนใจมอง

“ดูซะก่อน สุดยอดมั้ยล่ะครับ ไม่ต้องทิ้งถังขยะหรอกน่าระดับนี้แล้ว”

แล้วไง

“อืม”

แค่เนี้ยเนี่ยนะ อย่างน้อยก็ช่วยวิจารณ์กันหน่อยสิ ไม่ใช่เมินเฉยกันแบบนี้

“คุณไอศูรย์”

เรียก และคนที่กำลังวุ่นวายอยู่กับงบดุล ก็คลิกเมาส์เลื่อนดูว่าตรงกับเอกสารที่แผนกบัญชีส่งมาให้หรือไม่

“คุณไอศูรย์”

เรียกอีกครั้ง และคนที่ไม่สนใจก็เพียงแค่ขานรับแต่ไม่ได้พูดอะไร

“มีอะไรก็พูดมาเลย”

พูดมาเลยอะไรล่ะ ก็หันมาสนใจกันบ้างสิวะ นี่มันคือสิ่งที่น่าภาคภูมิใจเลยนะเฮ้ย คุณคงไม่เชื่อล่ะสิ ว่าผมจะทำของแบบนี้ได้ นอกจากเล่นเกมส์แล้ว ผมทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิดเยอะแยะ เรื่องทำคุกกี้นี่ก็เหมือนกัน ผมไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ดีขนาดนี้ แต่ผมก็ทำของผมได้ เห็นมั้ยว่ามันน่าภูมิใจขนาดไหน

“ผมอนุญาตให้คุณชิมได้ตามใจชอบ”

ผมจำไม่ได้ว่าเคยขอชิมนะคุณจุมพล แล้วก็ไม่ได้ว่างจะชิมด้วย

“ไว้ก่อน”

ห๊ะ ไว้ก่อนเหรอ ไว้ก่อนเหรอวะ ไว้ก่อนเนี่ยนะ

“คุณไอศูรย์”

คราวนี้เสียงสูง และขมวดคิ้วมุ่น ยื่นจานใส่คุกกี้ไปให้คนที่กำลังยุ่งและคุณไอศูรย์ก็เงยหน้าขึ้นมอง และถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ตั้งใจจะฆ่ากันหรือไง พรุ่งนี้ผมมีประชุมนะ อยากให้ผมเข้าโรงพยาบาลคืนนี้เพราะอาหารเป็นพิษหรือไง”

เฮ้ยยยยยย นี่คุณยังไม่รู้ถึงความอร่อยของมันเลยนะเว้ยเฮ้ย พูดซะขนาดนี้ ยิ่งยอมไม่ได้

“ชิมซะ”

กัดฟันพูด และคุณไอศูรย์ก็วางแฟ้มเอกสารลง

“ไม่”

ทำไมถึงไม่ล่ะเว้ยยยยยยยยยย

“ชิม”

ก็บอกว่าไม่ไงล่ะ

“ผมไม่ชิม”

โมโหว่ะ โมโห ต้องชิมสิ ต้องกิน ชิ้นเดียวก็ยังดี ต้องกินเดี๋ยวนี้ หงุดหงิดโว้ย หงุดหงิด จุมพลหยิบคุกกี้มาถือเอาไว้ และส่งยิ้มเหี้ยมให้คนที่ทำหน้าดุใส่

“คุณต้องลอง”

ที่จริงแค่ชิมซะมันก็จบ แต่คุณไอศูรย์ที่กำลังเบื่อกับการที่ต้องอ่านงบดุลจนปวดตา กำลังคิดว่าเล่นอะไรบ้า ๆ บอ ๆ แบบนี้กับจุมพลสนุกกว่า คลายเครียด ด้วยการแแกล้งทำเป็นเครียด และอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะหงุดหงิดไม่น้อย ที่ไม่ยอมชิมคุกกี้ที่เจ้าตัวลงทุนอบด้วยตัวเอง รู้ว่ากินได้ และอาจรสชาติดีซะด้วย แต่ถ้าชิมง่าย ๆ มันก็ไม่สนุก อยากรู้ว่าจุมพลจะหาวิธีอะไรมาป่วน

และทุกสิ่งทุกอย่างที่จุมพลทำ มันทั้งขำ ทั้งตลก แล้วก็.....น่ารักดี

ทำให้ความเครียดตลอดทั้งวันคลายลงได้ เพียงแค่เห็นสีหน้าที่มุ่งมั่นจริงจัง แม้จะทำแค่อบคุกกี้ก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าจุมพลได้ทำอย่างอื่นบ้าง ไม่ใช่วัน ๆ กลับมาแล้วกินข้าวกันเสร็จ ก็ต่างคนต่างอยู่ในมุมของตัวเองไป และนี่ก็เป็นการได้ใช้เวลาร่วมกันบ้าง แม้จะเป็นการใช้เวลาในแบบที่เรียกว่าแกล้งกันก็เถอะ แต่คุณไอศูรย์คิดว่า ชีวิตมีสีสันขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน ตั้งแต่มีจุมพลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

“ทำไมคุณถึงไม่ชิมล่ะ”

ก็ไม่มีเหตุผลอะไรมากกว่าอยากแกล้งคุณหรอกนะ

“แล้วทำไมผมต้องชิม”

พูดไม่รู้เรื่อง พูดไม่รู้เรื่อง พูดไม่รู้เรื่อง น่าหงุดหงิดจริงโว้ยยยยยยย จุมพลหยิบคุกกี้มาถือเอาไว้ และพยายามจะยัดเยียดใส่ปากให้คนที่ยืนยันคำเดิมว่าไม่กิน

“ไม่”

ไม่....ได้ยังไงล่ะ อย่ามาปฏิเสธผมนะ

“อย่าให้ผมโหด หรือต้องใช้วิธีการที่ผมไม่อยากใช้”

แล้วมันคือวิธีการไหนล่ะคุณจุมพล

“ผมจะทำงานแล้ว”

คุณไอศูรย์หมุนเก้าอี้หันไปอีกทางเรียบร้อย และจุมพลที่รู้สึกว่าโดนปั่นหัว ก็กำลังหงุดหงิดถึงขีดสุด ผมเห็นว่าคุณแอบยิ้มด้วย ผมเห็นอยู่ชัด ๆ

“คุณไอศูรย์”

เรียกให้อีกฝ่ายหันมาอีกครั้ง แต่คุณไอศูรย์ก็ไม่ยอมหัน จุมพลเลยใช้วิธีการดึงไหล่คนที่ไม่สนใจให้หันกลับมา

“กินคุกกี้ซะ”

พูดจาบ้า ๆ บอ ๆ และจุมพลก็หยิบคุกกี้ใส่ปากหนึ่งชิ้น ไม่ได้กินเข้าไป แต่คาบเอาไว้ มือทั้งสองประกบฝ่ามือเข้ากับมือของคุณไอศูรย์ และกำเอาไว้แน่น งอเข่าและขึ้นมาเกยอยู่บนเก้าอี้ตรงหว่างขาของคนที่กำลังงง ว่าจุมพลคิดจะทำอะไร

“อินอ๊ะ เอี๋ยวอิ๊”

อะไรของคุณ ไม่ใช่แค่พูดไม่รู้เรื่อง แต่อีกฝ่ายยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ และคาบคุกกี้มาให้จนถึงปากของคนที่หันหน้าหนีพร้อมกับกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้

“อะไรของคุณ นี่ต้องลงทุนทำขนาดนี้เลยเหรอ”

ตลกก็ตลก ขำก็ขำ แต่สีหน้าของคนที่พยายามทำบางอย่างก็ดูจริงจัง แกล้งทำเป็นดิ้นรน และพยายามจะผลักมือของจุมพลที่กำฝ่ามือเอาไว้แน่น และก็เห็นว่าจุมพลไม่ยอมปล่อย นี่จริงจังมากเลยนะ จริงจังมาก

“ถ้าผมไม่กินล่ะ”

ไม่กิน ก็ต้องทำแบบนี้แหละวะ จุมพลโน้มใบหน้าลงมาหา และพยายามจะป้อนคุกกี้ให้ถึงปากของคนที่หันหน้าหนีไม่ยอมกิน

“เฮ้ยยยยยยยยย ฮ่า ฮ่า ฮ่า จุ้มเล่นอะไร พอแล้ว”

พออะไร ก็กินซะสิวะ อย่ามาทำตลก นี่ไม่ตลกด้วยเลยนะ

“อินนนนน”

บังคับ และขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าจริงจังมาก จนคุณไอศูรย์ต้องยอมหันมา

“ไม่”

ยังจะไม่อีก

“อินนนนนนนนน”

ไม่ใช่แค่พูด แต่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ และคราวนี้คนที่เบี่ยงหน้าหลบก็ไม่ได้หันหนีไปไหน รอยยิ้มน้อย ๆ จุดขึ้นที่มุมปาก แต่ดวงตาคม ๆ กลับจ้องนิ่งไปที่ดวงตาของจุมพลด้วยความรู้สึกหลากหลาย คุณเล่นอะไรผมไม่รู้นะ แต่ผมอยากจะเล่นกับคุณด้วย ไม่งั้นจะกลายเป็นว่าผมใจร้ายเกินไป ยื่นหน้าเข้าไปกัดคุกกี้หนึ่งคำที่ปากของจุมพล และก็ถอยใบหน้าออกมาห่าง ๆ
เคี้ยวและยังแกล้งยิ้มใส่ตาของคนที่ขมวดคิ้วมุ่น

“ไม่ค่อยรู้รส ไหนลองอีกที”

ได้

ปล่อยมือจากมือของคุณไอศูรย์และจุมพลก็เตรียมลุกขึ้นยืนหลังจากที่คร่อมทับอีกฝ่ายอยู่นาน ตั้งใจจะใช้มือดันคุกกี้เข้าไปในปากของตัวเอง และให้คุณไอศูรย์ลองชิมชิ้นใหม่ที่อยู่ในจาน แต่ก็เหมือนมันจะไม่ทันใจอีกฝ่ายซักเท่าไหร่ เพราะคุณไอศูรย์ยื่นหน้าเข้ามาหา และกัดคุกกี้ที่เหลืออีกนิดจากปากของจุมพล

...............

แค่ปากโดนกันนิดเดียวมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตหรอก ทำกันมากกว่านี้ก็เคยมาแล้ว ที่เป็นอยู่ในตอนนี้มันก็แค่การอยากเอาชนะกันเท่านั้น

“ยังไม่ค่อยรู้รสเลยนะ”

ยังจะไม่รู้รสอีกเหรอวะ

“ผมจะลองชิมอีกชิ้นก็ได้ แต่ผมไม่ชอบกินอะไรพวกนี้ ถ้าผมกินแค่ครึ่งชิ้นก็คงได้ แต่ที่เหลือคุณต้องเป็นคนจัดการ”

เออได้ ไม่ใช่ปัญหาหรอก

“มาดิ หักแบ่งกันคนละครึ่งก็ได้”

ไม่ได้หรอก มันต้องแบ่งกันด้วยวิธีนี้ คุณไอศูรย์หยิบคุกกี้อีกหนึ่งชิ้นใส่ปากแต่ไม่ได้กินเข้าไปทั้งชิ้น เหลือเอาไว้อีกครึ่งชิ้นและคาบเอาไว้

ทำอะไรวะ

จุมพลมองหน้าของคนที่ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบที่ตัวเองทำด้วยความงง และคุณไอศูรย์ก็ยักคิ้วให้ แบบนี้แม่งยั่วโมโหกันนี่หว่า

“อ่ะ”

อะไรล่ะ เออ มา อยากจะทำแบบนี้ก็ได้ อย่าคิดว่าจะยอมถอยง่าย ๆ จุมพลยื่นหน้าเข้ามาหา และกัดคุกกี้อีกครึ่งชิ้นที่ตกลงกันว่าจะยอมกินที่เหลือก็ได้ และเมื่อกำลังจะผละใบหน้าออกห่างกลับถอยออกไม่ได้เพราะถูกรั้งต้นคอเอาไว้ ริมฝีปากแนบสนิทกับริมฝีปากร้อน ๆ คู่นั้น และร่างกายก็โถมลงมาหาคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หมดทั้งตัวเพราะโดนรั้งด้วยอ้อมแขนของคุณไอศูรย์

ต้องใช้มือยันแผ่นอกของอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ให้ล้มลงไปทั้งตัวแต่ยิ่งขืนตัวเอาไว้ ยิ่งเสียหลัก เพราะไม่ใช่แค่ที่ต้นคอ แต่ยังรวมถึงเอวที่ถูกอีกฝ่ายดึงให้ลงไปหา ริมฝีปากแตะกัน และไม่ใช่แค่แตะ แต่กำลังบดเบียดคลึงเคล้าเข้าหากัน ไม่ได้อยากจะขัดขืน เพราะไม่ใช่เรื่องเสียหาย ถ้าจะแสดงให้อีกฝ่ายได้รู้บ้างว่าแค่เรื่องจูบก็ไม่ได้อ่อนหัดไม่เป็นงาน สุดท้ายจากศึกบังคับกินคุกกี้
กลายเป็นศึกแข่งกันแสดงความสามารถว่าใครจูบเก่งกว่ากัน คลอเคลียริมฝีปากเข้าหากันแบบนั้นอยู่นาน และสุดท้าย เมื่อได้ชิมรสชาติของกันและกันจนพอใจ คุณไอศูรย์ก็ยอมถอนริมฝีปากออก ปล่อยมือและยอมให้จุมพลเป็นอิสระ

จุมพลยันตัวลุกขึ้น และถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ยกหลังมือขึ้นเช็ดถูที่ริมฝีปากของตัวเอง และยังรู้สึกคล้ายกำลังหอบหายใจ เพราะก่อนหน้านี้แทบขาดอากาศหายใจ 

“ใช้ได้เลยนะ”

ใช้ได้อะไร หมายถึง ที่จูบกันนี่เหรอ ของมันแน่อยู่แล้ว ผมจะบอกว่านี่มันแค่เบสิคพื้นฐานเท่านั้น

“แค่ดูดปากกันมันเรื่องเล็ก ๆ”

คุณไอศูรย์กำลังอมยิ้มบาง ๆ และก็ส่ายหน้าพร้อมกับพูดอะไรบางอย่างให้จุมพลหงุดหงิดโมโหมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ผมหมายถึงคุกกี้ ไม่ใช่ปากคุณ”

อ่ะ

................ อืมมมมมมมมมมมมม เหรอออออครับ คุณไอศูรย์

“ผมก็หมายถึงคุกกี้ไง”

เสียงสูงขึ้นมาทันที และรู้สึกหงุดหงิดสุด ๆ ที่โดนปั่นหัว

“ใช้ได้เลยนะ”

“คุกกี้ที่ผมทำมันก็ต้องรสชาติใช้ได้อยู่แล้วล่ะ ผมอุตส่าห์ตั้งใจขนาดนี้”

ตอบกลับอีกฝ่ายที่กำลังพูดไปขมวดคิ้วไป และหยิบจานใส่คุกกี้เพื่อจะเดินเข้าครัวแต่ก็ยังไม่วายถูกปั่นหัวไม่เลิก

“ผมหมายถึงปากคุณ ไม่ใช่คุกกี้”

ห๊ะ ................. ฮึ่ยยยยยยยยยย

“ก็ปากผมไง ไม่ใช่คุกกี้........ของแบบนี้มันก็แน่อยู่แล้ว”

หงุดหงิดโมโห และจุมพลก็เดินถือจานเข้าไปในครัว ไม่มีอารมณ์จะอบคุกกี้อีกต่อไปแล้ว โดนปั่นหัว โดนปั่นหัว คุณไอศูรย์แม่งปั่นหัวกูอีกแล้ว โมโหโว้ย โมโห จุมพลเก็บของที่กำลังทำอยู่ใส่ถุงและเตรียมยัดใส่ตู้เย็นซะให้จบ ๆ เรื่องไป ไม่มีอารมณ์อยากจะอบคุกกี้อีกแล้ว และคุณไอศูรย์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ใช้นั่งทำงานก็หมุนเก้าอี้เล่น

รอยยิ้มน้อย ๆ จุดขึ้นที่มุมปาก ปลายนิ้วแตะเบา ๆ ที่ริมฝีปากของตัวเอง

เราไม่ค่อยได้จูบกัน จะทำกันก็ต่อเมื่อมีอารมณ์อย่างว่าแล้วต่างฝ่ายต่างช่วยกันเล้าโลมให้มีอารมณ์กับเรื่องที่จะทำมากขึ้น
แต่เมื่อลองทำกันนอกรอบที่ไม่ใช่ในเวลาที่มีอารมณ์แบบนั้น มันกลับทำให้หัวใจเต้นระทึก แปลกตั้งแต่ที่เราจ้องตากันแล้ว และหลังจากได้ทำแบบนั้นลงไปแล้ว คุณไอศูรย์ก็รู้สึกถึงอาการหัวใจพองโตจนคับอก

“จุ้ม”

เรียกคนที่กำลังเก็บของในครัว และจุมพลก็แกล้งทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยิน

“ชงกาแฟให้หน่อยครับ”

ไม่ได้เรียกซ้ำ แต่บอกให้อีกฝ่ายรับรู้ คุณไอศูรย์ยังคงอมยิ้มน้อย ๆ และก็หันไปสนใจกับเอกสารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ
ถัดจากนั้นอีกไม่กี่นาที กาแฟหนึ่งแก้ว ก็มาวางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับคุกกี้ที่จุมพลอบอีกสองชิ้นวางอยู่ที่จานรองแก้วด้วย

เงยหน้าขึ้นมองและก็เห็นคนเสริฟกาแฟทำหน้าเมินเฉย แต่คุณไอศูรย์เห็นว่าน่ามองที่สุด

“รสชาติดีจริง ๆ นะ”

อะไรอีกล่ะทีนี้ จะพูดอะไรอีก

“คุกกี้หรือปากผมล่ะ”

ต่อปากต่อคำไปเรื่อย และคุณไอศูรย์ก็มองหน้าของจุมพลนิ่ง ๆ ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ และก็วางลงช้า ๆ

“ทั้งสองอย่างเลย”

................. นี่เรียกว่าคำชมหรือเปล่าวะ ถ้าเรียกว่าคำชมจะได้ดีใจ จุมพลพยายามกลั้นรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ ไม่ให้ยิ้มออกมา ทำหน้านิ่งเฉย และพยักหน้ารับสิ่งที่อีกฝ่ายบอก เดินหนีไปที่คอมพิวเตอร์ของตัวเองที่ตั้งเอาไว้บนโต๊ะหน้าโซฟา ลงไปนั่ง

แล้วรอยยิ้มก็จุดขึ้นที่ใบหน้าแบบไม่ต้องทนฝืน คุณไอศูรย์มองอยู่ตลอดตั้งแต่จุมพลเดินไปนั่งและก็ยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายยิ้มได้

ต่างคนต่างไม่ได้พูดอะไรกันอีก ต่างคนต่างแกล้งทำเป็นยุ่ง คุณไอศูรย์เช็คงบดุลและจุมพลก็นั่งเล่นเกมส์ แต่หลายครั้งต่างฝ่ายต่างก็เผลอลอบมองว่าคนที่เพิ่งสงบศึกกันกำลังทำอะไรอยู่ และเมื่อคนที่ถูกลอบมองรู้สึกตัว ก็ทำทีเป็นหันหน้าหนี
เป็นแบบนี้อยู่นาน เป็นแบบนี้ทั้งคืน จนกระทั่งถึงเวลาเข้านอน เสียงปิดคอมพิวเตอร์ของคนที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำให้จุมพลต้องปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองและพับหน้าจอเรียบร้อย ก่อนจะลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเดินเข้าไปในห้องนอน

“วันหลังลองทำอย่างอื่นดูสิ ผมจะช่วยชิม”

อ่า มาไม้ไหนวะ ทีตอนบอกให้ชิมไม่ยอมชิม ที่ตอนนี้มาบอกว่าจะช่วยชิม จะเอายังไง

“ไม่เอาแล้ว”

ทำไมล่ะ

“โกรธเหรอ”

เปล่า ไม่ได้โกรธ

“......โกรธหรือเปล่าจุ้ม”

“.....นี่....”

คุณไอศูรย์หยุดเดินและหันมามองหน้าของคนที่กำลังเดินตามหลังมาแต่ยังทำสีหน้าเรียบเฉย

“ผมว่ามันแปลก ๆ นะทำไมผมกับคุณต้องทำอะไรล่อแหลมขนาดนั้นด้วยวะ ผมไม่เข้าใจ”

เรื่องนั้นเหรอ

“..........ก็คุณเล่นก่อน ผมก็เล่นตาม คุณต้องถามตัวเองก่อนสิ ไม่ใช่มาถามผม”

ก็ถามตัวเองอยู่นี่ไง ถามแล้วมันรู้คำตอบมั้ยล่ะ ถ้ารู้ผมก็คงไม่ต้องมาถามคุณหรอกวะคุณไอศูรย์ครับ

“.....ให้ผมคิดคำตอบ ผมคิดไม่ไหวหรอกนะ คุณคิดสิจุ้ม....คิดได้แล้วมาบอกผมด้วย.......ผมก็อยากรู้เหมือนกัน....ว่าทำไมพอผมทำแบบนี้กับคุณแล้ว.......ผม....รู้สึกดี”


TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2014 13:51:17 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
ยังมึนๆและไม่เข้าใจกันทั้งสองคนว่าที่ทำอยู่มันคืออะไร :hao3:

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

ออฟไลน์ Lonelyนู๋โรนลี่

  • ฉุด กระชาก ลากถู พาเข้า.....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
เอาแล้วๆๆ
หาคำตอบได้คงเขินกว่านี้
ว่าแต่ คุณไอ...ทำไมกวนส้นแบบนี้ มันเป็นอะไรที่กวนมาก
แต่ก็งี้ละจะได้ปราบจุ้มได้

ออฟไลน์ newyniniw

  • kiki >_<
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เบ้ยยยย น่ารักกกกก
คุณพี่ไอซ์ฮาอ่ะ ถังขยะยังทิ้งขยะได้อีกเยอะ แร๊งงง จุ้มก็หาวิธีให้เขาชิมจนได้เนาะ ทำแค่อบซะด้วยแต่ภูมิใจมาก 55555 น่ารักงุ้งงิ้ง >_<
 :-[

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
เป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
อยากกินคุ๊กกี้ด้วยคน  :hao6:

ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
คู่จุ้มกับคุณไอศูรย์ รักกันแบบมึนๆๆทั้งคู่เลย

อยากรู้ว่า หญิงเป็นยังไงบ้าง โดนจัดการยังไง เห็นเงียบไปเลย คงเป็นคุณมยุรีที่คุยในโทรศัพท์แน่เลย

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1691
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
อ๊ายย เห็นพี่ไอซ์กับน้องจุ้มทำแบบนี้ ป้าก็รู้สึกดีเหมือนกันค่า

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
เรื่องของหัวหน้าแผนกจัดซื้อ ไอศูรย์-จุมพล ตอน ไม่เข้าใจ

“สวัสดีครับคุณมยุรี ผมไอศูรย์นะ สบายดีหรือเปล่าครับ วันนี้ผมพาคุณแม่คุณมยุรีมาทานข้าว คุณแม่คุณดูมีความสุขดีนะครับ เดี๋ยวผมส่งรูปให้ดู”

คุณไอศูรย์ส่งรูปที่พาแม่ของคุณมยุรีไปกินข้าวนอกบ้านที่ภัตตาคารจีนแห่งหนึ่ง ภาพที่ส่งไป....ดูดี สวยงาม

คุณไอศูรย์และแม่ของคุณมยุรีกำลังยิ้มมองกล้อง

ทุกอย่างมันควรจะดูดีทั้งหมด ถ้านี่ไม่ใช่การข่มขู่กันในอีกรูปแบบที่ต่างออกไปจากที่เคย ๆ มีมา

“คุณคิดจะทำอะไร”

เสียงที่ตอบกลับมาจากปลายสายเหมือนพยายามสะกดกลั้นความไม่พอใจเอาไว้อย่างสุดความสามารถ และมันทำให้คุณไอศูรย์หัวเราะออกมาเสียงเบา

“อะไรล่ะครับ ก็อยากพาคุณแม่ของคุณมาทานข้าวแค่นั้นเอง.......อาหารถูกปากมั้ยครับคุณแม่ คุณมยุรีถามมา”

ไม่ใช่แค่พูดกับคนที่อยู่ปลายสาย แต่คุณไอศูรย์ยังหันมาถามแม่ของคุณมยุรีด้วยท่าทางเป็นมิตรที่สุด

“อร่อยมากเลยหญิง วันหลังหญิงพาแม่มาร้านนี้นะ”

แม่ของคุณมยุรีไม่รู้เรื่องระหว่างคุณไอศูรย์กับลูกสาวว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“ปล่อยแม่ฉันกลับมา อย่ายุ่งกับแม่”

ผมยังไม่ได้ยุ่งเลย

“เดี๋ยวให้ท่านทานของหวานก่อนสิครับ คุณแม่ครับทานของหวานอะไรดีครับ บัวลอยน้ำขิงที่นี่ขึ้นชื่อมากเลย เดี๋ยวผมทานเป็นเพื่อนนะครับ”

เอาอกเอาใจแม่ของคุณมยุรีเป็นอย่างดี และคุณมยุรีที่อยู่ปลายสายก็กำมือแน่นด้วยความโกรธเคืองอย่างถึงที่สุดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

“แค่นี้ก่อนดีกว่านะครับ เดี๋ยวคุณแม่คุณทานของหวานเสร็จแล้วผมจะ “ให้ลูกน้องผมประมาณสี่ห้าคน” ไปส่งนะครับ เป็นห่วงความปลอดภัย.... แล้วเอาไว้ค่อยคุยกันใหม่นะครับ สวัสดีครับ”

คุณไอศูรย์พูดด้วยน้ำเสียงเป็นที่แสดงความจริงใจอย่างถึงที่สุดและจัดการสั่งของหวานมากินกับแม่ของคุณมยุรี

พูดคุยกันด้วยเรื่องทั่วไป

เรื่องของ จุมพลแฟนของคุณมยุรี รวมทั้งเรื่องอื่นๆ ที่แม่ของคุณมยุรีน่าจะพอรู้

เรื่องของเรื่องไม่มีอะไรมาก หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่คุณมยุรีคลุ้มคลั่งจนสติแตก ใช้มีดปลายแหลมพยายามจะจ้วงแทงจุมพลวันนั้น เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่พัวพันกันยุ่งเหยิงที่คุณไอศูรย์ไม่ตั้งใจจะยุ่งด้วยก็เกิดตามมา

การตามหาว่าจุมพลพักอยู่ที่ไหน โรงพยาบาลไหน และความพยายามที่จะมาหาที่โรงพยาบาลเพื่อก่อเหตุซ้ำ รวมทั้งการคุกคามไล่ล่าไปถึงเพื่อน ๆ ของจุมพล มันทำให้คุณไอศูรย์ไม่สามารถนิ่งเฉย ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งได้

ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรกับจุมพลเลยซักนิด แต่พออยู่ด้วยกันพักหนึ่ง ความรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนช่วยชีวิตจุมพลมา แล้วถ้าไม่ช่วยให้ตลอดรอดฝั่งมันก็ไม่ใช่

อยากจะเมินเฉย ถ้าเธอนิ่ง แต่เมินเฉยไม่ได้เพราะเธอไม่หยุด รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงแค้นได้ขนาดนี้ แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์คิดจะจบชีวิตของใครเพื่อทดแทนความเจ็บปวดที่ตัวเองเคยได้รับ จุมพลเจ็บมานานเกินไป จนจะไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว
คุยกับใครก็แทบจะไม่รู้เรื่อง กลางคืนไม่เคยหลับ แบบนี้มันก็เกินไป

ใครหลายคนอาจจะปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นซ้ำซาก แต่คุณไอศูรย์ไม่คิดจะปล่อย

เธออยากใช้ศาลเตี้ยทำตามใจตัวเอง งั้นทางนี้ก็จะใช้แบบเดียวกัน เธอคลุ้มคลั่งอาละวาดหนัก ถึงขนาดกลับไปทุบรถและทำลายทรัพย์สินสิ่งของของจุมพล จนคุณไอศูรย์ต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ต่อสายตรงไปหา และบอกให้หยุด ไม่อย่างนั้น คงต้องทำตามแบบที่ตัวเองควรทำ

“ผมไอศูรย์นะ คนที่พาจุ้มไปจากบ้านวันก่อน ตอนนี้เขาอยู่กับผม เขาไม่ได้สบายดีหรอก และผมคิดว่าคุณคงสบายใจที่ได้รู้ว่าเขาไม่ได้สบายดีซักเท่าไหร่ แต่ที่ผมพูดนี่แค่เฉพาะในส่วนของร่างกายนะ แต่สภาพจิตใจ..........เขากำลังจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ....เพราะผมต้องการให้มันดี”

ไม่มีการพูดจายอกย้อนให้มากความแต่ใช้วิธีพูดกันตรง ๆ ให้อีกฝ่ายเข้าใจ

“คุณทำอะไรอยู่ ผมติดตามเรื่องตลอดนะ เรื่องที่คุณทำกับจุ้มมันรุนแรงเกินไปหรือเปล่า ผมไม่ขอแสดงความคิดเห็น........สิ่งที่ผมเป็นห่วงก็คือ ผมไม่รู้ว่าถัดจากนี้  “ครอบครัวของคุณ”จะเจอกับอะไรบ้าง.....ถ้าคุณยังไม่ยอมหยุด”

คุณมยุรี รู้ได้ทันทีว่านี่คือการข่มขู่ โดยคนที่ข่มขู่เอาชีวิตของครอบครัวคุณมยุรีเป็นเดิมพัน

“อย่ายุ่งกับครอบครัวฉัน”

ยุ่งอะไรกันครับ ผมไม่เห็นจะเข้าใจ

“ผมจะไปยุ่งกับครอบครัวคุณมยุรีได้ยังไงล่ะ ไม่เห็นมีเหตุผลเลยนะครับ ว่ามั้ย”

พูดด้วยน้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนอะไร แต่คนฟังรู้ได้ทันทีว่ากำลังคุยกับคนที่ไม่ธรรมดา มีเล่ห์เหลี่ยมและลูกเล่นแพรวพราว

“ผมไอศูรย์บริษัทไอศูรย์ขนส่งนะครับ เผื่อคุณจะสนใจประวัติการทำงานหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับตัวผม....อยากให้คุณมยุรีศึกษาและเช็คดูดี ๆ นะครับ.........ว่าผมและบริษัทของผมทำอะไรได้บ้าง....นอกจากการขนส่งสินค้า”

คุณมยุรีได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก และกำมือแน่นด้วยความโมโห ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา

“คุณต้องการอะไรกันแน่ คุณไอศูรย์”

ผมต้องการอะไรเหรอ..........

“อย่าเข้าใกล้คนของผม...ผมต้องการให้จุ้มใช้ชีวิตตามปกติ เหมือนที่เคยเป็นมา เรื่องนี้คงไม่ยากเกินไปสำหรับคุณใช่มั้ยครับ....”

ยากมาก
ยากมากจนคุณมยุรี ต้องขบริมฝีปากแน่นด้วยความแค้นเคือง ถ้าวันนั้นเธอไม่พลาด พี่จุ้มคงตายไปแล้ว เธออยากจะตายไปพร้อมกันซะ เรื่องจะได้จบ อยู่ไปก็ไม่มีความสุข สู้ตายไปพร้อมกันเลยดีกว่า พี่จุ้มไม่ควรมีความสุขอยู่คนเดียว เธอยอมไม่ได้

“ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกนะคุณมยุรี คุณใช้ชีวิตอย่างสงบเถอะ แต่ถ้าคุณไม่ฟังที่ผมพูด.......ผมก็คงช่วยอะไรครอบครัวของคุณไม่ได้”

ไม่ได้เล่นงานที่ตัวคุณมยุรี แต่เล่นงานไปถึงครอบครัว
ครอบครัวที่ประกอบด้วยพ่อ แม่ และอาจหมายรวมถึงเครือญาติทั้งหมด

“.......ได้........”

เธอตอบรับแบบง่าย ๆ และคุณไอศูรย์ก็ขมวดคิ้วมุ่น

“เมื่อคุณรับปาก ทุกอย่างควรเป็นไปตามนั้น แต่ถ้าเกิดว่าสิ่งที่คุณรับปากผม คุณทำไม่ได้เอง..........คุณอย่าโทษใครล่ะคุณมยุรี”

รู้ทันความคิดของอีกฝ่าย และคุณไอศูรย์ก็กดวางสายไปเรียบร้อย เธอไม่จบแน่ ๆ แม้เธอจะบอกว่าได้ แต่ฟังดูก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีทางจบ ไม่อยากแตะครอบครัวของเธอ แต่เพราะเธอทำตัวเอง

…ถ้าคุณอยากจะทำอะไรตามใจตัวเองมากนัก เพราะเห็นว่าสิ่งที่ทำมันถูกต้องแล้ว ก็จงทำไป
......และถ้าผมจะปกป้องคนของผม เพราะผมเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ผมก็จะทำ.........ผมไม่อยากใจร้ายกับคุณนะคุณมยุรี

แต่ถ้าคุณไม่หยุด ผมก็คงปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปไม่ได้เหมือนกัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-11-2014 07:51:31 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
“เธอไปที่โรงงานครับ แต่เธอไม่ได้เข้าไป เธอวน ๆ เวียน ๆ อยู่ข้างนอก”

วันหนึ่งระหว่างที่คุณไอศูรย์กำลังตรวจสอบเส้นทางการเดินรถที่กำลังจะขยับขยายเพิ่มเติม ก็มีลูกน้องมารายงานเรื่องบางอย่างให้ฟัง เหตุการณ์ดูเหมือนสงบเงียบมาพักใหญ่ แต่คุณไอศูรย์ไม่เคยปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่าย ๆ

ผู้หญิงคนนี้ กำลังจะเป็นบ้า เธอพร้อมที่จะทำอะไรก็ได้ ที่เธอเชื่อว่าจะทำให้ความแค้นในใจของเธอลดลง

“รายงานผมทุกระยะนะ เฝ้าดูเธอไปเรื่อย ๆ”

บอกกับลูกน้องและคุณไอศูรย์ก็ปิดแฟ้มเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ

“ส่งของขวัญไปให้พ่อกับแม่ของเธอหน่อยนะ เอาแบบที่ดูดีแล้วก็แนบการ์ดอวยพรของผมไปด้วย”

บอกให้ลูกน้องไปจัดการเรื่องบางอย่างให้ และลูกน้องก็ตอบรับและเดินออกไปจากห้อง คุณไอศูรย์ค่อย ๆ เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้และถอนหายใจยาว ๆ ไม่อยากยุ่งด้วยหรอกนะ ไม่อยากยุ่งด้วยเลยจริง ๆ แต่คุณก็บังคับให้ผมต้องลงมายุ่งกับเรื่องนี้

“ผมไอศูรย์นะครับ.....สามวันถัดจากนี้ ช่วยจองร้านอาหารจีนให้ผมหน่อย ขอเป็นร้านที่ขึ้นชื่อแถว ๆ ........... นะครับ”

กดอินเตอร์โฟนแจ้งเลขาให้จัดการเตรียมสถานที่ในการนัดกินข้าว สั่งงานเรียบร้อย และกดโทรไปหาใครบางคนที่ทำให้คุณไอศูรย์ต้องมาจัดการเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเอง

“ทำอะไรอยู่ล่ะ”

กรอกเสียงลงไปและคนที่อยู่ปลายสายก็ตอบกลับมา

“คุณว่าถ้าอบคุกกี้โฮมเมดกินเองมันจะดีมั้ย คุณไอศูรย์”

ถามอย่างหนึ่ง แต่ไปตอบอีกอย่าง และคุณไอศูรย์ก็นึกขำกับคำตอบแบบนั้นของจุมพล

“ดีมากนะ....อะไรก็ตามที่ไม่ใช่สิ่งที่คุณทำ ผมว่าดีหมด”

เฮ้ยยยยยยยยย นี่ดักเหรอวะ เหมือนรู้ทางเลยนะว่าผมจะทำ

“รู้ได้ยังไงว่าผมทำแล้วมันจะออกมาไม่ดี”

ก็ไม่ได้รู้ได้ยังไงหรอกครับคุณจุมพล

“แล้วจะเอาอะไรมาการันตีว่าถ้าคุณทำแล้วมันจะออกมาดี”

ทำไมไม่ให้กำลังใจกันเลยวะ ดีแต่พูดให้หมดกำลังใจอยู่นั่นล่ะ

“มันต้องดีสิ”

ก็แล้วทำไมต้องดีล่ะ

“คุณอย่าพูดเรื่อยเปื่อยคุณจุมพล ผมไม่มีเวลาว่างมาฟังสิ่งที่เป็นไปได้ยากหรอก”

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย โมโหโว้ยยยยยยยย

“งั้นผมจะทำ”

ก็ตามใจ

“เรื่องของคุณ”

ฮึ่ยยยยยยยยยย คุณไอศูรย์ ทำไมถึงกวนประสาทกันได้ขนาดนี้วะ โมโหโว้ย โมโห

“ทำแล้วคุณต้องชิมเป็นคนแรกด้วยครับ รู้มั้ยครับว่าคุณ............ “ต้อง”............. ชิม”

เน้นคำให้อีกฝ่ายเข้าใจ แต่คุณไอศูรย์กลับหัวเราะ

“ผมกินเฉพาะสิ่งที่มนุษย์กินได้.....วัตถุประหลาดที่ไม่สามารถประเมินค่าความเสี่ยงหลังจากไหลลงสู่กระเพาะและนำความเสียหายมาให้ร่างกายอย่างใหญ่หลวง และคุณเรียกมันว่า คุกกี้โฮมเมด ที่คุณทำเองนั้น.........ผมบอกตรงนี้ได้เลยครับคุณจุมพล............ผมไม่กิน”

แต่คุณต้องกินโว้ยยยยยยยยยย แล้วคุณก็ต้องเป็นคนแรกที่ต้องกินด้วย จุมพลกำลังโมโหอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง
และกำลังจะตอบโต้อีกฝ่ายไปแต่คุณไอศูรย์ก็ไม่เปิดโอกาสให้ทำสิ่งนั้นได้

“ผมไม่มีธุระอะไรจะคุยกับคุณนะ ที่โทรมาเนี่ยเพราะผมกดเบอร์ผิด........แค่นี้นะ ผมกำลังยุ่งอยู่”

อย่างนั้นเองหรอกเรอะ แล้วก็กดวางสายกันไปดื้อ ๆ เนี่ยนะ โมโหโว้ย โมโห คุณไอศูรย์ ตอนแรกผมตั้งใจจะไม่ทำแล้วนะ เพราะมันยุ่งวุ่นวาย แต่ตอนนี้ผมจะทำแล้ว ยังไงผมก็จะทำให้ได้ เพราะว่าคุณทำให้ผมหงุดหงิดนี่แหละ

ผมต้องทำโว้ยยยย

“เตรียมแป้งสำหรับคุกกี้ให้หน่อย เอาแบบว่าอร่อยที่สุด ตอนนั้นที่บอกว่าไม่ทำพี่เปลี่ยนใจแล้ว ตอนนี้พี่จะทำ...ช่วยเตรียมให้พี่หน่อยนะ”

เดินไปบอกกับลูกน้องที่เคยคุยกันเรื่องทำคุกกี้ไปวันก่อนและล้มเลิกความตั้งใจไปแล้ว แต่วันนี้ความต้องการอยากจะทำก็เกิดขึ้นมาอีกรอบ

..................คุณไอศูรย์ ยังไงซะคุณก็ต้องกินคุกกี้ที่ผมทำแหละวะ..........ไม่เชื่อก็คอยดู.........

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2014 17:54:33 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
“อะไรเล่า.......ผมไม่ชอบแบบนี้เลยนะ คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไงวะ งานคุณกองเต็มโต๊ะแล้ว อย่ามาเล่นอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้ มันน่ารำคาญ”

จุมพลหน้าหงิก และพยายามใช้มือยันแผ่นอกของคนที่นั่งอยู่บนโซฟาและดึงให้จุมพลลงมาหา

“ทำไมล่ะ”

ก็ไม่ทำไม ผมว่าพักนี้อะไร ๆ ระหว่างคุณกับผมมันแปลก ๆ ไปกันใหญ่ ปากบอกว่าเราเป็นรูมเมทกันก็จริง แต่แบบนี้มันไม่ใช่รูมเมทกันแล้ว มันเหมือนผู้ชายสองคนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบลืมเรื่องสถานะทางสังคมที่เหมาะสม

“อย่า”

พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกว่าไม่พอใจ แต่คุณไอศูรย์ไม่ยอมหยุด แถมยังเลิกคิ้วขึ้นสูง และยื่นมือมาจะดึงแก้มของจุมพลให้ได้

“อยากจับนักนี่ แก้มคุณนี่ผมไม่ได้นึกอยากจะจับเลยนะ แค่อยากรู้ว่าทำหน้าหงิกทำไมแค่นั้น”

ก็คุณมันน่ารำคาญไงคุณไอศูรย์ เล่นอะไรบ้าๆ บอ ๆ อยู่ได้

“แล้วผมทำคุณบ้างเอามั้ย คุณมันหน้าตากวนประสาท ทำแบบนี้แล้วมันสนุกหรือไง คุณสนุกกับมันหรือไงวะ โดนดึงแก้มแบบนี้”

ไม่ใช่แค่พูด แต่จุมพลยังใช้สองมือ ดึงแก้มของคุณไอศูรย์แรง ๆ

ไม่ได้คิดจะดึงเล่น ๆ แต่ตั้งใจให้อีกฝ่ายเจ็บ และคุณไอศูรย์ก็ร้องออกมาเสียงดังลั่น และพยายามจะยื่นมือมาดึงแก้มของจุมพลกลับเหมือนกัน

“ฮึ่ยยยยยยย คุณสู้ผมไม่ได้หรอก ไม่มีทาง เอาดิ แน่จริงลอง หื้อออออออออ”

สงครามย่อย ๆ เกิดขึ้น เมื่อต่างฝ่ายต่างพยายามจะจับมือของกันและกันเอาไว้ ไม่ให้ทำอย่างใจได้

“โห่ คุณอ่ะ มันเด็ก ๆ จะไปทำอะไรผมได้”

ท้าทาย และจุมพลก็ยักคิ้วกวน ๆ ให้คนที่ถูกยึดมือเอาไว้ จนไม่สามารถยื่นมือมาดึงแก้มได้อีก

“ไม่ดึงแก้ม ก็มีอย่างอื่น ทำได้เยอะแยะ”

เหรอออออออ

“แบบนี้ก็ทำได้”

ไม่ใช่แค่พูด แต่คนพูดยังยื่นหน้าเข้าไปหา และขโมยหอมแก้มขาว ๆ ของจุมพลที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

“นี่ไง ทำได้แล้ว ง่าย ๆ”

ง่าย........ง่าย.....

“.......................”

ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยทำอะไรแบบนี้ เคยทำกันอยู่บ่อยครั้ง บางครั้งทำด้วยความอยากหยอกล้อ บางครั้งทำด้วยความอยากเอาชนะ
ทำมากกว่านี้ก็เคยทำ และแต่ละครั้งที่ทำก็มีเหตุผลมากพอให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ หลาย ๆ ครั้ง มันก็มีเหตุผลมากพอ ............... แต่มันก็เป็นเหตุผลที่มีไม่มากพอให้ผู้ชายสองคนที่มีสถานะคลุมเครือมาทำแบบนี้กัน

“ผมจะปล่อยมือคุณ แล้วคุณอย่ามาทำอะไรแบบนี้อีก ไม่งั้นผมจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับคุณนะ”

แกล้งข่มขู่ไป และคุณไอศูรย์ก็อมยิ้มน้อย ๆ และพยักหน้ารับ

“ได้”

ได้ก็ดี

จุมพลยอมปล่อยมือ และกำลังจะลุกขึ้นยืนแต่ก็ยังถูกคุณไอศูรย์รั้งเอวเอาไว้ ไม่ยอมให้ลุกขึ้นได้ง่าย ๆ การเผชิญหน้ากันอีกครั้งเกิดขึ้น และจุมพลก็เริ่มทำหน้าหงิกหน้างออีกรอบ

“โว้ยยยยยยยยย ก็บอกว่าไม่เล่นแล้วไงเล่า คุณนี่ น่าโมโหจริงวะ”

บ่นพึมพำ และก็ใช้มือทั้งสองข้างตีเบา ๆ ที่แก้มของคุณไอศูรย์ด้วยความหงุดหงิดโมโห

“ฮึ่ยยยยยยยยย บอกแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าทำแบบนี้อีกจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด ทำไมไม่ฟังกันบ้างวะ”

บ่นอะไรไปเรื่อย และหัวคิ้วก็ขมวดมุ่น เพราะไม่รู้จะทำยังไงอีกฝ่ายถึงจะหยุดเล่นสักที

“มาตรการอะไร เห็นพูดอยู่นั่น ตกลงมาตรการเด็ดขาดของคุณคืออะไร”

ยังจะพูดอีก มาตรการเด็ดขาดของผมก็ไม่มีอะไรมาก ผมก็มีแค่นี้........... จุมพลใช้มือสองข้างประคองแก้มของคุณไอศูรย์เอาไว้ และโน้มใบหน้าลงมาแตะริมฝีปากเข้าที่หน้าผากคุณไอศูรย์ สิ่งที่คิดไม่มีอะไรมาก คุณคิดว่าผู้ชายที่ไหนมันจะมารู้สึกดีเวลาที่โดนผู้ชายด้วยกันหอมหน้าผากแบบนี้วะ ผมว่ามันไม่เห็นรู้สึกดีตรงไหนที่คุณมาหอมแก้มผม และผมว่าคุณก็คงไม่ได้รู้สึกดีหรือมีความสุขสักเท่าไหร่ที่ผมหอมหน้าผากคุณ

สิ่งที่ทำ สำหรับจุมพลแล้ว เรียกมันว่ามาตรการขั้นเด็ดขาด แต่สำหรับคุณไอศูรย์เรียกว่า........การหยอกเย้า....ให้มีอารมณ์อยากทำอย่างอื่นมากกว่า ดวงตาสองคู่กลับมาสบกันนิ่ง ๆ อีกครั้ง คุณไอศูรย์จ้องนิ่งเข้าไปในดวงตาของจุมพล และจุมพลก็ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะจ้องขนาดนี้ไปทำไม

“อะ.....”

อยากจะถามว่าคุณเป็นอะไรของคุณครับ แต่ร่างกายกลับถูกพลิกให้ลงมาอยู่บนโซฟา โดยมีร่างของคุณไอศูรย์คร่อมทับ

“หือ”

อยากจะมีคำถามมากกว่านี้ แต่เมื่ออ้อมแขนของคุณไอศูรย์โอบรัดร่างกายของจุมพลเอาไว้โดยไร้คำพูด.....จุมพลก็ได้แต่นอนมองหน้าของอีกฝ่ายนิ่งๆ และไม่รู้ว่าทำไมครั้งนี้หัวใจถึงได้เริ่มเต้นแรง ผิดกับครั้งก่อน ๆ ที่ไม่เคยรู้สึกอะไร หลับตาลงอย่างว่าง่าย เมื่อใบหน้าคมโน้มลงมาหา ยกแขนขึ้นโอบรัดรอบคอของคุณไอศูรย์ทั้งที่ยังขมวดคิ้วมุ่น

..............ทำไมต้องยอมคุณไอศูรย์ด้วยวะ ทำไมต้องยอม...มันไม่มีเหตุผลให้ต้องยอมเลยนี่หว่า.........แล้วนี่ทำไมผมกำลังจะยอมคุณอีกแล้ว ทำไมเหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นบ่อยนักวะ.........ผมไม่เข้าใจตัวเองและผมก็ไม่เข้าใจคุณด้วย............... ...... ตอนที่คุณทำเรื่องแบบนี้กับผมคุณคิดอะไรอยู่คุณไอศูรย์ ผมไม่เข้าใจจริง ๆว่าคุณคิดอะไรอยู่..........ผม....ไม่เข้าใจ


TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2014 18:01:23 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ว๊ายย ตาเถร ยายชี คุณจุมพลทำไรค๊าาาา
คืออยากจะบอกเหมือนเดิมค่ะ ว่ารูมเมทน่ะ เค้าไม่ชิมคุ๊กกี้กันแบบนี้นะค๊าาาา
รู้ตัวกันมั่งม๊ายยยยยย ชิๆ

ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไป ^^

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :really2: :laugh:ไอศูรย์ทำอะไรจุมพลเนี่ย น้องสับสนเบลอไปหมดแล้ว

ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
เก๊าาาาก็ไม่เข้าจายยยยยยยย  :serius2:

เพราะงั้นขออีกสักตอนได้มั๊ยคะ  :z1:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
จัดสักดอกสองดอกเผื่อว่าอะไรๆจะเข้าใจง่ายขึ้น


  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด