@@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98  (อ่าน 754121 ครั้ง)

ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ยังไม่จบไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวช่วงชิมเป็ดเราจิ้นเอง  :z1:

รอคู่ต่อปายยยยยยยยยย  :hao7:

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6

foolishbeat

  • บุคคลทั่วไป
โธ่ น้องนัทหมดสต็อกซะแล้ว เศร้าเลย
แต่ไม่ว่าคู่ไหนๆ ก็อยากอ่านทั้งนั้นค่ะ ขอแค่ลงมาเถอะ ขอบคุณมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ puna

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ o13

#แอบเห็นคู่พี่น้อง#ฟินอะ #อยากอ่านคู่นี้

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ตอนล่าสุด น้องนัทยั่วไปนะลูก พี่ฟ้าจัดหนักเลย #จิ้นเอง 555

ขอบคุณนะคะ ยังไงก็รอนะ ^^

ออฟไลน์ cowinsend

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
กลับเร็วๆนะคะ จะได้รีบกินกันเร็วๆอ๊ายยยยย :haun4: :haun4:

ออฟไลน์ blanchard

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-3

มารออ่านเรื่องขอนินิวครัช    :impress:

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2

ปล.ด้วยรักและคิดถึง# รอ


“พ่อครับ พ่อมารับกัสด้วยนะครับ พ่อต้องมารับกัสนะครับให้อามารับไม่ได้นะครับ พ่อต้องมานะครับ พ่อ…กัสรอพ่อนะครับ”

ใครบางคนที่มีท่าทางเหม่อลอยเป็นพัก ๆ กรอกเสียงพูดลงในโทรศัพท์ และกดวางสายเมื่อคนที่อยู่ปลายสายตอบรับเรียบร้อยแล้ว

นั่งเหม่อ รอคอยเวลาให้พ่อมารับ โตแล้ว แต่กลับบ้านเองไม่ได้ ไม่ใช่ไม่อยากกลับบ้านเอง แต่เป็นเพราะ.....

“หน้าตาดีนะ ถ้าไม่สังเกตดี ๆ ก็ไม่รู้หรอก”

ได้ยินเสียงนินทาลอยลมมาจากสาว ๆ กลุ่มหนึ่งที่อยู่ด้านหลังและคนที่ถูกนินทาก็ทำเพียงแค่ก้มหน้า

ก้มหน้าลงก่อนจะถอดหมวกออกและยกมือลูบไล้ไปที่หัวของตัวเองที่ในเวลานี้ไม่มีเส้นผมอยู่เลย

เพิ่งโกนหัว โกนเส้นผมออกจากหัวจนหมด และในเวลานี้ก็รู้สึกร้อนจนต้องถอดหมวกออก สายตายังคงเหม่อลอย และมองไปที่ลานกว้างตรงหน้าที่เป็นสนามบาส แต่ในเวลานี้ถูกเปลี่ยนสภาพเป็นสนามฟุตซอลเรียบร้อย

หลายคนวิ่งอยู่ในสนาม วิ่งตามลูกกลม ๆ ในสนาม และคนที่นั่งเหม่อลอยก็ยิ้มออกมา ก่อนจะยกมือข้างซ้ายขึ้นลง กำมือและหมุนข้อมือไปมา ดวงตาข้างซ้ายเริ่มกระตุกอีกแล้ว และมันก็หรี่ปรือเป็นพัก ๆ ก่อนจะกลับมาในสภาพเกือบปกติ

“เฮ้ยยยยยยยยยย เก็บบอลให้หน่อย”

ไม่รู้จัก จำไม่ได้ว่าเคยรู้จัก แต่เมื่อมีลูกกลม ๆ กลิ้งมาที่เท้า คนที่นั่งขยับแขนซ้ายของตัวเองไปมาก็ลุกขึ้นยืนและก้มลงเก็บลูกฟุตบอลโยนให้กับคนที่วิ่งมาที่ข้างสนาม

ดวงตาข้างซ้ายเริ่มกระตุกและหรี่ปรือและกลับเป็นปกติ  นั่งลงที่เก้าอี้อีกครั้ง และสายตาก็ยังเหม่อมองไปที่สนาม

“เฮ้ยยย ห้องไหนเนี่ย ไม่เคยเห็นหน้า”

ใช่
จะเคยเห็นได้ยังไง ในเมื่อไม่เคยมานั่งตรงนี้ เลิกเรียนก็ไปเที่ยวกับเพื่อน รวมกลุ่มกับเพื่อนและซิ่งมอร์เตอร์ไซด์ไปวัน ๆ
ไม่เคยสนใจเรียน ไม่เคยมองสิ่งที่อยู่รอบข้าง ไม่เคยมองหาอนาคต ไม่เคยสนใจอะไรเลย ใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ และคิดว่าชีวิตแสนจะน่าเบื่อ จืดชืด

เบื่อบ้าน
เบื่อเพื่อนในโรงเรียน
เบื่อไปหมด

เกลียดคนรอบตัว
เกลียดทุกคน แบบไร้สาเหตุ โลกนี้มันช่างแสนน่าเบื่อ

จนกระทั่ง..........

ค้นหาโทรศัพท์เมื่อมีเสียงสัญญาณดังขึ้น กดรับและกรอกเสียงลงไป

“พ่อครับ กัสรออยู่ครับ พ่อจะมาช้าครึ่งชั่วโมงเลยเหรอ”

ใบหน้าซึมเศร้าลงและก็กดวางสาย ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นลูบเบา ๆ ที่หัวที่ปราศจากเส้นผมของตัวเองอีกครั้ง

“กัสปีสาม ที่เคยแว๊นใช่ป่ะ เฮ้ยยยย เหลือเชื่อว่ะ คิดยังไงมานั่งตรงนี้เนี่ย”

คิดยังไง
ไม่รู้

ไม่รู้จริง ๆ ว่าคิดยังไง รู้แค่ว่าตอนนี้กำลังกำมือและยกแขนขึ้นลง ไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพราะในหัวไม่สนใจคำถามที่ถูกถาม

“เฮ้ยยยย ไอ้กัสปีสาม ที่แม่งเคยกระทืบเพื่่อนกู”

ได้ยินเสียงตะโกนของคนที่อยู่ข้าง ๆ และก็หันไปมองว่าคนที่อยู่ข้าง ๆ ตะโกนทำไม ตะโกนไปเพื่ออะไร การเคลื่อนไหวในสนามหยุดนิ่ง

สายตาทุกคู่หันมามองคนที่นั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้ กัสไม่รู้ว่าทุกคนที่อยู่ในสนามหยุดเคลื่อนไหวและหันมามองทำไม

ดวงตาข้างซ้ายเริ่มหรี่ปรือ และกระตุกเป็นพัก ๆ และกัสก็ยกแขนซ้ายขึ้นลงอีกสองสามครั้ง

หมอบอกว่าต้องหมั่นบริหารแขนและขา

กลัว ภายในใจมีแต่ความกลัวและกังวล
จะหายมั้ย แล้วกัสจะหายมั้ย กัสจะหายจากอาการเหล่านี้มั้ย

“มึงกระทืบเพื่อนกูใช่มั้ย”

ใคร.........
ไม่รู้จัก

เหม่อลอย และเงยหน้าขึ้นมองใครบางคนที่เดินเข้ามาหาและกระชากคอเสื้อให้ลุกขึ้น

เจ็บ

รู้สึกเจ็บ แต่ไม่รู้ว่าคนตรงหน้ามาทำร้ายกันแบบนี้ทำไม

“มึงไอ้กัสใช่มั้ยที่ยกพวกมารุมกระทืบไอ้โจ้ มึงชื่อกัสใช่มั้ย”

ใช่

พยักหน้ารับ ทั้งที่ดวงตายังเหม่อลอย และดวงตาข้างซ้ายก็กระตุกเป็นพัก ๆ อาการเหล่านี้มาพร้อมกับอาการชาที่แขนข้างซ้ายและกำลังเริ่มลามไปที่ขา

“ดี”

คืออะไร
ดีที่ว่าคืออะไร........
ดีที่ว่าคือการที่ คนที่ไม่รู้จัก อยู่ดี ๆ ก็ยกกำปั้นขึ้น

“เฮ้ยยย อาจารย์มา”

เสียงที่ดังขึ้น ทำให้คนที่ทำท่าเงื้อง้าหมัดต้องเปลี่ยนใจและปล่อยคอเสื้อของกัสทันที

“ถือว่าวันนี้มึงดวงดี”

ดวงดีคืออะไร หมายความว่ายังไง ไม่ต่อยกัสเพราะกัสดวงดี ไม่รู้ว่าทำไมคนเหล่านี้ต้องมาทำร้ายกันด้วย
คอเสื้อถูกปล่อยแล้ว และกัสก็ทรุดลงนั่งที่เก้าอี้อีกครั้ง ดวงตายังเหม่อมองไปที่สนามและใครบางคนที่กระชากเสื้อก็ยังหันมามองกัสเป็นพัก ๆ มองด้วยสายตาอาฆาต

แต่กัสไม่เข้าใจว่าคนนั้นจะมองกัสแบบนี้ทำไม ลุกขึ้นยืน และเซถลาเหมือนนกปีกหัก ประคองตัวเองแทบไม่อยู่ และวางมือไว้บนโต๊ะเพื่อไม่ให้ล้มลงไป เดินเซเอียงไปทางซ้ายหลายครั้ง และไม่นานก็เริ่มเดินตรงทาง

ก้าวขาออกไปจากข้างสนาม
เดินอย่างเชื่องช้า

กลัวไม่หาย กลัวจะเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิต แต่หมอบอกว่ายังไงก็หาย ต้องอดทน ต้องพยายาม ไม่ว่ายังไงก็หายแน่ ๆ
ความทรงจำบางช่วงขาดหายไป หมอบอกว่าไม่นานความทรงจำนั้นจะกลับมา

กัสไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เคยทำอะไรไว้บ้าง ไม่รู้เลยว่าเคยทำตัวไม่ดียังไงไว้บ้าง

อีกครึ่งชั่วโมงพ่อจะมารับ กัสไม่เคยรู้ว่าพ่อรักกัสมากขนาดไหน จนเมื่อสลบไปสามวันเต็ม ๆ เพราะอุบัติเหตุรถมอร์เตอร์ไซด์ชนกับรถสิบล้อ

วันที่ลืมตาขึ้นมา กัสจำอะไรไม่ได้ เห็นพ่อร้องไห้ และร่างกายก็ชาไปหมด

ร้องไห้ เพราะกลัวจะไม่เหมือนเดิม พูดก็พูดไม่ได้ ไม่มีเสียงพูด ร่างกายชาไปหมดทั้งร่าง มีแต่ความหวาดกลัว
และเพิ่งสำนึกว่าพ่อที่กัสเคยคิดว่าเป็นคนน่าเบื่อแท้จริงแล้วรักกัสมากขนาดไหน

เหมือนเด็กอ่อน หัดกินหัดนั่ง หัดยืน หัดเดินหัดนอน แม้กระทั่งหัดเข้าห้องน้ำ

พ่อก็ทำให้

“พ่อครับ กัสอยู่หน้าโรงเรียนแล้ว พ่ออยู่ไหนครับ”

กดโทรศัพท์โทรหาและก็ยิ้มกว้างเมื่อพ่อกำลังขี่มอร์เตอร์ไซด์มาจอดที่หน้าโรงเรียน พ่อลงมาแล้วและสวมหมวกกันน็อคให้กัส

“ไอ้กัส ที่เหี้ยที่สุดของปีสามไม่ใช่เหรอวะ”

กัสไม่รู้จัก กัสคนที่ไม่ดีที่สุดในปีสามคนนั้นกัสไม่รู้จัก ไม่รู้ว่าคน ๆ นั้นคือใคร

“ใช่เหรอวะ ไหนว่าแม่งมอร์เตอร์ไซด์ชนสิบล้อตายไม่ใช่เหรอวะ แล้วทำไมแม่งเสือกรอดมาได้”

ไม่ได้ยิน
ไม่รู้ว่ามีใครพูดตามหลังมาบ้าง กัสซ้อนอยู่บนท้ายรถมอร์เตอร์ไซด์ของพ่อและเกาะเอวพ่อเอาไว้แน่น

เหมือนเด็ก คล้ายจะกลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง ไม่สนใจเลยสักนิดว่าสายตาของคนที่อยู่นอกโรงเรียนมองมาอย่างไร

ไม่ใช่กัสคนก่อนอีกแล้ว ไม่ใช่ไอ้กัสที่เหี้ยที่สุดในปีสามอีกแล้ว เหลือแค่กัสที่เป็นเด็กหนุ่มธรรมดาที่มีครอบครัวอบอุ่นคนหนึ่งเท่านั้น

กัสคนที่ไม่สนใจกับสายตาของคนภายนอก กัสที่เห็นพ่อกับแม่สำคัญที่สุดในชีวิต

กัสที่ไม่สนใจสายตาและความคิดของใคร ๆ

“เหลือเชื่อ แม่งสุดยอดเลยว่ะ กูไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไอ้กัสที่เหี้ยสุดของปีสามจะมานั่งดูกูเล่นฟุตซอล แถมยังเก็บบอลให้กูอีก บอกไปจะมีใครเขาเชื่อวะว่าไอ้กัสปีสามแม่งกลายเป็นเด็กน้อยใส ๆ ไปแล้วจริง ๆ”

TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2014 00:03:53 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2

ปล.ด้วยรักและคิดถึง# ศัตรู

“ไม่เอาหรอก กูไม่คบใครทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวย่าด่า”

จริงที่กลัวย่าด่า ย่าส่งมาเรียน แต่เสือกจะมาคิดเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ทำตัวแบบนี้ไม่สมควรกับที่ย่ารัก

“จิตใจดีจริงมึง แล้วชาตินี้มึงจะรักใครเป็นมั้ยเนี่ย”

เรื่องของกูเหอะ นี่มันชีวิตของกู มันเรื่องของกู

“แต่คงไม่ต้องห่วงหรอกมั้ง ยังไงไอ้นิวมันก็ยังตามรักตามห่วงมึงอยู่ดี”

หยุดพูดถึงคนที่ชื่อนิวนี่ซะทีเหอะ ยิ่งฟังยิ่งอยากเบือนหน้าหนี แม่งโรคจิตชัด ๆ

“เลิกพูดเรื่องไอ้นิวซะที กูไม่ชอบ”

เบือนหน้าหนี และก้มหน้าก้มตาเปิดหนังสืออ่าน ทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่เคยคิดอยากจะอ่านเลยสักนิด ทำไมต้องล้อ ทำไมต้องแซวเรื่องไอ้นิวด้วยวะ  แถมตอนนี้ซวยหนัก ถูกยุบห้องให้ไปเรียนรวมด้วยกันอีก เป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตจริง ๆ คนรักกับคนที่ถูกรักความรู้สึกมันย่อมต่างกันเป็นธรรมดา สำหรับตองมันเป็นเรื่องที่แย่ที่สุด แต่สำหรับอีกคนมันไม่ใช่

ชอบมาตั้งแต่อยู่ประถมแล้ว เหลือบสายตาไปมองคนที่อยู่หลังห้อง ที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือแล้วนิวก็เริ่มอมยิ้ม

ชอบตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถม บอกออกไปแล้วว่าชอบ ท่าทีที่แสดงออก เรื่องของคนสองคนที่ไม่มีใครรู้
แต่ดูยังไงก็รู้ว่าทางนั้น..........ไม่เคยชอบ ไม่เคยแม้แต่จะมองมา

ไม่เคยเลย

.....ตัวมันเล็กก็จริง มันทำตัวอยู่ในกรอบ แต่มันกล้ากระโดดต่อยไอ้เจ๋ง โคตรได้ใจ.... อีกครั้งที่นึกถึงใครบางคนที่ถูกยุบห้องมารวมด้วยแล้วก็ทำให้ยิ้ม ยิ้มออกมา และเปลี่ยนรอยยิ้มเป็นใบหน้าเรียบเฉย ตองมันไม่ยอมรักใคร มันไม่ชอบถ้าใครจะบอกว่าจนแล้วไม่เจียม ตองอยู่กับย่า พ่อมีเมียใหม่ แม่ทิ้งไปตั้งแต่ป.4 เลยถูกส่งมาอยู่กับย่า ย่าด่าเช้าด่าเย็น ให้มันทำงานบ้านไม่ให้ออกไปไหน มันก็ทำ

ไม่เคยดื้อ ไม่เคยทำตัวมีปัญหา เว้นแค่คราวนั้นที่มันกระโดดต่อยไอ้เจ๋ง จนมีเรื่องราวใหญ่โตเพราะถูกไอ้เจ๋งล้อเลียนว่าเป็นลูกถูกทิ้ง

รักมัน

รักมานาน และอยากรักตลอดไป

ไม่กล้ายุ่งกับมันอีก ไม่กล้าโทรหา เพราะสร้างความรำคาญจนมันต้องเปลี่ยนเบอร์หนีไปสามรอบ แต่คราวนี้มันหนีไม่ได้ เพราะห้องถูกยุบรวม มันก็เลยจำใจต้องมาเรียนรวมที่ห้องเดียวกัน มันจำใจ และยิ่งถูกล้อ มันก็ยิ่งลำบากใจ

มันอาย มันคงอายมาก เวลาที่ถูกล้อ ว่ามีผู้ชายมาชอบ

กลางวันไม่เคยเห็นมันกินข้าว เพราะมันเก็บเงินค่าข้าวที่ย่าให้เอาไว้ บ้านมันอยู่ใกล้ ๆ เดินไม่เท่าไหร่ก็ถึงโรงเรียน สงสาร ทั้งรัก ทั้งสงสาร

…..ตอง........

“โฮ่ มองซะหวานขนาดนั้นเลย ไอ้นิวมองมึงอีกแล้ว ตอง”

ชะงัก และจากรอยยิ้มจาง ๆ ก็กลายเป็นหน้าเมินเฉย รู้ดีว่าตองมันจะทำหน้ายังไง รู้ดีว่าตองมันจะมีท่าทียังไง รู้ดีว่า เวลาที่มันถูกล้อ มันอายมากขนาดไหน

“โฮ่ววววววววว ไปไหนล่ะวะไอ้นิว น้องตองอุตส่าห์มาอยู่ห้องเดียวกับมึงเลยนะ จะได้ไม่ต้องเอาแต่ชะแง้แลมองตลอดเวลาไง”

ไม่ตลกหรอก ไม่มีอะไรตลกเลยสักนิด

สำหรับตองไม่เคยมีอะไรตลกเลย
รู้สิ
รู้ดี ทำไมจะไม่รู้

เราห่างกันเกินไป แม้เราจะอยู่ใกล้กัน ยิ่งใกล้กันเท่าไหร่ยิ่งห่างไกลออกไปทุกที รอยยิ้มที่เคยได้มีโอกาสเห็นจาก คนตัวเล็กที่สายตามุ่งมั่นจริงจัง ตองไม่เคยเล่นกับเพื่อนคนอื่น ทุกครั้งที่มีการแกล้งกัน ตองมันก็เอาแต่ยิ้ม และบางทีก็ทำหน้าเฉย

“กินข้าวบ้างสิวะตอง”

รู้ทุกอย่าง ได้ยินทุกอย่าง

“ไม่เอา เดี๋ยวก็เลิกเรียนแล้ว กลับไปกินข้าวบ้านประหยัดกว่า”

มันว่าอย่างนั้น และนิวก็ได้แต่ยิ้ม ตองมันน่ารัก ตองมันดีด้วยตัวของมันเอง ตองมันเป็นคนดี ที่ไม่มีทางเหลียวมองมาทางนี้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทาง

“จะจบปีสามแล้ว”

ใช่
กำลังจะจบปีสาม
ทุกอย่างมันรวดเร็วมากเหลือเกิน

ตั้งแต่ชั้นประถมที่เราเคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน

วันที่ได้แอบมอง

กระเป๋าสตางค์ของตองไม่มีรูปใครอื่นเลย นอกจากรูปแม่กับตอง สิ่งที่ตองมันโหยหา ก็คือความรักจากแม่ ตองมันโหยหามาตลอด และมันไม่เคยแบ่งหัวใจไว้สำหรับรักใครเลย

......ตอง.... รักตองนะ นานแค่ไหนก็รัก ไม่ว่าอีกนานแค่ไหน.....ก็รักตอง

“พี่นิว ไปยัง เดี๋ยวโรงอาหารเต็มไม่มีที่นั่ง”

ได้ยินเสียงเรียกของใครบางคนที่อยู่หน้าห้อง และนิวก็หันไปมอง ก่อนจะส่งยิ้มให้

“ไปแล้ว นี่ไง แป๊บนึง”

โยนสมุดสองสามเล่มลงกระเป๋า และลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปหาคนที่มาเรียก

“เหี้ยยยย น้องจ๋า แม่งอย่างน่ารักอ่ะ”

เหรอ
แล้วไง

“มึงคงไม่มีทางมีแฟนน่ารักแบบนั้นหรอกใช่มั้ย ต้องรอให้เรียนจบซะก่อน ไม่อย่างนั้น ตองมีแฟนไม่ด้ายยยยยยย”

เออใช่ไง มาเรียนไม่ใช่มาคิดเรื่องไร้สาระ แฟนอะไรนั่นน่ะ ไม่คิดจะมีหรอก ย่ารู้ย่าคงด่ากระเจิง ทุกวันนี้ก็ยิ่งชอบด่าอยู่ด้วย

“ว่างเหรอ”

แกล้งว่า และเพื่อนที่เอาแต่แซวก็หัวเราะออกมา

“อ้าว พูดได้เหรอ กูนึกว่ามึงไม่ได้เอาปากมาเรียนด้วยซะอีก”

พูดได้ ทำไมจะพูดไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าอยากพูดหรือเปล่าแค่นั้น

“ตอง”

เออ

ว่าไง

เรียกทำไม

“มึงอ่ะ ไม่ต้องชอบใครหรอก ย่าส่งมาเรียนก็เรียนไปเหอะ”

เออ

ไม่ได้ตอบรับไม่ได้พยักหน้า ตองแค่หันไปมองที่นอกหน้าต่าง และมองไปที่ท้องฟ้าสีฟ้า ก้อนเมฆกำลังเปลี่ยนรูปร่าง มองแล้วก็จินตนาการว่าเป็นรูปต่าง ๆ

ก้อนเมฆลอยไปเรื่อย ๆ

ลอยไป.....

“ตอง”

เออ

ไม่ได้ตอบ ไม่ได้พยักหน้า แต่เพราะรู้จักกันมานาน อีกฝ่ายจึงรับรู้ได้ว่าตองกำลังฟังอยู่ แม้จะไม่ได้พูด

“มึงอย่าชอบใครนะ เรียนจบก่อนแล้วค่อยคิดนะเรื่องแฟนอะไรนั่นน่ะ มันไร้สาระ กูก็เห็นอย่างมึงว่าแหละ กูถึงไม่มีแฟนนี่ไง”

ก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ กูไม่คิดหรอก แต่มึงก็ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนกูก็ได้นี่หว่า

ผู้หญิงชอบมึงเยอะแยะ มึงไม่เลือกชอบไปสักคนวะ เหมือนที่ไอ้นิวมันก็มีแฟนไปแล้ว และมันคงเลิกมาวุ่นวายกับกูอีก ซึ่งเป็นแบบนั้นได้ก็ดี

“กูไปซื้อน้ำก่อนนะ”

ไปเหอะ

ตองไม่ได้ตอบ ยังคงนั่งมองก้อนเมฆที่เปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อย ๆ หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาดู และเปิดออกเพื่อมองรูปถ่ายของตัวเองในวัยเด็ก กับแม่

ยิ้ม...มองแล้วก็ยิ้ม

ตองไม่รู้หรอกว่าแม่เป็นยังไง สบายดีมั้ย แต่ตองคิดว่าแม่คงสบายดี ตองไม่ได้คิดหรือหวังให้แม่มารับตองไปอยู่ด้วยหรอกนะ
ตองก็ต้องโตเป็นผู้ใหญ่เหมือนกัน จบปี 3 ตองจะหางานทำ ตองจะเลี้ยงย่า

ตองจะดูแลย่า เรื่องแฟนเรื่องความรักแบบนั้น ให้ตายตองก็จะไม่นึกถึง พ่อมีเมียใหม่สามคนแล้ว ตั้งแต่แม่ไม่อยู่ แถมยังเอาน้องคนเล็กมาทิ้งไว้ให้ย่าเลี้ยงอีก แม่คงมีแฟนใหม่ไปแล้วป่านนี้ แม่เองก็คงไม่อยู่แบบไม่มีคู่ไปตลอดชีวิตแต่ตองจะไม่ทำแบบพ่อกับแม่หรอกนะ ความรักแบบนั้น ตองจะไม่รับรู้มันเด็ดขาด ตองไม่มีทางรักใครแบบนั้น ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีวัน

ตองแค่คิดในส่วนที่ตัวเองอยากจะคิด ปิดกั้นและไม่เคยยอมเปิดใจให้ใคร ใครบางคนที่อยู่เคียงข้างตองมาตลอด กำลังเดินลงไปซื้อน้ำ

ก้าวขาลงบันได และสวนทางกับคนที่กำลังเดินขึ้นมา

มองหน้ากัน

มองหน้า

แม้ไม่เคยพูดกันอย่างจริงจัง แต่ก็เป็นอันรู้กันในใจลึก ๆ ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร

“มึงไม่มีทางสมหวังหรอก”

ใช่ ไม่มีทางสมหวัง

“มึงก็ไม่ต่างกันไม่ใช่หรือไง”

ใช่ ถึงไม่มีทางสมหวัง แต่ก็ยังดีกว่ามึงเยอะ

“แล้วไง ยังไงตองก็อยู่กับกูตลอด”

ใช่ ตองอยู่กับมึงตลอด แล้วยังไง คิดว่าความเจ็บปวดของมึงน้อยกว่ากูหรือไง

“กูเจ็บอยู่ไกล ๆ แต่มึงเจ็บอยู่ใกล้ ๆ”

ถ้อยคำเย้ยหยัน และรอยยิ้มที่เหมือนสาแก่ใจมันทำให้ใครบางคนถึงกับสะอึกและพูดอะไรไม่ออก

“ใกล้หรือไกล ก็เจ็บไม่ต่างกันหรอก เพราะใจของตองไม่เคยอยู่ที่ใครเลย ทั้งมึงทั้งกู”

นั่นก็ใช่
ยอมรับ....
ว่านั่นก็ใช่.....

“มึงกับกู....ยังไงซะ สถานะก็ไม่ได้ต่างกันเลยสักนิด เพราะไม่ว่ายังไง ตองก็ไม่มีทางหันมามอง”

พูดกันแค่นั้น และต่างฝ่ายต่างก็ต้องเก็บถ้อยคำของอีกฝ่ายไปคิด

นิวเดินขึ้นบันไดไปแล้ว ส่วนใครอีกคนกำลังก้าวเดินลงบันไดอย่างช้า ๆ ขมวดคิ้วมุ่น และในหัวก็มีแต่ถ้อยคำของคนบางที่เดินสวนกันก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา

“ไม่มีทางสมหวังงั้นเหรอ ก็ใช่แหละวะ หึ...แต่มึงเองก็ไม่ต่างกันไม่ใช่หรือไง มึงเองก็ไม่มีทางได้รับความรักจากตองเหมือนกัน ไอ้นิว”

TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2014 07:24:21 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง# ความทรงจำ

“ปล่อยหมามันออกมาได้แล้ว”

ชื่อเจ๋ง แต่เสียท่าให้กับคนตัวเล็กที่อยู่ดี ๆ มันก็กระโดดใส่เหมือนหมาบ้า

หมาบ้าชัด ๆ ไอ้ตอง เห็นหน้าแบบนี้ ก็มีความบ้าใช้ได้ กูไม่ได้ชื่นชมมึงหรอกนะ แค่อยากเล่นกับมึงหน่อย

“กระทืบแม่งดิ”

แค่คำพูดเดียว แล้วคนทั้งกลุ่มก็รุมกันยำคนตัวเล็กที่ลงไปกองกับพื้น ไม่ได้อยากให้ตาย แค่อยากสั่งสอนให้มันรู้สำนึก
คนอย่างกู ไม่เคยถูกหยามฟรี มึงจะได้จำว่ากำลังเล่นกับใคร

“เฮ้ยยย ขอเถอะ อย่าทำมันเลย กูขอ อย่าทำมัน”

ขอเหรอ มึงเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาขอ ก็ได้ ขอก็ได้ กูจะให้มึงอีกคนก็ได้

“พวกมึงจัดให้ไอ้โจ้มันหน่อยสิ งานนี้มันบอกว่าขอ”

ชี้หน้า และแสยะยิ้ม และคนที่เข้ามาปกป้องก็ถึงกับผงะ

คนถัดไปที่จะถูกรุมกระทืบคือกู ใช่แน่แล้ว

“พี่กัส แล้วไอ้ตองล่ะ”

ก็ไม่ทำไม ก็แค่กระทืบ เอาพวกมันมากองรวมกันแล้วกระทืบมึงว่าเป็นเรื่องยากหรือไง

“ใครกัส พ่อมึงเหรอ ชื่อกัส”

“อ่ะ พี่...พี่เจ๋ง....กระทืบรวมใช่มั้ย”

ใช่
อย่าให้กูต้องพูดมากได้มั้ย รำคาญ กูขี้เกียจให้พวกมึงเซ้าซี้

“กลับมากูต้องได้เห็นเลือดมันนะ”

แค่สั่ง แล้วก็ลุกขึ้นยืน สบายอารมณ์ เมื่อหันกลับไปมองแล้วก็เห็นว่าไม่มีพื้นที่ว่างพอให้เห็นได้ว่ามีใครอยู่ตรงกลางวง
ทำงานใช้ได้แล้วก็ไม่ต้องให้สาวมาถึงกูแล้วกัน กูขี้เกียจรำคาญ

เจ๋งเดินจากไปเงียบ ๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่เคยมีความจริงใจ

ไร้เสียง
คนที่นอนจมอยู่ใต้ตีนของคนนับสิบ นอนนิ่งเงียบ ไร้เสียง
เจ็บจนจุก

จุกเพราะเจ็บ
แต่ไม่มีเสียงร้อง

“ตอง ตอง เป็นไงมั่ง”

ไม่ตาย
ยังไม่ตาย
แค่จุก

“พอ”

แค่คำเดียว แล้วทั้งมือทั้งตีนที่มาเป็นสิบก็หายไปในพริบตา ตองนอนนิ่งเงียบ ดวงตาปูดโปน และเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บที่กำลังประเดประดังเข้ามาตามร่างกาย

“ตอง เป็นไงมั่ง ตอง”

ที่ควรถามนั่นมึงมากกว่า

“ไอ้โจ้มึงมันแส่หาเรื่องชัด ๆ”

เจ็บปาก พูดแทบไม่ออก และต่างคนก็ต่างนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น

เจ็บ ไม่มีแรงลุก

“ไอ้เจ๋งไม่ปล่อยมึงแน่”

ใช่มันไม่ปล่อยแน่ ๆ ก็รู้ ที่มันทำก็แค่สั่งสอน ว่าอย่าหือกับมัน แค่สั่งสอนเท่านั้น และมันก็เป็นการสั่งสอนที่เจ็บพอตัว
ยกมือขึ้นเช็ดคราบเลือดที่ริมฝีปากและเพื่อนที่นอนอยู่ก็ทำเหมือนกัน

“มึงลุกไหวมั้ย”

ไหว ของแค่นี้สบายมาก ยังไม่ตายยังไงก็ลุกไหว ค่อย ๆ ขยับตัวอย่างช้า ๆ และก็เป็นโจ้ที่พยายามลุกขึ้นก่อนและดึงแขนตองให้มาพาดไว้ที่ไหล่ คนสองคนช่วยกันพยุงร่างของกันและกันเพื่อให้เดินได้ พากันเดินออกจากสนามบาสที่เวลานี้ไร้ผู้คน

ต่างฝ่ายต่างช่วยกัน โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาของใครมองอยู่ห่าง ๆ

“ขอบใจมากนะกัส กูขอเถอะคนนี้กูขอ อย่าทำมันเลย”

ใครบางคนกำลังกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์

“ใครกัส พ่อมึงเหรอ”

ได้ยินเสียงตอบรับจากปลายสาย และก็เป็นนิวที่ต้องนิ่งเงียบ เมื่อถูกตวาดกลับมา

“เห็นเป็นมึง กูจะปล่อยมันไปก็ได้ แต่ถ้ามีอีก หน้ามึงกูก็ไม่ไว้เข้าใจมั้ยนิว”

เข้าใจ
กูเข้าใจ

“แล้วไม่ต้องเสือกสะเออะโทรหากูอีก คราวหน้าถ้ามันยังไม่เลิกปากดี กูจะให้แม่งตายทั้งเป็น มึงก็รู้กูทำได้”

ใช่
รู้

รู้ว่ามึงทำได้

มึงทำได้ เพราะความเป็นคนของมึงเหลือน้อยลงเต็มที

“ขอบใจนะเจ๋งที่ยังเห็นกูเป็นเพื่อน”

มึงไม่ใช่เพื่อนกูตั้งนานแล้ว กูไม่เคยอยากได้เพื่อน

“เหี้ย เลิกพร่ำเพ้อเรื่องเพื่อนห่าเหวอะไรของมึงนั่นซะทีกูไม่เคยเป็นเพื่อนมึง”

ปลายสายถูกตัดไปเรียบร้อยและนิวก็ยืนมองโทรศัพท์เงียบ ๆ ไม่รู้ว่าที่มึงยอมอ่อนข้อให้กูขนาดนี้เพราะมึงยังเห็นกูเป็นเพื่อนหรือเปล่า

แต่กูก็หวังแบบนั้น กูหวัง และขอให้เป็นแบบนั้น หากความเป็นเพื่อนของเรายังอยู่ กูก็ได้แต่หวังอย่างนั้น
มองไปที่ตองที่ถูกพยุงโดยไอ้โจ้แล้วก็ได้แต่รู้สึกเจ็บปวดจนเสียดแทงเข้าไปข้างในใจลึก ๆ

โชคยังดีที่วันนี้กูทันมอง ไม่งั้นมึงคงยิ่งแย่และสภาพคงดูไม่จืดยิ่งกว่านี้

.....และคนที่มึงยอมให้อยู่ข้าง ๆ ไม่ใช่กู..........แต่เป็นไอ้โจ้....

ยืนมอง ได้แต่มองตามอยู่อย่างนั้น เงียบงัน ความรักที่ไปไม่ถึง แม้ส่งเท่าไหร่ก็ไม่มีวันไปถึง รับรู้ แต่ไม่เคยตอบรับ
ตองไม่เคยตอบรับ ไม่ว่ากับใคร

“กูพยายามแล้วนะตอง วันนี้กูช่วยได้แค่นี้ วันที่เหลือถัดกจากนี้มึงคงต้องเซฟตัวเอง”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2014 07:24:51 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
“อย่าดื้อให้มากนักกัส อย่าพยศ อย่าหาเรื่องใส่ตัวเอง อยู่เฉย ๆ ซะบ้าง”

แล้วใครจะเชื่อ

“เรื่องของใครเรื่องของมัน เรื่องของมึงกูไม่ยุ่ง เรื่องของกูมึงก็อย่ามายุ่งเหมือนกัน”

มันก็เป็นซะแบบนี้ เด็กมีปัญหา หาเรื่องให้ตัวเองไม่พอ ยังขยันหาเรื่องให้คนอื่นด้วย สำนึกบ้างมั้ย อย่าทำตัวเลว เพราะเวลาเลว คนอื่นเขาเดือดร้อน หัดมีจิตสำนึกซะบ้าง

“เตือนแล้วต้องฟัง”

“มึงไม่ใช่พ่อกู พ่อกูยังไม่ว่าเลย แล้วมึงเป็นใครเสือกอะไรด้วย”

หมดคำพูด เงยหน้ามองคนที่ทั้งดื้อทั้งรั้น ทั้งขยันหาเรื่องให้คนรอบข้างเจ็บตัว แล้วก็ได้แต่นิ่งเงียบ

“กูไม่ใช่พ่อมึง แต่กูเป็นอะไรกับมึงก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ อย่าให้ต้องพูดมากกัส สำนึกตัวเองบ้าง”

อย่ามาทวง อย่ามาอ้างสิทธิ์ เอากันแค่ครั้งสองครั้ง ไม่ได้แปลว่ากูจะต้องยอมเป็นทาสมึง

แค่ความอยาก
มึงอยากกูอยาก แรก ๆ อาจไม่ใช่ แต่พอนานวันไป ต่างคนต่างอยาก ก็แค่มาเจอกัน มาเอากัน เสร็จแล้วก็ต่างคนต่างไป

“มึงก็อยู่ในโลกของมึงไป กูก็อยู่ในโลกของกู เราต่างคนต่างอยู่ มึงไม่ต้องส่งใครมาสืบเรื่องของกูด้วย กูรำคาญ”

ลุกขึ้นยืน และหยิบผ้าขนหนูติดมือไปด้วย

“กัส”

เรียก และฝ่ายที่ถูกเรียกก็หันกลับมามอง

แค่มอง
มองนิ่ง ๆ
มองอย่างไม่รู้สึกรู้สา แค่สายตาที่คล้ายจะว่างเปล่า แต่มีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้นเสมอ

“กูจะไปเมืองนอก พ่อกูได้งานที่นั่นไม่เกินสองสัปดาห์นี้กูคงต้องไป”

ก็ไปสิ

“แล้วมาบอกกูทำไม กูไม่ได้อยากรู้”

เหมือนไม่แคร์ เหมือนไม่สน ไม่ใส่ใจว่าอีกฝ่ายจะมีตัวตนอยู่ในโลกนี้หรือไม่
เย็นชา ไร้ความรู้สึก ไม่รัก ไม่ผูกพันกับใคร ไม่เคยรู้สึกอะไรกับใครเลยสักนิด ใครจะเป็นจะตายยังไงก็ช่าง

ไม่เกี่ยวกับกู มึงจะไปไหนก็เรื่องของมึง

ไม่เกี่ยวกับกู

เปิดน้ำและโยนเสื้อผ้าทิ้งเอาไว้ เปิดน้ำฝักบัวจนสุด และเงยหน้าขึ้นมองสายน้ำที่กำลังหยดลงมา สายน้ำให้ความเย็น และช่วยให้ร่างกายสดชื่น

ใครบางคนที่ไร้หัวใจ กำลังยืนกระพริบตา มองสายน้ำที่กำลังหลั่งรินรดร่างกาย

แสยะยิ้มที่มุมปาก

สิ่งสุดท้ายที่คิดได้ คือความรู้สึกสมเพช

สมเพชตัวเอง

ไม่น่าให้เวลามันยาวนาน ไม่น่ารู้สึกอะไรกับใคร ไม่น่าเลย ไม่ควร.............มีความรู้สึกให้ใครเลยจริง ๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
คล้ายเห็นภาพบางอย่างวนไปวนมาในหัวหลายครั้ง

หลังจากการพูดคุยกับคนใครสักคน กัสรับรู้ว่าตัวเองขับมอร์เตอร์ไซด์ด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะบิดได้ วันนั้น จำได้ว่าเร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ และไม่คิดจะสนใจอะไรอีกแล้ว หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น จำแทบไม่ได้ ภาพบางอย่างมักวนไปวนมาในหัวเสมอ ใครสักคนที่คล้ายๆ จะอยากให้เลือนหายไป แต่ก็ปรากฏตัวออกมาให้เห็นอยู่บ่อย ๆ ในความนึกคิด

.....แล้วนี่มัน.......รูปของใคร

กัสพลิกรูปถ่ายใบเล็ก ๆ ที่ถูกไฟเผาแทบไม่เหลือ รูปที่ไหม้ไฟมากกว่าครึ่งถูกเก็บไว้ในกล่องแสตนเลสเล็ก ๆ ที่ซุกอยู่ในมุมหนึ่งของลิ้นชักโต๊ะ มีเพียงใบหน้าครึ่งเสี้ยวของใครบางคนที่ไม่รู้จัก ถ้าเผาจนไหม้ขนาดนี้ แล้วจะเก็บเอาไว้ทำไม

แทนที่จะทิ้งไป ทำไมถึงได้ยังเก็บเอาไว้

“อย่า...ให้ต้อง...เป็นห่วงนักนะ..”

บ่นพึมพำและพูดประโยคบางอย่างที่คล้าย ๆ จะจำได้ มันดังวนไปวนมาอยู่ในหัวเสมอ บางสิ่งบางอย่างที่คล้ายจะชัดเจน แต่ก็เลือนลางหายไป ยิ่งนึกยิ่งปวดหัว ปวดหัวจนต้องใช้ปลายนิ้วคลึงไปที่ขมับเบา ๆ

ปวดร้าวไปหมดทั้งหัวทั้งตา เดินลงมาข้างล่าง และเห็นพ่ออ่านหนังสือพิมพ์อยู่

“พ่อครับ กัสปวดหัว พ่อครับ ปวดหัว”

พูดแทบไม่เป็นภาษา บางครั้งที่เหมือนจะบังคับการพูดของตัวเองได้ แต่ก็เหมือนว่าเวลาที่รีบคิดและรีบพูด ลิ้นมักจะพันกันจนบางทีพูดจาไม่รู้เรื่อง

“เหรอ มานั่งกับพ่อก่อน เดี๋ยววันนี้ให้อาไปส่งนะ พ่อต้องรีบไปส่งเอกสาร”

ไม่เอา ไม่อยากให้อาไปส่ง

“พ่อไปส่งกัสไม่ได้เหรอ กัสอยากให้พ่อไป”

ลากเก้าอี้ออกมา และนั่งลงข้าง ๆ พ่อ มองไปที่กระเป๋าใส่เอกสารใบใหญ่ สลับกับการมองหน้าของพ่อ

“พ่อต้องไปส่งเอกสารหลายที่เช้านี้มีแต่งานเร่ง ให้อาไปส่งนะ”

ให้อาไปส่งก็ได้

“แล้วตอนเย็นพ่อจะไปรับกัสมั้ย”

อ้อนเหมือนเด็ก ๆ มองหน้าพ่อ แล้วก็ถามคำถามง่าย ๆ แต่ทำให้พ่อถึงกับนิ่งเงียบ

“วันนี้คงจะวิ่งหลายที่ ให้อาไปรับนะ”

คำตอบที่ทำให้คนฟังมีสีหน้าห่อเหี่ยวและสลดลงอย่างเห็นได้ชัด

“เดี๋ยววันไหนที่ไม่มีส่งเอกสารตอนเช้าพ่อจะไปส่งกัสนะ”

“คร้าบบบบ”

ไม่ใช่อยากจะพูดเสียงยานคาง แต่ไม่สามารถควบคุมระยะห่างระหว่างคำพูดได้ แขนที่มีอาการชา ถูกดึงขึ้นและพ่อก็หยิบยานวดที่วางอยู่มาบีบยาใส่มือให้ ลงมือนวดคลึงเบา ๆ เหมือนทุกวันที่ทำให้

“พ่อคร้าบบบ กัสจะหาย....มะ...มั้ยครับ”

ถามออกไปด้วยใบหน้าหมองเศร้า และมองที่แขนของตัวเอง

“หายสิ หมอบอกว่าหาย ยังไงก็หาย”

หายจริง ๆ นะพ่อ กัสจะหายใช่มั้ยพ่อ กัสจะ....หายจริง ๆ ใช่มั้ย

“ที่ผ่านมา ทำให้พ่อเสียจาย มาตลอดดดด แด่...แต่”

พูดไม่ออก คิดประโยคถัดไปไม่ออก สุดท้ายได้แต่นิ่งเงียบ และมองแขนของตัวเองที่พ่อกำลังนวดคลึงยาให้อย่างตั้งอกตั้งใจ

“แค่กัสยังอยู่ แค่กัสยังมีลมหายใจอยู่ แค่กัสยังอยู่กับพ่อ แค่นี้พ่อก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว”

TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-06-2014 23:19:04 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
อ่านแล้วงงๆ งงตัวละคร 555 รอต่อค่าาา  :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล. ด้วยรักและคิดถึง#ความรู้สึกของหยก

หิมะตกแล้ว

นั่งกอดเข่าและมองหิมะที่ค่อย ๆ ร่วงหล่นลงมา คนที่อยู่ทางโน้น ไม่เคยมีใจ ไม่เคยรู้สึกอะไรต่อกันเลย
ที่จากมาก็เพราะว่ายิ่งอยู่นานไป ยิ่งจมลึกลงไปกับความรู้สึกของตัวเอง

รักข้างเดียวมันเหนื่อย กอดให้ตายความรู้สึกก็ไม่เคยส่งไปถึง

“แค่เอากัน ถ้าอยากก็มา เสร็จแล้วก็จบ อย่าบอกนะว่ามึงมีใจ”

คำพูดเสียดแทง รอยยิ้มเหยียดหยันแววตาที่มองตรงมา ไม่เคยมีสักครั้งที่จะรู้สึกถึงบางอย่าง นอกจากความต้องการทางร่างกายที่รอการปลดปล่อย แล้วมันก็จบลงด้วยการที่ต่างคนต่างไปในทุก ๆ ครั้ง ไม่เคยได้อยู่ด้วยกันถึงเช้า

ไม่มีสักครั้ง
ไม่เคยเลย

พลาด
ยอมรับว่าพลาด

พลาดมาก ตั้งแต่ได้รู้จักกันอย่างไม่คาดคิด พลาดที่ข้ามขั้นไปไกล จนคำว่ารักไม่ทันได้เอ่ย ประโยชน์มีเพียงแค่ร่างกายที่เอาไว้รับการตอบสนองเมื่อความต้องการเข้าครอบงำ สุดท้ายทุกอย่างก็เป็นเพียงความฝันเลือนลางของคน ๆ นี้เท่านั้น

ห่วงให้ตาย
รักให้ตาย แต่ไม่กล้าแม้แต่จะแสดงออก ความรักที่เงียบงัน มีเพียงร่างกายที่เชื่อมถึงกัน แต่หัวใจห่างไกลกันเหลือเกิน

“กูจะไปเมืองนอก พ่อกูได้งานที่นั่นไม่เกินสองสัปดาห์นี้กูคงต้องไป”

มันเป็นแค่คำขู่ ที่หวังเพียงให้สายตาคู่นั้นหันกลับมามองกันบ้าง

คนที่ไร้หัวใจ

คนที่ไร้ความรู้สึก

สิ่งที่กัสมีคืออารมณ์รุนแรงที่พร้อมจะทำลายทุกอย่างที่ไม่เป็นไปอย่างใจ พร้อมจะตรงเข้าห้ำหั่นทุกอย่างให้หายวับไปกับตา

“แล้วมาบอกกูทำไม กูไม่ได้อยากรู้”

ใครบางคนลุกขึ้นและเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้คนที่หวังใช้คำบอกเล่าสุดท้ายเป็นการฉุดรั้งเอาไว้นั่งอยู่อย่างนั้น และจมอยู่กับความเงียบงันเพียงลำพัง

กัสไม่เคยถาม ไม่เคยสนใจแยแส ไม่เคยเลย

ไม่มีความรู้สึกใด ๆ เลยสักนิด มันก็เป็นเหมือนทุก ๆ วันที่เสร็จกิจอย่างว่าแล้วก็ต่างคนต่างไป

มันเหมือนทุกวัน แต่ที่ต่างกันคือคำสุดท้ายที่ได้ยิน และแอบหวังให้อีกฝ่ายรั้งเอาไว้ แค่เพียงหันกลับมามองและสนใจกันบ้าง

หวังแค่เพียงเท่านั้น แต่สิ่งที่กัสทำคือการเมินเฉยและเย็นชา

ไม่มีความรู้สึก ไร้ความรู้สึกเหมือนเคย

“เคยรักกันบ้างมั้ย”

อยากจะถาม
อยากจะถามให้รู้กันไป แต่ก็จนใจจะพูด กัสไม่เคยต้องการอยากจะฟัง เป็นเพียงความฝันเลือนลางที่ไม่มีวันเป็นจริง

จากมาไกล
ไม่มีคำอำลา ไม่มีการบอกลาใด ๆ ทั้งสิ้น มีเพียงความเงียบงันและว่างเปล่า ไม่เคยมีข้อความ ไม่เคยโทรหา เราไม่มีอะไรเชื่อมโยงถึงกันเลย นอกจากร่างกายอุ่น ๆ ที่ได้กกกอด นอกจากนั้นแล้วไม่มีอะไรเลย

เคยเข้าใจบ้างมั้ยว่าสองปีที่ผ่านมา มันไม่เคยเป็นเรื่องเล็ก ๆ เลย สำหรับทางนี้แล้ว ช่วงเวลาเล็กน้อยที่ได้ครอบครองมันทำให้หัวใจที่แห้งแล้ง ชุ่มชื่นขึ้นได้อย่างน่าประหลาด

เสียงร้องครวญครางใต้ร่าง หยาดน้ำตาที่คลอรินจากดวงตาคู่นั้นที่ได้เห็นเป็นครั้งแรกและมันติดตาตรึงใจมาจนถึงวันนี้

วันที่เราต้องห่างกัน

กัสไม่เคยรู้สึกอะไรเลยเหรอ ไม่เคยสักนิดเลยหรือไง

ไม่เคย.........รู้สึก.....เลยเหรอ ว่าคนที่ได้แนบชิดร่างกายเข้าหากันเมื่อความปรารถนาและความต้องการถึงจุดสิ้นสุดในทุก ๆ ครั้งต้องการอะไร

แค่ความอยาก กัสคิดว่ามีแค่นั้นเองเหรอ

ถ้า....มีเพียงแค่นั้น จะไปหาจากที่ไหนก็ได้ แต่เพราะเป็นกัส
เพราะรัก....เพราะจิตใจมันผูกมัดอยู่กับ ๆ คน ๆ นี้เลยไม่สามารถดึงตัวเองออกมาจากวังวนของทุก ๆ ความรู้สึกได้

“หยก.....มึงรีบหายไปจากชีวิตกูซะทีเหอะ กูเบื่อ กูรำคาญ”

สีหน้าและแววตาที่แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่าเบื่อและหงุดหงิดรำคาญแค่ไหน มันทำให้คนทางนี้ได้แต่นิ่งเงียบและพยายามหาถ้อยคำบางอย่างมาพูด เพื่อลดความรู้สึกตะขิดตะขวงใจที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

“หาผู้หญิงที่ถูกใจได้ก่อน แล้วจะเลิกใช้บริการ”

ตอบกลับไป และก็ได้เห็นว่าฝ่ายนั้นแสยะยิ้ม และไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลย

แล้วกัสไม่รู้เหรอ ไม่รู้บ้างหรือไง ว่าความรู้สึกมันไม่เคยมีเพียงเท่านั้น

ที่ทำอะไรทุกอย่างไปมันไม่เคยมีแค่นั้น
ไม่เคยเลย บางสิ่งบางอย่างมันไม่เคยมีเท่าที่ตาเห็น แต่มีมากกว่านั้นเสมอ

ถ้าต้องการเรื่องอย่างว่าแบบนั้นอีก คงหาที่ลงได้ไม่ยาก
โง่เอง ที่หลงติดอยู่ในวังวนที่ว่ายข้ามไปไม่พ้น มาอยู่ไกลขนาดนี้ แต่ทุกครั้งที่เผลอ หัวใจก็เรียกร้องอยากจะกลับไปหา

อยากกลับไป แต่ก็เท่านั้น หนีหัวใจตัวเองมาได้ไกลขนาดนี้ จะไม่มีทางกลับไปอีกเด็ดขาด

จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ จะไม่กลับไปอยู่บนเส้นทางเก่า ๆ เส้นทางเดิม ที่ยิ่งนานวันหัวใจยิ่งปวดร้าว เพราะความรู้สึกที่สื่อไปไม่เคยถึง

ไม่ว่าดีหรือเลว กัสเป็นคนเลือก สิ่งที่หวังก็แค่ขอให้กัสผ่านพ้นมันไปให้ได้ และเติบโตขึ้น ไม่หลงไปทางที่ผิด
ไม่หลงมัวเมาไปกับเส้นทางที่พาให้ตัวเองแย่และตกต่ำไปมากกว่านี้

ยังคงเป็นห่วงเสมอแม้ในเวลานี้ที่เราไม่ได้เจอกันอีกต่อไปแล้ว และไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้เจอกันอีกมั้ย

หยิบรูปถ่ายใบเล็ก ๆ ที่เคยได้ถ่ายคู่กันขึ้นมา ฉีกแบ่งกันคนละครึ่ง

ครึ่งที่มีหน้าของตัวเอง แอบสอดไว้ในกระเป๋าสตางค์ของกัสไม่รู้ว่าป่านนี้ในเวลาที่เปิดกระเป๋าจะได้เห็นรูปที่ถูกฉีกแบ่งครึ่งไว้หรือเปล่า

แต่รูปของกัสที่ถ่ายเอาไว้ ยังอยู่ในมือ ใบหน้าบูดบึ้ง และเมินมองไปทางอื่น จำใจ และไม่ยอมให้เรามีรูปคู่ของกันและกันเอาไว้เลย

มองกี่ครั้ง ภาพวันนั้นก็ยังย้อนกลับมาเสมอ

“กูไม่ถ่าย เหี้ยยยยยยยยยย บอกว่าไม่ถ่ายไงเล่า”

ดึงให้มาร่วมเฟรมกันและเป็นทางนี้ที่แอบอมยิ้มเล็ก ๆ ที่คนที่ไม่ยอมถ่ายรูปดึงดันที่จะหันหน้าหนีไปอีกทาง

“ที่ระลึก”

จำได้ว่าบอกไปอย่างนั้นและจัดการล็อคคอให้กัสมาถ่ายรูปคู่กันจนได้

นานมาแล้ว เรื่องแบบนั้นมันผ่านมานานแล้ว และในเวลานี้สิ่งสุดท้ายของช่วงระยะเวลาสองปีที่มีโอกาสได้เจอกันแค่บนเตียง ก็สูญสลายหายไป เหลือไว้เพียงแค่ความว่างเปล่า กับความทรงจำที่ปวดร้าว

ความรู้สึกไม่เคยส่งไปถึง นานแค่ไหนก็ไม่เคยส่งไปถึง แม้ในเวลานี้ก็เช่นกัน ต่อให้พยายามแค่ไหน มันก็เท่านั้น

คงลืมกันไปหมดแล้วสินะ ช่วงเวลาที่ผ่านมาก็แค่ฝันไปเท่านั้น.......มีแค่กูที่ตัดใจไม่ได้อยู่คนเดียว มึงใจร้ายกับกูมากนะกัส สำหรับมึง กูก็เป็นได้แค่อะไรสักอย่างที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป กูไม่ใช่คนที่มึงอยากจำ สำหรับมึงแล้วกูมันไม่มีอะไรให้มึงต้องจดจำ

มองรูปถ่ายในมืออีกครั้ง อยากจะฉีกทิ้งแต่ก็ยังทำใจไม่ได้

“โชคดีแล้วกัน กูขอให้มึงโชคดีนะกัส...ส่วนกูก็จะไปตามทางของกู แล้วจะพยายามลืมมึงให้ได้เร็ว ๆ กูจะได้หายเจ็บเพราะมึงซะที”


TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2014 07:25:20 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ holefiller

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
จะสงสารกัสก็ทำได้ไม่เต็มที่ เพราะไม่รู้อดีตเกเรถึงขั้นไหน  :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง # ลูกชายของน้าขจร

“ลูกหนูเป็น LD”

นายขจร อาชีพแมสเซนเจอร์ส่งเอกสารไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าไอ้โรคแอลดีที่ว่าคืออะไร แต่เพราะเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้รวบรวมเอกสารและแยกให้ส่งและจัดคิวสำหรับการส่งในแต่ละวันมาพูดคุยด้วย และบ่นอยู่เป็นประจำว่าลูกชายอายุ 12 ปีเป็นเด็ก LD น้าขจรก็เลยชักอยากจะรู้ขึ้นมา ว่ามันเป็นโรคอะไร

เกิดมาจนอายุปาเข้าไปเกือบห้าสิบ เพิ่งเคยได้ยินชื่อโรคนี้ก็ครั้งนี้ครั้งแรก

“ไอ้แอลดีอะไรนี่มันเป็นแบบเด็กปัญญาอ่อนหรือเปล่า”

ถามและเรียงเอกสารลงกระเป๋าสำหรับจะเตรียมส่งในรอบเช้าด้วย และหญิงสาววัยกลางคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานก็เริ่มเล่าให้ฟังถึงโรคแอลดีที่ว่า

“คือลูกหนู มันเรียนไม่เก่ง ทั้งที่หนูว่ามันก็ฉลาดนะน้า ทำอะไรก็ทำได้ มันเก่งมาก แต่ทำไมยิ่งเรียนมันก็ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ยิ่งเรียนก็ยิ่งไม่รู้เรื่อง แล้วเวลาโมโหก็โมโหมาก เสียใจก็เสียใจมาก ครูบอกว่าจะไม่ให้จบ ป.6 เพราะมันอ่านหนังสือแทบไม่ออก”

เหรอ
เด็กมันโง่เองหรือเปล่า

“ตอนแรกหนูก็ทะเลาะกับลูกทุกวัน ทำไมไม่ตั้งใจเรียน ทำไมสอนเท่าไหร่ก็อ่านไม่ได้ แล้วก็ไม่รู้จักจำ คำง่าย ๆ มันยังสะกดไม่ได้เลย บางทีให้อ่านก็เดาเอาบ้าง อ่านข้ามบ้าง จ้างครูมาสอนมันก็ก้าวร้าวใส่ครู หนูก็คิดมาตลอดว่าลูกหนูมันทำไมไม่ใส่ใจจะเรียน”

เหมือนไอ้กัสนะ
สมัยก่อนตอนมันเด็ก ๆ มันจำเก่งมาก ความจำดี จนน้ากับแม่ของมันคิดวาดฝันเอาไว้ว่ามันเก่งขนาดนี้ อยากจะส่งมันเรียนหมอ มันต้องเรียนได้แน่ ๆ แต่พอเริ่มให้อ่านหนังสือมันจะงอแงแล้วก็ไม่ยอมอ่าน ทั้งที่มันหัวดีมาก แต่ทำไมทำยังไงมันก็อ่านหนังสือไม่คล่อง อ่านยังไงก็อ่านไม่ออกซะที

“ทีนี้มาเดือดร้อนก็ตอนที่ครูจะไม่ให้จบนี่แหละ พอดีหนูเปิดดูโทรทัศน์เขาพูดถึงไอ้เรื่องโรค LD แล้วอาการทุกอย่างมันตรงกับลูกหนูเลย หนูถึงเพิ่งรู้ว่าหนูเข้าใจลูกผิดมาตลอด หนูไม่รู้เลยว่าลูกเป็นอะไร หนูเป็นคนกดดันและทำให้ลูกเก็บกดและกลายเป็นเด็กก้าวร้าว”

“น้าเอานี่ลองอ่านดู หนูปริ้นเก็บไว้เยอะเลย”

กระดาษสามแผ่นที่มีตัวหนังสือยาวเต็มหน้ากระดาษ
น้าขจรไม่ได้คิดจะอ่าน แต่พออ่านถึงหัวข้อแรก น้าขจรแมสเซนเจอร์ของบริษัทที่เตรียมตัวจะออกไปส่งเอกสาร ก็ถึงกับหยุดอ่านไม่ได้

ยิ่งอ่าน
ยิ่งเพิ่มความสงสัย
ยิ่งอ่านยิ่งเหมือนเห็นบางอย่างที่มองข้ามไป
ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้ถึงความผิดปกติบางอย่าง ของลูกชาย


อาการของโรค LD

น้าขจรที่เปิดอ่านเอกสารที่ถูกปริ้นออกมา ขมวดคิ้วมุ่น เมื่อรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันตรงไปหมดทุกข้อ

กัสมันเป็นคนที่เก่งเลขมาก ตอนเด็กๆ ให้มันคิดเลขอะไรมันก็คิดได้หมด แต่พอให้อ่านหนังสือ มันกลับอ่านไม่ได้

มันอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง และมันเขียนหนังสือคำง่าย ๆ ไม่ได้

ให้เขียน ถ.ถุง มันก็จะคอยจะเขียนแต่ ภ. สำเภา ให้เขียน ผ.ผึ้ง มันก็จะเขียนแต่ พ. พาน แยกแค่นี้มันยังแยกไม่ออก

สอนไปสอนมาก็โมโหกันและพาลทะเลาะกันมาตลอด
เพราะสอนเท่าไหร่กัสมันก็ไม่ยอมจำ ยังจะเขียนหนังสือหัววน ๆ อยู่อย่างนั้นตลอด ตีมือก็แล้ว ด่าก็แล้ว มันก็ยังทำ

สุดท้ายเลยต้องเลิกสอน
เพราะยิ่งสอนยิ่งโมโห แล้วตัวมันเองก็งอแง พูดอยู่คำเดียวว่าอ่านไม่ได้ เขียนไม่ได้ แล้วก็ร้องไห้จนน่าโมโห

เลยพาลทะเลาะกันทั้งบ้าน
ทั้งแม่มัน ทั้งไอ้กัสด้วย คราวนี้ก็เลยเป็นเรื่องราวกันไปใหญ่โต

สุดท้ายก็เลยต้องเลิกสอน ให้แม่มันสอนก็ไม่ได้ เพราะแม่มันอ่านหนังสือไม่ออก เรียนจบมาแค่ ป.4 อ่านได้ก็แค่เล็ก ๆ น้อย ๆ

จนถึงป่านนี้

ที่มันก็ยังเรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง ส่งมันเรียนมันก็เรียนแบบงู ๆ ปลา ๆ คอยหาแต่เรื่องต่อยตีไปวัน ๆ
มีเรื่องกับใครเขาไปทั่วมันถนัดนัก

ดีแต่สร้างปัญหาให้ตลอด

จะเกิดอะไรกับเด็กแอลดี (LD) เมื่อเขาโตขึ้น?
• ในเด็กบางคนที่เป็น LD อาการจะหายไปได้เมื่อโตขึ้น เชื่อว่าสาเหตุมาจากสมองกลุ่มนี้พัฒนาช้า แต่ในที่สุดก็สามารถพัฒนาไปได้ แต่ในเด็กส่วนใหญ่อาการยังคงอยู่ หากไม่ทำการช่วยเหลือแล้ว การเรียนรู้ที่สับสนและลำบากมักนำไปสู่การล้มเหลวในการเรียนและปัญหาทางอารมณ์


• ในสมัยก่อนยังไม่ค่อยมีใครเข้าใจเรื่อง LD มากนักคนที่เป็น LD เลยต้องประสบปัญหา หลายคนปรับตัวไม่ได้และต้องออกจากโรงเรียนบางคนกลายเป็นอันธพาลเกเร บางคนหางานทำไม่ได้ เป็นต้น


• การที่เด็กเรียนรู้แบบปกติไม่ได้ ทั้งๆที่สติปัญญาดีนั้นมักทำให้เด็กมีความหงุดหงิดใจ รู้สึกตัวเองโง่เด็กมักถูกเพื่อนๆล้อ ถูกผู้ใหญ่ตำหนิว่าไม่พยายาม เด็กจะมีปฏิกิริยาต่อประสบการณ์ดังกล่าวในหลายลักษณะ เช่นอาจมีอาการวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือไม่ก็มีพฤติกรรมก้าวร้าว ซึ่งก็ทำให้ปัญหาการเรียนที่มีอยู่นั้นแย่ลงไปอีก

อ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้วน้าขจรก็ถึงกับทรุดลงไปนั่งอยู่บนเก้าอี้
ไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะได้รับรู้เรื่องอย่างนี้ แต่เมื่ออ่านข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่างซ้ำไปซ้ำมา มันก็ชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะกัสมันไม่เหมือนเด็กออทิสติก และเพราะมันไม่เหมือนเด็กปัญญาอ่อน

กัสมันเหมือนเด็กปกติทุกอย่าง เพียงแต่มันไม่ยอมเรียน ไม่ตั้งใจเรียน แล้วเวลาที่ดีใจก็ดีใจมากเกินปกติ และเวลาที่เสียใจก็เสียใจมากอย่างไม่น่าเชื่อ

“กัส”

นั่งนิ่งและรู้สึกถึงอาการชาที่หน้า
เหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง
เมื่อรู้ว่าลูกชายที่ทั้งเกเร และก้าวร้าว ดีแต่ทำตัวแย่ ๆ มาตลอดแท้ที่จริงแล้ว เพิ่งจะรู้ว่าสาเหตุทั้งหมดมันมาจากอะไร

แม่กัสมันเสียไปได้ห้าปีแล้ว
และกัสมันก็เสียใจและน้ำตาไหลทุกครั้งเมื่อพูดหรือทะเลาะกันเรื่องแม่

เราทะเลาะกัน

บางครั้งเมื่อถึงที่สุดของความโมโหก็พลั้งมือทำร้ายตบตีมันไปเพราะมันเอาแต่พูดคำเดิมว่าพ่อไม่เคยรัก ถ้าเกลียดมันมากนักทำไมไม่ฆ่าให้ตายไปซะตั้งแต่เกิด

แม่ก็ไม่อยู่แล้ว ไม่มีใครคอยปกป้องอีกต่อไปแล้ว
มันคงเสียใจมาก ลูกคงเป็นทุกข์มาตลอดหลายปีที่ผ่านมาที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ทั้งที่รู้เรื่อง และมันเป็นคนเก่งแท้ ๆ แต่ไม่สามารดึงสติปัญญาที่มีอยู่ออกมาใช้ได้

ผิดที่ใคร
เพราะอะไรลูกชายถึงได้เป็นคนก้าวร้าว และโมโหร้ายได้ขนาดนี้

ผิดที่ใคร......
หลายครั้งที่พยายามจะเข้าใจ แต่ยิ่งเข้าใกล้กันก็มีแต่พาลจะทะเลาะกันรุนแรงเสมอ

“แล้วโรคพวกนี้จะหายมั้ยหนู ถ้าเป็นแล้วมันรักษาได้มั้ย”

ลุกขึ้นและเดินไปถาม เพื่อนร่วมงานที่กำลังจัดเรียงเอกสารเพื่อส่งงานให้ในช่วงเช้า และเธอก็เงยหน้าขึ้นมามองและส่งยิ้มให้พร้อมกับคำอธิบาย

“รักเขามาก ๆ เข้าใจเขามาก ๆ ใจเย็นกับเขามาก ๆ ลูกหนูดีขึ้นเยอะเลย ตั้งแต่หนูรู้ว่าเขาเป็นอะไร หนูเข้าใจแล้วว่าเขาไม่ได้อยากเป็นอย่างนี้ พอเราเข้าใจเขานะน้า เราจะไม่โกรธที่เขาแสดงท่าทีบางอย่างกับเรา ตอนนี้ลูกหนูอ่านหนังสือเก่งขึ้นเยอะ แล้วก็มีสมาธิขึ้นเยอะ หนูโชคดีที่รู้ว่าลูกเป็นอะไร แต่บางคนไม่รู้ไปจนโต เด็กก็เลยกลายเป็นเด็กก้าวร้าว กลายเป็นปัญหาสังคม ทั้งที่เขาก็ไม่ได้อยากเป็นอย่างนั้น”

เหมือนที่น้ากำลังทำให้ไอ้กัสมันเป็นอยู่
น้าเองมีส่วนผิดมาก ถ้าแม่มันอยู่คงดีกว่านี้ แต่เพราะน้าเองที่ไม่เข้าใจ น้าเองที่ไม่เคยเข้าใจลูก

“น้าขอเอาเก็บไว้อ่านต่อได้มั้ย”

“ได้ค่ะ น้าเอาไว้เลย หนูอ่านหมดแล้ว”

น้าขจร แมสเซนเจอร์วัยล่วงเลยเกือบเข้าเลขห้า ม้วนกระดาษที่ได้รับและเก็บยัดเข้าใส่กระเป๋า

เสียใจที่รู้ว่าทำเรื่องบางอย่างผิดพลาดมาตลอด
แต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยก็ได้รู้

ที่เอ็งเป็นแบบนี้ก็เพราะพ่อมีส่วนด้วย
เย็นนี้กลับไปพ่อจะคุยกับเอ็ง
พ่อจะเปิดใจคุยกับเอ็ง พ่อจะไม่ทำผิดต่อเอ็งอีกแล้วกัส....พ่อจะไม่ทำให้เอ็งต้องทุกข์ใจเหมือนที่ผ่านมา

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2014 07:25:53 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
น้ำตาของพ่อหลั่งรินอาบหน้า เมื่อมองสภาพลูกชายที่มองยังไงก็แทบจะไม่เหลือสภาพของคนให้ได้เห็น
สายน้ำเกลือ สายอะไรต่อมิอะไรห้อยระโยงระยางเต็มไปหมด ร่างของลูกชายนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงในห้องไอซียู
มีเครื่องอะไรก็ไม่รู้รายล้อมรอบเตียงเต็มไปหมด

กัส.....เอ็งอย่าไปไหนนะ
อยู่กับพ่อก่อน

พ่อทำผิดกับเอ็งไว้เยอะ
ให้พ่อได้มีโอกาสแก้ตัวบ้าง พ่อรอเอ็งกลับบ้าน จนดึกดื่นเอ็งก็ไม่ยอมกลับ พ่อคิดว่ามันก็คงเหมือนทุกวัน ที่เอ็งเอาแต่เที่ยวเล่นและไปซิ่งรถกับเพื่อน แต่พ่อไม่นึกว่าต้องมาเห็นเอ็งในสภาพนี้

กัส....
พ่อไม่ดีเอง
ที่ไม่เคยเข้าใจเอ็งเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่แม่เอ็งไม่อยู่ เอ็งคงทุกข์ใจเพราะพ่อมาตลอด
อย่าจากพ่อไปเลยนะกัส

กลับมาเถอะ
เอ็งรีบกลับมาหาพ่อเร็ว ๆ
อย่าไปไหน อย่าเพิ่งไปไหน พ่อคงอยู่ไม่ได้ถ้าเอ็งมาจากไปอีกคน

อย่าไปเลยกัส
เอ็งอย่าไปเลยนะ

น้าขจร ชายวัยกลางคน ยืนน้ำตาอาบหน้าและดึงมือของลูกชายที่ไม่ขยับเขยื้อนมากุมเอาไว้แน่น
มองหน้าของลูกชายที่เหมือนมีแต่ร่างกายแต่ไร้วิญญาณ
เสียใจที่สุดในชีวิต
ความเสียใจครั้งที่สองหลังการจากไปของภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่อยู่กันมาสิบเก้าปี เท่าอายุของลูกชายที่ดูเหมือนกำลังจะจากไปอีกคน

“หมอขอให้คุณพ่อทำใจนะครับ คงอยู่ได้ไม่เกินพรุ่งนี้”

เพียงเท่านั้น
แล้วคนเป็นพ่อก็ถึงกับปล่อยโฮออกมา
น้ำตานองหน้า และเอาแต่พร่ำเพ้อถึงชื่อลูกชายที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยในห้องไอซียูไม่เลิก

“กัส ไอ้กัสลูกพ่อ ไอ้เสือของพ่อ กัสเอ็งอย่าไปไหนเลย อย่าทิ้งพ่อไปเลยกัส...เอ็งอย่าทิ้งพ่อไปแบบนี้ พ่อขอโทษ ที่ผ่านมาพ่อขอโทษที่ไม่เคยดูแลเอ็งให้ดี อย่าไปไหนเลยกัส กลับมาหาพ่อเถอะ กลับมากัส...กลับมาหาพ่อนะลูก กลับมาหาพ่อเถอะ พ่อขอร้อง จะให้พ่อทำยังไงเอ็งถึงจะกลับมาหาพ่อ เอ็งอย่าทิ้งพ่อไปเลย กลับมาเถอะไอ้ลูกชาย ถ้าเอ็งกลับมา พ่อสัญญา ต่อจากนี้ไปพ่อจะไม่ทอดทิ้งเอ็งให้ต้องทุกข์ใจอีก ชีวิตพ่อที่เหลือขอตายแทนเอ็งเถอะกัส กลับมาหาพ่อเถอะลูก กัส....กลับมา...ได้ยินพ่อมั้ย เอ็งต้องกลับมาหาพ่อสิ เอ็งต้องกลับมา...”

เสียงที่ส่งไปไม่รู้ว่าส่งไปถึงคนที่อยู่ในภวังค์และไม่รู้สึกตัวหรือเปล่า

แต่สิ่งที่น้าขจรรับรู้ได้ในเวลานี้
คืออาการหัวใจสลาย เจ็บปวดจนร้องไห้ไม่หยุด ร้องจนน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด เมื่อรู้ว่าลูกชายกำลังจะจากไปอีกคน

ความหวังเลือนลาง แต่น้าขจรก็ไม่ยอมหมดหวัง
ยังเอาแต่พร่ำเรียกชื่อของคนที่ไม่ได้สติ
เรียกให้กลับมา ร่ำร้องเรียกชื่อของลูกชายตลอด และขอร้องให้กัสกลับมา

“กลับมากัส กลับมาหาพ่อ ไอ้ลูกชายของพ่อ กลับมาเถอะ จากนี้ต่อไปพ่อสัญญา พ่อจะไม่ทำให้เอ็งต้องเสียใจอีกเลย พ่อจะไม่ทำให้เอ็งเป็นทุกข์ กลับมาหาพ่อนะกัสลูกพ่อ เอ็งกลับมาหาพ่อเถอะกัสลูก....กลับมา....”


TBC.

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
เฮ่ย หยกนายอย่ามโนเอาเองสิ
ยังไม่ได้เริ่มอะไรเลยก็ตัดใจแล้วเรอะ

พอมีเรื่องพ่อมาคั่นน้ำตาแตกเลย
ฮือออออออออ โรคนี้มันยากจะเข้าใจนะคะ
ปกติแล้วคนเจอจะเป็นคนใกล้ชิด หรือครู
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-06-2014 23:58:48 โดย fuku »

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2

ด้วยรักและคิดถึง# ข่าว

มึงจำไอ้เจ๋งได้ป่าว เห็นว่าขับมอร์’ไซด์ชนกับสิบล้อ”

ทรุดลงไปนั่งกับพื้น หน้าชา ตัวชา เย็นวาบไปทั้งตัว

คุยกับเพื่อน
สอบถามความเป็นไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างที่ไม่อยู่

เหงา
ยอมรับว่าเหงา มาอยู่ที่นี่ไม่ได้สบาย ทำงานเลี้ยงตัวเองตลอด พ่อได้งานเป็นกุ๊กที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ส่วนแม่ก็ได้งานที่เดียวกับพ่อ เงินรายได้ของพ่อและแม่มากพอที่จะส่งเสียให้เรียนต่อที่นี่ได้ แต่ค่าใช้จ่ายบางอย่างก็ต้องหาเอาเอง

“เป็นอะไรมากมั้ย ไอ้เจ๋งขับรถมอร์เตอร์ไซด์ชนเมื่อไหร่ ผิดคนหรือเปล่า ไอ้เจ๋งที่ชื่อกัส แว๊นหรือเปล่า คนที่ตัวขาว ๆ แล้วชอบยิ้มแบบกวนตีน กวนตีนหรือเปล่า”

เอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นไหว แม้จะพยายามแล้วแต่ก็ระงับความรู้สึกที่เหมือนมีบางอย่างกดทับลงมาในอกไม่ได้

“คนเดียวกันนั่นแหละ เห็นว่ารถชนได้สองเดือนแล้วนี่ ตั้งแต่ที่มึงไปอังกฤษนั่นแหละ แต่แม่งไม่ตายว่ะ ไอ้ห่านี่นอกจากจะบ้าเลือดแล้วยังดวงแข็งอีก สุดยอดจริง ๆ นรกแม่งยังไม่เอาเลย”

สองเดือน ตั้งแต่วันที่มาที่นี่

ตั้งแต่วันที่.......ความสัมพันธ์ของเราจบลงอย่างง่ายดาย กัส........

“ตอนนี้ดีแล้วใช่มั้ย หายแล้วใช่มั้ย”

เป็นห่วงเป็นใยอย่างเห็นได้ชัด เป็นห่วงมากจนเพื่อนจับสังเกตอาการได้

“มึงจะอะไรกับมันนักหนา สนิทกันหรือก็เปล่า กูก็ไม่รู้อะไรมากหรอก มีหลายกระแส บางคนก็ว่ามันตาย บางคนก็ว่ามันเป็นเจ้าชายนิทรา บางคนก็ว่าวิญญาณใครไม่รู้มาเข้าร่างมัน”

พูดเพ้อเจ้ออะไรวะ กูต้องการข้อมูลที่เป็นเนื้อหาไม่ใช่เรื่องใส่สีตีไข่บ้าบอพวกนี้

“ตกลงมันเป็นยังไง เอาให้ชัวร์สิวะ กูขอแบบชัวร์ที่สุด”

ชัวร์ที่สุดเหรอ ก็คงเป็น.....

“มันหยุดพักรักษาตัวเดือนครึ่ง เห็นว่าพอแม่งกลับมาอีกทีก็เป็นห่าอะไรไม่รู้ เหมือนพวกเด็กเอ๋อ นั่งเฉย....ตาลอย ไม่คุยกับใคร ใครด่าใครกวนตีนขนาดไหนก็เฉย”

กัส....

“ช่วยกูอย่างหนึ่งได้มั้ย”

ให้ช่วยอะไรวะ

“ดูกัสให้หน่อยได้มั้ยวะนิว มึงช่วยดูให้หน่อย อย่าให้ใครทำอะไรมัน ขอร้องนะ มึงช่วยดูให้หน่อยเถอะระหว่างนี้”

มึงนี่ชักจะยังไงแล้วนะไอ้หยก มึงทำเหมือน.........มีใจ....

“ทำไมกูต้องดู”

สงสัยและไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่อยู่ไกลถึงอังกฤษต้องร้อนรนเพราะใครบางคนที่ได้ชื่อว่าไม่น่าคบหามากที่สุด

“ถือว่าช่วยกู ได้มั้ยนิว กูขอร้องจริง ๆ ช่วยหน่อย”

ก็....ถ้ามึงขอร้องขนาดนั้น กูก็คงจะช่วยดูให้ แต่คงได้แค่ห่าง ๆ จะไปยุ่งวุ่นวายมากก็ไม่ค่อยดี

“มีคนจ้องกระทืบมันอยู่ ตั้งแต่มันกลายเป็นแบบนี้เพื่อนก็หายหมด ที่เคยซิ่งด้วยกันก็หาย ที่เคยรวมกลุ่มก็หาย กลุ่มมันพอไม่มีไอ้เจ๋งแล้วก็ไม่มีความหมาย”

ก็คงจะอย่างนั้น เพราะว่าไม่มีใครขึ้นมาแทนมันได้ มันทั้งบ้า ทั้งไม่กลัวตาย เลือดร้อน และพร้อมจะวิ่งเข้าชนทุกอย่าง

ไม่รู้ว่าทำไมกัสมันถึงได้บ้าบอได้ขนาดนั้น เคยคิดว่ามันเล่นยา แต่ก็ไม่ใช่ เพราะแม้แต่บุหรี่มันก็ยังไม่สูบ แบบนั้นมันผิดปกติเกินไป

บางครั้งที่เหมือนมันดีใจ แค่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ถ้ามันอยากได้แล้วได้มาไว้เป็นของตัวเอง มันจะดีใจมาก

ดีใจจนเกินเหตุ

และบางครั้งที่มันเสียใจมันก็เสียใจมาก อาการหนัก....แม้จะไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน แต่เวลาที่ได้เจอ จะรู้ได้ทันทีว่ากัสมันเสียใจ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันแสดงออกมาทางสีหน้าหมด

สิ่งที่กัสไม่เหมือนคนอื่นคือมันคอยแต่จะถามเวลา

กี่โมงแล้ว
จะไปกี่โมง
จะกลับกี่โมง
จะนัดเจอกันกี่โมง

เหมือนเวลาของมันทุกวินาทีมีค่ามาก มันมักจะพะว้าพะวงอยู่กับเข็มนาฬิกาเสมอ แล้วเวลาที่อยู่กับกู..มึงเคยคิดเรื่องเวลาบ้างมั้ย คิดมั้ยว่าผ่านไปกี่นาทีแล้ว และเรายังจะได้เจอกันอีกนานแค่ไหน

..........มึงเคยคิดบ้างมั้ยกัส........

“จะยังไงก็แล้วแต่ กูฝากมึงด้วยนะนิว ดูให้กูหน่อย ขอบใจมากนะ แค่นี้ก่อนนะ กูต้องไปทำงานพิเศษแล้ว”

วางสายไปเรียบร้อย

และในหัวมีแต่ความรู้สึกบางอย่าง พะว้าพะวง จิตใจสับสนว้าวุ่นไปหมด

ไม่น่าเลย ไม่น่ามาไกลถึงขนาดนี้ มาถึงนี่เพื่ออะไร มาเพื่อหนีความรู้สึกที่ตามหลอกหลอน มาเพื่อจะเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ แต่สุดท้ายก็เพิ่งจะรู้ว่าหนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีความรู้สึกของตัวเองไม่พ้น

ห่วง
เป็นห่วง
ตอนนี้มีแต่ความกังวล เพราะได้ฟังเรื่องราวของใครบางคนที่บอกตัวเองเอาไว้ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยอีก

แล้วทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ ถึงได้ว้าวุ่นใจ และเหมือนกับจะเป็นจะตายแทนคนที่อยู่ห่างไกลออกไปขนาดนี้

กัส....ไม่เป็นปกติ
ไม่เหมือนอย่างที่เคยเป็น

อยากกลับไป
อยากกลับไปให้เห็นกับตา

อยากรู้ อยากเห็นด้วยตาตัวเอง อยากมั่นใจว่ากัสจะไม่เป็นอะไร

อยาก.....กลับไปดูหน้าอีกสักครั้ง

แต่จะกลับไปได้ยังไง ในเมื่อไม่มีเงิน ไม่มีเงินมากพอที่จะกลับไป

ต้องหาเงิน ต้องรีบหาเงินให้เร็วที่สุด ต้องล้างจานกี่ใบ ต้องทำงานกี่ชั่วโมง ทำเกินเวลาที่กำหนดก็ไม่ได้ แล้วจะทำยังไง

มัวคิดไปก็เปล่าประโยชน์
ต้องลงมือทำถึงจะถูก

หยกลุกขึ้นยืน และเดินไปหยิบเสื้อโค้ทมาสวมทับและหยิบร่มติดมือมาด้วย

ใช่....ถ้าจะกลับไปต้องหาเงินค่าตั๋วเครื่องบินให้ได้ก่อน
ทำงาน....
ต้องรีบไปทำงาน มามัวนั่งคิดเป็นห่วงกังวลอย่างเดียวอยู่แบบนี้ไม่ได้ เปิดประตูและก้าวขาเดินมาตามทางเดิน
อากาศที่นี่มืดครึ้มอยู่เสมอ และแทบไม่มีแดด ทำให้จิตใจที่หม่นหมองยิ่งหมองเศร้าเพิ่มขึ้นกว่าเดิม

เงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วก็เห็นหยาดฝนโปรยปรายเป็นละอองลงมา

อากาศทั้งเย็นทั้งหนาว แต่ไม่แย่เท่าหัวใจที่กำลังเย็นยะเยือก

เดี๋ยวกูจะรีบกลับไปนะกัส กูจะรีบกลับไปเร็ว ๆ อย่าเพิ่งถูกใครกระทืบตายห่าไปซะก่อนล่ะ รอกูก่อน กูจะกลับไปสมน้ำหน้ามึงให้สะใจ กูบอกแล้วก็ไม่เคยเชื่อว่าอย่าดื้อ อย่าหาเรื่องให้ตัวเองมากนัก แล้วทำไมมึงถึงไม่เคยเชื่อกูเลย

แล้วทีนี้เป็นยังไง
ซึ้งเลยมั้ย

เสือกเป็นตอนที่กูไม่อยู่ด้วย มึงมันขยันหาเรื่องให้กูเป็นห่วงได้ตลอดเวลานะกัส

ที่กูไม่เคยพูดถึงเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับมึง ไม่ใช่ว่ากูไม่รู้ แต่เพราะกูรู้ทั้งหมดแม้มึงจะไม่เล่าก็เถอะ แต่จะมีประโยชน์อะไร

ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดถึงทุกเรื่องที่มึงไม่อยากเล่า กูไม่พูด เพราะพูดไปมึงยิ่งไม่พอใจ

ทั้งที่ไม่ว่าเวลาไหนกูก็เป็นห่วงมึงตลอด
แม้ในเวลานี้ที่กูพยายามตัดใจและยุติเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับมึงแล้วทั้งหมด

แต่กูก็ยังโง่เดินหลงวนเวียนไปมา ในเขาวงกตที่เห็นทางอยู่ข้างหน้าแต่กูก็ไม่ยอมออกไปซะที

ยังจะเฝ้าวนเวียนอยู่อย่างนั้น

“มึงมันเหี้ยมากไอ้กัส เมื่อไหร่มึงจะเลิกทำตัวแบบนี้ ก็เพราะมึงขยันหาเรื่องให้เป็นห่วงแบบนี้ได้ตลอด กูก็เลยเลิกเป็นห่วงมึงไม่ได้ซะที”


TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2014 07:26:29 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
โอ้ยยยยย หนูร้องไห้จริงไม่ต้องจ้างสตั๊นเลย ไหลนองประหนึ่งพายุน้ำป่า  :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2

ด้วยรักและคิดถึง# เด็กฝาก

มือสั่น
ตักข้าวแล้วแต่ต้องถือช้อนค้างไว้แบบนั้น เพราะว่าไม่สามารถบังคับมือที่ถือช้อนได้ สุดท้ายก็เลยต้องวางช้อนลง และนั่งมองข้าวในจาน

มันจะดีขึ้นเรื่อย ๆ จากนี้จะดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อก่อนแม้แต่จะลุกขึ้นนั่งยังทำไม่ได้เลย
พ่อบอกว่าต้องใจเย็น ๆ
ต้องใจเย็น ๆ

แล้วจะต้องเย็นไปจนถึงเมื่อไหร่ ถึงเมื่อไหร่ ถึงเมื่อไหร่

จะต้องใจเย็นไปจนถึง................

รู้ว่ากำลังโมโห มันจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อาการพวกนี้ไม่เคยดีขึ้นเลย ความรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจที่บางครั้งไม่สามารถควบคุมได้
มันจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

และมันจะดีขึ้นถ้า........

กัสใช้ช้อนตักข้าวเข้าปากอย่างรวดเร็ว และครั้งนี้ ...สามารถตักข้าวใส่ปากได้แล้ว...

มองช้อนมองชาม มองอาหารที่ยังพร่องไม่ถึงครึ่ง แต่ก็ดีใจ วันนี้....กินข้าวเองได้แล้ว กินได้มากกว่าวันก่อน

สามารถใช้มือตักข้าวได้ดีกว่าวันก่อน

แค่เพียงเท่านี้ ทำได้แค่นี้ แต่ก็ดีใจ ดีใจมาก

ไม่สนใจคนรอบข้าง
ไม่สนใจว่าจะมีใครมอง

ไม่สนใจถ้าถูกมองว่าเป็นตัวประหลาด

นั่งตาลอย และดวงตาก็เริ่มหรี่ปรือลงเป็นพัก ๆ

ใครบางคนนั่งอยู่ห่างออกไป
มองอยู่ห่าง ๆ

เป็นแบบนี้มาพักใหญ่ เพราะว่ามีคนฝากให้ดูแล แต่ไม่รู้จะดูแลยังไง

ใช่ที่เคยรู้จักกัน แต่นั่นมันไอ้เจ๋ง ไม่ใช่คนที่นั่งเหม่อและไม่มีพิษมีภัยกับใครคนนี้

ก้มมาสนใจกับการกินข้าว และไม่นานก็ต้องเงยหน้าขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนกำลังเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนที่เพื่อนฝากให้ดูแล

“ชิบหายแล้วไงล่ะ กูว่าแล้ว”

ไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะท่าทางทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นกำลังเป็นอย่างที่คิด นิวลุกขึ้นและรีบก้าวขายาว ๆ ไปที่โต๊ะที่เริ่มมีคนหลายคนลุกขึ้นมารุมล้อมอยู่

“เฮ้ย มีอะไรกันวะ”

ตะโกนมาแต่ไกล และคนที่อยู่ในกลุ่มก็หันไปมองคนที่ตั้งคำถาม

หลายคนในกลุ่มสลายตัวเรียบร้อย และก็เป็นนิวที่มายืนอยู่ตรงหน้าของคนที่กำลังเงยหน้าขึ้นมามอง

“มีอะไรวะ”

ถามไปก็เท่านั้นเพราะคนที่ทำตาลอย แค่เงยหน้าขึ้นมองและนั่งนิ่ง ๆ เหมือนเดิม

“มึงอ่ะ”

ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง แค่พูดก็ยังพูดไม่ออก สุดท้ายก็เลยนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม และจ้องมองใบหน้าของคนที่นั่งเหม่อและเหมือนไม่ได้สนใจคนที่อยู่ตรงหน้าเลยสักนิด

“เมื่อก่อนมึงไม่ธรรมดา เข้าใจใช่มั้ย”

เข้าใจ
เข้าใจสิ เพียงแต่ภาพมันไม่ค่อยชัดเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าตัวเองเคยทำอะไรมา

ไม่ได้สูญเสียความทรงจำไปทั้งหมด มันจะค่อย ๆ เริ่มกลับมา จะเริ่มจำทุกสิ่งทุกอย่างได้เรื่อย ๆ เลยไม่แปลกใจที่ถูกหาเรื่อง ก็รู้ว่าจะต้องเจอแบบนี้

“ถ้าหนี....ก็......ถ้า..หนี...ต้อง.....ถ้าหนีต้องหนีไปตลอด”

เรียบเรียงประโยคที่จะพูด และก็สามารถพูดออกมาได้

คำพูดง่าย ๆ ที่คล้ายไม่เป็นประโยคแต่เมื่อฟังดี ๆ ก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไร นิวถอนหายใจเฮือกใหญ่

ก็รู้ตัวนี่หว่าว่าจะต้องเจอแบบนี้ แต่แม่งก็ยังกล้ามาเรียน มันรู้ด้วยว่าจะถูกมองแบบไหน แต่มันก็ยังกล้ามา
ไม่ว่าจะคนนี้หรือคนเดิม สิ่งที่เหมือนกันคือความบ้าของมัน

ไม่คิดจะหนี
ไม่เคยถอย

“มึงมันเจ๋งสมชื่อมึงนั่นแหละ”

ไม่ใช่
นั่นไม่ใช่ชื่อที่อยากให้เรียก

“กัส…กัส...ชื่อ...”

ชี้นิ้วไปที่ตัวเอง และพยายามพูดออกมา

พูดชื่อของตัวเองที่อยากให้ใคร ๆ เรียก ไม่ใช่ชื่อเดิม แต่เป็นชื่อนี้ที่อยากให้ทุกคนเรียก

“เออ...กัส ก็กัส....”

อือ
ใช่
เรียกแบบนั้น เรียกแบบนั้นถูกแล้ว

พอใจกับชื่อที่ถูกเรียก และกัสก็เริ่มใช้ช้อนตักข้าวอีกครั้ง
ค่อย ๆ ทำ
ค่อย ๆ ตัก

เปลี่ยนมือเป็นพยายามใช้ส้อมจิ้มอาหาร ค่อย ๆ ...... ใช้ส้อมจิ้มไปที่หมูทอดในจาน และไม่ว่าพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้

ทำไม่ได้...และคนที่นั่งมองอยู่ก็ดึงส้อมที่อยู่ในมือกัสออกและช่วยจิ้มชิ้นหมูทอดส่งให้

เงยหน้าขึ้น
มองหน้าคนที่ช่วยเหลือเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ
และก็เป็นนิวที่เพียงแค่ได้สบตาตรง ๆ กับดวงตาคล้ายเลื่อนลอยของคนที่อยู่ตรงหน้า และเมื่อได้เห็นประกายของความรู้สึกบางอย่างในดวงตาคู่นั้นก็ทำให้นิวถึงกับนิ่งงัน

ความรู้สึกดีใจอย่างท่วมท้น มันฉายชัดในดวงตาคู่นั้น แค่ช่วยใช้ส้อมจิ้มชิ้นหมูทอดให้แค่นี้ทำไมถึงได้มองกูขนาดนั้นวะ

ดีใจอะไรนักหนา
ทำเหมือนว่าดีใจมาก

ทำเหมือนว่าดีใจมากจนทางนี้ยังรู้สึกได้

ทำไมวะ.....เรื่องแค่นี้เองทำไมถึงได้ดีใจ

“นิว”

จำได้
จำได้ว่าคนนี้ชื่อนิว ไม่ได้คุยกันบ่อย ๆ แต่เคยเห็นและจำได้ลาง ๆ

ชื่อนิว

จำได้
ชื่อนิว จำได้ว่าชื่อนิว ชื่อนิว จำได้

กัสถือส้อมเอาไว้ และกำลังพยายาม....

“ช่วย”

แค่จับข้อมือ นิวช่วยจับข้อมือให้ และกัสก็สามารถใช้ส้อมที่จิ้มหมูทอดเข้าปากได้

เคี้ยว
ค่อย ๆ เคี้ยว

ก่อนจะอมยิ้ม
รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก สายตาที่มองมามีแต่ความดีใจ ดีใจ จนนิวต้องนิ่งมอง และสบตากับดวงตาคู่นั้นตรงๆ

ความรู้สึกหลากหลายที่อธิบายไม่ได้แบบนี้มันคืออะไร

“ขอบ....ใจ”

คำพูดง่าย ๆ
คำพูดง่ายดายที่ทำให้นิวแทบลืมหายใจ และสายตาก็จับจ้องไปที่ใบหน้าของคนที่เอ่ยคำว่าขอบใจนิ่ง ๆ

มองแล้วก็ไม่เข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้น
มองแล้วก็ได้แต่นิ่ง

สุดท้ายคิดอะไรไม่ออกนอกจากพูดได้คำเดียว

“เอ่อ...เรื่องแค่นี้เอง.....ไม่เป็นไร”

 

TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2014 07:27:04 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2

ปล.ด้วยรักและคิดถึง # ใคร

เรารู้จักกันโดยบังเอิญเมื่อสองปีก่อน และความทรงจำมันก็ยังคงกระจ่างชัดจนถึงวันนี้

“พี่หยกแม่งหล่อว่ะ”

เพ้อเจ้ออะไรพูดไม่เห็นรู้เรื่อง
หยกถึงกับส่ายหน้าเมื่อรุ่นน้องที่นั่งติวอยู่โต๊ะเดียวกันเริ่มชมรอบที่ร้อยของวัน

“เรียนไป”

ออกคำสั่งและส่ายหัวเพราะรุ่นน้องก็ยังจ้องหน้าไม่วางตา

“เอาจริงๆ นะพี่ ถ้าผมเป็นผู้หญิงนี่นะ กรี๊ดพี่ตายห่า”

ตลกน่า เลิกพูดจาเหลวไหลเหอะ

“เอามั้ยล่ะ หล่อแต่จน ไม่มีเหี้ยอะไรสักอย่าง นอกจากมอร์ไซด์เก่า ๆ หนึ่งคัน”

พูดแล้วก็หัวเราะเสียงเบา ก่อนจะใช้ปากกาขีดไปที่ข้อความในหน้าหนังสือและส่งให้รุ่นน้องอ่าน

“ติวมากก็ไม่ใช่ว่าจะตั้งใจติว กลับบ้านไปอ่านเองเหอะ กูจะกลับหอแล้ว”

ปิดหนังสือและหย่อนลงในกระเป๋าเป้ที่เอามาด้วย ก็ถ้าน้องรหัสมันจะไม่ตั้งใจเรียนขนาดนี้ ติวไปก็เสียเวลาเปล่า เหนื่อยๆ ด้วย อยากกลับบ้านไปนอน

“โห่พี่ ก็วันนี้ผมไม่มีแรงจะติวจริงๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้นะพี่”

“นี่กูชื่อหยกไม่ใช่ชื่อรัน มึงเลิกทำตาละห้อยเหอะ ไม่งั้นกูจะโบกกบาลซะทีให้หายเพี้ยน”

แกล้งว่าและก็หัวเราะชอบใจเมื่อรุ่นน้องทำหน้าเซ็งโลกและปิดหนังสือตามก่อนจะหย่อนลงในกระเป๋า

“มึงอย่าลืมนะเพียร หน้านั้นปีไหนก็ออกตลอด”

เน้นย้ำไปอีกครั้ง และรุ่นน้องก็พยักหน้ารับ ก่อนจะพนมมือไหว้พร้อมกับเอ่ยปากขอบคุณ

“พี่หยกขอบคุณมากพี่”

เออ ไม่เป็นไร ถือว่าช่วย ๆ กัน

“เออ กูกลับหอก่อน ง่วงนอนว่ะ แล้วเจอกัน”

ลุกขึ้นและสะพายกระเป๋าเรียบร้อย ก่อนจะล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบกุญแจรถมอร์เตอร์ไซด์คู่ชีพที่ขับมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมจนถึงป่านนี้

ก็อย่างที่บอกไอ้เพียรนั่นแหละ หล่อแต่จน ใครเขาจะเอา อีกอย่างก็ไม่เคยคิดเรื่องพวกนั้นด้วย มัวแต่สนใจอยู่กับการเรียน ถ้าขืนมัวแต่คิดเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ไม่รู้ชาติไหนจะเรียนจบ เอาจิตใจไปฝักใฝ่คิดแต่เรื่องอื่นซะหมด ต่อไปในอนาคตคงลำบาก

พ่อแม่ส่งมาเรียน ก็เรียนให้คุ้มกับเงินที่พ่อแม่ส่ง พ่อกับแม่อุตส่าห์ช่วยกันทำงาน เพื่อให้เรียนอย่างเดียว ไม่ต้องทำงานจะได้จบเร็ว ๆ แล้วเรื่องอะไรถึงไม่เคารพในความพยายามของพ่อแม่และไม่รีบตั้งใจเรียนให้จบ ๆ ล่ะ

คิดอะไรไปเรื่อย และหยกก็เดินมาถึงลานจอดรถ มองหามอร์เตอร์ไซด์คู่ชีพก่อนจะเสียบกุญแจรถลงไป หยิบหมวกกันน็อคมาสวมและขึ้นมานั่งเรียบร้อย บิดคันเร่งและขับออกไปจากมหาวิทยาลัย จุดมุ่งหมายถัดไปคือกลับหอ

เหนื่อย
และง่วง
การติวให้รุ่นน้องก็เหมือนเป็นการทบทวนการเรียนไปในตัว
ได้ประโยชน์ทั้งคนเรียน คนสอน แต่เมื่อคืนนี้อ่านหนังสือดึกไปหน่อยก็เลยรู้สึกว่าวันนี้ทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย

อยากกลับไปนอนพัก
รู้สึกว่าล้าไปหมด ทั้งล้าทั้งเหนื่อย กลับไปนอนที่หอ นอนหลับสักตื่น คงจะดีขึ้น

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2014 07:27:32 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
“ไปสิโว้ยยย มึงจะรอให้พวกเหี้ยนั่นมากระทืบกูหรือไงวะ ไฟแดงเหี้ยอะไรเนี่ย มึงก็ฝ่าไปสิโว้ยยยยยยยยย เหี้ยเอ้ยยย”

เฮ้ยยยยย

หยกถึงกับทำอะไรไม่ถูก เมื่ออยู่ดี ๆ คนที่ไม่รู้จักก็กระโดดขึ้นมาซ้อนท้ายอย่างรวดเร็ว

มั่นใจยิ่งกว่ามั่นใจ
แน่ใจว่าไม่รู้จักคนที่กระโดดมาซ้อนท้ายแน่ ๆ

แล้วอยู่ดี ๆ ก็มาสั่งแล้ว...........เฮ้ยยยยยยยยย

มีกลุ่มนักเรียนกลุ่มใหญ่วิ่งตรงมาทางนี้พร้อมอาวุธครบมือ แค่เห็นหยกก็รู้แล้วว่าต้องบิดคันเร่งทันที

ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าขืนไม่บิดคันเร่งคนที่ซ้อนท้ายอยู่คงไม่รอดแน่ ๆ
หยกตัดสินใจบิดคันเร่งมอร์เตอร์ไซด์ และขับฝ่าไฟแดงไปแบบไม่คิดชีวิต

เหี้ยยยยยยยยยยย
มันเรื่องอะไรของกูวะเนี่ย

ปัง..........

เสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังไล่หลังมา คงเป็นเสียงปืน และหยกก็ยิ่งต้องบิดคันเร่งให้มากขึ้นจนถึงร้อย

มึงยิงกัน แล้วมาเกี่ยวอะไรกับกูวะ
กูไม่ได้อยากยุ่งกับพวกมึงนะโว้ยยยยยยยยย แล้วไอ้คนซ้อนท้ายที่เป็นใครวะ

ไม่ถาม
ไม่ทันถามอะไรทั้งนั้น นอกจากบิดหนีให้เร็วที่สุด
ฝ่าออกไป โชคดีที่ไม่มีรถตาม ไม่อย่างนั้นคงยิ่งแย่กว่านี้

ขับไปแบบไม่รู้ทิศรู้ทาง สุดท้ายนึกขึ้นได้ว่าเป็นทางลัดกลับหอ

มองไปที่สองข้างทาง เห็นว่าทางสะดวกแล้วคิดจะชะลอรถแต่สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่แนบมาที่แผ่นหลัง

อ้าวเหี้ย
ซบกูเฉยเลย

ยังไงวะ.....

ยังไง......
ชะลอรถ และค่อย ๆ เลี้ยวเข้าข้างทาง จอดรถเรียบร้อยและเหมือนคนที่ซบอยู่ที่หลังจะรู้สึกตัวจึงยอมผละออกห่าง

ไม่รู้จัก
แน่ใจว่าไม่รู้จักแน่ ๆ

จอดรถเรียบร้อย และคนซ้อนก็ลงมายืนประจันหน้าด้วย

เด็กผู้ชายวัยรุ่นสภาพเหมือนผ่านศึกสงครามมาอย่างดุเดือด ฝ่ามือกุมแน่นที่ต้นแขน และหยดเลือดก็ไหลซึมออกมาตลอดเวลา

“เฮ้ยยย น้อง ยังไงเนี่ย ไปหาหมอมั้ย”

ถามออกไปด้วยความตกใจ แต่คนตรงหน้าส่ายหน้าและหยิบมีดพกออกมาขู่

“อย่าเสือก กูจะไปบ้านมึง”

อ้าววววววววว เหี้ยแล้วมั้ยล่ะ
พี่อุตส่าห์ช่วยนะครับ เสือกชักมีดมาขู่กันแบบนี้ แล้วดูสภาพเลือดโชกขนาดนี้ ยังกล้าชักมีดมาขู่

บอกตรง ๆ กระโดดถีบทีเดียวก็อยู่แล้ว

“ขอร้องกันดี ๆ ก็ได้ เก็บมีดไปดีกว่ามั้ย ไหน ๆ พี่ก็ช่วยน้องขนาดนี้แล้ว ไม่ขอบคุณพี่ไม่ว่านะครับ แต่พลเมืองดีอย่างพี่ต้องมาเจอแบบนี้เหรอ นี่มันคุ้มกับการทำดีมั้ยครับน้อง”

ใช้น้ำเย็นเข้าลูบ

ยกมือขึ้นสองข้างเหมือนเป็นการบอกว่าไม่ได้มีเจตนาร้าย ขอให้วางใจได้

และก็เป็นฝ่ายนั้นที่มีสีหน้าเหมือนลังเลชั่วครู่ ก่อนจะยอมพับมีดและเก็บใส่กระเป๋าเสื้อเหมือนเดิม

“โอเคครับ ดีแล้วล่ะ ยังไงพี่ไปส่งโรงพยาบาลมั้ย”

โรงพยาบาล

ไม่ไป
ยังไงก็ไม่ไป ถ้าพ่อรู้แย่แน่ ๆ

“ใครน้องมึง”

อ้าว ปากอย่างนี้ น่าปล่อยให้โดนกระทืบตายซะหมดเรื่อง
ไม่น่าช่วยแม่งเลยจริง ๆ สันดานเสียสุด ๆ
พ่อแม่สั่งสอนบ้างมั้ยวะ สันดานแบบนี้ไงถึงจะถูกกระทืบตายคาตีน ไม่แปลกใจเลย คนอุตส่าห์ช่วยแท้ ๆ

“งั้นก็แล้วแต่คุณเถอะครับ ไม่ไปก็ไม่ไป งั้นผมไปล่ะ”

ก็ไม่ได้ปรารถนาจะให้ช่วยไม่ใช่เหรอ
แล้วเลือดออกแค่นี้ คงไม่ถึงกับตายหรอกมั้ง
คนจะตายที่ไหนเขาเอามีดขู่คนที่ช่วยชีวิตล่ะ ไม่ขอบคุณไม่ว่า แต่ยังมาด่ากันซะอีก ก็แล้วแต่แล้วกัน

ช่วยให้พ้นขนาดนี้แล้ว ที่เหลือก็เอาตัวรอดเองเถอะ

“กูจะไปบ้านมึง”

อ้าว

มึงบ้าหรือเปล่า ใครเขาจะให้โจรเข้าบ้านกันล่ะ ถึงจะใส่ชุดนักศึกษาก็เถอะ แต่แบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับโจรหรอก

“ไม่ได้ครับ”
เตรียมตัวจะขับมอร์เตอร์ไซด์ชิ่งหนีให้เร็วที่สุดและไอ้เด็กเวรนั่นก็หยิบมีดพกออกมาอีกครั้ง

“มึงจะไปไม่ไป”

เออดี
มึงขอร้องคนด้วยวิธีนี้เหรอ เลือดจะหมดตัวตายอยู่แล้วก็ยังกล้า ฤทธิ์เยอะชิบหายเลยวะ แล้วมันจะกลายเป็นเรื่องชาวนากับงูเห่ามั้ยเนี่ย

ไม่ได้กลัว
แต่ท้อใจ
ไม่ใช่คนใจดำ แต่ก็อดสงสารไม่ได้
หยกถึงกับส่ายหน้าด้วยความระอา ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่และพูดกับคนตรงหน้าที่เลือดยังไหลไม่หยุด และก็เห็นว่ามีเหงื่อผุดขึ้นที่ใบหน้าซีดขาวนั้นเต็มไปหมด

“เก็บมีดไปเหอะ แล้วเดี๋ยวจะพาไปทำแผลแล้วกัน ถ้าจะให้ช่วยก็ขึ้นมา”

เอ่ยบอก
และหยกก็จัดการสตาร์ทมอร์เตอร์ไซด์

ไอ้เด็กนั่นขึ้นมาซ้อนท้ายเรียบร้อย และมันก็เก็บมีดพกใส่กระเป๋าไปแล้ว

มึงจะกลัวอะไรนักหนาวะ
กูเนี่ยพลเมืองดีที่สุดในโลกแล้ว

ถ้าเป็นคนอื่นนะ โดนมึงชักมีดขู่ขนาดนี้เขากระทืบมึงตายไปนานแล้วไม่ปล่อยให้มึงยืนขู่เขาได้หรอก

แล้วก็ไม่มีใครหน้าไหนบ้าพอที่จะพาคนที่ขู่กันขนาดนี้ขึ้นรถมาด้วยหรอก

เพราะมันเสี่ยงแล้วก็อันตราย
แต่พอดีกูทนเห็นคนตายต่อหน้าต่อตาไม่ได้ ก็เลยช่วย

ก็เลยโง่ช่วยมาด้วย
ทั้งที่แม่ง...........อ้าว......ซบกูอีก

ซบกูซะงั้น
ซบเข้าไปสิ
ซบเข้าไปสิวะ

ซบจนกูจะหวั่นไหวอยู่แล้วเนี่ย

ถ้าจะซบหลังกูขนาดนี้นะ ถึงหอเมื่อไหร่ คงได้ลากไปทำอย่างว่ามากกว่ารักษาแผลกันพอดี

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับคนที่พามาด้วยเลย

ตั้งแต่วันนั้นที่ได้เจอกันแบบไม่เคยคิดฝัน
จำได้ว่ากัสนอนไข้ขึ้นอยู่ที่หออยู่เกือบสี่วัน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องดูแล แต่คนที่นอนป่วยในสภาพสิ้นฤทธิ์ก็ทำให้อดสงสารไม่ได้

ดูแลอยู่นานถึงสี่วัน
และในวันที่ห้า กัสก็หายไป

หายออกไปจากห้องโดยไม่มีการขอบคุณสักคำ

น่าโมโหที่สุด
ทำตัวน่าโมโหมาก

โมโหจนถึงกับโกรธอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยงเมื่อกลับหอมาแล้วพบแต่ความว่างเปล่า ไม่เจอคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเหมือนทุกวัน

หิ้วข้าวมาเก้อ

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้โมโหนักหนา ตลอดสี่วันแทบไม่ได้พูดคุยกันเลยด้วยซ้ำ เพราะกัสไม่ยอมพูดอะไรเลย
ไม่บอกชื่อ ไม่บอกว่าเป็นใครมาจากไหน นึกอยากจะไม่พูดก็ไม่พูดซะอย่างนั้น

เป็นทางนี้ที่หงุดหงิดโมโห แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากดูแลไปตามสภาพ และคิดหวังจะให้คนที่ทำตัวแย่ ๆ คนนั้นรีบ ๆ ออกจากห้องไปให้เร็วที่สุด

แต่เมื่อออกไปจริง ๆ โดยที่ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ให้ติดตามก็กลายเป็นหยกที่ใจหายซะเอง เมื่อมองไปในห้องที่เคยว่างเปล่าและมีคนหนึ่งคนมาขออยู่ด้วยแค่สี่วัน ห้องมันดูอุ่นขึ้น รู้สึกเหมือนมีใครกำลังรอคอย แต่วันที่กลับมาแล้วไม่เจอใครเลย ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่าจะรู้สึกได้ ก็ทำให้หยกรู้สึกขึ้นมา ทั้งที่อยู่คนเดียวมานานไม่เคยรู้สึกอะไร

แต่วันที่กัสออกจากห้องไปโดยไม่บอกกล่าวก็ทำให้รู้สึก

เหงา.....สินะ แบบนี้เองที่เรียกว่าเหงา

อาการเหงามันเป็นแบบนี้นี่เอง

ความรู้สึกนั้นมันก็คงคล้ายวันนี้
บางทีมันก็คงจะเหมือนวันนี้........ที่สัมผัสกับความเหงาอย่างเต็มที่

“กัส....รอหน่อยนะ”

เอ่ยบอกบางอย่างที่ไม่เคยส่งไปถึง คำพูดบางอย่างที่ไม่เคยส่งไปถึงใครบางคนที่อยู่แสนไกล

หยกไม่เคยคิดว่าคำพูดนั้นจะส่งไปถึงใครบางคนที่ไม่เคยยอมรับรู้ความรู้สึกบางอย่างของหยกเลยสักนิด

กัสยังคงพยายามใช้ส้อมจิ้มหมูทอด
และความพยายามครั้งนี้ก็ล้มเหลวอีกเช่นเคย

และคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็ทำเหมือนที่เคยทำ

“ช่วย”


แค่จับข้อมือ
นิวช่วยจับข้อมือให้ และกัสก็สามารถใช้ส้อมที่จิ้มหมูทอดเข้าปากได้

เคี้ยว
ค่อย ๆ เคี้ยว

ก่อนจะอมยิ้ม
รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก
สายตาที่มองมามีแต่ความดีใจ

เหมือนเห็นเงาของใครบางคนซ้อนมาในความรู้สึก

ครั้งหนึ่งเหมือนเคยพยายามจะจับส้อมจิ้มอาหาร แต่ก็ทำไม่ได้ และคล้ายมีใครบางคนช่วยให้สามารถกินอาหารได้ แบบนี้

ไม่รู้ว่าคนที่ช่วยเป็นใคร
มันเลือนลางมาก และเหมือนเห็นเงาของใครบางคนซ้อนขึ้นมา

“ขอบ....ใจ”

ครั้งหนึ่งเหมือนเคยพยายามจะพูดคำพูดนี้ออกไป แต่ไม่สามารถทำได้

ทำไม่ได้
ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่พูดคำว่าขอบใจออกไป

แต่ครั้งนี้กัสกล้าพูดมันออกมาแล้ว

ทั้งที่ก่อนหน้านั้นกับใครบางคนไม่เคยกล้าที่จะพูด

ใคร.....
คนที่เหมือนลืมไปแล้ว และคิดไม่ออกคนนั้นคือใคร

คนที่มีรอยยิ้มเย็น ๆ และคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลาคนนั้นคือใคร

คนที่กอดเอาไว้เมื่อรู้สึกถึงความเหงา และเหน็บหนาวที่สุดคนนั้นคือใคร

กัสได้แต่นั่งตาลอย และมองอาหารในจาน เคี้ยวข้าวในปากไปเรื่อย ๆ แต่ในสมองกำลังพยายามนึก

นึกถึงใครบางคน
ที่ความทรงจำเกี่ยวกับคนนั้นหล่นหายไป

ใคร....

คนนั้นเป็นใคร

ตอบตัวเองไม่ได้ และยังคงสงสัยอยู่ตลอดเวลา
ใครคนนั้นที่ทำให้รู้สึกเป็นสุข และสบายใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้
คน ๆนั้น คือใคร…..


TBC.

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง # การเอาคืนของโจ้

พ่ออยู่ไหนครับ ป่านนี้พ่อยังไม่มารับกัสเลย พระอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว ไม่มีใครอยู่ที่นี่เลย
สนามบาสเก็ตบอลที่ใช้เป็นสนามฟุตซอล เงียบสงัดเพราะผู้คนทยอยกลับบ้านไปหมด

เหลือกัสอยู่คนเดียว
พ่อทำไมมารับกัสช้า

โทรศัพท์มือถือแบตเตอรี่หมดไปนานแล้ว เบอร์โทรศัพท์ของพ่อกัสก็จำไม่ได้ พ่อทำไมยังไม่มารับกัส ป่านนี้แล้วทำไมพ่อถึงยังไม่มา อาก็ไม่มา กัสรอพ่อตั้งแต่เลิกเรียน ป่านนี้พ่อก็ยังไม่ยอมมา


กัสนั่งเหม่อที่เก้าอี้ตัวเดิมข้างสนาม
นั่งรอมานาน จนยุงเริ่มกัดที่ขา
เจ็บ...
ใช้ฝ่าตบยุง แต่ก็ตบไม่โดน พลาดไปโดนขาตัวเองหลายครั้ง เกาไปที่แขนที่เป็นรอยแดงเพราะยุงกัด

เมื่อไหร่พ่อจะมา

ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ มีเศษเหรียญอยู่ไม่กี่บาท มองไปที่สนามที่มีเพียงความเวิ้งว้างแล้วสุดท้ายกัสก็ยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา

พ่อไม่ยอมมารับ
เสียใจ

ทำไมถึงได้เสียใจขนาดนี้
ทำไมพ่อยังไม่มา ทำไมพ่อมาช้า ทำไมพ่อ...ไม่มารับกัสกลับบ้านซะที

ทำไมพ่อ.....

ถามตัวเองแบบนั้น ถามย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ แต่ก็ไม่ได้คำตอบ
ไม่ทันจะลุกขึ้นยืนด้วยซ้ำ อยู่ดี ๆ ก็ลงไปกองกับพื้น โดยมีใครบางคนคร่อมทับเหนือร่างและกระหน่ำกำปั้นใส่ที่ใบหน้าของกัสอย่างรุนแรง

เจ็บ...
และรู้สึกถึงรสเค็มปร่าในปาก

อีกสองหมัดที่กระแทกซ้ำลงมาที่ใบหน้า และกัสก็นอนนิ่งอยู่อย่างนั้น

ในหัวเหมือนมีเสียงก้องบางอย่าง
มันฟังเหมือนเสียงวิ๊ง ๆ แต่กัสไม่รู้ว่ามันคือเสียงอะไร

นอนตาลอยอยู่อย่างนั้น และยกหลังมือขึ้นเช็ดที่ริมฝีปาก

ใครบางคนที่ยังกระชากคอเสื้อของกัสและกระแทกกัสลงกับพื้นอีกครั้ง ตอนนี้ยอมปล่อยกัสแล้ว และคนนั้นก็ยืนอยู่ตรงหน้ากัส พร้อมอาการหอบหายใจหนัก

“นั่นที่มึงเคยทำกูไว้”

กัสเคยทำไว้
เคยทำ.........อะไร

ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ และคนที่ยืนอยู่ก็นั่งลงและกระชากคอเสื้อกัสอย่างแรงอีกครั้ง

“สะใจมั้ย ที่มึงเคยทำ”

ไม่สะใจเลย กัสไม่สะใจ
ผลักมือของคนที่กระชากคอเสื้อออก และเหมือนเห็นรอยยิ้มหยันบนใบหน้าของคนนั้น

โชคดีที่ฝ่ายนั้นยอมปล่อยแต่โดยดี และกัสก็มองหากระเป๋าที่กระเด็นออกห่างตัวไปไกล เอื้อมมือคว้ากระเป๋าและสะบัดหัวด้วยความมึนงง

เจ็บที่มุมปาก เจ็บที่ใบหน้า
เจ็บ แต่ไม่ได้ร้องไห้เสียใจ

ค่อย ๆ พยุงร่างกายและลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ
และก็เซล้มกลับลงมานั่งที่เดิม

ไม่ได้เสียใจหรือโกรธที่ถูกต่อย แต่ที่เสียใจที่พ่อยังไม่ยอมมา

พ่อไม่ยอมมารับกัส
พ่อทิ้งกัสไว้จนเย็นป่านนี้ พ่อ.........ทำไม....

เสียใจ
จนหยุดความรู้สึกตัวเองไม่ได้

น้ำตาหยดลงที่ข้างแก้มและเสียงสะอื้นไห้เบา ๆ ก็ทำให้คนที่นั่งมองด้วยความสะใจถึงกับชะงัก

รอยยิ้มหยันแปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ

“ฮือ ฮึก ฮือออออ”

แรงขึ้นเรื่อย ๆ
จากที่เพียงแค่น้ำตาไหล เวลานี้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าสะอื้นไห้จนตัวโยน เหมือนเด็ก ๆ ที่ถูกรังแก

ไม่ว่าใครเห็นแบบนี้ก็ต้องสงสาร

แม้กระทั่งโจ้
คนที่กัสเคยพาพวกมารุมกระทืบเมื่อหลายเดือนก่อน
และวันนี้ก็เป็นโอกาสที่โจ้จะได้เอาคืนซะที

“เป็นเหี้ยอะไรวะ โดนแค่นี้บ่อน้ำตาแตกเลยหรือไง เฮ้ยยยยกูถามว่ามึงเป็นอะไรของมึง ไอ้เจ๋ง ร้องไห้ทำเหี้ยอะไรวะ อ่อนชิบหายเลย ไม่เห็นเหมือนไอ้เจ๋งคนก่อนเลยนี่หว่า ลูกหมาชัด ๆ คนอย่างมึง”

ไม่ได้โกรธที่ถูกด่า
แทบจะไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายพูดอะไร
สิ่งที่คิดอยู่ในหัวมีแค่เรื่องที่พ่อไม่ยอมมารับอย่างเดียวเท่านั้น

“กลับ...อยาก...บ้าน...จะกลับ...บ้าน”

พูดไม่รู้เรื่อง และกัสที่นั่งร้องไห้และใช้หลังมือปาดน้ำตาเป็นพัก ๆ ก็พยายามประคองตัวเองให้ลุกขึ้นและเดินเซแทบไม่ตรงทาง

กลับบ้านเหี้ยอะไร
กลับ.......

เห็นสภาพของคนที่เดินเหมือนเด็กหัดเดินแล้วก็กลายเป็นโจ้เองที่กำลังทำตัวไม่ถูก

กูต้องช่วยหรือไง
คนที่แม่งพาพวกมารุมกระทืบกูเมื่อหลายเดือนก่อน
กูจะใจดียอมช่วยมันหรือไง

ต่อยไปหลายหมัดแต่แทนที่จะหายคับแค้นใจกลับรู้สึกบางอย่าง

ทำไมวะ

เรื่องที่ว่าไอ้เจ๋งมันเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว
จริงหรือเปล่ากูไม่รู้หรอก รู้แค่เพียง.......แม่งเดินเหมือนปูเลย เฉไปเฉมาขนาดนั้น

มัน..........


”เฮ้ยยยยยยย เดี๋ยวก่อน มึง.............จะ...ไป...”

ถามแล้วแต่ไม่จบประโยค
กระชากแขนของคนที่เดินหนีให้หันกลับมามอง และเมื่อเห็นแววตาเซื่อง ๆ ที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา โจ้ก็ถึงกับสะดุดลมหายใจตัวเอง

น่าสงสาร
แบบนี้โคตรน่าสงสาร

หยดเลือดที่มุมปาก เริ่มไหลซึมออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“เช็ดเลือดมึงซะ”

ไม่ทำตาม
สิ่งที่กัสทำคือมองเมิน และพยายามดึงแขนตัวเองออกจากการเกาะกุม

ไม่ยอมพูดด้วย ไม่อยากพูดกับคนนี้
ไม่อยากพูดไม่อยากมองหน้า อยากกลับบ้าน

อยากกลับบ้านแล้ว กัสจะกลับบ้าน

“เหี้ยฤทธิ์เยอะนักนะมึง หน้าไม่เหลือเค้าเดิมขนาดนี้แล้วมึงยังฤทธิ์มากอีกหรือไงวะ”

ไม่รู้
ไม่สนใจ
จะกลับบ้าน

ดึงแขนของตัวเองออกจากการเกาะกุมและกัสก็พาตัวเองก้าวขาเซไปเซมา และพยายามยืนตั้งหลักให้ได้

ต้องเดินให้ตรงทาง
เดินให้ตรง

ยิ่งพยายามก็เหมือนยิ่งลำบาก เดินตรงทางและดีขึ้นมาพักใหญ่ แต่ในเวลานี้เหมือนความสามารถในการควบคุมศูนย์ถ่วงในร่างกายจะลดลง

ไม่ได้อยากประคอง
ไม่ได้อยากช่วย เป็นคนต่อยมันคว่ำแท้ ๆ แต่นี่มันบ้ามากที่มาประคองคนที่เพิ่งต่อย

แต่ทำยังไงได้

“บ้าน.....มึงอยู่ไหนกูจะพาไป”

พาไปจริงๆ สิ่งที่โจ้คิดได้ในเวลานี้คือจะพาไปจริง ๆ จะพาไปส่งบ้าน

พาเด็กหลงทางไปส่งบ้าน

และแค่ได้ยินคำว่าจะพากลับบ้าน กัสก็ยอมให้คนที่เพิ่งทำร้ายเมื่อไม่กี่นาทีก่อน พาเดิน

เดินมาด้วยกัน

กัสคิดถึงแต่ทางกลับบ้าน
แต่โจ้ที่เหลือบสายตามองหน้าของอีกฝ่ายเป็นพัก ๆ กำลังรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างภายในใจ

กูแม่งบ้าไปแล้ว
รอจังหวะจัดการไอ้เจ๋งอยู่นาน และพอมีโอกาสได้ทำจริงๆ ไม่เห็นรู้สึกดีเลยสักนิด แถมยังต้องมาประคองพามันเดินกลับบ้านซะอีก

แบบนี้มีที่ไหน แม่งบ้าไปแล้ว
แบบนี้มันบ้าชัด ๆ

“หิว”

หิว…..
เหี้ยเอ้ยยยย มึงเสือกบอกกูว่าหิวด้วยเนี่ยนะ แล้วกูจะทำยังไง
มึงเล่นร้องไห้ไปทำหน้าน่าสงสารไป แถมซ้ำยังมาบอกกูว่าหิว

แล้วกูต้อง.........ทำยังไง

“มีร้านข้าวแถวนี้ มึงจะ...แวะกินหรือไง”

ไม่เคยคุยกัน ไม่เคยพูดกัน ไม่เคยคิดว่าจะมาพูดคุยกันในสภาพนี้ และกัสก็ทำหน้าเศร้า หิวแต่กินไม่ได้ เพราะเงินของกัสหมดแล้ว

ไม่มีเงินแล้ว

ไม่มีเงินสำหรับกินข้าวแล้ว
แต่หิว
กัสหิวข้าว
พ่อทำไมไม่มารับกัส พ่อทิ้งกัสไป

พ่อ.....ทิ้งกัส

น้ำตาเริ่มคลอ และกัสรู้ว่าตัวเองกำลังร้องไห้
ร้องไห้ด้วยความเสียใจ และก็กลายเป็นโจ้ที่ยืนอ้าปากค้างและปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปไม่ได้

“หิวก็กิน แค่นี้เอง กูพาไปกินก็ได้ มึงจะร้องไห้ทำห่าอะไรวะ แค่หิวข้าว โธ่โว้ยยยยย”

โจ้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นบ้า

พาคนที่ไม่เคยคิดว่าจะพามาด้วยเดินลัดเลาะไปตามทางเดินและไปหยุดยืนที่ร้านข้าว

หยุดยืน และก็ดึงแขนให้คนที่พามาด้วยเดินตามเข้ามา

“จะกินอะไร”

ไม่รู้ กัสจะกินข้าว

“ข้าว”

กูรู้แล้วว่าข้าว แต่ที่จะกินกับข้าวคือมึงจะกินอะไร

“กับข้าวอะไรมึงก็สั่งสิ”

กับข้าว........

“กินข้าว”

กินข้าว กูรู้แล้วว่าข้าว แต่กับข้าวมึงไม่สั่งแล้วจะกินเข้าไปได้ยังไงวะ

“ข้าวสวยสอง แกงจืดเต้าหู้แล้วก็ผัดผักบุ้งไฟแดงครับ”

สั่งกับข้าวเรียบร้อย และก็มานั่งถอนหายใจเฮือกใหญ่
กูทำอะไรลงไปวะ

กู.......ทำ

เลือดออกอยู่เลยนี่หว่า ดวงตาก็เริ่มบวมช้ำขึ้นเรื่อย ๆ
ข้างแก้มขาว ๆ มีรอยฟกช้ำที่กำลังขึ้นเป็นรอยห้อเลือด

ฝีมือกูเอง

“เช็ดซะ”

หยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้คนที่นั่งตาลอยอยู่ฝั่งตรงข้ามและกัสก็มองกระดาษทิชชู่ที่ถูกส่งให้

นั่งมอง
และกระพริบตาไม่ตอบโต้ไม่พูดคุย ไม่ทำอะไรนอกจากนั่งมองเฉย ๆ แบบนั้น กลายเป็นโจ้ที่ทนไม่ได้ ต้องใช้ทิชชู่ซับแรง ๆ ไปที่มุมปากที่มีหยดเลือดแห้งกรัง

“โอ้ยยยยยยยยยยยยยยย”

ร้องลั่น ร้องออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บ
และคนทั้งร้านก็หันมามองเป็นตาเดียวกัน

“ร้องทำเหี้ยอะไร อายชาวบ้านเค้า”

ยกมือปิดปากคนที่ร้องและกัสก็มองหน้าของคนที่ทำเหมือนโกรธกันมานาน ด้วยความไม่เข้าใจ

ทำไม....

ทำไมต้องเชื่อ ทำไมต้องเชื่อคนนี้ด้วย ทำไมต้องเชื่อ

ลุกขึ้นยืน และก็เป็นโจ้ที่ดึงแขนของกัสให้นั่งลง

“มึงจะไปไหนวะ สั่งข้าวแล้วไม่กินเดี๋ยวก็โดนเจ้าของร้านเอาปังตอไล่ฟัน นั่งลง”

นั่งลง
และกัสก็ยอมนั่งลง

หิว

หิวข้าว

มีอาหารสองอย่างและข้าวสวยมาวางอยู่ตรงหน้า
เจ็บที่ปาก แต่ก็หิวเกินกว่าจะคิดอะไร

หยิบช้อนมาถือเอาไว้ และอาการเห็นภาพซ้อนก็ตามมา

ปวดหัว
ถือช้อนนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น และค่อย ๆ กระพริบตาเพื่อปรับสายตา

ตักต้มจืดใส่จาน แต่กลายเป็นตักทิ้งออกนอกจาน
และกัสก็นั่งมองต้มจืดที่หกเรี่ยราดอยู่บนโต๊ะ

เสียใจอีกแล้ว

เสียใจอีกแล้ว

เสียใจอีกแล้ว

กัสเสียใจอีกแล้ว ต้มจืดไม่ยอมมาอยู่ในจานข้าว แล้วจะกินข้าวได้ยังไง

สิ่งที่โจ้เห็นคือดวงตาเลื่อนลอยที่เหมือนกำลังจะร้องไห้อีกแล้ว และเป็นโจ้ที่เมื่อมองแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“อาการมึงหนักมากจริงๆ นี่หว่า”

เป็นเสียงบ่นพึมพำของโจ้ที่ และเริ่มรู้สึกสำนึกผิดกับการกระทำเลวร้ายชั่ววูบที่ทำลงไป

“มึงจะกินใช่มั้ย เดี๋ยวกูช่วยแล้วกัน ต้มจืดใช่มั้ย”

ตักข้าวและกับข้าวใส่ช้อน และป้อนข้าวให้คนที่นั่งเหม่อแต่ยอมอ้าปากรับ

กินข้าว
เพราะหิวข้าว
กัสอยากกินข้าวไว ๆ

เพราะหิวข้าว

เพราะว่าหิวมาก และอยากให้พากลับบ้านเร็ว ๆ กัสถึงยอมอยู่นิ่ง ๆ ให้อีกฝ่ายป้อนข้าว

โจ้ไม่รู้ตัวเองเลยสักนิด ว่าลืมสนใจผู้คนภายในร้านที่หันมามองด้วยความประหลาดใจ ที่ผู้ชายสองคนมานั่งป้อนข้าวกันในร้านอาหารเล็ก ๆ แบบนี้

บางคนแอบกระซิบ บางคนแอบหัวเราะ
แต่โจ้ลืมมอง ลืมสนใจไปสนิท

สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าเรียบเฉย ที่มีบาดแผลอยู่บนใบหน้า หยดเลือดยังแห้งกรังอยู่ที่มุมปาก

แต่การนั่งเหม่อและเคี้ยวข้าวตามที่โจ้ป้อนมันทำให้คนป้อนรู้สึกถึงอารมณ์ความรู้สึกบางอย่าง

กูคงบ้าไปแล้ว
ต่อยมันซะคว่ำ แต่ต้องมารับผิดชอบด้วยการป้อนข้าวมันแบบนี้

กูคงเป็นบ้าแน่ๆ
กูคงเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ


TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2014 07:23:24 โดย aa_mm »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด