@@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98  (อ่าน 754007 ครั้ง)

ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
โอ้ยยยย ผู้ชายมาติดพันเยอะนะกัส

ออฟไลน์ puchi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 762
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
เดายังไม่ถูกเลย ใครจะเป็นคู่กับกัส มีคนเหมือนจะหลงเสน่ห์สองคนซะแล้ว

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2

ปล.ด้วยรักและคิดถึง# ฉายาโจ้หน้าโง่

"มันปิ้ง"

ใช่ ไอ้ที่เห็นคือมันปิ้ง

เดินผ่านไปแล้ว และก็ต้องเดินกลับมาใหม่ เพราะว่าคนที่โจ้พาเดิน มันไม่ยอมก้าวขาไปไหน ยืนมองมันปิ้งอยู่อย่างนั้น
กระตุกแขนให้เดินก็ยังยืนนิ่ง ก็แค่มันปิ้ง มึงจ้องเหมือนอยากกินขนาดนั้น แล้วคิดว่ากูจะใจร้ายไม่ซื้อให้มึงกินได้ลงคอหรือไง

“เท่าไหร่ครับ”

สุดท้ายก็เลยถามราคาและจ่ายเงินให้แม่ค้าขายมันปิ้ง ยื่นถุงใส่มันปิ้งส่งให้คนที่ยืนมอง และทำท่าเหมือนจะกิน แต่พอยื่นให้มันก็ไปรับ

“แล้วมึงมองทำไม ซื้อมาเสียดายของนะแบบนี้”

เริ่มหงุดหงิดโมโห ไม่พอใจคนที่ทำเหมือนอยากกินแต่พอซื้อให้ก็ไม่ยอมกิน

“ไม่อยากกินแล้วมองทำไมวะ”

รู้สึกว่ากำลังหัวเสียและก็ต้องหิ้วถุงมันปิ้งมาถือไว้ซะเอง กูไม่ได้อยากกินหรอกนะ แต่ซื้อมาแล้วไม่กินจะซื้อมาทำห่าอะไรวะ
แม่ง เหี้ยเจ๋ง มึงกำลังทำให้กูอยากต่อยมึงอีกรอบแล้วรู้ตัวบ้างมั้ย

“กิน...”

ใครกิน กูไม่ได้อยากกิน กูแค่.....

ไอ้เจ๋งมันชี้มาที่ถุงใส่มันปิ้งแล้วก็บอกให้กูกินเนี่ยนะ

แล้วกูก็บ้าบอ กินให้มันดูเนี่ยนะ

ห่าแล้วมั้ยล่ะ บ้าแล้วแบบนี้

แค่กินมันปิ้ง และดวงตาที่เหมือนเหม่อลอยและหรี่ปรือลงเป็นพัก ๆ ของคนที่อยู่ตรงหน้ากำลังจ้องมอง

มองแบบไม่วางตา มึงจะมองว่ากูจะกินหมดมั้ยแบบนี้เหรอ มันใช่เรื่องเหรอวะ กูจะพามึงกลับบ้านไม่ใช่มายืนกินมันปิ้งให้มึงดู

แล้วทำไมต้องจ้องขนาดนั้น
ทำไมต้องมองขนาดนั้น
ทำไมมองแล้วก็เริ่มก้มหน้าลงและทำเหมือนจะร้องไห้แบบนั้น

มองแล้ว........

กัสยืนนิ่ง มองคนที่เคี้ยวมันปิ้ง
ไม่รู้…..
ไม่รู้อะไรทั้งนั้น รู้แค่ว่ามีคนชอบกินมันปิ้งอยู่หนึ่งคน

คนนั้นชอบกิน คนที่นึกชื่อไม่ออก คนที่นึกหน้าไม่ออก แต่รู้ว่าชอบกิน

รอยยิ้มเย็น ๆ ยังตราตรึงในความรู้สึก รอยยิ้มที่ได้เห็นและจำฝังใจมาตลอดแม้จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่หล่นหายจากความทรงจำไปคนนั้นคือใคร

แต่รู้สึกบางอย่าง
รู้สึกถึงเสมอ
ในบางครั้งท่ามกลางความรู้สึกที่เลือนลางเหลือเกิน แต่ความทรงจำของคนนั้นจะปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน ก่อนจะลบเลือนหาย เหมือนอยากจำแต่จำไม่ได้ พยายามจะนึกแต่ก็นึกไม่ออก ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่แค่คน ๆ นั้นคนเดียว ที่อยากจะนึกให้ออก

อยากรู้ว่าหายไปไหน
อยากรู้ว่าทำไมถึงได้หายไปจากความทรงจำ

มันเจ็บปวดอยู่ข้างใน ทุกครั้งที่พยายามจะนึกถึง แม้จะเจ็บปวดแต่ก็มีความรู้สึกอุ่น ๆ อยู่ในใจเสมอ

“....หาย...ไป...อีกแล้ว...”

พูดกับตัวเองเสียงเบา กัสกำลังบ่นพึมพำกับตัวเอง เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วก็ได้แต่พยายามนึก

แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก มีแต่จะเพิ่มความปวดหัว และกัสก็ก้มหน้าลง ก่อนจะพยายามก้าวขาให้ตรงทาง แม้จะเซเล็กน้อย แต่ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ

กลายเป็นโจ้ที่ชะงักมือ และก็หิ้วถุงมันปิ้งเดินตาม ไม่ได้ประคองให้เดิน แต่มีหลายครั้งที่เหลือบสายตามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยร่องรอยฟกช้ำ

กูโคตรรู้สึกผิดเลยว่ะ

ถ้ามันเป็นไอ้เจ๋งคนก่อน กูคงสะใจที่ได้ทำแบบนี้ แต่พอเห็นมันกลายเป็นแบบนี้แล้ว บอกตรง ๆ ว่าโคตรสงสาร
ดวงตาเหม่อลอย ท่าทางที่ขาดความมั่นใจ และเหมือนเด็กหลงทาง มันทำให้ปล่อยทิ้งเอาไว้ไม่ได้

“ต้องขึ้นรถสายไหนวะ”

เอ่ยถามและกัสก็ชี้มือไปที่รถที่กำลังแล่นเข้ามาเทียบ รถมาแล้วและโจ้ก็โยนถุงที่หิ้วมาด้วยลงถังขยะ

แค่กลับบ้าน ถ้าจำเป็นจะต้องกลับเองจริง ๆ ก็กลับได้
แต่ที่พ่อเป็นห่วงเพราะว่ากลัวจะเดินตกคลองเหมือนคราวก่อนที่สภาพร่างกายยังย่ำแย่ แต่ดึงดันจะกลับบ้านเอง แล้วก็ตกลงไปในคลอง โชคดีที่มีคนผ่านมาและช่วยเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงได้กลายเป็นผีเฝ้าคลองไปแล้ว

หลังจากนั้นพ่อไม่ยอมให้กลับบ้านเองอีก พ่อมารับเสมอ และบางครั้งถ้าพ่อมาไม่ได้ก็จะให้อามารับ

แต่วันนี้.....ทั้งพ่อและอาไม่มา พ่อ....ทิ้งกัส....

เจ็บปวดหัวใจ เมื่อนึกขึ้นได้แบบนี้

พ่อทิ้งกัส
ครั้งหนึ่งพ่อก็เคยทิ้งกัส
พ่อเกลียดกัส กัสเป็นแบบนี้แล้วพ่อก็ยังทิ้งกัสได้ลงคอ

พ่อไม่รักกัส

พ่อ....

“เจ๋ง ไอ้เจ๋ง มึงเป็นอะไรอีกแล้ว เจ๋ง...ร้องไห้ทำไมวะ ลูกผู้ชายซะเปล่า แต่ไหนแต่ไรมึงร้องไห้ง่ายขนาดนี้ตลอดเลยหรือไง”

เปล่า
กัสไม่ใช่คนที่จะมาร้องห่มร้องไห้ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
แต่หลังจากอุบัติเหตุที่ผ่านมา หมอบอกว่าจากนี้ไปถ้ากัสจะดีก็ดีไปเลย แต่ถ้าร้ายก็จะเลวร้ายไปเลยชนิดที่กู่ไม่กลับ

กัสไม่รู้ว่ากัสอยู่ตรงไหนของสิ่งที่หมอพูด
กัสรู้แค่ว่ากัสเสียใจมาก

เศร้ามาก

ทำไมถึงได้ห้ามน้ำตาไม่อยู่เวลาที่เสียใจ

หมอบอกว่ามันจะดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่กัสไม่รู้จะจัดการกับอารมณ์ที่ไม่มั่นคงของตัวเองแบบนี้ยังไง

กัสไม่อยากสนใจใครทั้งนั้น เวลาที่ร้องไห้ กัสรู้แค่ว่าตัวเองปวดใจ เศร้าใจ และเสียใจ น้ำตาก็เลยไหลออกมา

กัสยกหลังมือปาดน้ำตาและพยายามคิดในแง่ดี พยายามสงบจิตสงบใจ

เงยหน้ามองรถโดยสารที่มีผู้คนแออัดยัดเยียดในยามค่ำแล้วก็ก้าวขาขึ้นรถไปโดยมีใครบางคนตามขึ้นไปด้วย และแทรกตัวมายืนอยู่ข้าง ๆ

“โหนรถเมล์ได้มั้ยวะ”

ได้
กัสทำได้ มันอาจจะยากหน่อย แต่สภาพร่างกายแค่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ กัสทำมันได้ ทำได้..........

แต่มือกำลังชา
แขนขวากำลังชา

อยากจะจับราวเอาไว้ แต่กล้ามเนื้อไม่มีแรง และแขนก็ทิ้งลงข้างตัว

“จับชายเสื้อไว้นะ”

เงยหน้ามองและคนที่บอกให้จับชายเสื้อเอาไว้ ก็จับราวโหนบนรถโดยสารแน่น มืออีกข้างจับที่พยักเก้าอี้ของผู้โดยสารเอาไว้แน่น เพื่อเป็นหลักให้กัส หากรถโดยสารมีการเบรคหรือจอดเทียบท่า

กัสจับชายเสื้อของโจ้เอาไว้แน่น ตามที่โจ้บอก

หลายครั้งที่เหมือนจะเซ แต่โจ้ก็จะใช้แขนดึงเอวของกัสเอาไว้ไม่ให้เซไปตามการเบรกของรถ

โจ้....

คนที่ถูกกัสรุมกระทืบเมื่อคราวก่อน

ถ้ารู้ว่าในเวลาที่ลำบากที่สุดคนที่คอยช่วยเหลือจะกลายเป็นโจ้ กัสจะไม่ทำร้ายโจ้เลย

เพราะกัสมันโง่ และนิสัยไม่ดี
ถึงได้ทำกับโจ้แบบนั้น

เสียใจ

กัสเสียใจที่ทำให้โจ้เจ็บ และทำให้โจ้ต้องอยู่กับความคับแค้นใจมาตลอด

กัสไม่ดีเองที่ทำให้โจ้เจ็บ ทั้งที่ในเวลานี้ โจ้เมินเฉยไปก็ได้ ไม่จำเป็นต้องตามมาเลยด้วยซ้ำ แต่โจ้ก็มา

มาเพราะรู้ว่าสภาพร่างกายของกัสเป็นยังไง

โจ้อาจสงสาร กัสไม่ได้อยากได้ความสงสาร

ถึงไม่อยากได้ความสงสาร แต่ความใจดีของโจ้มันทำให้กัสยิ่งเสียใจที่เคยทำไม่ดีกับโจ้เอาไว้

“โจ้”

เรียกชื่อของคนที่พยายามยืนนิ่ง ๆ ประคองร่างกายตัวเองให้นิ่งที่สุด เพื่อที่กัสจะได้มีหลักยึดไม่เซถลาล้มลงไป

แค่นี้ก็ดีแล้ว

สิ่งที่โจ้ทำให้จะเรียกว่าใจดี สงสาร หรืออะไรก็แล้วแต่

แต่มันทำให้กัสรู้สึกดี ที่มีคนใส่ใจแบบนี้

“ขอโทษ...ตอนนั้น..ขอ...”

พยายามจะพูด แต่เมื่ออยากจะพูดให้จบประโยคก็พูดไม่ได้

บางอย่างมันตีตื้นขึ้นมา และคำพูดที่อยากจะพูดให้อีกฝ่ายได้ยินชัด ๆ ก็ถูกกลืนหายลงไปในคอ

“...หายกันแล้ว...”

จริงนะ หายกันแล้วจริง ๆ นะ

กัสเงยหน้าขึ้น ทั้งที่ยังมีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด แต่นั่นก็ทำให้โจ้ต้องพยายามเมินหน้าหนีไปทางอื่น
ไม่สบตากับดวงตาเลื่อนลอยที่มองตรงมา

เหี้ยแล้วไง

กูหวั่นไหวอยู่หรือเปล่าวะเนี่ย

ไม่จริงมั้ง

แค่นี้ไม่ทำให้หวั่นไหวได้ง่าย ๆ หรอก ไอ้เจ๋งเนี่ยนะ ไอ้เหี้ยที่แม่งกวนตีน และเหี้ยสุดในชั้นปีเนี่ยนะ กำลังทำให้กูหวั่นไหว

แม่งบ้าแล้ว

ไม่มีทางหรอก

ไม่มี..........ทาง.......... แต่ว่ามึง.......เหี้ยโจ้....มึงมัน....โง่…

ใครใช้ให้มึงเผลอสบตาไอ้เจ๋งวะ มึงเห็นมั้ย คราวนี้มึงเข้าใจหรือยังว่าสุดท้ายแล้วเป็นไง

ไม่เห็นเป็นไง

ก็แค่.....กู... เลิกมองหน้าไอ้เจ๋งไม่ได้ ไม่สามารถถอนสายตาจากใบหน้าที่มีแต่รอยฟกช้ำของไอ้เจ๋งได้

ทั้งหมดนั้นต้องยอมรับว่า “กูมันหน้าโง่” แค่นั้นเอง......

TBC.

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง# แค่แวะมาหาเฉย ๆ

“เฮ้ยยยยย”

งง
เปิดประตูออกมาแล้วก็เกิดความงง เมื่ออยู่ดี ๆ ไอ้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้ามันก็เดินดุ่ม ๆ เข้ามาในห้องโดยไม่ต้องรอให้เชิญ

“เฮ้ยยยยย”

พูดไม่ออก ได้แต่ร้องด้วยความอึ้ง
ทำไมจะจำไม่ได้ว่าใครที่เข้ามาในห้อง จำได้ดี ไม่ต้องใช้เวลาในการคิดให้เสียเวลา

ไอ้เด็กที่ซ้อนท้ายรถมาด้วยเมื่อสองเดือนก่อน
ตอนนี้ดูแล้วสภาพมันคงหายดีแล้ว และตอนนี้มันก็เพิ่มแผลใหม่ให้กับตัวเองเรียบร้อย ดูจากสภาพใบหน้าแล้วคงได้แผลใหม่เมื่อไม่นานมานี้
แล้วมันเรื่องอะไรที่อยู่ดี ๆ มึงก็เข้ามาในห้องกู
แล้วรองเท้า เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย มึงทำไมไม่ถอดรองเท้าไอ้เด็กเหี้ย หยุดเดี๋ยวนี้

ไอ้.............

จะด่าให้ได้อะไรขึ้นมา ในเมื่อนึกไม่ออกว่าจะด่าใคร
ไม่รู้จักชื่อ
รู้จักแค่หน้า และไอ้เด็กกวนประสาทนั่นก็เดินเข้าห้องน้ำไปเรียบร้อย ประตูห้องน้ำก็ไม่ปิด

นี่มันห้องกูนะ
มึงเป็นใคร อะไร....ยังไง

อ่า..........

เสียงกดชักโครกทำให้หยกที่ยืนอ้าปากค้างและนึกคำด่าไม่ออกต้องไล่สายตามองไปที่ประตูห้องน้ำ และไอ้เด็กนั่นก็เดินออกมา หน้าตาแบบนี้

บวมช้ำมาเลยนี่หว่า
ไปมีเรื่องอะไรกับใครมาอีกวะนั่น

แล้ว.........

มาล้มตัวลงนอนบนเตียงกูเฉยเลย นอนคว่ำหน้าแล้วก็หลับตา

รองเท้าก็ไม่ถอด

มันจะถือวิสาสะเกินไปแล้วนะ ไอ้เด็กเวร

“น้อง ที่บ้านไม่สอนเรื่องมารยาทเหรอครับ”

ด่า
แต่คงอ้อมโลกเกินไปกัสเลยไม่เข้าใจ

หรี่ปรือตาขึ้นมามองคนที่ยืนทำหน้าตาประหลาดแล้วกัสก็หันหน้าหนีไปทางอื่น

บ่นห่าอะไรวะ
รำคาญชิบหาย

“เฮ้ยยยยยยย พี่พูดได้ยินมั้ยน้อง ไอ้เด็กเวรนี่”

เออ.... ได้ยินแล้ว
น่ารำคาญว่ะ
จะตะโกนทำไม อยู่ใกล้แค่นี้ กูไม่ได้หูตึงซะหน่อย

“รองเท้าทำไมไม่ถอดวะ เฮ้ยยยยยยยย ลุกขึ้นโว้ยยย”

ทำไมต้องตะคอกด้วยวะ
เรื่องแค่นี้เอง ทำเป็นมีปัญหาไปได้ แค่รองเท้า
กูถอดให้ก็ได้วะ

กัสลุกขึ้นนั่งด้วยความหงุดหงิด สะบัดรองเท้าสองข้างออกจากเท้าทิ้งไว้ข้างเตียงแล้วก็ลงไปนอนอีกครั้ง

นอนคว่ำหน้าและเมินหน้าหนีไปทางอื่น
หลับตาลง และเริ่มรู้สึกอาการปวดตุบ ๆ ที่ข้างแก้มและมุมปาก

เหนื่อยแล้ววันนี้
อยากนอน

แต่นอนที่ไหนก็ไม่เคยหลับสบายได้เท่านอนในห้องนี้
บนเตียงนี้

จำอะไรไม่ค่อยได้ ที่จำได้คือคราวก่อนที่โดนวิ่งไล่และโดนฟันที่แขน

มานอนที่นี่ นอนป่วยเพราะแผลที่แขนอักเสบ
ห้องของใครก็ไม่รู้ ไม่รู้จักเจ้าของห้อง ไม่รู้จักกันเพราะไม่เคยถาม พูดกันแบบนับคำได้

และดูเหมือนทางนั้นก็ไม่ได้ดีใจนักหรอกที่มีภาระที่ไม่ได้ตั้งใจเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน

แต่ไม่รู้ทำไม
ทั้งที่ตอนนั้นไม่คิดอะไร แต่หลังจากกลับบ้านไปแล้ว

ถึงเพิ่งนึกได้ ว่าตลอดเวลาสี่วันที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วนั้น
เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่กัสสามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจ และตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุข

แปลก
ความรู้สึกแบบนี้ไม่เคยได้รับจากใคร

ตอนเช้าที่ลืมตาตื่นขึ้นมา มียาเม็ดสองสามเม็ดใส่แก้วเล็ก ๆ วางไว้ให้พร้อมข้าวเช้าหนึ่งมื้อ

ตอนเย็นมียาเม็ดสองสามเม็ดใส่แก้วเล็กๆ วางไว้ให้พร้อมกับข้าวเย็นอีกหนึ่งมื้อ

และข้าวสำหรับมื้อกลางวันแช่อยู่ในตู้เย็นตลอด
พร้อมกับมีกระดาษแผ่นเล็กๆ แปะติดไว้ที่หน้าตู้เย็น กัสไม่อยากจะอ่านข้อความยาว ๆ ยิ่งเห็นตัวอักษรแล้วก็หงุดหงิดปวดหัว แต่เห็นคำว่าข้าวในข้อความยาว ๆ นั้น ก็เลยพอจะรู้ว่าข้าวสำหรับกินตอนกลางวันอยู่ในตู้เย็น

มีแค่นั้นจริง ๆ

สี่วันนั้นเราใช้ชีวิตกันแบบไหนไม่รู้
กัสแทบจะลืมมันไปแล้ว

แต่จำได้ว่าทุกครั้งที่รู้สึกตัวตื่นก็เพราะสัมผัสเย็น ๆ จากผ้าขนหนูชุบน้ำที่เช็ดให้ตามร่างกาย ความเย็นสดชื่นปลุกให้ตื่นจากการหลับใหลเพราะฤทธิ์ยา

ทุกครั้งที่นอนอยู่บนเตียง และลืมตาขึ้นมาจะเห็นแผ่นหลังของคนที่เป็นเจ้าของห้อง ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม

ตื่นขึ้นมากัสก็จะเผลอมองคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้ตัวนั้นเป็นนาน

ไม่เคยจดจ่อกับอะไรได้นาน ๆ
แต่กับคนนี้ ไม่รู้ทำไมถึงได้นอนมองได้นานขนาดนั้น

มองจนหลับไปทุกคืน
และจะสะดุ้งตื่นอีกครั้งเพราะอาการไหวยวบของที่ฟูกนอนเมื่อคนที่อ่านหนังสือจนดึกดื่น มาล้มตัวลงนอนข้าง ๆ และดึงผ้าห่มมาคลุมให้ทุกครั้ง

สารภาพจากใจ….
กัสโหยหาความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยโดยไร้เงื่อนไขแบบนั้นมานาน

แม้แทบไม่ได้พูดกันสักคำ แต่กัสกลับรู้สึกถึงความอ่อนโยนและใจดีของอีกฝ่ายที่มอบให้โดยไม่ถามถึงที่มาที่ไปของกัสด้วยซ้ำ

ทำไมถึงทำให้ล่ะ
อยากได้อะไรตอบแทน กูไม่มีจะให้หรอกนะ

เพราะฉะนั้นเมื่อตื่นขึ้นมาในวันหนึ่งและพบว่าตัวเองหายป่วยแล้ว กัสจึงหายออกไปจากห้อง โดยไม่อยู่รอขอบคุณเจ้าของห้อง

ไม่ใช่ไม่อยากทำ

แต่คำว่า “ขอบคุณ” กัสสะกดมันได้ แต่ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกหรือเปล่า จากความคิดที่ว่าจะแปะกระดาษบอก กัสเลยเปลี่ยนใจไม่ยอมเขียนอะไรเลย

เพราะรู้สึกอาย
ถ้าแม้แต่คำว่าขอบคุณ ยังเขียนไม่ถูก

ก็เลยเลือกที่จะไม่ทิ้งอะไรไว้ และเดินออกจากห้องนั้นมาเงียบ ๆ

ไม่นึกไม่ฝันจริง ๆ ว่าวันนี้จะกลับมา

และความรู้สึกที่ได้รับในวันนี้ไม่ต่างจากสี่วันแห่งความทรงจำเลยสักนิด

กลับมาอยู่ที่นี่
ที่ ที่มีคน ๆ นี้อยู่

คนที่กัสไม่รู้ว่าชื่ออะไร

แต่น่าแปลกที่เป็นอีกครั้งที่กัสสามารถหลับตาลงได้อย่างสงบและไม่ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง

แค่เพียงหัวถึงหมอน และในเวลาไม่นานกัสก็หลับสนิทโดยมีใครบางคนยืนมองด้วยความหงุดหงิดโมโหอยู่ข้างเตียง

ไอ้เด็กเวร
อะไรของมันวะ

นึกอยากจะมาก็มา นึกอยากจะไปก็ไป มันเห็นที่นี่เป็นอะไรวะ ทำไมถึงได้เดินเข้ามาแล้วก็มานอนหลับอยู่บนเตียงของคนอื่นง่ายดายขนาดนี้

นึกแล้วก็ยิ่งไม่พอใจ
ยืนมองแล้วก็อยากจะด่าและลากไอ้เด็กเวรที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนออกไปจากห้องซะ

แต่สุดท้ายก็ไม่ทำ

หยกยืนมองคนที่มายึดเตียงและนอนหลับสบายไปเรียบร้อย
ปล่อยให้ทางนี้หงุดหงิดโมโหไม่พอใจอยู่ฝ่ายเดียว

สิ่งที่หยกไม่เข้าใจคือทำไมไม่ทำอย่างที่ใจคิด
แค่ลากไอ้เด็กเวรนี่ออกไปจากห้องซะ ก็จบเรื่อง

แล้วทำไมถึงไม่ทำ

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น

สุดท้ายมองไปที่รองเท้าผ้าใบที่ถอดทิ้งเอาไว้ข้างเตียง
มองแล้วก็ก้มลงหยิบไปวางไว้ในตู้ใส่รองเท้า ก่อนจะเดินกลับมายืนมองคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงอีกครั้ง

ลงไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม

นั่งมองคนที่นอนหันหลังให้

ขมวดคิ้วมุ่น

และเพียงไม่นานหยกก็เริ่มมีรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก

ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้คืออะไร

และเดาเล่น ๆ ว่าพอตื่นขึ้นมาไอ้เด็กนี่ก็คงหายตัวไป และคงไม่มีการพูดขอบคุณแน่ ๆ

แค่คำว่าขอบคุณคงยากเกินไป

แล้วมันไม่คิดบ้างเหรอว่าสิ่งที่มันกำลังทำอยู่ เป็นเรื่องยากและคงไม่มีใครหน้าไหนกล้าทำแบบนี้

ส่ายหัวและกอดอกนั่งมองคนที่หลับอยู่บนเตียงไปเรื่อย ๆ
สุดท้ายสิ่งที่หยกทำได้ก็คือหัวเราะออกมาเสียงเบาและบ่นพึมพำกับตัวเอง

“เฮ่ออออออ.....มึงทำห่าอะไรของมึงอยู่วะ...ไอ้เด็กเวร”

TBC.

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2

ปล.ด้วยรักและคิดถึง#เรื่องราวเก่า ๆ ในความทรงจำ

จะดื้อไปถึงไหน พูดเท่าไหร่ก็ไม่เคยฟัง
ไม่ฟังไม่ว่า แต่ท่าทีเมินเฉยและเอียงหน้าหนีนี่มันอะไร

“ดีนะรอบนี้ยังไม่ตาย”

แน่ล่ะ ไม่ตายอยู่แล้ว คนอย่างกูไม่ตายง่าย ๆ หรอก
มีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไป มีหน้าที่ทายาก็ทาไป มีหน้าที่ทำแผลก็ทำไป แม่งทำไมพูดมากบ่นมากน่ารำคาญขนาดนี้วะ

“ซ่านักนะมึง”

เรื่องของกู ซ่าหรือเปล่า ไม่ใช่หน้าที่ที่มึงต้องมาแสดงความคิดเห็น แล้วก็หยุดพล่ามซะที ไม่รู้หรือไงว่ากูโคตรรำคาญ
ถ้าปัญหาเยอะขนาดนั้น มึงไม่ต้องทำแผลให้กูก็ได้ เลียสองทีก็หายแผลแค่แมวข่วนแค่นี้ อย่ามาทำเป็นพูดอะไรให้ต้องหงุดหงิดมากไปกว่านี้ไม่ได้หรือไงวะ กูเบื่อที่จะ........ฟ...ฟั...

“โอ้ยยยยยยยยยยยยย เหี้ย กูเจ็บนะ”

ผลักมือของคนที่แต้มยาลงไปที่หน้าผาก และกัสก็ถอยห่างไม่ยอมให้คนที่ใส่ยาแตะต้องร่างกายได้อีก

“ทีนี้มาร้องว่าเจ็บ ทีไปกระทืบชาวบ้านเขาไม่คิดว่าเขาเจ็บหรือไง”

สันดาน
นั่นมันเรื่องของกู ใครใช้ให้แม่งทำหน้ากวนตีนก่อนล่ะ โดนกระทืบสองสามที ทำอย่างกะว่ามันจะตาย แน่จริงก็มาเอาคืนสิ กูไม่เคยกลัวเลย ที่ไหนเมื่อไหร่ว่ามาเถอะ หมาลอบกัดกูก็ไม่กลัว จะเอายังไงก็ว่า.......

“โอ้ยยยยยยยยยย กูบอกว่าเจ็บไงเล่า เหี้ยยยยยยย ปล่อย ไม่ต้องทำแล้วแผลห่าอะไรเนี่ย”

อย่ามาร้อง
อย่ามาทำเป็นมีอารมณ์โมโห
ทางนี้ก็โมโหเหมือนกัน

“จะตายหรือไง ถ้าไม่ได้ต่อยตีกับชาวบ้าน อยู่ให้มันสงบ ๆ ไม่ได้หรือไง”

เรื่องของกู

บ่นเหี้ยอะไรนักหนาวะ

บาดแผลทั้งหมดใส่ยาเรียบร้อย รอยฟกช้ำที่เกิดขึ้น กัสใช้ยานวดมาแต้มและบีบคลึงเพื่อคลายความปวด

แม้จะทั้งเจ็บทั้งแสบ และคนทำแผลให้ทำไปด่าไปก็ตาม
แต่แปลกที่กัสไม่ได้รู้สึกว่าคนที่ทำแผลให้รู้สึกเกลียดชังหรืออยากซ้ำเติม แต่เป็นความห่วงใยในแบบแปลก ๆ ของคนบางคน

“หยก”

เรียก และคนที่จัดการรวบรวมสำลีและอุปกรณ์สำหรับทำแผลใส่กล่อง ก็เงยหน้าขึ้นมามอง

“กูรุ่นพี่มึงกี่ปี เรียกชื่อเฉย ๆ เหรอ มึงนี่มันปีนเกลียวไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่จริง ๆ”

ด่าเข้าให้
และกัสก็นิ่วหน้า แต่ก็ยังจะเรียกชื่อของอีกฝ่ายแบบเดิมซ้ำ ๆ

“ดีแค่ไหนกูไม่เรียกไอ้หยก”

“มึงก็ลองเรียกสิ ไอ้เด็กเหี้ย กูถีบมึงคว่ำแน่ แล้วแผลที่หน้ามึงเนี่ยกูก็จะช่วยซ้ำ เอาให้แม่งตายห่าจริง ๆ ไปเลย”

เหรอ

โคตรน่ากลัวเลย

“นึกว่าอ่านเป็นแต่หนังสือซะอีก ต่อยตีเป็นด้วยเหรอ”

แกล้งยั่วอารมณ์โมโหของอีกฝ่าย และสิ่งที่ได้รับคือการที่หยกแกล้งดึงคอเสื้อของคนที่ยั่วโมโหขึ้นและก้มหน้าลงไปหาเล็กน้อย ก่อนจะทำหน้าโหดและพูดใส่หน้าอีกฝ่ายเบา ๆ

“มึงจะลองดูมั้ยล่ะ”

แค่นั้นเอง
แค่นั้นจริง ๆ

แต่คำพูดง่าย ๆ และดวงตาที่เผลอสบกันนิ่ง มันทำให้ทั้งคนถูกยั่วและคนแกล้งยั่ว ลมหายใจติดขัด

อะไร

มันคืออะไร

ชั่วขณะหนึ่งที่ลมหายใจห่างกันแค่เพียงปลายจมูก

มันมีความรู้สึกบางอย่างมากกว่าการหยอกล้อ

“เด็กเหี้ย”

หยกรีบปล่อยมือจากคอเสื้อของคนที่จ้องหน้าและทำให้รู้สึกถึงอาการแปลก ๆ ของตัวเอง และกัสก็รีบหลบสายตาแกล้งเมินมองไปทางอื่น และบีบนวดที่แขนของตัวเอง

“กูเหี้ยแล้วช่วยกูทำไม”

“ใครอยากช่วยมึง เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า”

อ่อ
ไม่ได้อยากช่วย

กัสที่นวดแขนอย่างช้า ๆ ถึงกับชะงักมือ และเงยหน้าขึ้นมองคนที่ไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมและหันหลังให้

มันก็เหมือนเดิม
ไอ้หยกมันก็เป็นเหมือนเดิม

ไม่เคยสนใจ ไม่เคยแยแส แต่ไหนแต่ไรก็เป็นแบบนี้
เหมือนจะไม่สนใจ แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนใจดี ที่พูดดี ๆ ไม่ค่อยเป็น

เรียนรู้สิ่งที่อีกฝ่ายเป็นอย่างไม่รู้ตัว

ทุกครั้งที่เจ็บ ทุกครั้งที่เสียใจ
จะกลับมาที่นี่....
ไม่รู้ว่าที่นี่เรียกว่าอะไร แต่เป็นที่ที่มีหยกอยู่ แม้หยกจะไม่เคยพูดจาดี ๆ ด้วย แต่หยกก็ไม่เคยทิ้ง

ด่าทุกครั้งที่มีแผล แต่ไม่เคยที่จะละเลยและไม่เคยไม่ช่วยเหลือ

คนใจดี ที่ทำให้กัสรู้สึกดี และอยากอยู่ใกล้ ๆ ตลอดเวลา

“เฮ้ย มึงอ่ะ ตกลงชื่ออะไรเนี่ย แล้วเมื่อไหร่จะอ่านหนังสือคล่องซะที หนังสือ ก. ไก่สำหรับอนุบาลมันไม่ได้ยากไปหรอกใช่มั้ย”

ใครว่าไม่ยาก
มึงไม่รู้อะไรซะแล้ว
ไอ้หนังสือเหี้ยสำหรับเด็กอนุบาลที่มีรูปการ์ตูนพวกนี้แหละ ทำกูปวดประสาทมาแล้ว

“อ่านให้ฟังซิ อ่านได้หรือยัง”

ไม่อ่าน
กูไม่อ่านเด็ดขาด ขืนอ่านแม่งก็รู้กันพอดี ว่ากูอ่านหนังสือได้เหี้ยมาก แถมยังเขียนหนังสือได้ห่วยที่สุด

ล้มตัวลงนอนทันที
และก็เป็นหยกที่ละสายตาจากหนังสือ และหันไปมองคนที่ล้มตัวลงนอนบนเตียง นอนคว่ำหน้าและหันหน้าหนีไปทางอื่น ท่าทางเหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือความรู้สึกบางอย่าง

ไอ้เด็กเหี้ยนี่มักจะมาปรากฏตัวในเวลาที่ไม่เคยคิดว่ามันจะมา

สองสามครั้งแรกมึนงงกับสิ่งที่มันทำ แต่หลังจากนั้น เริ่มชิน ถ้าไปเรียนและกลับมาตอนเย็นเห็นมอร์เตอร์ไซด์จอดไว้ที่หน้าหอ แค่เห็นป้ายทะเบียนก็จำได้ แค่เห็นก็รู้แล้วว่ามันมา

บางครั้งนั่งเล่นอยู่ที่เก้าอี้ที่หอพักจัดไว้ให้
บางครั้งก็ไปนั่งดูลูกหมาที่วิ่งไล่กันหน้าหอ

บางครั้งมันก็พาตัวเองไปนั่งรอจนถึงหน้าห้อง

เราไม่เคยพูดกันด้วยซ้ำ แค่เห็นหน้าก็รู้

มาถึงก็มาขอนอน ไม่เคยสร้างปัญหา ไม่เคยถามไม่เคยพูดคุย และนานวันเข้า ก็เริ่มพูดกัน

จากประโยคสั้น ๆ กลายเป็นการพูดกันด้วยประโยคยาว ๆ
จากนิ่งเงียบ กลายเป็นหยกที่ด่าว่า คนที่มีแผลมาโชว์หราทุกครั้งที่มา

และสุดท้าย
กลายเป็นหยกที่เป็นฝ่ายเป็นเดือดเป็นแค้นทุกครั้งที่คนบางคนมันไม่เคยยอมฟัง และไม่เคยเชื่อในสิ่งที่หยกพูดซะที

“หยก”

เรียกทำห่าอะไร นอนหลับไปเลยไป ไอ้เด็กเหี้ย กูยิ่งโมโหอยู่ พรุ่งนี้จะสอบอยู่แล้ว ยังอ่านหนังสือไม่ถึงไหนเลย
ไม่ได้สนใจจะฟัง หันหลังให้และก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อไป

“หยก”

คราวนี้จะทำเป็นไม่สนใจก็ไม่ได้ หยกหันกลับไปมองและคนที่นอนหันหลังให้ก็ไม่ได้หันมามองแต่ยังคงเรียกชื่อหยกอยู่อย่างนั้น

ทำตัวกวนตีน สันดานเสียแบบนี้ไง ถึงได้ขยันหาเรื่องใส่ตัวทุกวัน

“จะพูดอะไรก็ไม่เสือกพูด รบกวนเวลาอ่านหนังสือ”

เออ

“กูชื่อเจ๋งนะ”

เจ๋งบ้านมึงดิ

มึงนึกว่ากูหูหนวกตาบอดจนไม่รู้เลยเหรอว่าคนที่มาอยู่ด้วยบ่อย ๆ เป็นใครมาจากไหน ชื่ออะไร

กูเหมือนคนไม่อยากสนใจใคร
แต่กูโคตรสนใจเลยจะบอกให้

“มึงชื่อกัส มึงอายุเท่าไหร่ บ้านอยู่ไหน กูคงไม่ต้องพูดต่อหรอกนะ”

กัสรีบปรือตาตื่นขึ้นทันที และหันไปมองคนที่พูดเรื่องบางอย่างที่ไม่เคยเล่าให้ใครที่ไหนฟัง แต่หยกก็รู้

รู้ได้ยังไง

หยกรู้ได้ยังไง

“มึงสืบเรื่องของกูเหรอ”

เปล่าสืบ แค่บังเอิญรู้เฉย ๆ
“มึงน่าสืบนักหรือไง กูไม่ว่างมาสนใจชีวิตมึงหรอกนะว่าจะเป็นจะตายยังไง บังเอิญคนรู้จักกูมันรู้จักมึงแค่นั้นแหละ ดังใช้ได้เลยนะ อายุน้อยกว่าเพื่อนแท้ ๆ แต่กิตติศัพท์เรื่องความเหี้ย ไม่เป็นสองรองใคร อยากชื่อเจ๋ง ก็เจ๋งสมใจอยากมึงดี”

รู้ได้ไงวะ

“กูเคยมีอะไรดีมั่ง”

กัสก้มหน้ากลับลงมาแล้ว และหันหน้าหนีไปอีกทาง
บ่นพึมพำเสียงเบากับตัวเอง และเป็นหยกที่นิ่งชะงัก ดวงตาที่ไล่มองไปตามตัวหนังสือหยุดนิ่งเพียงเท่านั้น และหันไปมองคนที่บ่นพึมพำเสียงเบา

ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจให้ได้ยินหรือเปล่า
แต่ในเวลานี้หยกก็ได้ยินมันแล้ว ได้ยินชัดเจน

และเมื่อได้ยินก็เป็นหยกที่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
มองแผ่นหลังของคนที่นอนหันหลังให้แล้วก็เลยต้องลุกขึ้นและเดินไปหา เดินไปหยุดอยู่ที่ข้างเตียงและนั่งลงข้าง ๆ กัสอย่างช้า ๆ

ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
ไม่รู้ว่าคำพูดไหนที่สมควรพูด

สุดท้ายได้แต่นั่งเงียบอย่างนั้นโดยไร้คำพูด
และก็เป็นกัสที่รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของคนที่มานั่งข้าง ๆ

หันมามองอย่างช้า ๆ

ดวงตามีแต่ความหมองเศร้า

มันมีแต่ความซึมเศร้าจนหยกเองก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกมาแม้แต่คำปลอบใจ

คำพูดสวยหรูไม่เคยมีออกมาจากปากของหยกสักครั้ง
แต่เป็นการกระทำที่สวนทางกับความรู้สึกเสมอ
“พรุ่งนี้แวะมาอีกนะ แผลที่หน้าผากต้องใส่ยา แล้วก็อย่าให้แผลโดนน้ำด้วย มันจะยิ่งหายช้า”

เป็นอย่างนี้ทุกที

ไม่เคยปลอบใจ
ไม่เคยพูดดี ๆ ด้วย
แต่ก็ทำให้กัสรู้สึกดีได้ทุกที ที่อยู่ใกล้

เรื่องแค่นั้นทำไมจะไม่รู้ แผลโดนน้ำมาไม่รู้กี่รอบแล้วไม่เห็นแม่งเป็นห่าอะไร ก็เห็นหายทุกที

เกิดจะไม่หายขึ้นมาตอนนี้ก็เกินไป
หนักกว่านี้ก็เคยมาแล้ว สนใจอะไรกับแผลแค่นี้ ไกลหัวใจ แค่นี้ไม่ตายง่าย ๆ หรอก

แต่ว่า.....

“มาทำไม อยากมาเดี๋ยวกูมาเอง”

เหรอ

ปากดีนักนะมึงไอ้เด็กเหี้ย พูดจาหมาไม่แดกแบบนี้ น่าปล่อยให้ตาย ๆ ไปซะ วันหลังโดนตีนมาก็ไม่ต้องมาหากูนะ ตายห่าไปซะจะได้หมดเรื่องหมดราว ไม่เป็นภาระกูด้วย

“สำลีมันเหลืออีกครึ่งม้วน มึงคิดว่ากูซื้อมาถูกๆ หรือไงวะ”

ด่าเข้าให้

และก็เป็นกัสที่ต้องนิ่งเงียบ

แค่สำลีกูซื้อใช้คืนให้ก็ได้ ทำไมต้องทำเป็นเรื่องใหญ่

“ไหนจะผ้าก๊อซ ยาแดง ยาล้างแผล เก็บไว้ยามันก็มีแต่จะหมดอายุ”

เหรอ

เอาจริงดิ เก็บไว้ก็มีแต่จะหมดอายุ มึงก็โยนทิ้งไปซะสิ แค่นี้ก็หมดเรื่อง กูไม่ใช่หนูทดลองยาของมึงซะหน่อย

“ไม่มา อยากมาเดี๋ยวกูก็มาเอง”

ยังคงดื้อดึงจะใช้คำพูดเดิม ๆ และหยกที่ขมวดคิ้วมุ่นก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังโมโห

“พรุ่งนี้กูต้องอ่านหนังสือจนถึงเช้า มึงอยู่กูก็หลับไม่ลงจะได้อ่านให้มันจบ ๆ ”

มึงอ่านถึงเช้าอยู่ตลอดแหละ ไม่เห็นต้องบอกเลย กูก็เห็นแบบนี้ประจำ หลับลงไม่ลง พอตื่นมากูก็เห็นมึงหลับฟุบคาโต๊ะทุกที

“ก็กูบอกแล้วว่าอยากมาเดี๋ยวกูมาเอง”

พูดไม่รู้เรื่องหรือไงวะ

กัสลุกขึ้นนั่ง และก็เป็นหยกที่หันมามองด้วยความหงุดหงิดโมโห พูดเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง แค่หาเหตุให้มาทำแผลแค่นี้มึงจะมากเรื่องไปถึงไหนวะ มาซะก็จบ จะมากเรื่องไปทำไม

“แล้วพรุ่งนี้มึงจะอยากมาหรือไงวะเด็กห่าพูดไม่รู้เรื่อง”

ก็ใช่ไง

“ก็พรุ่งนี้กูก็อยากมา แล้วมึงจะทำไม”

กูก็ไม่ได้ทำไมนี่

“ก็แค่นั้น นอนไปเลยไป”

คุยกันรู้เรื่อง
คุยกันจบเรียบร้อย

กัสลงไปนอนอยู่บนเตียง นอนคว่ำหน้าเหมือนเดิม และหยกก็กลับมานั่งที่เก้าอี้ของตัวเอง หนังสือที่อ่านค้างไว้ถูกเปิดอ่านอีกครั้ง สายตากำลังไล่ไปตามตัวอักษร แต่แปลกที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังมีรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก

และใครบางคนที่นอนอยู่บนเตียงก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะจับจ้องสายตาไปที่แผ่นหลังของคนที่นั่งอ่านหนังสือ

หยก.....ใจดี

อยู่ด้วยแล้วมีความสุข

ถ้าถามว่าในโลกนี้อยู่กับใครแล้วสบายใจและมีความสุขที่สุด
กัสก็สามารถตอบได้ทันทีว่า อยู่กับแม่....และ....อยู่กับหยกรู้สึกดีที่สุด

ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหยกเลย
ไม่รู้ว่าหยกเรียนที่ไหน เรียนอะไร ไม่รู้จักสังคมของหยก ไม่รู้อะไรเลย
แต่รู้ว่าหยกอยู่ที่นี่ อยู่ด้วยในเวลานี้ เจ็บปวดทั้งใจและกายถ้าได้กลับมาที่นี่จะรู้สึกว่าจิตใจสงบลง

หยก...

หลับตาลง และไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของตัวเองได้ว่ารู้สึกยังไงกันแน่กับคนที่อยู่ด้วยกันในเวลานี้

ทำไมเป็นหยก
ทำไมอยู่กับคนอื่น ๆ แล้วไม่เห็นเหมือนอยู่กับหยก

แต่ไม่อยากเข้าไปในโลกของหยก
ไม่อยากให้หยกเข้ามาในโลกที่อยู่

อยากต่างคนต่างอยู่
รู้จักกันที่โลกตรงกลาง

อยากให้มันเป็นอย่างนั้น.....แค่ในเวลานี้ที่อยากอยู่อย่างสงบ

โลกใบเล็ก ๆ ที่มีเวลาอยู่ด้วยกันเล็กน้อย
แค่เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งที่หาข้ออ้างมาอยู่ในโลกที่มีเพียงแค่เราสองคน และก็กลับไปผจญอยู่ในโลกของตัวเอง

โลกที่ไม่มีหยกอยู่
โลกข้างนอกที่ไม่มีหยกอยู่ตรงนั้น

อยากกลับก็กลับไม่ได้
อยากไปก็ไปไม่ถึง

ได้แต่อยู่อย่างครึ่ง ๆ กลาง ๆ กับความรู้สึกประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันคือความรู้สึกยังไงกันแน่

“กัส”

กูเปล่าชื่อนั้น

“เจ๋ง กัสนั่นพ่อมึงเหรอ”

ไอ้เหี้ยนี่เล่นแรง กวนตีนถึงพ่อกูเลยเหรอ ลามปามเกินไปแล้วนะ

“เดี๋ยวกูถีบไอ้เด็กเหี้ยนี่ ไม่มีสัมมาคารวะเลยนะมึง ตกลงพรุ่งนี้มึงจะ..... “อยาก” มาใช่มั้ย....”

พรุ่งนี้เหรอ

ตกลงว่า.....

“เอาไงจะมาหรือไม่มา”

มาหรือไม่มาเหรอก็บอกแล้วไม่ใช่หรือไง ว่ามา
อยากมา

หูแตกหรือหูตึง เรื่องแค่นี้ทำไมต้องถามซ้ำ ๆ ด้วยวะ กูขี้เกียจตอบไม่เข้าใจหรือไง

“อยาก...มา.....”

คำตอบง่าย ๆ และก็เป็นหยกที่เผลอยิ้มกว้างออกมา
ยิ้มโดยไม่รู้ตัว และก็มองคนที่นอนอยู่บนเตียง

มองแล้วก็ยิ้ม
ยิ้มและก็พูดบางอย่างเสียงเบา พอให้ได้ยินกันแค่สองคน

“เออมาก็ดี มาเร็วหน่อยแล้วกันนะประมาณทุ่มกว่า ๆ จะได้ออกไปกินข้าวข้างนอกด้วยกัน”

TBC.

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#โลกของเรา

“ว่ากันตรง ๆ เลยนะ ผมว่าพี่หยกเนี่ย ติวเก่งยิ่งกว่าติวเตอร์ซะอีก ตอนเรียนไม่เห็นเข้าใจเท่าที่พี่หยกติวให้เลยว่ะ”

สรรเสริญเกินไปแล้วมึง
แล้วจะถามอะไรอีกมั้ยเนี่ย

“เข้าใจก็พอแล้วนะ พรุ่งนี้ค่อยติวต่อแล้วกัน วันนี้กูรีบ”

รีบไปไหนพี่
หรือว่า.......

“นัดสาวไว้เหรอพี่”

สาว
สาวเหี้ยอะไรของมึง กูไม่มีเวลาว่างมาจีบสาวหรอกนะ เรื่องนั้นเรื่องนี้เต็มหัวไปหมด ทั้งเรื่องเรียน เรื่องสอบ เรื่องติวรุ่นน้องเรื่องกิจกรรมชมรม ไหนจะเรื่องวันกีฬามหาวิทยาลัยอีก ช่วงนี้มีแต่ความยุ่งเหยิง

“เพ้อเจ้อแล้วมึงไอ้เพียร”

ด่ารุ่นน้อง และหยกก็รีบรวบหนังสือยัดเข้ากระเป๋า มองที่นาฬิกาข้อมือแล้วก็เห็นว่าเป็นเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม

เวรแล้วมั้ยล่ะ

ไม่ใช่ว่าป่านนี้ไอ้เด็กเหี้ยนั่นมารอกินข้าวแล้วนะ

“มึงมีอะไรอีกมั้ยเนี่ย กูรีบ”

รีบขนาดนี้คงไม่ต้องแก้ตัวแล้วมั้งพี่ สาวชัวร์เลย

“ผู้หญิงแบบไหนวะที่ทำให้พี่หยกรีบร้อนตาลีตาเหลือกได้ขนาดนี้เนี่ย”

โดนแซว และก็เป็นหยกที่ขมวดคิ้วมุ่น
สาวที่ไหน พูดอะไรไม่เข้าท่า

“กูต้องรีบไปให้ข้าวหมา”

หมา
พี่หยกเนี่ยนะเลี้ยงหมา

“หอพี่เขาให้เลี้ยงหมาด้วยเหรอ แหม่ เขินดิพี่ โกหกไม่เนียนเล้ยยยย พี่กู”

ไม่ใช่หมาก็ได้

“กูต้องรีบไปให้ข้าวแมวด้วย แมวแม่งชอบมาไม่เป็นเวลา นึกอยากจะไปก็ไป นึกอยากจะมาก็มา เรื่องผู้หญิงอะไรนั่นมึงเลิกพูดซะทีเหอะ เพ้อเจ้อว่ะไอ้เพียร”

โห่
ผมก็นึกว่าพี่หยกจะมีสาวกับเขาบ้าง
หน้าตาพี่ก็หล่อขนาดนี้ ผมเป็นผู้ชายยังว่าพี่หล่อเล้ยยยย
แล้วพี่จะเก็บความหล่อของพี่ไว้ให้ใครชื่นชม พี่ต้องรีบหาสาวมาชื่นชมความหล่อของพี่ได้แล้วนา

“แมวก็แมววะพี่ ผมเชื่อพี่ก็ได้วะ”

เชื่อหรือไม่เชื่อก็เรื่องของมึง
แต่ตอนนี้กูต้องรีบ........ไปให้ข้าว.....แมวจริง ๆ นี่หว่า

แมวตัวผู้ แมววัยรุ่นที่ซ่าชิบหาย เที่ยวกัดกับแมวฝูงอื่นเขาไปทั่ว เนื้อตัวมีแต่แผล ตีก็ไม่จำ ด่าไปแม่งขู่กลับอีก พอจะโมโหใส่เสือกทำหน้าจ๋อย จะโกรธก็โกรธไม่ลง จะตีให้ตายก็ทำไม่ได้ อารมณ์ดีหน่อยเสือกมากัดมือกัดขากูซะงั้น

นิสัยเสียจริง ๆ ไอ้แมวเหี้ยตัวนี้

“พี่ยิ้มอะไรวะ ไหนว่าไปให้ข้าวแมวไงพี่”

ยิ้มเหรอ
กูไปยิ้มตอนไหนวะ
ไม่ได้ยิ้มเลย ตาฝาดแล้วมึงไอ้เพียร

“มึงนี่ขยันจับผิดกูจังเลยเนอะ ว่างขนาดนั้นก็กลับบ้านไปอ่านหนังสือเองเหอะไป กูกลับแล้ว”

ยกกระเป๋าเป้ใส่บ่า และล้วงมือหยิบกุญแจรถมอร์เตอร์ไซด์คู่ชีพคันเก่าที่ใช้มานานหลายปี

เดินไปที่ลานจอดรถและมองหารถตัวเองก่อนจะเสียบกุญแจสตาร์รถและขี่ออกไปจากลานจอดรถของมหาวิทยาลัย

ยกข้อมือขึ้นมองเวลา

ทัน ยังไงก็ไปทัน มันต้องทันสิวะ
หอไม่ได้อยู่ไกล

แป๊บเดียวก็ถึง
ปลอบใจตัวเอง และบิดคันเร่งเพื่อขับไปให้ถึงจุดหมาย

รอก่อนเหอะวะ ไอ้แมวบ้า ทำตัวดี ๆ นะ แล้วจะพาไปกินอาหารดี ๆ ที่มึงอยากกิน อย่ารีบกลับไปซะก่อนล่ะ เดี๋ยวกูก็ไปถึงแล้ว อย่าเพิ่งรีบโมโหจนกลับไปซะก่อนล่ะ รอหน่อยนะมึง รอนะ ไอ้กัส ไอ้แมวซ่าปากดี

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
“โอ้ยยยย ยุงเหี้ยนี่ก็ขยันกัดอยู่ได้ ตัวกูจะลายหมดแล้ว ห่าเอ้ยยย”

กัสตบฝ่ามือลงไปที่แขนของตัวเองครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ แต่ที่รู้คือ ตบจนมีแต่รอยฝ่ามือของตัวเองเต็มไปหมด

กี่โมงแล้ววะ
กูยิ่งดูนาฬิกาไม่ค่อยเป็นอยู่ด้วย

กี่โมงแล้วป่านนี้

คาดเดาเวลาไม่ถูก ไม่พกนาฬิกา ไม่รู้เวลา มองไปรอบตัวมีแต่ความมืด นั่งอยู่บนรถมอร์เตอร์ไซด์ของตัวเองที่จอดรอตั้งแต่หกโมงครึ่ง แต่คนที่นัดก็ไม่ยอมมาซะที

“น้อง ๆ กี่โมงแล้ว”

เรียกคนที่เดินผ่านหน้าไป เพราะเห็นว่าทางนั้นใส่นาฬิกาข้อมือ

และคนที่กำลังจะเดินผ่านไปก็ก้มมองที่ข้อมือและบอกเวลาให้

“ทุ่มห้าสิบแล้วพี่”

ทุ่มห้าสิบ ก็น่าจะเกือบสองทุ่ม สองทุ่มมันก็มืดแล้วนี่หว่า

แล้วไอ้หยกมันนัดไว้กี่โมงวะ หรือมันจะนัดเวลาอื่น

หรือว่ามันนัดวันอื่นไม่ใช่วันนี้
หรือว่า........
หรือว่า..........
หรือว่า...........

โอ้ยยยยยยยยยยยยย กูขี้เกียจคิดแล้ว ปวดหัว ตกลงแม่งนัดวันไหนวะ วันนี้หรือวันไหน

ก็บอกว่าให้มาล้างแผลไม่ใช่เหรอ
แล้วทำไมถึงไม่มาซะที

หงุดหงิด หงุดหงิด
โมโห โมโห

ไอ้หยก ไอ้หยก ไอ้หยก ไอ้หยก เมื่อไหร่จะมา

ให้ทำอะไรก็พอทำได้อยู่หรอก แต่ให้รอ ทำไม่ได้
เกลียดที่สุดคือการรอคอย ไม่ชอบการที่ต้องมารอแบบนี้ไม่ชอบเลย ไม่ชอบ ไม่ชอบ ไม่ชอบ ไม่ชอบ

“โว้ยยยยยยยยยยยยยย”

หงุดหงิดโมโห และกัสก็บิดกุญแจมอร์เตอร์ไซด์รถ

ไม่รอแม่งแล้ว

ไม่รอแล้ว ไม่รอ ไม่รอ ไม่รอ กูไม่ชอบรอ

ทั้งหงุดหงิดทั้งโมโห และกัสก็บิดคันเร่งจนรถมอร์เตอร์ไซด์ที่ขี่พุ่งทะยานออกไปจากหน้าหอพักทันที

บิดคันเร่งเพื่อเร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจว่าถนนเส้นนี้ใครจะเป็นคนสร้าง

ไอ้หยกนัดแล้วก็ไม่มา
ทำไมนัดแล้วทำแบบนี้
ถ้าแผลกูเน่าขึ้นมา มึงจะรับผิดชอบไหวมั้ย
ไอ้หยก ไอ้หยก ไอ้หยก ไอ้หยก ไอ้หยก ไอ้...........โว้ยยยยยยยยยยย กูโมโหแม่งจริง ๆ โว้ยยยยยยยยยยย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
สามทุ่ม

หยกถึงกับทรุดลงนั่งที่ริมฟุตบาธ

เข็นรถมาตั้งแต่หน้ามหาวิทยาลัย คิดว่าไม่น่าจะเกินสิบนาทีแต่ตอนนี้ผ่านมาเกือบสองชั่วโมง

ทิ้งรถไม่ได้
แถวนี้ก็ไม่มีร้านซ่อมรถ
ถึงรถจะเป็นแค่มอร์เตอร์ไซด์เก่า ๆ คันหนึ่งแต่ไม่สามารถจอดทิ้งไว้ได้

เรื่องนัด ลืมไปได้เลย ป่านนี้คงไม่มีใครรอแล้ว

เหนื่อย
เข็นรถมาจนถึงหน้าหอพักแล้ว และมั่นใจว่าไม่มีใครรอยู่แน่ ๆ

ตะปูเต็ม ๆ เลย ล้อไม่มีลมจะขี่ไปได้ยังไง

อ้าวแล้ว........

น้ำ.....ฝน......

เอออออ ให้มันได้อย่างนี้สิวะ ซวยซ้ำซวยซ้อน ฝนตกอีก ดีนะที่ถึงหน้าหอแล้ว ถ้าเกิดว่ายังอยู่กลางทางกูคงยิ่งซวยกว่านี้

หยกรีบเข็นรถเข้ามาจอดใต้หอ ก่อนที่ฝนจะตกหนักไปมากกว่านี้ เนื้อตัวเปียกปอน และเริ่มรู้สึกถึงความหนาวเย็น

“ฮั่ดชิ่ววว”

อย่าเป็นหวัดเด็ดขาดนะเว้ย สอบ มีสอบนะ ห้ามป่วยเด็ดขาดนะมึงหยก ห้ามป่วยนะ

บอกตัวเองและรีบก้าวขาขึ้นหอพักอย่างรวดเร็ว
ก้าวยาว ๆ มาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง

ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะจำได้ว่านัดใครไว้ แต่มาผิดเวลา

ก็.........ป่านนี้แล้ว แม่งคงด่ากูตายห่าไปแล้วมั้ง

คงด่ากูเละเทะไม่มีดี

ไขกุญแจห้อง และเปิดเข้ามา ควานหาสวิตไฟและเปิดไฟจนสว่างทั่วทั้งห้อง

หนาว....ต้องรีบอาบน้ำ เดี๋ยวจะเป็นหวัดไปซะก่อน
ต้อง...........

“เหี้ยยยยยยยยย ไอ้.......มึง...”

ตะโกนเสียงดังลั่นเมื่อเห็นว่าใครนอนอยู่บนเตียง

มาได้ไงวะ
มาได้.....แล้วยังมานอนอยู่บนเตียงซะอีก

หรือว่า....
ไอ้กัสมึง....
นี่มึงจะมากไปแล้วนะ มึงจะ.....แล้ว..โห แล้วรองเท้าทำไมมึงไม่รู้จักถอดรองเท้า มึงทำไมไม่รู้จัก…..

เดินเข้ามาหา
ปรี่เข้ามาหาถึงเตียงและกัสก็หรี่ปรือตาขึ้นมอง ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทางและใช้หมอนอุดหูเอาไว้

“มึงอย่าด่ากูมากได้มั้ย กูจะนอน”

มันใช่เรื่องเหรอ
มึงเข้ามาได้ยังไง นี่มึงถึงขนาดงัดแงะห้องแล้วเหรอ
ไอ้กัส ตื่นมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้ ไอ้.........

“มึงงัดห้องเหรอ ไอ้กัสตื่น มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน ตื่นมาเดี๋ยวนี้”

ลากแขนให้คนที่นอนงัวเงียไม่ยอมตื่น ให้ลุกขึ้นมาคุยกันและก็เป็นกัสที่แกล้งทำเป็นไม่มีแรง จะลงไปนอนบนเตียงให้ได้แม้จะถูกดึงถูกลากให้ลุกขึ้นแค่ไหน ก็ไม่ยอมลุก

“งัดห้องหรือไง ไอ้กัส ตอบ งัดห้องกูเหรอวะ”

งัดห่าอะไร
กูเปล่างัดซะหน่อย

“โอ้ยยยยยยยยยย ปวดหัว ทำไมต้องตะโกนใส่หน้าด้วยวะ ถ้ากูงัดแล้วมึงจะทำไม”

ไม่ทำไมหรอก
ถ้างัดกูจะได้ตีมึงให้ตาย

“มึงริเป็นโจรเหรอ มึงนี่มัน นอกจากหาเรื่องเขาไปทั่วแล้วยังจะริเป็นโจรหัดงัดห้องใช่มั้ย”

ไม่ใช่
กูไม่ได้งัด

“ถ้าใช่แล้วจะทำไม”

ตื่นเต็มตา และมองหน้าหยกด้วยความโมโห
แล้วยังไงถ้ากูงัดแล้วมึงจะทำไม จะต่อยกับกูมั้ยล่ะ

“ทำไมทำแบบนี้”

กูไม่ได้ทำ

อย่ามาถามกูแบบนี้

“อยากมาไม่เคยว่า อยากได้กุญแจขอกันดี ๆ ก็ได้ ทำไมต้องงัดห้อง”

ไม่ได้งัด

กูไม่ได้งัดห้องมึง

“พูดมา ทำไมต้องงัด”

ไม่ได้ทำ
กูออกไปแล้ว แล้วกูก็กลับเข้ามาอีก มานั่งรอมึงที่หน้าห้อง รอนานแล้วมึงไม่ยอมมาซะที กูว่าจะกลับแล้ว แต่พอลองบิดลูกบิดประตูเล่น ๆ ถึงได้รู้ว่าห้องมึงไม่ได้ล็อค

“เมื่อเช้ามึงลืมล็อคห้อง”

คำพูดง่าย ๆการตอบง่าย ๆ ทำให้หยกเลิกคิ้วขึ้นสูง

ลืมล็อคห้อง
มึงจะกวนตีนขนาดไหนกูไม่ได้ว่า

แต่อย่ามาโกหกหน้าตาย เถียงแบบข้าง ๆ คู ๆ แบบนี้กูไม่ชอบ

“กูลืมล็อคห้องเนี่ยนะ มึงหา........”

ลืม...ล็อค...ห้อง
กุญแจก็ไม่ได้อยู่ที่ตัว เมื่อมองไปก็เห็นว่าทั้งแม่กุญแจและกุญแจวางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือ

“กู....”

ชะงัก

นิ่ง
และก้มลงมามองคนที่หยกดึงคอเสื้อไว้

“แต่ถ้ามึงคิดว่ากูงัด เอาตามนั้นก็ได้ กูงัดเองก็ได้”

กัส...

ลดมือลงแล้ว
ปล่อยคอเสื้ออีกฝ่ายแล้ว
และกัสก็นิ่งเงียบไป

สายตามองไปที่อื่น

และหยกก็ได้แต่ยืนนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น

“กูงัดห้องมึงเองแหละ”

มึงไม่ได้งัดหรอก
กูลืมกุญแจเอง

ดีที่เป็นมึงมาเจอ ถ้าเป็นคนอื่น ของกูคงโดนยกเค้าหายเกลี้ยงไม่เหลือแล้วป่านนี้

“มึงไม่ได้งัดหรอก”

แต่เมื่อกี้มึงบอกว่ากูทำ กูเข้าห้องมึงมาได้เพราะกูงัดห้องมึง

“กัส”

“พ่อมึงเหรอชื่อกัส กูชื่อ....”

“เออมึงเจ๋ง…มึงอยากจะชื่ออะไรก็เอาเหอะ แล้วกินข้าวหรือยัง”

กินแล้ว

ไม่รู้ว่าตอนนี้มันกี่ทุ่ม ไม่ชอบดูนาฬิกาแต่ก็รู้ว่าดึกแล้ว

“กูกินแล้ว ข้าวมึงอยู่บนโต๊ะ มันปิ้งด้วย”

เหรอ
ข้าว........อยู่บนโต๊ะ
มันปิ้ง........ก็....

หันไปมองที่โต๊ะที่มีข้าวกล่องและถุงใส่มันปิ้งวางอยู่

ซื้อมาให้
งั้นเหรอ

“กัส”

ไม่ยอมพูดด้วย

คนที่ควรพูดด้วย ไม่ยอมพูดด้วย
กัสเมินหน้าหนีไปทางอื่น และดึงผ้าห่มมาคลุม

“จะนอนมึงต้องหัดถอดรองเท้าซะบ้าง นอนแบบไม่ถอดรองเท้าแบบนี้ไม่ได้ ดินมันจะหล่นบนเตียงรู้มั้ย”

รู้

กัสค่อยๆ ขยับกายลุกขึ้นนั่ง
แค่ถอดรองเท้า ถ้ามันยากนัก กูไม่อยู่ก็ได้

กูไม่อยู่ที่นี่ก็ได้
กูไม่มาอีกก็ได้

“แค่รองเท้า มันยากเย็นอะไรนักหนาวะ แค่ถอดแค่นี้ มึงจะเป็นอะไรของมึงนักหนาห๊ะ กัส”

กูไม่ถอดแล้วกูก็ไม่อยู่แล้ว
กูจะ....

กำลังจะขยับลุกขึ้นยืน แต่เป็นหยกที่กำลังด่าว่าและดึงข้อเท้าของกัสเอาไว้ และจัดการถอดให้ทั้งถุงเท้ารองเท้า

มอง

สิ่งที่กัสทำได้ คือนิ่งและมอง

กำลังจะท้วง กำลังจะอ้าปากพูดบางอย่าง
แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่อ้าปากค้างและมอง

“แค่นี้ก็เรียบร้อย นอนไปก่อนนะ เดี๋ยวกูอาบน้ำก่อน เปียกไปหมด จะเป็นหวัดหรือเปล่าก็ไม่รู้”

ไม่รู้เหมือนกัน
ว่าจะเป็นหวัดหรือเปล่า

กัสเองก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นหวัดหรือเปล่า
แต่ก็ไม่อยากให้เป็น

ไม่อยากให้ป่วย
ไม่อยากให้หยกไม่สบาย

ไม่อยากให้.....

มองตาม สายตามองไล่ตามไปที่คนที่กำลังหยิบผ้าขนหนูและกำลังจะเดินเข้าไปอาบน้ำ

ก่อนอาบน้ำหยกหันกลับมาหากัส
หันมาหาและพูดบางอย่าง
พูดกัน
พูดให้ได้ยินกันสองคน

“ขอโทษนะ”

ขอโทษ

เหรอ

ขอโทษ.......

“กูปรักปรำมึง มึงคงเสียความรู้สึกมาก ทั้งที่มันเป็นเพราะความสะเพร่าของกูแท้ ๆ”

เงยหน้าขึ้น
เงยหน้ามองหน้าของคนที่พูดคำว่าขอโทษ โดยไม่มีฟอร์มใด ๆ

หยก......

“คราวหน้าคราวหลัง จะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกันด้วยเรื่องแบบนี้อีก”

หยกเดินมาที่โต๊ะ เปิดลิ้นชักออก และหยิบกุญแจสำรองอีกดอกที่อยู่ในโต๊ะออกมายื่นให้คนที่มอง

ยื่นให้และกัสก็ยังไม่ยอมรับเอาไว้ จนหยกต้องยัดเยียดใส่มือให้

“เก็บไว้”

บอก

และหยกก็เดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว โดยมีกัสนั่งมองกุญแจห้องที่อยู่ในมืออยู่อย่างนั้น

หยกให้กุญแจ

กุญแจที่หยกให้เก็บเอาไว้

มันคือความดีใจอย่างท่วมท้นที่หยกไม่เคยรู้มาก่อน

สำหรับกัส
การที่ให้กุญแจก็เหมือนกับให้ที่อยู่

ที่ ที่ไม่ว่ายังไง ก็จะกลับมาได้เสมอ เวลาที่เจ็บปวด
ที่ที่กัสแอบเก็บเอาไว้ในใจคนเดียว โดยที่หยกไม่เคยรู้

โลกของเราสองคน
โลกตรงกลางที่แบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งให้หยกเข้ามาอยู่ด้วย

เราอยู่ด้วยกันที่โลกตรงกลาง

โลกใบนี้ที่เอาไว้อยู่กันแค่สองคน

TBC.

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#อย่าทอดทิ้งคนที่รอ

ช็อคสิครับงานนี้

ไม่ให้ช็อคยังไงไหว ยังยืนอยู่ได้นี่กูก็ว่ากูโคตรเก่งเลยนะ

“โจ้”

มึงบ้าแล้วแบบนี้
จะเงยหน้าขึ้นมาทำไม แล้วไม่ต้องจับชายเสื้อกูแน่นขนาดนั้นก็ได้

ทำสายตาหวั่นไหวและมองไปรอบตัวเหมือนเด็กน้อยหลงทางนี่มันอะไรของมึงวะ

“กดกริ่ง...ถึง...จะ..ถึง...แล้ว”

จะถึง
มึงหรือกูที่ถึง เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย

ไม่ต้องรอช้า
โจ้เหมือนคนบ้า พยายามฝ่าฝูงชนออกมาโดยไม่ลืมจะดึงแขนของคนที่เกาะชายเสื้อไม่ยอมปล่อยให้ออกมาด้วยกัน กดกริ่งเรียบร้อย และเดินนำหน้าโดยมีคนที่กำชายเสื้อแน่นเดินตาม

รถจอดเรียบร้อยและในเวลานี้ โจ้ก็มายืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์โดยมีไอ้เจ๋งตาบวม แก้มช้ำตามลงมาด้วย

แต่มันก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากชายเสื้อ

“ไปทางไหนต่อวะ”

ถามทางและเมินหน้าหนีไปทางอื่น
ใครจะอยากมองหน้าแม่งวะ ทำหน้าแบบนี้แม่งกวนตีนกูชัด ๆ

เดี๋ยวก็ได้พากลับบ้านกูซะหรอก ไม่ต้องไปส่งแม่งแล้วบ้านมัน

“โจ้”

เออออออออออ กูได้ยินแล้ว มึงเลิกเรียกกูซะทีเหอะวะ กูจะบ้าแล้วเนี่ย

“ไปนะ”

ไปไหนวะ ไป...

แล้วมันก็ปล่อยมือจากชายเสื้อที่กำแน่นมาตลอดทาง
แล้วมันก็เดินไม่ตรงทางจากไป

แล้วก็เป็นกูที่ได้แต่มอง
ก็มาส่งแล้วไง ก็มาถึงแล้วไงทางเข้าบ้านมัน
มันก็เลยแยกตัวเดินจากไป
มาส่งมันแล้ว
และมันก็ถึงทางเข้าบ้านมันแล้ว

กูก็สมควรจะ.....กลับบ้านตัวเองได้แล้วใช่หรือเปล่าวะ

แล้วทำไมกูถึงต้องมายืนเกาหัวอยู่ที่ป้ายรถเมล์ในเวลานี้ด้วยเนี่ย แล้วทำไมกูถึงต้องมายืนมองมันเดินเป๋ไปเป๋มาแบบนี้ด้วย

เออออออออออออ ก็ได้
แค่ไปส่ง

ไปส่งถึงหน้าบ้านเลยก็ได้วะ

“เฮ้ยยยย ไอ้เจ๋ง”

เรียก

ร้องเรียกและเดินตาม แต่อีกฝ่ายไม่ยอมหันหน้ามาหา
ยังคงเดินอย่างเชื่องช้าและก็เป็นโจ้ที่ต้องวิ่งตาม และมาหยุดอยู่ข้าง ๆ กัสที่หันมามอง เมื่อเห็นว่ามีใครอยู่ข้าง ๆ

“เดี๋ยวกูไปส่งหน้าบ้านก็ได้วะ”

ไม่เป็นไร
กลับได้แล้ว ไม่ได้ลืมทางกลับบ้าน แค่เศร้า
เศร้าที่พ่อกับอาคงลืมกัสทิ้งไว้และไม่ยอมไปรับ
ไม่ได้เป็นอะไรมาก เมื่อก่อนคิดว่าตัวเองเสียใจมาก แต่ตอนนี้กำลังพยายามปรับตัว เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับคนอื่นมากนัก แบบนี้ก็ดี กัสจะได้หัดกลับบ้านเอง

ถ้ากัสกลับบ้านเองได้แล้ว
พ่อกับอาก็ไม่ต้องมารับ
ไม่ต้องเป็นห่วงกัสและกัสก็จะไม่เป็นภาระของพ่อและอาอีกต่อไป

เดินอย่างเชื่องช้า มีบางครั้งที่เซ แต่คนที่เดินมาด้วยก็พยายามดึงแขนเอาไว้

อยากขอบคุณแต่พูดไม่ออก
เวลาพูดมันลำบาก ก็เลยก้มหัวให้และส่งยิ้มให้กับคนที่พามาส่งจนถึงหน้าบ้าน

เป็นโจ้ที่กำลังทำตัวไม่ถูก
แค่ยิ้มให้

ก็รู้สึกถึงอาการแปลก ๆ ของตัวเอง

มันเคยอยู่ไกล ไอ้เจ๋งมันเคยอยู่ที่สูง จะเข้าหาตัวมันไม่ใช่ง่าย เมื่อก่อนเห็นมันก็แค่จากที่ไกล ๆ ไม่เคยคิดเคยฝันไม่เคยสนใจจะมองแม้กระทั่งหน้า เพราะรู้กิตติศัพท์และนิสัยของมันจากคนรอบข้าง

เมื่อก่อนมันเคยเป็นยังไงก็รู้ดี
แต่ตอนนี้มันเป็นยังไง คนอื่นๆ คงไม่รู้

พอมันลงมาจากที่สูง
มาอยู่ใกล้ ๆ ให้เห็นชัด ๆ แบบนี้ถึงเพิ่งรู้สึกว่าแท้จริงแล้ว
ไอ้เจ๋งมันก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง

เป็นคนธรรมดาที่..........

มึงก็ผู้ชายเหมือนกูนะ

มองยังไงมึงก็เป็นผู้ชาย แต่ทำไมกูถึงรู้สึกว่ามึงแม่งน่ารักชิบหายเลยวะไอ้เจ๋ง

มึง....ทำแบบนี้ไม่คิดว่าเกินไปหน่อยหรือไง
เที่ยวแจกยิ้มหวาน ๆ ให้คนอื่นเขาไปทั่วแบบนี้
ถึงเป็นผู้ชายก็อันตรายได้เหมือนกันนะเว้ย

กัสหยุดยืนที่หน้าบ้านที่เป็นทาวเฮาส์เล็ก ๆ หลังหนึ่ง
มองตรงเข้าไปในข้างในบ้านและเห็นว่าใครกำลังยืนอยู่

“อา”

จำได้ว่าเป็นอาของตัวเอง และเมื่อได้ยินเสียงเรียก อาก็รีบหันมามองและวิ่งออกมาหากัสทันที

“กัส ไอ้กัสลูก เขาเป็นห่วงกันหมดบ้านแล้วลูก เอ็งหายไปไหนมา พ่อเขาตามหาเอ็งจนทั่ว”

อารีบเปิดประตูบ้านให้และกัสก็เข้ามาอยู่ในบ้านเรียบร้อย

“เพื่อน...โจ้...มาส่ง”

เพื่อนเหรอ เพื่อนที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
อามองหน้าโจ้ด้วยความประหลาดใจ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเห็นว่ากัสจะพาเพื่อนมาบ้าน แต่ละคนที่ผ่านมามีแต่ต้องด่าให้กระเจิดกระเจิง แต่คนนี้ไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ

ท่าทางไม่ได้เป็นเด็กเกเร และดูจะมีสัมมาคารวะดี

อายกมือรับไหว้คนที่พากัสมาส่งและเชื้อเชิญให้เข้ามาในบ้านก่อนจะกดโทรศัพท์โทรหาพ่อของกัส

“พี่ขจร ไอ้กัสมันกลับมาแล้วพี่ เพื่อนมันมาส่ง อยู่กับฉันนี่ พี่รีบกลับมาได้แล้ว ไอ้กัสมันโดนตีมาด้วย หน้าตาเนื้อตัวมีแต่แผลเต็มไปหมด”

ได้ยินชัด

และเป็นโจ้ที่ถึงกับหน้าซีดเผือด เมื่อได้ยินคำพูดของอา

“ไปโดนอะไรมาลูก ใครทำเอ็งบอกอาเดี๋ยวอาจะไปจัดการให้”

บอก....

ว่าเป็น........

“ไม่เป็นไร...”

ตอบง่ายๆ และโจ้ที่หน้าซีดแล้วซีดอีกก็หันไปมองคนที่ตอบคำถามง่ายๆ ที่อาถาม

ละอาย

สิ่งแรกที่ผุดขึ้นในหัวคือคำว่า “ละอายแก่ใจ”

กูทำมึงเอง
มึงบอกอามึง แล้วอามึงก็คงไล่กระทืบกู แม้กูจะเป็นคนพามึงมาส่งบ้าน แต่ก็คงไม่รอดเพราะกูทำมึงเจ็บ

โจ้ก้มหน้าลงเล็กน้อย
รู้สึกผิดและคิดว่าตัวเองเลวร้ายอย่างไม่น่าให้อภัย

“ที่จริงแล้วผม.........เป็นคน....”

กำลังจะพูดต่อ ไม่กลัวที่จะสารภาพ ทำแล้วก็ต้องรับผิดชอบ
แค่ทำคนไม่มีทางสู้ ก็เหี้ยพอแล้ว

“อา.....โจ้...มาส่ง..โจ้ดี”

อย่าให้กูรู้สึกผิดไปมากกว่านี้

“ที่ไอ้เจ๋งหน้าเป็นแบบนี้เพราะผมเองแหละครับ ผมทำให้มันต้องเป็นแบบนี้”

คนเราทำอะไรต้องมีศักดิ์ศรี
และโจ้ก็เป็นคนมีศักดิ์ศรีมากพอที่จะไม่โกหกปิดบังในสิ่งที่ตัวเองทำ

“มันเคยกระทืบผม ผมก็เลยกระทืบมันคืน แต่ผมไม่นึกว่ามันจะเป็นแบบนี้”

คนที่นิ่งคืออา
อาผู้หญิงเพ่งมองไปที่หน้าหลานชายและเพื่อนที่มาส่ง
สิ่งแรกที่รู้สึกคือโกรธ

โกรธและโมโห

อยากจะอ้าปากด่า แต่สิ่งที่อาคิดได้อีกอย่างคือต้องยอมรับว่าไอ้หนุ่มคนนี้มันกล้าใช้ได้

“ทำมันทำไม เห็นมันเป็นแบบนี้แล้วเอ็งยังทำมันได้ลงคออีกเหรอ”

ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้

ผมก็เลยทำ

ถ้ารู้ว่ามันเป็นแบบนี้ผมคงไม่ทำ

“แต่จะไปโทษใครได้ เมื่อก่อนไอ้กัสมันไปทำเขาไว้ซะทั่วจะมีคนเอาคืนก็ไม่แปลก ก็นับว่าโชคยังดีที่เอ็งไม่ทำมันถึงตาย”

ผม.....
ขอโทษครับ

ก้มหน้ายอมรับความผิด

และอาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

ไม่รู้ว่าเป็นมายังไง แต่ที่รู้คือถึงมันจะทำหลานชาย แต่มันก็เป็นคนพาหลานชายมาส่ง

ไม่รู้ว่ายังไง
เรื่องมันถึงกลับตาลปัตรไปได้ขนาดนี้

แต่อย่างน้อย ตอนนี้......กัสมันก็ปลอดภัยแล้ว

“ไอ้กัส”

เสียงตะโกนมาจากหน้ารั้วประตูบ้าน พร้อมกับที่ชายวัยกลางคนที่จอดมอร์เตอร์ไซด์เอาไว้รีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา

“เป็นอะไรลูก เอ็งไปโดนอะไรมา พ่อขอโทษ พ่อไปรับเอ็งช้า เอ็งเลยโดนแบบนี้ ใครทำเอ็งบอกพ่อซิ ใครทำเอ็ง”

ใครทำ

เป็นโจ้ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
กำลังจะอ้าปากพูด แต่อาก็ยกมือห้ามเอาไว้

“เอ็งไม่ต้องพูด”

“มันไม่เป็นไรก็ดีแล้วพี่ ทีหน้าทีหลัง เราจะได้ไม่ละเลยมันอีก หายไปคราวหน้า คงไม่ใช่จะไปตามหาจากที่ไหนได้ง่าย ๆ แล้ว”

ใช่

สิ่งที่พ่อของกัสคิดได้ก็มีแค่นี้

ใจจะขาดเมื่อหาลูกไม่เจอ

ผิดเองที่ไปรับช้า เพราะติดงาน ผิดที่ไปรับช้า ลูกชายถึงได้หน้าบวมช้ำเพราะถูกคนทำร้ายแบบนี้

“พ่อทิ้งกัส”

ไม่ได้อยากพูด
แต่บางครั้งสมองก็ไม่สามารถควบคุมปากไม่ให้พูดออกมาได้

คำพูดง่าย ๆ แต่ทำให้น้าขจรถึงกับยืนนิ่งเงียบและน้ำตาไหล

“พ่อไม่ทิ้งเอ็ง พ่อไม่ได้ทิ้ง เอ็งอย่าคิดแบบนี้อีก พ่อขอโทษ พ่อขอโทษ ต่อไปพ่อจะไม่ปล่อยเอ็งไว้แบบนี้อีกแล้ว อย่าโกรธพ่อเลย”

ได้แต่พร่ำพูด
ได้แต่พร่ำบอก ได้แต่กอดลูกชายเอาไว้แน่น แต่กัสก็ยังพูดคำเดิมซ้ำ ๆ

ก่อนที่หยดน้ำตามากมายจะหลั่งรินออกมา

“พ่อทิ้งกัส พ่ออย่าทิ้งกัสอีก พ่ออย่าทิ้งกัส”

ร้องไห้

น้ำตาไหล

ยิ่งพูดยิ่งปวดใจ

คนฟังยิ่งฟังก็ยิ่งปวดใจ
มันเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าถูกละเลย มันเจ็บปวดที่รู้ว่าไม่เป็นที่ต้องการ ทำไมพ่อต้องทิ้งกัส พ่อทิ้งกัสไว้ทำไม มีคำถามมากมายเกิดขึ้นเต็มไปหมด อยากเกลียดที่พ่อทิ้งไป อยากโมโหอยากร้องไห้ แต่ความจริงที่ว่าพ่อทิ้งไปก็คือเรื่องจริง

หนีได้ยังไง
จะให้ทนเจ็บปวดได้ยังไง
แค่คิดว่าที่พ่อไม่ยอมมารับก็เพราะว่าพ่อทอดทิ้ง มันเจ็บปวดมากพอแล้ว

เจ็บปวดจนหยุดคำพูดไว้ไม่ได้
อยากให้ตัวเองหยุดพูด แต่ก็เจ็บปวดจนหยุดคำพูดไม่ได้

“พ่อครับ พ่ออย่าทิ้งกัสนะครับ พ่อ”

ร้องไห้เหมือนเด็กน้อย และกอดพ่อเอาไว้แน่น
กอดเพื่อให้ตัวเองมั่นใจว่าจะไม่ถูกทอดทิ้ง กอดแน่นและร้องไห้เหมือนเด็ก ๆ เพราะไม่อยากถูกทิ้งเอาไว้

“พ่อไม่ทิ้งลูก พ่อไม่ทิ้งกัสนะลูก เอ็งอย่าร้องไห้สิ พ่อไม่ทิ้งเอ็งหรอกนะ พ่อสัญญา”

เป็นบทเรียนสำคัญอีกบทหนึ่งที่น้าขจรจะไม่มีวันลืม
ห้ามทิ้งไว้อีก ห้ามทิ้งไว้เด็ดขาด

เพราะกัสมันจะคิดซ้ำ ๆ ว่าพ่อทิ้งมัน

และมันจะจำฝังใจว่าถูกพ่อทิ้ง

“พ่อไม่ได้ทิ้ง พ่อขอโทษ พ่อขอโทษ พ่อไม่ได้ทิ้งเอ็ง”

เป็นโจ้ที่ยืนมอง
ยืนมองเงียบ ๆ และได้แต่ก้มหน้าลงอย่างช้า ๆ

ความรู้สึกบางอย่างแค่ดวงตาได้เห็นมันไม่เท่าความรู้สึกที่ท่วมท้น

คนที่เจ็บปวด
คนที่ในเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับเด็กอนุบาล
ทั้งที่คิดอย่างนั้นแต่ก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดอย่างท่วมท้นของคนสองคน

คนที่คิดว่าตัวเองถูกทิ้งเอาไว้
กับคนที่พยายามจะปกป้องสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต

มันเจ็บปวดได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ

เจ็บปวดมากสินะ

คงเจ็บปวดมาก

“อย่าทิ้งกัสอีก พ่อครับ....อย่าทิ้งกัส...”

ถ้อยคำที่ได้ยินซ้ำ ๆ มันสะท้อนเข้าไปถึงในใจของคนที่ได้เห็น

อายืนนิ่ง
น้ำตาซึมจนต้องยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา
และโจ้ก็ได้แต่ยืนมองภาพนั้นนิ่งงัน พร้อมกับโทษตัวเอง และกร่นด่าตัวเองในใจไม่เลิก

กูไม่ควรทำมันเลย ไม่น่าไปทำมันเจ็บขนาดนี้

โง่ชะมัด ทำไมถึงได้ทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้
มันรอพ่อของมันอยู่ดี ๆ กูก็ไปกระทืบมันซะเละไม่มีดี

กูแม่งก็เหี้ย

ทำคนไม่มีทางสู้

กูแม่งก็เหี้ยเหลือเกินจริง ๆ

TBC.

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2

ปล.ด้วยรักและคิดถึง#เรื่องของโจ้กับนิว

เราควรทำยังไงกับของที่ฝากเอาไว้

หนึ่ง.....มองและเฝ้าดูให้เรื่อย ๆ โดยที่ไม่ทำอะไรเลย รอเจ้าของกลับมาเอาคืน

หรือสอง ลองแกะของออกดูถ้าถูกใจก็แอบเก็บเอาไว้เป็นของเราเพราะไม่มีใครรู้ใครเห็น

เหอะ
ถ้าใครแม่งกล้าทำอย่างที่สองก็คงเหี้ยมาก
แม้ว่าจะอยากทำมากขนาดไหนถ้ายังมีสามัญสำนึกอยู่บ้างก็ไม่สมควรทำ

ไม่สมควรจะทำ

นิวกดวางสายเรียบร้อย คุยโทรศัพท์แท้ ๆ แต่สายตากลับมองไปที่คนที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะห่างออกไป ปกติไอ้เจ๋งมันจะกินข้าวคนเดียว แต่แปลกที่วันนี้มีคนมานั่งกินด้วย

และคน ๆ นั้นคือไอ้โจ้

แปลกที่เป็นไอ้โจ้
จำได้ว่าไอ้เจ๋งมันสั่งคนกระทืบไอ้โจ้ปางตาย แต่ทำไมอยู่ดีๆ มันถึงมานั่งกินข้าวด้วยกันได้

ในสมองกำลังครุ่นคิดบางอย่างด้วยความประหลาดใจ
ทั้งที่เพิ่งวางสายหลังจากพูดคุยกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนแท้ ๆ ทั้งที่คุยกัน แต่เป็นทางนั้นที่เป็นฝ่ายพูดซะมากกว่า
ส่วนนิวก็ทำเพียงแค่รับฟังและคอยเห็นด้วยกับสิ่งที่แฟนพูดเท่านั้น

จะว่าแฟนก็ไม่ใช่ จริง ๆ แล้วทางนั้นมาขอคบมากกว่า
ว่าง ๆ อยู่ด้วย ก็เลยลองคบ

เอาเข้าจริงการเป็นคนดีนี่มันก็ยากใช้ได้

ตัดใจปล่อยตองไปได้แล้วแท้ ๆ
และตอนนี้ก็คงต้องเล่นบทพระรองแสนดีต่อไป

ปล่อยไอ้เจ๋งไปอีกคนก็ได้วะ

เพราะกูมันเป็นแค่พระรอง

มองไปที่โต๊ะห่างออกไป
เห็นใครบางคนนั่งอยู่ตรงนั้น
องครักษ์เขาให้พิทักษ์ตอนที่มันต้องการความช่วยเหลือ จะเสนอหน้าออกไปตลอดเวลามันก็จะเป็นการแย่งซีนตัวแสดงประกอบอย่างไอ้โจ้เกินไป

ไอ้โจ้

เหรอ

ตั้งแต่ตองย้ายไป
ไอ้โจ้มันดูซึมไปพักใหญ่
ไม่ได้สนใจจะมองว่ามันเป็นยังไง แต่พักหลังๆ ชักเริ่มต้องจับตามอง เพราะมันมาวุ่นวายเกาะแกะกับของที่ฝากเอาไว้มากเกินไป

ไม่ควรมีอะไรให้เกี่ยวพันกัน

แต่ทำไมไม่ว่ากี่ครั้งก็เข้ามาเกี่ยวข้องกันจนได้

เหมือนตอนนี้

ถ้ามึงไม่รีบกลับมานะไอ้หยก

กูว่าของของมึงมีสิทธิ์โดนสอยได้ง่าย ๆ ชนิดที่องครักษ์อย่างกูก็คงช่วยอะไรไม่ได้

อย่านึกว่ากูโง่จนดูไม่ออกว่าทางนั้นมันคิดอะไร

กูว่ากูดูคนออกนะ สิ่งที่มึงคิดคงไม่ต่างจากกูเท่าไหร่หรอก

จริงมั้ย ไอ้โจ้


นิวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและเดินเข้าไปทักทายคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัส และโจ้ก็เงยหน้าขึ้นมามองเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือใคร

ไอ้.....นิว

“เอ้ยยย กินอะไรวันนี้เจ๋ง”

“ว่าไงมึงไอ้โจ้”

มันคงทักพอเป็นพิธีเพราะไม่ว่ายังไงก็ไม่มีเรื่องต้องพูดกันอยู่แล้ว

“คิดถึงตองเนอะ”

นั่นไง

เน้นคำกันชัด ๆ

กลายเป็นโจ้ที่เงยหน้าขึ้นมองคนที่ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่เมื่อกี้พาดพิงกันเห็น ๆ

กูดูมึงออก
และกูก็ไม่แปลกใจถ้ามึงจะดูกูออกเหมือนกัน

“เฮ้ยยยยยยยยย กินข้าวต้มเหรอเจ๋ง เออดี ๆ”

มึงจะเห็นดีเห็นงามอะไรนักหนาแค่ไอ้เจ๋งมันกินข้าวต้ม

“หน้าไปโดนอะไรมาเจ๋ง”

ถามและขมวดคิ้วมุ่น ไม่ต้องให้เชิญก็นั่งลง และกำลังจะใช้มือแตะไปที่ข้างริมฝีปากของคนที่นั่งเหม่อ


“เฮ้ยยย”

อะไร
กูแค่จะแตะ ไม่ได้แตะหน้ามึง ไม่เห็นจำเป็นจะต้องทำเป็นโวยวายเดือดร้อนขนาดนั้น
ชะงักมือนิ่งค้าง และหันไปมองหน้าคนที่ทำเสียงเหมือนไม่พอใจ

“ไหนมึงมาคุยกับกูหน่อยดิ๊”

เหรอ

ได้
คุย
แค่คุยทำไมกูจะคุยไม่ได้

โจ้ลุกขึ้นและนิวก็พยักหน้ารับ มองหน้าของเด็กฝากที่ยังเหม่อลอยและตักข้าวต้มเข้าปากอย่างแสนเชื่องช้า กว่าจะกินได้ปาเข้าไปหลายนาที

เห็นแบบนี้นิวก็เลยได้แต่ถอนหายใจ

“กินไปก่อนนะ เดี๋ยวมา”

ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายฟังที่พูดหรือเปล่า แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับสักนิด

นิวลุกขึ้นเดินตามคนที่เดินนำหน้า และมาหยุดยืนนิ่งประจันหน้ากัน

“ว่า”

ถามและก็เป็นฝ่ายนั้นที่ขมวดคิ้วมุ่น
น่าจะเป็นกูมากกว่านะที่ต้องเครียด มึงจะทำหน้าเครียดไปทำไม

“คนนี้กูขอ”

ง่ายไปหรือเปล่า
คนนะไม่ใช่สิ่งของ

มึงคิดว่าทุกอย่างในโลกมันง่ายไปหมดทุกอย่างหรือไง
คิดอยากจะขออะไรก็ขอได้ง่าย ๆ เหรอวะ มึงคิดอะไรง่ายไป

“เพื่อนกูฝากไว้ คงให้ไม่ได้”

เพื่อนเหรอ
เพื่อนฝากไว้เหรอ

“อ้างได้เหี้ยมาก”

รอยยิ้มหยัน ๆ ของโจ้ทำให้นิวนิ่งชะงักค้าง สายตาและรอยยิ้มยียวนกวนประสาทที่มองมา มันทำให้นิวต้องยืนนิ่งเงียบทั้งที่ในใจกำลังครุกรุ่นด้วยความโมโห

แต่ความสงบ
สยบความเคลื่อนไหวได้เสมอ

“แล้วแต่มึงจะคิด”

“แล้วถ้ากูคิดถูกล่ะ”

นั่นก็เรื่องของมึง ไม่เกี่ยวกับกู

“ก็ขึ้นอยู่กับว่าถูกของมึงมันถูกแค่ไหน แล้วถูกจริงหรือเปล่า หรือมันถูกเพราะมึงคิดเอาเองว่าถูก แต่คนอื่น ๆ อาจมองว่ามันผิด”

ถูกหรือผิด
มึงไม่ใช่ผู้ตัดสิน อย่าเอาตัวเองมาเป็นบรรทัดฐานไอ้นิว

“ของเขามีเจ้าของ กูมันก็แค่รับฝาก แต่อย่างมึง.......”

ปรายตามองไปที่คนที่กำลังเริ่มโมโหและก็เป็นโจ้ที่โมโหจนแทบจะพูดไม่ออก

“กูทำไม อย่างกูแล้วทำไม มึงเองก็ใช่ว่าจะดี......ของที่เขาฝากไว้มึงเองก็คิดไม่ซื่อ”

กระแทกใจเข้าอย่างจัง
และนิวก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจจนแทบจะพูดไม่ออก
บางสิ่งบางอย่างมันก็เป็นความจริงที่ไม่น่าฟัง

ไม่น่าฟังเลยสักนิด

แต่อย่างน้อย........สิ่งที่ยึดมั่นนิวเอาไว้ก็คือความถูกต้อง

ความถูกต้องและหน้าที่ที่ต้องรักษาสัญญาว่าจะดูแลปกป้องของสำคัญของเพื่อนให้ได้ จนกว่าทางนั้นจะกลับมา

“กูคิดไม่ซื่อ แต่กูก็ไม่เคยมีความคิดจะแย่งของรักของใครเหมือนกัน”

เหรอ

มึงก็ดูฉลาดดีนี่หว่า แถมยังสามัญสำนึกดีสุด ๆ

“เหมือนที่มึงไม่แย่งตองเหรอ”

ไม่ใช่

นั่นมันไม่เหมือนกัน

ไม่ใช่ไม่แย่ง แต่ตองไม่เคยคิดอะไรกับกู การอยู่ใกล้มันทำให้เจ็บปวด ห่างมาซะก็ยังดีกว่าทนเจ็บ

“ตองไม่ได้เลือกใคร”

เพราะตองไม่เลือก และตองไม่อยากทนความอึดอัดใจ มันถึงเลือกหายไป
อ้างว่าลาออกไปเพื่อทำงาน

แล้วทำไมต้องย้ายที่เรียน
แค่นี้ก็ดูออกว่ามีบางอย่างที่ซับซ้อน และตองมันก็เลือกที่จะไม่ทำร้ายใครด้วยการหยุดปัญหาทุกอย่างที่ตัวมันเอง

“ไอ้เจ๋งก็ยังไม่ได้เลือกใคร”

นั่นผิดถนัด

“ทั้งมึงหรือกู หรือคนที่มึงอ้างว่าฝากของเอาไว้ ทุกคนมีสิทธิ์และที่กูรู้แน่ ๆ คือตอนนี้ไอ้เจ๋งมันไม่ได้เลือกใคร”

เหี้ยโจ้
มึงกำลังทำให้กูเขว

“มันไม่แฟร์ ตั้งแต่เรื่องของตองแล้ว กูอยากแข่งแบบแฟร์ ๆ มึงแค่ไม่ต้องทำตัวเป็นองครักษ์ ส่วนกูก็ทำอย่างที่กูควรจะทำ”

ข้ออ้างและเหตุผลใช้ได้

แต่จะใช้ได้กว่านี้ถ้ามึงใส่คำว่าคุณธรรมเข้าไปด้วย

“มันไม่แฟร์ยิ่งกว่า ถ้ามึงจะยัดเยียดตัวตนของมึงเข้าไปในพื้นที่ความทรงจำใหม่ของไอ้เจ๋ง และเขี่ยความทรงจำเก่าของมันทิ้งอย่างไม่ไยดี”

ไม่ยุติธรรมตรงไหน
จะความทรงจำใหม่หรือเก่า คนที่สร้างก็คือไอ้เจ๋ง และคนที่ยอมรับก็คือไอ้เจ๋งไม่ใช่กู

“มึงไม่ใช่คนเลวโจ้ กูรู้ อย่าให้ความรู้สึกชั่ววูบของมึง ทำลายคนสองคนไปชั่วชีวิต”

กูไม่ใช่คนเลวเหรอ มึงรู้ได้ยังไง บางทีกูอาจเลวยิ่งกว่าที่มึงคิดก็ได้ ใครจะไปรู้

“มึงก็ไม่ใช่คนเลวนิว กูรู้ แต่อย่าให้ความดีของมึงทำลายชีวิตมึงทุกอย่าง การเป็นคนดีมันต้องมีขอบเขต เลวบ้างก็ได้ ถ้าบางทีความเลวมันจะทำให้มึงได้ครอบครองสิ่งที่ควรเป็นของมึงมาไว้ในมือ”

กูประเมินมึงผิดไปโจ้
มึงมันหูหนวกตาบอด และพร้อมจะแย่งของของคนอื่นได้ง่าย ๆ แบบไม่รู้สึกผิด โดยยัดเหตุผลเข้าข้างตัวเองเข้าไป

การบอกแบบง่ายๆ คงใช้ไม่ได้ซะแล้ว และกูคงต้องออกมาเป็นองครักษ์แบบเต็มตัว

“ดีหรือเลว และอะไรที่มีผลกับชีวิตกู กูคิดเองได้ไม่ต้องให้มึงมาสอน แต่นับจากนี้ สงสัยกูกับมึงคงมีเรื่องต้องคุยกันอีกยาว”

TBC.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ในที่สุดก็ทัน  :katai5:

หยกรีบกลับมาด่วนๆ  :ling1:

ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0

ออฟไลน์ puchi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 762
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
หยกถ้ามาช้า มีหวังกัสหลุดมือ

สนุกมากค่ะ

ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
ตอนแรกอ่านแล้วงง อ่านไปอ่านมา ก็เข้าใจ อดีตกับปัจจุบัน สลับกัน มีคู่รันเพียรเข้าแทรกนิดหน่อย

อ่านไปร้องไห้ไป กัสน่าสงสารมากเลย เดาไม่ออกว่าจะคู่ใคร จะหายจากอาการที่เป็นไม

สงสารพ่อ  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
กรี๊ดดดดด!!!!
อ่านแร้วมันช่างซับซ้อน (ที่ความคิดตัวละครไม่เคยตรงกัน 555)
ทั้งซึ้ง ทั้งเศร้า ทั้งฟิน >//////<

ออฟไลน์ thehackzzi

  • <?php echo "Hello world!";?>
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-31

ออฟไลน์ boyslover

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ทำไมพระเอกมันไม่มีบทเลยวะ ปล่อยให้พระรองกับต้วร้ายมันปะฉะดะกันซะจนแย่งซีนหมดแล้ว
ปล. นิวคู่โจ้ หยกคู่กัส อืม น่าจะแบบนี้นะ  :hao7:
ปล.๒ เมื่อไหร่พระเอกมันจะเก็บตังซื้อตั๋วเครื่องบินมาหากัสได้สักทีเนี้ยะสงสารเด็กน้อย เหลือเกิน :hao5:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
 :mew5:ไม่เดาๆๆ

คลำทางจากการอ่าน
นิวกับ"งี่เง่า"ที่รออยู่
เพียรให้"พี่ชาย"มารับ

แล้วโจ้ หยก กัส ล่ะ :hao7:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
หยกรีบๆกลับมา
หนูกัสจิโดนสอยแว้ว

ออฟไลน์ Money11

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 222
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0

ออฟไลน์ Lonelyนู๋โรนลี่

  • ฉุด กระชาก ลากถู พาเข้า.....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
ตามอ่านทันแล้ววววว
ตอนแรกก็งงๆแต่ตอนนี้เหมือนจะไม่งงแต่ก็มึน(??)
มันเป็นเรื่องสมัยเรียนของนิว... เพราะฉะนั้นนิวคงเป็นพระเอก
แต่คิดๆดูแล้ว พี่หยกอาจจะแห้วก็เป็นได้ โดนงาบไปหมด555 หรือจะไปคู่กับโจ้นะ
ตองก็ตัดทิ้งไปเพราะย้ายไปแล้ว หรือจะกลับมาเจออีกก็ไม่แน่...
ที่่คิดไว้ นิวอาจคู่กับกัส  ไม่ก็นิวโจ้(แย่งไปแย่งมาคู่กันเองเบย555)
พี่หยกจะรู้ไหมนะว่าฝากปลาย่างไว้กับแมว ถ้ากลับมา มันตีวนวุ่นไหมนะ แต่จริงๆในใจกัสก็รักพี่ตองนี่นา แง่มๆ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

ออฟไลน์ newyniniw

  • kiki >_<
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 ตอนแรกเหมือนจะมาม่า
ซดไปซดมา
อุ๊ย! แซ่บ!!

น้องกัสเยอะดี555
ลุ้นนิวโจ้
 o13

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ปราม

คุณจะทำอย่างไรเมื่อหลงรักคนที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีวันหันมามอง

โจ้.........แค่ได้อยู่ใกล้ๆ เจ็บแค่ไหนก็ยอม หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ยิ่งห่างไกลเท่าไหร่ยิ่งเจ็บเท่านั้น อยู่ใกล้ๆ นี่แหละดี รู้ก็ยังดีกว่าไม่รู้ จะได้เจ็บจนชาแล้วอีกหน่อยก็ชินไปเอง

นิว.......รู้ว่าเขาไม่รัก แล้วจะอยู่ใกล้ทำไม ถอยไปให้ไกลดีกว่า ไม่พบเจอได้ยิ่งดี ความเจ็บมันอาจรุนแรงในช่วงแรก แต่อีกหน่อยก็ลืม ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ ถ้าไม่อยากเจ็บต้องถอยห่างออกมาให้ไกล ๆ


โจ้..........ใช้อารมณ์ความรู้สึกและสัญชาติญาณในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆมากกว่าจะมาคำนึงเรื่องเหตุผล

นิว..........ใช้เหตุผลร้อยแปดประกอบการตัดสินใจ พิจารณาหาความเสี่ยงและความเป็นไปได้ตลอดเวลา ถ้าประเมินแล้วไม่คุ้มเสี่ยง ก็จะหยุดอยู่เฉย ๆ และไม่ทำอะไรเลย

โจ้..........ไม่กลัวเจ็บ จึงใช้วิธีพุ่งชน อย่างมากก็แค่พังแล้วตั้งต้นนับหนึ่งใหม่จะกลัวอะไรชีวิตมันก็มีแค่นี้

นิว..........กลัวเจ็บ จึงใช้วิธีถอยมาตั้งหลักและหาทางเดินทางอื่นเพื่อก้าวเดินต่อไปข้างหน้าให้ได้

ไม่ว่าจะสู้หรือถอย ทั้งหมดล้วนเป็นกลไกปกป้องตัวเองจากอาการบาดเจ็บทางใจด้วยกันทั้งคู่
มันขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนเจอประสบการณ์ชีวิตแบบไหนมา
และใช้โปรแกรมป้องกันตัวเองจากความเจ็บปวดแบบไหน

นิสัยของโจ้
หนักแน่น เด็ดเดี่ยว รักใครแล้วไม่เคยเผื่อใจ เพราะจะทำอะไรมันต้องให้สุด ๆ เจ็บก็เจ็บไปเลยทีเดียว จะกลัวอะไรเกิดมาก็มีชีวิตเดียว เจ็บแค่นี้ไม่ถึงตาย

นิสัยของนิว
นิ่ง สงบ สยบความเคลื่อนไหว รักใครต้องเผื่อใจ รักมากไปไม่เผื่อเอาไว้เจ็บ เวลาเจ็บมามันยิ่งทรมาน ถ้าสถานการณ์รอบข้างดูแล้วไม่ปลอดภัยก็อย่าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง เดินทางสายกลาง ยังไงก็ปลอดภัย ชีวิตคนเราไม่แน่นอน ขืนใช้ชีวิตไม่รู้จักวางแผน ยังไม่ทันไรก็ตายซะก่อน มันจะคุ้มกันมั้ยกับการประคับประคองชีวิตให้อยู่รอดมาถึงป่านนี้ คนเราต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติ อย่าประมาท


“เมื่อไหร่จะมีสนามฟุตซอลซะทีวะ เล่นบาสก็เล่นไม่ได้ เพราะมัวแต่แย่งสนามกับพวกเตะฟุตซอลนี่แหละ”

เพราะสนามมีสนามเดียว และผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่มีใครนิยมเล่นบาส สนามที่ควรเป็นสนามบาสจึงกลายเป็นสนามฟุตซอล

คนลงเล่นก็หน้าเดิม ๆ เวลาเย็นย่ำป่านนี้แล้วไม่มีใครอยู่ กลับบ้านกันไปหมด
แล้วทำไมป่านนี้โจ้ยังไม่กลับ.... สาเหตุหนึ่งเดียวก็เป็นเพราะ.......

“ว่างั้นมั้ยวะเจ๋ง”

เอ่ยถามคนที่นั่งเหม่ออยู่ข้าง ๆ และคนที่ถูกถามก็ไร้ปฏิกิริยาตอบกลับเช่นเคย

พูดเมื่ออยากพูด
ถ้าไม่อยากพูด ต่อให้ชวนคุยแค่ไหนก็ไม่ยอมพูดออกมา

เพราะเมื่อต้องพูดแต่ละคำมันต้องเรียบเรียงประโยค การเรียบเรียงประโยคคำพูดในเวลานี้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับกัส

สิ่งที่กัสทำในเวลานี้คือเปิดกระเป๋าและหยิบหนังสือสอนสะกดคำสำหรับเด็กขึ้นมาอ่าน

หนังสือสะกดคำ.......

หนังสือเล่มนี้ถูกวางเอาไว้บนโต๊ะในห้องนอน
เป็นหนังสือที่มีรูปภาพประกอบเป็นภาพการ์ตูนชวนให้อ่าน

กัสแตะมือเบา ๆ ไปที่ลายมือของใครบางคนที่เขียนชื่อของตัวเองทิ้งเอาไว้ที่หน้าแรกตรงหัวมุมซ้ายของหนังสือ

หยก.....4/03/255x

ใช้ปลายนิ้วแตะไปที่ชื่อของคนที่เขียนตัวอักษรทิ้งไว้ให้
ลายมือสวย
หยกเป็นคนเขียนหนังสือสวย

แต่หยกเป็นใคร
ถามพ่อ พ่อไม่รู้จัก ถามอา อาก็ตอบไม่ได้ว่าหนังสือเล่มนี้มายังไง ถามเพื่อน....ตอนนี้กัสไม่มีเพื่อนแล้ว

ถามโจ้ โจ้จะตอบได้มั้ย

“หยก...เป็นใคร”

หันหน้าไปถามคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ และโจ้ก็หันมามองหน้าคนถาม

หยกเป็นใคร

กูจะไปรู้ได้ไงวะ หยกเหรอ
มองตามนิ้วที่ชี้ที่ตัวอักษร และโจ้ก็อ่านชื่อของคนที่เขียนข้อความทิ้งเอาไว้

“ก็เจ้าของหนังสือดิ เขียนซะหราขนาดนี้”

เหรอ

หยกเป็นเจ้าของหนังสือเหรอ
หยกเป็นเจ้าของหนังสือ แล้วหนังสือมาอยู่ที่กัสได้ยังไง

“นิว....หยก....เป็น...ใคร”

หันไปหานิวที่นั่งห่างออกไป และนิวที่กำลังมองไปในสนามก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและมองเลยไปที่โจ้ ที่กำลังมองมาที่นิวเหมือนกัน

โจ้กำลังครุ่นคิดบางอย่าง กูไม่รู้หรอกว่าหยกที่ว่าเป็นใคร และกูก็คิดว่ามึงคงไม่รู้เหมือนกันใช่มั้ยนิว

แต่ที่แน่ ๆ คนที่ชื่อหยกอะไรนี่คงเป็นเจ้าของหนังสือหัดอ่านเล่มนี้แน่ ๆ อาจเป็นเพื่อนเป็นพี่หรือคนรู้จักของไอ้เจ๋ง ที่ให้หนังสือมันมาหัดอ่านเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำก็เป็นได้

“หยก....เหรอ”

กัสพยักหน้ารับ และนิวก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะมองไปที่สนามฟุตซอลที่หลายคนในนั้นกำลังวิ่งไล่ลูกฟุตบอลอยู่ในสนาม

หยกเหรอ

มันก็....

“เดี๋ยวอีกหน่อยก็รู้เองแหละว่ามันเป็นใคร”

คำพูดเรียบ ๆ แต่แฝงไว้ด้วยความหมายบางอย่างทำให้กัสขมวดคิ้วมุ่นและมองไปที่ตัวอักษรที่ปรากฎอยู่ที่หน้าแรกของหนังสือเล่มที่กำลังพยายามอ่าน

มองที่ตัวหนังสือที่เขียนเอาไว้ แตะปลายนิ้วเบา ๆ ลงไปที่ชื่อของคนเขียน

“หยก....”

เรียกชื่อ ชื่อที่ไม่เคยเรียก แต่เมื่อได้เรียกก็รู้สึกเหมือนคุ้นเคยกันมานานแสนนาน

“หยก…”

กัสยังคงมองที่ชื่อที่ถูกเขียนเอาไว้และเอ่ยชื่อเจ้าของหนังสืออีกครั้ง

ปวด....
รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ
ทำไมถึง...รู้สึกเหมือนอยากร้องไห้
ทำไมถึงได้...อยากร้องไห้ขึ้นมา

หยก.....เป็นใคร

กัสได้แต่ถามตัวเองซ้ำ ๆ และยังคงแตะปลายนิ้วไปมาที่ชื่อของหยกด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้

มันเจ็บอยู่ข้างใน
แต่ก็อุ่นจนอยากจะยิ้มออกมา

หยก.....

โจ้กำลังมองตรงไปที่นิว สายตาจับจ้องนิ่งสนิท มองอย่างไม่วางตา

มึงรู้อะไรที่กูไม่รู้ใช่มั้ย

เช่นเรื่องของคนที่ชื่อหยก
บางทีมึงคงรู้เรื่องบางอย่าง

เรื่องบางอย่างที่กูไม่รู้

เมินหน้าหนีไปอีกทาง และเบนสายตามองไปที่สนาม

ในใจกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องบางอย่าง

ถ้ารักใคร แค่ได้อยู่ใกล้ ๆ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว มีบ้างที่แอบหวังไว้ในใจ ว่าบางทีความใกล้ชิดอาจจะนำไปสู่ความรักในอนาคตก็ได้ แต่มันไม่เคยเกิดขึ้นจริง

สิ่งที่โจ้ต้องยอมรับอยู่เสมอ คือปล่อยให้ใจเจ็บไปเรื่อยๆ จนกว่าหัวใจมันจะชาและเริ่มชินไปเอง
อยู่ใกล้ ๆ
แค่การที่ได้อยู่ใกล้ ๆ ได้มองเห็นอยู่ตลอดก็สุขใจเกินพอ

แต่แค่นี้มันจะพอแน่เหรอ

แค่นี้......มันจะพอจริง ๆ หรือไง

แล้วไอ้นิวล่ะ ตัวมันเอง สิ่งที่มันจะทำจริง ๆ ก็คือจะยอมเป็นแค่องครักษ์เฝ้าของอย่างที่มันว่าจริง ๆ หรือไง

“พ่อมารับแล้ว”

กัสค่อย ๆ เก็บหนังสือสำหรับหัดอ่านเข้าไปในกระเป๋า ลุกขึ้นยืนและหันกลับมามองคนที่มานั่งรอเป็นเพื่อนทั้งสองคน

ไม่มีคำบอกลา

เพียงแค่มองมาและเป็นนิวที่ยกมือขึ้นเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าให้กลับบ้านดี ๆ

ใครคนหนึ่งเดินเกือบไม่ตรงทาง แต่สุดท้ายก็พยายามเดินให้ตรงจนได้

พ่อของกัสมารับเหมือนเคย
และนิวก็มองตามจนรถมอร์เตอร์ไซด์ที่กัสซ้อนท้ายขับออกไปไกลจนสุดตา

“หยกที่ว่า.....เป็นคนที่ฝากของกูไว้”

พูดแค่นั้น และนิวก็ลุกขึ้นยืน ไม่ทันได้เดินจากไป เพราะถูกตั้งคำถามจากใครบางคนที่ลุกขึ้นมายืนประจันหน้า

“แล้วมึงได้บอกไอ้หยกอะไรนั่นหรือเปล่าล่ะ ว่ามึงคิดไม่ซื่อกับของ ของมัน”

นิ่งงัน แต่ไม่มีวันที่นิวจะหลบตา

รอยยิ้มเล็ก ๆ จุดขึ้นที่มุมปาก
แม้ไร้คำพูด แต่โจ้ก็พอจะเดาความคิดของอีกฝ่ายได้

“ความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้ แต่ถ้ามึงยังมีสามัญสำนึกอยู่บ้างมึงก็ควรต้องรู้วิธีจัดการกับความรู้สึกของตัวเองไม่ให้ถลำลึกมากไปกว่านี้ ยิ่งรู้ว่ามีเจ้าของแล้ว ยิ่งไม่ควรทำ”

คนเราจะกลัวอะไรแค่เจ็บ
ถ้าต้องเจ็บมันก็ควรเจ็บให้สุด แล้วไม่นานมันก็จะหาย

“แล้วมึงจะเอายังไงไอ้นิว”

เอายังไงเหรอ
กูก็คงไม่เอายังไง

“กูมีหน้าที่ของกู กูก็แค่ทำหน้าที่ของกูจนกว่าเจ้าของตัวจริงมันจะกลับมาเอาของของมันคืน....ก็เท่านั้น”

หึ

มึงก็พูดดีไปอย่างนั้นเอง ที่จริงแล้ว มึงก็ไม่ต่างจากกูหรอก
มึงกับกูไม่ต่างกันเลยสักนิด

แค่นับวันรอ
รอให้เจ้าของตัวจริงเขากลับมาเอาของของเขาคืน

“มึงก็เฝ้าให้ดีแล้วกัน อย่าเผลอ....ไม่งั้นกูไม่รับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”

คำขู่ที่ดูเหมือนจริงจัง แต่สำหรับนิวแล้ว แค่ฟังก็รู้ว่าไม่ใช่อย่างที่คิด

กูรู้จักมึงมากี่ปี
กูกับมึงดูเชิงกันมากี่หน
ถ้ากูไม่รู้ทางมึงเลย กูก็คงโง่เกินไป

แม้ที่ผ่านมาจะไม่เคยพูดกัน แต่กูก็ดูมึงออก แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว

“โจ้ที่ผ่านมากูไม่เคยผิดหวังในตัวมึง และครั้งนี้มึงก็อย่าทำให้กูผิดหวัง”

คำพูดปริศนา
ที่โจ้แกล้งทำเหมือนไม่เข้าใจ แต่ก็เข้าใจมันดีที่สุด เข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง

ไม่ว่าจะคราวตอง หรือคราวนี้ ไอ้นิวมันก็ดูออก
มันดูออกว่าไม่มีหวัง มันถึงได้กล้าปล่อยและออกไปยืนมองห่าง ๆ ในที่ของมัน

เพียงแค่ครั้งนี้มันต้องมาทำหน้าที่ตามที่มันบอกก็แค่นั้น
มันถึงได้ต้องลงมาเล่นด้วย

โจ้ก้มหน้าลง ความรู้สึกภายในใจกำลังไหววูบอย่างรุนแรง มองเห็นหนทางข้างหน้า ทางที่ยังไม่ทันได้เริ่มก็รู้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้

“อย่าเอาความอยากของมึง ทำลายชีวิตคนอื่น”

ทิ้งคำพูดสั้น ๆ ไว้ให้คิด และนิวก็ก้าวขาเดินจากไป ทิ้งให้โจ้ยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้น

คำพูดตรง ๆ แต่แทงลึกตรงเข้าไปในหัวใจ ทำให้โจ้ต้องหยุดทบทวนสิ่งที่กำลังจะทำ

....อย่าเอาความอยากของตัวเอง ทำลายชีวิตของคนอื่น...

มึง....ด่าได้เจ็บมากเหี้ยนิว แค่ได้ฟังกูถึงกับหน้าชาจนพูดอะไรไม่ออก

มึงเป็นแบบนี้เสมอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ มึงก็เป็นแบบนี้

ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ความรู้สึก คนอย่างมึง ชาตินี้คงไม่มีทางรักใครอย่างสุดหัวใจได้
มึง.......วางกับดักทำลายคนอื่นไว้หลายชั้น

ที่มึงพูด........ทำให้กูเจ็บปวดมากกว่าการโดนชกหน้าร้อยครั้ง เหี้ยนิว.....มึงมันยิ่งกว่าร้ายกาจจริง ๆ

TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2014 17:38:22 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ holefiller

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
อ่ะ...คนอกหักมารักกันเองเลย อิอิ

ออฟไลน์ Lonelyนู๋โรนลี่

  • ฉุด กระชาก ลากถู พาเข้า.....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
......พออ่านตอนนี้เริ่มเปลี่ยนใจ ขอให้เป็นนิวโจ้ ดีกว่า...หรือโจ้นิว?? เพราะไม่รู้ขนาดตัวและรูปร่างแต่น่าจะเท่าๆกันสินะ
แต่ก็เริ่มเอนเอียงไปทางนิวจะเมะกว่าโจ้นะ อิอิ
ส่วนน้องกัส รอพี่หยกกลับมานะ พี่หยกก็รีบๆทำงานแล้วกลับไปหาน้องนะ น้องรักนะเนี่ย ในใจกัสมีพี่หยกอยู่แล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด