@@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98  (อ่าน 754144 ครั้ง)

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#เตือน

“จริงมั้ยนิว”

ห๊ะ
จริงมั้ยเหรอ ก็.........
พยักหน้ารับ และส่งยิ้มน้อย ๆ ให้กับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนและเธอกำลังนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

เหตุผลที่คนเราจะเป็นแฟนกันได้ มีอยู่ไม่กี่ข้อ เหตุผลที่เธอเป็นแฟนของนิวก็เพราะเหตุผลไม่กี่ข้อเช่นเดียวกัน

ข้อหนึ่งเธอน่ารัก ผู้หญิงที่มีหน้าตาน่ารัก มองยังไงก็ไม่เบื่อ
ข้อสองเธอน่ารัก ผู้หญิงที่มีนิสัยน่ารัก อยู่ด้วยยังไงก็ไม่เบื่อ
ข้อสามเธอน่ารัก ผู้หญิงที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกได้ถึงความน่ารักของเธอเสมอ จะทำให้เรา ไม่เบื่อ

“คนเราคบกันนะนิว เหตุผลเป็นสิ่งสำคัญแต่อารมณ์ความรู้สึกก็เป็นสิ่งจำเป็น นิวคิดว่ายังไง”

คำถามที่ถูกถามทำให้นิวเงยหน้าขึ้นมองและส่งยิ้มแบบเดิม ๆ ให้กับคนที่ตั้งคำถาม เธอมองมา ยิ้มหวานละมุน และให้ความรู้สึกดี ๆ เหมือนเดิม เธอมักตั้งคำถามที่ทำร้ายจิตใจคนตอบได้เสมอ นี่แหละเสน่ห์ของเธอ

“รักด้วยใจหรือรักด้วยสมอง นิวอยากเลือกตอบอ้อแบบไหน”

สองตัวเลือกที่โหดเกินไป ไม่ว่าเลือกทางไหน มันก็ยากจะหาคำอธิบายเพิ่มเติมทั้งนั้น
คำอธิบายเพิ่มเติมที่ว่า คือการหาคำพูดมาสนับสนุนให้ตัวเองถูกที่สุดที่เลือกคำตอบนั้น

“อ้อใจร้ายกับผมอีกแล้ว”

เลี่ยงที่จะไม่ตอบ และเป็นหญิงสาวยิ้มหวานเป็นฝ่ายตอบให้เอง

“อ้อดีใจที่นิวเลือกที่จะรักอ้อ แต่รู้มั้ยนิว.....คนเราออกแบบความรักไม่ได้หรอกนะ”

นี่เรากำลังนั่งถกปัญหาเรื่องความรักอยู่หรือไง ไม่ใช่การมาเที่ยวด้วยกันและมีความสุขด้วยกันหรอกหรือ

“อ้อชอบเวลาที่นิวคิดนะ นิวเท่ห์ที่สุดก็ช่วงนี้แหละ”

ช่างเป็นคำพูดหยอกเย้าที่ทำร้ายจิตใจได้ดีจริง ๆ
เธอยังคงยิ้มหวาน และน่ารักเสมอ แม้ในยามประชดประชัน และนิวก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากรู้สึกแสบ ๆ คัน ๆ ที่หัวใจ

“อยากจับมืออ้อมั้ย”

อยากสิ

ไม่รอให้ถามซ้ำ เอื้อมมือไปแตะเบา ๆ ที่หลังมือของเธอและดึงมากุมเอาไว้

เธอเป็นแฟน
หน้าที่แฟนที่ดี คือดูแลเธอ ..............และค่อย ๆ พัฒนาความรู้สึกไปถึงคำว่ารักกับเธอ

“นิวอบอุ่นเสมอนะ ขนาดไม่รัก นิวยังทำให้คนที่อยู่ด้วยอบอุ่นเลย”

คราวนี้เธอเล่นแรง

รอยยิ้มของเธอดูสว่างสดใส

เธอยิ้มกว้าง ยิ้มจนตาหยี และค่อย ๆ หุบยิ้มลงอย่างช้า ๆ ก่อนจะดึงมือออกและนั่งก้มหน้าเงียบ ๆ

เธอยังคงน่ารักเสมอ
เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักเสมอ
อยู่กับเธอแล้วรู้สึกได้ถึงความน่ารักของเธอเสมอ

เพียงแต่รัก.....มันออกแบบไม่ได้
อย่างที่เธอว่า....

อย่าคิดว่าตัวเองสามารถควบคุมทุกอย่างในโลกนี้ได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วมันไม่ใช่เลยสักนิด

คนอย่างนิว
ถ้าเห็นอยู่แล้วว่ามันเสี่ยง ก็ใช้ทางเลี่ยงทางอื่นดีกว่า

และครั้งนี้ความเสี่ยงมันก็เริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนมีบางครั้งที่นิวคิดจะถอนตัว แต่ก็พยายามประคับประคองมันเรื่อยมา

“อ้อขอร้องนะนิว นิวอย่าทำแบบนี้กับใครอีก ถ้าไม่รัก นิวอย่าทำ......อ้ออยากให้นิวรักอ้อจากใจไม่ใช่เพราะคิดแล้วว่าอ้อเหมาะสม”

เธอทำให้อึ้งมาแล้วด้วยการพูดคำพูดง่าย ๆ แต่คนฟังแทบกระอักเลือดตาย

เธอลุกขึ้นยืน เธอเดินจากไปแล้ว เธอมีศักดิ์ศรีมากพอ เธอไม่ร้องไห้ฟูมฟาย ไม่โวยวาย ไม่ทำตัวไร้ค่า เธออยู่สูงเสมอ แม้เธอเจ็บปวดมากขนาดนี้

นิวไม่แก้ตัว ไม่พูดอะไรเลย เพราะรู้ว่าพูดไป ผลตอบรับที่ได้ ก็คงเหมือนเดิม การง้อไม่ใช่เรื่องยาก แต่การง้อครั้งนี้ก็เพื่อดึงเธอให้กลับมาสู่วงจรเดิม ๆ

.............อย่าเอาความอยากของตัวเอง....ทำร้ายเธอมากไปกว่านี้.....

เรื่องมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เจ็บจี๊ดไปถึงใจ

ใครว่ากูไม่รักอ้อล่ะ

นี่เพราะกูรักหรอกนะ ถึงได้ถอย ที่ไม่พูดว่ารัก ที่ไม่บอกว่ายังรักอยู่ นั่นก็เพราะยิ่งนานวัน ยิ่งรู้ว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับเธอเลยสักนิด

อยากได้แฟนน่ารัก เธอเป็นให้แล้วไง แล้วยังจะอยากได้อะไรอีก

เอาเข้าจริง ๆ พอเริ่มรู้สึกว่ารักเธอมากมายและกำลังจะขาดเธอไม่ได้ สุดท้ายความสามารถในการควบคุมตัวเองลดต่ำลงและกำลังจะรักเธอด้วยการใช้หัวใจรัก

นั่นแหละที่กูรับตัวเองไม่ได้

ถ้าสมองที่ให้มากำลังจะไม่มีประโยชน์ในเรื่องทฤษฎีความรัก ก็อย่ารักแม่งเลย

เลิกเหอะ

วันหนึ่งคนเราเลิกกันวันละเป็นร้อยคู่ กูเป็นหนึ่งในนั้นด้วยก็ได้ มันจะเป็นห่าอะไรนักหนา ก็แค่.....

นั่งมองคนที่กำลังเตะฟุตซอลในสนามบาสกับ  ของที่เพื่อนฝากเอาไว้ และนั่น....ไอ้โจ้ คนที่ไม่ต้องการให้อยู่ในทุกสารบบความคิดมากที่สุด

สันดาน ห่านี่ก็ใช้แต่อารมณ์ล้วน ๆ ไม่เคยใช้สมองหรอก หัวแม่งกลวง

บอกอยู่ปาว ๆ ว่าของเขามีเจ้าของแล้วยังจะเสือกยุ่งด้วยอยู่ได้ และไอ้ของฝากนี่ก็ขยันทำให้กูหวั่นไหวเหลือเกิน
นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งหรือเปล่าวะที่กูเลิกกับอ้อ

แม่ง....คิด ๆ ดูแล้ว ท่าทางจะใช่ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะวะ

เหี้ยหยก ไหนมึงบอกว่าฝากแมวไว้กับกูหนึ่งตัวไง ที่ไหนได้ นี่มันปลาย่างชัด ๆ

“พ่อมารับแล้ว”

มันก็เป็นเหมือนทุกวัน นั่งเฝ้าทุกวัน นั่งรอให้พ่อมันมารับทุกวัน โดยมีคนที่ไม่ควรรอเป็นเพื่อน อ่อ ไม่ใช่สิ ไอ้โจ้คงไม่รอคิดจะรอเป็นเพื่อน มันคงรอเป็นอย่างอื่นมากกว่า ไอ้ลูกแมวน้อยไร้เดียงสา เดินเป๋ไปเป๋มาเพื่อไปซ้อนท้ายรถมอร์เตอร์ไซด์ของพ่อที่มารับเหมือนทุกวัน

มองจนรถมอร์เตอร์ไซด์ขับจากไป และก็กลับมามองหน้ากันเหมือนเดิม

ต่างคนต่างมอง

มองแล้วก็รู้ว่าหน้าที่วันนี้จบลงแล้ว

ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างไม่สนใจกัน

มีหรือไม่มีตัวตนของอีกคนอยู่ มันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิต

กูมีหน้าที่เฝ้าของจนกว่าเจ้าของจะกลับมาเอาของมันคืนแค่นั้น

“เฮ้ย”

นั่นคงเป็นการเรียกของมัน วิธีการแม่งทั้งถ่อย ทั้งสถุนสิ้นดี เหมาะสมกับคนแบบมันแล้ว

นิวหันไปมองและก็เป็นโจ้ที่มีสีหน้าลังเลใจชั่วครู่

อะไรวะ ทำเหมือนมีอะไรอยากพูด แล้วไม่เสือกพูด

กูไม่ว่างมาเดาใจมึงหรอกนะ เรื่องของตัวเองก็ยังยุ่ง ๆ อยู่

ยังไม่รู้จะเอายังไงดี จะง้อ หรือจะไม่ง้อ ตอนนี้อยู่ระหว่างคิดทบทวนว่าผลดีผลเสียของการคบกันต่อคืออะไร และจะไปต่อได้มั้ย

ยุ่งไปหมด
และกูก็ไม่มีเวลามาสนใจท่าทางอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ของมึงหรอกนะ

กูไม่ได้ว่างขนาดนั้น

“เวลามึงเครียด มึงจะพาให้คนอื่นเครียดไปด้วย บางทีมึงคงไม่ค่อยรู้ตัวเอง วันนี้ไอ้เจ๋งมันเครียดตามมึง แต่กูว่ามึงคงไม่สังเกต เพราะวันนี้ในหัวมึงมัวแต่คิดเรื่องอื่นอยู่”

ห๊ะ

หมายความว่ายังไง

กูนั่งของกูอยู่เฉย ๆ ตากูมองไปที่คนที่กำลังเตะบอลชัด ๆ แล้วจะมีใครเครียดเพราะกูได้ไง

“ข้อดีของมึงคือมึงมีการคิดแบบเป็นระบบซึ่งกูทำไม่ได้”

ใช่
กูก็คิดว่าแม่งดี แบบนี้แหละที่ใช่และกูคิดว่าคนอย่างมึงก็คงคิดไม่ได้

“แต่ข้อเสียของมึงก็คือ.....บางทีมึงทำเหมือนคิดเรื่องของคนอื่นอยู่ แต่จริง ๆ แล้วมึงก็คิดเพื่อตัวมึงเองทั้งนั้น”

เหี้ยโจ้ มึงอย่ามาวิเคราะห์กู กูไม่ชอบ กูไม่ได้ต้องการคำวิจารณ์ แล้วกูก็ไม่ต้องการอยากจะรู้ความคิดเห็นของมึง

“ถ้ามึงพูดได้ กูก็พูดได้.....มึงเองก็อย่าเอาความอยากของตัวเอง มาทำร้ายคนอื่น....เหมือนกัน”

TBC.

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3

ยัยหมูตัวกลม

  • บุคคลทั่วไป
โจ้นิว   โจ้นิว    โจ้นิว    โจ้นิว :m1: :m1: :m1: :m1:

ออฟไลน์ ~มือวางอันดับ1~

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
ตอนแรก เรา งอน เพราะรอ เป็ดนัทอยู่.... :mew2: พอ อ่านน้องปลาแมวกัดอยู่ อ่านไป ร้องไห้ไป ยิ้มไป และขำกะ โจ้และนิวอิอิ ชอบอ่ะ แล้วเมื่อไหร่พี่หยกจะกลับมาจ๊ะ

ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
เคมีเข้ากันดีนะนิวโจ้ ทะเลาะกันบ่อยลูกดกเค่อะ  :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
นิวโจ้ออกแนวคู่รักปากร้ายแน่ๆ เจอหน้ากัดตลอด

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ห้าม

“ชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน เรียนที่ไหน คำถามพวกนั้นมึงเคยคิดจะถามกูบ้างหรือเปล่า”

ไม่

ไม่เคยคิดจะถาม ถ้าจะรู้เดี๋ยวมันก็ได้รู้ ทำไมกูต้องถามให้เมื่อยปากด้วย กูจะรู้เรื่องของมึงไปทำไม รู้ไปกูก็จำไม่ได้อยู่ดี

กัสกำลังเปิดหนังสือสำหรับฝึกอ่านสระ และพยัญชนะสำหรับเด็ก

บ้าแล้ว แบบนี้แม่งเรียกว่าบ้าไปแล้ว หนังสือพวกนี้กูไม่อ่านเด็ดขาด เหี้ยมาก

หนังสือแบบฝึกอ่านภาษาไทยเล่ม 1 ฝึกประสมสระ
เหมาะสำหรับน้อง ๆ ปฐมวัย-ประถมต้น

อาดูคูนามีรูงูกะปะ
มานีมีวิชากะกิริยาดี บิดากะตาทาสีศาลา
ตาสำลีหัวเราะดูระบำ ในเรือสำเภามีไหใบโต เอาไปทำเหี้ยอะไรวะ ไหใบโตหนักตายห่า

ขมวดคิ้วมุ่น และพยายามสะกดคำที่ยิ่งอ่านเท่าไหร่ยิ่งอยากเห็นหน้าคนเขียนคำ มึงบ้าแล้ว เขียนห่าอะไรแบบนี้กูจะอ่านออกมั้ย ถึงอ่านได้ ก็ไม่เข้าใจว่ามันจะสื่ออะไรของมันอยู่ดี

แล้วยังเล่มนี้อีก
แบบฝึกอ่านภาษาไทย เล่ม 2 ฝึกผัน วรรณยุกต์ เหมาะสำหรับน้อง ๆ ปฐมวัย-ประถมต้น

ตาอู๋บ้าจี้ไปป่าดูไก่แจ้ เจ้ากาดำปี๋เกาะเก้าอี้ตัวเตี้ย
อาป๊าดุปิติตีตู้ใบเก่าบู้บี้ จ๊ะเอ๋ดี๊ด๊าได้ไก่แจ้เก้าตัว
อาหาไข่กะฉู่ฉี่ใส่ข่าให้ป้า เวลาค่ำแม่ค้าถือท่อไปที่ท่าน้ำ ถือไปทำเหี้ยอะไรครับท่อกูไม่เห็นเข้าใจว่าแม่งจะถือไปทำไม

โอย ไม่ไหวแล้ว ปวดหัว ขืนอ่านต่อไปกูต้องบ้าก่อนแน่

“ชอบมั้ย ของฝาก”

ชอบบ้านมึงดิ กูไม่ใช่เด็กปฐมวัย และกูก็ไม่ได้เรียนประถมต้นด้วย กวนตีนใช่มั้ย หรือคิดจะแกล้งกู

วางหนังสือที่มีรูปภาพการ์ตูนสองสามเล่มลงและเงยหน้ามองคนที่หมุนเก้าอี้เล่น แถมยังอมยิ้มเวลาที่เห็นกัสอ่านหนังสือสำหรับฝึกอ่าน

พยายามสะกด แต่ไม่ยอมออกเสียง

ไม่แปลกใจถ้าไอ้เด็กแว๊นอย่างมันจะอ่านหนังสือไม่คล่อง ก็เอาเวลาไปทำเรื่องไร้สาระอยู่ จะอ่านคล่องเขียนคล่องได้ยังไง
สำหรับมัน แค่อ่านแบบผ่าน ๆ ได้ก็นับว่าดีสุด ๆ แล้วมั้ง

“อุตส่าห์ซื้อให้ ไม่ถูกใจหรือไง”

กูไม่มีทางถูกใจไอ้หนังสือหัดอ่านบ้าบอพวกนี้หรอกเห็นแล้วเวียนหัว เขียนห่าอะไรก็ไม่รู้ ลิ้นกูจะพันกันตายห่าอยู่แล้ว
วางหนังสือลงและทำท่าจะลุกขึ้น และคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ไถลเก้าอี้เข้ามาหา

“อ่อน”

เหี้ย
อ่อนบ้านมึงเหรอ

กูอ่านได้หรอก ถ้าไม่เขียนประโยคบ้าบอพวกนี้มาให้อ่าน ไม้เอกไม้โทไม้ตรี ไม้จัตวาเต็มไปหมด ไหนจะสระที่ซ้อนกันนี่อีก

ปกติกูก็มีทักษะการอ่านเขียนในระดับที่โคตรแย่อยู่แล้ว
มาเจอแบบนี้บอกตรง ๆ ว่า........

“ง่าย ๆ แค่นี้ทำไมกูจะอ่านไม่ได้”

เหรอ

“งั้นก็อ่านสิ อ่านให้ฟังหน่อย”

ใครจะไปอ่าน ขืนอ่านกูก็ได้หน้าแตก แม่งก็รู้กันพอดีว่ากูอ่านเขียนได้ในระดับแย่สุดกู่

“กัส”

กูไม่ได้ชื่อกัส เรียกกูก็ไม่สนใจหรอก ชื่อเหี้ยอะไรวะ หน่อมแน้มชิบ

“กัสจัง”

เหี้ยหยกกวนตีนแล้วมึง

“กัสจังพ่อมึงดิ”

ปากดีนัก มันก็เป็นซะแบบนี้ ชอบทำหน้าจริงจัง แล้วก็ชอบเอะอะเสียงดัง

อยู่กับมันแล้วก็เพลินดี ตลกเวลามันทำหน้าตางี่เง่า
ขำเวลาที่มันขึ้นเสียง

“ชื่อกัสไม่ดีตรงไหนวะ”

“มันเหี้ยตรงที่มึงเรียกนี่แหละ”

เหรอออออออออออออออ

“หรืออยากให้เรียกน้องกัส”

ไอ้หยก

“กูเกลียดชื่อนี้”

“ซูกัส”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย
ไม่ชอบ ไม่อยากถูกเรียกแบบนี้ รู้ว่าถูกแกล้งแหย่ หงุดหงิดและไม่ชอบ แต่แปลกที่ไม่ได้รู้สึกโกรธจนทนไม่ได้

ก็คนพูด มันพูดไปยิ้มไป หมุนเก้าอี้เล่นไปเรื่อย

“กัส กัส กัส กัส”

ไม่ใช่แค่เรียก แต่หยกแกล้งทำเสียงสูงเสียงต่ำใส่ จนคนที่คิดว่าตัวเองหงุดหงิด เริ่มยิ้มออกมา

ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร

ปกติไม่ใช่แบบนี้

“เด็กแว๊นเอ้ยยยยยย เมื่อไหร่จะเลิกแว๊นวะ”

ก็ไม่เมื่อไหร่หรอก เบื่อแล้วเดี๋ยวเลิกเอง

“มึงไม่รู้หรอกตอนที่บิดได้เร็วที่สุดนะ โลกทั้งโลกมันสว่างวาบ นาทีนั้นนะ การชนะได้นี่มันสุดยอดมาก จนคิดว่าถ้าตายไปตอนนี้ก็ช่างแม่งเหอะ”

กัส ทำไมมึงพูดอย่างนี้ กูไม่ชอบสิ่งที่มึงพูดเลย

“ตายไปมึงจะมาหลอกกูเปล่าเนี่ย กูเอายันต์ก.ไก่ แบบผันวรรณยุกต์โยนใส่แม่งเลยนะ มึงสู้กูไม่ได้หรอก”

ยิ้ม
กัสเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองกำลังยิ้มกับคำพูดหยอกล้อของคนที่หมุนเก้าอี้เล่น

โลกของมึงเป็นยังไงวะหยก มันคงสงบ แล้วก็สวยมากเลยสิ มึงถึงยิ้มได้ทั้งวัน มีความสุขทั้งวัน
โลกของมึงคงต่างจากกูมากเลยนะ มึงคงมีความสุข มึงก็เลยเป็นคนที่ใจดีที่สุดในโลก และไม่ว่าใครที่ได้อยู่ใกล้ก็คงจะมีความสุขเหมือนกูแน่ ๆ

แล้วโลกข้างนอกของมึง มีคนอื่นด้วยหรือเปล่า คนที่......มึงอยากทำให้เขาอบอุ่น

โลกของมึง....ไกลจังเลยวะ

มองและก็คิด มองและได้แต่ครุ่นคิดไปเรื่อย บางสิ่งบางอย่างใกล้กันแค่นี้แต่ไปไม่ถึง กูไม่เข้าไปในโลกของมึงหรอกนะ เพราะมึงไม่ได้เปิดโลกของตัวเองให้กูรับรู้

กูอยู่เงียบ ๆ ของกูตรงนี้ได้

“ชีวิตวัยรุ่น มันมีเรื่องสนุก ๆ ให้ทำเยอะแยะ ดีนะมีสีสันดี ถ้ามึงคิดจะใช้ชีวิตให้คุ้มกูก็เห็นด้วย แต่มึงก็ไม่ควรใช้แบบไม่สนใจอนาคต ถ้ามึงยังมีชีวิตอยู่ มึงก็ต้องมีวันพรุ่งนี้หรือวันถัด ๆ ไป ถนอมตัวเองหน่อย อย่าให้มันเลยเถิดเกินไป”

นิ่งฟัง

ตั้งใจฟัง

ฟังทุกสิ่ง ตั้งใจฟังทุกอย่างที่หยกพูด

ไม่เคยตั้งใจฟังใครมากเท่านี้ แต่ไม่รู้ว่าทำไมพอเป็นหยกพูดแล้วอยากฟัง
เพราะเสียงหยกน่าฟัง เพราะน้ำเสียงทุ้มนุ่ม และแฝงไปด้วยความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยโดยไม่มีอะไรเจือปน

“แต่คืนนี้ต้องไป นัดพวกไว้แล้ว”

มันเลิกไม่ได้
ในเมื่อมีเพื่อนรออยู่ โลกของเราสองคนมันมีแค่ตรงนี้
แต่โลกข้างนอกของกูมันมีบางอย่างเยอะแยะมากมายที่สลัดให้หลุดไปไม่ได้

“กัส”

เออ

“เคยคิดมั้ยว่ามีคนเป็นห่วง”

เคยพยายามจะคิด แต่บังเอิญมันไม่มี ก็เลยไม่รู้จะคิดไปทำไม

ที่บ้านเหรอ ที่บ้านมีใคร พ่อกับอา

อาด่าเช้าด่าเย็น เข้าบ้านทีไรก็มีแต่ด่า พาเพื่อนไปที่บ้านก็มีแต่ด่าเละ พ่อเหรอ ไม่ต้องพูดถึงหรอก วัน ๆ เคยเจอหน้ากันที่ไหน พ่อเกลียดกูจะตายห่า กูมันลูกเหี้ย เรียนก็ไม่เก่งโง่ ไม่เคยสร้างเรื่องดี ๆ ให้พ่อภูมิใจหรอก

แล้วจะให้ทำได้ยังไง
คิดจะทำอะไรก็มีแต่ด่า มองกูเหมือนเป็นตัวอะไรสักอย่าง

สรุปกูอยู่บ้านนั้นกูเป็นคนหรือเป็นหมาวะ
บ้านอบอุ่นนั่นมันโลกในฝัน
บ้านแบบนั้นมันไม่เคยมีอยู่จริงในโลกของกูหรอก

“ชีวิตกูไม่ได้มีค่าให้ใครมาห่วงขนาดนั้น”

อารมณ์น้อยใจพุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
เป็นแบบนี้เสมอ ไม่ว่าจะรู้สึกอะไร ความรู้สึกมันจะพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงเสมอ

ทำยังไงก็ไม่เคยหาย
เป็นแบบนี้มานานตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยระงับความรู้สึกตัวเองได้ ดีใจหรือเสียใจ มันจะชัดเจนมากจนคนรอบข้างรู้สึกได้ทันที

และหยก....ก็รู้สึกถึงความน้อยใจของกัส....เป็นอย่างดี รู้ได้จากน้ำเสียง จากกิริยาท่าทาง จากแววตา

“ถ้ามึงอ่านแบบฝึกอ่านภาษาไทยนั่นได้จนหมดเล่ม กูมีอะไรจะให้”

อะไร

สนใจของ แต่ไม่สนใจอยากอ่านหนังสือ

“อ่านก่อนแล้วกูจะให้”

เหี้ย ทำไมวะ ให้เลยไม่ได้หรือไง กูอยากได้ของแล้ว มึงเอาของซ่อนไว้ไหน คืออะไรวะ กูอยากเห็น มึงจะให้อะไร

“อ่านก่อน”

อ่าน

อ่านหนังสือบ้าบอพวกนี้ให้มึงฟังเนี่ยนะ

กู...........อ่านได้ซะที่ไหนกันเล่า

นี่มันยากเกินไปมึงไม่รู้หรือไง

“เอานี่ กูให้เลย แต่มึงต้องอ่านให้กูฟังจนหมดเล่มนะ”

หยกถอดแหวนเงินที่ใส่ติดนิ้วอยู่เป็นประจำออก และดึงมือกัสมาแบออกและวางแหวนเงินใส่มือให้

“เนี่ย รุ่นพี่เขาให้กูมา มึงไม่ได้อยู่ในรุ่น แต่ไม่เป็นไร ไม่ได้เรียนที่เดียวกัน แต่กูอยากให้ ที่จริงต้องส่งให้สายรหัส แต่กูให้มึง แบบนี้พอไหวมั้ย”

แหวนเงินไม่ได้น่าใส่หรอก
เป็นแหวนที่สลักอะไรสักอย่างที่กัสไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร

“อ่านหนังสือให้จบสองเล่มนะ แล้วกูให้”

ดึงแหวนที่อยู่ในมือกัสกลับคืน และสวมกลับเข้าไปที่นิ้วมือของตัวเอง

“มึงเรียนเก่งไม่เก่งกูไม่รู้หรอก แต่ว่ากูจะทำให้มึงมาเรียนที่เดียวกับกูให้ได้ มึงก็รู้ว่าที่นี่เด็กรุ่นมึงอยากมาเรียนกันจะตายห่า ถ้ามึงเข้ามาได้ มึงก็เป็นรุ่นน้องกู ถึงไม่ใช่สายรหัสก็ไม่เป็นไร”

ที่นี่......

หยกเรียนที่ไหนไม่รู้ แต่เห็นตรา....ก็รู้ว่าเป็นที่ไหน

“มึงเรียนที่นี่จริงเหรอ”

มอง
และหยกก็ยักคิ้วให้ ก่อนจะอมยิ้มน้อย ๆ และไถลเก้าอี้เล่น สุดท้ายหยุดนิ่ง กอดอกและมองหน้าของกัสตรง ๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงเบา

“อยากรู้เรื่องของกูบ้างแล้วใช่มั้ย”

ไม่

ไม่อยาก
 
“เรื่องของมึงเกี่ยวอะไรกับกู กูไม่เห็นอยากรู้ประวัติอะไรของมึงเลย”

ทำไมวะ

ทำไมถึงไม่อยากรู้

“อยู่ด้วยกันไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวมึงก็รู้เองแหละ ไอ้เด็กน้อย”

ไอ้หยก
กูไม่ใช่เด็กน้อย มึงพูดบ้าอะไรกูไม่ชอบ

“ซิ่งดีกว่า หนังสือห่าเนี่ย กูอยากอ่านกูอ่านเองได้ ไม่ต้องให้มึงเอาของอะไรมาล่อหรอก แหวนแบบนี้กูซื้อใส่เองได้อีกสิบวง”

ลุกขึ้นยืน
และหยิบกุญแจรถมอร์เตอร์ไซด์ยัดใส่กระเป๋ากางเกง

“กัส...ถ้าสองเล่มมันเยอะไป วันนี้อ่านแค่เล่มเดียวก็ได้”

ไม่อ่าน
กูไม่อยากอ่าน
กูนัดเพื่อนไว้

“เอางี้ มึงอ่านแค่ครึ่งเล่มก็ได้”

หน้าเดียวกูยังไม่อยากอ่านเลย จะให้กูอ่านครึ่งเล่ม มึงพูดเป็นเล่นไปได้ กูไม่อ่านหรอก ยังไงกูก็ไม่........

“งั้นสิบหน้า”

“หรือมึงจะอ่านห้าหน้า”

อะไรกูก็ไม่เอาทั้งนั้นแหละ กูไม่อยากอ่าน มึงเป็นเหี้ยอะไรของมึง

“เอาตรง ๆ มั้ยหยก”

ได้
ว่ามา
ตรง ๆ ยังไงก็ได้

“หนังสือแบบเรียนพวกนั้นมันยากเกินไปสำหรับกู”

เสียฟอร์มที่สุดแล้วในชีวิต แต่ไม่รู้ทำไมกัสถึงยอมพูด

“แต่มันไม่ยากเกินไปสำหรับกู กูจะสอนให้”

หยิบหนังสือขึ้นมาและเปิดหน้าแรก
ลุกจากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ กัส เปิดหนังสือหน้าแรก และทดลองให้กัสอ่านให้ฟัง

และคนที่จำใจต้องอ่าน ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“กูต้องไปซิ่ง”

แล้วกูห้ามหรือยัง กูไม่ได้ห้ามซะหน่อย แค่อยากให้มึงอ่านหนังสือให้ฟังหน่อยแค่นั้น

“ก็เดี๋ยวค่อยไป อ่านก่อน ไหนลองอ่านซิ”

อ่าน....

เซ้าซี้จริงวะ

อ่านก็อ่าน

แม่ง..........อ่านก็ได้

“อา...........................ดูคู............นามี......รูงูกะปิ”

“งูกะปิมีที่ไหนกัส มีแต่งูกะปะ”

ก็ใช่ไงกูจะอ่านว่างูกะปะ แต่มึงมองมาแบบนี้ทำเหมือนเร่งกูก็เลยลน

“งูกะปะ...ไง ก็งูกะปะ...”

“เจ้ากา.........ดำปี้.....เก้าอี้...ตัว.....”

“ไอ้กัสสสสสสสสสสส มันอ่านว่าเจ้ากาดำปี๋ มึงอ่านอะไรของมึง”

ก็ใช่ไง
กูจะอ่านแบบนั้นแหละ มึงมาท้วงกูเลย........
หน้างอ อ่านไปก็หน้างอ อ่านไปอ่านมาก็โมโหเมื่อคนที่นั่งอยู่ด้วยเอาแต่หัวเราะ

กัสจะปิดหนังสือและไม่ยอมอ่านหลายครั้ง แต่เพราะอีกฝ่ายสัญญาว่าจะไม่หัวเราะและจะตั้งใจฟังเป็นอย่างดี

กัสถึงได้ยอมอ่านต่อ

อ่านแบบผิด ๆ ถูก ๆ เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มน้อย ๆ ให้กับคนที่สอนอ่าน

อ่านไปอ่านมา อ่านไปเรื่อย และหยกก็นั่งฟังไปเรื่อย มีหลายครั้งที่ยิ้ม และบางครั้งที่การยิ้มไม่ใช่เพราะสิ่งที่กัสอ่าน
แต่เป็นเพราะหน้าของกัส ที่ทำเหมือนกำลังกินยาขม แต่เจ้าตัวก็พยายามอ่าน

“กา อา กา กา เอก ก่า กาโท..........”

“ก้า”

ช่วยสะกด และกัสก็เริ่มใจชื้นขึ้น พยายามอ่าน ลองพยายามดู และมันเหมือนจะดีขึ้นทันทีในคราวแรก

เพลิน

อยู่ด้วยกันแล้วเพลิน

ใช้ปลายนิ้วไล่ไปตามตัวอักษร และหยกก็มองปลายนิ้วของกัส

มองแล้วก็ยิ้ม

ยิ้มและก็นึกอยากจะถอดแหวนให้เดี๋ยวนี้

“ถ้ามึงอ่านสองเล่มนี้จบนะ กูถอดแหวนยกให้มึงเลยเอาจริงๆ”

“ใครอยากได้วะ”

“ถึงไม่อยากได้ก็จะยัดเยียดให้ จะเอาไม่เอา”

“เอา”

ตอบรับทันที และกัสก็พยายามอ่านตัวอักษรที่ซ้อนกันวกวนไปมา

อ่านไปเรื่อย
อ่านไปตามที่หยกช่วยสอน

อ่านไปอ่านมา ก็เลยเวลาไปซิ่งรถกับเพื่อนพอดี

TBC.

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
หยกกลับมาเร้วววว  :o12:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
เวลาอยู่ด้วยกันสองคนมันก็น่ารักดี

เวลาของคนสองคน

แล้วเมื่อไร..... :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2014 23:15:15 โดย roseen »

ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
หยกกกก เมื่อไหร่จะกลับมาได้ซักทีนะ  :sad11:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tartar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
หยกกลับมาได้แล้ว กัสรออยู่

ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
หยกเป็นผู้ชายอบอุ่น อร๊างงงง  :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1691
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
เรื่องของหยกกับกัสน่ารักมากเลย
กัสก็น่าสงสารมากเลย อ่านแล้วมีแอบน้ำตาซึม

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
พี่หยกดีและเอาใจใส่กัสมาก
รีบกลีบมาหากัสนะพี่หยก

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
อ่านแล้วอมยิ้ม แต่เศร้าที่หยกยังไม่ได้กลับมาดูน้อง
ร่วมเชียร์นิวโจ้ อยากเห็นพระรองมารักกันเอง

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ตัวช่วยในการอ่านหนังสือ

เกลียดพ่อ เกลียดอา เกลียดหมดทั้งบ้านนั่นแหละ จะขับไล่ไสสงกูไปไหน กูมีที่ไปด้วยเหรอ ให้ไปนอนบ้านเพื่อน ก็ไปได้ ทำไมจะไปไม่ได้ แต่มันใช่เรื่องเหรอ

กูชื่อเจ๋งนะ ไอ้เจ๋งโดนพ่อไล่ออกจากบ้าน กูจะไปบอกใครได้ กูไม่กล้าบอกใครนะโว้ย กูเกลียดทุกคนนั่นแหละ เกลียดหมดเลย มีแต่เรื่อง มีแต่ทำให้กูเครียด ต้องให้กูตายตามแม่ไปใช่มั้ย ถึงจะพอใจ

โมโห
โกรธ
และความรู้สึกสองอย่างก็มาพร้อมกับความเสียใจ
น้อยใจ
เศร้าใจ
ทุกข์ ทรมาน และสุดท้าย กูไม่ได้อยากใส่หมวกกันน็อคนะ มีเอาไว้ก็ไม่เคยได้ใช้ แต่วันนี้เสือกต้องใช้ เพราะขี่มอร์เตอร์ไซด์ไปร้องไห้ไป

แม่งเหี้ยที่สุดเลย ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางเห็นน้ำตากูหรอก ทั้งพ่อทั้งอา ทั้งเพื่อน ทั้งคนรอบข้าง กูจะไม่ร้องไห้ให้พวกแม่งเห็นเด็ดขาด

กูมันเหี้ย ไม่มีใครต้องการ บ้านตัวเองยังอยู่ไม่ได้เลย

ถ้าแม่ยังอยู่คงไม่เป็นแบบนี้หรอก แม่ต้องเข้าใจ แม่คงไม่ปล่อยให้กัสเป็นแบบนี้ใช่มั้ยครับ

แม่...ทำไมแม่ทิ้งกัสไป แม่รู้มั้ย ตั้งแต่แม่ไม่อยู่ กัสทรมานมากแค่ไหน แม่รู้มั้ยครับ พ่อเกลียดกัส พ่อด่ากัสทุกวัน อาก็เกลียดกัส อาด่ากัสทุกวันเหมือนพ่อ ไม่เห็นมีใครเหมือนแม่เลย ไม่เห็นมีใครเข้าใจกัสเหมือนแม่เลย

แม่ครับ.... แม่ทิ้งกัสไว้คนเดียวแบบนี้ได้ยังไง แม่...ทิ้งกัสไว้คนเดียวแบบนี้ทำไม

ร้องไห้

และบิดคันเร่งเพิ่มขึ้นเมื่อเห็นว่าถนนมีพื้นที่ว่างและพอจะแทรกเข้าไปได้

ขับรถแบบนี้พ่อมึงสร้างถนนเหรอ เอากระจกข้างกลับบ้านซะดีมั้ย พวกมึงรวยกันมากนักนี่ เดี๋ยวกูจะสอยกระจกข้างไปเก็บเป็นสะสมแก้เซ็ง

แม่ง....

คิดอะไรไปใหญ่ ทำอะไรแย่ ๆ ไปเรื่อย

ไม่มีที่ไป
สุดท้ายก็ขี่มอร์เตอร์ไซด์มาจอดที่หน้าหอพักของใครบางคน

หอพักที่หยกพักอาศัยอยู่

จอดรถไว้หน้าหอและถอดหมวกกันน็อคออก ปาดน้ำตาทิ้ง และทำเหมือนไม่เป็นอะไร ก้มหน้ามองไปที่กระจกรถมอร์เตอร์ไซด์ และก็ยังเห็นว่าดวงตายังคงแดงก่ำ และจมูกก็ยังแดงจนเห็นได้ชัด

ไม่ดีแน่ แบบนี้ไม่ค่อยดี

เดี๋ยวหยกแม่งถาม เพราะฉะนั้นไม่ขึ้นไปดีกว่า นั่งอยู่แบบนี้แหละ เดี๋ยวสักพัก....ค่อยคิดว่าจะไปไหนต่อ

ไม่ขึ้นไปหาเด็ดขาด ยังไงก็ไม่ไป

หยกมันใกล้สอบ ตอนนี้คงกำลังนั่งอ่านหนังสืออย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะฉะนั้นต้องไม่รบกวนมัน ยังไงก็ห้ามขึ้นไป

มอง ๆ ดูแล้วแถว ๆ นี้ก็มีเก้าอี้ ถ้าไปซื้อยากันยุงมาจุดก็คงพอนอนได้ หนาวหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร เอาเสื้อห่มเอาก็ได้

คิดอะไรโง่ ๆ
คิดจะทำตัวเป็นคนจรจัด

คิดเอาง่าย ๆ ว่าแค่หาที่นอนได้ก็พอ ไม่คิดอะไรมากไปกว่านั้น คิดแบบกัส และทำแบบกัส แบบของคนไม่แคร์โลก

“ยุงเยอะชิบหายเลยวะ”

นั่งอยู่บนรถมอร์เตอร์ไซด์ ตบยุงที่เริ่มมากัดที่แขนและขา ถ้าจะกัดกูขนาดนี้นะ กูกรีดเลือดให้เลยมั้ยจะได้แดกกันให้อิ่ม แล้วเลิกมากัดกูซะที

เออ...........เข้าท่าดีนะ
กรีดเลือดให้แม่งแดกให้พอ แล้วจะได้เลิกมากัดกูซะที

เจ็บนะเนี่ย ตียุงจนเจ็บมือ แถมยังเจ็บที่แขนขาเพราะแรงจากมือของตัวเองที่ตบแรง ๆ หนัก ๆ ไปตามร่างกายจนจะครบทุกส่วนแล้ว ไม่เว้นแม้กระทั่งที่หน้า

ประสาทแล้วกู
บ้าแล้วมึงไอ้เจ๋ง

ตบหน้าตัวเอง

เหี้ยว่ะ

ยิ้ม
เริ่มอมยิ้มและหัวเราะเบา ๆ กับเรื่องที่คิดได้

เงยหน้ามองขึ้นไปบนหอพักจากบนเบาะรถที่นั่งอยู่พอเห็นได้ว่าไฟจากห้องพักห้องนั้นยังสว่าง

ชัวร์แหละ
หยกแม่งคงกำลังอ่านหนังสือแน่ ๆ ช่วงสอบแล้วนี่ คงอ่านทั้งวันทั้งคืน

ชัดแหละ
ยังไงกูก็จะไม่มีทางไปหามันเด็ดขาด

ไม่มีทางหรอก

เรื่องอะไรกูต้องมาหามันบ่อย ๆ ด้วยวะ เดี๋ยวมันก็คิดว่ากูไม่มีที่ไป

แม้จะเป็นความจริง แต่คนเราก็ต้องมีฟอร์มมีศักดิ์ศรีกันบ้าง

เหตุผลในการไปหา จะเอาแบบเดิม ๆ ก็ไม่ได้
เดินดุ่ม ๆ ไปหาตลอดแบบนั้น

ถ้าเกิดวันไหนหยกมันถามหาเหตุผลขึ้นมาว่า ทำไมมาหามันบ่อย ๆ ก็ไม่รู้จะตอบยังไง

เพราะฉะนั้นวันนี้ต้อง..... หาที่นอนเอาแถวนี้แหละวะ

ถ้าง่วงจัดก็หาที่นอน แค่หลับตา ไม่นานก็เช้า
ตอนเช้าก็มีที่ไปแล้ว

ถ้าถึงตอนเช้า......... ไม่ว่าที่ไหนก็ไปได้

ถึงตอนเช้าแล้ว....... ไม่มีอะไรน่ากลัว

แต่กลางคืนมันน่ากลัว ถึงเวลากลางคืนที่ไรจะรู้สึกวังเวงทุกที บางครั้งต้องหาอะไรทำไม่กล้านอนตอนกลางคืน

เพราะบางคืน จะนึกถึงวันที่แม่ไม่อยู่
แม่จากไปตอนกลางคืน
เกลียดกลางคืน เพราะมันกลืนชีวิตแม่ไป

กลางคืนมันเหงา มันน่ากลัว มันเคว้งคว้าง ถ้าไปซิ่งรถ มันจะมีอะไร เวลาที่มีอะไรทำจะไม่รู้สึกอะไร

อยู่ได้
และคิดว่ากลางคืนก็ไม่ต่างจากกลางวัน

.....จะไม่เหงา ไม่เศร้า  ไม่เสียใจ และไม่รู้สึกอะไร

แต่วันนี้อยากนอน

อยากนอนหลับสบาย ๆ อยากหนุนตักแม่ อยากให้แม่กอด

แม่ครับ.......แม่ไม่สงสารกัสเหรอ แม่ทิ้งกัสไปแบบนี้ แม่ไม่สงสารกัสเหรอ

พ่อไม่รักกัส พ่อเกลียดกัส อาก็เกลียดกัส

ทุกคนเกลียดกัส.....ไม่มีใครรักกัสจริง ๆ เลยสักคน ไม่มีใครรักกัสเท่าแม่เลย

คิดไปเรื่อย

คิดแล้วก็เริ่มรู้สึกน้อยใจ เสียใจอีกครั้ง

แล้วสุดท้าย.....น้ำตาก็เริ่มไหล

เวรแล้ว

แบบนี้ทั้งตาทั้งจมูกก็คงเห็นชัด ใครเห็นคงรู้ว่ากำลังร้องไห้

เออใช่
ร้องไห้อยู่
ร้องไห้อยู่นี่ไง

ทำไมวะ.........กูร้องไห้บ้างไม่ได้หรือไง

ทำอย่างกับว่าพวกมึงไม่เคยร้องไห้ พวกมึงก็ร้องไห้เหมือนกูนี่แหละวะ แต่มันต่างกันตรงที่ว่า พวกมึงมีคนปลอบใจ

มีคนคอยรัก คอยห่วงใย

แต่กู.........แม่งไม่มี

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ใครวะคุ้น ๆ

หยกกำลังพยายามเพ่งมองไปที่คนที่นั่งอยู่บนรถมอร์เตอร์ไซด์และฟุบหน้าหลับ

ไม่ใช่แค่คุ้นแล้วแบบนี้
เป๊ะเลย

ไอ้เด็กเหี้ยนี่เอง

ไอ้กัส...............

แล้วเป็นอะไรของมัน มาแล้วก็น่าจะขึ้นไปรอข้างบน กุญแจห้องก็ให้แล้วทำไมไม่เสือกขึ้นไปหาบนห้องวะ มานอนฟุบหลับอะไรอยู่แบบนี้

เล่นบ้าอะไรของมันวะเนี่ย

“กัส”

“ไอ้กัส....เฮ้ยยยย กัส”

เรียก เบา ๆ และคนที่ฟุบหน้าอยู่ก็เริ่มรู้สึกตัว

ขยับตัวและค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามองและเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่มาเรียกก็เผลอยิ้มออกมา

“หยก”

เรียกชื่ออีกฝ่าย
รู้สึกดีใจ
ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกดีใจ แต่มันรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ

หยก.........เป็นหยกจริง ๆ ด้วย

หยก........

ยิ้มกว้าง ยิ้มจนตาเป็นประกาย

ดีใจ

นิสัยเดิม ๆ ของกัสคือถ้าดีใจจะดีใจมากจนคนที่เห็นยังรู้สึกประหลาดใจ

และครั้งนี้เมื่อหยกได้เห็นแววตาและการแสดงออกทางสีหน้าของกัส ก็ทำให้หยุดชะงักกับรอยยิ้มที่เหมือนดีใจมากมายของอีกฝ่าย

แค่มาปลุกเฉย ๆ มึงจะดีใจจนเว่อร์เกินไปแล้วไอ้เด็กเหี้ย

“มานอนอะไรตรงนี้ ทำไมไม่ขึ้นไปหาวะ”

มานอนอะไรตรงนี้เหรอ

ลืม
ลืมตัวไปชั่วขณะ และเมื่อนึกขึ้นได้ว่าหน้าตาท่าทางของตัวเองคงจะแสดงอาการชัดเจนว่าดีใจมาก

กัสก็เลยต้องพยายามปรับสีหน้าให้เร็วที่สุด กูต้องเก็บอาการ จะทำให้หยกมันรู้ไม่ได้ว่าดีใจขนาดไหน

กูไม่อยากเสียฟอร์ม

“ตกลงมาทำอะไรวะ ทำไมไม่ขึ้นไปข้างบนล่ะ มานอนหลับอะไรตรงนี้เดี๋ยวยุงก็หามตายห่า”

มาทำอะไรเหรอ
มาทำ........

ไม่ได้มาทำอะไร ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น

“พอดีผ่านมาแถวนี้”

อ้าวเหรอ แค่ผ่านมาเหรอ

ผ่านมาบ่อยเนอะ ผ่านหอกูบ่อยมากเลยนะ

“เหรอ เออดี ผ่านมาก็ดีแล้ว ไปซื้อของเป็นเพื่อนหน่อย”

ไปซื้อของเหรอ
ไปซื้ออะไรวะ

ดึกป่านนี้จะให้ไปซื้ออะไร

“กี่โมงแล้วจะไปซื้อของ”

ถามแล้วกัสก็ดึงกุญแจรถมอร์เตอร์ไซด์ออก และหย่อนใส่กระเป๋าเสื้อ

ไม่ต้องรอช้า แค่ชวนนิดเดียว กัสก็รีบไปด้วยทันที

ซื้อของเหรอ
ซื้อของ….
ไป ไป
ไปซื้อของ

“ไม่ต้องเอารถไปหรอก เดินไปแค่นี้เอง”

แค่นี้เองเหรอ

แค่นี้....

และหยกก็ชี้นิ้วไปที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

“ป่ะ เดินไปเป็นเพื่อนหน่อย ไปคนเดียวเดี๋ยวกูโดนฉุด กูยิ่งหน้าตาดีอยู่ คนสมัยนี้ก็เลยอิจฉากูเยอะ กูกลัวคนมองเยอะ แล้วต้องมาคอยแจกลายเซ็น”

เหี้ย
เหี้ยมาก
เหี้ยที่สุดแล้ว คนอย่างไอ้หยก มั่นใจในตัวเองโดยที่ไม่เคยถามความคิดเห็นจากใคร

แม้เรื่องที่หยกมันเป็นคนหน้าตาดีจะเป็นเรื่องจริงแต่มันก็ไม่ควรเอามาพูดเยินยอตัวเองแบบนี้

เพราะกูฟังแล้วอยากจะอ้วกในความหลงตัวเองของมัน

กัสไม่รู้ว่าตัวเองกำลังผ่อนคลายและอาการเครียดก็ทุเลาเบาบางลง แค่เพียงได้เห็นหน้าของหยก และได้อยู่ใกล้ๆ หยก

ก้าวขาเดินตาม
กัสเดินตามหยกมาเรื่อย ๆ
เดินมาด้วยกัน ในระยะใกล้ ๆ ก็ถึงร้านสะดวกซื้อ

“กัส มึงกินข้าวมั้ย ข้าวกล่อง”

หยกหยิบกล่องข้าวแช่แข็งขึ้นส่งให้

“ไม่ค่อยชอบ”

ปฏิเสธไปเรียบร้อย และหยกก็เลยซื้อเฉพาะข้าวกล่องของตัวเองหนึ่งกล่องและส่งให้พนักงานอุ่นอาหารให้

มองไปที่คนที่ทำหน้าจ๋อย และมองอะไรไปเรื่อยเปื่อยแล้วหยกก็ยิ้มน้อย ๆ

ทำไมดูเด็กน้อยขนาดนี้วะ

ท่าทางจ๋อย ๆ หน้าตามึน ๆ เหมือนไม่รู้จะพูดอะไรดีแบบนี้ ใครเห็นก็ต้องมอง
เพราะดู ๆ แล้วไอ้กัสมันก็น่ารักดี น่ารักแบบแปลก ๆ แบบที่มันไม่ค่อยรู้ตัวเองเท่าไหร่

“กินไอติมมั้ยวะ”

ไอติมเหรอ

“กูไม่ใช่เด็ก กูไม่กิน”

เหรอ

ก็ดีนะ ปฏิเสธเรียบร้อย

หยกเดินไปที่ตู้แช่ไอศรีม และหยิบมาสองอย่าง

และกัสก็ได้แต่มอง

มองแต่ไม่พูดอะไร

หยกจ่ายเงิยเรียบร้อย ก้าวเท้าเดินออกจากร้านสะดวกซื้อ และหยิบไอศครีมรสผลไม้รวมจากในถุงออกมา แกะและยื่นส่งให้กับคนที่เดินเรื่อย ๆ ข้าง ๆ กัน

“ไม่เอา กูไม่ใช่เด็กกูไม่กินเด็ดขาดไอติมหลอกเด็กเนี่ย”

แล้วกูบอกให้มึงกินเหรอ

“ฝากถือเฉย ๆ”

อ้าวเหรอ

แล้วก็ไม่บอก

ฝากถือก็ฝากถือ

ถือไอศรีมให้ และสิ่งที่ถือเอาไว้ก็เริ่มละลาย

“ไอ้หยกมึงให้ถือทำไมเนี่ย ละลายหมดแล้ว มึงกินดิ๊”

ส่งไอศรีมที่ถือให้กับคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ และหยกก็ทำเหมือนนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้

“อ้าว เพิ่งนึกขึ้นได้ กูซื้อมาสองแท่งนี่หว่า”

แค่พูดยังไม่พอ เพราะหยกรีบหยิบไอศครีมรสผลไม้ที่ซื้อมาอีกแท่งออกมาแกะซองพลาสติกออกและกินไอศครีมหน้าตาเฉย

และกัสก็ทำได้เพียงแค่ยืนงง

“มึงคงต้องกินแท่งนั้นแล้วแหละ นั่นกูเลี้ยงมึงแล้วกัน”

เลี้ยง

เลี้ยงไอติมละลายเนี่ยนะ เหี้ยหยกกกกกกกกกกก

อยากจะบ้า แต่ก็ต้องจำใจกินรีบจัดการไอศรีมที่กำลังละลายด้วยท่าทีที่หงุดหงิดเล็กน้อย

“กัส”

กัสหันมามองคนที่เรียก และขมวดคิ้วมุ่น

“ทำไมมาแล้วไม่ขึ้นไปหา มานั่งให้ยุงกัดเล่นทำไมวะ”

เปล่า

ไม่ใช่

“ก็บอกแล้วไงว่าพอดีผ่านมา”

มึงโกหกได้เหี้ยมากกัส บอกตรง ๆ ถ้ามึงจะโกหกขนาดนี้นะ มึงก็โกหกต่ออีกหน่อยแล้วกัน

“ให้กุญแจห้องไว้ ถ้ากลัวกูไม่อยู่มึงก็ไขเข้ามาได้นี่หว่า”

เรื่องนั้นน่ะ
ไม่เคยทำหรอก
มีกุญแจห้องก็จริง แต่ไม่เคยเข้ามา มึงไม่อยู่กูก็ไม่อยากมา เพราะมีมึงอยู่ในห้องนั้น กูก็เลยอยากมา

“กูไม่ว่าง”

พูดไปกินไป และสุดท้ายเหลือแต่ไม้ไอศครีมเล็ก ๆ อยู่ในมือ

“แต่กูโคตรว่างเลย วันนี้มาอ่านหนังสือให้ฟังหน่อยดิ๊ อ่านไปถึงไหนแล้ว”

ไม่เอา
กูเกลียดหนังสือเหี้ยนั่น

กูจะไม่อ่านเด็ดขาด ไม่มีทางอ่านให้มึงฟังอีกแน่ ๆ

“กูจะกลับแล้ว”

เกิดอยากจะกลับขึ้นมาเวลานี้ มีเวลาตั้งนานไม่เสือกกลับวะ

“กัส....ไปช่วยลากเตียงหน่อยดิ๊ ช่วงนี้ปวดหลังลากไม่ไหว มึงขึ้นไปช่วยลากเตียงหน่อย กูจะย้ายของในห้องให้เป็นระเบียบ”

ไปช่วยลากเตียงเหรอ
ถ้าไปช่วยลากเตียงงั้น....ก็ได้

เดินตามมาเรื่อย ๆ และเมื่อถึงห้อง หยกก็ไขกุญแจและเดินเข้ามาโดยมีกัสเดินตามเข้ามาด้วย

“ไหน.....จะเลื่อนจะย้ายตรงไหนวะ”

อ๋อ
พอดีกูยังคิดไม่ออก

“พอดีคิดขึ้นได้ว่ามุมนี้ก็ดีแล้ว งั้นเอาเป็นว่า ย้ายหนังสือหัดอ่านพวกนี้ไปไว้ที่มึงแล้วกันนะ”

เหี้ย
มึงหลอกกูเหรอ
กูบอกแล้วไงว่ากูไม่อ่านหรอกหนังสือเหี้ยพวกนี้
ยังไงกูก็ไม่อ่าน

“น่า กูไม่ได้บังคับซะหน่อย มึงแค่เปิดผ่าน ๆ สองสามหน้าดูภาพประกอบไปก่อน เดี๋ยวกูนึกได้ว่าจะย้ายเตียงไปฝั่งไหนแล้วมึงค่อยช่วยกูย้าย เนี่ยปวดหลังมากเลย รอแป๊บเดียว เดี๋ยวกูคิดออกก่อน”

ห่าหยก
มึงหลอกให้กูอ่านหนังสือพวกนี้นี่หว่า กูไม่อ่านหรอก

ยังไงกูก็ไม่อ่านเด็ดขาด

“กูเลี้ยงไอ้ติมมึงแล้ว มึงกินไอติมที่กูเลี้ยงแล้วมึงก็ต้องตอบแทนบุญคุณกูบ้าง เดี๋ยวไม่เกินสิบนาที กูขอเวลาคิดก่อนถ้าคิดได้แล้วเดี๋ยวมึงช่วยกูย้ายเลย แป๊บเดียวแหละ แล้วมึงก็กลับบ้านได้ นัดใครที่ไหนไว้ ไปได้เลย กูไม่ห้าม”

จริงนะ

ก็ได้

ถ้างั้นก็ได้วะ

ยอมนั่งลงบนเตียงแต่โดยดี และยอมเปิดหนังสือหัดอ่านไปเรื่อยๆ ในระหว่างที่รอ

หยกวางกล่องข้าวลงแล้ว แต่ยังไม่กิน
เปลี่ยนเป็นนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม และสนใจกับการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบก่อนปิดภาคการศึกษา

ที่จริงแล้วไม่ได้คิดจะย้ายเตียงเลยสักนิด

แต่บางครั้งคนบางคนพูดอะไรกับมันตรง ๆ มันก็ไม่เคยทำตาม ก็เลยพูดอ้อมไปอ้อมมาให้มันสับสน

คนอย่างไอ้กัส บังคับให้ทำอะไรสักอย่างยากยิ่งกว่ายาก

แต่ถ้าพูดกับมันดี ๆ และให้เหตุผลบางอย่างเข้าไป มันถึงจะเชื่อและยอมทำตามอย่างว่าง่าย

เหมือนในเวลานี้ที่พอบอกให้ช่วยย้ายเตียงมันก็อุตส่าห์มีน้ำใจมานั่งรอ

รอไปรอมา
รอไปเรื่อย เปิดหนังสืออ่านไปเรื่อย อ่านในใจ แค่ให้มันผ่านตา
ไม่ได้อยากอ่าน อาศัยดูรูปภาพก็เพลิน

เพลินไปเพลินมาก็เลยเลื้อยลงไปนอนบนเตียง นอนมองหนังสือภาพสำหรับสะกดคำและหัดอ่าน ยิ่งมองก็ยิ่งง่วง

ง่วงจนเผลอเคลิ้มหลับ หลับไปในเวลาไม่ถึงห้านาที

และหยกที่มองนาฬิกาอยู่ตลอดเวลาก็หันไปหาคนที่มาช่วยย้ายเตียง

หมดสภาพ
นอนหลับไปทั้งอย่างนั้น
นอนหลับไปพร้อมกับหนังสือสำหรับหัดอ่านของเด็ก

หยกกำลังมองคนที่มาเผลอหลับอยู่บนเตียงแล้วก็ได้แต่ยิ้ม

ยิ้มและก็ส่ายหน้า

ไม่รู้จะนึกเอ็นดูหรือสงสารมันดี

เด็กเหี้ยแบบนี้ สงสารมันมากไม่ได้ สันดานยิ่งเสีย ๆ อยู่ ทั้งดื้อทั้งรั้น ทั้งปัญหาเยอะ
แต่พอเห็นสภาพดวงตาแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้ของมันมาก็ทำให้เมินเฉยกับมันไม่ลง

รู้ว่ามันร้องไห้แบบนี้เพราะใคร มีคนเดียวที่ทำให้มันร้องไห้ได้ ไม่ยากที่จะรู้ แต่รู้แล้วต้องทำยังไงต่อไปนี่แหละยิ่งยากกว่า

มองแบบนี้แล้วก็ไม่รู้จะช่วยยังไงนอกจากลุกขึ้นแล้วเดินไปหา

อีกแล้ว แม่งสันดานเสียตลอด บอกเท่าไหร่ก็ไม่เคยจำ ว่าให้ถอดรองเท้ามันก็ไม่เคยฟังกันเลย

จะให้ต้องพูดต้องด่ากี่ครั้งวะถึงจะจำ ไอ้เด็กเหี้ย แต่ก็เอาวะ วันนี้จะยอมให้หนึ่งวัน

ก็มึงเล่นร้องไห้ตาบวมมาซะขนาดนี้ กูไม่สงสารเลยมันก็จะใจร้ายเกินไป

หยกเดินมายืนมองคนที่นอนหลับและก็ยิ้ม มองแล้วก็ได้แต่ยิ้ม และพูดกับตัวเอง

“ไม่มีที่ไปที่นี่ก็เปิดรอมึงเสมอนะ คิดจะฟอร์มเยอะก็อย่าให้มันมากนักสิวะ”

บ่นพึมพำกับตัวเองเสียงเบา และจ้องมองคนที่สิ้นฤทธิ์ไปแล้ว สุดท้ายคว้าผ้าห่มมาห่มให้ และแตะเบา ๆ ที่ไหล่ของกัสเบา ๆ สองสามครั้ง

กุญแจห้องกูก็มีนี่หว่าแล้วทำไมไม่รู้จักไขเข้ามาเอง

ก็ถ้ามึงจะเอากุญแจห้องที่กูให้ร้อยใส่สร้อยแล้วคล้องคอตัวเองไว้ขนาดนี้นะกัส มึงเอาแหวนที่นิ้วกูไปห้อยด้วยเลยดีกว่า

ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว

เหลือแต่มึงนั่นแหละอยากจะพูดอะไรหรือเปล่า

“ไอ้เด็กเหี้ยเอ้ยยยย ในที่สุดวันนี้มึงก็ยอมมาอยู่กับกูได้อีกวันแล้วนะ นึกว่าวันนี้มึงจะไม่มาซะแล้ว กูนั่งรอตั้งนานที่ไหนได้เสือกไปนอนหลับอยู่บนรถ”

ไม่รู้ว่าคนหลับได้ยินหรือเปล่า แต่หลังคำพูดนั้นเป็นหยกที่ยิ้มอย่างเอ็นดูและยืนมองคนที่นอนหลับสนิทไม่รู้เรื่อง

“ใครใช้ให้มึงเป็นแบบนี้วะ ทำตัวแบบนี้บ่อย ๆ เดี๋ยวกูหวั่นไหวแล้วจะหาว่ากูไม่เตือนไม่ได้นะ”

เพราะสบายใจแล้วที่ไม่ต้องรอ

ดังนั้นหลังจากรู้ว่ามีคนมานอนหลับอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว หยกก็คลายความกังวลลง และอ่านหนังสือได้เรื่อย ๆ

ไม่เหมือนช่วงแรกที่อ่านไปมีแต่ความกังวล เหมือนรอคอยบางอย่าง ไม่มีสมาธิในการอ่านเลยสักนิด ผิดกับเวลานี้ลิบลับ

ทีนี้มึงเชื่อหรือยัง ว่ามึงต้องมา ไม่งั้นกูอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง เพราะคอยเอาแต่กังวลว่ามึงจะไปซิ่งรถแล้วไปเสยกับใครที่ไหน มึงควรรู้ได้แล้วนะว่ามึงมีผลกับการอ่านหนังสือของกูมาก เกรดจะดีหรือแย่ ทั้งหมดตอนนี้มันขึ้นอยู่กับมึงคนเดียวจริง ๆ ไม่รู้บ้างหรือไง ไอ้เด็กดื้อ

เพราะฉะนั้นวันหลังอย่าให้กูคอยนานนะ ถ้าการเรียนกูตกขึ้นมา กูจะโทษว่าเป็นความผิดของมึงคนเดียวเต็ม ๆ เลย

TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2014 01:29:34 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#วิธีรักษาอาการตาแดง

ขยับร่างกายออกห่างเล็กน้อย และปรือตาตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่าที่นอนไหวยวบลง

หันกลับไปมอง แม้จะมืด แต่ก็พอเห็นว่ามีใครมานอนอยู่ข้าง ๆ

“ตื่นมาทำไมวะ นอนไปเดี๋ยวก็เช้าแล้ว”

เช้าเหรอ

กี่โมงแล้ววะ ป่านนี้

“หยก กี่โมงแล้ว”

กี่โมงเหรอ ก็.......

“ตีสามครึ่งได้แล้ว”

เหรอ
ตีสามครึ่งเหรอ

“กูต้องไปแล้ว”

ไปไหนวะ ไปตอนนี้เนี่ยนะ ตลกเกินไปหน่อยแล้ว มึงบ้าหรือไง ตีสามครึ่งไม่ต้องไปไหนแล้ว

สว่างแล้วค่อยไป อย่าหาเรื่องให้มันมากนัก

“ไปแว๊นดิ ช่วงนี้กำลังตั้งแถวเตรียมซิ่งเลยใช่มั้ย”

แกล้งว่า และกัสที่นอนอยู่ก็เตรียมจะผุดลุกขึ้นนั่ง
แต่มีคนลุกขึ้นก่อน

“มึงนอนไปเลย ถ้ามึงขยับตัวอีกนิดเดียวนะ กูจะนอนไม่หลับ ถ้ามึงเปิดประตูห้องเดินออกไปก็เป็นการรบกวนกู ยิ่งทำให้กูนอนไม่หลับ”

ไม่เกี่ยว
กูไม่อยู่คงดีกว่า
มึงจะได้นอนสบาย ๆ ไม่ใช่มานอนเบียดกันแบบนี้

“กูยังไม่ได้อาบน้ำจะนอนเข้าไปได้ยังไง”

เออ ช่างแม่งเหอะ
เน่าอีกไม่กี่ชั่วโมงจะเป็นไรไป
แค่ไม่อาบน้ำ ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรสำหรับกูหรอก
แต่ถ้ามึงจะไปตอนนี้ นั่นแหละปัญหาโคตรใหญ่สำหรับกูเลย

“นอน ๆ ไปเหอะ มัวพูดกูยิ่งนอนไม่หลับ แล้วก็ไม่ต้องขยับตัวด้วยนะ กูจะนอน”

อะไรวะ
มันไม่เกี่ยวเลย

เตรียมจะขยับตัวอีกรอบ แต่ก็ได้ยินเสียงขู่ที่ทำให้กัสทำอะไรไม่ได้

“ไอ้กัส”

แค่เรียกชื่อ และกัสก็เลยต้องจำใจนอนอยู่นิ่ง ๆ และกรอกตาไปมาพร้อมกับทำหน้ายุ่งเหยิง ขมวดคิ้วมุ่น
“อะไร”

“มือมึงอยู่ไหน”

มือเหรอ มือ..........
กัสยกมือขึ้นและหยกก็จัดการดึงมือของกัสมาจับเอาไว้แน่น กลายเป็นกัสที่ได้แต่นิ่งอึ้งและหันไปมองคนที่ทำเป็นเฉยและแกล้งหลับตานอนนิ่งเงียบอยู่ข้าง ๆ

“ป้องกันมึงหนี”

ป้องกันทำไม แล้วทำไมกูต้องหนี
มันไม่มีเหตุผลอะไรที่กูต้องหนีหรอกนะ

“กูยังไม่ได้อาบน้ำ”

ยืนยันคำเดิม และหยกก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

กูรู้แล้ว
นั่นกูก็รู้แล้ว มึงไม่ต้องย้ำหรอกน่า
“กัส พรุ่งนี้กูสอบ ถ้ามึงตื่นก่อนมึงปลุกกูด้วย เจ็ดโมงเช้านะ แล้วไปส่งกูด้วย มอร์เตอร์ไซด์กูเสีย เข้าใจมั้ย”

เข้าใจ

กูไม่ได้โง่

จะให้กูไปส่ง แค่นี้ไม่ได้ลำบาก เดี๋ยวกูไปส่งมึงก็ได้

“แต่ว่า...หยก...กูยังไม่ได้อาบน้ำ”

พูดไม่รู้จักฟัง
มึงยังไม่ได้อาบน้ำแล้วไงวะ ยังไม่ได้อาบก็ไม่ต้องอาบแล้วค่อยอาบพรุ่งนี้เช้ารวดเดียวเลย

“เอออออออออออ กูรู้แล้ว”

ลากเสียงยาว ๆ และคราวนี้ไม่ใช่แค่มือที่จับเอาไว้แน่น แต่เป็นการที่หยกจัดการลากคนที่พูดประโยคเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เข้ามากอดไว้แน่น แถมซ้ำยังแกล้งกดปลายจมูกหนัก ๆ ไปที่เส้นผมของกัสและแกล้งสูดหายใจแรง ๆ จนคนที่นอนอยู่ถึงกับนอนนิ่งตัวแข็งทื่อ

“มึงหอมมมม มึงไม่ได้เน่าจนรับไม่ได้หรอก แต่ที่กูจะทนไม่ได้คือวันหลังมึงอย่าใส่รองเท้านอนอีก กูต้องมาคอยถอดให้ทุกที นั่นแหละที่กูโมโหยิ่งกว่ามึงไม่อาบน้ำ”

เหรอ

เป็นแบบนั้น...........โอ้ยยยยยยยยย ไอ้หยก

“มึงทำอะไร”

ถาม แม้ต้นเสียงจะดุแต่ปลายเสียงแผ่วลง

“กอดมึงไง”

กอดทำไม

“กูไม่....ได้….”

ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ เพราะมีคนชิงพูดให้เรียบร้อย

“อาการตาแดงต้องไปหาหมอ ให้หมอสั่งยาหยอดตามาให้ ถึงจะหาย แต่ถ้าอาการตาแดงมันมีผลมาจากจิตใจ มันก็ต้องหาทางอื่นรักษา เช่นว่า ให้ความอบอุ่น อย่าทำให้เศร้า การกอดมันก็เป็นวิธีการหนึ่งนะ มึงจะคิดอะไรมาก มันเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสไตล์กู”

แต่กูไม่ได้ตาแดง....

กูไม่ได้

“พอดีกูเป็นตาแดงอันเนื่องมาจากสภาพจิตใจเปราะบาง มึงก็ช่วยรักษากูหน่อยแล้วกันวะกัส ถือว่าได้บุญ ไม่งั้นพรุ่งนี้กูไปสอบไม่ได้นะ จิตใจกูท้อแท้ กลัวสอบตก กูต้องการกำลังใจ”

ไม่ใช่

แต่ว่ากู....
“มึง....เครียดจริงเหรอหยก”

อ้าว

“มึงว่าจริงเปล่าล่ะ”

จริงหรือเปล่าไม่ต้องรู้หรอกกัส มึงรู้แค่ว่ากูถอนหายใจแรงก็พอ

“เฮ่ออออออออออ นอน ๆ กูเครียด”

เปล่าเครียดเรื่องสอบนะ

กูเครียด “เรื่องมึง”

ไม่ได้บอก แค่ยิ้ม ๆ และคนที่ถูกกอดก็มองไม่เห็น

บทมันจะว่าง่าย มันก็ทำตัวว่าง่ายจริงวะ

นอนนิ่งไม่ขยับเลย

“หยก หลับยังวะ”

ยัง

แต่กูจะแกล้งหลับ

“หยก...”

“มึงหลับจริงเหรอหยก”

ไม่จริง

กูแกล้ง

แล้วสุดท้ายคนที่เรียกก็ขยับร่างกายเข้ามาหาและค่อย ๆ วางแขนลงบนตัวของหยก

กอด....รักษาอาการแดง
ไม่ใช่ตาแดงเพราะมีปัญหาที่ตา

แต่ที่ตาแดง เพราะมีปัญหาที่ใจ
ใช่....

มีปัญหาที่ใจ

มีปัญหาที่ใจจนทำให้ตาแดง
หยกพูดถูก

“อึก”

มันคงเป็นการร้องไห้ที่เงียบงันที่สุด
เพราะกัสทำเพียงแค่ปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบ ๆ และค่อย ๆ หลับตาลง

มันเหงา
มันเศร้า
ไม่มีใครให้พูดคุยด้วยได้อย่างสบายใจแบบนี้
ไม่เคยมีใครเห็นการมีตัวตน ไม่เคยมีใครเห็นว่ากัสมีชีวิตอยู่ตรงนี้

ทุกอย่างมันไร้ค่าไร้ความหมาย
อยู่หรือตาย มันไม่เคยมีค่าสำหรับใครเลย

ไม่เคยมีค่า....สำหรับใคร

พยายามไม่ให้มีเสียง

พยายามไม่รบกวนอีกฝ่ายให้มากไปกว่านี้

ถ้าขยับตัวแล้วหยกจะตื่น และหยกเครียดเพราะว่าพรุ่งนี้จะสอบ

ต้องตื่นก่อนแล้วปลุกหยก
ปลุกแล้วค่อยไปส่งหยก

ไปส่ง.....

เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองต้องทำบางอย่างเพื่อใครสักคน
เรื่องเล็กน้อย ที่มันกลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับกัส

หยก....

เรื่องของหยก....เรื่องที่พรุ่งนี้หยกต้องไปสอบ

มันเป็นเรื่องสำคัญมาก

คิดไปเรื่อย ๆ และคนที่แกล้งหลับก็หรี่ปรือตาขึ้น

เสือกร้องไห้ซะงั้นไอ้กัสเอ้ยยยย

เล่นเอากูใจอ่อนยวบทำอะไรไม่ถูกเลย

เฮ่ออออออ
ทำไมมันถึงได้เป็นแบบนี้ไปได้วะ

กูไม่ได้อยากคิดอะไรกับมึงเกินเลยนะ
เห็นว่าเด็กกว่า และเหมือนเด็กมีปัญหา กำลังสับสนชีวิต

ที่ทำอยู่ ที่หยอกบ้างเล่นบ้าง มันก็เพราะว่าสนุกดี
เวลาเห็นมึงทำหน้างง ๆ หรือบางทีก็งี่เง่า

แค่เพลิน
แค่มองแล้วเพลิน อยู่ด้วยแล้วสนุกดีเท่านั้น

แต่พักหลัง ๆ กูว่ากูเริ่มรอมึงนะ บางทีสายตากูก็มองไปที่หน้าหออยู่บ่อย ๆ ว่ามีรถมึงจอดอยู่หรือเปล่า

นอกจากนั้นแล้วกูก็ชอบมองไปที่เก้าอี้ที่มึงชอบมานั่งรอ
มองไปที่หมาแมวข้างหอที่บางครั้งมึงก็มาเล่นด้วย

สุดท้าย........บ่อยครั้งที่กูกลับมาถึงห้อง สายตากูชอบเผลอมองไปที่เตียงและแอบหวังว่าเปิดประตูห้องมาแล้วจะเจอมึงนอนคว่ำหน้าหลับสนิท และไม่ยอมถอดรองเท้าอีกเหมือนเคย

กูหวังจะได้ด่ามึงด้วยความโหโหแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องคอยถอดรองเท้าให้มึงตลอด

มึงเป็นมากกว่าที่กูคิดไว้เยอะ

มึงเป็นมากกว่าเด็กที่กูเก็บมาได้จากข้างทาง

มึงทำให้กูคิดเรื่องของมึงได้ และทำให้กูอยากรู้เรื่องของมึงมากขึ้นทุกวัน

“กัส”

อ้าว เหี้ย แม่งไม่ได้หลับนี่หว่า
แล้วหยกมันจะรู้มั้ยวะ ว่าเมื่อกี้กูร้องไห้

“พรุ่งนี้มึงรอกูที่คณะนะกัส สอบเสร็จแล้วกูจะพามึงไปไหว้พระสะเดาะเคราะห์ เผื่อชีวิตมึงจะดีขึ้นบ้าง”

ชีวิตกูจะดีขึ้นบ้างเพราะไปสะเดาะเคราะห์เหรอ
ไม่ไปหรอก
คนอย่างกูเข้าวัดได้ที่ไหน ร้อนตายห่า

“ไม่ไป”

ไม่ได้ มึงต้องไป

“เออ ไม่ต้องไปหรอก รถกูเสีย มึงพากูไปหน่อยแล้วกัน กูอยากไป”

ถ้าแบบนั้น
ก็ได้…..

“แต่กูไม่เข้าไปนะ”

“เออ ไม่ต้องเข้าไปหรอก มึงรอข้างนอกแหละเดี๋ยวกูเข้าไปเอง แค่ไปส่งหน่อยแค่นั้น”

ก็ได้

“นอนเหอะ พรุ่งนี้กูต้องตื่นเช้า”

เหรอ

นอนก็ได้

“แต่กูยัง.......”

“น้ำไว้อาบพรุ่งนี้ เอาเสื้อกูเปลี่ยน นอนได้แล้ว กูง่วง”

เออวะ นอนก็นอน

แล้วเล่นกอดกูซะแน่นขนาดนี้เลยเหรอ กูจะนอนหลับหรือไง

กู....ทำตัวไม่ถูกนะ

แต่ว่า ถ้ามันจะทำให้มึงหายเครียดได้บ้าง

กูจะอยู่แบบนี้ก็ได้ กอดก็กอดวะ

ถ้ามึงอยากจะกอดขนาดนั้น กูก็ไม่ได้อยากพูดมาก
เพราะกูก็รู้สึกว่า........กอดกันแบบนี้แล้ว

กูก็รู้สึกดีอยู่เหมือนกัน

TBC.

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#หนุ่มสก๊อยคนแรกที่ได้ซ้อนท้าย

“กัส ช่วยหน่อยซิ”

ช่วยอะไรไม่รู้ รู้แค่บอกให้ช่วย และกัสก็ลุกขึ้นยืน โดยมีใครบางคนยืนกางแขนอยู่ตรงหน้า

“ติดกระดุมเสื้อให้หน่อยซิ”

ไอ้หยก
มึงเป็นบ้าหรือไง กระดุมเสื้อแค่นี้มึงติดเอาเองไม่ได้หรือไง

“ไม่ทำ”

นั่งลงทันที และหยกก็ขมวดคิ้วมุ่น ตีหน้าขรึม และแกล้งบ่นพึมพำเสียงเบา

“สมัยนี้โรคเยอะ แปรงฟันอยู่ดี ๆ แม่งนิ้วก็ล็อค เจ็บชิบหาย ติดกระดุมเสื้อก็ไม่ถนัด แม่ง จะมีกระดุมเสื้อทำไมวะ มันลำบากคนที่นิ้วล็อคนะเว้ย”

ปรายตามองไปที่คนที่นั่งอยู่เล็กน้อย และกัสก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ยื่นมือออกมาตรงหน้าและจัดการติดกระดุมเสื้อให้คนที่แกล้งบ่นให้ได้ยิน

ติดจากเม็ดล่างขึ้นมา
แค่ติดกระดุมเสื้อให้โดยมีคนบางคนยืนทำหน้าเฉยอยู่ตรงหน้า มันไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นหรอกนะ

“ทำไมมือสั่นวะกัส”

มือไม่ได้สั่น

“เปล่า”

ปฏิเสธออกไปและหยกที่ยืนทำหน้าเฉยก็พยายามสะกดกลั้นรอยยิ้มของตัวเองเอาไว้ ไม่ให้เผลอยิ้มออกมา

ไม่รู้ว่าเป็นอะไร รู้สึกอยากให้กัสมันทำบางอย่างให้ แค่เรื่องง่าย ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ อาบน้ำอยู่ดี ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าอยากเห็น

อยากเห็นหน้ามันแบบชัด ๆ ตรง ๆ

“เจาะหูด้วยเหรอ”

มองไปเรื่อย มองหน้าแบบผ่าน ๆ ถ้ามองตรง ๆ ก็จะผิดสังเกตเกินไป ก็เลยมองไปเรื่อย มองเลยไปถึงใบหูแล้วก็เพิ่งสังเกตเห็นว่ากัสเจาะหู

“อือ”

เหรอ

“สองข้างเลยป่ะ”

“เปล่า”

อ่อ

“เหรอ”

อือ

“หิวป่ะ”

ไม่

กัสส่ายหน้าและก็ติดกระดุมมาถึงเม็ดบนสุด
มองที่ปลายคางของคนที่ชวนคุย และก็ผละออกห่างเมื่อติดกระดุมเสื้อให้อีกฝ่ายเสร็จ

“ขอบใจ”

ยิ้มเล็ก ๆ และกัสก็มองเห็นว่าอีกฝ่ายยิ้ม

ยิ้มทำไมวะไม่เข้าใจ

“มึงยิ้มทำไม”

ก็ไม่ทำไม อยากยิ้มก็ยิ้ม

“ก็มึงเป็นคนดีของสังคม กูก็ยิ้ม”

กูเปล่าเป็นคนดีของสังคม เพราะฉะนั้นมึงไม่เห็นต้องยิ้ม
ถ้ากูเป็นคนดีจริง พ่อกับอาคงไม่เกลียดกูขนาดนี้หรอก
ถ้ากูดีจริงคงไม่ถูกไล่ออกจากบ้านแบบนี้

“ไปอาบน้ำเหอะ แล้วก็ใส่ชุดนี้”

ชุดนี้ที่ว่า คือเสื้อเชิ้ตขาวแบบที่หยกใส่ และกางเกงยีนส์ตัวที่หยกเลือกให้

“กูไม่ใช่นักศึกษาแบบมึง ให้กูใส่แบบนี้ทำไม”

ก็ไม่ทำไม

“จะได้กลมกลืน”

เหรอ

“ไปส่งกูแล้วรอกูด้วยนะ กูจะไปไหว้พระ นิ้วก็ล็อค รถก็พังดีนะที่มีมึงอยู่ด้วย ไม่งั้นกูคงโคตรลำบาก”

ไม่จริงมั้ง

“เพื่อนมึงไม่มีหรือไง”

เพื่อนมี
มีเยอะด้วย
แต่กูไม่ได้อยากให้เพื่อนทำเรื่องแบบนี้ให้นี่หว่า กูอยากให้มึงทำ

“โทษทีว่ะ กูก็ลืมไปว่ารบกวนมึง”

เปล่า
ไม่ใช่แบบนั้น

“ไม่ได้พูดว่ารบกวน”

“เออช่างเหอะ กูไปเองก็ได้”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูไปส่งเอง”

ก็แค่เนี่ยะ น่ารักนะมึง ทำหน้าลังเลใจ ทำท่ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออกอย่างนี้แหละ กูว่ากูชอบมองนะ ไม่รู้ทำไม ชอบดูหน้าไอ้กัสทำหน้าเหมือนปลาสำลักน้ำ

“ไปอาบน้ำไป กูจะสายแล้ว”

ก็ได้

กัสเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว และหยกที่ยืนอยู่ก็มองตาม

ไม่รู้ยังไงเหมือนกันนะ เป็นแบบนี้มาพักใหญ่แล้ว
ใครว่าไอ้กัสมันดื้อ ใครเกลียดมันได้ลงคอก็แปลกแล้ว
ทำไมวะ แค่เข้าหามันหน่อย เข้าใจมันหน่อย สังเกตพฤติกรรมและความรู้สึกของมันบ้างไม่ได้หรือไง

มันน่ารัก
มันเป็นเด็กดี
เพียงแต่เหมือนมีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่ามันดูขาด ๆ เกิน ๆ และหยกก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

เรื่องอ่านหนังสือไม่คล่องนั่นก็แปลก โตป่านนี้แล้วทำไมถึงยังจำคำอ่านง่าย ๆ บางคำไม่ได้ ทั้งที่บางครั้งมันก็อ่านข้อความยาว ๆ บางประโยคได้คล่อง แต่บทจะอ่านไม่ได้ขึ้นมาคำง่าย ๆ มันก็อ่านไม่ได้ซะงั้น

แบบนี้มันเป็นเพราะอะไร

เรียนมาได้ สอบมาได้ขนาดนี้ ยังสงสัยอยู่ว่ามันทำได้ไง

มันบอกมันลอกเพื่อน

ดูมันตอบ
สติปัญญาระดับมัน ถ้าจะทำมันก็น่าจะทำได้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทำไม่ได้ ตัวเลขบวกลบคูณหารยาก ๆ บางอันมันก็ทำได้ แต่พอใส่ตัวหนังสือเป็นคำอธิบายเข้าไป ไอ้กัสมันกลับนั่งงง มันหมายความว่ายังไง

“หยก”

“เอ้อออ”

ขานรับ และก็รอฟัง ว่าคนในห้องน้ำจะพูดว่าอะไร

“ไม่มีผ้าขนหนู”

เหรอ

หยิบผ้าขนหนูที่แขวนอยู่มาถือเอาไว้ และก็เรียกคนที่อยู่ในห้องน้ำให้ออกมารับผ้าขนหนู

กัสเปิดประตูห้องน้ำออกมา
ยื่นมือออกมารับ แง้มประตูห้องน้ำออกมา และคนที่ยื่นผ้าขนหนูให้ก็ถึงกับยืนนิ่งอึ้ง

กระจกหน้าเคาร์เตอร์ล้างหน้ามันอยู่ตรงประตูห้องน้ำพอดี

ไม่ได้มองเข้าไปในห้องน้ำ แต่สายตาเหลือบไปมองที่กระจกและภาพสะท้อนที่ได้เห็นก็ทำให้หยก ถึงกับยืนอึ้ง

เหี้ยกัส

ประตูห้องน้ำถูกปิดเรียบร้อยแล้ว
และคนที่อยู่ในห้องน้ำก็ไม่ได้รู้เรื่องเลยสักนิดว่าเผลอทำให้ความรู้สึกของใครบางคนเตลิดไปไกล

เหี้ยยยยยยยยย
กูไม่เห็นอะไรนะ
กูไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
กูแค่เห็นแว่บเดียว แค่เห็นนิดเดียว แค่เห็นว่าขาว
แล้วมึงจะขาวไปไหน

ผิวมึงตัวมึงมันจะขาวไปไหนมากมาย

แค่แว่บเดียว แต่ภาพมันติดตา ร่างกายเปลือยเปล่าของใครบางคนที่ได้เห็นเพียงแค่ไม่นาน มันติดตาจนทำให้หยกถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ

ไม่ได้มีส่วนเว้าส่วนโค้งแบบผู้หญิง
แต่แปลกที่มันดูน่าแตะต้องน่ามองน่าสัมผัส

“เหี้ยกัส”

บ่นพึมพำกับตัวเองเสียงเบา และหยกก็ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น พยายามยืนอยู่นิ่ง ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง

กูเปล่าคิด
จะให้กูคิดอะไร
ร่างกายแบบเดียวกัน อะไรทุกอย่างมันก็มีเหมือนกูแหละ
ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลยสักนิด เพียงแต่มัน...........

บ้า
เหี้ยเกินไปแล้ว
แม่งท่าจะบ้า

สะบัดหัวไล่ความคิดบ้าบอออกอย่างรวดเร็ว และหยกก็เตรียมอุปกรณ์สำหรับการสอบลงกระเป๋า

เสียงน้ำจากฝักบัวในห้องน้ำ ยิ่งพาให้จิตใจเตลิดไปไกล

คิดอะไรวะ
คิดอะไรเพ้อเจ้อแต่เช้าวะ เดี๋ยวก็ต้องไปสอบ จะให้คิดอะไรวะ มันก็ผู้ชายเหมือนกัน กูมีอะไรแม่งก็มีเหมือนกูแหละ จะไปคิดอะไรเยอะแยะวะ

นั่นมันไอ้กัส
ไอ้เด็กเหี้ย ที่ชอบทำตัวน่าเป็นห่วง และเป็นเด็กมีปัญหา

มันก็คือไอ้กัส

ไอ้เด็กกัส

“หยก ให้กูใส่ชุดนี้ใช่หรือเปล่า”

ใครบางคนเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วและนุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนเดียว ก่อนหน้านี้เห็นไม่ชัด แต่ตอนนี้เห็นโคตรชัด

คนเราถ้าไม่เคยคิดอะไรก็ไม่คิด แต่เวลาที่คิดขึ้นมา
ความคิดมันก็น่ากลัวจนแม้แต่ตัวเองยังกลัวความคิดของตัวเอง

“หยก”

แล้วก็เพิ่งได้สติ หยกรีบเมินหน้าหนีไปทางอื่นแล้วค่อยตอบคำถาม

“เออ.... ชุดนั้นแหละ”

เหรอ

เปลี่ยนเสื้อผ้าตรงนั้น และเป็นหยกที่ต้องเดินหนี

กัสไม่รู้ปัญหา ไม่รู้ว่าหยกเป็นอะไร
มองแล้วก็ไม่ทันได้คิด

แต่งตัวเรียบร้อย ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย และเอาผ้าขนหนูไปตากไว้ และเดินมาหาหยกที่กำลังเก็บหนังสือลงกระเป๋า

“ป่ะ”

เหรอ

กัส....

ไปก็.....

เอ่อ.......ไปวะ ไปก็ไป

ก้าวขาเดินออกมาจากห้องด้วยกัน ล็อคประตูห้องเรียบร้อย เดินข้าง ๆ กัน

สิ่งที่หยกกำลังรู้สึกแปลกใจตัวเองก็คือ
นานแล้วที่ไม่ได้รู้สึกถึงอาการสั่นไหวของหัวใจที่เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้
เพียงแค่เหลือบมองเสี้ยวหน้าของคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ

ทุกอย่างยังคงเป็นปกติดี แต่มีบางอย่างที่แปลกออกไป

“กัส”

กัสเงยหน้าตามเสียงเรียก และหยกก็รีบเมินหน้าไปทางอื่น เพราะคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไร

“เออ”

แล้วกูจะพูดอะไรวะ คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะพูดอะไร

“มึง...มาห้องกูบ่อย ๆ แล้วแฟนมึงไม่ไปหาบ้างเหรอ”

แฟนเหรอ
แฟน

ยังไง
หมายความว่ายังไง แฟน.......

นิ่งเงียบ และกัสก็ขมวดคิ้วมุ่น หมายความว่ายังไงวะ
แฟน......บางทีมันอาจจะแปลว่า มาบ่อย ๆ หยกมันก็มีแฟนเหมือนกัน มันก็คงอยากพาแฟนมันมา

แล้วบางที.....

“ก็....เดี๋ยวจะไปหา”

ไม่ได้ไปหาแฟนนะ แต่หมายถึงว่า เดี๋ยวค่อยหา ถ้ามันจำเป็นต้องมี ก็ควรต้องหาหรือเปล่า จะว่าไปเพื่อนในกลุ่มก็มีแฟนกันทั้งนั้น แล้วทำไมกูถึงไม่มีวะ ในหัวไม่เคยคิด ลืมไปด้วยซ้ำว่าควรต้องมีแฟน แล้วมีไว้ทำไมวะ แฟนเอาไว้ทำอะไรได้บ้าง กูไม่รู้จริง ๆ

หรือว่ามีไว้ทำอย่างว่ากัน
แต่บางคนก็มีไว้รักกัน
บางคนก็ทำได้ทั้งสองอย่าง

กัสรู้เพียงแค่นั้น และเริ่มขมวดคิ้วมุ่น มันคงเป็นแบบนั้น แต่บางทีก็เห็นว่ายุ่งยาก เพื่อนชอบทะเลาะกับแฟน ด่ากันด้วยถ้อยคำหยาบคาย กูไม่ชอบแบบนั้น ถ้าให้มีแฟน กูไปซิ่งรถยังสนุกกว่า ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ บิดไปเรื่อย ๆ ให้ชนะก็พอ

“แฟนมึงสวยป่ะ แล้วรุ่นมึงนี่มันต้องมีเด็กซ้อนท้ายไม่ใช่เหรอ เวลามึงแว๊น”

ใช่
บางคนก็มี
บางทีกูก็ยืมเพื่อน ก็ไม่เห็นมันว่าอะไร เมียเพื่อนบางคนยังชอบซ้อนกูเลย

“สวย”

ตอบกลับไปง่าย ๆ และเป็นหยกที่ถึงกับนิ่งเงียบ

เหรอ

ก็....คงสวยแบบที่มันชอบล่ะมั้ง

“แล้วแฟนมึงสวยมั้ยหยก”

ถามกูกลับซะงั้น สวยมั้ยเหรอ แฟนกูเหรอ

“ก็น่ารักดี”

ตอบเพียงแค่นั้น ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่แค่ได้ฟังกัสก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา

เศร้ามาก จนรู้สึกอยากร้องไห้
เหมือนโดนแย่งของรัก

ใจหยกมีให้คนอื่นมันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก มันจะแปลกตรงไหนในเมื่อหยกมันหน้าตาดี นิสัยก็ดี อยู่ด้วยก็รู้สึกดี

แล้วจะแปลกตรงไหนถ้าหยกมันจะมีใครสักคน

“น่ารักมากมั้ย”

ถามย้ำไปอีกครั้งเหมือนลืมตัว และหยกที่เดินเรื่อย ๆ ก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบสายตามองคนข้าง ๆ

“ไม่รู้คนอื่นมองยังไง แต่สำหรับกู กูว่าแม่ง...น่ารักมาก มองแล้วก็...กูว่าแม่งน่ารักสุดแล้ว...น่ารักแบบ....แปลกๆ”

มีด้วยเหรอวะ น่ารักแบบแปลก ๆ

“มีตาสิบดวงหรือไง”

ไม่ใช่หรอก

“มีตาแค่สองดวง สภาพร่างกายก็ดูปกติดี แต่แม่งพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง”

แล้วมึงคุยกับเขารู้เรื่องได้ยังไง

ไม่ได้ถามต่อ เพราะไม่รู้จะถามไปทำไม ยิ่งถามยิ่งปวดใจ ยิ่งถามยิ่งเศร้า เศร้ามากจนรู้สึกว่าไม่อยากเดิน

อาการมันฟ้อง
ชัดเจนจนหยกที่เดินมาด้วยกันยังดูออก

“เป็นอะไร ทำหน้าอย่างกับคนจะร้องไห้”

หน้ากูเหมือนคนจะร้องไห้เหรอ
กูเปล่าร้องไห้ กูพยายามอยู่

“ไม่ได้เป็นอะไร”

ตอบกลับง่าย ๆ แต่คนที่อยู่ด้วยก็ดูออก ชัดซะขนาดนี้ เวลามึงโกหกใครคงลำบาก เพราะหน้ามึงมันออกอาการชัดเจนแบบไม่ต้องให้เดา

“มีที่ไหนล่ะแฟน กูก็หาอยู่เนี่ย ยังมีไม่ได้หรอก แฟนคลับกูเยอะ ขืนมีเดี๋ยวเสียเรตติ้ง กูมันคนของประชาชน”

ไอ้หยก

เหี้ย

ไอ้เหี้ยหยก

มึง..........

หน้ายังเหมือนเดิม แต่อาการเศร้าไม่เท่าเดิม กัสรู้ว่าตัวเองอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เร็วมากเหมือนคนบ้า

และเวลานี้ยิ่งรู้สึกว่ามันชัดเจนมาก

เดี๋ยวเศร้าใจ เดี๋ยวก็อยากจะร้องไห้ พอมาตอนนี้รู้สึกโล่งใจจนอยากร้องไห้

โล่งใจ..........แต่ก็ยังอยากร้องไห้

“เป็นอะไร”

ไม่รู้ กูไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร มันบ้า ๆ บอ ๆ อารมณ์มันไม่มั่นคง กูไม่รู้จริง ๆ ว่ากูเป็นอะไร

“ใครจะไปเหมือนมึง มีสาวซ้อนท้ายคืนหนึ่งคงเปลี่ยนหน้าไปเรื่อย ๆ”

ไม่มี
กูยืมเพื่อน

กูไม่มีหรอกสาวซ้อนท้ายอะไรนั่นน่ะ กูชนะตลอด ทำไมต้องมีใครซ้อนท้าย มีแต่กูจะได้ของ แล้วแบ่งให้เพื่อน

“ไม่มี”

ตอบแบบไม่ทันคิด ตอบตามอารมณ์ และก็เป็นหยกที่หัวเราะออกมาเสียงเบา เพราะพอใจกับคำตอบนั้น

“จริงดิ”

จริง...

พยักหน้าน้อย ๆ และกัสก็เมินมองไปทางอื่น ไม่ได้มองหน้าคนที่ยิ้มกว้าง หยกยิ้มสวย ยิ้มจนกัสไม่กล้ามอง

“วันนี้มึงไปส่งกู แบบนี้กูก็ซ้อนมึงคนแรกเลยดิ”

ใช่....

ไม่ตอบ แต่หยกก็พอจะเข้าใจ
พยักหน้าน้อย ๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่กัสไม่ทันได้มองเห็น เพราะเมินหน้าหนีไปทางอื่น

“ดีใจนะเนี่ย มึงอย่าขับตกหลุมตกบ่อบ่อย ๆ นะเดี๋ยวกูหวั่นไหว แม่ง มึงออกจะหล่อ หน้าตาดีขนาดนี้ คนซ้อนอย่างกูก็กลัวหวั่นไหวนะทำเล่นไป”

พูดอะไรของมึง
เหี้ยหยก พูดอะไรไม่เห็นเข้าใจ พูดไปยิ้มไป มึงเป็นบ้าหรือไง

“เป็นเหี้ยอะไรแต่เช้า”

ไม่รู้จะพูดอะไร รู้สึกเหมือนคล้าย ๆ ว่า.........กำลังเขิน
ไม่รู้จริง ๆ ว่าอาการแบบนี้เรียกว่าอะไร
แบบนี้อาจเรียกว่าเขิน จนพูดไม่ออก
บางทีมันอาจเป็นแบบนั้น

และคนที่ได้ฟังก็ยิ่งอมยิ้มเข้าไปใหญ่ ยิ้มหวาน ๆ และแกล้งพยักหน้าทำหน้าจริงจังใส่

“นั่นดิ กูไม่รู้ว่ะ แม่งไม่รู้เป็นอะไรจริง ๆ สงสัยอ่านหนังสือเยอะไปหน่อย เลยปวดหัวปวดตาแต่เช้า ไปส่งกูแล้วอย่าไปไหนนะ เผื่อกูเป็นลม นั่งรออยู่หน้าคณะห้ามไปไหนเด็ดขาดนะกัส กูกลัวเป็นอะไรไปแล้วไม่มีใครดู”

ไม่จริงมั้ง

แต่จะว่าไป ......... หน้ามึงก็ซีดอยู่เหมือนกัน

“รอก็ได้ กูไม่ไปไหน”

นั่นแหละ เข้าทางเลย กันไว้ก่อน เผื่อแม่งหงุดหงิดทนไม่ไหวแล้วหนี ที่ว่าจะพามันไปไหว้พระคงจบกัน

“ขอบใจนะ มึงนี่พึ่งได้จริง ๆ”

พึ่งได้จริง ๆ
พึ่งได้ อย่างกูเนี่ยนะพึ่งได้ เกิดมาไม่เห็นมีใครเคยบอกว่ากูพึ่งได้เลย มีแต่บอกว่าสร้างแต่ปัญหา เป็นภาระ
นี่ก็อีกเรื่องเหมือนกัน ที่ทำให้กูรู้สึกอยากร้องไห้

แต่ทำไม่ได้

“เออ กูรอจะให้รอตรงไหนก็บอกแล้วกัน เดี๋ยวกูจะนั่งรอ”

เป็นคำตอบที่ทำให้หยกยิ่งยิ้มกว้างเข้าไปใหญ่

ยิ้มไปเรื่อย และแอบเหลือบมองเสี้ยวหน้าของคนที่เดินข้าง ๆ อยู่เรื่อย ๆ

ไม่รู้นะ

ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้สึกยังไง

แค่รู้สึกว่า

ไอ้เด็กเหี้ยนี่ แม่ง........เอาเข้าจริง ก็น่ารักดี น่ารักมาก ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงน่ารักได้ขนาดนี้วะ

มึงรู้ตัวเปล่าเนี่ย ว่ามึงน่ารักขนาดไหน

แต่ดูท่าทางแล้ว สงสัยแม่งจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดจริง ๆ

TBC.

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
น่ารักดีค่ะคู่นี้ :mew1:
ขอบคุณคนโพสและคนเขียนค่ะ :L2: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ newyniniw

  • kiki >_<
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
กัสหยกน่ารักได้อีก

น่ารักได้อีกกกกก

 :-[

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
เข้าใจตะล่อมเด็กนะ อิอิ

ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
ตามอ่านถึงหน้า 20
ขอบอกว่าวิเชียรโดนใจจ๊อดที่สุด 555
 :hao7:
บวกและเป็ดขอบคุณ
ชื่อคนแต่งนี้ไม่เคยผิดหวังเลย
ชอบๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
ชอบมากเลยคู่นี้  ถึงจะหม่นๆหน่วงๆไปบ้าง

แต่เวลาที่อยู่ด้วยกันแล้ว รู้สึกได้ถึงคำว่ารัก เข้าใจ และอบอุ่นมันลอยอยู่รอบๆตัวคนทั้งสองเสมอ

เพราะอารมณ์ของกัสไม่คงที่ แต่หยกก็มีวิธีเข้าหาเสมอ  ปรับตัวเองเพื่อเข้าหาอีกคนให้เขามีความเข้าใจและทำให้ใจเป็นสุข

กับสิ่งที่อีกคนกำลังเป็นทุกข์และไม่เข้าในตัวเอง

พร้อมกับที่ตัวของหยกเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

ออฟไลน์ himoru

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
กลับมาจากเสาอาทิตย์ก็มาเจอคู่ใหม่เลย
แอร๊ยยยยยยยยยย
ยังรอนัทกับฟ้านะคะ
ชอบทุกคู่ที่เท็นเขียนเลย อิอิ
ขอบคุณทั้งคนโพส คนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1691
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
กัสตามหยกไม่ทันหรอก 555

น่ารักกันขนาดนี้แล้วไหงตอนหลังถึงกลายเป็นแบบนั้นได้น้า

ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
หยกรีบกลับสิ ตอนนี้กัสน่ารักกว่าเดิมอีกนะะะะ  :ling1: :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
อยากเห็นกัสมีความสุขเร็วๆ หยกเมื่อไหร่เธอจะกลับมา  :monkeysad:

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :impress2: คู่นี้น่ารักมากหยกกัส

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#หยกคือข้อผิดพลาดในชีวิต

คนเรามันไม่ได้มีแค่ด้านดีด้านเดียว ด้านที่ผิดพลาดก็มีกันทุกคน

หยกโยนเศษขนมปังลงไปและปลาตัวใหญ่หลายตัวในคลองก็หุบขนมปังกิน โยนซ้ำลงไปจนหมดและก็หยิบแถวใหม่มาบิเศษขนมปังและโยนลงไปอีก และคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ทำตาม

“เห็นเด็กขายขนมปังป่ะ เนี่ยถ้าลูกกูอยู่นะ ก็คงประมาณนี้แหละ”

กัสหันไปมองใบหน้าด้านข้างของคนที่เอ่ยเรื่องราวบางอย่างให้ฟัง แล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น

ลูกยังอยู่หมายความว่ายังไง

“ตลกแหละ”

เหรอ

กัสไม่ได้ถามต่อ แต่เป็นหยกที่หัวเราะร่วน และยังคงโยนเศษขนมปังลงไปเรื่อย ๆ สายตาเหม่อมองไปที่ปลาตัวใหญ่ที่กระโดดหุบเศษขนมปัง

ไม่รู้เหมือนกัน
บางครั้งก็มีเรื่องที่ต้องคิด บางครั้งก็มีเรื่องให้กังวลใจ ในเวลาที่ตัดสินใจอะไรบางอย่างไม่ได้ เรื่องส่วนตัว เรื่องที่ต้องคิด บางครั้งมันก็มีเยอะแยะเต็มไปหมด

“พ่อแม่กูเขารักกูมากเลยนะ”

แต่พ่อกูไม่เคยรักกู อาก็เหมือนกัน ทุกคนเกลียดกูหมด มีแค่แม่คนเดียวที่รัก นอกนั้นคงเห็นกูเป็นตัวปัญหา พ่อคงคิดว่าบีบคอกูให้ตายซะตั้งแต่เกิดคงดีกว่าปล่อยให้โตมาจนถึงป่านนี้

“แต่เขาไม่รู้หรอกว่ากูก็มีด้านเหี้ยเหมือนกัน ด้านที่จนป่านนี้เขาก็ยังไม่รู้”

อีกครั้งที่กัสหันไปมองหน้าของคนพูด ที่ยังคงพูดไปยิ้มไป

หมายความว่ายังไง
เรื่องที่พูด หมายความว่ายังไง ไม่เข้าใจ

“มึงเนี่ยนะ”

เออสิ กูเนี่ยแหละ มึงคิดว่าใครล่ะ

“กูหล่อดิ”

เกี่ยวกันตรงไหน หน้าตามึงดี แต่ไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องที่มึงพูดถึง

“ก็เพราะหน้าแบบนี้แหละ กูเลยมีปัญหา”

จากที่ยิ้มเรื่อย ๆ สิ่งที่กัสรู้สึกในเวลานี้คือความหมองเศร้า
มันหม่นหมองจนกัสรู้สึก และเมื่อฝ่ายนั้นหันมามอง พร้อมกับรอยยิ้มน้อย ๆ ที่ไม่สดใส มันยิ่งทำให้กัสยิ่งไม่เข้าใจ

“ตอนกูขึ้นม.4ใหม่ ๆ กูไปทำงานพาร์ทไทม์ เพื่อนชวนไปทำกูก็ไปตามเพื่อน”

แล้ว

“หน้ากูตอนนั้นมันก็ซื่อ ๆ ใส ๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก สมัยก่อนขี้อาย เป็นเด็กเอ๋อ ๆ ขนาดตอนไปทำงาน ยังขอไปล้างจานเลย ไม่กล้าออกมาข้างนอก กลัวทำพลาด กลัวทำของเขาเสียหาย”

เหรอ
แล้วยังไง...

“ทีนี้ผู้จัดการร้านเขาก็แซวตลอด บอกว่ากูน่ารัก กูก็อายสิ แซวไปแซวมาก็สนิทกัน เห็นกูเป็นแบบนี้ เขาก็คอยแนะนำ กูก็เลยติดเขา มีอะไรก็ถาม มีอะไรก็ขอให้เขาช่วย เขาคงนึกเอ็นดู เห็นกูเป็นน้อง”
อืมมม

“ตอนงานเลี้ยงปีใหม่ กูเมาไม่รู้เรื่องเลย เขาไม่ได้พากูไปส่งบ้านนะ เขาพากูไปนอนที่หอเขา”

แล้ว

“แล้วยังไงเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่มึงเหี้ยไม่เหี้ยไม่เห็นเข้าใจ”

ก็ไม่ทำไม

“ก็ดี ได้เมียเป็นผู้จัดการร้านเลย โคตรโชคดี”

มันคงเป็นเรื่องที่ตลกมาก ถ้าคนพูดไม่พูดไปและทำหน้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ มันคงจะเป็นเรื่องตลกกว่านี้ ถ้าหยกไม่นั่งนิ่งเงียบ และก้มหน้าลงขบริมฝีปากแน่น

นิ่งงันจนกัสยังรู้สึก

“ไม่มีใครรู้นะเรื่องนี้ มึงคนแรกเลยที่รู้”

กู.....ควรดีใจหรือไง เรื่องของมึง เรื่องที่กูรู้ ควรดีใจหรือไง

“ใคร ๆ เขาก็มีครอบครัวกัน มึงอาจมีเร็วหน่อย แล้วมันยังไง กูไม่เข้าใจหรอก”

นั่นสิ มันก็คงจะดีกว่านี้ ถ้าตอนนั้นกูไม่ใช่เด็ก

“กูก็ยังทำงานไปเรื่อย ๆ เขาก็ดูแลกูดี อยู่กันไปแบบนั้น พ่อกับแม่ก็ไม่รู้ จนเขาท้อง”

อีกครั้งที่กัสหันหน้าไปมองคนที่พูดไปจนถึงประโยคสุดท้ายและนิ่งเงียบลง

“พอเขาท้อง เขาก็เอาออก…..จบแล้ว”

โยนขนมปังชิ้นสุดท้ายลงไป และหยกก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เตรียมจะก้าวขา แต่กัสรีบดึงแขนเอาไว้ รั้งเอาไว้ไม่ให้ไป
เงยหน้าขึ้นมอง และเป็นหยกที่ยืนนิ่งและมองหน้าของกัสที่ไม่พูดอะไรแต่นิ่งมอง

มองตรง ๆ

“ยังไม่จบ มีต่อ”

จบแล้ว
เรื่องมันก็จบแค่นั้น

“ไม่มีต่อแล้ว”

มี

“เล่าต่อ เล่าให้จบ…….จะฟัง”

ยิ่งคิดจะเดินหนี ยิ่งถูกดึงแขนเอาไว้ไม่ให้ไป สีหน้าและแววตาที่มุ่งมั่น ดวงตาที่จ้องนิ่งมองมาเหมือนอยากจะให้หยกเข้าใจว่ายังไงก็จะตั้งใจฟัง เหมือนลังเลใจที่จะพูด และสุดท้ายหยกก็ยอมกลับลงมานั่งข้าง ๆ กัสอีกครั้ง

ขนมปังในมือถูกส่งให้ และหยกก็บิเศษขนมปังโยนลงไปในบ่ออีกครั้ง ปลาตัวใหญ่หลายตัวกระโดดขึ้นมางับเศษขนมปัง

“ตอนท้องเขาไม่บอก เขาบอกตอนเอาออกแล้ว”

“ทำไมล่ะ เขาไม่อยากมีลูกกับมึงเหรอ”

นั่นสิแล้วมึงคิดว่ายังไงล่ะ มึงคิดว่าเขาอยากมีลูกกับกูเหรอ

“กูเพิ่งอยู่ม.4 นะ เขาเป็นผู้จัดการร้านอายุแก่กว่ากูเป็นสิบปี มึงคิดดูสิ ขนาดอยู่ด้วยกันยังต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ เลย อนาคตกูนี่ไม่ต้องพูดถึง มึงว่าเขาจะกล้ามีลูกกับกูมั้ย แล้วมึงคิดว่าเขาจะบอกที่บ้านยังไง มึงคิดว่าเขาจะกล้าบอกคนรอบข้างมั้ยว่าเขามีลูกกับกู”

“มึงคิดว่า........”

แล้วเสียงของคนพูดก็ขาดหายไป

นิ่งงัน

หยกเหม่อมองไปไกล
เหมือนอยากปล่อยใจให้ล่องลอย
ลอยไปไกลแสนไกล ในที่ที่ไม่ต้องถูกกำหนดด้วยกฎเกณฑ์ใด ๆ

“รักกันเหรอ”

นั่นสิ
บางทีนะ

“กูเสียลูกไป ก่อนที่กูจะรู้จักความรักซะอีก”

คำตอบง่าย ๆ แต่ไร้คำจำกัดความ

“มึงดูสิ หน้าตากูก็ดีนะ กูใช่คนขี้เหร่ที่ไหน เรียนหนังสือกูก็เรียนดี แถมกูยังติวให้รุ่นน้องได้อีก โดยรวมแล้วกูมีข้อดีเยอะแยะ แต่ถึงจะมีข้อดีขนาดไหน ตอนนี้กูก็ยังรับผิดชอบชีวิตใครไม่ได้ เพราะความพร้อมไม่มี กูตอนนี้กับกูตอนนั้น มันไม่ได้ต่างกันหรอกกัส.....กูแค่โตขึ้น แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิม กูก็ยังเป็นเด็กที่ไม่มีปัญญาดูแลชีวิตใครเหมือนเดิม เมื่อไม่มีปัญญาดูแลใครได้ ก็อย่ามีเลย แฟนหรือคนรักอะไรนั่นน่ะ”


ตั้งใจฟัง
ฟังจบแล้ว
และกำลังคิดตาม

อย่างนั้นเหรอ
อย่ามีเลยเหรอ แฟนหรือคนรักอะไรนั่น........บางทีอาจไม่จำเป็นต้องมี

ก็คงเป็นอย่างนั้น เหมือนที่กูไม่รู้ว่ามีแฟนไปทำไม
แฟนทำอะไรได้บ้าง กูก็ไม่รู้ แล้วกูก็ลืมไปสนิท

ว่าคนเราบางคนอาจต้องมีแฟน

เหมือนที่เพื่อน ๆ ก็มี แต่กูไม่มี เพราะกูไม่รู้ว่าการมีแฟนมันจะต่างจากการอยู่แบบนี้ตรงไหน

กูก็เลยไม่เข้าใจ เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อะไรนั่น กูไม่รู้จัก และไม่รู้ว่ากูจะรู้จักมันเมื่อไหร่

“วันเกิดลูก.....กูไม่รู้หรอก แต่วันที่เขาไม่อยู่ คงเป็นวันนี้ กูก็ไม่รู้จะทำอะไรให้เขาได้ ก็เลยทำบุญให้เขา ไม่รู้ว่าจะถึงหรือเปล่านะ บางทีกูก็หลอกตัวเองมากไป ที่ทำก็คงเพื่อความสบายใจของกูคนเดียวแหละ”

ไม่รู้สิ
ถึงหรือเปล่ากูก็ไม่รู้หรอก

แต่ก็อยากให้ถึงนะ บางทีกูก็คงหลอกตัวเองเหมือนกัน

“ถ้าถึงก็ดีนะ อยากส่งของให้แม่ ไม่เคยทำแบบนี้ให้แม่เลย ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ตอนนี้รู้แล้วว่าต้องทำยังไง จะได้มาทำให้แม่อีก……ถ้าทำบุญแล้วส่งไปถึงแม่ได้ก็คงดี”

มันคือความเจ็บช้ำลึกลงไปในใจที่ไม่เคยมีใครได้รับรู้

กัสค่อย ๆ ยิ้มออกมาเมื่อคิดว่าบางทีสิ่งที่ทำอาจส่งไปถึง
เหมือนที่หยกก็อยากจะเชื่อว่าบางอย่างที่ส่งไปอาจจะถึงคนที่ไม่เคยเห็นหน้า แต่ติดอยู่ในความรู้สึกเสมอ

ติดอยู่ในใจ
จนถึงป่านนี้ก็ไม่เคยจางหายไป

“แล้วยังได้เจอกันอีกมั้ย คนนั้น”

เจอ

เคยเจอกัน
พยักหน้ารับ

“เขาแต่งงานไปแล้ว มีลูกแล้ว แฟนเขาก็ดูดี เขามีชีวิตของเขาไปแล้ว กูก็เป็นเพียงแค่ความผิดพลาดในชีวิตเขา ที่เขาคงไม่อยากนึกถึงเท่าไหร่หรอกมั้ง”

อาจมีบางอย่างที่ผิดพลาดในช่วงระยะเวลาหนึ่งของชีวิต
หยกอาจเป็นความผิดพลาดในชีวิตของใครสักคน

และหยกไม่อยากเป็นความผิดพราดในชีวิตของใครอีก จึงพยายามอยู่ในโลกของตัวเองเงียบๆ ไม่เข้าหาหรือยุ่งวุ่นวายกับใคร
เพราะไม่อยากจะกลายเป็นข้อผิดพลาดในชีวิตของใครซ้ำอีก

ใช้วิธีเลี่ยงและอยู่คนเดียวเรื่อยมา

ไม่รัก ไม่ผูกพันกับใคร ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น

“กลับเหอะป่ะ เย็นแล้ว”

ลุกขึ้นยืน และกัสก็ลุกขึ้นตาม

เรื่องราวบางอย่างในชีวิต ผ่านมาเพื่อให้เรียนรู้ เพื่อก้าวข้ามผ่าน และเพื่อให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น และหยกหวังจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดี
อย่างน้อยก็ต้องดีกว่านี้ ดีกว่าที่เป็นอยู่ในเวลานี้

“กัส”

เรียกคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ และกัสก็หันหน้ามามอง ดวงตานิ่งมองสบกัน บางสิ่งบางอย่างที่คนสองคนไม่รู้ว่ามันคืออะไร
ความรู้สึกเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความหมายมากมายที่ไร้เหตุผล ไร้คำตอบ

“กูหวังว่ากูคงไม่ใช่ความผิดพลาดในชีวิตของมึงอีกคนหรอกนะ”

จริงจัง
คำพูดจริงจัง มาพร้อมกับสีหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกหลากหลาย

ข้อผิดพลาดในชีวิตคืออะไรวะ

ในความไม่ดี มันย่อมมีความดีอยู่ในนั้นเสมอ ถ้ามองเป็น คิดเป็น และไม่มองโลกในแง่ร้ายเกินไป

ในความไม่ดี มีบางอย่างแฝงไว้ให้คิดอยู่เสมอ อย่างน้อย ในความเจ็บปวด เราจะได้ความเข้มแข็ง
ยิ่งเจ็บมาก ยิ่งเข้มแข็งมาก และมีความอดทนสูงขึ้นเรื่อย ๆ

“มึง....เป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตกู ตั้งแต่แม่ไม่อยู่”

ตอบกลับง่าย ๆ
และกัสก็ก้าวขาออกเดินอย่างช้า ๆ

ไม่รู้ตัว
ไม่เคยรู้เลยสักนิด ว่าแค่คำพูดง่ายๆ เพียงเท่านั้น ก็ทำให้หัวใจของคนที่เดินอยู่ด้วยกันพองโตขึ้น มันฟูฟ่องล่องลอยไปไกล หัวใจเต้นแรง พร้อมกับที่ใบหน้าแต้มไปด้วยรอยยิ้มสดใส

“มึง....เป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตกู ตั้งแต่แม่ไม่อยู่”

“มึง....เป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตกู ตั้งแต่แม่ไม่อยู่”

“มึง....เป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตกู ตั้งแต่แม่ไม่อยู่”

คำพูดของกัส ยังวนเวียนในหัวของหยกอยู่ตลอดเวลา

แม้กระทั่งในเวลานี้ เวลาที่หยกกำลังยกอาหารใส่ถาด เพื่อเตรียมเสริฟให้ลูกค้า

“เออเว้ย วันนี้มันยิ้มได้ว่ะ มีอะไรดี ๆ หรือไงหยก”

ลูกชายเจ้าของร้านเป็นคนไทย

สมัยก่อน เคยทำงานพาร์ทไทม์ และล้างจานอยู่ในครัวตลอด แต่ตอนนี้เปลี่ยนหน้าที่เป็นเด็กเสริฟเรียบร้อยแล้ว

“ยิ้มบ้างพี่ คนเรามันต้องมีความหวัง มีความหวังก็ต้องยิ้มดิพี่”

เอ่ยบอก และลูกชายเจ้าของร้านก็หัวเราะร่วนกับคำตอบของหยก

“ก็ดี แต่พี่ไม่ไหวว่ะ เรื่องดี ๆ ไม่ค่อยมี กลับเมืองไทยดีกว่า”

เหรอ ก็....โชคดีพี่

“แล้วจะกลับมาอีกมั้ยพี่รัน”

กลับมาอีกหรือเปล่าเหรอ ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ต่อก็ไม่มีอะไร กลับไปที่ที่จากมาดีกว่าอย่างน้อยที่นั่นก็ให้ความรู้สึกของบ้านมากกว่าที่นี่

“พี่อยากกลับบ้านว่ะ”

บ้านเหรอ
บ้าน..........

หยกถือถาดอาหารค้างอยู่อย่างนั้น และเริ่มยิ้มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อนึกถึงสถานที่ที่ทำให้รู้สึกว่าที่นั่นคือบ้าน

บ้าน....
อยากกลับบ้านเร็ว ๆ
อยากกลับไปบ้านเร็ว ๆ
เพราะที่บ้านมีคนรอให้กลับไปหา

“เหรอพี่.....ผมก็........กำลังหาทางกลับไปหา “คนที่บ้าน” อยู่เหมือนกัน...”

TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2014 16:27:44 โดย aa_mm »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด