@@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98  (อ่าน 753945 ครั้ง)

ออฟไลน์ Lonelyนู๋โรนลี่

  • ฉุด กระชาก ลากถู พาเข้า.....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
อ่า...อ่านแล้วก็คิดไม่ตกว่าสมการ จะอยู่ตรงไหน เพราะบางทีชื่อนำหน้าแต่ก็เป็นเคะ...//เสียใจแปบ
อยากให้นิวเมะจริงๆนะเนี่ยยยยย หวังว่าจะสมการนี้จะถูก นิวโจ้
ส่วนพี่หยก กลับมาเร็วๆน๊าาาา
ว่าแต่หนูกัส ตามีแววนะเนี่ยยยย รู้ด้วยว่าจีบกัน//กร๊ากกก

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
อ่านต่อ ยังตามไม่ทันเลยอ่า  T__T
 :pig4:

ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
หยกถ้าช้ากว่านี้ก็ตกแท่นพระเอกแล้วนะ  :ling1:

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง(นิว-โจ้)#ให้ด่าฟรี

“กัส มานี่หน่อย มีคนจะคุยด้วย”

นิวลุกขึ้นและกัสที่กำลังยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นดื่ม ก็มองตาม แล้วก็ลุกขึ้นเดินตามนิวออกมา

“อ่ะ”

ยื่นโทรศัพท์ให้ และกัสก็มองโทรศัพท์ที่นิวยื่นส่งให้ด้วยความสงสัย ให้ทำไม มีใครจะคุยด้วยเหรอ

ใคร....

“ฮา...โหล...”

“....................”

แล้ว....ทำไมเงียบล่ะ ไม่เห็นพูดเลย

“ฮา....โหล...กัสนะ..ฮาโหล”

“..............................”

แต่ปลายสายก็ยังเงียบ และกัสก็เลยยิ่งสงสัยมากขึ้นว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ยอมพูดอะไรเลย

“ไม่เห็น...มี...เสียง..ใคร...”

ส่งโทรศัพท์คืนให้และเป็นนิวที่ขมวดคิ้วและกรอกเสียงลงไป

“เออ เฮ้ย ยังอยู่ป่าว”

อยู่
ยังอยู่

“เออ”

ได้ยินเสียงตอบกลับมา แต่นิวไม่เข้าใจว่าทำไมหยกถึงไม่พูดอะไรกับอีกฝ่ายเลย

“มึงไม่คุยวะ”

ไม่ใช่ไม่คุยแต่..... กู......แค่.... พูดไม่ออก

“ตกลงมึงจะคุยกับไอ้กัสมั้ย”

คุย ได้ยินเสียงแบบนี้แล้วยิ่งอยากคุย
อยากคุย และ....รู้สึกว่าภายในอกมันตื้อไปหมด แน่นและจุกอยู่ในคอ จนพูดอะไรไม่ออก

“ส่งโทรศัพท์ให้มันหน่อย”

“เอองั้นมึงก็คุยดิ”

ยื่นโทรศัพท์ส่งให้กัสอีกครั้ง และกัสก็รับมากรอกเสียงลงไป

“ฮาโหล...ฮาโหล”

พยายามทักทาย และในที่สุดกัสก็ได้ยินเสียงตอบกลับมา

“กัส….”

ใช่
กัสเอง....แล้วนั่นใคร....นั่นเสียงใครพูด เสียงของ.......

“พี่......หย.....ก.....”

เรียกชื่อของอีกฝ่ายออกมาโดยไม่ต้องคิด กัสกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น นิ่งงันและหัวใจก็กำลังสั่นสะท้านและเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

ในไม่ช้า

น้ำตาก็หยดลงอาบแก้ม

“กัส.....”

ใช่

กัส

ใช่

กัสเอง ใช่ นี่กัสเอง ใช่......กัส คนนี้คือกัส ใช่....

“.................อึก..ฮือ”

ยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตา แต่น้ำตาไม่ยอมหยุดไหล ไม่มีคำพูดอะไรอีก นอกจากความเงียบงัน
แม้จะอยู่ในความเงียบ แต่เหมือนช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันและเรียนรู้กัน มันทำให้เข้าใจความหมายบางอย่างของคนที่อยู่กันคนละซีกโลก

ไม่ยากที่จะเข้าใจ

แต่กัสไม่อยากเข้าใจอะไรเลย

ยื่นโทรศัพท์ส่งคืนให้กับนิว และเป็นนิวที่รับมาถือเอาไว้ มองโทรศัพท์ในมือสลับกับมองหน้าของคนที่ยืนร้องไห้ไม่หยุด

จะทำยังไง

เอื้อมมือไปหาและคว้ามากอดเอาไว้เพื่อปลอบใจงั้นเหรอ

ทำไม่ได้
เห็นคนที่อยู่ตรงหน้าร้องไห้ นิวก็ได้แต่ขบริมฝีปากตัวเองและก้มหน้าลง

ไม่มีสิทธิ์

ไม่ว่าทางไหนก็ไม่มีสิทธิ์

“หยก มึงทำอะไรมัน ไอ้กัสมันร้องไห้ใหญ่แล้ว”

ทำเหรอ
ทำสิ

ก็คงทำ

บางทีกูคงเป็นคนทำให้กัสมันร้องไห้

ที่เราเลิกกัน มันเพราะอะไร ที่ต้องหนีมาอยู่ไกลขนาดนี้เพราะอะไร ทำไมเราต้องห่างกันขนาดนี้ ทั้งหมดมันก็เพราะความโง่เขลาของตัวเองทั้งนั้น

เราอยู่ด้วยกันมาพักใหญ่ แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน แต่เราเหมือนใช้ชีวิตด้วยกัน
สุดท้ายแล้วเรามีความสัมพันธ์ที่เลยเถิดเกินกว่าจะเป็นเพื่อนกันต่อไปได้ และเราต่างไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่กันแน่

เคยมั่นใจว่ากัสมีใจให้ แต่ทุกครั้งที่มีเรื่องอย่างว่าเข้ามาเกี่ยวข้อง มันเหมือนทำให้เราห่างกันออกไปเรื่อย ๆ

ไม่รู้ทำไมกัสมันถึงต้องใช้เหตุผลว่า “แค่มานอนด้วยให้หายอยาก”

ทำไมต้องใช้เหตุผลนั้นทุกครั้งที่เจอกัน ทำไมไม่ใช้เหตุผลว่าอยากมาหา อยากมาอยู่ด้วย

ทำไม.....ถึงได้ทำร้ายจิตใจกันได้ลงคอ ทั้ง ๆ ที่ทางนี้มีใจให้ขนาดนี้แล้ว แต่ทำไมถึงยังไม่เข้าใจกันบ้าง ทำไมถึงไม่เคยเปิดใจ ไม่เคยพยายามจะสานสัมพันธ์ที่ดีด้วย

มันเจ็บปวด ตลอดสองปีที่ผ่านมา
แรก ๆ การเริ่มต้นมันสวยงาม ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แต่นานวันเมื่อบางอย่างเลยเถิดไปไกล เรากลับไม่เข้าใจกันเลย

ไม่เข้าใจกันเลยสักนิด

และสุดท้าย คนที่คิดจะจากไปก่อน ก็คือกัส....

กัสมันอยากจบ....

มันเคยพูดว่ามันอยากจบ

และหลายครั้งที่มันหายไปนาน ๆ และทำเหมือนทางนี้ไม่มีตัวตนให้รู้สึกถึงเลยสักนิด

ทำเหมือนที่พูดจริง ๆ
มันทำเหมือนที่มันพูด ถ้าอยากแล้วจะมาหาเอง แล้วมันก็ทำแบบนั้นจริง ๆ

ทำแบบนั้น เพื่อมีอะไรกัน สุดท้าย ทุกอย่างมันก็จบลงอย่างง่ายดาย
จบลงเพราะทางนี้ทนแบกรับความรู้สึกที่เหมือนไม่มีตัวตนในสายตาของกัสต่อไปไม่ได้

ทนไม่ได้

ถึงได้จากมา

เพราะทนไม่ได้.....ก็เลยจากมา..... โง่เขลาจนไม่รู้ว่า....แท้จริงแล้ว อีกฝ่ายคิดยังไงกันแน่

ไม่รู้เลยว่ากัสมันคิดยังไงด้วย

แต่ตอนนี้ เหมือนรับรู้บางอย่างได้ลาง ๆ

บางสิ่งบางอย่าง ที่ค้างคาใจมานาน และถึงแม้อยากรู้และเฝ้าเพียรถามเท่าไหร่ ก็ไม่เคยได้รับคำตอบ
ไม่เคยได้คำตอบอะไรเลย จนกระทั่งวันนี้.....

“ขอคุยกับมันอีกหน่อยได้มั้ย กู....ขอคุยกับกัสมันอีกหน่อยได้มั้ย.....นิว”

ได้

ยื่นโทรศัพท์ส่งให้คนที่ยืนร้องไห้ แต่กัสก็ไม่ยอมรับ ไม่ยอมพูดไม่ยอมคุย จนนิวต้องยัดเยียดโทรศัพท์ใส่มือให้

“กูไม่รู้หรอกว่าระหว่างมึงสองคนมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่กูอยากให้คุยนะ กูอยากให้พวกมึงคุยกัน”

ถ้าความเจ็บปวดมันแสดงค่าออกมาได้ ในเวลานี้ความเจ็บปวดของนิวคงแสดงค่าถึงขั้นสูงสุดและพร้อมจะระเบิด

ไม่อยากรับรู้
ไม่อยากรับฟัง

ไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้น เดินจากมา เดินออกมา และมานั่งอยู่ข้าง ๆ คนที่มองตามตลอดเวลา

มองหน้าของโจ้นิ่ง ๆ

มองและนิวก็หันกลับมาหยิบหมูสะเต๊ะที่กำลังปิ้งได้ที่และหยิบใส่จาน

“พ่อล่ะ”

เข้าบ้านไปแล้ว ไปดูข่าว และอาก็รอไปดูละครหลังข่าวในบ้านกับพ่อของกัส

“อยู่ในบ้าน”

เหรอ

ก็เหลือกันสามคน งานเลี้ยงเล็ก ๆ ที่มีผู้ร่วมงานแค่นี้ มันเป็นการเลี้ยงกันเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็มีความสุขดี

สุขดีจริง ๆ งั้นเหรอ

“นิว”

เพราะถูกเรียก และนิวก็หันมามองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

ดวงตาสองคู่สบกันนิ่งงัน มองกันเงียบ ๆ

นิ่งมอง

และไม่มีคำพูดอะไรออกมา นอกจากบางสิ่งบางอย่างจากสายตาที่แฝงความเจ็บปวดรวดร้าวมากมายท่วมท้นจนแม้แต่โจ้ก็ยังสัมผัสและรับรู้ได้ไม่ยาก

“มึงไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”

ไม่เป็น

กูจะเป็นอะไร

มึงสิต้องเป็น ถ้ามึงรู้ว่าไอ้กัสคุยกับใคร มึงคงต้องเป็นยิ่งกว่ากู

“ไอ้หยกที่ว่า....มัน....กำลังจะ...กลับมาใช่มั้ย”

ใช่

มันก็คงใช่
มันกำลังจะกลับมาแล้ว มันกำลังจะกลับมาหาคนของมัน

มันกำลังจะกลับมา

โจ้ไม่พูดอะไรอีก และนิวก็นิ่งเงียบไม่ตอบคำถาม

ครั้งหนึ่งโจ้เคยคิดว่านิวเข้มแข็งมาก และคิดว่านิวเป็นคนที่ใช้สมองมากจนแทบจะไม่แสดงอารมณ์อะไร เหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ในเวลานี้โจ้กำลังคิดว่าตัวเองเข้าใจบางอย่างผิดไป

นิวไม่เหมือนใคร

มันไม่เหมือนใคร ๆ แบบที่เคยเห็นมา
บางทีเรื่องบางเรื่องที่ทุกครั้งมันเลี่ยงการเผชิญหน้า และถอยไปตั้งหลักไม่ใช่เพราะมันเป็นคนคิดเก่ง วางแผนเก่ง

แต่เป็นเพราะมันรู้ตัวว่ามันรับความเจ็บปวดได้ไม่มาก

มันเลยใช้วิธีถอย ก่อนจะเจ็บปวดไปมากกว่านี้

ที่จริงแล้ว

นิวเป็นคนที่รู้สึกกับเรื่องบางอย่างได้ง่ายๆ เจ็บปวดง่าย และจะรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงกว่าคนอื่น มันถึงเลี่ยงการเผชิญหน้า

มันเลี่ยงความเจ็บปวดด้วยการมีสติอยู่เสมอ

มันอาจใช้วิธีนั้นมาตลอด แต่วันนี้มันเลี่ยงไม่พ้น มันหนีไม่พ้น มันเลยมีสภาพแบบนี้

“กูเข้าใจ”

ใช่

มึงเข้าใจ

มึงเข้าใจที่สุดแหละ ไม่มีใครเข้าใจกูขนาดนี้อีกแล้ว ความเจ็บปวดแบบนี้ไม่มีใครเข้าใจหรอก

ไม่ว่าใครก็ไม่มีวันเข้าใจ

ไม่มีใคร.....เข้า...ใจ
เป็นครั้งแรกที่โจ้เพิ่งรู้ว่าคนที่ทำเหมือนไม่มีหัวใจ ที่สุดแล้วก็เป็นแค่คนธรรมดา

คนธรรมดาที่...ร้องไห้เป็น

และนิวก็กำลังร้องไห้

นั่งร้องไห้เงียบๆ

อาจมองไม่เห็นน้ำตา แต่ลาดไหล่ที่สั่นสะท้านและการยกมือขึ้นกุมที่หน้าผากของตัวเองเอาไว้ตลอดเวลามันทำให้โจ้รู้ ว่าในเวลานี้อีกฝ่ายกำลังร้องไห้ให้กับใคร

และโจ้เองก็มีความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน ภายในใจกำลังโหวงเหวง และไหววูบ หันไปมองคนที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ห่างออกไปก็ยิ่งทำให้รู้สึก

จริงเหรอวะ

ไอ้กัสมันไม่ใช่ของกูจริง ๆ เหรอวะ มันไม่มีทางใช่ของกูจริง ๆ ใช่มั้ย ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางได้มาใช่มั้ย

“แม่งเจ็บชิบหาย”

โจ้ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เงยหน้าขึ้นและพยายามกล้ำกลืนบางอย่างที่กำลังจะไหลซึมผ่านออกมาจากดวงตา

“เหี้ยทำไมแม่งเจ็บขนาดนี้วะ”

พูดจาเพ้อเจ้ออยู่คนเดียว ก่อนจะก้มหน้าลงมาและหันไปมองคนข้าง ๆ ที่ยังนั่งกุมหน้าผากและไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาพูดอะไรด้วย

ไม่มีคำพูดบาดหู
ไม่มีคำพูดเยาะเย้ยถากถาง
มีเพียงความเงียบงันและโจ้ก็ยังพูดจาเพ้อเจ้อไปเรื่อยไม่ยอมหยุดพูดเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจของตัวเอง

“กูบอกมึงแล้วใช่มั้ยว่าให้แย่ง มึงก็ไม่เชื่อ กูแย่งไม่ได้ แต่มึงยังพอมีสิทธิ์ เหี้ยนิว มึงก็โง่ไม่ยอมแย่ง แล้วเป็นไง ทีนี้เป็นไง”

ช่างเหอะ
จะแย่งไม่แย่งหรืออะไรก็แล้วแต่ กูเป็นคนเลือก และเมื่อกูเลือกแล้ว กูรู้ผลอยู่ตลอด และกูก็ยอมรับผลนั้นด้วยตัวกูเอง

กูยอมรับมัน และคิดว่าทำใจได้ แต่เอาเข้าจริง ..............แม่ง เหมือนจะทำไม่ได้

“มึงมันดีเกินไปเหี้ยนิว แต่อย่าว่าเลย คนไม่ใช่ยังไงมันก็ไม่ใช่ เลว ๆ อย่างกู ยังสอยมันลงมาไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับคนดีอย่างมึง”

คำปลอบใจที่ไม่สวยงาม แต่เต็มไปด้วยความจริงใจ ที่คนสองคนต้องยอมรับให้ได้ และนิวก็เข้าใจ

นิวเข้าใจคำปลอบใจจากคนบางคนที่ไม่เคยพูดจากันดี ๆ เลยสักครั้ง

“หรือยังไงวะ หรือดูดปากกันอีกทีมั้ย จะได้หายเศร้า”

มึงนี่แม่ง น่าเอาตีนยัดปากมากเหี้ยโจ้

แม้จะกำลังเศร้าถึงขีดสุด แต่นิวก็หลุดขำออกมาได้
หัวเราะเสียงเบาในลำคอ และเงยหน้าขึ้นมามองคนที่แม้คำพูดจะดูตลก แต่ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าของโจ้เลยสักนิด

“เหี้ย กูเจ็บว่ะ มันเจ็บข้างในนี้ จนเหมือนกูกำลังจะตาย”

ไม่ใช่แค่คำพูดเลื่อนลอย แต่เป็นสีหน้าและแววตาของโจ้ที่แสดงออกมาให้นิวเห็นคำว่าจะตายอย่างที่ปากพูดจริง ๆ

“มึงไม่ตายหรอก เชื่อเหอะ ไม่เคยมีใครตายเพราะความรัก ความโง่เขลาเท่านั้นที่ทำให้คนต้องตาย”

เหี้ยนิว
เจ็บขนาดนี้แม่งยังมีปรัชญาชีวิตแฝงไว้อีก กูล่ะโคตรเชื่อมึงเลย

“โอ้ยยยยยยยยยย แต่กูนี่แหละกำลังจะตาย ทำไมรักใครก็แห้วแดก อกหัก โดนเมินตลอดเลยวะ ชีวิตกูแม่งเป็นเหี้ยอะไรมากมาย....เซ็งโว้ยยยยยยยยย”

กูจะไปรู้ได้ยังไง

กูยังเอาตัวไม่รอดเลย แล้วกูจะไปตอบคำถามโง่ ๆ ของมึงได้ยังไงถ้าตอบได้แม่งก็บ้าแล้ว

“แล้วอีกอย่างนะ ความรักก็ไม่ได้ทำให้คนพูดจาเพ้อเจ้อไร้แก่นสารด้วย”

แล้ว………….
แล้วยังไงต่อวะ แล้วทำไมไม่พูดต่อล่ะ กูกำลังฟังอยู่เนี่ย แล้วยังไง.....

“ความรักไม่ได้ทำให้มึงเพ้อเจ้อ แต่สันดานที่ติดตัวมึงต่างหากที่ทำให้มึงเพ้อเจ้อพูดจาโง่ ๆ ไม่ยอมหยุด”

สัดนิว

ขนาดนี้แล้วนะ

ขนาดที่ว่ามึงเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กู มึงก็ยังหาเรื่องกัดกูได้เรื่อยๆ นะ มึงแม่งสุดยอดมาก

“กูเจ็บนะนิว แต่ดูท่ามึงจะเจ็บหนักกว่ากูเยอะ”

ใช่

มึงพูดถูกโจ้บางทีมันอาจจะใช่อย่างที่มึงพูดนั่นแหละกูไม่มีอะไรจะเถียงหรือแก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น

“เพราะฉะนั้นนะนิว ........... ในเมื่อมึงเองก็เจ็บขนาดนี้แล้ว กูจะไม่ตอบโต้อะไรมึงนะ.....กูให้มึงด่าฟรีได้หนึ่งวัน อะไรก็ได้ด่ามาเถอะ....กูจะไม่โกรธมึงหนึ่งวัน”

แบบนี้มันผิดจากนิสัยปกติของมึงเกินไป พูดมาได้ยังไงว่าให้กูด่าฟรีหนึ่งวัน มึงก็ช่างคิดได้

“อย่างน้อยฟังมึงด่า ก็ทำให้กูลืมคิดไปว่ากูกำลังเสียใจ...มึงด่าเหอะ อยากด่า ก็ด่าไป...กูจะได้ลืมว่ากูแม่งอยากร้องไห้จะตายห่า แต่เสือกไม่กล้าร้อง….เชื่อมั้ยนิว ตอนนี้กูรู้สึกว่ากูมันน่าสมเพชอย่างที่มึงเคยว่าจริง ๆ ”

TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2014 21:42:46 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
 สายใยบางๆระหว่างใจของกันและกันยังมีอยู่:3123:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2014 21:37:12 โดย roseen »

ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ไม่เป็นไรนะโจ้นิว ใครเค้าไม่รักเรา เราก็รักกันเองดีที่สุด  :hao7:

ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
หยกกัส อยากอ่านแล้วอ่าาาาา  :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2

ปล.ด้วยรักและคิดถึง (นิว-โจ้)#เบื่อแห้ว

“เป็นไงบ้าง คุยกันบ้างหรือเปล่า”

ยังไง
หมายความว่ายังไง คำว่าคุยกันบ้างหรือเปล่า

“ก็ไม่ยังไง ก็คุยอยู่หรอก ถ้ามีอะไรจำเป็นก็คุยอยู่”

โจ้ตอบออกไปแล้ว และยืนมองหน้าของใครบางคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาพักใหญ่

“ไม่ติดต่อเลยเนอะ ใจดำจริงวะตอง”

มันเป็นความบังเอิญ ที่ได้มาเจอหน้าใครบางคนอีกครั้ง
เราอยู่ด้วยกันเสมอ ช่วงที่เรียนด้วยกัน

แล้วอยู่ดีๆ ตองมันก็ย้ายที่เรียน แค่ย้ายไม่พอ ทั้งเบอร์ติดต่อหรือที่อยู่ มันก็ไม่ยอมบอก หายไปแบบเงียบ ๆ เฉย ๆ

เป็นทางนี้ ที่ถึงกับไปไม่เป็น
และมึนงงกับสิ่งที่ตองทำไปพักใหญ่
“ไม่ใจดำไม่ได้ ยิ่งเสน่ห์แรงอยู่ เดี๋ยวมึงก็ไม่ยอมตัดใจจากกู”

เป็นคำพูดหยอกล้อที่ทำให้โจ้ยิ้มออกมาได้
และขยี้เส้นผมของคนที่อยู่ตรงหน้าเหมือนที่เคยทำ

“แล้วให้รักหรือไง”

ไม่ให้หรอก
จะรักได้ยังไง ก็เคยบอกไปตั้งแต่แรกแล้ว ว่าจะไม่คบใครเด็ดขาด เดี๋ยวย่าด่า

เหตุผลฟังดูไม่ค่อยน่าเชื่อ
แต่สำหรับตองมันคือเรื่องจริง

ไม่ว่าใครจะมาชอบหรืออยากคบหาด้วย ยังไงก็ไม่มีทางคบด้วยแน่

“รอรวยก่อน แล้วค่อยมีแฟน ให้ย่าสบายก่อนค่อยคิดเรื่องนี้”

คำตอบยังเป็นเหมือนเดิม
ตองเคยตอบยังไง มันก็ยังตอบแบบนั้นเหมือนเดิม

ยืนยันหนักแน่นในคำพุดของตัวเองเสมอไม่เคยเปลี่ยนแปลง

“แล้วย้ายหนีเนี่ย หนีกูด้วยดิ”

ก็ไม่เชิง

“บังเอิญได้ทุน โอนย้ายหน่วยกิตได้ด้วย มันก็จะได้ทุ่นค่าใช้จ่ายไปอีกหน่อย ก็เลยไป”

แล้วก็ไปแบบไม่บอกกล่าวกันเลยเนอะ

“หลบหน้าสิไม่ว่า”

โจ้มองหน้าของตองแล้วก็ยิ้ม อมยิ้มเล็ก ๆ และตองก็ยิ้มตอบกลับเหมือนเดิม


“ก็ส่วนหนึ่ง ถ้าไม่ทำแบบนี้คนบางคนมันก็ไม่ยอมรู้ใจตัวเอง”

รู้ใจอะไรวะ
ไม่เห็นรู้เรื่อง

ใครจะมารู้ใจใครอะไร งง

“รู้ใจตัวเองตั้งนานแล้ว แต่คนบางคนมันไม่ยอมให้รู้ใจไง ก็เลยไม่รู้จะทำยังไง”

แกล้งตัดพ้อต่อว่า และคราวนี้ตองยิ่งหัวเราะร่วนและจ้องหน้าของโจ้ตรง ๆ

“แล้วใกล้จะรู้หรือยัง”

ยังมั้ง
คิดว่าคงยัง........แล้วนี่พูดเรื่องอะไรเนี่ย
รู้ใจใครวะ งงหนักเข้าไปใหญ่แล้ว

“ไม่เจอกันแค่ไม่นาน เดี๋ยวนี้พูดจายอกย้อนเก่งขึ้นนะ”

ก็นิดหน่อย

“แล้วนี่มอง ๆ ใครอยู่หรือเปล่า”

มองใครเหรอ
ก็...
ใครจะไปยอมพูดกันล่ะ บอกคนที่เคยชอบว่ามีคนที่ชอบคนใหม่แล้วเนี่ยนะ มันจะไม่แปลกหรือไง

“รอตองแหละ”

ไม่ได้รอจริง ๆ ไม่ใช่เหรอ โจ้ฉลาดจะตาย แม้จะทำอะไรตามสัญชาติญาณไปหมดทุกอย่างก็เถอะ

แต่โจ้ฉลาดพอที่จะไม่ทำเรื่องบางอย่างแน่ ๆ

“รอกูหรือรอไอ้ นิว”

เหี้ย
พูดอะไรเรื่อยเปื่อย
ตลกน่า
ไปรอมันทำไมไอ้นิว พูดเรื่องอะไรเนี่ย ชักจะงงไปกันใหญ่แล้ว

“เกี่ยวอะไรกับมัน พูดกันแค่เท่าที่จำเป็นแค่นั้น เดี๋ยวนี้ยิ่งไม่มองหน้ากันด้วยซ้ำ”

เหรอ

“โจ้ไม่มองนิว ..... ก็ใช่....แล้วเคยสังเกตมั้ยว่านิวมองโจ้บ้างหรือเปล่า”

แล้วมันจะมองกูทำไม

ไม่เคยหรอก

มันจะมองทำไม
มันหยิ่งจะตาย ปกติแม่งโคตรหยิ่ง ไม่ลงมาเสวนากับคนอย่างกูหรอก

“ไม่ไหวจะมอง แม่ง ทำตัวอย่างกับเทวดา”

ค่อนขอดกระแนะกระแหน แม้อีกฝ่ายจะไม่อยู่ตรงนี้ แต่โจ้ก็ยังสามารถพูดถึงและทำหน้างี่เง่าได้

“โจ้....ถามจริง ๆ เหอะ นายชอบเราจริง ๆ เหรอ แน่ใจได้ยังไงว่าชอบ ไม่ใช่เพราะใครบางคนมันมีท่าทีกับเราเหรอ นายถึงยอมไม่ได้”

ใคร

ไม่มีหรอก
ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร
แล้วจะให้ใครมาชอบ ไม่ใช่มั้ง

คนที่ชอบมันคนนี้ต่างหาก

ตองต่างหาก

คนที่ชอบมาตลอดน่าจะเป็นตอง

และคนที่ควรชอบในตอนนี้ก็ควรเป็น...........
ไอ้คนที่กำลังคุยโทรศัพท์นั่น

คนที่คุยโทรศัพท์อยู่ตรงนั้น
ไม่ใช่ ไอ้คนที่นั่งเงียบ ไม่พูดไม่จาอยู่ข้างๆ

เรื่องบางอย่างที่ทำให้โจ้รู้สึกแปลกใจตัวเอง
มันเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้

ก่อนหน้าที่จะทำอะไรแปลก ๆ โง่ ๆ ไปเมื่อคราวก่อน
ไม่เคยคิดถึงเรื่องบางอย่างที่ตองเคยพูดเอาไว้

ไม่เคยแม้แต่จะคิดเลยสักนิด
แต่หลังจากวันนั้น
กลับเริ่มคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา

เริ่มสังเกตบางสิ่งบางอย่างที่อยู่รอบตัว
คนบางคนที่เห็นกันจนชิน
แต่เมื่อไม่นานมานี้ โจ้รู้สึกว่าไม่ค่อยชิน เพราะมีบางอย่างที่แปลกตาออกไป

นิวเป็นคนที่มีหน้าตาน่ามองคนหนึ่ง
ไม่เคยมอง แต่ตั้งแต่วันนั้น โจ้ก็เริ่มมอง
เหลือบมองบ้าง มองใบหน้าด้านข้างบ้าง
มองไปมองมาก็เริ่มรู้สึกว่าชักจะเพลินตา
โดยที่ไอ้นิวมันไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด

ขืนรู้แม่งก็ตายห่าดิ
เดี๋ยวมันสวดกูยาวเลย ให้กูคิดเหตุผลร้อยแปดมาตอบแล้วใครจะไปตอบได้วะ ว่ากูจะมองมันไปหาพระแสงของ้าวอะไร

“เจ้าของเขามาทวงแล้ว ชาติหน้าเหอะมึงไม่มีทางได้แอ้มหรอก”

แล้วกูสนมั้ย กูเคยสนหรือไงนิว มึงก็รู้ว่ากูไม่เคยสน

“อกหักอีกแล้วโว้ย”

แกล้งพูดและโจ้ก็เหลือบสายตามองหน้าคนที่แค่นยิ้มอยู่ข้างๆ

คล้ายจะเห็นบางอย่าง

“ตั้งแต่แรกแล้ว มึงเองก็มีสิทธิ์ แล้วทำไมไม่แย่งวะนิว”

หยั่งเชิง
ลองหยั่งเชิง และนิวยิ่งแค่นยิ้มเหมือนกำลังเยาะเย้ยตัวเอง

แย่งเหรอ
นั่นสิ
ทำไมวะ ทำไมไม่แย่งวะ

“ก็กูคนดีไม่ใช่มึง ....สันดาน”

ด่ากูซะงั้น

“แล้วมึงคิดว่ากูจะจบง่าย ๆ หรือไง ไอ้ทางโน้นจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กูอยู่ทางนี้ ใกล้ชิดเห็น ๆ แค่เปิดโอกาส มึงจะตายหรือไงวะ กูอาจจะดีกว่าไอ้หยกอะไรนั่นก็ได้”

เลิกพูดซะทีเหอะ

“รำคาญ มึงหยุดซะทีได้มั้ย กูเหนื่อย”

อ้าว
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับกูล่ะ มึงเหนื่อยแล้วไง มึงเหนื่อยมึงก็เลิกเป็นผู้พิทักษ์ห่าอะไรนี่ของมึงซะทีสิ

ง่าย ๆ
แค่มึงเปิดโอกาส

ไม่ได้เลยหรือไง

“นิว”

“..............”

“นิว.....”

“......................”

“ไอ้นิว มึงฟังหน่อยสิ เปิดใจรับเงื่อนไขกูหน่อยไม่ได้เลยหรือไง กูรักจริง ชอบจริง ไม่ทิ้ง แค่ให้โอกาสกูหน่อย”

เงื่อนไขเหี้ยอะไรวะ
กูไม่อยากฟัง

“มึงบอกใคร”

จะบอกใคร
ก็บอกมึงนั่นแหละ

“มึงก็รับเงื่อนไขหน่อยสิ กูรักจริง ชอบจริง ไม่ทิ้ง”

นิวยิ่งขมวดคิ้วมุ่นและหันหน้ามามองคนที่พูดเรื่องบางเรื่องในเวลาที่ไม่ควรพูด

ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และอยากจะเดินหนีไปให้ไกล ๆ

“มึงบอกใคร”

เอ้า ไอ้นี่ กูพูดมึงไม่ฟังเลยหรือไง มึงคิดจะฟังหูซ้ายทะลุหูขวาใช่มั้ย

“กู.........ชื่อโจ้...........กูกำลังบอกมึง.........ไอ้นิว....เปิดโอกาสให้กูหน่อยมั้ย..........กูรักจริง.........ชอบจริง.........ไม่ทิ้ง”

เหี้ยนี่กวนตีนชิบหาย

“มึงบอกใคร”

นี่มึงฟังบ้างมั้ย

“กู.........บอก..........มึง”

เน้นคำให้ชัดเจนขึ้น และคราวนี้นิวถึงกับส่ายหน้าและขมวดคิ้วมุ่นด้วยความเซ็ง

“เลิกพูดเหอะ ไร้สาระว่ะ กูบอกแล้วว่าของเขามีเจ้าของ ทำไมมึงยังหน้าด้าน จะเอาให้ได้วะ”

มันเรื่องของกู
ก็กูจะเอา แล้วมึงจะทำไม

“แล้วจะเอายังไงวะ”

เอายังไงอะไรของมึง

“เลิกยุ่งกับไอ้กัสได้มั้ย กูขอร้อง กูเหนื่อย กูไม่อยากอยู่ใกล้มันมากไปกว่านี้ กูเหนื่อยแล้ว กู.....จะไม่ไหวแล้ว”

นั่นกูรู้แล้ว
โดยนิสัยมึงแล้ว ทนอยู่กับความเจ็บปวดนาน ๆ ไม่ได้
มึงเลี่ยงการเจ็บปวดเสมอ อะไรที่เลี่ยงได้มึงก็เลี่ยงมาตลอด ไอ้คนเจ้าแผนการ ไอ้คนเจ้าความคิด

“กูชื่อโจ้ รักจริง ชอบจริง ไม่ทอดทิ้ง”

เหี้ยน่ารำคาญว่ะโจ้ มึงเพ้อเจ้ออะไรของมึงเนี่ย

“พอ”

ไม่พอ มึงก็ฟังสิ มึงฟังกูบ้างมั้ยเนี่ยนิว
กูพูดทำไมมึงถึงไม่ฟัง มัวคิดแต่เรื่องอะไรของมึง

“กูชื่อโจ้”

เอออออออออออออ

“เหี้ย กูไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์ มึงจะย้ำทำไมพร่ำเพื่อ มึงชื่อโจ้แล้วยังไงวะ แม่ง กวนตีนนะมึง กูไม่มีอารมณ์มาพูดอะไรไร้สาระกับมึงนะ”

เอออออออออออออออออ แล้วกูมีอารมณ์มาไร้สาระกับมึงหรือไงวะ

“มึงว่าใครไร้สาระวะ ไอ้นิว”

ถามมาได้ว่าใคร
อย่าโง่ได้ป่าว ปกติมึงก็โง่อยู่แล้ว อย่ามาแกล้งทำเป็นโง่ได้ป่าว กูยิ่งเครียด ๆ อยู่

“กูชื่อโจ้”

ไอ้เหี้ยนี่ไม่เลิก

“กูรู้แล้ว กูชื่อนิว แล้วมึงจะทำไมไอ้เหี้ยโจ้ พอซะทีได้มั้ย”

ไม่ได้
กูไม่พอ

“กูรักจริง ชอบจริง”

ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

“กูไม่ฟังมึงแล้ว”

นิวลุกขึ้น เพราะกำลังรู้สึกว่าตัวเองเริ่มโมโห
เวลาคนเราโมโหมักจะควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้

และถ้าเราควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เราจะอ่านสถานการณ์ไม่ออก

เราจะสูญเสียหนทางที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาในแต่ละสถานการณ์

เราจะ.....

“คบกันมั้ยวะ สัด……….”

กวนตีนแล้ว แดกตีนกูก่อนมั้ย

“อย่าปัญญาอ่อนไอ้โจ้……..กูบอกแล้วว่าของเขามีเจ้าของ”

ไม่เห็นมี
กูเฝ้ามาพักใหญ่แล้ว

ไม่เห็นมีแม้กระทั่งโทรศัพท์สักกริ๊ง ก็ไม่เห็นมี

ไอ้คนมีเจ้าของ กูพยายามไม่คิดอะไรมาพักใหญ่แล้ว
แต่คนไม่มีเจ้าของ กูเพิ่งเริ่มคิดเมื่อไม่นานมานี้

แต่ไม่ค่อยชัวร์ตัวเอง
จนมาเห็นอะไรบางอย่าง จะจะวันนี้ กูเลยคิดว่า ทำอะไรบางอย่างไปก็เท่านั้น

คนมันเป็นได้แค่เพื่อน
แม่งก็เป็นได้แค่เพื่อนแหละวะ

แต่คนที่ไม่เคยเป็นเพื่อน แต่รู้ทุกอย่างแบบไม่ต้องพูดก็เข้าใจและมันก็อยู่ใกล้แค่นี้

ทำไมไม่ลองพัฒนาดูวะ
ถึงสันดานจะเหี้ยไปหน่อย ตรงที่ชอบเล่นบทคนดีกับคนอื่นไปทั่ว แต่เล่นบทคนเลวกับกูคนเดียว

แต่ก็นั่นแหละ
มีอะไรก็พูดออกมาเลยไม่ต้องเก็บไม่ต้องกั๊ก

มึงไม่คิดจะพัฒนาไปทางอื่นบ้างเหรอวะ

กูก็ไม่ได้ชอบอะไรมึงหรอกนะ แค่....คิดว่า บางทีมันก็เหนื่อยเวลาที่ต้องวิ่งไล่ตามบางอย่าง แต่เหมือนหาไม่เจอไปไม่ถึง

“กูชื่อ...........”

หุบปากไปเลยกูไม่ฟังแล้ว

นิวลุกขึ้นและโจ้ก็ลุกตาม ไม่ใช่แค่ลุกตาม แต่มายืนดักหน้าไม่ให้คนบางคนเดินหนี

“จีบหน่อยไม่ได้หรือไงวะ เหี้ยหยิ่งชิบหายกูไม่อยากแดกแห้วแล้ว มึงไม่เข้าใจหรือไง ว่ากูเอียนแห้วเต็มที”

นั่นมันเรื่องของมึง

“กูบอกว่าของ..........”

ของอะไร
ของใคร

ของอะไรของมึง

“กูไม่อยากแดกแห้ว กูเอียน สันดานหยิ่ง นิสัยเสีย เหี้ย ๆ อย่างมึงแก้ไม่หายง่ายๆ หรอก ให้กูจีบเหอะ จะได้จบ ๆ เรื่องไป”

อ้าวไอ้เหี้ย มึงพูดอะไรเนี่ย
มึงบ้าหรือเปล่า

มึงประสาทหลอนไปแล้วหรือไงไอ้โจ้
เป็นห่าอะไรของมึง

สมองมึงคิดอะไรอยู่

“กูจะพูดอีกคำเดียวนะ กูเบื่อแห้ว ถ้าไม่อยากให้กูต้อนไอ้กัสมึงก็ลอง ๆ ให้กูจีบมึงแทนซะ จบ.......โอเคป่าว”

แม่งบ้าไปแล้ว

“มึงก็รู้กูทำตามอารมณ์ อารมณ์ตอนนี้กูอยากจีบมึง กูอยากจีบจริง ๆ เอาแบบจริง ๆ จัง ๆ ไม่เอาเหมือนคนก่อน ๆ หรือคนอื่น ๆ ลองมั้ย ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ลองเหอะ”

ลอง

ลองเนี่ยนะ

คิดอะไรอยู่เนี่ย
“หรือมึงกลัว”

ห๊ะ
นี่คือการจีบกันเหรอ มึงแน่ใจว่านี่เรียกจีบกัน??????????????

แล้วการท้าทายแบบนี้ หมายความว่ายังไง
หมายความว่าถ้ากูไม่กลัว ก็ลองดูใช่มั้ย

“ปัญญาอ่อน”

โดนด่า และนิวก็ทำหน้าเซ็งโลกใส่คนที่พูดจาไม่รู้เรื่อง เดินหนีเข้าบ้าน แต่สายตาเหลือบมองคนที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ข้างบ้าน

“อ้าวไอ้เหี้ย แบบนี้เรียกกลัวนี่หว่า มึงไม่กล้าไง ถึงได้เดินหนี ไอ้นิว กลับมาก่อนดิ คุยดี ๆ ตกลงเอายังไง”

เดินตาม
โจ้ก้าวขาเดินตามนิว

แต่สายตาก็ไม่อาจเลี่ยงหนีใครบางคนที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์ได้

“ไม่.....ดื้อ........กัส.....ไม่ดื้อ....กับพี่....หยก...แล้ว”

โห

ตายเลยกู

แม่งอย่างหวาน

มึงคุยกันแม่งอย่างหวาน จนกูไปไม่เป็น
นี่ขนาดเอ๋อ มึงยังพูดกันได้ขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นตอนดี ๆ มึงจะพูดกันขนาดไหนวะ

“แดกแห้วทั้งไร่ ชัดเจนแล้วกู”

โจ้มองคนบางคนที่เดินวนไปวนมา และก็ยิ้มกับตัวเอง

ดีนะที่ไม่เทไปหมดหน้าตัก
เหลือใจเผื่อเอาไว้บ้าง เพราะการพูดบ่นด่า ของไอ้นิวทุกวันแท้ ๆ

โชคยังดี ที่คราวนี้คงถอนตัวไม่ยาก

“แล้วไม่ดื้อกับกูบ้างไม่ได้หรือไงวะ”

เงยหน้าขึ้นและมองไปที่คนที่เดินเข้าไปในบ้าน และโจ้ก็ค่อย ๆ ก้าวขาเดินตาม

ไม่รู้ล่ะ

ลองดู

ลองดูสักตั้งวะ

ไม่มีอะไรจะเสียนี่หว่า

ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร

กูมีอะไรจะเสียที่ไหนล่ะ

แค่จีบไอ้นิว...........ของแบบนี้จะให้คิดอะไรมาก

ก็แค่.....ลองจีบดู ชิล ชิล ช่วงอกหักจะได้ไม่เหี่ยวเฉา ดูเหมือนมีอะไรทำดี ไม่ต้องคิดเรื่องอกหักให้มากความ

TBC.

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#หยุด

ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ไม่รู้ว่าแบบนี้เรียกว่าอะไร

มันคืออะไรไม่รู้ แต่........สัมผัสแบบนี้ มันให้ความอบอุ่นได้มากมาย เหมือนในใจเคยร่ำร้องอยากได้ความรู้สึกแบบนี้กลับคืนมา
และเมื่อได้มาก็ไม่อยากจะปล่อยมือไป

“ทำไมชอบท้าวแขนวะ มันจั๊กจี้”

ไม่รู้เหมือนกัน
นั่งด้วยกันแต่ไม่รู้จะทำอะไร ก็ไปท้าวแขนใส่หน้าขาของคนที่นั่งขัดสมาธิ และก็เป็นหยกที่ลองวางมือบนไหล่ของคนที่อยู่ดี ๆ ก็เอาแขนมาท้าวไว้บนหน้าขา

เท่านั้นยังไม่พอ มันยังมีหน้าวางปลายคางไว้บนหลังมือของตัวเองและหันมามองหน้ากันแบบกวน ๆ อีกด้วย

“ไอ้กัสเอ้ยยยยย”

อะไร

“ทำไมไอ้หยกเอ้ยยยยยยยยย”

ต่อปากต่อคำด้วย และหยกก็ใช้มือขยี้เส้นผมของคนที่ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่

“สอนไม่รู้จักจำ กูพี่มึงกี่ปีเนี่ย เรียกพี่หยกซิ”

ไม่มีทาง

“เรียกทำไม”

อ้าวแล้วคนที่เขาเรียกกันแบบนี้ เขาเรียกทำไมวะ

“นิสัย”

“นิสัยดี รู้นานแล้วไม่ต้องบอกก็รู้”

นิสัยดีอะไร แบบนี้เนี่ยนะเรียกนิสัยดี ไม่ใช่มึงแล้วมั้ง

“เอาแขนออกดิ๊ กูจั๊กจี้”

ไม่

“แค่นี้ทำหวงตัวไปได้”

เหรอ มึงปากดีนักนะ เดี๋ยวเหอะมึง

หยกแกล้งวางมือไว้บนหน้าผากของกัส และเอามืออีกข้างตีที่หลังมือตัวเอง เสียงดังเพี้ยะ และกัสก็แกล้งร้องเสียงหลง ทั้งที่ไม่ได้เจ็บเลยสักนิด

“เหี้ยหยก ตีกูทำไม เจ็บนะเหี้ยยยย”

อ้าวเหรอ ทำเหมือนเจ็บจริง มึงตลกมากไปแระกัส

“ถ้ากูทำจริงนะ มึงตายห่าไปนานแล้ว ไหนเรียกพี่ดิ๊ พูดเป็นเปล่า”

เป็น แต่ไม่พูด

“ชาติหน้ามั้ย”

ไม่ต้องชาติหน้าหรอก ชาตินี้แหละ

“เร็ว”

เซ้าซี้ว่ะ แค่เรียกชื่อแค่นี้ ทำไมต้องอยากให้กูเรียกด้วยวะ มันจะทำให้มึงเท่ห์ และข่มกูได้สองเท่าหรือไง

“ไม่เรียก มึงรอไปเหอะ”

เนี่ย
ก็เป็นแบบนี้ตลอด ทำไมวะ แค่เรียกแค่นี้ทำให้ไม่ได้หรือไง

“กูจะงอนนะเอาจริง ๆ”

เออ งอนไป กูไม่ง้อหรอก

“หยกแม่งปัญญาอ่อนว่ะ แล้วแบบนี้จะให้กูเรียกพี่ มึงพูดเล่นใช่ป่ะ”

ใครพูดเล่น พูดจริงต่างหากล่ะ แยกไม่ออกหรือไงเรื่องจริงหรือเรื่องเล่น

“ไม่เรียกโว้ยยยยยยยยยยยยยย”

ลอยหน้าลอยตา และยิ่งกดข้อศอกลงไปที่หน้าขาของหยกซ้ำเข้าไปอีก เหมือนแกล้ง และคนที่ยอมให้กัสแกล้งก็ร้องออกมาเสียงดังลั่น

“โอ้ยยยยยยยย พอแล้ว อะไรของมึงเนี่ย กูเจ๊บบบบบ เจ็บนะเนี่ยเอาจริง เหี้ยกัสมึงนี่”

เจ็บซะ จะได้เลิกเซ้าซี้

“นิสัย”

“นิสัยดีไง”

เออ มึงนิสัยดี นิสัยดีตลอดแหละ ทำตัว....แม่ง

แกล้งใช้สองมือดึงแก้มสองข้างของกัส และกัสก็ร้องออกมาเพราะรู้สึกว่าเจ็บจริง ๆ

“โอ้ยยยยยยยยยยยกูเจ็บ เหี้ยหยกทำกูทำไมเนี่ย”

ก็ไม่ทำไม

“ฮึ่ยยยยยยย โดนซะบ้าง แม่งให้เรียกพี่ไม่รู้จักเรียก เด็กเหี้ยนิสัยปีนเกลียวนะมึง”

อะไรล่ะ

“หยกกกกกกกกกกกก พอแล้ว กูเจ๊บบบบบบบบบบบ”

ที่จริงไม่ได้เจ็บเท่าเสียงที่ร้อง แต่แกล้งร้องเสียงดัง ๆ เข้าไว้เพราะรู้ว่าหยกใจอ่อนง่าย และก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ
คนที่ดึงแก้มยอมปล่อยมือ และก็ใช้นิ้วจับปลายคางของกัสและจับหันหน้าไปมาซ้ายขวาเพื่อสำรวจร่องรอย

“อะไรของมึง ร้องเกินเหตุ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย มารยานะมึงเนี่ย”

ก็มารยากับมึงคนเดียวแหละว๊า

“พี่หยกกกกกกกกกกกก ทำไมมึงทำงี้อ่ะ กูเจ็บจริงนะโว้ยยยยย”

เหรออออออออ มึงเจ็บจริงเหรอ

“พี่หยกก็สั่งสอนกัสไงครับ ว่าทีหลังอย่าดื้อกับพี่หยกอีก อย่าดื้อนะครับ วันหลังอย่าดื้อ”

เออ กูคงเชื่อมึงเนอะ

“ขนลุกว่ะ พี่หยก..........ฮึ่ยยยย อย่าดื้อนะอย่าดื้อออออ เลี่ยนชิบหายยยยยยยยย”

เลี่ยงตรงไหน พูดกันดี ๆ คุยกันดี ๆ เหมือนคนอื่นบ้าง สอนไม่รู้จักจำนะมึง พูดจาให้มันดี ๆ ใคร ๆ เขาก็รัก ถ้าพูดจาดี คนก็อยากพูดด้วย พูดจาหมาไม่แดกแบบมึง ใครเขาจะอยากพูดด้วย

“หมดเวลาพักแล้ว วันนี้จะอ่านกี่หน้า”

ห๊ะ
อ่านกี่หน้า ไม่เอาแล้ววววววววววว กูไม่อยากอ่านแล้วววววววว

“มึงพูดกับใครนะ ไอ้กัสไม่อยู่ กูเป็นเพื่อนมันมีอะไรฝากไว้แล้วกัน เดี๋ยวกูบอกมันให้”

ตลกแระ

“เนียนนะมึง”

“ห๊ะ อะไรนะ มึงไม่เชื่อกูเหรอ กูไม่ใช่ไอ้กัสนะ กูชื่อเจ๋งกูเพื่อนมัน มีอะไรฝากไว้ได้”

ยังจะเล่นต่อไปเรื่อย ๆ และเป็นหยกที่ถึงกับส่ายหน้าในวิธีหลบเลี่ยงไม่ยอมอ่านหนังสือของกัส
ไอ้หน้าด้าน นี่มึงพูดจาหน้าด้าน ๆ ได้โดยไม่คิดบ้างหรือไงว่าใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ

“หยกกกกกกกกกก”

อะไรมึง เรียกทำห่าอะไร อะไรของมึงนักหนาวะ

“มึงจะลุกไม่ลุก”

ไม่เอา กูไม่อ่านแล้ว นี่กูอ่านไปสองหน้าแล้วนะ มึงยังจะให้กูอ่านอีกเหรอ

“กูป่วย”

ไม่แค่บอกว่าป่วย แต่กัสยังลงไปนอนกองกับพื้นและแกล้งไอเสียงดัง

“แค่ก แค่ก กูจะตายมั้ยเนี่ย”

มึงจะโดนกูเหยียบมากกว่า เล่นซะเนียนเลยนะมึง

“เร็ว ไม่เล่นดิ มาอ่านก่อนเร็ว อีกสองหน้า”

ไม่เอาแล้ว กูไม่อยากอ่านแล้วจริง ๆ

“ฮือออออออออ ไม่เอาแล้ว ไม่เอา กูแข่งว่ายน้ำอยู่ จะเข้าเส้นชัยแล้ว เอ้าฮึ่ย ฮึ่ย เวลากำลังจะหมดแล้ว กำลังจะถึงเส้นชัยแล้ว เอ้าเร็วเข้า”

นอนคว่ำและใช้แขนวาดไปในอากาศทำท่าเหมือนกำลังว่ายน้ำ และหยกก็ถึงกับส่ายหน้ากับสิ่งที่อีกฝ่ายทำ จินตนาการมึงกว้างไกลจังเลยเนอะ

“และนี่คือท่าขาไขว้เดนตาย ถ้าไม่หยุดว่ายน้ำมึงตายห่าแน่ไอ้กัส”

กัสนอนคว่ำหน้า และขาสองข้างก็ถูกจับไขว้กันและกดลงที่สะโพกอย่างรวดเร็ว

“โอ้ยยยยยยยยยยย ยอมแล้ว ยอมแล้ว เหี้ยหยก กูยอมแพ้แล้ว”

ใช้มือตบไปที่พื้นหลายทีและหยกก็ยังไม่ยอมเลิกแกล้ง

“ยอมยัง”

ยอมแล้ว

“ไม่สู้แล้วครับ ยอมแพ้แล้วครับพี่ อย่าฆ่าผมเลยครับ”

ถึงจะบอกว่าไม่สู้ แต่หัวเราะเสียงดังลั่น เจ็บแต่หัวเราะ และหยกก็เลยปล่อยและมายืนอยู่ตรงหน้าคนที่นอนคว่ำหน้า

“หยกกกกกกกกกกกก”

กอดข้อเท้าของคนที่มายืนอยู่ และใช้แก้มสีไปมาเบา ๆ ที่หน้าแข้งของคนที่ยืนท้าวเอวมอง

“หยกจ๋า อ่านหน้าเดียวนะ กูอ่านหน้าเดียวพอไม่ได้เหรอ เดี๋ยววันหลังมาอ่านอีกไม่ได้เหรอ กูปวดหัวจริง ๆ นะ”

เออ

“ลุกขึ้นมาดิ๊ หน้าเดียวก็หน้าเดียว”

ไม่รู้จะพูดอะไร
ทำไมมันดื้อด้านแบบนี้วะ เข็นยากชิบหาย แล้วชาตินี้มึงจะอ่านหนังสือคล่องมั้ยเนี่ย ขนาดของประถมต้นมึงยังอ่านได้เหี้ยขนาดนี้เลย แล้วชั้นถัดไปมึงจะอ่านได้มั้ย

“เร็ว ลุกขึ้นสิ จะอ่านก็ลุกขึ้น”

โห่

“ขออีกห้านาที”

มึงจะเกินไปแล้ว

ต่อรองเยอะไปแล้ว ดื้อไปไหนมากมายวะ แค่อ่านหนังสือแค่นี้ ทำเหมือนจะเป็นจะตาย อะไรของมึงนักหนาวะ

“ลุกขึ้นนนนนนนนนนนนนน”

ไม่ใช่แค่พูดแต่หยกยังจัดการลากคนที่ไม่ยอมลุกขึ้นยืนให้ลุกขึ้น และไอ้ตัวแสบมันก็แกล้งทำเป็นตัวอ่อน ยอมลุกซะทีไหนขนาดทั้งลากทั้งดึง

“ฮึ้บบบบบบบบบบ ไอ้กัสสสสสมึงนี่ อย่าดื้อสิวะ ไม่ดื้อสักวันไม่ได้หรือไง”

ด้ายยยยยยยย

ลากขึ้นมาอยู่บนเตียง และคนถูกลากก็หัวเราะชอบใจ ไม่ใช่แค่หัวเราะ แต่ยังดึงคอคนที่ลากลงมาด้วย

“หยกกกกกกกกกกมานอนดิ๊ นอน นอนก่อนสิ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

ตลกไปเรื่อย เล่นไปเรื่อย และคนที่ถูกดึงคอให้ลงมาหา ก็ใช้สองแขนยันฟูกนอนเอาไว้เหนือร่างของคนที่ดึงไปหัวเราะไป

“ไอ้กัสปล่อยเลยนะมึง”

อะไรวะ

ปล่อยทำไม

ยังคงหัวเราะอย่างสนุก โดยไม่รู้ตัวสักนิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำ มันทำให้คนที่ถูกดึงคอให้ลงมาหา กำลังรู้สึกยังไง

ใบหน้าที่อยู่ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจ เสื้อยืดที่ใส่อยู่ร่นขึ้นไปจนจะถึงแผ่นอกเนียนเรียบที่หยกได้มองเห็น

บางครั้ง เรื่องบางอย่างก็เกิดขึ้นเร็วเกินไป

ความรู้สึกเป็นเรื่องที่ควบคุมยาก อารมณ์รักใคร่ ชอบพอก็เช่นเดียวกัน

“กัสไม่เอาแล้ว มึงอย่าดึงสิ”

ไม่

จะดึง

“นอนก่อน หยกนอนสิ นอน นอน”

เลิกหัวเราะแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นยิ้ม และมองหน้าของหยกที่ตอนนี้ร่างกายทาบทับอยู่เหนือร่าง

“อะไรวะ กัสอยากนอนแล้วพี่หยก นะ ได้หรือเปล่า”

อะไร

คืออะไร

อยากนอนอะไรของมึง

“หยก”

“หยก....เป็นอะไร”

ขมวดคิ้วมุ่น และมองหน้าของคนที่กำลังทำหน้าแปลก ๆ ไม่ใช่แค่หน้าแต่สายตาก็แปลกออกไปจากทุกที

แปลก และกัสไม่เข้าใจ

มันมีบางอยางแฝงมา อะไรบางอย่างที่ร้อนแรง และเป็นอันตรายต่อความพยายามในการควบคุมอารมณ์

“หยก.......ลุกก่อนดิ๊ กูหนัก...ลุกก่อนได้มั้ย”

ได้

ลุกก่อนก็.........

สีหน้าและแววตาที่มีแววตื่นตระหนกนิด ๆมันปลุกสัญชาติญาณบางอย่าง ริมฝีปากที่ขยับไปมาเวลาพูด มันน่าลิ้มลองน่าเข้าหาฃ
หยกไม่สามารถต้านทานกับความรู้สึกของตัวเองที่มันกำลังเพิ่มขึ้น และมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้

โน้มใบหน้าลงมาหา

อยากจะสัมผัสริมฝีปากคู่นั้น อยากลอง ว่าที่สุดแล้วจะเป็นยังไง

“หยกไม่เอา....อย่าแกล้งกู”

เบี่ยงหน้าหลบ และปลายจมูกของหยกก็แตะสัมผัสเบา ๆ เข้าที่ซอกคอของกัสที่เบี่ยงหน้าหนี

“กัส”

อะไร

อะไรวะ

“หยก ไม่เอาแล้ว ไม่เอา”

ไม่รู้ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง ไม่รู้ว่าสมองคิดอะไรอยู่

หลังคำพูดนั้น ฝ่ามือทั้งสองข้างของกัสก็ถูกประกบเอาไว้จากฝ่ามือของร่างที่คร่อมทับไม่ยอมปล่อย ในเวลานี้ เลือดในกายกำลังพลุ่งพล่าน ไม่ว่าอะไรก็คงฉุดรั้งเอาไว้ไม่อยู่

“อืออออออ”

ไม่รู้ว่าพูดอะไรไปบ้าง ไม่รู้ว่าทำอะไรบ้าง แต่สติกำลังเตลิดไปไกล เพราะความรู้สึกที่ไม่เคยรู้จัก
ปลายจมูกที่แตะซ้ำอยู่ที่ซอกคอซุกไซร้เรื่อยไปถึงข้างแก้มและแตะซ้ำเบา ๆ อยู่อย่างนั้น

มันทำให้กัสต้องหรี่ปรือตาลง และคอยฟังอยู่ตลอดว่าหยกกำลังพูดอะไร

“กัส.....”

อะไร

ทำไมเรียก

เรียกทำไม

ทำไมเรียกแบบนี้ ทำไมถึงเรียก

“กูชอบมึงนะกัส......... แต่ถ้ามึงไม่คิดอะไรกับกู มึงก็ช่วยหยุดกูที”

TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2014 22:57:02 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
ไม่ดื้อ กัสไม่ดื้อ กับ พี่หยก แล้ว......อ้าย พี่หยก กลับมาด่วนๆๆๆๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
ตามลุ้นคู่หยกกัสคนในอดีต
พอๆกับคู่โจ้นิว ที่อยูกับปัจจุบัน
รอดูคู่อดีตที่จะมาพบกันในอนาคต

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ POPEA

  • Blood Type :: Y
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
    • http://writer.dek-d.com/popae/writer/view.php?id=794488
ชอบทุกคู่เลย โดยเฉพาะอ้นพีท ร้อนแรงได้ใจ  :haun4:
เสียดายไม่ได้อ่านต่อคู่พี่ฟ้าน้องนัทอ่า T^T'

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ในที่สุดอิโจ้ก็ตาสว่างมาจีบนิว 5555

ออฟไลน์ Orange151987

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
อยากให้ถึงตอนที่เค้า มุ้งมิ้ง กันแร้วอ่าาาาาาา
ตอนดราม่าพาสๆไปได้ป่ะ (ล้อเล่น) 55555+

ส่วนคู้โจ้ กะ นิว ก้อชอบมากกกกก
จีบกันมึนๆ อ่านไปก้อฟินไปแบบมึนๆ ^////^

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
อย่าหยุด อย่าหยุด 55555

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ TrebleBass

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ต้อง ปรบมือให้น้องตอง อย่างแรง  :katai2-1:  น้องชี้ทางสว่างให้

ออฟไลน์ zabzebra

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1044
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-1
โอ้ยย อยากให้พี่หยกกลับมาหาน้องกัสไวๆจังเลยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ tuckky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
ดราม่าสุดติ่ง (สำหรับเรา) เลยอ่านแบบข้ามๆไปก่อน  :hao5:
หลานเราก็เป็นเด็ก LD ค่ะ ต้องใส่ใจมากๆจริงๆ

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) โจ้งอน

โจ้กำลังอมยิ้มเล็ก ๆ และแอบเหลือบสายตามองหน้าของนิวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ส่งกัสกลับบ้านแล้ว และพรุ่งนี้หยุด วันนี้ก็ไม่รู้จะไปไหน เพราะฉะนั้น ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว มันก็ควรต้องเป็นแบบที่ควรจะเป็น

“ที่เคยชวนไปดูหนัง ไปวันนี้เลยนะ”

เหรอ

“เออ”

เป็นการตอบรับที่ทำให้โจ้ถึงกับอึ้ง

เหี้ยตอบง่ายจริงวะ เป็นอะไรมากมั้ยนั่น

นิวตอบรับง่าย ๆ และก้มหน้าลงถอนหายใจยืดยาว

และโจ้ก็เห็นชัด และเริ่มเข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงได้ยอมตกลงใจไปด้วยง่าย ๆ

“ดูพวกเตะบอลก่อนนะ อีกสิบนาทีจะหมดเวลาแล้ว”

เหรอ

“กูไม่ไปแล้ว”

อ้าวเหี้ย ทำงี้ได้ไง มึงรับปากแล้ว อย่ามามั่วนิ่มไม่ไปง่าย ๆ แบบนี้สิวะ

“เออไปแล้ว ไปแล้ว ไปตอนนี้เลย”

ลุกขึ้นทันทีและโจ้ก็พยายามจะดึงแขนคนที่นั่งอยู่ให้ลุกขึ้นยืนด้วยกัน

“กูไม่ไปแล้ว”

เฮ้ยยยยยยยย ทำไมไม่ไปวะ ทำไมนึกอยากจะไปก็ยอมตกลงไปง่าย ๆ แต่พอไม่อยากจะไป มึงก็จะไม่ไปเฉย ๆ แบบนี้เลยเหรอ

“สัด.......ทำไมสัญญาไม่เป็นสัญญาวะ”

ไม่ชอบ และโจ้ก็ขมวดคิ้วมุ่น มองหน้าของนิวที่ทำได้หน้าเดียวคือหน้าเซ็งโลก

“มึงสัญญาว่าไง”

ไม่รู้
กูลืม
กูเปล่าสัญญา

“ไม่รู้”

ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ มึงสัญญาแล้วนะ

“แต่มึงสัญญาแล้ว”

กูไม่ได้สัญญา มึงบังคับให้กูต้องสัญญา เพราะฉะนั้นถ้ากูอยากไปกูจะไป แต่ตอนนี้กูไม่อยากไป กูก็ไม่ไป โดยเฉพาะไปกับมึง กูแม่งหมดอารมณ์อยากไปแล้วตอนนี้

“นิว”

ได้ยินเสียงเรียกแต่รำคาญที่จะฟัง นิวลุกเดินออกมาเฉย ๆ โดยมีโจ้เดินตามออกมาอย่างหงุดหงิดที่เรื่องบางอย่างไม่เป็นอย่างใจ

“ทำไมไม่ไป ไปดูหนังแค่นี้ ทำไมไม่ยอมไป”

มันเรื่องของกู

“โจ้ มึงเซ้าซี้หาพ่อมึงเหรอ”

เฮ้ย กูไม่ได้เซ้าซี้หาพ่อกูนะ กูเซ้าซี้หาพ่อมึงต่างหากล่ะ

“ถ้ามึงไม่เลิกงี่เง่า กูจะจีบไอ้กัสอีกรอบ”

โธ่โว้ยยยยยยยยยยย

“มึงเป็นอะไรนักหนาวะ ทำไมชอบหาเรื่องให้ กูจะประสาทแดกตายห่าอยู่แล้วไอ้เหี้ยโจ้ ไอ้งี่เง่า”

ใครงี่เง่า

“กูงี่เง่าเพราะกูอยากมีคู่”

มึงก็ไปหาเอาข้างหน้าโน่น กูไม่ว่างเป็นคู่ให้มึงหรอก

“แต่กูไม่อยากมี”

“เรื่องของมึง แต่กูอยากมี อยู่เฉย ๆ ให้กูจีบซะที แม่งเล่นตัวชิบหาย มึงอ่ะ แดกแห้วเหมือนกูนั่นแหละ อย่าเรื่องมากได้มั้ย”

ไม่ไหวแล้ว แม่งไม่ไหวกับไอ้โจ้แล้ว ไม่ไหวจริงๆ วันนี้ไม่อยากจะรับอะไรอีกแล้ว

“ไปดูหนังไปวันหลังได้มั้ยโจ้ วันนี้กูเหนื่อย”

ไม่ได้

“เหนื่อยก็ต้องไป”

แต่กูไม่อยากไป

“ทำไมกูต้องไปด้วยวะ เหี้ยเอ้ยยยยย”

ก็ไม่ทำไม

“แล้วมึงจะให้กูทำยังไงกับตั๋วหนัง กูซื้อล่วงหน้าไว้แล้ว”

ห๊ะ

มึงบ้าเปล่าเนี่ย ตกลงวันนี้มึงมุ่งมั่นจะไปดูหนังให้ได้จริง ๆ ใช่มั้ย เชื่อแม่งเลยจริง ๆ ว่ะ

“มึงให้กูทำยังไง กูไม่ได้บ้านรวยนะ จะให้กูทิ้งตั๋วหนังที่ซื้อมาลงถังขยะมั้ย”

เรื่องของมึง

“แล้วแต่มึงเหอะ”

ไม่สนใจ และไม่อยากฟังอะไรอีก นิวตั้งหน้าตั้งตาก้าวขาเดินลิ่ว ๆ ออกมาบนทางเดิน โดยมีโจ้วิ่งตามมาด้วยความไม่พอใจ

“เออ มึงกลับบ้านไปนอนให้สบายใจนะ กูจะได้จีบไอ้กัส คราวนี้กูไม่เชื่อมึงแล้วนะ กูจะเอาจริงไม่เล่นแล้ว”

ช่างหัวมึงเหอะ

ขู่อยู่นั่นแหละ มึงคิดว่ากูจะหลอนมาก จนยอมอ่อนข้อให้มึงหรือไง

นิวไม่ยอมฟัง และไม่สนใจ
ยิ่งก้าวขาให้เร็วขึ้น เดินออกมาเรื่อย ๆ แต่คราวนี้โจ้ไม่ได้วิ่งตามออกมาด้วย

คิดอะไรของแม่งอยู่วะ

กูไม่เข้าใจว่ามึงคิดอะไรอยู่กันแน่เหี้ยโจ้ มึงเล่นตลกอะไรของมึง สิ่งที่มึงกำลังทำอยู่ มึงสนุกมากใช่มั้ย แต่กูไม่สนุกด้วยหรอกนะ

ตอนนี้กูกำลังอ่อนแอ ขนาดหน้าไอ้กัส วันนี้กูยังไม่กล้ามองแม่งตรง ๆ เลย

ใจจะขาดอยู่แล้ว มีใครเข้าใจกูบ้างมั้ย ว่ากูก็เจ็บเป็น กูไม่อยากเป็นคนดีแล้ว

แม่ง ยิ่งเห็นยิ่งเจ็บ

ทำไมวะ กูไม่มีหัวใจหรือไง กูก็เจ็บเป็นนะโว้ย

แม้ในหัวจะครุ่นคิดบางอย่างจนตีกัน  แต่ในเวลานี้สิ่งที่ควรต้องทำก็ยังต้องทำอยู่ดี

นิวพยายามนับเลขในใจ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ.............สองร้อย
สองร้อยหนึ่ง........... ดูเหมือนใจจะค่อย ๆ เย็นลงเรื่อย ๆ และเวลานี้สิ่งที่นิวคิดจะทำก็คือการแก้ปัญหาไปทีละอย่าง

แก้ไปก่อน

แก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมา และสูดหายใจลึก ๆ เข้าปอด
กดหมายเลขที่ต้องการจะโทร และกรอกเสียงลงไปเมื่ออีกฝ่ายรับสาย

“โจ้......กูเอง....นิวนะ....มึงเดินออกมาที่ป้ายรถเมล์ดิ๊ จะดูเรื่องอะไรก็มาเร็ว ๆ เดี๋ยวไปช้า หนังจะฉายไปซะก่อน กูรอข้างหน้านี่แหละ มึงรีบเดินออกมาเลย”

กรอกเสียงลงไป และแค่เงยหน้าก็เห็นคนบางคนมายืนอยู่ตรงหน้า

“ไปดิ ไปเลยป่าว”

เหี้ย

ตกใจหมด
นี่แสดงว่าแม่งเดินตามมาตั้งนานแล้ว และเห็นกูยืนทำใจด้วยนี่หว่า

“เออ”

ไม่อยากพูดอะไรมาก และนิวก็ลอบถอนหายใจเงียบๆ แต่ก็ไม่พ้นสายตาของโจ้ที่กำลังอมยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก

ไม่รู้นะ

ก็ไม่รู้อะไรหรอก

ความรู้สึกรักใคร่ชอบพอ มันไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ
แต่ตอนนี้รู้สึกสนุก เวลาที่มีอะไรให้ทำ นอกจากการนั่งเสียใจ เมื่อก่อนไม่เคยคิดอะไร แต่ตอนนี้ชักรู้สึกสนุกขึ้นเรื่อยๆ เวลาที่ข่มขู่คนบางคนได้

โจ้กำลังยิ้ม และนึกถึงเหตุการณ์การบังคับชวนไปดูหนังเมื่อวันก่อน ที่สุดท้ายนิวก็ไม่สามารถปฏิเสธได้

คืนงานวันเกิดไอ้กัส หลังจากเลยเที่ยงคืนไปแล้ว ระหว่างที่กำลังจะเคลิ้มหลับ ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจจากใครบางคน

นิวกำลังเครียด
พยายามข่มตาเท่าไหร่ก็หลับตาลงไม่ได้ซะที

ทำไมถึงเป็นได้ขนาดนี้วะ
ถอนหายใจยาวเหยียด และทำให้คนที่นอนอยู่ข้าง ๆ หันมามอง

ไม่มีใครพูดอะไร

ไร้คำพูด มีเพียงสายตาที่มองเห็นกันได้อย่างเลือนลางในความมืด

นิวไม่พูด และโจ้ก็ไม่พูด แต่ใช้วิธีนอนจ้องหน้าคนที่นอนไม่หลับในความมืด
ปิดไม่มิดหรอก ความรู้สึกของมึง ทำยังไงก็ปิดไม่มิด

“คบกับกูซะก็หมดเรื่อง”

พูดเหี้ยอะไรของมึง ปัญญาอ่อนไม่เลิก เพ้อเจ้อห่าอะไร

เหลือบสายตามองและนิวก็ไม่พูดอะไร

เสียงดังไม่ได้ จะทะเลาะกันยังไง ในเมื่อมีคนนอนอยู่ด้วยถัดไปอีกหนึ่งคน

ไอ้กัสหลับไปแล้ว และก็ต้องมานอนคั่นกลางอยู่แบบนี้ เพราะไอ้ตัวปัญหาเสือกหาเรื่องไม่ยอมกลับบ้าน มั่วนิ่มจะค้างให้ได้
ก็เลยต้องค้างด้วย ขืนปล่อยให้มันค้างคนเดียวเดี๋ยวเป็นเรื่ิอง

มือของใครบางคนแตะมาที่แก้ม และนิวก็ปัดทิ้งทันที

“เหี้ย”

ไม่ชอบ และรู้ว่าไอ้โจ้มันกำลังเล่นสงครามประสาทด้วย

มึงคิดจะก่อกวนกูใช่มั้ย
แค่นี้กูก็เครียดจนข่มตาให้หลับไม่ได้แล้ว มึงยังจะก่อกวนกูอีกนะ

สันดาน

“หันมานี่ดิ๊ ไม่งั้นกูจะไปนอนฝั่งโน้น”

อะไรของมึง เซ้าซี้หาพ่อมึงเหรอ

“กูจะนอน”

นอนห่าอะไร มึงนอนซะที่ไหน มึงนอนไม่หลับเห็น ๆ แล้วเสือกบอกว่าจะนอน
เอาฮาหรือไง สัด

“ก็นอนดิ”

นอนได้ยังไง จะให้นอนได้ยังไง ในเมื่อมึงกระแซะเข้ามาซะใกล้กูขนาดนี้

นิวขยับกายถอยห่างออกมาเล็กน้อย และโจ้ก็เป็นฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ชิด

กวนตีน

“เหี้ยยยยยยยยย”

เริ่มหงุดหงิดไม่พอใจ และใช้สายตาอาฆาตมองหน้าของคนที่ก่อกวน

มึงเป็นเหี้ยอะไรนักหนาวะ

“คบ”

คบพ่อมึงดิ

เมื่อไหร่จะเลิกเล่นวะ ไหนมึงจะเอาไอ้กัสให้ได้ แล้วทีนี้เกิดเปลี่ยนใจ แบบนี้มันกะทันหันไปมั้ย ไม่จริงจัง อย่ามาพูดเหอะ พูดจามักง่าย

“นิว”

มึงจะเอาใช่มั้ยเนี่ย กูชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ

นิวกำลังจะลุกขึ้นนั่ง แต่ช้ากว่าใครบางคนที่ใช้วิธีก่อกวนในขั้นสูง

มึงลุกกูก็คร่อม เอาดิ แบบนี้แหละเข้าทาง เสร็จกู

“ไอ้เหี้ยโจ้….ทำเหี้ยอะไรของมึง”

พูดด้วยน้ำเสียงเบาแสนเบา และนิวก็รีบหันไปมองคนที่หลับอยู่ข้าง ๆ

ไอ้กัสมันนอนอยู่ มึงทำอะไรไม่มีหัวคิดบ้างวะ เกิดไอ้กัสตื่นมา กูจะทำยังไง

“คบดิ๊”

คบเหี้ยอะไรมึง

“คบดิ๊”

ไม่ใช่แค่พูดแต่คนคร่อมทับยังจัดการกดข้อมือทั้งสองข้างของนิวเอาไว้ อยากขยับไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าออกแรง คนที่นอนอยู่คงตื่นมาเห็นฉากเด็ด และไม่มีปัญญาจะอธิบายอะไรแน่ ๆ

“คบ”

ไม่พูดเปล่าคนพูดมันยังก้มหน้าลงมาและปลายจมูกห่างกันแค่คืบ

“คบซะ”

ไอ้เหี้ยโจ้ มึงทำเหี้ยอะไรของมึง

นิวไม่สนใจสิ่งที่โจ้พูด แต่หันไปมองคนที่นอนอยู่ด้วยความหวาดระแวง และโจ้ยิ่งยิ้มร่าอย่างได้ใจ ที่ได้คุกคามให้นิวหวาดวิตกได้

นาน ๆ จะได้เห็นแบบนี้ซะที ชัยชนะไม่ใช่ได้มาได้ง่าย ๆ
และชัยชนะครั้งนี้มันก็ต้องแลกกับความเสี่ยง แต่เป็นความเสี่ยงที่ดูท่าจะคุ้มกับการลงทุนไม่น้อย

“ไอ้เหี้ยโจ้ ปล่อยกู”

นิวกำลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังแสดงอาการบางอย่างจนเห็นได้ชัด หันไปมองหน้าของกัสที่นอนหลับอยู่สลับกับการมองหน้าของคนที่เหมือนกำลังยิ้มกริ่มในความมืด

แม่งต้องจู่โจมแบบนี้แหละ
เหี้ยนิว ถ้าเกิดเล่นกับมันแบบไม่ให้ตั้งตัวโอกาสชนะมีสูง แต่ถ้ามันตั้งสติได้เมื่อไหร่ แม่งมีหนาว ฉวยโอกาสนี้ก่อนแหละวะ

“ไม่งั้นมึงไปดูหนังกับกู”

ไอ้เหี้ยโจ้

มึงบ้าหรือไงวะ

มึงแม่ง.........

คนที่นอนหลับยกหลังมือขึ้นถูจมูก เห็นแค่นั้น นิวก็รีบร้อนละล่ำละลักยอมตกลงทันที

“เออ เออ ปล่อยกูได้แล้วสัด”

แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย ได้ ได้ จะปล่อยเดี๋ยวนี้แหละจ่ะ

“จุ๊บ”

แกล้งแตะริมฝีปากไปที่หน้าผากของคนที่นอนนิ่งให้กด
ไม่ได้แตะแรง แต่จงใจให้เกิดเสียง และนิวก็ถึงกับของขึ้นโมโหจนแทบจะลุกขึ้นนั่งได้โดยไม่ต้องออกแรง
แต่ช้ากว่าโจ้ที่ผละจากออกมาง่าย ๆ และเตรียมตั้งรับอยู่ก่อนแล้ว

“ฝันดีนะจ๊ะ บ้ายบาย”

รีบขยับหนีทันที และก็โดนคนที่ลุกขึ้นนั่งใช้เท้ายันมาที่หลัง

ไม่ได้เจ็บมาก แต่ก็มีเสียงดังอั่ก และโจ้ก็รู้สึกว่าไอ้คนถีบจงใจถีบหาเรื่องไม่ใช่จงใจถีบเล่น ๆ

แต่ก็คุ้มวะ แม่งคุ้มชิบหาย

คุ้มมาก จนได้มายืนรอรถกับไอ้นิวที่ป้ายรถเมล์แบบนี้ ยืนรอและโจ้ก็ยิ้มเล็ก ๆ ยิ้มไปเรื่อยเปื่อย
ผิดกับนิวที่มีสีหน้าเหมือนแบกโลกเอาไว้ทั้งโลก

“นิว”

เออ

เรียกหาพ่อมึงเหรอ

“คบนะ ตกลงคบกันนะ”

กวนตีนนะมึง สัดยังจะพยายามอีก

“ว่างมากไง”

ก็ใช่ไง

“ก็กูว่างไง ถึงชวนมึง ถ้าคบกับมึงกูจะได้ไม่ว่าง ไม่รู้เป็นอะไรเวลาว่างแม่งชอบคิดมาก......กูก็เป็นพวกชอบแดกยาแรงซะด้วย อยู่ใกล้ ๆ ทุกวันมันจะได้ชิน พอนาน ๆ ไปจะได้ไม่รู้สึกอะไร มึงว่างั้นมั้ย”

ไม่....

“ถ้าชอบแล้วรู้ว่าเป็นไปไม่ได้กูจะเดินหนีออกมา”

เหรอ

“อ๋ออออออออออ งั้นที่มึงเดินหนีกูออกมานี่ ก็เพราะชอบกูงั้นสิ”

นิวไม่ตอบ แต่มองหน้าคนบางคนอย่างเอือมระอา

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้กูบอกไอ้กัสเลยมั้ย ว่ามึงกับกูคบกัน.....ใจง่ายจริงนะมึงเนี่ย .....รักใครก็รักง่ายๆ บทจะเลิกรักก็ทำได้ง่าย ๆ คนแบบมึงนี่ถามจริงๆ เหอะเกิดมาเคยรักใครจริงบ้างมั้ย”

นิวกำลังประชด แต่โจ้ขมวดคิ้วมุ่น และจ้องหน้าของนิวตาไม่กระพริบ

“กูไม่ดูแล้วหนัง ฝากทิ้งตั๋วด้วยแล้วกัน”

ยัดตั๋วหนังใส่มือของนิว และโจ้ก็โบกแท็กซี่ที่กำลังขับเข้ามาจอด เดินไปเปิดประตูรถและขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางความมึนงงของนิวที่ไม่ทันได้พูดอะไรคนบางคนก็ไปซะแล้ว

“อ้าว ไอ้เหี้ยโจ้”

พูดอะไรไม่ออก และมองตั๋วหนังที่อยู่ในมือ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดหาหลายเลขที่ควรโทรตาม

มองอยู่นาน มองไปเรื่อย คิดว่าจะโทรออก แต่สุดท้ายก็ไม่โทร หย่อนโทรศัพท์ใส่ลงในกระเป๋าเสื้ออีกครั้ง

รถเมล์เข้ามาจอดที่ป้ายและนิวก็ก้าวขาขึ้นรถ นั่งลงบนเก้าอี้ว่างและมองออกไปนอกหน้าต่างรถ

มอง..........และครุ่นคิดไปเรื่อย คำพูดบางอย่างมันก็รุนแรงเกินไป

รุนแรงเกิน...........และไม่ควรพูดออกไป

หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ได้โทรหาแต่พิมพ์ข้อความบางอย่าง
ข้อความถูกส่งไปแล้ว และนิวไม่รู้คำตอบว่าจะออกมาแบบไหน แต่ก็แอบลุ้นในใจเงียบ ๆ

.........อยากดูหนัง...ก็รีบตามมา.............

TBC.

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Lonelyนู๋โรนลี่

  • ฉุด กระชาก ลากถู พาเข้า.....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
เหยยย อ่านไปอ่านไปมาก็เริ่มรู้สึกว่านิวคงจะเคะจริงๆละนะ...T_T จากตอนแรกที่ดูเหมือนจะเมะ
อืม...โจ้ทำเพราะหวังจะได้ไม่เศร้าตอนอกหัก แต่ก็ไม่ได้รักจริงๆนั่นละ อย่าเล่นเลยโจ้
ส่วนหยก รีบกลับมาาาาา น้องกัสรออยู่ เร็วเร้วๆ มาพร้อมสินสอดทองหมั้นเลยนะ อิอิ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ ~มือวางอันดับ1~

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
โจ้จีบนิวได้นักเลงมาก บอกนิวง่ายๆ ไม่อยากแดกแห้ว งั้นนิวแจกอะไรให้โจ้ดี :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) นิวงอน

ดูหนังจบแล้ว และนิวก็ลุกขึ้นยืน หนังรักปนตลก ดูได้เรื่อย ๆไม่ได้มีอะไรน่าสนใจมากนัก แต่ก็ไม่ถือว่าขาดทุนอะไร ดูเพลิน ๆ

ดูไปเรื่อย ๆ ขำบ้าง ง่วงบ้าง แต่จะเอาอะไรมากมาย มันก็ต้องแบบนี้แหละ

การดูหนัง...........คนเดียว...........

ใช่ว่าจะไม่ชินกับการดูหนังคนเดียว ชินมาเกือบพักใหญ่แล้ว หลังจากเลิกกับอ้อ เสียใจหรือเปล่ายังตอบไม่ได้เลย
แต่ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ ระหว่างที่ยังคบกับอ้ออยู่ หัวใจมันเอนเอียงไปหาใครซะแล้ว แบบนี้มันไม่ต่างอะไรจากการหักหลัง
ไม่ได้อยากเลว แต่ความรู้สึกไม่ใช่จะห้ามกันได้ง่าย ๆ ยับยั้งชั่งใจได้ถึงขนาดนี้ก็นับว่าดีแล้ว

ผิดกับไอ้...........

เออช่างมันเหอะ

ไม่ได้คิดจะง้อมันหรอก แต่เพราะเหตุผลจำเป็นหลาย ๆ อย่างประกอบเข้าด้วยกัน ก็เลยต้องทำ ทำเพราะมีเหตุผลมารองรับ ทำเพราะมีคำว่าควรหรือไม่ควร และมองออกว่าอะไรจะตามมาบ้างถ้าไม่ยอมง้อ

ก็เลยง้อ

กูง้อมึงแล้วนะ ไม่ใช่ง้อเพราะรู้สึก แต่ง้อเพราะเหตุผล มีเหตุผลสนับสนุนมากพอ ว่าสมควรง้อ
ข้อแรกคือกูพูดแรงไป เรื่องบางอย่างรู้แก่ใจแต่พอกลายเป็นคำพูดมันก็ดูหนักหนา และแรงเกินกว่าที่คนฟังจะรับได้

แต่ว่า... ปกติกูก็ไม่เคยจะมาสนใจนี่หว่า ว่าแม่งจะแรงไปหรือเบาไป

ปกติแค่คิดว่า ด่าเอามันส์ ให้แม่งสำนึกซะบ้าง ไม้นวมเล่นไม่ได้ ก็ใช้ไม้แข็ง ด่ากันซึ่งหน้าก็ทำมาแล้ว รู้ด้วยว่าจะมีอะไรตามมา
แต่ก็ไม่เคยจะสนหรือใส่ใจ

แล้วอยู่ดี ๆ ........... ก็มีเหตุผลในการง้อขึ้นมา

แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรต้องคิดมาก ปราม ๆ ไว้ เล่นไม้อ่อน เผื่อบางที มันอาจจะหยุดพฤติกรรมโง่ ๆ ของไอ้โจ้ได้บ้าง

ประมาณนั้น

ก็คงจะ.........ประมาณนั้น

แล้วก็...

นิวเดินเรื่อยมาตามทางเดินที่ปูด้วยพรมหนานุ่ม หยุดมองโปสเตอร์หนังเรื่องอื่น ๆ ที่มีกำหนดเข้าฉาย และก็เดินออกมาเรื่อย ๆ

สายตามองไปที่ใบปิดโฆษณาหนังที่น่าสนใจ แต่ไม่ได้หยุดดู เดินลงบันได และกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ไปเรื่อย แต่ก็มาสะดุดสายตากับใครบางคนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้

“...........”

ชะงัก และยืนนิ่งมอง

ใครบางคนนั่งหน้าบึ้งอยู่ที่เก้าอี้นวม มีแก้วน้ำสองแก้ว และถังใส่ป๊อปคอร์นวางอยู่บนโต๊ะ

ไม่ได้พูดอะไรกันมาก

และนิวก็นั่งลงไปนั่งบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้าง ๆ กับคนที่นั่งหน้าบึ้ง

มองหน้าของอีกฝ่ายแว่บเดียวและก็แกล้งมองเมินไปทางอื่น เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ และคนที่อยู่ตรงหน้าก็ทำแบบเดียวกัน

ยังไงวะ

ตกลงคือยังไง

“ไม่เข้าไปดูวะ”

จะเข้าไปดูได้ยังไง ตั๋วอยู่ที่มึง แถมกูก็จำไม่ได้ด้วยว่าโรงไหน ที่นั่งที่เท่าไหร่
กระหืดกระหอบนั่งแท็กซี่ตามมา และซื้อทั้งน้ำและป๊อปคอร์น เพื่อจะได้ไปกินด้วยกัน

แต่โทรหาเท่าไหร่แม่งก็ไม่รับ

จะโทษไอ้นิวก็ไม่ได้ อยู่ในโรงหนังรับโทรศัพท์คงแปลก คนข้าง ๆคงด่าน่าดูถ้าทำแบบนั้น

“เออ ช่างแม่งเหอะ กูซื้อน้ำมาสองแก้ว มึงเอาไปกินแก้วหนึ่งไป”

อ้าว

ไม่ดูหนัง แต่ซื้อน้ำมาให้กินเนี่ยนะ ยังไงวะ ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งแง่หรือคิดอะไรอยู่กันแน่

นิวไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่ทันคิด สิ่งที่ทำก็เพียงแค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา

ว่าเวลานี้เป็นเวลาเท่าไหร่ และแค่เห็นหมายเลขโทรเข้ามากกว่าสามสิบสาย ก็เข้าใจทันที แบบนี้นี่เอง

“มึงจะดูรอบมิดไนท์มั้ยล่ะ กูจ่ายค่าตั๋วเอง”

มันก็แค่คำพูดลอย ๆ ของนิวที่คนพูดไม่ได้มองหน้าของคนที่ต้องฟัง และคนที่รู้ว่าตัวเองต้องฟัง ก็ฟังเงียบ ๆ โดยไม่ออกความคิดเห็น

แม่งไม่รู้ยังไง กูรู้สึกเหมือนตัวเองงอนว่ะ

เกิดอาการงอนแบบไม่มีเหตุผล งอนขึ้นมาดื้อ ๆ ซะงั้น โคตรไม่มีเหตุผลเลยกู

“ไม่ดู”

โจ้ตอบออกไปแล้ว และนิวก็ทำเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นสูง และเหลือบสายตามองหน้าของคนที่ตอบคำถามแบบโง่ ๆ ออกมา

เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าเสื้อเรียบร้อย และนิวก็นั่งกอดอกมองหน้าของคนที่ทำเป็นอยู่หน้าเดียวคือหน้าบึ้ง

ยังไง

เป็นเหี้ยอะไร

นี่กูว่ากูง้อแบบเต็มที่สุด ๆแล้วนะ แฟนก็ไม่ใช่ ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ แล้วมันเรื่องอะไรที่กูต้องมาง้อมึงด้วยวะ

กูขี้เกียจหาเหตุผลสนับสนุนแล้ว ทั้งที่จริง ๆ กูจะทำแบบนั้นก็ได้ แต่กูก็ชักขี้เกียจจะทำแล้วจริง ๆ

“เป็นเหี้ยอะไร”

กูไม่ได้เป็นเหี้ย กูยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นอะไร แม่งหงุดหงิดโดยไร้เหตุผล บอกไม่ถูกจริง ๆ

“เออ ช่างกูเหอะ”

แน่ล่ะ มันก็ต้องช่างมึงอยู่แล้ว

รำคาญว่ะ แม่ง
นิวลุกขึ้นยืน และไม่คิดจะสนใจคนที่ทำหน้าบึ้งอีก

ไม่คิดจะสนใจ

ไม่คิด

“รอบมิดไนท์ก็ได้”

เหรอ

“ก็ดูสิ”

ตอบแค่นั้น แต่ไม่ได้บอกว่าจะดูด้วย นิวเดินออกมาทันที ทิ้งให้โจ้นั่งอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น

หยิบแก้วน้ำและกล่องใส่ป๊อปคอร์นเดินตามออกมา ก้าวขาเร็ว ๆ และแทบจะกลายเป็นวิ่งเมื่อคนที่เดินนำหน้ากำลังกดลิฟท์เพื่อลงไปชั้นล่าง

รีบวิ่งเข้าลิฟท์แทบไม่ทัน และมายืนข้าง ๆ คนที่ยืนกอดอกอยู่ในลิฟท์ก่อนแล้ว

ยืนนิ่ง และโจ้ก็เหลือบสายตามองนิว คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่รู้ตัวว่าถูกมอง

เหลือบมอง โดยลืมนึกไปว่าตรงหน้าคือกระจก และนิวก็เห็นชัดเต็ม ๆ ตาว่ามีใครมอง

ชัดนะมึง อาการเยอะเกินไปนะ กูอายชาวบ้านเขา

ประตูลิฟท์เปิดออกแล้ว และนิวก็ก้าวขาออกมาโดยมีโจ้วิ่งตามออกมาด้วย

ไม่พูดกัน
ไม่มีใครพูด

คนหนึ่งเดินหนี อีกคนเดินตาม

ไว้ฟอร์มกันอยู่ในที แต่จริง ๆ ก็รู้กันว่าอะไรเป็นอะไร

พื้นที่ตรงหน้าเป็นลานกว้าง ในยามค่ำคืนสายลมเย็น ๆ ที่พัดมาปะทะใบหน้า มันชวนให้อยากหาที่นั่งพักผ่อนเพื่อมองวิวทิวทัศน์ในเวลาดึกที่ผู้คนยังมีเดินกันขวักไขว่ และทุกคนคงมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือกลับบ้าน

กลับไปพักผ่อน

แต่นิวมองหาที่นั่ง

และก็ได้ที่นั่งอย่างที่ต้องการ ปีนขึ้นไปนั่งบนพื้นที่ว่าง ที่ลาดยาวปูด้วยหินอ่อน ใช้สำหรับเป็นที่นั่งได้

และโดยไม่ต้องคิด มีเพื่อนมานั่งด้วยหนึ่งคน

โจ้ยื่นแก้วน้ำส่งให้ และนิวก็รับมาถือเอาไว้ หมุนหลอดเล่นและก็วางแก้วน้ำทิ้งไว้ข้าง ๆ

“ไม่กินวะ น้ำแข็งละลายหมดแล้ว”

เออ

ก็ได้

ยกแก้วน้ำขึ้นและดูดน้ำในแก้วพอเป็นพิธี ก่อนจะวางเอาไว้ข้างตัว และมองไปที่ผู้คนที่กำลังเดินกันขวักไขว่ แต่ไม่ได้มากมายเหมือนช่วงหัวค่ำ

นั่งไปเรื่อย ๆ

มองไปเรื่อย ๆ

ทอดอารมณ์ไปกับภาพที่เห็น แสงไฟระยิบระยับจากตึกสูง แสงจากรถที่กำลังแล่นกันขวักไขว่บนท้องถนน นิวนั่งมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย โดยมีโจ้นั่งเป็นเพื่อน

นั่ง.........เป็นเพื่อน....

“คิดอะไรวะ”

คิดอะไรเหรอ

คิดอะไรดีวะ ไม่รู้สิ พอดีกูไม่ได้คิดอะไร

“แล้วมึงคิดอะไรล่ะ”

เหี้ยนิวกูถามมึงแทนที่จะตอบ เสือกยอกย้อน
คิดอะไรเหรอ
คิดอะไรดีวะ คิดอะไร..........

โจ้ไม่รู้จะตอบยังไง หาเหตุผลมาตอบคำถาม แต่สายตาเหลือบมองไปที่ใบหน้าด้านข้างของคนที่ถามคำถามบางอย่างขึ้นมา

........คิด....เรื่อง...ของมึง....อยู่.....มั้ง.....

“เปล่า”

เป็นคำตอบง่าย ๆ แต่ก็ทำให้นิวเลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะอมยิ้มน้อย ๆ และหันมามองใบหน้าของอีกฝ่ายตรง ๆ

มองหน้า มองนิ่ง ๆ และกลายเป็นจ้องในที่สุด

นิวจ้องหน้าของโจ้ตรง ๆ และโจ้ก็จ้องกลับไม่แพ้กัน

“กูไม่เล่นเกมส์”

เป็นนิวที่พูดออกมาก่อน และโจ้ก็นิ่งฟังอย่างตั้งใจ

กูรู้

“กูก็ไม่เล่นเกมส์เหมือนกัน”

ก็ดี

งั้นเรื่องนี้คงพูดไม่ยากเท่าไหร่ เพราะดูจากท่าทางแล้วแม่งคงไม่ได้พูดเล่น

“มึงไม่เล่นเกมส์แล้วที่มึงทำอยู่สองสามวันนี้เรียกอะไรโจ้”

ก็ไม่เรียกอะไร มึงก็น่าจะดูออก

“จีบ”

อ่อ

ตอบง่ายดีนะ ถ้าแบบนี้เรียกจีบ กูคงโง่มากที่ไม่รู้ว่ามึงจีบ

“เป็นวิธีจีบที่เหี้ยมาก มึงเอานิ้วหัวแม่ตีนคิดใช่มั้ย”

กูไม่ได้เอาอะไรคิดทั้งนั้นแหละ มุกสดทั้งนั้น

“เออ ก็ให้ทำไง จีบคนแบบมึง ต้องทำไงล่ะ แม่งอย่าเรื่องมากเหอะ กูขี้เกียจคิด”

เป็นคำตอบที่คนฟังควรดีใจมาก ไอ้เหี้ยโจ้ ใครได้ฟัง คงดีใจจนช็อคตายห่า อยากเอาตีนนาบหน้าแม่งชิบหาย
 
“กูว่ามึงพอเหอะ แม่งไม่เวิร์คว่ะ กูพูดจริง”

ไม่เวิร์คก็ช่างมึง นี่มันเรื่องของกู ปัญหาของกู กูจัดการเองได้

“ให้จีบไอ้กัส หรือให้จีบมึง”

กูเกลียดมุกเหี้ยนี่มากเลย คิดได้ยังไง มึงพูดแบบนี้อะไรมันก็ชัดเจนไปหมดแล้ว

“มึงกำลังเล่มเกมส์กับกูอยู่นะโจ้”

กูไม่เรียกว่าเล่นเกมส์ กูเรียกมันว่าข้อต่อรอง

“กูไม่ได้เล่นเกมส์ แต่กูบีบให้มึงยอมให้กูจีบอยู่”

คิดได้ยังไงวะ มึงก็คิดได้เนอะ

“แล้วกูต้องยอม?”

ใช่

มึงคงต้องยอม

“มึงไม่ยอมก็เรื่องของมึง กูจะจีบซะอย่าง มึงจะทำอะไรกูได้”

นิวถึงกับส่ายหน้าด้วยความเซ็ง และโจ้ก็หยิบป๊อปคอร์นโยนใส่ปากกินรอเวลา

กูรู้มึงกำลังคิดอยู่ว่าจะเอายังไงต่อไป แต่กูว่าคำตอบมันก็มีทางเดียวนั่นแหละ

“มึงจะจีบกู มึงก็จีบไป แต่มึงอย่ายุ่งกับไอ้กัส”

ได้ฟังคำนี้คำเดียว เมื่อก่อนคงจะโมโห แต่ในเวลานี้อยู่ดี ๆ ความโมโหก็เปลี่ยนความหงุดหงิดไม่พอใจ

ปกป้องกันชิบหายนะ

ตกลงนี่ถือเป็นข้อแลกเปลี่ยนเหรอ ถ้าใช่ กูจะรับเอาไว้ก็ได้

“มึงให้กูจีบแล้วนะ งั้นกูตกลงจะไม่ยุ่งกับไอ้กัสเด็ดขาด ตลอดระยะเวลาที่มึงยอมให้กูจีบ”

เหอะ ปัญญาอ่อนซะให้พอ มึงจะเล่นบ้าบอคอแตกอะไร ก็เล่นไป มึงอยากจะทำอะไรก็ทำไป เรื่องของมึง จีบบ้าบอห่าเหวอะไรนี่อีก กูไม่เล่นด้วยมันก็จบ

แค่ไม่เล่นด้วยก็จบแล้ว มีอะไรหรือไง

คิดพิจารณาดูแล้ว มันก็ไม่มีอะไรต้องเสีย แค่เฉยซะแล้วมองไอ้ตัวปัญหาบ้าบอเป็นอากาศธาตุ ทุกอย่างมันก็จบ

“เชิญตามสบาย”

ได้

เชิญตามสบายเองนะ เชิญตามสบายงั้นกูจัดให้

โจ้กระโดดลงจากที่นั่ง และรีบคว้ามือของนิวมาแตะที่ริมฝีปากเบา ๆ ไม่ทันได้ทำอะไรมากกว่านั้น ก็ต้องเซถลาเพราะแรงถีบของนิวที่ตั้งสติได้ก็ถีบเข้าที่ยอดอกของโจ้เต็มแรง

“ไอ้เหี้ยยยยยยยยย”

โดนด่า และโจ้ก็ถอยห่างออกมายืนมองหน้าของนิว ที่กำลังสะบัดมือไปมาและเช็ดถูที่หลังมือของตัวเองด้วยความขยะแขยง

“ตอนนี้ทำเป็นถือตัวไปก่อนเหอะ แต่อีกไม่นานกูจะทำให้มึงอยากให้กูทำยิ่งกว่าที่ทำตอนนี้”

ไอ้โจ้แม่งเป็นห่าอะไรวะ เพ้อเจ้ออะไรของมันไม่ยอมหยุด

“ประสาทกลับหรือไง สัด”

เออ กูประสาทกลับ ตอนนี้มึงก็พูดไปเหอะ มึงอยากพูดอะไรก็พูดไปแล้ว แล้ววันหนึ่งมึงจะซึ้งจนร้องไม่ออก
สักวันหนึ่งกูจะทำให้มึงซึ้งจนพูดอะไรไม่ออกให้ได้

“ดูถูกกูไปเหอะ แล้วก็ระวังตัวของมึงไว้แล้วกันไอ้นิว...อีกไม่นานมึงเป็นแฟนกูแน่ แล้วอย่ามาหาว่ากูไม่เตือน”

TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2014 23:31:26 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ butter.juliet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
คู่ยี้ฮาร์ดคอร์มากกกกกก  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
เป็นการจีบที่สุดสวิงดิงโก้มากอ่ะ 5555
โจ้จีบได้โหดมาก กร๊ากก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด