@@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98  (อ่าน 755375 ครั้ง)

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ฝัน

“จะ...ทำ...อะ....ไร...”

ดวงตาที่จ้องมองตรงมา มีแววตื่นตระหนก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของหยกลดน้อยลงไปได้เลยสักนิด

“ทำ...อะ...ฮื่อออ”

กัสเบี่ยงหน้าหลบไปอีกทาง เมื่อปลายจมูกของใครบางคนฝังลงที่ซอกคอ กดซ้ำ ย้ำ ๆ และซุกไซร้เรื่อยลงมาที่ลาดไหล่

ไม่ได้ผลักไส เพราะไม่รู้จะจัดการกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นยังไง

ดวงตาลอยคว้าง พยายามทำความเข้าใจ กับสัมผัสแผ่วหวาน แต่ทิ้งความร้อนเอาไว้ทั่วทั้งร่าง

ไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ

“กัส ฮืออ”

ได้ยินเสียงเรียก และมีเพียงความสับสนมึนงงไม่เข้าใจ

ทำไมทำแบบนี้

ทำไมเรียกแบบนี้

ทำไมถึงทำแบบนี้ด้วย .........เพราะอะไร...

กัสนอนนิ่ง ดวงตาเลื่อนลอย เหม่อมองไปที่เพดานห้อง

สับสน มึนงง และเมื่อหยกผละใบหน้าออกจากซอกคอ และจ้องมองตรงมา กัสถึงได้เริ่มรู้สึกตัว

แม้จะมีบางอย่างที่ทำให้ไม่เข้าใจ

หวั่นใจ

และอาจรวมไปถึงหวั่นไหว แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นและไม่ทันตั้งรับได้

“ถ้าไม่ห้าม จะไม่หยุดให้หรอกนะ”

แต่ถ้าห้ามจะหยุดใช่มั้ย

“.............”

ไม่ห้าม เพราะพูดไม่ออก ที่ไม่ห้าม เพราะไม่รู้ว่าห้ามแล้วทุกอย่างจะจบลงยังไง มันอาจจะกลายเป็นความเงียบงัน และคงจะไม่สามารถต่อกันติดได้อีก

แต่ถ้าไม่ห้าม.........และอะไรบางอย่างเลยเถิดไปไกล จะเป็นยังไง เราอาจจะมองหน้ากันไม่ได้อีกเลยตลอดชีวิต

แต่.....อย่างน้อย การได้รู้สึกถึงตัวตนของหยก มันก็เป็นสิ่งที่อยากได้รับมากที่สุด

อ้อมกอดแสนอบอุ่น รอยสัมผัสหวาน ๆ ที่แตะเบา ๆ ซ้ำ ๆ ที่ข้างแก้ม

ถ้าจะให้หยุด ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าไม่หยุด แล้วทุกอย่างจะเป็นยังไง สุดท้าย ทุกอย่างมันจะจบลงอย่างง่ายดายหรือเปล่า

ทั้งที่หยกต้องการ บางทีนี่อาจเป็นความต้องการที่หยกไม่เคยเรียกร้อง แต่เมื่อหยกขอ แล้วทำไมถึงไม่ให้

”กัส”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มแผ่วเบาที่เรียกกัสอยู่เสมอ

มองหน้าของหยก มองไปที่ดวงตา และเมื่อดวงตาสบกัน เกิดเป็นความเงียบงันระหว่างคนสองคน เงียบจนได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นระทึก ฝ่ามืออุ่น ๆ แตะเบา ๆ ที่หน้าผาก และปลายจมูกของหยกก็ตามลงมา

แตะสัมผัสแผ่วเบา มันอบอุ่น อ่อนหวาน จนไม่อยากให้สัมผัสแบบนี้จางหายไป

บางทีเวลานี้คงกำลังอยู่ในความฝัน ความฝันที่ทำให้ล่องลอยไปไกลแสนไกล

ปราศจากความรู้สึกผิดชอบชั่วดี มีเพียงแค่ความอบอุ่นเท่านั้น ที่อยากได้ การได้รับรู้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายเท่านั้น ที่อยากได้ในเวลานี้

“กัส”

มองที่มือของตัวเอง สัมผัสแผ่วเบาที่ประทับลงที่หลังมือ

รอยจูบที่ร้อนผ่าว และเมื่อริมฝีปากคู่นั้นจูบซ้ำลงมาหลายครั้ง ก็ยิ่งทำให้กัสไม่คิดจะหยุดอะไรอีกต่อไปแล้ว
หยกเกลี่ยปลายนิ้วที่เส้นผมที่ปรกอยู่ที่หน้าผากของคนที่ทำเพียงอย่างเดียวคือนอนนิ่ง และจ้องมอง

ไม่มีคำพูด

มีเพียงดวงตาที่มองตรงมา มองทุกการกระทำ และเหมือนกำลังพยายามจดจำทุกสิ่งทุกอย่างทุกวินาทีที่เกิดขึ้น

บางทีนี่คงเป็นแค่เพียงความฝันแสนหวานที่เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็คงจะหายไป

แต่ถ้ามันเป็นความฝัน มันก็เป็นฝันหวานที่สุด

ไม่ว่าจะถูกชักจูงไปทางไหน แม้จะไม่รู้จักการจูบ ไม่รู้วิธีการ แต่เมื่อริมฝีปากร้อนรุ่มแนบประทับลงมา กัสก็พยายามเรียนรู้วิธีการที่อีกฝ่ายปรนเปรอมอบให้

โหยหา

แม้จะเพิ่งเคยลิ้มลอง แต่ก็โหยหา ร่ำร้องอยากได้ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ไม่รู้จบ

ยกแขนโอบรัดรอบคอของคนที่กำลังมัวเมาอยู่กับริมฝีปากนิ่มที่เปิดรับปลายลิ้นที่สอดเข้าหาและเกี่ยวกระหวัดพัวพัน

ยิ่งได้ลิ้มลอง ชิมรสชาติภายในโพรงปากที่อีกฝ่ายเต็มใจมอบให้ยิ่งรู้ว่าทุกอย่างไม่มีทางหยุดได้อีกแล้ว
หยกลากฝ่ามือเข้าไปภายในเสื้อยืดผืนบาง ลูบไล้สัมผัส และจัดการถอดออกและโยนทิ้งไว้ข้างเตียง

ไล้เลียปลายลิ้นไปที่ยอดอกที่แข็งขืนขึ้น
ก่อนจะลากฝ่ามือลงมาที่กางเกงและสอดฝ่ามือเข้าไปแตะสัมผัสบางอย่างที่อยู่ภายใน ครอบครองทุกอย่างเอาไว้ด้วยฝ่ามือ ขยับเพียงแผ่วเบา และทุกครั้งที่ขยับมือ ใบหน้าเนียนจะขึ้นสีแดงเรื่อ พร้อมเสียงครางแผ่ว ๆ เหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งเริ่มรู้จักสัมผัสแบบนี้

เกาะกุมส่วนนั้นเอาไว้ รูดรั้งขึ้นลง แผ่วเบา จนแข็งขืนขึ้น ก่อนจะรั้งออกมาทั้งหมดและดึงกางเกงออกจนหลุดไปจากปลายเท้า
จับมือของกัสให้สัมผัสกับความร้อนรุ่มนั้น และหยกก็หยัดกายขึ้นปลดกางเกงของตัวเองออก

ความแข็งขืนใหญ่โตชูชันเต็มที่จนเห็นชัด เพียงแค่กางเกงชั้นในหลุดพ้นออกจากปลายเท้า ความใหญ่โตที่เปียกชุ่มไปด้วยหยดน้ำใสจากส่วนปลาย ขยับขึ้นลงให้รู้ว่าพร้อมยิ่งกว่าพร้อม

กัสปรือตาขึ้นมองแล้วก็ได้แต่เบิ่งตากว้าง สลับกับมองหน้าของหยก

ไม่กล้าแตะ แต่เมื่อหยกดึงมือให้ลองจับเอาไว้และให้ลองใช้มือขยับขึ้นลงให้ ก็รับรู้ได้ถึงการขยายตัวขึ้นของสิ่งที่อยู่ในฝ่ามือ ร้อนรุ่มไปหมดตลอดทั้งความยาว

“ขอนะ”

ไม่มีการตอบรับมีเพียงดวงตาที่สบกันนิ่ง และหยกก็เข้าใจมันได้ในทันที

หยิบบางอย่างจากหัวเตียงออกมา เทชโลมและสอดปลายนิ้วเข้าไปที่ช่องทางคับแคบที่ไม่ยอมเปิดรับ

กดนิ้วแทรกเข้าไปหลายครั้ง เพื่อให้คุ้นชิน และคนที่นอนนิ่งก็แอ่นเอวขึ้นสูง เปล่งเสียงร้องครางแผ่วเบา

“อื้อออ อ่ะ เจ็บ”

ไม่เจ็บหรอก

“อย่าเกร็งนะ ทำเบา ๆ”

กดปลายนิ้วเข้าออกอีกหลายครั้ง กดแทรกเรื่อย ๆ และสังเกตสีหน้าอาการของคนที่เริ่มแยกขาออกกว้างและชันเข่าขึ้น

กัสขมวดคิ้ว และจิกปลายเล็บไปที่ฟูกนอน เพื่อระบายความเจ็บปวด

หยกใช้มือประคองที่ความอ่อนไหวที่ไร้เรี่ยวแรงก่อนจะใช้ฝ่ามือรูดรั้งขึ้นลง เพื่อเพิ่มความรู้สึกให้ และในเวลาไม่นานส่วนนั้นก็ตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง สอดแทรกปลายนิ้วเข้าออกหลายครั้งที่ช่องทางนุ่มหยุ่นและเอ่ยถามคนที่เริ่มแยกขากว้างขึ้นเรื่อยๆ

“หายเจ็บหรือยัง”

“อือ”

พยักหน้ารับ

และเมื่อช่องทางที่ถูกขยายเริ่มคุ้นเคยกับสิ่งแปลกปลอมที่แทรกเข้าไปมากขึ้น เริ่มเปิดรับปลายนิ้วที่สอดเข้ามามากกว่าหนึ่งนิ้ว

ในเวลาไม่นาน บางสิ่งบางอย่างที่ใหญ่โตกว่าก็ถูกแทนที่เข้ามากดแทรกส่วนปลายเข้าไป และมันเทียบไม่ได้กับนิ้วที่เล็กกว่าไม่รู้กี่เท่า

”โอ้ยยยยย เจ็บ”

ถ้าให้หยุดคงหยุดไม่ไหว สิ่งที่ทำได้ในเวลานี้คือ

อย่าให้อีกฝ่ายรู้ตัว

โถมกายลงมาไม่ให้ตั้งตัว และท่อนลำแข็งแกร่งก็ดำดิ่งสอดลึกเข้าไปในช่องทางคับแคบที่ดูดกลืนบางอย่างเข้าไปจนหมด
ทาบทับร่างกายอยู่บนร่างของคนที่มีหยดน้ำตาคลอรินที่ดวงตา

หยกรู้สึกอึดอัดจนทนไม่ไหว ร่างกายอยากปลดปล่อยในเวลานี้

แต่กัสขบริมฝีปากแน่น และแทบไม่ยอมร้องออกมา แม้หยดน้ำจะคลอรินที่หน่วยตา

เห็นแล้วก็สงสาร แต่นอกจากความสงสารแล้วความรู้สึกร้อนแรงก็แฝงมาด้วย

อยากลอง

แม้จะกลัว แต่ก็ไม่ปริปากออกมาสักคำ

ไม่ห้าม และไม่มีแม้แต่คำว่าอย่า

ก็เลยต้องประกบริมฝีปากเข้าหาที่ริมฝีปากที่เม้มแน่น เพื่อดึงความสนใจ

จูบสัมผัสแผ่วเบา สลับกับขบเม้มที่ยอดอก และจูบไล่ไปที่ลาดไหล่ ร่างกายยังคงสอดประสานกัน และยังนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น

ในเวลาไม่นาน หยกก็หยัดกายขึ้น ทั้งที่บางส่วนของร่างกายยังกดแทรกอยู่ในความนุ่มหยุ่นที่กำลังตอดตุบ และรูดรั้งบางอย่างที่กำลังอ่อนตัวลงของกัสเพื่อเพิ่มความรู้สึกให้ ขยับมือไปเรื่อย ๆ จนส่วนนั้นเริ่มตื่นตัวขึ้น จึงค่อย ๆ ขยับสะโพกขึ้นลงอย่างเชื่องช้า

เชื่องช้าจนแทบไม่รู้สึก

ดวงตายังคงจ้องมองไปที่ใบหน้าของร่างที่นอนหลับตาแน่น และขบริมฝีปาก

สังเกตตลอดเวลาว่าอาการดีขึ้นหรือยัง จนเมื่อได้ยินเสียงครางแผ่ว ๆ จึงเริ่มขยับสะโพกเข้าออก กดเข้าไปและทิ้งไว้อย่างนั้น ก่อนจะ กดซ้ำเข้าไปอีกครั้ง

ค่อย ๆ ขยับเข้าออกไปเรื่อยๆ

พร้อมกับช่วยรูดรั้งส่วนกึ่งกลางของร่างกายของร่างที่เปิดรับความแข็งแกร่งเข้าไปให้ด้วย

ขยับฝ่ามือขึ้นลงเบา ๆ สลับกับกดแทรกร่างกายเข้าหา

หยดน้ำที่คลอรินที่หน่วยตาหยดลงที่ข้างแก้ม ไม่มีเสียงสะอื้น แม้แต่น้อย กัสยังคงขบริมฝีปากตัวเองจนขึ้นห้อเลือด และหลับตาแน่น จนหยกต้องแนบร่างกายลงไปหา และเกลี่ยปลายนิ้วไปที่ข้างแก้มขาว ๆ จูบเบา ๆ ที่ดวงตา และริมฝีปาก

“มองหน้ากันสิกัส มองหน้ากันบ้าง”

กระซิบบอกเสียงเบา และกัสก็ยอมปรือตาตื่นขึ้นมามอง ยอมทำตามที่ถูกร้องขอ

ร่างกายส่วนล่างยังขยับเชื่อมความรู้สึกถึงกัน และทุกการขยับไม่ว่าจะกี่ครั้ง ดวงตาสองคู่ก็ยังสบกันอยู่ตลอดเวลา

ทั้งความหวั่นไหว ความหวาดกลัว ทุกสิ่งทุกอย่างที่สื่อออกมา ต่างรับรู้ได้แม้ไม่ต้องพูดกันสักคำ

ทุกครั้งที่รู้ว่ากัสเจ็บ หยกจะแตะริมฝีปากไปที่ริมฝีปากของกัสหนึ่งครั้งเพื่อให้ร้อง ร้องออกมา แต่ไม่ต้องการให้ใครได้ยิน

ทุกครั้งที่เริ่มขยับ ทุกครั้งที่ร่างกายแนบชิดกัน ดวงตาสบกันเสมอ

“ดีหรือยัง แบบนี้พอไหวหรือยัง”

พยักหน้า

ไม่ตอบแต่พยักหน้า และหยกก็ยิ้มออกมาน้อย ๆ แต่เป็นรอยยิ้มที่ร้อนแรงที่สุดตั้งแต่กัสเคยเห็นมา
รั้งแขนของคนที่นอนนิ่งให้โอบรัดที่รอบคอ และเริ่มขยับสะโพกไปมา

ขยับขึ้นลงเชื่องช้า แม้จะรู้ว่าในเวลานี้กำลังจะหมดความอดทนลงเรื่อย ๆ

“ดีหรือยัง”

พยักหน้ารับ และคราวนี้หยกก็เริ่มเพิ่มแรงกดกระแทกจากเชื่องช้าเป็นเร่งจังหวะเร็วขึ้น

เกือบจะทนไม่ไหวตั้งแต่เริ่มสอดใส่ แต่พยายามอดทน พยายามไม่ขยับเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ชิน
แต่คราวนี้เมื่อชินแล้ว ก็เลยกระแทกสะโพกกดเข้าไปในช่องทางที่ตอดรัดความแข็งแกร่งที่อยู่ภายใน

เหมือนจะทนไม่ไหว กำลังจะทนไม่ไหว

แต่ก็รู้ว่าทางนั้นคงไม่สามารถทนความเจ็บปวดได้มากกว่านี้อีก

ถอนร่างกายออก พร้อมกับรวบความแข็งแกร่งชูชันของอีกฝ่ายเข้ามาอยู่ในอุ้งมือด้วยกัน แนบชิดความแข็งแกร่งและความร้อนรุ่มเข้าหากัน และขยับฝ่ามือไปมาพร้อมกันอย่างรุนแรง

แรงขึ้นเรื่อย ๆ

แรงจนสะโพกเกร็งและแหงนเงยใบหน้าขึ้น

ก่อนจะปล่อยความแข็งขืนของอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ และกดแทรกท่อนลำแกร่งเข้าไปในช่องทางที่เปิดรับอีกครั้ง

กดส่วนปลายเข้าไป และขยับเข้าออกอีกไม่นาน

สอดปลายนิ้วกุมกระชับกับฝ่ามือของกัสที่นอนหลับตาแน่น และสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวแข็งแกร่งที่ขยับอยู่ภายใน
รู้สึกถึงการสอดแทรกเร็วแรงอีกไม่กี่ครั้ง

ก่อนที่หยกจะครางออกมา

“อือออ เสร็จแล้ว กัส เสร็จแล้ว อาส์”

แหงนเงยใบหน้าขึ้น และกัสก็ปรือตาขึ้นมองและได้รู้ว่าอีกฝ่ายก็มีอารมณ์ร้อนแรงแบบนี้เหมือนกัน ยิ่งได้เห็นยิ่งรู้สึกว่าใบหน้ากำลังร้อนผ่าวจนต้องเมินหน้าหนีด้วยความอาย

และเมื่อสิ่งที่อยู่ภายในร่างกายถูกถอดถอนออก หยดน้ำสีขาวขุ่นก็ไหลตามออกมา และกัสก็ถึงกับสะดุ้ง เมื่อบางอย่างที่อยู่ในร่างกายมาพักใหญ่ถูกถอนออก

หยกมองหน้าของกัสที่ยังมีแววหวั่นไหว

รู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ถึงจุดหมาย ขยับลงมานอนข้าง ๆ และรูดรั้งส่วนของร่างกายที่ยังตื่นตัวถึงขีดสุด ดูดดุนปลายลิ้นไปที่ยอดอกเพื่อเพิ่มความรู้สึกให้

“กัส จะเสร็จแล้วบอกนะ”

อือ

หอบหายใจหนัก มากขึ้น และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับที่ถูกขบเบา ๆ ที่ยอดอก ความร้อนกำลังแล่นพล่านไปทั่วร่างจนต้องร้องครางออกมา

“อืออออ อ่ะ อื้อออออ”

แอ่นสะโพกขึ้นและเกร็งไปทั้งร่างเมื่อหยกขยับมือแรงขึ้นและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

“ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหว อื้อออออ”

ความรู้สึกร้อนผ่าวไหลเวียนไปที่จุดเดียว ร่างกายกำลังถึงจุดสิ้นสิ้น

“อาส์ อึก อา เสร็จ...แล้ว หยก อือออ”

หยาดหยดขุ่นข้นหลั่งรินออกมา ปลดปล่อยออกมาทุกหยด หลั่งทะลักออกมาเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งฝ่ามือของคนที่อมยิ้ม และจูบเบา ๆ ที่ริมฝีปากของกัส

“น่ารักจริงวะ”

ไม่ได้ฟัง ไม่ทันฟัง เพราะหมดเรี่ยวแรง พูดอะไรต่อไม่ได้อีกแล้วนอกจากหลับตาแน่น และความรู้สึกร้อนรุ่มที่อัดแน่นภายในร่างก็ค่อย ๆ จางหายไป

เหมือนฝัน

ล่องลอย

ไปไกลแสนไกล

ไม่อยากตื่น

ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่อยากตื่น ไม่ว่าจะถูกจูบซ้ำ ๆ อีกกี่ครั้ง

ในเวลาไม่นาน สัมผัสได้ถึงความเย็นสบายของผ้าขนหนูที่เช็ดไปทั้งร่างกายไม่เว้นแม้กระทั่งช่องทางที่มีหยดน้ำขุ่นขาวเปรอะเปื้อนอยู่

รู้หมดทุกสัมผัส รู้สึกแต่ปรือตาตื่นขึ้นมาไม่ไหว เหนื่อย..... เจ็บ..... และไร้เรี่ยวแรง

ได้แต่นอนนิ่งเงียบ

และในเวลาไม่นานก็สัมผัสได้ถึงอ้อมแขนอุ่น ๆ ที่รั้งร่างของกัสเข้าไปในอ้อมแขน และจูบประทับที่หน้าผากเบา ๆ อีกหลายครั้งนับไม่ถ้วน

“เป็นไงบ้าง ทำไมเงียบแบบนี้วะ”

ได้ยินเพียงแค่นั้น และสำนึกได้ว่ามันคงเป็นแค่ความฝัน ฝันหวานที่ไม่อยากตื่น

อยากหลับแบบนี้ไม่ยอมตื่นไปตลอด

“หยก.....”

คนที่กอดเอาไว้คือหยก
ขยับร่างกายเข้าหาไออุ่น และแนบใบหน้าเข้าที่แผ่นอกกว้างของคนที่กอดกระชับไว้แน่น และสัมผัสได้ถึงแรงจูบเบา ๆ ที่เส้นผม

ฝันดี

อยากฝันดีแบบนี้ตลอดไปไม่อยากตื่น

อยากฝันดี

อยากให้ในฝันมีหยกอยู่ข้าง ๆ กายแบบนี้ตลอดไป

อยากนอนหลับไปตลอด และไม่ต้องตื่นขึ้นมาพบเจอกับความเจ็บปวดในชีวิตอีกเลย

TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-06-2014 00:10:17 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ puchi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 762
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
ฝันดีจริงๆๆ..ฝันดีตามกัสไปเลย

คู่นิวโจ้ก็น่ารัก

ออฟไลน์ Scream

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชอบโจ้นิวมาก  :katai1: :katai2-1: :hao7:
เป็นอะไรที่น่ารัก

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ใช่

“กัส”

ได้ยินเสียงเรียก

น้ำเสียงแผ่วเบา ที่กระซิบเรียกที่ข้างหู ปลุกให้คนที่หลับใหลค่อย ๆ ปรือตาตื่นขึ้นมา

ใบหน้าของใครบางคนอยู่ห่างกันแค่คืบ
ดวงตาที่จ้องนิ่งมองมา ทำให้มึนงง สับสนและไม่เข้าใจ

“กินข้าวนะ แล้วเดี๋ยวกินยา”

ทำไมต้องกินข้าว แล้วทำไมต้องกินยา

“ตัวยังร้อนอยู่เลย เดี๋ยวกินข้าวกินยาแล้วจะเช็ดตัวให้”

ทำไมต้องเช็ดตัว

ได้แต่มอง แต่ไม่รู้จะพูดอะไร
มองแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น

อาการปวดหัวกำลังเล่นงาน และรู้สึกว่าการกลืนน้ำลายแต่ละครั้งเป็นเรื่องยากลำบาก

เจ็บคอ

ปวดตามเนื้อตามตัว

แสบตาไปหมด และ.......

ยกหลังมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง และพลิกกายหันหนีไปอีกทางอย่างรวดเร็ว

“กัส”

ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมา และสำนึกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างก่อนหน้านี้

จะเริ่มทำตัวไม่ถูก ไม่กล้ามองหน้า ไม่กล้าพูดด้วย

มันคืออะไร สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร

“โกรธได้ แต่ต้องกินข้าวกินยา แล้วก็เช็ดตัว ไม่งั้นก็ไม่หาย ไข้ขึ้นสูงมาสองวันแล้ว เดี๋ยวก็ต้องเหน็บยาอีก”

รู้

ทำไมจะไม่รู้

แล้วไอ้เรื่องเหน็บยานี่อีก
คงไม่ต้องเหน็บยา ถ้าไม่ไปทำเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ ที่ไม่ควรทำมา

กับ....

“กัส”

ฝ่ามือของคนที่นั่งอยู่ด้านหลังแตะเบา ๆ ที่ไหล่ และกัสก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง นอกจากนอนนิ่งตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ

“เกลียดกันแล้วสินะ”

เกลียดเหรอ

เกลียด

ไม่ใช่

ไม่ได้เกลียด
ไม่ได้เกลียดหยก ไม่เกลียด ไม่เคยเกลียด

ไม่ได้เกลียด

“กูแม่งเหี้ย หน้ามืด ทำเรื่องเหี้ย ๆ กับมึง ดีมึงไม่ลุกขึ้นมาเอามีดแทงกูตายห่า โดนมึงเกลียดแค่นี้ นับว่ายังน้อยไป”

ไม่ได้เกลียด
เปล่า
ไม่ได้เกลียด

ขมวดคิ้วมุ่น และความคิดในหัวก็ตีกันสับสนยุ่งเหยิงไปหมด

“ขอโทษ”

ฝ่ามือที่แตะอยู่ที่ไหล่ ผละจากไปแล้ว และเป็นกัสที่ต้องรีบหันกลับมา

หันกลับมามอง และอยากจะอ้าปากพูดบางอย่าง

แต่เมื่อสบตากับดวงตาที่มีแววเจ็บปวดรวดร้าว กัสก็ได้แต่นิ่งเงียบ

คิดคำพูดไม่ออก

ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี

“เออ...ยังไงก็...กินข้าวก่อนแล้วกันนะ ลุกไหวมั้ย”

ไม่รู้

รู้แค่เจ็บ

มันเจ็บไปหมด และ........เมื่อขยับร่างกายแค่เพียงเล็กน้อยก็รู้สึกได้ตลอดเวลาถึงบาดแผลที่อยู่ภายใน

“โอ้ยยย”

ร้องออกมาเมื่อพยายามจะลุกขึ้นนั่ง

และหยกที่ได้ยินและได้เห็นก็ถึงกับทำหน้าไม่ถูก

มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าคนที่อยู่ตรงหน้า มีสภาพแบบนี้เพราะใคร

ไม่ต้องพูดก็รู้
ที่มันทำอะไรไม่ได้ ขยับตัวนิดหน่อยก็เจ็บ

ต้นเหตุมันมาจากใคร ก็รู้กันอยู่

“ไหวมั้ยเนี่ย”

ไหว

แค่นี้........

ไม่เป็น...อะ....ไร

ก้มหน้าลงแต่ยังคงไม่กล้าพูดอะไร

ยอมนั่งอยู่เฉย ๆ และหยกก็จัดการตักข้าวต้มในชามที่ยังอุ่นอยู่ เป่าเบา ๆ และป้อนให้คนที่นั่งก้มหน้าเงียบ

“ไม่ร้อนแล้ว”

มันคือความอึดอัดใจ ระหว่างคนสองคน

ฝ่ายหนึ่งพยายามพูด ส่วนอีกฝ่ายพยายามพูดแต่พูดไม่ได้
เพราะไม่รู้จะพูดอะไร

เหลือบสายตามองหน้าของคนที่ป้อนข้าวต้มให้ และกัสก็ก้มหน้าก้มตามองแต่ปลายนิ้วของตัวเอง

กินข้าวไปเงียบ ๆ
ไม่มีคำพูดอะไรเลยระหว่างคนสองคน

คนป้อน ป้อนไปมองหน้ากัสไป

คนถูกป้อน กินไปมองนิ้วของตัวเองไป

กินไปเรื่อย
ข้าวต้มหมดแล้ว
และหยกก็หยิบเม็ดยามาส่งให้พร้อมกับน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว

เทเม็ดยาลงคอไปเรียบร้อยและดื่มน้ำตาม

คืนแก้วน้ำให้กับคนดูแลและกัสก็เอนตัวลงนอนอย่างช้า ๆ

“เออ.......มันต้องเหน็บยานะกัส ไม่งั้น....ก็...ไม่หาย”

เหน็บยา

เหี้ยยยยยยยยยยยยยย

“ไม่อาวววววววววว”

ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวและใช้หลังมือปิดตาตัวเอง

คิดไม่ออกไม่รู้จะพูดอะไร
แต่เวลาปฏิเสธ พูดได้ชัดถ้อยชัดคำ

“อย่าดื้อสิวะ แค่เหน็บยาเองไม่มีอะไรหรอก”

ไม่มีเหี้ยอะไรล่ะ

มันใช่เรื่องที่ไหน มันไม่ควรต้องเป็นแบบนี้

“ไม่อ้าววววววววว”

ร้องเสียงสูง และเมื่อฝ่ามือของหยกแตะลงที่ไหล่กัสก็ถอยออกห่างทันที

“แล้วมันจะหายมั้ย”

ช่างหัวแม่ง หายไม่หายก็ช่างแม่งเหอะแต่แบบนี้…..

“ไม่เอา หยก ไม่เอา”

ทั้งปฏิเสธทั้งร้องบอก

และหยกที่ทำตัวไม่ถูกมาตลอดสองวันก็เริ่มยิ้มออกมาได้

ไม่รู้ยังไงนะ

แต่ไอ้กัสตอนนี้ แม่ง.......
อย่างน่ารัก

หน้ามันแดง
แก้มมันแดง
เนื้อตัวมันเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อ ยิ่งเวลาขยับ พาลให้มองเห็นไปถึงข้างใน

ลาดไหล่และซอกคอ ที่ยังมีร่องรอยบางอย่างเด่นชัด

“กัส”

เรียกอีกครั้ง
และคนที่พยายามดึงผ้าห่มมาคลุมก็เงียบเสียงลงแล้ว
เหมือนตั้งใจฟัง

กำลังตั้งใจฟังสิ่งที่หยกพูด

“ไม่งั้นแผลจะอักเสบนะ”

“แล้วถ้าแผลอักเสบคราวนี้เรื่องใหญ่นะ”

“แล้วถ้าเรื่องใหญ่ ต้องไปหาหมอเลยนะ”

“ถ้าไปหาหมอ หมอก็ต้องถามว่าเป็นอะไรนะ”

“แล้วก็...............”

“ไม่อ้าววววววววววววววว”

ยังได้ยินเสียงร้องปฏิเสธเหมือนเดิม และหยกก็ยิ่งยิ้มกว้าง

แม่ง.....

“กัส ต้องเหน็บยานะ ไม่งั้นแผลจะอักเสบเข้าใจมั้ย”

ยิ่งพูดก็ยิ่งไปกันใหญ่
คนที่อยู่ใต้โปงผ้าห่ม สั่นหน้าจนหยกที่นั่งมอง ยิ่งหุบยิ้มไม่ได้

ห่วงมันก็ห่วงอยู่หรอกนะ

แต่แบบนี้มันก็.......ทั้งน่ารักแล้วก็น่าสงสารไปพร้อมกัน

“มึงอย่ามาขู่กูนะ”

เป็นเสียงพูดที่มาจากใต้ผ้าห่มของคนที่ดึงผ้าห่มปิดหน้า

แค่ได้ฟัง หยกก็ถึงกับหัวเราะเสียงเบา

“หัวเราะหาพ่อมึงเหรอ....”

ถ้าพูดได้ขนาดนี้ ก็คงไม่ต้องห่วงแล้วมั้ง ไม่มีอะไรน่าห่วง
ก็ถ้ามันจะพูดขนาดนี้ก็คง.......

ขยับไปนั่งใกล้ ๆ และดึงคนที่ไม่ยอมออกมาจากโปงผ้าให้ออกมาคุยกันดี ๆ

“กัส”

“อย่ามายุ่งกับกู”

โดนปัดมือ และยิ่งพยายามดึงหรือรั้งให้ออกมาเผชิญหน้ากันอีกฝ่ายยิ่งไม่ยอม และทั้งดื้อทั้งดิ้นรนหนี

สุดท้ายเป็นหยกที่ต้องจัดการดึงแขนและลากออกมา

ใช้มือสองข้างกดข้อมือของกัสเอาไว้และตรึงเอาไว้กับที่นอน

“ทำไมดื้อนักวะ”

เหี้ยยยยยยยยยยยย
กูไม่ได้อยากดื้อหรอกนะ แต่กูไม่รู้จะทำยังไงแล้ว

“เหี้ยหยก ไม่เอาแล้ว ปล่อยกูดิ๊”

มันจะอะไรกันนักหนา แค่เหน็บยา

“อย่าดื้อซิ”

หยกพอแล้ว
อย่าทำแบบนี้

อย่ามองหน้า อย่ายิ้มยั่ว อย่าทำเสียงแบบนี้
อย่า..........

ไม่กล้ามองหน้า ยิ่งถูกตรึงแขนไว้แบบนี้ กัสยิ่งเบี่ยงหน้าหนีไปอีกทาง

“โอเค ไม่เอาก็ไม่เอา หันหน้ามาคุยก่อนซิ แล้วจะปล่อย”

จริงเหรอ

หันหน้ามาเหรอ

แล้วจะปล่อยจริงเหรอ

ค่อย ๆ หันกลับมา
หันกลับมามองหน้าของหยก

มองและก็ได้สบตากับดวงตาของคนที่ทั้งจ้องและก็ส่งยิ้มหวาน ๆ มาให้

ไม่ได้คิดอะไร

ไม่อยากคิด

แต่แค่มอง ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน ก็ย้อนกลับมาเป็นฉาก ๆ

มันชัดเจน
เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อน

และแค่มองหน้ากันก็เหมือนต่างฝ่ายต่างรู้

หยกยอมปล่อยข้อมือของกัสให้เป็นอิสระ ผละออกห่าง และแตะฝ่ามือเบา ๆ ที่หน้าผากที่ยังมีไอร้อนของคนที่นอนมองหน้าตาแป๋ว

มันก็ไม่ต่างจากคราวก่อนที่ไอ้กัสมานอนซมเป็นไข้อยู่สามสี่วันให้ดูแล

ไม่มีอะไรต่างกันเลยสักนิด

แต่ถ้ามันจะต่างก็คงต่างอยู่นิดเดียวเท่านั้น

ตรงที่ว่า..........

“มองหน้าทำไมวะ เดี๋ยวก็โดนจัดอีกดอกหรอกไอ้กัส คราวนี้ถึงเหน็บยาก็เอาไม่อยู่นะ....บอกให้”

เป็นการขู่ที่ทำให้กัสต้องรีบดึงผ้าห่มมาคลุม และนอนนิ่งไม่พูดอะไรอีก

ส่วนคนที่พูด ยืนขึ้น และพยายามหุบยิ้มของตัวเองไม่ให้ยิ้มกว้างไปมากกว่านี้

ปกติก็คิดว่าบางครั้งไอ้กัสมันก็น่ารักดีนะ

แต่แม่ง...........ไม่คิดว่ามันจะน่ารักได้ขนาดนี้

ถ้ามึงจะน่ารักขนาดนี้ มึงก็นอนป่วยไปนาน ๆ แล้วกัน

ยังไงซะ กูก็พร้อมจะดูแลมึงไปตลอดชีวิตอยู่แล้ว

หยกยังคงอมยิ้มไปเรื่อยเปื่อย

นึกไปถึงเรื่องเมื่อสองวันก่อน

ก็ยิ่งทำให้หัวใจชุ่มชื่นดีพิกล
ก็ถ้าไม่มีเรื่องวันนั้น ป่านนี้ไอ้กัสก็คงไปซิ่งรถอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่รู้

ไม่มานอนซมให้ดูแลแบบนี้หรอก

แต่ว่า เป็นแบบนี้ก็ดีนะ..........พอมันเป็นแบบนี้แล้ว
ก็ทำให้รู้อะไรบางอย่างชัดเจนมากขึ้น

หลังจากที่เคยสงสัยความรู้สึกตัวเองมานาน

หยกหันไปมองคนที่นอนคลุมโปงอยู่บนเตียง

มองแล้วก็ได้แต่ยิ้ม

ยิ้มกว้าง และส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าคนที่เคยเก่งกล้าสามารถ ถามคำตอบคำ แต่ถ้าถามไม่ถูกใจหนึ่งคำมันจะด่ากลับมาสองคำ

แล้วทำไมวันนี้
ถามอะไรก็ไม่อยากจะตอบวะ

ถามอะไรทำไมไม่อยากตอบและไม่ยอมพูด

แต่ก็ดีแล้วที่มึงไม่พูด

ขืนถ้ามึงพูดมากกว่านี้ คิดสภาพไม่ออกแล้วว่ามึงจะเป็นยังไง

ที่เคยคิดเอาไว้
ในเวลานี้มันยิ่งชัดเจนและกระจ่างชัดจนแทบจะหมดข้อสงสัย

ที่เคยคิดว่าบางทีมึงก็น่ารัก มันไม่ใช่ความคิดแปลก ๆ หรอก

แต่เป็นเพราะว่า...........

.........กูชอบมึง……….

ก็เลยรู้สึกกับมึงแบบนี้.............

แล้วถ้ามึงไม่ชอบกู ตอนนั้นมึงคงต่อยกูหน้าหงายไปแล้ว
ที่มึงต้องมานอนซมแบบนี้ กูเป็นตัวการสำคัญเลยยอมรับก็ได้

แต่ก็เพราะว่าชอบถึงได้ทำไปถึงขนาดนั้น

และมันก็มีคำตอบอยู่ในนั้นแล้วว่ามึงก็ชอบกูเหมือนกัน ถึงได้ยอมให้ทำ

ไอ้กัสเอ้ยยยยยยยยยย

มึงนี่นะ
เข้ามาตอนไหนวะ เข้ามาอยู่ในใจกูเนี่ย มึงมาตอนไหน

วน ๆ เวียน ๆ ทั้งกวนทั้งป่วนมาพักใหญ่ แล้วทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้

มองคนที่นอนคลุมโปงแล้วหยกก็ยิ่งต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ทั้งที่หน้ายังยิ้มไม่ยอมหุบ

“กัส.....”

เรียก แต่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ยอมหันมาแน่
และเป็นหยกที่เงยหน้าขึ้นและพยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังยิ้ม

“เดี๋ยวพี่.........ลงไปข้างล่างแป๊บเดียวนะ เดี๋ยวพี่หยกมา”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย
มึงพูดอะไรของมึงเนี่ย

กัสหลับตาแน่น และฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่อีกฝ่ายพูด

มึงบ้าเปล่าเนี่ย พี่ห่าอะไรของมึง ร้อยวันพันปีไม่เคยพูด อยู่ดีๆ มาพูดแบบนี้ มึงจะให้กูตอบยังไงวะ หยกแม่งบ้าไปแล้ว

“กัสอยู่ได้เนอะ พี่ไปแป๊บเดียวเอง”

มึงจะไปไหนก็ไปเหอะ กูไม่ได้รั้งไว้เลย นี่กูเกร็งจะตายห่าแล้ว มึงรีบ ๆ ไปเร็ว ๆ เลยยิ่งดี

เสียงประตูเปิด และปิด พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินออกจากห้อง

กัสเปิดโปงผ้าห่มออกและมองไปที่ประตูห้อง

“เหี้ยหยกแม่งเป็นบ้า”

ด่าคนที่ไม่อยู่ และขมวดคิ้วมุ่น

ด่าแต่ยังทำหน้ายุ่งเหยิง ก่อนจะรู้สึกว่าหน้าที่ร้อนผ่าวเพราะพิษไข้ มันอาจไม่ใช่เพราะพิษไข้ แต่มีบางอย่างร่วมด้วย

“พี่หยก........เหี้ยอะไรวะ”

บ่นพึมพำกับตัวเองเสียงเบา
และยังขมวดคิ้วมุ่นไม่เลิก

“พี่หยก...อะไรของมึง....พี่หยก...พี่หยก”

ยังคงพูดประโยคที่ได้ยินซ้ำ ๆ ไปเรื่อย

“พี่..........ห....ย......ก”

พูดไปพูดมา ก็เริ่มจะยิ้มออกมาคนเดียว

“พี่หยก พี่หยก พี่หยก พี่หยกห่าอะไรวะ....ไม่เห็นเข้าใจเลย เหี้ยหยกแม่งเป็นบ้า”

บ่นพึมพำไปเรื่อย แต่ก็ยิ้มออกมาได้เรื่อย ๆ

มองที่ประตูแล้วก็เริ่มรู้สึกว่าไม่สามารถหุบยิ้มได้ ทั้งที่ไม่ควรจะเป็นแบบนี้

“หยก.....”

จดจำได้เสมอ จดจำทุกสิ่งทุกอย่างของใครบางคนไว้ในใจได้เสมอ

ไม่เคยลืม ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน

และในเวลานี้ทุกสิ่งทุกอย่างยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ

“พี่...หยก”

ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็ไม่เคยลืม

แม้จะพยายามลืมแค่ไหน ก็ไม่เคยลืม แม้กระทั่งในเวลานี้ที่อยากลืม ก็ไม่สามารถลืมได้

แค่ได้ยินเสียง

ก็รู้ว่าตัวเองไม่เคยลืม

ความรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างของคน ๆ นี้ ที่แค่ได้ยินเสียง กัสก็จำได้ดีว่าคือใคร

“พี่......หย.....ก.....”

เรียกชื่อของอีกฝ่ายออกมาโดยไม่ต้องคิด กัสกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น นิ่งงันและหัวใจก็กำลังสั่นสะท้านและเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

ในไม่ช้า

น้ำตาก็หยดลงอาบแก้มทันที

“กัส.....”

ใช่

กัส

ใช่
กัสเอง ใช่ นี่กัสเอง ใช่......กัส คนนี้คือกัส ใช่....

“.................อึก..ฮือ”

ยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตา แต่น้ำตาไม่ยอมหยุดไหล

ไม่มีคำพูดอะไรอีก นอกจากความเงียบงัน

แม้จะอยู่ในความเงียบ แต่เหมือนช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันและเรียนรู้กัน มันทำให้เข้าใจความหมายบางอย่างของคนที่อยู่กันคนละซีกโลก

ไม่ยากที่จะเข้าใจ
แต่กัสไม่อยากเข้าใจอะไรเลย

ยื่นโทรศัพท์ส่งคืนให้กับนิว และเป็นนิวที่รับมาถือเอาไว้

“หยก มึงทำอะไรมัน ไอ้กัสมันร้องไห้ใหญ่แล้ว”

“ขอคุยกับมันอีกหน่อยได้มั้ย กู....ขอคุยกับกัสมันอีกหน่อยได้มั้ย.....นิว”

ได้

ยื่นโทรศัพท์ส่งให้คนที่ยืนร้องไห้ แต่กัสก็ไม่ยอมรับ ไม่ยอมพูดไม่ยอมคุย

จนนิวต้องยัดเยียดโทรศัพท์ใส่มือให้

“กูไม่รู้หรอกว่าระหว่างมึงสองคนมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่กูอยากให้คุยนะ กูอยากให้พวกมึงคุยกัน”

มองหน้าของนิว และกัสก็รับโทรศัพท์มาถือเอาไว้

เหมือนทุกครั้งที่คิดคำพูดไม่ออก
และเหมือนอีกฝ่ายก็อยู่ในความเงียบงันไม่ต่างกัน

ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของกันและกัน
แต่ก็รับรู้ถึงการมีตัวตนของอีกฝ่ายอยู่ในใจเสมอ

“ที่ผ่านมา พี่ไม่ดีเอง กัสยกโทษให้พี่ได้มั้ย”

ทำไมหยกต้องโทษตัวเอง
หยกไม่ต้องโทษตัวเองแบบนี้

มันเป็นเพราะอะไรหลาย ๆ อย่าง
มันเป็นเพราะความกลัว
มันเป็นเพราะความไม่เข้าใจ   

“ห.......ยก.....พี่.....หยก”

พยายามจะพูด แต่น้ำตาไม่ยอมหยุดไหล ได้แต่สะอึกสะอื้นและยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่า

“กัสไม่สบาย กัสต้องดูแลตัวเองมาก ๆ พี่ไม่อยู่กัสต้องไม่ดื้อนะ กัสต้องเชื่อพี่ ห้ามดื้อ เข้าใจหรือเปล่า”

“ไม่.....ดื้อ........กัส.....ไม่ดื้อ....กับพี่....หยก...แล้ว”

ไม่ต้องการคำอธิบายเพิ่ม
ไม่เคยคิดอยากจะไถ่ถามและรุกไล่มากไปกว่านี้

หยกเงยหน้าขึ้น
ไม่ร้องไห้

ร้องไห้ไม่ได้

เด็กทางโน้นมันขี้แยขนาดนี้ ห้ามร้องไห้ให้มันรู้เด็ดขาดว่าในเวลานี้คิดถึงมันมากขนาดไหน

อยากกอดมันมากขนาดไหน

อยากอยู่ใกล้มันมากขนาดไหน

“กัส.......คิดถึงพี่บ้างมั้ย”

คิด..........

“....รีบ.....กลับ.....มา....นะ”

รีบกลับมาสิ แบบนี้ต้องรีบกลับมา
กัสพูดกับพี่แบบนี้ บอกกับพี่แบบนี้ พี่ยิ่งต้องรีบกลับ

ยังไงก็ต้องรีบกลับมาหากัสให้ได้ พี่จะรีบกลับไปหากัสให้เร็วที่สุด

“แล้วกัสคิดถึงพี่หยกมั้ย”
คิด

“.....................”

ไม่มีเสียงตอบรับ แต่หยกก็รู้ การไม่ตอบไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายไม่อยากตอบ แต่เพราะเวลาเรียบเรียงคำตอบเป็นคำพูดมันยาก

เวลาที่กัสมันคิดจะตอบอะไรบางอย่าง เป็นเรื่องยาก แต่นั่นแปลว่ามันคิด คิดที่จะพูดด้วย มันถึงต้องพยายามเรียบเรียงประโยคคำพูดในใจก่อนตอบ

“กัสคิดถึงพี่...ใช่มั้ย แค่กัสตอบว่าใช่ ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอกนะ ถ้ากัสคิดถึง กัสแค่ตอบพี่ว่าใช่แค่คำเดียวนะ”

ใช่

“.............ใช่....ใช่.......ใช่...ใช่ ฮึก ฮือออออ ใช่….”

แค่ได้ยิน

แค่ฟัง

เท่านี้จริง ๆ

ที่ผ่านมาเราไม่เคยสื่อความรู้สึกได้ตรงกันเลยสักครั้ง
และนี่เป็นครั้งแรกที่หยกได้รับรู้ความรู้สึกของใครบางคน
มากขนาดนี้

ที่ไม่พูด

ไม่ใช่เพราะกัสมันไม่อยากพูด

แต่เป็นเพราะมันคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไร มันถึงกลัวเวลาที่พูดผิดพูดถูก

โง่งมงาย ไม่เคยเข้าใจเลยว่า ที่ผ่านมาเป็นเพราะอะไร

กัสมันไม่สบาย

มันไม่เหมือนคนอื่น

ไม่เคยรู้ แม้จะสงสัยมานาน แต่ก็ไม่เคยรู้ จนเมื่อเร็ว ๆ นี้ไอ้นิวมันบอกเรื่องบางอย่างให้รู้

ถึงได้เข้าใจ

ที่ผ่านมา

โง่งมงาย คิดไปได้ตลอดเวลาว่ากัสมันไม่เคยรัก ไม่เคยมีใจให้

และก็ทำทุกอย่างด้วยความคิดของตัวเองล้วน ๆ
ทำแบบโง่ ๆ

กว่าจะรู้ตัว ก็เกือบสายเกินไป

“พี่จะกลับไปหากัสเร็ว ๆ นะ อีกไม่นาน พี่จะกลับไป”

น้ำตายังคงไม่หยุดไหล และกัสก็กำโทรศัพท์ในมือเอาไว้แน่น

“แต่.......ไม่....เหมือน.....”

ไม่เป็นไร

กัสจะเป็นยังไงก็ช่าง พี่เคยสัญญาเอาไว้แบบไหน พี่ไม่เคยลืมสัญญา

“กัส.......ทุกอย่างเหมือนเดิมเสมอ สำหรับพี่ ไม่เคยมีอะไรเปลี่ยน ไม่ว่าก่อนหน้านี้หรือวันนี้ เวลานี้ ความรู้สึกไม่เคยน้อยลงหรอกนะ กัสยังรู้สึกกับพี่เหมือนเดิมใช่มั้ย แค่ตอบว่าใช่”

ใช่

ไม่เปลี่ยน

ไม่เคยเปลี่ยนไป แม้จะพยายามลืม แม้ความทรงจำบางส่วนจะหายไป

แต่ในเวลานี้ ทุกอย่างมันกระจ่างชัด

หน้าของหยกชัดขึ้นเรื่อย ๆ

ในความรู้สึกในความทรงจำ

ทุกสิ่งทุกอย่าง ชัดเจนยิ่งกว่าชัดเจน

“ใช่.......พี่...หยก...ใช่...”

แค่นี้แหละที่อยากได้ยิน แค่นี้เองที่อยากฟัง

แค่นี้เองจริง ๆ

“อย่าร้องไห้นะ อย่าดื้อด้วยเข้าใจมั้ย แล้วอีกไม่นาน พี่จะกลับไปหากัส รอพี่หยกนะ พี่จะกลับไปหากัสแล้ว พี่จะไม่หายไปไหน ต่อไปนี้พี่จะไม่ทำให้กัสเสียใจอีกเลยพี่สัญญา”

TBC.

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
กรีดร้องงง
หยกจิกลับมาแล้ว โอย ดีใจแทนกัสจังจริงๆง่ะ
อ่านไปนี่ยิ้มไป

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
รีบกลับเลยนะพี่หยก. สงสารกัส รีบกลับมาเลย

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
อ๊าย...หยกน่ารัก อิๆๆ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
ความรู้สึกและความทรงจำที่หวนคืน :กอด1:

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

ออฟไลน์ dragon123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
มันปริ่มค่ะคุณขาาาาาาา

ออฟไลน์ Scream

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
แบบบบบบบบ ทำไมน้ำตาหยด ฮืออออ
รีบกลับมาเถิ้ดพี่หยกกกกก

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ในที่ซู้ดดดดด

ก้อได้อ่านตอนที่เค้าคุยโทรศัพท์กานนน
ซึ้งน้ำตาจะไหล  :hao5: :hao5:

พี่หยกรีบกลับมาน๊าาาา กัสรออยู่
แระเราก้อรอตอนหวานๆด้วย อิอิ  :hao3:  :hao7:

ออฟไลน์ Cheeze

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
สวัสดีค่ะ พึ่งมีโอกาสได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ เลยพึ่งจะได้เม้น
ไม่ได้ซุ่มแต่อย่างใดค่ะ5555555555
อ่านเรื่องน้องมีนกับพี่บุ้งจบก็มาเม้นให้เลย
อยากบอกว่าชอบมากกกกกกกกก หลงรักน้องมีน
น่ารักกกก พี่บุ้งก็น่ารักแบบโหดๆ ฮาร์ดคอ เค้าชอบบ ที่หวานก็เขินเลย
เรื่องนี้ตลกมากค่ะ รักวิเชียรด้วย ตัวฮาจริงๆ
แต่ตอนแรกแอบงงกับการเล่าเรื่องจริงๆค่ะเพราะไม่มีใครเล่าแบบนี้
ตอนแรกจับทางไม่ถูกเลยว่านี่ใครพูด นี่ความคิดจากใคร5555555
แต่พออ่านไปก็เริ่มจับทางได้ค่ะ สนุกกก
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆนะคะ อ่านแล้วก็ยิ้มตามแล้วหัวเราะตลอดเลย
ขอตอนพิเศษน้องมีนพี่บุ้งอีกหน่อยน้าา คิดถึงงงงงงงงง

 :3123: :3123:

ออฟไลน์ Sbatandty

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
อยากให้พี่หยกกลับมาเร็วๆๆ...

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
โอย บทจะน่ารักก็น่าเขินซ้าาา บทจะหวานซึ้งก็หวานมดไต่กันเลยทีเดียว

ออฟไลน์ zabzebra

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1043
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-1
โอ้ยยยย พี่หยกจะเป็นคนดีแซงหน้าพี่ฟ้าแล้วใช่มั้ยคะ  :katai2-1:

โอ้ยยยย กัสน่ารักมาก งื้ออออออออออออออ :heaven

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ newyniniw

  • kiki >_<
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
พี่หยกรีบกลับเลยพี่หยกกกก

นิวโจ้น่าร้ากกกก
 :-[

ออฟไลน์ Money11

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
พี่หยก กลับมาไวๆนะ น้องกัสรออยู่

ออฟไลน์ BeeQ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
พี่หยกกลับมาาาาาา :ling1:

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) เรื่องธรรมดา

มีน้ำผลไม้ปั่นสามแก้ว แก้วแรกของกัส แก้วที่สองของโจ้ และแก้วที่สาม………….

โจ้พยักเพยิดใบหน้ากับคนที่นั่งเหม่อลอยอยู่ตรงกลาง และกัสก็หันมามองว่าโจ้กำลังพยายามจะทำอะไร
ส่งแก้วน้ำมาให้ และพยักหน้าส่งสายตาว่าให้ส่งให้กับคนที่นั่งขมวดคิ้วมุ่นอยู่ถัดไป

“ฮื่อ”

ส่งสายตาเป็นการบอกเป็นนัย และกัสก็หันไปมองหน้าของโจ้ด้วยความมึนงง

ไม่เข้าใจ ถ้าจะส่งให้นิว ทำไมถึงไม่ส่งเอง

“....ของ.....นิว”

ยื่นแก้วน้ำส่งให้และเป็นนิวที่หันมามองและเลิกคิ้วขึ้น

ซื้อมาตอนไหนวะ ดูจากสภาพแล้ว ไอ้กัสคงไม่ใช่คนซื้อ น่าจะเป็น......... ไม่ได้ปฏิเสธ แค่รับมาวางไว้ข้างตัว และมองไปที่สนามที่ในเวลานี้เป็นการดวลกันระหว่างทีมฟุตซอลปีหนึ่งและปีสอง

ดวลกันเล่น ๆ หลังเลิกเรียน ไม่ใช่การแข่งขันอย่างเอาเป็นเอาตาย เป็นการเล่นรอเวลา และนิวกับโจ้ก็นั่งรอให้พ่อมารับกัสเหมือนทุก ๆ วัน

“ทำไม....โจ้....ไม่ให้....เอง”

ฉลาดพูดนะมึง เดี๋ยวนี้ฉลาดพูด ทีเมื่อก่อน เอ๋ออย่างเดียว หลัง ๆ มานี้ชักเก่งขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่..........คุยกับไอ้หยกคราวก่อน
และมันก็โทรมาหาทุกวัน ครูมึงดี มึงเลยพูดเก่งสินะ แต่พูดเก่งแบบนี้ก็ดี พูดซะเข้าทางตลอดเลย

“ก็ใครมันจะกล้าซื้อให้ตรง ๆ แม่งหยิ่งชิบหาย”

โจ้แกล้งพูดเสียงดังให้นิวได้ยิน และนิวก็ส่ายหน้าและหันไปมองโจ้

“ถ้ากล้ามาให้ก็ไม่ได้ว่า”

ตอบกลับไปแบบลอย ๆ และคราวนี้โจ้ก็ลุกขึ้นและมานั่งอยู่ข้าง ๆ นิว

“เหรอ”

มั้ง

ไม่ได้ตอบ แต่นิวแสยะยิ้มเย็น ๆ และหันไปมองหน้าของโจ้ที่มานั่งมองหน้าของนิวตรง ๆ
ไม่ตอบ ไม่มีการตอบอะไรใด ๆทั้งสิ้น เฉยชาและมองไปที่สนามจนโจ้ชักเริ่มหงุดหงิดไม่พอใจ

เหี้ยนิว อะไรของมึงวะ ทำไมถึงได้กวนตีนขนาดนี้ นี่เหรอที่บอกว่ายอมให้จีบได้ มึงกำลังปั่นหัวกูอยู่ชัด ๆ เลยนี่หว่า

“...กวนตีน”

กวนตีนอะไร ยังไม่ได้ทำอะไรเลย นั่งดูฟุตซอลเฉย ๆ

“แล้วแต่จะคิด”

นี่ไง แบบนี้ไง เรียกว่ากวนตีน ไม่เรียกว่ากวนตีนแล้วจะให้เรียกว่าอะไร

“งั้นกูคิดว่ามึงกวนตีน”

สวนกลับไป และนิวก็หันมามอง ไม่ตอบ ไม่มีคำตอบ มีแค่สายตาที่มอง สายตาที่โจ้อยากจะเข้าใจ แต่ทำยังไงก็อ่านไม่ออก

“เหี้ย..นิว”

โจ้ขมวดคิ้วมุ่นและถอนหายใจเฮือกใหญ่

ไม่ชอบใจสิ่งที่นิวทำ ทำไมวะ ทำไมทำเหมือนคนอื่นโง่กว่าอยู่ตลอดเวลา ทำไมชอบทำท่าทางหยิ่งจองหองแบบนี้วะไม่เข้าใจเลยจริง ๆ

“กัส พ่อมาแล้ว”

นอกจากไม่สนใจโจ้แล้ว นิวยังหันไปคุยกับคนที่นั่งตาลอยและมองตรงไปที่สนามฟุตซอล

“คืนนี้ไอ้หยกจะโทรหาใช่มั้ย”

คืน....นี้....หยก....จะ....โทร...หา

“อื้อ”

พยักหน้ารับ และกัสก็ยิ้มออกมาอย่างเขิน ๆ

ยิ้ม

รอยยิ้มหวาน ๆ ที่มีไว้ให้ใครบางคน แค่เพียงคนเดียว

ซึ่งไม่ใช่นิว

มองแล้วก็ต้องยอมรับสภาพ มองแล้วก็ได้แต่ส่งยิ้มให้ แม้รอยยิ้มนั้นไม่มีความสดใส แต่ก็เป็นการพยายามอย่างถึงที่สุดของนิว

“คุยกันดี ๆ นะ”

กลั้นใจตอบไป ทั้งที่ในใจเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ มันทรมาน กูมันอ่อน ถนัดแต่การเดินหนี เพื่อไม่ให้ตัวเองเจ็บปวด
แต่เวลานี้หนีไม่ได้ เพราะหน้าที่มันค้ำคออยู่ กูไม่ได้เข้มแข็งมากขนาดนั้น เพราะรู้ว่าจิตใจอ่อนแอกว่าที่คิด ถึงได้ใช้วิธีเลี่ยงการเจ็บปวดมาตลอด

แต่เวลานี้ ..........................

สายตาที่นิวมองกัส ไม่ว่าใครก็ดูออก และโจ้ก็ดูออกแบบไม่ต้องสงสัย

มึงเก็บอาการไม่หมดนะไอ้นิว ไหนว่าเป็นองครักษ์ไง สายตามึงที่มองไอ้กัส มันชัดเจนมากขึ้นทุกวันแล้ว ไหนบอกให้กูเลิก
แต่มึงกลับเป็นซะเอง ไหนว่าอะไรที่ไม่ใช่ของเรา ยังไงก็ไม่ใช่ไง แล้วที่มึงกำลังทำอยู่ตอนนี้ล่ะ เ รียกว่าอะไร

แบบนี้.......มันเจ็บนะ

มีหรือที่กูจะไม่รู้ กูเห็นมึงมากี่ปี ของแค่นี้ ทำไมกูจะดูไม่ออก .........บางที กูเองก็กำลังใช้มึงเป็นเครื่องมือ ....ทำให้ตัวเองไม่เจ็บปวดเหมือนกัน.......หรือถ้ามันจะเจ็บมาก ก็จะได้ไม่ทรมานมาก เพราะมีคนที่มีสภาพไม่ต่างกันอยู่ข้าง ๆ

เหมือนเห็นเงาของตัวเอง เงาที่ทิ้งไม่ได้

“ไป...นะ....”

กัสสะพายกระเป๋า ลุกขึ้นยืน แต่ยังมีอาการเซ จนนิวต้องรีบจับแขนเอาไว้ แค่แตะ แค่จับแขน ทำได้แค่นั้น แล้วก็ต้องรีบปล่อยให้กัสยืนด้วยตัวเอง

“โจ้...ไป...นะ”

กัสหันมาบอกคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ และโจ้ก็แค่พยักหน้ารับ

กัสเดินออกไปหาพ่อที่จอดรถมอเตอร์ไซด์รออยู่หน้าโรงเรียนเพื่อรับกัสกลับบ้านเหมือนทุกวัน นิวยังคงมองตามไปเรื่อย ๆ จนพ่อของกัสขับมอร์เตอร์ไซด์ออกไป

มอง.....จนลับตา

ไม่ต่างจากโจ้ที่ทำแบบเดียวกัน มองที่คน ๆ เดียวกัน มองตรงไปที่คน ๆ เดียวกันเสมอ หน้าที่ของวันนี้จบลงแล้ว และนิวก็ถอนหายใจยาว ถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม

ยิ่งนานวัน ยิ่งรู้ว่าต้องนับวันเวลาเพื่อรอให้เจ้าของที่แท้จริงกลับมารับของไป นับวันยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองไร้ความสามารถในการควบคุมจิตใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

อยู่ด้วยกันทุกวัน ได้เห็นบางสิ่งบางอย่าง ยิ่งได้เรียนรู้ ยิ่งได้เห็น ยิ่งเหมือนจะหยุดความรู้สึกของตัวเองไม่ได้

เป็นแบบนี้.....

การรักใครสักคนที่เขาไม่ได้เกิดมาเพื่อเรา มันทรมาน......แบบนี้

ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึก นอกจากคนที่อยู่ข้าง ๆ แบบไม่เต็มใจ และเมื่อนิวมองไปที่โจ้ก็ได้เห็น ในเวลานี้โจ้ก็มีอาการไม่ต่างกัน

โจ้นั่งเงียบ กำลังใช้ความคิดทั้งที่สายตามองไปที่สนามฟุตซอล มองรุ่นพี่รุ่นน้องที่เริ่มทยอยเดินออกมาจากสนามจนเกือบหมด

นัดนี้จบลงง่าย ๆ โดยไม่รู้ว่ามีใครเป็นผู้ชนะ และก็ถึงเวลาที่ต่างคนต่างต้องทยอยแยกย้ายกลับบ้าน

“มันทรมาน แบบนี้กูว่ากูจะทนไม่ไหว”

คำพูดเลื่อนลอย ออกมาจากปากของคนที่นั่งอยู่

และนิวก็ได้แต่เงียบ ไม่รู้จะตอบอะไร ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ยืนนิ่งเงียบ เงียบงันอยู่อย่างนั้นเป็นนาน ก่อนจะพูดบางอย่างออกมา

“ทรมานก็ต้องทนให้ได้”

เหี้ยนิว มึงทนไปคนเดียวเถอะ ทำไมกูต้องทนด้วยวะ กูไม่ใช่องครักษ์ กูไม่จำเป็นต้องเชื่อที่มึงพูดก็ได้
ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ คนที่กลับไม่ได้ไปไม่ถึง ก็คือกู ไม่ใช่มึง

“อย่าคิดว่าคนอื่นจะทำได้อย่างมึง”

เปล่า ไม่เคยคิดว่าใครจะทำได้หรือไม่ได้ แต่กูกำลังทำหน้าที่อยู่ สัจจะ ต้องเป็น สัจจะ บอกว่าจะดูแลให้ก็จะต้องดูแลให้ถึงที่สุด

“เกลียดที่สุดก็ความทรมานนี่แหละ”

โจ้พูดขึ้นมาเสียงดัง และนิวก็หันมามอง มองและขมวดคิ้วมุ่น

“แต่มึงต้องทำ”

แล้วทำไมกูถึงต้องทำ กูไม่อยากทำ และกูก็ไม่ต้องการจะทำด้วย

“ไม่”

ตอบปฏิเสธออกไปชัดถ้อยชัดคำ และจ้องหน้าของนิวตรง ๆ มองไปที่ดวงตา มองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น

“ไม่ยากหรอก มึงใจง่ายจะตาย เดี๋ยวรักคนนั้นเดี๋ยวชอบคนนี้ไปเรื่อย ๆ เคยรักใครจริง ๆ หรือก็เปล่า”

บางครั้งนิวก็ไม่อยากใช้ความคิดให้มากนัก ควบคุมจิตใจตัวเองยากขึ้นทุกที จิตใจมีแต่แกว่งไกวไหวเอนไปมา ยิ่งมาเจอคนที่พูดแล้วไม่ยอมฟัง ไม่ยอมเข้าใจ นิวยิ่งไม่ชอบ และรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีอารมณ์โกรธ

“กูไม่ได้ใจง่าย เหี้ยนิว”

ทะเลาะกัน แค่เปิดฉากพูดกันก็เริ่มทะเลาะกัน ต่างคนต่างจ้องหน้ากัน และปล่อยให้อารมณ์โกรธเป็นใหญ่ และมีอิทธิพลเหนือเหตุผล

“มึงใจง่าย ไอ้โจ้ หลายครั้งแล้ว ไม่ว่ากูชอบใครมึงก็ชอบเข้ามายุ่งด้วยตลอด ทำไม ชอบกูมากหรือไง ถึงได้ตามแย่งของกูอยู่ได้ อยากเรียกร้องความสนใจจากกูว่างั้น อย่าคิดว่ากูดูไม่ออก”

ใครอยากเรียกร้องความสนใจจากมึง หลงตัวเองมากเกินไปหน่อยแล้วไอ้นิว มันแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น

“เหี้ยนิว ไม่น่าเชื่อว่ามึงจะเพ้อเจ้อได้ขนาดนี้ กูล่ะผิดหวังจริง ๆ”

เรื่องที่มึงต้องผิดหวังยังมีอีกเยอะ แต่กูแค่ยังพูดออกมาไม่หมดเท่านั้น

“ชอบกูมากนักเหรอ ถึงได้เรียกร้องความสนใจ ที่ตะโกนปาว ๆ ว่าจะจีบกูเนี่ย เพราะจริง ๆ แล้วชอบกูล่ะสิ”

เหี้ยนิวมึงบ้าหรือเปล่า

“หรือยังไง หรือจะบอกว่าไม่ชอบ จีบเล่น ๆ ไปงั้น เผื่อติด แต่ก็คงไม่ต้องลงทุนขนาดอยากไปดูหนังกับกูหรอกมั้ง สารภาพมาสิ พูดมาสิ ว่ามึงชอบกู แอบชอบกูมานานแล้วใช่มั้ยโจ้”

ไม่ใช่แค่พูด แต่นิวยังก้าวเท้าเดินเข้าหาโจ้ที่เริ่มถอยหนี นิวแม่งบ้าหรือเปล่าวะ อยู่ ๆ แม่งก็เกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมา พูดห่าอะไรวะ พูดไม่ยอมหยุด

“มึงชอบกูดิ”

บางทีในบางครั้ง คนเราก็แค่อยากหวังได้ยินคำ ๆ หนึ่งจากใครสักคน เพื่อปลอบใจตัวเอง และเพื่อดึงสติตัวเองให้กลับมา

แค่คำว่าชอบ พูดเล่น ๆ ไม่ต้องจริงจังก็ได้ แต่ได้โปรดพูดมาเถอะ พูดให้กูยังคิดว่าตัวเองมีความสำคัญกับใครสักคนบ้าง อะไรก็ได้ ที่จะดึงสติ ดึงจิตใจของกูให้กลับมา ไม่ให้หลงไปกับคนที่ไม่มีทางเป็นจริง หลอกกูหน่อย พูดออกมาได้มั้ย เพราะโมโห หรือแค่อยากล้อเล่น อะไรก็ได้ พูดมา

“เหี้ยนิวมึงเป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย”

ไม่ได้เป็น

ไม่ได้เป็น

พยายามจะไม่เป็น

เหมือนเริ่มรู้สึกตัว นิวพยายามดึงตัวเองกลับมา นิ่ง ต้องนิ่ง ต้องสงบ อย่าเอะอะโวยวาย นิ่งเข้าไว้

กูไม่เคยเป็นแบบนี้

กลับมา นิวกลับมาเป็นคนเดิม กลับมา

“ถ้าไม่ชอบกูแล้วมึงอยากได้อะไร”

คำถามที่เอ่ยถาม เป็นการเปิดประเด็นที่โจ้รอจังหวะมานาน และก็รู้ว่าครั้งนี้ที่นิวเปิดจังหวะให้ เพราะมันจงใจ

“…..มึง......”

ตอบออกไปโดยไม่รอให้คิด เป็นการขอที่ไร้ซึ่งความรู้สึกรักใคร่ใด ๆทั้งสิ้น เป็นแค่การอยากเอาชนะ
แค่อยากจะเอาชนะเท่านั้น

“อย่าโง่โจ้”

แล้วแบบไหนถึงเรียกว่าฉลาดล่ะ แบบมึงหรือแบบไหน

“มึงก็อย่าฉลาดให้มากนักนิว”

อย่าฉลาดให้มากนักเหรอ
สะดุดกับคำพูดตรง ๆ ของคนที่จ้องหน้ากันตาไม่กระพริบ

เป็นเวลาเกือบพลบค่ำที่ผู้คนทยอยกลับบ้านกันไปเกือบหมด และในเวลานี้ก็ไม่มีใครเหลืออยู่อีกแล้ว นอกจากคนสองคนที่ยังไม่ยอมกลับบ้านเพราะยิ่งพูดยิ่งไม่เข้าใจ ยิ่งพูด ยิ่งไปกันใหญ่

“มึงอยากได้อะไร พูดดี ๆ กูให้โอกาสมึงพูดอีกครั้ง”

ไม่ต้องให้พูดหรอก ไม่ว่ากี่ครั้งกูก็จะพูดเหมือนเดิม

“มึงไง.......จะให้พูดอีกกี่ครั้งถึงจะเข้าใจ”

หยิบยื่นโอกาสให้เลือกแต่ไม่เสือกเลือก

แถมยังลอยหน้าลอยตาพูด เจ็บจากทางโน้นแล้วจะหาตัวแทน แบบนี้ก็หนักไป กูไม่ใช่ตัวเลือกของใคร
เพราะ.........ถ้ากูจะต้องถูกใครเลือก...กูต้องเป็นทางเลือกเดียวเท่านั้น และกูจะไม่ให้โอกาสคนที่คิดจะเลือกกูไปเลือกใครได้อีก

ไม่มีทาง

“โจ้....ไหนมึงมานี่ดิ๊”

กวักมือเรียก และโจ้ก็ก้าวเท้าเดินเข้ามาหา

สบตากับนิวตรง ๆ จ้องหน้ากันตรง ๆ และพยายามจะทำความเข้าใจอีกฝ่ายให้มากขึ้น

“ขอร้องเถอะ มึงอย่าทำให้กูเป็นบ้า”

เป็นครั้งแรกที่โจ้ได้เห็น ความสับสนว้าวุ่นในแววตาของอีกฝ่าย ที่โจ้เพิ่งเคยได้รับรู้เป็นครั้งแรก
นิวไม่ใช่คนที่นิ่งสงบอย่างที่คิด แท้จริงในแววตาของนิวมีพายุอยู่ในนั้นเสมอ เพียงแต่ทุกครั้งที่ผ่านมา พายุไม่เคยเกิด และมันสงบนิ่งมาตลอด จนกระทั่งวันนี้

“มันจะกลับมาวันไหน”

วันไหนเหรอ เร็ว ๆ นี้ คุยกันแล้ว อีกไม่นาน

“ที่วันนี้มึงสติแตกเพราะรู้กำหนดวันมาของมันแล้วใช่มั้ย”

ใช่

เมินหน้าหนีไปอีกทาง และเป็นโจ้ที่ต้องมายืนจ้องหน้าของนิวตรงๆ

“ใช่มั้ย”

ถามย้ำอีกครั้ง แต่ไม่มีคำตอบ นอกจากอาการถอนหายใจ และนิวก็ก้มหน้าก้มตาลง

“นิว”

ได้ยินเสียงเรียก แต่นิวก็ยังคงก้มหน้า

อย่าให้ต้องพูดอะไรเลย กูกำลังจะหมดแรงพูด กูจะไม่มีแรงเหลืออีกแล้ว

พยักหน้ารับ

พยักหน้าและคว้าหนังสือสองสามเล่มที่วางอยู่มาถือเอาไว้ ไม่อยากพูด ไม่อยากคุย ไม่อยากจะสนใจอะไรทั้งนั้น

มันเหนื่อย มันเจ็บ มันล้า อยากกลับไปนอน นอนหลับซะ หลับตาเพื่อหลีกหนีจากเรื่องที่ทำให้จิตใจสับสนว้าวุ่นตลอดวัน

ก้าวขาเดินออกมา โดยมีใครบางคนวิ่งตามมาด้วย

โจ้ไม่พูด ไม่คุย ไม่พูดจาอะไรให้ต้องรู้สึกกระทบกระเทือนจิตใจอีก แค่เดินด้วยกัน

ก้าวขาเดินอย่างช้า ๆ ออกมาด้วยกัน ถนนข้างทางไร้ผู้คน ในเวลาพลบค่ำ แต่ละก้าวที่เดิน มันช่างแสนเชื่องช้า
คนหนึ่งเดินมองตรงไปข้างหน้า อีกคนหันมามองคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ เสมอ

สิ่งที่ทำอยู่มันดูไร้ค่า ความรู้สึกที่คล้ายคลึงกัน แต่ส่งไปไม่เคยถึงคนสำคัญมันน่าเจ็บปวด

“กูไปส่งมั้ย”

นิวหันมามองหน้าคนที่เอ่ยถามบางอย่าง ทำไมต้องไปส่ง บ้านกู กูไม่ได้ลืม กูไม่ใช่ไอ้กัส แค่กลับบ้านกูกลับเองได้

“กูแค่ควบคุมอารมณ์เศร้าไม่ได้อย่างที่คิด กูไม่ได้สมองกระทบกระเทือนจนจำทางกลับบ้านไม่ได้”

เหรอ

แล้วทำไมมึงไม่ควบคุมปากบ้างวะ พูดแต่ละอย่าง จะซับซ้อนไปถึงไหน คนฟังงง มึงจะหัดพูดให้มันง่าย ๆ หน่อยไม่ได้หรือไง

“เชื่อ....คนสมองกระทืบกระเทือนที่ไหน จะพูดจาเหน็บแนมได้เจ็บแสบขนาดนี้”

หยอกล้อ แต่นิวไม่มีอารมณ์อยากเล่นด้วย กำลังจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง แต่เป็นโจ้ที่แกล้งถอนหายใจใส่นิวซะก่อน

“เฮ่อออออออออ เฮ่อ เฮ่อออออออออ เนี่ย มึงถอนหายใจแบบนี้ทั้งวัน มึงจะถอนหายใจทำไมมากมายวะ กูเหนื่อยแทน”

กูเปล่า

กูไม่ได้.........

ไม่อยากพูด และกำลังจะถอนหายใจ แต่ก็เหลือบมาเห็นคนที่เดินเคียงข้าง ที่มีรอยยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก

“มึงจะถอนใจอีกแล้วใช่มั้ย”

ใช่
แต่กูไม่ถอนหายใจให้มึงเห็นหรอก กูไม่อยากเป็นอย่างที่มึงพูด

“นิว”

อะไรของแม่งอีกวะ เรียกอยู่ได้

หันไปมองหน้าของโจ้ที่ไม่ใช่แค่อมยิ้ม แต่คราวนี้ยิ้มกว้าง ยิ้มและแถมซ้ำยังมีเสียงหัวเราะเบา ๆ ตามมาด้วย

“ครั้งแรกเลยมั้งที่กูได้คุยกับมึงแบบนี้ มันอาจไม่มีอะไรเยอะแยะหรอก แต่กูว่ากูรู้สึกดีกว่าเมื่อก่อนเยอะ”

อะไร

พูดห่าอะไรวะไม่เห็นรู้เรื่อง

แล้วพูดไปยิ้มไปอีก กูจะเข้าใจกับมึงมั้ย ไอ้พวกทำตัวตามอารมณ์นึกอยากจะยิ้มก็ยิ้ม อยากหัวเราะก็หัวเราะ อยากพูดอะไรก็พูดเรื่อยเปื่อยแบบมึงเนี่ย กูไม่อยากเข้าใจหรอกนะ

“พล่ามห่าอะไรอยู่ได้”

เหรอ กูคงพล่ามล่ะมั้ง ก็คงใช่

“บางทีถ้าเราคบกันคงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรหรอกนะนิว กูไม่มีปัญหาหรอก แต่มึงหัดมองมาที่กูบ้างก็ได้”

เรื่องอะไรกูต้องมองมึง เพ้อเจ้อ

นิวไม่ตอบ และยังคงก้าวเท้าเดินไปเรื่อยๆ โดยมีโจ้เดินอยู่เคียงข้าง ปลายนิ้วแตะโดนกันเพียงเล็กน้อย และนิวก็รีบหันมามองคนที่เดินทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ทำไม ก็กูอยากจับมือมึง แต่มึงคงไม่ให้ แค่นิ้วโดนกันแค่นี้ทำเป็นหวงไปได้”

มันใช่เรื่องที่ไหน ไม่ว่าจะนิ้ว จะแขนจะขา จะอะไรก็ไม่ต้องมาจับมาโดนตัว กูไม่ชอบ ไม่ใช่ว่ากับใครก็อยากแตะต้องไปหมด อย่ามาพูดจาง่าย ๆ

“ทีจูบกันเรายังจูบกันแล้วเลย ทีแค่นี้ทำเป็นหวง”

ยังไม่เลิกพูด ยังไม่เลิกตอแย และนิวก็หยุดเดินและหันมามองหน้าโจ้ตรง ๆ

แม่งจะเอาอะไรนักหนาวะ กวนตีนอยู่ได้ ไม่ยอมเลิก

“ฝากถือหน่อยดิ๊”

นิวยื่นหนังสือให้โจ้ช่วยถือ และโจ้ก็รับมาถือเอาไว้ด้วยความมึนงง
ให้ถือทำไมวะ ให้ช่วยถือหนังสือทำไม

“ถือดี ๆ นะ แน่น ๆ ด้วย”

เพื่อ...........

กำลังจะอ้าปากถาม อยากจะถามว่าจะให้ถือไว้ทำไม แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ถาม หมดโอกาสพูด เพราะนิวใช้ฝ่ามือสองข้างประกบไปที่แก้มสองข้างของโจ้ จับเอาไว้แน่น และกดริมฝีปากหนัก ๆ ไปที่ริมฝีปากของโจ้เต็มแรง

“อืออออออออออออออ”

ทำเพียงแค่นั้น และผละใบหน้าออกมา

มันก็แค่การหยอกเย้า แค่นี้ไม่เคยคิดจริงจัง .......ไม่เคยคิด........จริงจัง........

แต่โจ้กลับยืนนิ่งค้าง ถือหนังสือเอาไว้ก็จริง แต่อยู่ดี ๆ หนังสือที่ถือก็ร่วงจากมือ ดวงตายังลอยคว้าง สมองยังมึนงงสับสน
ไม่เข้าใจว่าเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเกิดอะไรขึ้น

ไม่เข้าใจ

“แค่เอาปากประกบกัน ไม่เรียกว่าจูบ ของแค่นี้กูทำกับใครก็ได้ ไม่เคยคิดเอามาเป็นสาระ”

มันง่าย แค่คำพูดมันง่าย แต่โจ้ไม่คิดว่ามันง่าย สองครั้งแล้ว ที่เป็นแบบนี้ สองครั้งแล้วที่นิวทำให้หัวใจเต้นระทึกและทำตัวไม่ถูกแบบนี้

“เฮ้ย โจ้ ไอ้โจ้”

ได้ยินเสียงเรียก แต่สติยังไม่กลับคืนมา และเมื่อกระพริบตาถี่ ๆ อีกสองสามครั้งถึงได้เริ่มรู้สึกตัว

“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยย มึงทำเหี้ยอะไรเนี่ยนิว”

ทำอะไร กูไม่ได้ทำอะไรเลย แค่เอาปากประกบปากให้มึงเข้าใจ ว่าไอ้ที่ทำคราวก่อนมันไม่เรียกว่าจูบ มันก็แค่ปากโดนกันแค่นั้น มึงจะมาเรียกว่าจูบได้ยังไง แล้วนี่จะตะโกนอะไรวะ

“ทำอย่างกับว่าไม่เคยทำแบบนี้กับใครไปได้ ของแค่นี้ ทำอีกสิบครั้งยังเฉย ๆ อ่อนหัดหรือไงมึง”

อ่อนหัด

เปล่า
ไม่ใช่

ไม่ได้อ่อนหัด ไม่ได้........

ไม่รู้จะพูดอะไร โจ้ไม่กล้าพูด ไม่กล้าบอกว่าบางทีบางสิ่งบางอย่างอาจเป็นแบบที่นิวพูดก็ได้

“หรือมึงอ่อนหัดจริง ๆ”

เปล่า

ไม่ได้อ่อนหัด ไม่มีอะไรต้องอ่อนหัด กูแค่.........กูแค่........

“อ่อนหัดเหี้ยอะไร ของแค่นี้กูก็เฉย ๆ เหมือนกัน”

เหรอ แต่ท่าทางมึงไม่เห็นเหมือนที่พูดเลยนะ

โจ้ยกหลังมือเช็ดถูที่ริมฝีปากตัวเองหนัก ๆ และนิวก็ขมวดคิ้วมุ่นกับปฏิกิริยาและท่าทางแปลก ๆ ของอีกฝ่าย มึงอย่าบอกนะว่ามึงไม่เคย

“เฮ้ย”

แตะมือไปที่ไหล่ของโจ้เต็มแรง และรับรู้ได้ถึงอาการสั่นสะท้านของร่างกายของอีกฝ่าย และโจ้ก็ถึงกับผงะและถอยหนี

“เหี้ยโจ้”

ขมวดคิ้วมุ่น และมองหน้าของโจ้ที่เอาแต่ขัดถูไปที่ริมฝีปากของตัวเองไม่ยอมหยุด

เริ่มยิ้ม

ยิ้มออกมาทีละน้อย

“อะไรมึง”

อะไรเหรอ

ก็ไม่อะไร ก็ไม่ได้อะไร..........

“มึงยังซิงอยู่ดิ”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

โดนถามตรง ๆ และเป็นโจ้ที่ถึงกับพูดไม่ออก มองหน้าของนิว และหน้าก็เริ่มแดงเมื่อถูกถามตรง ๆ

“เหี้ยโจ้ เอาจริงดิ มึงยังซิงอยู่จริงดิ”

เอาจริงอะไรของมึง

“พูดเหี้ยอะไรเนี่ย”

อย่ามาเล่นกูนะ กูไม่เล่น

“เหี้ยโจ้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

อะไรของมึง จะขำทำไม จะขำทำไมวะ มึงจะขำชีวิตคนอื่นทำไม

“โอเคเลย โอเค มึงจะจีบกูใช่มั้ย เอาเลยเต็มที่ กูยอมแล้วเหี้ยน่ารักนะมึงเนี่ย”

น่ารักอะไร กูไม่ได้คิกขุแบ๊ว ไม่ต้องมาบอกว่ากูน่ารัก กูไม่ได้น่ารัก

“ไปส่งกูหน่อยซิ”

เอ้า ทีเมื่อกี้มึงยังบอกว่าสมองไม่ได้ถูกกระทบกระเทือนอยู่เลย แล้วก็บอกว่ากลับบ้านเองได้ด้วย อะไรของมึงวะ ตกลงจะเอายังไงแน่

“อะไรของมึงเนี่ย”

ถาม และอาการหน้าแดงก็ยังไม่หาย และนั่นยิ่งทำให้นิวยิ้ม

เป็นครั้งแรกในรอบหลาย ๆ วันที่ยิ้มได้ เพิ่งยิ้มได้ เพราะรู้ความลับบางอย่างของใครบางคน ไอ้โจ้ก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนี่หว่า
ไม่น่าเชื่อ ว่ามันจะมีมุมน่ารักแบบนี้ด้วย

“หรือมึงจะไม่ไป”

แกล้งพูด และพยายามบังคับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ไป”

ดีมาก

นิวไม่รู้ว่าโจ้คิดอะไร แต่ในเวลานี้ นิวกำลังมีเรื่องบางอย่างให้คิด

..........แม่ง.........ไม่อยากเชื่อ.........ทำไมอยู่ดี ๆ .....ก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาวะ.......เมื่อกี้แค่แตะไหล่ก็ยังรู้ว่าไอ้โจ้มันตัวสั่น

สั่นแบบนี้มันน่า.... กอด

สั่นแบบนี้มันน่าทำอะไรบางอย่างด้วย

สั่นแบบนี้มันน่า..........

เหลือบสายตามองหน้าของโจ้ที่ยังยกหลังมือขึ้นมาขัดถูริมฝีปากเป็นพัก ๆ และนิวก็เมินหน้าหนีไปทางอื่น พยายามบังคับใบหน้าไม่ให้ยิ้มออกมา แต่ก็คล้ายจะหยุดไม่ได้

สั่นแบบนี้มัน...........มึงมันน่ารักจริง ๆ เลยวะ.....โจ้ กูเพิ่งเคยเห็น กูเพิ่งได้รู้เรื่องของมึงเนี่ยแหละ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะ ไม่เคยคิดเลยว่าเวลามึงสั่น….

มึงแม่ง..............โคตร น่ารัก เลยจริง ๆ

TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-06-2014 17:30:31 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
จากอารมณ์เทาๆ ไหงตอนหลังสว่างซะงั้น 55555

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

ออฟไลน์ nu-tarn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 800
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-6
ตกลงโจ้เคะใช่ป่ะ  :impress2:
ถ้าเคะจะดีมากๆ

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#(นิว-โจ้) มือใหม่หัดง้อ

ความหึงหวงนี่มันไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ ว่ะให้ตายเถอะ

“อ้อว่างวันไหนล่ะ เดี๋ยวนิวไปรับก็ได้ วันเกิดอ้อทั้งที”

แม่ง คุยไปยิ้มไป สาบานเหอะว่าแม่งเลิกกันแล้วจริง ๆ

“ทำไมล่ะ นิวไม่ได้ลืมหรอก แค่ไม่กล้าโทร นิวทำไม่ดีกับอ้อไว้เยอะ”

แล้วมึงก็ยิ้มลอย ๆ ตอนที่บอกว่าทำกับแฟนเก่ามึงไว้เยอะ เหี้ยยยยยยยยยยยย

“ที่ไม่ดีคือนิวเอง นิวรู้ตัว”

แล้วมึงก็ถอนหายใจเนี่ยนะ

“อย่าลืมนะอ้อ เราเป็นเพื่อนกันนะ นิวรักษาสัญญาเสมอ ถ้าวันหนึ่งเราเป็นแฟนกันไม่ได้แล้ว ขอให้เรายังเป็นเพื่อนกันได้อยู่ กับนิว อ้อไม่ต้องเฉยหรอก อ้ออยากพูดหรืออยากทำอะไรแค่บอกนิวตรง ๆ”

กูว่ากูกำลังจะทนไม่ไหวแล้วนะ

“ครับผม.....วันไหนว่างเราไปกินข้าวด้วยกันนะ”

เหี้ยยยยยยยยยย โมโหโว้ยยยยยยยยย โมโห

“สวัสดีครับ”

มันคุยโทรศัพท์ภาษาห่าอะไรกันวะ เลี่ยนชิบหาย คนไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว คุยกันขนาดนี้เลยเหรอ กูอยากจะบ้า
โมโหโว้ยยยยยยยยยยย โมโห

โจ้ยกมือขึ้นขยำหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดโมโห ลุกขึ้นยืนก็หลายครั้ง ลุกแล้วก็นั่ง นั่งแล้วก็ลุก
หงุดหงิดไม่ชอบใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ ก็เลยได้แต่เป็นบ้าและโมโหอยู่คนเดียว โดยที่นิวไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลย

“เป็นเหี้ยอะไร”

นั่น เสือกจะมาถามกูอีกว่าเป็นเหี้ยอะไร มึงเลย เพราะมึง ไอ้ที่กูเป็นบ้าแบบนี้ ก็เพราะมึงนั่นแหละ

“เรื่องของกู”

อ่อ

“เรื่องของมึง ก็เรื่องของมึง”

แค่นี้เนี่ยนะ แล้วมึงจะไม่ง้อกูหน่อยเหรอ มึงจะไม่ถามต่ออีกหน่อยเหรอว่ากูเป็นอะไร นี่มึงไม่คิดจะ...........
เหี้ยเอ้ยยยยยยยยยยยยยย

ยิ่งทวีคูณความหงุดหงิดโมโหเพิ่มขึ้นไปอีก

นิวไม่ได้สนใจว่าโจ้จะมีอาการอย่างไร และโจ้ก็เพิ่งสำนึกว่าตัวเองเป็นบ้าอยู่คนเดียว โดยไม่มีใครสนใจ

“กูกลับแล้ว”

เหรอ

เออ ก็กลับไปสิ ใครไปรั้งมึงไว้ล่ะ

ไม่มีแม้กระทั่งปรายตามอง ไม่มีอะไรเลย ความสนใจเข้าขั้นติดลบ คนหนึ่งเฉย คนหนึ่งกำลังจะเป็นบ้า

โจ้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และสายตาก็มองไปที่นิวที่ยังกดโทรศัพท์เล่นไปเรื่อย ๆ และมีบางครั้งที่มองไปที่สนาม
แต่ไม่มีสักครั้งที่หันมามองคนที่กำลังจะเป็นบ้าตายอยู่ข้าง ๆ

“สนใจกูบ้าง”

พูดออกมาลอย ๆ และนิวก็เลยหันไปมองคนที่พูดบางอย่างออกมา

ทำไมต้องสนใจ

มีปัญญาจีบกู ก็จีบไป สนใจหรือไม่สนใจ นั่นกูคิดเองได้ ไม่ต้องรอให้มึงมาช่วยคิดช่วยตัดสินใจหรอก
สมองกู ความคิดกู กูจัดการระบบความคิดกูได้

“สนใจเพื่อ….”

สนใจเพื่อเหรอ

เออ จะสนใจเพื่อห่าอะไรก็สนใจเหอะ แต่หัดสนใจกูบ้าง แค่สนใจบ้างไม่ได้เลยหรือไง

“กูจะเป็นแฟนมึงนะ มึงก็หัดสนใจกูบ้าง”

อ้อมแอ้มตอบ แต่พูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำ และแค่ได้ฟังนิวก็เลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะหลุดขำออกมา

“ขนาดนั้นเลย”

ตกลงกูต้องสนใจมึงเพราะมึงจะมาเป็นแฟนกูเหรอ แค่นี้เหรอเหตุผล

“ขำห่าอะไรวะ”

ไม่ขำห่าอะไรหรอก กูแค่ขำมึง

“อาการหนักนะมึง”

หนักสิ ไม่หนักกูไม่เป็นขนาดนี้หรอก ตอนแรกกูแค่คิดว่าเหมาะสม ต่อมากูแค่คิดว่าอยากลองของ
ถัดมาอีกไม่รู้เป็นไง อยู่ใกล้มึงแล้วมันรู้สึกมีความสุขแบบแปลก ๆ แต่เรื่องนั้นช่างแม่งเหอะ เพราะตอนนี้ กูโกรธ

มึงทำเหมือนกูไม่มีตัวตน

“ก็ถ้ามึงไม่สนใจกูบ้าง อีกสองสามวันกูจะเลิกจีบมึงแล้ว”

ง่ายดีเนอะ นึกอยากจะจีบก็จีบ นึกอยากจะเลิกจีบก็เลิกจีบ สมควรแล้วแหละ มึงมันเป็นพวกทำอะไรตามอารมณ์ล้วน ๆ สันดานแบบนี้ไง กูถึง...........ไม่กล้ารัก......มึง

ต่อให้มึงมีระดับความน่าสนใจขนาดไหน แต่กูก็ไม่กล้ารักหรอก มึงเล่นบอกจะจีบกูง่าย ๆ มึงรักคนนั้นคนนี้ง่าย ๆ
เดี๋ยวมึงก็ชอบคนนั้น เดี๋ยวมึงก็รักคนนี้ ขนาดไอ้กัสมึงว่ามึงชอบมันนักหนา ตามจีบมัน สุดท้ายมึงมาบอกว่าจะจีบกู

ง่ายเกินไป

แบบนี้มันง่ายเกินไป

“แล้วแต่มึงเหอะ....มึงรักใครง่าย ๆ อยู่แล้วนี่ เดี๋ยวมึงก็ไปรักคนอื่นไปจีบคนอื่น”

นิวไม่สนใจ พูดแบบไม่มองหน้า ทำให้รู้ว่าไม่สนใจ และคนที่หงุดหงิดโมโหเป็นบ้าอยู่คนเดียวก็ถึงกับหน้าชา

หน้าชาตัวชา

ยืนนิ่งค้าง และอึ้งกับคำตอบที่นิวตอบออกมา แล้วแต่กูเหรอ..........แล้วแต่...........กู เพราะกูเป็นพวกรักง่าย ชอบง่าย

ทำไม
ทำไมวะ
ทำไม...........ต้องแล้วแต่กูด้วย ทั้งหมดนั่นแล้วแต่มึงบ้างไม่ได้หรือไง

เกิดอาการช็อค ที่ถูกปฏิเสธ มันอาจจะไม่เป็นอย่างนี้ ถ้าการปฏิเสธของนิวไม่มาพร้อมความเย็นชา ถ้าทะเลาะกันอยู่ ถ้าโมโหใส่กัน ก็คงไม่รู้สึกช็อคขนาดนี้

นิว........แม่งใจร้ายว่ะ มึงคิดว่ากูเล่นเหรอ กูจริงจังนะ จริงจังแบบไม่รู้ตัวเลย

กูไม่รู้ตัวว่าเมื่อไหร่ที่กูเริ่มจริงจัง ..............กับมึง..............

ไม่พูด ไม่ตอบ ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย นอกจากนิ่งงันและโจ้ก็ก้มหน้าก้มตาหยิบหนังสือสองสามเล่มที่วางทิ้งไว้ใส่กระเป๋า

เหี้ยเหอะ กูแม่งเหมือนจะเป็นบ้า หน้าชา มือชา ตัวชา โคตรอาย อายอะไรไม่ว่า อายที่โดนตอกหน้าแบบนี้ มันโคตรอาย
มันก็ถูกที่กูชอบใครง่าย ๆ รักใครง่าย ๆ แต่มันไม่นานเท่ามึง ไม่เคยมีใครขวางหูขวางตาและน่าหงุดหงิดโมโหเท่ามึง

ไม่เคยมีใครเย็นชาเหมือนมึง ไม่มีใคร..........ทำให้กูปวดหัวได้เท่ามึง

“เฮ้ย”

ได้ยินเสียงเรียก แต่โจ้ไม่ยอมตอบ หยิบหนังสือใส่กระเป๋าและไม่มองหน้าของคนเรียก

“เฮ้ย ไอ้โจ้”

เรื่องของกู อย่ามายุ่งกับกู จะอะไรก็เรื่องของกูไม่ใช่เหรอ ทั้งหมดแหละ ทุกอย่างเลย เรื่องของกูหมดเลย อะไรก็เรื่องของกู
เรื่องของกูทั้งหมดนั่นแหละ อะไร อะไร อะไรมันก็เรื่องของกู

“พูดแค่นี้ร้องไห้ทำไม”

ร้องไห้เหี้ยอะไร กูไม่ได้ร้อง ผงมันเข้าตา ฝุ่นแม่งเข้าตา สนามเหี้ยนี่ก็มีแต่ฝุ่น โต๊ะแม่งก็มีแต่ฝุ่น หนังสือนี่ก็ฝุ่น
มีแต่ฝุ่นเท่านั้น ฝุ่นแม่งเข้าตากู

“ไอ้โจ้ คุยกันดี ๆ ซิ มึงจะงอนทำเหี้ยอะไรเนี่ย”

ไม่ได้งอน กูทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ มึงบอกว่าแล้วแต่กูนี่ แล้วแต่กูก็แค่ผงมันเข้าตา แค่ผงมันเข้าตา

“โจ้”

ไม่ใช่แค่พูดแต่ครั้งนี้นิวกระชากแขนของคนที่เก็บของเสร็จแล้วกำลังจะเดินหนี กระชากแรง ๆ ให้อีกฝ่ายหันมาคุย แต่โจ้ก็ไม่ยอมหันมา

ยกหลังมือเช็ดน้ำตาที่เหมือนมันกำลังจะหยดลงมา

ไม่ได้ร้องไห้ ร้องทำไม มีอะไรน่าร้อง แค่มันจี๊ดมันโมโหจนขึ้นสมอง แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะผงมันเข้าตา

“อะไรของมึงเนี่ย”

อะไรของกูล่ะ

มันจะมีอะไร

“เรื่องของกูไง เหี้ยนิว ก็เรื่องของกูไง ก็นี่ไงเรื่องของกู”

กวนประสาทไม่รู้จักเวล่ำเวลา ไม่มองหน้าแถมยังพูดจาไม่รู้เรื่อง
อยากจะปล่อยอยู่หรอกนะ แต่เพราะมันพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ไง ถึงไม่ยอมปล่อยแขนมัน

“เกิดจะเจ้าน้ำตาอะไรขึ้นมา ตุ๊ดเหรอมึง”

เออสิ

“ตุ๊ดไง ไม่ตุ๊ดคงไม่ชอบมึงหรอกมั้ง”

ตอบกลับทั้งที่ถูกดึงแขน ตอบแต่ไม่มองหน้า

“ปัญญาอ่อน”

เออสิ

“เหี้ยมึงก็ปล่อยกูดิ กูปัญญาอ่อนไง กูแม่งตุ๊ดด้วย กูใจง่ายกูรักง่ายชอบง่าย เห็นใครถูกใจก็รักไปหมด กู..........แม่ง....รักง่าย.........อึก....”

อยากพูดแต่พูดไม่ออก พูดไปก็ยิ่งไปกันใหญ่ และนิวก็ปล่อยจริง ๆ
ปล่อยแขนโจ้ และโจ้ก็เดินลิ่ว ๆ จากไปจริง ๆ

ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร

ทะเลาะ
โกรธ
น้อยใจ
เรียกว่าอะไรไม่รู้ แต่ที่รู้คือมันทำให้หัวใจของนิวไหววูบไปมา

“กูไม่ง้อหรอกนะ”

อยากจะหันไปมองคนที่เดินจากไป แต่ก็ไม่ยอมมอง

มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก

ไม่มีอะไรง่ายขนาดนั้น ใครจะรู้นี่อาจเป็นการเรียกร้องความสนใจของไอ้โจ้ก็ได้

เรียกร้องความสนใจ

ให้หวั่นไหวตาม

..........เรียกร้อง...........ความสนใจ

ก้มมองที่มือตัวเอง ถึงได้รู้ว่ามือเริ่มสั่น

เหี้ยโจ้
ไอ้เหี้ยโจ้

ไอ้เหี้ยโจ้

มึงทำเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย มึง........ทำอะไรของมึง แค่มารยาแกล้งร้องไห้ ไม่ได้ทำให้กูใจอ่อนง่าย ๆ หรอกนะ

ไม่ได้ทำให้กูคิดอะไรหรอกนะ

ไม่ได้ทำให้กูนึกอยากสนใจมึงขึ้นมาหรอกนะ

มึงมันใจง่าย ชอบคนนั้นคนนี้ไปทั่ว แม้กระทั่งปากที่พูดออกมาว่าจะจีบกู มึงก็พูดพล่อย ๆ พูดเรื่อยเปื่อย เห็นเป็นเรื่องสนุก
เรื่องที่จะให้กูหวั่นไหวเพราะคำพูดมักง่ายของมึง มันไม่มีทางหรอก

ไม่มี..........

อยากจะคิดอะไรต่อ อยากจะจัดการระบบความคิดของตัวเองทั้งหมด แต่สิ่งที่นิวต้องทำในเวลานี้ คือการกำมือ

กำแน่น

และพยายามให้มือของตัวเองหยุดสั่น

เฉย ๆ

ไม่คิดอะไร

ไม่มีอะไร แค่แม่งมารยาร้องไห้ใส่กูเพื่อเรียกร้องความสนใจเท่านั้น

เฉย ๆ ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร

ไม่มี.........อะ........ไร.........เลย....

ไม่มี.........

ไอ้เหี้ยโจ้ มึงเล่นงานกูแบบนี้ได้ยังไง มึงทำขนาดนี้ได้ยังไง ที่มึงทำมันเกินไปแล้วนะ ถึงขนาดแกล้งบีบน้ำตาเลยใช่มั้ย
มึงต้องลงทุนขนาดนี้เลยใช่มั้ย เพื่อแลกกับการเรียกร้องความสนใจ ต้องลงทุนทำขนาดนี้เลยเหรอวะ

ต้องลงทุน.........

ทำ...

โธ่โว้ยยยยยยยยยยยยย

ความคิดเป็นสิ่งน่ากลัว ยิ่งนิวคิด ความรู้สึกลึก ๆ ในใจมันก็เหมือนกำลังถาโถม มือยังไม่หยุดสั่น

และที่ตามมาคืออาการใจสั่นร่วมด้วย

นั่นน่ะ เรียกว่าร้องไห้จริง ๆ นะ ไม่ใช่แค่แกล้งร้องหรือมารยา แม่งร้องไห้จริง ๆ นะ ร้องจริง ไม่ได้แกล้ง
รู้จักมันมาตั้งนาน ทำไมจะดูไม่ออกว่ามารยาหรือของจริง ทำไมจะดูไม่ออกว่าแม่งร้องจริงหรือแกล้งร้อง

แล้วจะร้องไห้ใส่กูทำเหี้ยอะไรวะ กูไปทำอะไรให้ ถึงต้องมาร้องใส่กู

เหี้ยโจ้ มึงนี่...........มึงนี่มัน………โธ่โว้ยยยย

ไม่อยากง้อ
ไม่เคยคิดจะง้อ
ไม่เคยคิดจะสนใจ

ไม่อยากใส่ใจ ไม่อยากจะรู้สึกอะไรด้วยทั้งนั้น

แต่ครั้งนี้นิวเพิ่งรู้สึก

ครั้งแรก

เป็นครั้งแรกที่รู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับใครบางคนที่รู้จักกันมานานแต่ไม่เคยคิดจะสนใจหรือใส่ใจ ความรู้สึก.........เป็นห่วงเป็นใย.........โดยไร้เหตุผล

สุดท้าย นั่งอยู่ได้ก็คงแปลก

นิวถอนหายใจเฮือกใหญ่ และยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่เดิน แต่ก้าวเท้ายาว ๆ และมันคงไม่ทันใจสุดท้ายเลยต้องวิ่ง

วิ่งทำไม

วิ่งเพื่ออะไร

วิ่งไปหาใคร..........

วิ่งไปหาไอ้โจ้ที่.....แม่ง...........

กูจริงจังนะเนี่ย มึงจะเดินไปร้องไห้ไปทำไมวะ มึงจะเดินไปยกหลังมือเช็ดน้ำตาไปทำไม
กูไปทำอะไรให้นักหนา ถึงต้องมาตุ๊ดแตกน้ำตาไหลใส่เพราะเรื่องที่กูยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตกลงมึงกับกูทะเลาะกันเรื่องอะไร

“เฮ้ยยยยยยยย ร้องไห้หาพ่อมึงเหรอ”

ร้องไห้หาพ่อกูหรือพ่อใครมันก็เรื่องของกู

“ไอ้เหี้ยยยยยยยย”

โดนโจ้ด่า

และนิวก็ได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง อ้าปากค้าง

ด่ากูเหรอ มึงด่ากูเหรอ มึงด่ากู........เหรอ มึงกล้าด่ากูขนาดนี้เลยเหรอ มึงกล้าด่า.........

“ร้องไห้หาพ่อมึงเหรอ”

ยังถามย้ำไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้สายตาของนิวจ้องมองไปที่หน้าของคนที่ไม่ยอมหยุดคุยด้วย ยังคงก้าวขาเร็วขึ้นเรื่อย ๆ และนิวก็ทำได้แค่เดินตามให้เร็วขึ้น

“ตุ๊ดนี่หว่ามึง”

ไม่มีการตอบโต้ ไม่ยอมพูด มีแต่เงียบ และมันก็หยุดร้องไห้ แต่ตาแม่งแดงก่ำ

ตาอย่างแดง

“ตุ๊ดเอ้ยยยย ร้องไห้หาพ่อมึงจริงดิ”

“พ่อกูตายไปแล้ว”

อ่า

เหรอ

พ่อมึง

ตายไปแล้ว.........เหรอ

“..............”

“โจ้.....ถ้ามึงจะจีบกูต่อก็ได้นะ กูไม่ได้ว่า”

ไม่เอาแล้ว

“อีกสองสามวันกูจะเลิก”

เหรอ

“แต่ตอนนี้ยังไม่เลิกนี่”

มันก็ใช่

“........................”

“กูไปส่งบ้านมั้ย”

เป็นเหี้ยอะไรนึกอยากจะไปส่งกูที่บ้านขึ้นมา

“กูไม่ใช่ไอ้กัส กูจำทางกลับบ้านได้”

เอออออออออออ นั่นกูรู้แล้ว

“ก็ใช่ว่าจะอยากไปส่งหรอกนะ กูก็ไม่ได้คิดจะไปส่งอะไรมึงหรอก”

แล้วจะไปทำเหี้ยอะไร สงสารกูหรือไง ไม่ต้องมาสงสาร อีกสองสามวันกูก็จะเลิกจีบมึงแล้ว ไม่ต้องมาทำเห็นใจอะไรกูหรอก
กูไม่สนใจมึงแล้ว

“กูเนี่ยนะ จะไปส่งมึงไอ้โจ้ กูไม่มีความคิดจะไปส่งมึงหรอก เอาจริง ๆ เลย กูจะบอกตรง ๆ เลยก็ได้”

ใช่ไง

นั่นกูรู้แล้ว

มึงไม่ต้องย้ำหรอก กูไม่อยากฟัง ไม่ต้องมาทำเป็นสงสารกูหรอก กูจัดการชีวิตตัวเองได้

“แต่ที่จำใจอยากจะไปส่งก็ไม่มีอะไรมาก.......”

เอออออออออออออ กูกลับเองได้ ไม่ต้องมายุ่งกับกูหรอกไอ้เหี้ยนิว มึงไม่ต้องยุ่งกับกูเลยก็ได้ ไม่ต้องมาจำใจทำเหี้ยอะไรทั้งนั้นแหละ ไม่ต้องมาจำใจทำอะไรเพราะกู
ไม่ต้องมา.............

“เออโจ้ บางทีมึงควรต้องรู้บ้าง ว่าตอนนี้กูแค่...กำลัง.........ง้อมึงอยู่...เข้าใจมั้ย”

TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-06-2014 20:12:48 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
สงสารกัสพี่หยกรีบกลับมาเร็วๆนะ

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
โธ่ คุณชายนิว บอกเขาไปแต่แรกก็จบแล้ว ฟอร์มเยอะนะเราน่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด