@@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @@รักเกิดในแผนกขนส่งby aoikyosuke ภาคพิเศษวิโรจน์ผู้กอบกู้โลก p.98  (อ่าน 754054 ครั้ง)

miyaki

  • บุคคลทั่วไป
จบแบบนี้จิงๆหรอ
หยกกลับมาแล้ว ขอหวานสักตอน :z3:

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
อยากได้โมเม้นท์หยกกัสอีกอ่าา อยากรู้จะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง หลังจากยอมรับใจตัวเอง

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ภาคพิเศษ นิวกับโจ้ บ่น บ่น บ่น

“เฮ้ยยยยยยยยยยย โตขึ้นแล้วนี่หว่า โตขึ้นเยอะเลยนะเฮ้ยยยย จำพ่อได้ป่าว กุปปี้ จำได้มั้ยเนี่ยไอ้ตัวเล็ก”

มันตัวเล็กซะที่ไหนล่ะ ตัวแม่งใหญ่ขนาดนี้ มึงยังจะเรียกมันตัวเล็กอีกเนอะ

“กุปปี้มานี่”

เรียกให้หมาหน้ามึนลายจุดเข้ามาใกล้ และเจ้าหมาลายจุดตัวโตก็วิ่งเข้ามาใกล้ และก็โดนโจ้เตะเบา ๆ ไปที่ลำตัว

“โฮ่ง หงิง หงิง”

เยี่ยม ไอ้ซาดิสต์โจ้ มึงรักหมาได้น่ารักมากไอ้เหี้ย

“มึงไปเตะมันทำไมเนี่ย”

บ่นแต่ไม่มีประโยชน์เพราะโจ้หัวเราะร่า และหมาที่โดนเตะก็กระโดดเข้าใส่โจ้ แต่คราวนี้ยิ่งคึกหนักกว่าเดิม กระโดดไปมาเหมือนที่โดนเตะไปไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักนิด

“กูเคยเตะจริงที่ไหนล่ะ แม่งชอบแกล้งสำออย ฉลาดจะตายหมาห่าเนี่ย.....ฉลาดเหมือนใครวะกุปปี้....เหมือนพ่อนิวมึงป่ะ”

แกล้งมองหน้าใครบางคนที่นั่งชันเข่าอยู่ที่สนามหญ้าและนิวก็มองหน้าของคนพูด

กวนตีนนะมึง

“แล้วหน้ามึนเหมือนใครกุปปี้ พ่อโจ้มึงป่ะ”

เออใช่เซ่ กูมันมึนเหอะ
มีอะไรดีบ้างมั้ยเนี่ย เคยมีอะไรดีบ้างมั้ย

“พ่อโจ้มันหน้ามึน ไม่มีอะไรดีเล้ยยยยยยยยยย ไอ้คนฉลาดมันถึงได้ปั่นหัวเล่นประจำ”

น้อยใจอีกแล้วสิมึง นิวถึงกับส่ายหน้ากับบางสิ่งบางอย่างที่โจ้พูด
และไอ้คนบ่นน้อยใจก็ลงมานั่งอยู่ข้าง ๆ กัน โดยมีไอ้กุปปี้หมามึนมานอนหมอบอยู่ข้างๆ

สงสัยแม่งจะเหนื่อย แม่บอกมันเล่นกับนิวตั้งแต่นิวมา
และในเวลานี้ก็เป็นเวลาของโจ้หน้ามึนที่นั่งถอนต้นหญ้าไปทำหน้างอไป

“กว่าจะมาหาเนอะ”

ก็มาแล้วนี่ไง วันไหนมาได้ก็มา เคยเหลวไหลที่ไหน วันนี้เลิกงานปุ๊บก็มาหามึงเลย

“โปรแกรมเมอร์มือหนึ่งแผนกไอทีของบริษัทไฮไซ เขาก็มาน้อยใจคนทำงานโรงงานหาเช้ากินค่ำอย่างเราเนอะ”

แกล้งแหย่ไป และโจ้ก็หันมามองหน้าของคนที่แกล้งพูดใส่พูดไปยิ้มไป แต่กูรู้หรอก มึงแกล้งแหย่กูเล่นให้กูทำหน้างี่เง่าอีกแล้วใช่มั้ย แกล้งกูตลอดแหละมึงอ่ะ

“ดูแต่งตัวสิ น่ามอง ไหนดูหน้าตาซิ โห อย่างนี้เดินไปทางไหนก็ไม่อายชาวบ้านเขาแล้ว……พนักงานโรงงานจน ๆ อย่างเราจะไปกล้าเมินเขาได้ยังไง”

เหรอ คล้ายจะดีเนอะ แต่จริง ๆ แม่งประชดชัด ๆ

“ได้ข่าวว่าปรับขึ้นเป็นรองหัวหน้าส่วนแล้วไม่ใช่”

ข่าวล่ามาเร็วนะมึง

“นั่นแหละที่กูเครียด แล้วก็เซ็ง เข้าไปไม่นานแต่ไปข้ามหน้าข้ามตาคนที่อยู่มาก่อน เส้นสายก็ไม่มี เสือกไปเข้าตากรรมการซะงั้น วันๆ โดนลองของวันละเป็นร้อยรอบ เฮ่ออออ”

เสียงถอนหายใจยาว ๆ ของนิว ทำให้โจ้ต้องนิ่งฟัง และส่งยิ้มบางๆ ให้

กูรู้มึงเครียด มึงอยากก้าวหน้า มึงทำอะไรมึงก็ทำอย่างจริงจังและตั้งใจ มันก็ไม่แปลกยิ่งมึงก้าวกระโดดไวเท่าไหร่ คนไม่ชอบหน้ามึงก็มีมากเท่านั้น

“เก็บเงินได้สักก้อน จะออกมาหาค้าขายอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นนายของตัวเองก็ยังดีกว่าไปอยู่ท่ามกลางคนหมู่มาก ยิ่งสูงแม่งก็ยิ่งหนาว”

ค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ เหรอ

“ได้ข่าวว่าติดต่อค้าขายอะไหล่รถ ค้าขายไม่เล็กแล้วมั้ง เสี่ยนิว”

รู้ทันตลอด แค่รู้ทันยังไม่พอ แม่งยังส่งยิ้มยียวนกวนตีนให้กูได้ด้วย

“เออออออ มีเมีย เมียแม่งก็เจริญก้าวหน้าจนจะเปิดบริษัทเองอยู่แล้ว จะมาย่ำต๊อกไปวันๆ มันก็ใช่เรื่อง ใครจะยอมได้วะเรื่องแบบนี้”

เหรออออออออออ

“กูไม่ใช่คู่แข่งมึงนา”

ใครว่ามึงเป็นคู่แข่งล่ะ มึงเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ต้องพยายามให้มากกว่านี้ต่างหาก

“พ่อกับแม่ เขาก็คงคาดหวังอยากให้มึงมีครอบครัว หาผู้หญิงดี ๆ สักคนที่มึงรักมาแต่งด้วย…….กว่าจะถึงตอนนั้น กูก็ยังพอมีเวลาสร้างตัว......วันหนึ่งเกิดเขาคิดแบบนั้น และถ้าเขามองมาที่กูแล้วเห็นกูมีฐานะที่มั่นคงพอที่จะทำให้เขาเชื่อได้ว่า กูจะดูแลมึงได้ดีกว่าผู้หญิงดี ๆ สักคนแน่ ๆ เราจะได้มีเกราะป้องกันไงโจ้..........อย่างน้อยถ้าคิดอะไรไม่ออก เขาก็ยังพอมองออกได้ว่ากูเอง....ถึงเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ก็ดีพอที่จะดูแลมึงไปได้ตลอดชีวิต”


นิวเป็นคนคิดเยอะ วางแผนเยอะ เรื่องที่กูคิดคือน้อยใจที่มันไม่ค่อยว่าง ไม่มีเวลาให้
เรื่องที่กูคิด คือ การคิดไปเองว่านิวแม่งไม่ค่อยสนใจ ไม่ทำอะไรหวาน ๆ ซึ้ง ๆ น่ารักอย่างที่คนอื่นทำ
เรื่องโง่ ๆ ที่เอาแต่คิดไปเรื่อย ทั้งที่สิ่งที่นิวมันคิด คือเรื่องใหญ่ ๆ เรื่องความมั่นคง และสร้างความมั่นใจให้กับเราสองคน และรวมไปถึงการสร้างความเชื่อมั่นให้กับครอบครัวของเราด้วย

กูแม่งปัญญาอ่อนว่ะ งี่เง่ากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทั้งที่นิวมันต้องพยายามอยู่ตลอดเวลา
มึงเหนื่อย กูรู้ แต่บางทีกูก็งี่เง่าเอาแต่ใจ หาเรื่องให้มึงกลุ้มใจอยู่บ่อย ๆ

บางครั้งใครสักคน อาจมีข้อด้อย ที่มีบางอย่างไม่ได้อย่างใจเรา แต่คนที่มีข้อด้อยคนนั้น ก็มีข้อดี ที่มากมายจนข้อด้อยกลายเป็นสิ่งที่เราสามารถมองข้ามมันไปได้

ไม่เคยมีใครดีพร้อมสมบูรณ์สำหรับใคร มีแค่คนที่อยู่ด้วยกันและยอมรับทั้งข้อดีและข้อเสียของกันและกันได้ และปรับเข้าหากัน จนพอดี พอดีสำหรับเราอาจไม่เหมือนคนอื่น
แต่มันก็คือเรา มันคือความพอดี ในแบบของเรา ที่คนอื่นเขาอาจจะอยากทำเหมือนเรา แต่เขาก็ทำไม่ได้

และมันก็เป็นความพอดี ที่เราชอบน้อยใจคิดไปเองว่าทำไมเราไม่เหมือนคู่อื่น ทั้งที่จริง ๆ แล้วเพราะเราเป็นแบบนี้ เราถึงได้พอดีในแบบของเราและไม่มีใครเลียนแบบความพอดีของเราได้

“บางทีกูก็น้อยใจมึงนะนิว”

กูรู้ กูเข้าใจว่าทำไมมึงถึงคิดแบบนั้น กูเข้าใจดี แต่กูรู้มึงจะอดทน เราเลยคำว่ารักหรือไม่รักไปแล้ว เราเลยการปรับตัวให้เข้ากันไปแล้ว สิ่งที่เรากำลังก้าวไปด้วยกันในเวลานี้

คือทำให้คนรอบข้างยอมรับในตัวเรา

มันเป็นก้าวเล็ก ๆ แต่ยิ่งใหญ่สำหรับเราในเวลานี้มาก และกูรู้.........มึงจะเดินไปพร้อมกับกูได้ โดยไม่ปริปากบ่น
แม้จะเหนื่อยแค่ไหน แต่กูรู้ ว่ามึงจะไม่ปล่อยมือกูระหว่างทางแน่นอน

“กูจะพยายามแสดงออกกับมึงเยอะ ๆ มึงน้อยใจกูได้ แต่อย่าท้อจนทิ้งกูไปซะก่อนนะ มึงมาจีบกูแล้ว มึงทำให้กูเป็นแบบนี้ ถ้ามึงทิ้งกูกลางทางกูเอาตายแน่”

อย่าทำแบบนี้นิว อย่าทำหน้าเฉยแบบนี้ แล้วพูดจาแบบนี้ มันยิ่งทำให้กูรักมึงเพิ่มขึ้นอีกร้อยเท่า
โจ้กำลังยิ้ม ยิ้มกว้างและยิ้มหวาน จนนิวต้องเมินหน้าหนีไปทางอื่น

เกินไปอีกแล้วนะมึง ไอ้เรื่องแสดงอารมณ์ดีใจเกินเหตุแบบไม่เก็บอาการนี่ล่ะเก่งนัก กูล่ะอยากจะทำให้ได้อย่างมึงจริง ๆ

“รักกูป่ะ”

เหอะ เอาแล้วไง มาแนวนี้อีกแล้ว มึงจะถามวันละสามสิบแปดรอบเลยใช่มั้ย

“อะไรของมึงนักหนาวะ”

แน่ะเขิน ให้พูดแค่นี้ทำเป็นเขิน

“รักกูป่ะเนี่ยยยยยยยยยยยยยย”

ลากเสียงยาวเชียวนะมึง แล้วเลิกเล่นซะที บทหน้าเศร้าเคล้าน้ำตาเนี่ย รันทดไปไหนของมึง อย่ามาทำเป็นเรื่องมากปัญหาเยอะหน่อยได้มั้ย

“แม่บอกจะไปซื้อกับข้าวที่ตลาด เห็นบอกจดรายการอยู่ ถ้าไปเดี๋ยวจะมาเรียก นั่นจะไปแล้วมั้ง เดินมาโน่นแล้ว”

เลี่ยงเหรอมึง เลี่ยงกูเหรอมึง

“ไปยังครับ แม่ครับ”

เหรออออออออออ

“แม่หุงข้าวก่อนนิว เดี๋ยวแม่เรียก อ้าวแล้วทำไมโจ้ไม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าล่ะลูก ตั้งแต่กลับมาก็ใส่ชุดนี้ตลอดเลยเหรอ โตแล้วทำไมต้องให้แม่พูดมากอีกโจ้”

อ้าว งานเข้ากูอีก แล้วแม่ไม่ดูบ้างว่านิวมันก็ใส่ชุดทำงานมันเหมือนกัน แล้วทำไมแม่ไม่บ่นมันบ้างล่ะแม่

“ลำเอียงเห็น ๆ”

ได้ยินเสียงบ่นของใครบางคนแล้วนิวก็ได้แต่อมยิ้ม
ก็สมควรโดนบ่นอยู่หรอก ชุดทำงานกูมันใส่ทำอะไรได้สารพัด แต่ชุดทำงานมึง........ลักษณะเหมือนไปเดินแคทวอร์คมา

“ก็เมื่อเช้าไปพรีเซ้นจ์งานมาหรอก ไม่งั้นใครจะใส่ชุดนี้วะร้อนชิบหาย”

ร้อนแต่ก็ไม่ไปเปลี่ยน สมควรโดนบ่นอยู่หรอก

“ก็ไม่ไปเปลี่ยนซะล่ะ”

ก็เผื่อมึงจะบอกว่าน่ามองขึ้นมาตอนไหนใครจะไปรู้
รอให้มึงชมอยู่เนี่ย แม่งก็ไม่ยอมพูดเหอะ เล่นกับลูกมึงอยู่ได้

คิดแต่ไม่พูด และโจ้ก็พยายามขยับเนคไทด์ไปมาสองสามครั้งทำเหมือนสะบัดเสื้อแต่จริง ๆ อยากให้นิวเห็นว่าเนคไทด์ที่อยากโชว์เป็นของใครซื้อให้

อ่อ

นิวถึงกับอมยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก และลากหมาลายจุดที่นอนหมอบอยู่ข้าง ๆ ให้เข้ามาใกล้อีกนิด และยังลูบหัวลูกรักเล่นไปเรื่อย ๆ ทั้งที่อยากจะขำให้ตาย กับพฤติกรรมความน่ารักแบบสุดขั้วของใครบางคน

“กูรสนิยมดีใช่มั้ยล่ะ ก็บอกแล้วว่ามึงใส่เส้นนี้กับเสื้อตัวไหนก็ขึ้น”

เหรอ

แล้วไม่คิดว่าเพราะกูดูดี ก็เลยใส่เนคไทด์เส้นนี้ แต่งตัวแบบนี้ก็เลยทำให้กูดูดีไม่ใช่เหรอ

“แค่เนี้ยะ”

เออ แค่นี้แหละ อยากได้อะไรอีกล่ะ แค่นี้ไม่พอใจอีกหรือไง

“มึงนี่น๊า นิว....เฮ่อออออ”

อะไร ถอนหายใจแบบนั้นทำไม กูรู้หรอกว่ามึงหมายความว่ายังไงแต่กูแค่แกล้งมึงเฉย ๆ ให้มึงทำหน้างองี่เง่า เพลินดี

มองแล้วก็เพลิน เวลาที่สีหน้าของมึงแสดงอารมณ์หลากหลาย

“พรุ่งนี้จะไปเลือกให้อีกเส้นนะเทคไทด์น่ะ บางทีตอนนี้มึงก็ดูดีจนกูอาย”

นิว….
ชมแบบนี้ไม่เอาสิ ชมแบบจริงจังอย่างที่มึงคิด กูไม่เอา ไม่อยากได้
กูอยากให้มึงชมกูไป ประชดกูไป แบบที่มึงชอบทำ นั่นสมกับเป็นมึงดี
ชมไปด่าไป กูรู้มันไม่ได้หวานซึ้ง แต่กูชอบฟังแบบนั้นมากกว่าจะได้รู้ว่าในหัวมึงกำลังคิดอะไรที่จริงจัง

เช่นกูดูดีจนมึงอาย ซึ่งจริง ๆ แล้วกูไม่ได้ต้องการแบบนั้น

“เสี่ยนิว มีแฟนหน้าตาดี ดูดีก็ถูกแล้ว จะได้เป็นที่เชิดหน้าชูตาเวลาไปไหน ๆ ไง”

เพราะมันเป็นแบบนี้ เราถึงได้อยู่กันรอด
เพราะโจ้มันคิดอะไรในแง่สนุกสนาน ทำให้คนเครียด ๆ อย่างกูยิ้มออกมาได้

มันเป็นของมันแบบนี้ ถึงได้อยู่กันรอดมาถึงป่านนี้
เพราะความอดทนของมัน เพราะความเข้มแข็ง เพราะความมั่นคง เพราะการที่พยายามมองโลกในแง่สนุกสนานของมัน ถึงทำให้คนอีกคน ยิ้มได้

และมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ ๆ

“แล้วจะไปจันทบุรีเมื่อไหร่”

ช่วงวันหยุดยาวก็จะแวะไป มึงหยุดเหมือนกันนี่จะได้ไปด้วยกันเลย

“ตกลงหยุดเหมือนกันใช่มั้ย จะได้ให้พ่อดูผลไม้ไว้ให้”

หยุดสิ ไม่หยุดได้ไง ใครเขาก็หยุดกันทั้งนั้น

“พ่อกับแม่นิวเขาก็เลยไม่กลับมาอยู่ที่นี่แล้วใช่ป่ะ เมื่อก่อนทำงานส่งแต่หนี้ เดี๋ยวนี้ทำงานซื้อที่ เป็นเสี่ยค้าอะไหล่ต่อไปก็เป็นเจ้าของสวน โห... รวยว่ะ ไม่ได้แล้ว ปล่อยไม่ได้ต้องเกาะแน่น ๆ”

แล้วมันก็ทำอย่างที่พูดจริง ๆ ยื่นมือมาเกาะแขนแล้วก็กระพริบตาถี่ ๆ ส่งสายตาปิ๊ง ๆ ใส่

ตลกมากป่ะ ตลกมากนักนะมึง

“เหี้ยโจ้ มึงนี่”

ด่ากูไปเห้ออออออออ แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเขิน แล้วก็ผลักหัวกูเนี่ยนะ

“เจ็บบบบบบบบบ นิวแม่งชอบเล่นแรง ๆ”

แรงเหี้ยอะไร ผลักหัวแค่นี้ไม่ได้ทำให้สมองมึงได้รับความกระทบกระเทือนหรอก
มารยาสาไถดีจริง ๆ นะมึง

“รวยแล้วจะได้มาขอมึงกับพ่อแม่มึงได้ เขาจะได้ยกให้ง่าย ๆ กูจะได้เอามึงไปใช้แรงงานปีนต้นไม้ซะให้เข็ด แทนแรงงานพม่า แถมค่าแรงก็ไม่ต้องจ่ายอีก โคตรคุ้ม”

โห เกินไปแล้ว มึงชักจะเกินไปแล้วนิว เห็นใจกูหน่อย กูไม่ได้สบายมาก แต่กูก็ไม่เคยลำบากนะเว้ย

“กูปีนต้นไม้ให้ฟรี ๆ แต่ถ้าขายผลไม้ได้ กูยึดค่าขายหมดเลยได้ป่ะล่ะ”

ฉลาดขึ้นมาแล้วนี่ ฉลาดเลวขึ้นเรื่อยๆ นะมึง

“เอาไปเห้ออออออออออ ไอ้ขี้งก”

นิวหัวเราะร่วน และโจ้ก็มองใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มของคนที่กว่าจะยิ้มได้น่ามองขนาดนี้ ต้องใช้เวลานานหลายปี

นาน.......จนลืมว่าเราใช้ชีวิตด้วยกันแบบนี้ เป็นกำลังใจของกันและกันแบบนี้มานานเท่าไหร่

“หยกบอกว่าให้ดูต้นไม้ให้ด้วย พ่อไอ้กัสจะเอามะม่วงมาลงที่หน้าบ้าน มึงช่วยกูจำนะ เดี๋ยวกูลืม แม่งด่ากูตายห่า”

เออ เดี๋ยวกูช่วยจำ
วันนี้กูก็แวะไปเอาขนมที่ร้านมันมา ตอนมีสัมมนาก็ได้ขนมกับกาแฟร้านมันนั่นแหละมาเลี้ยงแขกที่มาสัมมนา ไม่แพง รสชาติใช้ได้ แถมกูได้หน้าอีก

“ไอ้กัสมันคล่องแล้วเดี๋ยวนี้ แต่ไม่พูดเหมือนเดิมนะ แม่งยิ้มลูกเดียว แต่มันก็ขายของคนเดียวได้แล้วเดี๋ยวนี้ เก่งขึ้นเยอะ คิดเงินคล่องแล้ว”

ดีแล้ว แบบนี้ก็ดีแล้ว

“ไม่แวะไปหามันบ้างวะ ยังทำใจไม่ได้อีกเหรอ เวลาเจอหน้ามัน”

เรื่องนั้นน่ะ มันนานมาแล้วโจ้ กูเลิกคิดอะไรแบบนั้นไปตั้งนานแล้ว
แรก ๆ ตอนที่หยกกลับมาใหม่ ๆ มึงก็รู้ว่ากูยังทำใจไม่ได้ แต่ตอนนี้ กูลืมเรื่องนั้นไปสนิทแล้ว
เวลามองหน้าไอ้กัส กูไม่ได้รู้สึกกับมันในแง่อื่นอีกแล้ว

ความทรงจำดี ๆ ไม่เคยจางหายไป เพียงแค่ความรู้สึกเท่านั้นที่เปลี่ยนไป

“กูมีมึงแล้ว....จะให้กูคิดอะไรกับคนอื่นอีก กูทำไม่ได้หรอก”

แมนสัดอีกแล้วมึง กูปลื้มมึงก็เพราะแบบนี้แหละ
เวลามึงชัดเจนมึงก็ชัดเจนเกิ๊น จนกูทั้งเขินทั้งซึ้ง

“รักกูป่ะ”

อ้าวแม่ง ออกอ่าวไปได้ตั้งไกล เสือกย้อนกลับมาเข้าทางไอ้โจ้อีกจนได้

“เออ”

ไม่ได้ยินว่ะ

“อะไรนะอีกที ขอแบบชัด ๆ”

อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินไอ้โจ้ อย่ามาทำตัวเล่ห์เหลี่ยมเยอะขอร้อง

“นิว ไปยังลูก อ้าวไอ้เจ้านี้ ก็ยังไม่เปลี่ยนชุดอีก แม่บอกแล้วไม่ใช่หรือไงโจ้ เรานี่มันช้า เฉื่อย ชา เรื่อยเปื่อยได้ตลอด”

โดนบ่น และโจ้ที่กำลังยิ้มก็หน้ามุ่ยทันที
ลุกขึ้นยืนโดยมีใครอีกคนลุกขึ้นตาม กูเห็นนะ มึงยิ้มเยาะกูใช่มั้ย กูดื้อกับใครก็ได้ แต่คนนี้กูแพ้ตลอด
เออ กูต้องยอม ต้องยกให้หนึ่งคน แบบทำอะไรไม่ได้

“ไปเดี๋ยวนี้แหละ เดี๋ยวโจ้มา แม่อย่าเพิ่งไปนะ”

รีบเดินเข้าบ้าน โดยมีหมาลายจุดตัวใหญ่วิ่งตาม

“ไอ้กุปปี้ ไม่ต้องตาม ไปหาพ่อมึงโน่น”

อาการแบบนี้เรียกเหวี่ยง
และนิวก็ส่ายหน้ากับอาการที่เรียกว่าเหวี่ยงของคนที่เดินเข้าบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

“เนี่ยมันเป็นแบบนี้ตลอด โตป่านนี้ก็ต้องให้แม่บ่น ไม่รู้จักรับผิดชอบตัวเอง”

อยากให้มึงมาฟังจริง ๆ เลยว่ะโจ้ หน้ามึงคงหงิกน่าดู

“นิวก็อย่าไปตามใจมันมาก เฉื่อยแฉะขนาดนี้ เล่นไปวัน ๆ ไม่รู้บริษัทจ้างมันไปทำงานได้ยังไง”

นิวยังคงยิ้มรับกับสิ่งที่แม่พูดไปเรื่อยๆ ยิ้มไปเรื่อยและก็พยักหน้ารับฟังทุกสิ่งที่แม่พูด

“เห็นอย่างนั้น มีคนแย่งตัวมันหลายคนครับ โจ้มันเก่ง”

ชมให้แม่ได้ยินซึ่ง ๆ หน้า และแม่ก็ยิ้มกับสิ่งที่นิวพูด

“ฝากหน่อยนะนิว อย่าทิ้งกัน หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กัน อย่าถือสาลูกแม่ เวลาที่มันดื้อหรือทำอะไรไม่ดี ก็อย่าไปถือโทษโกรธ...อยู่ด้วยกันดูแลกันแบบนี้ไปนาน ๆ นะลูกนะ”

นิวกำลังอึ้งกับสิ่งที่แม่ของโจ้พูด ผู้ใหญ่ยังไงก็ดูออก แต่จะพูดหรือไม่พูดแค่นั้น

เตรียมใจมาตลอด เตรียมใจเอาไว้เสมอ ถ้าหากถูกถามเรื่องนี้ก็จะพูดตรง ๆ เพราะคุยกับโจ้ไว้แล้ว ว่าจะทำให้ชัดเจน

แต่ไม่นึกว่า....แม่จะรับได้ขนาดนี้ ไม่นึก....ว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้
นิวก้มหน้าลง ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้แม่ของโจ้และพูดบางสิ่งบางอย่างออกมา

“นิวขอเป็นลูกชายแม่อีกคนนะครับ นิวจะดูแลโจ้ให้ดี ๆ จะไม่ทำให้แม่ผิดหวังครับ”

แม่รับไหว้และแตะมือเบา ๆ ที่ไหล่ของนิว

“ฝากโจ้มันด้วยนะนิวนะ”

ครับ
ผมจะไม่ทำให้ผิดหวังครับ จะดูแลให้ดี ผมสัญญา จะดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่คน ๆ หนึ่งจะทำเพื่อใครสักคนได้

“ไอ้กุปปี้ บอกให้ไปหาพ่อมึงไงเล่า พันขาอยู่ได้ เฝ้าบ้าน บอกให้เฝ้าบ้าน”

แค่รู้ว่าโจ้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองและเดินออกมาจากบ้าน เจ้าหมาตัวโตก็วิ่งเข้าไปคลอเคลียทันที
และนิวก็มองตามคนที่เดินเข้ามาหาและยังบ่นอะไรเรื่อยเปื่อยไม่เลิก

“ไอ้กุปปี้มันชอบพันขาว่ะ แม่....ไปยังแม่”

โจ้โอบไหล่ของแม่ตัวเองและยังบ่นไม่เลิก

“ก็ไปสิ มัวแต่โอ้เอ้ชักช้าอยู่นั่น ชาวบ้านเขาไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว เราก็มัวแต่ช้า”

ยาว

บ่นยาวเลยงานนี้

“โอ้ยยยยยยยยยยยยย ปวดหู แม่บ่น บ่น บ่น บ่น จนโจ้หูชาแล้ว”

ยังงี่เง่างอแงแบบเด็ก ๆ ไปเรื่อย และโอบไหล่พาแม่มาขึ้นรถ

“หาว่าแม่บ่นปวดหู เดี๋ยวจะโดนดี ทำไมเรามันเป็นคนแบบนี้”

ไอ้กองกำลังสนับสนุนแม่งก็ยิ้มจัง แทนที่จะช่วยกูนี่ไม่มีเลยเนอะ ยิ้มลูกเดียว ห่านิว แทนที่จะช่วยกูบ้าง ไม่มีเลยนะมึง

นิวยังคงยิ้มเรื่อยเปื่อย ยิ้มอย่างมีความสุข
แต่โจ้ยังงอแงใส่แม่ไม่เลิก

“แม่รักโจ้ป่ะ”

มันเล่นไม้เดิมอีกแล้ว และแม่ก็ส่ายหน้าและต้องยอมตอบคำถามที่โจ้ถาม

“แม่ก็ต้องรักโจ้สิ ถามอะไรไม่เข้าเรื่อง”

ฟังแล้วมันก็ยิ้ม แค่ยิ้มไม่พอมันยังมีหน้าหันมาถาม

“แล้วนิวรักโจ้ป่ะ”

เป็นการบีบบังคับกลาย ๆ ที่ทำให้นิวอึ้ง ไม่รู้จะตอบยังไง ได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง ควรตอบหรือยืนนิ่งเฉยไปดี

“ตอบ ๆ มันไปนิว ไม่งั้นก็จะเพ้อเจ้อแบบนี้ทั้งวัน”

แม่โบกไม้โบกมือและเดินขึ้นรถ
ไม่สนใจว่าลูกชายจะพูดอะไรต่อไป และเป็นนิวที่ถึงกับตาโตและด่าคนที่ถามอะไรไม่รู้จักคิด

“เหี้ยโจ้”

อะไรล่ะ ไม่เห็นมีอะไรซะหน่อย ก็ถามแบบนี้ทุกวัน มึงก็แค่ตอบแค่นั้น

“ไม่ตอบกูฟ้องแม่กูนะ เอาดิ”

ไอ้เหี้ยโจ้ มึงก็คิดได้เนอะ

นิวถึงกับส่ายหน้าและพูดไม่ออก ทั้งอยากจะยิ้มทั้งอยากจะตบกบาลไอ้คนถามที่ไม่รู้จักดูเวล่ำเวลา

“เออ.....รัก...จนอยากจะเบิ๊ดกระโหลกมึงอยู่แล้ว”

ก็แค่เนี้ยะ

“แอ่ะ เขิน เขิน ฮิ้ววววววววววว นิวเขินว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

แล้วไอ้ตัวกวนประสาทก็เข้าไปอยู่ในรถเรียบร้อยทิ้งให้นิวได้แต่ส่ายหน้าและยิ้มอยู่อย่างนั้น

บางครั้ง สิ่งที่เราสองคนต้องการอาจเป็นเพียงแค่ความเรียบง่ายที่เป็นอยู่ในเวลานี้เท่านั้น
แค่อยากอยู่กับใครสักคนด้วยความเข้าใจ แค่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ

สำหรับเรา เพียงเท่านี้ ก็มีความสุขที่สุดแล้ว

TBC.

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ภาคพิเศษ นิว-โจ้ ง้อ ง้อ ง้อ (จบเรื่องของนิวกับโจ้แล้วจริง ๆ)

ไอ้โจ้มีตำแหน่งหน้าที่การงานใน บริษัทเกี่ยวกับระบบไอที งานของมันคือเขียนระบบ หน้าอย่างนี้ เขียนระบบได้ ต่อไปน้ำก็คงท่วมหลังเป็ดได้ไม่ใช่เรื่องแปลกแล้วล่ะ

“ทำไมวะ กูทำได้สิ เห็นงี้กูไม่ใช่ธรรมดานะ ท่านรอง”

นี่ก็อีกอย่าง
ท่านรองบ้าบออะไรของมัน การได้เลื่อนตำแหน่งไม่ได้น่าดีใจเท่าไหร่หรอกนะ เพราะมันมาพร้อมกับภาระที่หนักหนาสาหัสขึ้นเป็นลำดับ

“เท่ห์นะมึงเนี่ย”

โจ้ก้มลงมองสภาพตัวเอง แล้วก็นึกขัดเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

ไอ้คนตรงหน้ามันก็ใส่ชุดฟอร์มโรงงานมันนั่นแหละ
แต่กู..........

“สูทเต็มยศเลยนะมึง”

ทำไมวะ ก็กูต้องพรีเซ้นต์กับลูกค้า จะให้กูแต่งตัวบ้า ๆบอ ๆ เหมือนตอนที่อยู่กับมึงได้ไงล่ะ

“ทำไมวะ กูแต่งงี้ไม่ได้...ไง้”

เสียงสูงเลยสัด แล้วทำหน้าเลิ่กลั่กอย่างนั้นไปทำไม ไม่ได้ว่าอะไรนี่

“กิน ๆ ไป อย่าพูดมาก”

อะไรวะ มาถึงก็บังคับกูกินอยู่ได้ แล้วไม่ยอมพูดต่อด้วยนะว่ากูแต่งตัวแบบนี้แล้วมันทำไม

กูรู้สึกแปลก ๆ นะ
แต่งตัวแบบนี้อยู่ต่อหน้าลูกค้ากูก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่พอมาอยู่ต่อหน้าไอ้นิวหน้านิ่งเดาอารมณ์ไม่ถูกนี่แหละ
กูไปไม่เป็นเลย

โจ้ใช้ตะเกียบคีบปลาดิบเข้าปาก กินไปเรื่อยๆ ตามองอาหาร มองเลยไปโต๊ะข้าง ๆ มองไปข้างนอก

ทำไมไม่มีคนเลยวะ มีโต๊ะกูอยู่โต๊ะเดียวเนี่ย

มองไปเรื่อยเปื่อย แต่ไม่ทันมองคนที่อยู่ตรงหน้า ว่ามีหลายครั้งที่นิวที่ทำเหมือนเฉย แอบลอบมองหน้าโจ้บ่อย ๆ

มองแล้วก็รีบก้มหน้าก้มตาทำเฉย ทั้งที่หลายครั้งแอบลอบยิ้มด้วยความพอใจ

“โจ้”

เออ

“ว่า”

ใช้ตะเกียบคีบอาหารเข้าปากไปเรื่อย ก้มหน้าก้มตากิน

ไม่อยากจะพูดมาก เดี๋ยวแม่งก็หาว่ากูพูดมากอีก กูพูดก็ไม่ได้ เงียบไปเลยดีกว่า จะได้พอใจแม่งเลย
เหี้ยนิว

“งอนดิ”

“งอนเหี้ยไร”

ตอบออกไปทั้งที่อาหารเต็มปาก กูมีสิทธิ์งอนหรือไง ทำอะไรได้ล่ะ อย่างกูเนี่ยจะไปทำอะไรได้ แล้วแต่ท่านนิวจะเมตตาแหละ อยากทำอะไรกูก็ได้หมดทุกอย่างนี่

เออ กูรักมึง กูยอมมึงทุกอย่างแหละ ทำร้ายจิตใจและเมินเฉยกูซะให้พอ
เอาให้พอใจมึงเลย เหี้ยนิว

“ไม่งอนแต่หน้างอ”

เรื่องของกูเหอะ มึงอย่ามาทำเป็นสนใจหน้ากูหน่อยเลย

“หน้ากูเป็นงี้มานานแล้ว”

ชัดเลยงานนี้

“โดยเฉพาะเวลางอน”

โดยเฉพาะเวลางอนเหี้ยอะไร
เออ
โดยเฉพาะเวลางอนก็ได้ แล้วมึงจะทำไม จะง้อกูหรือไง

“น่ารักนะมึง”

น่ารักเหี้ยอะไร

โจ้เงยหน้าขึ้นทันที และนิวก็รีบใช้ตะเกียบคีบกุ้งเท็มปุระใส่จานให้คนที่ทำท่าจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง

“กูง้อไม่เก่ง มึงก็รู้”

เออกูรู้

“แล้วมึงก็ง้อกูด้วยกุ้งชิ้นเดียวเนี่ยนะ”

ถามออกไป และก็ถือตะเกียบค้างอยู่อย่างนั้น เลิกคิ้วขึ้นสูงและก็มองหน้าของคนที่ทำหน้านิ่งเฉยใส่

“เออ”

เหี้ยยยยยยยยยยยยยย

เชื่อเลยว่ะ กูล่ะเชื่อมึงเล้ยยยยยยยยยยย ง้อกูด้วยกุ้งทอดตัวเดียว
โจ้ส่ายหน้าด้วยความกลุ้ม จะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก

“แฟนกูนี่..........แม่ง....ไม่มีอะไรจะบรรยายเลยจริง ๆ”

บ่น
และมองกุ้งแห่งการง้อด้วยความซาบซึ้งจนยากเกินจะบรรยายความรู้สึก โจ้กำลังทำหน้าเซ็งโลก

แต่นิวกำลังอมยิ้ม มองหน้าของคนที่กำลังทำหน้าเซ็งโลกแล้วก็เริ่มยิ้มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ

“ยิ้มห่าอะไรของมึง กูงอนมึงเข้าใจป่ะเนี่ย”

เข้าใจ กูก็ง้อแล้วนี่ไง กุ้งทอดตั้งหนึ่งตัว มึงก็น่าจะหายงอนได้แล้ว

“เอาขิงดองไปด้วยมั้ยจะได้หายงอน”

เหี้ยนิว บ้านมึงดิ เอาขิงดองมาง้อกู

“มึงบ้าป่ะเนี่ย…เหี้ย...”

บ่นไปเรื่อย และนิวก็ตั้งท่าจะใช้ตะเกียบคีบขิงดองใส่จานให้โจ้จริง ๆ

“หยุด ... เหี้ยนิวมึงเลิกง้อกูด้วยวิธีประหลาดแบบนี้ได้แล้ว กูจะประสาทแดก...สัด”

รีบใช้ตะเกียบกดตะเกียบของนิวเอาไว้ไม่ให้คีบขิงดองมาใส่จานและนิวก็ยิ่งยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม

“กวนตีนชิบหาย…แม่ง”

ทั้งบ่นทั้งหน้างอ แต่คนแกล้งกลับรู้สึกมีความสุขและสนุกอย่างบอกไม่ถูก

ไม่ค่อยมีเวลาว่างได้เจอกัน เจอกันก็นัดกันมาหาอะไรกินด้วยกัน คุยกันบ้าง แกล้งกันบ้าง แต่มันก็เป็นชีวิตเรียบเรื่อยที่มีความสุขดี

“งานเป็นยังไงบ้าง”

เอ่ยถามและโจ้ที่กำลังทำหน้าเซ็งโลกก็เริ่มยิ้มออกมา

“ผ่านสิ ระดับกู อาศัยหน้าตาและคารม ใครไม่รับโปรเจคกูก็โง่เต็มที”

กูว่าคนที่รับโปรเจคมึงนั่นแหละที่โง่

“สงสารคนรับโปรเจคมึงเนอะ”

เหี้ยนิว

“ขัดกูตลอด กูเคยมีอะไรดีบ้างมั้ยเนี่ย ในสายตามึง”

หน้าไปแล้วเรียบร้อย ระดับความงอนเกินล้าน กุ้งทอดกับขิงดองก็เอาไม่อยู่ ต่อให้ยกปลาดิบให้ทั้งหมด ก็คงหายงอนยาก งานนี้อุปกรณ์เสริมไม่ต้อง คงต้องอาศัยคารมล้วน ๆ

“กูอิจฉามึง มึงไปไกล บางทีกูก็กลัวมึงทิ้งกูไว้ข้างหลังคนเดียวว่ะ”

โจ้ที่กำลังงอน หันมามองหน้านิวทันที หลายครั้งที่เป็นแบบนี้ เรื่องเดียวที่จะทำให้เราทะเลาะกันอย่างจริงจังก็มีแค่เรื่องนี้

“กูไม่อยากเดินคนเดียวหรอกนะ”

มองหน้าของคนที่ส่งยิ้มบาง ๆ ให้และโจ้ก็บอกออกไปตามที่ใจคิด

“กูพยายามให้ดีให้เก่ง เผื่อส่วนที่มึงอยากทำแต่ทำไม่ได้ กูพยายามจนมายืนตรงนี้ได้ส่วนหนึ่งก็เพราะมึง”

เหรอ

“มึงก็รู้กูเล่นเกมส์แพ้มึงตลอด.......”

ใช่ มึงเล่นเกมส์แพ้กูตลอด

“กูก็อยากเล่นเกมส์ชนะมึงบ้าง กูจะได้เอาไว้ต่อรองกับมึงเวลากูอยากได้อะไรจากมึง”

โจ้เอ้ยยยย มึงนี่นะ

“มึงทำระบบได้แล้ว แต่มึงก็ยังเล่นเกมส์แพ้กูอยู่ดี”

เออสิ กูถึงต้องพยายามอยู่นี่ไง

“หลงตัวเองชิบหาย กูต้องชนะมึงได้สักวันแหละ”

อืม มึงอยากชนะกูเหรอ

“กูแข่งกับมึงมาตลอด อยู่ดี ๆ จะให้กูยอมแพ้มึงไปง่าย ๆ มันไม่ใช่เรื่องเลยนะนิว”

ก็จริง

“เพราะฉะนั้นตอนนี้กูอาจจะก้าวขาไปไกลกว่ามึงครึ่งก้าว แต่กูก็ประมาทไม่ได้หรอก เดี๋ยวมึงแซงกู มึงร้ายจะตาย ไม่ได้ ไม่ได้ กูยอมมึงไม่ได้”

มันเป็นคำพูดหยอกเย้าที่ทำให้นิวยิ้มออกมาได้

ความกลัวที่จะถูกทิ้งไว้ข้างหลังมันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มันเพิ่มขึ้น......เมื่อรักไอ้โจ้มากขึ้น

“นิว”

อือ

“มึงเคยบอกไว้....กูทำให้มึงเป็นแบบนี้แล้ว ห้ามทิ้งมึงเด็ดขาด”

ใช่ กูเคยพูด มึงยังจำได้อยู่อีกเหรอ

“มึงกลัวอะไรนิว กูไม่ปล่อยให้มึงเดินคนเดียวหรอกนะ”

คำพูดง่าย ๆ แต่จริงจังเมื่อคนพูดจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของนิว จ้องลึกลงไป และอยากสื่อไปให้ถึงภายในใจของคนที่อยู่ตรงหน้า

“แมนสัดเว้ย เมียกู น่าจัดให้สองดอก”

ปากหมาเหมือนเดิม

“เหี้ย แทนที่จะซึ้ง”

โจ้ถึงกับเบะหน้า และเข้าสู่สภาวะปกติเหมือนเดิมคือ ……งอน……

“โหหหหหหหหหห งอน งอน มีงอน”

เออสิ

“ก็มึงอ่ะ”

ทำไมล่ะ กูเป็นยังไง กูก็เป็นกู จะให้กูเป็นอะไร

“กูทำไมวะ....กูก็แฟนมึง”

เหี้ย
อย่ามาพูดแบบนี้เหอะ กูจะลอยแล้วเนี่ย ชอบฟังมึงพูดแบบนี้จริง ๆ กูอยากฟังวันละร้อยรอบเลย

“งอน แต่เสือกยิ้ม อะไรของมึ้งงงงงงง โจ้”

อาร้ายยยย ไม่มีอะไร ก็กูชอบฟัง มึงก็พูดไปสิ กูชอบฟัง มึงก็พูดไปเล้ยยยย พูดไปเรื่อย ๆ
อยากฟังอะไรทำนองนี้ไม่ใช่จะได้ฟังง่าย ๆ ต้องให้ท่านนิวครึ้มอกครึ้มใจจริง ๆ แม่งถึงจะยอมพูดออกมาบ้าง
ไม่ดีใจตอนนี้จะให้ดีใจตอนไหน

“เอ้า ยิ้มอยู่นั่น กุ้งนี่ไม่ต้องกินแล้วมั้ง มานี่กูกินเอง”

ได้ไง กุ้งของกู

“มึงเอามาง้อกูแล้ว”

รีบจัดการคีบกุ้งเข้าปากทันที และเคี้ยวกินอย่างเอร็ดอร่อย และนิวก็ได้แต่นั่งยิ้ม มองหน้าของโจ้แล้วก็ยิ้ม
มีความสุข เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ เวลาที่ได้ใช้ด้วยกันเรื่อย ๆ กินข้าวด้วยกัน คุยกัน งอนกันบ้าง โกรธกันบ้าง ง้อกันบ้าง เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็มีความสุขดี

“อยากจับมือมึงว่ะโจ้”

อะไรของมึง บทจะทำกูเขินมึงก็ทำได้หน้าตาเฉยเนอะ

“ไม่จับล่ะ”

เหลือบสายตามองไปรอบ ๆ ตัว และก็หันมามองหน้าของคนที่บอกว่าอยากจับมือในเวลานี้

“จับได้ป่ะวะ มึงจะจับป่ะล่ะ”

เอ่ยถามทั้ง ๆ ที่กล้าๆ กลัว ๆ และโจ้ก็วางมือไว้บนโต๊ะอาหาร
วางเอาไว้และยังคงมองไปรอบ ๆ ตัวว่ามีใครสังเกตสิ่งที่กำลังทำอยู่หรือเปล่า

“ไม่เอาดีกว่า”

สัด

อะไรของมึงอีกเนี่ย เหี้ยนิวเล่นกูอีกแล้ว กูอุตส่าห์หาจังหวะ เสือกบอกไม่เอาเนี่ยนะ

“แม่ง”

บ่นออกมาเสียงเบา และนิวก็หัวเราะออกมาเมื่อเห็นโจ้ทำท่าหงุดหงิดงี่เง่าใส่

“หัวเราะ....หา.......พ่.......อื้ออ..อ่ะ”

เหี้ยยยยยยยยยยยยย
โจ้รีบยกหลังมือขึ้นเช็ดปากตัวเองอย่างรวดเร็ว มองซ้ายมองขวาเลิ่กลั่ก ดวงตาเบิกกว้าง เพราะกลัวจะมีใครเห็น

“เหี้ยนิววววววว”

เสียงสูง แต่พูดไม่เต็มเสียง อยากจะกระโดดถีบยอดหน้าไอ้คนที่นั่งหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดี
เล่นเหี้ยอะไรของมึง ไม่อายหรือไง สมัยนี้เปิดกว้างแล้วก็จริง แต่ทำอะไรประเจิดประเจ้อขนาดนี้ ชาวบ้านได้ด่ากันตายห่า

“วันนี้มึงบอกว่าจะไปพรีเซ้นจ์โปรเจคแรกของมึง กูรู้มึงทำได้ กูเลยพามึงมาฉลอง มุมนี้มีแต่มึงกับกูแหละ แพงหน่อยแต่มึงได้โปรเจคแรกทั้งที กูว่าก็คุ้มอยู่”

ว่าไงนะ

“กูเปิดหาร้านตั้งแต่อาทิตย์ก่อน ร้านนี้ดีนะ มันก็โอเคอยู่สำหรับการฉลองกันสองคน”

มึงบ้าป่ะเนี่ย

“กูไม่ค่อยชมมึงบ่อย ๆ แต่มึงดูดี มึงหล่อขึ้น มึงน่ามองที่สุดสำหรับกู ข้อดีของมึงมีเยอะแยะ ที่กูไม่ชมไม่ได้แปลว่ามึงไม่ดี”

อะไรของมึงเนี่ย

“อยากจับมือมึงว่ะโจ้”

ไม่ใช่แค่พูด แต่นิวลุกขึ้นและยื่นมือไปดึงมือของโจ้มากุมเอาไว้ กุมแน่น และโจ้ก็ได้แต่ยิ้ม
พูดไม่ออก ได้แต่ยิ้ม นิวมันไม่ค่อยแสดงความรู้สึกอะไรมากมาย แต่ถ้ามันจะทำแปลว่าสิ่งที่มันทำต้องดีที่สุด
ไอ้ที่บรรยากาศมันดีขนาดนี้ ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมสำหรับการพลอดรักขนาดนี้ ก็คงเป็นมันนั่นแหละคงวางแผนเอาไว้หมดแล้ว

“หวานพอมั้ย”

พอสิ ยิ่งกว่าพออีก

“เหี้ยนิวแบบนี้ก็หวานไป๊”

ก้มหน้าก้มตายิ้ม และโจ้ก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก ได้แต่เงยหน้าขึ้นมองหน้าของนิวและก้มลงอมยิ้มเป็นพัก ๆ

“ได้อารมณ์จีบกันใหม่ ๆ เลยว่ะห่า”

เออสิ

“แล้วชอบมั้ยล่ะ”

ชอบสิ

“โคตรชอบ”

ตอบแบบนี้มันค่อยคุ้มกับที่กูนั่งคิดนอนคิดแผนการออกเดทหน่อย

“ตอบแทนกูด้วยนะ”

ห๊ะ อะไรวะ ต้องตอบแทนด้วยเหรอ ไม่ตอบแทนไม่ได้หรือไง หวังผลนี่หว่า
โจ้แกล้งทำหน้างอ แต่ยังอมยิ้มเล็ก ๆ และก็พยักหน้าช้า ๆ

“เออ”

ดีมาก

“มึงได้วันหยุดเมื่อไหร่เราไปเสม็ดกัน”

สัด

“ไปทำเหี้ยอะไร”

ยิ้ม แต่ก็ด่า กูรู้หรอกมึงจะไปทำอะไร

“ระลึกถึงวาระการเสียตัวครั้งแรกของมึงมั้ง”

เหี้ยนิว

“กูเทิร์นโปรนานแล้วเหอะสัด”

เหรอ

“จริงดิ”

เออ

“ไม่จริงมั้ง”

แน่ะ

“กลับบ้านแล้วขอพิสูจน์หน่อยซิ”

หาเรื่องอ้อมโลกก็เพื่อการณ์นี้โดยเฉพาะแหละมึงอ่ะ

“จัดไป”

กล้าพูด

“จัดหนักนะ”

ก็แล้วแต่มึงจะจัด

“เอออออออออออออ”

โจ้ตอบกลับและหัวเราะน้อย ๆ และนิวก็ก้มหน้าก้มตาขำสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

“แฟนใครวะ น่ารักจริง”

“แฟนมึงไง”

เหี้ยโจ้ ไม่ปล่อยเลยเนอะ จะทำกูขำตายอยู่แล้วนะ

“ครับ ครับ.....แฟนกูก็แฟนกูมึงนี่แม่ง......น่ารักจริงจริ๊งงงงงงงงงง”

ก็แน่ล่ะ มึงต้องบอกว่ากูน่ารักอยู่แล้ว

“พูดอีกสิ”

พูดอะไร ไม่พูดแล้ว

“พูดเยอะ ๆ กูชอบฟัง”

อะไรของมึง ไม่พูดแล้ว พูดแค่นี้ก็พอแล้ว

“นิวววววววววววววว”

อย่าโจ้ มึงอย่ามาทำเสียงแบบนี้ แล้วก็ไม่ต้องมาทำหน้าอ้อนกูแบบนี้

“พูดอีก”

“พอแล้ว”

ไม่เอาดิ

“พูดอีก”

“พูดอะไรวะ”

อะไรก็ได้ พูดมาอีก พูดแบบที่พูดเมื่อกี้ พูดอีก กูชอบฟังกูอยากฟังเยอะ ๆ

“แบบเมื่อกี้”

เออ แล้วจะตั้งใจฟังห่าอะไรขนาดนี้ล่ะ

“มึงน่ารัก”

“อีก”

อะไรล่ะ

“มึงน่ารัก”

เออ

“อีก”

“มึง.........น่ารัก”

พอแล้วมั้ง

“กูรักมึงอะนิว”

เออ นั่นกูรู้แล้ว รู้ตั้งนานแล้ว ไม่ต้องยิ้มขนาดนั้นก็ได้ รู้ตลอดแหละ ว่ามึงรักกู กูรู้ตลอดว่ามึงรักกู รู้อยู่เสมอ และจำได้เสมอ ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน กูก็จำได้

“.....เหมือนกัน.....”

Fin...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2014 15:24:00 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :hao5:ในที่สุดพี่หยกก็กลับมาหากัสซักที

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ภาคพิเศษ เรื่องที่ทำให้น้าขจรครุ่นคิด

“สมัยนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว ผู้ชายกับผู้ชายอยู่ด้วยกันเยอะแยะ คนรักกัน จะเพศไหนมันก็ไม่สำคัญหรอก ช่วยกันทำมาหากินไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครก็พอแล้ว เผลอ ๆ ดีกว่าผู้หญิงผู้ชายบางคู่อีก”

น้าขจร รับเอกสารที่ต้องส่งมาใส่กระเป๋าเอกสาร และครุ่นคิดตามสิ่งที่เพื่อนร่วมงานที่เป็นคนจัดเอกสารให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพูดให้ฟังอยู่เสมอ

“หนูไม่คิดอะไรมากนะน้า ยอมรับความจริงว่ายุคนี้อะไรก็เป็นไปได้หมดทุกอย่าง เราต้องเข้าใจและเปิดใจ”

น้าขจรอยากจะเข้าใจโลกยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป
แต่มันก็ยากเกินกว่าจะเข้าใจจริง ๆ คนในยุคของน้าขจรไม่รู้จักเกย์ รู้จักแต่กระเทย หรือชายที่มีท่าทางเป็นผู้หญิงและมีจิตใจอยากเป็นผู้หญิง

สิ่งที่หญิงสาวพูดให้ฟัง มันจึงยากเกินจะทำความเข้าใจได้จริง ๆ

“ฟ้าคงผ่าตายห่ากันบ้างล่ะงานนี้”

น้าขจรบ่นพึมพำเสียงเบา และปิดกระเป๋าเอกสาร และหญิงสาวผู้จัดคิวการส่งก็หัวเราะออกมาเสียงเบา

“ถ้าฟ้ามันจะผ่าจริง คงผ่าร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำที่หนูฝากน้าซื้อบ่อย ๆ แล้วมั้ง นั่นก็เห็นช่วยกันขายของ ตั้งแต่แฟนเขายังเรียนหนังสืออยู่เลย จนป่านนี้ก็ยังเห็นช่วยกันอยู่ เขาไม่ได้ไปทำความเดือดร้อนเสียหายให้ใคร เราต้องเปิดใจน้า ยุคนี้ โลกมันไร้กฎเกณฑ์แล้ว”

น้าขจรได้แต่พยักหน้า และถอนหายใจยาวเหยียด
เรื่องบางอย่างมันยากจะยอมรับและทำความเข้าใจได้ง่าย ๆ น้าขจรไม่เข้าใจ แม้จะอายุล่วงเลยมาในวัยนี้แต่สิ่งที่เห็นอยู่ทุกวันน้าขจรไม่รู้จะจัดการยังไงจริง ๆ

ลูกชายไม่เหมือนคนอื่น แน่นอนว่ามันมีผลมาจากความผิดปกติบางอย่างที่น้าขจรเพิ่งได้รู้เมื่อไม่นานมานี้

รู้วิธีประคับประคอง แต่ไม่มีวิธีรักษา ต้องปล่อยให้เป็นไปและหวังว่าอาการแบบที่เคยเป็นอยู่จะดีขึ้นเรื่อย ๆ

และมันก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ จริง ๆ ดีขึ้นมาก จนถึงขนาดที่ในเวลานี้ไอ้กัสมันสามารถจดของที่ลูกค้าสั่งได้แล้ว

จดผิด ๆ ถูก ๆ บ้าง แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก

ความดีความชอบทั้งหมด ก็คงต้องยกให้ไอ้หนุ่มคนนั้น

ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอ วันที่มันแวะเวียนมาที่บ้าน
สิ่งที่น้าขจรเห็น คือ เพื่อนคนนี้ของไอ้กัส ดูแตกต่างไปจากคนที่เคยเจออยู่บ่อย ๆ

ผิวพรรณหน้าตา กิริยาท่าทาง แม้กระทั่งการศึกษาก็ดูดีไม่น้อย

มันน่าแปลกใจ ถามไปถามมาก็ถึงได้รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงได้รู้จักกัน

สิ่งสำคัญไปกว่านั่นไม่ใช่แค่เรื่องพื้นฐาน

แต่เป็นความอดทนอย่างเหลือเชื่อ และความเสมอต้นเสมอปลายของไอ้หนุ่มนั่น

ไปมาหาสู่อยู่เสมอ
ดูแลไอ้กัสดี ดูแลดีมากจนนึกแปลกใจว่าทำไมถึงได้ดูแลดีขนาดนั้น

ดึกดื่นแค่ไหน ถ้าเลิกงานจะต้องแวะมาหา มาสอนหนังสือแค่วันละเล็กละน้อย ก็ยังอุตส่าห์มา

วันที่ได้หยุด ก็ยังพาไปทำกายภาพ จนทุกวันนี้แทบใกล้เคียงกับคนปกติทั่วไป

จะมีก็แค่บางครั้ง ลูกชายต้องนึกคำพูดบางอย่างที่ยาก ๆ อยู่นานกว่าจะพูดออกมาได้ แต่ก็นับว่าดีมากที่สุดแล้ว

เพราะความดีของไอ้หนุ่มนั่น ทำให้ในเวลานี้แม้จะอยากปฏิเสธสิ่งที่คิดมาเสมอ และกันให้ห่างออก แต่ก็ยากเกินกว่าจะทำได้เสียแล้ว

น้าขจรครุ่นคิดอยู่นาน
ความสัมพันธ์ที่เมื่อผ่านไปนานวันเข้า ก็รับรู้ได้ว่าทั้งลูกชายและคนที่มาคอยดูแลอยู่ไม่เคยห่างไม่ใช่แค่รักใคร่กันในฐานะพี่ชายน้องชาย

แต่มันมากกว่านั้น
และสังเกตได้ไม่ยากเลย แม้ว่าจะไม่มีการแสดงท่าทางประเจิดประเจ้อ แต่ก็ไม่ยากที่จะเข้าใจ

มันดีหรือมันไม่ดีกันแน่วะ

น้าขจรได้แต่ขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิดเรื่องราวบางอย่างไปต่าง ๆ นานา ก้าวขาเดินเรื่อยไปจนถึงรถมอร์เตอร์ไซด์คันเก่าที่ใช้ทำงานมาหลายปี

สมองยังไม่สามารถหยุดความคิดได้
สุดท้ายได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และสตาร์ทมอร์เตอร์ไซด์ขับออกไปส่งเอกสารเหมือนทุกวัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
สตาร์ทเท่าไหร่ แต่ก็ไร้ประโยชน์ เช็คดูคร่าว ๆ แล้วก็ไม่เห็นความผิดปกติอะไร

สุดท้ายน้าขจรก็ได้แต่เข็นมอร์เตอร์ไซด์ไปตามถนนที่นาน ๆ จะมีรถผ่านมาสักคัน

มันเป็นถนนลาดยางเข้าเขตพื้นที่รอยต่อจังหวัดใกล้เคียง
ขี่มอร์เตอร์ไซด์มาไกล หลายครั้งก็เคยมีกรณีแบบนี้ แต่ไม่นึกว่าคราวนี้จะเป็นคราวซวย

จะขอความช่วยเหลือใครก็นึกไม่ออก
ไม่อยากจะรบกวนใครเลยจริง ๆ

น้าขจรเข็นมอร์เตอร์ไซด์มาตามทาง แดดในเวลาเที่ยงวันร้อนจนเหงื่อไหลหยดเป็นทาง
มันคงเป็นคราวซวยจริง ๆ

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้

เข็นรถไปเรื่อย ๆ และเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นจากในกระเป๋าเสื้อก็ทำให้น้าขจรต้องหยิบขึ้นมาดู เพื่อดูว่าเป็นหมายเลขของลูกค้าที่รอให้ไปส่งเอกสารหรือเปล่า

แต่เมื่อดูแล้วก็รู้ว่าไม่ใช่

“ฮาโหล เอ้อ ว่าไงล่ะหยก”

กรอกเสียงไปตามสาย และหยุดเข็นรถ เพื่อหลบแดดที่ใต้ร่มไม้

“พ่อเหรอครับ ช่วงเย็นผมจะแวะเข้าไปครับ พอดีกัสบอกว่าพ่ออยากได้แว่นใหม่ เพราะอันเก่าเริ่มมัว ๆ แล้ว เย็นนี้พ่อจะเข้ามากี่โมงครับ เดี๋ยวจะได้แวะไปร้านแว่นกัน”

น้าขจรกำลังยืนนิ่งอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน
ไม่รู้จะตอบยังไงดี
เหมือนญาติมิตร เหมือนลูกชายอีกคนไปแล้ว พูดคุยกันได้เป็นเรื่องธรรมดาที่สุด ถ้าตอนนี้ต้องตัดคนดี ๆ แบบนี้ออกไป น้าขจรไม่รู้ว่ามันจะดีหรือไม่ดีกันแน่

“เออ พ่อคงเข้าไปดึกหน่อยล่ะ รถมอร์เตอร์ไซด์มันจอดตายอยู่ สงสัยคงจะค่ำเลย”

ตอบกลับไปแล้ว และหยกที่อยู่ในระหว่างพักครึ่งการทำงานก็ขมวดคิ้วมุ่น

“ที่ไหนครับพ่อ”

น้าขจรไม่ได้คิดอะไรเลยสักนิด ตอบออกไปง่าย ๆ
และในนาทีถัดมา ก็ได้ยินเสียงจากปลายสายตอบกลับมา

“อ๋อ แถวนั้นผมรู้จัก เดี๋ยวอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงครับพ่อ เดี๋ยวผมไปถึง พ่อจอดรออยู่ตรงนั้นนะครับ แค่นี้ก่อนนะครับเดี๋ยวผมไปรับ”

น้าขจรได้แต่นิ่งงันกับคำตอบที่ได้รับ ไม่ทันได้พูดอะไร
ไม่ทันได้เอ่ยห้าม เพราะความเกรงใจไม่อยากสร้างความลำบากให้

แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่และทำได้แค่จอดรถรออยู่ที่ใต้ร่มไม้

สมัยนี้ อะไรก็เปลี่ยนไปแล้ว ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องคู่กับผู้ชายอีกต่อไป

น้าขจรไม่อยากจะยอมรับเลยสักนิด ถึงความสัมพันธ์ที่ผิดไปจากปกติของลูกชาย และชายหนุ่มที่เข้ามาช่วยเหลือดูแลมากกว่าสามปีที่ผ่านมา

มันยากที่จะทำใจยอมรับได้
มันยากที่จะยอมรับความเป็นจริงที่เห็นอยู่ทุกวัน

ถ้าเปิดใจ เข้าใจ และตัดอคติออกไป
หรือบางที การที่ไอ้หนุ่มนี่มาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวมันก็อาจจะเป็นผลดีมากกว่าผลเสียก็เป็นได้

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ตลอดบ่ายนั้น ไม่ว่าจะเป็นธุระเรื่องการซ่อมรถ
การส่งเอกสารให้เป็นไปตามกำหนด และแม้กระทั่งการพาน้าขจรไปร้านตัดแว่น หยกก็เป็นธุระจัดการให้ทั้งหมด

น้าขจรได้แต่ยอมรับให้หยกช่วยทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างลุล่วงไปด้วยดี

จนกระทั่งตรวจวัดสายตาเสร็จและอยู่ในระหว่างรอรับแว่นในอีกสามชั่วโมงข้างหน้า

น้าขจรก็เลยได้มีโอกาสนั่งพูดคุยกับหยกจริง ๆ สักที

“รถจะได้อีกไม่เกินสองวันครับพ่อ ระหว่างนี้เดี๋ยวผมหารถให้พ่อวิ่งส่งเอกสารไปก่อนแล้วกันนะครับ”

จะเรียกว่าอะไรดี

มันคือความเสมอต้นเสมอปลาย เคยดียังไงก็ดีอย่างนั้นไม่เคยเปลี่ยน เคยช่วยเหลืออย่างไร ก็ช่วยเหลืออย่างนั้นมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นธุระเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่

หยกก็ช่วยจัดการให้หมดทุกอย่าง
แม้กระทั่งเรื่องลูกชาย

“หยก พ่อขอบใจมากนะ”

ไม่เป็นไรครับ

“มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”

หน้าที่เหรอ หน้าที่อะไรกัน หน้าที่ที่ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบดูแลขนาดนี้ก็ได้ แต่หยกก็ทำให้หมดทุกอย่าง ไม่ใช่แค่ลูกชาย แต่เผื่อแผ่ไปถึงคนที่บ้าน

คนดี ๆ แบบนี้จะไปหาที่ไหนได้

“พ่อครับ ผมว่าส่งเอกสารมันค่อนข้างเสี่ยงนะ ผมไม่อยากให้พ่อทำงานที่ค่อนข้างเสี่ยงขนาดนี้ อาเขาก็อยากให้พ่อหยุดแล้ว ผมก็คุยกับกัสแล้วอยากให้พ่อหยุดดีกว่า”

จะให้หยุดยังไง
อาชีพนี้ทำมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ จะให้เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นคงไปไม่รอด

“กัสมันบอกว่า พอมีเงินเหลือเก็บจากร้านบ้างแล้ว แล้วพ่อก็พอจะเย็บผ้าได้ พื้นที่ตรงหน้าบ้านเอาจักรมาลงสักตัว ก็เย็บผ้าปะผ้าเป็นรายได้ได้ดีกว่าส่งเอกสาร พ่อคิดว่าไงครับ ทำงานที่บ้าน ไม่ต้องเสี่ยงด้วย อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย กัสมีแค่พ่อกับอานะครับ ทุกวันมันก็กังวลตลอด กลัวไปสารพัด ที่พูดแบบนี้เพราะเราห่วงพ่อนะครับ”

แบบนี้คงเรียกว่ากล่อม
และเป็นการกล่อมที่น้าขจรยากจะปฏิเสธได้ซะด้วย

แต่มันจะดีแน่แล้วเหรอแบบนี้

“ก็จะลองดูแล้วกันนะ”

น้าขจรไม่ใช่คนหัวรั้น มีเหตุมีผลมากพอ ประสบการณ์ที่ผ่านมาเพราะขาดความรู้และความเข้าใจกับเรื่องบางอย่าง ทำให้พลาดพลั้งและเสียโอกาสไปสิ่งเหล่านี้สอนให้น้าขจรใช้เหตุผลมากกว่าการตัดสินเพราะอารมณ์

“เออ.....หยก…..พ่อว่าจะถามหลายครั้งแล้วแต่ไม่ได้ถามซะที”

มีความอึดอัดภายในใจ และบางทีน้าขจรก็อยากจะตัดความอึดอัดนี้ออกไปซะที

“ครับ ถามได้เลยครับพ่อ”

ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี และน้าขจรก็มองหน้าของคนอ่อนวัยกว่า มองตรง ๆ ก่อนจะเอ่ยถามบางอย่างที่ค้างคาใจมานาน

“หยกอย่าโกหกพ่อนะ หยกเป็นคนดี พ่อไม่อยากให้หยกเสียโอกาสที่ดี ๆ ไป ไอ้กัสมันไม่เหมือนคนอื่น แล้วมันก็เป็นผู้ชายด้วย หยกจะรักมันเห็นมันเป็นน้องไปตลอดได้มั้ย”

น้อง.....

น้องเหรอ

แค่ได้ฟัง หยกไม่ได้โง่ขนาดที่จะแปลไม่ออกว่าสิ่งที่น้าขจรต้องการจะบอกคืออะไร

ก้มหน้าลงเล็กน้อย และหยกก็ยิ้มบาง ๆ
สามปีมานี้ อยู่ในขอบเขตที่ควรจะเป็นมาตลอด ทำใจไว้ตั้งนานว่าวันหนึ่งอาจจะถูกตั้งคำถามแบบนี้ และเตรียมคำตอบเอาไว้เสมอ หากต้องถูกถาม และวันนี้คำตอบที่เตรียมเอาไว้ก็ได้ใช้จริง ๆ

“พ่อครับ......กัสเป็นน้องผมเสมอ ตลอดห้าปีมานี้ตั้งแต่ได้รู้จักกัน ไม่มีวันไหนที่ผมจะไม่ห่วงมัน......ผมรู้ว่าพ่อไม่อยากให้ผมกับกัสเป็นไปในแบบที่สังคมตัดสินว่าผิด แต่พ่อครับ......หลายครั้งผมก็อดคิดไม่ได้... การที่ผมอยากจะดูแลคนสำคัญของผมให้ดีที่สุดไปตลอดชีวิต ทำไมพวกเราต้องถูกสังคมตัดสินว่ากำลังทำสิ่งที่ผิดด้วยครับ”

น้าขจรได้แต่นิ่งเงียบ ฟังสิ่งที่หยกพูด

คำพูดเรียบเรื่อย แม้คนพูดจะมีสีหน้าเศร้าสร้อย แต่ก็ยังยิ้มออกมาบาง ๆ ในเวลาตอบคำถามข้อนี้

“ผมเข้าใจครับพ่อ ผมเข้าใจดี และก็ไม่คิดจะดื้อรั้นหรือต่อต้านอะไร ผมแค่อยากดูแลกัสไปเรื่อย ๆ แบบนี้ครับ ผมขอแค่โอกาสให้ได้ดูแลกัสได้หรือเปล่าครับ”

น้าขจรได้แต่นิ่งเงียบ
ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เพราะไม่รู้ว่าบางสิ่งที่สังคมตัดสินว่าผิด แท้ที่จริงมันผิดหรือเปล่า

ทั้งที่ก็เห็นอยู่แล้ว ว่าไม่ได้ผิดเลย ถ้ามองกันด้วยเหตุและผล
และคิดดูโดยไม่ใช่อคติ แท้จริงแล้วก็ไม่มีอะไรผิดเลยอย่างที่หยกว่าจริง ๆ แล้วจะให้น้าขจรตอบออกไปว่ายังไง

เรื่องจะให้ยอมรับกันตรงๆ บางทีคนสมัยเก่าอย่างน้าขจรก็ไม่อาจจะทำใจยอมรับได้ง่าย ๆ เหมือนกัน

“ไอ้กัสมันชอบกินขนมปังลูกเกด ตอนเด็ก ๆ แม่มันซื้อให้กินบ่อย ๆ เห็นเป็นไม่ได้ ร้องไห้งอแงให้แม่มันซื้อให้ตลอด”

ครับ
นั่นผมก็พอจะรู้อยู่บ้าง บางทีกัสมันก็บอกว่าไม่ใช่คนเรื่องมากแต่เลือกอะไรให้กินมันก็บอกว่าไม่เอา ไม่กินตลอด

เรื่องนั้นทำให้ผมหัวเราะอยู่บ่อย ๆ ครับ

“ถ้ายังไงนะ พ่อจะรอเอาแว่นอยู่ตรงนี้ หยกช่วยซื้อไปฝากไอ้กัสมันหน่อยนะ.....ซื้อให้มันหน่อย.....ซื้อขนมให้มันกินบ้าง ช่วยสอนหนังสือให้มันบ้าง.......ฝากหน่อยนะหยก...ดีที่หยกช่วย.....พ่อก็....ขอบใจแล้วก็ดีใจ....ที่ไอ้กัสมันมีคนมาดูแลแล้วก็เข้าใจมัน........เห็นแบบนี้แล้ว....พ่อก็คงหายห่วงได้ซักที”


Fin…

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ภาคพิเศษครอบครัวเล็ก ๆ ของเรา

ครั้งแรกที่มาบ้านของใครบางคนที่เมื่อก่อนแม้จะอยากเข้าใกล้แค่ไหน แต่มันก็ไม่เคยให้ก้าวล่วงเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของมัน

พื้นที่ในส่วนที่กัสเคยใช้อยู่คนเดียว และไม่มีหยกอยู่ข้าง ๆ

“นั่ง...ก่อน...นะ”

ท่าทางขัดเขิน และไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง มันทำให้หยกยิ้มออกมา

กัสมันดูลุกลี้ลุกลนแปลก ๆ
ไม่ได้เจอกันนานอยากกอดให้สมกับที่คิดถึงหรอกนะ
แต่ที่นี่ คงไม่ได้ แม้อยากจะรั้งเข้ามากอดมากแค่ไหน

แต่นี่ไม่ใช่พื้นที่เฉพาะสำหรับเราสองคนที่จะมาทำอะไรตามใจตัวเอง

“แล้วคนบอกให้นั่งไม่นั่งเหรอ”

เอ่อ.....นั่ง....ก็ได้แต่ว่า...

“จะไป...ยกน้ำ...มา...”

มันยากเวลาที่ต้องพยายามพูดออกมาแต่ละคำ โดยการที่สมองต้องเค้นคำพูดเพื่อให้เป็นประโยค สำหรับใครหลายคนที่พูดจาได้อย่างปกติคงไม่คิดอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำ

แต่สำหรับกัส...แต่ละคำที่พยายามจะพูด แต่ละคำที่พยายามจะบอก....มันยากเหลือเกิน

และหยกก็เข้าใจดี

“ไม่เป็นไร เราไปนั่งเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการให้”

ยิ้ม และลุกขึ้นเดินเข้าไปหาคนที่ยังมีท่าทีขัดเขินให้เห็นอย่างชัดเจน

“ไปนั่งเร็ว”

ไปนั่งก็ได้
กัสเดินมานั่งและมองไปที่คนที่เดินไปหยิบแก้วน้ำที่คว่ำไว้ในชั้นวางและเปิดตู้เย็นรินน้ำจากขวด และถือมาวางให้กัสที่นั่งรออยู่

นั่งรอ

และต่างฝ่ายต่างก็มองหน้ากันเงียบ ๆ

เราเคยไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ แต่เราไม่เคยอยู่ในสถานที่ที่เป็นพื้นที่ของเราเอง โดยมีอีกฝ่ายเข้ามาอยู่ด้วย

สำหรับกัสมันเป็นเรื่องแปลกใหม่
และสำหรับหยก ความแปลกใหม่นี้เป็นสิ่งที่ดี เป็นพัฒนาการที่ดี ที่เคยคิดและหวังมาตลอดและหยกก็รู้สึกดีใจมากที่วันนี้หยกได้ก้าวเข้ามาและได้เห็นว่า

..........กัสยอมให้เข้ามาในโลกใบเล็ก ๆ ที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวแล้ว......

“พี่...ยิ้ม....ทำ...ไม”

ยิ้มสิ

เป็นใครก็ต้องยิ้ม กัสไม่รู้เหรอว่านี่มันเหมือนความฝันเลยนะ สิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ แต่มันเกิดขึ้นจริง ๆ แล้วในเวลานี้

“ยิ้มสิ....ได้มองหน้ากัสแบบนี้ พี่ก็ต้องยิ้มสิ”

บอกออกไปตามตรง รอยยิ้มหวาน ๆ นุ่มละมุน และอบอุ่นส่งไปถึงหัวใจของคนที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการรอคอย

เพื่อที่จะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง

“กัส....เราอย่าคิดและทำอะไรอย่างที่เคยทำอีกเลยนะ ถ้าพี่ไม่มีกัสอยู่....ชีวิตที่อยู่ต่อไปของพี่ มันก็ไร้ความหมาย”

ดวงตาที่จ้องมองมา มีแต่ความจริงจัง ฉายแววแห่งความรู้สึกที่อยู่ส่วนลึกของหัวใจออกมาทั้งหมด
ความกลัวมันกัดกร่อนหัวใจ

เสียน้ำตาไปกี่ครั้งกับเรื่องที่เกิดขึ้น และหัวใจคนเราไม่ได้เข้มแข็งมากพอที่จะรับเรื่องเลวร้ายได้ทุกอย่าง

“ถ้าพี่ต้องเสียเราไป พี่คงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างทุกข์ทรมานที่สุด”

ก้มหน้าลง
ตั้งใจฟัง
มีอะไรให้คิดได้อีกนะ สิ่งที่ทำลงไป ในวันที่คิดว่าชีวิตไร้ความหมาย อยู่หรือตายต่างกันที่ตรงไหน

แต่วันนี้ถึงเพิ่งรู้
รู้ซึ้งเป็นอย่างดี ว่าชีวิตที่เคยไร้ความหมายสำหรับเรา
แต่สำหรับคนที่รักและปรารถนาดีกับเรา

ชีวิตเรามีค่ามากที่สุด

“ขอ...โทษ”

ได้แต่สำนึกผิด และก้มหน้านิ่งอยู่อย่างนั้น

จริง ๆ นะ รู้สึกผิด รู้สึกผิดมาก และขอบคุณสิ่งที่อาจเรียกว่าปาฏิหาริย์
ที่ทำให้ยังมีชีวิตอยู่รอดได้จนถึงวันนี้ เพื่อที่เราจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง

หลังจากที่เราต่างต้องผ่านช่วงเวลาที่ยาวนานของการรอคอย

รอเพื่อจะเติบโตขึ้น

รอเพื่อจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง

รอ...

“กัส”

อือ

เงยหน้าขึ้นมองหน้าของคนที่ส่งยิ้มมาให้เสมอ
หยกเป็นแสงสว่างที่เห็นได้ชัดเจนไม่ว่าเวลาไหนตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน จนกระทั่งวันนี้ หยกก็ยังเป็นแสงสว่างของชีวิตไม่เปลี่ยนแปลง

“พี่ต้องขอโทษกัสมากกว่า อะไรที่พี่ทำ มันโง่เง่า จนพี่ต้องด่าตัวเองหลาย ๆ ครั้ง”

อย่าด่าตัวเองเลย
หยกดีเสมอ
หยกเป็นคนดีที่ที่สุดในชีวิต อย่าด่าตัวเองเลยนะ

“ไม่...ให้...ด่านะ”

หากมีคำนิยามคำว่าน่ารัก ว่าหมายถึงอะไร หยกอยากจะบอกว่าสิ่งที่กัสเป็นอยู่ในเวลานี้ คงเป็นหนึ่งในนิยามของคำว่า “น่ารัก”
อย่าก้มหน้าก้มตาทำหน้าหงอยเหงาแบบนั้น
และอย่าเงยหน้าขึ้นทำหน้าตกใจและมีสีหน้าลำบากใจขนาดนั้นเวลาที่พูดจาเพื่อปกป้องใครสักคน เช่น ...ไม่ให้ด่า..นะ

ไม่ให้ด่าใครล่ะกัส

ไม่ให้ด่าได้ยังไงก็พี่มันโง่เง่าบ้าบอ จะไม่ให้พี่ด่าตัวเองได้ยังไง

“ปกป้องทำไม ปกป้องไอ้หยกคนแย่ ๆ ในอดีตทำไม พี่ที่อยู่ในปัจจุบันก็หึงเป็นนะ”


หึง......หมายความว่ายังไง หมายความว่าอะไรไม่เข้าใจ ทำไมหยกในปัจจุบันหึงหวงหยกในอดีต

หมายความว่า.....

“แน่ะ ยิ้มให้ใคร ยิ้มแบบนั้นทำไม ยิ้มให้ไอ้หยกคนแย่ ๆ ในอดีตหรือเปล่า แบบนี้พี่ไม่ชอบเลยนะ เราทำแบบนี้ได้ยังไงกัส”

หยกกำลังทำสีหน้าจริงจัง จริงจังที่สุด แต่รอยยิ้มที่ค่อย ๆ ปรากฏบนใบหน้านั้น ก็ทำให้กัสค่อย ๆ ยิ้มออกมาและเงยหน้ามองใบหน้าของหยกตรง ๆ

เรานั่งห่างกัน

เพราะการนั่งใกล้กันเกินไป ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ

เราเคยอยู่ไกลกันมาก แม้หน้าก็ไม่ได้เห็น แต่ไม่ได้แปลว่าเราไม่เข้าใจกัน

เราเคยอยู่ใกล้กัน แต่ความใกล้ชิดของเรามันอาจทำให้ความเข้าใจกันค่อยๆ หายไปอย่างช้า ๆ

และในเวลานี้เรานั่งห่างกันไม่มาก แต่เรามีพื้นที่ส่วนตัวของเราร่วมกันแค่เพียงเราสบตากัน แค่เพียงเรามองลึกเข้าไปภายในดวงตาของกันและกัน

“อย่าเอ็ดกัส.......เลย....นะ”

ทำไมเหรอ ไม่ให้ดุได้ยังไงก็ชอบทำแบบนี้

ชอบมาทำแบบนี้ใส่

ความน่ารักมันเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมสิบเท่าหรือเปล่า

เพิ่มขึ้นมากจนในเวลานี้ก็ไม่อยากจะคิดถึงความเหมาะสมเลย
ไม่อยากคิดเรื่องเวลาและสถานที่ด้วย

แต่ทำแบบนั้นได้ที่ไหนกัน

“ไม่ได้หรอก ต้องดุ ต้องทั้งดุทั้งเอ็ดเลย กัสมันดื้อ”

ไม่หรอก
ไม่ดื้อแล้ว
ไม่ได้เป็นแบบนั้นจริง ๆ สัญญาแล้วว่าจะไม่ดื้อ
อย่าเอ็ดเลยนะ

“ไม่ดื้อ...แล้วจริง...นะ...พี่หยก”

จริงเรอะ

แน่ใจนะว่าไม่ดื้อจริงๆ

“งั้นแบมือแล้วก็เอานิ้วกลางกับนิ้วนางลงให้พี่ดูซิ”

แบบไหนเหรอ

กัสมองที่มือของตัวเอง แบมือให้หยกดูและเอานิ้วนางและนิ้วกลางลง

มอง...ที่มือของตัวเองที่มีสัญลักษณ์บางอย่าง

สัญลักษณ์ของคำว่า...............

“…..มากมั้ยครับ”

มากมั้ยเหรอ

เอามือลงแล้ว และกัสก็ก้มหน้าลงอย่างช้า ๆ หัวเราะกับตัวเองเสียงเบา และมีท่าทางขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด

ก่อนจะพยักหน้าซ้ำ ๆ กันหลายครั้ง

“อือ”

สิ่งที่หยกทำได้ในเวลานี้ มีแค่การเงยหน้าขึ้นและอยากจะเขกหัวตัวเองแรง ๆ

ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการพยายามนั่งนิ่ง และยิ้มอยู่คนเดียว

แล้วจะทำอะไรได้ล่ะ แล้วจะไปทำอะไรได้

ก็ได้แต่ต้องเก็บอาการ และระงับความรู้สึกของตัวเองอยู่แบบนี้

แย่ที่สุด
แบบนี้มันแย่ยิ่งกว่าแย่

แย่จริง ๆ เลยวะ ให้ตายสิ

หยกกำลังกร่นด่าตัวเองในใจ แต่ก็ด่าได้ไม่นาน เพราะเมื่อมองไปที่ประตูบ้าน ก็มีใครบางคนกำลังก้าวเข้ามาในบ้าน

น่าจะเป็น.....อาของกัส

อาผู้หญิงที่ช่วยดูแลในเวลานี้ อาที่ช่วยดูแลกัสมาตลอดตั้งแต่แม่กัสไม่อยู่

อายืนนิ่งมอง และมองหน้าหยกอย่างพินิจพิจารณา

และหยกก็ยกมือไหว้ และกล่าวทักทายไปตามมารยาท

“สวัสดีครับ ผม.....หยกครับ....เป็น....เอ่อ รุ่นพี่กัส คือหมายถึงว่า....ก่อนหน้านี้กัสให้ผมช่วยสอนหนังสือบ่อย ๆ ก็เลยสนิทกันครับ วันนี้เลยแวะมาเยี่ยมกัสว่าเป็นยังไงบ้าง”

อาที่ถือถุงกับข้าวอยู่ งุนงงเล็กน้อย แม้ไม่ได้รับไหว้กลับแต่ก็สิ่งยิ้มให้

“มาครับผมช่วยดีกว่า”

หยกรีบลุกขึ้นและเดินไปช่วยอาถือถุงข้าวของที่หิ้วพะรุงพะรังไปไว้ที่โต๊ะ

“ขอบใจมากจ่ะ แล้ว นี่มายังไงล่ะ พอดีอาไปตลาดมา แล้วนี่ยังไงคุยกันแล้วเหรอ แล้วเอ็งบอกพี่เขาไปบ้างหรือยัง ว่าเอ็งเป็นไงบ้างกัส”

ถามหลานชาย และกัสก็พยักหน้ารับแต่ไม่มีคำพูดอะไร

“ครับ.....”

หยกหันไปบอก และกัสก็พยายามพูดตามสิ่งที่หยกสอน

“ครับ”

อากำลังยืนมองหน้าหลานชาย สลับกับมองชายหนุ่มท่าทางดูดีผิดแผกแตกต่างจากเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ที่เคยได้เจอ
ก่อนหน้านี้เพื่อนที่กัสเคยคบหาด้วย มีท่าทางไม่น่าไว้วางใจ เพื่อนที่พ่อเคยด่าไล่หลัง สมัยตอนที่กัสมันทำตัวแย่ ๆ

แต่คนนี้แตกต่างไปอย่างลิบลับ แม้ไม่ได้ดูดีเหมือนคนมีอันจะกินหลาย ๆ คน

แต่ก็ดูดีในแบบที่ควรจะเป็น

และเป็นแบบที่อาค่อนข้างชอบใจไม่น้อย

“มันก็แบบนี้แหละนะ ไม่ค่อยอยากพูด แต่ไหนแต่ไรแล้ว พอไม่สบายก็ยิ่งไม่อยากพูดเข้าไปใหญ่ ยังไงก็....หนุ่ม...ช่วยคุยช่วยสอนมันหน่อยแล้วกันนะหนุ่มนะ”

หน้าที่โดยตรงของผมอยู่แล้วครับ

หยกส่งยิ้มให้กับอา และอาก็ยิ้มตอบกลับมา

“เดี๋ยวเย็น ๆ โน่นแหละพ่อไอ้กัสถึงจะกลับ บางทีก็ต้องพากันออกไปเดินสองคนพ่อลูก เพราะหมอเขาอยากให้บริหารร่างกายเยอะ ๆ จะได้ฟื้นตัวเร็วขึ้น”

ครับ
ผมคุยกับกัสบ้างแล้ว และผมก็คิดว่าน่าจะมีเวลามากพอที่จะ พากัสไปเดินออกกำลังกายบ้าง

“แล้วนี่กินอะไรมาหรือยังล่ะ กินข้าวเย็นด้วยกันเลยนะหนุ่ม”

จะดีเหรอครับ
แต่ก็....

“ผมทำอาหารได้ครับ ตอนอยู่เมืองนอกก็ทำอยู่ร้านอาหารไทย รสชาติอาจไม่ได้เรื่องครับ แต่หั่นผักกับหมู ผมเก่งมาก”

เมืองนอกเรอะ
ไปอยู่ถึงเมืองนอกเมืองนา
แล้วมาเป็นเพื่อนไอ้กัสเนี่ยนะ มันยังไงกันล่ะเนี่ย คงต้องคุยต้องถามที่มาที่ไปกันหน่อยแล้ว ว่าไปไงมาไงถึงได้มารู้จักกัน

“เหรอ งั้นช่วยอาหน่อยแล้วกัน จะทำน้ำพริกหน่อย ช่วยตำน้ำพริกแล้วกัน กัสเอ้ย มาช่วยอาหน่อยลูก”

เรียกให้หลานชายลุกขึ้นเพื่อเดินเข้าครัวไปทำอาหารเย็น
พร้อมกัน

และตลอดบ่ายนั้น หยกก็ได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของกัสจริง ๆ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยคิด แต่เมื่อผ่านวันเวลาที่เลวร้ายมาได้ถึงเพิ่งรู้

เราก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตเพื่อจะได้ไปเจอสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความสุขนั่นเอง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
“หยกทำอร่อย พ่อไอ้กัสเขาว่าหยกทำน้ำพริกอร่อย”

อากำลังหยิบจานชามออกไปวางบนโต๊ะกินข้าว โดยมีพ่อครัวประจำบ้านกำลังสาละวนอยู่กับการใส่ทั้งหัวหอม และพริกแห้งลงไปในครก

“ครูดี สูตรดี ก็อร่อยเป็นธรรมดาครับ”

ถ่อมตัวและไอ้ตัวเล็กที่กำลังตักข้าวใส่จานอยู่ก็ตะโกนแซวออกมา

“เจง เจง อ่ะ”

จริงสิ

ทำไม มีปัญหาเหรอ

“กัสจะมีปัญหากับพี่หรือไง….เดี๋ยวพี่ฟ้องพ่อนะ”

อ๋อ จะฟ้องพ่อเลยว่างั้น

“ไม่ยุ่งหร๊อก....คนดีของสังคม...ใครจะอยากยุ่ง”

เดี๋ยวนี้มันรู้จักประชดประชัน พูดจาวกวนยอกย้อน

“งอนเลยนั่น”

แกล้งชี้ชวนและอมยิ้มน้อย ๆ เมื่อไอ้ตัวเล็กที่ว่าเดินไปกอดแขนอาและทำหน้าหงอย

“อา......”

เป็นวิธีการอ้อนที่อาได้แต่ยิ้มและส่ายหน้ากับสิ่งที่หลานชายทำ

“อา......”

หยกแกล้งเรียกและทำเสียงเลียนแบบกัสบ้าง ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงเบา

“พี่หยก วันหลังก็เรียกแบบนี้บ้าง”

แกล้งทำเป็นทอดเสียงช้า ๆ ใส่ และกัสก็ค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะเดินไปหาคนที่แกล้งทำเป็นงอนและกอดแขนหยกเอาไว้ เอนหัวไปแตะที่ไหล่ของหยกและเอ่ยบอกเสียงเบา

“พี่หยก.....”

ทำจริง ๆ ทำแบบที่หยกบอกให้ทำจริง ๆ หยกก็เลยต้องแกล้งเบะหน้าใส่ และหัวเราะออกมาเสียงเบา

“อาครับ ดูกัสมันทำ...ประชดใช่มั้ยเนี่ย ไปห่างๆ ก่อน เดี๋ยวพริกเข้าตา”

ไล่ให้ออกห่าง และกัสก็เลยถอยห่างออกมา เพื่อไปเปิดประตูบ้านเพราะพ่อตะโกนเรียกที่หน้าบ้านแล้ว

“ไอ้กัสเอ้ยยยยยยยยย”

ไม่ใช่แค่เดินแต่ต้องวิ่ง เพราะพ่อเอาของมาด้วย ท่าทางจะหนักมาก คงเป็นผ้าที่ลูกค้าส่งงานมาให้

“มันเยอะเลยนะพ่อรอบนี้”

ก็เยอะแหละ เยอะก็ดี จะได้มีรายได้เพิ่มขึ้น กัสช่วยพ่อหิ้วถุงใส่ผ้าใบใหญ่สองถุงเข้ามาในบ้าน วางเอาไว้ที่เก้าอี้และพ่อก็เดินตามเข้ามาด้วย

“หยกกลับมาแล้วเหรอ”

กลับมาแล้ว

“พี่หยกทำน้ำพริกอยู่”

เออดี วันนี้กำลังอยากกินพอดี แล้วทำไมวันนี้กลับเร็ว
พ่อเดินเข้าครัวไปพร้อมกัส ข้าวสุกแล้ว และอาหารเย็นก็พร้อมสำหรับครอบครัวที่มีกันอยู่สี่คน ครอบครัวเล็ก ๆ กับอาหารง่าย ๆ ที่ทำกินกันอยู่ทุกวัน

“พ่อหวัดดีครับ”

พ่อแค่พยักหน้ารับ และหยกก็เตรียมน้ำพริกใส่จานเรียบร้อย ยกมาวางบนโต๊ะอาหารเล็ก ๆ แต่พอนั่งกันได้สี่คนสบาย ๆ

“มีน้ำพริกกินนะวันนี้ พี่ขจร เจ้านี้เขาว่าเห็นพี่ขจรบอกวันก่อนว่าอยากกิน เลยหิ้วของมาตั้งแต่เย็น”

น้าขจรกำลังยิ้ม

ยิ้มกว้าง และพยักหน้ารับกับสิ่งที่อาเล่าให้ฟัง

“กินข้าวกันเถอะ ไอ้กัสมันหิวแย่แล้ว ใช่มั้ยลูก”

เอ่ยถามลูกชายที่กำลังตักข้าวใส่จาน และกัสก็หันมายิ้มกับพ่อ

“กินเสร็จเดี๋ยวจะช่วยพ่อเลาะผ้า”

มันพูดเก่งขึ้นเยอะ สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้เป็นสิ่งที่ดี

สำหรับน้าขจรแล้ว ในเวลานี้ไม่เคยคิดสนใจอีกเลย ว่าคนภายนอกจะมองลูกชายและชายหนุ่มที่มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทุกวันนี้ว่าอะไร ใครจะมองว่าสิ่งนี้เรียกว่าอะไรน้าขจรไม่รับรู้และไม่สนใจคิดให้เสียเวลา

เพราะน้าขจรเรียกสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ว่า “ครอบครัว”

 Fin.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2014 16:48:28 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ภาคพิเศษ เรื่องของตอง คนที่ไม่มีบท

บางทีกูว่าไอ้ปิ๊กแม่งก็เกินไป

มือขาว ๆ ยื่นมาแตะที่ไหล่ ทำให้สะดุ้งตกใจ แล้วไอ้คนแตะไหล่ก็กอดรัดแน่นจากด้านหลังและแตะจมูกลงมาที่ข้างแก้มหนัก ๆ หลายครั้ง กดย้ำลงไป โดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้างที่ตกตะลึงพรึงเพริดกับสิ่งที่ปิ๊กกำลังทำ

“มองทำไม ใครยุ่งกับเมียกู กูเอาตาย”

หวงได้แนบเนียน และคนที่ถูกทำบางอย่างก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะกำมือเขกกะโหลก ไอ้ตัวก่อกวนที่ทำอะไรไม่รู้จักดูเวล่ำเวลา

“ทำผัวทำไมล่ะเมียจ๋า”

เอาซะให้พอ

“มึงเลิกเล่นแบบนี้ซะทีเถอะ ทำขนาดนี้ไม่ตีหัวกูแล้วลากเข้าถ้ำไปเลยวะ จะได้เสร็จสมอารมณ์หมายสมใจอยากมึง”

โธ่ ทูนหัวของปิ๊กก็ว่าไป

“ตองจ๋า เพราะปิ๊กรักหรอกนะ ปิ๊กถึงได้ปกป้อง”

ขอบคุณ
ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ ชื่อเสียงป่นปี้ไม่มีเหลือ เพราะไอ้ปิ๊กสาระแนแถหน้าเข้ามาหาตั้งแต่วันแรก และตั้งตัวเป็นผัวกูซะตั้งแต่วันแรกที่ได้พบเจอ

ด้วยเหตุผลง่ายๆ เพียงข้อเดียว หน้าตองคล้ายเมียเก่าปิ๊ก คนนี้ปิ๊กรักมาก อกหักช้ำรักมานาน ขอให้ปิ๊กได้เป็นผัวตองไปจนวันตายเถอะนะ

ปิ๊กขอร้อง

เอาซะให้พอ พวกเล่นหน้ามึนเข้ามาสวมบทบาทเป็นผัวกูซะงั้น

ถามว่าแคร์มั้ย ตอบตรงๆ ว่าไม่

ไม่รู้จะแคร์อะไร เพราะไม่ได้มีจิตพิศวาสอะไรกันเลยสักนิด แม้ไอ้ปิ๊กจะคลุกวงใน ซุกไซร้ซอกคอ จูบไปเรื่อยจนถึงติ่งหูขนาดนี้

แต่บอกได้คำเดียวตรงๆ

ไม่รู้สึกอะไร นอกจากรำคาญเป็นบางครั้ง หักลบกับความดีที่มันมีให้ ก็ถือว่าเจ๊ากันไป

“พวกมึงเล่นกันซะ กูขนหัวลุก เกือบเชื่อแล้วนะเนี่ยว่าพวกมึงเป็นคู่เกย์กัน”

จะเชื่อก็ได้ หรือจะไม่เชื่อก็ไม่ว่า

“ย่าไม่ให้มีแฟน บอกเรียนจบก่อนค่อยมี”

มุ่งมั่นเกินไปแล้วมึง นี่มุ่งมั่นจะไม่มีแฟน หรือมึงเป็นกามตายด้าน ถามจริง ๆ

“ตองไม่เสียวบ้างเหรอวะ นี่บางทีปิ๊กไซร้ ๆ ไป ของปิ๊กยังลุกเลยนะทำเล่นไป”

ก็พูดได้หน้าตาเฉยเนอะ เพื่อนนั่งกันเต็มเลย

“นี่เมียนะไม่ใช่ที่บำบัดความเงี่ยน”

เล่นไปด้วย และตองก็อมยิ้มน้อย ๆ เมื่อเพื่อนในกลุ่มถึงกับทำหน้าเหรอหราด้วยความตื่นตระหนก

“กูถามจริง ๆ นะ พวกมึงเป็นจริง ๆ ใช่ป่ะ บอกกันตรง ๆ เพื่อนรับได้ไม่ว่าอะไร”

ก็มันไม่ได้เป็นนี่สิจะให้ทำไง

“ถามปิ๊กดิ”

ชี้มือชี้ไม้ไปที่คนที่ไปนั่งเกยอยู่บนโต๊ะและเริ่มแทะข้าวโพดที่ซื้อมาจากปากซอย

“กินอยู่ ไม่ว่างตอบ ตองตอบดิ๊”

สนใจซะที่ไหน ไม่มีเลยสักนิด คนหนึ่งกิน คนหนึ่งลอกการบ้าน

“ตองกินป่ะ”

แทะข้าวโพดไปเกือบหมดฝักแล้วก็ยื่นส่งให้คนที่กำลังหน้ามุ่ยเร่งมือเขียนแบบตามให้เสร็จ ตองอ้าปากกัดข้าวโพดไปหนึ่งคำ
และคนส่งก็เอามากินต่อ โดยมีสายตาของเพื่อน ๆ ในกลุ่มที่มองมาด้วยความไม่เข้าใจ

“ตกลงพวกมึงนี่ยังไงเนี่ย”

ไม่ยังไง ก็เป็นอย่างนี้แหละ

“ปิ๊กกับตอง ตองกับปิ๊ก หวานจริง ๆ เรียกชื่อกันน่าร้ากกกก”

นั่นเป็นคำประชดไม่ใช่คำชื่นชม และตองก็เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนที่ส่ายหัวกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของคนสองคนที่สนิทสนมกันจนน่ากลัว

ถึงเนื้อถึงตัวกันจนเป็นเรื่องปกติ ใครไม่รู้คงคิดว่าสนิทกันมานาน แต่ความจริงคือ เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่ถึงสองเดือน หลังจากที่ตองย้ายมาเรียนที่นี่

บางทีอาจเรียกว่าหนีมา หนีความรู้สึกของเพื่อนที่สนิทที่สุดมา ไม่อยากให้เรื่องบางอย่างดำเนินต่อไป แต่ก็ไม่กล้าทำลายลงไปซึ่งๆ หน้า

หนีมาอยู่ที่นี่ และคิดจะเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ทั้งหมด ปิ๊กมีแฟนแล้ว ถึงจะเล่นกันขนาดไหน ถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดไหน แต่ความเป็นจริงที่ว่าปิ๊กมีแฟนแล้ว และอยู่กับแฟนก็เป็นเรื่องจริง เพียงเท่านี้ก็ทำให้มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าจะไม่มีอะไรเกินเลยจากความสนิทสนมของเรา

ยิ่งสนิทกัน
ยิ่งใกล้ชิดกัน ยิ่งแตะต้องกันมากเท่าไหร่ ยิ่งห่างไกลคำว่าหวั่นไหวมากเท่านั้น เพราะเมื่อยิ่งสัมผัสกัน ความเคยชินก็จะเพิ่มมากขึ้น

ตองรู้ว่าปิ๊กไม่คิดอะไร และตองก็ไม่เคยคิดอะไรกับปิ๊กไปในทางอื่นเช่นกัน

ไม่หวั่นไหวและไม่มีความคิดไปในเชิงชู้สาว ปิ๊กเองก็ไม่รู้สึกอะไรด้วย

ตองหน้าเหมือนแฟนคนแรก แต่ถึงเหมือนมากแค่ไหน ก็เป็นผู้ชาย ปิ๊กไม่คิดจะไปฝักใฝ่ทางนั้น

ไม่คิด

ไม่เคยมีสักวันที่คิด

เรื่องพฤติกรรมการชอบแตะต้องสัมผัส เพื่อน ๆ รับรู้หมดแต่มาเป็นหนักกับตอง เพราะบางทีก็ยอมรับว่าตองมันน่าฟัดไม่น้อย

“แขนแม่งอย่างแน่น”

แตะมือไปที่ต้นแขนของตองและขยำเล่นอย่างมันส์มือ และคนที่กำลังลอกการบ้านก็ขมวดคิ้วมุ่น

“อย่าเพิ่งเล่นดิ ลอกยังไม่เสร็จ”

เหลืออีกกี่แผ่นล่ะ

“มาช่วย เดี๋ยวเขียนองศากับตัวเลขให้”

ดึงกระดาษสองสามแผ่นที่วางทับกันออกมา และลากโต๊ะอีกตัวมาอยู่ใกล้ ๆ

ใช้ปากกาเขียนข้อมูลบางอย่างลงไปให้ชัดเจน ช่วยกันทำงานจนเพื่อน ๆ ในห้องต้องมอง

“พวกมึงเอากันแล้วจริง ๆ ใช่ป่ะ”

บ้าน่า คิดได้ไง

ปิ๊กส่ายหน้าและหัวเราะเสียงเบาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าคนที่ยังขมวดคิ้วมุ่นและไม่สนใจที่ถูกเพื่อนล้อ

“เป็นเมียปิ๊กนะ”

กระพริบตาถี่ ๆ และส่งยิ้มหวานจ๋อยให้คนที่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง

ตองไม่สนใจสิ่งที่ปิ๊กพูด แต่คำพูดง่าย ๆ ของปิ๊กก็เรียกเสียงฮือฮาของเพื่อนทั้งห้องได้

“นั่นไง พวกกูว่าแล้ว พวกมึงใช่แน่”

เสียงโห่ฮาดังไปทั้งห้อง แต่ตองก็ยังขมวดคิ้วมุ่น ไม่คิดจะสนใจไยดีคนที่ช่วยงานไปเล่นไปเลยสักนิด

“น่าอัดเสียงส่งให้เจ๊มิ้นฟังเนอะ เดี๋ยววันหลังจะดัดเสียงเป็นผู้หญิง คอขาดแน่มึงไอ้ปิ๊ก”

ตองส่ายหน้าและก้มหน้าก้มตาลอกงานให้เสร็จและเพียงเท่านั้นก็ทำให้เพื่อนทั้งห้องถึงกับขำออกมา

“กูว่าแล้ว ไอ้ปิ๊กมันมาหาเศษหาเลยกับไอ้ตอง เพราะมันหาสาวไม่ได้ เดี๋ยวเจ๊มิ๊นแม่มันฆ่าตายนี่เอง เวรกรรมของมึงจริงจริ๊งไอ้ปิ๊ก เมียดุยิ่งกว่าหมา”

อย่ายุ่งกับเมียกู คนนั้นกูเอาไว้บนหิ้ง

“พวกมึงอย่าพูด เดี๋ยวแม่งโทรมา กูหลอนจะตายห่าแล้วเนี่ย”

พูดไปหัวเราะไป และตองก็หัวเราะตามไปด้วย เงยหน้ามองคนที่ทำหน้าแหยแล้วก็ส่ายหน้า

“รีบ ๆ ทำเลยนะ ถ้ากูไม่มีงานส่ง กูจะโทรฟ้องเจ๊มิ๊น ว่ามึงไปเหล่สาวพาณิชย์อีกแล้ว”

ไอ้ตอง ขอร้องอย่าแตะของสูง มึงก็รู้ว่ากูกลัว และเกรงใจมิ้นมากขนาดไหน ก็เอามาข่มกูได้ลงคอเนอะ

“ตองใจร้ายทำร้ายจิตใจผัวได้ลงคอ”

อย่าทำเป็นมีน้ำตา ทั้งที่หน้ายังยิ้มระรื่น

“งั้นจะบอกเจ๊มิ๊นให้ ว่าวันนี้ปิ๊กเป็นคนดี ช่วยตองทำงาน”

แบบนี้ค่อยคุยกันได้ยาวหน่อย

“ทูนหัวของผัว ผัวรักเมียจริง ๆ”

ปิ๊กพูดแบบนั้นก็จริง แต่ก็เป็นคำพูดล้อเล่นขำขันเหมือนทุกวัน เพื่อนในห้องยังคงโห่ร้องและขำกับคนสองคนที่ล้อเล่นกันเป็นประจำและสร้างเสียงหัวเราะให้กับเพื่อน ๆ เสมอ

ถ้าไม่มีปิ๊กกับตอง ห้องคงเงียบสนิท ไร้สีสันน่าดู

Fin.

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
ปล.ด้วยรักและคิดถึง#ภาคพิเศษ สุดท้ายของการรอ (จบแล้วจริง ๆ)

ไม่รู้จะเรียกสิ่งนี้ว่าอะไร จะให้นิยามก็คงทำไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะนิยามยังไงดี ก็อย่างที่เห็น อย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้

“ค้างมั้ยวะกัส”

มันมาถึงมันก็มาถอดรองเท้าทิ้งเอาไว้ แล้วก็นอนหลับเป็นตายเหมือนทุกที

กี่ครั้งแล้วที่เป็นแบบนี้ กี่ครั้งแล้วที่คนรอก็รอ คนให้รอมันนึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป นี่มันกี่ครั้งแล้วที่ต้องหงุดหงิดโมโหอยู่คนเดียว แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจาก “รอ”

หยกแตะฝ่ามือเบา ๆ ไปที่เส้นผมของคนที่นอนหลับอยู่และหยกก็รู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มรู้สึกตัวตื่นมาพักใหญ่แล้ว แต่มันแค่ไม่ยอมลุกไปไหนแค่นั้น

เหนื่อยมาอีกแล้ว มันไม่เคยเล่า ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หยกรู้หมดทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

เรื่องทุกอย่าง หยกรู้หมด แต่ไม่เคยพูด ได้แต่เก็บเงียบเอาไว้ และรอคอยวันที่กัสจะพูดมันออกมาเอง แต่หยกไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่

“ค้างเหอะวะ ดึกแล้ว นอนนี่แหละได้มั้ยวะ”

มันคือการออดอ้อน ขอร้อง และอยากให้เป็นไปอย่างใจ แต่ก็เตรียมความผิดหวังเอาไว้ เพราะหลายครั้งที่แม้จะหวังแต่ก็ได้แค่หวัง เพราะบ่อยครั้งที่ต้องพบเจอกับความผิดหวัง จนหยกเกือบจะชิน

“ไม่ค้าง อือออออออออ”

คนเพิ่งตื่น ซบหน้าอยู่กับหมอน และรีบปัดมือหยกออกห่าง

ไม่ใช่ไม่ชอบที่หยกทำแบบนี้
ไม่ใช่ไม่ชอบที่หยกใส่ใจแบบนี้
ไม่ใช่ไม่ชอบที่หยกแสดงความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยแบบนี้
ไม่ใช่ไม่ชอบที่ได้รับสัมผัสแผ่วเบาแบบนี้

แค่กลัว....... กลัวว่าจะยึดติดความรู้สึกแบบนี้เอาไว้กับตัว และกลัวว่าวันหนึ่งถ้าไม่มี คงจะเจ็บปวดทุรนทุราย

กลัวว่าตัวเองจะชิน ที่หยกแสดงความใส่ใจห่วงใย......

ไม่ใช่ไม่อยากค้าง แต่ที่คิดเอาไว้ตั้งแต่แรกคือ แค่มาขอนอนเท่านั้น แค่พอให้ตื่นมาแล้วมีแรงก็จะไป

สิ่งที่กัสรู้

หยกกำลังอ่านหนังสือสอบ เป็นช่วงการเตรียมสอบที่หยกต้องอ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำ อ่านหนังสืออย่างหนักหนาสาหัส

รู้ดี

และกลัวว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายสร้างความยุ่งยากวุ่นวายให้กับหยกเลยตัดปัญหาด้วยการไปเสียดีกว่า

โดยไม่ทันคิด
สำหรับหยก.......อยากจะให้กัสรบกวนแทบตาย แต่ก็ต้องทำใจเพราะรู้อยู่แล้ว ว่าการบังคับฝืนใจให้อีกฝ่ายทำตามใจตัวเองเป็นเรื่องยากยิ่งกว่ายาก

“เวลาที่มึงไม่นอนที่นี่ มึงไปอยู่ที่ไหนวะกัส มึงไม่รู้บ้างเหรอว่าพี่เป็นห่วง”

อย่าห่วงใย
อย่าใส่ใจ
แม้อยากได้มากแค่ไหน แต่ขอร้องเถอะ อย่าทำแบบนี้เลย อย่าทำ อย่าแสดงความห่วงใยมากมายขนาดนี้ได้มั้ย

มันยิ่งทำให้อึดอัดจนจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว

“เรื่องของกู”

การตอบกลับที่ทำให้คนฟังถึงกับชะงักนิ่งค้าง

กัสหันหน้าหนีไปอีกทางและหลับตาแน่น ทำเหมือนไม่ใส่ใจ ทำเหมือนไม่สนใจ แต่รับรู้และได้ยินเสียงถอนหายใจยาว ๆ ของหยก เสียงถอนหายใจมันทำให้คนได้ยินสะท้อนใจ แต่ที่ทำได้ก็มีเพียงแค่นี้ ทั้งที่อยากได้ แต่ก็กลัวการได้รับ

หยกลุกขึ้นจากเตียงแล้ว และกัสก็ปรือตาตื่นขึ้น

ไม่รู้ว่าระหว่างเราเรียกว่าอะไร ความสัมพันธ์แปลก ๆ ที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ นี้เรียกว่าอะไร กัสไม่รู้ ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น และกระพริบตาอยู่อย่างนั้นก่อนจะค่อย ๆ หันกลับไปมองว่าหยกลุกขึ้นไปไหน

และในเวลานี้ หยกยืนอยู่นอกระเบียง ยืนนิ่ง ๆ อยู่นอกระเบียง และใช้แขนท้าวไปที่ขอบระเบียง

ยืนมองแสงไฟระยิบระยับที่มองเห็นได้จากนอกระเบียง สายลมเย็น ๆ ที่พัดแผ่ว ช่วยคลายความรู้สึกอึดอัดกดดันได้บ้าง หยกไม่ได้อยากมายืนอยู่นอกระเบียงเพื่อชื่นชมทิวทัศน์ในยามค่ำคืน

แต่แค่อยากให้ตัวเองหายใจได้สะดวกขึ้น

แค่อยากมีพื้นที่หายใจได้สะดวก เพราะบางทีการอยู่ในพื้นที่แคบ ๆ ภายในห้องด้วยกันสองคนมันอาจเป็นการแย่งอากาศหายใจของไอ้กัสมากเกินไป

สายตามองเหม่อไปเรื่อย ถามตัวเองหลายครั้งว่าเป็นอะไร ทำไมถึงได้ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้อยู่ทุกวัน
ไม่รู้ว่าต้องรอไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ เพื่อรอเวลาให้ไอ้กัสมันมาหา

กูมีสิทธิ์เลือกได้ตั้งเยอะแยะหลายทาง ทำไมต้องปักใจอยู่ที่มึงคนเดียวด้วยวะ

ไอ้เด็กเหี้ยที่ไม่รู้ว่ามันจะมาเมื่อไหร่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเห็นที่นี่เป็นอะไร มันคิดอะไรอยู่ก็ไม่เคยรู้

มึงปั่นหัวกูให้บ้าไปเลยมั้ยไอ้กัส

กูทั้งโง่ทั้งบ้าก็เพราะมึงคนเดียว

ใคร ๆ อาจมองเห็นว่ากูเป็นคนที่พึ่งพาได้ เป็นพี่ที่ดีของรุ่นน้อง เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ และยังถูกคาดหวังว่าจะเป็นแฟนที่ดีของใคร ๆ ด้วยซ้ำ

แต่จะมีใครรู้ กูเป็นแค่คนธรรมดา ที่ใช้ชีวิตให้ถึงวันพรุ่งนี้ กูแค่พยายามทำให้ทุกวันเป็นวันที่ดีที่สุดเท่านั้น
กูไม่ใช่คนดีมาจากไหน เป็นคนที่มีอดีตผิดพลาดโดยที่พ่อแม่ยังไม่เคยรู้ว่ากูเคยทำอะไรมาบ้าง

กูมันก็แค่นี้

แค่คนธรรมดา ไม่ได้ดีกว่าใคร ๆ คนธรรมดา ที่ทั้งบ้าทั้งโง่ รักมึงให้ตาย มึงก็ไม่เคยจะรับรู้หรือคิดจะใส่ใจความรู้สึกของกูเลยด้วยซ้ำ

“เหี้ยหยกมึงมันโง่”

ได้แต่ด่าตัวเอง กร่นด่าตัวเองออกมาเสียงเบา และถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง
ก้มหน้าลงอย่างช้า ๆ และแค่นยิ้มกับตัวเอง ก่อนจะมองเหม่อไปที่แสงไฟในความมืดที่เมื่อมองแล้วก็เริ่มรู้สึกผ่อนคลายลงได้บ้าง

ผ่อนคลายจากความกดดัน เพราะเรื่องโง่ ๆ ที่กำลังทำอยู่

กูอยากรู้.............. กูรอเหี้ยอะไรอยู่กันแน่วะ ไอ้โง่หยกเอ้ยยยยยยยยยย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ aa_mm

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-2
มีคนมายืนอยู่ข้าง ๆ

คน ๆ นั้นไม่ใช่ใคร

มีอยู่แค่.........คนเดียว ไอ้กัส......
มันมายืนอยู่ข้าง ๆ นานแล้ว มายืนอยู่ด้วยพักใหญ่ โดยที่ไม่พูดอะไรเลย

มันยืนนิ่ง และหยกก็ยืนเงียบ ต่างคนต่างเงียบ เหมือนไม่รู้จะพูดอะไรกันดี ไม่รู้จะคุยอะไร ไม่รู้จะพูดอะไร อยู่ในความเงียบงัน ที่แสนน่าอึดอัด

หยกยืนเหม่ออยู่อย่างนั้น และมีบางครั้งที่ใช้หางตาเหลือบไปมองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไอ้กัสมันยืนมองทิวทัศน์ในยามค่ำคืนแบบที่หยกทำ

เพียงแต่มันไม่พูด และหยกก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร

ในเวลาไม่นาน จากความเงียบงันกดดัน กลายเป็นเริ่มผ่อนคลายอย่างช้า ๆ
หัวคิ้วของหยกที่เคยขมวดมุ่น ในเวลานี้คลายออกแล้ว และก็เลยหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ให้เต็มตา

มองนิ่ง ๆ และคนที่ยืนนิ่ง ๆ ให้มองก็ไม่ได้ขยับหนีหายไปไหน มันรู้ว่าถูกมอง แต่มันไม่ยอมหันมามองกันบ้างเลย

ทำแบบนี้ทำไมวะ มึงทำแบบนี้ทำไมวะกัส พี่อยากจะรู้

“มองไปบนฟ้าซิ.....รู้มั้ยว่าดาวเหนืออยู่ตรงไหน”

ดาวเหนือเหรอ ดาวเหนือ........ มองตามแต่ไม่รู้จริง ๆ ว่าดาวเหนืออยู่ตรงไหน

“รู้มั้ยว่าไหนดาวเหนือ”

ไม่รู้หรอก

กัสได้แต่ส่ายหน้า และนึกสงสัยอยู่ในใจ ดาวเหนือเหรอ เคยได้ยินแต่ชื่อ แล้วมันอยู่ตรงไหนวะ

“ไหนดาวเหนือ”

อยากรู้ และก็มองตามนิ้วของหยกที่ชี้ไปบนท้องฟ้า

“โน่นไง ที่สว่างกว่าดาวดวงอื่น ๆ”

ไม่เห็นจะสว่างเลยวะ มันก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ

“ไหนวะ ไม่เห็นเลย”

ยิ่งมองก็ยิ่งงง ยิ่งงง ก็ยิ่งสับสน ขมวดคิ้วมุ่นและก็พยายามจะมองให้ชัด ๆ ว่าดาวเหนือที่ว่า มันคือดาวดวงไหนกันแน่

“มองตามนิ้วสิวะ โน่นเลย ดวงนั้น ที่มันกระพริบได้นั่นไงล่ะ”

กูก็เห็นว่าแม่งกระพริบได้ทุกดวงนั่นแหละ หยกทำไมชี้ไม่เห็นรู้เรื่องเลยวะ

“ไหน”

อยากรู้อยากเห็น และชะเง้อชะแง้มองตาม เหมือนกับว่าถ้าชะเง้ออีกนิด จะเห็นดาวเหนือได้ชัดขึ้น ทั้งที่ท้องฟ้ามันก็เห็นได้กว้างขนาดนี้ แต่กัสก็ยังจะชะเง้อมองตามนิ้วของหยกอยู่ดี

มองด้วยความสนใจ มองด้วยความอยากรู้ พยายามจะมอง........โดยที่หยกไม่รู้ว่าการพยายามทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้น.....เพราะกัสอยากเอาใจ

การง้อทำแบบไหนไม่รู้ แต่กัสก็พยายามในแบบที่ตัวเองพอจะทำได้

“ไหนวะหยก....ตกลงมันดาวดวงไหน”

สนใจในเรื่องที่หยกอยากให้สนใจ มองในสิ่งที่หยกอยากให้มอง อยากเห็นในสิ่งที่หยกอยากให้เห็น

และสิ่งที่กัสทำอยู่ก็ทำให้คนที่ถามตัวเองว่ารออะไรอยู่กันแน่ ลืมเลือนคำถามนั้นไปจนหมดสิ้น

และเมื่อสายตาหันมามองที่ใบหน้าของคนที่กำลังชะเง้อคอมองหาดาวเหนือตามที่หยกบอก โดยไม่รู้ตัว หยกก็ยื่นหน้าเข้าไปหา และใช้ปลายจมูกกดลงหนัก ๆ ที่ข้างแก้มของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายในใจทั้งหมด

คิดถึงมึงจะตายห่าแล้วไอ้กัส

ทำไมไม่สำนึกบ้าง ว่าทำให้ทางนี้คิดถึงแทบจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว เมื่อไหร่มึงจะสำนึกได้ซะทีวะ
ว่าเวลาที่ต้องรอมึง พี่กำลังจะเป็นบ้าตาย

มันคือความรู้สึกที่หยกอยากจะพูดออกไปแต่ก็ทำไม่ได้เพราะอีกฝ่ายไม่พยายามจะรับรู้
ผละออกห่าง และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

...........พยายาม.....ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น.......

ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ดีว่ามีอะไรเกิดขึ้น

รู้ดี....

และหยกก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ท้องฟ้าอีกครั้ง

“นั่นไง เห็นยัง ดาวดวงนั้นไง”

ไม่ยากที่จะมองว่าดาวดวงไหนคือดาวเหนือ กัสรู้ตั้งนานแล้ว แต่ที่ทำเหมือนไม่รู้อยู่นาน ก็เพราะอยากให้หยกหายโกรธ

อยากให้หยกสบายใจขึ้น และหยกก็สบายใจขึ้นแล้วจริงๆ

“อือ”

ตอบกลับสั้น ๆ เพื่อเป็นการบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าเห็นแล้ว และรู้แล้วว่าดาวดวงไหนคือดาวเหนือ

และก็เตรียมจะก้าวขากลับเข้าห้องไป แต่คนที่เงยหน้ามองท้องฟ้าในเวลานี้รีบหันกลับมามองหน้าของกัสอีกครั้ง

สายตาที่มองมาเหมือนอยากอ้อนวอน การอ้อนวอนที่กัสก็รู้.....ว่าสิ่งที่หยกอยากได้ที่สุดในเวลานี้คืออะไร

“ไม่อยากรู้เรื่องดาวดวงอื่น ๆ บ้างเหรอ”

มันคือการอ้อนวอนร้องขอให้อยู่ต่ออีกนิด อยู่ด้วยกัน.......ให้ยาวนานขึ้นอีกนิด

“อยากรู้หน่อยได้มั้ย”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มแผ่วเบาที่เอ่ยถาม มันทำให้คนฟังได้แต่ก้มหน้าลงและนิ่งงันเหมือนกำลังตัดสินใจบางอย่าง

“ไม่”

ตอบกลับสั้น ๆ และจะเดินหนีเข้าห้อง แต่คนที่อ้อนวอนให้อยู่ด้วยกันอีกนาน ๆ ก็รั้งข้อมือของกัสเอาไว้

ไม่ให้ไป

ไม่ให้เดินหนีไปไหน

“อยากรู้หน่อยได้มั้ย อยากรู้เถอะนะ”

ไม่ได้อยากรู้ แต่ก็ทำได้แค่เงียบ และเงยหน้ามองหน้าของหยกที่มองตรงมา

“นะ”

ไม่ใช่แค่มอง แต่เป็นฝ่ามืออุ่น ๆ ที่แตะเบา ๆ ที่ข้างแก้มของกัส ต่างฝ่ายต่างจมอยู่ในความเงียบ หยกรั้งร่างคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าให้เข้ามาในอ้อมแขนและกอดเอาไว้ทั้งตัว

กอดและกดปลายจมูกลงที่เส้นผมนิ่มหลายครั้ง จูบเบา ๆ ที่ข้างแก้มของคนที่ยืนนิ่งให้กอดได้และก็พร่ำพูดคำพูดบางอย่างออกมา

“กัส......มึงจะตอบว่าได้ซักหน่อยมันจะตายหรือไงวะ หือออ”

ไม่ได้ตายหรอก แต่แค่ไม่รู้จะตอบมันออกไปยังไงเท่านั้น

ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะตอบออกไปยังไง เลยเลือกที่จะปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ไอ้กัสนะไอ้กัส ไอ้เด็กเหี้ยเอ้ยย มึงจะตอบให้พี่ชื่นใจบ้างไม่ได้เลยหรือไง ว่าอยากอยู่กับพี่ มึงจะตั้งแง่ไปถึงไหนวะ”

แม้จะเป็นคำพูดที่คล้ายกับการบ่น แต่หยกไม่รู้ว่าทำไมในเวลานี้ถึงยิ้มออกมาได้

ยิ้มกว้าง ยิ้มอย่างมีความสุข มีความสุขที่สุด แม้ว่าต้องรอไปอีกนานแค่ไหน ก็รู้ว่าจะรอได้

รอได้เสมอ ไม่ว่านานแค่ไหน ก็ยังรอคอยได้เสมอ

“รู้มั้ยว่าไหนดาวเหนือ”

รู้ แต่ไม่แน่ใจว่าดาวดวงไหนเรียกว่าดาวเหนือ

“ไหน”

มองไปที่ท้องฟ้า และก็เห็นแสงระยิบระยับที่อยู่บนท้องฟ้า

“ไหนดาวเหนือ นั่นดาวเหนือมั้ย”

กัสชี้นิ้วไปที่กลุ่มดาวที่เรียงกันหลายดวง และหยกก็หัวเราะออกมาเสียงเบา

“นั่นดาวลูกไก่ ใช่ดาวเหนือที่ไหนล่ะ”

ไม่ใช่เหรอ แล้วไหนดาวเหนือ

“พี่หยก”

ครับ

หันหน้ามามองตามเสียงเรียก และก็เห็นว่าไอ้ตัวเล็กที่ยืนข้าง ๆ มาซบหัวลงที่ไหล่ของหยก และขมวดคิ้วมุ่น

“ไหนดาวเหนือ”

ไม่รู้สิ

ไหนกันล่ะ ดาวเหนืออยู่ไหน

“กัส”

เรียกให้คนที่ซบอยู่ที่ไหล่มองตามไปที่นิ้วที่กำลังชี้ไปที่ดาวเหนือ และกัสก็ยิ้มออกมาเมื่อมองตามนิ้วที่หยกชี้

“ดวงนั้นดาวเหนือใช่มั้ย”

ใช่

นั่นแหละดาวเหนือ

“เก่งจริงวะ”

เป็นคำชมที่กัสได้แต่หัวเราะชอบใจกับสิ่งที่หยกชม และหยกก็ยิ้มกว้างขึ้น ยกแขนโอบไหล่คนที่มายืนอยู่ข้าง ๆ
ให้เข้ามาใกล้อีกนิดจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นของกันและกันในเวลานี้

ครั้งหนึ่งหยกเคยเอาแต่ครุ่นคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่

เคยถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่า “รอ” อะไร และวันนี้หยกได้รู้แล้ว ว่าสิ่งที่รอก็มีแค่นี้

แค่ทำให้วันนี้ดีที่สุด รอทำให้วันนี้ดีที่สุดกว่าทุก ๆ วันอย่างที่จะสามารถทำเพื่อใครสักคนได้

รอเพื่อจะได้รู้ ว่าในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

วันที่การเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้ฟังไม่ใช่สิ่งจำเป็นอีกต่อไป เพราะเราได้ใช้เวลาร่วมกันและรู้ทุกสิ่งทุกอย่างของกันและกันพร้อมกันแล้ว

หยกเพิ่งรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองรอ ก็รอเพื่อให้ถึงวันนี้

รอวันที่เราจะได้เป็นส่วนหนึ่งของกันและกันโดยที่คำพูดไม่ใช่สิ่งสำคัญอะไรอีกต่อไป

END.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2014 17:05:11 โดย aa_mm »

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1310
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
 :hao5:เข้าสู่โหมดความสุขแล้วใช่ไหม?

คนอ่านปลื้มปริ่มอื่มเอมมาก

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
แปะไว้ก่อนเดี๋ยวมาอ่านค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ newyniniw

  • kiki >_<
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
กัสหยก อบอุ่น

นิวโจ้ น่ารัก

ขอบคุณค่า จะรอพี่ฟ้ากับน้องเป็ดนัทนะ
 :pig4:

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1510
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
น่ารักมากๆๆ ทั้งสองคู่เล้ยย  :-[ :impress2:

ออฟไลน์ Yร้าย

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
กัสน่ารัก ยังไม่อยากให้คู่นี้จบเลย
ขอต่ออีกซัก 4-5-6-7-8 โอ๊ยยยย!!!!....
ต่อไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆได้ม๊าาาาาา..... :mew1: :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ในที่สุดการรอคอยอย่างอดทนก็ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าและหอมหวาน

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
รักกัสหยกมากมาย ในที่สุดก้อได้เจอ

นิวโจ้ น่ารักจริงๆคู่นี้ อ่านไปยิ้มไป

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
กว่าจะมีวันนี้...รักและเข้าใจกัน

สิ้นสุดการรอคอยความรักจากกัส...ของหยก


สมหวัง...มีความสุข :กอด1: :katai2-1:

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17

ออฟไลน์ CanonDNattari

  • ☆.•:*´เชื่อในสิ่งที่เห็นและต้องการให้เป็น ¨`*:•☆
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 701
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
ชอบตัวละครของคุณเท็น ทุกตัวมากเลยค่ะ ดูมีมิติ ตัวละครน่ารัก มากค่ะ



เคย เม้นท์ไปแล้ว งง ว่าเม้นท์เราหายไปไหน t_t

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
จบแบบมีความสุข
ดีใจกับหยก กัส ด้วยนะ
เรื่องร้ายๆผ่านไปสักที

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4

ออฟไลน์ Lonelyนู๋โรนลี่

  • ฉุด กระชาก ลากถู พาเข้า.....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-2
น่ารักเวอร์ นิวโจ้ก็กุ๊กกิ๊กกันต่อไป
หยกกัสก็รักแบบใช้สายตาและการกระทำคุยกัน คำพูดไม่ต้องมากแต่เข้าใจกัน โอยยย มดกัด -..-
รอน้องเป็ดอยู่ว่าจะมาเมื่อไหร่ ขอให้เขียนออกมาเร็ววันนะจ้าาาา

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :mew1:มีความสุขจบแบบแฮปปี้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด