แล้วก็เป็นความโชคดีของพี่ทองที่ไม่มีกระดูกซี่ไหนหัก แต่ก็ยังต้องใส่ที่ยึดหลังไว้ แถมท้ายด้วยยามากินอีก ทำเอาเจ้าตัวบ่นเป็นหมีกินผึ้ง
“เดซี่นะเดซี่ ทำพ่อได้ลงคอ”
‘เดซี่คงไม่ได้ตั้งใจหรอก’
“ถ้าตั้งใจกระดูกสันหลังกูไม่หักเลยเหรอ ไม่รู้เว้ย ต่อไปมึงพามันไปเดินเล่นเลย กูไม่ไปเด็ดขาด”
ครับ ก็เดี้ยงขนาดนี้คงไปไม่ไหวนั่นแหละ แล้วทำไมพี่พูดเหมือนกับว่าเดซี่เป็นวัวของผมล่ะครับ พี่เป็นพ่อมันไม่ใช่หรือไง -*-
“ชงโค พูดไม่ได้เหรอ” พี่หมอโปรดที่เข็นรถเข็นให้พี่ทองหันมาถามผม
“เกี่ยวไรกับมึง”
“กูถามน้อง ไม่ได้ถามมึง หุบปาก”
“ชงโคไม่ต้องตอบมัน ไอ้นี่มันนิสัยไม่ดีหรอก ไม่ต้องไปคุยด้วย”
“กูผลักรถเข็นลงเนินดีไหม มึงจะได้นอนโรงพยาบาลสมใจ”
“สมใจอะไร กูเกลียดโรงพยาบาล”
“เกลียดโรงพยาบาลแต่เสือกเรียนสัตวแพทย์นี่นะไอ้ห่า”
=_=; พี่ทองน่ะเหรอเรียนสัตวแพทย์ ตลอดเวลาที่ผมคิดว่าเขาโง่นี่...ผมคิดไปเองเหรอครับ...
“มันเป็นอุดมการณ์เว้ย”
“อุดมการณ์กับความชอบของมึงนี่ขัดแย้งกันจริงๆ เอาเถอะ จบมามึงก็ต้องขายทองอยู่ดี จะเรียนอะไรก็ไม่สำคัญ”
“ปากมึงไม่เคยสร้างสรรค์ไอ้เหี้ยโปรด กูเรียนจบแล้วจะตระเวนรักษาสัตว์ทั่วโลกเว้ย”
“เพ้อเจ้อ”
“มันคืออุดมการณ์ไม่ใช่ความเพ้อเจ้อ -*-”
“เอาเถอะๆ กลับไปได้ละ แล้วก็อย่าหาเรื่องมาโรงพยาบาลอีกล่ะ คิดถึงกูก็โทรมานัดไปแดกเหล้าได้ ไม่ต้องลงทุนให้วัวขวิดแล้วถ่อมาถึงนี่หรอก เอาล่ะ ไปซะ ชงโค ดูแลมันด้วยละกัน มันอาจจะบ้าไปหน่อย แต่ก็นิสัยไม่ดีด้วยนะ”
อะไรคืออาจจะบ้าไปหน่อย แล้วถูกคั่นด้วยคำว่าแต่ ตามด้วยนิสัยไม่ดี สรุปคือพี่ทองมีดีอะไรสักข้อไหม
“ไอ้... @!%$#%^^&$%^#$%#@”
พี่หมอโปรดเดินมาส่งที่รถก่อนจะขอตัวกลับบ้าน เห็นบอกว่าที่จริงเขาออกเวรนานแล้ว แต่เพราะพี่ทองโทรหาเลยต้องอยู่รอดูน้ำหน้า เอ่อ...พี่เขาบอกอย่างนี้อ่ะครับ ผมช่วยพี่ทองขึ้นนั่งบนรถก่อนจะวิ่งกลับมาด้านคนขับแล้วขับตามออดี้สีดำของพี่หมอโปรดที่เพิ่งเลี้ยวออกจากโรงพยาบาลไป
“หล่อ รวย รถก็หรู ชอบใช่ไหม ถึงมองตามขนาดนั้น จุ๊บแจงกูสู้ไม่ได้เลยล่ะสิ” เสียงของพี่ทองฟังดูหงุดหงิด แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจ ไม่ให้มองตามรถที่ขับอยู่บนถนนเบื้องหน้าแล้วจะให้มองข้างทางเหรอ บ้าหรือเปล่า -*-
ผมรู้ว่าพี่ทองคงหงุดหงิดด้วยเรื่องอะไรสักอย่าง อาจจะเพราะปวดหลังด้วย เลยยิ่งทำให้อารมณ์เขาติดลบ เขานั่งเงียบจนเรามาถึงบ้าน ผมรีบลงจากรถเพื่อไปช่วยพยุงเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังหน้าบึ้งอยู่ดี
‘พี่ต้องนอนพักนะ เดี๋ยวผมไปหาของว่างมาให้กิน’
“ยังไม่ต้องไป”
‘ทำไมเหรอ’
“ตอบมาก่อนสิ ที่ถามไปว่าชอบไหมน่ะ ตอบมาก่อน”
‘ชอบอะไร?’
พี่ทองทำหน้าหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก ผมเลยนั่งลงข้างๆ แล้วจับมือเขามากุมไว้ อ่า...ทั้งๆ ที่มือก็ไม่ได้ร้อนสักหน่อย ทำไมถึงเป็นคนใจร้อนอย่างนี้
“กูเป็นแค่คนเลี้ยงวัวนะ...ชีวิตมึงจะไม่สุขสบายหรอกถ้ามาชอบคนอย่างกู”
‘ใครบอกว่าผมชอบพี่’
พี่ทองสตั้นไปหลายวินาที คิ้วขมวดกันยุ่งจนผมต้องใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งคลายออกให้
‘ผมไม่เคยบอกสักหน่อยไม่ใช่เหรอ พี่คิดไปเอง’
ผมยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของพี่ทอง
“แล้วที่บอกว่าจะรอ...”
‘แล้วพี่ให้ผมรออะไร? ไม่ชัดเจนสักอย่าง แล้วจะให้รอเหรอ?’
ผมยังคงยิ้ม ในขณะที่ใบหน้าของพี่ทองเริ่มไร้สีเลือด
“กูอยากอยู่คนเดียว...”
‘แต่ผมอยากอยู่ด้วย’
พี่ทองหน้าบึ้งขึ้นมาทันที ก่อนจะขยับออกห่างจากผม แต่เพราะเขายังคงเจ็บก็เลยร้องโอดครวญขึ้นมา เป็นไงล่ะ ซ่าดีนัก
“หัวเราะอะไร สนุกมากไง”
‘มาก’
“ชงโค!”
‘แก่แล้วนะ อารมณ์เสียมากๆ ความดันขึ้นไม่รู้ด้วย’
“กวนตีน มึงนี่มัน...”
ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะจับนิ้วที่ชี้หน้าผมไว้ แล้วลุกขึ้น ก่อนจะก้มลงไปจูบที่หน้าผากของพี่ทองเบาๆ เขาหยุดโวยวายในทันที ก่อนจะมองผมด้วยสีหน้ามึนๆ
‘ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าชอบ หลงตัวเองว่ะ’
ผมยิ้มให้พี่ทองอีกครั้ง ก่อนจะจูบปิดปากที่กำลังจะเผยอขึ้นเพื่อพูดอะไรสักอย่าง พี่ทองจ้องตาผมไม่ลดละ แผ่นหลังของเขาแนบไปกับพนักโซฟาในขณะที่ผมนั่งคร่อมอยู่บนตัก แต่เพราะขยับมากไป เขาถึงได้ส่งเสียงโอดโอยออกมาเบาๆ
“เด็กบ้า หลังยังเจ็บอยู่”
‘^^ หายหงุดหงิดแล้วนะ’
“นี่ง้อเหรอ”
ผมพยักหน้า ก่อนจะเอนตัวไปแนบชิดแล้วเกยคางไว้บนไหล่ของเขา
“ทำอย่างนี้...ไม่ชอบแล้วให้คิดว่าไง”
ผมส่ายหน้า ก่อนจะเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของตัวเองผ่านกระจกของตู้โชว์ที่ตั้งอยู่ข้างหลัง
“อ่อยว่ะ หลังหายเจ็บเดี๋ยวโดน”
ผมผละออกมามองหน้าพี่ทองทันที
‘โดนไร’
“ไม่บอก”
‘-*- ผมจะไม่มีอะไรกับใครนอกจากแฟนเท่านั้น พี่รู้ไว้ด้วย’
“โห คิดไปไกลว่ะ ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะทำอะไร หึหึ”
‘เห็นหน้าก็รู้ว่าคิดอะไร’
พี่ทองอมยิ้ม ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัวผม
“แล้วอยากเป็นแฟนไหม”
‘บอกเหตุผลของพี่ให้หมดก่อน ผมถึงจะบอกว่าอยากเป็นหรือไม่อยากเป็น’
“โอเค ไว้พร้อมแล้วจะบอกทุกอย่างเลย ไม่นานหรอกน่า อย่าทำหน้าบึ้งดิ ให้หายปวดหลังก่อน”
‘เกี่ยวไรกับปวดหลัง’
“ก็คิดว่าบอกแล้วคงได้ทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับเด็กแถวนี้ต่อ”
ผมตีอกของพี่ทองไปหนึ่งทีจนเขาร้องจ๊าก ก่อนจะยกมือยอมแพ้อย่างคนที่สู้ไม่ได้
“จะชวนเต้นแอโรบิก คิดไรมากเล่า”
=_=; ผมรู้หรอกว่าไม่ใช่เต้นแอโรบิก แต่ก็ขี้เกียจเถียงกับเขา
“นี่...อย่าเชื่อคนอื่นมากกว่าเฮียนะ เข้าใจไหมชงโค”
ผมมองพี่ทองอย่างสงสัย คนอื่นที่ว่าหมายถึงใคร หรือจะไม่มีอะไรสำคัญในประโยคนี้ แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้ารับ
“ดี เดี๋ยวยังไงเย็นนี้พาไปนั่งรถเล่น”
‘ให้หายดีก่อนเถอะ แล้วจุ๊บแจงน่ะ น้ำมันหมดเมื่อเช้าจนผมกับพี่ต้องช่วยกันเข็นมาที่บ้านไม่ใช่หรือไง’
“เออ จริง ลืมไปเลยอ่ะ มึงช่วยไปซื้อเบนซินมาใส่ให้หน่อยสิ”
‘สุดท้ายก็เป็นภาระผมทุกที’
“นี่เจอออดี้ของไอ้โปรดไปเมื่อกี้ ลืมจุ๊บแจงที่น่ารักของกูเลยเหรอ!”
‘ใช่ที่ไหนเล่า รถผมก็ออดี้ อย่ามามึน ผมไม่จำเป็นต้องไปชอบรถคนอื่นหรอก แต่ถ้าคนขับก็ไม่แน่’
“หมายความว่าไง ห้ะ! โอยยยย เจ็บๆๆ” นั่นไง เจ็บก็ไม่ยอมอยู่นิ่งๆ เลย
‘ล้อเล่นน่า ผมสนใจคนเลี้ยงวัวมากกว่า’
“เออ แล้วไป”
‘เพราะอย่างน้อย ถ้าวันไหนที่ไม่มีอะไรกินก็ฆ่าวัวกินหรือเอาไปขายได้ ไม่ลำบาก ^^’
“มึงจะลำบากเพราะคิดไม่ดีกับเดซี่สุดที่รักของกูนี่แหละ ลุกไปเลย หนัก ปวดหลังด้วย”
ฮ่าๆๆ ยังไงผมก็สู้เดซี่ไม่ได้จริงๆ ขนาดโดนขวิดโดนเหยียบขนาดนี้ พี่ทองยังไม่คิดเอาไปทำซุปเลยครับ เฮ้อ...จะมีวันที่เขารักผมได้มากเหมือนที่รักเดซี่ไหมนะ...
ตอบได้ไหม...คนเลี้ยงวัว ^^
....................................................To be continue.................................................
หายหน้าไปเกือบสองวัน เพราะติดภารกิจ
ใดๆ ในโลกล้วนแล้วแต่ดำเนินไปตามที่มันควรจะเป็น พี่ทองคนโง่หรือแกล้งโง่ บ้าหรือแกล้งบ้า ยังคงไม่มีอะไรมายืนยัน และชงโค น้องชอบจริงๆ หรือแค่หวั่นไหว อยู่ใกล้เลยไหลไปตามนั้น หรือจะเป็นรักที่แท้จริงก็ไม่มีใครบอกได้ ส่วนนิลกับคนอื่นๆ ยังเป็นตัวละครที่จะยังไม่ให้มีบทมากนัก เพราะฉะนั้นอย่าไปกังวลเลยค่ะ เรื่องนี้ตัวละครหลักมีแค่สองคน หนึ่งตัวและหนึ่งคัน ฮ่าๆๆๆๆๆๆ *ใช่ที่ไหนเล่า!*
ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ
